• จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้….

    ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!!

    ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ
    ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน
    ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน
    ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า……
    “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……”
    ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน
    เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore)
    เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..…

    เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน
    2001 ที่ Ljubljana, Slovenia
    คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น
    ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม)
    แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ
    เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

    ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร?
    เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย”
    ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้
    เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร……

    ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย
    และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ
    ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ

    ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม
    พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

    หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย
    บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง)
    อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน
    ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ
    ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน
    และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan
    ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง
    เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น
    ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต
    เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000
    ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี
    ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า
    “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ
    และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…”

    การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช)
    ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม
    และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน
    ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน)
    ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ
    ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ…

    รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย)
    แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น
    อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง…
    และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน
    American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า
    “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……”
    “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..”
    “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..”
    แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป

    สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม
    และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน
    ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน
    เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า
    “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “
    และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย

    แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า
    นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ
    ABM (Anti-Ballistic Missile)
    เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี..

    การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น
    จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน
    ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก)
    โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที
    ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง
    แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู
    และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้
    พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา
    ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย
    และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า
    ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!!

    ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์
    เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก)
    เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร
    เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม
    คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์
    ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……”
    เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร

    ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ
    ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
    เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?”
    คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ……
    ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย
    วิตก……
    กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก
    เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ

    ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา
    ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย
    กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้
    ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!!
    การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย
    แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน
    มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี

    ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!!

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่
    ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน
    ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ
    ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข
    แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ)
    เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย

    คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..”
    ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น
    ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว
    เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!!
    และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…)
    ว่า……

    “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………”

    **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006

    Wiwanda W. Vichit
    จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้…. ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!! ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า…… “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……” ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore) เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..… เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน 2001 ที่ Ljubljana, Slovenia คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม) แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร? เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย” ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้ เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร…… ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง) อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000 ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…” การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช) ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน) ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ… รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย) แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง… และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……” “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..” “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..” แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “ และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ ABM (Anti-Ballistic Missile) เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี.. การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก) โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้ พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!! ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์ เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก) เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์ ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……” เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?” คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ…… ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย วิตก…… กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!! การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ) เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..” ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!! และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…) ว่า…… “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………” **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 542 Views 0 Reviews
  • 🥳ปาร์ตี้ปิ้งย่างรอบกองไฟในบรรยากาศคนเมือง
    🥳ปาร์ตี้ปิ้งย่างรอบกองไฟในบรรยากาศคนเมือง
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ร้าน Best Beef (เบสท์บีฟ) ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน เจ้าดัง บอกเลยว่าสำหรับใครที่กำลังอยากกินตอนนี้ร้านเค้าเปิดให้เข้าไปนั่งทานได้แล้ว ทั้ง 3 สาขา เบสท์บีฟสุขุมวิท เบสท์บีฟศรีนครินทร์ และเบสท์บีฟบางแค แต่เค้ายังไม่ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์เด้ออ แต่ๆ..อย่าได้กังวลไป เพราะเค้ามีเซ็ตอาหารสุดคุ้ม ที่บอกเลยว่าอิ่มแน่นอน มีด้วยกัน 3 เซ็ตใครเลิฟแบบไหนก็สั่งกินให้ฟินกันได้เลยยย

    พิกัด : goo.gl/maps/yEWbiJMchpMEKA4VA
    ที่อยู่ : ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
    ร้านเปิดบริการ : 15.00 - 24.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 12.00 - 24.00 น.
    โทร : 0-2742-9416
    #ปิ้งย่าง #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ร้าน Best Beef (เบสท์บีฟ) ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกระทะร้อน เจ้าดัง บอกเลยว่าสำหรับใครที่กำลังอยากกินตอนนี้ร้านเค้าเปิดให้เข้าไปนั่งทานได้แล้ว ทั้ง 3 สาขา เบสท์บีฟสุขุมวิท เบสท์บีฟศรีนครินทร์ และเบสท์บีฟบางแค แต่เค้ายังไม่ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์เด้ออ แต่ๆ..อย่าได้กังวลไป เพราะเค้ามีเซ็ตอาหารสุดคุ้ม ที่บอกเลยว่าอิ่มแน่นอน มีด้วยกัน 3 เซ็ตใครเลิฟแบบไหนก็สั่งกินให้ฟินกันได้เลยยย พิกัด : goo.gl/maps/yEWbiJMchpMEKA4VA ที่อยู่ : ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ร้านเปิดบริการ : 15.00 - 24.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 12.00 - 24.00 น. โทร : 0-2742-9416 #ปิ้งย่าง #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 941 Views 0 Reviews
  • บ้านท่าน้ำนนท์ ร้านอาหาร ริมน้ำ แถวนนทบุรีที่เสิร์ฟอาหารไทยหน้าตาน่าทาน แต่งจานมาอย่างสวยงามเลย แนะนำเมนูจะเป็น ขนมจีนแกงเขียวหวาน ข้าวเกรียบปากหม้อ เมี่ยงปลาหมึก สาคูและหมูสะเต๊ะ พร้อมกับวิวริมแม่น้ำที่ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน ใครเป็นสายปิ้งย่างก็มีหมูกระทะให้บริการด้วย

    เปิดบริการ วันจันทร์-ศุกร์ : 11.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 10.20-21.00 น.
    พิกัด https://maps.app.goo.gl/Tpx41qDyEufTY5qN6

    #บ้านท่าน้ำนนท์ #ของกินอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    บ้านท่าน้ำนนท์ ร้านอาหาร ริมน้ำ แถวนนทบุรีที่เสิร์ฟอาหารไทยหน้าตาน่าทาน แต่งจานมาอย่างสวยงามเลย แนะนำเมนูจะเป็น ขนมจีนแกงเขียวหวาน ข้าวเกรียบปากหม้อ เมี่ยงปลาหมึก สาคูและหมูสะเต๊ะ พร้อมกับวิวริมแม่น้ำที่ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน ใครเป็นสายปิ้งย่างก็มีหมูกระทะให้บริการด้วย เปิดบริการ วันจันทร์-ศุกร์ : 11.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 10.20-21.00 น. พิกัด https://maps.app.goo.gl/Tpx41qDyEufTY5qN6 #บ้านท่าน้ำนนท์ #ของกินอร่อย #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 797 Views 0 Reviews
  • เตาปิ้งย่างถ่าน ครบเซ็ท4ชิ้น กระทะปิ้งย่าง
    เตาปิ้งย่างแบบถ่าน ตะแกรงย่าง เตาปิ้งย่างเกาหลี บาร์บีคิวเชิงพาณิชย์ย่างถ่าน

    ใช้ดีบอกต่อ👇🏻👇🏻👇🏻👇🏻
    https://s.shopee.co.th/1fyUDWByMx
    เตาปิ้งย่างถ่าน ครบเซ็ท4ชิ้น กระทะปิ้งย่าง เตาปิ้งย่างแบบถ่าน ตะแกรงย่าง เตาปิ้งย่างเกาหลี บาร์บีคิวเชิงพาณิชย์ย่างถ่าน ใช้ดีบอกต่อ👇🏻👇🏻👇🏻👇🏻 https://s.shopee.co.th/1fyUDWByMx
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews