• "ดร.เอ้" สุดดีใจ บังเอิญพบ "ชวน หลีกภัย" ที่สนามบินตรัง เผยแค่ทักทายผู้ใหญ่ ไม่ได้คุยการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/22032/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ชวนหลีกภัย #ไทยก้าวใหม่ #ประชาธิปัตย์ #สนามบินตรัง #ประเพณีกินเจ

    "ดร.เอ้" สุดดีใจ บังเอิญพบ "ชวน หลีกภัย" ที่สนามบินตรัง เผยแค่ทักทายผู้ใหญ่ ไม่ได้คุยการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/22032/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ชวนหลีกภัย #ไทยก้าวใหม่ #ประชาธิปัตย์ #สนามบินตรัง #ประเพณีกินเจ
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • “ครูเคมีใช้เลเซอร์และแผงโซลาร์ส่งเสียงไร้สาย — โปรเจกต์บ้าน ๆ ที่เข้าใจฟิสิกส์ลึกซึ้ง”

    Phil ครูสอนเคมีระดับมัธยมและยูทูบเบอร์สายวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบโดยบังเอิญว่าแผงโซลาร์เซลล์เล็ก ๆ ที่เขาเชื่อมต่อกับลำโพงจะส่งเสียงออกมาเบา ๆ เมื่อโดนแสง เขาจึงเกิดไอเดียสร้างระบบส่งเสียงไร้สายผ่านแสง โดยใช้เพียง iPad, ลำโพงราคาถูก, แผงโซลาร์ และเลเซอร์

    เขาเริ่มจากการต่อ iPad เข้ากับแอมป์ขนาดเล็ก แล้วเชื่อมต่อกับหลอด LED ที่จะกระพริบตามสัญญาณเสียง เมื่อเปิดเพลงจาก iPad แสงจาก LED จะกระพริบตามจังหวะเพลง ซึ่งแผงโซลาร์สามารถ “รับรู้” การเปลี่ยนแปลงของแสงนี้และแปลงกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้า ส่งต่อไปยังลำโพงให้เกิดเสียง

    อย่างไรก็ตาม ระยะส่งสัญญาณของ LED มีจำกัด เพราะความเข้มของแสงลดลงตามกฎกำลังสองผกผัน (inverse square law) เมื่ออยู่ไกลจากแหล่งกำเนิดแสง เขาจึงเปลี่ยนมาใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกแทน ซึ่งสามารถส่งแสงได้ไกลและเข้มกว่า

    ผลลัพธ์คือเสียงเพลงจาก iPad ถูกส่งผ่านลำแสงเลเซอร์ไปยังแผงโซลาร์ที่อยู่อีกฟากของห้อง และเล่นออกลำโพงได้อย่างชัดเจน แม้คุณภาพเสียงจะไม่ถึงระดับ Hi-Fi แต่ก็ฟังรู้เรื่องและน่าทึ่งมาก

    Phil ชี้ว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — กองทัพใช้เลเซอร์สื่อสารมาตั้งแต่ยุค 1970 แล้ว — แต่การนำมาทำเป็นโปรเจกต์ DIY แบบนี้ช่วยให้คนทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียน ได้เข้าใจฟิสิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อย่างสนุกและจับต้องได้

    ครูเคมีชื่อ Phil สร้างระบบส่งเสียงไร้สายผ่านแสง
    ใช้ iPad, แอมป์, LED/เลเซอร์, แผงโซลาร์ และลำโพง

    แสงจาก LED หรือเลเซอร์กระพริบตามสัญญาณเสียง
    แผงโซลาร์รับแสงและแปลงกลับเป็นเสียงผ่านลำโพง

    ใช้กฎ inverse square law อธิบายการลดลงของความเข้มแสง
    ระยะทางส่งสัญญาณมีผลต่อคุณภาพเสียง

    เปลี่ยนจาก LED เป็นเลเซอร์เพื่อเพิ่มระยะและความชัด
    ส่งเสียงได้ไกลขึ้นและชัดเจนขึ้น

    โปรเจกต์นี้เป็นการสาธิตเทคโนโลยีที่กองทัพเคยใช้
    เช่น การสื่อสารด้วยเลเซอร์ในยุค 1970

    จุดประสงค์คือการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน
    เข้าใจฟิสิกส์, อิเล็กทรอนิกส์ และการทดลอง

    https://www.tomshardware.com/maker-stem/teacher-uses-cheap-laser-and-solar-panel-to-transmit-wireless-sound-ipad-powers-home-project-that-was-inspired-by-solar-panel-making-noise-when-attached-to-speaker
    🔊 “ครูเคมีใช้เลเซอร์และแผงโซลาร์ส่งเสียงไร้สาย — โปรเจกต์บ้าน ๆ ที่เข้าใจฟิสิกส์ลึกซึ้ง” Phil ครูสอนเคมีระดับมัธยมและยูทูบเบอร์สายวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบโดยบังเอิญว่าแผงโซลาร์เซลล์เล็ก ๆ ที่เขาเชื่อมต่อกับลำโพงจะส่งเสียงออกมาเบา ๆ เมื่อโดนแสง เขาจึงเกิดไอเดียสร้างระบบส่งเสียงไร้สายผ่านแสง โดยใช้เพียง iPad, ลำโพงราคาถูก, แผงโซลาร์ และเลเซอร์ เขาเริ่มจากการต่อ iPad เข้ากับแอมป์ขนาดเล็ก แล้วเชื่อมต่อกับหลอด LED ที่จะกระพริบตามสัญญาณเสียง เมื่อเปิดเพลงจาก iPad แสงจาก LED จะกระพริบตามจังหวะเพลง ซึ่งแผงโซลาร์สามารถ “รับรู้” การเปลี่ยนแปลงของแสงนี้และแปลงกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้า ส่งต่อไปยังลำโพงให้เกิดเสียง อย่างไรก็ตาม ระยะส่งสัญญาณของ LED มีจำกัด เพราะความเข้มของแสงลดลงตามกฎกำลังสองผกผัน (inverse square law) เมื่ออยู่ไกลจากแหล่งกำเนิดแสง เขาจึงเปลี่ยนมาใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกแทน ซึ่งสามารถส่งแสงได้ไกลและเข้มกว่า ผลลัพธ์คือเสียงเพลงจาก iPad ถูกส่งผ่านลำแสงเลเซอร์ไปยังแผงโซลาร์ที่อยู่อีกฟากของห้อง และเล่นออกลำโพงได้อย่างชัดเจน แม้คุณภาพเสียงจะไม่ถึงระดับ Hi-Fi แต่ก็ฟังรู้เรื่องและน่าทึ่งมาก Phil ชี้ว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — กองทัพใช้เลเซอร์สื่อสารมาตั้งแต่ยุค 1970 แล้ว — แต่การนำมาทำเป็นโปรเจกต์ DIY แบบนี้ช่วยให้คนทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียน ได้เข้าใจฟิสิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อย่างสนุกและจับต้องได้ ✅ ครูเคมีชื่อ Phil สร้างระบบส่งเสียงไร้สายผ่านแสง ➡️ ใช้ iPad, แอมป์, LED/เลเซอร์, แผงโซลาร์ และลำโพง ✅ แสงจาก LED หรือเลเซอร์กระพริบตามสัญญาณเสียง ➡️ แผงโซลาร์รับแสงและแปลงกลับเป็นเสียงผ่านลำโพง ✅ ใช้กฎ inverse square law อธิบายการลดลงของความเข้มแสง ➡️ ระยะทางส่งสัญญาณมีผลต่อคุณภาพเสียง ✅ เปลี่ยนจาก LED เป็นเลเซอร์เพื่อเพิ่มระยะและความชัด ➡️ ส่งเสียงได้ไกลขึ้นและชัดเจนขึ้น ✅ โปรเจกต์นี้เป็นการสาธิตเทคโนโลยีที่กองทัพเคยใช้ ➡️ เช่น การสื่อสารด้วยเลเซอร์ในยุค 1970 ✅ จุดประสงค์คือการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน ➡️ เข้าใจฟิสิกส์, อิเล็กทรอนิกส์ และการทดลอง https://www.tomshardware.com/maker-stem/teacher-uses-cheap-laser-and-solar-panel-to-transmit-wireless-sound-ipad-powers-home-project-that-was-inspired-by-solar-panel-making-noise-when-attached-to-speaker
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • "ปริ้นซ์ฯ" โผล่ "ซิโน-ไทย"! สส.ศุภณัฐ ถามแค่เรื่องบังเอิญ? ด้าน STEC แจง "ไม่เกี่ยวข้องกัน" ยันตรวจสอบเอกสารครบตามกฎหมาย
    https://www.thai-tai.tv/news/21951/
    .
    #ไทยไท #STEC #ซิโนไทยทาวเวอร์ #ปริ้นซ์อินเตอร์เนชั่นแนล #นายหน้าอสังหา #ชี้แจง
    "ปริ้นซ์ฯ" โผล่ "ซิโน-ไทย"! สส.ศุภณัฐ ถามแค่เรื่องบังเอิญ? ด้าน STEC แจง "ไม่เกี่ยวข้องกัน" ยันตรวจสอบเอกสารครบตามกฎหมาย https://www.thai-tai.tv/news/21951/ . #ไทยไท #STEC #ซิโนไทยทาวเวอร์ #ปริ้นซ์อินเตอร์เนชั่นแนล #นายหน้าอสังหา #ชี้แจง
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 10

    เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย

    สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้

    ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว

    ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร

    เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ

    อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร
    ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า

    และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน

    สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 10 เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้ ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • จีนสร้างความอัปรีย์จัญไรแก่สายตาคนไทยอีกแล้ว,มุ่งแต่ตัวเอง หวังผลประโยชน์หวังแก่กำไรใส่ตัวเองอีกแล้ว,สะท้อนสันดานคนจีนได้ชัดเจนอีกด้าน,เรื่องพื้นๆยังจะทำกับคนไทยได้ลง,แล้วเรื่องพานิชย์ตัวอีกๆตัวพ่อๆแม่ๆล่ะ มันคงทำยิ่งกว่าหมูเด้งอีกที่เอาเปรียบคนขายค้าคนไทย.,เรื่องจีนแอบช่วยเขมรยังไม่เคลียร์ แฉออกมาระหว่างสู้รบกัน24ก.ค68 ถึง28 ก.ค.68 กูรูบางท่านแฉแล้ว และตอนนี้ออกมาแฉเต็มๆอีก,จีนคอมมิวนิสต์ไว้ใจไม่ได้เช่นกันจริงๆ,นาแกนครพนมเสียงปืนแตกครัังแรกนะ คอมมิวนิสต์สหายภูพานตัวพ่อภาคอีสานจะยึดประเทศไทยเลย,รวมคอมมิวนิสต์ภาคเหนืออีก,ลาวก็คอมมิวนิสต์ เวียดนามก็คอมมิวนิสต์ พม่าก็คอมมิวนิสต์ เขมรก็คอมมิวนิสต์ผีสิงผีปอบตัวพ่อฮุนเซนเผด็จการของแท้ระยำกว่าพม่า เวียดนาม ระยำกว่าลาวอีก,จีนสนับสนุนเขมรชัดเจน,เพราะแร่ธาตุในเขมรจีนต้องการหมด ถ้าเขมรนอมินีแทนจีนยึดแย่งดินแดนไทยสำเร็จหากชนะอีสานได้ยึดอีสานได้จีนก็ได้อีสานทั้งหมด รวมทั้งช่วยเขมรสู้กับไทยยึดอีสานยึดไทยได้อย่างเปิดเผยด้วย,
    ..กองทัพไทยบังเอิญคือแม่ทัพกุ้ง มทภ.2มิใช่ มทภ.1 เช่นนั้นไทยเสียอีสานทั้งภาคแน่นอน,ไม่มีบทลงโทษใดๆแก่มทภ.1และคณะทั้งหมดเลย.

    https://youtube.com/watch?v=_UaeNM1x0hQ&si=jtBtQkaOABqifKCj
    จีนสร้างความอัปรีย์จัญไรแก่สายตาคนไทยอีกแล้ว,มุ่งแต่ตัวเอง หวังผลประโยชน์หวังแก่กำไรใส่ตัวเองอีกแล้ว,สะท้อนสันดานคนจีนได้ชัดเจนอีกด้าน,เรื่องพื้นๆยังจะทำกับคนไทยได้ลง,แล้วเรื่องพานิชย์ตัวอีกๆตัวพ่อๆแม่ๆล่ะ มันคงทำยิ่งกว่าหมูเด้งอีกที่เอาเปรียบคนขายค้าคนไทย.,เรื่องจีนแอบช่วยเขมรยังไม่เคลียร์ แฉออกมาระหว่างสู้รบกัน24ก.ค68 ถึง28 ก.ค.68 กูรูบางท่านแฉแล้ว และตอนนี้ออกมาแฉเต็มๆอีก,จีนคอมมิวนิสต์ไว้ใจไม่ได้เช่นกันจริงๆ,นาแกนครพนมเสียงปืนแตกครัังแรกนะ คอมมิวนิสต์สหายภูพานตัวพ่อภาคอีสานจะยึดประเทศไทยเลย,รวมคอมมิวนิสต์ภาคเหนืออีก,ลาวก็คอมมิวนิสต์ เวียดนามก็คอมมิวนิสต์ พม่าก็คอมมิวนิสต์ เขมรก็คอมมิวนิสต์ผีสิงผีปอบตัวพ่อฮุนเซนเผด็จการของแท้ระยำกว่าพม่า เวียดนาม ระยำกว่าลาวอีก,จีนสนับสนุนเขมรชัดเจน,เพราะแร่ธาตุในเขมรจีนต้องการหมด ถ้าเขมรนอมินีแทนจีนยึดแย่งดินแดนไทยสำเร็จหากชนะอีสานได้ยึดอีสานได้จีนก็ได้อีสานทั้งหมด รวมทั้งช่วยเขมรสู้กับไทยยึดอีสานยึดไทยได้อย่างเปิดเผยด้วย, ..กองทัพไทยบังเอิญคือแม่ทัพกุ้ง มทภ.2มิใช่ มทภ.1 เช่นนั้นไทยเสียอีสานทั้งภาคแน่นอน,ไม่มีบทลงโทษใดๆแก่มทภ.1และคณะทั้งหมดเลย. https://youtube.com/watch?v=_UaeNM1x0hQ&si=jtBtQkaOABqifKCj
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • "TSMC ครองตลาดโรงงานผลิตชิปทั่วโลกทะลุ 71% – คู่แข่งแทบไม่มีที่ยืน"

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องเลือกโรงงานผลิตชิปสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของคุณในปี 2025 คุณจะเลือกใคร? คำตอบแทบจะชัดเจน: TSMC จากไต้หวัน ซึ่งตอนนี้ครองตลาดโรงงานผลิตชิป (foundry) ทั่วโลกไปแล้วกว่า 71% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025

    การเติบโตของ TSMC ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง เช่น กระบวนการผลิต 3nm และ 5nm ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm โดยเฉพาะในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูง (HPC) กำลังเฟื่องฟู

    รายได้ของ TSMC ในไตรมาสนี้พุ่งขึ้นถึง $30.24 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คู่แข่งอย่าง Samsung มีส่วนแบ่งเพียง 7.3% และ SMIC จากจีนอยู่ที่ 5.1% เท่านั้น

    สิ่งที่น่าสนใจคือ TSMC ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยี แต่ยังมีความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งยังตามไม่ทัน แม้จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่การเปลี่ยนโรงงานผลิตชิปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องปรับทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และกระบวนการผลิตทั้งหมด

    TSMC ครองตลาดโรงงานผลิตชิปทั่วโลก
    มีส่วนแบ่งตลาดถึง 71% ในไตรมาส 2 ปี 2025
    รายได้สูงถึง $30.24 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18.5% จากไตรมาสก่อน

    เทคโนโลยีระดับสูงคือหัวใจของความสำเร็จ
    ใช้กระบวนการผลิต 3nm และ 5nm ที่ทันสมัย
    รองรับความต้องการของ AI และ HPC อย่างเต็มที่

    ลูกค้ารายใหญ่ไว้วางใจ TSMC
    Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm เป็นลูกค้าหลัก
    ความเชื่อมั่นในคุณภาพและความเสถียรของการผลิต

    คู่แข่งยังตามไม่ทัน
    Samsung มีส่วนแบ่งเพียง 7.3% และ SMIC อยู่ที่ 5.1%
    ปัญหาด้านเทคโนโลยีและการผลิตยังเป็นอุปสรรค

    คำเตือนสำหรับผู้เล่นรายอื่นในตลาด
    การแข่งขันกับ TSMC ต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมหาศาล
    การเปลี่ยนโรงงานผลิตชิปมีความเสี่ยงสูงและต้นทุนแฝง
    หากไม่มีเทคโนโลยีระดับสูงและความไว้วางใจจากลูกค้า อาจถูกเบียดออกจากตลาด

    ในโลกของการผลิตชิปที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว TSMC ไม่ได้แค่เป็นผู้นำ แต่กำลังกลายเป็น "มาตรฐานกลาง" ที่ทุกคนต้องเทียบเคียง และถ้าคุณเป็นผู้ผลิตที่ยังไม่ใช้บริการ TSMC ก็อาจต้องถามตัวเองว่า “คุณพร้อมจะเสี่ยงแค่ไหน?”

    https://wccftech.com/tsmc-dominates-global-foundry-market-with-a-jaw-dropping-share/
    🏭 "TSMC ครองตลาดโรงงานผลิตชิปทั่วโลกทะลุ 71% – คู่แข่งแทบไม่มีที่ยืน" ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องเลือกโรงงานผลิตชิปสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของคุณในปี 2025 คุณจะเลือกใคร? คำตอบแทบจะชัดเจน: TSMC จากไต้หวัน ซึ่งตอนนี้ครองตลาดโรงงานผลิตชิป (foundry) ทั่วโลกไปแล้วกว่า 71% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 การเติบโตของ TSMC ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง เช่น กระบวนการผลิต 3nm และ 5nm ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm โดยเฉพาะในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูง (HPC) กำลังเฟื่องฟู รายได้ของ TSMC ในไตรมาสนี้พุ่งขึ้นถึง $30.24 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คู่แข่งอย่าง Samsung มีส่วนแบ่งเพียง 7.3% และ SMIC จากจีนอยู่ที่ 5.1% เท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจคือ TSMC ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยี แต่ยังมีความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งยังตามไม่ทัน แม้จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่การเปลี่ยนโรงงานผลิตชิปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องปรับทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และกระบวนการผลิตทั้งหมด ✅ TSMC ครองตลาดโรงงานผลิตชิปทั่วโลก ➡️ มีส่วนแบ่งตลาดถึง 71% ในไตรมาส 2 ปี 2025 ➡️ รายได้สูงถึง $30.24 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18.5% จากไตรมาสก่อน ✅ เทคโนโลยีระดับสูงคือหัวใจของความสำเร็จ ➡️ ใช้กระบวนการผลิต 3nm และ 5nm ที่ทันสมัย ➡️ รองรับความต้องการของ AI และ HPC อย่างเต็มที่ ✅ ลูกค้ารายใหญ่ไว้วางใจ TSMC ➡️ Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm เป็นลูกค้าหลัก ➡️ ความเชื่อมั่นในคุณภาพและความเสถียรของการผลิต ✅ คู่แข่งยังตามไม่ทัน ➡️ Samsung มีส่วนแบ่งเพียง 7.3% และ SMIC อยู่ที่ 5.1% ➡️ ปัญหาด้านเทคโนโลยีและการผลิตยังเป็นอุปสรรค ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เล่นรายอื่นในตลาด ⛔ การแข่งขันกับ TSMC ต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมหาศาล ⛔ การเปลี่ยนโรงงานผลิตชิปมีความเสี่ยงสูงและต้นทุนแฝง ⛔ หากไม่มีเทคโนโลยีระดับสูงและความไว้วางใจจากลูกค้า อาจถูกเบียดออกจากตลาด ในโลกของการผลิตชิปที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว TSMC ไม่ได้แค่เป็นผู้นำ แต่กำลังกลายเป็น "มาตรฐานกลาง" ที่ทุกคนต้องเทียบเคียง และถ้าคุณเป็นผู้ผลิตที่ยังไม่ใช้บริการ TSMC ก็อาจต้องถามตัวเองว่า “คุณพร้อมจะเสี่ยงแค่ไหน?” https://wccftech.com/tsmc-dominates-global-foundry-market-with-a-jaw-dropping-share/
    WCCFTECH.COM
    TSMC Dominates Global Foundry Market With a 'Jaw-Dropping' 71% Share, Leaving Rivals Little Room to Compete
    TSMC's market share in the foundry business shows that the Taiwan giant has created a 'monopoly' over the markets.
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 2

    ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมองอเมริกาเหมือนเป็นเด็กอ่อน เขี้ยวยังไม่งอก ดังนั้นอังกฤษจึงตั้งตัวเองเป็นหัวหน้า เป็นผู้ควบคุมเกมสงครามโลกครั้ง ที่ 1 อังกฤษอยากทำสงคราม แต่กำลังถังแตก! ไม่มีทุน แต่คิดการใหญ่ จึงมีการวางแผนหลอกล่อ ให้อเมริกาเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษเข้าทำสงคราม แผนการหลอกล่ออเมริกานี้ เกิด ขึ้นจากการ ร่วมมือของเหล่าอิลีต นักการเมือง นักธุรกิจข้ามชาติ และนักการเงิน ของทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่คิดร่ำรวย จากการยุให้ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เข้าทำสงครามโลก โดยให้ Think Tank ถังความคิด Chatham House ของฝั่งอังกฤษและ Council on Foreign Relations (CFR) ของฝั่งอเมริกา ร่วมกันวางแผนดำเนินการ

    นักธุรกิจ ไม่ว่าสมัยไหน และเชื้อชาติไหน ส่วนใหญ่ก็คิดเพื่อกระเป๋าตัวเองทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ช่างมัน

    แต่แท้จริงแล้ว อเมริกา ที่อังกฤษคิดว่าเป็นเด็กอ่อนเขี้ยวยังไม่งอก แอบเอาเขี้ยวหลบใน อเมริกามองข้ามซ๊อตไกลไปกว่าพวกชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเกิดเสียอีก! อเมริกาเห็นว่า ไม่ใช่จะมีแต่อังกฤษเท่านั้น ที่ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ครองโลกหมายเลขหนึ่ง อเมริกาเองก็มีสิทธิเข้าชิงตำแหน่งเหมือนกัน อเมริกาจึงวางแผน ที่มีทั้งความลึก และใช้เวลายาวนานอย่างเหลือเขื่อ !

    อเมริกา วางแผนล่วงหน้าที่จะให้มีทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 รวมทั้งวางแผน จังหวะเวลาที่เหมาะสม สำหรับอเมริกา ที่จะเข้าสู่สงครามโลกแต่ละครั้ง และสุดท้ายจะเป็นรายเดียวของผู้ชนะสงครามโลก ที่ไม่บอบช้ำ วางแผนสมกับจะเป็นผู้นำโลกจริงๆ

    อเมริกาเล่นบทเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย การลงทุนให้การสนับสนุนอังกฤษ ทั้งด้านการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษนำการรบ ให้อังกฤษจัดการคว่ำเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในยุโรป โดยมีฝรั่งเศษ อิตาลีและ รัสเซีย เป็นกองเชียร์สนับสนุนและรุมทุบ โดยอเมริกาไม่ต้องออกแรง หลังจากนั้นอเมริกาวางแผนหนุนรัสเซีย ให้ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่เกิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นเขี้ยวอเมริกาหรือยัง

    อเมริกาวางแผนการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน จังหวะที่จะส่งผลให้อังกฤษและยุโรปบอบซ้ำ ฉิบหาย กระเป๋าฉีก บ้านเมืองพังพินาศ และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงจะเหลืออเมริกาประเทศใหญ่ ประเทศเดียวที่ไม่มีการบอบซ้ำ และผงาดเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลกแทนที่อังกฤษ ตามแผนที่วางไว้ทุกประการ (รายละเอียดของตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง”มายากลยุทธ”) อเมริกาไม่ใช่มีเขี้ยวธรรมดา แต่เป็นเขี้ยวที่แหลมคมยิ่ง
    มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และอเมริกาก็ไม่ได้ถูกอังกฤษหลอกต้ม แต่อเมริกาปล่อยให้คิดว่า อเมริกาถูกหลอก จริงๆแล้วอเมริกาเอง ก็มีความคิดที่จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก โดยการครอบครอง Eurasia เช่น เดียวกับอังกฤษ เพราะกลุ่มผู้วางแผนให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลก ทั้ง 2 ครั้ง รวมทั้งเดินแผนครองโลกก็คือ กลุ่มบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ครู Mac ใน ด้านภูมิศาสตร์การเมืองเหมือนกัน หรือมีความเห็นไม่ต่างกับครู Mac อิทธิพลครูMac นี่ไม่เบาเลย

    ผู้วางแผนปฏิบัติการของอเมริกาก็คือ ถังความคิดหมายเลขหนึ่งของอเมริกา Council of Foreign Relations หรือ CFR ตัวแสบนี่แหละ ที่ซ้อนแผนของอังกฤษอีกต่อหนึ่ง CFR โดยการชักใยของพวกอีลิต ที่อยากจะมีอำนาจเหนือรัฐบาลอเมริกัน นำโดยตระกูล Rockefeller ทำหน้าที่ คัดสรร จัดหา วางตัว และผลักดันบุคคล ที่พวกตนเลือก เข้าไปอยู่ในตำแหน่ง และองค์กรสำคัญๆ ของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อมาดำเนินการตามแผน อย่างต่อเนื่อง

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินแผนครองโลกของอเมริกา เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ที่ CFR เป็นผู้จัดทำให้รัฐบาลอเมริกาปฏิบัติ ตามโครงการนี้ อเมริกาต้องมุ่งหน้า แผ่อิทธิพลเข้าไป เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และประเทศต่างๆที่หลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคม เนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งกับอีกหลายประเทศในยุโรป ที่พังยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการ War and Peace เรียกบริเวณต่างๆ เหล่านั้นว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับการล่า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นหมายเลขหนึ่ง ผู้ครองโลกใบนี้

    เป็นการวางแผน เพื่อชิงโลกคนละเส้นทางกับครูMac แต่สอดคล้องกัน โดย เป็นการค่อยๆล้อม Eurasia มาจากอีกฝั่งหนึ่ง และดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์กระชับวงล้อมแบบที่อเมริกาชอบใช้

    จังหวะและการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของอเมริกา ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่โครงการ War and Peace กำหนดไว้ล่วงหน้าด้วย (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง “แหกคอก”)

    โดยการวางแผนของ CFR หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาล อเมริกันเริ่มแผน โดยมุ่งหน้ามาทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ด้วยการสร้างผีคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด รวมทั้งแดนสมันน้อย ก็ตกอยู่ในกำมือ ไม่ต่างกับเป็นเมืองขึ้นกลายๆของอเมริกา รวมกับญี่ปุ่นซึ่งแพ้สงครามโลก และอยู่ในกระเป๋าของอเมริกาไปก่อนแล้ว อเมริกา จึงเหมือนได้เอเซียไปเกือบหมด ยกเว้น จีน อินเดีย และเกาหลีเหนือ
    พร้อมกับการรวบเอเซีย อเมริกาก็จัดการกวาดประเทศแถบลาตินอเมริกามาได้เกือบหมดด้วย ยกเว้นคิวบา หนามยอกอกของอเมริกา ซึ่งเอียงไปทางฝั่งสหภาพโซเวียตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอย และมายากลยุทธ)

    หมากต่อไปที่อเมริกาต้องรีบเดิน ตามอิทธิพลของยุทธศาสตร์ครู Mac คือ การชิง Heartland ของ Eurasia ทฤษฎีการปิดล้อม หรือ Containment สหภาพโซเวียต ที่นำไปสู่สงครามเย็น จึงถูกนำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ.1947 เป็นต้นมา

    ด้วยการ Containment ของอเมริกาและพวก เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตจึงอาการสาหัส แต่โซเวียตก็ยังไม่ล้มอย่างที่อเมริกาคาด ทุบจากข้างนอกไม่ล้ม อเมริกาจึงเปลี่ยนเป็นแผนทุบจากข้างใน ค.ศ.1985 Mikhail Gorbachev เป็น ผู้คุมบังเหียนสหภาพโซเวียต เห็นคนนอกดีกว่าคนในเพราะอะไรคงเดากันออก ได้ตัดเชือกที่ผูกสหภาพโซเวียตไว้ด้วยกันขาดสะบั้น ตามต่อด้วย Boris Yelsin ใน ปี ค.ศ.1990 ซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในที่สุด ค.ศ.1991 สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายสมใจอเมริกา (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง” มายากลยุทธ”)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 พย. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 2 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมองอเมริกาเหมือนเป็นเด็กอ่อน เขี้ยวยังไม่งอก ดังนั้นอังกฤษจึงตั้งตัวเองเป็นหัวหน้า เป็นผู้ควบคุมเกมสงครามโลกครั้ง ที่ 1 อังกฤษอยากทำสงคราม แต่กำลังถังแตก! ไม่มีทุน แต่คิดการใหญ่ จึงมีการวางแผนหลอกล่อ ให้อเมริกาเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษเข้าทำสงคราม แผนการหลอกล่ออเมริกานี้ เกิด ขึ้นจากการ ร่วมมือของเหล่าอิลีต นักการเมือง นักธุรกิจข้ามชาติ และนักการเงิน ของทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่คิดร่ำรวย จากการยุให้ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เข้าทำสงครามโลก โดยให้ Think Tank ถังความคิด Chatham House ของฝั่งอังกฤษและ Council on Foreign Relations (CFR) ของฝั่งอเมริกา ร่วมกันวางแผนดำเนินการ นักธุรกิจ ไม่ว่าสมัยไหน และเชื้อชาติไหน ส่วนใหญ่ก็คิดเพื่อกระเป๋าตัวเองทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ช่างมัน แต่แท้จริงแล้ว อเมริกา ที่อังกฤษคิดว่าเป็นเด็กอ่อนเขี้ยวยังไม่งอก แอบเอาเขี้ยวหลบใน อเมริกามองข้ามซ๊อตไกลไปกว่าพวกชาวเกาะ ใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเกิดเสียอีก! อเมริกาเห็นว่า ไม่ใช่จะมีแต่อังกฤษเท่านั้น ที่ใหญ่พอที่จะเป็นผู้ครองโลกหมายเลขหนึ่ง อเมริกาเองก็มีสิทธิเข้าชิงตำแหน่งเหมือนกัน อเมริกาจึงวางแผน ที่มีทั้งความลึก และใช้เวลายาวนานอย่างเหลือเขื่อ ! อเมริกา วางแผนล่วงหน้าที่จะให้มีทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 รวมทั้งวางแผน จังหวะเวลาที่เหมาะสม สำหรับอเมริกา ที่จะเข้าสู่สงครามโลกแต่ละครั้ง และสุดท้ายจะเป็นรายเดียวของผู้ชนะสงครามโลก ที่ไม่บอบช้ำ วางแผนสมกับจะเป็นผู้นำโลกจริงๆ อเมริกาเล่นบทเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย การลงทุนให้การสนับสนุนอังกฤษ ทั้งด้านการเงินและอื่นๆ ให้อังกฤษนำการรบ ให้อังกฤษจัดการคว่ำเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในยุโรป โดยมีฝรั่งเศษ อิตาลีและ รัสเซีย เป็นกองเชียร์สนับสนุนและรุมทุบ โดยอเมริกาไม่ต้องออกแรง หลังจากนั้นอเมริกาวางแผนหนุนรัสเซีย ให้ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่เกิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นเขี้ยวอเมริกาหรือยัง อเมริกาวางแผนการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน จังหวะที่จะส่งผลให้อังกฤษและยุโรปบอบซ้ำ ฉิบหาย กระเป๋าฉีก บ้านเมืองพังพินาศ และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงจะเหลืออเมริกาประเทศใหญ่ ประเทศเดียวที่ไม่มีการบอบซ้ำ และผงาดเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลกแทนที่อังกฤษ ตามแผนที่วางไว้ทุกประการ (รายละเอียดของตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง”มายากลยุทธ”) อเมริกาไม่ใช่มีเขี้ยวธรรมดา แต่เป็นเขี้ยวที่แหลมคมยิ่ง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และอเมริกาก็ไม่ได้ถูกอังกฤษหลอกต้ม แต่อเมริกาปล่อยให้คิดว่า อเมริกาถูกหลอก จริงๆแล้วอเมริกาเอง ก็มีความคิดที่จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก โดยการครอบครอง Eurasia เช่น เดียวกับอังกฤษ เพราะกลุ่มผู้วางแผนให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลก ทั้ง 2 ครั้ง รวมทั้งเดินแผนครองโลกก็คือ กลุ่มบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ครู Mac ใน ด้านภูมิศาสตร์การเมืองเหมือนกัน หรือมีความเห็นไม่ต่างกับครู Mac อิทธิพลครูMac นี่ไม่เบาเลย ผู้วางแผนปฏิบัติการของอเมริกาก็คือ ถังความคิดหมายเลขหนึ่งของอเมริกา Council of Foreign Relations หรือ CFR ตัวแสบนี่แหละ ที่ซ้อนแผนของอังกฤษอีกต่อหนึ่ง CFR โดยการชักใยของพวกอีลิต ที่อยากจะมีอำนาจเหนือรัฐบาลอเมริกัน นำโดยตระกูล Rockefeller ทำหน้าที่ คัดสรร จัดหา วางตัว และผลักดันบุคคล ที่พวกตนเลือก เข้าไปอยู่ในตำแหน่ง และองค์กรสำคัญๆ ของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อมาดำเนินการตามแผน อย่างต่อเนื่อง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเดินแผนครองโลกของอเมริกา เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ที่ CFR เป็นผู้จัดทำให้รัฐบาลอเมริกาปฏิบัติ ตามโครงการนี้ อเมริกาต้องมุ่งหน้า แผ่อิทธิพลเข้าไป เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และประเทศต่างๆที่หลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคม เนื่องจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งกับอีกหลายประเทศในยุโรป ที่พังยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการ War and Peace เรียกบริเวณต่างๆ เหล่านั้นว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับการล่า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นหมายเลขหนึ่ง ผู้ครองโลกใบนี้ เป็นการวางแผน เพื่อชิงโลกคนละเส้นทางกับครูMac แต่สอดคล้องกัน โดย เป็นการค่อยๆล้อม Eurasia มาจากอีกฝั่งหนึ่ง และดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์กระชับวงล้อมแบบที่อเมริกาชอบใช้ จังหวะและการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของอเมริกา ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่โครงการ War and Peace กำหนดไว้ล่วงหน้าด้วย (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง “แหกคอก”) โดยการวางแผนของ CFR หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาล อเมริกันเริ่มแผน โดยมุ่งหน้ามาทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ด้วยการสร้างผีคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด รวมทั้งแดนสมันน้อย ก็ตกอยู่ในกำมือ ไม่ต่างกับเป็นเมืองขึ้นกลายๆของอเมริกา รวมกับญี่ปุ่นซึ่งแพ้สงครามโลก และอยู่ในกระเป๋าของอเมริกาไปก่อนแล้ว อเมริกา จึงเหมือนได้เอเซียไปเกือบหมด ยกเว้น จีน อินเดีย และเกาหลีเหนือ พร้อมกับการรวบเอเซีย อเมริกาก็จัดการกวาดประเทศแถบลาตินอเมริกามาได้เกือบหมดด้วย ยกเว้นคิวบา หนามยอกอกของอเมริกา ซึ่งเอียงไปทางฝั่งสหภาพโซเวียตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอย และมายากลยุทธ) หมากต่อไปที่อเมริกาต้องรีบเดิน ตามอิทธิพลของยุทธศาสตร์ครู Mac คือ การชิง Heartland ของ Eurasia ทฤษฎีการปิดล้อม หรือ Containment สหภาพโซเวียต ที่นำไปสู่สงครามเย็น จึงถูกนำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ.1947 เป็นต้นมา ด้วยการ Containment ของอเมริกาและพวก เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตจึงอาการสาหัส แต่โซเวียตก็ยังไม่ล้มอย่างที่อเมริกาคาด ทุบจากข้างนอกไม่ล้ม อเมริกาจึงเปลี่ยนเป็นแผนทุบจากข้างใน ค.ศ.1985 Mikhail Gorbachev เป็น ผู้คุมบังเหียนสหภาพโซเวียต เห็นคนนอกดีกว่าคนในเพราะอะไรคงเดากันออก ได้ตัดเชือกที่ผูกสหภาพโซเวียตไว้ด้วยกันขาดสะบั้น ตามต่อด้วย Boris Yelsin ใน ปี ค.ศ.1990 ซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในที่สุด ค.ศ.1991 สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายสมใจอเมริกา (รายละเอียดตอนนี้อยู่ในนิทานเรื่อง” มายากลยุทธ”) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 พย. 2557
    0 Comments 0 Shares 335 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก
    ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน
    อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง !
    บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ
    ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้
    อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน
    น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย
    แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ
    ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ
    แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง ! บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้ อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ
    เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร
    ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก
    สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ
    แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง
    อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย
    แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม
    เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ )
    แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ
    แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ :
    “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ…
    ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …”
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ ) แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ : “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ… ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …” สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 4 – อิยิปต์ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 4 ”
    อิยิปต์ 1
อังกฤษเข้าไปวุ่นอยู่ในตะวันออกกลาง ตั้งแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1 จะเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แต่ช่วงที่อังกฤษบอกว่าเป็นเวลานาทีทองของอังกฤษ หรือที่อังกฤษเรียกว่าเป็น “moment” ของตนเองในตะวันออกกลาง คือช่วง ค.ศ. 1914-1956 จักรภพอังกฤษในตะวันออกกลาง เริ่มตั้งแต่คลองสุเอช ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย
    ออตโตมานเป็นบริเวณใหญ่ และถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับอังกฤษในตะวันออกกลางในช่วงแรก เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ สำหรับดักหน้า ดักหลัง ไม่ให้ใครเข้าไปสู่อินเดีย กล่องดวงใจของอังกฤษ ซึ่งอังกฤษคิดตลอดเวลาว่า ทุกชาติ คิดจะชิงอินเดียไปจากอังกฤษทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือเยอรมัน
    อีกบริเวณหนึ่งที่อังกฤษถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ คือ อียิปต์ ซึ่งขณะนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน
    อียิปต์เป็นเมืองท่าสำคัญ อยู่ระหว่างเส้นทางเดินของการค้าระหว่างยุโรป กับ เอเซีย พ่อค้าชาวอังกฤษทำการขนถ่ายสินค้า ที่แถวท่าน้ำของอาณาจักรออตโตมานส่วนนี้ มาเป็นเวลาหลายชั่วคนแล้ว เช่นเดียวกันกับทุกเมืองในแถบนี้ อังกฤษเอาอียิปต์ไปโยงกับอินเดีย เพราะอียิปต์เป็นเส้นทางที่ฝรั่งเศสมีอิทธิพล และชอบใช้ ฝรั่งเศสอาจใช้อียิปต์เป็นเส้นทางไปถึงอินเดียได้ นี่ก็เป็นอาการที่หลอนอังกฤษ ในเวลาทั้งหลับทั้งตื่น แต่ไม่ได้เป็นการหลอนแบบเพ้อ เพราะฝรั่งเศสมาจริง
    ค.ศ. 1728 นโปเลียนยกทัพมาลองเชิงอังกฤษที่อียิปต์ นโปเลียนตีกองทัพของ Mameluk ผู้ครองนครอียิปต์แตกกระเจิงอ ยู่หน้าปิรามิด อังกฤษถึงกับสดุ้งเฮือก เหงื่อแตกซิก นึกไม่ถึงว่าคู่หู คู่กัด จะกล้าดี บุกเข้ามาทีเผลอ บังเอิญกองทัพเรือของอังกฤษยังพอมีอยู่แถวนั้น ท่านหลอด Nelson จึงยกทัพเรือไปขู่ กองทัพเรือของฝรั่งเศสที่อ่าว Abourkir ฝรั่งเศสถอยไม่ออก เดินหน้าไม่ได้ ถูกล้อมอยู่ในอ่าว ในที่สุดนโปเลียนตัดสินใจสละเรือ ยกพลขึ้นบก เดินเท้าแบบหงอย ๆ กลับฝรั่งเศส อีกแล้ว ฝรั่งเศส ! ขู่ได้แต่กับสมันน้อยเท่านั้น หรือไง !
    ผลของการที่ฝรั่งเศสแอบจะมาตีท้ายครัว อังกฤษจึงฉวยโอกาสทิ้งกองทัพไว้ที่อียิปต์เต็มเมือง อียิปต์จึงดูเหมือนอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษตั้งแต่นั้นมา แต่การสู้รบระหว่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อแย่งชิงอียิปต์ และที่อียิปต์จะเอาตัวให้รอด ก็มีอยู่ตลอดเวลา
    ในที่สุดปี ค.ศ. 1904 อังกฤษและฝรั่งเศส คงเหนื่อยที่จะกัดกันเอง เสียเวลาล่าเหยื่ออื่น เลยทำข้อตกลง แบ่งสมบัติแถบนั้นระหว่างกัน อียิปต์ตกลงยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน ภายใต้การยึดครองของอังกฤษ ส่วนฝรั่งเศสยึดครอง มอรอคโค อัลจีเรีย ตูนีเซีย แถบนั้นไป
    เรื่องแย่งชามข้าว ดูเหมือนจะจบ แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังมีเรื่องคลองสุเอชค้างอยู่ ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายริเริ่มให้ขุดคลองสุเอช โดยอังกฤษไม่ได้มีส่วนร่วม และคิดว่าการขุดคลองภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส ไม่น่าจะเป็นผลสำเร็จ แต่อียิปต์และฝรั่งเศสก็ทำสำเร็จ
    ในที่สุดเมื่อคลองสุเอชเสร็จ เปิดกิจการในปี ค.ศ. 1869 อังกฤษเริ่มตาร้อน มันย่นเส้นเดินทาง จากลอนดอนไปบอมเบย์ ให้สั้นขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย แต่คลองสุเอชควบคุมโดย Khedive ผู้ครองนครและฝรั่งเศส อังกฤษจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ อังกฤษต้องรีบตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็ว
    เมื่อรู้ว่า พวก Khedive มีหนี้ท่วมหัว จากการขุดคลองสุเอชตามที่ฝรั่งเศสแนะนำ หมดปัญญาชำระหนี้ อังกฤษโยนเงินกระสอบใหญ่ให้ Khedive ขอซื้อหุ้น Suez Canal Company คนมีหนี้กำลังหน้ามืด ไม่หันหน้าหนีกระสอบเงิน Khedive ยอมให้อังกฤษเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
    ความรวดเร็วของอังกฤษ ในการปฏิบัติการยึดหุ้นคลองสุเอช เหมือนดึงอาหารออกจากปากฝรั่งเศสขณะกำลังเคี้ยว ทำให้ฝรั่งเศสถึงกับอ้าปากค้าง ต้องตบปากตัวเองถึงจะหุบได้ อังกฤษเอาเงินมาจากไหนรวดเร็ว อ้อ นายทุนใหญ่ Rothschild เป็นผู้ให้รัฐบาลอังกฤษยืม อืม…
    แต่อียิปต์ก็เหมือนตะกร้าก้นรั่ว ได้เงินมาเท่าไหร่ ก็ไม่พอเอามาใช้เลี้ยงประเทศ ต้องเอาไปใช้หนี้ เศรษฐกิจของอียิปต์ทำท่าจะไหลไปกับแม่น้ำไนล์ ไม่กี่ปีก็ต้องแบกหน้าไปหาเงินกู้ใหม่อีก อังกฤษกับฝรั่งเศสก็เลยทำตัวเหมือนเป็นผู้ดูแล จัดการหาเงินกู้ให้ ช่วงนี้อียิปต์เลยเหมือนเป็นอาณานิคม ที่มีนายเหนือ 2 คน ผลัดกันทึ้ง
    แต่หนี้อียิปต์ก็ยังงอกต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุด Khedive ถูกบังคับให้สละบังลังก์และเอา Tawfiq ลูกชายขึ้นมาเป็นผู้ครองนครแทน และ ค.ศ. 1882 โดยกองทัพอียิปต์นำโดย Arabi Pasha ก็ทำการยึดอำนาจ ความไม่สงบเกิดขึ้นในอียิปต์ กองทัพคุมไม่อยู่ อังกฤษบอก ไม่เป็นไร ไอคุมให้เอง อังกฤษเข้าไปจัดการ เก็บกวาด กองทัพและพวกยึดอำนาจ จนสะอาด เรียบร้อย และครอบครองอียิปต์สมบูรณ์เหมือนเป็นอาณานิคม ตั้งแต่บัดนั้น โดยไม่ให้ฝรั่งเศสเข้ามามีส่วนร่วม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 4 – อิยิปต์ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 4 ” อิยิปต์ 1
อังกฤษเข้าไปวุ่นอยู่ในตะวันออกกลาง ตั้งแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1 จะเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แต่ช่วงที่อังกฤษบอกว่าเป็นเวลานาทีทองของอังกฤษ หรือที่อังกฤษเรียกว่าเป็น “moment” ของตนเองในตะวันออกกลาง คือช่วง ค.ศ. 1914-1956 จักรภพอังกฤษในตะวันออกกลาง เริ่มตั้งแต่คลองสุเอช ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ออตโตมานเป็นบริเวณใหญ่ และถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับอังกฤษในตะวันออกกลางในช่วงแรก เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ สำหรับดักหน้า ดักหลัง ไม่ให้ใครเข้าไปสู่อินเดีย กล่องดวงใจของอังกฤษ ซึ่งอังกฤษคิดตลอดเวลาว่า ทุกชาติ คิดจะชิงอินเดียไปจากอังกฤษทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือเยอรมัน อีกบริเวณหนึ่งที่อังกฤษถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ คือ อียิปต์ ซึ่งขณะนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน อียิปต์เป็นเมืองท่าสำคัญ อยู่ระหว่างเส้นทางเดินของการค้าระหว่างยุโรป กับ เอเซีย พ่อค้าชาวอังกฤษทำการขนถ่ายสินค้า ที่แถวท่าน้ำของอาณาจักรออตโตมานส่วนนี้ มาเป็นเวลาหลายชั่วคนแล้ว เช่นเดียวกันกับทุกเมืองในแถบนี้ อังกฤษเอาอียิปต์ไปโยงกับอินเดีย เพราะอียิปต์เป็นเส้นทางที่ฝรั่งเศสมีอิทธิพล และชอบใช้ ฝรั่งเศสอาจใช้อียิปต์เป็นเส้นทางไปถึงอินเดียได้ นี่ก็เป็นอาการที่หลอนอังกฤษ ในเวลาทั้งหลับทั้งตื่น แต่ไม่ได้เป็นการหลอนแบบเพ้อ เพราะฝรั่งเศสมาจริง ค.ศ. 1728 นโปเลียนยกทัพมาลองเชิงอังกฤษที่อียิปต์ นโปเลียนตีกองทัพของ Mameluk ผู้ครองนครอียิปต์แตกกระเจิงอ ยู่หน้าปิรามิด อังกฤษถึงกับสดุ้งเฮือก เหงื่อแตกซิก นึกไม่ถึงว่าคู่หู คู่กัด จะกล้าดี บุกเข้ามาทีเผลอ บังเอิญกองทัพเรือของอังกฤษยังพอมีอยู่แถวนั้น ท่านหลอด Nelson จึงยกทัพเรือไปขู่ กองทัพเรือของฝรั่งเศสที่อ่าว Abourkir ฝรั่งเศสถอยไม่ออก เดินหน้าไม่ได้ ถูกล้อมอยู่ในอ่าว ในที่สุดนโปเลียนตัดสินใจสละเรือ ยกพลขึ้นบก เดินเท้าแบบหงอย ๆ กลับฝรั่งเศส อีกแล้ว ฝรั่งเศส ! ขู่ได้แต่กับสมันน้อยเท่านั้น หรือไง ! ผลของการที่ฝรั่งเศสแอบจะมาตีท้ายครัว อังกฤษจึงฉวยโอกาสทิ้งกองทัพไว้ที่อียิปต์เต็มเมือง อียิปต์จึงดูเหมือนอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษตั้งแต่นั้นมา แต่การสู้รบระหว่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อแย่งชิงอียิปต์ และที่อียิปต์จะเอาตัวให้รอด ก็มีอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดปี ค.ศ. 1904 อังกฤษและฝรั่งเศส คงเหนื่อยที่จะกัดกันเอง เสียเวลาล่าเหยื่ออื่น เลยทำข้อตกลง แบ่งสมบัติแถบนั้นระหว่างกัน อียิปต์ตกลงยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน ภายใต้การยึดครองของอังกฤษ ส่วนฝรั่งเศสยึดครอง มอรอคโค อัลจีเรีย ตูนีเซีย แถบนั้นไป เรื่องแย่งชามข้าว ดูเหมือนจะจบ แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังมีเรื่องคลองสุเอชค้างอยู่ ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายริเริ่มให้ขุดคลองสุเอช โดยอังกฤษไม่ได้มีส่วนร่วม และคิดว่าการขุดคลองภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส ไม่น่าจะเป็นผลสำเร็จ แต่อียิปต์และฝรั่งเศสก็ทำสำเร็จ ในที่สุดเมื่อคลองสุเอชเสร็จ เปิดกิจการในปี ค.ศ. 1869 อังกฤษเริ่มตาร้อน มันย่นเส้นเดินทาง จากลอนดอนไปบอมเบย์ ให้สั้นขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย แต่คลองสุเอชควบคุมโดย Khedive ผู้ครองนครและฝรั่งเศส อังกฤษจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ อังกฤษต้องรีบตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่า พวก Khedive มีหนี้ท่วมหัว จากการขุดคลองสุเอชตามที่ฝรั่งเศสแนะนำ หมดปัญญาชำระหนี้ อังกฤษโยนเงินกระสอบใหญ่ให้ Khedive ขอซื้อหุ้น Suez Canal Company คนมีหนี้กำลังหน้ามืด ไม่หันหน้าหนีกระสอบเงิน Khedive ยอมให้อังกฤษเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ความรวดเร็วของอังกฤษ ในการปฏิบัติการยึดหุ้นคลองสุเอช เหมือนดึงอาหารออกจากปากฝรั่งเศสขณะกำลังเคี้ยว ทำให้ฝรั่งเศสถึงกับอ้าปากค้าง ต้องตบปากตัวเองถึงจะหุบได้ อังกฤษเอาเงินมาจากไหนรวดเร็ว อ้อ นายทุนใหญ่ Rothschild เป็นผู้ให้รัฐบาลอังกฤษยืม อืม… แต่อียิปต์ก็เหมือนตะกร้าก้นรั่ว ได้เงินมาเท่าไหร่ ก็ไม่พอเอามาใช้เลี้ยงประเทศ ต้องเอาไปใช้หนี้ เศรษฐกิจของอียิปต์ทำท่าจะไหลไปกับแม่น้ำไนล์ ไม่กี่ปีก็ต้องแบกหน้าไปหาเงินกู้ใหม่อีก อังกฤษกับฝรั่งเศสก็เลยทำตัวเหมือนเป็นผู้ดูแล จัดการหาเงินกู้ให้ ช่วงนี้อียิปต์เลยเหมือนเป็นอาณานิคม ที่มีนายเหนือ 2 คน ผลัดกันทึ้ง แต่หนี้อียิปต์ก็ยังงอกต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุด Khedive ถูกบังคับให้สละบังลังก์และเอา Tawfiq ลูกชายขึ้นมาเป็นผู้ครองนครแทน และ ค.ศ. 1882 โดยกองทัพอียิปต์นำโดย Arabi Pasha ก็ทำการยึดอำนาจ ความไม่สงบเกิดขึ้นในอียิปต์ กองทัพคุมไม่อยู่ อังกฤษบอก ไม่เป็นไร ไอคุมให้เอง อังกฤษเข้าไปจัดการ เก็บกวาด กองทัพและพวกยึดอำนาจ จนสะอาด เรียบร้อย และครอบครองอียิปต์สมบูรณ์เหมือนเป็นอาณานิคม ตั้งแต่บัดนั้น โดยไม่ให้ฝรั่งเศสเข้ามามีส่วนร่วม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม”
    (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้
    ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago
    นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
    น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้
    นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein
    กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว
    ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller
    ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910
    น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น
    เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง
    ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน
    Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ
    แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน
    ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน
    อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557
    (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม” (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้ ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้ นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910 น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557 (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    0 Comments 0 Shares 424 Views 0 Reviews
  • หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%!
    คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ!

    เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ!

    เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น!
    ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก!

    อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย!

    อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    🎉 หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%! 🤩 คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? 🤔 ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ! 🏡✨ 🚀 เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ! เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น! 💡 ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! 🔄 ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก! 📍 อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย! อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด 😊 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    0 Comments 0 Shares 574 Views 0 0 Reviews
  • ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1
    ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 1/3

    นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม

    แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย

    ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน

    ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น
    กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ

    วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ

    ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน

    เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง

    การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง

    ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น

    สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด
    แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน

    ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ

    ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้

    คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ!

    การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน
    อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก

    แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!)

    อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 สค. 2557
    ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1 ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 1/3 นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้ คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ! การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!) อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 สค. 2557
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%!
    คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ!
    เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ!
    เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น!
    ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก!
    อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย!
    อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด
    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    🎉 หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%! 🤩 คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? 🤔 ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ! 🏡✨ 🚀 เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ! เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น! 💡 ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! 🔄 ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก! 📍 อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย! อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด 😊 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    0 Comments 0 Shares 554 Views 0 Reviews
  • “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด”

    หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ

    แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด

    กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว

    แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ

    เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว
    การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน
    กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ
    กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น
    ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน
    โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก
    ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ
    หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน
    รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz
    ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า
    การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น
    การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

    https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    🔫 “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด” หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว ➡️ การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน ➡️ กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ ➡️ กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น ➡️ ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน ➡️ โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก ➡️ ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ ➡️ หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน ➡️ รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz ➡️ ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า ➡️ การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น ➡️ การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Would Happen If You Shot A Gun In Space? Here's What You Need To Know - SlashGear
    Firing a gun in space, free from Earth's atmosphere and gravity, would result in the bullet and firer traveling indefinitely in opposite directions.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 8 – โรงเรียน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 8 “โรงเรียน”
    จากบันทึกความทรงจำของ Osman Nuri Gunds อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง Turkish Intelligence Service (MIT) ของตุรกี สาขา Istanbul ระบุว่า นาย Gulen ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอยู่หลายบริเวณของโลก เช่นที่ Central Asia ซึ่งทำหน้าที่เป็นฉากบังหน้า ให้แก่การปฏิบัติงานของ CIA ประมาณ 130 รายการ ที่ Uzbekistan และ Kyrgystan ครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนทำหน้าที่จารกรรมให้รัฐบาลอเมริกา ควบคู่ไปกับการสอนภาษา “Bridges of Freindship” เป็นชื่อรหัสของการปฎิบัติการเหล่านี้
    เรื่องโรงเรียนของนาย Gulen นี้ ได้มีการเปิดเผยอีกมากมาย โดย Cibel Edmonds ซึ่งเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำ ของเธอ ชื่อ Classified Woman : Sibel Edmonds Story (หมายเหตุ : ไปหามาอ่านกันนะครับ น่าสนใจมาก) Edmonds เป็นอดีต FBI ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญด้านการแปล และต่อมาเป็นผู้ที่มีชื่อโด่งดังมาก รู้จักกันในนาม American Whistle blowers (อเมริกันผู้เป่านักหวีด) ในเรื่องความมั่นคงของประเทศ
    Edmond เล่าว่า กุญแจสำคัญที่โยง Gulen กับ CIA คือ นาย Graham Fuller CIA ตัวใหญ่เป้ง ตำแหน่งนักวิเคราะห์ ข่าวกรอง ประจำ Rand Corporation (หวังว่าท่านผู้อ่าน คงจะจำได้ ผมได้เล่าเรื่อง Rand Corporation นี่ไว้ในนิทานหลายเรื่อง ทบทวนสั้นๆว่า เป็นหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกัน ที่มีหน้าที่ ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ ตั้งแต่ วิเคราะห์วางแผน ไปจนถึงปฏิบัติการ รวมทั้งเก็บกวาดในบ้านคนอื่น ที่อเมริกาอยากทำลาย หรือไปทำรกในบ้านคนอื่น ที่อเมริกาอยากให้บ้านนั้นเละครับ)
    นาย Fuller นั้น เป็นอดีตหัวหน้า CIA ในกรุง Kabul และเป็นรองประธานของ National Intelligence Council นี่มันเหยี่ยวตัวใหญ่เลยน่ะนี่ และไม่ใช่เหยี่ยวตัวใหญ่ธรรมดา แต่เป็นเหยี่ยวกรงเล็บติดจรวดพิฆาตด้วย
    นาย Fuller อยู่ฝ่ายปฎิบัติการนานกว่า 20 ปี ในตุรกี เลบาบอน ซาอุดิอารเบีย เยเมน อาฟกานิสถาน และฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1982 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลด้านข่าวกรองของ CIA ในแถบ Near East และ South Asia และในปี ค.ศ. 1986 รัฐบาล Reagan ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นรองประธาน Nation Intelligence Council ซึ่งรับผิดชอบการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    เมื่อปี ค.ศ. 2013 นี้เอง เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Boston Marathon bombs ในการวิ่งมาราธอนที่ Boston และมีการวางระเบิดที่เส้นชัย มีเด็กตาย 1 คน และคนเจ็บประมาณ 140 กว่าคน FBI จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน ชื่อ Rushan Tsarnacv ซึ่งมีลุงช่างพูดออกมาให้ข่าวต่าง ๆ ว่าหลานฉันไม่เกี่ยว คงจะพอจำลุงช่างพูดนั้นกันได้ ลุงคนนั้นบังเอิญแต่งงานกับ Samantha ซึ่งเป็นลูกสาวของนาย Graham Fuller ครับ
    Edmonds ระบุไว้ในบทความของเธอว่า เมื่อนาย Gulen ยื่นคำขอเข้ามาอยู่ในอเมริกา ผู้ให้คำรับรอง นาย Gulen กับทางการอเมริกา คือ นาย Graham Fuller โดยนาย Fuller เขียนจดหมายไปถึง FBI และ US Dept of Homeland Security รับรองว่า Gulen ไม่มีการกระทำที่เป็นภัยต่ออเมริกา ด้วยคำรับรองนี้ Gulen จึงอยู่ในอเมริกาได้จนทุกวันนี้
    อีกคนหนึ่งที่ให้คำรับรอง นาย Gulen คือ นาย Morton Abramowitz จำชื่อนี้กันได้ไหมครับ เขาเป็นอดีต CIA ฝ่ายปฎิบัติการประจำตุรกีและต่อมาได้เป็นฑูตที่ตุรกี ช่วงปี ค.ศ.1989 – 1991 ก่อนหน้านั้น เคยเป็นฑูตประจำราชอาณาจักรไทย ช่วงปี ค.ศ. 1978 – 1981 ตำแหน่งหลังการเกษียณจากกระทรวงต่างประเทศอเมริกา คือ เป็นประธานของ Carnegie Endowment for International Peace (1991 – 1997)
    สถาบันนี้ทำอะไร เคยเล่าแล้ว เขียนซ้ำเดี๋ยวโดยท่านผู้อ่าน Inbox เข้ามาต่อว่าอีกว่า ทำไมเขียนซ้ำ ไม่ชอบอ่านซ้ำ แหม ! ก็อ่านข้ามไม่ได้หรือครับ คนที่เขาจำไม่ได้อยากอ่านซ้ำก็มีนะครับ อยากอ่านเรื่องความเลวของนาย Abramowitz ยาวกว่านี้ ช่วยกลับไปอ่านนิทาน สิงห์โตหอน นะครับ แถมให้ว่าเขาเป็นนัก lobblyist ตัวสำคัญ ให้ไอ้หมาในโจรร้าย ส่วนไอ้ Robert Amsterdam มันแค่ระดับกระจอก ไม่ใช่ตัวใหญ่ ตัวสำคัญอะไร เอาไว้ออกแขกล่อให้สื่อไทยกับคนไทยด่าเล่น ผิดเป้าเท่านั้นเอง โยงกันมาให้เห็นถึงขนาดนี้ หวังว่าคงมองเห็นความเลวร้ายของอเมริกา ไอ้หมาใน และความสัมพันธ์ ของพวกมัน
    เรื่องโรงเรียนของนาย Gulen ยังไม่จบแค่นั้น ยังมีโรงเรียนของ Gulen ที่รัสเซีย Chechnya และแถบ Dagestam เพื่อเป็นฉากหน้าให้แก่กลุ่ม Jihadist ตั้งแต่ ค.ศ. 1991 ต่อมาถูกคุณพี่ปูตินกวาดล้างเรียบ ไล่กระเด็นออกไปหมด รัฐบาลรัสเซียสั่งปิดโรงเรียนของ Gulun และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในรัสเซีย แถมขับไล่ชาวตุรกีประมาณ 20 คน ที่เป็นสาวกของ Gulen ออกไปจากประเทศ ช่วงปี ค.ศ. 2002 – 2004 อีกด้วย
    ปี ค.ศ. 1999 Uzbekistan ปิดโรงเรียน Gulen ที่ Madreasas และจับสื่อ 8 คน ที่จบจากโรงเรียน Gulen ข้อหา จัดตั้งองค์การสอนศาสนาอย่างไม่ถูกต้อง และมีกิจกรรมส่อไปในทางสร้างความรุนแรง
    Edmaonds ได้เล่าถึงการปฎิบัติการของอเมริกาในเอเซียกลาง ว่ามันเริ่มมาหลายสิบปีแล้วอย่างผิดกฎหมาย เพื่อเข้าไปให้ถึงแหล่งน้ำมันและกองทัพในเอเซียกลาง โดยใช้ การปฎิบัติการของตุรกีร่วมมือกับพวกซาอุและปากีสถาน ใช้วัตถุประสงค์เรื่องศาสนาอิสลามบังหน้า และผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าของฉากและโรงแสดง ก็คือ โรงเรียนของ Gulen นั่นเอง ซึ่งขยายไปจากตุรกีเข้าไปในเอเซียกลาง จนถึงรัสเซียและจีนเรียบร้อยแล้ว
    เรื่องนาย Gulen/ Fuller/ Abramowitz นี้ จึงเป็นเรื่องที่นาย Erdogan คงจะมองผ่าน ๆ ไม่ได้ เขาน่าจะเจอของแข็งจริงจากอเมริกา !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 8 – โรงเรียน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 8 “โรงเรียน” จากบันทึกความทรงจำของ Osman Nuri Gunds อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง Turkish Intelligence Service (MIT) ของตุรกี สาขา Istanbul ระบุว่า นาย Gulen ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอยู่หลายบริเวณของโลก เช่นที่ Central Asia ซึ่งทำหน้าที่เป็นฉากบังหน้า ให้แก่การปฏิบัติงานของ CIA ประมาณ 130 รายการ ที่ Uzbekistan และ Kyrgystan ครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนทำหน้าที่จารกรรมให้รัฐบาลอเมริกา ควบคู่ไปกับการสอนภาษา “Bridges of Freindship” เป็นชื่อรหัสของการปฎิบัติการเหล่านี้ เรื่องโรงเรียนของนาย Gulen นี้ ได้มีการเปิดเผยอีกมากมาย โดย Cibel Edmonds ซึ่งเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำ ของเธอ ชื่อ Classified Woman : Sibel Edmonds Story (หมายเหตุ : ไปหามาอ่านกันนะครับ น่าสนใจมาก) Edmonds เป็นอดีต FBI ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญด้านการแปล และต่อมาเป็นผู้ที่มีชื่อโด่งดังมาก รู้จักกันในนาม American Whistle blowers (อเมริกันผู้เป่านักหวีด) ในเรื่องความมั่นคงของประเทศ Edmond เล่าว่า กุญแจสำคัญที่โยง Gulen กับ CIA คือ นาย Graham Fuller CIA ตัวใหญ่เป้ง ตำแหน่งนักวิเคราะห์ ข่าวกรอง ประจำ Rand Corporation (หวังว่าท่านผู้อ่าน คงจะจำได้ ผมได้เล่าเรื่อง Rand Corporation นี่ไว้ในนิทานหลายเรื่อง ทบทวนสั้นๆว่า เป็นหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกัน ที่มีหน้าที่ ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ ตั้งแต่ วิเคราะห์วางแผน ไปจนถึงปฏิบัติการ รวมทั้งเก็บกวาดในบ้านคนอื่น ที่อเมริกาอยากทำลาย หรือไปทำรกในบ้านคนอื่น ที่อเมริกาอยากให้บ้านนั้นเละครับ) นาย Fuller นั้น เป็นอดีตหัวหน้า CIA ในกรุง Kabul และเป็นรองประธานของ National Intelligence Council นี่มันเหยี่ยวตัวใหญ่เลยน่ะนี่ และไม่ใช่เหยี่ยวตัวใหญ่ธรรมดา แต่เป็นเหยี่ยวกรงเล็บติดจรวดพิฆาตด้วย นาย Fuller อยู่ฝ่ายปฎิบัติการนานกว่า 20 ปี ในตุรกี เลบาบอน ซาอุดิอารเบีย เยเมน อาฟกานิสถาน และฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1982 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลด้านข่าวกรองของ CIA ในแถบ Near East และ South Asia และในปี ค.ศ. 1986 รัฐบาล Reagan ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นรองประธาน Nation Intelligence Council ซึ่งรับผิดชอบการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อปี ค.ศ. 2013 นี้เอง เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Boston Marathon bombs ในการวิ่งมาราธอนที่ Boston และมีการวางระเบิดที่เส้นชัย มีเด็กตาย 1 คน และคนเจ็บประมาณ 140 กว่าคน FBI จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน ชื่อ Rushan Tsarnacv ซึ่งมีลุงช่างพูดออกมาให้ข่าวต่าง ๆ ว่าหลานฉันไม่เกี่ยว คงจะพอจำลุงช่างพูดนั้นกันได้ ลุงคนนั้นบังเอิญแต่งงานกับ Samantha ซึ่งเป็นลูกสาวของนาย Graham Fuller ครับ Edmonds ระบุไว้ในบทความของเธอว่า เมื่อนาย Gulen ยื่นคำขอเข้ามาอยู่ในอเมริกา ผู้ให้คำรับรอง นาย Gulen กับทางการอเมริกา คือ นาย Graham Fuller โดยนาย Fuller เขียนจดหมายไปถึง FBI และ US Dept of Homeland Security รับรองว่า Gulen ไม่มีการกระทำที่เป็นภัยต่ออเมริกา ด้วยคำรับรองนี้ Gulen จึงอยู่ในอเมริกาได้จนทุกวันนี้ อีกคนหนึ่งที่ให้คำรับรอง นาย Gulen คือ นาย Morton Abramowitz จำชื่อนี้กันได้ไหมครับ เขาเป็นอดีต CIA ฝ่ายปฎิบัติการประจำตุรกีและต่อมาได้เป็นฑูตที่ตุรกี ช่วงปี ค.ศ.1989 – 1991 ก่อนหน้านั้น เคยเป็นฑูตประจำราชอาณาจักรไทย ช่วงปี ค.ศ. 1978 – 1981 ตำแหน่งหลังการเกษียณจากกระทรวงต่างประเทศอเมริกา คือ เป็นประธานของ Carnegie Endowment for International Peace (1991 – 1997) สถาบันนี้ทำอะไร เคยเล่าแล้ว เขียนซ้ำเดี๋ยวโดยท่านผู้อ่าน Inbox เข้ามาต่อว่าอีกว่า ทำไมเขียนซ้ำ ไม่ชอบอ่านซ้ำ แหม ! ก็อ่านข้ามไม่ได้หรือครับ คนที่เขาจำไม่ได้อยากอ่านซ้ำก็มีนะครับ อยากอ่านเรื่องความเลวของนาย Abramowitz ยาวกว่านี้ ช่วยกลับไปอ่านนิทาน สิงห์โตหอน นะครับ แถมให้ว่าเขาเป็นนัก lobblyist ตัวสำคัญ ให้ไอ้หมาในโจรร้าย ส่วนไอ้ Robert Amsterdam มันแค่ระดับกระจอก ไม่ใช่ตัวใหญ่ ตัวสำคัญอะไร เอาไว้ออกแขกล่อให้สื่อไทยกับคนไทยด่าเล่น ผิดเป้าเท่านั้นเอง โยงกันมาให้เห็นถึงขนาดนี้ หวังว่าคงมองเห็นความเลวร้ายของอเมริกา ไอ้หมาใน และความสัมพันธ์ ของพวกมัน เรื่องโรงเรียนของนาย Gulen ยังไม่จบแค่นั้น ยังมีโรงเรียนของ Gulen ที่รัสเซีย Chechnya และแถบ Dagestam เพื่อเป็นฉากหน้าให้แก่กลุ่ม Jihadist ตั้งแต่ ค.ศ. 1991 ต่อมาถูกคุณพี่ปูตินกวาดล้างเรียบ ไล่กระเด็นออกไปหมด รัฐบาลรัสเซียสั่งปิดโรงเรียนของ Gulun และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในรัสเซีย แถมขับไล่ชาวตุรกีประมาณ 20 คน ที่เป็นสาวกของ Gulen ออกไปจากประเทศ ช่วงปี ค.ศ. 2002 – 2004 อีกด้วย ปี ค.ศ. 1999 Uzbekistan ปิดโรงเรียน Gulen ที่ Madreasas และจับสื่อ 8 คน ที่จบจากโรงเรียน Gulen ข้อหา จัดตั้งองค์การสอนศาสนาอย่างไม่ถูกต้อง และมีกิจกรรมส่อไปในทางสร้างความรุนแรง Edmaonds ได้เล่าถึงการปฎิบัติการของอเมริกาในเอเซียกลาง ว่ามันเริ่มมาหลายสิบปีแล้วอย่างผิดกฎหมาย เพื่อเข้าไปให้ถึงแหล่งน้ำมันและกองทัพในเอเซียกลาง โดยใช้ การปฎิบัติการของตุรกีร่วมมือกับพวกซาอุและปากีสถาน ใช้วัตถุประสงค์เรื่องศาสนาอิสลามบังหน้า และผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าของฉากและโรงแสดง ก็คือ โรงเรียนของ Gulen นั่นเอง ซึ่งขยายไปจากตุรกีเข้าไปในเอเซียกลาง จนถึงรัสเซียและจีนเรียบร้อยแล้ว เรื่องนาย Gulen/ Fuller/ Abramowitz นี้ จึงเป็นเรื่องที่นาย Erdogan คงจะมองผ่าน ๆ ไม่ได้ เขาน่าจะเจอของแข็งจริงจากอเมริกา ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 399 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
  • นิทาน
    แก่นหัวใจล้วนพบความสงบ ไร้คิด บนความรู้สึกตัวรวมๆเนืองๆต่อเนื่อง บ้างพบบ้างได้ยิน เพียงรับรู้ เส้นทางนี้น่าหลงไหล หากไม่เท่าทันย่อ
    มติด น่าสนุกค้นหาในจิตตน

    บ้างพบเพียงพบ ผ่านไป

    บ้างรู้ในคิดของผู้อื่น

    บ้างเห็นภพชาติตน ผู้อื่นความผูก1000

    บ้างเข้าใจตนคือผู้วิเศษเจ้าพ่อเจ้าแม่

    บ้างท่องเที่ยวตามสภาวะตนกำหนด หรือหลุดไปพบในสิ่งที่บังเอิญล้วนปัจจัตตังสิ้น

    ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่พบที่เกิดขึ้นหากสามารถ

    ล้วนมาเพื่อปรับแก้ไขช่วยเหลือตามวาระตนในครั้งปัจจุบัน

    ไม่ง่ายเลยที่จักข้ามผ่านในสังคมปัจจุบัน รู้มรรค ปล่อยวางนำทางสงบ ไร้คิดบนความรู้สึกตัวนะนะ

    #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    นิทาน แก่นหัวใจล้วนพบความสงบ ไร้คิด บนความรู้สึกตัวรวมๆเนืองๆต่อเนื่อง บ้างพบบ้างได้ยิน เพียงรับรู้ เส้นทางนี้น่าหลงไหล หากไม่เท่าทันย่อ มติด น่าสนุกค้นหาในจิตตน บ้างพบเพียงพบ ผ่านไป บ้างรู้ในคิดของผู้อื่น บ้างเห็นภพชาติตน ผู้อื่นความผูก1000 บ้างเข้าใจตนคือผู้วิเศษเจ้าพ่อเจ้าแม่ บ้างท่องเที่ยวตามสภาวะตนกำหนด หรือหลุดไปพบในสิ่งที่บังเอิญล้วนปัจจัตตังสิ้น ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่พบที่เกิดขึ้นหากสามารถ ล้วนมาเพื่อปรับแก้ไขช่วยเหลือตามวาระตนในครั้งปัจจุบัน ไม่ง่ายเลยที่จักข้ามผ่านในสังคมปัจจุบัน รู้มรรค ปล่อยวางนำทางสงบ ไร้คิดบนความรู้สึกตัวนะนะ #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 0 Reviews
  • 20-09-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.22

    1.เล่ห์เหลี่ยมอีขะแมร์ ป่วนภาค 1 แต่เป้าโจมตีคือภาค 2 แค้นจัดรึจ๊ะ? อยากล้างตาสิน่ะ เค้าพร้อมรองาบมรึงนานแล้ว ให้ไว ไอ้สัส! งานนี้รถถังออกจริง ปูพรมแน่ อย่าเผ่นก่อนล่ะ สูตรลูกยาวเทกระจาด ภาคพื้นเก็บกวาด หนุนเสริมด้วยขีปนาวุธจากทัพเรือ สูตรนี้ หนียังไงก็ไม่รอด? อาวุธมรึงซ่อนที่ไหนเค้ารู้หมด เอากองกำลังไปซุ่มในป่า เค้าก็เห็น ไม่เสียเวลาเข้าปะทะ ปูพรมระเบิดเกลี้ยง ราบเป็นหน้ากอง แม้แต่กระสุนก็ยังไม่ได้ยิง ถึงเวลาระเบิดทำลายทุ่นระเบิดมรึงให้เกลี้ยงพื้นที่ รถเคลนเคลียร์ทุนระเบิดตามแนวชายแดนมาเต็ม รออะไร? รอให้มรึงบุกก่อนไงล่ะ?

    2.โซเชี่ยลพลิกขั้ว สาวกอีส้มเน่า ปั่นใจ ถูกปั่นง่าย ก็กลับใจง่าย เพราะมันตามกระแสเป็นหลัก จุดยืนไม่ต้องถาม กูเอาความสบายใจเป็นเหตุ เลือกตั้งเลือกตามอารมณ์ สติปัญญาไม่ต้องใช้ เมื่อสู้กับกระต่าย มรึงก็ต้องทำให้กระต่ายตื่นตูมไงล่ะ กองทัพวางแม่ทัพกุ้งเดินสาย เต็มพื้นที่อีสาน จุดเปลี่ยนเกมส์การเมือง กระแสอีส้มเน่าดับวูบลงเรื่อยๆ แลนด์สไลด์เหรอ เดี๋ยวมรึงได้เจอแบบพรรคฟ้าคราวก่อน วัยรุ่น รักง่าย เบื่อเร็ว เล่นวาทะกรรมยังไงโดนย้อนศรคืนหมด อีสานตื่นกันทั้งแผ่นดิน เบื่อหน่ายกับอีขะแมร์ เพราะการเมืองไทยเป็นขี้ข้าบ่อนไงล่ะ นายทุนมันสั่ง ส่วย 100 ล้านต่อเดือน ใครจะจ่ายต่อ? ได้เวลาเด็ดหัวทหารเหี้ยจ๊ะ?

    3.E-เล็ก ยังแถไม่เลิก อย่ากระเหี้ยนกระหือรือออกหน้าซะขนาดนั้น กลัวไม่ได้ยกแผ่นดินให้อีขะแมร์เหรอ? มรึงมันหมายันลูกหลาน เค้ากาหัวมรึงทั้งประเทศ อ้างไปเหอะ หมายังรู้ อะไรที่เป็นของเรา ใยต้องแบ่งให้วุ่นวาย เป็นใครยึดคืนหมด ไม่ต้องถามต่อ? ฝากไปบอกอีลวกเพ่ใหญ่ เพ่รอง มรึงด้วย กองทัพเค้าไม่เอามรึงแล้วน่ะ จะพาลุงตู่ซวยไปด้วย กบฎนายพันมีจริง นายพลใหญ่แค่ไหน หากขายชาติ นายพันก็พร้อมปฎิวัติ ยังไง? กูไม่ทำไงล่ะ กองกำลังจริง ใครคุม ไม่ใช่มรึงน่ะ? มรึงแค่สั่ง แต่ภาคปฎิบัติการแข็งข้อ มรึงจะทำยังไง? วังไฟเขียวแล้วจ๊ะ!

    4. ‘เงินไม่รู้ที่มา’ ทะลักเข้าไทยแสนล้านบาทต่อไตรมาส มาจากไหน? ปมปัญหาที่แบงค์ชาติต้องตอบ? สาเหตุทำบาทไทยแข็งโป๊ก นอกจากปัจจัยพื้นฐาน ที่เงินเฟ้อไทยต่ำมาก ต่ำกว่าชาวโลกเค้า เพราะควบคุมกระแสเงินได้ดีช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สิ่งอื่นที่เป็นปัจจัยเกินคาดการณ์ สิ่งนี้ อาจจะมีนัยยะซ่อนเร้นอยู่ เกมส์โลกคือตัวกำหนดทิศทางเงิน เมื่อดอลล่าร์ล่มสลาย และหลายชาติไม่มั่นใจในระบบการเงินโลกยุคเก่า แห่ไปอุ้มทอง และเงินบาทไทย เพราะมีเสถียรภาพมั่นคงมาตลอด การชำระด้วยเงินบาทไทย เป็นที่นิยมสากลโลกตอนนี้ มันมีจุดอ่อน คือกลุ่มเหี้ยบางกลุ่ม อาจใช้เงินบาทไทยเป็นตัวกลางฟอกเงินได้ในอนาคต เพราะความต้องการเงินบาทมีมากจนเกินปกติ ทุกอย่างไม่มีบังเอิญจ๊ะ

    5.แผนลับอี FED กดทองคำยับ หวังช้อนซื้อของถูก เพราะทองคำในมือไม่มี กดไว้ กูจะได้กว้านซื้อขาลงให้มันถูกหน่อย คนมีสติ อยู่ดีดี จะเอาทองคำในมือไปแลกเศษกระดาษทำไมกัน? เพราะมูลค่าในตลาดโลกว่าสูง แต่มูลค่าทองคำในตัวมันเองสูงกว่าตลาดวางไว้ 10 เท่า ยามเมื่อทองคำหมดโลก แผนนี้ไว้ล่อแมงเม่าไงล่ะ หวังฟันกำไรระยะสั้น แต่ที่ถือคือกระดาษเปล่าที่รอวันหมดสภาพ ใครว่าทอง 50000 แพงแล้ว ต่อไป 100000 มรึงจะช็อคมากกว่านี้มั้ยล่ะ? บอกไปแล้ว ทะลุ 65000 เมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน มันเอาไม่อยู่แล้ว สภาพจริง ภาวะจริง ที่โลกต้องแย่งกันสะสมทองคำในมือให้มากที่สุด โดยเฉพาะทองคำแท่งแท้ๆ ไม่ใช่กระดาษซื้อขายล่วงหน้าแบบที่ไอ้อีตะวันตกมันทำ เพื่อเอามาปั่นดอกน่ะ

    6.เจ๊ปองรอด อีเพ่หมี ยุทธิยง รอด ศาลเมตตา ทำผิด ยอมรับผิด มูลเหตุเพื่อปวงประชา หาใช่ทำเพื่อตัวเอง คือการเสียสละ(ศาลเป็นแฟนเจ๊ปอง ดูทุกวัน จับเจ๊เข้าคุก แล้วใครจะเม้าท์ให้กูฟังกันล่ะ) ศาลมีเหตุ มีผล ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้มวลชนมุ่งเป้าทำลาย นี่คือคีย์ของเหตุแห่งการอภัยลดโทษ คนดี แม้จะเข้าไปยึด เพื่อปิดปากกระบอกเสียงผู้นำขายชาติ ไม่จำเป็นต้องทำลายสถานที่ หรือทำร้ายใคร แค่ปิดการออกอากาศ ผิดจริงตามกฎหมาย เพราะบุก แต่ไม่มีอะไรเสียหาย หรือใครตาย ก็ทัณฑ์บนไว้ ยกฟ้อง อย่าทำอีกล่ะ? อีเจ๊ปองปลื้ม แต่อีเพ่หมี ยุทธิยง ต้องเดิน 14 กิโล ฮาแตกเลยมรึง? บนเอาไว้ ฟ้ามีตา อีเจ๊ปอง ไม่เอาด้วย กูขี้เกียจเดิน

    7.มันส์ล่ะมรึง! เร็วฟ้าผ่า ฟาโรห์ส่งทหาร 20000 ตั้งต้น ซาอุ ตามมา ก่อตั้งกองกำลังกำจัดยิวชั่ว คล้าย NATO อาหรับนั่นแหละ 60 ชาติทั่วโลกมาประชุมกาตาร์ เอาด้วย ประเทศมุสลิมทั้งโลกเตรียมลงแขกยิว รับไม่ได้ อียิวส่ง F-35 มาโจมตีกลุงโดฮา อ้างถล่มศูนย์บัญชาการฮามาส งานนี้ เยรูซาเล็ม เทลอาวีฟ ไฮฟา ที่เหลือแต่ซากแล้ว มรึงยังจะเอาเหี้ยอะไรมาเหลือให้ถล่มซ้ำอีก งานนี้ ฎีกา ยกพลขึ้นบก เกมส์นี้ เค้าแบ่งกันเล่น อิหร่านไม่ต้องออกหน้า อาหรับโดยมติสันนิบาตรอาหรับ นำทีมโดยฟาโรห์ ซาอุ UAE คูเวต โอมาน เตรียมรวมกำลัง จัดใหญ่ จัดหนัก แน่นอนว่า แผนการรุก ย่อมต้องมีอิหร่านวางแผนเบื้องหลัง โดยมีอิรักเป็นหน้าฉาก อาวุธเอาจากไหนกันล่ะ ระบบอาวุธสหรัฐที่มีอยู่จะไม่ได้ถูกใช้งาน เพราะมันสั่งปิดระบบได้ แต่ดอกนี้ Made in จีน อิหร่าน มาเต็มตรีน!

    8.แม่ทัพดาหน้าเสนอ "ปิด สร้าง สู้" มองข้ามหัวไอ้อีฝ่ายการเมืองทุกไอ้อี แม้แต่บูรพาสุนัข ที่ยังสั่งเด็กเห่าแต่เรื่องเปิดด่าน เจอตอกหน้าหงาย เชิญมรึงไปอยู่กับบ่อนที่รักของมรึงเลยเป็นไง? E-เล็ก อย่างหมา กองทัพไม่ให้ราคา หลังจีนสร้างชิป AI สำเร็จ ส่งเหี้ยอะไรมาให้ไทยทดลอง ไทยเราเอาหมด โอกาสงาม จะได้ใช้ก็งานนี้แหละ รหัสยิงขีปนาวุธลำกล้องขะแมร์ ที่จีนเคยมอบให้ ถูกล็อครหัสยิงไม่ได้ กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว อาวุธใหม่ที่จีนมอบให้ไทย คือรุ่นอัพเกรด วงในรู้กัน ได้ผลลัพธ์ยังไงรายงานด้วย ไม่ถึง 1 เดือน เงินสำรองประเทศหมด อีขะแมร์เข้าตาจนแล้ว ชาวบ้านตกงาน อดอยากปากแห้ง พรมแดนระอุเดือด ปะทะแน่ ขอบอก

    9.ควอนตัม AI จุดจบโลกทุนนิยม เมื่อทุกอย่างควบคุมด้วยสมองกล และการประเมิน ทุกอย่างเข้าระบบเหมือนกัน วิธีการเดียวกันหมด จะทำให้ทุนนิยมผูกขาด เจ๊งในที่สุด เมื่อทุกทางเลือกเกิดขึ้นใหม่ตลอด แนวคิดปัจจุบันนี้ ที่บรรดาเจ้าสัวคิด จะใช้ไม่ได้อีก 50 ปีข้างหน้า เป็นไปได้ทั้งหมด เพราะมันจะไม่มีใครสามารถเข้ามาผูกขาดการค้าฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป เพราะทั้งระบบเริ่มต้น ยันไปถึงปลายทาง AI จัดการให้แล้วเสร็จ โดยไม่ต้องมีสอดไส้คาราเมล โลกจะเข้าสู่การจัดระเบียบใหม่อย่างแท้จริง ตัดปัญหาที่มนุษย์เคยสร้างไว้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ปัญหาใหม่จะเกิดตามมาแน่นอน เป็นเพราะมนุษย์อีกเช่นเคย

    10.ครม.1 เพ่นู๋ มาเต็ม เด็กฝากเพี๊ยบ แก้กฎหมายเอาตัวรอดก่อน 4 เดือนมันสั้น สร้างภาพต้องมา แก้ไขผิดให้ถูกต้องมี สายไหนก็จะเอาแต่ทางรอดตัวเอง ไม่มีใครคิดว่าไทยจะรอดยังไง? ด้านความมั่นคง เด็กเพ่ใหญ่ เพ่รอง เข้าวินชัวร์ แต่จะกล้าสวนกระแสกองทัพหรือไม่ อย่าลืมว่า กองทัพไม่ได้มีแค่ "บูรพาสุนัขน่ะจ๊ะ" สายอื่นก็จ้อง มรึงล้มเมื่อไหร่ กูข้ามทันที? ความผิด กสทช. ซุกไว้ในเกะต่อ ความผิดของอีน้ำเงินทั้งหมด จะถูกบิดเบือนให้มีทางรอด ยอมทุกอย่างเพื่อล้างมลทินไงล่ะ ดังนั้น ใครหวังว่ารัฐบาลไอ้อีหน้าไหน เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาไทย อย่าได้หวัง ก็แค่สมบัติผลัดกันชม อะไรที่เคยเหี้ยไข่ทิ้งไว้ ก็ต้องมาชำระล้างกันภายหลัง แล้วมรึงยังจะต้องการประชาธิปไตยอีกต่อไปมั้ยล่ะ จะเลือดตั้งไปเพื่อ? ไม่มีใครจริง
    ที่ทำงานให้มรึง ไม่มีและไม่เคยมี

    ปล.สหภาพแรงงานทั้งยุโรปรวมตัว อีปารีโดนแล้ว ปิดทำการทุกอย่าง โรงเรียน ขนส่ง คมนาคม ผู้คนออกเดินถนนล่ออีมาครงทั่วประเทศ อีเบียร์ตามมาทันที และยังมีอีกหลายเมืองทั่วยุโรป คำถามคือ จะตายห่าอยู่แล้ว จะก่อสงครามไปเพื่อ? ชาวบ้านอยากได้สงครามเหรอ? จะตายเพื่อยิวเหรอ? นักการเมืองคือขี้ข้ายิวทั้งหมด ยุโรปตกเป็นของยิวมานานนับ 100 ปีแล้ว ลุงหนวดจิ๋ม ถึงได้ล้างบาง ฆ่าล้างโคตรยิวไงล่ะ? มียิวที่ไหน ความฉิบหายเกิดที่นั่น! สภาพ! แววออก เพ่นู่ คุยคุณนู๋อภิสิทธิ์ ส่งสัญญานชัด เลือกตั้งใหม่ กอดกันแน่ การเมืองคือเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น นายช่วยเรา เราช่วยนาย แล้วใครจะช่วยประเทศก่อนล่ะ? ไม่รอด "สุชาติ 3 นิ้ว" โพสต์หมิ่นสถาบันฯ ถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติโดยสมบูรณ์ ศาลฯยกฟ้องคำสั่งเพิกถอน ออกตัวแรงก่อนเลือกตั้งใหม่ รับมาเท่าไหร่จ๊ะ ถึงกล้ายอมติดคุก พรรคพวกมรึงก็รอยู่เต็มไปหมด เลือกตั้งหน้า พรรคอีส้มเน่าจองหมดทั้งคลองเปรม สรุปคุกมีไว้ขังนักการเมืองขายชาติไปแล้ว อีกไม่นาน คลองเปรม อาจกลายร่างเป็น "คฤหาสน์หรู" กลางเมืองซะงั้น เหี้ยถึงรวย เอาเงินไปเสพสุขต่อในคุกสิน่ะ ตรรกะจิตป่วยขั้นสูงสุด ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ขายตัว ขายชาติ กันเมามันส์ กลียุคมันดีอย่างงี้แหละ รู้ไส้รู้พุงกันหมดเปลือกไปเลย?

    หมี CNN(แผนที่ฝรั่งเศส ปี 1927 ยืนยันชัดเจน แหล่งพลังงานทั้งหมดคืออยู่ในไทย 100% อีบัวแก้วไม่ใช้ รัฐบาลไม่ใช้ เพราะกลัวไม่ได้ขายชาติแดร๊กจ๊ะ ยุบอีบัวแก้วไปเลยดีมั้ย? หน้าที่ไม่ทำ จ้องแต่จะขายชาติแดร๊กท่าเดียว คำถามคือ หากไทยคลั่งบ้าง อย่าร้องน่ะมรึง มันไม่จบแค่พรมแดน แต่จะกลืนมรึงทั้งหมดทั้งประเทศ ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเศรษฐกิจ ฆ่าด้วยแสนยานุภาพ ฆ่าด้วยอิทธิพลเจ้ามือโลกใหม่ มีอีก 108 1009 วิธี ที่จะขยายพื้นที่ได้จริง แค่รอเจ้าเก่าตายคาตรีนก่อน ทุกอย่าง ฝันที่เป็นจริงจะปรากฎ ดังนั้น รู้แล้วชิมิ ควรเชียร์ฝั่งใคร?)
    20 กันยายน 68
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    20-09-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.22 1.เล่ห์เหลี่ยมอีขะแมร์ ป่วนภาค 1 แต่เป้าโจมตีคือภาค 2 แค้นจัดรึจ๊ะ? อยากล้างตาสิน่ะ เค้าพร้อมรองาบมรึงนานแล้ว ให้ไว ไอ้สัส! งานนี้รถถังออกจริง ปูพรมแน่ อย่าเผ่นก่อนล่ะ สูตรลูกยาวเทกระจาด ภาคพื้นเก็บกวาด หนุนเสริมด้วยขีปนาวุธจากทัพเรือ สูตรนี้ หนียังไงก็ไม่รอด? อาวุธมรึงซ่อนที่ไหนเค้ารู้หมด เอากองกำลังไปซุ่มในป่า เค้าก็เห็น ไม่เสียเวลาเข้าปะทะ ปูพรมระเบิดเกลี้ยง ราบเป็นหน้ากอง แม้แต่กระสุนก็ยังไม่ได้ยิง ถึงเวลาระเบิดทำลายทุ่นระเบิดมรึงให้เกลี้ยงพื้นที่ รถเคลนเคลียร์ทุนระเบิดตามแนวชายแดนมาเต็ม รออะไร? รอให้มรึงบุกก่อนไงล่ะ? 2.โซเชี่ยลพลิกขั้ว สาวกอีส้มเน่า ปั่นใจ ถูกปั่นง่าย ก็กลับใจง่าย เพราะมันตามกระแสเป็นหลัก จุดยืนไม่ต้องถาม กูเอาความสบายใจเป็นเหตุ เลือกตั้งเลือกตามอารมณ์ สติปัญญาไม่ต้องใช้ เมื่อสู้กับกระต่าย มรึงก็ต้องทำให้กระต่ายตื่นตูมไงล่ะ กองทัพวางแม่ทัพกุ้งเดินสาย เต็มพื้นที่อีสาน จุดเปลี่ยนเกมส์การเมือง กระแสอีส้มเน่าดับวูบลงเรื่อยๆ แลนด์สไลด์เหรอ เดี๋ยวมรึงได้เจอแบบพรรคฟ้าคราวก่อน วัยรุ่น รักง่าย เบื่อเร็ว เล่นวาทะกรรมยังไงโดนย้อนศรคืนหมด อีสานตื่นกันทั้งแผ่นดิน เบื่อหน่ายกับอีขะแมร์ เพราะการเมืองไทยเป็นขี้ข้าบ่อนไงล่ะ นายทุนมันสั่ง ส่วย 100 ล้านต่อเดือน ใครจะจ่ายต่อ? ได้เวลาเด็ดหัวทหารเหี้ยจ๊ะ? 3.E-เล็ก ยังแถไม่เลิก อย่ากระเหี้ยนกระหือรือออกหน้าซะขนาดนั้น กลัวไม่ได้ยกแผ่นดินให้อีขะแมร์เหรอ? มรึงมันหมายันลูกหลาน เค้ากาหัวมรึงทั้งประเทศ อ้างไปเหอะ หมายังรู้ อะไรที่เป็นของเรา ใยต้องแบ่งให้วุ่นวาย เป็นใครยึดคืนหมด ไม่ต้องถามต่อ? ฝากไปบอกอีลวกเพ่ใหญ่ เพ่รอง มรึงด้วย กองทัพเค้าไม่เอามรึงแล้วน่ะ จะพาลุงตู่ซวยไปด้วย กบฎนายพันมีจริง นายพลใหญ่แค่ไหน หากขายชาติ นายพันก็พร้อมปฎิวัติ ยังไง? กูไม่ทำไงล่ะ กองกำลังจริง ใครคุม ไม่ใช่มรึงน่ะ? มรึงแค่สั่ง แต่ภาคปฎิบัติการแข็งข้อ มรึงจะทำยังไง? วังไฟเขียวแล้วจ๊ะ! 4. ‘เงินไม่รู้ที่มา’ ทะลักเข้าไทยแสนล้านบาทต่อไตรมาส มาจากไหน? ปมปัญหาที่แบงค์ชาติต้องตอบ? สาเหตุทำบาทไทยแข็งโป๊ก นอกจากปัจจัยพื้นฐาน ที่เงินเฟ้อไทยต่ำมาก ต่ำกว่าชาวโลกเค้า เพราะควบคุมกระแสเงินได้ดีช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สิ่งอื่นที่เป็นปัจจัยเกินคาดการณ์ สิ่งนี้ อาจจะมีนัยยะซ่อนเร้นอยู่ เกมส์โลกคือตัวกำหนดทิศทางเงิน เมื่อดอลล่าร์ล่มสลาย และหลายชาติไม่มั่นใจในระบบการเงินโลกยุคเก่า แห่ไปอุ้มทอง และเงินบาทไทย เพราะมีเสถียรภาพมั่นคงมาตลอด การชำระด้วยเงินบาทไทย เป็นที่นิยมสากลโลกตอนนี้ มันมีจุดอ่อน คือกลุ่มเหี้ยบางกลุ่ม อาจใช้เงินบาทไทยเป็นตัวกลางฟอกเงินได้ในอนาคต เพราะความต้องการเงินบาทมีมากจนเกินปกติ ทุกอย่างไม่มีบังเอิญจ๊ะ 5.แผนลับอี FED กดทองคำยับ หวังช้อนซื้อของถูก เพราะทองคำในมือไม่มี กดไว้ กูจะได้กว้านซื้อขาลงให้มันถูกหน่อย คนมีสติ อยู่ดีดี จะเอาทองคำในมือไปแลกเศษกระดาษทำไมกัน? เพราะมูลค่าในตลาดโลกว่าสูง แต่มูลค่าทองคำในตัวมันเองสูงกว่าตลาดวางไว้ 10 เท่า ยามเมื่อทองคำหมดโลก แผนนี้ไว้ล่อแมงเม่าไงล่ะ หวังฟันกำไรระยะสั้น แต่ที่ถือคือกระดาษเปล่าที่รอวันหมดสภาพ ใครว่าทอง 50000 แพงแล้ว ต่อไป 100000 มรึงจะช็อคมากกว่านี้มั้ยล่ะ? บอกไปแล้ว ทะลุ 65000 เมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน มันเอาไม่อยู่แล้ว สภาพจริง ภาวะจริง ที่โลกต้องแย่งกันสะสมทองคำในมือให้มากที่สุด โดยเฉพาะทองคำแท่งแท้ๆ ไม่ใช่กระดาษซื้อขายล่วงหน้าแบบที่ไอ้อีตะวันตกมันทำ เพื่อเอามาปั่นดอกน่ะ 6.เจ๊ปองรอด อีเพ่หมี ยุทธิยง รอด ศาลเมตตา ทำผิด ยอมรับผิด มูลเหตุเพื่อปวงประชา หาใช่ทำเพื่อตัวเอง คือการเสียสละ(ศาลเป็นแฟนเจ๊ปอง ดูทุกวัน จับเจ๊เข้าคุก แล้วใครจะเม้าท์ให้กูฟังกันล่ะ) ศาลมีเหตุ มีผล ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้มวลชนมุ่งเป้าทำลาย นี่คือคีย์ของเหตุแห่งการอภัยลดโทษ คนดี แม้จะเข้าไปยึด เพื่อปิดปากกระบอกเสียงผู้นำขายชาติ ไม่จำเป็นต้องทำลายสถานที่ หรือทำร้ายใคร แค่ปิดการออกอากาศ ผิดจริงตามกฎหมาย เพราะบุก แต่ไม่มีอะไรเสียหาย หรือใครตาย ก็ทัณฑ์บนไว้ ยกฟ้อง อย่าทำอีกล่ะ? อีเจ๊ปองปลื้ม แต่อีเพ่หมี ยุทธิยง ต้องเดิน 14 กิโล ฮาแตกเลยมรึง? บนเอาไว้ ฟ้ามีตา อีเจ๊ปอง ไม่เอาด้วย กูขี้เกียจเดิน 7.มันส์ล่ะมรึง! เร็วฟ้าผ่า ฟาโรห์ส่งทหาร 20000 ตั้งต้น ซาอุ ตามมา ก่อตั้งกองกำลังกำจัดยิวชั่ว คล้าย NATO อาหรับนั่นแหละ 60 ชาติทั่วโลกมาประชุมกาตาร์ เอาด้วย ประเทศมุสลิมทั้งโลกเตรียมลงแขกยิว รับไม่ได้ อียิวส่ง F-35 มาโจมตีกลุงโดฮา อ้างถล่มศูนย์บัญชาการฮามาส งานนี้ เยรูซาเล็ม เทลอาวีฟ ไฮฟา ที่เหลือแต่ซากแล้ว มรึงยังจะเอาเหี้ยอะไรมาเหลือให้ถล่มซ้ำอีก งานนี้ ฎีกา ยกพลขึ้นบก เกมส์นี้ เค้าแบ่งกันเล่น อิหร่านไม่ต้องออกหน้า อาหรับโดยมติสันนิบาตรอาหรับ นำทีมโดยฟาโรห์ ซาอุ UAE คูเวต โอมาน เตรียมรวมกำลัง จัดใหญ่ จัดหนัก แน่นอนว่า แผนการรุก ย่อมต้องมีอิหร่านวางแผนเบื้องหลัง โดยมีอิรักเป็นหน้าฉาก อาวุธเอาจากไหนกันล่ะ ระบบอาวุธสหรัฐที่มีอยู่จะไม่ได้ถูกใช้งาน เพราะมันสั่งปิดระบบได้ แต่ดอกนี้ Made in จีน อิหร่าน มาเต็มตรีน! 8.แม่ทัพดาหน้าเสนอ "ปิด สร้าง สู้" มองข้ามหัวไอ้อีฝ่ายการเมืองทุกไอ้อี แม้แต่บูรพาสุนัข ที่ยังสั่งเด็กเห่าแต่เรื่องเปิดด่าน เจอตอกหน้าหงาย เชิญมรึงไปอยู่กับบ่อนที่รักของมรึงเลยเป็นไง? E-เล็ก อย่างหมา กองทัพไม่ให้ราคา หลังจีนสร้างชิป AI สำเร็จ ส่งเหี้ยอะไรมาให้ไทยทดลอง ไทยเราเอาหมด โอกาสงาม จะได้ใช้ก็งานนี้แหละ รหัสยิงขีปนาวุธลำกล้องขะแมร์ ที่จีนเคยมอบให้ ถูกล็อครหัสยิงไม่ได้ กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว อาวุธใหม่ที่จีนมอบให้ไทย คือรุ่นอัพเกรด วงในรู้กัน ได้ผลลัพธ์ยังไงรายงานด้วย ไม่ถึง 1 เดือน เงินสำรองประเทศหมด อีขะแมร์เข้าตาจนแล้ว ชาวบ้านตกงาน อดอยากปากแห้ง พรมแดนระอุเดือด ปะทะแน่ ขอบอก 9.ควอนตัม AI จุดจบโลกทุนนิยม เมื่อทุกอย่างควบคุมด้วยสมองกล และการประเมิน ทุกอย่างเข้าระบบเหมือนกัน วิธีการเดียวกันหมด จะทำให้ทุนนิยมผูกขาด เจ๊งในที่สุด เมื่อทุกทางเลือกเกิดขึ้นใหม่ตลอด แนวคิดปัจจุบันนี้ ที่บรรดาเจ้าสัวคิด จะใช้ไม่ได้อีก 50 ปีข้างหน้า เป็นไปได้ทั้งหมด เพราะมันจะไม่มีใครสามารถเข้ามาผูกขาดการค้าฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป เพราะทั้งระบบเริ่มต้น ยันไปถึงปลายทาง AI จัดการให้แล้วเสร็จ โดยไม่ต้องมีสอดไส้คาราเมล โลกจะเข้าสู่การจัดระเบียบใหม่อย่างแท้จริง ตัดปัญหาที่มนุษย์เคยสร้างไว้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ปัญหาใหม่จะเกิดตามมาแน่นอน เป็นเพราะมนุษย์อีกเช่นเคย 10.ครม.1 เพ่นู๋ มาเต็ม เด็กฝากเพี๊ยบ แก้กฎหมายเอาตัวรอดก่อน 4 เดือนมันสั้น สร้างภาพต้องมา แก้ไขผิดให้ถูกต้องมี สายไหนก็จะเอาแต่ทางรอดตัวเอง ไม่มีใครคิดว่าไทยจะรอดยังไง? ด้านความมั่นคง เด็กเพ่ใหญ่ เพ่รอง เข้าวินชัวร์ แต่จะกล้าสวนกระแสกองทัพหรือไม่ อย่าลืมว่า กองทัพไม่ได้มีแค่ "บูรพาสุนัขน่ะจ๊ะ" สายอื่นก็จ้อง มรึงล้มเมื่อไหร่ กูข้ามทันที? ความผิด กสทช. ซุกไว้ในเกะต่อ ความผิดของอีน้ำเงินทั้งหมด จะถูกบิดเบือนให้มีทางรอด ยอมทุกอย่างเพื่อล้างมลทินไงล่ะ ดังนั้น ใครหวังว่ารัฐบาลไอ้อีหน้าไหน เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาไทย อย่าได้หวัง ก็แค่สมบัติผลัดกันชม อะไรที่เคยเหี้ยไข่ทิ้งไว้ ก็ต้องมาชำระล้างกันภายหลัง แล้วมรึงยังจะต้องการประชาธิปไตยอีกต่อไปมั้ยล่ะ จะเลือดตั้งไปเพื่อ? ไม่มีใครจริง ที่ทำงานให้มรึง ไม่มีและไม่เคยมี ปล.สหภาพแรงงานทั้งยุโรปรวมตัว อีปารีโดนแล้ว ปิดทำการทุกอย่าง โรงเรียน ขนส่ง คมนาคม ผู้คนออกเดินถนนล่ออีมาครงทั่วประเทศ อีเบียร์ตามมาทันที และยังมีอีกหลายเมืองทั่วยุโรป คำถามคือ จะตายห่าอยู่แล้ว จะก่อสงครามไปเพื่อ? ชาวบ้านอยากได้สงครามเหรอ? จะตายเพื่อยิวเหรอ? นักการเมืองคือขี้ข้ายิวทั้งหมด ยุโรปตกเป็นของยิวมานานนับ 100 ปีแล้ว ลุงหนวดจิ๋ม ถึงได้ล้างบาง ฆ่าล้างโคตรยิวไงล่ะ? มียิวที่ไหน ความฉิบหายเกิดที่นั่น! สภาพ! แววออก เพ่นู่ คุยคุณนู๋อภิสิทธิ์ ส่งสัญญานชัด เลือกตั้งใหม่ กอดกันแน่ การเมืองคือเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น นายช่วยเรา เราช่วยนาย แล้วใครจะช่วยประเทศก่อนล่ะ? ไม่รอด "สุชาติ 3 นิ้ว" โพสต์หมิ่นสถาบันฯ ถูกปลดจากศิลปินแห่งชาติโดยสมบูรณ์ ศาลฯยกฟ้องคำสั่งเพิกถอน ออกตัวแรงก่อนเลือกตั้งใหม่ รับมาเท่าไหร่จ๊ะ ถึงกล้ายอมติดคุก พรรคพวกมรึงก็รอยู่เต็มไปหมด เลือกตั้งหน้า พรรคอีส้มเน่าจองหมดทั้งคลองเปรม สรุปคุกมีไว้ขังนักการเมืองขายชาติไปแล้ว อีกไม่นาน คลองเปรม อาจกลายร่างเป็น "คฤหาสน์หรู" กลางเมืองซะงั้น เหี้ยถึงรวย เอาเงินไปเสพสุขต่อในคุกสิน่ะ ตรรกะจิตป่วยขั้นสูงสุด ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ขายตัว ขายชาติ กันเมามันส์ กลียุคมันดีอย่างงี้แหละ รู้ไส้รู้พุงกันหมดเปลือกไปเลย? หมี CNN(แผนที่ฝรั่งเศส ปี 1927 ยืนยันชัดเจน แหล่งพลังงานทั้งหมดคืออยู่ในไทย 100% อีบัวแก้วไม่ใช้ รัฐบาลไม่ใช้ เพราะกลัวไม่ได้ขายชาติแดร๊กจ๊ะ ยุบอีบัวแก้วไปเลยดีมั้ย? หน้าที่ไม่ทำ จ้องแต่จะขายชาติแดร๊กท่าเดียว คำถามคือ หากไทยคลั่งบ้าง อย่าร้องน่ะมรึง มันไม่จบแค่พรมแดน แต่จะกลืนมรึงทั้งหมดทั้งประเทศ ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเศรษฐกิจ ฆ่าด้วยแสนยานุภาพ ฆ่าด้วยอิทธิพลเจ้ามือโลกใหม่ มีอีก 108 1009 วิธี ที่จะขยายพื้นที่ได้จริง แค่รอเจ้าเก่าตายคาตรีนก่อน ทุกอย่าง ฝันที่เป็นจริงจะปรากฎ ดังนั้น รู้แล้วชิมิ ควรเชียร์ฝั่งใคร?) 20 กันยายน 68 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • เรื่อง 9/11 เป็นเรื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คนส่วนใหญ่ ในสังคม ถูกหลอก ง่ายแค่ไหน
    ช่วงที่ผม พยายาม เตือน เรื่องอันตรายของ ว๊ากซีนน
    โดยเฉพาะ เตือน แพทย์
    แพทย์ ที่ เป็น ลูกศิษย์ ผมเอง
    มี แพทย์ บางคน พยายามบอกว่า ผมเป็น นักทฤษฎีสมคบคิด เพราะผม พูดเรื่อง 9/11 มานานก่อน การระบาด ของ โควิด
    ตอนนี้ เริ่มเห็นชัดเจนว่า 9/11 ไม่ใช่ฝีมือ ของ บิน ลาดิน
    แต่ เป็นฝีมือ ของ ประธานาธิบดี บุช และ รองประธานาธิบดีดิ็ก เชนนี่
    ไม่ต่างกับ เรื่องโควิด ว่า ไม่ใช่ การระบาด ตามธรรมชาติ
    แต่ เป็นเชื้อที่ มาจาก ฝีมือมนุษย์
    เรื่อง 9/11 นอกจาก ตึก WTC7 ที่ถล่ม โดย ไม่ได้ถูกเครื่องบินชน ตอนห้าโมงเย็นวันเดียวกันกับ ทวินทาวเวอร์ แล้ว
    อีกตึกที่ น่าสนใจ คือ เพนตากอน ศูนย์บัญชาการของกลาโหมอเมริกัน หนึ่งในตึกที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย มากที่สุดในโลก แต่กลับโดน เครื่องบินโดยสาร ลำเบื่อเร้อ ที่โดยผู้ก่อการร้าย (ที่ขับเครื่องบินเล็ก ไม่เป็น) ขับเครื่องบินโดยสารพุ่งชน ถ้าใคร ยังอยากเชื่อนิทานว่า ผู้ก่อการร้าย ขับเครื่องบินได้ก็ไม่เป็นไร ลองไปดูสภาพตึก เศษซาก เครื่องบินขนาดใหญ่ ที่ควรจะ ตกกระจัดกระจาย ในที่เกิดเหตุ แต่ กลับ ไม่พบชิ้นส่วนของเครื่องบิน
    แค่นี้ คนที่ คิดเป็น ก็ ต้อง เอ๊ะ ล่ะ
    แต่ถ้า รู้ว่า ตึกครงที่โดน ชน (หรือยิงถล่ม?) เป็นสำนักงานที่ สอบสวน และเก็บหลักฐาน การ "หายไปของงบประมาณก้อนใหญ่ของกลาโหม" ไม่เยอะมากแค่ 2-3 ล้านล้านเหรียญเอง (ล้านล้าน, ที่แปลว่า trillion นะครับ) หลังเกิดเหตุ 9/11 การสอบสวนยุติ เพราะว่า ทีมสอบสวน และหลักฐาน "บังเอิญ" ถูกทำลายหมด
    อะ ใครที่ยัง เชื่อ NIST ช่วยอธิบายวิธี คิด ของพวกคุณหน่อย!!
    https://youtu.be/0RgRjZ2fXx0?si=vUP5ppwaPg9uP5a6
    ✍️เรื่อง 9/11 เป็นเรื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คนส่วนใหญ่ ในสังคม ถูกหลอก ง่ายแค่ไหน ช่วงที่ผม พยายาม เตือน เรื่องอันตรายของ ว๊ากซีนน โดยเฉพาะ เตือน แพทย์ แพทย์ ที่ เป็น ลูกศิษย์ ผมเอง มี แพทย์ บางคน พยายามบอกว่า ผมเป็น นักทฤษฎีสมคบคิด เพราะผม พูดเรื่อง 9/11 มานานก่อน การระบาด ของ โควิด ตอนนี้ เริ่มเห็นชัดเจนว่า 9/11 ไม่ใช่ฝีมือ ของ บิน ลาดิน แต่ เป็นฝีมือ ของ ประธานาธิบดี บุช และ รองประธานาธิบดีดิ็ก เชนนี่ ไม่ต่างกับ เรื่องโควิด ว่า ไม่ใช่ การระบาด ตามธรรมชาติ แต่ เป็นเชื้อที่ มาจาก ฝีมือมนุษย์ เรื่อง 9/11 นอกจาก ตึก WTC7 ที่ถล่ม โดย ไม่ได้ถูกเครื่องบินชน ตอนห้าโมงเย็นวันเดียวกันกับ ทวินทาวเวอร์ แล้ว อีกตึกที่ น่าสนใจ คือ เพนตากอน ศูนย์บัญชาการของกลาโหมอเมริกัน หนึ่งในตึกที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย มากที่สุดในโลก แต่กลับโดน เครื่องบินโดยสาร ลำเบื่อเร้อ ที่โดยผู้ก่อการร้าย (ที่ขับเครื่องบินเล็ก ไม่เป็น) ขับเครื่องบินโดยสารพุ่งชน ถ้าใคร ยังอยากเชื่อนิทานว่า ผู้ก่อการร้าย ขับเครื่องบินได้ก็ไม่เป็นไร ลองไปดูสภาพตึก เศษซาก เครื่องบินขนาดใหญ่ ที่ควรจะ ตกกระจัดกระจาย ในที่เกิดเหตุ แต่ กลับ ไม่พบชิ้นส่วนของเครื่องบิน แค่นี้ คนที่ คิดเป็น ก็ ต้อง เอ๊ะ ล่ะ แต่ถ้า รู้ว่า ตึกครงที่โดน ชน (หรือยิงถล่ม?) เป็นสำนักงานที่ สอบสวน และเก็บหลักฐาน การ "หายไปของงบประมาณก้อนใหญ่ของกลาโหม" ไม่เยอะมากแค่ 2-3 ล้านล้านเหรียญเอง (ล้านล้าน, ที่แปลว่า trillion นะครับ) หลังเกิดเหตุ 9/11 การสอบสวนยุติ เพราะว่า ทีมสอบสวน และหลักฐาน "บังเอิญ" ถูกทำลายหมด อะ ใครที่ยัง เชื่อ NIST ช่วยอธิบายวิธี คิด ของพวกคุณหน่อย!! https://youtu.be/0RgRjZ2fXx0?si=vUP5ppwaPg9uP5a6
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 480 Views 0 Reviews
  • เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ
    “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ”
    ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก
    บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร
    ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ
    เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น
    สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน
    ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน
    ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ?
    ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน
    ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ
    คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ
    สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57
    ลิงค์ประกอบโพสนี้
    ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater
    ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater
    ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ” ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ? ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57 ลิงค์ประกอบโพสนี้ ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 8 : นักวิ่ง
    มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน
    ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้
    แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น
    ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !)
    – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
    – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) )
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 8 : นักวิ่ง มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้ แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !) – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) ) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า

    บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่
    ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว
    ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม
    แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง
    ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน
    ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป
    “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 เมย 57
    ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่ ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 เมย 57 ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    WWW.DROPBOX.COM
    old_track.pdf
    Shared with Dropbox
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5
    เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม
    มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้)
    หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
    ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?)
    เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ
    นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ
    ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว
    เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007
    เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง)
    เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt
    ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่)


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5 เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้) หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?) เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007 เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง) เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
More Results