• การโกงการเงินแบบใหม่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมิจฉาชีพในจีนใช้แอป Z-NFC ส่งธุรกรรมจากมือถือในจีนไปยังร้านค้าในสหรัฐฯ ผ่านระบบ Tap-to-Pay ทำให้สามารถซื้อบัตรของขวัญได้อย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้อยู่ในประเทศ เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันภัยฟิชชิงและเพิ่มความปลอดภัยของระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล

    เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวง:
    - ฟิชชิงมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การส่งข้อความปลอมจากบริการไปรษณีย์หรือระบบเก็บค่าผ่านทาง ข้อมูลบัตรเครดิตที่หลอกลวงเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านรหัส OTP ที่เหยื่อได้รับและส่งให้มิจฉาชีพ.

    เทคโนโลยีที่สนับสนุนการโกง:
    - แอป Z-NFC ที่ใช้งานในกระบวนการโกงสามารถถ่ายโอนธุรกรรมผ่าน NFC จากอุปกรณ์ที่อยู่ในจีนไปยังเครื่องอ่านในสหรัฐฯ มิจฉาชีพจึงสามารถชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินปลอมได้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่จริง.

    บทบาทของแพลตฟอร์ม Telegram:
    - กลุ่มมิจฉาชีพขายโทรศัพท์ที่มีการตั้งค่ากระเป๋าเงินหลอกใน Telegram โดยมีมูลค่าการขายต่ออุปกรณ์ที่สูง พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง.

    ผลกระทบในวงกว้าง:
    - บัตรของขวัญมูลค่ากว่า $23,000 ถูกซื้อผ่านข้อมูลบัตรที่ขโมยมา และการโกงนี้เป็นการขยายตัวของอาชญากรรมไซเบอร์ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง.

    https://krebsonsecurity.com/2025/03/arrests-in-tap-to-pay-scheme-powered-by-phishing/
    การโกงการเงินแบบใหม่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมิจฉาชีพในจีนใช้แอป Z-NFC ส่งธุรกรรมจากมือถือในจีนไปยังร้านค้าในสหรัฐฯ ผ่านระบบ Tap-to-Pay ทำให้สามารถซื้อบัตรของขวัญได้อย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้อยู่ในประเทศ เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันภัยฟิชชิงและเพิ่มความปลอดภัยของระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวง: - ฟิชชิงมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การส่งข้อความปลอมจากบริการไปรษณีย์หรือระบบเก็บค่าผ่านทาง ข้อมูลบัตรเครดิตที่หลอกลวงเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านรหัส OTP ที่เหยื่อได้รับและส่งให้มิจฉาชีพ. เทคโนโลยีที่สนับสนุนการโกง: - แอป Z-NFC ที่ใช้งานในกระบวนการโกงสามารถถ่ายโอนธุรกรรมผ่าน NFC จากอุปกรณ์ที่อยู่ในจีนไปยังเครื่องอ่านในสหรัฐฯ มิจฉาชีพจึงสามารถชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินปลอมได้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่จริง. บทบาทของแพลตฟอร์ม Telegram: - กลุ่มมิจฉาชีพขายโทรศัพท์ที่มีการตั้งค่ากระเป๋าเงินหลอกใน Telegram โดยมีมูลค่าการขายต่ออุปกรณ์ที่สูง พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง. ผลกระทบในวงกว้าง: - บัตรของขวัญมูลค่ากว่า $23,000 ถูกซื้อผ่านข้อมูลบัตรที่ขโมยมา และการโกงนี้เป็นการขยายตัวของอาชญากรรมไซเบอร์ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง. https://krebsonsecurity.com/2025/03/arrests-in-tap-to-pay-scheme-powered-by-phishing/
    KREBSONSECURITY.COM
    Arrests in Tap-to-Pay Scheme Powered by Phishing
    Authorities in at least two U.S. states last week independently announced arrests of Chinese nationals accused of perpetrating a novel form of tap-to-pay fraud using mobile devices. Details released by authorities so far indicate the mobile wallets being used by…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลังเตรียมเสนอครม. ในการประชุมวันที่ 27 มีนาคม นี้ เพื่ออนุมัติแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้เด็กไทยอายุ 16-20 ปี (ประมาณ 2.7 ล้านคน) หลังจากคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบไปแล้ว เพื่อให้ทันตามเป้าหมายคือ ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้
    คลังเตรียมเสนอครม. ในการประชุมวันที่ 27 มีนาคม นี้ เพื่ออนุมัติแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้เด็กไทยอายุ 16-20 ปี (ประมาณ 2.7 ล้านคน) หลังจากคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบไปแล้ว เพื่อให้ทันตามเป้าหมายคือ ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้
    Haha
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • TDRI เตือนรัฐหยุดแจกเงินดิจิทัล หลังไปไม่ช่วยกระตุ้น ศก. แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน

    (21 มี.ค. 68) ดร.สมชัย จิตสุชน เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัปสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า – หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติงประเทศตก

    ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปีว่า มีการคาดการณ์กันว่าในเฟสที่ 3 นี้อาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้เร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตามหากอยากให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ๆ รัฐบาลควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และไม่ควรเปิดทางให้นำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออะไรก็ได้ แต่ควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาความรู้ อัปสกิล รีสกิล ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนพอดี เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่กำลังแรงงานซึ่งอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งแม้จะไม่เห็นผลในระยะสั้นมากนัก แต่ผลในระยะยาวจะดีกว่ากันมากเพราะเป็นการดึงศักยภาพของคนซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์

    สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกคนที่เข้าเงื่อนไขจะได้รับสิทธิทั้งหมดนั้น ดร.สมชัย กล่าวว่า เป็นการทำให้ตรงกับที่หาเสียงไว้ แต่เห็นชัดแล้วว่าการดำเนินโครงการทั้งเฟส 1- 2 รวมทั้งเฟส 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีจริงอย่างที่หาเสียงไว้ จึงควรทบทวน

    “ตอนที่หาเสียงไว้ และตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ ๆ บอกว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู บางคนบอกจะทำให้ไทยหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ไม่มีคนเชื่อ และวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ในเมื่อมันพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ก็ไม่ควรจะเดินหน้าต่อ เรามองว่าเงินนี้นำไปทําอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้มากกว่าเยอะ” ดร.สมชัยระบุ

    เตือนหยุดสุรุ่ยสุร่ายแจกเงินหมื่น แนะใช้งบพัฒนาดิจิทัล อินเทอร์เน็ตฟรี ดึงศักยภาพคน หนุนเศรษฐกิจ ดร.สมชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากงบประมาณหลายแสนล้านที่ต้องเสียไปจากการใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยังมีต้นทุนค่าเสียโอกาสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียที่มากกว่าตัวเงินเสียอีก เพราะอย่าลืมว่าวันนี้ภาคการคลังของไทยอ่อนแอมาก ประเทศไทยมีเงินน้อยลง ประชาชนก็มีเงินน้อยลง เพราะฉะนั้นนำเงินงบประมาณไปใช้ต้องคิดอย่างระมัดระวัง ถ้านำไปใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้ จนทำให้เรื่องที่สมควรใช้จะถูกตัดทิ้งไปก็น่าเสียดาย เช่น เรื่องการพัฒนาทักษะของคน การปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อน การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งระบบสวัสดิการสังคมของไทยก็ยังมีปัญหาในบางจุด และเรื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัล ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งกันดีขึ้น ทั้งหมดนี้จําเป็นต้องใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการเดินหน้า แต่อาจถูกชะลอออกไปเพราะเอาเงินมาใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้แบบนี้ ดังนั้นไม่สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าเงินดิจิทัลในเฟสต่อไปอีก

    “รัฐบาลควรนำงบประมาณไปลงทุนในเรื่องของดิจิทัล ทําอินเทอร์เน็ตฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยได้มาก ในเรื่องของผลิตภาพของประชาชน เพราะเกิดการพัฒนาตัวเองและสร้างรายได้ ผมเชื่อว่ามีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ของประเทศอยู่มาก เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้รับโอกาส รัฐบาลก็ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เขามีอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทํา แต่คงไม่ได้ทํา ถ้าเกิดว่าต้องมาจ่ายเงินแบบสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” ดร.สมชัยระบุ

    สงครามการค้าจะทำเศรษฐกิจไทยซบเซา ห่วงภาคการคลังมีปัญหา หนี้รัฐ-ครัวเรือนสูงชนเพดาน ดร.สมชัย ในฐานะอดีตกนง.ยังมีข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ต้องพยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น อย่าเน้นระยะสั้น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต กาสิโน พนันออนไลน์ แต่ควรเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มมาตรการระยะยาวมากขึ้น และจะต้องเตรียมรับมือกับความยากลําบากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่คาดว่าจะมาแบบเต็มรูปแบบเมื่อเทียบกับยุคทรัมป์ 1.0 ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในหลายปีที่ผ่านมาถูกมองว่าดีเกินไปจนน่าจะมาถึงอาจจะซบเซาลงตามวัฏจักร รวมทั้งเรื่องของสงครามยูเครนในยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และท่องเที่ยวมาก ขณะที่ในประเทศเองหนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการผลิตไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นจะมีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเข้ามาพร้อมกัน

    “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ที่กําหนดในกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลงในสายตาของบริษัทประเมินเรตติง ซึ่งเป็นผลเสียระยะยาว เพราะว่าหมายถึง ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล และจะลามไปถึงภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น ซึ่งก็จะซ้ำเติมเรื่องของเศรษฐกิจเข้าไปอีก” ดร.สมชัยกล่าว

    Cr. #TheStatesTimes
    TDRI เตือนรัฐหยุดแจกเงินดิจิทัล หลังไปไม่ช่วยกระตุ้น ศก. แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน (21 มี.ค. 68) ดร.สมชัย จิตสุชน เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัปสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า – หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติงประเทศตก ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปีว่า มีการคาดการณ์กันว่าในเฟสที่ 3 นี้อาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้เร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตามหากอยากให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ๆ รัฐบาลควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และไม่ควรเปิดทางให้นำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออะไรก็ได้ แต่ควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาความรู้ อัปสกิล รีสกิล ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนพอดี เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่กำลังแรงงานซึ่งอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งแม้จะไม่เห็นผลในระยะสั้นมากนัก แต่ผลในระยะยาวจะดีกว่ากันมากเพราะเป็นการดึงศักยภาพของคนซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์ สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกคนที่เข้าเงื่อนไขจะได้รับสิทธิทั้งหมดนั้น ดร.สมชัย กล่าวว่า เป็นการทำให้ตรงกับที่หาเสียงไว้ แต่เห็นชัดแล้วว่าการดำเนินโครงการทั้งเฟส 1- 2 รวมทั้งเฟส 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีจริงอย่างที่หาเสียงไว้ จึงควรทบทวน “ตอนที่หาเสียงไว้ และตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ ๆ บอกว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู บางคนบอกจะทำให้ไทยหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ไม่มีคนเชื่อ และวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ในเมื่อมันพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ก็ไม่ควรจะเดินหน้าต่อ เรามองว่าเงินนี้นำไปทําอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้มากกว่าเยอะ” ดร.สมชัยระบุ เตือนหยุดสุรุ่ยสุร่ายแจกเงินหมื่น แนะใช้งบพัฒนาดิจิทัล อินเทอร์เน็ตฟรี ดึงศักยภาพคน หนุนเศรษฐกิจ ดร.สมชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากงบประมาณหลายแสนล้านที่ต้องเสียไปจากการใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยังมีต้นทุนค่าเสียโอกาสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียที่มากกว่าตัวเงินเสียอีก เพราะอย่าลืมว่าวันนี้ภาคการคลังของไทยอ่อนแอมาก ประเทศไทยมีเงินน้อยลง ประชาชนก็มีเงินน้อยลง เพราะฉะนั้นนำเงินงบประมาณไปใช้ต้องคิดอย่างระมัดระวัง ถ้านำไปใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้ จนทำให้เรื่องที่สมควรใช้จะถูกตัดทิ้งไปก็น่าเสียดาย เช่น เรื่องการพัฒนาทักษะของคน การปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อน การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งระบบสวัสดิการสังคมของไทยก็ยังมีปัญหาในบางจุด และเรื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัล ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งกันดีขึ้น ทั้งหมดนี้จําเป็นต้องใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการเดินหน้า แต่อาจถูกชะลอออกไปเพราะเอาเงินมาใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้แบบนี้ ดังนั้นไม่สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าเงินดิจิทัลในเฟสต่อไปอีก “รัฐบาลควรนำงบประมาณไปลงทุนในเรื่องของดิจิทัล ทําอินเทอร์เน็ตฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยได้มาก ในเรื่องของผลิตภาพของประชาชน เพราะเกิดการพัฒนาตัวเองและสร้างรายได้ ผมเชื่อว่ามีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ของประเทศอยู่มาก เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้รับโอกาส รัฐบาลก็ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เขามีอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทํา แต่คงไม่ได้ทํา ถ้าเกิดว่าต้องมาจ่ายเงินแบบสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” ดร.สมชัยระบุ สงครามการค้าจะทำเศรษฐกิจไทยซบเซา ห่วงภาคการคลังมีปัญหา หนี้รัฐ-ครัวเรือนสูงชนเพดาน ดร.สมชัย ในฐานะอดีตกนง.ยังมีข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ต้องพยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น อย่าเน้นระยะสั้น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต กาสิโน พนันออนไลน์ แต่ควรเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มมาตรการระยะยาวมากขึ้น และจะต้องเตรียมรับมือกับความยากลําบากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่คาดว่าจะมาแบบเต็มรูปแบบเมื่อเทียบกับยุคทรัมป์ 1.0 ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในหลายปีที่ผ่านมาถูกมองว่าดีเกินไปจนน่าจะมาถึงอาจจะซบเซาลงตามวัฏจักร รวมทั้งเรื่องของสงครามยูเครนในยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และท่องเที่ยวมาก ขณะที่ในประเทศเองหนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการผลิตไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นจะมีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเข้ามาพร้อมกัน “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ที่กําหนดในกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลงในสายตาของบริษัทประเมินเรตติง ซึ่งเป็นผลเสียระยะยาว เพราะว่าหมายถึง ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล และจะลามไปถึงภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น ซึ่งก็จะซ้ำเติมเรื่องของเศรษฐกิจเข้าไปอีก” ดร.สมชัยกล่าว Cr. #TheStatesTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • หยุดแจกเงินดิจิทัล พิสูจน์แล้วไม่ช่วยเศรษฐกิจ เตือนมองปัญหารอบด้าน
    .
    นอกเหนือไปจากการเปิดประเด็นเกี่ยวกับการผุดนโยบายซื้อหนี้ประชาชนแล้ว โครงการแจกเงินดิจิทัล ก็ยังเป็นหนึ่งในประเด็นที่ยังคงได้รับเสียงวิจารณ์อีกพอสมควร ว่าเฟส 3 ซึ่งมอบให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปี อาจได้ผลบ้าง เนื่องจากกลุ่มนี้ยังไม่มีรายได้มากนัก แต่ผลลัพธ์จะไม่ดีกว่าเฟส 1 ที่ให้กลุ่มเปราะบาง ควรเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027066
    หยุดแจกเงินดิจิทัล พิสูจน์แล้วไม่ช่วยเศรษฐกิจ เตือนมองปัญหารอบด้าน . นอกเหนือไปจากการเปิดประเด็นเกี่ยวกับการผุดนโยบายซื้อหนี้ประชาชนแล้ว โครงการแจกเงินดิจิทัล ก็ยังเป็นหนึ่งในประเด็นที่ยังคงได้รับเสียงวิจารณ์อีกพอสมควร ว่าเฟส 3 ซึ่งมอบให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปี อาจได้ผลบ้าง เนื่องจากกลุ่มนี้ยังไม่มีรายได้มากนัก แต่ผลลัพธ์จะไม่ดีกว่าเฟส 1 ที่ให้กลุ่มเปราะบาง ควรเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027066
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    Angry
    20
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1785 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลง”
    .
    เป็นข้อห่วงใยของดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ต่อการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเลต ที่ยังคงยืนยันว่าจะมอบเงินหมื่นให้กับทุกคนที่เข้าเงื่อนไขในเฟสต่อไป
    .
    ทีดีอาร์ไอ ชวนอ่าน “สมชัย จิตสุชน”เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน https://tdri.or.th/2025/03/somchai-digital-wallet-opinion/
    “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลง” . เป็นข้อห่วงใยของดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ต่อการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเลต ที่ยังคงยืนยันว่าจะมอบเงินหมื่นให้กับทุกคนที่เข้าเงื่อนไขในเฟสต่อไป . ทีดีอาร์ไอ ชวนอ่าน “สมชัย จิตสุชน”เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน https://tdri.or.th/2025/03/somchai-digital-wallet-opinion/
    TDRI.OR.TH
    "สมชัย จิตสุชน"เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน - TDRI: Thailand Development Research Institute
    ดร.สมชัย จิตสุชน เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัพสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า – หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติ้งประเทศตก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ธีระชัย" เตือน "กฎหมายศูนย์กลางการเงิน" ตัดอำนาจ "ธปท. - กลต. - คปภ." เปิดทางธุรกิจเงินดิจิทัลทะลุเข้ามาในตลาดประเทศไทย ส่อทำลายระบบการเงิน เหตุภาคการเมืองสามารถเพิ่มปริมาณเงินได้เองตามต้องการ ในรูปแบบเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นอย่างหนัก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000025314

    #MGROnline #ธีระชัย #กฎหมายศูนย์กลางการเงิน
    "ธีระชัย" เตือน "กฎหมายศูนย์กลางการเงิน" ตัดอำนาจ "ธปท. - กลต. - คปภ." เปิดทางธุรกิจเงินดิจิทัลทะลุเข้ามาในตลาดประเทศไทย ส่อทำลายระบบการเงิน เหตุภาคการเมืองสามารถเพิ่มปริมาณเงินได้เองตามต้องการ ในรูปแบบเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นอย่างหนัก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000025314 • #MGROnline #ธีระชัย #กฎหมายศูนย์กลางการเงิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง

    XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ

    น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft uncovers sleuthy new XCSSET MacOS malware campaign
    XCSSET is back with better obfuscation, better persistence, and better infection techniques.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทาง Singapore Exchange (SGX) กำลังวางแผนเปิดตัว Bitcoin Perpetual Futures ซึ่งเป็นฟิวเจอร์สชนิดหนึ่งที่ไม่มีวันหมดอายุในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป้าหมายหลักคือกลุ่มลูกค้าสถาบันและนักลงทุนระดับมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดสกุลเงินดิจิทัลสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สดังกล่าวจะจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อควบคุมความเสี่ยงและความผันผวนในตลาด

    การเปิดตัวฟิวเจอร์สตัวใหม่นี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเอเชีย และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาของ SGX ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาด

    Bitcoin Perpetual Futures คือเครื่องมือการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในกรณีที่ราคาของ Bitcoin ขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องกังวลกับวันหมดอายุของสัญญา แต่ต้องอาศัยการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเนื่องจากความผันผวนสูง หากประสบความสำเร็จ การเปิดตัวฟิวเจอร์สนี้อาจช่วยให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างฐานการเงินของ SGX ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    การจำกัดให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันแสดงถึงความพยายามของ SGX ในการบริหารความเสี่ยงในตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ตลาดคริปโต ความเคลื่อนไหวนี้อาจจุดประกายให้ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเริ่มต้นพิจารณาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดโดยรวม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/singapore-exchange-to-roll-out-open-ended-bitcoin-futures-listing-bloomberg-reports
    ทาง Singapore Exchange (SGX) กำลังวางแผนเปิดตัว Bitcoin Perpetual Futures ซึ่งเป็นฟิวเจอร์สชนิดหนึ่งที่ไม่มีวันหมดอายุในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป้าหมายหลักคือกลุ่มลูกค้าสถาบันและนักลงทุนระดับมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดสกุลเงินดิจิทัลสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สดังกล่าวจะจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อควบคุมความเสี่ยงและความผันผวนในตลาด การเปิดตัวฟิวเจอร์สตัวใหม่นี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเอเชีย และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาของ SGX ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาด Bitcoin Perpetual Futures คือเครื่องมือการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในกรณีที่ราคาของ Bitcoin ขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องกังวลกับวันหมดอายุของสัญญา แต่ต้องอาศัยการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเนื่องจากความผันผวนสูง หากประสบความสำเร็จ การเปิดตัวฟิวเจอร์สนี้อาจช่วยให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างฐานการเงินของ SGX ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การจำกัดให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันแสดงถึงความพยายามของ SGX ในการบริหารความเสี่ยงในตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ตลาดคริปโต ความเคลื่อนไหวนี้อาจจุดประกายให้ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเริ่มต้นพิจารณาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดโดยรวม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/singapore-exchange-to-roll-out-open-ended-bitcoin-futures-listing-bloomberg-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore Exchange to roll out open-ended bitcoin futures listing, Bloomberg reports
    (Reuters) - The Singapore Exchange plans to list bitcoin perpetual futures in the second half of 2025, targeting institutional clients and professional investors, Bloomberg News reported on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีที่ผมไม่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10000 บาท ไม่อยากเป็นปรสิตให้เพื่อใครทั้งนั้น แต่ก็เป็นเดชะบุญของผมอย่างยิ่งที่ผมตัดสินใจไม่รับเงิน 10000 บาทดิจิทัลแล้ว แต่ผมมีความรู้เรื่องดิจิทัลอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องดิจิทัล แต่จีนเขาก้าวหน้ารุดหน้าไปมากในเรื่องของดิจิทัล แต่คือแยกเป็นพรรคไทยภักดี พรรคสัมมาธิปไตย พรรคไทยไม่ทน คือตั้งพรรคแยก เพราะถ้ารวมยังไงก็แพ้ในศึกหน้า แต่คิดบวกอยู่ว่า 2 พรรคข้างหลังนี้เป็นพรรคที่เก็บไว้เซ้งตอนพรรคไทยภักดีถูกยุบ ผมเชื่อว่า ยุบไม่ยุบยังไงก็ยุบความคิดอันแรงกล้าของประชาชน คปท. กองทัพธรรม ศปปส. ไม่ได้
    ดีที่ผมไม่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10000 บาท ไม่อยากเป็นปรสิตให้เพื่อใครทั้งนั้น แต่ก็เป็นเดชะบุญของผมอย่างยิ่งที่ผมตัดสินใจไม่รับเงิน 10000 บาทดิจิทัลแล้ว แต่ผมมีความรู้เรื่องดิจิทัลอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องดิจิทัล แต่จีนเขาก้าวหน้ารุดหน้าไปมากในเรื่องของดิจิทัล แต่คือแยกเป็นพรรคไทยภักดี พรรคสัมมาธิปไตย พรรคไทยไม่ทน คือตั้งพรรคแยก เพราะถ้ารวมยังไงก็แพ้ในศึกหน้า แต่คิดบวกอยู่ว่า 2 พรรคข้างหลังนี้เป็นพรรคที่เก็บไว้เซ้งตอนพรรคไทยภักดีถูกยุบ ผมเชื่อว่า ยุบไม่ยุบยังไงก็ยุบความคิดอันแรงกล้าของประชาชน คปท. กองทัพธรรม ศปปส. ไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิชัย” รับเงินดิจิทัลฯ เฟส 3 แจกแค่กลุ่มอายุ 16-20 ปี ชี้พยายามจ่ายให้ได้ในไตรมาส 2 ส่วนเฟส 4 รอพิจารณาตามความเหมาะสม #PPTVHD36
    “พิชัย” รับเงินดิจิทัลฯ เฟส 3 แจกแค่กลุ่มอายุ 16-20 ปี ชี้พยายามจ่ายให้ได้ในไตรมาส 2 ส่วนเฟส 4 รอพิจารณาตามความเหมาะสม #PPTVHD36
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tether บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี stablecoin ได้แต่งตั้ง Simon McWilliams เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) คนใหม่ ขณะที่บริษัทกำลังมุ่งหน้าไปสู่การตรวจสอบทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ

    McWilliams มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการเป็นผู้นำบริษัทด้านการจัดการการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวด เขาจะนำพา Tether สู่ความโปร่งใสและความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ McWilliams ยังเข้ามารับตำแหน่งจาก Giancarlo Devasini ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นประธานของกลุ่ม

    Tether ได้กลายเป็นกำลังสำคัญในตลาด stablecoin ที่กำลังเติบโต Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่โดยการผูกกับสกุลเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายเงินระหว่างคริปโตเคอเรนซีได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับความผันผวนของราคา

    ความสำคัญของการตรวจสอบทางการเงินนี้คือการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของ Tether ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนและเสี่ยงสูง บริษัทเช่น Tether ต้องการเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ใช้และนักลงทุนโดยการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/tether-appoints-simon-mcwilliams-its-new-cfo
    Tether บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี stablecoin ได้แต่งตั้ง Simon McWilliams เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) คนใหม่ ขณะที่บริษัทกำลังมุ่งหน้าไปสู่การตรวจสอบทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ McWilliams มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการเป็นผู้นำบริษัทด้านการจัดการการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวด เขาจะนำพา Tether สู่ความโปร่งใสและความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ McWilliams ยังเข้ามารับตำแหน่งจาก Giancarlo Devasini ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นประธานของกลุ่ม Tether ได้กลายเป็นกำลังสำคัญในตลาด stablecoin ที่กำลังเติบโต Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่โดยการผูกกับสกุลเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายเงินระหว่างคริปโตเคอเรนซีได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับความผันผวนของราคา ความสำคัญของการตรวจสอบทางการเงินนี้คือการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของ Tether ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนและเสี่ยงสูง บริษัทเช่น Tether ต้องการเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ใช้และนักลงทุนโดยการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/tether-appoints-simon-mcwilliams-its-new-cfo
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Simon McWilliams steps in as Tether CFO, will focus on audit readiness
    (Reuters) -Tether has appointed Simon McWilliams its new chief financial officer, the company behind the stablecoin technology said on Monday, as it moves towards a full financial audit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump ได้ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดตั้งกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการเลือกคือ Bitcoin, Ether, XRP, Solana และ Cardano การประกาศนี้ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

    Trump ได้โพสต์ใน Truth Social ว่าการสั่งการนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหมายจะสร้างคลังสำรองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเทคโนโลยีในสหรัฐฯ

    Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 11% โดยมีมูลค่าถึง $94,164 Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองเพิ่มขึ้นประมาณ 13% เป็น $2,516 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมากกว่า $300 พันล้านในช่วงเวลาที่ Trump ประกาศเรื่องนี้

    การสร้างกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลนี้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเริ่มมีบทบาทอย่างจริงจังในเศรษฐกิจสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการยอมรับของสถาบันและความชัดเจนในกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

    ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ Trump จะเป็นเจ้าภาพการประชุม Crypto Summit ที่ทำเนียบขาวครั้งแรก โดยมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในวงการสกุลเงินดิจิทัล

    นอกจากนี้ Trump ยังได้ยกเลิกการตรวจสอบและดำเนินคดีหลายอย่างที่เกี่ยวกับบริษัทสกุลเงินดิจิทัลที่เคยเกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden การดำเนินการนี้ส่งผลให้การยอมรับและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/trump-names-cryptocurrencies-to-be-in-strategic-reserve-prices-spike
    Donald Trump ได้ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดตั้งกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการเลือกคือ Bitcoin, Ether, XRP, Solana และ Cardano การประกาศนี้ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว Trump ได้โพสต์ใน Truth Social ว่าการสั่งการนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหมายจะสร้างคลังสำรองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเทคโนโลยีในสหรัฐฯ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 11% โดยมีมูลค่าถึง $94,164 Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองเพิ่มขึ้นประมาณ 13% เป็น $2,516 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมากกว่า $300 พันล้านในช่วงเวลาที่ Trump ประกาศเรื่องนี้ การสร้างกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลนี้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเริ่มมีบทบาทอย่างจริงจังในเศรษฐกิจสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการยอมรับของสถาบันและความชัดเจนในกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ Trump จะเป็นเจ้าภาพการประชุม Crypto Summit ที่ทำเนียบขาวครั้งแรก โดยมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในวงการสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Trump ยังได้ยกเลิกการตรวจสอบและดำเนินคดีหลายอย่างที่เกี่ยวกับบริษัทสกุลเงินดิจิทัลที่เคยเกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden การดำเนินการนี้ส่งผลให้การยอมรับและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/trump-names-cryptocurrencies-to-be-in-strategic-reserve-prices-spike
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump names cryptocurrencies in strategic reserve, sending prices up
    WEST PALM BEACH, Florida (Reuters) -U.S. President Donald Trump on social media announced the names of five digital assets he expects to include in a new U.S. strategic reserve of cryptocurrencies on Sunday, spiking the market value of each.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Paytm หนึ่งในผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลชั้นนำของอินเดียได้รับ "Show Cause Notice" จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายการเงินของอินเดีย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระราชบัญญัติการจัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Management Act) ของประเทศ กรณีนี้เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อยสองแห่ง คือ Little Internet Private Limited และ Nearbuy India Private Limited ระหว่างปี 2015 ถึง 2019 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทเหล่านี้ยังไม่ได้เป็นบริษัทย่อยของ Paytm

    อย่างไรก็ตาม Paytm ได้ออกแถลงการณ์ว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการแก่ผู้บริโภคและพ่อค้า ซึ่งหมายความว่าลูกค้ายังสามารถใช้บริการของ Paytm ได้ตามปกติ

    เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีนี้คือการที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายการเงินของอินเดียเข้มงวดกับการละเมิดกฎระเบียบทางการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทการเงินในประเทศอย่างเข้มงวด การเข้าซื้อกิจการของบริษัทต่างชาติอาจมีผลกระทบทั้งในด้านบวกและลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/india039s-paytm-receives-show-cause-notice-from-crime-fighting-agency
    Paytm หนึ่งในผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลชั้นนำของอินเดียได้รับ "Show Cause Notice" จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายการเงินของอินเดีย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระราชบัญญัติการจัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Management Act) ของประเทศ กรณีนี้เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อยสองแห่ง คือ Little Internet Private Limited และ Nearbuy India Private Limited ระหว่างปี 2015 ถึง 2019 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทเหล่านี้ยังไม่ได้เป็นบริษัทย่อยของ Paytm อย่างไรก็ตาม Paytm ได้ออกแถลงการณ์ว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการแก่ผู้บริโภคและพ่อค้า ซึ่งหมายความว่าลูกค้ายังสามารถใช้บริการของ Paytm ได้ตามปกติ เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีนี้คือการที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายการเงินของอินเดียเข้มงวดกับการละเมิดกฎระเบียบทางการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทการเงินในประเทศอย่างเข้มงวด การเข้าซื้อกิจการของบริษัทต่างชาติอาจมีผลกระทบทั้งในด้านบวกและลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/india039s-paytm-receives-show-cause-notice-from-crime-fighting-agency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 726 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ถ้าคุณไปที่คาสิโนแล้วเสียเงิน คุณจะเรียกร้องอะไรได้!"

    Milei ผู้นำอาร์เจนตินาปฏิเสธที่จะขอโทษจากการมราเขาโพสต์สนับสนุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA จนทำให้มีประชาชนแห่ซื้อตามจำนวนมาก เพราะเห็นว่าประธานาธิบดีเป็นผู้สนับสนุนด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มูลค่าเหรียญ $LIBRA ตกลงอย่างมาก หลังจากถูกเทขายออกมา จนทำให้ประชนแทบสินเนื้อประดาตัว เหตุการณ์ในวันนั้นมูลค่าเหรียญได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    Milei กล่าว่า: "ผมไม่ได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนมัน ผมแค่โพสต์เผยแพร่เฉยๆ และผมก็ใช้บัญชีส่วนตัวของผมด้วย"

    "ถ้าคุณไปที่คาสิโนแล้วเสียเงิน คุณจะเรียกร้องอะไรได้!" Milei ผู้นำอาร์เจนตินาปฏิเสธที่จะขอโทษจากการมราเขาโพสต์สนับสนุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA จนทำให้มีประชาชนแห่ซื้อตามจำนวนมาก เพราะเห็นว่าประธานาธิบดีเป็นผู้สนับสนุนด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มูลค่าเหรียญ $LIBRA ตกลงอย่างมาก หลังจากถูกเทขายออกมา จนทำให้ประชนแทบสินเนื้อประดาตัว เหตุการณ์ในวันนั้นมูลค่าเหรียญได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง Milei กล่าว่า: "ผมไม่ได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนมัน ผมแค่โพสต์เผยแพร่เฉยๆ และผมก็ใช้บัญชีส่วนตัวของผมด้วย"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตรวจพบมัลแวร์ใหม่ในระบบ macOS โดย Microsoft ซึ่งมัลแวร์นี้เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ XCSSET infostealer ที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ครับ มีการพัฒนาวิธีการปกปิดตัวเองให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น และเพิ่มความสามารถในการติดตั้งและคงอยู่ในระบบ

    Microsoft รายงานว่ามัลแวร์ XCSSET ตัวใหม่นี้สามารถดึงข้อมูลระบบและไฟล์ต่างๆ ขโมยข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล และดึงข้อมูลจากแอป Notes ของ Apple ด้วยการติดตั้งมัลแวร์ในโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือพัฒนาแอปของ Apple

    ความน่าสนใจของมัลแวร์ตัวนี้คือการใช้เทคนิคสุ่มเพื่อสร้าง payload และการติดตั้งมัลแวร์ในไฟล์ .zshrc และ dock ซึ่งมัลแวร์จะสร้างไฟล์ที่มี payload แล้วเพิ่มคำสั่งในไฟล์ .zshrc เพื่อให้ payload ถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการเปิด shell ใหม่ และยังใช้เครื่องมือ dockutil ที่ถูกดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อจัดการรายการใน dock โดยสร้างแอป Launchpad ปลอมและแทนที่แอปจริง

    ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีในวงจำกัด แต่ Microsoft เตือนให้ผู้ใช้ทุกคนตรวจสอบโครงการ Xcode ที่ดาวน์โหลดหรือโคลนจาก repositories อย่างละเอียด และควรติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-spies-a-new-and-worrying-macos-malware-strain
    ตรวจพบมัลแวร์ใหม่ในระบบ macOS โดย Microsoft ซึ่งมัลแวร์นี้เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ XCSSET infostealer ที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ครับ มีการพัฒนาวิธีการปกปิดตัวเองให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น และเพิ่มความสามารถในการติดตั้งและคงอยู่ในระบบ Microsoft รายงานว่ามัลแวร์ XCSSET ตัวใหม่นี้สามารถดึงข้อมูลระบบและไฟล์ต่างๆ ขโมยข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล และดึงข้อมูลจากแอป Notes ของ Apple ด้วยการติดตั้งมัลแวร์ในโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือพัฒนาแอปของ Apple ความน่าสนใจของมัลแวร์ตัวนี้คือการใช้เทคนิคสุ่มเพื่อสร้าง payload และการติดตั้งมัลแวร์ในไฟล์ .zshrc และ dock ซึ่งมัลแวร์จะสร้างไฟล์ที่มี payload แล้วเพิ่มคำสั่งในไฟล์ .zshrc เพื่อให้ payload ถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการเปิด shell ใหม่ และยังใช้เครื่องมือ dockutil ที่ถูกดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อจัดการรายการใน dock โดยสร้างแอป Launchpad ปลอมและแทนที่แอปจริง ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีในวงจำกัด แต่ Microsoft เตือนให้ผู้ใช้ทุกคนตรวจสอบโครงการ Xcode ที่ดาวน์โหลดหรือโคลนจาก repositories อย่างละเอียด และควรติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-spies-a-new-and-worrying-macos-malware-strain
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft spies a new and worrying macOS malware strain
    XCSSET infostealer was updated after more than two years
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีเกมชื่อ PirateFi ที่มีอยู่ใน Steam ซึ่งถูกจับได้ว่าติดตั้งมัลแวร์ที่ขโมยรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดเกมไป ข่าวระบุว่าเกมนี้อยู่ใน Steam ระหว่างวันที่ 6 ถึง 12 กุมภาพันธ์ และมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานประมาณ 1,500 คน

    บริษัท Seaworth Interactive ผู้พัฒนาเกม PirateFi ได้ปล่อยอัปเดตที่มีมัลแวร์ประเภท Vidar infostealer ซ่อนอยู่ในไฟล์ชื่อว่า Pirate.exe มัลแวร์นี้มีความสามารถในการขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน คุกกี้เซสชั่น และข้อมูลอื่น ๆ ที่เก็บในเบราว์เซอร์และแอพอีเมล ทำให้ผู้ใช้งานต้องเปลี่ยนรหัสผ่านและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Vidar infostealer เป็นมัลแวร์ที่มีความซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ ทำให้ผู้พัฒนามัลแวร์สามารถเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์และเทคนิคการอำพรางมัลแวร์ได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าเกม PirateFi ได้ตั้งชื่อแบบนี้เพื่อดึงดูดผู้เล่นที่สนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล

    สำหรับ Steam การพบมัลแวร์ในเกมนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในปี 2023 เคยมีมัลแวร์ซ่อนอยู่ในโหมดเกม Dota 2 และม็อดของเกม Slay the Spire ที่ได้รับความนิยมในตอนนั้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/piratefi-game-on-steam-caught-installing-password-stealing-malware/
    มีเกมชื่อ PirateFi ที่มีอยู่ใน Steam ซึ่งถูกจับได้ว่าติดตั้งมัลแวร์ที่ขโมยรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดเกมไป ข่าวระบุว่าเกมนี้อยู่ใน Steam ระหว่างวันที่ 6 ถึง 12 กุมภาพันธ์ และมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานประมาณ 1,500 คน บริษัท Seaworth Interactive ผู้พัฒนาเกม PirateFi ได้ปล่อยอัปเดตที่มีมัลแวร์ประเภท Vidar infostealer ซ่อนอยู่ในไฟล์ชื่อว่า Pirate.exe มัลแวร์นี้มีความสามารถในการขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน คุกกี้เซสชั่น และข้อมูลอื่น ๆ ที่เก็บในเบราว์เซอร์และแอพอีเมล ทำให้ผู้ใช้งานต้องเปลี่ยนรหัสผ่านและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน สิ่งที่น่าสนใจคือ Vidar infostealer เป็นมัลแวร์ที่มีความซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ ทำให้ผู้พัฒนามัลแวร์สามารถเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์และเทคนิคการอำพรางมัลแวร์ได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าเกม PirateFi ได้ตั้งชื่อแบบนี้เพื่อดึงดูดผู้เล่นที่สนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล สำหรับ Steam การพบมัลแวร์ในเกมนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในปี 2023 เคยมีมัลแวร์ซ่อนอยู่ในโหมดเกม Dota 2 และม็อดของเกม Slay the Spire ที่ได้รับความนิยมในตอนนั้น https://www.bleepingcomputer.com/news/security/piratefi-game-on-steam-caught-installing-password-stealing-malware/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    PirateFi game on Steam caught installing password-stealing malware
    A free-to-play game named PirateFi in the Steam store has been distributing the Vidar infostealing malware to unsuspecting users.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์

    ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก

    แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์ ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ

    นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น

    นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Galipolo sees surge in crypto use, says 90% of flow tied to stablecoins
    (Reuters) - Brazil's central bank chief Gabriel Galipolo said on Thursday that crypto asset usage in the country has surged over the past two to three years, with around 90% of the flow linked to stablecoins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6. **เทคโนโลยีและนวัตกรรม**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น blockchain, AI, และ renewable energy มีผลต่อภาคการเงินและอุตสาหกรรมต่างๆ
    - **การเงินดิจิทัล**: สกุลเงินดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์กำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเงินดั้งเดิม
    6. **เทคโนโลยีและนวัตกรรม** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น blockchain, AI, และ renewable energy มีผลต่อภาคการเงินและอุตสาหกรรมต่างๆ - **การเงินดิจิทัล**: สกุลเงินดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์กำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเงินดั้งเดิม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น

    Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้

    กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

    นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grayscale launches dogecoin-focused fund as altcoin adoption picks up pace
    (Reuters) - Grayscale Investments said on Friday it was launching an investment fund aimed at dogecoin, as the cryptocurrency asset manager looks to tap into the increasing momentum around alternatives to bitcoin.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab

    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน

    การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

    กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    WWW.TECHRADAR.COM
    North Korean Lazarus hackers launch large-scale cyberattack by cloning open source software
    Lazarus clones the software, spice it up with malware, and return it to the wild
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท
    .
    วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60
    .
    สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้
    .
    1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60, 
    .
    2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60  
    .
    3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,        
    .
    4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265 
    .
    5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738
    .........
    Sondhi X
    รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท . วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 . สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้ . 1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,  . 2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60   . 3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,         . 4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265  . 5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    41
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2822 มุมมอง 2 รีวิว
  • ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง
    .
    กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา
    .
    พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
    .
    โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว
    .
    ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป
    .
    ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180
    .........
    Sondhi X
    ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง . กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา . พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน . โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว . ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป . ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1928 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ
    นิติธรรม

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย

    ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล

    นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ

    นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน

    “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว

    ที่มา : แนวหน้า
    https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ นิติธรรม นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว ที่มา : แนวหน้า https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1560 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts