จากเดิมหุ่นยนต์ Amazon แค่ย้ายชั้นวางของ วันนี้มันเหมือน “รถยนต์ในเมืองที่มีระบบจัดการจราจร AI” เลยครับ
Amazon ประกาศว่าเพิ่งติดตั้ง “หุ่นยนต์ตัวที่ 1 ล้าน” ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น และกำลังจะมีหุ่นยนต์มากกว่าพนักงานมนุษย์ในคลังสินค้าอีกด้วย! ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า Amazon มีพนักงานกว่า 1.56 ล้านคนทั่วโลก และส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายคลังสินค้า — ดังนั้นนี่ไม่ใช่แค่ milestone ธรรมดา
เบื้องหลังทั้งหมดคือ AI ชื่อ DeepFleet ที่ทำหน้าที่เหมือน “ระบบจัดการจราจรในเมืองที่รถทุกคันคือหุ่นยนต์” → มันสามารถลดระยะทาง + เวลาที่หุ่นยนต์ต้องเดินทางได้ 10% → ซึ่งเมื่อเอาไปคูณกับภารกิจระดับล้านคำสั่งต่อวัน ผลกระทบคือระดับพันล้านดอลลาร์ได้เลยครับ
Amazon มีหุ่นยนต์หลายประเภท เช่น:
- Hercules: ยกของหนักได้ 1,250 ปอนด์
- Pegasus: ใช้สายพานจัดการพัสดุเล็ก
- Proteus: หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติแบบ fully autonomous ที่เดินผ่านพนักงานได้
บริษัทกำลังทดสอบการให้หุ่นยนต์รับคำสั่งเสียงจากพนักงาน และ “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบมีแขน–ขา–หัว” ก็อยู่ในสายงานวิจัยแล้ว!
Amazon ยืนยันว่าหุ่นยนต์ไม่ใช่ตัวแย่งงาน แต่ช่วยเปลี่ยนแรงงานเป็นงานที่ใช้ทักษะมากขึ้น — ปัจจุบันมีพนักงาน 700,000 คนที่ถูกอัปสกิลไปทำงานร่วมกับเทคโนโลยี หรืองานที่จ่ายสูงกว่าเดิม
Amazon เพิ่งติดตั้งหุ่นยนต์ตัวที่ 1,000,000 ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น
• เป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้ automation ในคลังสินค้า
• หุ่นยนต์เริ่มมีจำนวนใกล้เคียงหรือมากกว่าคนในคลังแล้ว
AI ชื่อ DeepFleet ช่วยจัดเส้นทางและเวลาเดินของหุ่นยนต์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น 10%
• เทียบได้กับระบบจัดการจราจรในเมืองสำหรับหุ่นยนต์
• ช่วยลดเวลาจัดของและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าลงได้มาก
Amazon มีหุ่นยนต์หลายรุ่นที่ทำงานต่างกัน:
• Hercules (ยกของหนัก)
• Pegasus (คัดแยกพัสดุ)
• Proteus (เคลื่อนที่อิสระได้ในคลัง)
Amazon ฝึกอบรมพนักงานกว่า 700,000 คนให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี
• เช่น ฝึกซ่อมหุ่นยนต์, ตรวจระบบ, เขียนคำสั่ง
• สร้างงานใหม่ที่มีรายได้สูงขึ้นกว่าเดิม
บริษัทอยู่ระหว่างทดสอบหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่สามารถเดิน–ยกของ–ตอบโต้พนักงานได้
การเติบโตของหุ่นยนต์แบบก้าวกระโดด อาจทำให้แรงงานที่ไม่ได้ reskill หลุดออกจากระบบงานในอนาคต
• โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานซ้ำ ๆ แต่ไม่ปรับตัว
AI ที่ควบคุมหุ่นยนต์ เช่น DeepFleet ยังไม่มีรายงานด้านการ audit ความโปร่งใสหรือ bias
• ความผิดพลาดอาจกระทบระบบโลจิสติกส์ทั้งสายงาน
การจัดการจราจรของหุ่นยนต์ในพื้นที่เดียวกับมนุษย์ ต้องการความปลอดภัยสูงมาก
• ถ้า AI คำนวณพลาด หุ่นยนต์ชนคนหรือข้าวของมีผลทันที
แพลตฟอร์มอย่าง Amazon ที่ควบคุมทั้งแรงงานมนุษย์และหุ่นยนต์ใน ecosystem เดียว อาจเกิด “อำนาจต่อรองไม่สมดุล”
• โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายด้าน AI Labor & Automation
https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-just-deployed-its-one-millionth-robot-in-its-warehouses-and-theyll-soon-outnumber-humans-generative-ai-to-help-cut-robot-fleet-travel-time-by-10-percent
Amazon ประกาศว่าเพิ่งติดตั้ง “หุ่นยนต์ตัวที่ 1 ล้าน” ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น และกำลังจะมีหุ่นยนต์มากกว่าพนักงานมนุษย์ในคลังสินค้าอีกด้วย! ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า Amazon มีพนักงานกว่า 1.56 ล้านคนทั่วโลก และส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายคลังสินค้า — ดังนั้นนี่ไม่ใช่แค่ milestone ธรรมดา
เบื้องหลังทั้งหมดคือ AI ชื่อ DeepFleet ที่ทำหน้าที่เหมือน “ระบบจัดการจราจรในเมืองที่รถทุกคันคือหุ่นยนต์” → มันสามารถลดระยะทาง + เวลาที่หุ่นยนต์ต้องเดินทางได้ 10% → ซึ่งเมื่อเอาไปคูณกับภารกิจระดับล้านคำสั่งต่อวัน ผลกระทบคือระดับพันล้านดอลลาร์ได้เลยครับ
Amazon มีหุ่นยนต์หลายประเภท เช่น:
- Hercules: ยกของหนักได้ 1,250 ปอนด์
- Pegasus: ใช้สายพานจัดการพัสดุเล็ก
- Proteus: หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติแบบ fully autonomous ที่เดินผ่านพนักงานได้
บริษัทกำลังทดสอบการให้หุ่นยนต์รับคำสั่งเสียงจากพนักงาน และ “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบมีแขน–ขา–หัว” ก็อยู่ในสายงานวิจัยแล้ว!
Amazon ยืนยันว่าหุ่นยนต์ไม่ใช่ตัวแย่งงาน แต่ช่วยเปลี่ยนแรงงานเป็นงานที่ใช้ทักษะมากขึ้น — ปัจจุบันมีพนักงาน 700,000 คนที่ถูกอัปสกิลไปทำงานร่วมกับเทคโนโลยี หรืองานที่จ่ายสูงกว่าเดิม
Amazon เพิ่งติดตั้งหุ่นยนต์ตัวที่ 1,000,000 ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น
• เป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้ automation ในคลังสินค้า
• หุ่นยนต์เริ่มมีจำนวนใกล้เคียงหรือมากกว่าคนในคลังแล้ว
AI ชื่อ DeepFleet ช่วยจัดเส้นทางและเวลาเดินของหุ่นยนต์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น 10%
• เทียบได้กับระบบจัดการจราจรในเมืองสำหรับหุ่นยนต์
• ช่วยลดเวลาจัดของและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าลงได้มาก
Amazon มีหุ่นยนต์หลายรุ่นที่ทำงานต่างกัน:
• Hercules (ยกของหนัก)
• Pegasus (คัดแยกพัสดุ)
• Proteus (เคลื่อนที่อิสระได้ในคลัง)
Amazon ฝึกอบรมพนักงานกว่า 700,000 คนให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี
• เช่น ฝึกซ่อมหุ่นยนต์, ตรวจระบบ, เขียนคำสั่ง
• สร้างงานใหม่ที่มีรายได้สูงขึ้นกว่าเดิม
บริษัทอยู่ระหว่างทดสอบหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่สามารถเดิน–ยกของ–ตอบโต้พนักงานได้
การเติบโตของหุ่นยนต์แบบก้าวกระโดด อาจทำให้แรงงานที่ไม่ได้ reskill หลุดออกจากระบบงานในอนาคต
• โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานซ้ำ ๆ แต่ไม่ปรับตัว
AI ที่ควบคุมหุ่นยนต์ เช่น DeepFleet ยังไม่มีรายงานด้านการ audit ความโปร่งใสหรือ bias
• ความผิดพลาดอาจกระทบระบบโลจิสติกส์ทั้งสายงาน
การจัดการจราจรของหุ่นยนต์ในพื้นที่เดียวกับมนุษย์ ต้องการความปลอดภัยสูงมาก
• ถ้า AI คำนวณพลาด หุ่นยนต์ชนคนหรือข้าวของมีผลทันที
แพลตฟอร์มอย่าง Amazon ที่ควบคุมทั้งแรงงานมนุษย์และหุ่นยนต์ใน ecosystem เดียว อาจเกิด “อำนาจต่อรองไม่สมดุล”
• โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายด้าน AI Labor & Automation
https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-just-deployed-its-one-millionth-robot-in-its-warehouses-and-theyll-soon-outnumber-humans-generative-ai-to-help-cut-robot-fleet-travel-time-by-10-percent
จากเดิมหุ่นยนต์ Amazon แค่ย้ายชั้นวางของ วันนี้มันเหมือน “รถยนต์ในเมืองที่มีระบบจัดการจราจร AI” เลยครับ
Amazon ประกาศว่าเพิ่งติดตั้ง “หุ่นยนต์ตัวที่ 1 ล้าน” ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น และกำลังจะมีหุ่นยนต์มากกว่าพนักงานมนุษย์ในคลังสินค้าอีกด้วย! ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า Amazon มีพนักงานกว่า 1.56 ล้านคนทั่วโลก และส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายคลังสินค้า — ดังนั้นนี่ไม่ใช่แค่ milestone ธรรมดา
เบื้องหลังทั้งหมดคือ AI ชื่อ DeepFleet ที่ทำหน้าที่เหมือน “ระบบจัดการจราจรในเมืองที่รถทุกคันคือหุ่นยนต์” → มันสามารถลดระยะทาง + เวลาที่หุ่นยนต์ต้องเดินทางได้ 10% → ซึ่งเมื่อเอาไปคูณกับภารกิจระดับล้านคำสั่งต่อวัน ผลกระทบคือระดับพันล้านดอลลาร์ได้เลยครับ
Amazon มีหุ่นยนต์หลายประเภท เช่น:
- Hercules: ยกของหนักได้ 1,250 ปอนด์
- Pegasus: ใช้สายพานจัดการพัสดุเล็ก
- Proteus: หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติแบบ fully autonomous ที่เดินผ่านพนักงานได้
บริษัทกำลังทดสอบการให้หุ่นยนต์รับคำสั่งเสียงจากพนักงาน และ “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบมีแขน–ขา–หัว” ก็อยู่ในสายงานวิจัยแล้ว!
Amazon ยืนยันว่าหุ่นยนต์ไม่ใช่ตัวแย่งงาน แต่ช่วยเปลี่ยนแรงงานเป็นงานที่ใช้ทักษะมากขึ้น — ปัจจุบันมีพนักงาน 700,000 คนที่ถูกอัปสกิลไปทำงานร่วมกับเทคโนโลยี หรืองานที่จ่ายสูงกว่าเดิม
✅ Amazon เพิ่งติดตั้งหุ่นยนต์ตัวที่ 1,000,000 ที่ศูนย์กระจายสินค้าในญี่ปุ่น
• เป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้ automation ในคลังสินค้า
• หุ่นยนต์เริ่มมีจำนวนใกล้เคียงหรือมากกว่าคนในคลังแล้ว
✅ AI ชื่อ DeepFleet ช่วยจัดเส้นทางและเวลาเดินของหุ่นยนต์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น 10%
• เทียบได้กับระบบจัดการจราจรในเมืองสำหรับหุ่นยนต์
• ช่วยลดเวลาจัดของและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าลงได้มาก
✅ Amazon มีหุ่นยนต์หลายรุ่นที่ทำงานต่างกัน:
• Hercules (ยกของหนัก)
• Pegasus (คัดแยกพัสดุ)
• Proteus (เคลื่อนที่อิสระได้ในคลัง)
✅ Amazon ฝึกอบรมพนักงานกว่า 700,000 คนให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี
• เช่น ฝึกซ่อมหุ่นยนต์, ตรวจระบบ, เขียนคำสั่ง
• สร้างงานใหม่ที่มีรายได้สูงขึ้นกว่าเดิม
✅ บริษัทอยู่ระหว่างทดสอบหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่สามารถเดิน–ยกของ–ตอบโต้พนักงานได้
‼️ การเติบโตของหุ่นยนต์แบบก้าวกระโดด อาจทำให้แรงงานที่ไม่ได้ reskill หลุดออกจากระบบงานในอนาคต
• โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานซ้ำ ๆ แต่ไม่ปรับตัว
‼️ AI ที่ควบคุมหุ่นยนต์ เช่น DeepFleet ยังไม่มีรายงานด้านการ audit ความโปร่งใสหรือ bias
• ความผิดพลาดอาจกระทบระบบโลจิสติกส์ทั้งสายงาน
‼️ การจัดการจราจรของหุ่นยนต์ในพื้นที่เดียวกับมนุษย์ ต้องการความปลอดภัยสูงมาก
• ถ้า AI คำนวณพลาด หุ่นยนต์ชนคนหรือข้าวของมีผลทันที
‼️ แพลตฟอร์มอย่าง Amazon ที่ควบคุมทั้งแรงงานมนุษย์และหุ่นยนต์ใน ecosystem เดียว อาจเกิด “อำนาจต่อรองไม่สมดุล”
• โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายด้าน AI Labor & Automation
https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-just-deployed-its-one-millionth-robot-in-its-warehouses-and-theyll-soon-outnumber-humans-generative-ai-to-help-cut-robot-fleet-travel-time-by-10-percent
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
154 มุมมอง
0 รีวิว