• 28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร

    เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥

    ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี...

    เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย...

    เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม...

    ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี

    ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣

    เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย...

    จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ

    จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?

    🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢

    ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข

    การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง

    วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด

    ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️

    คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์

    ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️

    จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨

    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน

    🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง

    อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗

    ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล

    🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน

    แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ...

    สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น

    คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ

    คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552

    คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557

    แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭

    🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈

    แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568

    📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥 ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี... เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย... เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม... ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣 เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย... จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? 🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢 ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️ คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️ จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน 🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗ ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล 🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ... สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552 คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557 แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭 🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈 แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568 📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️

    💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐

    🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂

    🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️

    🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞

    🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔

    🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️

    🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️

    🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️

    🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️

    🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เพิ่งสั่งโจมตีกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ หลังจากเยเมนปฏิเสธนั่งเฉยๆ เพื่อมองดูการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา จากฝีมืออิสราเอล ซึ่งอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มที่

    การโจมตีเยเมนมีขึ้นหลังจากที่ กลุ่มฮูตีประกาศประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา

    เครื่องบินที่เข้าร่วมในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนในวันนี้:
    เครื่องบิน P8 Poseidon ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศบาห์เรน
    เครื่องบินขับไล่ MQ-4C Triton ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 🇦🇪
    RC-135V ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จากประเทศกาตาร์
    เครื่องบิน KC2 Voyager ของกองทัพอากาศอังกฤษ จากไซปรัส
    ฝูงบินเหล่านี้สนับสนุนการโจมตีทางอากาศโดยทำหน้าที่เฝ้าระวัง เติมเชื้อเพลิง และอื่นๆ ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-18 Hornet ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman ในทะเลแดง

    ฐานทัพสหรัฐในซาอุ กาตาร์ UAE และบาห์เรน ประกาศเตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ หลังสหรัฐถล่มเยเมน

    ภาพจากทำเนียบขาว เผยให้เห็นทรัมป์ยืนบัญชาการโจมตีด้วยตัวเอง และยังโพสต์ข้อความระบุว่า:
    "เราจะใช้สรรพกำลังที่มีอยู่โจมตีอย่างท่วมท้นจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย"
    "ถึงฮูตี เวลาพวกคุณหมดแล้ว การโจมตีจากคุณจะต้องหยุดลงในวันนี้ หากยังดื้ดึง นรกจะถล่มคุณในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน"

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งคำขู่ไปถึงอิหร่านว่า:
    "หยุดสนับสนุนฮูตีเดี๋ยวนี้! หากคุณยังทำต่อไป จงระวัง! เพราะอเมริกาจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และเราจะไม่ปราณีใครกับเรื่องนี้"
    ทรัมป์เพิ่งสั่งโจมตีกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ หลังจากเยเมนปฏิเสธนั่งเฉยๆ เพื่อมองดูการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา จากฝีมืออิสราเอล ซึ่งอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มที่ การโจมตีเยเมนมีขึ้นหลังจากที่ กลุ่มฮูตีประกาศประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา เครื่องบินที่เข้าร่วมในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนในวันนี้: เครื่องบิน P8 Poseidon ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศบาห์เรน เครื่องบินขับไล่ MQ-4C Triton ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 🇦🇪 RC-135V ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จากประเทศกาตาร์ เครื่องบิน KC2 Voyager ของกองทัพอากาศอังกฤษ จากไซปรัส ฝูงบินเหล่านี้สนับสนุนการโจมตีทางอากาศโดยทำหน้าที่เฝ้าระวัง เติมเชื้อเพลิง และอื่นๆ ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-18 Hornet ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman ในทะเลแดง ฐานทัพสหรัฐในซาอุ กาตาร์ UAE และบาห์เรน ประกาศเตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ หลังสหรัฐถล่มเยเมน ภาพจากทำเนียบขาว เผยให้เห็นทรัมป์ยืนบัญชาการโจมตีด้วยตัวเอง และยังโพสต์ข้อความระบุว่า: "เราจะใช้สรรพกำลังที่มีอยู่โจมตีอย่างท่วมท้นจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย" "ถึงฮูตี เวลาพวกคุณหมดแล้ว การโจมตีจากคุณจะต้องหยุดลงในวันนี้ หากยังดื้ดึง นรกจะถล่มคุณในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งคำขู่ไปถึงอิหร่านว่า: "หยุดสนับสนุนฮูตีเดี๋ยวนี้! หากคุณยังทำต่อไป จงระวัง! เพราะอเมริกาจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และเราจะไม่ปราณีใครกับเรื่องนี้"
    Sad
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มฮูตีในเยเมนประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง
    นี่เป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา
    กลุ่มฮูตีในเยเมนประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง นี่เป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค

    -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล
    -คดีจำนำข้าวจบปีนี้
    -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง
    -อเมริกากลับมาแล้ว
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล -คดีจำนำข้าวจบปีนี้ -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง -อเมริกากลับมาแล้ว
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1235 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท

    วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน

    พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390

    #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท • วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน • พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390 • #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ประเสริฐ"โว! ค่าความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง เหลือไม่ถึง 50 ล้านต่อวัน หลังตัดไฟ-ตัดอินเทอร์เน็ต
    https://www.thai-tai.tv/news/17474/
    "ประเสริฐ"โว! ค่าความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง เหลือไม่ถึง 50 ล้านต่อวัน หลังตัดไฟ-ตัดอินเทอร์เน็ต https://www.thai-tai.tv/news/17474/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน

    📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

    ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ
    การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม

    กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม
    🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ
    🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน
    🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ
    🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที

    กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่
    🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ
    🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ

    🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย!

    แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

    มาตรการเร่งด่วน
    ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา
    ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ
    ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง

    มาตรการระยะยาว
    🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด
    📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต
    📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ

    👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา
    อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา

    แนวทางการช่วยเหลือ
    ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม
    ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ

    🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น
    ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง

    มาตรการเร่งด่วน
    🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น
    🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
    🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า

    มาตรการให้ความรู้เยาวชน
    📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน
    📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง

    🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า!

    เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ

    ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม
    ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด

    🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568

    📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน 📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม 🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ 🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน 🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ 🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่ 🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ 🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ 🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย! แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการเร่งด่วน ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง มาตรการระยะยาว 🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด 📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต 📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ 👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา แนวทางการช่วยเหลือ ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ 🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง มาตรการเร่งด่วน 🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น 🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต 🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการให้ความรู้เยาวชน 📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน 📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง 🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า! เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด 🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568 📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟเนื้อร้าย ควรมีตัวอย่าง
    ตัดไฟเนื้อร้าย ควรมีตัวอย่าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง 

    -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป
    -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ?
    -ขอโควตาพิเศษแก้เกม
    -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง  -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ? -ขอโควตาพิเศษแก้เกม -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1380 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์
    .
    ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา
    .
    โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู
    .
    "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น"
    .
    ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน
    ..............
    Sondhi X
    ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์ . ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา . โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู . "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น" . ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2445 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาญจนบุรี - จีนเทาเริ่มย้ายออกจากเมืองพญาตองซูแล้ว พบอาคารที่จีนเทาเคยเช่าดำเนินธุรกิจสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ หลายแหล่งถูกปิด และขนย้ายอุปกรณ์ออกจากอาคาร เพราะเจ้าของบอกเลิกสัญญาเช่า

    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปยังเมืองพยาตองซู เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงพบว่าหลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทาและกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาต่อมาในวันที่ 9 ก.พ. "พันเอกซอเอวัน" ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไต (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพญาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน

    วันนี้(12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคาร และตึก ในเมืองพญาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000-800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ โดยจะมีคนจีนอยู่อาศัยอยู่ประมาณ 200-300 คน มีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชม.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014258

    #MGROnline #จีนเทา #พญาตองซู
    กาญจนบุรี - จีนเทาเริ่มย้ายออกจากเมืองพญาตองซูแล้ว พบอาคารที่จีนเทาเคยเช่าดำเนินธุรกิจสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ หลายแหล่งถูกปิด และขนย้ายอุปกรณ์ออกจากอาคาร เพราะเจ้าของบอกเลิกสัญญาเช่า • ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปยังเมืองพยาตองซู เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงพบว่าหลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทาและกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาต่อมาในวันที่ 9 ก.พ. "พันเอกซอเอวัน" ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไต (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพญาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน • วันนี้(12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคาร และตึก ในเมืองพญาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000-800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ โดยจะมีคนจีนอยู่อาศัยอยู่ประมาณ 200-300 คน มีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชม. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014258 • #MGROnline #จีนเทา #พญาตองซู
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยยังมีเหยื่อชาวต่างชาติตกค้างเมียวดี ใต้เงาขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์-พนันออนไลน์ ฯลฯ อีกเพียบ การข่าวชี้เฉพาะจีนมีเป็นหมื่น-ชาติอื่นรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ผบ.ฉก.ราชมนู เชื่อมาตรการรัฐบาลไทยตัดไฟ-ตัดเน็ต-งดส่งออกน้ำมัน ได้ผล บริษัทเล็กย้ายหนี-รายใหญ่เริ่มโละคน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014239

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เผยยังมีเหยื่อชาวต่างชาติตกค้างเมียวดี ใต้เงาขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์-พนันออนไลน์ ฯลฯ อีกเพียบ การข่าวชี้เฉพาะจีนมีเป็นหมื่น-ชาติอื่นรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ผบ.ฉก.ราชมนู เชื่อมาตรการรัฐบาลไทยตัดไฟ-ตัดเน็ต-งดส่งออกน้ำมัน ได้ผล บริษัทเล็กย้ายหนี-รายใหญ่เริ่มโละคน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014239 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1072 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขา สมช.เผยมอบรอง สมช.ประชุมติดตามผล 3 มาตรการตัดไฟ น้ำมัน สัญญาณอินเตอร์เน็ตฝั่งเมียนมา ในรอบ 1 สัปดาห์ ชี้ จับตาการย้ายฐานตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปยังพื้นที่ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์

    วันนี้(11 ก.พ.) นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เปิดเผยว่าช่วงเช้าวันนี้ นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เป็นประธานประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยว ประเมินผลมาตรการตัดไฟฟ้าน้ำมัน และสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปฝั่งเมียนมา รวมถึงหารือถึงแนวทางออกมาตรการเพิ่มเติม ว่า เป็นการประเมินในรอบหนึ่งสัปดาห์ภายหลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการฯ ใน 3 เรื่อง คือ ตัดไฟฟ้า งดส่งน้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ดำเนินการได้เป็นอย่างไร และติดขัดตรงไหนหรือไม่ ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้น จากนั้นจะมีมาตรการอีกจำนวนมาก ดำเนินการต่อไป ก่อนจะนำเสนอนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000013627

    #MGROnline #เลขาสมช. #ตัดไฟ #น้ำมัน #สัญญาณอินเทอร์เน็ต #เมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    เลขา สมช.เผยมอบรอง สมช.ประชุมติดตามผล 3 มาตรการตัดไฟ น้ำมัน สัญญาณอินเตอร์เน็ตฝั่งเมียนมา ในรอบ 1 สัปดาห์ ชี้ จับตาการย้ายฐานตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปยังพื้นที่ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ • วันนี้(11 ก.พ.) นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เปิดเผยว่าช่วงเช้าวันนี้ นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เป็นประธานประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยว ประเมินผลมาตรการตัดไฟฟ้าน้ำมัน และสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปฝั่งเมียนมา รวมถึงหารือถึงแนวทางออกมาตรการเพิ่มเติม ว่า เป็นการประเมินในรอบหนึ่งสัปดาห์ภายหลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการฯ ใน 3 เรื่อง คือ ตัดไฟฟ้า งดส่งน้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ดำเนินการได้เป็นอย่างไร และติดขัดตรงไหนหรือไม่ ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้น จากนั้นจะมีมาตรการอีกจำนวนมาก ดำเนินการต่อไป ก่อนจะนำเสนอนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000013627 • #MGROnline #เลขาสมช. #ตัดไฟ #น้ำมัน #สัญญาณอินเทอร์เน็ต #เมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมินม็อบเมียนมา ภูมิธรรม เตรียมออกคำสั่งเอากลุ่มเชื่อมโยงแก๊งคอลฯพ้นชายแดน (11/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ม็อบเมียนมา #แก๊งคอลฯ #ตัดไฟแก๊งคอลฯ
    เมินม็อบเมียนมา ภูมิธรรม เตรียมออกคำสั่งเอากลุ่มเชื่อมโยงแก๊งคอลฯพ้นชายแดน (11/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ม็อบเมียนมา #แก๊งคอลฯ #ตัดไฟแก๊งคอลฯ
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1084 มุมมอง 47 1 รีวิว
  • ♣ ตัดเน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาร์มันช้าเพราะสาเหตุนี้ ไม่ใช่ยื้อเหมือนตัดไฟฟ้า
    #7ดอกจิก
    ♣ ตัดเน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาร์มันช้าเพราะสาเหตุนี้ ไม่ใช่ยื้อเหมือนตัดไฟฟ้า #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟ-น้ำมัน-เน็ต ตัดจบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่? : คนเคาะข่าว 10-02-68
    : รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว
    ตัดไฟ-น้ำมัน-เน็ต ตัดจบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่? : คนเคาะข่าว 10-02-68 : รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • คนเดินทางผ่านด่านฯแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขาออกโล่งชัด..หลังไทยตัดไฟฟ้า-ระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จนคาสิโนออนไลน์เริ่มปิดระนาว จนปริมาณจ้างงานลดวูบ หนุ่มสาวที่เคยข้ามแดนแม่สายไปท่าขี้เหล็กแบบไปเช้าเย็นกลับ วันละเป็นพันๆคน หายวับ แต่สามเหลี่ยมทองคำยังคึกคัก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013419

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คนเดินทางผ่านด่านฯแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขาออกโล่งชัด..หลังไทยตัดไฟฟ้า-ระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จนคาสิโนออนไลน์เริ่มปิดระนาว จนปริมาณจ้างงานลดวูบ หนุ่มสาวที่เคยข้ามแดนแม่สายไปท่าขี้เหล็กแบบไปเช้าเย็นกลับ วันละเป็นพันๆคน หายวับ แต่สามเหลี่ยมทองคำยังคึกคัก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013419 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1072 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย – คนเดินทางผ่านด่านฯแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขาออกโล่งชัด..หลังไทยตัดไฟฟ้า-ระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จนคาสิโนออนไลน์เริ่มปิดระนาว จนปริมาณจ้างงานลดวูบ หนุ่มสาวที่เคยข้ามแดนแม่สายไปท่าขี้เหล็กแบบไปเช้าเย็นกลับ วันละเป็นพันๆคน หายวับ แต่สามเหลี่ยมทองคำยังคึกคัก

    หลังจากที่ทางการไทยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าและระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงข้ามชายแดนไทย-พม่า ทั้งจากแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก แม่สอด-เมียวดี และด่านเจดีย์สามองค์-พญาตองซู รวม 5 จุด ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นมา เพื่อตัดวงจรแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งบ่อนพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ฯลฯ

    วันนี้(10 ก.พ.) บรรยากาศคนเดินทางออกจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากบ่อนคาสิโนในฝั่ง จ.ทาขี้เหล็ก งดให้บริการไปเป็นจำนวนมากและที่เปิดอย่างผิดกฎหมายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาปราบปรามจับกุมไปหลายรายจนไม่สามารถเปิดกิจการได้ตามปกติ ทำให้คนที่เคยเดินทางไปทำงานในบ่อนฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ต้องหยุดงานไปโดยปริยาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013419

    #MGROnline #เชียงราย
    เชียงราย – คนเดินทางผ่านด่านฯแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ขาออกโล่งชัด..หลังไทยตัดไฟฟ้า-ระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จนคาสิโนออนไลน์เริ่มปิดระนาว จนปริมาณจ้างงานลดวูบ หนุ่มสาวที่เคยข้ามแดนแม่สายไปท่าขี้เหล็กแบบไปเช้าเย็นกลับ วันละเป็นพันๆคน หายวับ แต่สามเหลี่ยมทองคำยังคึกคัก • หลังจากที่ทางการไทยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าและระงับส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงข้ามชายแดนไทย-พม่า ทั้งจากแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก แม่สอด-เมียวดี และด่านเจดีย์สามองค์-พญาตองซู รวม 5 จุด ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นมา เพื่อตัดวงจรแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งบ่อนพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ฯลฯ • วันนี้(10 ก.พ.) บรรยากาศคนเดินทางออกจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากบ่อนคาสิโนในฝั่ง จ.ทาขี้เหล็ก งดให้บริการไปเป็นจำนวนมากและที่เปิดอย่างผิดกฎหมายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาปราบปรามจับกุมไปหลายรายจนไม่สามารถเปิดกิจการได้ตามปกติ ทำให้คนที่เคยเดินทางไปทำงานในบ่อนฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ต้องหยุดงานไปโดยปริยาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013419 • #MGROnline #เชียงราย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ปลื้ม “สีจิ้นผิง”ชมไทยสางปัญหาคอลเซ็นเตอร์เด็ดขาด เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ เมินม็อบเมียนมาต้านซื้อของไทยตอบโต้ตัดไฟ ลั่นเป็นนายกฯ คนไทยต้องดูแลคนของตัวเองก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012865

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯ ปลื้ม “สีจิ้นผิง”ชมไทยสางปัญหาคอลเซ็นเตอร์เด็ดขาด เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ เมินม็อบเมียนมาต้านซื้อของไทยตอบโต้ตัดไฟ ลั่นเป็นนายกฯ คนไทยต้องดูแลคนของตัวเองก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012865 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ธรรมดา! “หลิว จงอี้” ผู้เขย่ารัฐบาลไทยหักดิบตัดไฟแก๊งคอลฯ 08/02/68 #หลิว จงอี้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #รัฐบาลไทย
    ไม่ธรรมดา! “หลิว จงอี้” ผู้เขย่ารัฐบาลไทยหักดิบตัดไฟแก๊งคอลฯ 08/02/68 #หลิว จงอี้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #รัฐบาลไทย
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1173 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • ส่องเมียวดีหลังไทยตัดไฟ-ระงับส่งออกน้ำมันข้ามแดน..โรงพยาบาลระส่ำหนัก ขาดทั้งไฟฟ้า-ออกซิเจน ช่วยผู้ป่วย จนท.ต้องหิ้วเครื่องปั่นไฟขึ้น รพ. ขณะที่ปั๊มปตท.เมียนมา ยังโกลาหล คนล้นหลามต้อง เอาทหารบีจีเอฟ.จัดระเบียบเติมน้ำมัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012593

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ส่องเมียวดีหลังไทยตัดไฟ-ระงับส่งออกน้ำมันข้ามแดน..โรงพยาบาลระส่ำหนัก ขาดทั้งไฟฟ้า-ออกซิเจน ช่วยผู้ป่วย จนท.ต้องหิ้วเครื่องปั่นไฟขึ้น รพ. ขณะที่ปั๊มปตท.เมียนมา ยังโกลาหล คนล้นหลามต้อง เอาทหารบีจีเอฟ.จัดระเบียบเติมน้ำมัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012593 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full)

    - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ?
    - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา”
    - USAID “องค์กรอาชญากรรม”
    - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full) - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา” - USAID “องค์กรอาชญากรรม” - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    Sad
    58
    3 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 4614 มุมมอง 285 2 รีวิว
  • ปาหี่ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ ตัดไฟพม่า แต่ต่อสัญญาขายไฟให้ลาว แล้วทีนี้ลาวจะขายไฟให้พม่า เราก็ตัดไม่ได้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ปาหี่ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ ตัดไฟพม่า แต่ต่อสัญญาขายไฟให้ลาว แล้วทีนี้ลาวจะขายไฟให้พม่า เราก็ตัดไม่ได้ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts