• “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท

    วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344

    #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท • วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344 • #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เอาจริงๆนะ ว่าตามยุคโควิดนี้ก็ว่า อสม.เสมือนคนที่ตายแล้วจริงๆ,เพียงรอเวลาวัคซีนที่ฉีดๆเข้าไปออกฤทธิ์แค่นั้น, หรือกราฟีนในวัคซีนลดอายุขัย อสม.นั้นเอง ,อสม.น่าสงสารมาก คือเหยื่อด่านหน้าจริงๆ ลูกหลานครอบครัวเขาจะขาดที่พึ่งทันที จะอสม.คนไหนก็ตาม สมัยก่อนใครอยากเป็นอสม.ก็อาสาเข้ามาหรือยกมือขออาสาเป็นเอง แม้ส่วนใหญ่คือเส้นสายคณะกรรมหมู่บ้านสายสัมพันธ์คนในชุมชน คนของใคร ทีมผู้ใหญ่นั้นๆคนไหน ยุคผู้ใหญ่บ้านของใครมันก็ด้วย,555คือเส้นทั้งนั้นเช่นกัน ดักดานยึดครองอสม.จนรากงอกก็ว่า,นี้คือความจริงอีกด้าน,นอกจากความจริงว่า ต้องตายแน่นอนร่วมกับแพทย์หมอพยาบาลทหารตำรวจที่ไม่รู้เรื่องหรือคนของระบบราชการด่านหน้าในหลายๆคน,แก่สมุนรับใช้อีลิทรอดหมดในไทย มุกว่ามีใบอนุญาตฉีกแล้วสามารถหลอกได้ตรึมล่ะบวกเข็มปลอมๆฉีดปลอมๆก็มีตรึมในคลิปต่างประเทศ พวกนี้จึงไม่เป็นห่าอะไร ไม่น้ำเกลือๆแร่หรือเข็มบำรุงแทนไปด้วยโน้น ในไทยมีมุกพิศดารนี้ตรึมล่ะ,
    ..สงสารจริงคือไทบ้าน ชาวบ้านตาดำ เสลอไปอยากเป็นอสม.ด้วยหลงถูกหลอกลวงโดยฝ่ายมืดมันวางหมากจัดตั้งอสม.นี้เตรียมกาลไว้แล้วหลายปีก่อนลงมือใช้งานจริงหลอกชาวบ้านด้วยกันให้เชื่อถืออสม.ได้ เพราะก็คนไทบ้านเราเหมือนกันพะนะ จึงพากันถูกฉีดถึงบ้านอย่างสบายใจตายทั้งหมู่บ้าน 608ตุยก่อนคือเป้าหมายแรกพะนะ,
    ..ประชาชนไม่ฟ้องศาลก็ไม่ได้ตังเพราะคนพวกนี้โวยวายได้แค่ในหมู่บ้าน ไม่มีปัญญาเอาผิดทางพยานหลักฐานการตายทางกฎหมายถึงศาลฟ้องพวกอีลิทไม่ได้,ไทบ้านๆแค่นั้นก็ว่า,ตายเงียบตรึม อาจปลอบใจหน่อยคืออสม.ให้ตังหลังตายแก่คนข้างหลังบ้างเพราะรับใช้ทำงานช่วยลดประชากรได้ตามเป้าดี.

    ..ประชาชนเสือกไม่ได้อะไรเลย ตายก็ตายเปล่า
    ..อสม.ก็น่าสงสารแต่น้อยกว่าประชาชนแน่นอน ไม่ยุติธรรมต่อประชาชนตาดำๆเลย,ถ้าพิจารณาคนได้รับผลกระทบบาดเจ็บ&อักเสบหรืออนาถที่สุดคือตายจากผลของวัคซีนโควิดที่ฉีดๆกันไป อาทิ ลิ่มเลือดอุดตัน หัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบถึงวายตาย วูบตาย มะเร็งสาระพัดแห่งที่จะเป็นตามอวัยวะต่างๆ,และกว่าก่อโรค1,291โรคเอาแต่ภูมิnkcellภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจะลดลงให้โรคต่างๆโจมตีแทนได้,
    ..แม้เห็นใจ อสม.แต่ภาคประชาชนสมควรได้รับการชดเชยและเปิดเผยความจริงถึงวัคซีนโควิดที่รับไปแล้วจริงๆจากภาครัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการบอกความจริงนั้นๆ,มิใช่ให้สิทธิ อสม.ฝ่ายเดียวแบบนี้ หากพิจารณาถึงกรณีไม่รอดแน่นอนจากการรับวัคซีนของอสม.ก็ตามแต่บิดเบือนช่วยเหลือในหัวข้ออื่นสร้างเรื่องอ้างบริบทอื่นชดเชยค่าสาระพัดแบบในคลิปนี้ลิ้งก์นี้.
    ..จริงๆพรบ.อสม.ไม่สมควรมีหรอก ยกเลิกเถอะ ยุบไปก็ได้,เป็นรุ่นสุดท้าย จ่ายชดเชยตอนมีชีวิตอยู่นี้ล่ะ หากเสียชีวิตไป,ตามรายชื่อที่ปรากฏในทะเบียนอสม.แม้พ้นหน้าที่แล้วแต่หลังในวันนี้,ล็อกรายชื่ออสม.ทั้งยุคโควิดจนถึงปัจจุบันที่ไม่รวมการรับสมัครใหม่ล่าสุดของปีนี้นะ, หากใครเสียชีวิตรับเงินชดเชยทันทีตามเงื่อนไขและค่าทำศพอะไรใดๆก็ว่าไป,แล้วยุบอสม.ทั้งประเทศไปเลย,จะตั้งอะไรใหม่ ชื่อใหม่ใดๆอีกครั้งเพื่อวัตถุประสงค์ใดตรงจุดเป้าหมายจริงๆชัดเจนก็จึงค่อยตั้งขึ้นมาใหม่มีระบบระเบียบวิธีการคัดกรองคัดเลือกชัดเจน มีใช่ใช้เส้นสายอิทธิพล&เดอะแก๊งใดๆประจำชุมชนหมู่บ้านเส้นใครมันคนกูคนมรึงเลือกยึดครองกันเองก็ว่า มันเลอะเทอะพอแล้ว ซื้อซีซื้อตำแหน่งเข้าทำงานใดๆใน อบต.อบท.อบจ.ในอดีตถึงปัจจุบันก็อนาถแล้ว,อนาคตใช้ตังดิจิดัลควอนตัมเลยมั้ย,แมร่งใต้โต๊ะซื้อตำแหน่งฮั่วประมูล เงินมืดเงินเถื่อนใดๆมีหนาวแน่นอน,หรือตังซื้อเสียงซื้อให้กาคะแนนก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังถึงต้นทางกันเลยก็ได้ ท่านเอาไปอะไรแล,หรือท่านๆไทบ้านประชาชนมีตังเข้าบัญชีควอนตัมบัตรประชาชนนี้แต่ใดมานะ,ซวยทั้งคนแจกทั้งคนรับแบบเรียลไทม์เลย,บางครัังเมื่อไม่ชอบอิสระเสรีมีคุณค่าความเป็นคนสำนึกดีในคุณค่ามนุษย์ก็ต้องใช้ระบบจัดการจริงๆ.,เราไม่สามารถทำคนทุกๆคนเป็นคนดีได้ แต่เราไม่สามารถละทิ้งคนดีให้โดดเดี่ยวได้เช่นกัน.
    https://youtube.com/watch?v=Srl39JNss-c&si=JzM_9Q2aVmx7oQwI
    ..เอาจริงๆนะ ว่าตามยุคโควิดนี้ก็ว่า อสม.เสมือนคนที่ตายแล้วจริงๆ,เพียงรอเวลาวัคซีนที่ฉีดๆเข้าไปออกฤทธิ์แค่นั้น, หรือกราฟีนในวัคซีนลดอายุขัย อสม.นั้นเอง ,อสม.น่าสงสารมาก คือเหยื่อด่านหน้าจริงๆ ลูกหลานครอบครัวเขาจะขาดที่พึ่งทันที จะอสม.คนไหนก็ตาม สมัยก่อนใครอยากเป็นอสม.ก็อาสาเข้ามาหรือยกมือขออาสาเป็นเอง แม้ส่วนใหญ่คือเส้นสายคณะกรรมหมู่บ้านสายสัมพันธ์คนในชุมชน คนของใคร ทีมผู้ใหญ่นั้นๆคนไหน ยุคผู้ใหญ่บ้านของใครมันก็ด้วย,555คือเส้นทั้งนั้นเช่นกัน ดักดานยึดครองอสม.จนรากงอกก็ว่า,นี้คือความจริงอีกด้าน,นอกจากความจริงว่า ต้องตายแน่นอนร่วมกับแพทย์หมอพยาบาลทหารตำรวจที่ไม่รู้เรื่องหรือคนของระบบราชการด่านหน้าในหลายๆคน,แก่สมุนรับใช้อีลิทรอดหมดในไทย มุกว่ามีใบอนุญาตฉีกแล้วสามารถหลอกได้ตรึมล่ะบวกเข็มปลอมๆฉีดปลอมๆก็มีตรึมในคลิปต่างประเทศ พวกนี้จึงไม่เป็นห่าอะไร ไม่น้ำเกลือๆแร่หรือเข็มบำรุงแทนไปด้วยโน้น ในไทยมีมุกพิศดารนี้ตรึมล่ะ, ..สงสารจริงคือไทบ้าน ชาวบ้านตาดำ เสลอไปอยากเป็นอสม.ด้วยหลงถูกหลอกลวงโดยฝ่ายมืดมันวางหมากจัดตั้งอสม.นี้เตรียมกาลไว้แล้วหลายปีก่อนลงมือใช้งานจริงหลอกชาวบ้านด้วยกันให้เชื่อถืออสม.ได้ เพราะก็คนไทบ้านเราเหมือนกันพะนะ จึงพากันถูกฉีดถึงบ้านอย่างสบายใจตายทั้งหมู่บ้าน 608ตุยก่อนคือเป้าหมายแรกพะนะ, ..ประชาชนไม่ฟ้องศาลก็ไม่ได้ตังเพราะคนพวกนี้โวยวายได้แค่ในหมู่บ้าน ไม่มีปัญญาเอาผิดทางพยานหลักฐานการตายทางกฎหมายถึงศาลฟ้องพวกอีลิทไม่ได้,ไทบ้านๆแค่นั้นก็ว่า,ตายเงียบตรึม อาจปลอบใจหน่อยคืออสม.ให้ตังหลังตายแก่คนข้างหลังบ้างเพราะรับใช้ทำงานช่วยลดประชากรได้ตามเป้าดี. ..ประชาชนเสือกไม่ได้อะไรเลย ตายก็ตายเปล่า ..อสม.ก็น่าสงสารแต่น้อยกว่าประชาชนแน่นอน ไม่ยุติธรรมต่อประชาชนตาดำๆเลย,ถ้าพิจารณาคนได้รับผลกระทบบาดเจ็บ&อักเสบหรืออนาถที่สุดคือตายจากผลของวัคซีนโควิดที่ฉีดๆกันไป อาทิ ลิ่มเลือดอุดตัน หัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบถึงวายตาย วูบตาย มะเร็งสาระพัดแห่งที่จะเป็นตามอวัยวะต่างๆ,และกว่าก่อโรค1,291โรคเอาแต่ภูมิnkcellภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจะลดลงให้โรคต่างๆโจมตีแทนได้, ..แม้เห็นใจ อสม.แต่ภาคประชาชนสมควรได้รับการชดเชยและเปิดเผยความจริงถึงวัคซีนโควิดที่รับไปแล้วจริงๆจากภาครัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการบอกความจริงนั้นๆ,มิใช่ให้สิทธิ อสม.ฝ่ายเดียวแบบนี้ หากพิจารณาถึงกรณีไม่รอดแน่นอนจากการรับวัคซีนของอสม.ก็ตามแต่บิดเบือนช่วยเหลือในหัวข้ออื่นสร้างเรื่องอ้างบริบทอื่นชดเชยค่าสาระพัดแบบในคลิปนี้ลิ้งก์นี้. ..จริงๆพรบ.อสม.ไม่สมควรมีหรอก ยกเลิกเถอะ ยุบไปก็ได้,เป็นรุ่นสุดท้าย จ่ายชดเชยตอนมีชีวิตอยู่นี้ล่ะ หากเสียชีวิตไป,ตามรายชื่อที่ปรากฏในทะเบียนอสม.แม้พ้นหน้าที่แล้วแต่หลังในวันนี้,ล็อกรายชื่ออสม.ทั้งยุคโควิดจนถึงปัจจุบันที่ไม่รวมการรับสมัครใหม่ล่าสุดของปีนี้นะ, หากใครเสียชีวิตรับเงินชดเชยทันทีตามเงื่อนไขและค่าทำศพอะไรใดๆก็ว่าไป,แล้วยุบอสม.ทั้งประเทศไปเลย,จะตั้งอะไรใหม่ ชื่อใหม่ใดๆอีกครั้งเพื่อวัตถุประสงค์ใดตรงจุดเป้าหมายจริงๆชัดเจนก็จึงค่อยตั้งขึ้นมาใหม่มีระบบระเบียบวิธีการคัดกรองคัดเลือกชัดเจน มีใช่ใช้เส้นสายอิทธิพล&เดอะแก๊งใดๆประจำชุมชนหมู่บ้านเส้นใครมันคนกูคนมรึงเลือกยึดครองกันเองก็ว่า มันเลอะเทอะพอแล้ว ซื้อซีซื้อตำแหน่งเข้าทำงานใดๆใน อบต.อบท.อบจ.ในอดีตถึงปัจจุบันก็อนาถแล้ว,อนาคตใช้ตังดิจิดัลควอนตัมเลยมั้ย,แมร่งใต้โต๊ะซื้อตำแหน่งฮั่วประมูล เงินมืดเงินเถื่อนใดๆมีหนาวแน่นอน,หรือตังซื้อเสียงซื้อให้กาคะแนนก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังถึงต้นทางกันเลยก็ได้ ท่านเอาไปอะไรแล,หรือท่านๆไทบ้านประชาชนมีตังเข้าบัญชีควอนตัมบัตรประชาชนนี้แต่ใดมานะ,ซวยทั้งคนแจกทั้งคนรับแบบเรียลไทม์เลย,บางครัังเมื่อไม่ชอบอิสระเสรีมีคุณค่าความเป็นคนสำนึกดีในคุณค่ามนุษย์ก็ต้องใช้ระบบจัดการจริงๆ.,เราไม่สามารถทำคนทุกๆคนเป็นคนดีได้ แต่เราไม่สามารถละทิ้งคนดีให้โดดเดี่ยวได้เช่นกัน. https://youtube.com/watch?v=Srl39JNss-c&si=JzM_9Q2aVmx7oQwI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Cofense พบว่า AI กำลังช่วยให้แฮกเกอร์สามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงมากขึ้น โดยไม่มีข้อผิดพลาดด้านไวยากรณ์หรือการจัดรูปแบบ ทำให้ สามารถหลอกลวงผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น และหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิม

    ✅ AI ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงมากขึ้น
    - ไม่มีข้อผิดพลาดด้าน ไวยากรณ์, การสะกดคำ หรือการจัดรูปแบบ

    ✅ อีเมลฟิชชิ่งสามารถเลียนแบบผู้บริหารระดับสูงได้อย่างแม่นยำ
    - ใช้ โดเมนที่คล้ายกับบริษัทจริง เช่น "@consultant.com"

    ✅ แฮกเกอร์ใช้เทคนิค Polymorphic Attacks เพื่อเปลี่ยนเนื้อหาอีเมลแบบเรียลไทม์
    - ทำให้ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้

    ✅ มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในอีเมลฟิชชิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - ในปี 2024 พบว่า 40% ของมัลแวร์ที่ตรวจพบเป็นภัยคุกคามใหม่

    ✅ การโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) กำลังเพิ่มขึ้น
    - แฮกเกอร์สามารถ ตอบกลับอีเมลที่มีอยู่แล้ว และใช้ภาษาที่ดูเป็นมืออาชีพ

    https://www.techradar.com/pro/security/ai-is-making-phishing-emails-far-more-convincing-with-fewer-typos-and-better-formatting-heres-how-to-stay-safe
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Cofense พบว่า AI กำลังช่วยให้แฮกเกอร์สามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงมากขึ้น โดยไม่มีข้อผิดพลาดด้านไวยากรณ์หรือการจัดรูปแบบ ทำให้ สามารถหลอกลวงผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น และหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิม ✅ AI ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงมากขึ้น - ไม่มีข้อผิดพลาดด้าน ไวยากรณ์, การสะกดคำ หรือการจัดรูปแบบ ✅ อีเมลฟิชชิ่งสามารถเลียนแบบผู้บริหารระดับสูงได้อย่างแม่นยำ - ใช้ โดเมนที่คล้ายกับบริษัทจริง เช่น "@consultant.com" ✅ แฮกเกอร์ใช้เทคนิค Polymorphic Attacks เพื่อเปลี่ยนเนื้อหาอีเมลแบบเรียลไทม์ - ทำให้ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้ ✅ มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในอีเมลฟิชชิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น - ในปี 2024 พบว่า 40% ของมัลแวร์ที่ตรวจพบเป็นภัยคุกคามใหม่ ✅ การโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) กำลังเพิ่มขึ้น - แฮกเกอร์สามารถ ตอบกลับอีเมลที่มีอยู่แล้ว และใช้ภาษาที่ดูเป็นมืออาชีพ https://www.techradar.com/pro/security/ai-is-making-phishing-emails-far-more-convincing-with-fewer-typos-and-better-formatting-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ใช้ AI บน Chrome เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์แบบเรียลไทม์ Google ได้เปิดตัว ระบบ AI บน Chrome ที่ช่วย ตรวจจับและป้องกันการหลอกลวงออนไลน์แบบเรียลไทม์ โดยใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในโหมด Enhanced Protection ซึ่งช่วยให้ สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์และแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงได้ทันที

    นอกจากนี้ Google ยังใช้ Gemini Nano LLM เพื่อช่วย ป้องกันการแจ้งเตือนที่เป็นอันตรายบน Chrome สำหรับ Android โดยระบบจะ ตรวจสอบและแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบว่าการแจ้งเตือนอาจเป็นภัยคุกคาม

    ✅ Google ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในโหมด Enhanced Protection ของ Chrome
    - ช่วยให้ สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์และแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงได้ทันที

    ✅ Gemini Nano LLM ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการแจ้งเตือนที่เป็นอันตรายบน Chrome สำหรับ Android
    - ระบบจะ ตรวจสอบและแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบว่าการแจ้งเตือนอาจเป็นภัยคุกคาม

    ✅ AI ของ Google สามารถตรวจจับหน้าเว็บหลอกลวงได้มากขึ้นถึง 20 เท่า
    - ทำให้ สามารถลดจำนวนเว็บไซต์หลอกลวงที่ปรากฏบนผลการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Google ใช้ AI เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับบริการลูกค้าสายการบิน
    - ส่งผลให้ จำนวนการหลอกลวงประเภทนี้ลดลงกว่า 80%

    ✅ AI ของ Google สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคนิคการหลอกลวงใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
    - ทำให้ สามารถป้องกันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techspot.com/news/107865-google-adds-device-ai-chrome-catch-scams-real.html
    Google ใช้ AI บน Chrome เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์แบบเรียลไทม์ Google ได้เปิดตัว ระบบ AI บน Chrome ที่ช่วย ตรวจจับและป้องกันการหลอกลวงออนไลน์แบบเรียลไทม์ โดยใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในโหมด Enhanced Protection ซึ่งช่วยให้ สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์และแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงได้ทันที นอกจากนี้ Google ยังใช้ Gemini Nano LLM เพื่อช่วย ป้องกันการแจ้งเตือนที่เป็นอันตรายบน Chrome สำหรับ Android โดยระบบจะ ตรวจสอบและแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบว่าการแจ้งเตือนอาจเป็นภัยคุกคาม ✅ Google ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในโหมด Enhanced Protection ของ Chrome - ช่วยให้ สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์และแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงได้ทันที ✅ Gemini Nano LLM ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการแจ้งเตือนที่เป็นอันตรายบน Chrome สำหรับ Android - ระบบจะ ตรวจสอบและแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบว่าการแจ้งเตือนอาจเป็นภัยคุกคาม ✅ AI ของ Google สามารถตรวจจับหน้าเว็บหลอกลวงได้มากขึ้นถึง 20 เท่า - ทำให้ สามารถลดจำนวนเว็บไซต์หลอกลวงที่ปรากฏบนผลการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Google ใช้ AI เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับบริการลูกค้าสายการบิน - ส่งผลให้ จำนวนการหลอกลวงประเภทนี้ลดลงกว่า 80% ✅ AI ของ Google สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคนิคการหลอกลวงใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว - ทำให้ สามารถป้องกันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techspot.com/news/107865-google-adds-device-ai-chrome-catch-scams-real.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google adds on-device AI to Chrome to catch scams in real time
    Google now deploys its latest artificial intelligence advancements to detect and combat online scams more effectively. By integrating large language models into platforms like Search, Chrome, and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Chrome ใช้ AI Gemini Nano เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ Google ได้เปิดเผยว่า Chrome Enhanced Protection mode บนเดสก์ท็อปตอนนี้ใช้ Gemini Nano ซึ่งเป็น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ทำงานบนอุปกรณ์ เพื่อช่วย ตรวจจับเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงและป้องกันการหลอกลวงออนไลน์

    Gemini Nano สามารถ วิเคราะห์ข้อความจำนวนมากและระบุรูปแบบภาษาที่อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ทำให้สามารถ ป้องกันภัยคุกคามที่ยังไม่เคยถูกตรวจพบมาก่อน นอกจากนี้ Google ยังใช้ AI ในการตรวจจับเว็บไซต์ที่หลอกลวงบน Google Search ซึ่งช่วยลด จำนวนเว็บไซต์หลอกลวงลงถึง 80%

    ✅ Chrome Enhanced Protection mode ใช้ Gemini Nano เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์
    - ให้ การป้องกันแบบเรียลไทม์สำหรับเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยง
    - สามารถ ตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไม่เคยถูกพบมาก่อน

    ✅ Google ใช้ AI เพื่อปรับปรุงระบบตรวจจับเว็บไซต์หลอกลวงบน Google Search
    - ลด จำนวนเว็บไซต์หลอกลวงลงถึง 80%
    - ป้องกัน เว็บไซต์ที่แอบอ้างเป็นบริการทางการ เช่น วีซ่า หรือหน่วยงานรัฐบาล

    ✅ Google จะขยายฟีเจอร์ความปลอดภัยไปยัง Android และเพิ่มการป้องกันประเภทการหลอกลวงใหม่ ๆ
    - รวมถึง การแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่มีการแจ้งเตือนที่เป็นอันตราย

    ✅ ผู้ใช้สามารถเปิด Enhanced Protection mode ได้ใน Chrome Settings
    - ไปที่ Settings > Privacy and Security > Security

    https://www.neowin.net/news/google-chrome-now-uses-gemini-nano-to-fight-online-scams/
    Google Chrome ใช้ AI Gemini Nano เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ Google ได้เปิดเผยว่า Chrome Enhanced Protection mode บนเดสก์ท็อปตอนนี้ใช้ Gemini Nano ซึ่งเป็น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ทำงานบนอุปกรณ์ เพื่อช่วย ตรวจจับเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงและป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ Gemini Nano สามารถ วิเคราะห์ข้อความจำนวนมากและระบุรูปแบบภาษาที่อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ทำให้สามารถ ป้องกันภัยคุกคามที่ยังไม่เคยถูกตรวจพบมาก่อน นอกจากนี้ Google ยังใช้ AI ในการตรวจจับเว็บไซต์ที่หลอกลวงบน Google Search ซึ่งช่วยลด จำนวนเว็บไซต์หลอกลวงลงถึง 80% ✅ Chrome Enhanced Protection mode ใช้ Gemini Nano เพื่อป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ - ให้ การป้องกันแบบเรียลไทม์สำหรับเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยง - สามารถ ตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไม่เคยถูกพบมาก่อน ✅ Google ใช้ AI เพื่อปรับปรุงระบบตรวจจับเว็บไซต์หลอกลวงบน Google Search - ลด จำนวนเว็บไซต์หลอกลวงลงถึง 80% - ป้องกัน เว็บไซต์ที่แอบอ้างเป็นบริการทางการ เช่น วีซ่า หรือหน่วยงานรัฐบาล ✅ Google จะขยายฟีเจอร์ความปลอดภัยไปยัง Android และเพิ่มการป้องกันประเภทการหลอกลวงใหม่ ๆ - รวมถึง การแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่มีการแจ้งเตือนที่เป็นอันตราย ✅ ผู้ใช้สามารถเปิด Enhanced Protection mode ได้ใน Chrome Settings - ไปที่ Settings > Privacy and Security > Security https://www.neowin.net/news/google-chrome-now-uses-gemini-nano-to-fight-online-scams/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Chrome now uses Gemini Nano to fight online scams
    Google has updated Chrome's Enhanced Protection mode. The feature uses Gemini to enable faster detection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tabnabbing เป็นเทคนิคการหลอกลวงทางออนไลน์ที่กำลังสร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการ เปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่ไม่ได้ใช้งานในเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและข้อมูลธนาคาร

    เทคนิคนี้ทำงานโดย แทนที่เนื้อหาของแท็บที่เปิดค้างไว้ด้วยหน้าเข้าสู่ระบบปลอม ที่เลียนแบบเว็บไซต์จริง เช่น บริการอีเมล, แพลตฟอร์มธนาคาร หรือเว็บไซต์ช้อปปิ้ง เมื่อผู้ใช้กลับมาที่แท็บดังกล่าว พวกเขาอาจไม่ทันสังเกตว่า หน้าเว็บถูกเปลี่ยนไปแล้ว และกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบโดยคิดว่าเป็นเว็บไซต์จริง

    ✅ Tabnabbing เป็นเทคนิคที่เปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่ไม่ได้ใช้งาน
    - หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญโดยคิดว่าเป็นเว็บไซต์จริง
    - ใช้กับ บริการอีเมล, แพลตฟอร์มธนาคาร และเว็บไซต์ช้อปปิ้ง

    ✅ เป็นรูปแบบหนึ่งของ Phishing ที่มีความแนบเนียนมากขึ้น
    - ไม่ต้องใช้ลิงก์ปลอมเพื่อหลอกให้ผู้ใช้คลิก
    - อาศัย การเปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่เปิดค้างไว้

    ✅ ผู้ใช้มักไม่ทันสังเกตว่าแท็บถูกเปลี่ยนไปแล้ว
    - เมื่อกลับมาใช้งานแท็บเดิม อาจกรอกข้อมูลโดยไม่รู้ตัว

    ✅ สามารถป้องกันได้โดยการตั้งค่าความปลอดภัยของเบราว์เซอร์
    - ใช้ ตัวจัดการรหัสผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง
    - ปิดแท็บที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ

    ‼️ Tabnabbing อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว
    - ควรตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ทุกครั้งก่อนกรอกข้อมูล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/beware-of-tabnabbing-a-fearsome-new-form-of-online-scam
    Tabnabbing เป็นเทคนิคการหลอกลวงทางออนไลน์ที่กำลังสร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการ เปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่ไม่ได้ใช้งานในเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและข้อมูลธนาคาร เทคนิคนี้ทำงานโดย แทนที่เนื้อหาของแท็บที่เปิดค้างไว้ด้วยหน้าเข้าสู่ระบบปลอม ที่เลียนแบบเว็บไซต์จริง เช่น บริการอีเมล, แพลตฟอร์มธนาคาร หรือเว็บไซต์ช้อปปิ้ง เมื่อผู้ใช้กลับมาที่แท็บดังกล่าว พวกเขาอาจไม่ทันสังเกตว่า หน้าเว็บถูกเปลี่ยนไปแล้ว และกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบโดยคิดว่าเป็นเว็บไซต์จริง ✅ Tabnabbing เป็นเทคนิคที่เปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่ไม่ได้ใช้งาน - หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญโดยคิดว่าเป็นเว็บไซต์จริง - ใช้กับ บริการอีเมล, แพลตฟอร์มธนาคาร และเว็บไซต์ช้อปปิ้ง ✅ เป็นรูปแบบหนึ่งของ Phishing ที่มีความแนบเนียนมากขึ้น - ไม่ต้องใช้ลิงก์ปลอมเพื่อหลอกให้ผู้ใช้คลิก - อาศัย การเปลี่ยนเนื้อหาของแท็บที่เปิดค้างไว้ ✅ ผู้ใช้มักไม่ทันสังเกตว่าแท็บถูกเปลี่ยนไปแล้ว - เมื่อกลับมาใช้งานแท็บเดิม อาจกรอกข้อมูลโดยไม่รู้ตัว ✅ สามารถป้องกันได้โดยการตั้งค่าความปลอดภัยของเบราว์เซอร์ - ใช้ ตัวจัดการรหัสผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง - ปิดแท็บที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ ‼️ Tabnabbing อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว - ควรตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ทุกครั้งก่อนกรอกข้อมูล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/beware-of-tabnabbing-a-fearsome-new-form-of-online-scam
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Beware of tabnabbing, a fearsome new form of online scam
    A particularly insidious online scam has cybersecurity experts and the authorities worried. It involves changing the content of an inactive tab in your web browser. Like any other form of phishing, the aim is to steal confidential data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gen Digital ซึ่งเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Avast, Avira และ Norton ได้ประกาศคาดการณ์รายได้และกำไรในปีงบประมาณ 2026 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจาก ความต้องการโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น

    บริษัทคาดการณ์รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 4.70–4.80 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 4.13 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงที่ 2.46–2.54 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 2.43 ดอลลาร์

    ✅ Gen Digital คาดการณ์รายได้ปี 2026 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
    - คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 4.70–4.80 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 4.13 พันล้านดอลลาร์
    - คาดการณ์กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงที่ 2.46–2.54 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 2.43 ดอลลาร์

    ✅ ความต้องการโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    - การโจมตีทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงและการหลอกลวงออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น กระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ลงทุนในโซลูชันความปลอดภัยมากขึ้น
    - เทคโนโลยี AI ช่วยให้ แฮกเกอร์สามารถพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น

    ✅ Gen Digital รายงานรายได้ไตรมาสที่สี่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
    - รายได้ไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 1.01 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 997 ล้านดอลลาร์
    - กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงอยู่ที่ 59 เซนต์ เทียบกับค่าประมาณที่ 58 เซนต์

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ต้องเพิ่มการลงทุนในโซลูชันความปลอดภัย
    - อาจช่วยให้ Gen Digital ขยายตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/avast-antivirus-owner-gen-digital-forecasts-upbeat-2026-on-strong-demand
    Gen Digital ซึ่งเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Avast, Avira และ Norton ได้ประกาศคาดการณ์รายได้และกำไรในปีงบประมาณ 2026 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจาก ความต้องการโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทคาดการณ์รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 4.70–4.80 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 4.13 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงที่ 2.46–2.54 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 2.43 ดอลลาร์ ✅ Gen Digital คาดการณ์รายได้ปี 2026 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ - คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 4.70–4.80 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 4.13 พันล้านดอลลาร์ - คาดการณ์กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงที่ 2.46–2.54 ดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 2.43 ดอลลาร์ ✅ ความต้องการโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น - การโจมตีทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงและการหลอกลวงออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น กระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ลงทุนในโซลูชันความปลอดภัยมากขึ้น - เทคโนโลยี AI ช่วยให้ แฮกเกอร์สามารถพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น ✅ Gen Digital รายงานรายได้ไตรมาสที่สี่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ - รายได้ไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 1.01 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณที่ 997 ล้านดอลลาร์ - กำไรต่อหุ้นแบบปรับปรุงอยู่ที่ 59 เซนต์ เทียบกับค่าประมาณที่ 58 เซนต์ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ - อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ต้องเพิ่มการลงทุนในโซลูชันความปลอดภัย - อาจช่วยให้ Gen Digital ขยายตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/avast-antivirus-owner-gen-digital-forecasts-upbeat-2026-on-strong-demand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Avast antivirus-owner Gen Digital forecasts upbeat 2026 on strong demand
    (Reuters) -Gen Digital, which offers antivirus software such as Avast, Avira and Norton, forecast annual revenue and profit above analysts' estimate on Tuesday, signaling strong demand for its cybersecurity tools, sending its shares up about 4% after the bell.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉันยังคงไม่เชื่อเลยว่าบทสรุปสั้นๆ ของวาระ Great Reset ของ WEF ที่ไร้ที่ตินี้ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศทาง Fox News ได้จริง

    "WEF เป็นองค์กรการเมืองที่คลั่งไคล้ซึ่งใช้ความกลัวและการหลอกลวง เช่น ความตื่นตระหนกเรื่องโควิด หรือการหลอกลวงเรื่องภาวะโลกร้อน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาเป็นผู้กอบกู้ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่คุณทำอยู่ก็คือการช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจริงๆ แล้วคือการเคลื่อนไหวฟาสซิสต์สาธารณะ-เอกชนระดับโลก และการผสมผสานระหว่างรัฐบาลใหญ่ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ [และ] เงินจำนวนมาก เพื่อสร้างชนชั้นปกครองที่ปกครองโดยเทคโนโลยี ซึ่งก็คือพวกเขานั่นเอง"

    "พวกเขาต้องการสร้างระบบศักดินา 2.0 ซึ่งเราเป็นข้ารับใช้ และพวกเขาเป็นขุนนางที่ปกครองเรา... นั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังมุ่งหวัง"

    ฉันยังคงไม่เชื่อเลยว่าบทสรุปสั้นๆ ของวาระ Great Reset ของ WEF ที่ไร้ที่ตินี้ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศทาง Fox News ได้จริง "WEF เป็นองค์กรการเมืองที่คลั่งไคล้ซึ่งใช้ความกลัวและการหลอกลวง เช่น ความตื่นตระหนกเรื่องโควิด หรือการหลอกลวงเรื่องภาวะโลกร้อน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาเป็นผู้กอบกู้ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่คุณทำอยู่ก็คือการช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจริงๆ แล้วคือการเคลื่อนไหวฟาสซิสต์สาธารณะ-เอกชนระดับโลก และการผสมผสานระหว่างรัฐบาลใหญ่ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ [และ] เงินจำนวนมาก เพื่อสร้างชนชั้นปกครองที่ปกครองโดยเทคโนโลยี ซึ่งก็คือพวกเขานั่นเอง" "พวกเขาต้องการสร้างระบบศักดินา 2.0 ซึ่งเราเป็นข้ารับใช้ และพวกเขาเป็นขุนนางที่ปกครองเรา... นั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังมุ่งหวัง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ช่วงแลกโปรโมตจนชวนนึกว่าสินค้าราคาถูกจริง,เอาเข้าจริงๆ แพงกว่าแอปอื่นๆอีก,หลอกลวงแจกนั้นนี้ตรึมผ่านมุกของขวัญต่างๆ สุดท้ายโคตรตระหนี่ขี้เหนียวกว่าแอปใดๆอีก,สไตล์ฝรั่งขี้เหยียวเอาแต่ได้ไม่ยอมเสียเปรียบลูกค้าเลย,ใครยังใช้บริการอยู่ไม่ควายก็วัวหรือแกะแพะตัวโคตรสะพานควายเลย,ขนาดสไตล์จะแจกฟรีของขวัญยังไม่ยอมให้ฟรีง่ายๆ มันบอกนัยยะของแอปพื้นฐานเลยว่าลูกค้าไม่สำคัญอะไรต่อแอปมัน,ยิ่งเทียบราคาแอปเดิมที่มาก่อนในไทยยังราคาถูกกว่าอีก คุณภาพสินค้าดีไม่ต่างกัน เผลอๆสินค้าตัวเดียวกันอีก รูปภาพโชว์ก็เกือบอันเดียวกัน,รายละเอียดต่างๆแง่มุมบ่งบอกลักษณะสรรพคุณสินค้าก็ไม่บอกรายละเอียดอะไร,มีกั๊ก ไม่เปิดเผยในการแสดงออกถึงความจริงจังบอกค่าจริงในตัวสินค้าเลย,บอกลวกๆพอไม่ทีนั้นล่ะ,หรือแทบไม่กล้าตัดสินใจด้วย,กึ่งๆลวงๆอีก สามารถกดพลาดเป้าได้ง่ายๆแบบแปลกๆก็ว่า,คือไม่ชัดเจนในการนำเสนอด้วย,ถ้าแบบแขกเสนอขายของก็บอกสไตล์ๆพร้อมให้เหยื่อรีบซื้อรีบหนีออกจากบ้านคนซื้อนั้นล่ะ คนซื้อพร้อมเจอความซวยก็ว่า เอาตังเข้ากระเป๋าก่อนประมาณนั้น,หลักๆคือราคาสินค้าไม่ได้ถูกจริงนั้นล่ะ,ต่างจากช่วงมาโปรตอนแรกๆ,ถ้าใครไปทดลองเล่นเกมส์มันโยนหินถามจริตนิสัยสันดานคนผลิตแอปดูก่อนจะซึ้งเลย,555ทดลองไปเล่นดูแล้ว ตอนแรกก็ไม่เชื่อที่เขาบอก หากอยากรู้สันดานพื้นฐานคนทำแอป ก่อนไปเสียตังใช้บริการแอปมัน ลองไปเล่นๆดู มันสุดยอดแห่งความเหี้ยเลยล่ะ สไตล์สันดานฝรั่งเลย หรือคนจีนบางคนที่ขี้เหนียวสุดๆ,ยิ่งใกล้สำเร็จ มันก็ไม่ยอมให้ได้สินค้ามันง่ายๆแบบฟรีๆนะ อาทิจาก100ลดเป็น50แต้ม,จาก1แต้มพร้อมจบ มันลดเป็น0.1แต้ม จาก0.10แต้ม มันลดเป็น0.01แต้มกันเลย,จนถึงกว่าจะได้จบเกมส์คือ0.00ล่ะจึงจะชนะมัน ไม่ต้องการของฟรีหรอก แต่ต้องการดูว่าแอปที่ไม่สุจริตจริงใจจริงต่อลูกค้ามันมีมุกสไตล์ปรากฎจริตสันดานเชิญชวนล่อลวงคนไปใช้แอปมันบ้าง.
    ..สรุป ส่วนตัวนะ ถือว่าไม่ผ่านตกประเมิน ไม่ซื่อสัตย์จริงใจต่อลูกค้าแม้สไตล์แจกของขวัญยังไร้ความซื่อสัตย์ ไม่ซื่อตามเกมส์ที่มันสร้างออกมาเชิญชวนคนไปเล่น,ต่างจากแอปปี้ๆด้าๆในไทยเดิมๆ ยังถือว่าจริงใจต่อลูกค้ากว่า แจกก็แจกจริง ลดก็ลดจริงสำหรับคนใช้ที่เข้าไปใหม่หรือคนเก่าๆ,ไม่เล่นจิตวิทยาเกินงามหรือระยำล่อลวงผู้คนแบบนั้น.,ป๊อบอัพกะขายสินค้าก็เหลือเกินกวน&รำคาญสุดๆ,สินค้าก็ไม่ถูกจริงอย่างที่โฆษณาเปิดตัวคุยโม้แบบก่อนนั้นจริงด้วย,ไม่รักษามาตราฐานเดิม ไม่น่าเชื่อถือไปถึงตัวสินค้าที่เสนอการขายด้วย,แถมเบื้องลึกคนทำก็มาจากคนdeep stateด้วย,แค่แตกมุกอ้างคนละงานสร้างเท่านั้น เผลอเดอะแก๊งเดียวกันนั้นล่ะ.

    .. Temu หยุดส่งสินค้าจากจีนไปสหรัฐฯ อ้างภาษีศุลกากรสูง

    ..ช่วงแลกโปรโมตจนชวนนึกว่าสินค้าราคาถูกจริง,เอาเข้าจริงๆ แพงกว่าแอปอื่นๆอีก,หลอกลวงแจกนั้นนี้ตรึมผ่านมุกของขวัญต่างๆ สุดท้ายโคตรตระหนี่ขี้เหนียวกว่าแอปใดๆอีก,สไตล์ฝรั่งขี้เหยียวเอาแต่ได้ไม่ยอมเสียเปรียบลูกค้าเลย,ใครยังใช้บริการอยู่ไม่ควายก็วัวหรือแกะแพะตัวโคตรสะพานควายเลย,ขนาดสไตล์จะแจกฟรีของขวัญยังไม่ยอมให้ฟรีง่ายๆ มันบอกนัยยะของแอปพื้นฐานเลยว่าลูกค้าไม่สำคัญอะไรต่อแอปมัน,ยิ่งเทียบราคาแอปเดิมที่มาก่อนในไทยยังราคาถูกกว่าอีก คุณภาพสินค้าดีไม่ต่างกัน เผลอๆสินค้าตัวเดียวกันอีก รูปภาพโชว์ก็เกือบอันเดียวกัน,รายละเอียดต่างๆแง่มุมบ่งบอกลักษณะสรรพคุณสินค้าก็ไม่บอกรายละเอียดอะไร,มีกั๊ก ไม่เปิดเผยในการแสดงออกถึงความจริงจังบอกค่าจริงในตัวสินค้าเลย,บอกลวกๆพอไม่ทีนั้นล่ะ,หรือแทบไม่กล้าตัดสินใจด้วย,กึ่งๆลวงๆอีก สามารถกดพลาดเป้าได้ง่ายๆแบบแปลกๆก็ว่า,คือไม่ชัดเจนในการนำเสนอด้วย,ถ้าแบบแขกเสนอขายของก็บอกสไตล์ๆพร้อมให้เหยื่อรีบซื้อรีบหนีออกจากบ้านคนซื้อนั้นล่ะ คนซื้อพร้อมเจอความซวยก็ว่า เอาตังเข้ากระเป๋าก่อนประมาณนั้น,หลักๆคือราคาสินค้าไม่ได้ถูกจริงนั้นล่ะ,ต่างจากช่วงมาโปรตอนแรกๆ,ถ้าใครไปทดลองเล่นเกมส์มันโยนหินถามจริตนิสัยสันดานคนผลิตแอปดูก่อนจะซึ้งเลย,555ทดลองไปเล่นดูแล้ว ตอนแรกก็ไม่เชื่อที่เขาบอก หากอยากรู้สันดานพื้นฐานคนทำแอป ก่อนไปเสียตังใช้บริการแอปมัน ลองไปเล่นๆดู มันสุดยอดแห่งความเหี้ยเลยล่ะ สไตล์สันดานฝรั่งเลย หรือคนจีนบางคนที่ขี้เหนียวสุดๆ,ยิ่งใกล้สำเร็จ มันก็ไม่ยอมให้ได้สินค้ามันง่ายๆแบบฟรีๆนะ อาทิจาก100ลดเป็น50แต้ม,จาก1แต้มพร้อมจบ มันลดเป็น0.1แต้ม จาก0.10แต้ม มันลดเป็น0.01แต้มกันเลย,จนถึงกว่าจะได้จบเกมส์คือ0.00ล่ะจึงจะชนะมัน ไม่ต้องการของฟรีหรอก แต่ต้องการดูว่าแอปที่ไม่สุจริตจริงใจจริงต่อลูกค้ามันมีมุกสไตล์ปรากฎจริตสันดานเชิญชวนล่อลวงคนไปใช้แอปมันบ้าง. ..สรุป ส่วนตัวนะ ถือว่าไม่ผ่านตกประเมิน ไม่ซื่อสัตย์จริงใจต่อลูกค้าแม้สไตล์แจกของขวัญยังไร้ความซื่อสัตย์ ไม่ซื่อตามเกมส์ที่มันสร้างออกมาเชิญชวนคนไปเล่น,ต่างจากแอปปี้ๆด้าๆในไทยเดิมๆ ยังถือว่าจริงใจต่อลูกค้ากว่า แจกก็แจกจริง ลดก็ลดจริงสำหรับคนใช้ที่เข้าไปใหม่หรือคนเก่าๆ,ไม่เล่นจิตวิทยาเกินงามหรือระยำล่อลวงผู้คนแบบนั้น.,ป๊อบอัพกะขายสินค้าก็เหลือเกินกวน&รำคาญสุดๆ,สินค้าก็ไม่ถูกจริงอย่างที่โฆษณาเปิดตัวคุยโม้แบบก่อนนั้นจริงด้วย,ไม่รักษามาตราฐานเดิม ไม่น่าเชื่อถือไปถึงตัวสินค้าที่เสนอการขายด้วย,แถมเบื้องลึกคนทำก็มาจากคนdeep stateด้วย,แค่แตกมุกอ้างคนละงานสร้างเท่านั้น เผลอเดอะแก๊งเดียวกันนั้นล่ะ. .. Temu หยุดส่งสินค้าจากจีนไปสหรัฐฯ อ้างภาษีศุลกากรสูง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.กำมะลอ หลอกคนทั้งประเทศ : Sondhitalk EP291 VDO
    หมอเกศไม่รอด ! กกต.ส่งศาลฎีกาเชือด อ้างจบ "ด็อกเตอร์" เข้าข่ายหลอกลวง
    #sondhi #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ดรกำมะลอ #หมอเกศ
    • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    ดร.กำมะลอ หลอกคนทั้งประเทศ : Sondhitalk EP291 VDO หมอเกศไม่รอด ! กกต.ส่งศาลฎีกาเชือด อ้างจบ "ด็อกเตอร์" เข้าข่ายหลอกลวง #sondhi #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ดรกำมะลอ #หมอเกศ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1568 มุมมอง 54 1 รีวิว
  • Newsstory : กกต.เพิกถอน "หมอเกศ" เหตุหลอกลวงวุฒิการศึกษา สนธิถาม "อยากได้แสง??"

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #หมอเกศ
    Newsstory : กกต.เพิกถอน "หมอเกศ" เหตุหลอกลวงวุฒิการศึกษา สนธิถาม "อยากได้แสง??" #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #หมอเกศ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • กกต. ส่งศาลฎีกา ฟัน สว. เกศกมล ปมวุฒิ "ด็อกเตอร์" ปลอม เข้าข่ายหลอกลวง
    https://www.thai-tai.tv/news/18420/
    กกต. ส่งศาลฎีกา ฟัน สว. เกศกมล ปมวุฒิ "ด็อกเตอร์" ปลอม เข้าข่ายหลอกลวง https://www.thai-tai.tv/news/18420/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 เมษายน 2568- รายงานข่าวFM91 Trafficpro ระบุว่า ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกันจากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก California University ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่สำนักงาน กกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง California University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
    30 เมษายน 2568- รายงานข่าวFM91 Trafficpro ระบุว่า ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกันจากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก California University ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่สำนักงาน กกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง California University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • กกต.มีมติ ส่งศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ "หมอเกศ" ม้านางฝอย ขนเพชรนางฟ้า ที่อ้างจบด็อกเตอร์ ม.แคลิฟอร์เนีย เข้าข่ายหลอกลวง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กกต.มีมติ ส่งศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ "หมอเกศ" ม้านางฝอย ขนเพชรนางฟ้า ที่อ้างจบด็อกเตอร์ ม.แคลิฟอร์เนีย เข้าข่ายหลอกลวง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ

    ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์

    ✅ การใช้ AI ในการโจมตี
    - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี
    - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ
    - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ

    ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง
    - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์
    - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง

    ✅ คำแนะนำจาก FBI
    - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)
    - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ

    https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ ✅ การใช้ AI ในการโจมตี - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า ✅ เป้าหมายของการโจมตี - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง ✅ คำแนะนำจาก FBI - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FBI warns China is using AI to sharpen cyberattacks on US infrastructure
    In an interview with The Register, FBI Deputy Assistant Director Cynthia Kaiser explained how Chinese state-backed cyber groups use artificial intelligence at every stage of their attack...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง Take It Down Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ และกำลังรอการลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมที่ถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงภาพที่ถูกสร้างหรือแก้ไขโดย AI

    กฎหมายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี deepfake และการล้างแค้นผ่านภาพลักษณ์ (revenge porn) กลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น

    ✅ การทำให้การเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมเป็นอาชญากรรม
    - กฎหมายกำหนดให้การเผยแพร่หรือข่มขู่เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นอาชญากรรม
    - รวมถึงภาพที่ถูกแก้ไขโดย AI ให้ดูเหมือนเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม

    ✅ ข้อกำหนดการลบภาพภายใน 48 ชั่วโมง
    - แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบภาพที่ได้รับการร้องเรียนภายใน 48 ชั่วโมง
    - ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพเดียวกันปรากฏอีก

    ✅ บทบาทของ FTC ในการบังคับใช้กฎหมาย
    - FTC มีหน้าที่ตรวจสอบและลงโทษแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายการค้าหลอกลวงเพื่อดำเนินการ

    ✅ การสนับสนุนจากหลายฝ่าย
    - กฎหมายได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
    - มีการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta, Snap และ Google

    https://computercity.com/wiki/take-it-down-act
    บทความนี้กล่าวถึง Take It Down Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ และกำลังรอการลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมที่ถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงภาพที่ถูกสร้างหรือแก้ไขโดย AI กฎหมายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี deepfake และการล้างแค้นผ่านภาพลักษณ์ (revenge porn) กลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น ✅ การทำให้การเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมเป็นอาชญากรรม - กฎหมายกำหนดให้การเผยแพร่หรือข่มขู่เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นอาชญากรรม - รวมถึงภาพที่ถูกแก้ไขโดย AI ให้ดูเหมือนเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม ✅ ข้อกำหนดการลบภาพภายใน 48 ชั่วโมง - แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบภาพที่ได้รับการร้องเรียนภายใน 48 ชั่วโมง - ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพเดียวกันปรากฏอีก ✅ บทบาทของ FTC ในการบังคับใช้กฎหมาย - FTC มีหน้าที่ตรวจสอบและลงโทษแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด - ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายการค้าหลอกลวงเพื่อดำเนินการ ✅ การสนับสนุนจากหลายฝ่าย - กฎหมายได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน - มีการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta, Snap และ Google https://computercity.com/wiki/take-it-down-act
    COMPUTERCITY.COM
    Take It Down Act: What You Need To Know
    The Take It Down Act (S.4569), recently passed by Congress and awaiting President Trump's signature, is a groundbreaking piece of legislation designed to
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลการวิจัยของ Barracuda ที่พบว่า 23% ของไฟล์แนบ HTML ที่ส่งผ่านอีเมลเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดย HTML กลายเป็นไฟล์ที่ถูกใช้มากที่สุดในการโจมตีแบบ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว

    แฮกเกอร์มักใช้ HTML attachments เพื่อฝังสคริปต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบปลอม หรือหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ นอกจากนี้ 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบ ก็เป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์แนบผ่านอีเมล

    แม้ว่าการโจมตีด้วย PDF attachments จะพบได้น้อยกว่า โดยมีเพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย แต่แฮกเกอร์เริ่มใช้ ลิงก์หลอกลวง ใน PDF เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ปลอม

    ✅ HTML เป็นไฟล์แนบที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด
    - 23% ของไฟล์แนบ HTML ถูกระบุว่าเป็นอันตราย
    - ใช้สำหรับ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว

    ✅ การใช้ไฟล์ไบนารีในการโจมตี
    - 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง
    - ควรมีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์ไบนารีผ่านอีเมล

    ✅ PDF attachments มีความเสี่ยงต่ำกว่า
    - เพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ถูกระบุว่าเป็นอันตราย
    - แต่เริ่มมีการใช้ลิงก์หลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูล

    ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    - ควรใช้ AI-powered cloud email security เพื่อช่วยตรวจจับการโจมตี
    - ควรเสริมมาตรการป้องกัน phishing นอกเหนือจากการตรวจสอบลิงก์และไฟล์แนบ

    https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-quarter-of-html-attachments-are-malicious-research-finds
    บทความนี้กล่าวถึงผลการวิจัยของ Barracuda ที่พบว่า 23% ของไฟล์แนบ HTML ที่ส่งผ่านอีเมลเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดย HTML กลายเป็นไฟล์ที่ถูกใช้มากที่สุดในการโจมตีแบบ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว แฮกเกอร์มักใช้ HTML attachments เพื่อฝังสคริปต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบปลอม หรือหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ นอกจากนี้ 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบ ก็เป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์แนบผ่านอีเมล แม้ว่าการโจมตีด้วย PDF attachments จะพบได้น้อยกว่า โดยมีเพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย แต่แฮกเกอร์เริ่มใช้ ลิงก์หลอกลวง ใน PDF เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ปลอม ✅ HTML เป็นไฟล์แนบที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด - 23% ของไฟล์แนบ HTML ถูกระบุว่าเป็นอันตราย - ใช้สำหรับ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว ✅ การใช้ไฟล์ไบนารีในการโจมตี - 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง - ควรมีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์ไบนารีผ่านอีเมล ✅ PDF attachments มีความเสี่ยงต่ำกว่า - เพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ถูกระบุว่าเป็นอันตราย - แต่เริ่มมีการใช้ลิงก์หลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูล ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ - ควรใช้ AI-powered cloud email security เพื่อช่วยตรวจจับการโจมตี - ควรเสริมมาตรการป้องกัน phishing นอกเหนือจากการตรวจสอบลิงก์และไฟล์แนบ https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-quarter-of-html-attachments-are-malicious-research-finds
    WWW.TECHRADAR.COM
    Almost a quarter of HTML attachments are malicious, research finds
    A new study finds HTML files are the riskiest file type
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีแบบฟิชชิงที่เพิ่มขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์มักปลอมตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Microsoft, Google และ Apple เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน จากการวิจัยของ Check Point พบว่า Microsoft เป็นแบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยคิดเป็น 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ รองลงมาคือ Google 12% และ Apple 8%

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการปลอมตัวเป็น Mastercard โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งอาชญากรใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตรและ CVV การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนมาจากบริษัทจริง

    Check Point แนะนำให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวัง เช่น การตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    ✅ แบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุด
    - Microsoft: 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์
    - Google: 12% และ Apple: 8%

    ✅ การปลอมตัวเป็น Mastercard
    - พบการโจมตีในญี่ปุ่นโดยใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต
    - อาชญากรใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอม

    ✅ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
    - ตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/criminals-are-pretending-to-be-microsoft-google-and-apple-in-phishing-attacks
    บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีแบบฟิชชิงที่เพิ่มขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์มักปลอมตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Microsoft, Google และ Apple เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน จากการวิจัยของ Check Point พบว่า Microsoft เป็นแบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยคิดเป็น 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ รองลงมาคือ Google 12% และ Apple 8% นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการปลอมตัวเป็น Mastercard โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งอาชญากรใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตรและ CVV การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนมาจากบริษัทจริง Check Point แนะนำให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวัง เช่น การตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ✅ แบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุด - Microsoft: 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ - Google: 12% และ Apple: 8% ✅ การปลอมตัวเป็น Mastercard - พบการโจมตีในญี่ปุ่นโดยใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต - อาชญากรใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอม ✅ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย - ตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) ✅ เป้าหมายของการโจมตี - ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน https://www.techradar.com/pro/security/criminals-are-pretending-to-be-microsoft-google-and-apple-in-phishing-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    Criminals are pretending to be Microsoft, Google, and Apple in phishing attacks
    Cybercriminals are impersonating popular tech firms to trick victims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ

    ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ

    Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ
    - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย
    - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล
    - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง
    - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์

    https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ✅ การแก้ไขปัญหา - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์ https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    WorkComposer leak exposes 21 million employee screenshots online
    Over 200,000 employees across thousands of organizations use WorkComposer to track productivity by logging keystrokes, monitoring application usage, and capturing screenshots every few minutes. Researchers at Cybernews...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์

    กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ

    การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต

    ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้
    - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์
    - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์

    ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act
    - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act

    ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้
    - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท
    - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ

    ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ
    - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ

    https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้ - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์ ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้ - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    WWW.NEOWIN.NET
    Here is how much US tech firms spent on lobbying the US government in 2024
    Tech firms in the United States spend hundreds of millions of dollars per year on lobbying efforts to protect their interests. Here is how much.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    ✅ การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทรัมป์ได้ยุบ Global Engagement Center (GEC) อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่ง Rubio อ้างว่า GEC ถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปากเสรีภาพในการพูด และเรียกมันว่า “คอมเพล็กซ์อุตสาหกรรมการเซ็นเซอร์”Rubio ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า “GEC ตายแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก”ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งเดิมสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ก่อการร้าย ได้เปลี่ยนไปภายใต้การบริหารของโอบามา กลายเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง “ข้อมูลบิดเบือน” ที่กว้างขึ้น ซึ่งหมายความถึงการกำหนดเป้าหมายไปที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเท่านั้นRubio ยังโจมตีกลุ่มต่างๆ เช่น NewsGuard และ Global Disinformation Index (GDI) ซึ่งรับเงินจากกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นจึงทำเครื่องหมายสื่ออนุรักษ์นิยมว่า “เสี่ยง” โดยโจมตีพวกเขาตรงจุดที่เจ็บปวดที่สุด นั่นคือรายได้จากโฆษณาความสัมพันธ์ของ NewsGuard กับเจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตที่ทำงานมายาวนานไม่ได้ช่วยคลายความกังวลลงเลย— Elon เรียกพวกเขาว่า “การหลอกลวง”เมื่อ GEC หายไปและเงินทุนก็หมดลง Rubio กล่าวว่ารัฐบาลกำลังทำตามสัญญาที่จะ “ปลดปล่อยการพูดของชาวอเมริกัน”ที่มา: Newsmax, AP
    รัฐบาลทรัมป์ได้ยุบ Global Engagement Center (GEC) อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่ง Rubio อ้างว่า GEC ถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปากเสรีภาพในการพูด และเรียกมันว่า “คอมเพล็กซ์อุตสาหกรรมการเซ็นเซอร์”Rubio ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า “GEC ตายแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก”ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งเดิมสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ก่อการร้าย ได้เปลี่ยนไปภายใต้การบริหารของโอบามา กลายเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง “ข้อมูลบิดเบือน” ที่กว้างขึ้น ซึ่งหมายความถึงการกำหนดเป้าหมายไปที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเท่านั้นRubio ยังโจมตีกลุ่มต่างๆ เช่น NewsGuard และ Global Disinformation Index (GDI) ซึ่งรับเงินจากกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นจึงทำเครื่องหมายสื่ออนุรักษ์นิยมว่า “เสี่ยง” โดยโจมตีพวกเขาตรงจุดที่เจ็บปวดที่สุด นั่นคือรายได้จากโฆษณาความสัมพันธ์ของ NewsGuard กับเจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตที่ทำงานมายาวนานไม่ได้ช่วยคลายความกังวลลงเลย— Elon เรียกพวกเขาว่า “การหลอกลวง”เมื่อ GEC หายไปและเงินทุนก็หมดลง Rubio กล่าวว่ารัฐบาลกำลังทำตามสัญญาที่จะ “ปลดปล่อยการพูดของชาวอเมริกัน”ที่มา: Newsmax, AP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ

    ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน

    ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn
    - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม
    - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์

    ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก
    - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้
    - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์
    - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์

    ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม
    - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์ ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้ - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิป5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง

    🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)

    โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น

    คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์!

    แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง

    "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲
    คลิป5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์! แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 1 0 รีวิว
Pages Boosts