• เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

    Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง:
    ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์

    Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี

    แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต

    ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)”

    Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา

    โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร

    อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง: ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์ Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)” Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • พ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน พิมพ์ห่มคลุม วัดวังตะวันออก ปี2502
    พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน เนื้อว่านผสมชานหมาก หลังเสมา( พิมพ์นี้หายาก ) พิมพ์ห่มคลุม พิมพ์ใหญ่(แจกวัดวังตะวันออก ปี2502 //พระดีพิธีใหญ่ พิมพ์ที่หายากที่สุด เนื้อหาจัดมากมวลสาร แก่ว่านและชานหมาก จัดเป็นโซนเนื้อที่หายากมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า จะเกิดแก่ผู้ครอบครอง >>

    ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" เทวดาเมืองคอน พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน พิมพ์ห่มคลุม วัดวังตะวันออก ปี2502 พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน เนื้อว่านผสมชานหมาก หลังเสมา( พิมพ์นี้หายาก ) พิมพ์ห่มคลุม พิมพ์ใหญ่(แจกวัดวังตะวันออก ปี2502 //พระดีพิธีใหญ่ พิมพ์ที่หายากที่สุด เนื้อหาจัดมากมวลสาร แก่ว่านและชานหมาก จัดเป็นโซนเนื้อที่หายากมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า จะเกิดแก่ผู้ครอบครอง >> ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" เทวดาเมืองคอน พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • ๒“ศุภมาส” เผยผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทปทุมวัน – อุเทนถวายส่วนใหญ่เป็นผู้พ้นสภาพนักศึกษาและถูกลงโทษพักการศึกษาไปแล้ว ขณะที่ผู้บริหาร 2 สถาบันจะรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาที่กระทรวง อว.วันที่ 24 มี.ค.นี้ หากพบผู้ร่วมก่อเหตุเป็นนักศึกษาปัจจุบันจะถูกลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรงแน่นอน ขณะที่ให้มีมาตรการลดจำนวนนักศึกษาในพื้นที่ เช่นให้ไปทำงานระหว่างเรียน

    เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มี.ค.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก(มทร.ตะวันออก) วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ว่า ขณะนี้ผู้บริหารของทั้งสองสถาบันกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานมายังกระทรวง อว. ภายในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นผู้พ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว รวมถึงเป็นนักศึกษาที่ถูกลงโทษให้พักการศึกษา แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ร่วมก่อเหตุมีผู้ที่เป็นนักศึกษาปัจจุบันร่วมอยู่ด้วย ก็แน่นอนว่าจะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/qol/detail/9680000027695

    #MGROnline #สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน #มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก #วิทยาเขตอุเทนถวาย
    ๒“ศุภมาส” เผยผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทปทุมวัน – อุเทนถวายส่วนใหญ่เป็นผู้พ้นสภาพนักศึกษาและถูกลงโทษพักการศึกษาไปแล้ว ขณะที่ผู้บริหาร 2 สถาบันจะรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาที่กระทรวง อว.วันที่ 24 มี.ค.นี้ หากพบผู้ร่วมก่อเหตุเป็นนักศึกษาปัจจุบันจะถูกลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรงแน่นอน ขณะที่ให้มีมาตรการลดจำนวนนักศึกษาในพื้นที่ เช่นให้ไปทำงานระหว่างเรียน • เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มี.ค.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก(มทร.ตะวันออก) วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน ว่า ขณะนี้ผู้บริหารของทั้งสองสถาบันกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานมายังกระทรวง อว. ภายในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นผู้พ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว รวมถึงเป็นนักศึกษาที่ถูกลงโทษให้พักการศึกษา แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ร่วมก่อเหตุมีผู้ที่เป็นนักศึกษาปัจจุบันร่วมอยู่ด้วย ก็แน่นอนว่าจะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/qol/detail/9680000027695 • #MGROnline #สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน #มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก #วิทยาเขตอุเทนถวาย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️

    📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩

    ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • ลำเดียวยังทำลายไม่มากพอ!
    สหรัฐฯ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 เข้าสู่ตะวันออกกลาง

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีคำสั่งส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson เข้าร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman เพื่อสนับสนุนอิสราเอลในการเพิ่มอำนาจทำลายล้างในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในฉนวนกาซา เยเมน ซีเรีย และเลบานอนตอนใต้
    ลำเดียวยังทำลายไม่มากพอ! สหรัฐฯ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 เข้าสู่ตะวันออกกลาง กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีคำสั่งส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson เข้าร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman เพื่อสนับสนุนอิสราเอลในการเพิ่มอำนาจทำลายล้างในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในฉนวนกาซา เยเมน ซีเรีย และเลบานอนตอนใต้
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • เครื่องบินขับไล่ F-35A Multirole Fighter อย่างน้อย 4 ลำจากกองบินรบที่ 388 (388FW) ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศฮิลล์ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เดินทางถึงตะวันออกกลางเมื่อช่วงเช้าของวันนี้

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวนกว่า 12 ลำเดินทางไปยังภูมิภาคดังกล่าว เพื่อเสริมกำลังให้กับเครื่องบินและทรัพยากรของกองทัพอากาศที่ประจำการอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) เพื่อเตรียมพร้อมกับภารกิจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    เครื่องบินขับไล่ F-35A Multirole Fighter อย่างน้อย 4 ลำจากกองบินรบที่ 388 (388FW) ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศฮิลล์ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เดินทางถึงตะวันออกกลางเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวนกว่า 12 ลำเดินทางไปยังภูมิภาคดังกล่าว เพื่อเสริมกำลังให้กับเครื่องบินและทรัพยากรของกองทัพอากาศที่ประจำการอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) เพื่อเตรียมพร้อมกับภารกิจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน
    สัทธรรมลำดับที่ : 565
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=565
    ชื่อบทธรรม :- ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน
    --ภิกษุ ท. ! คงคานที ลุ่มไปทางทิศตะวันออก ลาดไปทางทิศตะวันออก เทไปทางทิศตะวันออก ข้อนี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่กระทำฌานสี่ให้มากอยู่
    ก็ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน
    ฉันนั้นก็เหมือนกัน.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่ กระทำฌานสี่ให้มากอยู่
    ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน
    เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึง &​ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ;
    เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง &​ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ;
    อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึง &​ตติยฌาน แล้วแลอยู่ ;
    เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึง &​จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    --ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่
    http://etipitaka.com/read/pali/19/392/?keywords=จตฺตาโร+ฌาน
    กระทำฌานสี่ให้มากอยู่
    #ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน
    ลาดไปทางนิพพาน
    เทไปทางนิพพาน.-

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/316/1301-1302.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/316/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๒/๑๓๐๑-๑๓๐๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/392/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=565
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37&id=565
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37
    ลำดับสาธยายธรรม : 37 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_37.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน สัทธรรมลำดับที่ : 565 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=565 ชื่อบทธรรม :- ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน เนื้อความทั้งหมด :- --ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน --ภิกษุ ท. ! คงคานที ลุ่มไปทางทิศตะวันออก ลาดไปทางทิศตะวันออก เทไปทางทิศตะวันออก ข้อนี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน ฉันนั้นก็เหมือนกัน. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่ กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึง &​ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง &​ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึง &​ตติยฌาน แล้วแลอยู่ ; เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึง &​จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. --ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่ http://etipitaka.com/read/pali/19/392/?keywords=จตฺตาโร+ฌาน กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ #ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน.- #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/316/1301-1302. http://etipitaka.com/read/thai/19/316/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๒/๑๓๐๑-๑๓๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/19/392/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%90%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=565 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37&id=565 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37 ลำดับสาธยายธรรม : 37 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_37.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน
    -ผู้กำลังโน้มเอียงไปสู่นิพพาน ภิกษุ ท. ! คงคานที ลุ่มไปทางทิศตะวันออก ลาดไปทางทิศตะวันออก เทไปทางทิศตะวันออก ข้อนี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน ฉันนั้นก็เหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่ กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌานเป็นเครื่องผ่องใสใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌาน แล้วแลอยู่ ; เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล ภิกษุเจริญฌานสี่อยู่ กระทำฌานสี่ให้มากอยู่ ย่อมเป็นผู้ลุ่มไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน.
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 409 Views 0 Reviews
  • เอเอฟพี - ผู้ลี้ภัยในค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่าที่สิ้นหวัง ได้รับความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากโครงการอาหารโลกเมื่อวันพุธ (19) เนื่องจากหน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มหยุดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนนับล้านในประเทศแห่งนี้เพราะขาดแคลนเงินทุน

    การตัดงบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้โครงการอาหารโลกขาดแคลนเงินทุนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องตัดงบประมาณครั้งใหญ่ในพม่า ที่อยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมืองมาเป็นเวลา 4 ปี

    “ฉันภาวนาทุกคืนขอให้ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง” บยาร์ มี ที่ได้รับความช่วยเหลือรายเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าประมาณ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเธอใช้เลี้ยงดูครอบครัว 5 คน กล่าว

    “ฉันภาวนาต่อพระเจ้าให้ผู้บริจาคได้รับพรและให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อีกครั้ง ได้โปรดช่วยเหลือพวกเรา สงสารเราด้วย” บยาร์ มี กล่าวกับเอเอฟพี จากค่ายแห่งหนึ่งนอกเมืองมิตจีนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

    นับตั้งแต่กองทัพพม่าเข้าโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 ประเทศเผชิญกับความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน และทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น และทำให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น 50%

    เนื่องจากการตัดความช่วยเหลือ โครงการอาหารโลกระบุว่าจะให้ความช่วยเหลือได้เพียง 35,000 คนในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 15 ล้านคน ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านอาหารในแต่ละวันของตนเองได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000026719

    #MGROnline #ผู้ลี้ภัย #ค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่า #โครงการอาหารโลก #สหประชาชาติ
    เอเอฟพี - ผู้ลี้ภัยในค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่าที่สิ้นหวัง ได้รับความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากโครงการอาหารโลกเมื่อวันพุธ (19) เนื่องจากหน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มหยุดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนนับล้านในประเทศแห่งนี้เพราะขาดแคลนเงินทุน • การตัดงบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้โครงการอาหารโลกขาดแคลนเงินทุนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องตัดงบประมาณครั้งใหญ่ในพม่า ที่อยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมืองมาเป็นเวลา 4 ปี • “ฉันภาวนาทุกคืนขอให้ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง” บยาร์ มี ที่ได้รับความช่วยเหลือรายเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าประมาณ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเธอใช้เลี้ยงดูครอบครัว 5 คน กล่าว • “ฉันภาวนาต่อพระเจ้าให้ผู้บริจาคได้รับพรและให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อีกครั้ง ได้โปรดช่วยเหลือพวกเรา สงสารเราด้วย” บยาร์ มี กล่าวกับเอเอฟพี จากค่ายแห่งหนึ่งนอกเมืองมิตจีนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ • นับตั้งแต่กองทัพพม่าเข้าโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 ประเทศเผชิญกับความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน และทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น และทำให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น 50% • เนื่องจากการตัดความช่วยเหลือ โครงการอาหารโลกระบุว่าจะให้ความช่วยเหลือได้เพียง 35,000 คนในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 15 ล้านคน ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านอาหารในแต่ละวันของตนเองได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000026719 • #MGROnline #ผู้ลี้ภัย #ค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่า #โครงการอาหารโลก #สหประชาชาติ
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    รายละเอียดของช่องโหว่:
    - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ.

    กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์:
    - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน.

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง:
    - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี.

    ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ:
    - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง รายละเอียดของช่องโหว่: - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ. กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์: - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน. มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง: - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี. ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ: - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Windows zero-day exploited by 11 state hacking groups since 2017
    At least 11 state-backed hacking groups from North Korea, Iran, Russia, and China have been exploiting a new Windows vulnerability in data theft and cyber espionage zero-day attacks since 2017.
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • 🔌 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม ⚡

    🔥 ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย 🇹🇭

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที ❌⚙️ และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที 🌍

    🕰️ ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้
    ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที
    เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง

    17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ ✅

    ⏳ รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    💡 "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย 😱 หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521

    📊 เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น ⚖️➡️❌

    ⚙️ เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ➡️ ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น

    📌 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout
    - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป 🌡️
    - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย ❌
    - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 🏭

    🌍 ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ
    แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

    🇲🇾 มาเลเซีย 2539
    วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด

    ✅ การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

    🔧 มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน
    - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์ 🔋
    - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที 🏭
    - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต 🌊
    - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด
    - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง 💻⚙️

    💡 บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด ❗

    🏥 โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน
    🏦 ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก
    🚦 การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
    🛒 ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้
    🏭 โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต

    📚 47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 👍 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568

    🏷️ #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    🔌 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม ⚡ 🔥 ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย 🇹🇭 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที ❌⚙️ และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที 🌍 🕰️ ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง 17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ ✅ ⏳ รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 💡 "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย 😱 หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521 📊 เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น ⚖️➡️❌ ⚙️ เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ➡️ ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น 📌 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป 🌡️ - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย ❌ - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 🏭 🌍 ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น 🇲🇾 มาเลเซีย 2539 วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด ✅ การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง 🔧 มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์ 🔋 - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที 🏭 - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต 🌊 - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง 💻⚙️ 💡 บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด ❗ 🏥 โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน 🏦 ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก 🚦 การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 🛒 ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้ 🏭 โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต 📚 47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 👍 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568 🏷️ #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    0 Comments 0 Shares 483 Views 0 Reviews
  • 'มันจบแล้ว': ทหารยูเครนบ่นกับ BBC ว่าพวกเขากลายเป็นผู้รับเคราะห์ที่เมืองเคิร์สก์

    'ทหารยูเครนที่สู้รบในเขตเคิร์สก์ของรัสเซียได้บรรยายฉากต่างๆ 'ราวกับหนังสยองขวัญ' ขณะที่พวกเขาพูดถึงการล่าถอยจากแนวหน้า

    ทหารยูเครนเปรียบการถอนกำลังจากเขต Kursk ว่าเป็น "ฉากจากหนังสยองขวัญ" ท่ามกลางการโจมตีของโดรนรัสเซียตลอด 24 ชั่วโมง ถนนเต็มไปด้วยซากยานพาหนะนับร้อย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

    เส้นทางหลักเพียงสายเดียวระหว่าง Sudzha และเขต Sumy อยู่ภายใต้การยิงถล่มตลอดเวลา ทำให้การขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เป็นไปไม่ได้ในเวลากลางวัน หลายคนต้องเดินเท้า 15-20 กิโลเมตรเพื่อหนีออกมา
    BBC ได้รับคำให้การจากทหารยูเครนที่เล่าถึงการถอนทัพอย่าง "หายนะ"

    Vladimir "โดรนโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง ยานพาหนะบางส่วนถูกโดรนรัสเซียเผาบนถนน ไม่สามารถหนีออกตอนกลางวันได้ ถนนอยู่ภายใต้การควบคุมการยิงของศัตรูอย่างสมบูรณ์"

    Maxim "ฝ่ายศัตรูสามารถทำลายยานพาหนะหลายสิบคัน และเศษซากนับร้อยทำให้จราจรติดขัดบนเส้นทางการขนส่ง"
    Anton "การถอนกำลังที่หายนะ ผมหนีออกจาก Sudzha ด้วยการเดินเท้าตอนกลางคืน เราเกือบตายหลายครั้ง โดรนบินอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา"

    Dmitry เขาเปรียบเทียบการถอนกำลังจากเขต Kursk กับฉากจากหนังสยองขวัญ "ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกทำลายนับร้อย ยานเกราะ และ ATV มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย" รถที่เขาขับติดหล่ม เขาและเพื่อนทหารพยายามดันรถเมื่อโดรน FPV เล็งไปที่พวกเขา โดรนไม่ได้โดนรถแต่ทำให้ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บ พวกเขาต้องซ่อนตัวในป่าสองชั่วโมงก่อนได้รับการช่วยเหลือ

    แม้ผู้บัญชาการ Oleksandr Syrsky ยืนยันว่าทหารยังอยู่ใน Kursk และจะยึดไว้ "ตราบที่จำเป็น" แต่ Dmitry ให้ความเห็นว่า "ที่ Kursk จบแล้ว... ปฏิบัติการไม่ประสบความสำเร็จ"

    ด้านประธานาธิบดี Zelensky กล่าวว่าปฏิบัติการ "ประสบผลสำเร็จ" โดยบังคับให้รัสเซียถอนทหารจากแนวรบตะวันออก​​​​​​​​​​​​​​​​
    'มันจบแล้ว': ทหารยูเครนบ่นกับ BBC ว่าพวกเขากลายเป็นผู้รับเคราะห์ที่เมืองเคิร์สก์ 'ทหารยูเครนที่สู้รบในเขตเคิร์สก์ของรัสเซียได้บรรยายฉากต่างๆ 'ราวกับหนังสยองขวัญ' ขณะที่พวกเขาพูดถึงการล่าถอยจากแนวหน้า ทหารยูเครนเปรียบการถอนกำลังจากเขต Kursk ว่าเป็น "ฉากจากหนังสยองขวัญ" ท่ามกลางการโจมตีของโดรนรัสเซียตลอด 24 ชั่วโมง ถนนเต็มไปด้วยซากยานพาหนะนับร้อย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เส้นทางหลักเพียงสายเดียวระหว่าง Sudzha และเขต Sumy อยู่ภายใต้การยิงถล่มตลอดเวลา ทำให้การขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เป็นไปไม่ได้ในเวลากลางวัน หลายคนต้องเดินเท้า 15-20 กิโลเมตรเพื่อหนีออกมา BBC ได้รับคำให้การจากทหารยูเครนที่เล่าถึงการถอนทัพอย่าง "หายนะ" Vladimir "โดรนโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง ยานพาหนะบางส่วนถูกโดรนรัสเซียเผาบนถนน ไม่สามารถหนีออกตอนกลางวันได้ ถนนอยู่ภายใต้การควบคุมการยิงของศัตรูอย่างสมบูรณ์" Maxim "ฝ่ายศัตรูสามารถทำลายยานพาหนะหลายสิบคัน และเศษซากนับร้อยทำให้จราจรติดขัดบนเส้นทางการขนส่ง" Anton "การถอนกำลังที่หายนะ ผมหนีออกจาก Sudzha ด้วยการเดินเท้าตอนกลางคืน เราเกือบตายหลายครั้ง โดรนบินอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา" Dmitry เขาเปรียบเทียบการถอนกำลังจากเขต Kursk กับฉากจากหนังสยองขวัญ "ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกทำลายนับร้อย ยานเกราะ และ ATV มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย" รถที่เขาขับติดหล่ม เขาและเพื่อนทหารพยายามดันรถเมื่อโดรน FPV เล็งไปที่พวกเขา โดรนไม่ได้โดนรถแต่ทำให้ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บ พวกเขาต้องซ่อนตัวในป่าสองชั่วโมงก่อนได้รับการช่วยเหลือ แม้ผู้บัญชาการ Oleksandr Syrsky ยืนยันว่าทหารยังอยู่ใน Kursk และจะยึดไว้ "ตราบที่จำเป็น" แต่ Dmitry ให้ความเห็นว่า "ที่ Kursk จบแล้ว... ปฏิบัติการไม่ประสบความสำเร็จ" ด้านประธานาธิบดี Zelensky กล่าวว่าปฏิบัติการ "ประสบผลสำเร็จ" โดยบังคับให้รัสเซียถอนทหารจากแนวรบตะวันออก​​​​​​​​​​​​​​​​
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • ภาพกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรีย ขณะคลื่อนตัวบุกประชิดชายแดนเลบานอน ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่อิสราเอลก็โจมตีพื้นที่ในเขตตะวันออกของเลบานอน

    การบุกครั้งนี้ของรัฐบาลซีเรีย พวกเขาอ้างว่าสมาชิกฮิซบอลเลาะห์สังหารกองกำลังรัฐบาลใหม่ซีเรียไป 3 นาย ที่รุกล้ำเข้าไปในเลบานอน

    แต่จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ของสื่อในท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียทั้งสามนายข้ามแดนเข้ามาขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน เลยถูกชาวบ้านสังหารและส่งร่างให้กับฮิซบอลเลาะห์

    เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลซีเรียโกรธแค้นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ถูกสังหารโดยฮิซบอลเลาะห์ ถึงขนาดระดมโจมตีเลบานอนอย่างหนัก "แต่พวกเขากลับนิ่งเฉยกับการสูญเสียดินแดนให้อิสราเอล และการโจมตีทางอากาศบนดินแดนซีเรียอย่างต่อเนื่อง"
    ภาพกองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรีย ขณะคลื่อนตัวบุกประชิดชายแดนเลบานอน ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่อิสราเอลก็โจมตีพื้นที่ในเขตตะวันออกของเลบานอน การบุกครั้งนี้ของรัฐบาลซีเรีย พวกเขาอ้างว่าสมาชิกฮิซบอลเลาะห์สังหารกองกำลังรัฐบาลใหม่ซีเรียไป 3 นาย ที่รุกล้ำเข้าไปในเลบานอน แต่จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ของสื่อในท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียทั้งสามนายข้ามแดนเข้ามาขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน เลยถูกชาวบ้านสังหารและส่งร่างให้กับฮิซบอลเลาะห์ เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลซีเรียโกรธแค้นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ถูกสังหารโดยฮิซบอลเลาะห์ ถึงขนาดระดมโจมตีเลบานอนอย่างหนัก "แต่พวกเขากลับนิ่งเฉยกับการสูญเสียดินแดนให้อิสราเอล และการโจมตีทางอากาศบนดินแดนซีเรียอย่างต่อเนื่อง"
    0 Comments 0 Shares 431 Views 40 0 Reviews
  • เซเลนสกีปฏิเสธคำกล่าวของทรัมป์ที่ว่ากองกำลังยูเครนถูกล้อมไว้ในภูมิภาคเคิร์ส และต้องการให้รัสเซียเบามือ โดยการปล่อยให้ทหารเหล่านี้กลับออกมา

    เซเลนสกียืนกรานว่ากองกำลังของเคียฟยังคงยึดตรึงกำลังในพื้นที่และต่อสู้อย่างกล้าหาญ ไม่ได้ถูกล้อมแต่อย่างใด
    "การปฏิบัติของกองกำลังของเราในพื้นที่เป้าหมายของเราในเขตภูมิภาค Kursk ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยต่างๆกำลังดำเนินการตามภารกิจของตนอย่างถูกต้องตามที่จำเป็น ขอบคุณกองกำลังยูเครนในภูมิภาค Kursk ที่ทำให้กองกำลังรัสเซียจำนวนมากต้องถอนตัวจากทิศทางอื่น และกองกำลังของเราสามารถยับยั้งกลุ่มรัสเซียและเกาหลีเหนือในภูมิภาค Kursk ไม่มีการล้อมกองกำลังของเรา"

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลข่าวกรองของเขา รัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกโจมตีภูมิภาคซูมีของยูเครนอีกครั้ง และแจ้งต่อพันธมิตรของเขาถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของปูติน

    "เรากำลังสังเกตทิศทางตามแนวชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียกำลังสร้างกองกำลังขึ้น นี่บ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะโจมตีภูมิภาค Sumy ของเรา เราทราบเรื่องนี้และจะตอบโต้ ฉันต้องการให้พันธมิตรทั้งหมดเข้าใจอย่างชัดเจนว่าปูตินกำลังวางแผนอะไร เตรียมตัวอย่างไร และจะเพิกเฉยต่อสิ่งใด"
    เซเลนสกีปฏิเสธคำกล่าวของทรัมป์ที่ว่ากองกำลังยูเครนถูกล้อมไว้ในภูมิภาคเคิร์ส และต้องการให้รัสเซียเบามือ โดยการปล่อยให้ทหารเหล่านี้กลับออกมา เซเลนสกียืนกรานว่ากองกำลังของเคียฟยังคงยึดตรึงกำลังในพื้นที่และต่อสู้อย่างกล้าหาญ ไม่ได้ถูกล้อมแต่อย่างใด "การปฏิบัติของกองกำลังของเราในพื้นที่เป้าหมายของเราในเขตภูมิภาค Kursk ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยต่างๆกำลังดำเนินการตามภารกิจของตนอย่างถูกต้องตามที่จำเป็น ขอบคุณกองกำลังยูเครนในภูมิภาค Kursk ที่ทำให้กองกำลังรัสเซียจำนวนมากต้องถอนตัวจากทิศทางอื่น และกองกำลังของเราสามารถยับยั้งกลุ่มรัสเซียและเกาหลีเหนือในภูมิภาค Kursk ไม่มีการล้อมกองกำลังของเรา" นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า จากข้อมูลข่าวกรองของเขา รัสเซียกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกโจมตีภูมิภาคซูมีของยูเครนอีกครั้ง และแจ้งต่อพันธมิตรของเขาถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของปูติน "เรากำลังสังเกตทิศทางตามแนวชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียกำลังสร้างกองกำลังขึ้น นี่บ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะโจมตีภูมิภาค Sumy ของเรา เราทราบเรื่องนี้และจะตอบโต้ ฉันต้องการให้พันธมิตรทั้งหมดเข้าใจอย่างชัดเจนว่าปูตินกำลังวางแผนอะไร เตรียมตัวอย่างไร และจะเพิกเฉยต่อสิ่งใด"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • "ภารกิจสำเร็จแล้ว" Zelensky ประกาศปิดปฏิบัติการ Kursk ของกองทัพยูเครน

    Volodymyr Zelensky ประกาศในการพบปะกับผู้สื่อข่าวว่าปฏิบัติการ Kursk ของกองทัพยูเครนบรรลุภารกิจแล้ว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าปฏิบัติการกำลังจะสิ้นสุดลง

    "สถานการณ์ตอนนี้ยากมาก ผมขอขอบคุณทหารของเราสำหรับปฏิบัติการนี้ เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว อันดับแรกแรงกดดันในทิศทาง Kharkiv ลดลง จากนั้นพวกเขาเริ่มถอนกำลังทหารจากทิศตะวันออก ผมคิดว่าสถานการณ์ในทิศทาง Pokrovsk มีเสถียรภาพแล้ว และจะยากมากสำหรับพวกเขาที่จะหาโอกาสยึดครอง Pokrovsk อีกครั้ง" ประธานาธิบดีกล่าว

    วันนี้ Donald Trump ประกาศว่าเขาได้ขอให้ Vladimir Putin ไว้ชีวิตกองทัพยูเครนในเขต Kursk
    "ขณะนี้ทหารยูเครนหลายพันนายถูกล้อมโดยกองทัพรัสเซียอย่างสมบูรณ์และอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเปราะบางมาก" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขียนในโซเชียลมีเดีย
    "ภารกิจสำเร็จแล้ว" Zelensky ประกาศปิดปฏิบัติการ Kursk ของกองทัพยูเครน Volodymyr Zelensky ประกาศในการพบปะกับผู้สื่อข่าวว่าปฏิบัติการ Kursk ของกองทัพยูเครนบรรลุภารกิจแล้ว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าปฏิบัติการกำลังจะสิ้นสุดลง "สถานการณ์ตอนนี้ยากมาก ผมขอขอบคุณทหารของเราสำหรับปฏิบัติการนี้ เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว อันดับแรกแรงกดดันในทิศทาง Kharkiv ลดลง จากนั้นพวกเขาเริ่มถอนกำลังทหารจากทิศตะวันออก ผมคิดว่าสถานการณ์ในทิศทาง Pokrovsk มีเสถียรภาพแล้ว และจะยากมากสำหรับพวกเขาที่จะหาโอกาสยึดครอง Pokrovsk อีกครั้ง" ประธานาธิบดีกล่าว วันนี้ Donald Trump ประกาศว่าเขาได้ขอให้ Vladimir Putin ไว้ชีวิตกองทัพยูเครนในเขต Kursk "ขณะนี้ทหารยูเครนหลายพันนายถูกล้อมโดยกองทัพรัสเซียอย่างสมบูรณ์และอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเปราะบางมาก" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขียนในโซเชียลมีเดีย
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย

    จุดที่น่าสนใจจากข่าว
    1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่
    - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน
    - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี

    2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน
    - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก

    3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ
    - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ

    กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI

    https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย จุดที่น่าสนใจจากข่าว 1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่ - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี 2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก 3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's "High-End" AI Servers Worth $390 Million Apparently End Up in Malaysia, Revealing Another US Export Restriction Loophole
    After Singapore, a new "trade loophole" has been discovered in Malaysia, where $390 million worth of NVIDIA AI servers were found.
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลกำลังซุ่มหารือถึงแนวทางเรื่องการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปยังแอฟริกาตะวันออก

    หลังจากการปฏิเวธอย่างแข็งขันจากรัฐบาลอียิปต์และจอร์แดน ทำให้สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ในแอฟริกาตะวันออกอย่างน้อย 3 ประเทศเกี่ยวกับการให้การต้อนรับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา

    ยังไม่มีการยืนยันข้อตกลงใดๆ แต่การหารือดังกล่าวเป็นสัญญาณของคงามพยายามที่เพิ่มมากขึ้นของเป้าหมายการย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นออกไปนอกภูมิภาค
    สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลกำลังซุ่มหารือถึงแนวทางเรื่องการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปยังแอฟริกาตะวันออก หลังจากการปฏิเวธอย่างแข็งขันจากรัฐบาลอียิปต์และจอร์แดน ทำให้สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ในแอฟริกาตะวันออกอย่างน้อย 3 ประเทศเกี่ยวกับการให้การต้อนรับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ยังไม่มีการยืนยันข้อตกลงใดๆ แต่การหารือดังกล่าวเป็นสัญญาณของคงามพยายามที่เพิ่มมากขึ้นของเป้าหมายการย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นออกไปนอกภูมิภาค
    Sad
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโปแลนด์ อันเดรจ ดูดา (Andrzej Duda) เรียกร้องให้ทรัมป์ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในโปแลนด์ โดยเรียกว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็น เนื่องจากพรมแดนของนาโต้ได้ย้ายไปทางทิศตะวันออก ดูดาให้เหตุผลว่าหากรัสเซียสามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุสได้ สหรัฐก็ควรทำเช่นเดียวกันในโปแลนด์

    ดูดายังระบุอีกว่า เขาได้เริ่มหารือถึงความเป็นไปได้นี้กับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐประจำยูเครนแล้ว
    ประธานาธิบดีโปแลนด์ อันเดรจ ดูดา (Andrzej Duda) เรียกร้องให้ทรัมป์ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในโปแลนด์ โดยเรียกว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็น เนื่องจากพรมแดนของนาโต้ได้ย้ายไปทางทิศตะวันออก ดูดาให้เหตุผลว่าหากรัสเซียสามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุสได้ สหรัฐก็ควรทำเช่นเดียวกันในโปแลนด์ ดูดายังระบุอีกว่า เขาได้เริ่มหารือถึงความเป็นไปได้นี้กับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐประจำยูเครนแล้ว
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง "ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี"
    อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำไทย
    ดูแลกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
    .
    เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรีอดีตเอกอัครราชทูตทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยในช่วงปี 2563 ถึง 2564 ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แทนที่ นายแดเนียล คริเทนบริงค์
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSMGqb1vn/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ทรัมป์ #ดีซอมบรี #MichaelGeorgeDeSombre
    โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง "ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี" อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำไทย ดูแลกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก . เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรีอดีตเอกอัครราชทูตทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยในช่วงปี 2563 ถึง 2564 ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แทนที่ นายแดเนียล คริเทนบริงค์ . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSMGqb1vn/ . #บูรพาไม่แพ้ #ทรัมป์ #ดีซอมบรี #MichaelGeorgeDeSombre
    @thedongfangbubai

    โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง "ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี" อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำไทย ดูแลกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก . เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรีอดีตเอกอัครราชทูตทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยในช่วงปี 2563 ถึง 2564 ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แทนที่ นายแดเนียล คริเทนบริงค์ . สำหรับ ประวัติของนายดีซอมบรีนั้น นายดีซอมบรีจบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำของสหรัฐฯ คือ นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รวมถึงเศรษฐศาสตร์ และเอเชียตะวันออกศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยมีประสบการณ์การทำงานในทวีปเอเชียมานานกว่า 20 ปี . ในขั้นต่อไปเมื่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ให้การอนุมัติ นายดีซอมบรีจะดูแลนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออก ภายใต้การนำของนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ โดยรับผิดชอบประเด็นสำคัญในภูมิภาค เช่น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย . อ่านข่าวฉบับเต็ม >> https://www.facebook.com/share/p/1BkKGGUvr1/ . บูรพาไม่แพ้ ทรัมป์ ดีซอมบรี MichaelGeorgeDeSombre

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • หลวงพ่อทวดจอม รุ่นแรก วัดดอนกลาง จ.ปัตตานี ปี2508
    เนื้อว่านหลวงพ่อทวดจอม รุ่นแรก (นิยมหลังปั้ม) วัดดอนกลาง อำเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ ปลุกเสกโดย พระเกจิยุคเก่า สายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! // ผสมว่านหลวงปู่ทวด2497 จำนวนมาก อ.ทิม วัดช้างให้ - หลวงพ่อดำ วัตุยง - พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระดีพิธีใหญปลุกเสกโดย พระเกจิยุคเก่า สายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ เช่น อ.ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อดำ วัตุยง -พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก -หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด -หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย -หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขา -หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ -อาจารย์นอง วัดทรายขาว - หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง - อาจารย์นำ วัดดอนศาลา - หลวงพ่อเขียว วัดหรงบล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ หลวงพ่อมุ่ย วัดบางบูชา เป็นต้น >>> และ คณาจารย์สายใต้อีกหลายท่าน... >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวดจอม รุ่นแรก วัดดอนกลาง จ.ปัตตานี ปี2508 เนื้อว่านหลวงพ่อทวดจอม รุ่นแรก (นิยมหลังปั้ม) วัดดอนกลาง อำเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ ปลุกเสกโดย พระเกจิยุคเก่า สายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! // ผสมว่านหลวงปู่ทวด2497 จำนวนมาก อ.ทิม วัดช้างให้ - หลวงพ่อดำ วัตุยง - พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก ปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระดีพิธีใหญปลุกเสกโดย พระเกจิยุคเก่า สายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ เช่น อ.ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อดำ วัตุยง -พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก -หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด -หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย -หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขา -หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ -อาจารย์นอง วัดทรายขาว - หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง - อาจารย์นำ วัดดอนศาลา - หลวงพ่อเขียว วัดหรงบล หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ หลวงพ่อมุ่ย วัดบางบูชา เป็นต้น >>> และ คณาจารย์สายใต้อีกหลายท่าน... >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • 2/
    เละ!!
    Update ทิศทาง Kursk
    หมู่บ้าน Dmitriukov (วิดีโอ1) และ Zamoste (วิดีโอ2) ทางตะวันออกของซูดจา (Sudzha) ถูกปลดปล่อยเพิ่มเติม
    2/ เละ!! Update ทิศทาง Kursk หมู่บ้าน Dmitriukov (วิดีโอ1) และ Zamoste (วิดีโอ2) ทางตะวันออกของซูดจา (Sudzha) ถูกปลดปล่อยเพิ่มเติม
    0 Comments 0 Shares 273 Views 22 0 Reviews
  • 1/
    เละ!!
    Update ทิศทาง Kursk
    หมู่บ้าน Dmitriukov (วิดีโอ1) และ Zamoste (วิดีโอ2) ทางตะวันออกของซูดจา (Sudzha) ถูกปลดปล่อยเพิ่มเติม
    1/ เละ!! Update ทิศทาง Kursk หมู่บ้าน Dmitriukov (วิดีโอ1) และ Zamoste (วิดีโอ2) ทางตะวันออกของซูดจา (Sudzha) ถูกปลดปล่อยเพิ่มเติม
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ]
    .
    เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต”
    .
    ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต”
    .
    เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
    .
    หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี
    .
    ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา
    .
    ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม
    .
    ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว”
    .
    ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น
    .
    การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น
    .
    ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย
    .
    อ้างอิง
    (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑.
    (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง
    (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘.
    (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓.
    (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ] . เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต” . ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้ . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต” . เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง . หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี . ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา . ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม . ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว” . ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น . การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น . ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย . อ้างอิง (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑. (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘. (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓. (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ
    .
    วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ
    .
    "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว
    .
    เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3"
    .
    ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น
    .
    ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง
    .
    แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน
    .
    มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ . วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ . "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว . เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3" . ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น . ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง . แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน . มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 2019 Views 0 Reviews
More Results