• “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’”

    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น

    แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก

    อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน

    คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People
    มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก
    แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา
    Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square
    คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม
    มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร
    แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้
    OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์
    Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน
    การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity
    การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    🗂️ “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’” Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ➡️ แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People ➡️ มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก ➡️ แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา ➡️ Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ➡️ มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร ➡️ แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้ ➡️ OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์ ➡️ Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน ➡️ การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity ➡️ การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft's new OneDrive app is leaked - will it be a useful addition to Windows 11, or just pointless bloat?
    The new OneDrive app looks slick, sure, but there are questions about the purpose of this potential addition to the OS
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • “Steam อัปเดตใหม่ รองรับจอย DualSense บน Linux ดีขึ้น — พร้อมอุดช่องโหว่ Unity และปรับปรุงหลายระบบเกม”

    Valve ปล่อยอัปเดต Steam Client เวอร์ชันเสถียรล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งมาพร้อมการปรับปรุงสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะการรองรับจอย DualSense ของ PlayStation บนระบบ Linux ที่เคยมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อแล้วเกิด crash เมื่อจอยอยู่ในสถานะ idle — ตอนนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์รองรับ dual gyros สำหรับ Joycons ของ Nintendo Switch เมื่อใช้งานในโหมด combined ซึ่งช่วยให้การควบคุมเกมมีความแม่นยำและลื่นไหลมากขึ้น โดยเฉพาะในเกมที่ใช้การเคลื่อนไหวเป็นหลัก

    อัปเดตนี้ยังเพิ่มความสามารถในการสลับแท็บในเบราว์เซอร์ภายใน Steam ด้วย CTRL+TAB, ปรับปรุงการแสดงผลแบบ High Contrast ในหน้าค้นหาเกม และเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอเกมที่ใช้ Vulkan rendering

    ที่สำคัญคือ Valve ได้เพิ่มการป้องกันช่องโหว่ CVE-2025-59489 ซึ่งเป็นช่องโหว่ใน Unity engine โดย Steam Client จะบล็อกการเปิดเกมทันทีหากตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการโจมตีผ่านช่องโหว่นี้

    ฝั่ง Windows ก็มีการเพิ่มระบบตรวจสอบ Secure Boot และ TPM ซึ่งจะแสดงในเมนู Help > System Information และถูกนำไปใช้ใน Steam Hardware Survey เพื่อวิเคราะห์ความปลอดภัยของระบบผู้ใช้

    Steam ยังแก้ไขปัญหาการสตรีมที่คลิกแล้วไม่ทำงาน, ปรับปรุง overlay ในเกมที่ใช้ D3D12 ให้ไม่ crash เมื่อเปิด/ปิดหลายส่วนอย่างรวดเร็ว และแก้ปัญหา SteamVR ที่ suppress การแจ้งเตือนหลังออกจากโหมด VR

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Steam Client อัปเดตใหม่รองรับจอย DualSense บน Linux ได้ดีขึ้น
    แก้ปัญหา crash เมื่อจอยอยู่ในสถานะ idle
    เพิ่มการรองรับ dual gyros สำหรับ Joycons ในโหมด combined
    ปรับปรุงการสลับแท็บในเบราว์เซอร์ด้วย CTRL+TAB
    ปรับปรุงการแสดงผล High Contrast ในหน้าค้นหาเกม
    เพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอเกมที่ใช้ Vulkan rendering
    เพิ่มการป้องกันช่องโหว่ CVE-2025-59489 ใน Unity engine
    Steam จะบล็อกการเปิดเกมหากตรวจพบการโจมตีผ่านช่องโหว่
    เพิ่มการตรวจสอบ Secure Boot และ TPM บน Windows
    แก้ปัญหาการสตรีม, overlay D3D12 และ SteamVR ที่ suppress การแจ้งเตือน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DualSense เป็นจอยของ PlayStation 5 ที่มีระบบ haptic feedback และ adaptive triggers
    Joycons ของ Nintendo Switch มี gyroscope แยกในแต่ละข้าง ซึ่งเมื่อรวมกันจะให้การควบคุมที่แม่นยำ
    Vulkan เป็น API กราฟิกที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้ทรัพยากรน้อยกว่า DirectX
    CVE-2025-59489 เป็นช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์ inject โค้ดผ่าน Unity engine
    Secure Boot และ TPM เป็นระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการโจมตีระดับ firmware

    https://9to5linux.com/latest-steam-client-update-improves-support-for-dualsense-controllers-on-linux
    🎮 “Steam อัปเดตใหม่ รองรับจอย DualSense บน Linux ดีขึ้น — พร้อมอุดช่องโหว่ Unity และปรับปรุงหลายระบบเกม” Valve ปล่อยอัปเดต Steam Client เวอร์ชันเสถียรล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งมาพร้อมการปรับปรุงสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะการรองรับจอย DualSense ของ PlayStation บนระบบ Linux ที่เคยมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อแล้วเกิด crash เมื่อจอยอยู่ในสถานะ idle — ตอนนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์รองรับ dual gyros สำหรับ Joycons ของ Nintendo Switch เมื่อใช้งานในโหมด combined ซึ่งช่วยให้การควบคุมเกมมีความแม่นยำและลื่นไหลมากขึ้น โดยเฉพาะในเกมที่ใช้การเคลื่อนไหวเป็นหลัก อัปเดตนี้ยังเพิ่มความสามารถในการสลับแท็บในเบราว์เซอร์ภายใน Steam ด้วย CTRL+TAB, ปรับปรุงการแสดงผลแบบ High Contrast ในหน้าค้นหาเกม และเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอเกมที่ใช้ Vulkan rendering ที่สำคัญคือ Valve ได้เพิ่มการป้องกันช่องโหว่ CVE-2025-59489 ซึ่งเป็นช่องโหว่ใน Unity engine โดย Steam Client จะบล็อกการเปิดเกมทันทีหากตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการโจมตีผ่านช่องโหว่นี้ ฝั่ง Windows ก็มีการเพิ่มระบบตรวจสอบ Secure Boot และ TPM ซึ่งจะแสดงในเมนู Help > System Information และถูกนำไปใช้ใน Steam Hardware Survey เพื่อวิเคราะห์ความปลอดภัยของระบบผู้ใช้ Steam ยังแก้ไขปัญหาการสตรีมที่คลิกแล้วไม่ทำงาน, ปรับปรุง overlay ในเกมที่ใช้ D3D12 ให้ไม่ crash เมื่อเปิด/ปิดหลายส่วนอย่างรวดเร็ว และแก้ปัญหา SteamVR ที่ suppress การแจ้งเตือนหลังออกจากโหมด VR ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Steam Client อัปเดตใหม่รองรับจอย DualSense บน Linux ได้ดีขึ้น ➡️ แก้ปัญหา crash เมื่อจอยอยู่ในสถานะ idle ➡️ เพิ่มการรองรับ dual gyros สำหรับ Joycons ในโหมด combined ➡️ ปรับปรุงการสลับแท็บในเบราว์เซอร์ด้วย CTRL+TAB ➡️ ปรับปรุงการแสดงผล High Contrast ในหน้าค้นหาเกม ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอเกมที่ใช้ Vulkan rendering ➡️ เพิ่มการป้องกันช่องโหว่ CVE-2025-59489 ใน Unity engine ➡️ Steam จะบล็อกการเปิดเกมหากตรวจพบการโจมตีผ่านช่องโหว่ ➡️ เพิ่มการตรวจสอบ Secure Boot และ TPM บน Windows ➡️ แก้ปัญหาการสตรีม, overlay D3D12 และ SteamVR ที่ suppress การแจ้งเตือน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DualSense เป็นจอยของ PlayStation 5 ที่มีระบบ haptic feedback และ adaptive triggers ➡️ Joycons ของ Nintendo Switch มี gyroscope แยกในแต่ละข้าง ซึ่งเมื่อรวมกันจะให้การควบคุมที่แม่นยำ ➡️ Vulkan เป็น API กราฟิกที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้ทรัพยากรน้อยกว่า DirectX ➡️ CVE-2025-59489 เป็นช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์ inject โค้ดผ่าน Unity engine ➡️ Secure Boot และ TPM เป็นระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการโจมตีระดับ firmware https://9to5linux.com/latest-steam-client-update-improves-support-for-dualsense-controllers-on-linux
    9TO5LINUX.COM
    Latest Steam Client Update Improves Support for DualSense Controllers on Linux - 9to5Linux
    Valve released a new Steam Client stable update that improves support for DualSense controllers on Linux systems and fixes various bugs.
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • “Cinnamon 6.6 เตรียมรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ พร้อมปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและเมนูแอปใหม่หมด”

    Cinnamon ซึ่งเป็น desktop environment ยอดนิยมจากทีม Linux Mint กำลังจะได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 6.6 โดยเน้นการปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและ input method ให้รองรับทั้ง layout แบบดั้งเดิมและระบบ IBus อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการรองรับ Wayland ซึ่งเป็นระบบแสดงผลที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่า X11

    ในอดีต Cinnamon รองรับเฉพาะ layout แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่เวอร์ชันใหม่จะรวมทั้ง layout และ IBus ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับและจัดการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง onscreen keyboard ให้รองรับ input method และการสลับ layout ได้ในตัว โดยไม่ต้องพึ่ง libcaribou อีกต่อไป

    อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเมนูแอปใหม่ที่ถูกออกแบบใหม่หมด โดยเพิ่ม sidebar สำหรับแสดง avatar ผู้ใช้, รายการสถานที่, และแอปโปรด พร้อมย้ายปุ่มระบบ เช่น shutdown ไปไว้ด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา และปรับขนาดหมวดหมู่ให้เล็กลงเพื่อเน้นแอปมากขึ้น

    ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งเมนูได้ผ่านหน้าตั้งค่าใหม่ เช่น ซ่อนบางส่วนของ sidebar หรือเลือกให้แสดงเฉพาะ bookmarks หรือแอปโปรด นอกจากนี้ยังมีการแสดงคำอธิบายของแอปใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับแต่ละหมวดหมู่

    ทั้งหมดนี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Cinnamon ในการเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Cinnamon 6.6 จะรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้ง layout แบบดั้งเดิมและ IBus
    ระบบคีย์บอร์ดจะรวม layout และ input method ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน
    onscreen keyboard ถูกเขียนใหม่ให้รองรับ input method และ layout switch โดยไม่ใช้ libcaribou
    เมนูแอปใหม่มี sidebar สำหรับ avatar, สถานที่, และแอปโปรด
    ปุ่มระบบถูกย้ายไปด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเมนูได้ เช่น ซ่อน sidebar หรือเลือกแสดงเฉพาะบางส่วน
    แอปจะแสดงคำอธิบายใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับหมวดหมู่
    คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม Linux Mint 22.3 ในช่วงปลายปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wayland เป็นระบบแสดงผลที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า X11 โดยลดปัญหาเกี่ยวกับ input และ security
    IBus (Intelligent Input Bus) เป็นระบบจัดการ input method ที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และไทย
    libcaribou เคยเป็น onscreen keyboard ที่ใช้ใน GNOME แต่มีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น
    การรวม layout และ input method ช่วยลดความสับสนในการตั้งค่าภาษาสำหรับผู้ใช้หลายภาษา
    การปรับปรุงเมนูแอปช่วยให้ Cinnamon เข้าใกล้แนวทาง UX ของ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE

    https://9to5linux.com/cinnamon-desktop-gets-improved-support-for-keyboard-layouts-and-input-methods
    ⌨️ “Cinnamon 6.6 เตรียมรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ พร้อมปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและเมนูแอปใหม่หมด” Cinnamon ซึ่งเป็น desktop environment ยอดนิยมจากทีม Linux Mint กำลังจะได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 6.6 โดยเน้นการปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและ input method ให้รองรับทั้ง layout แบบดั้งเดิมและระบบ IBus อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการรองรับ Wayland ซึ่งเป็นระบบแสดงผลที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่า X11 ในอดีต Cinnamon รองรับเฉพาะ layout แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่เวอร์ชันใหม่จะรวมทั้ง layout และ IBus ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับและจัดการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง onscreen keyboard ให้รองรับ input method และการสลับ layout ได้ในตัว โดยไม่ต้องพึ่ง libcaribou อีกต่อไป อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเมนูแอปใหม่ที่ถูกออกแบบใหม่หมด โดยเพิ่ม sidebar สำหรับแสดง avatar ผู้ใช้, รายการสถานที่, และแอปโปรด พร้อมย้ายปุ่มระบบ เช่น shutdown ไปไว้ด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา และปรับขนาดหมวดหมู่ให้เล็กลงเพื่อเน้นแอปมากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งเมนูได้ผ่านหน้าตั้งค่าใหม่ เช่น ซ่อนบางส่วนของ sidebar หรือเลือกให้แสดงเฉพาะ bookmarks หรือแอปโปรด นอกจากนี้ยังมีการแสดงคำอธิบายของแอปใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับแต่ละหมวดหมู่ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Cinnamon ในการเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Cinnamon 6.6 จะรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้ง layout แบบดั้งเดิมและ IBus ➡️ ระบบคีย์บอร์ดจะรวม layout และ input method ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ➡️ onscreen keyboard ถูกเขียนใหม่ให้รองรับ input method และ layout switch โดยไม่ใช้ libcaribou ➡️ เมนูแอปใหม่มี sidebar สำหรับ avatar, สถานที่, และแอปโปรด ➡️ ปุ่มระบบถูกย้ายไปด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเมนูได้ เช่น ซ่อน sidebar หรือเลือกแสดงเฉพาะบางส่วน ➡️ แอปจะแสดงคำอธิบายใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับหมวดหมู่ ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม Linux Mint 22.3 ในช่วงปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wayland เป็นระบบแสดงผลที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า X11 โดยลดปัญหาเกี่ยวกับ input และ security ➡️ IBus (Intelligent Input Bus) เป็นระบบจัดการ input method ที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และไทย ➡️ libcaribou เคยเป็น onscreen keyboard ที่ใช้ใน GNOME แต่มีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น ➡️ การรวม layout และ input method ช่วยลดความสับสนในการตั้งค่าภาษาสำหรับผู้ใช้หลายภาษา ➡️ การปรับปรุงเมนูแอปช่วยให้ Cinnamon เข้าใกล้แนวทาง UX ของ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE https://9to5linux.com/cinnamon-desktop-gets-improved-support-for-keyboard-layouts-and-input-methods
    9TO5LINUX.COM
    Cinnamon Desktop Gets Improved Support for Keyboard Layouts and Input Methods - 9to5Linux
    Cinnamon desktop environment is getting improved support for keyboard layouts and input methods, as well as a revamped application menu.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • “Nothing OS 4.0 เปิดเบต้าแล้ว — ระบบ Android 16 ที่มาพร้อม AI, วิดเจ็ตอัจฉริยะ และฟีเจอร์เฉพาะรุ่น”

    Nothing ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Nothing OS 4.0 เวอร์ชันเบต้าอย่างเป็นทางการ โดยพัฒนาบนพื้นฐาน Android 16 และมุ่งเน้นการใช้งาน AI เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้ให้ลึกและเฉพาะตัวมากขึ้น โดยเปิดให้ผู้ใช้บางรุ่นเข้าร่วมทดสอบก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ

    รุ่นที่สามารถเข้าร่วมเบต้าได้ทันที ได้แก่ Nothing Phone 3, Phone 2, Phone 2a และ Phone 2a Plus ส่วนรุ่นใหม่อย่าง Phone 3a และ 3a Pro ยังไม่สามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้ โดย Nothing ระบุว่าจะเปิดให้เข้าร่วมภายในเดือนตุลาคมนี้

    ฟีเจอร์เด่นของ Nothing OS 4.0 คือ “AI Usage Dashboard” ที่มีเฉพาะใน Phone 3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมการทำงานของโมเดล AI ในเครื่องได้อย่างโปร่งใส พร้อมระบบ “Essential Apps” ที่สามารถสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ได้ทันที โดย Phone 3 รองรับวิดเจ็ตสูงสุด 6 ตัว ส่วนรุ่นอื่นรองรับ 2 ตัว

    Phone 2 และ 2a Series จะได้รับฟีเจอร์กล้องใหม่ชื่อ “Stretch” ซึ่งพัฒนาร่วมกับช่างภาพ Jordan Hemingway โดยเน้นการเพิ่มเงาและไฮไลต์ให้ภาพดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมการปรับปรุงความเร็วเปิดแอปผ่านระบบ App Optimisation

    ฟีเจอร์ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ การสลับแอปผ่าน Pop-up View แบบสองไอคอน, หน้าปัดนาฬิกาใหม่ 2 แบบบนหน้าล็อก, การรองรับ Quick Settings แบบ 2x2 และ Extra Dark Mode สำหรับผู้ที่ชอบธีมมืดแบบสุดขั้ว

    ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเบต้าได้โดยดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing แล้วติดตั้งผ่านเมนู Settings > System > Nothing Beta Hub โดยต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 ก่อน และต้องลงทะเบียนก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันปิดรับสมัคร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nothing OS 4.0 เบต้าเปิดให้ใช้งานแล้วบน Phone 3, 2, 2a และ 2a Plus
    Phone 3a และ 3a Pro จะเข้าร่วมได้ภายในเดือนตุลาคม
    Phone 3 ได้รับฟีเจอร์ AI Usage Dashboard และรองรับวิดเจ็ต AI สูงสุด 6 ตัว
    Phone 2 และ 2a Series ได้รับฟีเจอร์กล้อง Stretch และระบบ App Optimisation
    ฟีเจอร์ใหม่ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ Pop-up View, หน้าปัดนาฬิกาใหม่, Quick Settings 2x2 และ Extra Dark Mode
    ระบบ Essential Apps ช่วยสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground
    ต้องลงทะเบียนเบต้าก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ผ่าน Nothing Beta Hub
    การติดตั้งต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 และดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Android 16 เน้นการปรับปรุงความปลอดภัยและการจัดการ AI บนอุปกรณ์
    ระบบวิดเจ็ตแบบ AI เริ่มเป็นเทรนด์ใหม่ในหลายแบรนด์ เช่น Google และ Samsung
    การใช้คำสั่งธรรมชาติสร้างวิดเจ็ตช่วยลดขั้นตอนการตั้งค่าแบบเดิม
    Extra Dark Mode ช่วยลดการใช้พลังงานบนหน้าจอ OLED และถนอมสายตา
    การร่วมมือกับช่างภาพมืออาชีพช่วยยกระดับคุณภาพกล้องในสมาร์ตโฟน

    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/the-nothing-os-4-0-open-beta-has-landed-but-its-availability-and-features-vary-a-lot-depending-on-your-phone
    📱 “Nothing OS 4.0 เปิดเบต้าแล้ว — ระบบ Android 16 ที่มาพร้อม AI, วิดเจ็ตอัจฉริยะ และฟีเจอร์เฉพาะรุ่น” Nothing ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Nothing OS 4.0 เวอร์ชันเบต้าอย่างเป็นทางการ โดยพัฒนาบนพื้นฐาน Android 16 และมุ่งเน้นการใช้งาน AI เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้ให้ลึกและเฉพาะตัวมากขึ้น โดยเปิดให้ผู้ใช้บางรุ่นเข้าร่วมทดสอบก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ รุ่นที่สามารถเข้าร่วมเบต้าได้ทันที ได้แก่ Nothing Phone 3, Phone 2, Phone 2a และ Phone 2a Plus ส่วนรุ่นใหม่อย่าง Phone 3a และ 3a Pro ยังไม่สามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้ โดย Nothing ระบุว่าจะเปิดให้เข้าร่วมภายในเดือนตุลาคมนี้ ฟีเจอร์เด่นของ Nothing OS 4.0 คือ “AI Usage Dashboard” ที่มีเฉพาะใน Phone 3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมการทำงานของโมเดล AI ในเครื่องได้อย่างโปร่งใส พร้อมระบบ “Essential Apps” ที่สามารถสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ได้ทันที โดย Phone 3 รองรับวิดเจ็ตสูงสุด 6 ตัว ส่วนรุ่นอื่นรองรับ 2 ตัว Phone 2 และ 2a Series จะได้รับฟีเจอร์กล้องใหม่ชื่อ “Stretch” ซึ่งพัฒนาร่วมกับช่างภาพ Jordan Hemingway โดยเน้นการเพิ่มเงาและไฮไลต์ให้ภาพดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมการปรับปรุงความเร็วเปิดแอปผ่านระบบ App Optimisation ฟีเจอร์ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ การสลับแอปผ่าน Pop-up View แบบสองไอคอน, หน้าปัดนาฬิกาใหม่ 2 แบบบนหน้าล็อก, การรองรับ Quick Settings แบบ 2x2 และ Extra Dark Mode สำหรับผู้ที่ชอบธีมมืดแบบสุดขั้ว ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเบต้าได้โดยดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing แล้วติดตั้งผ่านเมนู Settings > System > Nothing Beta Hub โดยต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 ก่อน และต้องลงทะเบียนก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันปิดรับสมัคร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nothing OS 4.0 เบต้าเปิดให้ใช้งานแล้วบน Phone 3, 2, 2a และ 2a Plus ➡️ Phone 3a และ 3a Pro จะเข้าร่วมได้ภายในเดือนตุลาคม ➡️ Phone 3 ได้รับฟีเจอร์ AI Usage Dashboard และรองรับวิดเจ็ต AI สูงสุด 6 ตัว ➡️ Phone 2 และ 2a Series ได้รับฟีเจอร์กล้อง Stretch และระบบ App Optimisation ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ Pop-up View, หน้าปัดนาฬิกาใหม่, Quick Settings 2x2 และ Extra Dark Mode ➡️ ระบบ Essential Apps ช่วยสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ➡️ ต้องลงทะเบียนเบต้าก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ผ่าน Nothing Beta Hub ➡️ การติดตั้งต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 และดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Android 16 เน้นการปรับปรุงความปลอดภัยและการจัดการ AI บนอุปกรณ์ ➡️ ระบบวิดเจ็ตแบบ AI เริ่มเป็นเทรนด์ใหม่ในหลายแบรนด์ เช่น Google และ Samsung ➡️ การใช้คำสั่งธรรมชาติสร้างวิดเจ็ตช่วยลดขั้นตอนการตั้งค่าแบบเดิม ➡️ Extra Dark Mode ช่วยลดการใช้พลังงานบนหน้าจอ OLED และถนอมสายตา ➡️ การร่วมมือกับช่างภาพมืออาชีพช่วยยกระดับคุณภาพกล้องในสมาร์ตโฟน https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/the-nothing-os-4-0-open-beta-has-landed-but-its-availability-and-features-vary-a-lot-depending-on-your-phone
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • เมนูยำปลาเงี่ยนบางแสน ก่ะพอได้ไม่ว้าวววว...เพราะกินบ่อย ประจวบฯหร่อยกว่านี้ #ซาซิมิไทย #ชลบุรี #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ต้องลอง #กิน #อาหาร #อร่อย #eat #food #foodie #delicious #thaifood #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    เมนูยำปลาเงี่ยนบางแสน ก่ะพอได้😋ไม่ว้าวววว...เพราะกินบ่อย ประจวบฯหร่อยกว่านี้🥰 #ซาซิมิไทย #ชลบุรี #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ต้องลอง #กิน #อาหาร #อร่อย #eat #food #foodie #delicious #thaifood #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 0 Reviews
  • “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย”

    หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift

    แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi

    อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS
    เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้
    รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings
    ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่
    เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth
    เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual
    ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา
    ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร
    หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI
    แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence
    ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น
    รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้
    Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence
    UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch
    การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15
    ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    📱 “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย” หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS ➡️ เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ ➡️ รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings ➡️ ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่ ➡️ เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth ➡️ เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual ➡️ ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา ➡️ ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร ➡️ หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI ➡️ แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence ➡️ ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น ➡️ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้ ➡️ Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence ➡️ UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch ➡️ การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15 ➡️ ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch Mobile Linux OS Is Now Finally Based on Ubuntu 24.04 LTS - 9to5Linux
    Ubuntu Touch 24.04 1.0 is now rolling out to all supported devices based on Ubuntu 24.04 LTS with new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง หั่นมันแกวทำเฟรนช์ฟรายส์
    นวัตกรรมใหม่! หั่น มันแกว ให้เป็นแท่งสวยเป๊ะเหมือนเฟรนช์ฟรายส์ ด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) จาก ย.ย่งฮะเฮง!

    ใครว่าเครื่องหั่นมันฝรั่งจะหั่นได้แต่มันฝรั่ง? วันนี้เรามีไอเดียสุดว้าว! เปลี่ยนเมนูธรรมดาให้พิเศษ
    อัปเกรดธุรกิจของคุณด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่งที่หั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

    มันแกวทอด/อบกรอบ: เมนูทานเล่นใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพ
    มันฝรั่งแท่ง: เฟรนช์ฟรายส์มาตรฐานสากล
    กระชาย/ขิง/แครอท: สำหรับธุรกิจสมุนไพรและอาหารแปรรูป

    จุดเด่นที่ทำให้คุณไม่ควรพลาด:
    อเนกประสงค์ : หั่นได้หลากหลายกว่าที่คิด ตั้งแต่มันแกวถึงกระชาย!
    ชิ้นงานสม่ำเสมอ: ปรับความหนาได้ตามต้องการ ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกแท่ง
    ผลิตเร็วแรงสูง: กำลังการผลิต 100-300 KG/H ประหยัดเวลาแรงงานไปได้เยอะ!
    อย่าปล่อยให้การหั่นช้าทำให้ธุรกิจสะดุด! ลงทุนครั้งเดียว คุ้มค่าระยะยาว!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันแกว #มันแกวเฟรนช์ฟรายส์ #เฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นกระชาย #เครื่องหั่นขิง #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #อาหารแช่แข็ง #อาหารแปรรูป #วัตถุดิบสดใหม่ #อุปกรณ์ครัว #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #ลงทุนธุรกิจ #ครัวมืออาชีพ #ของดีบอกต่อ #ทำอาหารขาย #สินค้าพร้อมส่ง #เครื่องจักรนำเข้า
    🥔🍠 เครื่องหั่นมันฝรั่ง หั่นมันแกวทำเฟรนช์ฟรายส์ 🍟✨ ✨ นวัตกรรมใหม่! หั่น มันแกว ให้เป็นแท่งสวยเป๊ะเหมือนเฟรนช์ฟรายส์ ด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) จาก ย.ย่งฮะเฮง! 🚀 ใครว่าเครื่องหั่นมันฝรั่งจะหั่นได้แต่มันฝรั่ง? 🧐 วันนี้เรามีไอเดียสุดว้าว! เปลี่ยนเมนูธรรมดาให้พิเศษ ✨ อัปเกรดธุรกิจของคุณด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่งที่หั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันแกวทอด/อบกรอบ: เมนูทานเล่นใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพ 💚 มันฝรั่งแท่ง: เฟรนช์ฟรายส์มาตรฐานสากล 🍟 กระชาย/ขิง/แครอท: สำหรับธุรกิจสมุนไพรและอาหารแปรรูป 🥕 ✅ จุดเด่นที่ทำให้คุณไม่ควรพลาด: อเนกประสงค์ 💯: หั่นได้หลากหลายกว่าที่คิด ตั้งแต่มันแกวถึงกระชาย! ชิ้นงานสม่ำเสมอ: ปรับความหนาได้ตามต้องการ ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกแท่ง ผลิตเร็วแรงสูง: กำลังการผลิต 100-300 KG/H ประหยัดเวลาแรงงานไปได้เยอะ! ⏱️ อย่าปล่อยให้การหั่นช้าทำให้ธุรกิจสะดุด! 🛠️ ลงทุนครั้งเดียว คุ้มค่าระยะยาว! 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันแกว #มันแกวเฟรนช์ฟรายส์ #เฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นกระชาย #เครื่องหั่นขิง #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #อาหารแช่แข็ง #อาหารแปรรูป #วัตถุดิบสดใหม่ #อุปกรณ์ครัว #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #ลงทุนธุรกิจ #ครัวมืออาชีพ #ของดีบอกต่อ #ทำอาหารขาย #สินค้าพร้อมส่ง #เครื่องจักรนำเข้า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วยข่าวส่วนตัวที่รู้ใจคุณ — เมื่อ AI เริ่มคิดแทนคุณตั้งแต่ก่อนตื่นนอน”

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากเครื่องมือที่ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” ให้ผู้ใช้ โดย Pulse จะส่งการสรุปข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ในรูปแบบ “การ์ดภาพ” วันละ 5–10 ใบ ทุกเช้า โดยอิงจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อไว้ เช่น Gmail หรือ Google Calendar2

    Pulse เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกแบบ Pro ที่มีค่าบริการ $200 ต่อเดือน โดยจะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป ChatGPT และสามารถตั้งค่าให้สแกนอีเมลหรือปฏิทินล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมสรุปข่าว รายการนัดหมาย หรือแม้แต่แนะนำเมนูอาหารตามเงื่อนไขสุขภาพของผู้ใช้ได้

    ตัวอย่างการใช้งาน Pulse ที่ OpenAI สาธิต ได้แก่ การ์ดข่าวทีมฟุตบอล Arsenal, ไอเดียชุดฮาโลวีนสำหรับครอบครัว และแผนการเดินทางสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากบริบทที่ผู้ใช้เคยพูดคุยกับ ChatGPT มาก่อน เช่น “ลูกอายุ 6 เดือน” หรือ “อยากไปเที่ยว Sedona”

    Pulse ยังสามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory ของ ChatGPT เพื่อปรับแต่งการ์ดให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น และมีการออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงการ์ดครบชุด โดยจะแสดงข้อความ “That’s it for today” เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ตกอยู่ในวังวนของการเสพข้อมูลแบบไม่รู้จบ

    แม้จะยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro แต่ OpenAI มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเน้นว่า Pulse เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยน ChatGPT จาก chatbot เป็น “ผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณ” อย่างแท้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ส่งการ์ดสรุปข่าวและข้อมูลส่วนตัววันละ 5–10 ใบ
    การ์ดถูกสร้างจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail, Calendar
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน)
    Pulse สามารถสแกนอีเมลและปฏิทินล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมข้อมูลตอนเช้า
    ตัวอย่างการ์ดมีทั้งข่าวกีฬา ไอเดียครอบครัว และแผนการเดินทาง
    ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory เพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้
    มีการออกแบบให้หยุดแสดงข้อมูลหลังครบชุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพข้อมูลเกินจำเป็น
    OpenAI มีแผนขยาย Pulse ให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ OpenAI ที่เน้น “ผู้ช่วยเชิงรุก” มากกว่า chatbot
    ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง จึงจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Pro ในช่วงแรก
    การ์ดของ Pulse มีภาพประกอบและลิงก์อ้างอิงเหมือนกับฟีเจอร์ Search
    Pulse สามารถใช้ Connectors เพื่อเชื่อมต่อกับแอปภายนอกได้หลากหลาย
    การออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงครบชุด เป็นแนวคิดที่ต่างจากโซเชียลมีเดียทั่วไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/chatgpt-feature-offers-users-a-personalised-daily-briefing
    🗞️ “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วยข่าวส่วนตัวที่รู้ใจคุณ — เมื่อ AI เริ่มคิดแทนคุณตั้งแต่ก่อนตื่นนอน” OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากเครื่องมือที่ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” ให้ผู้ใช้ โดย Pulse จะส่งการสรุปข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ในรูปแบบ “การ์ดภาพ” วันละ 5–10 ใบ ทุกเช้า โดยอิงจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อไว้ เช่น Gmail หรือ Google Calendar2 Pulse เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกแบบ Pro ที่มีค่าบริการ $200 ต่อเดือน โดยจะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป ChatGPT และสามารถตั้งค่าให้สแกนอีเมลหรือปฏิทินล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมสรุปข่าว รายการนัดหมาย หรือแม้แต่แนะนำเมนูอาหารตามเงื่อนไขสุขภาพของผู้ใช้ได้ ตัวอย่างการใช้งาน Pulse ที่ OpenAI สาธิต ได้แก่ การ์ดข่าวทีมฟุตบอล Arsenal, ไอเดียชุดฮาโลวีนสำหรับครอบครัว และแผนการเดินทางสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากบริบทที่ผู้ใช้เคยพูดคุยกับ ChatGPT มาก่อน เช่น “ลูกอายุ 6 เดือน” หรือ “อยากไปเที่ยว Sedona” Pulse ยังสามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory ของ ChatGPT เพื่อปรับแต่งการ์ดให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น และมีการออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงการ์ดครบชุด โดยจะแสดงข้อความ “That’s it for today” เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ตกอยู่ในวังวนของการเสพข้อมูลแบบไม่รู้จบ แม้จะยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro แต่ OpenAI มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเน้นว่า Pulse เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยน ChatGPT จาก chatbot เป็น “ผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณ” อย่างแท้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ส่งการ์ดสรุปข่าวและข้อมูลส่วนตัววันละ 5–10 ใบ ➡️ การ์ดถูกสร้างจากประวัติการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail, Calendar ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ➡️ Pulse สามารถสแกนอีเมลและปฏิทินล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมข้อมูลตอนเช้า ➡️ ตัวอย่างการ์ดมีทั้งข่าวกีฬา ไอเดียครอบครัว และแผนการเดินทาง ➡️ ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Memory เพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้ ➡️ มีการออกแบบให้หยุดแสดงข้อมูลหลังครบชุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพข้อมูลเกินจำเป็น ➡️ OpenAI มีแผนขยาย Pulse ให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของ OpenAI ที่เน้น “ผู้ช่วยเชิงรุก” มากกว่า chatbot ➡️ ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง จึงจำกัดเฉพาะผู้ใช้ Pro ในช่วงแรก ➡️ การ์ดของ Pulse มีภาพประกอบและลิงก์อ้างอิงเหมือนกับฟีเจอร์ Search ➡️ Pulse สามารถใช้ Connectors เพื่อเชื่อมต่อกับแอปภายนอกได้หลากหลาย ➡️ การออกแบบให้ “หยุด” หลังแสดงครบชุด เป็นแนวคิดที่ต่างจากโซเชียลมีเดียทั่วไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/chatgpt-feature-offers-users-a-personalised-daily-briefing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    ChatGPT feature offers users a personalised daily briefing
    OpenAI is rolling out a new ChatGPT feature that sends users a set of personalised news, research and other updates each day based on their prior conversations with the chatbot, an early attempt at making its flagship product more proactive.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • “Helium Browser: เบราว์เซอร์ที่ไม่ขอข้อมูลคุณแม้แต่บิตเดียว — เมื่อความเป็นส่วนตัวกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ใช่แค่ตัวเลือก”

    ในยุคที่เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยโฆษณา การติดตาม และการเก็บข้อมูลผู้ใช้ Helium Browser ได้เปิดตัวเวอร์ชัน ALPHA สำหรับ Windows 10/11 โดยชูจุดขายว่าเป็น “เบราว์เซอร์ที่เคารพผู้ใช้” อย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดว่า “ความเป็นส่วนตัวควรเป็นค่าเริ่มต้น ไม่ใช่ตัวเลือกซ่อนอยู่ในเมนู”

    Helium ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Chromium แต่ตัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป — ไม่มีโฆษณา ไม่มีการติดตาม ไม่มีการส่งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีการร้องขอสิทธิ์แปลก ๆ เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก แม้แต่การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็จะไม่เกิดขึ้นหากผู้ใช้ไม่อนุญาต

    เบราว์เซอร์นี้มาพร้อมกับ uBlock Origin ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม คุกกี้จากบุคคลที่สาม ฟิชชิง และแม้แต่ cryptominers โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม และไม่มีข้อยกเว้นที่แอบแฝงเหมือนเบราว์เซอร์อื่น ๆ

    Helium ยังรองรับฟีเจอร์เฉพาะตัว เช่น split view สำหรับเปิดหลายหน้าเว็บพร้อมกัน, !bangs สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์โดยตรงแบบไม่ผ่าน search engine, และการติดตั้งเว็บแอปให้เป็นแอปเดสก์ท็อปโดยไม่ต้องใช้ Chrome

    สำหรับนักพัฒนา Helium ยังรักษามาตรฐานเว็บทั้งหมด และปรับปรุง DevTools ให้สะอาด ไม่มีการแจ้งเตือนที่รบกวน พร้อมรองรับส่วนขยายแบบ MV2 โดยไม่ส่งข้อมูลไปยัง Chrome Web Store ทำให้ Google ไม่สามารถติดตามการดาวน์โหลดส่วนขยายได้

    ที่สำคัญคือ Helium เปิดซอร์สทั้งหมด — รวมถึงบริการออนไลน์ — และอนุญาตให้ผู้ใช้โฮสต์เองได้อย่างอิสระ พร้อมระบบอัปเดตที่ปลอดภัยผ่าน SignPath.io และการบังคับใช้ HTTPS ทุกเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Helium Browser เปิดตัวเวอร์ชัน ALPHA สำหรับ Windows 10/11
    สร้างบน Chromium แต่ไม่มีโฆษณา ตัวติดตาม หรือการส่งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก
    ติดตั้ง uBlock Origin ล่วงหน้าเพื่อบล็อกโฆษณาและภัยคุกคามออนไลน์
    รองรับ split view, !bangs, และการติดตั้งเว็บแอปเป็นแอปเดสก์ท็อป
    รองรับส่วนขยาย MV2 โดยไม่ส่งข้อมูลไปยัง Chrome Web Store
    เปิดซอร์สทั้งหมด รวมถึงบริการออนไลน์ และสามารถโฮสต์เองได้
    ใช้ระบบอัปเดตผ่าน SignPath.io พร้อมการบังคับใช้ HTTPS ทุกเว็บไซต์
    ไม่มีระบบ sync หรือ password manager เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
    อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และไม่มีการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    !bangs เป็นฟีเจอร์ที่เริ่มต้นจาก DuckDuckGo แต่ Helium ทำให้ทำงานแบบออฟไลน์ได้
    การไม่ใช้ password manager ภายในเบราว์เซอร์ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกแบบ centralized
    การเปิดซอร์สทั้งหมดช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง
    Helium ใช้แนวคิด “respectful by design” คือไม่ทำอะไรโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็ว ความเรียบง่าย และความเป็นส่วนตัวสูงสุด

    https://helium.computer/
    🛡️ “Helium Browser: เบราว์เซอร์ที่ไม่ขอข้อมูลคุณแม้แต่บิตเดียว — เมื่อความเป็นส่วนตัวกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ใช่แค่ตัวเลือก” ในยุคที่เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยโฆษณา การติดตาม และการเก็บข้อมูลผู้ใช้ Helium Browser ได้เปิดตัวเวอร์ชัน ALPHA สำหรับ Windows 10/11 โดยชูจุดขายว่าเป็น “เบราว์เซอร์ที่เคารพผู้ใช้” อย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดว่า “ความเป็นส่วนตัวควรเป็นค่าเริ่มต้น ไม่ใช่ตัวเลือกซ่อนอยู่ในเมนู” Helium ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Chromium แต่ตัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป — ไม่มีโฆษณา ไม่มีการติดตาม ไม่มีการส่งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีการร้องขอสิทธิ์แปลก ๆ เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก แม้แต่การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็จะไม่เกิดขึ้นหากผู้ใช้ไม่อนุญาต เบราว์เซอร์นี้มาพร้อมกับ uBlock Origin ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม คุกกี้จากบุคคลที่สาม ฟิชชิง และแม้แต่ cryptominers โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม และไม่มีข้อยกเว้นที่แอบแฝงเหมือนเบราว์เซอร์อื่น ๆ Helium ยังรองรับฟีเจอร์เฉพาะตัว เช่น split view สำหรับเปิดหลายหน้าเว็บพร้อมกัน, !bangs สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์โดยตรงแบบไม่ผ่าน search engine, และการติดตั้งเว็บแอปให้เป็นแอปเดสก์ท็อปโดยไม่ต้องใช้ Chrome สำหรับนักพัฒนา Helium ยังรักษามาตรฐานเว็บทั้งหมด และปรับปรุง DevTools ให้สะอาด ไม่มีการแจ้งเตือนที่รบกวน พร้อมรองรับส่วนขยายแบบ MV2 โดยไม่ส่งข้อมูลไปยัง Chrome Web Store ทำให้ Google ไม่สามารถติดตามการดาวน์โหลดส่วนขยายได้ ที่สำคัญคือ Helium เปิดซอร์สทั้งหมด — รวมถึงบริการออนไลน์ — และอนุญาตให้ผู้ใช้โฮสต์เองได้อย่างอิสระ พร้อมระบบอัปเดตที่ปลอดภัยผ่าน SignPath.io และการบังคับใช้ HTTPS ทุกเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Helium Browser เปิดตัวเวอร์ชัน ALPHA สำหรับ Windows 10/11 ➡️ สร้างบน Chromium แต่ไม่มีโฆษณา ตัวติดตาม หรือการส่งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก ➡️ ติดตั้ง uBlock Origin ล่วงหน้าเพื่อบล็อกโฆษณาและภัยคุกคามออนไลน์ ➡️ รองรับ split view, !bangs, และการติดตั้งเว็บแอปเป็นแอปเดสก์ท็อป ➡️ รองรับส่วนขยาย MV2 โดยไม่ส่งข้อมูลไปยัง Chrome Web Store ➡️ เปิดซอร์สทั้งหมด รวมถึงบริการออนไลน์ และสามารถโฮสต์เองได้ ➡️ ใช้ระบบอัปเดตผ่าน SignPath.io พร้อมการบังคับใช้ HTTPS ทุกเว็บไซต์ ➡️ ไม่มีระบบ sync หรือ password manager เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ➡️ อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และไม่มีการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ !bangs เป็นฟีเจอร์ที่เริ่มต้นจาก DuckDuckGo แต่ Helium ทำให้ทำงานแบบออฟไลน์ได้ ➡️ การไม่ใช้ password manager ภายในเบราว์เซอร์ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกแบบ centralized ➡️ การเปิดซอร์สทั้งหมดช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง ➡️ Helium ใช้แนวคิด “respectful by design” คือไม่ทำอะไรโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็ว ความเรียบง่าย และความเป็นส่วนตัวสูงสุด https://helium.computer/
    HELIUM.COMPUTER
    Helium Browser
    The web browser made for people, with love. Best privacy by default, unbiased ad-blocking, no bloat and no noise. Fully open source.
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 22-9-68
    .
    สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ เช้านี้ที่บ้านพระอาทิตย์แม่ครัวจัดเมนูอาหารเช้าให้คุณสนธิ และทีมงานเป็น ข้าวปลาแกะ กับ ไข่ต้ม พร้อมกับพริกน้ำปลา ซึ่งหลังจากที่คุณสนธิรับประทานอาหารเช้า และร่วมประชุมกับทีมงาน โดยมีการพูดคุยกันในหลายเรื่องทั้งเหตุบ้านการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีชายแดนจันทบุรี-ตราด ที่ว่าที่ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะพยายามเปิดด่านให้ได้, เรื่องศึกสายเลือดชิง "ดุสิตธานี" รวมไปถึงเหตุการณ์ในต่างประเทศเช่น เรื่องวีซ่า H1-B วีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพเฉพาะทาง (Specialty Occupation) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นปีละ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อย่างหนัก
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องอะไรในเช้าวันนี้บ้าง โปรดติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kr7KJV2YwB4
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ดุสิตธานี #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #บ่อนชายแดน
    สนธิเล่าเรื่อง 22-9-68 . สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ เช้านี้ที่บ้านพระอาทิตย์แม่ครัวจัดเมนูอาหารเช้าให้คุณสนธิ และทีมงานเป็น ข้าวปลาแกะ กับ ไข่ต้ม พร้อมกับพริกน้ำปลา ซึ่งหลังจากที่คุณสนธิรับประทานอาหารเช้า และร่วมประชุมกับทีมงาน โดยมีการพูดคุยกันในหลายเรื่องทั้งเหตุบ้านการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีชายแดนจันทบุรี-ตราด ที่ว่าที่ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะพยายามเปิดด่านให้ได้, เรื่องศึกสายเลือดชิง "ดุสิตธานี" รวมไปถึงเหตุการณ์ในต่างประเทศเช่น เรื่องวีซ่า H1-B วีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพเฉพาะทาง (Specialty Occupation) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นปีละ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อย่างหนัก . อย่างไรก็ตาม คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องอะไรในเช้าวันนี้บ้าง โปรดติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kr7KJV2YwB4 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ดุสิตธานี #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #บ่อนชายแดน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง!

    ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด!

    เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ:
    เพิ่มกำไร: เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย
    ผลิตง่าย: ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ ไส้เกี๊ยว หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
    ทำงานรวดเร็ว: ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล

    รายละเอียดเครื่อง:

    มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V
    กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม.
    ขนาด: 800 x 650 x 900 มม.
    น้ำหนัก: 250 กก.

    ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ!

    แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
    #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง! 😩 ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด! 💯 เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ: เพิ่มกำไร: 📈 เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย ผลิตง่าย: ✨ ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ 🍔 ไส้เกี๊ยว 🥟 หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำงานรวดเร็ว: ⏱️ ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V 💪 กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม. ⚡ ขนาด: 800 x 650 x 900 มม. น้ำหนัก: 250 กก. ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ! 👍 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • ลองชิมเมนูใหม่ บะหมี่หมายเลขเลข8 ก.ย.68 #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #eat #food #foodie #delicious #thaifood #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ลองชิมเมนูใหม่ บะหมี่หมายเลขเลข8 ก.ย.68 #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #อร่อยบอกต่อ #กิน #อร่อย #อาหาร #eat #food #foodie #delicious #thaifood #streetfood #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 0 Reviews
  • Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ

    Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น

    หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที

    ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10

    มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น

    Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor

    Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS
    มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์

    ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต
    เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที
    ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น

    ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก
    เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console
    เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe

    อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว
    Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4
    KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8

    ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น
    ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ
    ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO

    เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB
    แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ
    เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร

    อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio)
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor
    มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0
    หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที
    เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น
    การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง
    การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่

    https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    📰 Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10 มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor ✅ Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต ➡️ เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที ➡️ ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ✅ ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก ➡️ เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console ➡️ เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe ✅ อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว ➡️ Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4 ➡️ KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8 ✅ ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น ➡️ ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ ➡️ ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO ✅ เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB ➡️ แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ ➡️ เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร ✅ อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor ➡️ มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0 ⛔ หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ⛔ เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น ⛔ การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง ⛔ การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่ https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    9TO5LINUX.COM
    Tails 7.0 Anonymous Linux OS Officially Released, Based on Debian 13 “Trixie” - 9to5Linux
    Tails 7.0 anonymous Linux OS is now available for download based on Debian 13 “Trixie” and featuring the GNOME 48 desktop environment.
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • เพจ Army Military Force โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจปนขำ ทหารกัมพูชาถูกกระสุนยางเข้าตาขวา 1 แผล แต่ได้รางวัลตอบแทนเป็นข้าวแกง ไก่ย่าง ชาเขียวนม พร้อมตั้งคำถามหรือสงครามจบด้วยเมนูนี้?

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089486

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เพจ Army Military Force โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจปนขำ ทหารกัมพูชาถูกกระสุนยางเข้าตาขวา 1 แผล แต่ได้รางวัลตอบแทนเป็นข้าวแกง ไก่ย่าง ชาเขียวนม พร้อมตั้งคำถามหรือสงครามจบด้วยเมนูนี้? อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089486 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    1 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน

    ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว

    ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF

    Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ

    Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว
    เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
    เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025

    Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว
    รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน

    รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง
    บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์
    ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF

    ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้
    เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ”
    คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป

    ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้
    ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop
    แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที

    รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์
    ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects
    โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด
    หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด
    ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้
    ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings

    https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    📰 ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ✅ Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว ➡️ เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ➡️ เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025 ✅ Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว ➡️ รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน ✅ รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง ➡️ บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์ ➡️ ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF ✅ ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้ ➡️ เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ” ➡️ คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป ✅ ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้ ➡️ ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop ➡️ แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที ✅ รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects ⛔ โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด ⛔ หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้ ⛔ ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Was One Of ChatGPT's Best Paid Features (And Now It's Free) - SlashGear
    ChatGPT’s “Projects” feature -- once exclusive to paid users -- is now available for free, letting everyone better organize chats into folders.
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • Thunderbird 143 อัปเดตใหม่เน้นแก้บั๊ก — ยกระดับความเสถียร พร้อมอุดช่องโหว่ความปลอดภัยกว่า 10 จุด

    Mozilla Thunderbird โปรแกรมอีเมลโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ได้ปล่อยเวอร์ชัน 143 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตแบบ “bugfix-only” ที่เน้นแก้ไขปัญหาการใช้งานและอุดช่องโหว่ความปลอดภัย โดยไม่มีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ถือเป็นการปรับปรุงครั้งสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียรและปลอดภัยในการใช้งานอีเมล

    การอัปเดตครั้งนี้แก้ปัญหาหลายจุด เช่น การแครชตอนเปิดโปรแกรม, ปัญหาเมื่อเพิ่มบัญชีอีเมลใหม่, การนำเข้าอีเมลแล้วเกิดข้อผิดพลาด, การแสดงผลเมนูที่หายไปหลังอัปเดตจากเวอร์ชัน ESR 128 ไปยัง ESR 140, และปัญหาการลากวางรายชื่อผู้ติดต่อที่ไม่ถูกต้อง

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UX เช่น การเพิ่มตัวเลือกสร้างสมุดที่อยู่ใหม่ในเมนู File > New, การแก้ปัญหาการแสดงผลเว็บเพจที่มีใบรับรองผิดพลาด, และการแก้ปัญหาการแจ้งเตือนอีเมลใหม่ที่ไม่แสดงผลใน Windows

    ที่สำคัญคือ Thunderbird 143 ได้อุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยถึง 10 จุด รวมถึงช่องโหว่ระดับสูงที่อาจนำไปสู่การหลุดออกจาก sandbox หรือการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งแม้จะไม่สามารถโจมตีผ่านอีเมลโดยตรง แต่ก็เป็นความเสี่ยงในบริบทที่ Thunderbird ถูกใช้เป็นเบราว์เซอร์หรือในระบบที่เปิด scripting

    Thunderbird 143 เป็นเวอร์ชันแก้บั๊ก ไม่มีฟีเจอร์ใหม่
    เน้นปรับปรุงเสถียรภาพและความปลอดภัย
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบอีเมลที่มั่นคง

    แก้ปัญหาการแครชและ UI หลายจุด
    แก้ปัญหาแครชตอนเปิดโปรแกรมและนำเข้าอีเมล
    แก้ UI ค้างเมื่อเพิ่มบัญชีใหม่
    แก้เมนูที่หายไปหลังอัปเดต ESR

    ปรับปรุงการใช้งานและ UX
    เพิ่มตัวเลือกสร้างสมุดที่อยู่ใหม่
    แก้ปัญหาการลากวางรายชื่อผิดพลาด
    แก้ปัญหาการแสดงผลเว็บเพจที่มีใบรับรองผิด

    อุดช่องโหว่ความปลอดภัยกว่า 10 จุด
    รวมถึงช่องโหว่ระดับสูง เช่น use-after-free และ sandbox escape
    ป้องกันการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตในบริบทที่มี scripting

    รองรับทุกระบบปฏิบัติการหลัก
    Windows 10 ขึ้นไป, macOS 10.15 ขึ้นไป, Linux ที่ใช้ GTK+ 3.14 ขึ้นไป
    ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการโดยไม่ต้องติดตั้ง

    https://9to5linux.com/mozilla-thunderbird-143-open-source-email-client-arrives-as-a-bugfix-only-release
    📰 Thunderbird 143 อัปเดตใหม่เน้นแก้บั๊ก — ยกระดับความเสถียร พร้อมอุดช่องโหว่ความปลอดภัยกว่า 10 จุด Mozilla Thunderbird โปรแกรมอีเมลโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ได้ปล่อยเวอร์ชัน 143 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตแบบ “bugfix-only” ที่เน้นแก้ไขปัญหาการใช้งานและอุดช่องโหว่ความปลอดภัย โดยไม่มีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ถือเป็นการปรับปรุงครั้งสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียรและปลอดภัยในการใช้งานอีเมล การอัปเดตครั้งนี้แก้ปัญหาหลายจุด เช่น การแครชตอนเปิดโปรแกรม, ปัญหาเมื่อเพิ่มบัญชีอีเมลใหม่, การนำเข้าอีเมลแล้วเกิดข้อผิดพลาด, การแสดงผลเมนูที่หายไปหลังอัปเดตจากเวอร์ชัน ESR 128 ไปยัง ESR 140, และปัญหาการลากวางรายชื่อผู้ติดต่อที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UX เช่น การเพิ่มตัวเลือกสร้างสมุดที่อยู่ใหม่ในเมนู File > New, การแก้ปัญหาการแสดงผลเว็บเพจที่มีใบรับรองผิดพลาด, และการแก้ปัญหาการแจ้งเตือนอีเมลใหม่ที่ไม่แสดงผลใน Windows ที่สำคัญคือ Thunderbird 143 ได้อุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยถึง 10 จุด รวมถึงช่องโหว่ระดับสูงที่อาจนำไปสู่การหลุดออกจาก sandbox หรือการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งแม้จะไม่สามารถโจมตีผ่านอีเมลโดยตรง แต่ก็เป็นความเสี่ยงในบริบทที่ Thunderbird ถูกใช้เป็นเบราว์เซอร์หรือในระบบที่เปิด scripting ✅ Thunderbird 143 เป็นเวอร์ชันแก้บั๊ก ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เน้นปรับปรุงเสถียรภาพและความปลอดภัย ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบอีเมลที่มั่นคง ✅ แก้ปัญหาการแครชและ UI หลายจุด ➡️ แก้ปัญหาแครชตอนเปิดโปรแกรมและนำเข้าอีเมล ➡️ แก้ UI ค้างเมื่อเพิ่มบัญชีใหม่ ➡️ แก้เมนูที่หายไปหลังอัปเดต ESR ✅ ปรับปรุงการใช้งานและ UX ➡️ เพิ่มตัวเลือกสร้างสมุดที่อยู่ใหม่ ➡️ แก้ปัญหาการลากวางรายชื่อผิดพลาด ➡️ แก้ปัญหาการแสดงผลเว็บเพจที่มีใบรับรองผิด ✅ อุดช่องโหว่ความปลอดภัยกว่า 10 จุด ➡️ รวมถึงช่องโหว่ระดับสูง เช่น use-after-free และ sandbox escape ➡️ ป้องกันการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตในบริบทที่มี scripting ✅ รองรับทุกระบบปฏิบัติการหลัก ➡️ Windows 10 ขึ้นไป, macOS 10.15 ขึ้นไป, Linux ที่ใช้ GTK+ 3.14 ขึ้นไป ➡️ ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการโดยไม่ต้องติดตั้ง https://9to5linux.com/mozilla-thunderbird-143-open-source-email-client-arrives-as-a-bugfix-only-release
    9TO5LINUX.COM
    Mozilla Thunderbird 143 Open-Source Email Client Arrives as a Bugfix-Only Release - 9to5Linux
    Mozilla Thunderbird 143 open-source email, news, calendar, chat, and contactbook client is now available for download as a bugfix release.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • ซอสมะขามเนียนขั้นสุด! ด้วยเครื่องบดคอลลอยด์ BONNY
    เคยเจอปัญหาซอสมะขามไม่เนียน มีกากใย ต้องกรองหลายรอบไหมคะ?

    วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ซอสมะขามของคุณเนียนละเอียดขึ้นอีกระดับ!

    เบื้องหลังความอร่อยที่เหนือกว่าคือ BONNY เครื่องบดคอลลอยด์ รุ่น YCM-JMF180-SHZ-S นั่นเอง! เครื่องนี้มาพร้อม กำลังการผลิตสูงถึง 5,000 กก./ชม. และมอเตอร์ 30 แรงม้า ที่มีความเร็วรอบ 2,800 RPM ไม่ใช่แค่บดธรรมดา แต่ยังบดได้ละเอียดถึงระดับไมโคร! ทำให้กากใยที่แข็งกระด้างกลายเป็นเนื้อซอสที่เนียนนุ่มจนแทบละลายในปาก

    ไม่ต้องเสียเวลากรองซ้ำอีกต่อไป แค่ผ่านเครื่อง BONNY ครั้งเดียว ก็ได้ซอสมะขามที่เนียนสวยพร้อมใช้งานทันที!

    รายละเอียดเครื่อง:
    กำลังการผลิต: 100–500 กก./ชม.
    กำลังไฟฟ้า: 30 แรงม้า
    ขนาด: 106 x 61 x 110 ซม.
    น้ำหนัก: 381 กก.

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)

    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    แชท: m.me/yonghahheng

    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9

    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #BONNY #เครื่องบดคอลลอยด์ #เครื่องจักรอาหาร #ซอสมะขาม #เครื่องบด #อาหารแปรรูป #ColloidMill #KitchenEquipment #FoodProcessing #ThaiFood #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #FoodMachinery #HomemadeSauce #TamarindSauce #อาหารไทย #ธุรกิจSME #อาหารแปรรูป #Tamarind #น้ําจิ้ม #น้ําพริก #อาหารคลีน #เครื่องปรุงรส #วัตถุดิบอาหาร #แปรรูป #ธุรกิจใหม่ #เมนูสุขภาพ #วัตถุดิบคุณภาพ
    😋 ซอสมะขามเนียนขั้นสุด! ด้วยเครื่องบดคอลลอยด์ BONNY ✨ เคยเจอปัญหาซอสมะขามไม่เนียน มีกากใย ต้องกรองหลายรอบไหมคะ? 😩 วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ซอสมะขามของคุณเนียนละเอียดขึ้นอีกระดับ! 🚀 เบื้องหลังความอร่อยที่เหนือกว่าคือ BONNY เครื่องบดคอลลอยด์ รุ่น YCM-JMF180-SHZ-S นั่นเอง! 🔥 เครื่องนี้มาพร้อม กำลังการผลิตสูงถึง 5,000 กก./ชม. และมอเตอร์ 30 แรงม้า ที่มีความเร็วรอบ 2,800 RPM ไม่ใช่แค่บดธรรมดา แต่ยังบดได้ละเอียดถึงระดับไมโคร! 🔬 ทำให้กากใยที่แข็งกระด้างกลายเป็นเนื้อซอสที่เนียนนุ่มจนแทบละลายในปาก 🤤 ไม่ต้องเสียเวลากรองซ้ำอีกต่อไป 🙅‍♀️ แค่ผ่านเครื่อง BONNY ครั้งเดียว ก็ได้ซอสมะขามที่เนียนสวยพร้อมใช้งานทันที! 💯 📌 รายละเอียดเครื่อง: กำลังการผลิต: 100–500 กก./ชม. กำลังไฟฟ้า: 30 แรงม้า ขนาด: 106 x 61 x 110 ซม. น้ำหนัก: 381 กก. 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #BONNY #เครื่องบดคอลลอยด์ #เครื่องจักรอาหาร #ซอสมะขาม #เครื่องบด #อาหารแปรรูป #ColloidMill #KitchenEquipment #FoodProcessing #ThaiFood #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #FoodMachinery #HomemadeSauce #TamarindSauce #อาหารไทย #ธุรกิจSME #อาหารแปรรูป #Tamarind #น้ําจิ้ม #น้ําพริก #อาหารคลีน #เครื่องปรุงรส #วัตถุดิบอาหาร #แปรรูป #ธุรกิจใหม่ #เมนูสุขภาพ #วัตถุดิบคุณภาพ
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • “FSR 4 หลุดซอร์สโค้ด — เปิดทางให้การ์ดจอเก่าใช้เทคโนโลยีอัปสเกล AI แบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่ง Linux”

    AMD FidelityFX Super Resolution 4 หรือ FSR 4 เป็นเทคโนโลยีอัปสเกลภาพด้วย AI รุ่นล่าสุดจาก AMD ที่เดิมทีรองรับเฉพาะการ์ดจอ Radeon RX 9000 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 เท่านั้น แต่เมื่อเดือนกันยายน 2025 มีการ “หลุด” ซอร์สโค้ดของ FSR 4 ออกมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถนำไปปรับแต่งและใช้งานบนการ์ดจอรุ่นเก่าได้อย่างกว้างขวาง

    ซอร์สโค้ดที่หลุดออกมานั้นรวมถึงเวอร์ชันที่ใช้ INT8 ซึ่งเป็นชนิดข้อมูลที่รองรับโดยเกือบทุก GPU สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Radeon RX 7000, GeForce RTX 30/40 หรือแม้แต่ Intel Arc ทำให้การใช้งาน FSR 4 ไม่จำกัดเฉพาะฮาร์ดแวร์ใหม่อีกต่อไป โดยไม่ต้องใช้ Linux เหมือนวิธีการแฮกในช่วงแรก ๆ

    ผู้ใช้ Reddit นามว่า /u/AthleteDependent926 ได้รวบรวมและคอมไพล์ซอร์สโค้ดให้เป็นไฟล์ DLL ที่สามารถใช้งานได้จริงผ่าน OptiScaler ซึ่งเป็นม็อดแบบ multi-game ที่คล้ายกับ ReShade โดยผู้ใช้สามารถติดตั้ง OptiScaler ลงในโฟลเดอร์เกม แล้วเลือก FSR 4.0.2 จากเมนู UI เพื่อเปิดใช้งาน

    จากการทดสอบในเกม Cyberpunk 2077 พบว่า FSR 4 ให้คุณภาพภาพที่คมชัดกว่า FSR 3 และ Intel XeSS อย่างชัดเจน แม้จะยังไม่เทียบเท่า DLSS 4 ของ NVIDIA แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการ์ดจอระดับสูง โดยเฉพาะในเกมที่รองรับ FSR 3 อยู่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม การใช้งานผ่านม็อดยังมีข้อจำกัด เช่น การตั้งค่าที่ไม่ตรงไปตรงมา และประสิทธิภาพที่ลดลงเล็กน้อยจากการประมวลผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะในโหมด Ray Tracing ซึ่งอาจทำให้เฟรมเรตลดลงจาก 60 FPS เหลือประมาณ 48 FPS

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ด FSR 4 ที่รวมเวอร์ชัน INT8 ซึ่งรองรับ GPU ส่วนใหญ่
    ผู้ใช้ Reddit คอมไพล์ซอร์สโค้ดเป็น DLL ที่ใช้งานได้จริง
    ใช้งานผ่านม็อด OptiScaler โดยเลือก FSR 4.0.2 จาก UI
    รองรับ DirectX 12, DirectX 11 และ Vulkan ในหลายเกม

    ผลการทดสอบและคุณภาพภาพ
    FSR 4 ให้ภาพคมชัดกว่า FSR 3 และ XeSS โดยเฉพาะใน Cyberpunk 2077
    ลดอาการเบลอและ aliasing บนวัตถุระยะไกล
    ใช้เวลาอัปสเกลประมาณ 4.1 ms บน RX 7800 XT และ 2.3 ms บน Radeon 8060S
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการคุณภาพภาพสูงโดยไม่ต้องใช้ DLSS

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    FSR 4 เวอร์ชัน FP8 ใช้เฉพาะบน RDNA 4 เท่านั้น
    INT8 เป็นชนิดข้อมูลที่ใช้กันทั่วไปในงาน AI inference
    OptiScaler เป็นม็อดที่รองรับหลายเกมและสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย
    การใช้งาน FSR 4 ผ่าน DLL ช่วยให้เกมเก่าได้รับคุณภาพภาพที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/latest-fsr-4-source-code-leak-lets-you-run-amds-ai-upscaling-tech-on-nearly-any-gpu-no-linux-required
    🧠 “FSR 4 หลุดซอร์สโค้ด — เปิดทางให้การ์ดจอเก่าใช้เทคโนโลยีอัปสเกล AI แบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่ง Linux” AMD FidelityFX Super Resolution 4 หรือ FSR 4 เป็นเทคโนโลยีอัปสเกลภาพด้วย AI รุ่นล่าสุดจาก AMD ที่เดิมทีรองรับเฉพาะการ์ดจอ Radeon RX 9000 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 เท่านั้น แต่เมื่อเดือนกันยายน 2025 มีการ “หลุด” ซอร์สโค้ดของ FSR 4 ออกมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถนำไปปรับแต่งและใช้งานบนการ์ดจอรุ่นเก่าได้อย่างกว้างขวาง ซอร์สโค้ดที่หลุดออกมานั้นรวมถึงเวอร์ชันที่ใช้ INT8 ซึ่งเป็นชนิดข้อมูลที่รองรับโดยเกือบทุก GPU สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Radeon RX 7000, GeForce RTX 30/40 หรือแม้แต่ Intel Arc ทำให้การใช้งาน FSR 4 ไม่จำกัดเฉพาะฮาร์ดแวร์ใหม่อีกต่อไป โดยไม่ต้องใช้ Linux เหมือนวิธีการแฮกในช่วงแรก ๆ ผู้ใช้ Reddit นามว่า /u/AthleteDependent926 ได้รวบรวมและคอมไพล์ซอร์สโค้ดให้เป็นไฟล์ DLL ที่สามารถใช้งานได้จริงผ่าน OptiScaler ซึ่งเป็นม็อดแบบ multi-game ที่คล้ายกับ ReShade โดยผู้ใช้สามารถติดตั้ง OptiScaler ลงในโฟลเดอร์เกม แล้วเลือก FSR 4.0.2 จากเมนู UI เพื่อเปิดใช้งาน จากการทดสอบในเกม Cyberpunk 2077 พบว่า FSR 4 ให้คุณภาพภาพที่คมชัดกว่า FSR 3 และ Intel XeSS อย่างชัดเจน แม้จะยังไม่เทียบเท่า DLSS 4 ของ NVIDIA แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการ์ดจอระดับสูง โดยเฉพาะในเกมที่รองรับ FSR 3 อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การใช้งานผ่านม็อดยังมีข้อจำกัด เช่น การตั้งค่าที่ไม่ตรงไปตรงมา และประสิทธิภาพที่ลดลงเล็กน้อยจากการประมวลผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะในโหมด Ray Tracing ซึ่งอาจทำให้เฟรมเรตลดลงจาก 60 FPS เหลือประมาณ 48 FPS ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ด FSR 4 ที่รวมเวอร์ชัน INT8 ซึ่งรองรับ GPU ส่วนใหญ่ ➡️ ผู้ใช้ Reddit คอมไพล์ซอร์สโค้ดเป็น DLL ที่ใช้งานได้จริง ➡️ ใช้งานผ่านม็อด OptiScaler โดยเลือก FSR 4.0.2 จาก UI ➡️ รองรับ DirectX 12, DirectX 11 และ Vulkan ในหลายเกม ✅ ผลการทดสอบและคุณภาพภาพ ➡️ FSR 4 ให้ภาพคมชัดกว่า FSR 3 และ XeSS โดยเฉพาะใน Cyberpunk 2077 ➡️ ลดอาการเบลอและ aliasing บนวัตถุระยะไกล ➡️ ใช้เวลาอัปสเกลประมาณ 4.1 ms บน RX 7800 XT และ 2.3 ms บน Radeon 8060S ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการคุณภาพภาพสูงโดยไม่ต้องใช้ DLSS ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ FSR 4 เวอร์ชัน FP8 ใช้เฉพาะบน RDNA 4 เท่านั้น ➡️ INT8 เป็นชนิดข้อมูลที่ใช้กันทั่วไปในงาน AI inference ➡️ OptiScaler เป็นม็อดที่รองรับหลายเกมและสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ➡️ การใช้งาน FSR 4 ผ่าน DLL ช่วยให้เกมเก่าได้รับคุณภาพภาพที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/latest-fsr-4-source-code-leak-lets-you-run-amds-ai-upscaling-tech-on-nearly-any-gpu-no-linux-required
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Latest FSR 4 source code 'leak' lets you run AMD's AI upscaling tech on nearly any GPU — no Linux required
    It's a bit hacky, but with some tweaking, older GPUs get a nice new upscaling option. Maybe it'll make Bl4 playable?
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • “ดู YouTube หนึ่งชั่วโมงใช้เน็ตเท่าไหร่? — เปิดตัวเลขจริง พร้อมเทคนิคประหยัดดาต้าแบบไม่ต้องงดดูคลิป”

    ในยุคที่การดู YouTube กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ใช้มือถือที่ต้องพึ่งพาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบจำกัด การรู้ว่าการดูคลิปหนึ่งชั่วโมงใช้ดาต้าเท่าไหร่จึงเป็นเรื่องสำคัญ ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้ทดสอบการใช้งานจริงโดยเปิดวิดีโอ YouTube ต่อเนื่องหนึ่งชั่วโมงในหลายความละเอียด เพื่อหาค่าการใช้ดาต้าเฉลี่ยต่อชั่วโมง

    ผลการทดสอบพบว่า:
    - 144p ใช้ดาต้าเพียง 27 MB ต่อชั่วโมง
    - 480p ใช้ประมาณ 93 MB
    - 720p ใช้ 107 MB
    - 1080p ใช้ 170 MB
    - 2160p (4K) ใช้สูงถึง 355 MB

    แต่ตัวเลขเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตาม bitrate ของวิดีโอ ซึ่ง YouTube ใช้แบบแปรผัน (variable bitrate) หมายความว่าคลิปที่มีภาพเคลื่อนไหวมากหรือเสียงซับซ้อนจะใช้ดาต้ามากกว่าคลิปนิ่ง ๆ เช่น พอดแคสต์หรือวิดีโอสไลด์

    หากต้องการประหยัดดาต้า ผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดวิดีโอได้ง่าย ๆ ผ่านไอคอนรูปเฟืองที่มุมขวาล่างของวิดีโอ และเลือกความละเอียดที่เหมาะสมกับขนาดหน้าจอ เช่น 360p หรือ 480p สำหรับมือถือ หรือ 720p สำหรับจอคอมทั่วไป

    นอกจากนี้ YouTube ยังมีฟีเจอร์ “Data Saver Mode” ที่ช่วยลดการใช้ดาต้าโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi โดยจะลดคุณภาพวิดีโอ ปิด autoplay และจำกัดการอัปโหลด ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ในแอป YouTube ผ่านเมนูการตั้งค่า

    วิธีประหยัดดาต้าในการดู YouTube
    ปรับความละเอียดวิดีโอผ่านไอคอนเฟือง → Quality → เลือกความละเอียด
    ใช้ Data Saver Mode ในแอป YouTube เพื่อลดคุณภาพวิดีโอและปิด autoplay
    บนเบราว์เซอร์สามารถใช้ปลั๊กอิน เช่น YouTube Auto HD + FPS หรือ YouTube High Definition
    ความละเอียด 360p–480p เหมาะกับมือถือ ส่วน 720p เหมาะกับจอคอมทั่วไป

    https://www.slashgear.com/1966598/youtube-data-usage-per-hour/
    📶 “ดู YouTube หนึ่งชั่วโมงใช้เน็ตเท่าไหร่? — เปิดตัวเลขจริง พร้อมเทคนิคประหยัดดาต้าแบบไม่ต้องงดดูคลิป” ในยุคที่การดู YouTube กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ใช้มือถือที่ต้องพึ่งพาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบจำกัด การรู้ว่าการดูคลิปหนึ่งชั่วโมงใช้ดาต้าเท่าไหร่จึงเป็นเรื่องสำคัญ ล่าสุดเว็บไซต์ SlashGear ได้ทดสอบการใช้งานจริงโดยเปิดวิดีโอ YouTube ต่อเนื่องหนึ่งชั่วโมงในหลายความละเอียด เพื่อหาค่าการใช้ดาต้าเฉลี่ยต่อชั่วโมง ผลการทดสอบพบว่า: - 144p ใช้ดาต้าเพียง 27 MB ต่อชั่วโมง - 480p ใช้ประมาณ 93 MB - 720p ใช้ 107 MB - 1080p ใช้ 170 MB - 2160p (4K) ใช้สูงถึง 355 MB แต่ตัวเลขเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตาม bitrate ของวิดีโอ ซึ่ง YouTube ใช้แบบแปรผัน (variable bitrate) หมายความว่าคลิปที่มีภาพเคลื่อนไหวมากหรือเสียงซับซ้อนจะใช้ดาต้ามากกว่าคลิปนิ่ง ๆ เช่น พอดแคสต์หรือวิดีโอสไลด์ หากต้องการประหยัดดาต้า ผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดวิดีโอได้ง่าย ๆ ผ่านไอคอนรูปเฟืองที่มุมขวาล่างของวิดีโอ และเลือกความละเอียดที่เหมาะสมกับขนาดหน้าจอ เช่น 360p หรือ 480p สำหรับมือถือ หรือ 720p สำหรับจอคอมทั่วไป นอกจากนี้ YouTube ยังมีฟีเจอร์ “Data Saver Mode” ที่ช่วยลดการใช้ดาต้าโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi โดยจะลดคุณภาพวิดีโอ ปิด autoplay และจำกัดการอัปโหลด ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ในแอป YouTube ผ่านเมนูการตั้งค่า ✅ วิธีประหยัดดาต้าในการดู YouTube ➡️ ปรับความละเอียดวิดีโอผ่านไอคอนเฟือง → Quality → เลือกความละเอียด ➡️ ใช้ Data Saver Mode ในแอป YouTube เพื่อลดคุณภาพวิดีโอและปิด autoplay ➡️ บนเบราว์เซอร์สามารถใช้ปลั๊กอิน เช่น YouTube Auto HD + FPS หรือ YouTube High Definition ➡️ ความละเอียด 360p–480p เหมาะกับมือถือ ส่วน 720p เหมาะกับจอคอมทั่วไป https://www.slashgear.com/1966598/youtube-data-usage-per-hour/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Here's How Much Data YouTube Uses Per Hour - SlashGear
    YouTube has become one of the most popular sources of entertainment in the world, but it can easily use up your mobile plan's data if you're not careful.
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • เปิดบัญชีกรุงไทยผ่านแอปฯ เป๋าตัง เลือก 3 ตัวหน้าได้เองไม่ต้องไปสาขา

    แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ถ้าไม่เคยมีบัญชีธนาคารกรุงไทยมาก่อน หรือมีแล้วอยากเปิดเพิ่ม สามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป๋ามีตัง (Pao Mee Tang e-Savings) ได้โดยไม่ต้องไปสาขา และไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี เพียงแค่กรอกเลข Laser ID ด้านหลังบัตรประชาชน และสแกนใบหน้า ไม่ถึง 5 นาทีเป็นอันเสร็จสิ้น

    นอกจากนี้ สามารถเลือกเลขที่บัญชี 3 ตัวหน้าได้เองจากรหัสสาขา โดยเลขหลักที่สี่เป็นเลข 0 หมายถึงบัญชีออมทรัพย์ ค้นหารหัสสาขา 3 หลักได้จากเว็บไซต์ krungthai.com เลือกเมนู "จุดให้บริการ" (Location) กรอกเลข 3 หลักในช่อง "ค้นหาจากรหัสสาขา" (Search by branch code) หากไม่พบแสดงว่าสาขานี้ปิดถาวร แต่ก็มีบางสาขาอาจปิดไปแล้ว

    คำเตือน บัญชีนี้ทำธุรกรรมได้เฉพาะแอปฯ เป๋าตังเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มบัญชีลงในแอปฯ Krungthai Next ได้ แต่สามารถใช้บริการแจ้งเตือน Krungthai Connext ผ่าน LINE ได้

    การฝากเงินสดผ่านสาขาธนาคารและเครื่อง ADM หากเปิดบัญชีสาขาต่างจังหวัด มีค่าธรรมเนียมข้ามเขต แนะนำให้โอนเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ไปยังบัญชีเป๋ามีตัง ส่วนการโอนเงินออกทำรายการผ่านแอปฯ เป๋าตัง เลือกช่องทางโอนเงิน "บัญชีเป๋ามีตัง"

    กรณีเปิดบัญชีเป็นจำนวนเงินศูนย์บาท หากไม่ทำรายการเคลื่อนไหว (ฝาก-ถอน) ภายในระยะเวลา 45 วัน นับตั้งแต่วันที่เปิดบัญชีเงินฝาก ธนาคารขอสงวนสิทธิปิดบัญชี

    กรณีบัญชีไม่เคลื่อนไหว 1 ปี และมียอดเงินคงเหลือต่ากว่า 2,000 บาท มีค่ารักษาบัญชี 50 บาทต่อเดือน หากยอดเงินคงเหลือ 0 บาทติดต่อกัน 1 ปี จะปิดบัญชีโดยอัตโนมัติ

    รหัสสาขาเลขสวย (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

    เลขตอง
    000-0 สาขานานาเหนือ
    111-0 สาขาลพบุรี
    222-0 สาขาบางคล้า
    333-0 สาขาบุณฑริก
    444-0 สาขาอากาศอำนวย

    เลขหลักพัน
    500-0 สาขาแม่เมาะ
    600-0 สาขาโลตัส อุตรดิตถ์
    800-0 สาขาหัวหมากทาวน์เซ็นเตอร์
    900-0 สาขาแก่งคอย

    เลขลงท้าย 88
    088-0 สาขาศาลาว่าการ กทม.
    188-0 สาขาพัฒนาการ 65
    288-0 สาขาคูเมือง
    388-0 สาขาโลตัส ถลาง
    488-0 สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
    688-0 สาขาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

    เลขลงท้าย 99
    399-0 สาขาโลตัส บางใหญ่
    799-0 สาขาฟอร์จูนทาวน์

    เลขเรียง
    123-0 สาขาปากเกร็ด
    234-0 สาขามาบตาพุด
    567-0 สาขาตลาดวงศกร
    789-0 สาขาโลตัส ขอนแก่น*
    * เลขรวยด้วยกันไปนานๆ (เลขมังกร)

    เลขรวยทางเดียว (ฮกลกซิ่ว)
    618-0 สาขาศรีสำโรง
    816-0 สาขาตลาดหัวอิฐ

    เลขรวยง่ายไปนานๆ (เลขหงส์)
    829-0 สาขาเกาะสมุย

    เลขส่งเสริมด้านการค้า การเงิน (เลขกวนอู)
    369-0 สาขาสะเดา

    #Newskit
    เปิดบัญชีกรุงไทยผ่านแอปฯ เป๋าตัง เลือก 3 ตัวหน้าได้เองไม่ต้องไปสาขา แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ถ้าไม่เคยมีบัญชีธนาคารกรุงไทยมาก่อน หรือมีแล้วอยากเปิดเพิ่ม สามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป๋ามีตัง (Pao Mee Tang e-Savings) ได้โดยไม่ต้องไปสาขา และไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี เพียงแค่กรอกเลข Laser ID ด้านหลังบัตรประชาชน และสแกนใบหน้า ไม่ถึง 5 นาทีเป็นอันเสร็จสิ้น นอกจากนี้ สามารถเลือกเลขที่บัญชี 3 ตัวหน้าได้เองจากรหัสสาขา โดยเลขหลักที่สี่เป็นเลข 0 หมายถึงบัญชีออมทรัพย์ ค้นหารหัสสาขา 3 หลักได้จากเว็บไซต์ krungthai.com เลือกเมนู "จุดให้บริการ" (Location) กรอกเลข 3 หลักในช่อง "ค้นหาจากรหัสสาขา" (Search by branch code) หากไม่พบแสดงว่าสาขานี้ปิดถาวร แต่ก็มีบางสาขาอาจปิดไปแล้ว คำเตือน บัญชีนี้ทำธุรกรรมได้เฉพาะแอปฯ เป๋าตังเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มบัญชีลงในแอปฯ Krungthai Next ได้ แต่สามารถใช้บริการแจ้งเตือน Krungthai Connext ผ่าน LINE ได้ การฝากเงินสดผ่านสาขาธนาคารและเครื่อง ADM หากเปิดบัญชีสาขาต่างจังหวัด มีค่าธรรมเนียมข้ามเขต แนะนำให้โอนเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ไปยังบัญชีเป๋ามีตัง ส่วนการโอนเงินออกทำรายการผ่านแอปฯ เป๋าตัง เลือกช่องทางโอนเงิน "บัญชีเป๋ามีตัง" กรณีเปิดบัญชีเป็นจำนวนเงินศูนย์บาท หากไม่ทำรายการเคลื่อนไหว (ฝาก-ถอน) ภายในระยะเวลา 45 วัน นับตั้งแต่วันที่เปิดบัญชีเงินฝาก ธนาคารขอสงวนสิทธิปิดบัญชี กรณีบัญชีไม่เคลื่อนไหว 1 ปี และมียอดเงินคงเหลือต่ากว่า 2,000 บาท มีค่ารักษาบัญชี 50 บาทต่อเดือน หากยอดเงินคงเหลือ 0 บาทติดต่อกัน 1 ปี จะปิดบัญชีโดยอัตโนมัติ รหัสสาขาเลขสวย (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) เลขตอง 000-0 สาขานานาเหนือ 111-0 สาขาลพบุรี 222-0 สาขาบางคล้า 333-0 สาขาบุณฑริก 444-0 สาขาอากาศอำนวย เลขหลักพัน 500-0 สาขาแม่เมาะ 600-0 สาขาโลตัส อุตรดิตถ์ 800-0 สาขาหัวหมากทาวน์เซ็นเตอร์ 900-0 สาขาแก่งคอย เลขลงท้าย 88 088-0 สาขาศาลาว่าการ กทม. 188-0 สาขาพัฒนาการ 65 288-0 สาขาคูเมือง 388-0 สาขาโลตัส ถลาง 488-0 สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ 688-0 สาขาศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เลขลงท้าย 99 399-0 สาขาโลตัส บางใหญ่ 799-0 สาขาฟอร์จูนทาวน์ เลขเรียง 123-0 สาขาปากเกร็ด 234-0 สาขามาบตาพุด 567-0 สาขาตลาดวงศกร 789-0 สาขาโลตัส ขอนแก่น* * เลขรวยด้วยกันไปนานๆ (เลขมังกร) เลขรวยทางเดียว (ฮกลกซิ่ว) 618-0 สาขาศรีสำโรง 816-0 สาขาตลาดหัวอิฐ เลขรวยง่ายไปนานๆ (เลขหงส์) 829-0 สาขาเกาะสมุย เลขส่งเสริมด้านการค้า การเงิน (เลขกวนอู) 369-0 สาขาสะเดา #Newskit
    1 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • “Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ทดสอบความเร็วเน็ตใน Taskbar — กดปุ๊บเปิด Bing ปั๊บ แต่ยังไม่ใช่ระบบในเครื่องจริง”

    Microsoft เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ให้ผู้ใช้สามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ทันทีจาก Taskbar โดยไม่ต้องเปิดเว็บไซต์หรือแอปภายนอก โดยในเวอร์ชัน Insider ล่าสุด (Build 26220.6682 และ 26120.6682) มีการเพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ทั้งในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่าย และในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi

    เมื่อคลิกปุ่มดังกล่าว ระบบจะเปิดเบราว์เซอร์และนำผู้ใช้ไปยัง Bing ซึ่งมีเครื่องมือทดสอบความเร็วเน็ตฝังอยู่ — หมายความว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่ใช่การทดสอบแบบ native ภายใน Windows แต่เป็นการเชื่อมต่อไปยังบริการภายนอกที่ Microsoft ควบคุมผ่าน Bing

    นอกจากฟีเจอร์นี้ Microsoft ยังปรับปรุงหน้าการตั้งค่าหลายส่วน เช่น หน้า Mobile Devices ที่รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในที่เดียว และหน้า Privacy & Security ที่มีหัวข้อชัดเจนมากขึ้น รวมถึงหน้าใหม่ “Background AI tasks” ที่ยังไม่เสถียรและมีรายงานว่าทำให้ระบบล่มในบางกรณี

    แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สะท้อนถึงแนวทางของ Microsoft ที่พยายามเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และเชื่อมโยงบริการของตนเองเข้ากับระบบปฏิบัติการอย่างแนบเนียนมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build
    เพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่ายใน Taskbar
    เพิ่มปุ่มทดสอบความเร็วในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi
    เมื่อคลิกแล้วจะเปิด Bing เพื่อทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์
    ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Build 26220.6682 และ 26120.6682 (KB5065782) ในช่อง Dev และ Beta

    การปรับปรุงหน้าการตั้งค่า
    หน้า Mobile Devices รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในหน้าหลักของ Bluetooth & Devices
    หน้า Privacy & Security ถูกจัดระเบียบใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น
    เพิ่มหน้า “Background AI tasks” สำหรับควบคุมงานเบื้องหลังของ AI
    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบกับผู้ใช้ Insider

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-is-getting-a-built-in-internet-speed-test-feature-that-will-take-you-to-bing-along-with-multiple-revamped-settings-pages-latest-insider-channel-builds-reveal-prominent-changes-coming-soon-to-the-os
    📶 “Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ทดสอบความเร็วเน็ตใน Taskbar — กดปุ๊บเปิด Bing ปั๊บ แต่ยังไม่ใช่ระบบในเครื่องจริง” Microsoft เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ให้ผู้ใช้สามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ทันทีจาก Taskbar โดยไม่ต้องเปิดเว็บไซต์หรือแอปภายนอก โดยในเวอร์ชัน Insider ล่าสุด (Build 26220.6682 และ 26120.6682) มีการเพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ทั้งในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่าย และในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi เมื่อคลิกปุ่มดังกล่าว ระบบจะเปิดเบราว์เซอร์และนำผู้ใช้ไปยัง Bing ซึ่งมีเครื่องมือทดสอบความเร็วเน็ตฝังอยู่ — หมายความว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่ใช่การทดสอบแบบ native ภายใน Windows แต่เป็นการเชื่อมต่อไปยังบริการภายนอกที่ Microsoft ควบคุมผ่าน Bing นอกจากฟีเจอร์นี้ Microsoft ยังปรับปรุงหน้าการตั้งค่าหลายส่วน เช่น หน้า Mobile Devices ที่รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในที่เดียว และหน้า Privacy & Security ที่มีหัวข้อชัดเจนมากขึ้น รวมถึงหน้าใหม่ “Background AI tasks” ที่ยังไม่เสถียรและมีรายงานว่าทำให้ระบบล่มในบางกรณี แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สะท้อนถึงแนวทางของ Microsoft ที่พยายามเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และเชื่อมโยงบริการของตนเองเข้ากับระบบปฏิบัติการอย่างแนบเนียนมากขึ้น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ➡️ เพิ่มปุ่ม “Perform speed test” ในเมนูคลิกขวาของไอคอนเครือข่ายใน Taskbar ➡️ เพิ่มปุ่มทดสอบความเร็วในหน้า Quick Settings ของ Wi-Fi ➡️ เมื่อคลิกแล้วจะเปิด Bing เพื่อทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Build 26220.6682 และ 26120.6682 (KB5065782) ในช่อง Dev และ Beta ✅ การปรับปรุงหน้าการตั้งค่า ➡️ หน้า Mobile Devices รวมการควบคุมโทรศัพท์ไว้ในหน้าหลักของ Bluetooth & Devices ➡️ หน้า Privacy & Security ถูกจัดระเบียบใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น ➡️ เพิ่มหน้า “Background AI tasks” สำหรับควบคุมงานเบื้องหลังของ AI ➡️ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบกับผู้ใช้ Insider https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-is-getting-a-built-in-internet-speed-test-feature-that-will-take-you-to-bing-along-with-multiple-revamped-settings-pages-latest-insider-channel-builds-reveal-prominent-changes-coming-soon-to-the-os
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-9-68
    .
    สวัสดีวันจันทร์ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็น "ก๋วยเตี๋ยวไก่ สูตรคุณสนธิ" โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้พูดคุยกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพการรักษาโรคมะเร็ง, สถานการณ์การเมืองโลก และการเมืองไทย ที่เห็นได้ชัดว่ากระแสฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ฝ่ายขวา) กำลังมาแรง ทั้งในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา นำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่มีการเชิญ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์เข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้วย
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vWs995gNVh0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มะเร็ง #การเมืองโลก #การเมืองไทย #MOU2543 #MOU2544
    สนธิเล่าเรื่อง 15-9-68 . สวัสดีวันจันทร์ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็น "ก๋วยเตี๋ยวไก่ สูตรคุณสนธิ" โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้พูดคุยกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพการรักษาโรคมะเร็ง, สถานการณ์การเมืองโลก และการเมืองไทย ที่เห็นได้ชัดว่ากระแสฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ฝ่ายขวา) กำลังมาแรง ทั้งในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา นำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่มีการเชิญ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์เข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vWs995gNVh0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มะเร็ง #การเมืองโลก #การเมืองไทย #MOU2543 #MOU2544
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 326 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Marketplace ถึง Meta Pay: เมื่อการซื้อของออนไลน์กลายเป็นช่องทางเก็บข้อมูลการเงินโดยไม่รู้ตัว

    หลายคนอาจเคยซื้อของผ่าน Facebook Marketplace, ลงโฆษณา, หรือบริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์มของ Meta โดยไม่ทันสังเกตว่า Facebook ได้เก็บข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชี PayPal ไว้ในระบบโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากการคลิก “Save card for later” หรือการใช้ Meta Pay โดยไม่ตั้งใจ

    แม้จะสะดวกในแง่การใช้งานซ้ำ แต่การเก็บข้อมูลการเงินไว้ในระบบที่มีประวัติปัญหาด้านความปลอดภัยอย่าง Meta ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การถูกเรียกเก็บเงินจากโฆษณาที่ลืมปิด หรือการซื้อของโดยบุคคลอื่นที่เข้าถึงบัญชีของคุณ

    โชคดีที่ผู้ใช้สามารถลบข้อมูลการชำระเงินออกจาก Facebook ได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ โดยใช้ขั้นตอนง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามประเภทการใช้งาน เช่น Meta Pay หรือ Ad Payments

    นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเสริมจากภายนอกว่า Meta เคยถูกฟ้องและยอมจ่ายเงินชดเชยกว่า $725 ล้านจากกรณีละเมิดข้อมูลผู้ใช้ในคดี Cambridge Analytica ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวในอดีตของบริษัทนี้

    วิธีลบข้อมูลการชำระเงินจาก Facebook
    บนเดสก์ท็อป: ไปที่ Menu > Orders and payments > เลือกบัตร > Remove
    สำหรับโฆษณา: ไปที่ Ad Center > Payment Settings > Remove จากรายการ
    บนมือถือ: ไปที่ Settings & Privacy > Orders and payments > Credit and debit cards > Remove

    ประเภทข้อมูลที่ถูกเก็บไว้
    บัตรเครดิต/เดบิต, บัญชี PayPal, หรือบัญชีธนาคาร
    ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกใช้เป็น default สำหรับการชำระเงินในอนาคต
    การลบข้อมูลไม่ลบประวัติการซื้อ แต่ปิดช่องทางการเรียกเก็บเงิน

    ความสะดวกของ Meta Pay และระบบโฆษณา
    Meta Pay ใช้สำหรับการซื้อสินค้า, บริจาค, หรือชำระเงินในแอป
    ระบบโฆษณาเก็บข้อมูลการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีการเก็บข้อมูลไว้หลังการใช้งานครั้งเดียว

    ประวัติการละเมิดข้อมูลของ Meta
    Meta เคยถูกฟ้องจากกรณี Cambridge Analytica และยอมจ่าย $725 ล้าน
    ผู้ใช้ Facebook ระหว่างปี 2007–2022 มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย
    การละเมิดข้อมูลส่วนตัวทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในระบบของ Meta

    https://www.slashgear.com/1965008/how-to-remove-payment-details-from-facebook-meta/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Marketplace ถึง Meta Pay: เมื่อการซื้อของออนไลน์กลายเป็นช่องทางเก็บข้อมูลการเงินโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจเคยซื้อของผ่าน Facebook Marketplace, ลงโฆษณา, หรือบริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์มของ Meta โดยไม่ทันสังเกตว่า Facebook ได้เก็บข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชี PayPal ไว้ในระบบโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากการคลิก “Save card for later” หรือการใช้ Meta Pay โดยไม่ตั้งใจ แม้จะสะดวกในแง่การใช้งานซ้ำ แต่การเก็บข้อมูลการเงินไว้ในระบบที่มีประวัติปัญหาด้านความปลอดภัยอย่าง Meta ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การถูกเรียกเก็บเงินจากโฆษณาที่ลืมปิด หรือการซื้อของโดยบุคคลอื่นที่เข้าถึงบัญชีของคุณ โชคดีที่ผู้ใช้สามารถลบข้อมูลการชำระเงินออกจาก Facebook ได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ โดยใช้ขั้นตอนง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามประเภทการใช้งาน เช่น Meta Pay หรือ Ad Payments นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเสริมจากภายนอกว่า Meta เคยถูกฟ้องและยอมจ่ายเงินชดเชยกว่า $725 ล้านจากกรณีละเมิดข้อมูลผู้ใช้ในคดี Cambridge Analytica ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวในอดีตของบริษัทนี้ ✅ วิธีลบข้อมูลการชำระเงินจาก Facebook ➡️ บนเดสก์ท็อป: ไปที่ Menu > Orders and payments > เลือกบัตร > Remove ➡️ สำหรับโฆษณา: ไปที่ Ad Center > Payment Settings > Remove จากรายการ ➡️ บนมือถือ: ไปที่ Settings & Privacy > Orders and payments > Credit and debit cards > Remove ✅ ประเภทข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ ➡️ บัตรเครดิต/เดบิต, บัญชี PayPal, หรือบัญชีธนาคาร ➡️ ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกใช้เป็น default สำหรับการชำระเงินในอนาคต ➡️ การลบข้อมูลไม่ลบประวัติการซื้อ แต่ปิดช่องทางการเรียกเก็บเงิน ✅ ความสะดวกของ Meta Pay และระบบโฆษณา ➡️ Meta Pay ใช้สำหรับการซื้อสินค้า, บริจาค, หรือชำระเงินในแอป ➡️ ระบบโฆษณาเก็บข้อมูลการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ ➡️ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีการเก็บข้อมูลไว้หลังการใช้งานครั้งเดียว ✅ ประวัติการละเมิดข้อมูลของ Meta ➡️ Meta เคยถูกฟ้องจากกรณี Cambridge Analytica และยอมจ่าย $725 ล้าน ➡️ ผู้ใช้ Facebook ระหว่างปี 2007–2022 มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย ➡️ การละเมิดข้อมูลส่วนตัวทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในระบบของ Meta https://www.slashgear.com/1965008/how-to-remove-payment-details-from-facebook-meta/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Remove Your Payment Details From Facebook (And Why You May Want To) - SlashGear
    Removing payment details from Facebook, be it for security or to avoid recurring charges, is a straightforward process and can be done via a browser or the app.
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

    เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน

    ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด

    Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย)
    Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ
    สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว
    ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้

    Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง)
    ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้
    สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security
    ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search

    Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน)
    Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่
    สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications
    ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด

    Widgets (วิดเจ็ต)
    วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น
    ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา
    สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้

    Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา)
    แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา
    ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร
    ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions

    https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    🎙️ เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด ✅ Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย) ➡️ Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ ➡️ สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว ➡️ ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้ ✅ Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง) ➡️ ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ➡️ สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security ➡️ ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search ✅ Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน) ➡️ Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่ ➡️ สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications ➡️ ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด ✅ Widgets (วิดเจ็ต) ➡️ วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น ➡️ ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา ➡️ สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้ ✅ Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา) ➡️ แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา ➡️ ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร ➡️ ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Settings To Disable On Your New Windows 11 Laptop - SlashGear
    Windows has come to include a huge amount of features to make your everyday computing experience better, but you may not want all of them turned on at once.
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Siri ถึง Symphony of AI: เมื่ออุปกรณ์รอบตัวกลายเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจยิ่งกว่าสมาร์ตโฟน

    ในขณะที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่บางลงเพียงเล็กน้อย โลกเทคโนโลยีกำลังมองไปไกลกว่านั้น—ไปยังยุคที่สมาร์ตโฟนอาจกลายเป็นอุปกรณ์รอง เพราะผู้ช่วย AI จะกลายเป็นศูนย์กลางของการคำนวณส่วนบุคคล

    ผู้บริหารจากบริษัทใหญ่ เช่น Meta, Google, Amazon, Qualcomm และ Nothing ต่างเห็นตรงกันว่าอุปกรณ์สวมใส่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเข้ามาแทนที่การใช้งานแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่เข้าใจสิ่งที่เรามองเห็น, นาฬิกาที่จัดการชีวิตให้เรา, หรือจี้ติดเสื้อที่บันทึกบทสนทนาและให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์

    Meta ได้พัฒนา Ray-Ban Meta ที่มีผู้ช่วย AI ในตัว และเตรียมเปิดตัว Orion แว่นตาที่มีหน้าจอในเฟรม ส่วน Google ก็มีต้นแบบแว่นตาที่ใช้ Gemini เป็นผู้ช่วย AI

    Amazon มองว่า “Ambient Computing” จะกลายเป็นสิ่งสำคัญ—อุปกรณ์ที่อยู่รอบตัว เช่น ลำโพงและจอภาพ จะทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

    Carl Pei จาก Nothing เชื่อว่า “นาฬิกาอัจฉริยะยุคใหม่” จะกลายเป็นศูนย์กลางของ AI ที่รู้จักพฤติกรรมของผู้ใช้และจัดการชีวิตให้โดยอัตโนมัติ

    Limitless AI พัฒนา “AI Pendant” ที่บันทึกเสียงและให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้เราจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และแม้แต่ช่วยให้เป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้น โดยอิงจากบทสนทนาในชีวิตจริง

    แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านจากสมาร์ตโฟน
    ผู้ช่วย AI จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักของอุปกรณ์ส่วนบุคคล
    การใช้งานแอปและเมนูจะถูกแทนที่ด้วยการสั่งงานผ่านเสียงและบริบท

    อุปกรณ์ใหม่ที่กำลังมาแทนสมาร์ตโฟน
    แว่นตาอัจฉริยะ: Ray-Ban Meta, Orion, Google Gemini Glasses
    Ambient Computing: ลำโพงและจอภาพที่ทำงานร่วมกับ AI เช่น Alexa+
    นาฬิกาอัจฉริยะยุคใหม่: จัดการชีวิตและงานโดยอัตโนมัติ
    AI Recorder: Limitless Pendant ที่บันทึกเสียงและให้คำแนะนำ

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    LongCat และ Gemini: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนผู้ช่วย AI
    Mixture-of-Experts (MoE): เปิดใช้งานเฉพาะส่วนที่จำเป็นเพื่อประหยัดพลังงาน
    การเชื่อมโยงอุปกรณ์หลายชิ้นเป็น “Symphony of AI” ที่ทำงานร่วมกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/13/ai-could-make-the-smartphone-passe-what-comes-next
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Siri ถึง Symphony of AI: เมื่ออุปกรณ์รอบตัวกลายเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจยิ่งกว่าสมาร์ตโฟน ในขณะที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่บางลงเพียงเล็กน้อย โลกเทคโนโลยีกำลังมองไปไกลกว่านั้น—ไปยังยุคที่สมาร์ตโฟนอาจกลายเป็นอุปกรณ์รอง เพราะผู้ช่วย AI จะกลายเป็นศูนย์กลางของการคำนวณส่วนบุคคล ผู้บริหารจากบริษัทใหญ่ เช่น Meta, Google, Amazon, Qualcomm และ Nothing ต่างเห็นตรงกันว่าอุปกรณ์สวมใส่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเข้ามาแทนที่การใช้งานแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่เข้าใจสิ่งที่เรามองเห็น, นาฬิกาที่จัดการชีวิตให้เรา, หรือจี้ติดเสื้อที่บันทึกบทสนทนาและให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ Meta ได้พัฒนา Ray-Ban Meta ที่มีผู้ช่วย AI ในตัว และเตรียมเปิดตัว Orion แว่นตาที่มีหน้าจอในเฟรม ส่วน Google ก็มีต้นแบบแว่นตาที่ใช้ Gemini เป็นผู้ช่วย AI Amazon มองว่า “Ambient Computing” จะกลายเป็นสิ่งสำคัญ—อุปกรณ์ที่อยู่รอบตัว เช่น ลำโพงและจอภาพ จะทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา Carl Pei จาก Nothing เชื่อว่า “นาฬิกาอัจฉริยะยุคใหม่” จะกลายเป็นศูนย์กลางของ AI ที่รู้จักพฤติกรรมของผู้ใช้และจัดการชีวิตให้โดยอัตโนมัติ Limitless AI พัฒนา “AI Pendant” ที่บันทึกเสียงและให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้เราจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และแม้แต่ช่วยให้เป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้น โดยอิงจากบทสนทนาในชีวิตจริง ✅ แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านจากสมาร์ตโฟน ➡️ ผู้ช่วย AI จะกลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักของอุปกรณ์ส่วนบุคคล ➡️ การใช้งานแอปและเมนูจะถูกแทนที่ด้วยการสั่งงานผ่านเสียงและบริบท ✅ อุปกรณ์ใหม่ที่กำลังมาแทนสมาร์ตโฟน ➡️ แว่นตาอัจฉริยะ: Ray-Ban Meta, Orion, Google Gemini Glasses ➡️ Ambient Computing: ลำโพงและจอภาพที่ทำงานร่วมกับ AI เช่น Alexa+ ➡️ นาฬิกาอัจฉริยะยุคใหม่: จัดการชีวิตและงานโดยอัตโนมัติ ➡️ AI Recorder: Limitless Pendant ที่บันทึกเสียงและให้คำแนะนำ ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง ➡️ LongCat และ Gemini: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนผู้ช่วย AI ➡️ Mixture-of-Experts (MoE): เปิดใช้งานเฉพาะส่วนที่จำเป็นเพื่อประหยัดพลังงาน ➡️ การเชื่อมโยงอุปกรณ์หลายชิ้นเป็น “Symphony of AI” ที่ทำงานร่วมกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/13/ai-could-make-the-smartphone-passe-what-comes-next
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI could make the smartphone passe. What comes next?
    Modern artificially intelligent assistants, which are far more capable and flexible than clunky voice helpers like Siri, are poised to become the central operating system of all our personal computing devices, superseding smartphone software in importance.
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
More Results