• ภัยจากโทรศัพท์มือถือ
    ก่อนที่คุณจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป มารู้จักวิธีป้องกันไว้ดีกว่า

    ไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ หากจำเป็นควรจอดรถเข้าข้างทางเสียก่อน ในเมื่อธุระของคุณมีมากเป็นกระบุงโกย แม้ขณะขับรถก็ไม่สามารถหยุดทำธุระได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือหาที่ปลอดภัยแล้วนำรถเข้าจอดข้างทางซะ เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนร่วมถนน

    จำกัดการใช้โทรศัพท์ในแต่ละเดือน
    การจดรายจ่ายค่าโทรศัพท์ในแต่ละเดือน จะช่วยให้คุณจำกัด และจัดเวลาที่จะใช้โทรศัพท์ได้ดีขึ้น ที่สำคัญวิธีนี้มีประโยชน์มากต่อการใช้จ่ายส่วนตัว

    พูดคุยกันถึงเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
    ไม่ไช่ให้คุณแช่งตัวเอง แต่นึกถึงหรือคาดการณ์ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี เช่น จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณใช้มือถือขณะขับรถ บาดเจ็บ หรือตาย จะได้ไม่ประมาท

    แลกเปลี่ยนความเห็นของคุณที่มีต่อโทรศัพท์มือถือกับเพื่อน
    โดยอาจจะตั้งประเด็นขึ้นมา เช่น ควรใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาหรือไม่ หรือ ถ้าวันใดถ้าหากมีการออกฏห้ามใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะด้วยกรณีใด คุณจะทำอย่างไร เป็นต้น แล้วคุณจะได้ความเห็นที่ต่างกันออกไป ประโยชน์ของงานนี้ นอกจากจะไม่เกิดความประมาทขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ของคุณให้กว้างขึ้นด้วย

    เคล็ดลับการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างฉลาด
    ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
    ใช้วอยซ์เมล์รับสายแทนขณะที่คุณกำลังขับรถ
    ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรี

    ข้อเตือนใจ
    โทรศัพท์มือถือมีประโยชน์มากในกรณีฉุกเฉิน โดยผู้ใช้สามารถโทรขอความช่วงเหลือหรือแจ้งตำรวจเมื่อประสบอุบัติเหตุได้ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากกังวลถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ เชื่อกันว่า 50 % ของอุบัติเหตุทั้งหมดเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การหันไปปรับคลื่นวิทยุ การใช้โทรศัพท์ การสูบบุหรี่ การปรับกระจก ฯลฯ

    ความหวังดีจาก นายTechTips จ้า เราจะได้มีควมปลอดภัยและอยู่ติดตามเทคโนโลยีไปกันได้อีกนาวๆเลยจ้า
    #TechTips
    ภัยจากโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่คุณจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป มารู้จักวิธีป้องกันไว้ดีกว่า ไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ หากจำเป็นควรจอดรถเข้าข้างทางเสียก่อน ในเมื่อธุระของคุณมีมากเป็นกระบุงโกย แม้ขณะขับรถก็ไม่สามารถหยุดทำธุระได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือหาที่ปลอดภัยแล้วนำรถเข้าจอดข้างทางซะ เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนร่วมถนน จำกัดการใช้โทรศัพท์ในแต่ละเดือน การจดรายจ่ายค่าโทรศัพท์ในแต่ละเดือน จะช่วยให้คุณจำกัด และจัดเวลาที่จะใช้โทรศัพท์ได้ดีขึ้น ที่สำคัญวิธีนี้มีประโยชน์มากต่อการใช้จ่ายส่วนตัว พูดคุยกันถึงเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ไช่ให้คุณแช่งตัวเอง แต่นึกถึงหรือคาดการณ์ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี เช่น จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณใช้มือถือขณะขับรถ บาดเจ็บ หรือตาย จะได้ไม่ประมาท แลกเปลี่ยนความเห็นของคุณที่มีต่อโทรศัพท์มือถือกับเพื่อน โดยอาจจะตั้งประเด็นขึ้นมา เช่น ควรใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาหรือไม่ หรือ ถ้าวันใดถ้าหากมีการออกฏห้ามใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะด้วยกรณีใด คุณจะทำอย่างไร เป็นต้น แล้วคุณจะได้ความเห็นที่ต่างกันออกไป ประโยชน์ของงานนี้ นอกจากจะไม่เกิดความประมาทขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ของคุณให้กว้างขึ้นด้วย เคล็ดลับการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างฉลาด ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ใช้วอยซ์เมล์รับสายแทนขณะที่คุณกำลังขับรถ ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรี ข้อเตือนใจ โทรศัพท์มือถือมีประโยชน์มากในกรณีฉุกเฉิน โดยผู้ใช้สามารถโทรขอความช่วงเหลือหรือแจ้งตำรวจเมื่อประสบอุบัติเหตุได้ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากกังวลถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ เชื่อกันว่า 50 % ของอุบัติเหตุทั้งหมดเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การหันไปปรับคลื่นวิทยุ การใช้โทรศัพท์ การสูบบุหรี่ การปรับกระจก ฯลฯ ความหวังดีจาก นายTechTips จ้า เราจะได้มีควมปลอดภัยและอยู่ติดตามเทคโนโลยีไปกันได้อีกนาวๆเลยจ้า #TechTips
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • พาสปอร์ตโฉมใหม่ ฉลอง 79 ปีอินโดนีเซีย

    ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงทั้งการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองหลวงใหม่นูซันตารา (Nusantara) ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบอร์เนียว และ ปราโบโว ซูเบียนโต กำลังจะจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก โจโก วิโดโด ในเดือนตุลาคมนี้

    หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ การเปิดตัวหนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ ของกรมตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซีย เปลี่ยนแปลงรูปเล่มจากเดิมสีเขียวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise green) และตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีเหลือง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2557 มาเป็นสีแดงสด (Bright red) ตัดกับตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีขาวแทน

    สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียโฉมใหม่ ประกอบด้วยหน้าปกที่ทนความร้อน มีความยืดหยุ่น ปกป้องชิปที่อยู่ในเล่มได้ หน้าไบโอดาตา (Biodata) ทำจากโพลีคาร์บอเนตเคลือบหลายชั้นเพื่อความทนทาน และมีการพิมพ์โดยใช้ทั้งหมึกที่มองเห็นได้และหมึกที่มองไม่เห็น เรืองแสงด้วยแสงอัลตราไวโอเลต และลวดลายผ้าดั้งเดิมตามแบบฉบับของแต่ละภูมิภาคในอินโดนีเซีย

    การออกแบบหนังสือเดินทางโฉมใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลอดภัยต่อการถูกปลอมแปลงมากขึ้น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสถานะระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย

    อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป แต่จะให้บริการแก่ประชาชนในปีหน้า วันที่ 17 สิงหาคม 2568 เนื่องจากต้องเตรียมการหลายอย่าง รวมถึงขั้นตอนการพิมพ์ การออกเงื่อนไข การออกหนังสือเดินทาง และการตั้งค่าระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงยังคงออกหนังสือเดินทางรูปแบบเดิมให้หมดก่อน

    สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 65 ตามการจัดอันดับของ The Henley Passport Index 2024 Global Ranking สามารถเดินทางได้ 76 ประเทศหรือดินแดนโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และเป็นอันดับที่ห้าในภูมิภาคอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์อันดับที่ 1 มาเลเซียอันดับที่ 12 บรูไนอันดับที่ 19 และประเทศไทยอันดับที่ 60

    ที่ผ่านมาในภูมิภาคอาเซียนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการหนังสือเดินทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายอายุหนังสือเดินทางจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างออกหนังสือเดินทางแบบ 10 ปีแล้ว เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาและอิตาลี ส่วนประเทศมาเลเซียกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการประกาศวันที่เริ่มใช้ในเร็วๆ นี้

    สำหรับประเทศไทย กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเตรียมความพร้อมโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ระยะที่ 4 เพื่อรองรับหลังโครงการระยะที่ 3 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 และจะสิ้นสุดสัญญา 7 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2569

    โดยกำลังพิจารณาเพิ่มคุณลักษณะที่มากกว่ามาตรฐาน ICAO เพื่อป้องกันการปลอมแปลง รวมทั้งการเชื่อมระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดทำหนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Travel Credentials หรือ DTCs) การเพิ่มคุณลักษณะความปลอดภัย โดยใช้รูปถ่ายสีแทนรูปขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพบุคคลเสมือนจริงเป็นภาพสีในหน้า Biodatabase เป็นต้น

    #Newskit #PassportIndonesia #pasporIndonesia
    พาสปอร์ตโฉมใหม่ ฉลอง 79 ปีอินโดนีเซีย ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงทั้งการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองหลวงใหม่นูซันตารา (Nusantara) ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบอร์เนียว และ ปราโบโว ซูเบียนโต กำลังจะจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก โจโก วิโดโด ในเดือนตุลาคมนี้ หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ การเปิดตัวหนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ ของกรมตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซีย เปลี่ยนแปลงรูปเล่มจากเดิมสีเขียวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise green) และตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีเหลือง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2557 มาเป็นสีแดงสด (Bright red) ตัดกับตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีขาวแทน สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียโฉมใหม่ ประกอบด้วยหน้าปกที่ทนความร้อน มีความยืดหยุ่น ปกป้องชิปที่อยู่ในเล่มได้ หน้าไบโอดาตา (Biodata) ทำจากโพลีคาร์บอเนตเคลือบหลายชั้นเพื่อความทนทาน และมีการพิมพ์โดยใช้ทั้งหมึกที่มองเห็นได้และหมึกที่มองไม่เห็น เรืองแสงด้วยแสงอัลตราไวโอเลต และลวดลายผ้าดั้งเดิมตามแบบฉบับของแต่ละภูมิภาคในอินโดนีเซีย การออกแบบหนังสือเดินทางโฉมใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลอดภัยต่อการถูกปลอมแปลงมากขึ้น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสถานะระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป แต่จะให้บริการแก่ประชาชนในปีหน้า วันที่ 17 สิงหาคม 2568 เนื่องจากต้องเตรียมการหลายอย่าง รวมถึงขั้นตอนการพิมพ์ การออกเงื่อนไข การออกหนังสือเดินทาง และการตั้งค่าระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงยังคงออกหนังสือเดินทางรูปแบบเดิมให้หมดก่อน สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 65 ตามการจัดอันดับของ The Henley Passport Index 2024 Global Ranking สามารถเดินทางได้ 76 ประเทศหรือดินแดนโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และเป็นอันดับที่ห้าในภูมิภาคอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์อันดับที่ 1 มาเลเซียอันดับที่ 12 บรูไนอันดับที่ 19 และประเทศไทยอันดับที่ 60 ที่ผ่านมาในภูมิภาคอาเซียนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการหนังสือเดินทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายอายุหนังสือเดินทางจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างออกหนังสือเดินทางแบบ 10 ปีแล้ว เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาและอิตาลี ส่วนประเทศมาเลเซียกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการประกาศวันที่เริ่มใช้ในเร็วๆ นี้ สำหรับประเทศไทย กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเตรียมความพร้อมโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ระยะที่ 4 เพื่อรองรับหลังโครงการระยะที่ 3 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 และจะสิ้นสุดสัญญา 7 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2569 โดยกำลังพิจารณาเพิ่มคุณลักษณะที่มากกว่ามาตรฐาน ICAO เพื่อป้องกันการปลอมแปลง รวมทั้งการเชื่อมระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดทำหนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Travel Credentials หรือ DTCs) การเพิ่มคุณลักษณะความปลอดภัย โดยใช้รูปถ่ายสีแทนรูปขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพบุคคลเสมือนจริงเป็นภาพสีในหน้า Biodatabase เป็นต้น #Newskit #PassportIndonesia #pasporIndonesia
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวอิศรารายงานจาก VOA สื่อสหรัฐฯเผยเรือนจำระนองปล่อยตัวนักโทษเมียนมากลับไปถูกเกณฑ์ทหารนับร้อยทุกเดือน ขณะสภาทหารเมียนมาโต้ข่าวยืนยันไม่มีนโยบายบังคับเกณฑ์ทหารชาวเมียนมากลับจากประเทศไทย

    11 สิงหาคม 2567-สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวอ้างอิงสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกาเกี่ยวกับกรณีที่นักโทษถูกปล่อยตัวจากเรือนจำใน จ.ระนอง และถูกส่งตัวกลับไปยังภูมิภาคเกาะสอง ประเทศเมียนมา พบว่าบุคคลเหล่านี้ถูกบังคับให้เกณฑ์ทหารทันทีเมื่อถึงประเทศบ้านเกิด

    นักโทษเหล่านี้ถูกระบุว่าถูกจับตัวมาจากหลายพื้นที่ในภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดถูกปล่อยตัวที่ จ.ระนอง ถูกควบคุมตัวและถูกส่งตัวกลับไปยัง เมืองตะนาวศรี ภูมิภาคเกาะสองเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นาย U Moe Wai ผู้รับผิดชอบศูนย์ทรัพยากรแรงงานข้ามชาติ (MWRC) ซึ่งเป็นสังกัดของมูลนิธิของมูลนิธิการศึกษาและพัฒนาของเกาะสองกล่าวว่ามีส่วนเมียนมามากกว่า 100 คน ที่ถูกส่งตัวกลับ

    “มีชาวเมียนมาเป็นจำนวน 135 คน 39 คนเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งหมดถูกจับมาจากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ของไทย หลายคนเพิ่งมาถึงใหม่ บางคนมีนายจ้างและสถานที่พักอาศัยแตกต่างกันออกไป” นาย U Moe Wai กล่าวและกล่าวต่อไปว่านักโทษเหล่านี้มาจากหลายพื้นที่ในเมียนมาด้วยกันอาทิ รัฐยะไข่ รัฐมอน เมืองตะนาวศรี,พะโค,ทวาย และย่างกุ้ง

    นาย U Moe Wai กล่าวว่าสืบเนื่องจากว่ามีข่าวว่าสภาทหารเมียนมาได้เกณฑ์ทหารจากบุคคลที่กลับมาจากประเทศไทย โดยเฉพาะกับนักโทษที่ชดใช้โทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตัวเขาจึงได้สอบถามไปยังบุคคลที่ถูกจับว่าพวกเขาถูกจับแค่เพียงครั้งเดียว ตอนที่อยู่ที่เมืองตะนาวศรีใช่หรือไม่ พวกเขาจึงได้เล่าเรื่องที่ว่านี้

    มีรายงานว่ามีชาวเมียนมาอย่างน้อย 100 คนถูกส่งตัวกลับในทุกเดือน ในหลายเรือนจำของไทยเต็มไปด้วยนักโทษชาวเมียนมา และก็มีกรณีประท้วงในเรือนจำใน จ.ระนอง เกี่ยวกับกรณีการส่งตัวกลับ เนื่องจากว่าการส่งตัวกลับนั้นต้องขึ้นอยู่กับจำนวนที่ทางเมียนมาสามารถจะรับไหวด้วย ซึ่งมีกรณีที่ทางเมียนมารับไม่ไหวแล้วส่งตัวกลับมายังประเทศไทย

    ขณะที่ทางสภาทหารเมียนมาออกมาตอบโต้แล้วโดยระบุว่าข่าวเรื่องการบังคับเกณฑ์ทหารกับชาวเมียนมาที่กลับมาจากประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

    เรียบเรียงจาก:https://burmese.voanews.com/a/7736903.html

    ที่มา : สำนักข่าวอิศรา

    #Thaitimes
    สำนักข่าวอิศรารายงานจาก VOA สื่อสหรัฐฯเผยเรือนจำระนองปล่อยตัวนักโทษเมียนมากลับไปถูกเกณฑ์ทหารนับร้อยทุกเดือน ขณะสภาทหารเมียนมาโต้ข่าวยืนยันไม่มีนโยบายบังคับเกณฑ์ทหารชาวเมียนมากลับจากประเทศไทย 11 สิงหาคม 2567-สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวอ้างอิงสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกาเกี่ยวกับกรณีที่นักโทษถูกปล่อยตัวจากเรือนจำใน จ.ระนอง และถูกส่งตัวกลับไปยังภูมิภาคเกาะสอง ประเทศเมียนมา พบว่าบุคคลเหล่านี้ถูกบังคับให้เกณฑ์ทหารทันทีเมื่อถึงประเทศบ้านเกิด นักโทษเหล่านี้ถูกระบุว่าถูกจับตัวมาจากหลายพื้นที่ในภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดถูกปล่อยตัวที่ จ.ระนอง ถูกควบคุมตัวและถูกส่งตัวกลับไปยัง เมืองตะนาวศรี ภูมิภาคเกาะสองเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นาย U Moe Wai ผู้รับผิดชอบศูนย์ทรัพยากรแรงงานข้ามชาติ (MWRC) ซึ่งเป็นสังกัดของมูลนิธิของมูลนิธิการศึกษาและพัฒนาของเกาะสองกล่าวว่ามีส่วนเมียนมามากกว่า 100 คน ที่ถูกส่งตัวกลับ “มีชาวเมียนมาเป็นจำนวน 135 คน 39 คนเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งหมดถูกจับมาจากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ของไทย หลายคนเพิ่งมาถึงใหม่ บางคนมีนายจ้างและสถานที่พักอาศัยแตกต่างกันออกไป” นาย U Moe Wai กล่าวและกล่าวต่อไปว่านักโทษเหล่านี้มาจากหลายพื้นที่ในเมียนมาด้วยกันอาทิ รัฐยะไข่ รัฐมอน เมืองตะนาวศรี,พะโค,ทวาย และย่างกุ้ง นาย U Moe Wai กล่าวว่าสืบเนื่องจากว่ามีข่าวว่าสภาทหารเมียนมาได้เกณฑ์ทหารจากบุคคลที่กลับมาจากประเทศไทย โดยเฉพาะกับนักโทษที่ชดใช้โทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตัวเขาจึงได้สอบถามไปยังบุคคลที่ถูกจับว่าพวกเขาถูกจับแค่เพียงครั้งเดียว ตอนที่อยู่ที่เมืองตะนาวศรีใช่หรือไม่ พวกเขาจึงได้เล่าเรื่องที่ว่านี้ มีรายงานว่ามีชาวเมียนมาอย่างน้อย 100 คนถูกส่งตัวกลับในทุกเดือน ในหลายเรือนจำของไทยเต็มไปด้วยนักโทษชาวเมียนมา และก็มีกรณีประท้วงในเรือนจำใน จ.ระนอง เกี่ยวกับกรณีการส่งตัวกลับ เนื่องจากว่าการส่งตัวกลับนั้นต้องขึ้นอยู่กับจำนวนที่ทางเมียนมาสามารถจะรับไหวด้วย ซึ่งมีกรณีที่ทางเมียนมารับไม่ไหวแล้วส่งตัวกลับมายังประเทศไทย ขณะที่ทางสภาทหารเมียนมาออกมาตอบโต้แล้วโดยระบุว่าข่าวเรื่องการบังคับเกณฑ์ทหารกับชาวเมียนมาที่กลับมาจากประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เรียบเรียงจาก:https://burmese.voanews.com/a/7736903.html ที่มา : สำนักข่าวอิศรา #Thaitimes
    BURMESE.VOANEWS.COM
    ထိုင်းကပြန်ပို့တဲ့ လွတ်ရက်စေ့ မြန်မာတွေ စစ်မှုထမ်းခိုင်းမှာ စိုးရိမ်
    ထိုင်းနိုင်ငံထဲမှာလွတ်ရက်စေ့တဲ့ အကျဉ်းသားတွေကို ရနောင်း လူဝင်မှုကြီးကြပ်ရေး အချုပ်ကနေ မြန်မာနိုင်ငံဘက် တနင်္သာရီတိုင်း၊ ကော့သောင်းမြို့ကို ဩဂုတ်လ ၇ရက်နေ့က နေရပ်ပြန်ပို့ခဲ့ပါတယ်။ နေရာပြန်ပို့ခံရသူတချို့ဟာ သူ့နေရပ်ကိုပြန်ရောက်တဲ့အခါမှာတော့ စစ်မှုထမ်းဆင့်ခေါ်တာတွေကို ကြုံကြရတယ်လို့လည်း ဆိုပါတယ်။
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อัดคลิปขออภัย สนธิ ลิ้มทองกุล ปมจัดรายการพาดพิงสมัยอยู่วอยซ์ทีวี อ้างเจ้าหน้าที่วอยซ์ทีวีพาดหัวข่าวหลายเรื่องมารวมกัน แล้วใช้ภาพสนธิมาลง ทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดและเกิดความเสียหาย
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000063038

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อัดคลิปขออภัย สนธิ ลิ้มทองกุล ปมจัดรายการพาดพิงสมัยอยู่วอยซ์ทีวี อ้างเจ้าหน้าที่วอยซ์ทีวีพาดหัวข่าวหลายเรื่องมารวมกัน แล้วใช้ภาพสนธิมาลง ทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดและเกิดความเสียหาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000063038 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    18
    0 Comments 2 Shares 1105 Views 0 Reviews
  • คิงส์โพธิ์แดงเคยลั่นไว้แล้วนะคับนะ ว่าว็อยซ์ทีวีปิด ไม่ได้ปิดจริง
    แค่รีแบรนด์ไปเป็น nbt แล้วก็เกิดขึ้นจริง
    เป็นแผนอันแยบยล ที่ลูกชายโทนี่ ไม่ต้องควักเองอีกต่อไป
    แถมด้วย ได้เป็นทีวีดิจอตอล รวมถึง ค่าพนักงานก็ไม่ต้องออก
    มีแต่ได้กับได้ อย่างว่านะครับ ยุคใครเรืองอำนาจ ย่อมได้เปรียบ
    เราประชาชนก็ได้แค่มองตาปริบๆ
    ยังไม่รวมถึงการได้ประกันตัวแบบงงๆค้านสายตาประชาชน
    นิติรัฐหมดสิ้น รอแค่กรรมที่ก่อย้อนจัดการแค่นั้นเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #วอยซ์
    #เป็นไปตามคาด
    คิงส์โพธิ์แดงเคยลั่นไว้แล้วนะคับนะ ว่าว็อยซ์ทีวีปิด ไม่ได้ปิดจริง แค่รีแบรนด์ไปเป็น nbt แล้วก็เกิดขึ้นจริง เป็นแผนอันแยบยล ที่ลูกชายโทนี่ ไม่ต้องควักเองอีกต่อไป แถมด้วย ได้เป็นทีวีดิจอตอล รวมถึง ค่าพนักงานก็ไม่ต้องออก มีแต่ได้กับได้ อย่างว่านะครับ ยุคใครเรืองอำนาจ ย่อมได้เปรียบ เราประชาชนก็ได้แค่มองตาปริบๆ ยังไม่รวมถึงการได้ประกันตัวแบบงงๆค้านสายตาประชาชน นิติรัฐหมดสิ้น รอแค่กรรมที่ก่อย้อนจัดการแค่นั้นเอง #คิงส์โพธิ์แดง #วอยซ์ #เป็นไปตามคาด
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews