เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin
ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ
Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”
กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ
Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่
ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง
หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS
Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger
การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง
การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร
การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม
กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ
Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”
กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ
Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่
ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง
หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS
Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger
การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง
การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร
การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม
กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin
ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ
Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”
กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
✅ FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
➡️ ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
➡️ ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ
✅ Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
➡️ มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
➡️ ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่
✅ ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
➡️ หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
➡️ ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง
✅ หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
➡️ สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
➡️ หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS
✅ Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
➡️ ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
➡️ มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger
‼️ การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
⛔ Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง
‼️ การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
⛔ Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
⛔ ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร
‼️ การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
⛔ FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
⛔ การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม
‼️ กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
⛔ Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
⛔ การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน
https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
0 Comments
0 Shares
70 Views
0 Reviews