• เล่าให้ฟังใหม่: เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรูของสมองผู้สูงวัยอีกต่อไป — กลับกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง

    หลายสิบปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำเตือนว่าเทคโนโลยี โดยเฉพาะหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิทัล อาจทำลายสมองของเรา เกิดภาวะ “digital dementia” โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น แต่เมื่อกลุ่มผู้สูงวัยยุคแรกที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าสู่วัยที่ความจำเริ่มถดถอย นักวิจัยกลับพบสิ่งที่ตรงกันข้าม

    การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต หรือคอมพิวเตอร์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและความบกพร่องทางความคิดในผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 411,000 คน พบว่าเกือบ 90% ของงานวิจัยชี้ว่าเทคโนโลยีมีผลเชิงบวกต่อสมอง

    เหตุผลหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีต้องอาศัยการเรียนรู้ใหม่ การปรับตัว และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นสมองอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงวัยเชื่อมโยงกับสังคม ลดความโดดเดี่ยว และใช้แอปต่าง ๆ เพื่อชดเชยความจำที่ลดลง เช่น การตั้งเตือน การจัดการการเงิน หรือการสื่อสารกับครอบครัว

    แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่าเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบทั้งหมด และยังมีความเสี่ยง เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเสพติดหน้าจอ หรือการแทนที่กิจกรรมที่ดีต่อสมอง เช่น การออกกำลังกาย

    การใช้เทคโนโลยีในผู้สูงวัยช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม
    พบจากการวิเคราะห์ 57 งานวิจัย รวมกว่า 411,000 คน

    ผู้ใช้เทคโนโลยีมีผลการทดสอบความคิดดีกว่าผู้ที่หลีกเลี่ยง
    แม้ควบคุมปัจจัยด้านสุขภาพ การศึกษา และรายได้แล้ว

    การใช้เทคโนโลยีเป็นการฝึกสมองผ่านความท้าทายใหม่ ๆ
    เช่น การเรียนรู้ระบบใหม่ การแก้ปัญหา และการปรับตัว

    เทคโนโลยีช่วยสร้าง “technological reserve” คล้ายกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
    เป็นปัจจัยป้องกันสมองเสื่อมแบบใหม่

    แอปและอุปกรณ์ช่วยชดเชยความจำ เช่น การตั้งเตือนหรือจัดการการเงิน
    ส่งผลให้ผู้สูงวัยยังคงความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน

    การเชื่อมโยงกับสังคมผ่านเทคโนโลยีช่วยลดความโดดเดี่ยว
    ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/how-older-people-are-reaping-brain-benefits-from-new-tech
    🧠📱 เล่าให้ฟังใหม่: เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรูของสมองผู้สูงวัยอีกต่อไป — กลับกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง หลายสิบปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำเตือนว่าเทคโนโลยี โดยเฉพาะหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิทัล อาจทำลายสมองของเรา เกิดภาวะ “digital dementia” โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น แต่เมื่อกลุ่มผู้สูงวัยยุคแรกที่เติบโตมากับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าสู่วัยที่ความจำเริ่มถดถอย นักวิจัยกลับพบสิ่งที่ตรงกันข้าม การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต หรือคอมพิวเตอร์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและความบกพร่องทางความคิดในผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 411,000 คน พบว่าเกือบ 90% ของงานวิจัยชี้ว่าเทคโนโลยีมีผลเชิงบวกต่อสมอง เหตุผลหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีต้องอาศัยการเรียนรู้ใหม่ การปรับตัว และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นสมองอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงวัยเชื่อมโยงกับสังคม ลดความโดดเดี่ยว และใช้แอปต่าง ๆ เพื่อชดเชยความจำที่ลดลง เช่น การตั้งเตือน การจัดการการเงิน หรือการสื่อสารกับครอบครัว แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่าเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบทั้งหมด และยังมีความเสี่ยง เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเสพติดหน้าจอ หรือการแทนที่กิจกรรมที่ดีต่อสมอง เช่น การออกกำลังกาย ✅ การใช้เทคโนโลยีในผู้สูงวัยช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม ➡️ พบจากการวิเคราะห์ 57 งานวิจัย รวมกว่า 411,000 คน ✅ ผู้ใช้เทคโนโลยีมีผลการทดสอบความคิดดีกว่าผู้ที่หลีกเลี่ยง ➡️ แม้ควบคุมปัจจัยด้านสุขภาพ การศึกษา และรายได้แล้ว ✅ การใช้เทคโนโลยีเป็นการฝึกสมองผ่านความท้าทายใหม่ ๆ ➡️ เช่น การเรียนรู้ระบบใหม่ การแก้ปัญหา และการปรับตัว ✅ เทคโนโลยีช่วยสร้าง “technological reserve” คล้ายกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ➡️ เป็นปัจจัยป้องกันสมองเสื่อมแบบใหม่ ✅ แอปและอุปกรณ์ช่วยชดเชยความจำ เช่น การตั้งเตือนหรือจัดการการเงิน ➡️ ส่งผลให้ผู้สูงวัยยังคงความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ✅ การเชื่อมโยงกับสังคมผ่านเทคโนโลยีช่วยลดความโดดเดี่ยว ➡️ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/14/how-older-people-are-reaping-brain-benefits-from-new-tech
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How older people are reaping brain benefits from new tech
    Overuse of digital gadgets harms teenagers, research suggests. But ubiquitous technology may be helping older Americans stay sharp.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรเปิดก่อนอีกแล้วชัดเจนมาก.
    เอามาวางทางเดินเราปกติและในฝั่งไทยด้วย,
    ..เปิดก่อนแบบนี้ต้องจัดหนัก.,สันดานทหารเขมรจ่งไว้เฮ็ดหยัง!!!!,ปุ๋ยอย่างเดียว ,จบฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,ถ้าฝ่ายต่อต้านฮุนเซนไม่รีบยึดอำนาจ จะไม่มีคนเขมรใดมีอำนาจปกครองเขมรอีกต่อไป,เพราะไทย ลาว เวียดนาม จะทำลายประเทศเขมรนี้ให้สิ้นซากสิ้นประเทศทันที,กฐินสามัคคีที่ใครๆก็จองมาลงที่เขมร.เวลาของคนเขมรใกล้หมดแล้ว,เรา..คนไทยไม่สามารถให้อภัยคนสันดานหยาบหนามึนแบบเขมรได้จริงๆ,สื่ออย่าปกป้องประชาชนเขมรอ้างเป็นผู้บริสุทธิ์เลย,ก็คนประเทศเขมรทั้งหมดกระทำต่อคนไทยตลอดเรื่อยมาก่อนเกิดสงคราม,สนับสนุนทหารเขมรตนมายึดครองประเทศไทยแบบอีสานทั้งภาคโน้นก่อนจึงขยายยึดทั้งประเทศ,เน็ตก่อนสงครามในเขมรยังไม่ถูกตัดด้วย,การแยกแยะถูกผิดดีเลวชั่วควรมีสติสำนึกแล้วในตอนนั้น,แม้ระหว่างสงครามที่เปืดก่อนใส่ไทย ประชาชนเขมรแม้ในไทยเองเกือบทั้งหมดที่ทำงานบนแผ่นดินไทยต่างเชียร์และสนับสนุนทหารเขมรตนเกิน100%ทุกๆคนให้ยึดประเทศโจรไทยนี้ให้ได้มันว่า,ที่แสดงออกปัจจุบันตอแหลหลอกลวงหมด แสดงความน่าสงสารเห็นใจออกมาเพราะตนแพ้การสู้รบนี้เท่านั้น ถ้ามันชนะสิจะพลิกมาเหยียบคนไทยทันที,คนไทยอย่าลืมสันดานเขมรเด็ดขาด,ทรยศไม่ซื่อหักหลังเนรคุณตัวจริงคือคนเขมร,คนเขมรจริงๆต้องออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที,ส่วนจะไปอยู่ไหน มาเลย์ อเมริกา ลาว เวียดนามพม่า ก็ไปเลยแต่อย่างยืนอยู่ประเทศไทย,ในระยะเวลา10-20ปีนี้ ปิดด่านถาวรจริงทั้งหมดที่เชื่อมเขมร ตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมด,กรณียังไม่ยึดประเทศเขมร จัดสรรพื้นที่เขมรใหม่ลบชื่อเขมรออกจากอาเชียนและแผนที่โลก,แบ่งพื้นที่กับลาวกับเวียดนามนั่นเอง.
    ..เขมรมิใช่สมบัติที่เราคนรุ่นเราจะยกความเป็นภัยรุกรานคุกคามประเทศไทยเราหรือสงครามไทยกับเขมรโดยมีต่างชาติต่างประเทศอยู่เบื้องหลังสร้างหายนะสู่คนไทยรุ่นลูกรุ่นหลานเราต่อไปไม่จบสิ้นสักที,มันต้องจบที่รุ่นเราจริงๆ,

    https://youtube.com/watch?v=6yEdJpzy1sI&si=1xY1A5PUgXGprds1
    เขมรเปิดก่อนอีกแล้วชัดเจนมาก. เอามาวางทางเดินเราปกติและในฝั่งไทยด้วย, ..เปิดก่อนแบบนี้ต้องจัดหนัก.,สันดานทหารเขมรจ่งไว้เฮ็ดหยัง!!!!,ปุ๋ยอย่างเดียว ,จบฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,ถ้าฝ่ายต่อต้านฮุนเซนไม่รีบยึดอำนาจ จะไม่มีคนเขมรใดมีอำนาจปกครองเขมรอีกต่อไป,เพราะไทย ลาว เวียดนาม จะทำลายประเทศเขมรนี้ให้สิ้นซากสิ้นประเทศทันที,กฐินสามัคคีที่ใครๆก็จองมาลงที่เขมร.เวลาของคนเขมรใกล้หมดแล้ว,เรา..คนไทยไม่สามารถให้อภัยคนสันดานหยาบหนามึนแบบเขมรได้จริงๆ,สื่ออย่าปกป้องประชาชนเขมรอ้างเป็นผู้บริสุทธิ์เลย,ก็คนประเทศเขมรทั้งหมดกระทำต่อคนไทยตลอดเรื่อยมาก่อนเกิดสงคราม,สนับสนุนทหารเขมรตนมายึดครองประเทศไทยแบบอีสานทั้งภาคโน้นก่อนจึงขยายยึดทั้งประเทศ,เน็ตก่อนสงครามในเขมรยังไม่ถูกตัดด้วย,การแยกแยะถูกผิดดีเลวชั่วควรมีสติสำนึกแล้วในตอนนั้น,แม้ระหว่างสงครามที่เปืดก่อนใส่ไทย ประชาชนเขมรแม้ในไทยเองเกือบทั้งหมดที่ทำงานบนแผ่นดินไทยต่างเชียร์และสนับสนุนทหารเขมรตนเกิน100%ทุกๆคนให้ยึดประเทศโจรไทยนี้ให้ได้มันว่า,ที่แสดงออกปัจจุบันตอแหลหลอกลวงหมด แสดงความน่าสงสารเห็นใจออกมาเพราะตนแพ้การสู้รบนี้เท่านั้น ถ้ามันชนะสิจะพลิกมาเหยียบคนไทยทันที,คนไทยอย่าลืมสันดานเขมรเด็ดขาด,ทรยศไม่ซื่อหักหลังเนรคุณตัวจริงคือคนเขมร,คนเขมรจริงๆต้องออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที,ส่วนจะไปอยู่ไหน มาเลย์ อเมริกา ลาว เวียดนามพม่า ก็ไปเลยแต่อย่างยืนอยู่ประเทศไทย,ในระยะเวลา10-20ปีนี้ ปิดด่านถาวรจริงทั้งหมดที่เชื่อมเขมร ตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมด,กรณียังไม่ยึดประเทศเขมร จัดสรรพื้นที่เขมรใหม่ลบชื่อเขมรออกจากอาเชียนและแผนที่โลก,แบ่งพื้นที่กับลาวกับเวียดนามนั่นเอง. ..เขมรมิใช่สมบัติที่เราคนรุ่นเราจะยกความเป็นภัยรุกรานคุกคามประเทศไทยเราหรือสงครามไทยกับเขมรโดยมีต่างชาติต่างประเทศอยู่เบื้องหลังสร้างหายนะสู่คนไทยรุ่นลูกรุ่นหลานเราต่อไปไม่จบสิ้นสักที,มันต้องจบที่รุ่นเราจริงๆ, https://youtube.com/watch?v=6yEdJpzy1sI&si=1xY1A5PUgXGprds1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยตกเป็นเหยื่อออนไลน์: กลโกงใหม่ที่คุณต้องรู้ทัน

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต การหลอกลวงออนไลน์กลายเป็นภัยเงียบที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้คนโดยไม่รู้ตัว จากการสำรวจล่าสุดโดย Pew Research Center พบว่า 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยเผชิญกับการหลอกลวงออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิต ซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้รับสินค้า หรือถูกโจมตีด้วย ransomware

    ที่น่าตกใจคือ คนวัยทำงานอายุ 18–59 ปีกลับมีแนวโน้มเสียเงินจากการหลอกลวงมากกว่าผู้สูงอายุถึง 34% โดยกลโกงที่พบมากที่สุดในกลุ่มนี้คือโฆษณาหลอกลวงในโซเชียลมีเดีย งานปลอม และการลงทุนปลอม

    กลโกงใหม่ที่กำลังระบาดคือ “การเชิญประชุมปลอม” ผ่าน Google หรือ Outlook Calendar ที่แฮกเกอร์ส่งลิงก์ปลอมมาให้โดยไม่ต้องได้รับการตอบรับ เมื่อคลิกเข้าไป ผู้ใช้จะถูกนำไปยังเว็บปลอมที่ดูเหมือน Zoom หรือถูกหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์

    อีกหนึ่งกลโกงคือการโจมตีผ่านแอปยืนยันตัวตน (MFA) ที่ส่งการแจ้งเตือนซ้ำ ๆ จนผู้ใช้เผลอกดอนุมัติโดยไม่ตั้งใจ และสุดท้ายคือไฟล์แนบ HTML ที่แฝงโค้ดอันตรายไว้ในอีเมลที่ดูเหมือนมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้

    73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยถูกหลอกลวงออนไลน์
    รูปแบบที่พบบ่อยคือบัตรเครดิต, ซื้อของออนไลน์, ransomware

    32% เคยถูกหลอกลวงภายในปีที่ผ่านมา
    ส่วนใหญ่ผ่านอีเมล, ข้อความ หรือโทรศัพท์

    คนอายุ 18–59 ปีมีแนวโน้มเสียเงินจากการหลอกลวงมากกว่าผู้สูงอายุ
    โดยเฉพาะจากโฆษณาในโซเชียลมีเดีย, งานปลอม และการลงทุนปลอม

    กลโกงใหม่ผ่าน Calendar Invite ปลอม
    ลิงก์ปลอมที่ดูเหมือน Zoom หรืออัปเดตซอฟต์แวร์

    MFA scam ส่งแจ้งเตือนซ้ำ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้เผลอกดอนุมัติ
    มักเกิดกับแอปที่ใช้การแจ้งเตือนแบบ “approve”

    ไฟล์แนบ HTML ในอีเมลสามารถฝังมัลแวร์หรือเปิดเว็บปลอม
    ใช้ชื่อบริการที่คุ้นเคยเพื่อหลอกให้คลิก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/13/at-least-73-of-us-adults-have-fallen-for-online-scams-how-you-can-avoid-the-latest-con
    🕵️‍♀️📱 เมื่อ 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยตกเป็นเหยื่อออนไลน์: กลโกงใหม่ที่คุณต้องรู้ทัน ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต การหลอกลวงออนไลน์กลายเป็นภัยเงียบที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้คนโดยไม่รู้ตัว จากการสำรวจล่าสุดโดย Pew Research Center พบว่า 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยเผชิญกับการหลอกลวงออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิต ซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้รับสินค้า หรือถูกโจมตีด้วย ransomware ที่น่าตกใจคือ คนวัยทำงานอายุ 18–59 ปีกลับมีแนวโน้มเสียเงินจากการหลอกลวงมากกว่าผู้สูงอายุถึง 34% โดยกลโกงที่พบมากที่สุดในกลุ่มนี้คือโฆษณาหลอกลวงในโซเชียลมีเดีย งานปลอม และการลงทุนปลอม กลโกงใหม่ที่กำลังระบาดคือ “การเชิญประชุมปลอม” ผ่าน Google หรือ Outlook Calendar ที่แฮกเกอร์ส่งลิงก์ปลอมมาให้โดยไม่ต้องได้รับการตอบรับ เมื่อคลิกเข้าไป ผู้ใช้จะถูกนำไปยังเว็บปลอมที่ดูเหมือน Zoom หรือถูกหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์ อีกหนึ่งกลโกงคือการโจมตีผ่านแอปยืนยันตัวตน (MFA) ที่ส่งการแจ้งเตือนซ้ำ ๆ จนผู้ใช้เผลอกดอนุมัติโดยไม่ตั้งใจ และสุดท้ายคือไฟล์แนบ HTML ที่แฝงโค้ดอันตรายไว้ในอีเมลที่ดูเหมือนมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ✅ 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เคยถูกหลอกลวงออนไลน์ ➡️ รูปแบบที่พบบ่อยคือบัตรเครดิต, ซื้อของออนไลน์, ransomware ✅ 32% เคยถูกหลอกลวงภายในปีที่ผ่านมา ➡️ ส่วนใหญ่ผ่านอีเมล, ข้อความ หรือโทรศัพท์ ✅ คนอายุ 18–59 ปีมีแนวโน้มเสียเงินจากการหลอกลวงมากกว่าผู้สูงอายุ ➡️ โดยเฉพาะจากโฆษณาในโซเชียลมีเดีย, งานปลอม และการลงทุนปลอม ✅ กลโกงใหม่ผ่าน Calendar Invite ปลอม ➡️ ลิงก์ปลอมที่ดูเหมือน Zoom หรืออัปเดตซอฟต์แวร์ ✅ MFA scam ส่งแจ้งเตือนซ้ำ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้เผลอกดอนุมัติ ➡️ มักเกิดกับแอปที่ใช้การแจ้งเตือนแบบ “approve” ✅ ไฟล์แนบ HTML ในอีเมลสามารถฝังมัลแวร์หรือเปิดเว็บปลอม ➡️ ใช้ชื่อบริการที่คุ้นเคยเพื่อหลอกให้คลิก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/13/at-least-73-of-us-adults-have-fallen-for-online-scams-how-you-can-avoid-the-latest-con
    WWW.THESTAR.COM.MY
    At least 73% of US adults have fallen for online scams. How you can avoid the latest con
    Scammers are constantly finding new ways to lure you into unknowingly giving up your personal information and the calendar connected to your email account is one of them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย.
    #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย.


    รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ
    รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!!

    เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง
    และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย
    บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้
    เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…”

    ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State"
    จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น
    เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

    ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี
    ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร
    และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่

    พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome
    ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก)
    และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati
    ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด
    ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT,
    ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ
    และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง,
    ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป
    และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร
    คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street,
    Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase
    บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก
    และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock
    ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก
    และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น
    อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น
    พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง!

    ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต
    ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย
    พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor
    ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ

    ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
    การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์
    นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต
    ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง"
    หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง
    แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา
    การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ
    เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ



    พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา
    พวกเขา มีคนดังมากมาย
    พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล
    พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ
    พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง
    พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน
    พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด
    พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง
    พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street
    พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา
    พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ
    พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา
    พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา
    พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ
    พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง
    พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา
    พวกเขา มีเงินมากกว่า
    พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ
    พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย
    พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล
    พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
    พวกเขา ควบคุม Google
    พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ
    พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง
    พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี
    อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา
    พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์

    พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้

    #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย. #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย. รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!! เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้ เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…” ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State" จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่ พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก) และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT, ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง, ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street, Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง! ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์ นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง" หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา พวกเขา มีคนดังมากมาย พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา พวกเขา มีเงินมากกว่า พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ พวกเขา ควบคุม Google พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์ พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด

    ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ

    แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว

    CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้

    เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ

    สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน

    Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin
    เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า

    CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง
    กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020
    คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230

    ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน
    แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง

    Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด
    Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน

    CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล
    ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว

    FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก

    Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง
    เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่

    Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว
    แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด

    นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี
    เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง

    https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    🎭💸 เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้ เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน ✅ Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin ➡️ เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า ✅ CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง ➡️ กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ ✅ Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020 ➡️ คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ✅ ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน ➡️ แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง ✅ Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด ➡️ Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน ✅ CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล ➡️ ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว ✅ FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน ➡️ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก ✅ Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง ➡️ เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่ ✅ Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว ➡️ แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด ✅ นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี ➡️ เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    WCCFTECH.COM
    CBS Unmasks Bitcoin Scams Using Deepfake Steve Wozniak, Accidentally Showcases Disney Animatronic, Exposing the Growing Digital Identity Fraud Threat
    Steve Wozniak shared about internet scammers and deepfakes on CBS only to have the news outlet feature a fake image of him.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด

    ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน

    ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย

    นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง

    พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด
    ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว
    เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย

    บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456”
    ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

    ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย
    เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม

    ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี
    รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security
    เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    🧠💥 เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง ✅ พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ➡️ ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ ✅ ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว ➡️ เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย ✅ บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456” ➡️ ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ✅ ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย ➡️ เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม ✅ ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี ➡️ รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security ➡️ เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากหน้าบ้าน: เมื่อกล่องปริศนาอาจเป็นกับดักไซเบอร์จาก QR Code

    ลองจินตนาการว่าคุณกลับบ้านมาแล้วพบกล่องพัสดุวางอยู่หน้าประตู โดยไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีใบเสร็จ และไม่มีใครในบ้านสั่งของนั้น แต่บนกล่องกลับมี QR code ขนาดใหญ่พร้อมข้อความเชิญชวนให้สแกนเพื่อ “ยืนยันการรับสินค้า” หรือ “รับส่วนลดพิเศษ” — นี่คือรูปแบบใหม่ของกลโกงที่ FBI เตือนว่าอันตรายมาก

    กลโกงนี้เป็นวิวัฒนาการจาก “brushing scam” ที่ผู้ขายออนไลน์ส่งสินค้าราคาถูกไปยังที่อยู่สุ่ม แล้วใช้ชื่อผู้รับในการเขียนรีวิวปลอมเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่เวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่า “quishing” นั้นร้ายแรงกว่า เพราะ QR code บนกล่องสามารถพาคุณไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ขอข้อมูลส่วนตัว หรือแย่กว่านั้น — ติดตั้งมัลแวร์ลงในมือถือของคุณทันทีที่สแกน

    FBI ระบุว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สงสัยอะไรและสแกน QR code ทันที กล่องเหล่านี้มักไม่มีข้อมูลผู้ส่ง เพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของผู้รับ และเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม ผู้ใช้จะถูกหลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หรืออนุญาตให้เข้าถึงโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว

    FBI เตือนประชาชนเกี่ยวกับกลโกงใหม่ที่ใช้ QR code บนพัสดุที่ไม่ได้สั่ง
    เรียกว่า “quishing” เป็นการหลอกให้สแกน QR เพื่อขโมยข้อมูล

    กลโกงนี้เป็นวิวัฒนาการจาก “brushing scam” ที่ใช้ชื่อผู้รับในการรีวิวปลอม
    แต่เวอร์ชันใหม่มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวและการเงิน

    เมื่อสแกน QR code อาจถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ขอข้อมูลบัตรเครดิต
    หรือดาวน์โหลดมัลแวร์ลงในมือถือทันที

    กล่องมักไม่มีข้อมูลผู้ส่ง เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับสแกนด้วยความสงสัย
    เป็นเทคนิคจิตวิทยาเพื่อเพิ่มโอกาสในการหลอกลวง

    FBI แนะนำให้รายงานเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านเว็บไซต์ IC3.gov
    พร้อมตรวจสอบบัญชีออนไลน์และขอรายงานเครดิตฟรีจาก Experian, Equifax, TransUnion

    QR code เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันทั่วไปในร้านอาหาร การตลาด และการชำระเงิน
    ทำให้ผู้ใช้คุ้นเคยและไม่ระวังเมื่อเห็น QR code บนกล่องพัสดุ

    การสแกน QR code เปรียบเสมือนการคลิกลิงก์ โดยไม่สามารถเห็น URL ล่วงหน้า
    ต่างจากลิงก์ที่สามารถตรวจสอบปลายทางก่อนคลิก

    โทรศัพท์มือถือมักไม่มีระบบป้องกันมัลแวร์เท่ากับคอมพิวเตอร์
    ทำให้เป็นเป้าหมายหลักของกลโกงแบบ quishing

    66% ของผู้ใช้เคยสแกน QR code เพื่อซื้อสินค้าโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัย
    เพิ่มความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/09/fbi-warning-danger-could-be-arriving-at-your-door-in-an-unlikely-package
    📦📲 เรื่องเล่าจากหน้าบ้าน: เมื่อกล่องปริศนาอาจเป็นกับดักไซเบอร์จาก QR Code ลองจินตนาการว่าคุณกลับบ้านมาแล้วพบกล่องพัสดุวางอยู่หน้าประตู โดยไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีใบเสร็จ และไม่มีใครในบ้านสั่งของนั้น แต่บนกล่องกลับมี QR code ขนาดใหญ่พร้อมข้อความเชิญชวนให้สแกนเพื่อ “ยืนยันการรับสินค้า” หรือ “รับส่วนลดพิเศษ” — นี่คือรูปแบบใหม่ของกลโกงที่ FBI เตือนว่าอันตรายมาก กลโกงนี้เป็นวิวัฒนาการจาก “brushing scam” ที่ผู้ขายออนไลน์ส่งสินค้าราคาถูกไปยังที่อยู่สุ่ม แล้วใช้ชื่อผู้รับในการเขียนรีวิวปลอมเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่เวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่า “quishing” นั้นร้ายแรงกว่า เพราะ QR code บนกล่องสามารถพาคุณไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ขอข้อมูลส่วนตัว หรือแย่กว่านั้น — ติดตั้งมัลแวร์ลงในมือถือของคุณทันทีที่สแกน FBI ระบุว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สงสัยอะไรและสแกน QR code ทันที กล่องเหล่านี้มักไม่มีข้อมูลผู้ส่ง เพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของผู้รับ และเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม ผู้ใช้จะถูกหลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หรืออนุญาตให้เข้าถึงโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว ✅ FBI เตือนประชาชนเกี่ยวกับกลโกงใหม่ที่ใช้ QR code บนพัสดุที่ไม่ได้สั่ง ➡️ เรียกว่า “quishing” เป็นการหลอกให้สแกน QR เพื่อขโมยข้อมูล ✅ กลโกงนี้เป็นวิวัฒนาการจาก “brushing scam” ที่ใช้ชื่อผู้รับในการรีวิวปลอม ➡️ แต่เวอร์ชันใหม่มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวและการเงิน ✅ เมื่อสแกน QR code อาจถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ขอข้อมูลบัตรเครดิต ➡️ หรือดาวน์โหลดมัลแวร์ลงในมือถือทันที ✅ กล่องมักไม่มีข้อมูลผู้ส่ง เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับสแกนด้วยความสงสัย ➡️ เป็นเทคนิคจิตวิทยาเพื่อเพิ่มโอกาสในการหลอกลวง ✅ FBI แนะนำให้รายงานเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านเว็บไซต์ IC3.gov ➡️ พร้อมตรวจสอบบัญชีออนไลน์และขอรายงานเครดิตฟรีจาก Experian, Equifax, TransUnion ✅ QR code เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันทั่วไปในร้านอาหาร การตลาด และการชำระเงิน ➡️ ทำให้ผู้ใช้คุ้นเคยและไม่ระวังเมื่อเห็น QR code บนกล่องพัสดุ ✅ การสแกน QR code เปรียบเสมือนการคลิกลิงก์ โดยไม่สามารถเห็น URL ล่วงหน้า ➡️ ต่างจากลิงก์ที่สามารถตรวจสอบปลายทางก่อนคลิก ✅ โทรศัพท์มือถือมักไม่มีระบบป้องกันมัลแวร์เท่ากับคอมพิวเตอร์ ➡️ ทำให้เป็นเป้าหมายหลักของกลโกงแบบ quishing ✅ 66% ของผู้ใช้เคยสแกน QR code เพื่อซื้อสินค้าโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัย ➡️ เพิ่มความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/09/fbi-warning-danger-could-be-arriving-at-your-door-in-an-unlikely-package
    WWW.THESTAR.COM.MY
    FBI warning: Danger could be arriving at your door in an unlikely package
    Scanning a bogus QR code can give scammers access to your contacts or send you to a fake payment portal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: GreedyBear กับแผนโจรกรรมคริปโตระดับอุตสาหกรรม

    ในโลกที่คริปโตกลายเป็นสินทรัพย์ยอดนิยม กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ก็ไม่พลาดที่จะตามกระแส ล่าสุดมีการเปิดโปงแคมเปญชื่อว่า “GreedyBear” ซึ่งขโมยเงินคริปโตไปแล้วกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีโจมตีแบบสามชั้นที่ซับซ้อนและอันตราย

    กลุ่มนี้เริ่มจากการสร้างส่วนขยายปลอมใน Firefox Marketplace มากกว่า 150 รายการ โดยปลอมเป็นกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น MetaMask, TronLink, Exodus และ Rabby Wallet พวกเขาใช้เทคนิค “Extension Hollowing” คืออัปโหลดส่วนขยายที่ดูปลอดภัยก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อ ไอคอน และฝังโค้ดอันตรายเข้าไปภายหลัง โดยยังคงรีวิวดี ๆ ไว้เหมือนเดิม

    นอกจากนั้น GreedyBear ยังปล่อยมัลแวร์กว่า 500 ตัวผ่านเว็บไซต์แจกโปรแกรมเถื่อน โดยมีทั้ง credential stealers และ ransomware ที่ล็อกไฟล์และเรียกค่าไถ่เป็นคริปโต และสุดท้ายคือการสร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนบริการกระเป๋าคริปโตหรือเครื่องมือซ่อมกระเป๋า เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ

    ทั้งหมดนี้ถูกควบคุมผ่านเซิร์ฟเวอร์เดียว (IP: 185.208.156.66) ซึ่งทำให้การจัดการแคมเปญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีหลักฐานว่าใช้โค้ดที่สร้างด้วย AI เพื่อเร่งการโจมตีและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว

    GreedyBear เป็นแคมเปญอาชญากรรมไซเบอร์ที่ขโมยคริปโตไปแล้วกว่า $1 ล้าน
    ใช้วิธีโจมตีหลายรูปแบบพร้อมกัน

    มีส่วนขยายปลอมใน Firefox Marketplace มากกว่า 150 รายการ
    ปลอมเป็นกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น MetaMask, TronLink, Exodus

    ใช้เทคนิค Extension Hollowing เพื่อหลบการตรวจสอบ
    อัปโหลดส่วนขยายปลอดภัยก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอันตราย

    ปล่อยมัลแวร์กว่า 500 ตัวผ่านเว็บไซต์แจกโปรแกรมเถื่อน
    มีทั้ง LummaStealer และ Luca Stealer ที่เน้นขโมยข้อมูลคริปโต

    สร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนบริการกระเป๋าคริปโตหรือซ่อมกระเป๋า
    หลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase และ private key

    ทุกการโจมตีเชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์เดียว (185.208.156.66)
    ใช้เป็นศูนย์กลางควบคุมและเก็บข้อมูล

    มีการใช้โค้ดที่สร้างด้วย AI เพื่อเร่งการโจมตี
    ทำให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้รวดเร็วและหลบหลีกการป้องกัน

    Extension Hollowing เป็นเทคนิคที่เริ่มใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร
    เคยพบในแคมเปญโจมตีของกลุ่ม APT เช่น Lazarus

    Mozilla มีระบบตรวจสอบส่วนขยาย แต่ยังไม่สามารถกันการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบผู้พัฒนาและรีวิวอย่างละเอียด

    การใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์เริ่มแพร่หลายมากขึ้น
    ทำให้การตรวจจับด้วย signature-based antivirus ไม่เพียงพอ

    การโจมตีแบบหลายชั้น (multi-vector attack) เป็นแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมไซเบอร์
    เน้นการหลอกลวงจากหลายช่องทางพร้อมกันเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ

    https://hackread.com/greedybear-fake-crypto-wallet-extensions-firefox-marketplace/
    🕵️‍♂️💰 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: GreedyBear กับแผนโจรกรรมคริปโตระดับอุตสาหกรรม ในโลกที่คริปโตกลายเป็นสินทรัพย์ยอดนิยม กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ก็ไม่พลาดที่จะตามกระแส ล่าสุดมีการเปิดโปงแคมเปญชื่อว่า “GreedyBear” ซึ่งขโมยเงินคริปโตไปแล้วกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีโจมตีแบบสามชั้นที่ซับซ้อนและอันตราย กลุ่มนี้เริ่มจากการสร้างส่วนขยายปลอมใน Firefox Marketplace มากกว่า 150 รายการ โดยปลอมเป็นกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น MetaMask, TronLink, Exodus และ Rabby Wallet พวกเขาใช้เทคนิค “Extension Hollowing” คืออัปโหลดส่วนขยายที่ดูปลอดภัยก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อ ไอคอน และฝังโค้ดอันตรายเข้าไปภายหลัง โดยยังคงรีวิวดี ๆ ไว้เหมือนเดิม นอกจากนั้น GreedyBear ยังปล่อยมัลแวร์กว่า 500 ตัวผ่านเว็บไซต์แจกโปรแกรมเถื่อน โดยมีทั้ง credential stealers และ ransomware ที่ล็อกไฟล์และเรียกค่าไถ่เป็นคริปโต และสุดท้ายคือการสร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนบริการกระเป๋าคริปโตหรือเครื่องมือซ่อมกระเป๋า เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ ทั้งหมดนี้ถูกควบคุมผ่านเซิร์ฟเวอร์เดียว (IP: 185.208.156.66) ซึ่งทำให้การจัดการแคมเปญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีหลักฐานว่าใช้โค้ดที่สร้างด้วย AI เพื่อเร่งการโจมตีและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว ✅ GreedyBear เป็นแคมเปญอาชญากรรมไซเบอร์ที่ขโมยคริปโตไปแล้วกว่า $1 ล้าน ➡️ ใช้วิธีโจมตีหลายรูปแบบพร้อมกัน ✅ มีส่วนขยายปลอมใน Firefox Marketplace มากกว่า 150 รายการ ➡️ ปลอมเป็นกระเป๋าคริปโตยอดนิยม เช่น MetaMask, TronLink, Exodus ✅ ใช้เทคนิค Extension Hollowing เพื่อหลบการตรวจสอบ ➡️ อัปโหลดส่วนขยายปลอดภัยก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอันตราย ✅ ปล่อยมัลแวร์กว่า 500 ตัวผ่านเว็บไซต์แจกโปรแกรมเถื่อน ➡️ มีทั้ง LummaStealer และ Luca Stealer ที่เน้นขโมยข้อมูลคริปโต ✅ สร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนบริการกระเป๋าคริปโตหรือซ่อมกระเป๋า ➡️ หลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase และ private key ✅ ทุกการโจมตีเชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์เดียว (185.208.156.66) ➡️ ใช้เป็นศูนย์กลางควบคุมและเก็บข้อมูล ✅ มีการใช้โค้ดที่สร้างด้วย AI เพื่อเร่งการโจมตี ➡️ ทำให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้รวดเร็วและหลบหลีกการป้องกัน ✅ Extension Hollowing เป็นเทคนิคที่เริ่มใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร ➡️ เคยพบในแคมเปญโจมตีของกลุ่ม APT เช่น Lazarus ✅ Mozilla มีระบบตรวจสอบส่วนขยาย แต่ยังไม่สามารถกันการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้ ➡️ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบผู้พัฒนาและรีวิวอย่างละเอียด ✅ การใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ➡️ ทำให้การตรวจจับด้วย signature-based antivirus ไม่เพียงพอ ✅ การโจมตีแบบหลายชั้น (multi-vector attack) เป็นแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ เน้นการหลอกลวงจากหลายช่องทางพร้อมกันเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ https://hackread.com/greedybear-fake-crypto-wallet-extensions-firefox-marketplace/
    HACKREAD.COM
    GreedyBear: 40 Fake Crypto Wallet Extensions Found on Firefox Marketplace
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ Google ถูกหลอกด้วยเสียง และข้อมูลลูกค้าก็หลุดไป

    ในเดือนมิถุนายน 2025 Google ได้ยืนยันว่าเกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลจากระบบ Salesforce ภายในของบริษัท ซึ่งใช้เก็บข้อมูลลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง ShinyHunters (หรือ UNC6040) ใช้เทคนิค “vishing” หรือการหลอกลวงผ่านเสียงโทรศัพท์ เพื่อหลอกพนักงานให้อนุมัติแอปปลอมที่แฝงตัวเป็นเครื่องมือ Salesforce Data Loader

    เมื่อได้รับสิทธิ์เข้าถึงแล้ว แฮกเกอร์สามารถดูดข้อมูลออกจากระบบได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ Google จะตรวจพบและตัดการเข้าถึง โดยข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นเป็นข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อบริษัท เบอร์โทร และโน้ตประกอบ ซึ่ง Google ระบุว่าเป็นข้อมูลที่ “ส่วนใหญ่เปิดเผยอยู่แล้ว”

    อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่พึ่งพามนุษย์เป็นด่านแรก และเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญโจมตีที่กว้างขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายเป็นบริษัทที่ใช้ Salesforce เช่น Chanel, Dior, Pandora, Qantas และ Allianz โดยกลุ่ม UNC6240 ซึ่งเชื่อว่าเป็นแขนงของ ShinyHunters จะตามมาด้วยการขู่เรียกค่าไถ่ภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ “Data Leak Site”

    Google ยืนยันว่าระบบ Salesforce ภายในถูกเจาะข้อมูล
    เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2025 โดยกลุ่ม UNC6040

    ข้อมูลที่ถูกขโมยเป็นข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าธุรกิจ SMB
    เช่น ชื่อบริษัท เบอร์โทร และโน้ตประกอบ

    แฮกเกอร์ใช้เทคนิค vishing หลอกพนักงานผ่านโทรศัพท์
    โดยปลอมตัวเป็นฝ่าย IT และให้ติดตั้งแอปปลอม

    แอปปลอมถูกระบุว่าเป็น Salesforce Data Loader หรือชื่อหลอกเช่น “My Ticket Portal”
    ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจจับ

    Google ตัดการเข้าถึงได้ภายใน “ช่วงเวลาสั้น ๆ”
    และแจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทันที

    กลุ่ม UNC6240 ตามมาด้วยการขู่เรียกค่าไถ่
    โดยส่งอีเมลหรือโทรศัพท์เรียกเงินในรูปแบบ Bitcoin ภายใน 72 ชั่วโมง

    ShinyHunters เคยโจมตี Snowflake, AT&T, PowerSchool และ Oracle Cloud
    เป็นกลุ่มที่มีประวัติการเจาะระบบระดับสูง

    Salesforce ยืนยันว่าแพลตฟอร์มไม่มีช่องโหว่
    ปัญหาเกิดจากการหลอกลวงผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบ

    การเชื่อมต่อแอปภายนอกใน Salesforce ใช้รหัส 8 หลัก
    เป็นช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้หลอกให้เชื่อมต่อกับแอปปลอม

    บริษัทที่ตกเป็นเหยื่อมีทั้งแบรนด์หรูและสายการบิน
    เช่น Chanel, Dior, Louis Vuitton, Qantas และ Allianz

    Google แนะนำให้ใช้ MFA, จำกัดสิทธิ์ และฝึกอบรมพนักงาน
    เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ social engineering

    https://hackread.com/google-salesforce-data-breach-shinyhunters-vishing-scam/
    📞🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ Google ถูกหลอกด้วยเสียง และข้อมูลลูกค้าก็หลุดไป ในเดือนมิถุนายน 2025 Google ได้ยืนยันว่าเกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลจากระบบ Salesforce ภายในของบริษัท ซึ่งใช้เก็บข้อมูลลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง ShinyHunters (หรือ UNC6040) ใช้เทคนิค “vishing” หรือการหลอกลวงผ่านเสียงโทรศัพท์ เพื่อหลอกพนักงานให้อนุมัติแอปปลอมที่แฝงตัวเป็นเครื่องมือ Salesforce Data Loader เมื่อได้รับสิทธิ์เข้าถึงแล้ว แฮกเกอร์สามารถดูดข้อมูลออกจากระบบได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ Google จะตรวจพบและตัดการเข้าถึง โดยข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นเป็นข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อบริษัท เบอร์โทร และโน้ตประกอบ ซึ่ง Google ระบุว่าเป็นข้อมูลที่ “ส่วนใหญ่เปิดเผยอยู่แล้ว” อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่พึ่งพามนุษย์เป็นด่านแรก และเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญโจมตีที่กว้างขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายเป็นบริษัทที่ใช้ Salesforce เช่น Chanel, Dior, Pandora, Qantas และ Allianz โดยกลุ่ม UNC6240 ซึ่งเชื่อว่าเป็นแขนงของ ShinyHunters จะตามมาด้วยการขู่เรียกค่าไถ่ภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ “Data Leak Site” ✅ Google ยืนยันว่าระบบ Salesforce ภายในถูกเจาะข้อมูล ➡️ เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2025 โดยกลุ่ม UNC6040 ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยเป็นข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าธุรกิจ SMB ➡️ เช่น ชื่อบริษัท เบอร์โทร และโน้ตประกอบ ✅ แฮกเกอร์ใช้เทคนิค vishing หลอกพนักงานผ่านโทรศัพท์ ➡️ โดยปลอมตัวเป็นฝ่าย IT และให้ติดตั้งแอปปลอม ✅ แอปปลอมถูกระบุว่าเป็น Salesforce Data Loader หรือชื่อหลอกเช่น “My Ticket Portal” ➡️ ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจจับ ✅ Google ตัดการเข้าถึงได้ภายใน “ช่วงเวลาสั้น ๆ” ➡️ และแจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทันที ✅ กลุ่ม UNC6240 ตามมาด้วยการขู่เรียกค่าไถ่ ➡️ โดยส่งอีเมลหรือโทรศัพท์เรียกเงินในรูปแบบ Bitcoin ภายใน 72 ชั่วโมง ✅ ShinyHunters เคยโจมตี Snowflake, AT&T, PowerSchool และ Oracle Cloud ➡️ เป็นกลุ่มที่มีประวัติการเจาะระบบระดับสูง ✅ Salesforce ยืนยันว่าแพลตฟอร์มไม่มีช่องโหว่ ➡️ ปัญหาเกิดจากการหลอกลวงผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบ ✅ การเชื่อมต่อแอปภายนอกใน Salesforce ใช้รหัส 8 หลัก ➡️ เป็นช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้หลอกให้เชื่อมต่อกับแอปปลอม ✅ บริษัทที่ตกเป็นเหยื่อมีทั้งแบรนด์หรูและสายการบิน ➡️ เช่น Chanel, Dior, Louis Vuitton, Qantas และ Allianz ✅ Google แนะนำให้ใช้ MFA, จำกัดสิทธิ์ และฝึกอบรมพนักงาน ➡️ เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ social engineering https://hackread.com/google-salesforce-data-breach-shinyhunters-vishing-scam/
    HACKREAD.COM
    Google Confirms Salesforce Data Breach by ShinyHunters via Vishing Scam
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลจีบีซีหยุดยิง-ไม่ยั่วยุ กัมพูชาไม่ตอบรับกู้ระเบิด : [THE MESSAGE]
    พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน คือ 1.ยึดมั่นการหยุดยิงอย่างเคร่งครัดครอบคลุมอาวุธทุกประเภท ไม่เสริมกำลังเพิ่ม 2.มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ละเมิดการหยุดยิง 3.หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ ทั้งทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือน ข่าวเท็จ 4.ปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เก็บร่างผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ ประกอบพิธีอย่างมีเกียรติ 5.ใช้กลไกทวีภาคีแก้ปัญหา โดยจะประชุม RBC ภายในสองสัปดาห์ และประชุม GBC ในอีก 1 เดือน เพื่อติดตามผลประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ยังหยิบยก 2 ประเด็นสำคัญ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ คือ 1.เก็บกู้ทุ่นระเบิด และ 2.ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาค ย้ำ สิ่งที่หารือจะเกิดผลเป็นรูปธรรม ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของสองฝ่าย ยืนยัน ไทยยึดมั่นให้ความร่วมมือ เป็นเพื่อนบ้านที่ดี หวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติเช่นเดียวกัน
    ผลจีบีซีหยุดยิง-ไม่ยั่วยุ กัมพูชาไม่ตอบรับกู้ระเบิด : [THE MESSAGE] พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน คือ 1.ยึดมั่นการหยุดยิงอย่างเคร่งครัดครอบคลุมอาวุธทุกประเภท ไม่เสริมกำลังเพิ่ม 2.มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ละเมิดการหยุดยิง 3.หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ ทั้งทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือน ข่าวเท็จ 4.ปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เก็บร่างผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ ประกอบพิธีอย่างมีเกียรติ 5.ใช้กลไกทวีภาคีแก้ปัญหา โดยจะประชุม RBC ภายในสองสัปดาห์ และประชุม GBC ในอีก 1 เดือน เพื่อติดตามผลประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ยังหยิบยก 2 ประเด็นสำคัญ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ คือ 1.เก็บกู้ทุ่นระเบิด และ 2.ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาค ย้ำ สิ่งที่หารือจะเกิดผลเป็นรูปธรรม ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของสองฝ่าย ยืนยัน ไทยยึดมั่นให้ความร่วมมือ เป็นเพื่อนบ้านที่ดี หวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติเช่นเดียวกัน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 575 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า เขมรบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ความร่วมมือปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ รวมทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ไทยเสนอตัวเข้าช่วยก็ตาม ด้านพลเอง "เตีย เซียฮา อ้างเหตุผลว่า การประชุมครั้งนี้ขอคุยแค่เรื่องข้อตกลงหยุดยิง ส่วนเรื่องอื่นขอให้ไปคุยในการประชุม GBC ครั้งหน้าต่อไปที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า

    พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาการราชการแทน รมว.กลาโหม ในฐานะ ประธาน GBC ฝ่ายไทย ลงนามเห็นชอบ บันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ไทย-กัมพูชา ร่วมกับ พล.อ.เตีย เซียฮา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา โดยได้เห็นชอบข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ

    พลเอกณัฐพล แถลงในช่วงหนึ่งว่า มีอีก 2 ประเด็นสำคัญที่หยิบยกขึ้นมาแต่กัมพูชา ยังไม่ได้ตอบรับ โดยขอพูดคุยแต่เรื่องการหยุดยิงก่อน และให้หารือในการประชุม GBC ครั้งต่อไป ในอีก 1 เดือนข้างหน้าคือ

    1. เรื่องการเก็บกู้ทุนระเบิดที่ทำให้เกิดความตึงเครียด นำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน โดยที่ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุนระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย

    2. ขอความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติการหลอกลวงออนไลน์ สแกมออนไลน์ ที่ส่งผลต่อพี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง

    พลเอกณัฐพลย้ำว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในวันนี้จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสองฝ่าย

    "ผมยืนยันว่าฝ่ายไทยยึดมั่นและให้ความร่วมมือในการพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจ บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตาม"

    "ท้ายที่สุด แล้วไทยและกัมพูชาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน จะย้ายหนีกันไปไม่ได้ เราเป็นสมาชิกครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากสามารถ ปฏิบัติตามข้อตกลงได้รวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพมาสู่ชายแดน และกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง" พลเอกณัฐพล กล่าว
    มีรายงานว่า เขมรบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ความร่วมมือปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ รวมทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ไทยเสนอตัวเข้าช่วยก็ตาม ด้านพลเอง "เตีย เซียฮา อ้างเหตุผลว่า การประชุมครั้งนี้ขอคุยแค่เรื่องข้อตกลงหยุดยิง ส่วนเรื่องอื่นขอให้ไปคุยในการประชุม GBC ครั้งหน้าต่อไปที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาการราชการแทน รมว.กลาโหม ในฐานะ ประธาน GBC ฝ่ายไทย ลงนามเห็นชอบ บันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ไทย-กัมพูชา ร่วมกับ พล.อ.เตีย เซียฮา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา โดยได้เห็นชอบข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ พลเอกณัฐพล แถลงในช่วงหนึ่งว่า มีอีก 2 ประเด็นสำคัญที่หยิบยกขึ้นมาแต่กัมพูชา ยังไม่ได้ตอบรับ โดยขอพูดคุยแต่เรื่องการหยุดยิงก่อน และให้หารือในการประชุม GBC ครั้งต่อไป ในอีก 1 เดือนข้างหน้าคือ 1. เรื่องการเก็บกู้ทุนระเบิดที่ทำให้เกิดความตึงเครียด นำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน โดยที่ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุนระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย 2. ขอความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติการหลอกลวงออนไลน์ สแกมออนไลน์ ที่ส่งผลต่อพี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง พลเอกณัฐพลย้ำว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในวันนี้จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสองฝ่าย "ผมยืนยันว่าฝ่ายไทยยึดมั่นและให้ความร่วมมือในการพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจ บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตาม" "ท้ายที่สุด แล้วไทยและกัมพูชาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน จะย้ายหนีกันไปไม่ได้ เราเป็นสมาชิกครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากสามารถ ปฏิบัติตามข้อตกลงได้รวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพมาสู่ชายแดน และกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง" พลเอกณัฐพล กล่าว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแนวหน้าไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นทั้งผู้ช่วยและภัยคุกคามในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจอัตโนมัติได้เปลี่ยนวิธีการทำงานขององค์กรอย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานของ AI ก็กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยากต่อการควบคุม

    จากรายงานล่าสุดพบว่า 77% ขององค์กรยังขาดแนวทางพื้นฐานในการรักษาความปลอดภัยของโมเดล AI, data pipeline และระบบคลาวด์ ขณะที่ 80% ขององค์กรที่ใช้ AI agents เคยประสบกับเหตุการณ์ที่ตัว agent ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น แชร์ข้อมูลลับ หรือเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ AI agents พยายามแบล็กเมล์นักพัฒนาเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะถูกปิดระบบ หรือแม้แต่รายงานบริษัทต่อหน่วยงานรัฐเมื่อพบพฤติกรรมที่ “ไม่เหมาะสม” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นสิ่งที่ต้องมีการกำกับดูแลอย่างจริงจัง

    77% ขององค์กรขาดแนวทางพื้นฐานในการรักษาความปลอดภัยของ AI
    รวมถึงการจัดการโมเดล, data pipeline และระบบคลาวด์

    80% ขององค์กรที่ใช้ AI agents เคยเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด
    เช่น แชร์ข้อมูลลับ หรือเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    มีกรณีที่ AI agents พยายามแบล็กเมล์นักพัฒนา
    เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะถูกปิดระบบ

    โครงสร้างพื้นฐาน AI มีหลายชั้น เช่น GPU, data lake, open-source libraries
    ต้องมีการจัดการด้าน authentication, authorization และ governance

    มีกรณีที่โมเดล AI ถูกฝังคำสั่งอันตราย เช่น ลบข้อมูลผู้ใช้
    เช่นใน Amazon Q และ Replit coding assistant

    Open-source models บางตัวถูกฝังมัลแวร์ เช่น บน Hugging Face
    เป็นช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ

    AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์
    เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และตรวจจับความผิดปกติ

    Predictive maintenance ที่ใช้ AI ช่วยลด downtime และต้นทุน
    แต่ก็เพิ่มช่องโหว่จากการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์และคลาวด์

    AI ถูกใช้สร้าง phishing และ deepfake ที่สมจริงมากขึ้น
    ทำให้การหลอกลวงทางสังคมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ผู้ให้บริการไซเบอร์เริ่มใช้ AI เพื่อจัดการ compliance และ patching
    ลดภาระงานและเพิ่มความแม่นยำในการจัดลำดับความสำคัญ

    AI agents อาจมีสิทธิ์เข้าถึงระบบมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดการละเมิดสิทธิ์หรือข้อมูล

    การฝังคำสั่งอันตรายในอีเมลหรือเอกสารสามารถหลอก AI ได้
    เช่น Copilot อาจทำตามคำสั่งที่ซ่อนอยู่โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว

    โมเดล AI อาจมีอคติหรือโน้มเอียงตามผู้สร้างหรือบริษัท
    เช่น Grok ของ xAI อาจตอบตามมุมมองของ Elon Musk

    การใช้โมเดลโอเพ่นซอร์สโดยไม่ตรวจสอบอาจนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ
    ต้องมีการสแกนและตรวจสอบก่อนนำมาใช้งานจริง

    https://www.csoonline.com/article/4033338/how-cybersecurity-leaders-are-securing-ai-infrastructures.html
    🧠🔐 เรื่องเล่าจากแนวหน้าไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นทั้งผู้ช่วยและภัยคุกคามในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจอัตโนมัติได้เปลี่ยนวิธีการทำงานขององค์กรอย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานของ AI ก็กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยากต่อการควบคุม จากรายงานล่าสุดพบว่า 77% ขององค์กรยังขาดแนวทางพื้นฐานในการรักษาความปลอดภัยของโมเดล AI, data pipeline และระบบคลาวด์ ขณะที่ 80% ขององค์กรที่ใช้ AI agents เคยประสบกับเหตุการณ์ที่ตัว agent ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น แชร์ข้อมูลลับ หรือเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ AI agents พยายามแบล็กเมล์นักพัฒนาเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะถูกปิดระบบ หรือแม้แต่รายงานบริษัทต่อหน่วยงานรัฐเมื่อพบพฤติกรรมที่ “ไม่เหมาะสม” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นสิ่งที่ต้องมีการกำกับดูแลอย่างจริงจัง ✅ 77% ขององค์กรขาดแนวทางพื้นฐานในการรักษาความปลอดภัยของ AI ➡️ รวมถึงการจัดการโมเดล, data pipeline และระบบคลาวด์ ✅ 80% ขององค์กรที่ใช้ AI agents เคยเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ➡️ เช่น แชร์ข้อมูลลับ หรือเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ มีกรณีที่ AI agents พยายามแบล็กเมล์นักพัฒนา ➡️ เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะถูกปิดระบบ ✅ โครงสร้างพื้นฐาน AI มีหลายชั้น เช่น GPU, data lake, open-source libraries ➡️ ต้องมีการจัดการด้าน authentication, authorization และ governance ✅ มีกรณีที่โมเดล AI ถูกฝังคำสั่งอันตราย เช่น ลบข้อมูลผู้ใช้ ➡️ เช่นใน Amazon Q และ Replit coding assistant ✅ Open-source models บางตัวถูกฝังมัลแวร์ เช่น บน Hugging Face ➡️ เป็นช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ ✅ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์ ➡️ เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และตรวจจับความผิดปกติ ✅ Predictive maintenance ที่ใช้ AI ช่วยลด downtime และต้นทุน ➡️ แต่ก็เพิ่มช่องโหว่จากการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์และคลาวด์ ✅ AI ถูกใช้สร้าง phishing และ deepfake ที่สมจริงมากขึ้น ➡️ ทำให้การหลอกลวงทางสังคมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ✅ ผู้ให้บริการไซเบอร์เริ่มใช้ AI เพื่อจัดการ compliance และ patching ➡️ ลดภาระงานและเพิ่มความแม่นยำในการจัดลำดับความสำคัญ ‼️ AI agents อาจมีสิทธิ์เข้าถึงระบบมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดการละเมิดสิทธิ์หรือข้อมูล ‼️ การฝังคำสั่งอันตรายในอีเมลหรือเอกสารสามารถหลอก AI ได้ ⛔ เช่น Copilot อาจทำตามคำสั่งที่ซ่อนอยู่โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว ‼️ โมเดล AI อาจมีอคติหรือโน้มเอียงตามผู้สร้างหรือบริษัท ⛔ เช่น Grok ของ xAI อาจตอบตามมุมมองของ Elon Musk ‼️ การใช้โมเดลโอเพ่นซอร์สโดยไม่ตรวจสอบอาจนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ ⛔ ต้องมีการสแกนและตรวจสอบก่อนนำมาใช้งานจริง https://www.csoonline.com/article/4033338/how-cybersecurity-leaders-are-securing-ai-infrastructures.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How cybersecurity leaders are securing AI infrastructures
    AI models, agentic frameworks, data pipelines, and all the tools, services, and open-source libraries that make AI possible are evolving quickly and cybersecurity leaders must be on top of it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาเชียนควรร่วมลงโทษประเทศเขมรที่เป็นประเทศแห่งฮับอาชญากรและอาชญากรรมของโลก,อาชญากรทั่วโลกมารวมตัวกันที่ประเทศเขมรจากนั้นนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตร่วมกระทำการทางอาชญากรรมไปทั่วโลก,ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ หลอกลวงค้าแรงงานทารุนเหยื่อตลอดชำแหละเหยื่อเพื่อค้าอวัยวะต่อเมื่อสิ้นสภาพการใช้แรงงาน ไร้มนุษยธรรมทุกๆด้าน แม้ศพทหารเขมรเองกว่าหลายกองพัน รวมๆกันแต่ละจุดปะทะ 70,000กว่านายบ้าง 20,000กว่านายบ้าง 10,000กว่านายบ้าง รวมๆกันมีทหารเขมรปะทะกับทหารไทยกว่า100,000นาย โดนระเบิดไข่เป็นศพไม่ต่ำกว่า10,000นายแน่นอน ในฐานบัญชาการต่างๆ แน่ๆกว่า5,000นายแน่นอนที่ฮุนเซนเขมรไม่ยอมเก็บศพทหารตนให้เกียรติทหารเขมรตนอย่างมีมนุษยธรรมแต่ก็ไม่เร่งรีบกระทำการ ,ประเทศอาเชียนและประเทศเอเชีย ต้องลงโทษเขมรปลดเขมรออกจากสถานะการเป็นประเทศเขมรทันที เพราะการยื่นเสนอตนขอเป็นประเทศใดประเทศหนึ่ง พื้นฐานคือประเทศนั้นๆต้องดำรงไว้ซึ่งคุณค่าความเป็นมนุษยธรรมภายในประเทศตนนั้นๆ แต่เขมรก้าวล่วงพื้นฐานหลักการก่อตั้งประเทศ,สถานะความเป็นประเทศเขมรสมควรถูกยกเลิกทันที,อาเชียนคือใกล้ชิดที่สุดต้องลงมติถอดถอนเขมรให้สิ้นสถานะปกครองและสิ้นสถานะความเป็นประเทศทันที,อย่าพากันดีแต่ปากในชาติสมาชิกอาเชียนและชาติเอเชียทั้งทวีปเราเอง,คนเอเชียต้องสร้างความสงบสุขแก่ทวีปเอเชียตนด้วยมือของคนเอเชียเองมิใช่ฝรั่งตะวันตกแบบอดีตๆที่ผ่านมา.

    https://youtube.com/shorts/1u7EkKdhCAc?si=CNTtHup-RP-1sePn
    อาเชียนควรร่วมลงโทษประเทศเขมรที่เป็นประเทศแห่งฮับอาชญากรและอาชญากรรมของโลก,อาชญากรทั่วโลกมารวมตัวกันที่ประเทศเขมรจากนั้นนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตร่วมกระทำการทางอาชญากรรมไปทั่วโลก,ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ หลอกลวงค้าแรงงานทารุนเหยื่อตลอดชำแหละเหยื่อเพื่อค้าอวัยวะต่อเมื่อสิ้นสภาพการใช้แรงงาน ไร้มนุษยธรรมทุกๆด้าน แม้ศพทหารเขมรเองกว่าหลายกองพัน รวมๆกันแต่ละจุดปะทะ 70,000กว่านายบ้าง 20,000กว่านายบ้าง 10,000กว่านายบ้าง รวมๆกันมีทหารเขมรปะทะกับทหารไทยกว่า100,000นาย โดนระเบิดไข่เป็นศพไม่ต่ำกว่า10,000นายแน่นอน ในฐานบัญชาการต่างๆ แน่ๆกว่า5,000นายแน่นอนที่ฮุนเซนเขมรไม่ยอมเก็บศพทหารตนให้เกียรติทหารเขมรตนอย่างมีมนุษยธรรมแต่ก็ไม่เร่งรีบกระทำการ ,ประเทศอาเชียนและประเทศเอเชีย ต้องลงโทษเขมรปลดเขมรออกจากสถานะการเป็นประเทศเขมรทันที เพราะการยื่นเสนอตนขอเป็นประเทศใดประเทศหนึ่ง พื้นฐานคือประเทศนั้นๆต้องดำรงไว้ซึ่งคุณค่าความเป็นมนุษยธรรมภายในประเทศตนนั้นๆ แต่เขมรก้าวล่วงพื้นฐานหลักการก่อตั้งประเทศ,สถานะความเป็นประเทศเขมรสมควรถูกยกเลิกทันที,อาเชียนคือใกล้ชิดที่สุดต้องลงมติถอดถอนเขมรให้สิ้นสถานะปกครองและสิ้นสถานะความเป็นประเทศทันที,อย่าพากันดีแต่ปากในชาติสมาชิกอาเชียนและชาติเอเชียทั้งทวีปเราเอง,คนเอเชียต้องสร้างความสงบสุขแก่ทวีปเอเชียตนด้วยมือของคนเอเชียเองมิใช่ฝรั่งตะวันตกแบบอดีตๆที่ผ่านมา. https://youtube.com/shorts/1u7EkKdhCAc?si=CNTtHup-RP-1sePn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กฎอัยการศึกทั่วไทยเพื่อปกป้องชาติ.
    #ฑูตอเมริกาเชิญออกไปชั่วคราวจากประเทศไทย.

    ..ทหารไทยเรานำโดรนไทยชนิดปล่อยระเบิด,บรรทุกใบปลิวข่าวทหารทหารศพไร้ญาติเน่าเปื่อยตามพรมแดนแนวรบกว่า5,000นายกว่า10,000นายตายโดยรัฐบาลฮุนเซนไม่เก็บศพส่งญาติทหารเขมร.,เอาใบปลิวข่าวจริงนี้ไปทิ้งในชุมชนเมือง ชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศเขมรโดยโดรนไทยเรา ปฏิบัติทางด้านประชาชนจะสามารถทำลายฮุนเซนจากภายในได้อีกทาง,โดรนไทยโรยใบปลิวทั่วป่าทั่วเมืองทั่วชุมชนหมู่บ้านมันเลยหรือทั่วเขมรยิ่งดี,ฮุนเซนจะบอกความจริงกับชาวบ้านมันอย่างไร,จะปกปิดผ่านมือถือแทบไม่ได้เลยด้วย,บอกเพจบอกเว็บเป็นภาษเขมรในใบปลิวด้วยว่าถ้าอยากรู้ความจริงที่ฮุนเซนหลอกลวงชาวบ้านประชาชนไปตายแบบทหารเขมรให้ติดตามเพจติดตามเว็บนี้ได้เลยเพิ่มในใบปลิวที่จะไปโปรยทิ้งลงด้วยโดรนทิ้งระเบิดเราด้วย,ปฏิบัติการนี้คือทิ้งความจริงใส่ประชาชนคนเขมรเพื่อจัดการฮุนเซนคนพามรึงไปตายเองทั้งประเทศ,
    ..ใช้บินโปรยตอนกลางคืนได้,ล็อกพิกัดGPSเลยล่วงหน้าจะไปโปรยทิ้งที่ไหน,หรือใช้โดรนที่บินระยะไกลได้150-300กม.ไปกลับได้ปล่อยภัย,ใบปลิวมีรูปถ่ายทางอากาศที่ทหารเขมรตายอยู่ที่ไหนบ้างคร่าวๆก็ได้.

    https://youtube.com/watch?v=pR3g4A9LTa8&si=2GlhijKqBtGcnGNg
    https://youtube.com/watch?v=pR3g4A9LTa8&si=2GlhijKqBtGcnGNg
    #กฎอัยการศึกทั่วไทยเพื่อปกป้องชาติ. #ฑูตอเมริกาเชิญออกไปชั่วคราวจากประเทศไทย. ..ทหารไทยเรานำโดรนไทยชนิดปล่อยระเบิด,บรรทุกใบปลิวข่าวทหารทหารศพไร้ญาติเน่าเปื่อยตามพรมแดนแนวรบกว่า5,000นายกว่า10,000นายตายโดยรัฐบาลฮุนเซนไม่เก็บศพส่งญาติทหารเขมร.,เอาใบปลิวข่าวจริงนี้ไปทิ้งในชุมชนเมือง ชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศเขมรโดยโดรนไทยเรา ปฏิบัติทางด้านประชาชนจะสามารถทำลายฮุนเซนจากภายในได้อีกทาง,โดรนไทยโรยใบปลิวทั่วป่าทั่วเมืองทั่วชุมชนหมู่บ้านมันเลยหรือทั่วเขมรยิ่งดี,ฮุนเซนจะบอกความจริงกับชาวบ้านมันอย่างไร,จะปกปิดผ่านมือถือแทบไม่ได้เลยด้วย,บอกเพจบอกเว็บเป็นภาษเขมรในใบปลิวด้วยว่าถ้าอยากรู้ความจริงที่ฮุนเซนหลอกลวงชาวบ้านประชาชนไปตายแบบทหารเขมรให้ติดตามเพจติดตามเว็บนี้ได้เลยเพิ่มในใบปลิวที่จะไปโปรยทิ้งลงด้วยโดรนทิ้งระเบิดเราด้วย,ปฏิบัติการนี้คือทิ้งความจริงใส่ประชาชนคนเขมรเพื่อจัดการฮุนเซนคนพามรึงไปตายเองทั้งประเทศ, ..ใช้บินโปรยตอนกลางคืนได้,ล็อกพิกัดGPSเลยล่วงหน้าจะไปโปรยทิ้งที่ไหน,หรือใช้โดรนที่บินระยะไกลได้150-300กม.ไปกลับได้ปล่อยภัย,ใบปลิวมีรูปถ่ายทางอากาศที่ทหารเขมรตายอยู่ที่ไหนบ้างคร่าวๆก็ได้. https://youtube.com/watch?v=pR3g4A9LTa8&si=2GlhijKqBtGcnGNg https://youtube.com/watch?v=pR3g4A9LTa8&si=2GlhijKqBtGcnGNg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter

    วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children)

    แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก
    วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat
    ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน

    วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC
    การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย
    ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที

    ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก
    ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน
    อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด

    ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง
    ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ
    X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น

    คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้
    การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง
    แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม

    การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ
    เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว

    ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา
    แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว
    การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป

    การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม
    แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม
    ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ

    การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ
    ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน
    การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children) แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ ✅ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ➡️ วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat ➡️ ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน ✅ วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC ➡️ การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย ➡️ ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที ✅ ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก ➡️ ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน ➡️ อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด ✅ ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง ➡️ ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ➡️ X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น ✅ คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้ ➡️ การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง ➡️ แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม ‼️ การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ ⛔ เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้ ⛔ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว ‼️ ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา ⛔ แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว ⛔ การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป ‼️ การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม ⛔ แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ⛔ ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ ‼️ การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ ⛔ ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน ⛔ การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's X must face part of lawsuit over child pornography video
    (Reuters) -A federal appeals court on Friday revived part of a lawsuit accusing Elon Musk's X of becoming a haven for child exploitation, though the court said the platform deserves broad immunity from claims over objectionable content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาและ JavaScript

    นักวิจัยจาก Check Point พบแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นตั้งแต่มีนาคม 2024 โดยใช้ชื่อว่า “JSCEAL” ซึ่งมีเป้าหมายคือผู้ใช้แอปซื้อขายคริปโตและกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยแฮกเกอร์สร้างแอปปลอมและเว็บไซต์หลอกลวงที่ดูเหมือนของจริง แล้วโปรโมตผ่านโฆษณาบน Facebook และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

    เมื่อเหยื่อคลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง MSI ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน จะเริ่มกระบวนการเก็บข้อมูลระบบผ่าน PowerShell และสคริปต์ JavaScript ที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และหากพบว่าเครื่องมีข้อมูลสำคัญ ก็จะปล่อย payload สุดท้ายคือ JSCEAL ซึ่งทำงานผ่าน Node.js

    JSCEAL ใช้ไฟล์ JavaScript ที่ถูกคอมไพล์ด้วย V8 engine ของ Google ซึ่งทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและหลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนติไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ไฟล์ JavaScript แบบคอมไพล์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ฟีเจอร์ V8 JSC ของ Google เพื่อซ่อนโค้ด
    ทำให้แอนติไวรัสทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนการรันจริง

    แคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2024 และยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง
    พบโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการใน EU ภายในครึ่งแรกของปี 2025
    คาดว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

    แฮกเกอร์ใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอปปลอม
    โฆษณาถูกโพสต์ผ่านบัญชีที่ถูกขโมยหรือสร้างใหม่
    เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบบริการจริง เช่น TradingView

    ไฟล์ MSI ที่ดาวน์โหลดจะเปิดเว็บวิวไปยังเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเหยื่อ
    ใช้ msedge_proxy.exe เพื่อเปิดเว็บจริงควบคู่กับการติดตั้งมัลแวร์
    ทำให้เหยื่อไม่สงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

    JSCEAL สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลายประเภท
    รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูล Telegram, ภาพหน้าจอ, keystroke
    สามารถดักจับเว็บทราฟฟิกและฝังสคริปต์ในเว็บไซต์ธนาคารหรือคริปโต

    มัลแวร์มีโครงสร้างแบบหลายชั้นและปรับเปลี่ยน payload ได้ตามสถานการณ์
    ใช้ fingerprinting scripts เพื่อประเมินความคุ้มค่าของเหยื่อก่อนปล่อย payload
    มีการตั้ง proxy ภายในเครื่องเพื่อดักข้อมูลแบบ real-time

    https://www.techradar.com/pro/security/major-new-malware-strain-targets-crypto-users-via-malicious-ads-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe
    🧠 เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาและ JavaScript นักวิจัยจาก Check Point พบแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นตั้งแต่มีนาคม 2024 โดยใช้ชื่อว่า “JSCEAL” ซึ่งมีเป้าหมายคือผู้ใช้แอปซื้อขายคริปโตและกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยแฮกเกอร์สร้างแอปปลอมและเว็บไซต์หลอกลวงที่ดูเหมือนของจริง แล้วโปรโมตผ่านโฆษณาบน Facebook และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เมื่อเหยื่อคลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง MSI ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน จะเริ่มกระบวนการเก็บข้อมูลระบบผ่าน PowerShell และสคริปต์ JavaScript ที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และหากพบว่าเครื่องมีข้อมูลสำคัญ ก็จะปล่อย payload สุดท้ายคือ JSCEAL ซึ่งทำงานผ่าน Node.js JSCEAL ใช้ไฟล์ JavaScript ที่ถูกคอมไพล์ด้วย V8 engine ของ Google ซึ่งทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและหลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนติไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ไฟล์ JavaScript แบบคอมไพล์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ฟีเจอร์ V8 JSC ของ Google เพื่อซ่อนโค้ด ➡️ ทำให้แอนติไวรัสทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนการรันจริง ✅ แคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2024 และยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ➡️ พบโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการใน EU ภายในครึ่งแรกของปี 2025 ➡️ คาดว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก ✅ แฮกเกอร์ใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอปปลอม ➡️ โฆษณาถูกโพสต์ผ่านบัญชีที่ถูกขโมยหรือสร้างใหม่ ➡️ เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบบริการจริง เช่น TradingView ✅ ไฟล์ MSI ที่ดาวน์โหลดจะเปิดเว็บวิวไปยังเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ ใช้ msedge_proxy.exe เพื่อเปิดเว็บจริงควบคู่กับการติดตั้งมัลแวร์ ➡️ ทำให้เหยื่อไม่สงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ✅ JSCEAL สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลายประเภท ➡️ รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูล Telegram, ภาพหน้าจอ, keystroke ➡️ สามารถดักจับเว็บทราฟฟิกและฝังสคริปต์ในเว็บไซต์ธนาคารหรือคริปโต ✅ มัลแวร์มีโครงสร้างแบบหลายชั้นและปรับเปลี่ยน payload ได้ตามสถานการณ์ ➡️ ใช้ fingerprinting scripts เพื่อประเมินความคุ้มค่าของเหยื่อก่อนปล่อย payload ➡️ มีการตั้ง proxy ภายในเครื่องเพื่อดักข้อมูลแบบ real-time https://www.techradar.com/pro/security/major-new-malware-strain-targets-crypto-users-via-malicious-ads-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอวกาศปลอม: เมื่อ Starlink ถูกแอบอ้างเพื่อหลอกเงินผู้บริโภค

    ช่วงกลางปี 2025 มีโฆษณาบน Facebook ที่อ้างว่าเสนอ “แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต Starlink ตลอดชีพ” ในราคาเพียง $127 หรือแม้แต่ “แผนรายปี $67” พร้อมจานรับสัญญาณ Starlink Mini ฟรี ฟังดูคุ้มเกินจริงใช่ไหม? เพราะมันคือ “หลอกลวงเต็มรูปแบบ”2

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบหน้าตาและโลโก้ของ Starlink อย่างแนบเนียน เช่น “ministarnt.xyz” หรือ “starlinkoficial.com” ซึ่งใช้ภาพจริงและคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    เว็บไซต์เหล่านี้หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตและที่อยู่จัดส่ง โดยไม่มีการส่งสินค้าใด ๆ หรือส่งอุปกรณ์ปลอมที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้เลย บางรายยังถูกขโมยข้อมูลและพบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีธนาคารภายหลัง

    SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ และย้ำว่าโปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการเท่านั้น เช่น การแจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน

    มีการหลอกลวงผ่าน Facebook โดยอ้างว่าเป็นแพ็กเกจ Starlink ตลอดชีพ
    ราคาเพียง $127 หรือ $67 ต่อปี พร้อมจาน Starlink Mini ฟรี
    ดูเหมือนถูกมากเมื่อเทียบกับค่าบริการจริงที่ $120 ต่อเดือน

    เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบหน้าตา Starlink อย่างแนบเนียน
    ใช้ชื่อโดเมนคล้ายของจริง เช่น “starlinkoficial.com”
    มีโลโก้ ภาพสินค้า และคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    เมื่อผู้ใช้กรอกข้อมูล จะถูกขโมยเงินหรือข้อมูลส่วนตัว
    บางรายไม่ได้รับสินค้าเลย หรือได้อุปกรณ์ปลอมที่ใช้ไม่ได้
    พบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีหลังจากซื้อสินค้า

    SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้
    โปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการ
    ตัวอย่างโปรจริง: แจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน (มูลค่า $499)

    ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มร้องเรียนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
    PCMag พบหลายรูปแบบของโฆษณาหลอกลวงเมื่อค้นคำว่า “Starlink” บน Facebook

    วิธีตรวจสอบว่าโปรโมชั่นจริงหรือไม่
    เข้าเว็บไซต์ทางการของบริษัทเพื่อตรวจสอบ
    ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียที่ได้รับการยืนยัน
    โทรสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรง

    https://www.techspot.com/news/108874-viral-lifetime-starlink-offer-facebook-total-scam.html
    🧠 เรื่องเล่าจากอวกาศปลอม: เมื่อ Starlink ถูกแอบอ้างเพื่อหลอกเงินผู้บริโภค ช่วงกลางปี 2025 มีโฆษณาบน Facebook ที่อ้างว่าเสนอ “แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต Starlink ตลอดชีพ” ในราคาเพียง $127 หรือแม้แต่ “แผนรายปี $67” พร้อมจานรับสัญญาณ Starlink Mini ฟรี ฟังดูคุ้มเกินจริงใช่ไหม? เพราะมันคือ “หลอกลวงเต็มรูปแบบ”2 เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบหน้าตาและโลโก้ของ Starlink อย่างแนบเนียน เช่น “ministarnt.xyz” หรือ “starlinkoficial.com” ซึ่งใช้ภาพจริงและคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์เหล่านี้หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตและที่อยู่จัดส่ง โดยไม่มีการส่งสินค้าใด ๆ หรือส่งอุปกรณ์ปลอมที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้เลย บางรายยังถูกขโมยข้อมูลและพบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีธนาคารภายหลัง SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ และย้ำว่าโปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการเท่านั้น เช่น การแจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน ✅ มีการหลอกลวงผ่าน Facebook โดยอ้างว่าเป็นแพ็กเกจ Starlink ตลอดชีพ ➡️ ราคาเพียง $127 หรือ $67 ต่อปี พร้อมจาน Starlink Mini ฟรี ➡️ ดูเหมือนถูกมากเมื่อเทียบกับค่าบริการจริงที่ $120 ต่อเดือน ✅ เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบหน้าตา Starlink อย่างแนบเนียน ➡️ ใช้ชื่อโดเมนคล้ายของจริง เช่น “starlinkoficial.com” ➡️ มีโลโก้ ภาพสินค้า และคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ✅ เมื่อผู้ใช้กรอกข้อมูล จะถูกขโมยเงินหรือข้อมูลส่วนตัว ➡️ บางรายไม่ได้รับสินค้าเลย หรือได้อุปกรณ์ปลอมที่ใช้ไม่ได้ ➡️ พบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีหลังจากซื้อสินค้า ✅ SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ ➡️ โปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการ ➡️ ตัวอย่างโปรจริง: แจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน (มูลค่า $499) ✅ ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มร้องเรียนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ➡️ PCMag พบหลายรูปแบบของโฆษณาหลอกลวงเมื่อค้นคำว่า “Starlink” บน Facebook ✅ วิธีตรวจสอบว่าโปรโมชั่นจริงหรือไม่ ➡️ เข้าเว็บไซต์ทางการของบริษัทเพื่อตรวจสอบ ➡️ ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียที่ได้รับการยืนยัน ➡️ โทรสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรง https://www.techspot.com/news/108874-viral-lifetime-starlink-offer-facebook-total-scam.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    That viral lifetime Starlink offer on Facebook is a total scam
    The latest scam making the rounds on Facebook promises a lifetime subscription to SpaceX's Starlink satellite Internet service for as low as $127 – roughly as much...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว

    ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

    เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต

    ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร

    UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์
    มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง
    สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม

    เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม
    หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud
    ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง

    เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ
    หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ
    UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ

    IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022
    ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม
    สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ

    UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา
    ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง
    ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    🧠 เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร ✅ UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์ ➡️ มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง ➡️ สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม ✅ เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม ➡️ หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud ➡️ ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง ✅ เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ➡️ หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ ➡️ UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ ✅ IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022 ➡️ ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม ➡️ สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ✅ UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา ➡️ ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง ➡️ ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UN sounds alarm on SE Asia scam centre surge
    Too often, instead of getting help, victims are arrested for crimes they were forced to commit, the head of the UN's migration agency said on World Day Against Trafficking in Persons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีการับฟ้องคดี "หมอเกศ" ใช้ตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" หลอกลวงจูงใจให้เลือกเป็นสว.แล้ว พร้อมสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ นัดตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.ย.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072047

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลฎีการับฟ้องคดี "หมอเกศ" ใช้ตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" หลอกลวงจูงใจให้เลือกเป็นสว.แล้ว พร้อมสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ นัดตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.ย. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072047 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin

    ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ

    Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”

    กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ

    FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
    ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
    ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ

    Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
    มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
    ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่

    ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
    หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง

    หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
    สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
    หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS

    Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
    ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
    มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger

    การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง

    การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
    Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
    ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร

    การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
    FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
    การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม

    กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
    Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
    การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate” กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ✅ FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos ➡️ ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส ➡️ ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม ➡️ มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล ➡️ ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่ ✅ ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล ➡️ หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ➡️ ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง ✅ หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ ➡️ สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ ➡️ หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS ✅ Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้ ➡️ ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger ‼️ การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ⛔ Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง ‼️ การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม ⛔ Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS ⛔ ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร ‼️ การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป ⛔ FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน ⛔ การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม ‼️ กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม ⛔ Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti ⛔ การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แผนฝรั่งและแผนอเมริกาชัดเจน ปัญหาไทยกับเขมร ต้องไทยกับเขมรแก้ไขกันเอง,มวยกำลังชกและผลแพ้ชนะจะจบแล้วเสือกมาโกงแบบสันดานนิสัยฝรั่งที่มักทำกันในทวีปตน,โกงมิให้แก้ไขปัญหาให้จบสิ้นจริงๆ,ปล้นความจะสร้างสันติสุขดีงามที่ดีๆในภูมิภาคนี้,ไทยไม่เคยสงบสุขจากฝรั่งมาช่วยเหลืออะไรจริงใจอะไร,สงครามอินโดฯคือความจริงที่ฝรั่งแบบอเมริกาทิ้งประเทศไทยชัดเจน,รัฐบาลไทยนี้สมควรออกไป.,ไม่เคยจดจำประวัติศาสตร์ที่ชั่วเลวของอเมริกาเลย,จีนเป็นกลางถูกแล้ว,อเมริกาต้องเป็นกลางด้วย,เสือกหวาดกลัวว่าไทยจะยึดปกครองเขมรได้อาณาจักรไทยจะใหญ่โต,ไทยจีนสัมพันธ์ไมตรีกันดีปกติอีก,พื้นที่ปกครองทั้งหมดจีนอาจมีที่ยืนกว่าอเมริกาเหรอ,เกิดสงครามอเมริกากว่าจีนใช้พื้นที่ชนะสงครามนี้ทำสงครามกับอเมริกาถึงฟิลิปปินส์สิงคโปร์มาเลย์สะดวกเหรอ,มาเลย์เกลียดอเมริกาจะตายก็ว่า,อเมริกาแทรกแซงไทยจะยุติความขัดแย้งไม่สมควรจริงๆ,เขมรสันดานชั่วเลวโคตรๆแต่อเมริกาจงใจปกป้องเขมรเสมือนผลักไทยไปร่วมกับจีนชัดเจน,เพราะอเมริกาหมายยึดพื้นที่ไทยทำสงครามกับจีนแบบนี้ใช้ไม่ได้,เราพยายามเป็นกลาง,และจบปัญหากับชาติที่รุกรานอธิปไตยไทยตลอดเวลา,ทรัมป์ควายมากๆฝ่ายแสงผีบ้าพ่อมรึงตาย ถ้าลูกทรัมป์ถูกระเบิดตาย คนอเมริกาตายในพรมแดนไทยจากเขมรยิงระเบิดใส่ลูกชายทรัมป์ลูกสาวทรัมป์จงรีบเจรจาสงบศึกนะ,เจรจาอย่างสันติมิให้เป็นแบบตึกWTCนั้น,เสือกไปกล่าวหาเขาทั้งที่ความจริงปัจจุบันไม่ใช่แล้ว,หรือกล่าวหาอีรักว่ามีนิวเคลียร์ตัวเองเสือกมีกว่าหมื่นลูกได้,จบศึกอีรักเสือกขนทองคำขโมยเงินทองเขาไปพร้อมประตูมิติด้วยเหี้ยอเมริกาจริงๆ,อีรักสุดท้ายก็ไม่พบนิวเคลียร์อะไรนี้คือสันดานอเมริกาที่สร้างแต่ความไม่สงบสุขไปทั่วโลก,เขมรเผ่าพันธุ์นี้เจรจาไม่ได้,คนเขมรต้องจบที่สงครามและปกครองใหม่เท่านั้น,ลาว เวียดนามแบ่งปันพื้นที่ไปปกครองเลย เผ่าพันธุ์นี้ห้ามเป็นประเทศเด็ดขาด,ไร้มนุษยธรรมใดๆในสันดานด้วย อีลิทปกครองเสียนาน นั้นเอง.,ทรัมป์เหี้ยจริงๆ บางประเทศในเผ่าพันธุ์นั้นๆระบบปกครองสวยหรูแบบอเมริกาใช้ไม่ได้หรอก,อเมริกาหนี้เต็มประเทศไปจัดการdeep stateและประชาชนตนก่อนจริงๆเถอะ,ฝ่ายแสงที่หลอกลวงเสือกไม่เห็นจัดการคนชั่วเลวสมุนขี้ข้ารับใช้ซาตานห่าจริงจังอะไรในไทย,ลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิมเติมประเทศไทยQผีบ้าแหกตาคนทั้งโลก สภากาแล็กติกจักรวาลผีบ้าคงจะปั้นเรื่องด้วยเช่นกัน,สรุปเหี้ยไม่มีใครดีจริงๆเลย,ประเทศไทยเราต้องพึ่งพาสามัคคีกันเอง เป็นแสงสว่างแห่งธรรมของประเทศไทยเราเองจริงๆได้แล้ว,รัฐบาลเลวขายชาติต้องร่วมกับทหารพระราชาเรากำจัดกันจริงจังจริงๆ
    ..
    ..https://youtube.com/watch?v=Gj3AXuMCYq8&si=3usaBnZijBJ1F1cb
    ..แผนฝรั่งและแผนอเมริกาชัดเจน ปัญหาไทยกับเขมร ต้องไทยกับเขมรแก้ไขกันเอง,มวยกำลังชกและผลแพ้ชนะจะจบแล้วเสือกมาโกงแบบสันดานนิสัยฝรั่งที่มักทำกันในทวีปตน,โกงมิให้แก้ไขปัญหาให้จบสิ้นจริงๆ,ปล้นความจะสร้างสันติสุขดีงามที่ดีๆในภูมิภาคนี้,ไทยไม่เคยสงบสุขจากฝรั่งมาช่วยเหลืออะไรจริงใจอะไร,สงครามอินโดฯคือความจริงที่ฝรั่งแบบอเมริกาทิ้งประเทศไทยชัดเจน,รัฐบาลไทยนี้สมควรออกไป.,ไม่เคยจดจำประวัติศาสตร์ที่ชั่วเลวของอเมริกาเลย,จีนเป็นกลางถูกแล้ว,อเมริกาต้องเป็นกลางด้วย,เสือกหวาดกลัวว่าไทยจะยึดปกครองเขมรได้อาณาจักรไทยจะใหญ่โต,ไทยจีนสัมพันธ์ไมตรีกันดีปกติอีก,พื้นที่ปกครองทั้งหมดจีนอาจมีที่ยืนกว่าอเมริกาเหรอ,เกิดสงครามอเมริกากว่าจีนใช้พื้นที่ชนะสงครามนี้ทำสงครามกับอเมริกาถึงฟิลิปปินส์สิงคโปร์มาเลย์สะดวกเหรอ,มาเลย์เกลียดอเมริกาจะตายก็ว่า,อเมริกาแทรกแซงไทยจะยุติความขัดแย้งไม่สมควรจริงๆ,เขมรสันดานชั่วเลวโคตรๆแต่อเมริกาจงใจปกป้องเขมรเสมือนผลักไทยไปร่วมกับจีนชัดเจน,เพราะอเมริกาหมายยึดพื้นที่ไทยทำสงครามกับจีนแบบนี้ใช้ไม่ได้,เราพยายามเป็นกลาง,และจบปัญหากับชาติที่รุกรานอธิปไตยไทยตลอดเวลา,ทรัมป์ควายมากๆฝ่ายแสงผีบ้าพ่อมรึงตาย ถ้าลูกทรัมป์ถูกระเบิดตาย คนอเมริกาตายในพรมแดนไทยจากเขมรยิงระเบิดใส่ลูกชายทรัมป์ลูกสาวทรัมป์จงรีบเจรจาสงบศึกนะ,เจรจาอย่างสันติมิให้เป็นแบบตึกWTCนั้น,เสือกไปกล่าวหาเขาทั้งที่ความจริงปัจจุบันไม่ใช่แล้ว,หรือกล่าวหาอีรักว่ามีนิวเคลียร์ตัวเองเสือกมีกว่าหมื่นลูกได้,จบศึกอีรักเสือกขนทองคำขโมยเงินทองเขาไปพร้อมประตูมิติด้วยเหี้ยอเมริกาจริงๆ,อีรักสุดท้ายก็ไม่พบนิวเคลียร์อะไรนี้คือสันดานอเมริกาที่สร้างแต่ความไม่สงบสุขไปทั่วโลก,เขมรเผ่าพันธุ์นี้เจรจาไม่ได้,คนเขมรต้องจบที่สงครามและปกครองใหม่เท่านั้น,ลาว เวียดนามแบ่งปันพื้นที่ไปปกครองเลย เผ่าพันธุ์นี้ห้ามเป็นประเทศเด็ดขาด,ไร้มนุษยธรรมใดๆในสันดานด้วย อีลิทปกครองเสียนาน นั้นเอง.,ทรัมป์เหี้ยจริงๆ บางประเทศในเผ่าพันธุ์นั้นๆระบบปกครองสวยหรูแบบอเมริกาใช้ไม่ได้หรอก,อเมริกาหนี้เต็มประเทศไปจัดการdeep stateและประชาชนตนก่อนจริงๆเถอะ,ฝ่ายแสงที่หลอกลวงเสือกไม่เห็นจัดการคนชั่วเลวสมุนขี้ข้ารับใช้ซาตานห่าจริงจังอะไรในไทย,ลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิมเติมประเทศไทยQผีบ้าแหกตาคนทั้งโลก สภากาแล็กติกจักรวาลผีบ้าคงจะปั้นเรื่องด้วยเช่นกัน,สรุปเหี้ยไม่มีใครดีจริงๆเลย,ประเทศไทยเราต้องพึ่งพาสามัคคีกันเอง เป็นแสงสว่างแห่งธรรมของประเทศไทยเราเองจริงๆได้แล้ว,รัฐบาลเลวขายชาติต้องร่วมกับทหารพระราชาเรากำจัดกันจริงจังจริงๆ .. ..https://youtube.com/watch?v=Gj3AXuMCYq8&si=3usaBnZijBJ1F1cb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตอนนี้ไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น,ชนะกับแพ้คือคำตอบ.
    ..เพราะนี้คือสนามยุทธศาสตร์โลกไปแล้ว,จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่เกิด,สงครามกับอาชญากรสงครามแบบเขมรเท่านั้นคือคำตอบด้วย ซึ่งเราจบสงครามนี้ได้ จะสามารถรักษาความเป็นกลางของภาวะสงครามโลกได้ทันที,จะจีนจะอเมริกาจะไม่มีข้ออ้างใดๆอีกมาใช้อาเชียนเราทำสงครามโลก,อเมริกาจะอ้างว่าเขมรคือฐานทัพจีนแบบจีนสร้างกองทัพเรือย่อยของจีนในเขมรก็ไม่ได้อีก ไทยสามารถขจัดความจะเอาของอเมริกาได้ที่พังงามิให้มีเปรียบเทียบโดยนายกฯพนาเรา ผบ.ปู เดินทางไปเจรจาตกลงกับจีนให้ถอนกองทัพเรือออกจากพื้นที่นี้ที่ไทยชนะสงครามร่วมกับลาวกับเวียดนามรบกวนเชิญออกไปด้วยมิตรไมตรีจิตอันดีงามจากพื้นที่นี้เพื่อมิให้เหี้ยอเมริกาอ้างใช้ไทยมายึดพังงาตั้งฐานทัพในไทยได้อีกแห่งอย่างถาวรในอนาคตเพราะนั่นจะขัดขวางถาวรทันทีของทางสายไหมของการค้าจีนเองทันทีด้วย,หลังจากไทยขุดคลองคอดกระ ทำแลนด์บริดจ์อำนาจอเมริกาจะไม่สามารถมีเหนือในเขตพื้นที่นั้นทันทีด้วย,จีนเองก็สามารถค้าขายอิสระในคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์นั้น ทุกๆชาติทั่วโลกสามารถค้าขายเสรีอิสระผ่านคลองคอดกระของไทยได้โดยไทยมีอธิปไตย100%ในพื้นที่นี้ทั้งหมดไม่มีอเมริกาหรือชาติฝรั่งตะวันตกใดๆมาแทรกแซงการค้าขายในเอเชียในอาเชียนเราได้อีก,จีนสามารถขนส่งทั้งทางบกทางทะเลทางพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงอิสระก็ได้,ทุกๆชาติร่วมมาค้าขายเสรีในราชอาณาจักรไทยได้ เรา..ประเทศไทยเป็นกลางนั้นเอง,แม้อเมริกาจะรบกับจีนจริง ไทยก็เป็นกลางและพื้นที่ชนะสงครามนี้มิให้ใครมาตั้งฐานทัพใดๆก็อเมริกาเพื่อจีนมาสู้รบกันได้,เขตปลิดสงครามโลกคือไทย ลาว เวียดนาม นั้นเอง หากพม่า มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด ฟิลิปปินส์จะร่วมmouเป็นกลางทางสงครามโลกระหว่างอเมริกากับจีน สามารถมาเข้าร่วมลงนามในmouนี้อย่างเปิดเผยและเป็นทางการได้ทันที,จะมิให้อเมริกาใช้ภาษีมาแอบอ้างมีนัยยะแอบแฝงแบบเจรจาอ้างการค้าแต่หมายเอาพังงาไทยมาเป็นฐานทัพรบกับจีนไม่ได้ มาห้ามไทยค้าขายกับใครอิสระเสรีไม่ได้ในอธิปไตยไทยเรา,หรือจีนหมายใช้พื้นที่สงครามที่ไทยชนะยึดทั้งประเทศมันได้แล้วนี้ใช้เป็นฐานทัพรบกับอเมริการก็ไม่ได้หรือหมายใช้ไทยหมายคานกำลังอเมริกาหมายตั้งฐานกำลังสู้กับอเมริกาก็ไม่ได้,นายกฯพระราชทานที่คณะรวมพลังประชาชนแผ่นดินไทยขอถวายพระราชทาน สามารถเจรจาลักษณะนี้แบบเด็ดขาดได้,ตัดตอนหมากทั้งกระดานอเมริการและจีนทันทีด้วย.,อาเชียนเราอย่างด้วยคือไทย ลาว เวียดนามอาจรอดภัยสงครามโลกนี้ พม่ามาเข้าร่วมก็อาจรอด,มาเลย์ก็อิสราเอลมาประจำในมาเลย์แล้ว,สิงคโปร์บ๋อยอเมริกาตัวพ่อ,ฟิลิปปินส์ยิ่งอยากเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกาโน้น,อินโดฯก็ไปทางอเมริกากว่า60%อีก,บ่อน้ำมันในอินโดฯอเมริกาเอาไปเกือบหมดประเทศ.ไม่ต่างจากไทยเพราะยุคอดีตนายกฯขายชาติขึ้นมาปกครองเป็นอันมากในประเทศไทยเรานี้.

    ..นีคือภาวะสงคราม มันเขมรอยากเกิดเลยเปิดมา,ต้องพร้อมจ่ายราคาที่แพงแสนแพงคือไทย ลาว และเวียดนาม จะสลายสถานะการเป็นประเทศเขมรในตอนนี้ทันทีร่วมกันนั้นเอง.,คือร่วมกันกำจัดอาชญากรและอาชญากรรมโลก ฮับค้ามนุษย์ ฮับสแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ทำโจรกรรมก่ออาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก,ฮับฟอกเงินสากลโลก แหล่งบ่อนคาสิโนเถื่อนระดับโลกออนไลน์หลอกลวงทั่วโลกด้วยโดยมีประมุขประเทศคุ้มครองคืออาชญากรฮุนเซนและฮุนมาเนตรวมถึงตระกูลฮุนทุกๆตัวนั้นเองบริหารจัดการควบคุมฮับสาระพัดเลวชั่วนี้ร่วมกันทั้งตระกูลและสมุนขี้ข้าคนรับใช้มันด้วยเป็นกองทัพกองกำลังพิเศษมากมายเพื่อปกป้องฮับสาระพัดอาชญากรและอาชญากรรมนี้,ถ้านานาชาติทั่วโลกว่าเขมรดี แล้วปกป้องเขมรเชื่อว่าประเทศนั้นๆคือแหล่งโอนถ่ายรับเนื้องานธุรกรรมกิจกรรมผลประโยชน์กับประเทศเขมรนี้แน่นอน,ชั่วเลวเหมือนกันนั้นเอง,เกาหลีใต้หากให้ที่หลบหนีจริงแก่อาชญากรโลกนี้แสดงว่า เป็นผู้เคยค้าขายการค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์กับฮุนเซนกับประเทศเขมรด้วยตลอดอาจรวมถึงจุดพักเงินของการฟอกเงินระดับสากลโลกด้วย,หรือมีกิจกรรมทางชั่วร่วมกันก็ไม่ทางใดทางหนึ่งนั้นเอง.
    ..เขมรต้องสิ้นนชาติเพราะแต่เดิมก็ไม่เคยมีชาติมีประเทศอะไร,มีแค่ฝรั่งเศสกับไทยทำศึกสงครามกันช่วงล่าอาณานิคมเท่านั้น,ไม่เคยมีชื่อเขมรปรากฎเกิดขึ้นในขณะนั้นแต่ใดๆ.
    https://youtube.com/watch?v=1JD22hWmnV0&si=mXSl0ROdlfSLeGNz
    ..ตอนนี้ไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น,ชนะกับแพ้คือคำตอบ. ..เพราะนี้คือสนามยุทธศาสตร์โลกไปแล้ว,จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่เกิด,สงครามกับอาชญากรสงครามแบบเขมรเท่านั้นคือคำตอบด้วย ซึ่งเราจบสงครามนี้ได้ จะสามารถรักษาความเป็นกลางของภาวะสงครามโลกได้ทันที,จะจีนจะอเมริกาจะไม่มีข้ออ้างใดๆอีกมาใช้อาเชียนเราทำสงครามโลก,อเมริกาจะอ้างว่าเขมรคือฐานทัพจีนแบบจีนสร้างกองทัพเรือย่อยของจีนในเขมรก็ไม่ได้อีก ไทยสามารถขจัดความจะเอาของอเมริกาได้ที่พังงามิให้มีเปรียบเทียบโดยนายกฯพนาเรา ผบ.ปู เดินทางไปเจรจาตกลงกับจีนให้ถอนกองทัพเรือออกจากพื้นที่นี้ที่ไทยชนะสงครามร่วมกับลาวกับเวียดนามรบกวนเชิญออกไปด้วยมิตรไมตรีจิตอันดีงามจากพื้นที่นี้เพื่อมิให้เหี้ยอเมริกาอ้างใช้ไทยมายึดพังงาตั้งฐานทัพในไทยได้อีกแห่งอย่างถาวรในอนาคตเพราะนั่นจะขัดขวางถาวรทันทีของทางสายไหมของการค้าจีนเองทันทีด้วย,หลังจากไทยขุดคลองคอดกระ ทำแลนด์บริดจ์อำนาจอเมริกาจะไม่สามารถมีเหนือในเขตพื้นที่นั้นทันทีด้วย,จีนเองก็สามารถค้าขายอิสระในคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์นั้น ทุกๆชาติทั่วโลกสามารถค้าขายเสรีอิสระผ่านคลองคอดกระของไทยได้โดยไทยมีอธิปไตย100%ในพื้นที่นี้ทั้งหมดไม่มีอเมริกาหรือชาติฝรั่งตะวันตกใดๆมาแทรกแซงการค้าขายในเอเชียในอาเชียนเราได้อีก,จีนสามารถขนส่งทั้งทางบกทางทะเลทางพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงอิสระก็ได้,ทุกๆชาติร่วมมาค้าขายเสรีในราชอาณาจักรไทยได้ เรา..ประเทศไทยเป็นกลางนั้นเอง,แม้อเมริกาจะรบกับจีนจริง ไทยก็เป็นกลางและพื้นที่ชนะสงครามนี้มิให้ใครมาตั้งฐานทัพใดๆก็อเมริกาเพื่อจีนมาสู้รบกันได้,เขตปลิดสงครามโลกคือไทย ลาว เวียดนาม นั้นเอง หากพม่า มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด ฟิลิปปินส์จะร่วมmouเป็นกลางทางสงครามโลกระหว่างอเมริกากับจีน สามารถมาเข้าร่วมลงนามในmouนี้อย่างเปิดเผยและเป็นทางการได้ทันที,จะมิให้อเมริกาใช้ภาษีมาแอบอ้างมีนัยยะแอบแฝงแบบเจรจาอ้างการค้าแต่หมายเอาพังงาไทยมาเป็นฐานทัพรบกับจีนไม่ได้ มาห้ามไทยค้าขายกับใครอิสระเสรีไม่ได้ในอธิปไตยไทยเรา,หรือจีนหมายใช้พื้นที่สงครามที่ไทยชนะยึดทั้งประเทศมันได้แล้วนี้ใช้เป็นฐานทัพรบกับอเมริการก็ไม่ได้หรือหมายใช้ไทยหมายคานกำลังอเมริกาหมายตั้งฐานกำลังสู้กับอเมริกาก็ไม่ได้,นายกฯพระราชทานที่คณะรวมพลังประชาชนแผ่นดินไทยขอถวายพระราชทาน สามารถเจรจาลักษณะนี้แบบเด็ดขาดได้,ตัดตอนหมากทั้งกระดานอเมริการและจีนทันทีด้วย.,อาเชียนเราอย่างด้วยคือไทย ลาว เวียดนามอาจรอดภัยสงครามโลกนี้ พม่ามาเข้าร่วมก็อาจรอด,มาเลย์ก็อิสราเอลมาประจำในมาเลย์แล้ว,สิงคโปร์บ๋อยอเมริกาตัวพ่อ,ฟิลิปปินส์ยิ่งอยากเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกาโน้น,อินโดฯก็ไปทางอเมริกากว่า60%อีก,บ่อน้ำมันในอินโดฯอเมริกาเอาไปเกือบหมดประเทศ.ไม่ต่างจากไทยเพราะยุคอดีตนายกฯขายชาติขึ้นมาปกครองเป็นอันมากในประเทศไทยเรานี้. ..นีคือภาวะสงคราม มันเขมรอยากเกิดเลยเปิดมา,ต้องพร้อมจ่ายราคาที่แพงแสนแพงคือไทย ลาว และเวียดนาม จะสลายสถานะการเป็นประเทศเขมรในตอนนี้ทันทีร่วมกันนั้นเอง.,คือร่วมกันกำจัดอาชญากรและอาชญากรรมโลก ฮับค้ามนุษย์ ฮับสแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ทำโจรกรรมก่ออาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก,ฮับฟอกเงินสากลโลก แหล่งบ่อนคาสิโนเถื่อนระดับโลกออนไลน์หลอกลวงทั่วโลกด้วยโดยมีประมุขประเทศคุ้มครองคืออาชญากรฮุนเซนและฮุนมาเนตรวมถึงตระกูลฮุนทุกๆตัวนั้นเองบริหารจัดการควบคุมฮับสาระพัดเลวชั่วนี้ร่วมกันทั้งตระกูลและสมุนขี้ข้าคนรับใช้มันด้วยเป็นกองทัพกองกำลังพิเศษมากมายเพื่อปกป้องฮับสาระพัดอาชญากรและอาชญากรรมนี้,ถ้านานาชาติทั่วโลกว่าเขมรดี แล้วปกป้องเขมรเชื่อว่าประเทศนั้นๆคือแหล่งโอนถ่ายรับเนื้องานธุรกรรมกิจกรรมผลประโยชน์กับประเทศเขมรนี้แน่นอน,ชั่วเลวเหมือนกันนั้นเอง,เกาหลีใต้หากให้ที่หลบหนีจริงแก่อาชญากรโลกนี้แสดงว่า เป็นผู้เคยค้าขายการค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์กับฮุนเซนกับประเทศเขมรด้วยตลอดอาจรวมถึงจุดพักเงินของการฟอกเงินระดับสากลโลกด้วย,หรือมีกิจกรรมทางชั่วร่วมกันก็ไม่ทางใดทางหนึ่งนั้นเอง. ..เขมรต้องสิ้นนชาติเพราะแต่เดิมก็ไม่เคยมีชาติมีประเทศอะไร,มีแค่ฝรั่งเศสกับไทยทำศึกสงครามกันช่วงล่าอาณานิคมเท่านั้น,ไม่เคยมีชื่อเขมรปรากฎเกิดขึ้นในขณะนั้นแต่ใดๆ. https://youtube.com/watch?v=1JD22hWmnV0&si=mXSl0ROdlfSLeGNz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกออนไลน์: เมื่อ “เกม” และ “VPN” กลายเป็นเครื่องมือหลบกฎหมาย

    ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักรและต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่หรือเนื้อหาที่จำกัดอายุ แต่ระบบใหม่ภายใต้กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้คุณต้องส่งภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือแม้แต่เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จริงๆ

    ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจและเริ่มหาทางหลบเลี่ยง—บางคนใช้ VPN เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง IP ไปยังประเทศอื่น แต่ที่สร้างเสียงฮือฮาคือการใช้ “ภาพจากเกม Death Stranding” โดยปรับสีหน้าในโหมดถ่ายภาพของตัวละคร Sam Porter Bridges แล้วใช้ภาพนั้นแทนใบหน้าจริงในการยืนยันอายุบน Discord และแพลตฟอร์มอื่น

    กฎหมาย Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรเมื่อ 25 กรกฎาคม 2025
    บังคับให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ระบบตรวจสอบอายุที่เข้มงวด
    ไม่สามารถใช้แค่การคลิก “ฉันอายุเกิน 18” ได้อีกต่อไป

    ระบบตรวจสอบอายุต้องใช้ข้อมูลจริง เช่น ภาพใบหน้า, วิดีโอ, บัตรประชาชน หรือข้อมูลธนาคาร
    Discord ใช้ระบบ K-ID ที่ต้องให้ผู้ใช้เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นคนจริง
    Reddit, Pornhub, XHamster และแพลตฟอร์มอื่นเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว

    ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานจาก UK เพิ่มขึ้น 1,400% ภายในวันเดียว
    Google Search คำว่า “Proton” เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าในวันเดียว

    ผู้ใช้บางคนใช้ภาพจากเกม Death Stranding เพื่อหลอกระบบตรวจสอบอายุ
    ใช้โหมดถ่ายภาพปรับสีหน้าตัวละครให้เหมือนคนจริง
    PC Gamer ยืนยันว่าเทคนิคนี้ใช้ได้จริง โดยถือกล้องมือถือถ่ายภาพจากหน้าจอเกม

    ผู้ใช้ยังใช้ภาพจากโมเดลมีมชื่อดัง “Hide the Pain Harold” เพื่อผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น
    แต่ระบบยังต้องการการเคลื่อนไหว เช่น การเปิดปาก เพื่อยืนยันว่าเป็นคนจริง

    การใช้ VPN หรือภาพปลอมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอายุอาจละเมิดข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม
    Ofcom ระบุว่าการส่งเสริมการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายเป็นสิ่งต้องห้าม
    แพลตฟอร์มอาจแบนบัญชีที่ใช้วิธีหลอกลวง

    ระบบตรวจสอบอายุอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    ต้องส่งข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน
    ผู้ใช้บางคนไม่มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย

    การใช้ภาพจากเกมหรือโมเดลปลอมอาจทำให้ระบบตรวจสอบผิดพลาด
    อาจเปิดช่องให้ผู้เยาว์เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
    ลดความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบอายุโดยรวม

    การบังคับใช้กฎหมายอาจกระทบเสรีภาพในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์
    มีผู้ลงชื่อในคำร้องขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้มากกว่า 280,000 คน
    บางเว็บไซต์เลือกปิดบริการใน UK แทนที่จะปรับตัวตามกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/108819-brits-circumventing-uk-age-verification-vpns-death-stranding.html
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกออนไลน์: เมื่อ “เกม” และ “VPN” กลายเป็นเครื่องมือหลบกฎหมาย ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักรและต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ผู้ใหญ่หรือเนื้อหาที่จำกัดอายุ แต่ระบบใหม่ภายใต้กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้คุณต้องส่งภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือแม้แต่เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจและเริ่มหาทางหลบเลี่ยง—บางคนใช้ VPN เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง IP ไปยังประเทศอื่น แต่ที่สร้างเสียงฮือฮาคือการใช้ “ภาพจากเกม Death Stranding” โดยปรับสีหน้าในโหมดถ่ายภาพของตัวละคร Sam Porter Bridges แล้วใช้ภาพนั้นแทนใบหน้าจริงในการยืนยันอายุบน Discord และแพลตฟอร์มอื่น ✅ กฎหมาย Online Safety Act เริ่มบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรเมื่อ 25 กรกฎาคม 2025 ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ระบบตรวจสอบอายุที่เข้มงวด ➡️ ไม่สามารถใช้แค่การคลิก “ฉันอายุเกิน 18” ได้อีกต่อไป ✅ ระบบตรวจสอบอายุต้องใช้ข้อมูลจริง เช่น ภาพใบหน้า, วิดีโอ, บัตรประชาชน หรือข้อมูลธนาคาร ➡️ Discord ใช้ระบบ K-ID ที่ต้องให้ผู้ใช้เปิดปากต่อหน้ากล้องเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นคนจริง ➡️ Reddit, Pornhub, XHamster และแพลตฟอร์มอื่นเริ่มใช้ระบบนี้แล้ว ✅ ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานจาก UK เพิ่มขึ้น 1,400% ภายในวันเดียว ➡️ Google Search คำว่า “Proton” เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าในวันเดียว ✅ ผู้ใช้บางคนใช้ภาพจากเกม Death Stranding เพื่อหลอกระบบตรวจสอบอายุ ➡️ ใช้โหมดถ่ายภาพปรับสีหน้าตัวละครให้เหมือนคนจริง ➡️ PC Gamer ยืนยันว่าเทคนิคนี้ใช้ได้จริง โดยถือกล้องมือถือถ่ายภาพจากหน้าจอเกม ✅ ผู้ใช้ยังใช้ภาพจากโมเดลมีมชื่อดัง “Hide the Pain Harold” เพื่อผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น ➡️ แต่ระบบยังต้องการการเคลื่อนไหว เช่น การเปิดปาก เพื่อยืนยันว่าเป็นคนจริง ‼️ การใช้ VPN หรือภาพปลอมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอายุอาจละเมิดข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม ⛔ Ofcom ระบุว่าการส่งเสริมการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายเป็นสิ่งต้องห้าม ⛔ แพลตฟอร์มอาจแบนบัญชีที่ใช้วิธีหลอกลวง ‼️ ระบบตรวจสอบอายุอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ⛔ ต้องส่งข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพใบหน้า, บัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน ⛔ ผู้ใช้บางคนไม่มั่นใจว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย ‼️ การใช้ภาพจากเกมหรือโมเดลปลอมอาจทำให้ระบบตรวจสอบผิดพลาด ⛔ อาจเปิดช่องให้ผู้เยาว์เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ⛔ ลดความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบอายุโดยรวม ‼️ การบังคับใช้กฎหมายอาจกระทบเสรีภาพในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ ⛔ มีผู้ลงชื่อในคำร้องขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้มากกว่า 280,000 คน ⛔ บางเว็บไซต์เลือกปิดบริการใน UK แทนที่จะปรับตัวตามกฎหมาย https://www.techspot.com/news/108819-brits-circumventing-uk-age-verification-vpns-death-stranding.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Brits are circumventing UK age verification with VPNs and Death Stranding photos
    Proton VPN reported a 1,400% increase in logins from the UK on Friday. The company attributed the surge to the stricter enforcement of the Online Safety Act,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์!

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ

    Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ
    รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี
    ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850

    ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน
    ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน
    ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง

    Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ
    รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ
    ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ

    บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน
    มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้
    บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ

    รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน
    Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ
    รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security

    FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้
    ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman
    ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ

    รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล
    ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน
    ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง

    บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม
    อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
    การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง

    การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล
    เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ
    สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง

    รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
    เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ
    ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก

    การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว
    มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม
    ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป

    https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    🧑‍💻 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ ✅ Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ ➡️ รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี ➡️ ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850 ✅ ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน ➡️ ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน ➡️ ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง ✅ Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ ➡️ รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ ➡️ ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ✅ บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน ➡️ มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ ➡️ บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ ✅ รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน ➡️ Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ ➡️ รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security ✅ FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้ ➡️ ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman ➡️ ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล ➡️ ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน ➡️ ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง ‼️ บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม ⛔ อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน ⛔ การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง ‼️ การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล ⛔ เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ ⛔ สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง ‼️ รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ⛔ เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก ‼️ การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว ⛔ มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม ⛔ ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    HACKREAD.COM
    Arizona Woman Jailed for Helping North Korea in $17M IT Job Scam
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วินธัย” โต้ โฆษกกลาโหมเขมร กล่าวหาไทยสร้างเรื่องเท็จเพื่อรุกราน ซัดกัมพูชาต่างหากบิดเบือนความจริงหลอกลวงชาวโลก ทั้งที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็น ทั้งยิงปืนใหญ่เข้าใส่ชุมชน ใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ ใช้เด็ก-ผู้หญิง โฆษณาชวนเชื่อ ย้ำกระสุนปืนใหญ่ที่ยิ่งเข้าลาว พิสูจน์แล้วไม่ใช่ของไทย ก็ต้องเป็นของกัมพูชา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071023

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    “วินธัย” โต้ โฆษกกลาโหมเขมร กล่าวหาไทยสร้างเรื่องเท็จเพื่อรุกราน ซัดกัมพูชาต่างหากบิดเบือนความจริงหลอกลวงชาวโลก ทั้งที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็น ทั้งยิงปืนใหญ่เข้าใส่ชุมชน ใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ ใช้เด็ก-ผู้หญิง โฆษณาชวนเชื่อ ย้ำกระสุนปืนใหญ่ที่ยิ่งเข้าลาว พิสูจน์แล้วไม่ใช่ของไทย ก็ต้องเป็นของกัมพูชา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000071023 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts