• ตามล่าหา 'ดาวเหนือ'
    ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย
    แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
    งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ
    เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด
    เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต
    แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา
    .
    วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้
    มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก
    เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น
    ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป
    ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก
    เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
    .
    วันนำเสนอผลงานมาถึง
    ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา
    หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย
    โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ
    แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย
    ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน
    เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย
    "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?"
    .
    ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป
    เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
    ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง
    เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน
    ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา
    เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น?
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
    เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ
    เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน
    ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ"
    เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
    ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น
    .
    เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย
    เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย
    อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก
    แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น
    เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ
    ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้
    .
    แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป
    เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน
    พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning)
    ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน
    ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว
    มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม
    เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
    .
    วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น
    ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ
    แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด
    งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
    ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง
    โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น
    มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที
    แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
    จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง
    ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้
    .
    การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก
    แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน
    และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น
    และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ"
    ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ"
    และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย
    แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง
    และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด

    www.10x-consulting.com
    ตามล่าหา 'ดาวเหนือ' ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา . วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้ มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด . วันนำเสนอผลงานมาถึง ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?" . ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น? . ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ" เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น . เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้ . แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning) ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า . วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้ . การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ" ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ" และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด www.10x-consulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิชาการ แฉซ้ำรอยทุจริตคาสิโนญี่ปุ่น! ชี้รัฐบาลไทยอ้างผิดๆ ข้องใจ 'นายกฯอิ๊งค์' รีบร้อนดันกาสิโนสุดตัวมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
    https://www.thai-tai.tv/news/18526/
    นักวิชาการ แฉซ้ำรอยทุจริตคาสิโนญี่ปุ่น! ชี้รัฐบาลไทยอ้างผิดๆ ข้องใจ 'นายกฯอิ๊งค์' รีบร้อนดันกาสิโนสุดตัวมีอะไรอยู่เบื้องหลัง https://www.thai-tai.tv/news/18526/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูประกาศตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮูตีและอิหร่าน!!

    “การโจมตีของกลุ่มฮูตีมีต้นตอมาจากอิหร่าน อิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮูตีที่โจมตีสนามบินเรา ในเวลาและสถานที่ที่เราเลือก รวมทั้งตอบโต้ผู้ก่อการร้ายอิหร่านเจ้านายของพวกเขาด้วย“


    ทั้งนี้เนทันยาฮูมีการอ้างอิงคำพูดของทรัมป์เมื่อเดือนมีนาคม โดยกล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังกลุ่มฮูตี

    ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าการที่เนทันยาฮูอ้างคำพูดของทรัมป์ เพื่อเป็นการขอไฟเขียวโจมตีอิหร่าน แม้ว่าในระยะหลัง ทรัมป์มีท่าทีเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่ออิหร่าน โดยต้องการใช้ช่องทางการเจรจามากขึ้นก็ตาม


    หลุมที่เกิดจากขีปนาวุธของฮูตีที่สนามบินเบน กูเรียน มีความลึกประมาณ 25 เมตร!!
    เนทันยาฮูประกาศตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮูตีและอิหร่าน!! “การโจมตีของกลุ่มฮูตีมีต้นตอมาจากอิหร่าน อิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮูตีที่โจมตีสนามบินเรา ในเวลาและสถานที่ที่เราเลือก รวมทั้งตอบโต้ผู้ก่อการร้ายอิหร่านเจ้านายของพวกเขาด้วย“ ทั้งนี้เนทันยาฮูมีการอ้างอิงคำพูดของทรัมป์เมื่อเดือนมีนาคม โดยกล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังกลุ่มฮูตี ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าการที่เนทันยาฮูอ้างคำพูดของทรัมป์ เพื่อเป็นการขอไฟเขียวโจมตีอิหร่าน แม้ว่าในระยะหลัง ทรัมป์มีท่าทีเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่ออิหร่าน โดยต้องการใช้ช่องทางการเจรจามากขึ้นก็ตาม หลุมที่เกิดจากขีปนาวุธของฮูตีที่สนามบินเบน กูเรียน มีความลึกประมาณ 25 เมตร!!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ กำลังใช้ AI และเทคนิคปลอมตัวขั้นสูง เพื่อสมัครงานระยะไกลในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อ ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและรับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตก

    ที่งาน RSA Conference ในซานฟรานซิสโก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเปิดเผยว่า แฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ AI สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ และใช้ ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์งาน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ deepfake และฟาร์มแล็ปท็อป เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของผู้สมัคร

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ AI และ deepfake เพื่อสมัครงานระยะไกล
    - สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ
    - ใช้ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์

    ✅ เทคนิคการปลอมตัวที่ซับซ้อน
    - ใช้ ฟาร์มแล็ปท็อป ในสหรัฐฯ เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้ง
    - ใช้ deepfake เพื่อหลอกทีมสรรหาบุคลากร

    ✅ เป้าหมายของแฮกเกอร์
    - ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาโดยค่อย ๆ ส่งข้อมูลออกไปทีละน้อย
    - รับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตกเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเกาหลีเหนือ

    ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    - ใช้ คำถามนอกบท เช่น "คิมจองอึน อ้วนแค่ไหน?" เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้สมัคร
    - จัดสัมภาษณ์งาน ภายในองค์กร เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    https://www.techradar.com/pro/security/asking-remote-job-candidates-this-shocking-question-could-save-your-company-big-bucks-security-expert-says
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ กำลังใช้ AI และเทคนิคปลอมตัวขั้นสูง เพื่อสมัครงานระยะไกลในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อ ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและรับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตก ที่งาน RSA Conference ในซานฟรานซิสโก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเปิดเผยว่า แฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ AI สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ และใช้ ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์งาน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ deepfake และฟาร์มแล็ปท็อป เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของผู้สมัคร ✅ แฮกเกอร์ใช้ AI และ deepfake เพื่อสมัครงานระยะไกล - สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดูน่าเชื่อถือ - ใช้ทีมงานเบื้องหลังช่วยตอบคำถามในการสัมภาษณ์ ✅ เทคนิคการปลอมตัวที่ซับซ้อน - ใช้ ฟาร์มแล็ปท็อป ในสหรัฐฯ เพื่อปลอมแปลงตำแหน่งที่ตั้ง - ใช้ deepfake เพื่อหลอกทีมสรรหาบุคลากร ✅ เป้าหมายของแฮกเกอร์ - ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาโดยค่อย ๆ ส่งข้อมูลออกไปทีละน้อย - รับเงินเดือนจากบริษัทตะวันตกเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเกาหลีเหนือ ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ - ใช้ คำถามนอกบท เช่น "คิมจองอึน อ้วนแค่ไหน?" เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้สมัคร - จัดสัมภาษณ์งาน ภายในองค์กร เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติ https://www.techradar.com/pro/security/asking-remote-job-candidates-this-shocking-question-could-save-your-company-big-bucks-security-expert-says
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ)

    ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า?

    มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ?

    มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย?

    "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด?

    เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง?

    เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย?

    นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก

    ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง

    หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ)
    02 พฤษภาคม 68
    12.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ) ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า? มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ? มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย? "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด? เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง? เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย? นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ) 02 พฤษภาคม 68 12.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราและนางแบบสาวสวยในงานมหกรรมรถยนต์ในนครเซี่ยงไฮ้ ชายคนหนึ่งกลับปรากฏตัวโดยสวมเสื้อยีนส์ขาดๆ กางเกงธรรมดา และรองเท้าเก่าๆ ดูเหมือนคนหลงเข้ามาในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา

    แต่เบื้องหลังรูปลักษณ์ซอมซ่อของเขา ชายผู้นี้คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ Peace Hotel โรงแรมหรูเก่าแก่ระดับตำนานบนถนนนานกิงในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในจีน

    เสื้อยีนส์ที่ดูเหมือนจะขาดเกินรับได้นั้น เป็นสินค้าแฟชั่น Balenciaga แบรนด์เก่าแก่ร้อยกว่าปีของสเปน โดยเป็นรุ่น "乞丐装" หรือ "เสื้อสไตล์ขอทาน" ที่ผลิตเพียงสิบตัวทั่วโลก ตัวที่ชายผู้นี้สวมใส่มีราคาสูงถึง 250,000 หยวน (ประมาณ 1,250,000 บาท) ขณะเดียวกันป้ายห้อยเสื้อที่ดูเหมือนเป็นเพียงของตกแต่งธรรมดา กลับมีมูลค่ามหาศาลถึง 3,000,000 หยวน (ประมาณ 15,000,000 บาท)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://m.mgronline.com/china/detail/9680000040062

    #MGROnline #Balenciaga
    เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราและนางแบบสาวสวยในงานมหกรรมรถยนต์ในนครเซี่ยงไฮ้ ชายคนหนึ่งกลับปรากฏตัวโดยสวมเสื้อยีนส์ขาดๆ กางเกงธรรมดา และรองเท้าเก่าๆ ดูเหมือนคนหลงเข้ามาในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา • แต่เบื้องหลังรูปลักษณ์ซอมซ่อของเขา ชายผู้นี้คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ Peace Hotel โรงแรมหรูเก่าแก่ระดับตำนานบนถนนนานกิงในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในจีน • เสื้อยีนส์ที่ดูเหมือนจะขาดเกินรับได้นั้น เป็นสินค้าแฟชั่น Balenciaga แบรนด์เก่าแก่ร้อยกว่าปีของสเปน โดยเป็นรุ่น "乞丐装" หรือ "เสื้อสไตล์ขอทาน" ที่ผลิตเพียงสิบตัวทั่วโลก ตัวที่ชายผู้นี้สวมใส่มีราคาสูงถึง 250,000 หยวน (ประมาณ 1,250,000 บาท) ขณะเดียวกันป้ายห้อยเสื้อที่ดูเหมือนเป็นเพียงของตกแต่งธรรมดา กลับมีมูลค่ามหาศาลถึง 3,000,000 หยวน (ประมาณ 15,000,000 บาท) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://m.mgronline.com/china/detail/9680000040062 • #MGROnline #Balenciaga
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครบรอบ 50ปี กรุงไซ่ง่อนแตก

    วันนี้เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1975 (พ.ศ.2518) กองทัพเวียดนามเหนือสามารถยึดกรุงไซ่ง่อนได้สำเร็จตามแผนการรุกฤดูใบไม้ผลิ 1975 ของนายพลวันเทียนดุง อันเป็นจุดจบของสงครามเวียดนามโดยสมบูรณ์แบบ

    ในวันนั้นได้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ออกจากไซ่ง่อนในปฏิบัติการฟรีเควียนท์วินด์โดยรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีการอพยพประชาชนชาวเวียดนามใต้ที่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯพร้อมครอบครัวและเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯออกจากเวียดนามใต้ จนเกิดเหตุการณ์ที่ต้องทิ้งเฮลิคอปเตอร์ลงทะเลเพื่อเคลียร์รันเวย์บนเรือบรรทุกเครื่องบิน

    เวลา 11:30น. กองทัพเวียดนามเหนือหน่วยแรกสามารถพังประตูทำเนียบอิสรภาพได้ด้วยรถถัง T-54 หมายเลข 390

    ในเวลา 15:30น. นายพลเตรือง วัน มินห์ ประธานาธิบดีคนสุดท้ายแห่งเวียดนามใต้ที่พึ่งดำรงต่ำแหน่งมาได้แค่สามวันได้ถูกจับกุมและได้ประกาศออกทางวิทยุให้รัฐบาลเวียดนามใต้หมดอำนาจและให้กองทัพวางอาวุธ จนทำให้สงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 19ปีได้ยุติลงด้วยชัยชนะเด็ดขาดของเวียดนามใต้ต่อโลกเสรี

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…สาเหตุที่แท้จริงของความพ่ายแพ้ของเวียดนามใต้เกิดจากการที่รัฐบาลขาดเสถียรภาพในการบริหารประเทศ รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นทุกระหนระแหง และการแทรกแซงทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาทั้งเรื่องบริหารประเทศโดยเฉพาะเรื่องการสู้รบกับกองกำลังเวียดกง ซึ่งข้อนี้ก็คือ นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐฯเข้าสู่สงครามเวียดนามเต็มรูปแบบในปี ค.ศ.1967 กองทัพสหรัฐฯไม่เคยให้ทหารเวียดนามใต้ร่วมต่อสู้ด้วยเลย

    ความจริงข้อนี้ได้ประจักษ์เมื่อกองทัพเวียดนามใต้เปิดปฏิบัติการลามซอน 719 เพื่อบุกเข้าไปในลาวเพื่อทำลายเส้นทางโฮจิมินห์ แม้ว่าพวกเขาจะมีกระสุนปืน, ปืนใหญ่, รถถัง, และอากาศยานรบสนับสนุนตลอดเวลา แต่เพราะพวกเขาขาดขวัญและกำลังใจที่จะรบมานาน ทำให้ปฏิบัติการครั้งนั้นกองทัพเวียดนามใต้แพ้หมดรูปและต้องวิ่งหนีกลับประเทศไป โดยต้องทิ้งอาวุธให้แก่ฝ่ายเวียดกงไว้เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก
    ครบรอบ 50ปี กรุงไซ่ง่อนแตก วันนี้เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1975 (พ.ศ.2518) กองทัพเวียดนามเหนือสามารถยึดกรุงไซ่ง่อนได้สำเร็จตามแผนการรุกฤดูใบไม้ผลิ 1975 ของนายพลวันเทียนดุง อันเป็นจุดจบของสงครามเวียดนามโดยสมบูรณ์แบบ ในวันนั้นได้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ออกจากไซ่ง่อนในปฏิบัติการฟรีเควียนท์วินด์โดยรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีการอพยพประชาชนชาวเวียดนามใต้ที่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯพร้อมครอบครัวและเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯออกจากเวียดนามใต้ จนเกิดเหตุการณ์ที่ต้องทิ้งเฮลิคอปเตอร์ลงทะเลเพื่อเคลียร์รันเวย์บนเรือบรรทุกเครื่องบิน เวลา 11:30น. กองทัพเวียดนามเหนือหน่วยแรกสามารถพังประตูทำเนียบอิสรภาพได้ด้วยรถถัง T-54 หมายเลข 390 ในเวลา 15:30น. นายพลเตรือง วัน มินห์ ประธานาธิบดีคนสุดท้ายแห่งเวียดนามใต้ที่พึ่งดำรงต่ำแหน่งมาได้แค่สามวันได้ถูกจับกุมและได้ประกาศออกทางวิทยุให้รัฐบาลเวียดนามใต้หมดอำนาจและให้กองทัพวางอาวุธ จนทำให้สงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 19ปีได้ยุติลงด้วยชัยชนะเด็ดขาดของเวียดนามใต้ต่อโลกเสรี เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…สาเหตุที่แท้จริงของความพ่ายแพ้ของเวียดนามใต้เกิดจากการที่รัฐบาลขาดเสถียรภาพในการบริหารประเทศ รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นทุกระหนระแหง และการแทรกแซงทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาทั้งเรื่องบริหารประเทศโดยเฉพาะเรื่องการสู้รบกับกองกำลังเวียดกง ซึ่งข้อนี้ก็คือ นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐฯเข้าสู่สงครามเวียดนามเต็มรูปแบบในปี ค.ศ.1967 กองทัพสหรัฐฯไม่เคยให้ทหารเวียดนามใต้ร่วมต่อสู้ด้วยเลย ความจริงข้อนี้ได้ประจักษ์เมื่อกองทัพเวียดนามใต้เปิดปฏิบัติการลามซอน 719 เพื่อบุกเข้าไปในลาวเพื่อทำลายเส้นทางโฮจิมินห์ แม้ว่าพวกเขาจะมีกระสุนปืน, ปืนใหญ่, รถถัง, และอากาศยานรบสนับสนุนตลอดเวลา แต่เพราะพวกเขาขาดขวัญและกำลังใจที่จะรบมานาน ทำให้ปฏิบัติการครั้งนั้นกองทัพเวียดนามใต้แพ้หมดรูปและต้องวิ่งหนีกลับประเทศไป โดยต้องทิ้งอาวุธให้แก่ฝ่ายเวียดกงไว้เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์

    แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน

    ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท
    - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์
    - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา

    ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง
    - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์
    - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts

    ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer
    - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์
    - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้
    - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว

    https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์ - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้ - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสได้ออกแถลงการณ์กล่าวหา หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU) ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์หลายครั้งที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยงานรัฐบาล บริษัทด้านกลาโหม และสถาบันวิจัยในประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสระบุว่า การโจมตีเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อ สร้างความไม่มั่นคงและบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ

    การโจมตีดังกล่าวดำเนินมาตั้งแต่ปี 2021 และมีเป้าหมายที่หลากหลาย รวมถึงกระทรวงรัฐบาลและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ฝรั่งเศสได้ระบุว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีคือ APT28 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในเมือง Rostov-on-Don

    นี่เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสกล่าวหาโดยตรงว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลข่าวกรองของตนเอง

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - หน่วยงานรัฐบาลฝรั่งเศส
    - บริษัทด้านกลาโหมและสถาบันวิจัย

    ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี
    - หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU)
    - กลุ่ม APT28 ซึ่งตั้งอยู่ใน Rostov-on-Don

    ✅ ระยะเวลาของการโจมตี
    - ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2021
    - มีเป้าหมายเพื่อสร้างความไม่มั่นคงในฝรั่งเศส

    ✅ การตอบสนองของฝรั่งเศส
    - ออกแถลงการณ์กล่าวหารัสเซียโดยตรง
    - ใช้ข้อมูลข่าวกรองของตนเองในการระบุผู้กระทำผิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/in-first-france-accuses-russian-intelligence-of-repeated-cyber-attacks
    ฝรั่งเศสได้ออกแถลงการณ์กล่าวหา หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU) ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์หลายครั้งที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยงานรัฐบาล บริษัทด้านกลาโหม และสถาบันวิจัยในประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสระบุว่า การโจมตีเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อ สร้างความไม่มั่นคงและบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ การโจมตีดังกล่าวดำเนินมาตั้งแต่ปี 2021 และมีเป้าหมายที่หลากหลาย รวมถึงกระทรวงรัฐบาลและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ฝรั่งเศสได้ระบุว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีคือ APT28 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในเมือง Rostov-on-Don นี่เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสกล่าวหาโดยตรงว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลข่าวกรองของตนเอง ✅ เป้าหมายของการโจมตี - หน่วยงานรัฐบาลฝรั่งเศส - บริษัทด้านกลาโหมและสถาบันวิจัย ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี - หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU) - กลุ่ม APT28 ซึ่งตั้งอยู่ใน Rostov-on-Don ✅ ระยะเวลาของการโจมตี - ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2021 - มีเป้าหมายเพื่อสร้างความไม่มั่นคงในฝรั่งเศส ✅ การตอบสนองของฝรั่งเศส - ออกแถลงการณ์กล่าวหารัสเซียโดยตรง - ใช้ข้อมูลข่าวกรองของตนเองในการระบุผู้กระทำผิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/in-first-france-accuses-russian-intelligence-of-repeated-cyber-attacks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    In first, France accuses Russian intelligence of repeated cyber attacks
    PARIS (Reuters) - France on Tuesday directly accused Russia's GRU military intelligence agency of a string of cyber attacks, including on ministries, defence firms and think tanks, which the foreign ministry said aimed to destabilise the country.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการโจมตีแบบ zero-day ที่มุ่งเป้าไปยังผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร โดยพบว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day ที่ถูกโจมตีในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day โดยรวมจะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 เหลือ 75 รายการในปี 2024 แต่ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี

    Microsoft Windows เป็นระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยมีช่องโหว่ zero-day 22 รายการ เพิ่มขึ้นจาก 16 รายการในปี 2023 ขณะที่ iOS มีช่องโหว่ลดลงจาก 9 รายการในปี 2023 เหลือเพียง 2 รายการ ในปี 2024

    ✅ การเพิ่มขึ้นของช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day
    - เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023

    ✅ ระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด
    - Microsoft Windows: 22 ช่องโหว่ (เพิ่มขึ้นจาก 16 ในปี 2023)
    - iOS: 2 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 9 ในปี 2023)
    - Google Chrome: 7 ช่องโหว่, Safari: 3 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 11 ในปี 2023)

    ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี
    - อุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls
    - อุปกรณ์เหล่านี้มักมีสิทธิ์สูงและสามารถใช้ในการเคลื่อนที่ภายในเครือข่าย

    ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี
    - กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมไซเบอร์ เช่น จีน (5 ช่องโหว่), เกาหลีเหนือ (5 ช่องโหว่), รัสเซีย (1 ช่องโหว่)
    - กลุ่มที่มุ่งเน้นการโจรกรรมทางการเงิน เช่น CSVs และกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

    https://www.csoonline.com/article/3973769/enterprise-specific-zero-day-exploits-on-the-rise-google-warns.html
    Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการโจมตีแบบ zero-day ที่มุ่งเป้าไปยังผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร โดยพบว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day ที่ถูกโจมตีในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023 แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day โดยรวมจะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 เหลือ 75 รายการในปี 2024 แต่ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี Microsoft Windows เป็นระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยมีช่องโหว่ zero-day 22 รายการ เพิ่มขึ้นจาก 16 รายการในปี 2023 ขณะที่ iOS มีช่องโหว่ลดลงจาก 9 รายการในปี 2023 เหลือเพียง 2 รายการ ในปี 2024 ✅ การเพิ่มขึ้นของช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยคิดเป็น 44% ของช่องโหว่ zero-day - เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2023 ✅ ระบบที่ถูกโจมตีมากที่สุด - Microsoft Windows: 22 ช่องโหว่ (เพิ่มขึ้นจาก 16 ในปี 2023) - iOS: 2 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 9 ในปี 2023) - Google Chrome: 7 ช่องโหว่, Safari: 3 ช่องโหว่ (ลดลงจาก 11 ในปี 2023) ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี - อุปกรณ์ที่อยู่บริเวณขอบเครือข่าย เช่น VPNs, security gateways และ firewalls - อุปกรณ์เหล่านี้มักมีสิทธิ์สูงและสามารถใช้ในการเคลื่อนที่ภายในเครือข่าย ✅ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี - กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมไซเบอร์ เช่น จีน (5 ช่องโหว่), เกาหลีเหนือ (5 ช่องโหว่), รัสเซีย (1 ช่องโหว่) - กลุ่มที่มุ่งเน้นการโจรกรรมทางการเงิน เช่น CSVs และกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ https://www.csoonline.com/article/3973769/enterprise-specific-zero-day-exploits-on-the-rise-google-warns.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Enterprise-specific zero-day exploits on the rise, Google warns
    Vulnerabilities in enterprise network and security appliances accounted for nearly half of the zero-day flaws exploited by attackers last year, according to Google’s Threat Intelligence Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!!

    Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก

    Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย

    Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024

    ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด

    หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล

    3/ เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!! Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024 ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • 2/
    เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!!

    Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก

    Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย

    Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024

    ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด

    หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล

    2/ เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!! Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024 ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • 1/
    เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!!

    Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก

    Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย

    Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024

    ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด

    หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล

    1/ เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของรัสเซีย สามารถจับกุมสายลับยูเครนที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่สังหารนายพลโมสคาลิกในมอสโกได้แล้ว!! Ignat Kuzin ถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในตุรกี ซึ่งเขาหลบหนีออกนอกรัสเซียทันทีที่พลโทยาโรสลาฟ โมสคาลิก เสียชีวิต และถูกนำตัวส่งกลับไปที่มอสโก Ignat Kuzin เกิดเมื่อปี 1983 และมีใบอนุญาตพำนักในยูเครน ยอมรับสารภาพว่าคือผู้ลงมือผู้สังหารรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหลักของกองบัญชาการกองทัพรัสเซีย นายพล Yaroslav Moskalik ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และจะได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายผู้ก่อการร้าย ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย Kuzin ยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 18,000 ดอลลาร์ และมีการวางแผนลอบสังหารตั้งแต่กันยายน 2024 ตามรายงานของเจ้าหน้าที่พิเศษรัสเซีย คูซิน (Kuzin) เช่าบ้านหลังหนึ่ง เพื่อใช้เฝ้าสังเกตและติดตามกิจวัตรของนายพลโมสคาลิก โดยเขาศึกษาเส้นทาง ตารางเวลา ของนายพลอย่างละเอียด หลังจากทราบกิจวัตรของนายพลแน่ชัดแล้ว คูซินซื้อรถยนต์ Volkswagen มือสองมาติดตั้งระเบิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน และจอดไว้ข้างบ้านของนายพลในบาลาชิกา และการระเบิดเกิดขึ้นจากการใช้รีโมทควบคุมจากระยะไกล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร นำตัวส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง ในคดีฉ้อโกง น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ (ซ้อลักษณ์) จากกรณีหลอกขายวุฒิการศึกษาปลอม เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2567 แม้ต้นอ้อมีภาพลักษณ์ดี เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยเหลือสังคม แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนถึงพฤติกรรมผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกล่าวหาขายตำแหน่งในสภา และบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาล แม้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีเบื้องหลังไม่โปร่งใส

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000039381

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร นำตัวส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง ในคดีฉ้อโกง น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ (ซ้อลักษณ์) จากกรณีหลอกขายวุฒิการศึกษาปลอม เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2567 แม้ต้นอ้อมีภาพลักษณ์ดี เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยเหลือสังคม แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนถึงพฤติกรรมผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกล่าวหาขายตำแหน่งในสภา และบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาล แม้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีเบื้องหลังไม่โปร่งใส อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000039381 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย
    .
    “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล
    .
    เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่
    .
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้”
    .
    สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท
    .
    ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด
    .
    ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    .
    นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย
    .
    สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย . “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล . เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ . เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้” . สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท . ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด . ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ . นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย . สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    Like
    Love
    19
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1195 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคต Osaka Expo จะแปลงร่างเป็น "บ่อนกาสิโน" !
    .
    สาเหตุที่ เมืองโอซาก้า เสนอตัวจัดงาน World Expo ก็เพราะอยากจะมีอีเวนท์ใหญ่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ พรรคการเมืองใหญ่ของโอซาก้า ที่ชื่อว่า “นิปปง อิชิน” ต้องการผลักดัน โครงการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี กาสิโน อยู่ในนั้นด้วย
    .
    เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ยูเมะ ชิมะ” ที่แปลว่า “เกาะแห่งความฝัน” ที่ใช้จัดงาน World Expo อยู่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และกาสิโน ...
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSrwMMroS/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #OsakaExpo #OsakaExpo2025 #โอซาก้า #กาสิโน
    อนาคต Osaka Expo จะแปลงร่างเป็น "บ่อนกาสิโน" ! . สาเหตุที่ เมืองโอซาก้า เสนอตัวจัดงาน World Expo ก็เพราะอยากจะมีอีเวนท์ใหญ่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ พรรคการเมืองใหญ่ของโอซาก้า ที่ชื่อว่า “นิปปง อิชิน” ต้องการผลักดัน โครงการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี กาสิโน อยู่ในนั้นด้วย . เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ยูเมะ ชิมะ” ที่แปลว่า “เกาะแห่งความฝัน” ที่ใช้จัดงาน World Expo อยู่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และกาสิโน ... . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSrwMMroS/ . #บูรพาไม่แพ้ #OsakaExpo #OsakaExpo2025 #โอซาก้า #กาสิโน
    @thedongfangbubai

    อนาคต Osaka Expo จะแปลงร่างเป็น "บ่อนกาสิโน" ! . สาเหตุที่ เมืองโอซาก้า เสนอตัวจัดงาน World Expo ก็เพราะอยากจะมีอีเวนท์ใหญ่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ พรรคการเมืองใหญ่ของโอซาก้า ที่ชื่อว่า “นิปปง อิชิน” ต้องการผลักดัน โครงการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี กาสิโน อยู่ในนั้นด้วย . เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ยูเมะ ชิมะ” ที่แปลว่า “เกาะแห่งความฝัน” ที่ใช้จัดงาน World Expo อยู่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และกาสิโน ... . #บูรพาไม่แพ้ OsakaExpo #OsakaExpo2025 #โอซาก้า #กาสิโน

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.118 : คนญี่ปุ่นคิดยังไงกับ Osaka Expo 2025 ?
    .
    สาเหตุที่ เมืองโอซาก้า เสนอตัวจัดงาน World Expo ก็เพราะอยากจะมีอีเวนท์ใหญ่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ พรรคการเมืองใหญ่ของโอซาก้า ที่ชื่อว่า “นิปปง อิชิน” ต้องการผลักดัน โครงการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี กาสิโน อยู่ในนั้นด้วย
    .
    เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ยูเมะ ชิมะ” ที่แปลว่า “เกาะแห่งความฝัน” ที่ใช้จัดงาน World Expo อยู่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และ กาสิโน ครับ
    .
    คลิกฟังทั้งหมด >> https://www.youtube.com/watch?v=1Gj9WWDdkGc
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #OsakaExpo #WorldExpo2025
    บูรพาไม่แพ้ Ep.118 : คนญี่ปุ่นคิดยังไงกับ Osaka Expo 2025 ? . สาเหตุที่ เมืองโอซาก้า เสนอตัวจัดงาน World Expo ก็เพราะอยากจะมีอีเวนท์ใหญ่ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ พรรคการเมืองใหญ่ของโอซาก้า ที่ชื่อว่า “นิปปง อิชิน” ต้องการผลักดัน โครงการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี กาสิโน อยู่ในนั้นด้วย . เกาะเทียมที่สร้างขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ยูเมะ ชิมะ” ที่แปลว่า “เกาะแห่งความฝัน” ที่ใช้จัดงาน World Expo อยู่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะถูกเปลี่ยนเป็น “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” และ กาสิโน ครับ . คลิกฟังทั้งหมด >> https://www.youtube.com/watch?v=1Gj9WWDdkGc . #บูรพาไม่แพ้ #OsakaExpo #WorldExpo2025
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 เมษายน 2568 เกิดเหตุระเบิดแสวงเครื่องสังหารนายพลยารอสลาฟ มอสคาลิก นายทหารระดับสูงจากกองเสนาธิการทหารของกองทัพบกรัสเซีย เสียชีวิตในรถยนต์ในเมืองบาลาชิคา ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกไม่ถึง 32 กม.
ก่อนที่ทูตพิเศษสหรัฐฯ จะพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หน่วยความมั่นคงยูเครนยอมรับว่า อยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ของรัสเซีย ด้วยระเบิดซุกซ่อนในสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดนอกอะพาร์ตเมนต์ของเขา

ข่าวเหตุระเบิดครั้งล่าสุดมีขึ้นในช่วงที่สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หลังเดินทางถึงกรุงมอสโกเช้าวันนี้ โดยเป็นการเยือนรัสเซียครั้งที่ 4 นับจากต้นปีนี้ ต่อมามีรายงานว่า วิตคอฟฟ์ได้พบกับปูตินแล้ว โดยคาดว่าจะหารือเรื่องข้อเสนอแผนสันติภาพในสงครามยูเครน
    25 เมษายน 2568 เกิดเหตุระเบิดแสวงเครื่องสังหารนายพลยารอสลาฟ มอสคาลิก นายทหารระดับสูงจากกองเสนาธิการทหารของกองทัพบกรัสเซีย เสียชีวิตในรถยนต์ในเมืองบาลาชิคา ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกไม่ถึง 32 กม.
ก่อนที่ทูตพิเศษสหรัฐฯ จะพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หน่วยความมั่นคงยูเครนยอมรับว่า อยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ของรัสเซีย ด้วยระเบิดซุกซ่อนในสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดนอกอะพาร์ตเมนต์ของเขา

ข่าวเหตุระเบิดครั้งล่าสุดมีขึ้นในช่วงที่สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หลังเดินทางถึงกรุงมอสโกเช้าวันนี้ โดยเป็นการเยือนรัสเซียครั้งที่ 4 นับจากต้นปีนี้ ต่อมามีรายงานว่า วิตคอฟฟ์ได้พบกับปูตินแล้ว โดยคาดว่าจะหารือเรื่องข้อเสนอแผนสันติภาพในสงครามยูเครน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️

    💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐

    🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂

    🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️

    🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞

    🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔

    🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️

    🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️

    🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️

    🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️

    🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา ซึ่งเป็นหลักฐานจำนวนมากรวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน โดยได้มาจากอดีตข้าราชการ สตง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น โปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย ด้านนายณรัฐนันทน์ เผย ทำงานที่ สตง. มา 18 ปี เคยใกล้ชิด ทำงานให้ผู้บริหาร สตง. จึงรู้พฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตในการสร้างตึก สตง. ได้ถูกใช้งานหลายอย่างที่อาจเป็นเรื่องไม่สุจริตโปร่งใส ได้รับทราบข้อเท็จจริงเรื่องกระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้รับจ้าง การก่อสร้าง ที่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีผู้บริหารเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน พบสัญญาจ้างผู้ควบคุมงานที่ สตง. เป็นผู้ว่าจ้าง ลงนามโดยอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และปัจจุบันผู้บริหารบางคนก็ยังมีอำนาจอยู่
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา ซึ่งเป็นหลักฐานจำนวนมากรวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน โดยได้มาจากอดีตข้าราชการ สตง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น โปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย ด้านนายณรัฐนันทน์ เผย ทำงานที่ สตง. มา 18 ปี เคยใกล้ชิด ทำงานให้ผู้บริหาร สตง. จึงรู้พฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตในการสร้างตึก สตง. ได้ถูกใช้งานหลายอย่างที่อาจเป็นเรื่องไม่สุจริตโปร่งใส ได้รับทราบข้อเท็จจริงเรื่องกระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้รับจ้าง การก่อสร้าง ที่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีผู้บริหารเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน พบสัญญาจ้างผู้ควบคุมงานที่ สตง. เป็นผู้ว่าจ้าง ลงนามโดยอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และปัจจุบันผู้บริหารบางคนก็ยังมีอำนาจอยู่
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-4-68
    .
    วันนี้คุณสนธิจะมาพูดถึงคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีเปลี่ยนความเร็วรถของ "บอส" วรยุทธ อยู่วิทยา ที่นายวรยุทธขับรถสปอร์ตหรู เฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 กันยายน 2555 และเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมถึง ข้อความจากบันทึกความเห็นแย้งคำพิพากษาของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่มีนัยยะสำคัญมาก นอกจากนี้คุณสนธิยังจะมี "ประเด็น" ฝากไปถึงทีมทนาย และผู้บริหารของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล ที่ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาด้วย
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=1MqZerj4jHg
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SonthiTalk #บอสอยู่วิทยา #ซินเคอหยวน
    สนธิเล่าเรื่อง 23-4-68 . วันนี้คุณสนธิจะมาพูดถึงคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีเปลี่ยนความเร็วรถของ "บอส" วรยุทธ อยู่วิทยา ที่นายวรยุทธขับรถสปอร์ตหรู เฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 กันยายน 2555 และเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมถึง ข้อความจากบันทึกความเห็นแย้งคำพิพากษาของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่มีนัยยะสำคัญมาก นอกจากนี้คุณสนธิยังจะมี "ประเด็น" ฝากไปถึงทีมทนาย และผู้บริหารของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล ที่ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=1MqZerj4jHg . #สนธิเล่าเรื่อง #SonthiTalk #บอสอยู่วิทยา #ซินเคอหยวน
    Like
    2
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก
    .
    แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก . แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    12
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts