• ทหารกองทัพบกไทยยังคงพบหลักฐานด้านยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง หลังปฏิบัติการยึดคืน “เนิน 500” พื้นที่ช่องอานม้าได้สำเร็จ ล่าสุดตรวจยึดอาวุธสัญชาติจีนจำนวนมาก ซึ่งทหารกัมพูชาทิ้งไว้ขณะถอนกำลัง
    .
    เมื่อเวลา 22.44 น. วันที่ 15 ธ.ค. เพจ Army Military Force เผยแพร่ภาพและข้อมูลว่า ทหาร ร.17 พัน 2 ตรวจพบอาวุธหลายรายการบนเนิน 500 อาทิ กระบอกบรรจุลูกระเบิดยิงขนาด 82 มม. (82mm Type 65 projected-grenade) ซึ่งใช้งานร่ว.มกับเครื่องยิงลูกระเบิดไร้แรงสะท้อนแบบ Type 65 หรือ Type 65-1 ของจีน รวมถึงกระสุนชนิดต่างๆ
    .
    นอกจากนี้ ยังพบเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถังแบบพกพาไม่นำวิถี รุ่น Norinco PF-89 หรือ Type 89 ขนาด 80 มม. ซึ่งเป็นอาวุธสำหรับทหารราบ น้ำหนักเบา ใช้งานแบบนัดเดียวทิ้ง ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายยานเกราะ บังเกอร์ และที่มั่นทางทหาร โดยมีทั้งรุ่นหัวรบเจาะเกราะและหัวรบแรงดันสูงสำหรับการรบในพื้นที่ปิด
    .
    การตรวจพบอาวุธดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะยุทโธปกรณ์ที่ฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ในพื้นที่ปะทะ และกลายเป็นหลักฐานสำคัญภายหลังฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120774
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องอานม้า #เนิน500 #อาวุธจีน #กองทัพบก #อธิปไตยไทย #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    ทหารกองทัพบกไทยยังคงพบหลักฐานด้านยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง หลังปฏิบัติการยึดคืน “เนิน 500” พื้นที่ช่องอานม้าได้สำเร็จ ล่าสุดตรวจยึดอาวุธสัญชาติจีนจำนวนมาก ซึ่งทหารกัมพูชาทิ้งไว้ขณะถอนกำลัง . เมื่อเวลา 22.44 น. วันที่ 15 ธ.ค. เพจ Army Military Force เผยแพร่ภาพและข้อมูลว่า ทหาร ร.17 พัน 2 ตรวจพบอาวุธหลายรายการบนเนิน 500 อาทิ กระบอกบรรจุลูกระเบิดยิงขนาด 82 มม. (82mm Type 65 projected-grenade) ซึ่งใช้งานร่ว.มกับเครื่องยิงลูกระเบิดไร้แรงสะท้อนแบบ Type 65 หรือ Type 65-1 ของจีน รวมถึงกระสุนชนิดต่างๆ . นอกจากนี้ ยังพบเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถังแบบพกพาไม่นำวิถี รุ่น Norinco PF-89 หรือ Type 89 ขนาด 80 มม. ซึ่งเป็นอาวุธสำหรับทหารราบ น้ำหนักเบา ใช้งานแบบนัดเดียวทิ้ง ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายยานเกราะ บังเกอร์ และที่มั่นทางทหาร โดยมีทั้งรุ่นหัวรบเจาะเกราะและหัวรบแรงดันสูงสำหรับการรบในพื้นที่ปิด . การตรวจพบอาวุธดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะยุทโธปกรณ์ที่ฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ในพื้นที่ปะทะ และกลายเป็นหลักฐานสำคัญภายหลังฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120774 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องอานม้า #เนิน500 #อาวุธจีน #กองทัพบก #อธิปไตยไทย #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.45

    ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม

    ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค

    โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    บทความกฎหมาย EP.45 ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเคราะห์นอกระบบ WASP-121b กับหางก๊าซยักษ์สองเส้น

    ทีมนักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนดาวเคราะห์นอกระบบ WASP-121b หรือที่เรียกว่า Tylos ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 880 ปีแสง ดาวเคราะห์แก๊สยักษ์นี้กำลังสูญเสียบรรยากาศอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็น หางก๊าซฮีเลียมสองเส้นขนาดมหึมา ที่ทอดยาวครอบคลุมเกือบ 60% ของวงโคจรรอบดาวแม่

    การค้นพบที่ไม่ธรรมดา
    ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เคยพบดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศรั่วไหล แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเพียงชั่วคราวเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนผ่านหน้าดาวแม่ ครั้งนี้ JWST สามารถติดตามการรั่วไหลตลอดวงโคจรเต็มรอบกว่า 30 ชั่วโมง ทำให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับการสูญเสียบรรยากาศของดาวเคราะห์นอกระบบ

    ปริศนาของหางคู่
    สิ่งที่ทำให้นักวิจัยประหลาดใจคือการเกิดหางสองเส้นที่พุ่งไปคนละทิศทาง หางหนึ่งทอดตามหลังดาวเคราะห์ ขณะที่อีกหางหนึ่งกลับพุ่งนำหน้า ซึ่งแบบจำลองเดิมไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์คาดว่าแรงโน้มถ่วงของดาวแม่และลมดาวฤกษ์อาจมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของหางเหล่านี้

    ความหมายต่อวิวัฒนาการดาวเคราะห์
    การค้นพบนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจว่าดาวเคราะห์แก๊สยักษ์อาจสูญเสียบรรยากาศจนกลายเป็นดาวเคราะห์หินในอนาคต การศึกษาลักษณะการรั่วไหลของก๊าซจะช่วยให้นักดาราศาสตร์สร้างแบบจำลองใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวเคราะห์และความเป็นไปได้ในการเกิดระบบที่คล้ายโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบจาก JWST
    พบดาว WASP-121b มีหางก๊าซฮีเลียมสองเส้น
    ครอบคลุมเกือบ 60% ของวงโคจร

    ความพิเศษ
    เป็นครั้งแรกที่ติดตามการรั่วไหลตลอดวงโคจรเต็มรอบ
    หางหนึ่งตามหลัง อีกหางหนึ่งนำหน้า

    ความหมายทางวิทยาศาสตร์
    ช่วยเข้าใจการสูญเสียบรรยากาศของดาวเคราะห์
    อาจอธิบายการเปลี่ยนจากดาวแก๊สยักษ์เป็นดาวหิน

    ข้อจำกัดและปริศนา
    แบบจำลองปัจจุบันยังไม่สามารถอธิบายหางคู่ได้ครบถ้วน
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสร้างแบบจำลอง 3D ที่แม่นยำ

    https://www.sciencealert.com/jwst-catches-record-breaking-planet-sprouting-two-enormous-tails
    🌌 ดาวเคราะห์นอกระบบ WASP-121b กับหางก๊าซยักษ์สองเส้น ทีมนักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนดาวเคราะห์นอกระบบ WASP-121b หรือที่เรียกว่า Tylos ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 880 ปีแสง ดาวเคราะห์แก๊สยักษ์นี้กำลังสูญเสียบรรยากาศอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็น หางก๊าซฮีเลียมสองเส้นขนาดมหึมา ที่ทอดยาวครอบคลุมเกือบ 60% ของวงโคจรรอบดาวแม่ 🔬 การค้นพบที่ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เคยพบดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศรั่วไหล แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเพียงชั่วคราวเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนผ่านหน้าดาวแม่ ครั้งนี้ JWST สามารถติดตามการรั่วไหลตลอดวงโคจรเต็มรอบกว่า 30 ชั่วโมง ทำให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับการสูญเสียบรรยากาศของดาวเคราะห์นอกระบบ 🌪️ ปริศนาของหางคู่ สิ่งที่ทำให้นักวิจัยประหลาดใจคือการเกิดหางสองเส้นที่พุ่งไปคนละทิศทาง หางหนึ่งทอดตามหลังดาวเคราะห์ ขณะที่อีกหางหนึ่งกลับพุ่งนำหน้า ซึ่งแบบจำลองเดิมไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์คาดว่าแรงโน้มถ่วงของดาวแม่และลมดาวฤกษ์อาจมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของหางเหล่านี้ 🚀 ความหมายต่อวิวัฒนาการดาวเคราะห์ การค้นพบนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจว่าดาวเคราะห์แก๊สยักษ์อาจสูญเสียบรรยากาศจนกลายเป็นดาวเคราะห์หินในอนาคต การศึกษาลักษณะการรั่วไหลของก๊าซจะช่วยให้นักดาราศาสตร์สร้างแบบจำลองใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวเคราะห์และความเป็นไปได้ในการเกิดระบบที่คล้ายโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบจาก JWST ➡️ พบดาว WASP-121b มีหางก๊าซฮีเลียมสองเส้น ➡️ ครอบคลุมเกือบ 60% ของวงโคจร ✅ ความพิเศษ ➡️ เป็นครั้งแรกที่ติดตามการรั่วไหลตลอดวงโคจรเต็มรอบ ➡️ หางหนึ่งตามหลัง อีกหางหนึ่งนำหน้า ✅ ความหมายทางวิทยาศาสตร์ ➡️ ช่วยเข้าใจการสูญเสียบรรยากาศของดาวเคราะห์ ➡️ อาจอธิบายการเปลี่ยนจากดาวแก๊สยักษ์เป็นดาวหิน ‼️ ข้อจำกัดและปริศนา ⛔ แบบจำลองปัจจุบันยังไม่สามารถอธิบายหางคู่ได้ครบถ้วน ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสร้างแบบจำลอง 3D ที่แม่นยำ https://www.sciencealert.com/jwst-catches-record-breaking-planet-sprouting-two-enormous-tails
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    JWST Catches Record-Breaking Planet Sprouting Two Enormous Tails
    About 880 light-years from Earth, a hot mess of an exoplanet is slowly spilling its atmosphere into space, creating two enormous tails of helium that stretch more than halfway around its star.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • JWST ตรวจพบซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล

    นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบซูเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 13.3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่ร้อยล้านปีหลังจาก Cosmic Dawn หรือยุคที่ดาวดวงแรก ๆ เริ่มส่องแสงในจักรวาล การค้นพบนี้ถือเป็นการบันทึกซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และช่วยเปิดหน้าต่างใหม่สู่การทำความเข้าใจวิวัฒนาการของจักรวาลยุคแรกเริ่ม

    ซูเปอร์โนวายุคแรก
    ซูเปอร์โนวาที่ตรวจพบนี้เกิดจากดาวฤกษ์มวลมหาศาลที่ระเบิดในช่วงที่จักรวาลยังอยู่ในวัยเยาว์มาก การระเบิดดังกล่าวไม่เพียงแต่ปล่อยพลังงานมหาศาล แต่ยังสร้างธาตุหนัก เช่น เหล็กและออกซิเจน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการก่อกำเนิดดาวรุ่นใหม่และกาแล็กซี

    บทบาทของ JWST
    JWST ใช้ความสามารถในการตรวจจับแสงอินฟราเรดที่เดินทางผ่านจักรวาลมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลัง Big Bang เพียงไม่กี่ร้อยล้านปี การค้นพบนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า ดาวรุ่นแรก ๆ มีบทบาทอย่างไรในการสร้างโครงสร้างจักรวาล

    ความหมายต่อการศึกษาจักรวาล
    การตรวจพบซูเปอร์โนวายุค Cosmic Dawn ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการสร้างและทำลายดาวฤกษ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของจักรวาล และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการอธิบายว่ากาแล็กซีและระบบดาวต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นได้อย่างไรในเวลาสั้น ๆ

    ก้าวต่อไปของวิทยาศาสตร์
    นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถใช้ JWST และกล้องโทรทรรศน์รุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตเพื่อตรวจสอบซูเปอร์โนวายุคแรกเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยไขปริศนาว่าดาวรุ่นแรกมีมวลมากเพียงใด และการระเบิดของมันมีผลต่อการกระจายธาตุในจักรวาลอย่างไร

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบซูเปอร์โนวายุค Cosmic Dawn
    เกิดขึ้นกว่า 13.3 พันล้านปีก่อน
    เป็นซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยตรวจพบ

    บทบาทของ JWST
    ใช้การตรวจจับแสงอินฟราเรดเพื่อมองย้อนเวลา
    เปิดหน้าต่างใหม่สู่การศึกษาจักรวาลยุคแรก

    ความหมายต่อจักรวาล
    ซูเปอร์โนวาสร้างธาตุหนักที่จำเป็นต่อการก่อกำเนิดดาวรุ่นใหม่
    ช่วยอธิบายการก่อตัวของกาแล็กซี

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    การตีความข้อมูลยังต้องการการยืนยันเพิ่มเติมจากการสังเกตซ้ำ
    ข้อมูลที่ได้ยังจำกัดอยู่ในบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ของจักรวาล

    https://www.sciencealert.com/jwst-detects-record-breaking-supernova-that-erupted-right-at-the-cosmic-dawn
    🌌 JWST ตรวจพบซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบซูเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 13.3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่ร้อยล้านปีหลังจาก Cosmic Dawn หรือยุคที่ดาวดวงแรก ๆ เริ่มส่องแสงในจักรวาล การค้นพบนี้ถือเป็นการบันทึกซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และช่วยเปิดหน้าต่างใหม่สู่การทำความเข้าใจวิวัฒนาการของจักรวาลยุคแรกเริ่ม 💥 ซูเปอร์โนวายุคแรก ซูเปอร์โนวาที่ตรวจพบนี้เกิดจากดาวฤกษ์มวลมหาศาลที่ระเบิดในช่วงที่จักรวาลยังอยู่ในวัยเยาว์มาก การระเบิดดังกล่าวไม่เพียงแต่ปล่อยพลังงานมหาศาล แต่ยังสร้างธาตุหนัก เช่น เหล็กและออกซิเจน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการก่อกำเนิดดาวรุ่นใหม่และกาแล็กซี 🔭 บทบาทของ JWST JWST ใช้ความสามารถในการตรวจจับแสงอินฟราเรดที่เดินทางผ่านจักรวาลมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลัง Big Bang เพียงไม่กี่ร้อยล้านปี การค้นพบนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า ดาวรุ่นแรก ๆ มีบทบาทอย่างไรในการสร้างโครงสร้างจักรวาล 🌍 ความหมายต่อการศึกษาจักรวาล การตรวจพบซูเปอร์โนวายุค Cosmic Dawn ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการสร้างและทำลายดาวฤกษ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของจักรวาล และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการอธิบายว่ากาแล็กซีและระบบดาวต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นได้อย่างไรในเวลาสั้น ๆ 🧩 ก้าวต่อไปของวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถใช้ JWST และกล้องโทรทรรศน์รุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตเพื่อตรวจสอบซูเปอร์โนวายุคแรกเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยไขปริศนาว่าดาวรุ่นแรกมีมวลมากเพียงใด และการระเบิดของมันมีผลต่อการกระจายธาตุในจักรวาลอย่างไร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบซูเปอร์โนวายุค Cosmic Dawn ➡️ เกิดขึ้นกว่า 13.3 พันล้านปีก่อน ➡️ เป็นซูเปอร์โนวาที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยตรวจพบ ✅ บทบาทของ JWST ➡️ ใช้การตรวจจับแสงอินฟราเรดเพื่อมองย้อนเวลา ➡️ เปิดหน้าต่างใหม่สู่การศึกษาจักรวาลยุคแรก ✅ ความหมายต่อจักรวาล ➡️ ซูเปอร์โนวาสร้างธาตุหนักที่จำเป็นต่อการก่อกำเนิดดาวรุ่นใหม่ ➡️ ช่วยอธิบายการก่อตัวของกาแล็กซี ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ การตีความข้อมูลยังต้องการการยืนยันเพิ่มเติมจากการสังเกตซ้ำ ⛔ ข้อมูลที่ได้ยังจำกัดอยู่ในบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ของจักรวาล https://www.sciencealert.com/jwst-detects-record-breaking-supernova-that-erupted-right-at-the-cosmic-dawn
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    JWST Detects Record-Breaking Supernova That Erupted Right at The Cosmic Dawn
    A faint, tiny flash of red light glimpsed at the Cosmic Dawn more than 13 billion years ago has smashed the record for the earliest supernova ever observed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าววิทยาศาสตร์: “ปลาหมึกแวมไพร์เผยรากเหง้าโบราณของหมึกและปลาหมึกยักษ์”

    นักวิทยาศาสตร์เพิ่งเปิดเผยความลับจาก Vampyroteuthis infernalis หรือที่รู้จักกันว่า “ปลาหมึกแวมไพร์จากนรก” สิ่งมีชีวิตหายากในทะเลลึกที่ไม่ใช่ทั้งปลาหมึกหรือหมึกยักษ์ แต่เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ การวิเคราะห์จีโนมของมันพบว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดที่เคยถูกถอดรหัส โดยมีมากกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ซึ่งใหญ่กว่าหมึกและหมึกยักษ์หลายเท่า

    สิ่งที่น่าทึ่งคือแม้ปลาหมึกแวมไพร์จะเป็นสัตว์แปดหนวด แต่ยังคงรักษาโครงสร้างโครโมโซมที่คล้ายกับสัตว์สิบหนวดอย่างปลาหมึกและหมึกกระดองไว้ได้ นักวิจัยเชื่อว่านี่คือหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า หมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อราว 300 ล้านปีก่อน และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในหมึกยักษ์อาจช่วยให้พวกมันพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เช่น ความฉลาดและการปรับตัวที่ซับซ้อน

    ปลาหมึกแวมไพร์ถูกจัดว่าเป็น “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมจากบรรพบุรุษเมื่อกว่า 183 ล้านปีก่อน พร้อมทั้งปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจนได้ การค้นพบนี้จึงเปรียบเสมือน “Rosetta Stone” ที่ช่วยไขความลับวิวัฒนาการของสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดทั้งหมด

    นักวิจัยยังพบว่า 62% ของจีโนมปลาหมึกแวมไพร์เป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ที่ไม่ได้สร้างโปรตีนใหม่ แต่ทำให้จีโนมมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล การศึกษาเปรียบเทียบกับหมึกและหมึกยักษ์ชนิดอื่นๆ ยืนยันว่าโครงสร้างโครโมโซมของปลาหมึกแวมไพร์ยังคงใกล้เคียงกับบรรพบุรุษดั้งเดิมมากที่สุด ทำให้มันเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของสัตว์ทะเลลึกลับเหล่านี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบจีโนมปลาหมึกแวมไพร์
    มีจีโนมใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เซฟาโลพอดกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์
    62% ของจีโนมเป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ

    ความสำคัญทางวิวัฒนาการ
    รักษาโครงสร้างโครโมโซมคล้ายสัตว์สิบหนวด
    บ่งชี้ว่าหมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 300 ล้านปีก่อน

    สถานะฟอสซิลมีชีวิต
    มีอายุทางสายวิวัฒนาการกว่า 183 ล้านปี
    ปรับตัวให้อยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจน

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    การศึกษาอาศัยตัวอย่างที่หายากและได้จากการจับโดยบังเอิญ
    ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบทบาทของโครโมโซมต่อการปรับตัวของหมึกยักษ์

    https://www.sciencealert.com/vampire-squid-from-hell-reveals-the-ancient-origins-of-octopuses
    🦑 ข่าววิทยาศาสตร์: “ปลาหมึกแวมไพร์เผยรากเหง้าโบราณของหมึกและปลาหมึกยักษ์” นักวิทยาศาสตร์เพิ่งเปิดเผยความลับจาก Vampyroteuthis infernalis หรือที่รู้จักกันว่า “ปลาหมึกแวมไพร์จากนรก” สิ่งมีชีวิตหายากในทะเลลึกที่ไม่ใช่ทั้งปลาหมึกหรือหมึกยักษ์ แต่เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ การวิเคราะห์จีโนมของมันพบว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดที่เคยถูกถอดรหัส โดยมีมากกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ซึ่งใหญ่กว่าหมึกและหมึกยักษ์หลายเท่า สิ่งที่น่าทึ่งคือแม้ปลาหมึกแวมไพร์จะเป็นสัตว์แปดหนวด แต่ยังคงรักษาโครงสร้างโครโมโซมที่คล้ายกับสัตว์สิบหนวดอย่างปลาหมึกและหมึกกระดองไว้ได้ นักวิจัยเชื่อว่านี่คือหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า หมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อราว 300 ล้านปีก่อน และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในหมึกยักษ์อาจช่วยให้พวกมันพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เช่น ความฉลาดและการปรับตัวที่ซับซ้อน ปลาหมึกแวมไพร์ถูกจัดว่าเป็น “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมจากบรรพบุรุษเมื่อกว่า 183 ล้านปีก่อน พร้อมทั้งปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจนได้ การค้นพบนี้จึงเปรียบเสมือน “Rosetta Stone” ที่ช่วยไขความลับวิวัฒนาการของสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดทั้งหมด นักวิจัยยังพบว่า 62% ของจีโนมปลาหมึกแวมไพร์เป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ที่ไม่ได้สร้างโปรตีนใหม่ แต่ทำให้จีโนมมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล การศึกษาเปรียบเทียบกับหมึกและหมึกยักษ์ชนิดอื่นๆ ยืนยันว่าโครงสร้างโครโมโซมของปลาหมึกแวมไพร์ยังคงใกล้เคียงกับบรรพบุรุษดั้งเดิมมากที่สุด ทำให้มันเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของสัตว์ทะเลลึกลับเหล่านี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบจีโนมปลาหมึกแวมไพร์ ➡️ มีจีโนมใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เซฟาโลพอดกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ➡️ 62% ของจีโนมเป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ✅ ความสำคัญทางวิวัฒนาการ ➡️ รักษาโครงสร้างโครโมโซมคล้ายสัตว์สิบหนวด ➡️ บ่งชี้ว่าหมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 300 ล้านปีก่อน ✅ สถานะฟอสซิลมีชีวิต ➡️ มีอายุทางสายวิวัฒนาการกว่า 183 ล้านปี ➡️ ปรับตัวให้อยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจน ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การศึกษาอาศัยตัวอย่างที่หายากและได้จากการจับโดยบังเอิญ ⛔ ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบทบาทของโครโมโซมต่อการปรับตัวของหมึกยักษ์ https://www.sciencealert.com/vampire-squid-from-hell-reveals-the-ancient-origins-of-octopuses
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Vampire Squid From Hell' Reveals The Ancient Origins of Octopuses
    The elusive 'vampire squid from hell' has just yielded the largest cephalopod genome ever sequenced, a monster clocking in at more than 11 billion base pairs – more than twice as large as the biggest squid genomes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dark Matter อาจจะเกี่ยวข้องกับมิติที่ห้า

    บทความจาก SlashGear อธิบายแนวคิดใหม่ว่า Dark Matter อาจไม่ได้เป็นอนุภาคลึกลับ แต่เป็นผลจากฟิสิกส์ที่เกิดขึ้นใน มิติที่ห้า ซึ่งซ่อนอยู่ในจักรวาล และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการอธิบายแรงโน้มถ่วงและโครงสร้างของกาแล็กซี

    นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบของปริศนา Dark Matter มานาน โดยล่าสุดมีการเสนอทฤษฎี “Dark Dimension Scenario” ที่อธิบายว่า นอกจาก 4 มิติที่เรารู้จัก (3 มิติของพื้นที่ + เวลา) อาจมีมิติที่ห้าแบบกะทัดรัดซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถสร้างอนุภาคหนัก เช่น Graviton ที่ทำหน้าที่เหมือน Dark Matter และช่วยเติมเต็ม “มวลที่หายไป” ของจักรวาล

    การอธิบายด้วยภาพเปรียบเทียบ
    บทความเปรียบเทียบว่า Dark Matter ทำหน้าที่เหมือน “น้ำหนักที่มองไม่เห็น” คอยดึงดาวฤกษ์ในกาแล็กซีให้อยู่ในวงโคจร ไม่ให้หลุดออกไปเหมือนรถแข่ง NASCAR ที่ต้องมีแรงกดถ่วงไว้บนสนาม นอกจากนี้ยังเปรียบกับ Tesseract ใน Avengers ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกและมิติอื่น ซึ่ง Dark Matter อาจอยู่ใน “อีกด้านหนึ่ง” ของมิติที่ห้า ทำให้เราเห็นผลกระทบแต่ไม่สามารถมองเห็นโดยตรง

    ผลกระทบต่อการวิจัยฟิสิกส์
    หากทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์ได้ จะเป็นการเปิดประตูสู่ฟิสิกส์ใหม่ที่อยู่นอกเหนือโลก 4 มิติที่เรารู้จัก นักวิทยาศาสตร์กำลังสร้างเครื่องมือและหอสังเกตการณ์ใหม่เพื่อค้นหาสัญญาณ เช่น Gravitational Lensing ที่แสงถูกบิดเบี้ยวด้วยแรงโน้มถ่วงของ Dark Matter หากพบอนุภาคใหม่ที่เชื่อมโยงสสารปกติและ Dark Matter จะเป็นหลักฐานตรงครั้งแรกของฟิสิกส์ในมิติที่ห้า

    ความหมายต่อจักรวาล
    การค้นพบมิติที่ห้าอาจทำให้เราเข้าใจแรงโน้มถ่วงที่อ่อนกว่าพลังอื่น ๆ และอธิบายการก่อตัวของกาแล็กซีได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังขยายขอบเขตการทดลองทางฟิสิกส์ในอนาคต และอาจเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์มองจักรวาลไปตลอดกาล

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Dark Dimension Scenario
    เสนอว่ามีมิติที่ห้าซ่อนอยู่ในจักรวาล
    อาจสร้างอนุภาคหนักที่ทำหน้าที่เหมือน Dark Matter

    การเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจ
    Dark Matter เหมือนน้ำหนักที่มองไม่เห็นคอยดึงดาวให้อยู่ในวงโคจร
    เปรียบกับ Tesseract ใน Avengers ที่เชื่อมโลกกับมิติอื่น

    ผลกระทบต่อการวิจัย
    อาจค้นพบอนุภาคใหม่ที่เชื่อมสสารปกติและ Dark Matter
    ใช้การสังเกต Gravitational Lensing เป็นหลักฐานสำคัญ

    ความหมายต่อจักรวาล
    อธิบายแรงโน้มถ่วงและการก่อตัวของกาแล็กซีได้ดียิ่งขึ้น
    ขยายขอบเขตฟิสิกส์และการทดลองในอนาคต

    คำเตือนด้านข้อมูล
    ทฤษฎียังอยู่ในขั้นสมมติ ต้องการหลักฐานเชิงทดลองเพิ่มเติม
    การตีความผิดอาจทำให้เข้าใจ Dark Matter และแรงโน้มถ่วงคลาดเคลื่อน

    https://www.slashgear.com/2030177/dark-matter-fifth-dimension-wed-theory/
    🌌 Dark Matter อาจจะเกี่ยวข้องกับมิติที่ห้า บทความจาก SlashGear อธิบายแนวคิดใหม่ว่า Dark Matter อาจไม่ได้เป็นอนุภาคลึกลับ แต่เป็นผลจากฟิสิกส์ที่เกิดขึ้นใน มิติที่ห้า ซึ่งซ่อนอยู่ในจักรวาล และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการอธิบายแรงโน้มถ่วงและโครงสร้างของกาแล็กซี นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบของปริศนา Dark Matter มานาน โดยล่าสุดมีการเสนอทฤษฎี “Dark Dimension Scenario” ที่อธิบายว่า นอกจาก 4 มิติที่เรารู้จัก (3 มิติของพื้นที่ + เวลา) อาจมีมิติที่ห้าแบบกะทัดรัดซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถสร้างอนุภาคหนัก เช่น Graviton ที่ทำหน้าที่เหมือน Dark Matter และช่วยเติมเต็ม “มวลที่หายไป” ของจักรวาล 🌀 การอธิบายด้วยภาพเปรียบเทียบ บทความเปรียบเทียบว่า Dark Matter ทำหน้าที่เหมือน “น้ำหนักที่มองไม่เห็น” คอยดึงดาวฤกษ์ในกาแล็กซีให้อยู่ในวงโคจร ไม่ให้หลุดออกไปเหมือนรถแข่ง NASCAR ที่ต้องมีแรงกดถ่วงไว้บนสนาม นอกจากนี้ยังเปรียบกับ Tesseract ใน Avengers ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกและมิติอื่น ซึ่ง Dark Matter อาจอยู่ใน “อีกด้านหนึ่ง” ของมิติที่ห้า ทำให้เราเห็นผลกระทบแต่ไม่สามารถมองเห็นโดยตรง 🔭 ผลกระทบต่อการวิจัยฟิสิกส์ หากทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์ได้ จะเป็นการเปิดประตูสู่ฟิสิกส์ใหม่ที่อยู่นอกเหนือโลก 4 มิติที่เรารู้จัก นักวิทยาศาสตร์กำลังสร้างเครื่องมือและหอสังเกตการณ์ใหม่เพื่อค้นหาสัญญาณ เช่น Gravitational Lensing ที่แสงถูกบิดเบี้ยวด้วยแรงโน้มถ่วงของ Dark Matter หากพบอนุภาคใหม่ที่เชื่อมโยงสสารปกติและ Dark Matter จะเป็นหลักฐานตรงครั้งแรกของฟิสิกส์ในมิติที่ห้า 🌍 ความหมายต่อจักรวาล การค้นพบมิติที่ห้าอาจทำให้เราเข้าใจแรงโน้มถ่วงที่อ่อนกว่าพลังอื่น ๆ และอธิบายการก่อตัวของกาแล็กซีได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังขยายขอบเขตการทดลองทางฟิสิกส์ในอนาคต และอาจเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์มองจักรวาลไปตลอดกาล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Dark Dimension Scenario ➡️ เสนอว่ามีมิติที่ห้าซ่อนอยู่ในจักรวาล ➡️ อาจสร้างอนุภาคหนักที่ทำหน้าที่เหมือน Dark Matter ✅ การเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจ ➡️ Dark Matter เหมือนน้ำหนักที่มองไม่เห็นคอยดึงดาวให้อยู่ในวงโคจร ➡️ เปรียบกับ Tesseract ใน Avengers ที่เชื่อมโลกกับมิติอื่น ✅ ผลกระทบต่อการวิจัย ➡️ อาจค้นพบอนุภาคใหม่ที่เชื่อมสสารปกติและ Dark Matter ➡️ ใช้การสังเกต Gravitational Lensing เป็นหลักฐานสำคัญ ✅ ความหมายต่อจักรวาล ➡️ อธิบายแรงโน้มถ่วงและการก่อตัวของกาแล็กซีได้ดียิ่งขึ้น ➡️ ขยายขอบเขตฟิสิกส์และการทดลองในอนาคต ‼️ คำเตือนด้านข้อมูล ⛔ ทฤษฎียังอยู่ในขั้นสมมติ ต้องการหลักฐานเชิงทดลองเพิ่มเติม ⛔ การตีความผิดอาจทำให้เข้าใจ Dark Matter และแรงโน้มถ่วงคลาดเคลื่อน https://www.slashgear.com/2030177/dark-matter-fifth-dimension-wed-theory/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Answer To Physics' Dark Matter Problem Could Lie In The Fifth Dimension - SlashGear
    Physicists have determined that most of the universe is dark matter -- invisible to us but affecting the universe anyway. Could it exist in another dimension?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.26

    ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม

    การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้

    สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    บทความกฎหมาย EP.26 ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้ สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.7

    เอกสารทางกฎหมายเปรียบเสมือนหัวใจของการทำนิติกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน หรือแม้แต่พินัยกรรม ความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหน้ากระดาษ แต่อยู่ที่ถ้อยคำที่ถูกบรรจงเขียนลงไป ทุกตัวอักษรมีความหมายและมีผลผูกพันตามกฎหมาย การร่างเอกสารอย่างรอบคอบและถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของเรา การละเลยความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบหรือจัดทำเอกสารอาจนำมาซึ่งข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานานในการแก้ไข การทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระและผลทางกฎหมายของเอกสารที่เราลงนามจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเป็นอันขาด เพราะเอกสารที่ดีคือการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางกฎหมายในอนาคต

    ดังนั้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเอกสารกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบชื่อคู่สัญญา ความชัดเจนของข้อตกลง เงื่อนไขการชำระเงิน หรือระยะเวลาที่กำหนด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ของเอกสาร การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายก่อนการลงนามในเอกสารสำคัญจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารนั้นถูกต้องตามเจตนารมณ์และปกป้องผลประโยชน์ของเราได้อย่างสมบูรณ์ การจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบและเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในยามจำเป็น เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานสำคัญที่สุดที่จะช่วยยืนยันความชอบธรรมของเรา

    สรุปได้ว่า เอกสารทางกฎหมายไม่ใช่เพียงแค่กระดาษ แต่เป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของเรา การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การจัดทำอย่างพิถีพิถัน และการเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างราบรื่นและปลอดภัย อย่ามองข้ามพลังของลายลักษณ์อักษร เพราะความมั่นคงทางกฎหมายของเราเริ่มต้นจากความใส่ใจในเอกสารเพียงฉบับเดียว

    #กฎหมาย #ทนายความ
    #จันทศิษฐ์ทนายความV2
    บทความกฎหมาย EP.7 เอกสารทางกฎหมายเปรียบเสมือนหัวใจของการทำนิติกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน หรือแม้แต่พินัยกรรม ความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหน้ากระดาษ แต่อยู่ที่ถ้อยคำที่ถูกบรรจงเขียนลงไป ทุกตัวอักษรมีความหมายและมีผลผูกพันตามกฎหมาย การร่างเอกสารอย่างรอบคอบและถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของเรา การละเลยความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบหรือจัดทำเอกสารอาจนำมาซึ่งข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานานในการแก้ไข การทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระและผลทางกฎหมายของเอกสารที่เราลงนามจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเป็นอันขาด เพราะเอกสารที่ดีคือการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางกฎหมายในอนาคต ดังนั้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเอกสารกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบชื่อคู่สัญญา ความชัดเจนของข้อตกลง เงื่อนไขการชำระเงิน หรือระยะเวลาที่กำหนด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ของเอกสาร การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายก่อนการลงนามในเอกสารสำคัญจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารนั้นถูกต้องตามเจตนารมณ์และปกป้องผลประโยชน์ของเราได้อย่างสมบูรณ์ การจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบและเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในยามจำเป็น เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานสำคัญที่สุดที่จะช่วยยืนยันความชอบธรรมของเรา สรุปได้ว่า เอกสารทางกฎหมายไม่ใช่เพียงแค่กระดาษ แต่เป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของเรา การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การจัดทำอย่างพิถีพิถัน และการเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างราบรื่นและปลอดภัย อย่ามองข้ามพลังของลายลักษณ์อักษร เพราะความมั่นคงทางกฎหมายของเราเริ่มต้นจากความใส่ใจในเอกสารเพียงฉบับเดียว #กฎหมาย #ทนายความ #จันทศิษฐ์ทนายความV2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI

    Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต

    Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้

    ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง

    Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI

    คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล

    รายละเอียดคดีฟ้องร้อง
    Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์
    บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล

    หลักฐานสำคัญ
    Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้
    พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit

    การตอบโต้จาก Perplexity
    ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit
    ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ
    กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI

    ความเคลื่อนไหวของ Reddit
    เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน
    มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI
    เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI

    https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    🧠 Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้ ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล ✅ รายละเอียดคดีฟ้องร้อง ➡️ Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์ ➡️ บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล ✅ หลักฐานสำคัญ ➡️ Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้ ➡️ พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit ✅ การตอบโต้จาก Perplexity ➡️ ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit ➡️ ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ ➡️ กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI ✅ ความเคลื่อนไหวของ Reddit ➡️ เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน ➡️ มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI ➡️ เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    SECURITYONLINE.INFO
    Reddit Sues Perplexity and Data Brokers for 'Industrial-Scale' Scraping
    Reddit has filed a lawsuit against Perplexity and three data brokers, accusing them of unauthorized, "industrial-scale" scraping of its content for AI training.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ”

    ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก”

    กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา

    กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต

    บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ
    เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี
    ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน
    วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที
    CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan
    ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน
    วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด
    ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน
    การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
    การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ”
    การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ
    การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

    https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    ⚖️ “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ” ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก” กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ ➡️ เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี ➡️ ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน ➡️ วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที ➡️ CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan ➡️ ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน ➡️ วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด ➡️ ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน ➡️ การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ➡️ การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ” ➡️ การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ ➡️ การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    BLOG.PRAGMATICENGINEER.COM
    Asked to do something illegal at work? Here’s what these software engineers did
    At FTX, Frank, and Pollen, software engineers were asked to do something potentially illegal, or to go along with what looked like fraud. They obliged in two out of three cases, landed in hot water, and now face jail time. A reminder why it’s never a good idea to go along with such requests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ราชินีมดที่ให้กำเนิดต่างสายพันธุ์ — คำจำกัดความของ ‘สปีชีส์’ อาจต้องเขียนใหม่”

    ในโลกของชีววิทยา มีหลักการหนึ่งที่ดูเหมือนจะมั่นคง: สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะให้กำเนิดลูกหลานในสายพันธุ์เดียวกัน แต่การค้นพบล่าสุดในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ได้เขย่าความเชื่อนี้อย่างรุนแรง เมื่อพบว่า “ราชินีมดเก็บเกี่ยวไอบีเรีย” (Messor ibericus) สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ “มดเก็บเกี่ยวช่างสร้าง” (Messor structor)

    นักวิจัยพบว่า M. ibericus จะผสมพันธุ์กับ M. structor แล้วเก็บสเปิร์มไว้ใช้ในภายหลัง แต่ที่น่าทึ่งคือ พวกเขาเชื่อว่าราชินีมดสามารถ “ลบ” DNA ของตัวเองออกจากไข่บางฟอง แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ทำให้ลูกที่เกิดออกมาเป็นโคลนของสายพันธุ์อื่นโดยสมบูรณ์

    ผลลัพธ์คือ ราชินีมดสามารถให้กำเนิดมดเพศผู้ได้ทั้งสองสายพันธุ์ และมดงานทั้งหมดในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมระหว่างสองสายพันธุ์นี้ ซึ่งถือเป็นระบบสืบพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในสัตว์ชนิดใด

    นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” และยังพบว่าแม้ M. ibericus กับ M. structor จะมีวิวัฒนาการแยกจากกันมากกว่า 5 ล้านปี แต่ราชินีมดยังสามารถสร้างลูกหลานจากทั้งสองสายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเฝ้ารังมดกว่า 50 รัง จนในที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นการเกิดของมด M. structor จากไข่ของราชินี M. ibericus ได้โดยตรง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าการโคลนข้ามสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราชินีมด Messor ibericus สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของสายพันธุ์ Messor structor
    มดงานในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมของทั้งสองสายพันธุ์
    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์”
    การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีจนสามารถสังเกตการเกิดของมดต่างสายพันธุ์ได้

    กลไกและผลกระทบทางวิวัฒนาการ
    M. ibericus อาจลบ DNA ของตัวเองจากไข่แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor
    มดเพศผู้ของทั้งสองสายพันธุ์มี mitochondrial DNA จาก M. ibericus ซึ่งสืบทอดจากแม่
    การโคลนช่วยให้ M. ibericus มีมดงานจำนวนมากแม้ไม่มีรังของ M. structor ใกล้เคียง
    การกระจายตัวของ M. structor ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ผ่านการโคลนโดย M. ibericus

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มดเป็นสัตว์ eusocial ที่มีระบบสืบพันธุ์ซับซ้อนและมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน
    ปรากฏการณ์ “sperm parasitism” เคยพบในมดบางชนิด แต่ไม่เคยถึงขั้นโคลนต่างสายพันธุ์
    นักชีววิทยาเปรียบเทียบว่า “เหมือนมนุษย์มีลูกเป็นลิงชิมแปนซี แล้วใช้ลูกเหล่านั้นสร้างลูกผสมเพื่อทำงานบ้าน”
    การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนิยามของ “สปีชีส์” ในชีววิทยา

    https://www.smithsonianmag.com/smart-news/these-ant-queens-seem-to-defy-biology-they-lay-eggs-that-hatch-into-another-species-180987292/
    🧬 “ราชินีมดที่ให้กำเนิดต่างสายพันธุ์ — คำจำกัดความของ ‘สปีชีส์’ อาจต้องเขียนใหม่” ในโลกของชีววิทยา มีหลักการหนึ่งที่ดูเหมือนจะมั่นคง: สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะให้กำเนิดลูกหลานในสายพันธุ์เดียวกัน แต่การค้นพบล่าสุดในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ได้เขย่าความเชื่อนี้อย่างรุนแรง เมื่อพบว่า “ราชินีมดเก็บเกี่ยวไอบีเรีย” (Messor ibericus) สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ “มดเก็บเกี่ยวช่างสร้าง” (Messor structor) นักวิจัยพบว่า M. ibericus จะผสมพันธุ์กับ M. structor แล้วเก็บสเปิร์มไว้ใช้ในภายหลัง แต่ที่น่าทึ่งคือ พวกเขาเชื่อว่าราชินีมดสามารถ “ลบ” DNA ของตัวเองออกจากไข่บางฟอง แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ทำให้ลูกที่เกิดออกมาเป็นโคลนของสายพันธุ์อื่นโดยสมบูรณ์ ผลลัพธ์คือ ราชินีมดสามารถให้กำเนิดมดเพศผู้ได้ทั้งสองสายพันธุ์ และมดงานทั้งหมดในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมระหว่างสองสายพันธุ์นี้ ซึ่งถือเป็นระบบสืบพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในสัตว์ชนิดใด นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” และยังพบว่าแม้ M. ibericus กับ M. structor จะมีวิวัฒนาการแยกจากกันมากกว่า 5 ล้านปี แต่ราชินีมดยังสามารถสร้างลูกหลานจากทั้งสองสายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเฝ้ารังมดกว่า 50 รัง จนในที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นการเกิดของมด M. structor จากไข่ของราชินี M. ibericus ได้โดยตรง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าการโคลนข้ามสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราชินีมด Messor ibericus สามารถวางไข่ที่ฟักออกมาเป็นมดเพศผู้ของสายพันธุ์ Messor structor ➡️ มดงานในรังของ M. ibericus เป็นลูกผสมของทั้งสองสายพันธุ์ ➡️ นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “xenoparity” หรือ “การให้กำเนิดต่างสายพันธุ์” ➡️ การทดลองในห้องแล็บใช้เวลานานถึง 2 ปีจนสามารถสังเกตการเกิดของมดต่างสายพันธุ์ได้ ✅ กลไกและผลกระทบทางวิวัฒนาการ ➡️ M. ibericus อาจลบ DNA ของตัวเองจากไข่แล้วแทนที่ด้วย DNA ของ M. structor ➡️ มดเพศผู้ของทั้งสองสายพันธุ์มี mitochondrial DNA จาก M. ibericus ซึ่งสืบทอดจากแม่ ➡️ การโคลนช่วยให้ M. ibericus มีมดงานจำนวนมากแม้ไม่มีรังของ M. structor ใกล้เคียง ➡️ การกระจายตัวของ M. structor ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ผ่านการโคลนโดย M. ibericus ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มดเป็นสัตว์ eusocial ที่มีระบบสืบพันธุ์ซับซ้อนและมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ➡️ ปรากฏการณ์ “sperm parasitism” เคยพบในมดบางชนิด แต่ไม่เคยถึงขั้นโคลนต่างสายพันธุ์ ➡️ นักชีววิทยาเปรียบเทียบว่า “เหมือนมนุษย์มีลูกเป็นลิงชิมแปนซี แล้วใช้ลูกเหล่านั้นสร้างลูกผสมเพื่อทำงานบ้าน” ➡️ การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนิยามของ “สปีชีส์” ในชีววิทยา https://www.smithsonianmag.com/smart-news/these-ant-queens-seem-to-defy-biology-they-lay-eggs-that-hatch-into-another-species-180987292/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ-คุณแม่แตงโม" นำพยานหลักฐานสำคัญส่งมอบ ดีเอสไอ เป็นสำเนาศาลจังหวัดนนทบุรี เอาผิดบุคคลเกี่ยวข้อง ด้าน “พ.ต.ต.ณฐพล” ยันสำนวนคืบหน้า 90% อุบ จนท.รัฐ เอี่ยวหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087451

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "ปานเทพ-คุณแม่แตงโม" นำพยานหลักฐานสำคัญส่งมอบ ดีเอสไอ เป็นสำเนาศาลจังหวัดนนทบุรี เอาผิดบุคคลเกี่ยวข้อง ด้าน “พ.ต.ต.ณฐพล” ยันสำนวนคืบหน้า 90% อุบ จนท.รัฐ เอี่ยวหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087451 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศบ.ทก.ชี้ คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นหลักฐานสำคัญ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ขัดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กองทัพส่ง กต.เข้าที่ประชุม คกก.ออตตาวา ศุกร์นี้ ยันบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย เคยให้กัมพูชาพักพิงช่วงสงคราม กลับบิดเบือนบุกรุก ติดตั้งลวดหนามเป็นสิทธิในการปกป้อง-คุ้มครองคนไทย ไม่ให้รุกล้ำเพิ่มเติม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079326

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศบ.ทก.ชี้ คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นหลักฐานสำคัญ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ขัดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กองทัพส่ง กต.เข้าที่ประชุม คกก.ออตตาวา ศุกร์นี้ ยันบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย เคยให้กัมพูชาพักพิงช่วงสงคราม กลับบิดเบือนบุกรุก ติดตั้งลวดหนามเป็นสิทธิในการปกป้อง-คุ้มครองคนไทย ไม่ให้รุกล้ำเพิ่มเติม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079326 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทยเคลียร์พื้นที่ ภูมะเขือ พบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น พร้อมกระสุนและอาวุธอีกมาก หลังการสู้รบยุติ ชี้เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน

    ย่อข่าว..https://news1live.com/detail/9680000075686

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ทหารไทยเคลียร์พื้นที่ ภูมะเขือ พบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น พร้อมกระสุนและอาวุธอีกมาก หลังการสู้รบยุติ ชี้เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน ย่อข่าว..https://news1live.com/detail/9680000075686 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 740 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น

    ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย

    ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น:
    - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้
    - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ

    James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง  
    • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่  
    • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก

    ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b  
    • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)  
    • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)  
    • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล

    เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST  
    • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b  
    • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere

    คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย  
    • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว

    บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk”

    https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น: - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้ - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ ✅ James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง   • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่   • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก ✅ ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b   • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)   • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)   • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล ✅ เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST   • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b   • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere ✅ คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย   • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว ✅ บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk” https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Webb telescope discovers and photographs its first exoplanet
    They used Webb's mid-infrared instrument to suppress the overwhelming glare from the host star, revealing faint objects that would have been too dim to spot otherwise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์อาจต้อง ทบทวนทฤษฎีกำเนิดเอกภพ หลังจากงานวิจัยใหม่ชี้ว่า Cosmic Microwave Background (CMB) หรือ "แสงสะท้อน" จากบิ๊กแบง อาจไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์นั้นโดยตรง แต่มีแหล่งกำเนิดอื่น

    CMB เป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนทฤษฎีบิ๊กแบงมาตลอดหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb ชี้ว่า Early-Type Galaxies (ETGs) อาจเป็นแหล่งกำเนิดของรังสีนี้ ซึ่งหมายความว่า เอกภพอาจวิวัฒนาการเร็วกว่าที่เคยคิด

    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยนานกิงและมหาวิทยาลัยบอนน์ ใช้แบบจำลองใหม่เพื่อคำนวณว่า ETGs อาจมีส่วนในการสร้าง CMB ตั้งแต่ยุคแรกของเอกภพ ซึ่งอาจทำให้ต้องปรับปรุงโมเดลจักรวาลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

    ข้อมูลจากข่าว
    - CMB อาจไม่ได้มาจากบิ๊กแบงโดยตรง แต่เกิดจาก Early-Type Galaxies (ETGs)
    - ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb ชี้ว่า ETGs อาจมีอายุเก่ากว่าที่เคยคิด
    - นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนานกิงและมหาวิทยาลัยบอนน์ ใช้แบบจำลองใหม่เพื่อคำนวณผลกระทบของ ETGs ต่อ CMB
    - เอกภพอาจวิวัฒนาการเร็วกว่าที่เคยคิด ซึ่งอาจทำให้ต้องปรับปรุงโมเดลจักรวาล

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นต้น และต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม
    - อาจต้องมีการปรับปรุงทฤษฎีจักรวาล หากผลการศึกษานี้ได้รับการยืนยัน
    - CMB อาจมีหลายแหล่งกำเนิด ไม่ใช่เพียงแค่บิ๊กแบงหรือ ETGs
    - ต้องรอติดตามผลการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อดูว่าข้อมูลใหม่นี้จะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับเอกภพอย่างไร

    การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การปรับปรุงทฤษฎีจักรวาลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และอาจทำให้เราต้องมองเอกภพในมุมใหม่

    https://www.sciencealert.com/the-big-bangs-glowing-echo-may-be-something-else-entirely
    นักวิทยาศาสตร์อาจต้อง ทบทวนทฤษฎีกำเนิดเอกภพ หลังจากงานวิจัยใหม่ชี้ว่า Cosmic Microwave Background (CMB) หรือ "แสงสะท้อน" จากบิ๊กแบง อาจไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์นั้นโดยตรง แต่มีแหล่งกำเนิดอื่น CMB เป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนทฤษฎีบิ๊กแบงมาตลอดหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb ชี้ว่า Early-Type Galaxies (ETGs) อาจเป็นแหล่งกำเนิดของรังสีนี้ ซึ่งหมายความว่า เอกภพอาจวิวัฒนาการเร็วกว่าที่เคยคิด นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยนานกิงและมหาวิทยาลัยบอนน์ ใช้แบบจำลองใหม่เพื่อคำนวณว่า ETGs อาจมีส่วนในการสร้าง CMB ตั้งแต่ยุคแรกของเอกภพ ซึ่งอาจทำให้ต้องปรับปรุงโมเดลจักรวาลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - CMB อาจไม่ได้มาจากบิ๊กแบงโดยตรง แต่เกิดจาก Early-Type Galaxies (ETGs) - ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ James Webb ชี้ว่า ETGs อาจมีอายุเก่ากว่าที่เคยคิด - นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนานกิงและมหาวิทยาลัยบอนน์ ใช้แบบจำลองใหม่เพื่อคำนวณผลกระทบของ ETGs ต่อ CMB - เอกภพอาจวิวัฒนาการเร็วกว่าที่เคยคิด ซึ่งอาจทำให้ต้องปรับปรุงโมเดลจักรวาล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นต้น และต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม - อาจต้องมีการปรับปรุงทฤษฎีจักรวาล หากผลการศึกษานี้ได้รับการยืนยัน - CMB อาจมีหลายแหล่งกำเนิด ไม่ใช่เพียงแค่บิ๊กแบงหรือ ETGs - ต้องรอติดตามผลการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อดูว่าข้อมูลใหม่นี้จะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับเอกภพอย่างไร การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การปรับปรุงทฤษฎีจักรวาลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และอาจทำให้เราต้องมองเอกภพในมุมใหม่ https://www.sciencealert.com/the-big-bangs-glowing-echo-may-be-something-else-entirely
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    The Big Bang's Glowing 'Echo' May Be Something Else Entirely
    Part of the reason scientists have settled on the Big Bang theory as the best explanation of how the Universe came into being is because of an 'afterglow' it emits – but a new study suggests we may need to rethink the source of this faint radiation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายโจทก์ที่เอื้อเฟื้อจำเลย ตั้งแต่แรกๆ ยันวันพิพากษา สั่งฟ้องข้อหากากๆ ตัดพยานหลักฐานสำคัญ เหลือเฉพาะชี้นำเดินไปตกเรือเอง คำพูดที่ว่า "เสียชีวิตเอง" ควรออกจากปากทนายตุ๋ยของแซน มากกว่าทนายเดรัฐฉาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คดีแตงโม
    #ทนายตุ๋ย
    #นายแซน
    ทนายโจทก์ที่เอื้อเฟื้อจำเลย ตั้งแต่แรกๆ ยันวันพิพากษา สั่งฟ้องข้อหากากๆ ตัดพยานหลักฐานสำคัญ เหลือเฉพาะชี้นำเดินไปตกเรือเอง คำพูดที่ว่า "เสียชีวิตเอง" ควรออกจากปากทนายตุ๋ยของแซน มากกว่าทนายเดรัฐฉาน #คิงส์โพธิ์แดง #คดีแตงโม #ทนายตุ๋ย #นายแซน
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 สว. เขย่าหินผา กก.สืบคดีฮั้วเมินถูกร้อง : [NEWS UPDATE]

    ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ สว. 22 คน ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอมีคําสั่งให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หยุดสืบสวนสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. และให้ดําเนินคดีกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เนื่องจากร่วมกันดำเนินคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจตนเอง ไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะสืบสวนไต่สวน เนื่องจากยึดตามพยานหลักฐานสำคัญที่ปรากฏ ดำเนินการตามที่กฎหมายให้อำนาจ คือ เชิญ สว. กลุ่มแรกมารับทราบข้อกล่าวหา เปิดโอกาสให้ชี้แจง การถูกร้องเรียนดังกล่าวไม่ได้ทำให้คณะฯ หวั่นใจแต่อย่างใด

    -เปิดสภาวิสามัญถกงบ 2569

    -กรณีเลวร้าย"ทักษิณ"ยังรอด

    -เดินหน้ากระเช้าขึ้นภูกระดึง

    -พบเฟิร์นชนิดใหม่ของโลก
    22 สว. เขย่าหินผา กก.สืบคดีฮั้วเมินถูกร้อง : [NEWS UPDATE] ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ สว. 22 คน ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอมีคําสั่งให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หยุดสืบสวนสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. และให้ดําเนินคดีกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เนื่องจากร่วมกันดำเนินคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจตนเอง ไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะสืบสวนไต่สวน เนื่องจากยึดตามพยานหลักฐานสำคัญที่ปรากฏ ดำเนินการตามที่กฎหมายให้อำนาจ คือ เชิญ สว. กลุ่มแรกมารับทราบข้อกล่าวหา เปิดโอกาสให้ชี้แจง การถูกร้องเรียนดังกล่าวไม่ได้ทำให้คณะฯ หวั่นใจแต่อย่างใด -เปิดสภาวิสามัญถกงบ 2569 -กรณีเลวร้าย"ทักษิณ"ยังรอด -เดินหน้ากระเช้าขึ้นภูกระดึง -พบเฟิร์นชนิดใหม่ของโลก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1040 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116163210647289/?
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115608906647289/?
    ผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ในเด็ก
    https://childrenshealthdefense.org/wp-content/uploads/02-20-2020-Facts-about-HPV.pdf
    วัคซีนป้องกันไวรัส Gardasil HPV ดูเหมือนจะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มอายุที่ได้รับวัคซีน เช่นเดียวกับวัคซีน COVID ที่เพิ่มความเสี่ยงของ COVID ❗️❗️
    https://x.com/RobertKennedyJr/status/1618279143468306435?t=xz8ynSvBVa4atUraKqxh_Q&s=19
    https://t.co/WoqyxrRQya
    วัคซีนป้องกันไวรัส HPV มีอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนที่สูงที่สุด ไม่มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าวัคซีนป้องกันไวรัส HPV จะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
    มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าวัคซีนทำให้เกิดหรือมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ภาวะมีบุตรยาก
    https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=apFnO-o92obhiggFF7nqAw&s=19
    หากคุณกำลังคิดที่จะให้ลูกของคุณ ฉีดวัคซีน HPV (หูดหงอนไก่) คุณต้องดูวิดีโอนี้
    https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/77370
    คลิปการสัมภาษณ์ ดร. เชอรรี่ เทนเพนนี่ เรื่องวัคซีน HPV & วัคซีนในเด็ก
    https://fb.watch/xc2Iq0xYu4/?
    https://www.rookon.com/?p=1173
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122110664030647289/?
    คลิป 4 นาทีอธิบายเรื่องการสัมภาษณ์ในครั้งนี้
    https://vt.tiktok.com/ZSYCGuqoM/
    ข่าวเรื่องญี่ปุ่นประกาศไม่แนะนำว่าต้องฉีด HPV Vaccine หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556)
    http://sanevax.org/breaking-news-japan-and-hpv-vaccines/
    http://sanevax.org/hpv-vaccines-japan-requires-disclosure-of-side-effects/
    บทความทางวิชาการที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ที่ไม่ต้องการฉีด HPV Vaccine ในสหรัฐครับ(เข้าถึงเมื่อ 11 กันยายน 2556)
    http://pediatrics.aappublications.org/content/early/2013/03/12/peds.2012-2384.abstract
    Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง
    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=122200589258234582&set=a.122096260418234582&type=3
    เด็กในอินเดียถูกฉีดวัคซีน HPV 24,000 คน ตายทันที
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122110761038647289/?
    https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=apFnO-o92obhiggFF7nqAw&s=19
    ดร. พอล โธมัส เตือนว่า “จะมีผู้เสียชีวิตจากวัคซีน [HPV] มากกว่ามะเร็งปากมดลูกเสียอีก แค่ดูจำนวนงานวิจัย และจำนวนผู้เสียชีวิต ก็น่ากลัวมากแล้ว”
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122109699794647289/?
    คดีนี้เกี่ยวข้องกับการอ้างว่า Merck ให้ข้อมูลเกินจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน
    https://www.facebook.com/share/p/1G2MxNMeWm/
    มาดูคำตอบเมื่ออาจารย์หมออรรถพลถาม AI
    https://www.facebook.com/share/p/1AVyV3JELE/
    คดีนี้เกี่ยวข้องกับการอ้างว่า Merck ให้ข้อมูลเกินจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน
    https://www.facebook.com/share/p/1G2MxNMeWm/
    คุณรับได้ไหมกับผลลัพธ์หลังจากพาลูกไปรับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV
    ลูกสาว11ปีเสียชีวิตหลังฉีด
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108855318647289/?
    https://www.thairath.co.th/news/local/central/1921241
    ปวดหัวเป็นสัปดาห์หลังฉีดสุดท้ายเสียชีวิต พ่อแต่งกลอนอาลัยลูกสาว
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122107354964647289/?
    ลูกสาวเสียชีวิตทันทีหลังโรงเรียนพาหมอมาฉีด
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108861930647289/?
    นักเรียนไทย 11 ราย ได้รับผลกระทบทันที
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108858174647289/?
    เคสต่างประเทศ ลูกสาวเสียชีวิต
    https://www.facebook.com/332186880241439/photos/a.332188263574634/554864934640298/?type=3
    เคสต่างประเทศ โคม่า
    https://www.facebook.com/652558728/posts/10156341599408729/?
    เคสต่างประเทศ ชักกระตุกรุนแรง
    https://www.facebook.com/share/v/1AB8rFrmXA/
    เคสต่างประเทศ หลังฉีดทำให้ลูกชายพิการต่อมาฆ่าตัวตาย
    https://www.facebook.com/share/p/1CH5aU5TvM/

    ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ
    แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116163210647289/? https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115608906647289/? ✍️ผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ในเด็ก https://childrenshealthdefense.org/wp-content/uploads/02-20-2020-Facts-about-HPV.pdf ✍️ วัคซีนป้องกันไวรัส Gardasil HPV ดูเหมือนจะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มอายุที่ได้รับวัคซีน เช่นเดียวกับวัคซีน COVID ที่เพิ่มความเสี่ยงของ COVID ❗️❗️ https://x.com/RobertKennedyJr/status/1618279143468306435?t=xz8ynSvBVa4atUraKqxh_Q&s=19 https://t.co/WoqyxrRQya ✍️ วัคซีนป้องกันไวรัส HPV มีอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนที่สูงที่สุด ไม่มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าวัคซีนป้องกันไวรัส HPV จะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก ✍️มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าวัคซีนทำให้เกิดหรือมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ภาวะมีบุตรยาก https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=apFnO-o92obhiggFF7nqAw&s=19 ✍️หากคุณกำลังคิดที่จะให้ลูกของคุณ ฉีดวัคซีน HPV (หูดหงอนไก่) คุณต้องดูวิดีโอนี้ https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/77370 ✍️คลิปการสัมภาษณ์ ดร. เชอรรี่ เทนเพนนี่ เรื่องวัคซีน HPV & วัคซีนในเด็ก https://fb.watch/xc2Iq0xYu4/? https://www.rookon.com/?p=1173 https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122110664030647289/? คลิป 4 นาทีอธิบายเรื่องการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ https://vt.tiktok.com/ZSYCGuqoM/ ✍️ข่าวเรื่องญี่ปุ่นประกาศไม่แนะนำว่าต้องฉีด HPV Vaccine หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556) http://sanevax.org/breaking-news-japan-and-hpv-vaccines/ http://sanevax.org/hpv-vaccines-japan-requires-disclosure-of-side-effects/ ✍️บทความทางวิชาการที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ที่ไม่ต้องการฉีด HPV Vaccine ในสหรัฐครับ(เข้าถึงเมื่อ 11 กันยายน 2556) http://pediatrics.aappublications.org/content/early/2013/03/12/peds.2012-2384.abstract ✍️Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง https://www.facebook.com/photo.php?fbid=122200589258234582&set=a.122096260418234582&type=3 ✍️เด็กในอินเดียถูกฉีดวัคซีน HPV 24,000 คน ตายทันที https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122110761038647289/? https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=apFnO-o92obhiggFF7nqAw&s=19 ✍️ดร. พอล โธมัส เตือนว่า “จะมีผู้เสียชีวิตจากวัคซีน [HPV] มากกว่ามะเร็งปากมดลูกเสียอีก แค่ดูจำนวนงานวิจัย และจำนวนผู้เสียชีวิต ก็น่ากลัวมากแล้ว” https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122109699794647289/? ✍️คดีนี้เกี่ยวข้องกับการอ้างว่า Merck ให้ข้อมูลเกินจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน https://www.facebook.com/share/p/1G2MxNMeWm/ ✍️มาดูคำตอบเมื่ออาจารย์หมออรรถพลถาม AI https://www.facebook.com/share/p/1AVyV3JELE/ ✍️คดีนี้เกี่ยวข้องกับการอ้างว่า Merck ให้ข้อมูลเกินจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน https://www.facebook.com/share/p/1G2MxNMeWm/ ✍️คุณรับได้ไหมกับผลลัพธ์หลังจากพาลูกไปรับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV 🍎ลูกสาว11ปีเสียชีวิตหลังฉีด https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108855318647289/? https://www.thairath.co.th/news/local/central/1921241 🍎ปวดหัวเป็นสัปดาห์หลังฉีดสุดท้ายเสียชีวิต พ่อแต่งกลอนอาลัยลูกสาว https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122107354964647289/? 🍎ลูกสาวเสียชีวิตทันทีหลังโรงเรียนพาหมอมาฉีด https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108861930647289/? 🍎นักเรียนไทย 11 ราย ได้รับผลกระทบทันที https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122108858174647289/? 🍎เคสต่างประเทศ ลูกสาวเสียชีวิต https://www.facebook.com/332186880241439/photos/a.332188263574634/554864934640298/?type=3 🍎เคสต่างประเทศ โคม่า https://www.facebook.com/652558728/posts/10156341599408729/? 🍎เคสต่างประเทศ ชักกระตุกรุนแรง https://www.facebook.com/share/v/1AB8rFrmXA/ 🍎เคสต่างประเทศ หลังฉีดทำให้ลูกชายพิการต่อมาฆ่าตัวตาย https://www.facebook.com/share/p/1CH5aU5TvM/ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1063 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหว ตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต 63 สูญหาย 31 ดีเอสไอเข้าตรวจเอกสาร 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานสำคัญ มัดนอมินีสร้างตึก สตง. ส่วน กทม. เผยผลรื้อโครงสร้างอาคารระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 แล้ว เตรียมถอนรถจอมมารบูออกจากพื้นที่ แล้วเสริมแบคโฮหัวกระแทกแทน คาด พ.ค.นี้ เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039726

    ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหว ตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต 63 สูญหาย 31 ดีเอสไอเข้าตรวจเอกสาร 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานสำคัญ มัดนอมินีสร้างตึก สตง. ส่วน กทม. เผยผลรื้อโครงสร้างอาคารระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 แล้ว เตรียมถอนรถจอมมารบูออกจากพื้นที่ แล้วเสริมแบคโฮหัวกระแทกแทน คาด พ.ค.นี้ เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039726
    Sad
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1323 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหว ตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต 63 สูญหาย 31 ดีเอสไอเข้าตรวจเอกสาร 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานสำคัญ มัดนอมินีสร้างตึก สตง. ส่วน กทม. เผยผลรื้อโครงสร้างอาคารระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 แล้ว เตรียมถอนรถจอมมารบูออกจากพื้นที่ แล้วเสริมแบคโฮหัวกระแทกแทน คาด พ.ค.นี้ เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039726

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหว ตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต 63 สูญหาย 31 ดีเอสไอเข้าตรวจเอกสาร 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานสำคัญ มัดนอมินีสร้างตึก สตง. ส่วน กทม. เผยผลรื้อโครงสร้างอาคารระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 แล้ว เตรียมถอนรถจอมมารบูออกจากพื้นที่ แล้วเสริมแบคโฮหัวกระแทกแทน คาด พ.ค.นี้ เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039726 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1321 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020

    ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1408 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #สตง #ดีเอสไอ #ปานเทพ
    ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #สตง #ดีเอสไอ #ปานเทพ
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #สตง #ดีเอสไอ #ปานเทพ
    ”อ.ปานเทพ“ พา อดีตข้าราชการ สตง. เคยรับใช้ผู้บริหาร เข้าพบ ดีเอสไอ นำหลักฐานสำคัญ "คลิปเสียง-คลิปวิดีโอ" พฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038020 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #สตง #ดีเอสไอ #ปานเทพ
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1729 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts