• ปฏิบัติการเชือดเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ตำรวจสอบสวนกลางบุกจับ 3 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา พัวพันขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจและแอปปลอม ลากเส้นทางเงินดิจิทัลโยง Huione Pay กัมพูชา ก่อนเปลี่ยนเป็นเงินสดขนข้ามแม่สอดสู่เมียวดี รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท จุดไฟร้อนในสงครามอาชญากรรมไซเบอร์ภูมิภาค

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075439

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ปฏิบัติการเชือดเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ตำรวจสอบสวนกลางบุกจับ 3 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา พัวพันขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจและแอปปลอม ลากเส้นทางเงินดิจิทัลโยง Huione Pay กัมพูชา ก่อนเปลี่ยนเป็นเงินสดขนข้ามแม่สอดสู่เมียวดี รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท จุดไฟร้อนในสงครามอาชญากรรมไซเบอร์ภูมิภาค อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075439 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 569 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาแอปคริปโตปลอม—ขโมยทุกอย่างตั้งแต่รหัสผ่านถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล

    ตั้งแต่ต้นปี 2024 แฮกเกอร์เริ่มใช้แคมเปญมัลแวร์ชื่อ JSCEAL โดยปล่อยโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปเทรดคริปโตปลอมที่ดูเหมือนของจริง เช่น Binance, MetaMask, Kraken และ TradingView

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ และถูกหลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งที่มีใบรับรองดิจิทัลจริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่เบื้องหลังคือมัลแวร์ JSCEAL ที่ใช้เทคนิค “compiled JavaScript” ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป

    มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย เช่น รหัสผ่าน, คุกกี้เบราว์เซอร์, seed phrase, ข้อมูลบัญชี Telegram และแม้แต่ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินแบบเรียลไทม์

    JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ compiled JavaScript ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับ
    ใช้เทคนิค obfuscation และ anti-analysis ทำให้ระบบทั่วไปตรวจไม่พบ
    มี detection rate ต่ำมาก แม้จะถูกส่งไปยัง VirusTotal หลายร้อยครั้ง

    แคมเปญนี้ใช้โฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการในครึ่งแรกของปี 2025
    โฆษณาแอบอ้างเป็นแอปเทรดคริปโตชื่อดัง
    มีผู้เห็นโฆษณาใน EU กว่า 3.5 ล้านคน และทั่วโลกเกิน 10 ล้านคน

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนของจริง
    เว็บไซต์มี JavaScript ที่สื่อสารกับ installer ผ่าน localhost
    เปิดเว็บจริงของแอปเพื่อหลอกว่า “ติดตั้งสำเร็จ” ขณะมัลแวร์ทำงานเบื้องหลัง

    มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย
    รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูลเครือข่าย, และบัญชี Telegram
    ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินโดยตรง

    การติดตั้งมัลแวร์ต้องใช้ทั้งเว็บไซต์และ installer ทำงานพร้อมกัน
    หากส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ทำงาน การติดตั้งจะล้มเหลว
    ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก

    JSCEAL เป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่ใช้ compiled V8 JavaScript อย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยให้ซ่อนโค้ดได้ดี
    ทำให้การวิเคราะห์แบบ static แทบเป็นไปไม่ได้

    Compiled JavaScript (JSC) เป็นฟีเจอร์ของ V8 engine ที่ช่วยให้โค้ดถูกแปลงเป็น bytecode
    ทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้จากการวิเคราะห์แบบ static
    เป็นเทคนิคที่เริ่มถูกใช้มากขึ้นในมัลแวร์ยุคใหม่

    Node.js เป็น environment ที่ถูกใช้ในหลายระบบอย่างถูกต้อง แต่ถูกแฮกเกอร์นำมาใช้รันมัลแวร์
    ทำให้มัลแวร์ดูเหมือนเป็นโปรแกรมปกติ
    ช่วยให้หลบการตรวจจับจาก antivirus ได้ง่ายขึ้น

    ผู้ใช้คริปโตควรใช้ hardware wallet และไม่เปิดเผย seed phrase กับใครเด็ดขาด
    seed phrase คือกุญแจหลักของกระเป๋าเงิน
    การใช้ hardware wallet ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์ได้มาก

    ควรติดตั้งแอปคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น App Store หรือ Google Play
    ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวก่อนดาวน์โหลด
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งจากลิงก์ในโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก

    https://hackread.com/jsceal-malware-targets-millions-fake-crypto-app-ads/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาแอปคริปโตปลอม—ขโมยทุกอย่างตั้งแต่รหัสผ่านถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล ตั้งแต่ต้นปี 2024 แฮกเกอร์เริ่มใช้แคมเปญมัลแวร์ชื่อ JSCEAL โดยปล่อยโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปเทรดคริปโตปลอมที่ดูเหมือนของจริง เช่น Binance, MetaMask, Kraken และ TradingView เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ และถูกหลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งที่มีใบรับรองดิจิทัลจริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่เบื้องหลังคือมัลแวร์ JSCEAL ที่ใช้เทคนิค “compiled JavaScript” ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย เช่น รหัสผ่าน, คุกกี้เบราว์เซอร์, seed phrase, ข้อมูลบัญชี Telegram และแม้แต่ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินแบบเรียลไทม์ ✅ JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ compiled JavaScript ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ ใช้เทคนิค obfuscation และ anti-analysis ทำให้ระบบทั่วไปตรวจไม่พบ ➡️ มี detection rate ต่ำมาก แม้จะถูกส่งไปยัง VirusTotal หลายร้อยครั้ง ✅ แคมเปญนี้ใช้โฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการในครึ่งแรกของปี 2025 ➡️ โฆษณาแอบอ้างเป็นแอปเทรดคริปโตชื่อดัง ➡️ มีผู้เห็นโฆษณาใน EU กว่า 3.5 ล้านคน และทั่วโลกเกิน 10 ล้านคน ✅ เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนของจริง ➡️ เว็บไซต์มี JavaScript ที่สื่อสารกับ installer ผ่าน localhost ➡️ เปิดเว็บจริงของแอปเพื่อหลอกว่า “ติดตั้งสำเร็จ” ขณะมัลแวร์ทำงานเบื้องหลัง ✅ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย ➡️ รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูลเครือข่าย, และบัญชี Telegram ➡️ ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินโดยตรง ✅ การติดตั้งมัลแวร์ต้องใช้ทั้งเว็บไซต์และ installer ทำงานพร้อมกัน ➡️ หากส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ทำงาน การติดตั้งจะล้มเหลว ➡️ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก ✅ JSCEAL เป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่ใช้ compiled V8 JavaScript อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยให้ซ่อนโค้ดได้ดี ➡️ ทำให้การวิเคราะห์แบบ static แทบเป็นไปไม่ได้ ✅ Compiled JavaScript (JSC) เป็นฟีเจอร์ของ V8 engine ที่ช่วยให้โค้ดถูกแปลงเป็น bytecode ➡️ ทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้จากการวิเคราะห์แบบ static ➡️ เป็นเทคนิคที่เริ่มถูกใช้มากขึ้นในมัลแวร์ยุคใหม่ ✅ Node.js เป็น environment ที่ถูกใช้ในหลายระบบอย่างถูกต้อง แต่ถูกแฮกเกอร์นำมาใช้รันมัลแวร์ ➡️ ทำให้มัลแวร์ดูเหมือนเป็นโปรแกรมปกติ ➡️ ช่วยให้หลบการตรวจจับจาก antivirus ได้ง่ายขึ้น ✅ ผู้ใช้คริปโตควรใช้ hardware wallet และไม่เปิดเผย seed phrase กับใครเด็ดขาด ➡️ seed phrase คือกุญแจหลักของกระเป๋าเงิน ➡️ การใช้ hardware wallet ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์ได้มาก ✅ ควรติดตั้งแอปคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น App Store หรือ Google Play ➡️ ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวก่อนดาวน์โหลด ➡️ หลีกเลี่ยงการติดตั้งจากลิงก์ในโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก https://hackread.com/jsceal-malware-targets-millions-fake-crypto-app-ads/
    HACKREAD.COM
    New JSCEAL Malware Targets Millions via Fake Crypto App Ads
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาและ JavaScript

    นักวิจัยจาก Check Point พบแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นตั้งแต่มีนาคม 2024 โดยใช้ชื่อว่า “JSCEAL” ซึ่งมีเป้าหมายคือผู้ใช้แอปซื้อขายคริปโตและกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยแฮกเกอร์สร้างแอปปลอมและเว็บไซต์หลอกลวงที่ดูเหมือนของจริง แล้วโปรโมตผ่านโฆษณาบน Facebook และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

    เมื่อเหยื่อคลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง MSI ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน จะเริ่มกระบวนการเก็บข้อมูลระบบผ่าน PowerShell และสคริปต์ JavaScript ที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และหากพบว่าเครื่องมีข้อมูลสำคัญ ก็จะปล่อย payload สุดท้ายคือ JSCEAL ซึ่งทำงานผ่าน Node.js

    JSCEAL ใช้ไฟล์ JavaScript ที่ถูกคอมไพล์ด้วย V8 engine ของ Google ซึ่งทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและหลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนติไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ไฟล์ JavaScript แบบคอมไพล์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ฟีเจอร์ V8 JSC ของ Google เพื่อซ่อนโค้ด
    ทำให้แอนติไวรัสทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนการรันจริง

    แคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2024 และยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง
    พบโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการใน EU ภายในครึ่งแรกของปี 2025
    คาดว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

    แฮกเกอร์ใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอปปลอม
    โฆษณาถูกโพสต์ผ่านบัญชีที่ถูกขโมยหรือสร้างใหม่
    เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบบริการจริง เช่น TradingView

    ไฟล์ MSI ที่ดาวน์โหลดจะเปิดเว็บวิวไปยังเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเหยื่อ
    ใช้ msedge_proxy.exe เพื่อเปิดเว็บจริงควบคู่กับการติดตั้งมัลแวร์
    ทำให้เหยื่อไม่สงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

    JSCEAL สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลายประเภท
    รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูล Telegram, ภาพหน้าจอ, keystroke
    สามารถดักจับเว็บทราฟฟิกและฝังสคริปต์ในเว็บไซต์ธนาคารหรือคริปโต

    มัลแวร์มีโครงสร้างแบบหลายชั้นและปรับเปลี่ยน payload ได้ตามสถานการณ์
    ใช้ fingerprinting scripts เพื่อประเมินความคุ้มค่าของเหยื่อก่อนปล่อย payload
    มีการตั้ง proxy ภายในเครื่องเพื่อดักข้อมูลแบบ real-time

    https://www.techradar.com/pro/security/major-new-malware-strain-targets-crypto-users-via-malicious-ads-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe
    🧠 เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาและ JavaScript นักวิจัยจาก Check Point พบแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นตั้งแต่มีนาคม 2024 โดยใช้ชื่อว่า “JSCEAL” ซึ่งมีเป้าหมายคือผู้ใช้แอปซื้อขายคริปโตและกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยแฮกเกอร์สร้างแอปปลอมและเว็บไซต์หลอกลวงที่ดูเหมือนของจริง แล้วโปรโมตผ่านโฆษณาบน Facebook และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เมื่อเหยื่อคลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง MSI ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน จะเริ่มกระบวนการเก็บข้อมูลระบบผ่าน PowerShell และสคริปต์ JavaScript ที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และหากพบว่าเครื่องมีข้อมูลสำคัญ ก็จะปล่อย payload สุดท้ายคือ JSCEAL ซึ่งทำงานผ่าน Node.js JSCEAL ใช้ไฟล์ JavaScript ที่ถูกคอมไพล์ด้วย V8 engine ของ Google ซึ่งทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและหลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนติไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ไฟล์ JavaScript แบบคอมไพล์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ฟีเจอร์ V8 JSC ของ Google เพื่อซ่อนโค้ด ➡️ ทำให้แอนติไวรัสทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนการรันจริง ✅ แคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2024 และยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ➡️ พบโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการใน EU ภายในครึ่งแรกของปี 2025 ➡️ คาดว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก ✅ แฮกเกอร์ใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอปปลอม ➡️ โฆษณาถูกโพสต์ผ่านบัญชีที่ถูกขโมยหรือสร้างใหม่ ➡️ เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบบริการจริง เช่น TradingView ✅ ไฟล์ MSI ที่ดาวน์โหลดจะเปิดเว็บวิวไปยังเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ ใช้ msedge_proxy.exe เพื่อเปิดเว็บจริงควบคู่กับการติดตั้งมัลแวร์ ➡️ ทำให้เหยื่อไม่สงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ✅ JSCEAL สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลายประเภท ➡️ รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูล Telegram, ภาพหน้าจอ, keystroke ➡️ สามารถดักจับเว็บทราฟฟิกและฝังสคริปต์ในเว็บไซต์ธนาคารหรือคริปโต ✅ มัลแวร์มีโครงสร้างแบบหลายชั้นและปรับเปลี่ยน payload ได้ตามสถานการณ์ ➡️ ใช้ fingerprinting scripts เพื่อประเมินความคุ้มค่าของเหยื่อก่อนปล่อย payload ➡️ มีการตั้ง proxy ภายในเครื่องเพื่อดักข้อมูลแบบ real-time https://www.techradar.com/pro/security/major-new-malware-strain-targets-crypto-users-via-malicious-ads-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin

    ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ

    Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”

    กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ

    FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
    ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
    ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ

    Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
    มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
    ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่

    ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
    หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง

    หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
    สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
    หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS

    Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
    ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
    มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger

    การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง

    การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
    Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
    ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร

    การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
    FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
    การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม

    กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
    Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
    การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate” กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ✅ FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos ➡️ ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส ➡️ ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม ➡️ มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล ➡️ ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่ ✅ ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล ➡️ หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ➡️ ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง ✅ หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ ➡️ สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ ➡️ หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS ✅ Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้ ➡️ ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger ‼️ การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ⛔ Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง ‼️ การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม ⛔ Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS ⛔ ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร ‼️ การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป ⛔ FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน ⛔ การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม ‼️ กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม ⛔ Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti ⛔ การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากกระเป๋าเงินดิจิทัล: เมื่อ PayPal เชื่อมโลกคริปโตสู่การค้าจริง

    ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม 2025 PayPal ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ “Pay with Crypto” ที่จะให้ร้านค้าในสหรัฐฯ รับชำระเงินด้วยคริปโตมากกว่า 100 สกุลเงินดิจิทัล เช่น BTC, ETH, XRP, USDT, USDC และ SOL โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินจากแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Coinbase, MetaMask, OKX และ Binance ได้โดยตรง

    ธุรกรรมจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐหรือ stablecoin PYUSD ทันทีที่ชำระเงิน ทำให้ร้านค้าได้รับเงินอย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของคริปโต ขณะเดียวกัน PayPal เสนออัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปีสำหรับยอดเงิน PYUSD ที่เก็บไว้ในระบบ เพื่อกระตุ้นการใช้งานและถือครอง

    PayPal เปิดตัวฟีเจอร์ “Pay with Crypto” ให้ร้านค้าในสหรัฐฯ รับชำระเงินด้วยคริปโตมากกว่า 100 สกุล
    รองรับ BTC, ETH, XRP, USDT, USDC, BNB, SOL และอื่นๆ
    เชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินยอดนิยม เช่น Coinbase, MetaMask, OKX, Binance

    ธุรกรรมจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์หรือ PYUSD ทันทีที่ชำระเงิน
    ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของคริปโต
    ช่วยให้ร้านค้าได้รับเงินเร็วขึ้นและจัดการบัญชีง่ายขึ้น

    ค่าธรรมเนียมธุรกรรมเริ่มต้นที่ 0.99% และอาจเพิ่มเป็น 1.5% หลังปีแรก
    ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตระหว่างประเทศที่เฉลี่ย 1.57%
    ลดต้นทุนการรับชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศได้ถึง 90%

    ร้านค้าที่ถือ PYUSD บน PayPal จะได้รับดอกเบี้ย 4% ต่อปี
    เป็นแรงจูงใจให้ถือครอง stablecoin ของ PayPal
    PYUSD ถูกออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ และออกโดย Paxos Trust Company

    ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับ Web3
    PayPal มีผู้ใช้งานกว่า 650 ล้านรายทั่วโลก
    เป็นการเปิดประตูสู่เศรษฐกิจคริปโตมูลค่า $3.9 ล้านล้านดอลลาร์

    ผู้ซื้อจากต่างประเทศอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงถึง 10% ต่อธุรกรรม
    อาจทำให้ลูกค้าต่างประเทศลังเลที่จะใช้คริปโตในการซื้อสินค้า
    ส่งผลต่อยอดขายของร้านค้าที่เน้นตลาดต่างประเทศ

    การถือครอง PYUSD มีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการรับประกัน
    PYUSD ไม่ได้รับการคุ้มครองจาก FDIC หรือ SIPC
    หากเกิดการโจรกรรมหรือระบบล่ม ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเอง

    การแปลงคริปโตเป็น fiat ผ่านระบบกลางอาจขัดกับหลักการกระจายอำนาจ
    ผู้ใช้ต้องพึ่งพา PayPal ในการแปลงและจัดการธุรกรรม
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมสินทรัพย์แบบเต็มรูปแบบ

    การถือครอง PYUSD เพื่อรับดอกเบี้ยอาจถูกตีความว่าเป็นการลงทุน
    อาจเข้าข่ายหลักทรัพย์ตามกฎหมายบางประเทศ
    เสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบหรือจำกัดการใช้งานในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108847-paypal-us-merchants-accept-over-100-cryptocurrencies-including.html
    💸 เรื่องเล่าจากกระเป๋าเงินดิจิทัล: เมื่อ PayPal เชื่อมโลกคริปโตสู่การค้าจริง ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม 2025 PayPal ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ “Pay with Crypto” ที่จะให้ร้านค้าในสหรัฐฯ รับชำระเงินด้วยคริปโตมากกว่า 100 สกุลเงินดิจิทัล เช่น BTC, ETH, XRP, USDT, USDC และ SOL โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินจากแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Coinbase, MetaMask, OKX และ Binance ได้โดยตรง ธุรกรรมจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐหรือ stablecoin PYUSD ทันทีที่ชำระเงิน ทำให้ร้านค้าได้รับเงินอย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของคริปโต ขณะเดียวกัน PayPal เสนออัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปีสำหรับยอดเงิน PYUSD ที่เก็บไว้ในระบบ เพื่อกระตุ้นการใช้งานและถือครอง ✅ PayPal เปิดตัวฟีเจอร์ “Pay with Crypto” ให้ร้านค้าในสหรัฐฯ รับชำระเงินด้วยคริปโตมากกว่า 100 สกุล ➡️ รองรับ BTC, ETH, XRP, USDT, USDC, BNB, SOL และอื่นๆ ➡️ เชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินยอดนิยม เช่น Coinbase, MetaMask, OKX, Binance ✅ ธุรกรรมจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์หรือ PYUSD ทันทีที่ชำระเงิน ➡️ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของคริปโต ➡️ ช่วยให้ร้านค้าได้รับเงินเร็วขึ้นและจัดการบัญชีง่ายขึ้น ✅ ค่าธรรมเนียมธุรกรรมเริ่มต้นที่ 0.99% และอาจเพิ่มเป็น 1.5% หลังปีแรก ➡️ ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตระหว่างประเทศที่เฉลี่ย 1.57% ➡️ ลดต้นทุนการรับชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศได้ถึง 90% ✅ ร้านค้าที่ถือ PYUSD บน PayPal จะได้รับดอกเบี้ย 4% ต่อปี ➡️ เป็นแรงจูงใจให้ถือครอง stablecoin ของ PayPal ➡️ PYUSD ถูกออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ และออกโดย Paxos Trust Company ✅ ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับ Web3 ➡️ PayPal มีผู้ใช้งานกว่า 650 ล้านรายทั่วโลก ➡️ เป็นการเปิดประตูสู่เศรษฐกิจคริปโตมูลค่า $3.9 ล้านล้านดอลลาร์ ‼️ ผู้ซื้อจากต่างประเทศอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงถึง 10% ต่อธุรกรรม ⛔ อาจทำให้ลูกค้าต่างประเทศลังเลที่จะใช้คริปโตในการซื้อสินค้า ⛔ ส่งผลต่อยอดขายของร้านค้าที่เน้นตลาดต่างประเทศ ‼️ การถือครอง PYUSD มีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการรับประกัน ⛔ PYUSD ไม่ได้รับการคุ้มครองจาก FDIC หรือ SIPC ⛔ หากเกิดการโจรกรรมหรือระบบล่ม ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเอง ‼️ การแปลงคริปโตเป็น fiat ผ่านระบบกลางอาจขัดกับหลักการกระจายอำนาจ ⛔ ผู้ใช้ต้องพึ่งพา PayPal ในการแปลงและจัดการธุรกรรม ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมสินทรัพย์แบบเต็มรูปแบบ ‼️ การถือครอง PYUSD เพื่อรับดอกเบี้ยอาจถูกตีความว่าเป็นการลงทุน ⛔ อาจเข้าข่ายหลักทรัพย์ตามกฎหมายบางประเทศ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบหรือจำกัดการใช้งานในอนาคต https://www.techspot.com/news/108847-paypal-us-merchants-accept-over-100-cryptocurrencies-including.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    PayPal to let US merchants accept over 100 cryptocurrencies, including Bitcoin and Ethereum
    Over the next few weeks, PayPal will roll out a new "Pay with Crypto" option. The feature will reportedly allow businesses worldwide to accept more than 100...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่กิน SSD: เมื่อ MetaMask เขียนข้อมูลลงดิสก์แบบไม่หยุดพัก

    ผู้ใช้ชื่อ “ripper31337” รายงานผ่าน GitHub ว่า MetaMask เขียนข้อมูลลง SSD มากถึง 25TB ภายใน 3 เดือน โดยแม้จะไม่ได้ล็อกอินเข้าใช้งาน ส่วนขยายก็ยังเขียนข้อมูลต่อเนื่องที่ความเร็ว 5MB/s — เทียบเท่ากับ 420GB ต่อวัน หรือ 38TB ใน 3 เดือน

    นักพัฒนา MetaMask ชื่อ Mark “Gudahtt” Stacey ยืนยันว่าบั๊กนี้มีอยู่จริง และเกิดจากการจัดการ “state” ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติในบางผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อมต่อกับ dApps จำนวนมากหรือมี NFT/โทเคนจำนวนมากในบัญชี

    บริษัท Consensys เจ้าของ MetaMask ระบุว่า:

    “แม้การเขียน state ลงดิสก์จะเป็นพฤติกรรมปกติของ wallet แบบ browser extension แต่เรากำลังหาวิธีลดขนาด state เพื่อแก้ปัญหานี้”

    ผู้ใช้บางรายพบไฟล์ Synaptics.exe ที่ถูกสร้างใน C:\ProgramData\ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มัลแวร์มักใช้ซ่อนตัว — แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่า MetaMask มีมัลแวร์ แต่การเขียนข้อมูลจำนวนมากโดยไม่แจ้งเตือนถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อ SSD และความปลอดภัยของระบบ

    MetaMask เวอร์ชัน Chrome extension มีบั๊กที่เขียนข้อมูลลง SSD หลายร้อย GB ต่อวัน
    แม้จะไม่ได้ล็อกอิน ส่วนขยายก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลัง

    ผู้ใช้รายหนึ่งพบว่า SSD ของตนถูกเขียนข้อมูลถึง 25TB ภายใน 3 เดือน
    ความเร็วการเขียนอยู่ที่ประมาณ 5MB/s ตลอดเวลา

    นักพัฒนา MetaMask ยืนยันว่าบั๊กนี้มีอยู่จริง และเกิดจาก state ที่มีขนาดใหญ่
    โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับ dApps หรือมี NFT จำนวนมาก

    Consensys ระบุว่ากำลังหาวิธีลดขนาด state เพื่อแก้ปัญหา
    และยอมรับว่าการเขียน state เป็นพฤติกรรมปกติของ wallet แบบ extension

    บั๊กนี้ส่งผลต่อผู้ใช้บน Chrome, Edge และ Opera ที่ใช้ MetaMask extension
    Firefox ไม่ได้รับผลกระทบในรายงานนี้

    SSD ที่ได้รับผลกระทบมีการเขียนข้อมูลถึง 26.5TB ตาม CrystalDiskInfo
    แม้จะไม่ถึง 38TB แต่ก็ถือว่าเป็นปริมาณที่สูงผิดปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/metamask-crypto-wallet-chrome-extension-is-eating-ssd-storage-at-an-alarming-rate-owner-confirms-bug-has-been-writing-hundreds-of-gigabytes-of-data-per-day-into-users-solid-state-drives
    🎙️ เรื่องเล่าจากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่กิน SSD: เมื่อ MetaMask เขียนข้อมูลลงดิสก์แบบไม่หยุดพัก ผู้ใช้ชื่อ “ripper31337” รายงานผ่าน GitHub ว่า MetaMask เขียนข้อมูลลง SSD มากถึง 25TB ภายใน 3 เดือน โดยแม้จะไม่ได้ล็อกอินเข้าใช้งาน ส่วนขยายก็ยังเขียนข้อมูลต่อเนื่องที่ความเร็ว 5MB/s — เทียบเท่ากับ 420GB ต่อวัน หรือ 38TB ใน 3 เดือน นักพัฒนา MetaMask ชื่อ Mark “Gudahtt” Stacey ยืนยันว่าบั๊กนี้มีอยู่จริง และเกิดจากการจัดการ “state” ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติในบางผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อมต่อกับ dApps จำนวนมากหรือมี NFT/โทเคนจำนวนมากในบัญชี บริษัท Consensys เจ้าของ MetaMask ระบุว่า: 🔖 “แม้การเขียน state ลงดิสก์จะเป็นพฤติกรรมปกติของ wallet แบบ browser extension แต่เรากำลังหาวิธีลดขนาด state เพื่อแก้ปัญหานี้” ผู้ใช้บางรายพบไฟล์ Synaptics.exe ที่ถูกสร้างใน C:\ProgramData\ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มัลแวร์มักใช้ซ่อนตัว — แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่า MetaMask มีมัลแวร์ แต่การเขียนข้อมูลจำนวนมากโดยไม่แจ้งเตือนถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อ SSD และความปลอดภัยของระบบ ✅ MetaMask เวอร์ชัน Chrome extension มีบั๊กที่เขียนข้อมูลลง SSD หลายร้อย GB ต่อวัน ➡️ แม้จะไม่ได้ล็อกอิน ส่วนขยายก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลัง ✅ ผู้ใช้รายหนึ่งพบว่า SSD ของตนถูกเขียนข้อมูลถึง 25TB ภายใน 3 เดือน ➡️ ความเร็วการเขียนอยู่ที่ประมาณ 5MB/s ตลอดเวลา ✅ นักพัฒนา MetaMask ยืนยันว่าบั๊กนี้มีอยู่จริง และเกิดจาก state ที่มีขนาดใหญ่ ➡️ โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับ dApps หรือมี NFT จำนวนมาก ✅ Consensys ระบุว่ากำลังหาวิธีลดขนาด state เพื่อแก้ปัญหา ➡️ และยอมรับว่าการเขียน state เป็นพฤติกรรมปกติของ wallet แบบ extension ✅ บั๊กนี้ส่งผลต่อผู้ใช้บน Chrome, Edge และ Opera ที่ใช้ MetaMask extension ➡️ Firefox ไม่ได้รับผลกระทบในรายงานนี้ ✅ SSD ที่ได้รับผลกระทบมีการเขียนข้อมูลถึง 26.5TB ตาม CrystalDiskInfo ➡️ แม้จะไม่ถึง 38TB แต่ก็ถือว่าเป็นปริมาณที่สูงผิดปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/metamask-crypto-wallet-chrome-extension-is-eating-ssd-storage-at-an-alarming-rate-owner-confirms-bug-has-been-writing-hundreds-of-gigabytes-of-data-per-day-into-users-solid-state-drives
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผลิตเงินตราของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางสำคัญ 3 ประการ และแต่ละทิศทางมีทั้งผลดีและผลเสีย ดังนี้:

    ### 1. **การเปลี่ยนสู่เงินดิจิทัล (Digital Currencies)**
    - **ผลดี:**
    - **ความสะดวกและเร็ว:** การชำระเงินข้ามประเทศใช้เวลาไม่กี่วินาที (เดิมใช้วัน) เช่น ระบบ CBDC ของจีน (e-CNY)
    - **การเข้าถึงบริการทางการเงิน:** ช่วยให้ประชากร 1.4 พันล้านคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารเข้าถึงระบบการเงิน (World Bank 2023)
    - **ลดต้นทุน:** ธนาคารกลางยุโรปประเมินว่า CBDC ลดต้นทุนการจัดการเงินสดได้ 30%
    - **ผลเสีย:**
    - **ความเสี่ยงทางไซเบอร์:** แฮ็กระบบการเงินระดับชาติ เช่น เหตุการณ์แฮ็ก Cryptocurrency ที่สูญเสียกว่า 3.8 พันล้าน USD ในปี 2022 (Chainalysis)
    - **การละเมิดความเป็นส่วนตัว:** รัฐอาจติดตามทุกการทำธุรกรรมของประชาชน

    ### 2. **การลดบทบาทเงินสด (Cashless Society)**
    - **ผลดี:**
    - **ลดอาชญากรรม:** สวีเดนพบว่าการปล้นลดลง 85% หลังลดการใช้เงินสด (Riksbank รายงาน)
    - **ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ:** IMF ชี้ว่าประเทศไร้เงินสดเพิ่ม GDP ได้ 0.8-1.2% จากการลดต้นทุนการพิมพ์/ขนส่ง
    - **ผลเสีย:**
    - **การแบ่งแยกดิจิทัล:** ผู้สูงอายุหรือชุมชนห่างไกลในอินเดียกว่า 40% ยังไม่พร้อม (Reserve Bank of India)
    - **ความเสี่ยงต่อระบบ:** ไฟฟ้าดับหรือระบบล่มอาจทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก

    ### 3. **การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลภาคเอกชน (Private Cryptocurrencies & Stablecoins)**
    - **ผลดี:**
    - **นวัตกรรมทางการเงิน:** DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์) สร้างตลาดมูลค่า 80 พันล้าน USD ในปี 2023 (DeFi Llama)
    - **การป้องกันเงินเฟ้อ:** Stablecoin เช่น USDT ให้ทางเลือกในประเทศที่เงินเฟ้อสูง (เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา)
    - **ผลเสีย:**
    - **ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน:** การล่มสลายของ TerraUSD (2022) ทำลายมูลค่ากว่า 40 พันล้าน USD ใน 3 วัน
    - **การฟอกเงิน:** UN ประเมินว่ามีการฟอกเงินผ่านคริปโตกว่า 8.6 พันล้าน USD ในปี 2021

    ### ผลกระทบเชิงโครงสร้าง:
    - **ผลดีโดยรวม:**
    - เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเงินโลก
    - ส่งเสริมการรวมตัวทางการเงิน (Financial Inclusion)
    - ลดต้นทุนการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน (เดิมเฉลี่ย 6.5% ลดเหลือต่ำกว่า 1%)

    - **ผลเสียโดยรวม:**
    - **ความไม่เสมอภาค:** ประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกทิ้งห่าง (แอฟริกามีการใช้ CBDC เพียง 3 ประเทศเทียบกับ 114 ประเทศที่กำลังวิจัย)
    - **ภัยคุกคามต่ออธิปไตย:** สกุลเงินดิจิทัลเอกชนอาจลดทอนอำนาจนโยบายการเงินของรัฐ

    ### ตัวอย่างประเทศที่ชัดเจน:
    - **จีน (e-CNY):** ใช้ทดลองใน 26 เมืองใหญ่ คาดครอบคลุม 15% ของเศรษฐกิจภายในปี 2025 → เพิ่มการควบคุมทางการคลัง แต่ถูกวิจารณ์เรื่องการสอดส่องประชาชน
    - **สวีเดน:** เงินสดเหลือเพียง 8% ของ GDP (2010 อยู่ที่ 40%) → ลดอาชญากรรมแต่เสี่ยงต่อ Cyberattack

    ### บทสรุป:
    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็น **"ดาบสองคม"** โดยทิศทางหลักคือ **การทำให้เป็นดิจิทัล (Digitalization)** ซึ่งให้ประโยชน์ด้านประสิทธิภาพ แต่ต้องจัดการกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความเป็นส่วนตัวอย่างเร่งด่วน อนาคตอาจเห็นระบบการเงินแบบผสมผสานระหว่าง CBDC, สกุลเงินดิจิทัลเอกชน และเงินสดแบบจำกัด โดยความสำเร็จขึ้นอยู่กับการออกแบบกฎเกณฑ์ที่สมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการคุ้มครองประชาชน
    การผลิตเงินตราของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางสำคัญ 3 ประการ และแต่ละทิศทางมีทั้งผลดีและผลเสีย ดังนี้: ### 1. **การเปลี่ยนสู่เงินดิจิทัล (Digital Currencies)** - **ผลดี:** - **ความสะดวกและเร็ว:** การชำระเงินข้ามประเทศใช้เวลาไม่กี่วินาที (เดิมใช้วัน) เช่น ระบบ CBDC ของจีน (e-CNY) - **การเข้าถึงบริการทางการเงิน:** ช่วยให้ประชากร 1.4 พันล้านคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารเข้าถึงระบบการเงิน (World Bank 2023) - **ลดต้นทุน:** ธนาคารกลางยุโรปประเมินว่า CBDC ลดต้นทุนการจัดการเงินสดได้ 30% - **ผลเสีย:** - **ความเสี่ยงทางไซเบอร์:** แฮ็กระบบการเงินระดับชาติ เช่น เหตุการณ์แฮ็ก Cryptocurrency ที่สูญเสียกว่า 3.8 พันล้าน USD ในปี 2022 (Chainalysis) - **การละเมิดความเป็นส่วนตัว:** รัฐอาจติดตามทุกการทำธุรกรรมของประชาชน ### 2. **การลดบทบาทเงินสด (Cashless Society)** - **ผลดี:** - **ลดอาชญากรรม:** สวีเดนพบว่าการปล้นลดลง 85% หลังลดการใช้เงินสด (Riksbank รายงาน) - **ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ:** IMF ชี้ว่าประเทศไร้เงินสดเพิ่ม GDP ได้ 0.8-1.2% จากการลดต้นทุนการพิมพ์/ขนส่ง - **ผลเสีย:** - **การแบ่งแยกดิจิทัล:** ผู้สูงอายุหรือชุมชนห่างไกลในอินเดียกว่า 40% ยังไม่พร้อม (Reserve Bank of India) - **ความเสี่ยงต่อระบบ:** ไฟฟ้าดับหรือระบบล่มอาจทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ### 3. **การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลภาคเอกชน (Private Cryptocurrencies & Stablecoins)** - **ผลดี:** - **นวัตกรรมทางการเงิน:** DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์) สร้างตลาดมูลค่า 80 พันล้าน USD ในปี 2023 (DeFi Llama) - **การป้องกันเงินเฟ้อ:** Stablecoin เช่น USDT ให้ทางเลือกในประเทศที่เงินเฟ้อสูง (เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา) - **ผลเสีย:** - **ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน:** การล่มสลายของ TerraUSD (2022) ทำลายมูลค่ากว่า 40 พันล้าน USD ใน 3 วัน - **การฟอกเงิน:** UN ประเมินว่ามีการฟอกเงินผ่านคริปโตกว่า 8.6 พันล้าน USD ในปี 2021 ### ผลกระทบเชิงโครงสร้าง: - **ผลดีโดยรวม:** - เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเงินโลก - ส่งเสริมการรวมตัวทางการเงิน (Financial Inclusion) - ลดต้นทุนการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน (เดิมเฉลี่ย 6.5% ลดเหลือต่ำกว่า 1%) - **ผลเสียโดยรวม:** - **ความไม่เสมอภาค:** ประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกทิ้งห่าง (แอฟริกามีการใช้ CBDC เพียง 3 ประเทศเทียบกับ 114 ประเทศที่กำลังวิจัย) - **ภัยคุกคามต่ออธิปไตย:** สกุลเงินดิจิทัลเอกชนอาจลดทอนอำนาจนโยบายการเงินของรัฐ ### ตัวอย่างประเทศที่ชัดเจน: - **จีน (e-CNY):** ใช้ทดลองใน 26 เมืองใหญ่ คาดครอบคลุม 15% ของเศรษฐกิจภายในปี 2025 → เพิ่มการควบคุมทางการคลัง แต่ถูกวิจารณ์เรื่องการสอดส่องประชาชน - **สวีเดน:** เงินสดเหลือเพียง 8% ของ GDP (2010 อยู่ที่ 40%) → ลดอาชญากรรมแต่เสี่ยงต่อ Cyberattack ### บทสรุป: การเปลี่ยนแปลงนี้เป็น **"ดาบสองคม"** โดยทิศทางหลักคือ **การทำให้เป็นดิจิทัล (Digitalization)** ซึ่งให้ประโยชน์ด้านประสิทธิภาพ แต่ต้องจัดการกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความเป็นส่วนตัวอย่างเร่งด่วน อนาคตอาจเห็นระบบการเงินแบบผสมผสานระหว่าง CBDC, สกุลเงินดิจิทัลเอกชน และเงินสดแบบจำกัด โดยความสำเร็จขึ้นอยู่กับการออกแบบกฎเกณฑ์ที่สมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการคุ้มครองประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกการเงิน: Citigroup อาจออก Stablecoin ของตัวเองเพื่อเร่งระบบการชำระเงินดิจิทัล

    ในโลกที่การเงินดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Citigroup ก็ไม่ยอมตกขบวน ล่าสุด Jane Fraser ซีอีโอของ Citi ได้เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังพิจารณาออก “Citi Stablecoin” เพื่อใช้ในการชำระเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ Citi ไม่ได้มองแค่การออกเหรียญเท่านั้น พวกเขายังเน้นไปที่ “tokenized deposit” หรือการแปลงเงินฝากให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ธนาคารกำลังลงทุนอย่างจริงจัง

    นอกจากนี้ Citi ยังสำรวจการบริหารทุนสำรองสำหรับ stablecoin และการให้บริการดูแลสินทรัพย์คริปโต (custody) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่

    ข่าวนี้ออกมาหลังจาก Citi รายงานผลประกอบการไตรมาสสองที่ดีกว่าคาด และประกาศแผนซื้อหุ้นคืนอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008

    Stablecoin ของ Citi ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา
    ยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัวหรือรายละเอียดเชิงเทคนิค

    การเข้าสู่ตลาด stablecoin ต้องเผชิญกับข้อกำกับทางกฎหมาย
    โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบคริปโต

    การแข่งขันในตลาด stablecoin มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่แล้ว
    เช่น USDC, USDT และโครงการจากธนาคารอื่น ๆ

    การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเงินดิจิทัลอาจกระทบระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
    ต้องมีการปรับตัวทั้งในด้านเทคโนโลยีและความเชื่อมั่นจากลูกค้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/16/citigroup-considers-issuing-its-own-stablecoin-ceo-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกการเงิน: Citigroup อาจออก Stablecoin ของตัวเองเพื่อเร่งระบบการชำระเงินดิจิทัล ในโลกที่การเงินดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Citigroup ก็ไม่ยอมตกขบวน ล่าสุด Jane Fraser ซีอีโอของ Citi ได้เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังพิจารณาออก “Citi Stablecoin” เพื่อใช้ในการชำระเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ Citi ไม่ได้มองแค่การออกเหรียญเท่านั้น พวกเขายังเน้นไปที่ “tokenized deposit” หรือการแปลงเงินฝากให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ธนาคารกำลังลงทุนอย่างจริงจัง นอกจากนี้ Citi ยังสำรวจการบริหารทุนสำรองสำหรับ stablecoin และการให้บริการดูแลสินทรัพย์คริปโต (custody) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่ ข่าวนี้ออกมาหลังจาก Citi รายงานผลประกอบการไตรมาสสองที่ดีกว่าคาด และประกาศแผนซื้อหุ้นคืนอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 ‼️ Stablecoin ของ Citi ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา 👉 ยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัวหรือรายละเอียดเชิงเทคนิค ‼️ การเข้าสู่ตลาด stablecoin ต้องเผชิญกับข้อกำกับทางกฎหมาย 👉 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบคริปโต ‼️ การแข่งขันในตลาด stablecoin มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่แล้ว 👉 เช่น USDC, USDT และโครงการจากธนาคารอื่น ๆ ‼️ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเงินดิจิทัลอาจกระทบระบบธนาคารแบบดั้งเดิม 👉 ต้องมีการปรับตัวทั้งในด้านเทคโนโลยีและความเชื่อมั่นจากลูกค้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/16/citigroup-considers-issuing-its-own-stablecoin-ceo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Citigroup considers issuing its own stablecoin, CEO says
    NEW YORK (Reuters) -Citigroup may issue its own stablecoin in an effort to facilitate digital payments, the bank's CEO, Jane Fraser, told analysts on a post-earnings conference call on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ

    หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย

    โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย

    พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง

    Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet

    #Newskit
    KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิท 'ฮุนเซน' ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยึดรถหรู-เงิน 27 ล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/20112/
    .
    #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #บัญชีม้า #สกุลเงินดิจิทัล #ปอยเปต #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ไซเบอร์อาชญากรรม #ไทยกัมพูชา
    ตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิท 'ฮุนเซน' ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยึดรถหรู-เงิน 27 ล้าน https://www.thai-tai.tv/news/20112/ . #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #บัญชีม้า #สกุลเงินดิจิทัล #ปอยเปต #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ไซเบอร์อาชญากรรม #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • · การตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมยืนยันว่ากรมสรรพากรล้าสมัยไปแล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศกำลังล่มสลาย และกฎหมายภาษีระหว่างประเทศกำลังถูกเขียนขึ้นใหม่ภายใต้โปรโตคอล GESARA ธนาคารกลางสหรัฐสูญเสียหน้าที่การสั่งการไปแล้ว โหนดควอนตัมกำลังดำเนินการกระจายความมั่งคั่งในระดับโลก การยกหนี้ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ และกระเป๋าเงินคืนสำหรับทุกประเทศที่ถูกทำลายโดยเผด็จการของธนาคารกลาง

    · กวนตานาโม: ความยุติธรรมทางทหารแข็งแกร่งขึ้น อ่าวกวนตานาโมเป็นที่ตั้งศาลที่เข้มแข็งที่สุดในโลกในปัจจุบัน วันที่ 4 มิถุนายนเป็นวันก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินรุ่นใหม่ ทางเดินกักขังแบบไบโอเมตริกซ์ ปีกกักขังแยก และศูนย์เฝ้าระวังที่บูรณาการกับ AI

    · ข่าวกรองทางทหารยืนยันว่าการแฮ็กข้อมูลไบโอเมตริกซ์ที่สกัดกั้นได้ ซึ่งดำเนินการโดยผู้ควบคุมของไบเดนในสวิตเซอร์แลนด์ ถูกบล็อกก่อนที่พวกมันจะดูดสินทรัพย์สาธารณะของ QFS เข้าสู่กองทุนดำดั้งเดิมได้

    · คำสารภาพอันยอดเยี่ยมกว่า 2,000 ชั่วโมงยืนยันว่าห้องทดลองโคลนนิ่งบนดวงจันทร์เปิดดำเนินการจนถึงเดือนพฤษภาคม 2023 โปรแกรมกระตุ้น COVID ถูกฝังชิปติดตามประสาทไว้ คาราวานวัคซีนของ FEMA ถูกกำหนดให้แพร่กระจายอาวุธชีวภาพ ห้องทดลองหายไปแล้ว คำสารภาพถูกบันทึกไว้ และโลกจะรู้ในไม่ช้า

    · QFS: หัวใจของการรีเซ็ต ลืมเงินตรา ลืมเงินดิจิทัลไปได้เลย QFS ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจโลกใหม่ ชาติที่มีอำนาจอธิปไตยทั้งหมดที่สอดคล้องกับพันธมิตรกำลังดำเนินการโหนด QFS แบบคู่ขนาน ห้องนิรภัยทองคำดิจิทัลออนไลน์แล้ว การสร้างโทเค็นสกุลเงินสายรุ้งกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ ห้องนิรภัยที่เชื่อมต่อกับการเข้ารหัสควอนตัมระดับเทสลาอยู่ในช่วงล็อกขั้นสุดท้าย

    · เงินเก่าของคุณกำลังจะตาย ความมั่งคั่งใหม่ของคุณเป็นแบบควอนตัม ปลอดภัย และอยู่ภายใต้การคุ้มครองทางทหาร ทุกธุรกรรม ทุกบัญชีแยกประเภท สาธารณะ ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอิสระจากการควบคุมของ Rothschild ตลอดไป

    · ลอสแองเจลิสถูกปิดล้อม — การฟื้นฟูทางการทหารกำลังดำเนินไป การก่อจลาจลในแอลเอไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการหายใจเฮือกสุดท้ายของเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์ที่แฝงตัวอยู่ในการเมืองของเมืองและเครือข่ายเอ็นจีโอ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ทรัมป์ได้อนุญาตให้มีการส่งกำลังทหารทั้งหมดเพื่อยึดแอลเอคืนจากกลุ่มประสานงานการประท้วงที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มค้ายา เซิร์ฟเวอร์ข่าวกรองต่างประเทศ และตัวแทนที่ได้รับเงินทุนจากโซรอส

    · เครือข่ายเข้ารหัสที่เชื่อมโยงกับกาตาร์ บรัสเซลส์ และซูริก ควบคุมการปฏิบัติการระดับถนนผ่านแอนติฟาและตัวแทนที่ได้รับการสนับสนุนจาก WEF ฝูงบินแบล็กฮอว์กควบคุมน่านฟ้าในปัจจุบัน ยานเกราะแคมป์เพนเดิลตันได้ล็อกบริเวณทางแยกสำคัญ ผู้นำกลุ่มค้ายาที่แฝงตัวอยู่ใน "เขตปลอดภัย" ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวถูกกำจัดด้วยการโจมตีที่แม่นยำ

    · JAG กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับรัฐ รวมถึงแกวิน นิวซัมและคาเรน บาสส์ ในข้อหาสมคบคิดและก่อกบฏในต่างประเทศ

    · การตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมยืนยันว่ากรมสรรพากรล้าสมัยไปแล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศกำลังล่มสลาย และกฎหมายภาษีระหว่างประเทศกำลังถูกเขียนขึ้นใหม่ภายใต้โปรโตคอล GESARA ธนาคารกลางสหรัฐสูญเสียหน้าที่การสั่งการไปแล้ว โหนดควอนตัมกำลังดำเนินการกระจายความมั่งคั่งในระดับโลก การยกหนี้ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ และกระเป๋าเงินคืนสำหรับทุกประเทศที่ถูกทำลายโดยเผด็จการของธนาคารกลาง · กวนตานาโม: ความยุติธรรมทางทหารแข็งแกร่งขึ้น อ่าวกวนตานาโมเป็นที่ตั้งศาลที่เข้มแข็งที่สุดในโลกในปัจจุบัน วันที่ 4 มิถุนายนเป็นวันก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินรุ่นใหม่ ทางเดินกักขังแบบไบโอเมตริกซ์ ปีกกักขังแยก และศูนย์เฝ้าระวังที่บูรณาการกับ AI · ข่าวกรองทางทหารยืนยันว่าการแฮ็กข้อมูลไบโอเมตริกซ์ที่สกัดกั้นได้ ซึ่งดำเนินการโดยผู้ควบคุมของไบเดนในสวิตเซอร์แลนด์ ถูกบล็อกก่อนที่พวกมันจะดูดสินทรัพย์สาธารณะของ QFS เข้าสู่กองทุนดำดั้งเดิมได้ · คำสารภาพอันยอดเยี่ยมกว่า 2,000 ชั่วโมงยืนยันว่าห้องทดลองโคลนนิ่งบนดวงจันทร์เปิดดำเนินการจนถึงเดือนพฤษภาคม 2023 โปรแกรมกระตุ้น COVID ถูกฝังชิปติดตามประสาทไว้ คาราวานวัคซีนของ FEMA ถูกกำหนดให้แพร่กระจายอาวุธชีวภาพ ห้องทดลองหายไปแล้ว คำสารภาพถูกบันทึกไว้ และโลกจะรู้ในไม่ช้า · QFS: หัวใจของการรีเซ็ต ลืมเงินตรา ลืมเงินดิจิทัลไปได้เลย QFS ไม่ใช่ทฤษฎี แต่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจโลกใหม่ ชาติที่มีอำนาจอธิปไตยทั้งหมดที่สอดคล้องกับพันธมิตรกำลังดำเนินการโหนด QFS แบบคู่ขนาน ห้องนิรภัยทองคำดิจิทัลออนไลน์แล้ว การสร้างโทเค็นสกุลเงินสายรุ้งกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ ห้องนิรภัยที่เชื่อมต่อกับการเข้ารหัสควอนตัมระดับเทสลาอยู่ในช่วงล็อกขั้นสุดท้าย · เงินเก่าของคุณกำลังจะตาย ความมั่งคั่งใหม่ของคุณเป็นแบบควอนตัม ปลอดภัย และอยู่ภายใต้การคุ้มครองทางทหาร ทุกธุรกรรม ทุกบัญชีแยกประเภท สาธารณะ ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอิสระจากการควบคุมของ Rothschild ตลอดไป · ลอสแองเจลิสถูกปิดล้อม — การฟื้นฟูทางการทหารกำลังดำเนินไป การก่อจลาจลในแอลเอไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการหายใจเฮือกสุดท้ายของเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์ที่แฝงตัวอยู่ในการเมืองของเมืองและเครือข่ายเอ็นจีโอ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ทรัมป์ได้อนุญาตให้มีการส่งกำลังทหารทั้งหมดเพื่อยึดแอลเอคืนจากกลุ่มประสานงานการประท้วงที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มค้ายา เซิร์ฟเวอร์ข่าวกรองต่างประเทศ และตัวแทนที่ได้รับเงินทุนจากโซรอส · เครือข่ายเข้ารหัสที่เชื่อมโยงกับกาตาร์ บรัสเซลส์ และซูริก ควบคุมการปฏิบัติการระดับถนนผ่านแอนติฟาและตัวแทนที่ได้รับการสนับสนุนจาก WEF ฝูงบินแบล็กฮอว์กควบคุมน่านฟ้าในปัจจุบัน ยานเกราะแคมป์เพนเดิลตันได้ล็อกบริเวณทางแยกสำคัญ ผู้นำกลุ่มค้ายาที่แฝงตัวอยู่ใน "เขตปลอดภัย" ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวถูกกำจัดด้วยการโจมตีที่แม่นยำ · JAG กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับรัฐ รวมถึงแกวิน นิวซัมและคาเรน บาสส์ ในข้อหาสมคบคิดและก่อกบฏในต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัลแวร์ตัวนี้แอบแนบมากับแอปที่ดูเหมือนปกติ — เช่น แอปส่งข้อความ หรือแอปเทรดคริปโต — แล้วพอเรากดอนุญาตให้เข้าถึงรูปภาพ มันจะ “แอบเปิดกล้องหลัง” ใช้ AI อ่านตัวอักษรในภาพ (OCR) โดยเฉพาะภาพที่คนชอบแคปหน้าจอ “รหัสกู้คืน (recovery phrase)” ของกระเป๋าเงินคริปโตไว้ตอนสมัครใช้งานครั้งแรก

    ยิ่งไปกว่านั้น มันยัง เฝ้าดูภาพใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในแกลเลอรีอยู่ตลอด หากเราเผลอแคปรหัสคริปโตใหม่ ๆ ทีหลัง หรือมีภาพเอกสารสำคัญ ก็อาจถูกส่งออกโดยที่เราไม่รู้เลย

    นักวิจัยจาก Kaspersky ระบุว่า มัลแวร์นี้ถูกเผยแพร่ในสโตร์ตั้งแต่ต้นปี 2024 และแม้ปัจจุบันจะถูกลบออกแล้ว แต่ก็ยังมีเวอร์ชันที่แพร่ต่อผ่านเว็บนอกหรือแอป sideload อยู่

    มัลแวร์ SparkKitty ใช้ OCR วิเคราะห์ภาพในเครื่องเพื่อขโมยรหัสคริปโตที่เป็น recovery phrase  
    • โดยเฉพาะภาพที่ผู้ใช้มักแคปเก็บไว้ตอนสมัครกระเป๋าเงินดิจิทัล

    พบแพร่กระจายทั้งใน Google Play และ App Store ตั้งแต่ต้นปี 2024  
    • แอปที่ติดมัลแวร์ชื่อ “SOEX” มียอดดาวน์โหลดเกิน 10,000 ครั้ง

    หลังติดตั้ง แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงรูปภาพ แล้วสแกนหาภาพที่มีรหัสกระเป๋าคริปโต  
    • หากพบ จะส่งข้อมูลกลับไปให้แฮกเกอร์แบบลับ ๆ

    มัลแวร์สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในแกลเลอรีได้  
    • เช่น มีรูปใหม่เพิ่มเข้ามา หรือมีการลบภาพเดิม

    เป็นมัลแวร์ข้ามแพลตฟอร์มรุ่นแรกที่ใช้งาน OCR บนมือถือเพื่อขโมยข้อมูลจากภาพ

    Kaspersky เตือนผู้ใช้ให้สังเกตแอปที่ขอ permission เกินความจำเป็น โดยเฉพาะสิทธิ์การดู-แก้ไขภาพ หรือเพิ่ม certificate

    แนะนำให้เก็บ recovery phrase ไว้ใน encrypted vault เช่น password manager ที่น่าเชื่อถือ แทนการแคปภาพ

    https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-malware-is-hitting-ios-and-android-phones-alike-and-its-even-stealing-photos-and-crypto
    มัลแวร์ตัวนี้แอบแนบมากับแอปที่ดูเหมือนปกติ — เช่น แอปส่งข้อความ หรือแอปเทรดคริปโต — แล้วพอเรากดอนุญาตให้เข้าถึงรูปภาพ มันจะ “แอบเปิดกล้องหลัง” ใช้ AI อ่านตัวอักษรในภาพ (OCR) โดยเฉพาะภาพที่คนชอบแคปหน้าจอ “รหัสกู้คืน (recovery phrase)” ของกระเป๋าเงินคริปโตไว้ตอนสมัครใช้งานครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้น มันยัง เฝ้าดูภาพใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในแกลเลอรีอยู่ตลอด หากเราเผลอแคปรหัสคริปโตใหม่ ๆ ทีหลัง หรือมีภาพเอกสารสำคัญ ก็อาจถูกส่งออกโดยที่เราไม่รู้เลย นักวิจัยจาก Kaspersky ระบุว่า มัลแวร์นี้ถูกเผยแพร่ในสโตร์ตั้งแต่ต้นปี 2024 และแม้ปัจจุบันจะถูกลบออกแล้ว แต่ก็ยังมีเวอร์ชันที่แพร่ต่อผ่านเว็บนอกหรือแอป sideload อยู่ ✅ มัลแวร์ SparkKitty ใช้ OCR วิเคราะห์ภาพในเครื่องเพื่อขโมยรหัสคริปโตที่เป็น recovery phrase   • โดยเฉพาะภาพที่ผู้ใช้มักแคปเก็บไว้ตอนสมัครกระเป๋าเงินดิจิทัล ✅ พบแพร่กระจายทั้งใน Google Play และ App Store ตั้งแต่ต้นปี 2024   • แอปที่ติดมัลแวร์ชื่อ “SOEX” มียอดดาวน์โหลดเกิน 10,000 ครั้ง ✅ หลังติดตั้ง แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงรูปภาพ แล้วสแกนหาภาพที่มีรหัสกระเป๋าคริปโต   • หากพบ จะส่งข้อมูลกลับไปให้แฮกเกอร์แบบลับ ๆ ✅ มัลแวร์สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในแกลเลอรีได้   • เช่น มีรูปใหม่เพิ่มเข้ามา หรือมีการลบภาพเดิม ✅ เป็นมัลแวร์ข้ามแพลตฟอร์มรุ่นแรกที่ใช้งาน OCR บนมือถือเพื่อขโมยข้อมูลจากภาพ ✅ Kaspersky เตือนผู้ใช้ให้สังเกตแอปที่ขอ permission เกินความจำเป็น โดยเฉพาะสิทธิ์การดู-แก้ไขภาพ หรือเพิ่ม certificate ✅ แนะนำให้เก็บ recovery phrase ไว้ใน encrypted vault เช่น password manager ที่น่าเชื่อถือ แทนการแคปภาพ https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-malware-is-hitting-ios-and-android-phones-alike-and-its-even-stealing-photos-and-crypto
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล
    การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม

    นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ

    การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด

    แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ

    ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ

    การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว

    ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย:

    – ทำลายเปโตรดอลลาร์
    – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก
    – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ”

    – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก
    – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม
    – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป

    กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล:

    – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน
    – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว
    – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

    ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก

    ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ

    นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก
    และครั้งนี้ คุณแพ้
    สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย: – ทำลายเปโตรดอลลาร์ – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล: – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก และครั้งนี้ คุณแพ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ประเทศไทยต้องการรอด ต้องทำลายระบบเน็ตทำลายสายเคเบิล,ทำลายskynetร่วมกับฝ่ายดี,ถ้าผู้นำไม่แน่จริงและควบคุมAIไม่ได้อย่าแสดงนำพาคนไทยไปตายทั้งหมด,ล้ำๆมีดีและมีด้านไม่ดี,เผด็จการคุมก็ซวยแน่นอน,ฝ่ายดีคุมก็พอไปไหว,

    .. ปัจจุบัน ชาวจีนหลายหมื่นคนสูญเสียบ้านเรือนไปแล้วเนื่องจากพวกเขาอยู่ในบัญชีดำของระบบเครดิตทางสังคม

    เมื่อคุณอยู่ในบัญชีดำ เจ้าหน้าที่จะอายัดบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัล WeChat ของคุณทันที ทำให้หางานได้ยาก
    ..ประเทศไทยต้องการรอด ต้องทำลายระบบเน็ตทำลายสายเคเบิล,ทำลายskynetร่วมกับฝ่ายดี,ถ้าผู้นำไม่แน่จริงและควบคุมAIไม่ได้อย่าแสดงนำพาคนไทยไปตายทั้งหมด,ล้ำๆมีดีและมีด้านไม่ดี,เผด็จการคุมก็ซวยแน่นอน,ฝ่ายดีคุมก็พอไปไหว, ..🇨🇳 ปัจจุบัน ชาวจีนหลายหมื่นคนสูญเสียบ้านเรือนไปแล้วเนื่องจากพวกเขาอยู่ในบัญชีดำของระบบเครดิตทางสังคม เมื่อคุณอยู่ในบัญชีดำ เจ้าหน้าที่จะอายัดบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัล WeChat ของคุณทันที ทำให้หางานได้ยาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แอปหลอกลวงบน Play Store: มิจฉาชีพใช้แอปคริปโตปลอมเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Cyble Research and Intelligence Labs พบว่า มีแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Google Play Store ที่ปลอมตัวเป็น แอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล

    วิธีการทำงานของแอปหลอกลวง
    แอปเหล่านี้ใช้ บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจาก Google และ ใช้โครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน ทำให้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลจากข่าว
    - Cyble พบแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Play Store
    - แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง
    - ใช้บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    - มีโครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน
    - ผู้ใช้ถูกหลอกให้กรอก 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากคุณดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ ควรลบออกทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล
    - Google Play Store แม้จะมีมาตรการตรวจสอบ แต่ยังคงมีแอปหลอกลวงเล็ดลอดเข้ามาได้
    - บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายอาจถูกแฮกและนำไปใช้เผยแพร่แอปหลอกลวง
    - ต้องติดตามว่ามาตรการของ Google จะสามารถป้องกันแอปประเภทนี้ได้ดีขึ้นหรือไม่

    วิธีป้องกันการตกเป็นเหยื่อ
    ผู้ใช้ควร ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวของแอปก่อนดาวน์โหลด และ ใช้กระเป๋าเงินคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://www.neowin.net/news/these-20-crypto-phishing-applications-are-scamming-play-store-users/
    🚨 แอปหลอกลวงบน Play Store: มิจฉาชีพใช้แอปคริปโตปลอมเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Cyble Research and Intelligence Labs พบว่า มีแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Google Play Store ที่ปลอมตัวเป็น แอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล 🔍 วิธีการทำงานของแอปหลอกลวง แอปเหล่านี้ใช้ บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจาก Google และ ใช้โครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน ทำให้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลจากข่าว - Cyble พบแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Play Store - แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง - ใช้บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ - มีโครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน - ผู้ใช้ถูกหลอกให้กรอก 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากคุณดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ ควรลบออกทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล - Google Play Store แม้จะมีมาตรการตรวจสอบ แต่ยังคงมีแอปหลอกลวงเล็ดลอดเข้ามาได้ - บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายอาจถูกแฮกและนำไปใช้เผยแพร่แอปหลอกลวง - ต้องติดตามว่ามาตรการของ Google จะสามารถป้องกันแอปประเภทนี้ได้ดีขึ้นหรือไม่ 🚀 วิธีป้องกันการตกเป็นเหยื่อ ผู้ใช้ควร ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวของแอปก่อนดาวน์โหลด และ ใช้กระเป๋าเงินคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://www.neowin.net/news/these-20-crypto-phishing-applications-are-scamming-play-store-users/
    WWW.NEOWIN.NET
    These 20 crypto phishing applications are scamming Play Store users
    A cybersecurity firm has discovered over 20 crypto phishing apps on the Google Play Store that are trying to steal users' crypto wallet data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์หันหลังการค้าโลก เพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน : คนเคาะข่าว 03-06-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    เทปบันทึกภาพ ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568 วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2568
    #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #หยวนดิจิทัล #DigitalYuan #สงครามการเงิน #การค้าโลก #Geopolitics #สหรัฐจีน #สกุลเงินดิจิทัล #CBDC #ทนงขันทอง #ความจริงมีหนึ่งเดียว #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #ระบบการเงินใหม่ #thaitimes #การชำระเงินระหว่างประเทศ
    ทรัมป์หันหลังการค้าโลก เพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน : คนเคาะข่าว 03-06-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ เทปบันทึกภาพ ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568 วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2568 #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #หยวนดิจิทัล #DigitalYuan #สงครามการเงิน #การค้าโลก #Geopolitics #สหรัฐจีน #สกุลเงินดิจิทัล #CBDC #ทนงขันทอง #ความจริงมีหนึ่งเดียว #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #ระบบการเงินใหม่ #thaitimes #การชำระเงินระหว่างประเทศ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์

    ข้อมูลจากข่าว
    - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย
    - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน
    - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา
    - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC
    - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์
    - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ
    - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์ - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US SEC dismisses lawsuit against Binance crypto exchange
    (Reuters) -The U.S. Securities and Exchange Commission on Thursday voluntarily dismissed its civil lawsuit against Binance, the world's largest cryptocurrency exchange, extending the regulator's new approach to cryptocurrencies since President Donald Trump reentered the White House.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม

    GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง

    การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่

    สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ข้อมูลจากข่าว
    - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ
    - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ
    - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET
    - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม
    - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด
    - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก
    - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว
    - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin

    GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่ 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GameStop buys bitcoin worth $513 million in crypto push
    (Reuters) -GameStop has purchased bitcoin worth about $513 million, the company said on Wednesday as the ailing video game retailer looks to capitalize on the growing adoption of cryptocurrencies globally.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568
    ทรัมป์ ล้ม โลกาภิวัฒน์ เพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน...(uncut)
    อ.ทนง ขันทอง

    สมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน
    "ทวงความถูกต้องให้คนไทย"
    คลิ๊กลิงค์ : https://shorturl.asia/ksaHh

    #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่2 #ข่าวต่างประเทศ
    ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568 ทรัมป์ ล้ม โลกาภิวัฒน์ เพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน...(uncut) อ.ทนง ขันทอง สมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน "ทวงความถูกต้องให้คนไทย" คลิ๊กลิงค์ : https://shorturl.asia/ksaHh #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่2 #ข่าวต่างประเทศ
    Love
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3011 มุมมอง 140 0 รีวิว
  • “ศิริกัญญา” ไล่ “ทักษิณ” ไปของบกลางเอาไปปราบยาเสพติด ไม่ใช่เอาดึงเงินดิจิทัลฯไปทำ ติงชักเกินเลยไปเยอะ
    https://www.thai-tai.tv/news/19003/
    “ศิริกัญญา” ไล่ “ทักษิณ” ไปของบกลางเอาไปปราบยาเสพติด ไม่ใช่เอาดึงเงินดิจิทัลฯไปทำ ติงชักเกินเลยไปเยอะ https://www.thai-tai.tv/news/19003/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์หันหลังการค้าโลกเพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน : คนเคาะข่าว 26-05-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    เทปบันทึกภาพ #ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่2
    ทรัมป์หันหลังการค้าโลกเพื่อสกัดระบบชำระเงินดิจิทัลหยวน : คนเคาะข่าว 26-05-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ เทปบันทึกภาพ #ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่2
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • สงครามการค้าป่วนโลก ทางลงจบแจกเงินหมื่น : [NEWS UPDATE]

    นายพิชัย ชุณวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบชะลอโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะเหมาะสม ยืนยัน งบประมาณมีอยู่แล้วเพียงแต่จะใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตอนที่คิดเรื่องเงินดิจิทัลคาดว่าจีดีพีอยู่ที่ 3.3-3.5% แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีข้อจำกัดปัจจัยนอกประเทศ สงครามการค้า ซึ่งกระทบในประเทศ จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน เพื่อนำงบประมาณที่เคยกันไว้ 157,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการจำเป็นเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค การคมนาคม รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนนหนทางให้ดีขึ้น และใช้กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ช่วยเหลือการส่งออก

    -ทิดแย้มเปย์ 100 ล้าน

    -เตือนใช้จ่ายรอบคอบ

    -ห่วงมรสุมเป็นไซโคลน

    -70 คำร้องจริยธรรม
    สงครามการค้าป่วนโลก ทางลงจบแจกเงินหมื่น : [NEWS UPDATE] นายพิชัย ชุณวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบชะลอโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะเหมาะสม ยืนยัน งบประมาณมีอยู่แล้วเพียงแต่จะใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตอนที่คิดเรื่องเงินดิจิทัลคาดว่าจีดีพีอยู่ที่ 3.3-3.5% แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีข้อจำกัดปัจจัยนอกประเทศ สงครามการค้า ซึ่งกระทบในประเทศ จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน เพื่อนำงบประมาณที่เคยกันไว้ 157,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการจำเป็นเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค การคมนาคม รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนนหนทางให้ดีขึ้น และใช้กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ช่วยเหลือการส่งออก -ทิดแย้มเปย์ 100 ล้าน -เตือนใช้จ่ายรอบคอบ -ห่วงมรสุมเป็นไซโคลน -70 คำร้องจริยธรรม
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ จับกุม 12 ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงคริปโทมูลค่า 263 ล้านดอลลาร์

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีการจับกุม 12 ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงคริปโทที่มีมูลค่ากว่า 263 ล้านดอลลาร์ โดยกลุ่มนี้ใช้ เทคนิควิศวกรรมสังคม (Social Engineering) เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีคริปโท และนำเงินไปฟอกผ่าน กระเป๋าเงินดิจิทัลและบริการแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถติดตามได้

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงคริปโท
    กลุ่มผู้ต้องหาประกอบด้วยชาวอเมริกันและชาวต่างชาติ
    - ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินการทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ

    ใช้เทคนิควิศวกรรมสังคมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ
    - โทรศัพท์หาเหยื่อ อ้างว่าบัญชีถูกโจมตี และต้องรีบกู้คืนข้อมูล

    ฟอกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลและบริการแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถติดตามได้
    - ใช้ "peel chains" และ VPN เพื่อปกปิดตัวตน

    ในไตรมาสแรกของปี 2025 มีเงินคริปโทถูกขโมยไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
    - เพิ่มขึ้น 300% จากปีที่แล้ว

    เหตุการณ์ใหญ่ที่สุดคือการแฮก Bybit ที่ทำให้สูญเสียเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
    - ถือเป็น การโจรกรรมคริปโทครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    https://www.techradar.com/pro/security/rico-crypto-fraud-investigation-leads-to-twelve-more-arrests
    สหรัฐฯ จับกุม 12 ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงคริปโทมูลค่า 263 ล้านดอลลาร์ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีการจับกุม 12 ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงคริปโทที่มีมูลค่ากว่า 263 ล้านดอลลาร์ โดยกลุ่มนี้ใช้ เทคนิควิศวกรรมสังคม (Social Engineering) เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีคริปโท และนำเงินไปฟอกผ่าน กระเป๋าเงินดิจิทัลและบริการแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถติดตามได้ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงคริปโท ✅ กลุ่มผู้ต้องหาประกอบด้วยชาวอเมริกันและชาวต่างชาติ - ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินการทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ ✅ ใช้เทคนิควิศวกรรมสังคมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ - โทรศัพท์หาเหยื่อ อ้างว่าบัญชีถูกโจมตี และต้องรีบกู้คืนข้อมูล ✅ ฟอกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลและบริการแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถติดตามได้ - ใช้ "peel chains" และ VPN เพื่อปกปิดตัวตน ✅ ในไตรมาสแรกของปี 2025 มีเงินคริปโทถูกขโมยไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ - เพิ่มขึ้น 300% จากปีที่แล้ว ✅ เหตุการณ์ใหญ่ที่สุดคือการแฮก Bybit ที่ทำให้สูญเสียเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ - ถือเป็น การโจรกรรมคริปโทครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ https://www.techradar.com/pro/security/rico-crypto-fraud-investigation-leads-to-twelve-more-arrests
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • Coinbase เผชิญเหตุโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์

    Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนรั่วไหล โดยแฮกเกอร์เรียกร้องค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ แต่บริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายเงินและเลือกที่จะร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแทน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเหตุโจมตีไซเบอร์ของ Coinbase
    Coinbase ถูกโจมตีไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้เครือข่ายพนักงานภายนอก
    - แฮกเกอร์ ติดสินบนพนักงานฝ่ายสนับสนุนเพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้า

    ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัญชีธนาคารที่ถูกปกปิด และหมายเลขประกันสังคมบางส่วน
    - แต่ ไม่มีรหัสผ่าน, คีย์ส่วนตัว หรือการเข้าถึงเงินของลูกค้าโดยตรง

    Coinbase ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ให้กับแฮกเกอร์
    - บริษัท เลือกที่จะร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแทน

    Coinbase ตั้งกองทุนรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด
    - พร้อม เพิ่มระบบตรวจจับการฉ้อโกงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต

    Coinbase ให้คำมั่นว่าจะชดเชยลูกค้าที่ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังแฮกเกอร์
    - เพื่อ ลดผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Coinbase กำลังเตรียมเข้าร่วมดัชนี S&P 500
    - ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม

    https://www.techspot.com/news/107943-coinbase-data-breach-exposes-customer-info-20-million.html
    Coinbase เผชิญเหตุโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนรั่วไหล โดยแฮกเกอร์เรียกร้องค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ แต่บริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายเงินและเลือกที่จะร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแทน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเหตุโจมตีไซเบอร์ของ Coinbase ✅ Coinbase ถูกโจมตีไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้เครือข่ายพนักงานภายนอก - แฮกเกอร์ ติดสินบนพนักงานฝ่ายสนับสนุนเพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัญชีธนาคารที่ถูกปกปิด และหมายเลขประกันสังคมบางส่วน - แต่ ไม่มีรหัสผ่าน, คีย์ส่วนตัว หรือการเข้าถึงเงินของลูกค้าโดยตรง ✅ Coinbase ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ให้กับแฮกเกอร์ - บริษัท เลือกที่จะร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแทน ✅ Coinbase ตั้งกองทุนรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด - พร้อม เพิ่มระบบตรวจจับการฉ้อโกงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต ✅ Coinbase ให้คำมั่นว่าจะชดเชยลูกค้าที่ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังแฮกเกอร์ - เพื่อ ลดผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ ✅ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Coinbase กำลังเตรียมเข้าร่วมดัชนี S&P 500 - ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม https://www.techspot.com/news/107943-coinbase-data-breach-exposes-customer-info-20-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Inside job at Coinbase leads to massive data breach, $20 million ransom demanded
    Coinbase, the largest cryptocurrency exchange in the United States, is facing significant fallout after disclosing a major cyberattack that compromised sensitive data from some of its customers....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts