• กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน

    อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์"

    อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ

    แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell)

    ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส

    ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

    #Newskit
    กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์" อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell) ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดีลลังกาวี #โหนเจ้า #ชาติล่มสลาย #ทุน #ขายทรัพยากรของชาติ #ชินวัตร #ทหารการเมือง #ทหารพาณิชย์
    https://youtu.be/ym0H-v_vr9I
    #ดีลลังกาวี #โหนเจ้า #ชาติล่มสลาย #ทุน #ขายทรัพยากรของชาติ #ชินวัตร #ทหารการเมือง #ทหารพาณิชย์ https://youtu.be/ym0H-v_vr9I
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ปัญหาตัวเองยังแก้ไม่ได้ สะเออะมาแก้ปัญหาคนอื่น อันวาร์ นายกฯถั่วดำ ประกาศกร้าวจะไม่ยอมเสียดินแดนในรัฐซาบาห์แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้อินโดนีเซีย จากการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนพื้นที่พิพาทในทะเลสุลาเวสีที่มีทรัพยากรน้ำมันมหาศาล
    #7ดอกจิก
    #TruthFromThailand
    ♣ ปัญหาตัวเองยังแก้ไม่ได้ สะเออะมาแก้ปัญหาคนอื่น อันวาร์ นายกฯถั่วดำ ประกาศกร้าวจะไม่ยอมเสียดินแดนในรัฐซาบาห์แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้อินโดนีเซีย จากการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนพื้นที่พิพาทในทะเลสุลาเวสีที่มีทรัพยากรน้ำมันมหาศาล #7ดอกจิก #TruthFromThailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง,
    ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง, ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ขณะที่กัมพูชาเข้าอินโด-แปซิฟิก ไทยควรถอนตัว : คนเคาะข่าว 04-08-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=GdvvSmVHHIM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: วิศวกร AI ปฏิเสธเงินพันล้านจาก Meta เพื่อสร้างอนาคตในแบบที่ตัวเองเชื่อ

    Meta พยายามดึงตัวทีมงานจาก Thinking Machines Lab ซึ่งนำโดย Andrew Tulloch และ Mira Murati—สองบุคคลสำคัญที่เคยมีบทบาทใน Meta และ OpenAI โดยเสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนที่อาจรวมสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในระยะหลายปี ขึ้นอยู่กับหุ้นและโบนัส

    แต่ทั้ง Tulloch และ Murati รวมถึงทีมงานของพวกเขา ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาต้องการสร้างเทคโนโลยีในแบบที่มีจริยธรรม ไม่ถูกครอบงำด้วยเป้าหมายทางโฆษณาหรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

    เหตุการณ์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ในวงการ AI ที่นักพัฒนาเริ่มให้ความสำคัญกับ “เป้าหมายร่วม” และ “ความไว้วางใจในผู้นำ” มากกว่าการไล่ตามเงินก้อนโต ซึ่ง Meta แม้จะมีทรัพยากรมหาศาล ก็ยังไม่สามารถดึงตัวนักวิจัยระดับสูงจากคู่แข่งได้มากนัก

    Meta เสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1.5 พันล้านให้กับ Andrew Tulloch และทีม Thinking Machines
    ขึ้นอยู่กับหุ้นและโบนัสในระยะหลายปี
    เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่สูงที่สุดในวงการ AI

    Mira Murati และทีมงานของเธอปฏิเสธข้อเสนอจาก Meta ทั้งหมด
    ไม่เพียงแต่ปฏิเสธการเข้าซื้อกิจการ แต่ยังปฏิเสธข้อเสนอส่วนตัว
    แสดงจุดยืนชัดเจนในการรักษาอุดมการณ์ขององค์กร

    Meta ไม่ปฏิเสธว่ามีความพยายามดึงตัวนักวิจัยจากคู่แข่ง
    แม้จะบอกว่าตัวเลขอาจถูกกล่าวเกินจริง
    แต่ยอมรับว่ามีการทาบทามนักวิจัยระดับสูงจริง

    แนวโน้มใหม่ในวงการ AI คือการเลือก “เป้าหมายร่วม” มากกว่า “ค่าตอบแทนสูงสุด”
    วิศวกรบางคนต้องการสร้างเทคโนโลยีที่มีจริยธรรม
    ไม่ต้องการให้ผลงานถูกใช้เพื่อโฆษณาหรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

    Meta สามารถดึงตัวนักวิจัยจากคู่แข่งได้เพียงจำนวนน้อย แม้จะมีทรัพยากรมหาศาล
    การแข่งขันด้าน AI ไม่ได้วัดกันแค่เงิน
    ความเชื่อมั่นในผู้นำและเป้าหมายองค์กรกลายเป็นปัจจัยสำคัญ

    https://www.techspot.com/news/108917-ai-engineers-reject-meta-15-billion-offers-stay.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: วิศวกร AI ปฏิเสธเงินพันล้านจาก Meta เพื่อสร้างอนาคตในแบบที่ตัวเองเชื่อ Meta พยายามดึงตัวทีมงานจาก Thinking Machines Lab ซึ่งนำโดย Andrew Tulloch และ Mira Murati—สองบุคคลสำคัญที่เคยมีบทบาทใน Meta และ OpenAI โดยเสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนที่อาจรวมสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในระยะหลายปี ขึ้นอยู่กับหุ้นและโบนัส แต่ทั้ง Tulloch และ Murati รวมถึงทีมงานของพวกเขา ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาต้องการสร้างเทคโนโลยีในแบบที่มีจริยธรรม ไม่ถูกครอบงำด้วยเป้าหมายทางโฆษณาหรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น เหตุการณ์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ในวงการ AI ที่นักพัฒนาเริ่มให้ความสำคัญกับ “เป้าหมายร่วม” และ “ความไว้วางใจในผู้นำ” มากกว่าการไล่ตามเงินก้อนโต ซึ่ง Meta แม้จะมีทรัพยากรมหาศาล ก็ยังไม่สามารถดึงตัวนักวิจัยระดับสูงจากคู่แข่งได้มากนัก ✅ Meta เสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1.5 พันล้านให้กับ Andrew Tulloch และทีม Thinking Machines ➡️ ขึ้นอยู่กับหุ้นและโบนัสในระยะหลายปี ➡️ เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่สูงที่สุดในวงการ AI ✅ Mira Murati และทีมงานของเธอปฏิเสธข้อเสนอจาก Meta ทั้งหมด ➡️ ไม่เพียงแต่ปฏิเสธการเข้าซื้อกิจการ แต่ยังปฏิเสธข้อเสนอส่วนตัว ➡️ แสดงจุดยืนชัดเจนในการรักษาอุดมการณ์ขององค์กร ✅ Meta ไม่ปฏิเสธว่ามีความพยายามดึงตัวนักวิจัยจากคู่แข่ง ➡️ แม้จะบอกว่าตัวเลขอาจถูกกล่าวเกินจริง ➡️ แต่ยอมรับว่ามีการทาบทามนักวิจัยระดับสูงจริง ✅ แนวโน้มใหม่ในวงการ AI คือการเลือก “เป้าหมายร่วม” มากกว่า “ค่าตอบแทนสูงสุด” ➡️ วิศวกรบางคนต้องการสร้างเทคโนโลยีที่มีจริยธรรม ➡️ ไม่ต้องการให้ผลงานถูกใช้เพื่อโฆษณาหรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ✅ Meta สามารถดึงตัวนักวิจัยจากคู่แข่งได้เพียงจำนวนน้อย แม้จะมีทรัพยากรมหาศาล ➡️ การแข่งขันด้าน AI ไม่ได้วัดกันแค่เงิน ➡️ ความเชื่อมั่นในผู้นำและเป้าหมายองค์กรกลายเป็นปัจจัยสำคัญ https://www.techspot.com/news/108917-ai-engineers-reject-meta-15-billion-offers-stay.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI engineers reject Meta's $1.5 billion offers to build on their own terms
    While not in the majority, many engineers are choosing to pass up unprecedented offers in favor of staying loyal to their mission, values, and the chance to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที

    ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ

    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น

    ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง
    หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน
    ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย

    ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น
    ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ
    ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า
    การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก
    ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์

    เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ
    เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering
    ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย

    การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้
    การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
    การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้

    นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล
    เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ
    ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ

    การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี
    ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า
    อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง

    การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย
    ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย

    การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย
    การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก
    ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่

    การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน
    เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย
    ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม

    การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ
    ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover
    มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST

    การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี
    คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ
    แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ

    การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา
    ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET
    ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป

    https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น ✅ ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง ➡️ หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน ➡️ ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย ✅ ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ➡️ ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ ➡️ ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ✅ งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า ➡️ การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก ➡️ ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์ ✅ เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ ➡️ เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering ➡️ ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย ✅ การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้ ➡️ การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ➡️ การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้ ✅ นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล ➡️ เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ ➡️ ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ ‼️ การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า ⛔ อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ‼️ การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย ⛔ ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย ‼️ การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย ⛔ การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก ⛔ ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่ ‼️ การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน ⛔ เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ✅ การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ ➡️ ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover ➡️ มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST ✅ การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี ➡️ คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ ➡️ แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ ✅ การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา ➡️ ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET ➡️ ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    HACKREAD.COM
    Local Government Cybersecurity: Why Municipal Systems Need Extra Protection
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงสงบศึกกับไทยและกัมพูชา ได้โหมกระพือคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของอเมริกาในการเข้ามายุ่งเกี่ยวความขัดแย้งนี้ ในนั้นรวมถึงประเด็นทรัพยากรทางธรรมชาติอันมหาศาลในพื้นที่พิพาทเกาะกูด และจากการค้นข่าวเก่าของทาง mgronline พบว่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งรื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการสำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง ท่ามกลางการเฝ้ามองตาเป็นมันของบรรดาบริษัทต่างชาติ แถมยังมีรายงานด้วยว่าทางกัมพูชาได้มอบสัมปทานแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ในนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073336

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลังสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงสงบศึกกับไทยและกัมพูชา ได้โหมกระพือคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของอเมริกาในการเข้ามายุ่งเกี่ยวความขัดแย้งนี้ ในนั้นรวมถึงประเด็นทรัพยากรทางธรรมชาติอันมหาศาลในพื้นที่พิพาทเกาะกูด และจากการค้นข่าวเก่าของทาง mgronline พบว่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งรื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการสำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง ท่ามกลางการเฝ้ามองตาเป็นมันของบรรดาบริษัทต่างชาติ แถมยังมีรายงานด้วยว่าทางกัมพูชาได้มอบสัมปทานแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ในนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073336 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 585 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Banana Pi BPI-R4 Lite—บอร์ดเราท์เตอร์ DIY ที่แรงพอตัว แต่ไม่ใช่คู่แข่ง Raspberry Pi 5

    Banana Pi เปิดตัว BPI-R4 Lite ซึ่งเป็นบอร์ดเดี่ยวสำหรับงานเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ ใช้ชิป MediaTek MT7987A ที่มี 4 คอร์ Cortex-A53, RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB พร้อมพอร์ตเน็ตเวิร์กครบครัน เช่น 2.5GbE SFP, 2.5GbE RJ45 WAN (รองรับ PoE), และ LAN 1GbE อีก 4 ช่อง

    จุดเด่นคือรองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และโมดูล 5G รวมถึงมี MikroBUS headers สำหรับงาน IoT และ automation

    แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกของ Raspberry Pi 5 แต่หลายเสียงในชุมชนกลับมองว่า BPI-R4 Lite เหมาะกับงานเราท์เตอร์มากกว่าเป็นบอร์ดเอนกประสงค์ เพราะ CPU ค่อนข้างเก่าและไม่เหมาะกับงาน compute หนัก

    Banana Pi BPI-R4 Lite ใช้ชิป MediaTek MT7987A พร้อม 4 คอร์ Cortex-A53
    RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB
    มี SPI-NAND 256MB และ SPI-NOR 32MB เพิ่มเติม

    รองรับพอร์ตเน็ตเวิร์กระดับสูง เช่น 2.5GbE SFP และ RJ45 WAN พร้อม PoE
    มี LAN 1GbE อีก 4 ช่องสำหรับใช้งานเป็นเราท์เตอร์
    รองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และ 5G

    มี USB 3.0, USB 2.0, และ USB-C สำหรับ debug console
    USB 3.0 แชร์ทรัพยากรกับ HSGMII/SGMII ต้องเลือกใช้งาน
    รองรับการขยายผ่าน MikroBUS headers สำหรับ UART, I2C, SPI, PWM

    เหมาะกับงาน DIY router, NAS, home automation และ gateway
    รองรับ OpenWRT และระบบ Linux
    ขนาดบอร์ด 100.5x148 มม. น้ำหนัก 250 กรัม

    ราคาประมาณ $86 ซึ่งสูงกว่า Raspberry Pi 5 ที่อยู่ที่ ~$66
    เน้นฟีเจอร์ด้านเน็ตเวิร์กมากกว่าความสามารถ compute
    มีตัวเลือก Wi-Fi 7 NIC แบบ mPCIe ให้ซื้อเพิ่ม

    https://www.techpowerup.com/339505/banana-pi-launches-bpi-r4-lite-diy-router-board
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Banana Pi BPI-R4 Lite—บอร์ดเราท์เตอร์ DIY ที่แรงพอตัว แต่ไม่ใช่คู่แข่ง Raspberry Pi 5 Banana Pi เปิดตัว BPI-R4 Lite ซึ่งเป็นบอร์ดเดี่ยวสำหรับงานเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ ใช้ชิป MediaTek MT7987A ที่มี 4 คอร์ Cortex-A53, RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB พร้อมพอร์ตเน็ตเวิร์กครบครัน เช่น 2.5GbE SFP, 2.5GbE RJ45 WAN (รองรับ PoE), และ LAN 1GbE อีก 4 ช่อง จุดเด่นคือรองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และโมดูล 5G รวมถึงมี MikroBUS headers สำหรับงาน IoT และ automation แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกของ Raspberry Pi 5 แต่หลายเสียงในชุมชนกลับมองว่า BPI-R4 Lite เหมาะกับงานเราท์เตอร์มากกว่าเป็นบอร์ดเอนกประสงค์ เพราะ CPU ค่อนข้างเก่าและไม่เหมาะกับงาน compute หนัก ✅ Banana Pi BPI-R4 Lite ใช้ชิป MediaTek MT7987A พร้อม 4 คอร์ Cortex-A53 ➡️ RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB ➡️ มี SPI-NAND 256MB และ SPI-NOR 32MB เพิ่มเติม ✅ รองรับพอร์ตเน็ตเวิร์กระดับสูง เช่น 2.5GbE SFP และ RJ45 WAN พร้อม PoE ➡️ มี LAN 1GbE อีก 4 ช่องสำหรับใช้งานเป็นเราท์เตอร์ ➡️ รองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และ 5G ✅ มี USB 3.0, USB 2.0, และ USB-C สำหรับ debug console ➡️ USB 3.0 แชร์ทรัพยากรกับ HSGMII/SGMII ต้องเลือกใช้งาน ➡️ รองรับการขยายผ่าน MikroBUS headers สำหรับ UART, I2C, SPI, PWM ✅ เหมาะกับงาน DIY router, NAS, home automation และ gateway ➡️ รองรับ OpenWRT และระบบ Linux ➡️ ขนาดบอร์ด 100.5x148 มม. น้ำหนัก 250 กรัม ✅ ราคาประมาณ $86 ซึ่งสูงกว่า Raspberry Pi 5 ที่อยู่ที่ ~$66 ➡️ เน้นฟีเจอร์ด้านเน็ตเวิร์กมากกว่าความสามารถ compute ➡️ มีตัวเลือก Wi-Fi 7 NIC แบบ mPCIe ให้ซื้อเพิ่ม https://www.techpowerup.com/339505/banana-pi-launches-bpi-r4-lite-diy-router-board
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Banana Pi Launches BPI-R4 Lite DIY Router Board
    The newly launched Banana Pi BPI-R4 Lite is a networking-focused single-board computer that can be an alternative to the Raspberry Pi 5. It is built around the MediaTek MT7987A system-on-chip, integrates four Arm Cortex-A53 cores and features 2 GB of DDR4 memory and 8 GB of eMMC flash storage. Conne...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: MLPerf Client 1.0 — เครื่องมือทดสอบ AI บนเครื่องส่วนตัวที่ใช้ง่ายขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น

    ในยุคที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่หลายคนยังใช้โมเดลผ่านระบบคลาวด์ เช่น ChatGPT หรือ Gemini ซึ่งแม้จะสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัวและการควบคุม

    MLPerf Client 1.0 จึงถูกพัฒนาโดย MLCommons เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทดสอบประสิทธิภาพของโมเดล AI บนเครื่องของตัวเอง—ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป หรือเวิร์กสเตชัน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อม GUI ที่ใช้งานง่าย และรองรับโมเดลใหม่ ๆ เช่น Llama 3.1, Phi 3.5 และ Phi 4 Reasoning

    นอกจากนี้ยังรองรับการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์จากหลายค่าย เช่น AMD, Intel, NVIDIA, Apple และ Qualcomm ผ่าน SDK และ execution path ที่หลากหลาย รวมถึงสามารถทดสอบงานที่ซับซ้อน เช่น การสรุปเนื้อหาด้วย context window ขนาด 8000 tokens

    MLPerf Client 1.0 เปิดตัวพร้อม GUI ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ไม่ต้องใช้ command line เหมือนเวอร์ชันก่อน
    มีระบบมอนิเตอร์ทรัพยากรแบบเรียลไทม์

    รองรับโมเดลใหม่หลายตัว เช่น Llama 2, Llama 3.1, Phi 3.5 และ Phi 4 Reasoning
    ครอบคลุมทั้งโมเดลขนาดเล็กและใหญ่
    ทดสอบได้ทั้งการสนทนา, การเขียนโค้ด และการสรุปเนื้อหา

    สามารถทดสอบงานที่ใช้ context window ขนาดใหญ่ เช่น 4000 และ 8000 tokens
    เหมาะกับการวัดประสิทธิภาพในงานสรุปเนื้อหายาว
    ต้องใช้ GPU ที่มี VRAM อย่างน้อย 16GB

    รองรับการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์จากหลายค่ายผ่าน execution path ต่าง ๆ
    เช่น ONNX Runtime, OpenVINO, MLX, Llama.cpp
    ครอบคลุมทั้ง GPU, NPU และ CPU hybrid

    สามารถดาวน์โหลดและใช้งานฟรีผ่าน GitHub
    รองรับ Windows และ macOS
    เหมาะกับนักพัฒนา, นักวิจัย และผู้ใช้ทั่วไป

    การทดสอบบาง workload ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ระดับสูง เช่น GPU 16GB VRAM ขึ้นไป
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถรันได้ครบทุกชุดทดสอบ
    ต้องตรวจสอบสเปกก่อนใช้งาน

    การเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ อาจไม่แม่นยำหากไม่ได้ตั้งค่าระบบให้เหมือนกัน
    ต้องใช้ configuration ที่เทียบเคียงได้
    ไม่ควรใช้ผลลัพธ์เพื่อสรุปคุณภาพของฮาร์ดแวร์โดยตรง

    การใช้ execution path ที่ไม่เหมาะกับอุปกรณ์อาจทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน
    เช่น ใช้ path สำหรับ GPU บนระบบที่ไม่มี GPU
    ต้องเลือก path ให้ตรงกับฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานจริง

    การทดสอบโมเดลขนาดใหญ่อาจใช้เวลานานและกินทรัพยากรสูง
    อาจทำให้เครื่องร้อนหรือหน่วง
    ควรใช้ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้

    https://www.tomshardware.com/software/mlperf-client-1-0-ai-benchmark-released-new-testing-toolkit-sports-a-gui-covers-more-models-and-tasks-and-supports-more-hardware-acceleration-paths
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: MLPerf Client 1.0 — เครื่องมือทดสอบ AI บนเครื่องส่วนตัวที่ใช้ง่ายขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น ในยุคที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่หลายคนยังใช้โมเดลผ่านระบบคลาวด์ เช่น ChatGPT หรือ Gemini ซึ่งแม้จะสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัวและการควบคุม MLPerf Client 1.0 จึงถูกพัฒนาโดย MLCommons เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทดสอบประสิทธิภาพของโมเดล AI บนเครื่องของตัวเอง—ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป หรือเวิร์กสเตชัน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อม GUI ที่ใช้งานง่าย และรองรับโมเดลใหม่ ๆ เช่น Llama 3.1, Phi 3.5 และ Phi 4 Reasoning นอกจากนี้ยังรองรับการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์จากหลายค่าย เช่น AMD, Intel, NVIDIA, Apple และ Qualcomm ผ่าน SDK และ execution path ที่หลากหลาย รวมถึงสามารถทดสอบงานที่ซับซ้อน เช่น การสรุปเนื้อหาด้วย context window ขนาด 8000 tokens ✅ MLPerf Client 1.0 เปิดตัวพร้อม GUI ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ ไม่ต้องใช้ command line เหมือนเวอร์ชันก่อน ➡️ มีระบบมอนิเตอร์ทรัพยากรแบบเรียลไทม์ ✅ รองรับโมเดลใหม่หลายตัว เช่น Llama 2, Llama 3.1, Phi 3.5 และ Phi 4 Reasoning ➡️ ครอบคลุมทั้งโมเดลขนาดเล็กและใหญ่ ➡️ ทดสอบได้ทั้งการสนทนา, การเขียนโค้ด และการสรุปเนื้อหา ✅ สามารถทดสอบงานที่ใช้ context window ขนาดใหญ่ เช่น 4000 และ 8000 tokens ➡️ เหมาะกับการวัดประสิทธิภาพในงานสรุปเนื้อหายาว ➡️ ต้องใช้ GPU ที่มี VRAM อย่างน้อย 16GB ✅ รองรับการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์จากหลายค่ายผ่าน execution path ต่าง ๆ ➡️ เช่น ONNX Runtime, OpenVINO, MLX, Llama.cpp ➡️ ครอบคลุมทั้ง GPU, NPU และ CPU hybrid ✅ สามารถดาวน์โหลดและใช้งานฟรีผ่าน GitHub ➡️ รองรับ Windows และ macOS ➡️ เหมาะกับนักพัฒนา, นักวิจัย และผู้ใช้ทั่วไป ‼️ การทดสอบบาง workload ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ระดับสูง เช่น GPU 16GB VRAM ขึ้นไป ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถรันได้ครบทุกชุดทดสอบ ⛔ ต้องตรวจสอบสเปกก่อนใช้งาน ‼️ การเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ อาจไม่แม่นยำหากไม่ได้ตั้งค่าระบบให้เหมือนกัน ⛔ ต้องใช้ configuration ที่เทียบเคียงได้ ⛔ ไม่ควรใช้ผลลัพธ์เพื่อสรุปคุณภาพของฮาร์ดแวร์โดยตรง ‼️ การใช้ execution path ที่ไม่เหมาะกับอุปกรณ์อาจทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน ⛔ เช่น ใช้ path สำหรับ GPU บนระบบที่ไม่มี GPU ⛔ ต้องเลือก path ให้ตรงกับฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานจริง ‼️ การทดสอบโมเดลขนาดใหญ่อาจใช้เวลานานและกินทรัพยากรสูง ⛔ อาจทำให้เครื่องร้อนหรือหน่วง ⛔ ควรใช้ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ https://www.tomshardware.com/software/mlperf-client-1-0-ai-benchmark-released-new-testing-toolkit-sports-a-gui-covers-more-models-and-tasks-and-supports-more-hardware-acceleration-paths
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: นักวิจัย AI กับค่าตัวระดับ NBA—เมื่อสมองกลายเป็นสินทรัพย์ที่แพงที่สุดในโลก

    Matt Deitke นักวิจัย AI วัย 24 ปี ได้รับข้อเสนอจาก Mark Zuckerberg ให้เข้าร่วมทีมวิจัย “superintelligence” ของ Meta ด้วยค่าตอบแทนสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี—มากกว่าสัญญาของ Steph Curry กับทีม Golden State Warriors เสียอีก

    นี่ไม่ใช่กรณีเดียว เพราะบริษัทใหญ่อย่าง Meta, Google, Microsoft และ OpenAI กำลังแข่งขันกันดึงตัวนักวิจัย AI ด้วยข้อเสนอระดับ “ไม่มีเพดานเงินเดือน” พร้อมโบนัส, หุ้น, และสิทธิพิเศษที่ฟังดูเหมือนการจีบซูเปอร์สตาร์กีฬา

    การแย่งชิงนี้เกิดจากความขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ด้าน deep learning และการสร้างระบบ AI ขั้นสูง ซึ่งต้องใช้ทั้งประสบการณ์และทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลที่มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้น

    Matt Deitke ได้รับข้อเสนอจาก Meta มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี เพื่อร่วมทีมวิจัย AI
    มีเงินสดถึง 100 ล้านดอลลาร์จ่ายในปีแรก
    ข้อเสนอถูกเปรียบเทียบว่าแพงกว่าสัญญานักบาส NBA

    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังแข่งขันกันดึงตัวนักวิจัย AI ด้วยข้อเสนอระดับร้อยล้านดอลลาร์
    ไม่มีเพดานเงินเดือนเหมือนทีมกีฬา
    ใช้กลยุทธ์แบบ “เจ้าของทีม” เพื่อจีบผู้มีพรสวรรค์

    การแย่งชิงบุคลากร AI กลายเป็นปรากฏการณ์บนโซเชียลมีเดีย คล้ายช่วงซื้อขายนักกีฬา
    มีการโพสต์กราฟิกแนว ESPN เพื่อประกาศการ “ย้ายทีม”
    ผู้คนติดตามการย้ายงานของนักวิจัยเหมือนติดตามกีฬา

    นักวิจัย AI รุ่นใหม่ใช้ “เอเจนต์” และทีมที่ปรึกษาในการต่อรองค่าตอบแทน
    คล้ายกับนักกีฬาอาชีพที่มีทีมดูแลสัญญา
    มีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้ได้ข้อเสนอสูงสุด

    ความขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ AI ขั้นสูงเป็นแรงผลักดันให้ค่าตอบแทนพุ่งสูง
    ระบบ AI ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลและทรัพยากรคอมพิวเตอร์ระดับสูง
    มีเพียงไม่กี่คนที่มีประสบการณ์กับระบบระดับนี้

    นักวิจัย AI ระดับสูงใน OpenAI และ Google ได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ย 10–20 ล้านดอลลาร์ต่อปี
    รวมโบนัส, หุ้น, และสิทธิพิเศษ
    บางรายได้รับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อเจรจาสัญญา

    การเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดแรงงาน AI พุ่งทะยาน
    บริษัทต่าง ๆ เร่งลงทุนเพื่อเป็นผู้นำด้าน AI
    ทำให้ความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

    บางนักวิจัยเลือกปฏิเสธข้อเสนอใหญ่เพื่อสร้างสตาร์ทอัพของตัวเอง
    ต้องการอิสระในการวิจัยและพัฒนา
    มองว่าการสร้างนวัตกรรมต้องเริ่มจากความเชื่อ ไม่ใช่เงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/ai-researchers-are-negotiating-us250mil-pay-packages-just-like-nba-stars
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: นักวิจัย AI กับค่าตัวระดับ NBA—เมื่อสมองกลายเป็นสินทรัพย์ที่แพงที่สุดในโลก Matt Deitke นักวิจัย AI วัย 24 ปี ได้รับข้อเสนอจาก Mark Zuckerberg ให้เข้าร่วมทีมวิจัย “superintelligence” ของ Meta ด้วยค่าตอบแทนสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี—มากกว่าสัญญาของ Steph Curry กับทีม Golden State Warriors เสียอีก นี่ไม่ใช่กรณีเดียว เพราะบริษัทใหญ่อย่าง Meta, Google, Microsoft และ OpenAI กำลังแข่งขันกันดึงตัวนักวิจัย AI ด้วยข้อเสนอระดับ “ไม่มีเพดานเงินเดือน” พร้อมโบนัส, หุ้น, และสิทธิพิเศษที่ฟังดูเหมือนการจีบซูเปอร์สตาร์กีฬา การแย่งชิงนี้เกิดจากความขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ด้าน deep learning และการสร้างระบบ AI ขั้นสูง ซึ่งต้องใช้ทั้งประสบการณ์และทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลที่มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้น ✅ Matt Deitke ได้รับข้อเสนอจาก Meta มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี เพื่อร่วมทีมวิจัย AI ➡️ มีเงินสดถึง 100 ล้านดอลลาร์จ่ายในปีแรก ➡️ ข้อเสนอถูกเปรียบเทียบว่าแพงกว่าสัญญานักบาส NBA ✅ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังแข่งขันกันดึงตัวนักวิจัย AI ด้วยข้อเสนอระดับร้อยล้านดอลลาร์ ➡️ ไม่มีเพดานเงินเดือนเหมือนทีมกีฬา ➡️ ใช้กลยุทธ์แบบ “เจ้าของทีม” เพื่อจีบผู้มีพรสวรรค์ ✅ การแย่งชิงบุคลากร AI กลายเป็นปรากฏการณ์บนโซเชียลมีเดีย คล้ายช่วงซื้อขายนักกีฬา ➡️ มีการโพสต์กราฟิกแนว ESPN เพื่อประกาศการ “ย้ายทีม” ➡️ ผู้คนติดตามการย้ายงานของนักวิจัยเหมือนติดตามกีฬา ✅ นักวิจัย AI รุ่นใหม่ใช้ “เอเจนต์” และทีมที่ปรึกษาในการต่อรองค่าตอบแทน ➡️ คล้ายกับนักกีฬาอาชีพที่มีทีมดูแลสัญญา ➡️ มีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้ได้ข้อเสนอสูงสุด ✅ ความขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ AI ขั้นสูงเป็นแรงผลักดันให้ค่าตอบแทนพุ่งสูง ➡️ ระบบ AI ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลและทรัพยากรคอมพิวเตอร์ระดับสูง ➡️ มีเพียงไม่กี่คนที่มีประสบการณ์กับระบบระดับนี้ ✅ นักวิจัย AI ระดับสูงใน OpenAI และ Google ได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ย 10–20 ล้านดอลลาร์ต่อปี ➡️ รวมโบนัส, หุ้น, และสิทธิพิเศษ ➡️ บางรายได้รับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อเจรจาสัญญา ✅ การเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดแรงงาน AI พุ่งทะยาน ➡️ บริษัทต่าง ๆ เร่งลงทุนเพื่อเป็นผู้นำด้าน AI ➡️ ทำให้ความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ✅ บางนักวิจัยเลือกปฏิเสธข้อเสนอใหญ่เพื่อสร้างสตาร์ทอัพของตัวเอง ➡️ ต้องการอิสระในการวิจัยและพัฒนา ➡️ มองว่าการสร้างนวัตกรรมต้องเริ่มจากความเชื่อ ไม่ใช่เงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/ai-researchers-are-negotiating-us250mil-pay-packages-just-like-nba-stars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI researchers are negotiating US$250mil pay packages. Just like NBA stars
    They have been aided by scarcity: Only a small pool of people have the technical know-how and experience to work on advanced artificial intelligence systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบทความ: AI ไม่ได้ยกระดับเพดาน แต่ยกระดับพื้น—ช่วยให้เริ่มต้นง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เชี่ยวชาญเร็วขึ้น

    บทความจาก Elroy ชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้ทำให้คนเก่งยิ่งเก่งขึ้น แต่ช่วยให้คนที่ไม่รู้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเรียนรู้ที่เคยมีอุปสรรค เช่น:
    - ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน
    - หาทรัพยากรที่เหมาะกับระดับความรู้ของตัวเองไม่ได้
    - ติดอยู่กับจุดที่ไม่เข้าใจ แต่ไม่มีใครช่วยอธิบาย

    AI สามารถตอบคำถามเฉพาะจุดได้ทันที และช่วยทำงานซ้ำ ๆ ให้ ทำให้ผู้เรียนไม่ต้องติดอยู่กับขั้นตอนพื้นฐานนานเกินไป

    แต่เมื่อพูดถึง “ความเชี่ยวชาญ” หรือ “การเข้าใจลึก” AI กลับยังไม่สามารถช่วยได้มากนัก เพราะข้อมูลที่ AI ถูกฝึกมานั้นมักเป็นเรื่องพื้นฐานหรือความรู้ทั่วไป ไม่ใช่ความรู้ลึกหรือความขัดแย้งทางวิชาการ

    AI ช่วยให้ผู้เรียนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น โดยตอบคำถามตามระดับความเข้าใจของแต่ละคน
    ลดอุปสรรคในการเข้าถึงความรู้
    ทำให้การเรียนรู้ไม่ติดขัดในจุดพื้นฐาน

    AI เปลี่ยนรูปแบบของเส้นโค้งการเรียนรู้ โดยทำให้ช่วงเริ่มต้นเร็วขึ้น
    ผู้ใช้สามารถข้ามขั้นตอนที่เคยใช้เวลานาน
    เหมาะกับการเรียนรู้แบบ “ลงมือทำทันที”

    AI ยังไม่สามารถช่วยในระดับความเชี่ยวชาญหรือความเข้าใจลึกได้ดี
    ข้อมูลที่ AI ถูกฝึกมามักเป็นเรื่องทั่วไป
    หัวข้อที่ซับซ้อนหรือขัดแย้งยังต้องใช้มนุษย์วิเคราะห์

    การใช้ AI ในการเรียนรู้มีความเสี่ยงเรื่อง “การโกง” เช่น ขอคำตอบโดยไม่เข้าใจเนื้อหา
    ผู้ใช้บางคนใช้ AI เพื่อข้ามการเรียนรู้
    ทำให้ไม่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับสูงได้จริง

    AI มีผลกระทบต่อการทำงานในหลายด้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานมาก
    เช่น การเขียนโค้ดเบื้องต้น, การออกแบบภาพ, การเขียนบทความทั่วไป
    ช่วยให้คนที่ไม่มีพื้นฐานสามารถสร้างผลงานได้เร็วขึ้น

    https://elroy.bot/blog/2025/07/29/ai-is-a-floor-raiser-not-a-ceiling-raiser.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากบทความ: AI ไม่ได้ยกระดับเพดาน แต่ยกระดับพื้น—ช่วยให้เริ่มต้นง่ายขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เชี่ยวชาญเร็วขึ้น บทความจาก Elroy ชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้ทำให้คนเก่งยิ่งเก่งขึ้น แต่ช่วยให้คนที่ไม่รู้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเรียนรู้ที่เคยมีอุปสรรค เช่น: - ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน - หาทรัพยากรที่เหมาะกับระดับความรู้ของตัวเองไม่ได้ - ติดอยู่กับจุดที่ไม่เข้าใจ แต่ไม่มีใครช่วยอธิบาย AI สามารถตอบคำถามเฉพาะจุดได้ทันที และช่วยทำงานซ้ำ ๆ ให้ ทำให้ผู้เรียนไม่ต้องติดอยู่กับขั้นตอนพื้นฐานนานเกินไป แต่เมื่อพูดถึง “ความเชี่ยวชาญ” หรือ “การเข้าใจลึก” AI กลับยังไม่สามารถช่วยได้มากนัก เพราะข้อมูลที่ AI ถูกฝึกมานั้นมักเป็นเรื่องพื้นฐานหรือความรู้ทั่วไป ไม่ใช่ความรู้ลึกหรือความขัดแย้งทางวิชาการ ✅ AI ช่วยให้ผู้เรียนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น โดยตอบคำถามตามระดับความเข้าใจของแต่ละคน ➡️ ลดอุปสรรคในการเข้าถึงความรู้ ➡️ ทำให้การเรียนรู้ไม่ติดขัดในจุดพื้นฐาน ✅ AI เปลี่ยนรูปแบบของเส้นโค้งการเรียนรู้ โดยทำให้ช่วงเริ่มต้นเร็วขึ้น ➡️ ผู้ใช้สามารถข้ามขั้นตอนที่เคยใช้เวลานาน ➡️ เหมาะกับการเรียนรู้แบบ “ลงมือทำทันที” ✅ AI ยังไม่สามารถช่วยในระดับความเชี่ยวชาญหรือความเข้าใจลึกได้ดี ➡️ ข้อมูลที่ AI ถูกฝึกมามักเป็นเรื่องทั่วไป ➡️ หัวข้อที่ซับซ้อนหรือขัดแย้งยังต้องใช้มนุษย์วิเคราะห์ ✅ การใช้ AI ในการเรียนรู้มีความเสี่ยงเรื่อง “การโกง” เช่น ขอคำตอบโดยไม่เข้าใจเนื้อหา ➡️ ผู้ใช้บางคนใช้ AI เพื่อข้ามการเรียนรู้ ➡️ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับสูงได้จริง ✅ AI มีผลกระทบต่อการทำงานในหลายด้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานมาก ➡️ เช่น การเขียนโค้ดเบื้องต้น, การออกแบบภาพ, การเขียนบทความทั่วไป ➡️ ช่วยให้คนที่ไม่มีพื้นฐานสามารถสร้างผลงานได้เร็วขึ้น https://elroy.bot/blog/2025/07/29/ai-is-a-floor-raiser-not-a-ceiling-raiser.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้

    Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า

    ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย

    ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

    OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก
    ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ
    เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI

    Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด
    เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม
    ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม

    GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง
    ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า

    ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ
    ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้
    ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง

    ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล
    ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง
    ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU

    https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้ Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม ✅ OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก ➡️ ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI ✅ Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด ➡️ เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม ➡️ ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม ✅ GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง ➡️ ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า ✅ ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ ➡️ ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้ ➡️ ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง ✅ ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล ➡️ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง ➡️ ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Startup and Nobel laureate collaborate to create GPU financial exchange
    The world of artificial intelligence is built on computing power, and at the heart of that engine are graphics processing units. These chips are in such high...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “ช่องว่างแห่งความมั่นใจ” ที่อาจทำให้องค์กรพังโดยไม่รู้ตัว

    รายงานจาก Bitdefender และ Darktrace ในปี 2025 เผยให้เห็นช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กับทีมปฏิบัติการด้านไซเบอร์ (security practitioners) อย่างชัดเจน

    - 45% ของ CISO เชื่อว่าระบบขององค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดี
    - แต่มีเพียง 19% ของผู้จัดการระดับกลางที่เห็นด้วย
    - และเมื่อพูดถึงภัยจาก AI มีถึง 62% ของผู้บริหารที่มั่นใจว่าจะรับมือได้ แต่ทีมปฏิบัติการกลับมั่นใจแค่ 49%

    เหตุผลหลักคือ ผู้บริหารมักดูข้อมูลจาก dashboard และรายงานสรุป ในขณะที่ทีมปฏิบัติการต้องรับมือกับความจริงที่ซับซ้อน เช่น ระบบเก่า, การแจ้งเตือนล้นระบบ, และการขาดทรัพยากร

    ผลที่ตามมาคือการลงทุนผิดจุด เช่น เน้น compliance มากกว่าการพัฒนาเครื่องมือรับมือภัยจริง และการประเมินความเสี่ยงที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

    CISO มั่นใจในความปลอดภัยขององค์กรมากกว่าทีมปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ
    45% ของผู้บริหารมั่นใจเทียบกับ 19% ของผู้จัดการระดับกลาง
    ช่องว่างนี้ส่งผลต่อการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน

    ภัยคุกคามจาก AI ถูกประเมินต่ำเกินไปโดยผู้บริหาร
    62% ของผู้บริหารมั่นใจว่าจะรับมือได้
    แต่ทีมปฏิบัติการเห็นว่าระบบยังไม่พร้อม และขาดความเข้าใจใน AI

    ทีมปฏิบัติการเผชิญกับความเครียดจากการแจ้งเตือนล้นระบบและเครื่องมือที่ไม่เชื่อมโยงกัน
    ทำให้มองเห็นปัญหาที่ผู้บริหารไม่เคยสัมผัส
    เช่น legacy systems, alert fatigue, และ policy ที่ไม่สอดคล้องกัน

    การลงทุนมักเน้น compliance และ visibility มากกว่าการพัฒนา core capabilities
    เช่น detection engineering, incident response, threat containment
    ส่งผลให้ระบบไม่พร้อมรับมือภัยจริง

    Darktrace พบว่า 78% ของ CISO เห็นว่า AI มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างมาก
    แต่มีเพียง 42% ของผู้ปฏิบัติการที่เข้าใจว่า AI ในระบบคืออะไร
    ช่องว่างความรู้ทำให้การใช้ AI เพื่อป้องกันภัยยังไม่เต็มประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/4031648/mind-the-overconfidence-gap-cisos-and-staff-dont-see-eye-to-eye-on-security-posture.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “ช่องว่างแห่งความมั่นใจ” ที่อาจทำให้องค์กรพังโดยไม่รู้ตัว รายงานจาก Bitdefender และ Darktrace ในปี 2025 เผยให้เห็นช่องว่างความเข้าใจระหว่างผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กับทีมปฏิบัติการด้านไซเบอร์ (security practitioners) อย่างชัดเจน - 45% ของ CISO เชื่อว่าระบบขององค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ดี - แต่มีเพียง 19% ของผู้จัดการระดับกลางที่เห็นด้วย - และเมื่อพูดถึงภัยจาก AI มีถึง 62% ของผู้บริหารที่มั่นใจว่าจะรับมือได้ แต่ทีมปฏิบัติการกลับมั่นใจแค่ 49% เหตุผลหลักคือ ผู้บริหารมักดูข้อมูลจาก dashboard และรายงานสรุป ในขณะที่ทีมปฏิบัติการต้องรับมือกับความจริงที่ซับซ้อน เช่น ระบบเก่า, การแจ้งเตือนล้นระบบ, และการขาดทรัพยากร ผลที่ตามมาคือการลงทุนผิดจุด เช่น เน้น compliance มากกว่าการพัฒนาเครื่องมือรับมือภัยจริง และการประเมินความเสี่ยงที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ✅ CISO มั่นใจในความปลอดภัยขององค์กรมากกว่าทีมปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ 45% ของผู้บริหารมั่นใจเทียบกับ 19% ของผู้จัดการระดับกลาง ➡️ ช่องว่างนี้ส่งผลต่อการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน ✅ ภัยคุกคามจาก AI ถูกประเมินต่ำเกินไปโดยผู้บริหาร ➡️ 62% ของผู้บริหารมั่นใจว่าจะรับมือได้ ➡️ แต่ทีมปฏิบัติการเห็นว่าระบบยังไม่พร้อม และขาดความเข้าใจใน AI ✅ ทีมปฏิบัติการเผชิญกับความเครียดจากการแจ้งเตือนล้นระบบและเครื่องมือที่ไม่เชื่อมโยงกัน ➡️ ทำให้มองเห็นปัญหาที่ผู้บริหารไม่เคยสัมผัส ➡️ เช่น legacy systems, alert fatigue, และ policy ที่ไม่สอดคล้องกัน ✅ การลงทุนมักเน้น compliance และ visibility มากกว่าการพัฒนา core capabilities ➡️ เช่น detection engineering, incident response, threat containment ➡️ ส่งผลให้ระบบไม่พร้อมรับมือภัยจริง ✅ Darktrace พบว่า 78% ของ CISO เห็นว่า AI มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างมาก ➡️ แต่มีเพียง 42% ของผู้ปฏิบัติการที่เข้าใจว่า AI ในระบบคืออะไร ➡️ ช่องว่างความรู้ทำให้การใช้ AI เพื่อป้องกันภัยยังไม่เต็มประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/4031648/mind-the-overconfidence-gap-cisos-and-staff-dont-see-eye-to-eye-on-security-posture.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Mind the overconfidence gap: CISOs and staff don’t see eye to eye on security posture
    Security executives may be prone to believing cyber defenses are stronger than front-line staff see them to be, thereby distorting spending priorities and creating a false sense of security.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง)

    สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส

    แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง

    อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา

    ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ

    ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว

    แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา

    บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา

    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่

    พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ)

    อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ

    ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม

    พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว

    อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว

    นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่)

    กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ

    ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้

    ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา

    รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ

    พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ

    เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา

    ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ!

    อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง)

    ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก

    เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ

    นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้

    แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่

    เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ…


    คนเล่านิทาน
    การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง) สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่ พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ) อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่) กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ! อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง) ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้ แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ… คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน3 ประชาชนก็ได้แต่ฝากความหวัง ไว้กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ เราเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนมีสิทธิ มีเสียง ในการบริหารบ้านเมือง ตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475ปี พ.ศ.2475 เมื่อคณะราษฎร์ ทำการปฏิวัติฯ พระยาพหลพลพยุหเสนา ประกาศที่ลานพระรูปว่า ต่อ ไปนี้ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตย ปกครองโดยรัฐธรรมนูญ …ชาวบ้านที่มาชุมนุมที่ลานพระรูป ได้ยินพระยาพหลฯประกาศดังนั้น ก็พากันมึน หันมามองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วถามว่า รัฐธรรมนูญเป็นใคร ลูกคนโตของพระยาพหลฯ เหรอ…ฮาจริงๆแต่คิดดีๆ แล้วขำไม่ออกนะครับ ต่างอะไรกับที่หุ่นยนตร์ฝังชิพรุ่นทุนนิยมสมัยนี้ ที่ร้องเรียกหาประชา ธิปไตย ไม่รู้ว่าถูกนักการเมืองทั้งไทยและฝรั่ง หลอกต้มอยู่อาหรับสปริง ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ ซีเรีย ตุรกีรวมถึงอิรัก อัฟกานิสถาน ได้อะไรจากการเรียกร้องประชาธิปไตย ตามการกำกับของนักล่าทรัพยากรบ้างจนบัดนี้อียิปต์ยังประท้วงกันไม่เสร็จ จากประเทศที่เคยอยู่ได้ เพราะมีรายได้จากการท่องเที่ยว ตอนนี้อาจต้องแถมเงินให้ไปเที่ยวแทนอิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ซีเรีย อุดมไปด้วยน้ำมัน ถ้าเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง หรือเลี้ยงแต่อูฐ ปลูกแครอต เหล่านักล่าทรัพยากรจะเข้าไปยุ่งไหมอย่าลืมอาฟริกาที่อุดมด้วยเพชร ทอง แร่ธาตุสารพัด เหล่านักล่าทรัพยากร ก็เข้าไปต้มเขามาตั้งแต่ร้อยปีก่อน หลอกให้เขาให้สัมปทานราคาถูกๆ นักการเมืองก็แบมือรับหัวคิวที่เขาเขี่ยๆ ให้ เดี๋ยวนี้ประเทศเหล่านั้นก็ยังมีพลเมืองอดอยากมากมาย แต่นักล่าทรัพยากรก็กระเป๋าตุ่ย เดินเบ่งกล้ามกันเป็นแถวเราไม่เคยเรียนรู้กันเลยหรือ เขาต้มเรามาตลอด หลอกตั้งแต่เข้ามาทำการสำรวจ ทำแผนพัฒนา ผ่านไปเกือบ 60 ปี ไทยแลนด์ก็เปลี่ยนจากคนรวย ก็เป็นคน “เคย” รวยดินแดนสุวรรณภูมิ คนโบราณท่านไม่ได้เรียกกันอย่างเลื่อนลอย ความเป็นจริงเรายังมีทรัพยากรซ่อนอยู่ พวกนักล่ามันก็รู้ ดาวเทียมของเขา ไม่ได้ใช้ลอยเล่นแบบโคมลอยวันลอยกระทงนี่ มันส่องมันถ่ายดูเราจนทะลุปรุโปร่งหมดเกลี้ยงแล้วเวลาอาบน้ำระวังหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวโป๊ (ฮา)ทุกวันนี้ นักล่าโผล่หัวเข้ามาขุดน้ำมันในบ้านเรากี่ราย ราคาน้ำมันบ้านเราแพงกว่าเพื่อนบ้านเท่าไหร่ เคยสน ใจกันไหม หรือมัวแต่ดูละครน้ำเน่าทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ไม่ใช่คำคนโบราณพูดเล่น คนรุ่นปัจจุบันต่างหาก เอาแต่เดินเล่นในห้าง ดูหนังดูละครไปวันๆ ไม่เคยสนใจอะไรเกินกว่าที่เห็นในกระจกส่องหน้า กับโทรศัพท์ มือถือรุ่นวิเศษ ที่ทำได้ทุกอย่าง แม้ กระทั่งจารกรรมประเทศตัวเองเดี๋ยวนี้ที่ดินของเรา ผืนแผ่นดินไทยตกอยู่ในมือต่างชาติ โดยตรงและโดยอ้อมเป็นจำนวนหนึ่งในสามของที่ดินทั้งหมดแล้วนะ แม้จะมีกฎหมายห้าม แต่ก็มีอีนอ นอมินี ถือแทนให้ …พวกอีนอทั้งหลายนี่แหละ ตัวดีขายชาติ อีกหน่อยพวกเราชาวไทยทั้งหลาย ไม่แคล้วต้องอาศัยอยู่ในที่ดิน ที่มีต่างชาติเป็นเจ้าของ แต่เป็นผืนแผ่นดินที่อยู่ในแผนที่ประเทศไทย เข้าใจไหม.. เริ่มตื่นเต้นกันบ้างหรือยังยังไม่ตื่นเต้นเหรอ เอ้า ถ้างั้นปลุกต่อมเฉื่อยต่อไม่ใช่แค่ที่อาศัยอยู่นะ ถ้าที่ดินเหล่านั้น เป็นไร่ เป็นนา แหล่งน้ำ ปศุสัตว์ที่เราเคยอาศัยอยู่ อาศัยใช้ อาศัยกิน ระหว่างคนไทยด้วยกัน ต่อนี้ไป เราก็อาจต้องซื้อจากเขา… เขาไหน…ก็เขาต่างชาติที่เป็นเจ้า ของกิจการในบ้านของเราไง แล้วแต่เขาจะกำหนดกฎเกณฑ์ต่อไปคนไทยอาจต้องยืนเข้าคิวซื้อข้าวจากต่างชาติ ในประเทศของเราก็ได้ สงสัยตอนนั้นยังจะเป็นประเทศไทยของเราอยู่หรือเปล่านะเอ๊ะ แล้วนักการเมืองหายหัวไปไหนหมด เราเลือกเขามาตามประชาธิปไตยนะ เขาต้องดูแลให้เราสิจ้ะถูกต้องแล้วคร้าบ เขาว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง เราเลือกเขาเข้ามาทำหน้าที่ในสภา ตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งกันอยู่ เรื่องจะแก้รัฐธรรมนูญ (ลูกคนโตของพระยาพหลฯ)แล้วที่เขาจะแก้ จะแก้กันน่ะ มันเป็นประโยชน์กับปากท้อง ที่ทำกิน ฯลฯ ของพวกเราบ้างไหมนะ สงสัยต้องไปถามหาจากลูกพระยาพหลฯ !!!!(ขออำไพครับ วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องนิรโทษกรรม เพราะเล่านิทานเรื่องจิ๊กโก๋๋ปากซอย มันยังไม่เกี่ยวกันโดย ตรง แต่ใช่ว่า ไม่เกี่ยวกัน ติดตามอ่านไปก่อนนะครับ เดี๋ยวก็รู้เองว่า เกี่ยวกันอย่างไร)คนเล่านิทาน
    ตอน3 ประชาชนก็ได้แต่ฝากความหวัง ไว้กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ เราเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนมีสิทธิ มีเสียง ในการบริหารบ้านเมือง ตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475ปี พ.ศ.2475 เมื่อคณะราษฎร์ ทำการปฏิวัติฯ พระยาพหลพลพยุหเสนา ประกาศที่ลานพระรูปว่า ต่อ ไปนี้ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตย ปกครองโดยรัฐธรรมนูญ …ชาวบ้านที่มาชุมนุมที่ลานพระรูป ได้ยินพระยาพหลฯประกาศดังนั้น ก็พากันมึน หันมามองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วถามว่า รัฐธรรมนูญเป็นใคร ลูกคนโตของพระยาพหลฯ เหรอ…ฮาจริงๆแต่คิดดีๆ แล้วขำไม่ออกนะครับ ต่างอะไรกับที่หุ่นยนตร์ฝังชิพรุ่นทุนนิยมสมัยนี้ ที่ร้องเรียกหาประชา ธิปไตย ไม่รู้ว่าถูกนักการเมืองทั้งไทยและฝรั่ง หลอกต้มอยู่อาหรับสปริง ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ ซีเรีย ตุรกีรวมถึงอิรัก อัฟกานิสถาน ได้อะไรจากการเรียกร้องประชาธิปไตย ตามการกำกับของนักล่าทรัพยากรบ้างจนบัดนี้อียิปต์ยังประท้วงกันไม่เสร็จ จากประเทศที่เคยอยู่ได้ เพราะมีรายได้จากการท่องเที่ยว ตอนนี้อาจต้องแถมเงินให้ไปเที่ยวแทนอิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ซีเรีย อุดมไปด้วยน้ำมัน ถ้าเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง หรือเลี้ยงแต่อูฐ ปลูกแครอต เหล่านักล่าทรัพยากรจะเข้าไปยุ่งไหมอย่าลืมอาฟริกาที่อุดมด้วยเพชร ทอง แร่ธาตุสารพัด เหล่านักล่าทรัพยากร ก็เข้าไปต้มเขามาตั้งแต่ร้อยปีก่อน หลอกให้เขาให้สัมปทานราคาถูกๆ นักการเมืองก็แบมือรับหัวคิวที่เขาเขี่ยๆ ให้ เดี๋ยวนี้ประเทศเหล่านั้นก็ยังมีพลเมืองอดอยากมากมาย แต่นักล่าทรัพยากรก็กระเป๋าตุ่ย เดินเบ่งกล้ามกันเป็นแถวเราไม่เคยเรียนรู้กันเลยหรือ เขาต้มเรามาตลอด หลอกตั้งแต่เข้ามาทำการสำรวจ ทำแผนพัฒนา ผ่านไปเกือบ 60 ปี ไทยแลนด์ก็เปลี่ยนจากคนรวย ก็เป็นคน “เคย” รวยดินแดนสุวรรณภูมิ คนโบราณท่านไม่ได้เรียกกันอย่างเลื่อนลอย ความเป็นจริงเรายังมีทรัพยากรซ่อนอยู่ พวกนักล่ามันก็รู้ ดาวเทียมของเขา ไม่ได้ใช้ลอยเล่นแบบโคมลอยวันลอยกระทงนี่ มันส่องมันถ่ายดูเราจนทะลุปรุโปร่งหมดเกลี้ยงแล้วเวลาอาบน้ำระวังหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวโป๊ (ฮา)ทุกวันนี้ นักล่าโผล่หัวเข้ามาขุดน้ำมันในบ้านเรากี่ราย ราคาน้ำมันบ้านเราแพงกว่าเพื่อนบ้านเท่าไหร่ เคยสน ใจกันไหม หรือมัวแต่ดูละครน้ำเน่าทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ไม่ใช่คำคนโบราณพูดเล่น คนรุ่นปัจจุบันต่างหาก เอาแต่เดินเล่นในห้าง ดูหนังดูละครไปวันๆ ไม่เคยสนใจอะไรเกินกว่าที่เห็นในกระจกส่องหน้า กับโทรศัพท์ มือถือรุ่นวิเศษ ที่ทำได้ทุกอย่าง แม้ กระทั่งจารกรรมประเทศตัวเองเดี๋ยวนี้ที่ดินของเรา ผืนแผ่นดินไทยตกอยู่ในมือต่างชาติ โดยตรงและโดยอ้อมเป็นจำนวนหนึ่งในสามของที่ดินทั้งหมดแล้วนะ แม้จะมีกฎหมายห้าม แต่ก็มีอีนอ นอมินี ถือแทนให้ …พวกอีนอทั้งหลายนี่แหละ ตัวดีขายชาติ อีกหน่อยพวกเราชาวไทยทั้งหลาย ไม่แคล้วต้องอาศัยอยู่ในที่ดิน ที่มีต่างชาติเป็นเจ้าของ แต่เป็นผืนแผ่นดินที่อยู่ในแผนที่ประเทศไทย เข้าใจไหม.. เริ่มตื่นเต้นกันบ้างหรือยังยังไม่ตื่นเต้นเหรอ เอ้า ถ้างั้นปลุกต่อมเฉื่อยต่อไม่ใช่แค่ที่อาศัยอยู่นะ ถ้าที่ดินเหล่านั้น เป็นไร่ เป็นนา แหล่งน้ำ ปศุสัตว์ที่เราเคยอาศัยอยู่ อาศัยใช้ อาศัยกิน ระหว่างคนไทยด้วยกัน ต่อนี้ไป เราก็อาจต้องซื้อจากเขา… เขาไหน…ก็เขาต่างชาติที่เป็นเจ้า ของกิจการในบ้านของเราไง แล้วแต่เขาจะกำหนดกฎเกณฑ์ต่อไปคนไทยอาจต้องยืนเข้าคิวซื้อข้าวจากต่างชาติ ในประเทศของเราก็ได้ สงสัยตอนนั้นยังจะเป็นประเทศไทยของเราอยู่หรือเปล่านะเอ๊ะ แล้วนักการเมืองหายหัวไปไหนหมด เราเลือกเขามาตามประชาธิปไตยนะ เขาต้องดูแลให้เราสิจ้ะถูกต้องแล้วคร้าบ เขาว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง เราเลือกเขาเข้ามาทำหน้าที่ในสภา ตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งกันอยู่ เรื่องจะแก้รัฐธรรมนูญ (ลูกคนโตของพระยาพหลฯ)แล้วที่เขาจะแก้ จะแก้กันน่ะ มันเป็นประโยชน์กับปากท้อง ที่ทำกิน ฯลฯ ของพวกเราบ้างไหมนะ สงสัยต้องไปถามหาจากลูกพระยาพหลฯ !!!!(ขออำไพครับ วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องนิรโทษกรรม เพราะเล่านิทานเรื่องจิ๊กโก๋๋ปากซอย มันยังไม่เกี่ยวกันโดย ตรง แต่ใช่ว่า ไม่เกี่ยวกัน ติดตามอ่านไปก่อนนะครับ เดี๋ยวก็รู้เองว่า เกี่ยวกันอย่างไร)คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาเดินเกมอันตราย! เปิดฉากเจรจากลาโหมสหรัฐฯ สวนทางความสัมพันธ์กับจีน ท่ามกลางศึกชายแดนไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/20666/
    .
    #ไทยไทด้วย #ฮุนเซน #กัมพูชา #สหรัฐอเมริกา #จีน #สงครามชายแดน #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก #ทรัพยากรน้ำมัน #ความมั่นคงภูมิภาค

    กัมพูชาเดินเกมอันตราย! เปิดฉากเจรจากลาโหมสหรัฐฯ สวนทางความสัมพันธ์กับจีน ท่ามกลางศึกชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/20666/ . #ไทยไทด้วย #ฮุนเซน #กัมพูชา #สหรัฐอเมริกา #จีน #สงครามชายแดน #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก #ทรัพยากรน้ำมัน #ความมั่นคงภูมิภาค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยกเลิกmou43และ44

    #ผบ.ทบ.สูงสุดต้องตัดสินใจเด็ดขาดเข้ายึดอำนาจทันที.

    ..เขมรและcia บวกฝรั่งเทาจีนเทาจีนนอกเครื่องแบบฝรั่งนอกเครื่องแบบกำลังปกป้องเขมรหนุนเขมรยึดไทยและสร้างนอมินีสถานที่สงครามตัวแทนในภูมิภาคนี้ด้วยมิให้สุขสงบได้,วิธีเดียวจะตัดตอนปัญหานี้ได้ คือศาลที่ดำเนินคดีทักษิณ ดำเนินคดีอุ๊งอิ๊งคลิปเสียงนั้น ตลอดสส.สว.ฮั่วอะไรทั้งหมดต้องจบต้นเดือนสิงหานี้หากลากยาวแสดงว่าไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้อีกทั้งระบบ,ทหารไทยเราต้องสูญเสียขีวิตพิการไม่สูญเปล่าตลอดเด็กๆประชาชนผู้บริสุทธิ์เราต้องสูญเสียชีวิตไม่สูญเปล่าต้องยึดอำนาจทั้งระบบสถานืเดียว,ตัดสินตรวจสอบสืบสวนลงโทษทันทีที่เป็นภัยต่ออธิปไตยชาติและความไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่ของคนในระบบทั้งหมดต้องถูกกำจัดอย่างจริงจังทันทีโดยอำนาจกฎอัยการศึกทางทหารที่เด็ดขาดเพื่อประกอบการปกป้องรักษาแผ่นดินไทยปกป้องคุ้มครองความมั่นคงสงบสุขต่อประชาชนคนไทยและอธิปไตยชาติไทยสูงสุด,จะมาปาหี่ใดๆไม่ได้อีกต่อไป,ต่างชาติทั้งหมดกำลังขาติภูมิภาคไทยนี้เป็นฐานสงครามโลกแต่คนในระบบกลับละเลยประมาทเลินเล่อไม่ใส่ใจสนใจต่อภัยที่จะมาถึงจริงจัง คนทรยศชาติไทยมิอาจไม่กำจัดให้เด็ดขาดได้แล้ว,

    ..ในส่วนเขมรเมื่อเป็นหมากเดินการคุกคามรุกรานไทยด้วยต้องเด็ดขาดเด็ดหัวอาชญากรสงครามนี้ที่กระทำต่อไทยทันทีห้ามการเจรจานับจากนี้อีกเพราะไร้สัจจะใดๆแล้วมิอาจไว้วางใจได้และคือการปะทะสองประเทศชาติอื่นๆห้ามมายุ่ง,ต้องเด็ดหัวฮุนเซนและฮุนมาเนตทันทีในเวลาเพื่อยึดประเทศเขมรทั้งหมดปกป้องทั้งภูมิภาคอาเชียนจากการใช้เป็นฐานฝรั่งฐานอเมริกาฐานจีนด้วย,มิให้เป็นเขตร่วมสงครามโลกระหว่างอเมริกาและจีน,

    ..ไทยต้องเป็นผู้นำอาเชียนสั่งการทั้งอาเชียนทั้งหมดทันที,มาเลย์ไม่เป็นที่ไว้วางใจในการเป็นประธานและผู้นำอาเชียนแล้ว,รัฐบาลไทยปัจจุบันก็สิ้นสถานะน่าเชื่อถือในการร่วมปกป้องอธิปไตยชาติไทยด้วย จากคลิปทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราที่คุยกับฮุนเซนถือว่าเป็นข้อหากบฎเข้าด้วยฝ่ายศัตรูที่เป็นสงครามจริงในขณะนี้ด้วย,

    ...ผบ.สูงสุดผู้บังคับบัญชาการทหารทั้งประเทศเป็นผู้มีอำนาจประสานงานเพื่อกระทำการยึดอำนาจรัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราคือฮุนเซนต้องร่วมกับคณะทั้งหมดทั่วประเทศในผบ.สูงสุดทุกๆเหล่า ต้องตัดสินใจจริงจังขั้นเด็ดขาดจริงๆยื่นมือเข้าจัดการกำจัดตัดตอนรัฐบาลขายชาตินี้ขั้นเด็ดขาด,ยิ่งนานวันประชาชนคนไทยและทั้งอาเชียนจะเดือดร้อนไปหมด,เราประเทศไทยเท่านั้นจะนำพาคนไทยและคนทั้งอาเชียนเราพ้นจากหายนะวิกฤติมหาภัยสงครามโลกครั้งที่3นี้ได้,มองข้ามฮุนเซนฮุนมาเนตทันทีเพราะไทยเด็ดหัวกำจัดภัยอาเชียนได้พริบตา, เมื่อเรายึดเขมรปกครองเขมรได้,จะลดความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ทันที,ciaอเมริกาจะสั่งงานสั่งการผ่านฮุนเซนไม่ได้อีก,สั่งงานสั่งการผ่านรัฐบาลไทยขายชาตินี้ไม่ได้อีก,การแทรกแซงในบริเวณอาเชียนจะยุติลงอีกนาน,จากนั้นจะตกลงเป็นเอกฉันท์ว่าประเทศใดในอาเชียนเราจะสนับสนุนใครอิสระเสรีในสงครามโลกที่จะเกิดแน่นอนแล้ว,ประเทศใดในอาเชียนจะลงนามข้อตกลงเป็นกลางก็มาเซ็นสัญญานี้ทันที เช่นไทยยึดเขมรปกครองเด็ดขาดได้แล้ว จะแบ่งพื้นที่ให้ลาวออกทะเลได้ก็ตาม จะแบ่งเวียดนามในพื้นที่เขมรนี้ด้วยก็ตาม, ไทย ลาว เวียดนาม ลงนามในสัญญาว่าจะเป็นกลางมิให้ใครใช้เป็นฐานทัพเพื่อทำสงครามโลกกับจีนในอนาคต,หรือพม่าด้วย เแ็นต้น จะเกิดความชัดเจนในทันที,มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์จะร่วมกับอเมริกาเป็นฐานทัพโจมตีจีนก็ชั่ง เป็นต้น เราจะแยกชัดเจนปกป้องภูมิภาคนี้ได้ประเทศเราในอาเชียนได้, เขมรถ้าใฝ่ฝ่ายจีนหรือเข้าด้วยอเมริกา หายนะจะมาเยือนไทยด้วยนั้นเอง และมารุกรานหมายยึดแดนดินไทยด้วยยิ่งอันตราย สมคบคิดกับฝรั่งชาตินอกอาเชียนหรือทำอาเชียนและขณะทำชาติไทยไม่ให้สงบถือว่าเป็นภัยคุกคามต่ออาเชียนด้วยต่อไทยด้วยและตอนนี้เป็นอาชญากรสงครามต่อไทยชัดเจนไม่สามารถเจรจาได้ เป็นโจรนั้นเอง,ต้องถูกลงโทษ,อเมริกานำโดยทรัมป์ทำไม่ถูกต้อง,ปกป้องโจรที่ก่ออาชญากรรมต่อไทยฆ่าผู้บริสุทธิ์คือเด็กๆและประชาชนเราอย่างเจตนาจงใจชัดเจนแต่อาชญากรกลับไม่ถูกลงโทษติดคุกประหารชีวิตอะไรเลยด้วย,ต่างจากอเมริกา บินลาเดนฆ่าผู้บริสุทธิ์อเมริกาด้วยจงใจเจตนาเหมือนกันกลับไล่ล่าบินลาเดนอย่างบ้าคลั่งทั้งในประเทศนั้นๆที่บินลาเดนหลบซ่อนอยู่ตั้งข้อหาอาชญากรได้,ซัดดัมอีรักก็ด้วย กล่าวหาโดยไม่พบหลักฐานแบบบินลาเดน,ยังอาสากำจัดซัดดัมในประเทศอีรักเสียเอง,ทรัมป์นำโดยอเมริกาสมควรเป็นชาติหายนะภัยของโลกไร้ความเป็นธรรมอะไรจริง,หมายตั้งใจทำสงครามกับจีนอีก,เข้าปล้นชิงยึดชิงทรัพยากรมากมายจากประเทศเล็กๆทั่วโลกเป็นอันธพาลโลกชัดเจนกระทำการเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ตนเองเท่านั่น,หากสภากาแล็กติกมีจริงต้องลงโทษทรัมป์และปลดออกจากการเป็นผู้นำผิวโลกทันที,ทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อภาระกิจในนามอเมริกาที่ฝ่ายแสงปราถนานักต้องการปกป้องอเมริกากลับมาแดกโลกแบบเดิมอีกครั้งใช่หรือไม่,ทรัมป์ไม่กำจัดฝ่ายมืดในไทยจริงด้วย,กำจัดฝ่ายชั่วเลวสาระพัดฮับdeep stateในเขมรจริงจังด้วย,ไม่อาศัยไทยเข้ากำจัดกวาดล้างฮับฝ่ายมืดในเขมรจริงจังด้วย,เสียของมาก,เสมือนทรัมป์เป็นฝ่ายมืดปกป้องฝ่ายมืดชัดเจนนั้นเอง เช่นนั้นอเมริกาต้องถูกยานแม่สภากาแล็คติกเข้าทำลายหรือลงมาปฏิบัติการจริงด้วยตนเองนั้นเอง,เขาทรยศสภาแล้วนั้นเอง.,ciaทรัมป์ก็ไม่กำจัดจริง UNก็คงไว้ แทรกซึมแทรกแซงประเทศไทยทางชั่วเลวเหมือนเดิม,อเมริกาสมควรล่มสลายในยุคปัจจุบันรวมทั้งจีนก็ด้วยหากสนับสนุนเขมรด้านอาวุธเพื่อรุกรานประเทศไทย,อยู่ร่วมกันดีๆบนผิวโลกไม่เป็น,จีนสมควรถูกยานแม่เข้าทำลายทั้งประเทศเช่นกัน,ประเทศใดบนโลกเจตนาสร้างความไม่สงบสุข สภากาแล็คติกแทรกแซงและเข้าทำลายประเทศนั้นๆทันทีในมติสภาฝ่ายแสงนั้น,หรือดูดพลเมืองนั้นย้ายไปดวงดาวแห่งสงครามทั้งหมดที่มีจริตนิสัยสันดานชอบสถานะนั้น,ยุคสมัยต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆและในทางที่ดีขึ้นมิใช่ใช้ความล้ำสมัยเพื่อรุกรานคุกคามประเทศอื่นหรือมีอาวุธเพื่อรุกรานคุกคามชาติอื่นแบบเขมรรุกรานไทยที่ชัดเจน,หูตาอเมริกาจีนรัสเชียหากรับรู้ค่าจริงความจริงไม่ได้ก็สั่งปลดจากภาระกิจผู้นำผิวโลกเสียถ้ามีจริง.


    ..ทหารไทยผบ.ทบ.สูงสุดท่านต้องลงมือปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดจริงๆต้องยึดอำนาจทางการปกครองจากรัฐบาลชุดแพ้การเลือกตั้งนี้แค่ส้มหล่นเท่านั้นไม่สมควรเป็นรัฐบาลแต่ต้นแล้ว มีขี้มีมูลความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักฐานประจักษ์ชัดจากอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรกของพรรคหลักรัฐบาลนี้,

    ..หากผบ.ทบสูงสุดไม่ยื่นมือเด็ดขาดตัดตอนการมีอำนาจของรัฐบาลชุดนี้ที่ส่อแววมากมายที่แสดงเจตนาชัดเจนให้ประชาชนทั้งประเทศรับรู้รู้สึกถึงในความไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการกระทำกิจกรรมเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติจนเห็นพร้อมกันเป็นส่วนใหญ่ฝักใฝ่ฝ่ายศัตรูสมยอมอ่อนตามไปกับศัตรูภัยรุกรานคุกคามต่อประเทศไทยชัดเจนแล้วขนาดนี้,เป็นภัยชัดเจนต่อประเทศชาติอธิปไตยชาติเตะถ่วงเวลากิจกรรมวิถีดำเนินงานทางราชการทางรัฐบาลที่ต้องเท่าทันศัตรูภัยคุกคามของชาติไทยแต่หาทำเต็มที่จริงถึงที่สุดไม่ผิดวิสัยคนปกติทั่วไปธรรมดาแม้แสดงออกก็มากมากเกินกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้เห็นเป็นตัวอย่างให้ดีกว่าอีก,ภาวะผู้นำของรัฐบาลนี้ถือว่าล้มเหลวทุกๆมิติ อยู่ไปก็เป็นไปสร้างแต่ความหายนะต่อชาติบ้านเมืองไทยเป็นที่แน่นอนแล้ว,

    ..ผบ.ทบ.สูงสุดต้องตัดสินใจเด็ดขาดเข้ายึดอำนาจทันทีจริงๆ.

    https://youtube.com/watch?v=uy1-Waedwz0&si=bI2eKfbWzVNHNUG5
    #ยกเลิกmou43และ44 #ผบ.ทบ.สูงสุดต้องตัดสินใจเด็ดขาดเข้ายึดอำนาจทันที. ..เขมรและcia บวกฝรั่งเทาจีนเทาจีนนอกเครื่องแบบฝรั่งนอกเครื่องแบบกำลังปกป้องเขมรหนุนเขมรยึดไทยและสร้างนอมินีสถานที่สงครามตัวแทนในภูมิภาคนี้ด้วยมิให้สุขสงบได้,วิธีเดียวจะตัดตอนปัญหานี้ได้ คือศาลที่ดำเนินคดีทักษิณ ดำเนินคดีอุ๊งอิ๊งคลิปเสียงนั้น ตลอดสส.สว.ฮั่วอะไรทั้งหมดต้องจบต้นเดือนสิงหานี้หากลากยาวแสดงว่าไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้อีกทั้งระบบ,ทหารไทยเราต้องสูญเสียขีวิตพิการไม่สูญเปล่าตลอดเด็กๆประชาชนผู้บริสุทธิ์เราต้องสูญเสียชีวิตไม่สูญเปล่าต้องยึดอำนาจทั้งระบบสถานืเดียว,ตัดสินตรวจสอบสืบสวนลงโทษทันทีที่เป็นภัยต่ออธิปไตยชาติและความไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่ของคนในระบบทั้งหมดต้องถูกกำจัดอย่างจริงจังทันทีโดยอำนาจกฎอัยการศึกทางทหารที่เด็ดขาดเพื่อประกอบการปกป้องรักษาแผ่นดินไทยปกป้องคุ้มครองความมั่นคงสงบสุขต่อประชาชนคนไทยและอธิปไตยชาติไทยสูงสุด,จะมาปาหี่ใดๆไม่ได้อีกต่อไป,ต่างชาติทั้งหมดกำลังขาติภูมิภาคไทยนี้เป็นฐานสงครามโลกแต่คนในระบบกลับละเลยประมาทเลินเล่อไม่ใส่ใจสนใจต่อภัยที่จะมาถึงจริงจัง คนทรยศชาติไทยมิอาจไม่กำจัดให้เด็ดขาดได้แล้ว, ..ในส่วนเขมรเมื่อเป็นหมากเดินการคุกคามรุกรานไทยด้วยต้องเด็ดขาดเด็ดหัวอาชญากรสงครามนี้ที่กระทำต่อไทยทันทีห้ามการเจรจานับจากนี้อีกเพราะไร้สัจจะใดๆแล้วมิอาจไว้วางใจได้และคือการปะทะสองประเทศชาติอื่นๆห้ามมายุ่ง,ต้องเด็ดหัวฮุนเซนและฮุนมาเนตทันทีในเวลาเพื่อยึดประเทศเขมรทั้งหมดปกป้องทั้งภูมิภาคอาเชียนจากการใช้เป็นฐานฝรั่งฐานอเมริกาฐานจีนด้วย,มิให้เป็นเขตร่วมสงครามโลกระหว่างอเมริกาและจีน, ..ไทยต้องเป็นผู้นำอาเชียนสั่งการทั้งอาเชียนทั้งหมดทันที,มาเลย์ไม่เป็นที่ไว้วางใจในการเป็นประธานและผู้นำอาเชียนแล้ว,รัฐบาลไทยปัจจุบันก็สิ้นสถานะน่าเชื่อถือในการร่วมปกป้องอธิปไตยชาติไทยด้วย จากคลิปทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราที่คุยกับฮุนเซนถือว่าเป็นข้อหากบฎเข้าด้วยฝ่ายศัตรูที่เป็นสงครามจริงในขณะนี้ด้วย, ...ผบ.สูงสุดผู้บังคับบัญชาการทหารทั้งประเทศเป็นผู้มีอำนาจประสานงานเพื่อกระทำการยึดอำนาจรัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราคือฮุนเซนต้องร่วมกับคณะทั้งหมดทั่วประเทศในผบ.สูงสุดทุกๆเหล่า ต้องตัดสินใจจริงจังขั้นเด็ดขาดจริงๆยื่นมือเข้าจัดการกำจัดตัดตอนรัฐบาลขายชาตินี้ขั้นเด็ดขาด,ยิ่งนานวันประชาชนคนไทยและทั้งอาเชียนจะเดือดร้อนไปหมด,เราประเทศไทยเท่านั้นจะนำพาคนไทยและคนทั้งอาเชียนเราพ้นจากหายนะวิกฤติมหาภัยสงครามโลกครั้งที่3นี้ได้,มองข้ามฮุนเซนฮุนมาเนตทันทีเพราะไทยเด็ดหัวกำจัดภัยอาเชียนได้พริบตา, เมื่อเรายึดเขมรปกครองเขมรได้,จะลดความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ทันที,ciaอเมริกาจะสั่งงานสั่งการผ่านฮุนเซนไม่ได้อีก,สั่งงานสั่งการผ่านรัฐบาลไทยขายชาตินี้ไม่ได้อีก,การแทรกแซงในบริเวณอาเชียนจะยุติลงอีกนาน,จากนั้นจะตกลงเป็นเอกฉันท์ว่าประเทศใดในอาเชียนเราจะสนับสนุนใครอิสระเสรีในสงครามโลกที่จะเกิดแน่นอนแล้ว,ประเทศใดในอาเชียนจะลงนามข้อตกลงเป็นกลางก็มาเซ็นสัญญานี้ทันที เช่นไทยยึดเขมรปกครองเด็ดขาดได้แล้ว จะแบ่งพื้นที่ให้ลาวออกทะเลได้ก็ตาม จะแบ่งเวียดนามในพื้นที่เขมรนี้ด้วยก็ตาม, ไทย ลาว เวียดนาม ลงนามในสัญญาว่าจะเป็นกลางมิให้ใครใช้เป็นฐานทัพเพื่อทำสงครามโลกกับจีนในอนาคต,หรือพม่าด้วย เแ็นต้น จะเกิดความชัดเจนในทันที,มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์จะร่วมกับอเมริกาเป็นฐานทัพโจมตีจีนก็ชั่ง เป็นต้น เราจะแยกชัดเจนปกป้องภูมิภาคนี้ได้ประเทศเราในอาเชียนได้, เขมรถ้าใฝ่ฝ่ายจีนหรือเข้าด้วยอเมริกา หายนะจะมาเยือนไทยด้วยนั้นเอง และมารุกรานหมายยึดแดนดินไทยด้วยยิ่งอันตราย สมคบคิดกับฝรั่งชาตินอกอาเชียนหรือทำอาเชียนและขณะทำชาติไทยไม่ให้สงบถือว่าเป็นภัยคุกคามต่ออาเชียนด้วยต่อไทยด้วยและตอนนี้เป็นอาชญากรสงครามต่อไทยชัดเจนไม่สามารถเจรจาได้ เป็นโจรนั้นเอง,ต้องถูกลงโทษ,อเมริกานำโดยทรัมป์ทำไม่ถูกต้อง,ปกป้องโจรที่ก่ออาชญากรรมต่อไทยฆ่าผู้บริสุทธิ์คือเด็กๆและประชาชนเราอย่างเจตนาจงใจชัดเจนแต่อาชญากรกลับไม่ถูกลงโทษติดคุกประหารชีวิตอะไรเลยด้วย,ต่างจากอเมริกา บินลาเดนฆ่าผู้บริสุทธิ์อเมริกาด้วยจงใจเจตนาเหมือนกันกลับไล่ล่าบินลาเดนอย่างบ้าคลั่งทั้งในประเทศนั้นๆที่บินลาเดนหลบซ่อนอยู่ตั้งข้อหาอาชญากรได้,ซัดดัมอีรักก็ด้วย กล่าวหาโดยไม่พบหลักฐานแบบบินลาเดน,ยังอาสากำจัดซัดดัมในประเทศอีรักเสียเอง,ทรัมป์นำโดยอเมริกาสมควรเป็นชาติหายนะภัยของโลกไร้ความเป็นธรรมอะไรจริง,หมายตั้งใจทำสงครามกับจีนอีก,เข้าปล้นชิงยึดชิงทรัพยากรมากมายจากประเทศเล็กๆทั่วโลกเป็นอันธพาลโลกชัดเจนกระทำการเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ตนเองเท่านั่น,หากสภากาแล็กติกมีจริงต้องลงโทษทรัมป์และปลดออกจากการเป็นผู้นำผิวโลกทันที,ทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อภาระกิจในนามอเมริกาที่ฝ่ายแสงปราถนานักต้องการปกป้องอเมริกากลับมาแดกโลกแบบเดิมอีกครั้งใช่หรือไม่,ทรัมป์ไม่กำจัดฝ่ายมืดในไทยจริงด้วย,กำจัดฝ่ายชั่วเลวสาระพัดฮับdeep stateในเขมรจริงจังด้วย,ไม่อาศัยไทยเข้ากำจัดกวาดล้างฮับฝ่ายมืดในเขมรจริงจังด้วย,เสียของมาก,เสมือนทรัมป์เป็นฝ่ายมืดปกป้องฝ่ายมืดชัดเจนนั้นเอง เช่นนั้นอเมริกาต้องถูกยานแม่สภากาแล็คติกเข้าทำลายหรือลงมาปฏิบัติการจริงด้วยตนเองนั้นเอง,เขาทรยศสภาแล้วนั้นเอง.,ciaทรัมป์ก็ไม่กำจัดจริง UNก็คงไว้ แทรกซึมแทรกแซงประเทศไทยทางชั่วเลวเหมือนเดิม,อเมริกาสมควรล่มสลายในยุคปัจจุบันรวมทั้งจีนก็ด้วยหากสนับสนุนเขมรด้านอาวุธเพื่อรุกรานประเทศไทย,อยู่ร่วมกันดีๆบนผิวโลกไม่เป็น,จีนสมควรถูกยานแม่เข้าทำลายทั้งประเทศเช่นกัน,ประเทศใดบนโลกเจตนาสร้างความไม่สงบสุข สภากาแล็คติกแทรกแซงและเข้าทำลายประเทศนั้นๆทันทีในมติสภาฝ่ายแสงนั้น,หรือดูดพลเมืองนั้นย้ายไปดวงดาวแห่งสงครามทั้งหมดที่มีจริตนิสัยสันดานชอบสถานะนั้น,ยุคสมัยต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆและในทางที่ดีขึ้นมิใช่ใช้ความล้ำสมัยเพื่อรุกรานคุกคามประเทศอื่นหรือมีอาวุธเพื่อรุกรานคุกคามชาติอื่นแบบเขมรรุกรานไทยที่ชัดเจน,หูตาอเมริกาจีนรัสเชียหากรับรู้ค่าจริงความจริงไม่ได้ก็สั่งปลดจากภาระกิจผู้นำผิวโลกเสียถ้ามีจริง. ..ทหารไทยผบ.ทบ.สูงสุดท่านต้องลงมือปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดจริงๆต้องยึดอำนาจทางการปกครองจากรัฐบาลชุดแพ้การเลือกตั้งนี้แค่ส้มหล่นเท่านั้นไม่สมควรเป็นรัฐบาลแต่ต้นแล้ว มีขี้มีมูลความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักฐานประจักษ์ชัดจากอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรกของพรรคหลักรัฐบาลนี้, ..หากผบ.ทบสูงสุดไม่ยื่นมือเด็ดขาดตัดตอนการมีอำนาจของรัฐบาลชุดนี้ที่ส่อแววมากมายที่แสดงเจตนาชัดเจนให้ประชาชนทั้งประเทศรับรู้รู้สึกถึงในความไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการกระทำกิจกรรมเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติจนเห็นพร้อมกันเป็นส่วนใหญ่ฝักใฝ่ฝ่ายศัตรูสมยอมอ่อนตามไปกับศัตรูภัยรุกรานคุกคามต่อประเทศไทยชัดเจนแล้วขนาดนี้,เป็นภัยชัดเจนต่อประเทศชาติอธิปไตยชาติเตะถ่วงเวลากิจกรรมวิถีดำเนินงานทางราชการทางรัฐบาลที่ต้องเท่าทันศัตรูภัยคุกคามของชาติไทยแต่หาทำเต็มที่จริงถึงที่สุดไม่ผิดวิสัยคนปกติทั่วไปธรรมดาแม้แสดงออกก็มากมากเกินกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้เห็นเป็นตัวอย่างให้ดีกว่าอีก,ภาวะผู้นำของรัฐบาลนี้ถือว่าล้มเหลวทุกๆมิติ อยู่ไปก็เป็นไปสร้างแต่ความหายนะต่อชาติบ้านเมืองไทยเป็นที่แน่นอนแล้ว, ..ผบ.ทบ.สูงสุดต้องตัดสินใจเด็ดขาดเข้ายึดอำนาจทันทีจริงๆ. https://youtube.com/watch?v=uy1-Waedwz0&si=bI2eKfbWzVNHNUG5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากพีซียุคใหม่: เมื่อ LLM ขนาด 128B รันได้ในเครื่องของคุณ

    AMD ได้เปิดตัวอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ Adrenalin Edition 25.8.1 ที่ทำให้ชิป Ryzen AI Max+ รุ่น 395 สามารถรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ระดับ 128 พันล้านพารามิเตอร์ได้ในเครื่องพีซีทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยี Variable Graphics Memory (VGM) ที่สามารถจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกได้สูงถึง 96GB จากแรมรวม 128GB

    สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถรันโมเดล Llama 4 Scout จาก Meta ได้แบบ local โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ซึ่งเป็นโมเดลแบบ Mixture-of-Experts ที่มีพารามิเตอร์รวม 109B แต่ใช้จริงเพียง 17B ต่อครั้ง ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลยังคงสูงถึง 15 tokens ต่อวินาที

    ที่น่าตื่นเต้นคือ AMD ยังเพิ่มขนาด context window ได้ถึง 256,000 tokens ซึ่งมากกว่ามาตรฐานเดิมที่อยู่ราว 4,096 tokens ทำให้สามารถสรุปเอกสารยาว ๆ หรือทำงานแบบ agentic workflows ได้อย่างลื่นไหล

    AMD เปิดตัวไดรเวอร์ใหม่ที่รองรับโมเดล LLM ขนาด 128B บนพีซีทั่วไป
    ใช้ Adrenalin Edition 25.8.1 WHQL ร่วมกับ Ryzen AI Max+ 395
    รองรับการรันโมเดล Llama 4 Scout จาก Meta ได้แบบ local

    ใช้ Variable Graphics Memory (VGM) เพื่อจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกสูงสุด 96GB
    จากแรมรวม 128GB บนระบบ Ryzen AI Max+
    ทำให้สามารถรันโมเดลขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก

    Llama 4 Scout เป็นโมเดลแบบ Mixture-of-Experts (MoE)
    มีพารามิเตอร์รวม 109B แต่ใช้จริงเพียง 17B ต่อครั้ง
    ประสิทธิภาพสูงถึง 15 tokens ต่อวินาที

    ขนาด context window เพิ่มขึ้นถึง 256,000 tokens
    รองรับงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากในครั้งเดียว เช่น RAG หรือ MCP
    เหมาะสำหรับงานสรุปเอกสาร, การวิเคราะห์ข้อมูล, และ agentic workflows

    เปิดทางให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงพลัง AI ได้โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์
    ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและค่าใช้จ่ายระยะยาว
    เหมาะสำหรับนักพัฒนา, นักวิจัย, และผู้ใช้สาย productivity

    การรันโมเดลขนาดใหญ่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ระดับสูงและมีราคาสูง
    Ryzen AI Max+ 395 พร้อมแรม 128GB มีราคาสูงกว่า $2,000
    ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่มีงบจำกัด

    การใช้โมเดลแบบ local ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของระบบ
    หากติดตั้งจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเกิดความเสียหายต่อระบบ
    AMD เตือนว่าการให้ LLM เข้าถึงเครื่องอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด

    การจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกสูงอาจกระทบต่อการใช้งานอื่น ๆ
    หากใช้ VGM เต็ม 96GB อาจทำให้ระบบขาดแรมสำหรับงานอื่น
    ต้องบริหารทรัพยากรอย่างระมัดระวัง

    การรันโมเดล MoE ต้องโหลดพารามิเตอร์ทั้งหมดแม้ใช้เพียงบางส่วน
    footprint หน่วยความจำเทียบเท่ากับโมเดล dense ขนาด 109B
    ต้องมีแรมเพียงพอแม้จะใช้แค่ 17B ในการประมวลผล

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-max-processors-offer-a-96gb-memory-for-consumer-graphics/
    🎙️ เรื่องเล่าจากพีซียุคใหม่: เมื่อ LLM ขนาด 128B รันได้ในเครื่องของคุณ AMD ได้เปิดตัวอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ Adrenalin Edition 25.8.1 ที่ทำให้ชิป Ryzen AI Max+ รุ่น 395 สามารถรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่ระดับ 128 พันล้านพารามิเตอร์ได้ในเครื่องพีซีทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยี Variable Graphics Memory (VGM) ที่สามารถจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกได้สูงถึง 96GB จากแรมรวม 128GB สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถรันโมเดล Llama 4 Scout จาก Meta ได้แบบ local โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ซึ่งเป็นโมเดลแบบ Mixture-of-Experts ที่มีพารามิเตอร์รวม 109B แต่ใช้จริงเพียง 17B ต่อครั้ง ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลยังคงสูงถึง 15 tokens ต่อวินาที ที่น่าตื่นเต้นคือ AMD ยังเพิ่มขนาด context window ได้ถึง 256,000 tokens ซึ่งมากกว่ามาตรฐานเดิมที่อยู่ราว 4,096 tokens ทำให้สามารถสรุปเอกสารยาว ๆ หรือทำงานแบบ agentic workflows ได้อย่างลื่นไหล ✅ AMD เปิดตัวไดรเวอร์ใหม่ที่รองรับโมเดล LLM ขนาด 128B บนพีซีทั่วไป ➡️ ใช้ Adrenalin Edition 25.8.1 WHQL ร่วมกับ Ryzen AI Max+ 395 ➡️ รองรับการรันโมเดล Llama 4 Scout จาก Meta ได้แบบ local ✅ ใช้ Variable Graphics Memory (VGM) เพื่อจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกสูงสุด 96GB ➡️ จากแรมรวม 128GB บนระบบ Ryzen AI Max+ ➡️ ทำให้สามารถรันโมเดลขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก ✅ Llama 4 Scout เป็นโมเดลแบบ Mixture-of-Experts (MoE) ➡️ มีพารามิเตอร์รวม 109B แต่ใช้จริงเพียง 17B ต่อครั้ง ➡️ ประสิทธิภาพสูงถึง 15 tokens ต่อวินาที ✅ ขนาด context window เพิ่มขึ้นถึง 256,000 tokens ➡️ รองรับงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากในครั้งเดียว เช่น RAG หรือ MCP ➡️ เหมาะสำหรับงานสรุปเอกสาร, การวิเคราะห์ข้อมูล, และ agentic workflows ✅ เปิดทางให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงพลัง AI ได้โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ➡️ ลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและค่าใช้จ่ายระยะยาว ➡️ เหมาะสำหรับนักพัฒนา, นักวิจัย, และผู้ใช้สาย productivity ‼️ การรันโมเดลขนาดใหญ่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ระดับสูงและมีราคาสูง ⛔ Ryzen AI Max+ 395 พร้อมแรม 128GB มีราคาสูงกว่า $2,000 ⛔ ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่มีงบจำกัด ‼️ การใช้โมเดลแบบ local ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของระบบ ⛔ หากติดตั้งจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเกิดความเสียหายต่อระบบ ⛔ AMD เตือนว่าการให้ LLM เข้าถึงเครื่องอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด ‼️ การจัดสรรหน่วยความจำกราฟิกสูงอาจกระทบต่อการใช้งานอื่น ๆ ⛔ หากใช้ VGM เต็ม 96GB อาจทำให้ระบบขาดแรมสำหรับงานอื่น ⛔ ต้องบริหารทรัพยากรอย่างระมัดระวัง ‼️ การรันโมเดล MoE ต้องโหลดพารามิเตอร์ทั้งหมดแม้ใช้เพียงบางส่วน ⛔ footprint หน่วยความจำเทียบเท่ากับโมเดล dense ขนาด 109B ⛔ ต้องมีแรมเพียงพอแม้จะใช้แค่ 17B ในการประมวลผล https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-max-processors-offer-a-96gb-memory-for-consumer-graphics/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Ryzen AI MAX+ Processors Now Offer a Whopping 96 GB Memory for Consumer Graphics, Allowing Gigantic 128B-Parameter LLMs to Run Locally on PCs
    AMD has just taken edge AI to a whole new level, as with the recent driver update, the company has now brought the support of large LLMs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยข้อมูลแทนกระสุน

    ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ยูเครนได้เปิดปฏิบัติการไซเบอร์สองแนวพร้อมกัน:

    1️⃣ การโจมตีแหลมไครเมีย หน่วยข่าวกรองทหารยูเครน (HUR) เปิดปฏิบัติการพิเศษด้วยการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial-of-Service) ใส่ระบบสารสนเทศของหน่วยงานปกครองรัสเซียในไครเมีย ส่งผลให้ระบบเครือข่ายและข้อมูลของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นอัมพาต พร้อมกับการขโมยข้อมูลกว่า 100TB ก่อนลบข้อมูลทั้งหมดออกจากเซิร์ฟเวอร์

    2️⃣ การโจมตีสายการบิน Aeroflot กลุ่มแฮกเกอร์ Silent Crow และ Belarusian Cyber Partisans อ้างว่าได้แทรกซึมระบบของ Aeroflot มานานกว่า 1 ปี ก่อนจะทำลายเซิร์ฟเวอร์กว่า 7,000 เครื่อง ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยว และเว็บไซต์ของบริษัทใช้งานไม่ได้3

    ทั้งสองปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นหลังจากยูเครนร่วมมือกับกลุ่ม BO Team และ Ukrainian Cyber Alliance โจมตีบริษัท Gaskar Group ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ของรัสเซีย ทำลายข้อมูลกว่า 47TB และทำให้การผลิตโดรนหยุดชะงัก

    ยูเครนโจมตีไซเบอร์ใส่หน่วยงานรัสเซียในแหลมไครเมีย
    ใช้ DDoS ทำให้ระบบเครือข่ายของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นอัมพาต
    ขโมยข้อมูลกว่า 100TB ก่อนลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด

    สายการบิน Aeroflot ถูกโจมตีโดย Silent Crow และ Cyber Partisans
    ทำลายเซิร์ฟเวอร์กว่า 7,000 เครื่อง และระบบ IT ทั้งหมดของบริษัท3
    ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยว และเว็บไซต์ใช้งานไม่ได้

    กลุ่มแฮกเกอร์ Silent Crow แทรกซึมระบบ Aeroflot มานานกว่า 1 ปี
    ขโมยข้อมูลผู้โดยสาร, อีเมลภายใน, และไฟล์เสียงการสื่อสาร6
    ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารทั้งหมดในอนาคต

    การโจมตี Gaskar Group ทำให้การผลิตโดรนของรัสเซียหยุดชะงัก
    ข้อมูลการออกแบบโดรนและซอร์สโค้ดถูกขโมยและส่งให้กองทัพยูเครน5
    ระบบบัญชี, การผลิต และอินเทอร์เน็ตของบริษัทถูกทำลาย

    ยูเครนใช้ไซเบอร์เป็นยุทธศาสตร์หลักในการทำสงคราม
    มุ่งโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซียแทนการปะทะโดยตรง
    สร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์โดยไม่ต้องใช้ระเบิด

    การโจมตีไซเบอร์อาจส่งผลกระทบต่อพลเรือนและข้อมูลส่วนบุคคล
    ข้อมูลผู้โดยสาร Aeroflot ถูกขโมยและอาจถูกเปิดเผยสาธารณะ3
    เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความปลอดภัยของประชาชน

    การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานอาจนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงจากรัสเซีย
    รัสเซียอาจเพิ่มมาตรการตอบโต้ทางไซเบอร์หรือทางทหาร
    เสี่ยงต่อการขยายความขัดแย้งไปยังประเทศพันธมิตร

    การใช้ DDoS เป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนความสนใจอาจทำให้การป้องกันล่าช้า
    องค์กรอาจไม่ทันสังเกตการโจมตีหลักที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
    ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มในการตรวจสอบและป้องกันหลายแนวทาง

    การโจมตีแบบทำลายข้อมูลอาจทำให้การฟื้นฟูระบบเป็นไปได้ยาก
    Aeroflot และ Gaskar อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการกู้คืนระบบ
    หากไม่มีสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์ อาจสูญเสียข้อมูลถาวร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/ukraine-strikes-back-at-russia-launches-cyberattack-on-forces-in-crimea-as-independent-hackers-target-airline-aeroflot-grounding-dozens-of-planes
    🎙️ เรื่องเล่าจากแนวรบไซเบอร์: เมื่อยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยข้อมูลแทนกระสุน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ยูเครนได้เปิดปฏิบัติการไซเบอร์สองแนวพร้อมกัน: 1️⃣ การโจมตีแหลมไครเมีย หน่วยข่าวกรองทหารยูเครน (HUR) เปิดปฏิบัติการพิเศษด้วยการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial-of-Service) ใส่ระบบสารสนเทศของหน่วยงานปกครองรัสเซียในไครเมีย ส่งผลให้ระบบเครือข่ายและข้อมูลของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นอัมพาต พร้อมกับการขโมยข้อมูลกว่า 100TB ก่อนลบข้อมูลทั้งหมดออกจากเซิร์ฟเวอร์ 2️⃣ การโจมตีสายการบิน Aeroflot กลุ่มแฮกเกอร์ Silent Crow และ Belarusian Cyber Partisans อ้างว่าได้แทรกซึมระบบของ Aeroflot มานานกว่า 1 ปี ก่อนจะทำลายเซิร์ฟเวอร์กว่า 7,000 เครื่อง ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยว และเว็บไซต์ของบริษัทใช้งานไม่ได้3 ทั้งสองปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นหลังจากยูเครนร่วมมือกับกลุ่ม BO Team และ Ukrainian Cyber Alliance โจมตีบริษัท Gaskar Group ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ของรัสเซีย ทำลายข้อมูลกว่า 47TB และทำให้การผลิตโดรนหยุดชะงัก ✅ ยูเครนโจมตีไซเบอร์ใส่หน่วยงานรัสเซียในแหลมไครเมีย ➡️ ใช้ DDoS ทำให้ระบบเครือข่ายของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นอัมพาต ➡️ ขโมยข้อมูลกว่า 100TB ก่อนลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ✅ สายการบิน Aeroflot ถูกโจมตีโดย Silent Crow และ Cyber Partisans ➡️ ทำลายเซิร์ฟเวอร์กว่า 7,000 เครื่อง และระบบ IT ทั้งหมดของบริษัท3 ➡️ ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยว และเว็บไซต์ใช้งานไม่ได้ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ Silent Crow แทรกซึมระบบ Aeroflot มานานกว่า 1 ปี ➡️ ขโมยข้อมูลผู้โดยสาร, อีเมลภายใน, และไฟล์เสียงการสื่อสาร6 ➡️ ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารทั้งหมดในอนาคต ✅ การโจมตี Gaskar Group ทำให้การผลิตโดรนของรัสเซียหยุดชะงัก ➡️ ข้อมูลการออกแบบโดรนและซอร์สโค้ดถูกขโมยและส่งให้กองทัพยูเครน5 ➡️ ระบบบัญชี, การผลิต และอินเทอร์เน็ตของบริษัทถูกทำลาย ✅ ยูเครนใช้ไซเบอร์เป็นยุทธศาสตร์หลักในการทำสงคราม ➡️ มุ่งโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซียแทนการปะทะโดยตรง ➡️ สร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์โดยไม่ต้องใช้ระเบิด ‼️ การโจมตีไซเบอร์อาจส่งผลกระทบต่อพลเรือนและข้อมูลส่วนบุคคล ⛔ ข้อมูลผู้โดยสาร Aeroflot ถูกขโมยและอาจถูกเปิดเผยสาธารณะ3 ⛔ เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความปลอดภัยของประชาชน ‼️ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานอาจนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงจากรัสเซีย ⛔ รัสเซียอาจเพิ่มมาตรการตอบโต้ทางไซเบอร์หรือทางทหาร ⛔ เสี่ยงต่อการขยายความขัดแย้งไปยังประเทศพันธมิตร ‼️ การใช้ DDoS เป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนความสนใจอาจทำให้การป้องกันล่าช้า ⛔ องค์กรอาจไม่ทันสังเกตการโจมตีหลักที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มในการตรวจสอบและป้องกันหลายแนวทาง ‼️ การโจมตีแบบทำลายข้อมูลอาจทำให้การฟื้นฟูระบบเป็นไปได้ยาก ⛔ Aeroflot และ Gaskar อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการกู้คืนระบบ ⛔ หากไม่มีสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์ อาจสูญเสียข้อมูลถาวร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/ukraine-strikes-back-at-russia-launches-cyberattack-on-forces-in-crimea-as-independent-hackers-target-airline-aeroflot-grounding-dozens-of-planes
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ukraine strikes back at Russia — launches cyberattack on forces in Crimea as independent hackers target airline Aeroflot, grounding dozens of planes
    The first was a sustained distributed denial-of-service attack on Crimean forces; the second was reportedly destructive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง

    นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์
    ความเป็นมา ร.31 รอ.

    กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่

    ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี

    พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน

    พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์

    ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904
    4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน

    - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

    - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์

    - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก

    - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน
    .

    ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์ ความเป็นมา ร.31 รอ. กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่ ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน . ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเคอร์เนล: เมื่อ Linux กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับงานลับสุดยอด

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Linux Kernel 6.16 ได้เพิ่มการรองรับ AMD SEV vTPM อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี Secure Encrypted Virtualization (SEV) และ Virtual Trusted Platform Module (vTPM) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและแยกออกจากระบบโฮสต์โดยสิ้นเชิง

    vTPM คือ TPM แบบเสมือนที่ทำงานภายใน VM โดยถูกเข้ารหัสและแยกออกจาก hypervisor ด้วยเทคโนโลยี SEV-SNP ของ AMD ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง Secure Boot, Measured Boot และ Remote Attestation ได้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์หรือองค์กรที่ต้องการความมั่นคงสูง

    ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรในภาคการเงิน, สาธารณสุข, และภาครัฐ ที่ต้องการความมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะไม่ถูกเข้าถึงโดยผู้ให้บริการคลาวด์หรือระบบโฮสต์ที่ไม่ไว้วางใจ

    Linux Kernel 6.16 เพิ่มการรองรับ AMD SEV vTPM อย่างสมบูรณ์
    รองรับการสร้าง vTPM ภายใน VM ที่ถูกเข้ารหัสด้วย SEV-SNP
    ใช้โปรโตคอลจาก AMD SVSM spec เพื่อให้ guest OS ติดต่อกับ vTPM ได้

    vTPM ทำงานในหน่วยความจำที่ถูกแยกและเข้ารหัสโดยฮาร์ดแวร์
    ป้องกันการเข้าถึงจาก hypervisor และ guest OS
    รองรับ TPM 2.0 เต็มรูปแบบ เช่น PCRs และการเข้ารหัสคีย์

    รองรับการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของระบบ (attestation) และ Secure Boot
    เหมาะกับการใช้งานใน Zero Trust Architecture
    ช่วยให้มั่นใจว่า VM ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจริง

    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง เช่น การเงิน, สาธารณสุข, และภาครัฐ
    รองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส
    ลดการพึ่งพาเฟิร์มแวร์หรือ TPM แบบ proprietary

    สามารถใช้งานร่วมกับ hypervisor อย่าง KVM และเครื่องมือจัดการ VM บน Linux
    รองรับการตั้งค่า kernel เช่น CONFIG_TCG_SVSM=y
    มีเครื่องมือสำหรับตรวจสอบสถานะการเข้ารหัสและการทำงานของ vTPM

    การใช้งาน vTPM ต้องมีการตั้งค่าฮาร์ดแวร์และ BIOS ที่รองรับ SEV-SNP
    หาก CPU หรือ BIOS ไม่รองรับ จะไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้
    ต้องตรวจสอบว่าเปิดใช้งาน Secure Memory Encryption แล้ว

    การเข้ารหัสและการตรวจสอบแบบฮาร์ดแวร์อาจเพิ่มภาระการประมวลผล
    มี overhead ด้านประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใน workload ที่ใช้ vTPM หนัก
    ต้องวางแผนการจัดสรรทรัพยากรอย่างรอบคอบ

    การตั้งค่า kernel และการคอมไพล์ต้องแม่นยำเพื่อให้ vTPM ทำงานได้สมบูรณ์
    ต้องเปิดใช้งานโมดูลที่เกี่ยวข้อง เช่น CONFIG_KVM_AMD_SEV
    หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ VM ไม่สามารถบูตหรือใช้งาน vTPM ได้

    การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ (attestation) ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและการทดสอบอย่างละเอียด
    ต้องใช้ AMD SEV tools และ kernel boot parameters เช่น amd_sev.debug=1
    หากไม่ตรวจสอบอย่างถูกต้อง อาจเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    https://linuxconfig.org/comprehensive-amd-sev-vtpm-support-in-linux-kernel-6-16-enhances-confidential-computing
    🔐 เรื่องเล่าจากเคอร์เนล: เมื่อ Linux กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับงานลับสุดยอด ในเดือนกรกฎาคม 2025 Linux Kernel 6.16 ได้เพิ่มการรองรับ AMD SEV vTPM อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี Secure Encrypted Virtualization (SEV) และ Virtual Trusted Platform Module (vTPM) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและแยกออกจากระบบโฮสต์โดยสิ้นเชิง vTPM คือ TPM แบบเสมือนที่ทำงานภายใน VM โดยถูกเข้ารหัสและแยกออกจาก hypervisor ด้วยเทคโนโลยี SEV-SNP ของ AMD ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง Secure Boot, Measured Boot และ Remote Attestation ได้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์หรือองค์กรที่ต้องการความมั่นคงสูง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรในภาคการเงิน, สาธารณสุข, และภาครัฐ ที่ต้องการความมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะไม่ถูกเข้าถึงโดยผู้ให้บริการคลาวด์หรือระบบโฮสต์ที่ไม่ไว้วางใจ ✅ Linux Kernel 6.16 เพิ่มการรองรับ AMD SEV vTPM อย่างสมบูรณ์ ➡️ รองรับการสร้าง vTPM ภายใน VM ที่ถูกเข้ารหัสด้วย SEV-SNP ➡️ ใช้โปรโตคอลจาก AMD SVSM spec เพื่อให้ guest OS ติดต่อกับ vTPM ได้ ✅ vTPM ทำงานในหน่วยความจำที่ถูกแยกและเข้ารหัสโดยฮาร์ดแวร์ ➡️ ป้องกันการเข้าถึงจาก hypervisor และ guest OS ➡️ รองรับ TPM 2.0 เต็มรูปแบบ เช่น PCRs และการเข้ารหัสคีย์ ✅ รองรับการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของระบบ (attestation) และ Secure Boot ➡️ เหมาะกับการใช้งานใน Zero Trust Architecture ➡️ ช่วยให้มั่นใจว่า VM ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจริง ✅ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง เช่น การเงิน, สาธารณสุข, และภาครัฐ ➡️ รองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส ➡️ ลดการพึ่งพาเฟิร์มแวร์หรือ TPM แบบ proprietary ✅ สามารถใช้งานร่วมกับ hypervisor อย่าง KVM และเครื่องมือจัดการ VM บน Linux ➡️ รองรับการตั้งค่า kernel เช่น CONFIG_TCG_SVSM=y ➡️ มีเครื่องมือสำหรับตรวจสอบสถานะการเข้ารหัสและการทำงานของ vTPM ‼️ การใช้งาน vTPM ต้องมีการตั้งค่าฮาร์ดแวร์และ BIOS ที่รองรับ SEV-SNP ⛔ หาก CPU หรือ BIOS ไม่รองรับ จะไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ ⛔ ต้องตรวจสอบว่าเปิดใช้งาน Secure Memory Encryption แล้ว ‼️ การเข้ารหัสและการตรวจสอบแบบฮาร์ดแวร์อาจเพิ่มภาระการประมวลผล ⛔ มี overhead ด้านประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใน workload ที่ใช้ vTPM หนัก ⛔ ต้องวางแผนการจัดสรรทรัพยากรอย่างรอบคอบ ‼️ การตั้งค่า kernel และการคอมไพล์ต้องแม่นยำเพื่อให้ vTPM ทำงานได้สมบูรณ์ ⛔ ต้องเปิดใช้งานโมดูลที่เกี่ยวข้อง เช่น CONFIG_KVM_AMD_SEV ⛔ หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ VM ไม่สามารถบูตหรือใช้งาน vTPM ได้ ‼️ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ (attestation) ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและการทดสอบอย่างละเอียด ⛔ ต้องใช้ AMD SEV tools และ kernel boot parameters เช่น amd_sev.debug=1 ⛔ หากไม่ตรวจสอบอย่างถูกต้อง อาจเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย https://linuxconfig.org/comprehensive-amd-sev-vtpm-support-in-linux-kernel-6-16-enhances-confidential-computing
    LINUXCONFIG.ORG
    Comprehensive AMD SEV vTPM Support in Linux Kernel 6.16 Enhances Confidential Computing
    Linux kernel 6.16 introduces comprehensive AMD SEV vTPM support, enhancing virtual machine security and confidential computing capabilities with hardware-backed attestation and secure boot verification.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังโมเดล: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ฉลาด แต่ก็ “กินไฟ กินน้ำ และกินโลก”

    Mistral AI ได้ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน Carbone 4 และหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส (ADEME) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโมเดล Mistral Large 2 ตลอด 18 เดือนแรกของการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก: การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การใช้น้ำ, และการใช้ทรัพยากรแร่หายาก

    ผลลัพธ์ที่ได้ชวนตกใจ: การฝึกโมเดลเพียงอย่างเดียวปล่อย CO₂ เทียบเท่า 20,400 ตัน และใช้น้ำถึง 281,000 ลูกบาศก์เมตร—เท่ากับสระโอลิมปิก 112 สระ! ส่วนการใช้งานจริง (inference) ก็ไม่เบา: การถาม Le Chat 1 ครั้ง (400 tokens) ปล่อย CO₂ 1.14 กรัม และใช้น้ำ 45 มิลลิลิตร—เท่ากับการดูวิดีโอ 10 วินาทีในสหรัฐฯ

    ที่สำคัญคือ 85.5% ของการปล่อย CO₂ และ 91% ของการใช้น้ำเกิดจากการฝึกและใช้งานโมเดล ไม่ใช่จากการสร้างศูนย์ข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์ ทำให้ผลกระทบสะสมต่อเนื่องทุกครั้งที่มีคนใช้ AI

    Mistral AI เปิดเผยผลการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมของโมเดล Mistral Large 2
    ร่วมมือกับ Carbone 4 และ ADEME
    ผ่านการตรวจสอบโดย Resilio และ Hubblo

    ผลกระทบจากการฝึกโมเดลใน 18 เดือนแรก
    ปล่อย CO₂ เทียบเท่า 20,400 ตัน
    ใช้น้ำ 281,000 ลูกบาศก์เมตร
    ใช้ทรัพยากรแร่หายาก 660 กิโลกรัม Sb eq

    ผลกระทบจากการใช้งาน (inference) ต่อคำถาม 1 ครั้ง (400 tokens)
    ปล่อย CO₂ 1.14 กรัม
    ใช้น้ำ 45 มิลลิลิตร
    ใช้ทรัพยากรแร่หายาก 0.16 มิลลิกรัม Sb eq

    85.5% ของ CO₂ และ 91% ของน้ำเกิดจากการฝึกและใช้งานโมเดล
    ไม่ใช่จากการสร้างศูนย์ข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์
    สะท้อนว่าการใช้งานต่อเนื่องคือภาระหลักต่อสิ่งแวดล้อม

    Mistral เสนอแนวทางลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI
    เลือกใช้โมเดลขนาดเล็กที่เหมาะกับงาน
    รวมคำถามเป็นชุด (batching) เพื่อลดการคำนวณซ้ำ
    ใช้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานหมุนเวียน

    เรียกร้องให้มีมาตรฐานการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI
    เพื่อให้ผู้ใช้และองค์กรตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
    เสนอให้ใช้ตัวชี้วัด 3 ตัว: ผลกระทบจากการฝึก, ผลกระทบจากการใช้งาน, และสัดส่วนการใช้งานต่อวงจรชีวิต

    การใช้งาน AI อย่างต่อเนื่องมีผลกระทบสะสมต่อสิ่งแวดล้อม แม้แต่คำถามเดียวก็มีต้นทุน
    การใช้ AI หลายล้านครั้งต่อวันทำให้ผลกระทบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    ผู้ใช้ควรตระหนักถึงต้นทุนที่มองไม่เห็นของการใช้ AI

    https://www.techspot.com/news/108838-how-much-pollution-does-ai-create-mistral-breaks.html
    🌍 เรื่องเล่าจากเบื้องหลังโมเดล: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ฉลาด แต่ก็ “กินไฟ กินน้ำ และกินโลก” Mistral AI ได้ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน Carbone 4 และหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส (ADEME) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโมเดล Mistral Large 2 ตลอด 18 เดือนแรกของการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก: การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การใช้น้ำ, และการใช้ทรัพยากรแร่หายาก ผลลัพธ์ที่ได้ชวนตกใจ: การฝึกโมเดลเพียงอย่างเดียวปล่อย CO₂ เทียบเท่า 20,400 ตัน และใช้น้ำถึง 281,000 ลูกบาศก์เมตร—เท่ากับสระโอลิมปิก 112 สระ! ส่วนการใช้งานจริง (inference) ก็ไม่เบา: การถาม Le Chat 1 ครั้ง (400 tokens) ปล่อย CO₂ 1.14 กรัม และใช้น้ำ 45 มิลลิลิตร—เท่ากับการดูวิดีโอ 10 วินาทีในสหรัฐฯ ที่สำคัญคือ 85.5% ของการปล่อย CO₂ และ 91% ของการใช้น้ำเกิดจากการฝึกและใช้งานโมเดล ไม่ใช่จากการสร้างศูนย์ข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์ ทำให้ผลกระทบสะสมต่อเนื่องทุกครั้งที่มีคนใช้ AI ✅ Mistral AI เปิดเผยผลการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมของโมเดล Mistral Large 2 ➡️ ร่วมมือกับ Carbone 4 และ ADEME ➡️ ผ่านการตรวจสอบโดย Resilio และ Hubblo ✅ ผลกระทบจากการฝึกโมเดลใน 18 เดือนแรก ➡️ ปล่อย CO₂ เทียบเท่า 20,400 ตัน ➡️ ใช้น้ำ 281,000 ลูกบาศก์เมตร ➡️ ใช้ทรัพยากรแร่หายาก 660 กิโลกรัม Sb eq ✅ ผลกระทบจากการใช้งาน (inference) ต่อคำถาม 1 ครั้ง (400 tokens) ➡️ ปล่อย CO₂ 1.14 กรัม ➡️ ใช้น้ำ 45 มิลลิลิตร ➡️ ใช้ทรัพยากรแร่หายาก 0.16 มิลลิกรัม Sb eq ✅ 85.5% ของ CO₂ และ 91% ของน้ำเกิดจากการฝึกและใช้งานโมเดล ➡️ ไม่ใช่จากการสร้างศูนย์ข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์ ➡️ สะท้อนว่าการใช้งานต่อเนื่องคือภาระหลักต่อสิ่งแวดล้อม ✅ Mistral เสนอแนวทางลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI ➡️ เลือกใช้โมเดลขนาดเล็กที่เหมาะกับงาน ➡️ รวมคำถามเป็นชุด (batching) เพื่อลดการคำนวณซ้ำ ➡️ ใช้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ✅ เรียกร้องให้มีมาตรฐานการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI ➡️ เพื่อให้ผู้ใช้และองค์กรตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ➡️ เสนอให้ใช้ตัวชี้วัด 3 ตัว: ผลกระทบจากการฝึก, ผลกระทบจากการใช้งาน, และสัดส่วนการใช้งานต่อวงจรชีวิต ‼️ การใช้งาน AI อย่างต่อเนื่องมีผลกระทบสะสมต่อสิ่งแวดล้อม แม้แต่คำถามเดียวก็มีต้นทุน ⛔ การใช้ AI หลายล้านครั้งต่อวันทำให้ผลกระทบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ⛔ ผู้ใช้ควรตระหนักถึงต้นทุนที่มองไม่เห็นของการใช้ AI https://www.techspot.com/news/108838-how-much-pollution-does-ai-create-mistral-breaks.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    How much pollution does AI create? Mistral breaks it down
    Mistral recently published an analysis of the environmental impact of one of its large language models. As chatbots and other AI-powered technologies become increasingly embedded in the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts