• การกลับมาของเครื่องเล่นเกม Analogue 3D – Nintendo 64 ฉบับใหม่

    เครื่องเล่นเกมในตำนาน Nintendo 64 กำลังกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ทันสมัยชื่อว่า Analogue 3D หลังจากเลื่อนการวางจำหน่ายหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้กำหนดวันส่งมอบจริงคือ 18 พฤศจิกายน ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี FPGA ที่จำลองฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม ทำให้เกมทำงานได้เหมือนเครื่องจริง ไม่ใช่การจำลองแบบซอฟต์แวร์ที่มักมีปัญหาเรื่องความหน่วงหรือบั๊ก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Analogue 3D รองรับการแสดงผล 4K และ VRR เพื่อให้ภาพลื่นไหลบนจอรุ่นใหม่ พร้อมโหมด “Original Display Modes” ที่เลียนแบบหน้าจอ CRT/PVM แบบเก่าเพื่อคงบรรยากาศดั้งเดิม ตัวเครื่องยังคงช่องเสียบตลับเกมเดิมและพอร์ตจอย N64 ทั้งสี่ช่อง ทำให้แฟน ๆ สามารถใช้จอยและอุปกรณ์เสริมเก่าได้ทันที ราคาขายอยู่ที่ 249.99 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้สินค้าถูกจองหมดแล้ว

    นอกจากการเล่นเกมเก่าได้เต็มรูปแบบ เครื่องยังมี Wi-Fi และรองรับจอยไร้สาย เช่น 8BitDo 64 ทำให้สะดวกขึ้นมากสำหรับผู้เล่นยุคใหม่ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งนักสะสมและคนที่อยากสัมผัสเกมเก่าในคุณภาพสูง

    สรุปประเด็น
    Analogue 3D เปิดตัวพร้อมวันส่งมอบ 18 พฤศจิกายน
    ใช้ FPGA จำลองฮาร์ดแวร์จริง รองรับ 4K และ VRR

    รองรับตลับเกมและจอย N64 ดั้งเดิม
    มีพอร์ตครบ 4 ช่อง พร้อม Memory Pak

    ฟีเจอร์ Original Display Modes สร้างบรรยากาศ CRT
    เหมาะสำหรับแฟนเกมยุค 90 ที่ต้องการความสมจริง

    สินค้าถูกจองหมดแล้ว
    ผู้ที่ไม่ได้สั่งล่วงหน้าอาจต้องรอรอบใหม่

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/n64-cartridge-playing-analogue-3d-finally-gets-a-shipping-date-fpga-powered-nintendo-64-remake-with-4k-vrr-to-roll-out-starting-november-18
    🕹️ การกลับมาของเครื่องเล่นเกม Analogue 3D – Nintendo 64 ฉบับใหม่ เครื่องเล่นเกมในตำนาน Nintendo 64 กำลังกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ทันสมัยชื่อว่า Analogue 3D หลังจากเลื่อนการวางจำหน่ายหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้กำหนดวันส่งมอบจริงคือ 18 พฤศจิกายน ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี FPGA ที่จำลองฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม ทำให้เกมทำงานได้เหมือนเครื่องจริง ไม่ใช่การจำลองแบบซอฟต์แวร์ที่มักมีปัญหาเรื่องความหน่วงหรือบั๊ก สิ่งที่น่าสนใจคือ Analogue 3D รองรับการแสดงผล 4K และ VRR เพื่อให้ภาพลื่นไหลบนจอรุ่นใหม่ พร้อมโหมด “Original Display Modes” ที่เลียนแบบหน้าจอ CRT/PVM แบบเก่าเพื่อคงบรรยากาศดั้งเดิม ตัวเครื่องยังคงช่องเสียบตลับเกมเดิมและพอร์ตจอย N64 ทั้งสี่ช่อง ทำให้แฟน ๆ สามารถใช้จอยและอุปกรณ์เสริมเก่าได้ทันที ราคาขายอยู่ที่ 249.99 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้สินค้าถูกจองหมดแล้ว นอกจากการเล่นเกมเก่าได้เต็มรูปแบบ เครื่องยังมี Wi-Fi และรองรับจอยไร้สาย เช่น 8BitDo 64 ทำให้สะดวกขึ้นมากสำหรับผู้เล่นยุคใหม่ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งนักสะสมและคนที่อยากสัมผัสเกมเก่าในคุณภาพสูง 📌 สรุปประเด็น ✅ Analogue 3D เปิดตัวพร้อมวันส่งมอบ 18 พฤศจิกายน ➡️ ใช้ FPGA จำลองฮาร์ดแวร์จริง รองรับ 4K และ VRR ✅ รองรับตลับเกมและจอย N64 ดั้งเดิม ➡️ มีพอร์ตครบ 4 ช่อง พร้อม Memory Pak ✅ ฟีเจอร์ Original Display Modes สร้างบรรยากาศ CRT ➡️ เหมาะสำหรับแฟนเกมยุค 90 ที่ต้องการความสมจริง ‼️ สินค้าถูกจองหมดแล้ว ⛔ ผู้ที่ไม่ได้สั่งล่วงหน้าอาจต้องรอรอบใหม่ https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/n64-cartridge-playing-analogue-3d-finally-gets-a-shipping-date-fpga-powered-nintendo-64-remake-with-4k-vrr-to-roll-out-starting-november-18
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • การกลับมาของ Valve ในตลาด VR

    หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Steam Deck และ Steam Deck OLED ล่าสุด Valve ได้เปิดตัว Steam Frame VR ซึ่งเคยถูกเรียกในโค้ดเนมว่า “Deckard” โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2026 ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็น อุปกรณ์ VR แบบไร้สายและทำงานได้ด้วยตัวเอง (standalone) แต่ยังคงรองรับการสตรีมเกมจาก PC ผ่านอะแดปเตอร์ไร้สาย 6GHz ที่มีระบบ dual-radio เพื่อลดการรบกวนสัญญาณ

    สเปกและฟีเจอร์ที่โดดเด่น
    Steam Frame ใช้ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB และมีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB พร้อมช่อง microSD สำหรับขยายเพิ่ม รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ SteamOS และมีโปรแกรม Steam Frame Verified เพื่อบอกว่ามีเกมใดที่สามารถเล่นได้ในโหมด standalone นอกจากนี้ยังรองรับเกม Android เพื่อดึงดูดนักพัฒนาที่เคยทำงานบนแพลตฟอร์ม Quest

    เทคโนโลยี Foveated Streaming
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่สร้างความตื่นเต้นคือ Foveated Streaming ซึ่งใช้กล้องติดตามดวงตา 2 ตัวเพื่อเพิ่มความละเอียดภาพเฉพาะบริเวณที่ผู้เล่นกำลังมองอยู่ Valve อ้างว่าสามารถเพิ่มคุณภาพภาพและประสิทธิภาพแบนด์วิดท์ได้ถึง 10 เท่า ทำให้การสตรีมเกมจาก PC มีความคมชัดและลื่นไหลมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งจากนักพัฒนาเกม

    การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน
    ตัวเครื่องมีน้ำหนักรวมเพียง 440 กรัม โดยแบตเตอรี่ 21.6Wh ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักให้สมดุล รองรับการชาร์จเร็ว 45W และมีเลนส์แบบ pancake ที่ให้ภาพคมชัดทั่วทั้งขอบ พร้อมจอ LCD คู่ความละเอียด 2160 × 2160 ต่อข้าง รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมุมมองกว้าง 110 องศา ด้านเสียงมีลำโพงสเตอริโอคู่ที่ให้เสียงคุณภาพสูง ขณะที่คอนโทรลเลอร์ถูกออกแบบใหม่ให้มีระบบติดตาม 6-DOF และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Steam Frame VR
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กำหนดวางจำหน่ายต้นปี 2026
    เป็นอุปกรณ์ VR แบบ standalone และรองรับการสตรีมจาก PC

    สเปกและระบบภายใน
    Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB, พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3 และ SteamOS

    ฟีเจอร์ใหม่ Foveated Streaming
    ใช้กล้องติดตามดวงตาเพื่อเพิ่มคุณภาพภาพเฉพาะจุดที่มอง
    Valve เคลมว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 10 เท่า

    การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน
    น้ำหนักรวม 440 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ด้านหลังเพื่อสมดุล
    จอ LCD คู่ 2160 × 2160, รีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังไม่ประกาศราคาและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่แน่นอน
    ประสิทธิภาพเกม PC VR ที่ต้องการสเปกสูงอาจยังไม่สมบูรณ์ในโหมด standalone

    https://securityonline.info/steam-frame-vr-unveiled-valves-standalone-headset-targets-quest-with-snapdragon-foveated-streaming/
    🎮 การกลับมาของ Valve ในตลาด VR หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Steam Deck และ Steam Deck OLED ล่าสุด Valve ได้เปิดตัว Steam Frame VR ซึ่งเคยถูกเรียกในโค้ดเนมว่า “Deckard” โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2026 ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็น อุปกรณ์ VR แบบไร้สายและทำงานได้ด้วยตัวเอง (standalone) แต่ยังคงรองรับการสตรีมเกมจาก PC ผ่านอะแดปเตอร์ไร้สาย 6GHz ที่มีระบบ dual-radio เพื่อลดการรบกวนสัญญาณ ⚡ สเปกและฟีเจอร์ที่โดดเด่น Steam Frame ใช้ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB และมีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB พร้อมช่อง microSD สำหรับขยายเพิ่ม รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ SteamOS และมีโปรแกรม Steam Frame Verified เพื่อบอกว่ามีเกมใดที่สามารถเล่นได้ในโหมด standalone นอกจากนี้ยังรองรับเกม Android เพื่อดึงดูดนักพัฒนาที่เคยทำงานบนแพลตฟอร์ม Quest 👀 เทคโนโลยี Foveated Streaming หนึ่งในฟีเจอร์ที่สร้างความตื่นเต้นคือ Foveated Streaming ซึ่งใช้กล้องติดตามดวงตา 2 ตัวเพื่อเพิ่มความละเอียดภาพเฉพาะบริเวณที่ผู้เล่นกำลังมองอยู่ Valve อ้างว่าสามารถเพิ่มคุณภาพภาพและประสิทธิภาพแบนด์วิดท์ได้ถึง 10 เท่า ทำให้การสตรีมเกมจาก PC มีความคมชัดและลื่นไหลมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งจากนักพัฒนาเกม 🔊 การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน ตัวเครื่องมีน้ำหนักรวมเพียง 440 กรัม โดยแบตเตอรี่ 21.6Wh ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักให้สมดุล รองรับการชาร์จเร็ว 45W และมีเลนส์แบบ pancake ที่ให้ภาพคมชัดทั่วทั้งขอบ พร้อมจอ LCD คู่ความละเอียด 2160 × 2160 ต่อข้าง รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมุมมองกว้าง 110 องศา ด้านเสียงมีลำโพงสเตอริโอคู่ที่ให้เสียงคุณภาพสูง ขณะที่คอนโทรลเลอร์ถูกออกแบบใหม่ให้มีระบบติดตาม 6-DOF และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Steam Frame VR ➡️ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กำหนดวางจำหน่ายต้นปี 2026 ➡️ เป็นอุปกรณ์ VR แบบ standalone และรองรับการสตรีมจาก PC ✅ สเปกและระบบภายใน ➡️ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB, พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3 และ SteamOS ✅ ฟีเจอร์ใหม่ Foveated Streaming ➡️ ใช้กล้องติดตามดวงตาเพื่อเพิ่มคุณภาพภาพเฉพาะจุดที่มอง ➡️ Valve เคลมว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 10 เท่า ✅ การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน ➡️ น้ำหนักรวม 440 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ด้านหลังเพื่อสมดุล ➡️ จอ LCD คู่ 2160 × 2160, รีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ประกาศราคาและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่แน่นอน ⛔ ประสิทธิภาพเกม PC VR ที่ต้องการสเปกสูงอาจยังไม่สมบูรณ์ในโหมด standalone https://securityonline.info/steam-frame-vr-unveiled-valves-standalone-headset-targets-quest-with-snapdragon-foveated-streaming/
    SECURITYONLINE.INFO
    Steam Frame VR Unveiled: Valve's Standalone Headset Targets Quest with Snapdragon & Foveated Streaming
    Valve unveiled Steam Frame VR, a standalone headset with Snapdragon 8 Gen 3, SteamOS, and Foveated Streaming, set to launch in early 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • Collaboration Sucks – เมื่อการร่วมมือมากเกินไปกลายเป็นอุปสรรค

    บทความจาก Charles Cook ชี้ให้เห็นว่าในหลายองค์กร โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ การทำงานร่วมกันมากเกินไปอาจกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วในการพัฒนา เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนการขับรถที่มีคนคอยแทรกแซงตลอดเวลา ทำให้คนขับเสียสมาธิและไปถึงเป้าหมายช้าลง

    แนวคิดนี้เน้นว่า การให้ความรับผิดชอบกับบุคคล (You’re the driver) สำคัญกว่าการประชุมหรือการขอความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เพราะการทำงานที่มีเจ้าของชัดเจนจะช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ถูกส่งมอบได้เร็วและมีคุณภาพมากกว่า

    สิ่งที่น่าสนใจคือ PostHog ซึ่งเป็นบริษัทที่เขียนบทความนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมที่เน้นการ “ลงมือทำ” มากกว่าการ “หารือ” โดยให้ทีมงานมีอิสระสูงในการตัดสินใจและรับผิดชอบงานของตนเองเต็มที่

    แนวคิด “You’re the driver”
    เน้นความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่าการประชุม

    วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำ
    PostHog ให้ทีมงานตัดสินใจเองและรับผิดชอบเต็มที่

    ความเสี่ยงจากการลดการร่วมมือ
    อาจทำให้บางงานที่ต้องการคุณภาพสูงเกิดข้อผิดพลาด

    การขาดการสื่อสารที่เหมาะสม
    อาจทำให้ทีมงานบางส่วนรู้สึกถูกตัดออกจากกระบวนการ

    https://newsletter.posthog.com/p/collaboration-sucks
    🚗 Collaboration Sucks – เมื่อการร่วมมือมากเกินไปกลายเป็นอุปสรรค บทความจาก Charles Cook ชี้ให้เห็นว่าในหลายองค์กร โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ การทำงานร่วมกันมากเกินไปอาจกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วในการพัฒนา เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนการขับรถที่มีคนคอยแทรกแซงตลอดเวลา ทำให้คนขับเสียสมาธิและไปถึงเป้าหมายช้าลง แนวคิดนี้เน้นว่า การให้ความรับผิดชอบกับบุคคล (You’re the driver) สำคัญกว่าการประชุมหรือการขอความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เพราะการทำงานที่มีเจ้าของชัดเจนจะช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ถูกส่งมอบได้เร็วและมีคุณภาพมากกว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ PostHog ซึ่งเป็นบริษัทที่เขียนบทความนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมที่เน้นการ “ลงมือทำ” มากกว่าการ “หารือ” โดยให้ทีมงานมีอิสระสูงในการตัดสินใจและรับผิดชอบงานของตนเองเต็มที่ ✅ แนวคิด “You’re the driver” ➡️ เน้นความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่าการประชุม ✅ วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำ ➡️ PostHog ให้ทีมงานตัดสินใจเองและรับผิดชอบเต็มที่ ‼️ ความเสี่ยงจากการลดการร่วมมือ ⛔ อาจทำให้บางงานที่ต้องการคุณภาพสูงเกิดข้อผิดพลาด ‼️ การขาดการสื่อสารที่เหมาะสม ⛔ อาจทำให้ทีมงานบางส่วนรู้สึกถูกตัดออกจากกระบวนการ https://newsletter.posthog.com/p/collaboration-sucks
    NEWSLETTER.POSTHOG.COM
    Collaboration sucks
    If you want to go fast, go alone; if you want to go far, go alone too. (mostly)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนทุ่ม 14 ล้านดอลลาร์ผลิตควอตซ์สังเคราะห์ หวังหลุดพึ่งเหมืองเดียวในสหรัฐฯ ที่โลกต้องพึ่งพา”

    รู้หรือไม่ว่าโลกทั้งใบกำลังพึ่งพาเหมืองควอตซ์บริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวในสหรัฐฯ สำหรับการผลิตชิป? เหมืองแห่งนี้ในรัฐนอร์ทแคโรไลนาเป็นแหล่งเดียวที่สามารถผลิตควอตซ์บริสุทธิ์ระดับสูงที่จำเป็นต่อการสร้าง “crucible” หรือเบ้าหลอมซิลิคอน และ “photomask” ที่ใช้ในกระบวนการลิโธกราฟีของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

    จีนมองเห็นจุดอ่อนนี้ และได้ตัดสินใจลงทุนกว่า 100 ล้านหยวน (ประมาณ 14 ล้านดอลลาร์) ผ่านกองทุน Big Fund III โดยตรงเข้าสู่บริษัท Nantong Crystal Co., Ltd. เพื่อเร่งการผลิตควอตซ์สังเคราะห์คุณภาพสูงในประเทศ หวังลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และเสริมแกร่งอธิปไตยด้านเทคโนโลยี

    ควอตซ์: วัตถุดิบเล็กๆ ที่สำคัญยิ่งใหญ่
    ควอตซ์บริสุทธิ์ไม่ใช่แค่หินธรรมดา แต่เป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง:
    ใช้ทำเบ้าหลอมซิลิคอนที่ต้องทนความร้อนสูงและไม่มีสิ่งเจือปน
    ใช้ทำ photomask ที่ต้องมีความใสและเสถียรสูงในการพิมพ์ลวดลายบนเวเฟอร์
    หากไม่มีควอตซ์บริสุทธิ์เหล่านี้ การผลิตชิปขั้นสูงจะเป็นไปไม่ได้เลย

    ความเคลื่อนไหวของจีน
    ลงทุน 100 ล้านหยวน (~14 ล้านดอลลาร์) ใน Nantong Crystal
    เงินทุนมาจาก SDIC Jixin ภายใต้ Big Fund III
    รัฐบาลจีนถือหุ้น 25% ในบริษัทนี้โดยตรง

    ความสำคัญของควอตซ์บริสุทธิ์
    ใช้ทำ crucible สำหรับหลอมซิลิคอน
    ใช้ทำ photomask สำหรับลิโธกราฟี
    ต้องมีความใสและทนความร้อนสูงมาก

    ความเสี่ยงของการพึ่งพาเหมืองเดียว
    เหมืองใน North Carolina เป็นแหล่งเดียวของควอตซ์บริสุทธิ์ระดับนี้
    หากสหรัฐฯ จำกัดการส่งออก อาจกระทบการผลิตชิปของจีน
    จีนจึงเร่งพัฒนาแหล่งผลิตในประเทศเพื่อความมั่นคง

    ความคืบหน้าของ Nantong Crystal
    เริ่มผลิตควอตซ์สังเคราะห์ได้บางส่วนแล้ว
    ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากสหรัฐฯ อยู่มาก
    ต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะพึ่งพาตนเองได้เต็มที่

    คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน
    การพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบเดียวเป็นความเสี่ยงระดับโลก
    ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจกระทบอุตสาหกรรมชิปทั้งโลก
    การควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญอาจกลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-world-is-overly-reliant-on-one-us-located-mine-for-critical-chipmaking-material-but-china-is-working-to-break-the-stranglehold-china-investing-over-usd14-million-in-synthetic-quartz-manufacturing-to-diversify-away-from-us-dependency
    🪨🔧 “จีนทุ่ม 14 ล้านดอลลาร์ผลิตควอตซ์สังเคราะห์ หวังหลุดพึ่งเหมืองเดียวในสหรัฐฯ ที่โลกต้องพึ่งพา” รู้หรือไม่ว่าโลกทั้งใบกำลังพึ่งพาเหมืองควอตซ์บริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวในสหรัฐฯ สำหรับการผลิตชิป? เหมืองแห่งนี้ในรัฐนอร์ทแคโรไลนาเป็นแหล่งเดียวที่สามารถผลิตควอตซ์บริสุทธิ์ระดับสูงที่จำเป็นต่อการสร้าง “crucible” หรือเบ้าหลอมซิลิคอน และ “photomask” ที่ใช้ในกระบวนการลิโธกราฟีของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ จีนมองเห็นจุดอ่อนนี้ และได้ตัดสินใจลงทุนกว่า 100 ล้านหยวน (ประมาณ 14 ล้านดอลลาร์) ผ่านกองทุน Big Fund III โดยตรงเข้าสู่บริษัท Nantong Crystal Co., Ltd. เพื่อเร่งการผลิตควอตซ์สังเคราะห์คุณภาพสูงในประเทศ หวังลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และเสริมแกร่งอธิปไตยด้านเทคโนโลยี 🧪 ควอตซ์: วัตถุดิบเล็กๆ ที่สำคัญยิ่งใหญ่ ควอตซ์บริสุทธิ์ไม่ใช่แค่หินธรรมดา แต่เป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง: 🎗️ ใช้ทำเบ้าหลอมซิลิคอนที่ต้องทนความร้อนสูงและไม่มีสิ่งเจือปน 🎗️ ใช้ทำ photomask ที่ต้องมีความใสและเสถียรสูงในการพิมพ์ลวดลายบนเวเฟอร์ 🎗️ หากไม่มีควอตซ์บริสุทธิ์เหล่านี้ การผลิตชิปขั้นสูงจะเป็นไปไม่ได้เลย ✅ ความเคลื่อนไหวของจีน ➡️ ลงทุน 100 ล้านหยวน (~14 ล้านดอลลาร์) ใน Nantong Crystal ➡️ เงินทุนมาจาก SDIC Jixin ภายใต้ Big Fund III ➡️ รัฐบาลจีนถือหุ้น 25% ในบริษัทนี้โดยตรง ✅ ความสำคัญของควอตซ์บริสุทธิ์ ➡️ ใช้ทำ crucible สำหรับหลอมซิลิคอน ➡️ ใช้ทำ photomask สำหรับลิโธกราฟี ➡️ ต้องมีความใสและทนความร้อนสูงมาก ✅ ความเสี่ยงของการพึ่งพาเหมืองเดียว ➡️ เหมืองใน North Carolina เป็นแหล่งเดียวของควอตซ์บริสุทธิ์ระดับนี้ ➡️ หากสหรัฐฯ จำกัดการส่งออก อาจกระทบการผลิตชิปของจีน ➡️ จีนจึงเร่งพัฒนาแหล่งผลิตในประเทศเพื่อความมั่นคง ✅ ความคืบหน้าของ Nantong Crystal ➡️ เริ่มผลิตควอตซ์สังเคราะห์ได้บางส่วนแล้ว ➡️ ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากสหรัฐฯ อยู่มาก ➡️ ต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะพึ่งพาตนเองได้เต็มที่ ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบเดียวเป็นความเสี่ยงระดับโลก ⛔ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจกระทบอุตสาหกรรมชิปทั้งโลก ⛔ การควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญอาจกลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-world-is-overly-reliant-on-one-us-located-mine-for-critical-chipmaking-material-but-china-is-working-to-break-the-stranglehold-china-investing-over-usd14-million-in-synthetic-quartz-manufacturing-to-diversify-away-from-us-dependency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10: โน้ตบุ๊ก Linux สเปคแรงจัด พร้อม Ryzen AI และ RTX 5000 Series

    TUXEDO Computers เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ “InfinityBook Max 15 Gen10” ที่มาพร้อมขุมพลัง AMD Ryzen AI 300 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5060/5070 รุ่นล่าสุด พร้อมรองรับการใช้งาน Linux เต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับทั้งสายงานหนักและเกมเมอร์ที่ต้องการความเสถียรและพลังประมวลผลสูง

    TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 คือโน้ตบุ๊กระดับเรือธงที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะ ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมทั้งตัว แข็งแรงแต่บางเบา ภายในอัดแน่นด้วยสเปคระดับสูงที่พร้อมรองรับงาน AI, การตัดต่อวิดีโอ, การเล่นเกม และการใช้งานระดับองค์กร

    จุดเด่นคือการใช้ซีพียู AMD Ryzen AI 300 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีหน่วยประมวลผล AI ในตัว (NPU) พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA RTX 5000 ซีรีส์ และหน้าจอ 15.3 นิ้ว ความละเอียด WQXGA รีเฟรชเรตสูงถึง 300Hz

    สรุปจุดเด่นของ TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10
    สเปคภายในระดับไฮเอนด์
    ซีพียู AMD Ryzen AI 7 350 (8 คอร์), Ryzen AI 9 365 (10 คอร์), หรือ Ryzen AI 9 HX 370 (12 คอร์)
    การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5060 หรือ 5070 พร้อม VRAM 8GB GDDR7
    รองรับ RAM สูงสุด 128GB และ SSD PCIe 4.0 สูงสุด 8TB

    หน้าจอคุณภาพสูง
    ขนาด 15.3 นิ้ว WQXGA (2560×1600), อัตราส่วน 16:10
    รีเฟรชเรตสูงสุด 300Hz, ความสว่าง 500 nits, คอนทราสต์ 1200:1, ครอบคลุมสี sRGB 100%

    การเชื่อมต่อครบครัน
    Wi-Fi 6 (Intel AX210 หรือ AMD RZ616), Bluetooth 5.3, LAN Gigabit
    USB-A 3.2 Gen1 x3, USB-C 3.2 Gen2 (DP 1.4a), HDMI 2.0 และ 2.1, USB4, SD card reader

    ฟีเจอร์เสริมเพื่อความปลอดภัยและความสะดวก
    TPM 2.0, ปุ่ม killswitch สำหรับ webcam, Wi-Fi, Bluetooth
    คีย์บอร์ด RGB แบบ rubberdome เงียบ, touchpad กระจก, ลำโพงสเตอริโอ 2W

    ระบบปฏิบัติการ
    มาพร้อม TUXEDO OS (พื้นฐานจาก Ubuntu + KDE Plasma) หรือ Ubuntu 24.04 LTS

    ราคาและการวางจำหน่าย
    เริ่มต้นที่ 1,689 ยูโร (~1,644 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมภาษี)
    เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ จัดส่งต้นเดือนธันวาคม

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไปที่มีสเปคใกล้เคียงกัน
    เหมาะกับผู้ใช้ Linux ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการรองรับฮาร์ดแวร์แบบเนทีฟ

    TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 คือคำตอบของผู้ใช้ Linux ที่ต้องการโน้ตบุ๊กทรงพลัง พร้อมรองรับงาน AI และมั่นใจในความเสถียรของระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์ส

    https://9to5linux.com/tuxedo-infinitybook-max-15-gen10-linux-laptop-announced-with-amd-ryzen-ai-300
    💻 TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10: โน้ตบุ๊ก Linux สเปคแรงจัด พร้อม Ryzen AI และ RTX 5000 Series TUXEDO Computers เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ “InfinityBook Max 15 Gen10” ที่มาพร้อมขุมพลัง AMD Ryzen AI 300 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5060/5070 รุ่นล่าสุด พร้อมรองรับการใช้งาน Linux เต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับทั้งสายงานหนักและเกมเมอร์ที่ต้องการความเสถียรและพลังประมวลผลสูง TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 คือโน้ตบุ๊กระดับเรือธงที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะ ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมทั้งตัว แข็งแรงแต่บางเบา ภายในอัดแน่นด้วยสเปคระดับสูงที่พร้อมรองรับงาน AI, การตัดต่อวิดีโอ, การเล่นเกม และการใช้งานระดับองค์กร จุดเด่นคือการใช้ซีพียู AMD Ryzen AI 300 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีหน่วยประมวลผล AI ในตัว (NPU) พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA RTX 5000 ซีรีส์ และหน้าจอ 15.3 นิ้ว ความละเอียด WQXGA รีเฟรชเรตสูงถึง 300Hz 💻 สรุปจุดเด่นของ TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 ✅ สเปคภายในระดับไฮเอนด์ ➡️ ซีพียู AMD Ryzen AI 7 350 (8 คอร์), Ryzen AI 9 365 (10 คอร์), หรือ Ryzen AI 9 HX 370 (12 คอร์) ➡️ การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5060 หรือ 5070 พร้อม VRAM 8GB GDDR7 ➡️ รองรับ RAM สูงสุด 128GB และ SSD PCIe 4.0 สูงสุด 8TB ✅ หน้าจอคุณภาพสูง ➡️ ขนาด 15.3 นิ้ว WQXGA (2560×1600), อัตราส่วน 16:10 ➡️ รีเฟรชเรตสูงสุด 300Hz, ความสว่าง 500 nits, คอนทราสต์ 1200:1, ครอบคลุมสี sRGB 100% ✅ การเชื่อมต่อครบครัน ➡️ Wi-Fi 6 (Intel AX210 หรือ AMD RZ616), Bluetooth 5.3, LAN Gigabit ➡️ USB-A 3.2 Gen1 x3, USB-C 3.2 Gen2 (DP 1.4a), HDMI 2.0 และ 2.1, USB4, SD card reader ✅ ฟีเจอร์เสริมเพื่อความปลอดภัยและความสะดวก ➡️ TPM 2.0, ปุ่ม killswitch สำหรับ webcam, Wi-Fi, Bluetooth ➡️ คีย์บอร์ด RGB แบบ rubberdome เงียบ, touchpad กระจก, ลำโพงสเตอริโอ 2W ✅ ระบบปฏิบัติการ ➡️ มาพร้อม TUXEDO OS (พื้นฐานจาก Ubuntu + KDE Plasma) หรือ Ubuntu 24.04 LTS ✅ ราคาและการวางจำหน่าย ➡️ เริ่มต้นที่ 1,689 ยูโร (~1,644 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมภาษี) ➡️ เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ จัดส่งต้นเดือนธันวาคม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไปที่มีสเปคใกล้เคียงกัน ⛔ เหมาะกับผู้ใช้ Linux ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการรองรับฮาร์ดแวร์แบบเนทีฟ TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 คือคำตอบของผู้ใช้ Linux ที่ต้องการโน้ตบุ๊กทรงพลัง พร้อมรองรับงาน AI และมั่นใจในความเสถียรของระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์ส https://9to5linux.com/tuxedo-infinitybook-max-15-gen10-linux-laptop-announced-with-amd-ryzen-ai-300
    9TO5LINUX.COM
    TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 Linux Laptop Announced with AMD Ryzen AI 300 - 9to5Linux
    TUXEDO InfinityBook Max 15 Gen10 Linux laptop announced with AMD Ryzen AI 300 CPUs, up to 128GB RAM, up to 8TB SDD, and NVIDIA RTX GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gemini Deep Research: AI ส่วนตัวของ Google ที่เจาะลึกถึง Gmail และ Drive ของคุณ

    Google ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับฟีเจอร์ “Deep Research” ใน Gemini AI ที่ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลจากเว็บอีกต่อไป แต่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณใน Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และแม้แต่ Google Chat เพื่อสร้างรายงานที่ “รู้ใจ” และ “ตรงจุด” มากขึ้น!

    ก่อนหน้านี้ Gemini Deep Research ใช้ข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานวิเคราะห์ แต่ตอนนี้มันสามารถดึงข้อมูลจาก Workspace ของคุณได้โดยตรง เช่น:
    ถ้าคุณขอรายงานการตลาด มันจะค้นหาโน้ตใน Drive
    ดึงอีเมลที่เกี่ยวข้องจาก Gmail
    รวมข้อมูลจาก Sheets และ Docs
    แล้วสร้างรายงานที่อิงทั้งข้อมูลภายในและภายนอก

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่คุณยังคงควบคุมได้ว่าจะให้ Gemini เข้าถึงอะไรบ้าง ผ่านเมนูตั้งค่าที่เลือกเปิด/ปิดการเข้าถึง Search, Gmail, Drive และ Chat ได้ตามต้องการ

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Gemini Deep Research
    เข้าถึงข้อมูลจาก Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และ Chat
    ใช้ข้อมูลภายในร่วมกับข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานที่แม่นยำ

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างรายงานการตลาดจากโน้ตใน Drive + อีเมลใน Gmail
    สร้างสเปรดชีตวิเคราะห์คู่แข่งโดยอิงจากข้อมูลภายในและภายนอก

    การควบคุมความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดการเข้าถึงแต่ละบริการได้
    มีเมนู dropdown ให้เลือกแหล่งข้อมูลที่อนุญาต

    การเปิดใช้งาน
    พร้อมใช้งานแล้วบน Gemini เวอร์ชันเดสก์ท็อป
    รองรับมือถือทั้ง iOS และ Android ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
    ใช้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

    Gemini Deep Research กำลังเปลี่ยน AI จาก “ผู้ช่วยทั่วไป” เป็น “นักวิเคราะห์ส่วนตัว” ที่เข้าใจบริบทของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมสร้างข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและตรงจุดมากขึ้นกว่าเดิม

    https://securityonline.info/personalized-ai-geminis-deep-research-now-accesses-your-gmail-google-drive-data/
    🔍 Gemini Deep Research: AI ส่วนตัวของ Google ที่เจาะลึกถึง Gmail และ Drive ของคุณ Google ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับฟีเจอร์ “Deep Research” ใน Gemini AI ที่ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลจากเว็บอีกต่อไป แต่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณใน Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และแม้แต่ Google Chat เพื่อสร้างรายงานที่ “รู้ใจ” และ “ตรงจุด” มากขึ้น! ก่อนหน้านี้ Gemini Deep Research ใช้ข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานวิเคราะห์ แต่ตอนนี้มันสามารถดึงข้อมูลจาก Workspace ของคุณได้โดยตรง เช่น: 🔖 ถ้าคุณขอรายงานการตลาด มันจะค้นหาโน้ตใน Drive 🔖 ดึงอีเมลที่เกี่ยวข้องจาก Gmail 🔖 รวมข้อมูลจาก Sheets และ Docs 🔖 แล้วสร้างรายงานที่อิงทั้งข้อมูลภายในและภายนอก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่คุณยังคงควบคุมได้ว่าจะให้ Gemini เข้าถึงอะไรบ้าง ผ่านเมนูตั้งค่าที่เลือกเปิด/ปิดการเข้าถึง Search, Gmail, Drive และ Chat ได้ตามต้องการ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Gemini Deep Research ➡️ เข้าถึงข้อมูลจาก Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และ Chat ➡️ ใช้ข้อมูลภายในร่วมกับข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานที่แม่นยำ ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างรายงานการตลาดจากโน้ตใน Drive + อีเมลใน Gmail ➡️ สร้างสเปรดชีตวิเคราะห์คู่แข่งโดยอิงจากข้อมูลภายในและภายนอก ✅ การควบคุมความเป็นส่วนตัว ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดการเข้าถึงแต่ละบริการได้ ➡️ มีเมนู dropdown ให้เลือกแหล่งข้อมูลที่อนุญาต ✅ การเปิดใช้งาน ➡️ พร้อมใช้งานแล้วบน Gemini เวอร์ชันเดสก์ท็อป ➡️ รองรับมือถือทั้ง iOS และ Android ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ➡️ ใช้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Gemini Deep Research กำลังเปลี่ยน AI จาก “ผู้ช่วยทั่วไป” เป็น “นักวิเคราะห์ส่วนตัว” ที่เข้าใจบริบทของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมสร้างข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและตรงจุดมากขึ้นกว่าเดิม 🧠📂 https://securityonline.info/personalized-ai-geminis-deep-research-now-accesses-your-gmail-google-drive-data/
    SECURITYONLINE.INFO
    Personalized AI: Gemini's Deep Research Now Accesses Your Gmail & Google Drive Data
    Google Gemini's Deep Research now integrates Gmail, Drive, & Docs content to create personalized reports. Users maintain full control over which data the AI accesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยีวันนี้: WhatsApp บุก Apple Watch แบบเต็มตัว!

    ในที่สุดก็ถึงวันที่หลายคนรอคอย—Meta ประกาศเปิดตัวแอป WhatsApp แบบ native สำหรับ Apple Watch แล้ว! ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนจาก iPhone อีกต่อไป แต่เป็นการใช้งานจริงจังบนข้อมือคุณ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การสื่อสารสะดวกขึ้นกว่าเดิม

    ลองนึกภาพคุณกำลังเดินเล่นอยู่ แล้วมีข้อความเข้ามา คุณไม่ต้องหยิบมือถือเลย แค่ยกข้อมือขึ้นก็สามารถอ่านข้อความเต็มๆ ตอบกลับด้วยเสียง หรือส่งอีโมจิได้ทันที นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ Apple Watch กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่แท้จริง

    นอกจากฟีเจอร์ใหม่ WhatsApp ยังยืนยันว่าการเข้ารหัสแบบ end-to-end ยังคงอยู่ แม้จะใช้งานบน Apple Watch ซึ่งถือเป็นจุดแข็งด้านความปลอดภัยที่หลายคนให้ความสำคัญ

    ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาในแอป WhatsApp บน Apple Watch

    รองรับการอ่านข้อความแบบเต็ม
    ไม่ต้องทนกับข้อความที่ถูกตัดอีกต่อไป อ่านได้ครบถ้วนบนหน้าปัด

    ส่งข้อความเสียงได้ทันที
    กดอัดเสียงและส่งได้จากนาฬิกาโดยตรง ไม่ต้องพึ่งมือถือ

    ตอบกลับด้วยอีโมจิ
    เพิ่มความเร็วและความสนุกในการสื่อสาร

    ดูข้อมูลสายเรียกเข้าแบบละเอียด
    ตัดสินใจรับสายได้ง่ายขึ้นจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ

    รองรับภาพและสติกเกอร์
    ดูภาพและสติกเกอร์คุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหล

    เข้าถึงประวัติแชทย้อนหลังได้มากขึ้น
    ไม่ต้องเปิดมือถือเพื่อดูแชตเก่าอีกต่อไป

    การเข้ารหัสแบบ End-to-End ยังคงอยู่
    ปลอดภัยแม้ใช้งานผ่านอุปกรณ์สวมใส่

    ข้อจำกัดในการใช้งาน
    ต้องใช้ Apple Watch Series 4 ขึ้นไป และต้องรัน watchOS 10 หรือใหม่กว่า
    ไม่สามารถใช้งานได้กับ Apple Watch รุ่นเก่า หรือ watchOS ต่ำกว่าเวอร์ชันที่กำหนด

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม
    Meta ใช้เวลานานในการพัฒนาแอป native สำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ไม่ใช่ iPhone เช่น Instagram บน iPad ก็เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้
    การพัฒนาแอป native ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านความเร็วและความเสถียร
    Apple Watch กำลังกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือสุขภาพอีกต่อไป

    นี่คือก้าวสำคัญของ WhatsApp และ Apple Watch ที่ทำให้การสื่อสารบนข้อมือคุณเป็นเรื่องจริงจังและปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม

    https://securityonline.info/finally-independent-whatsapp-launches-native-apple-watch-app-with-voice-messages/
    🕰️ ข่าวเทคโนโลยีวันนี้: WhatsApp บุก Apple Watch แบบเต็มตัว! ในที่สุดก็ถึงวันที่หลายคนรอคอย—Meta ประกาศเปิดตัวแอป WhatsApp แบบ native สำหรับ Apple Watch แล้ว! ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนจาก iPhone อีกต่อไป แต่เป็นการใช้งานจริงจังบนข้อมือคุณ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การสื่อสารสะดวกขึ้นกว่าเดิม ลองนึกภาพคุณกำลังเดินเล่นอยู่ แล้วมีข้อความเข้ามา คุณไม่ต้องหยิบมือถือเลย แค่ยกข้อมือขึ้นก็สามารถอ่านข้อความเต็มๆ ตอบกลับด้วยเสียง หรือส่งอีโมจิได้ทันที นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ Apple Watch กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่แท้จริง นอกจากฟีเจอร์ใหม่ WhatsApp ยังยืนยันว่าการเข้ารหัสแบบ end-to-end ยังคงอยู่ แม้จะใช้งานบน Apple Watch ซึ่งถือเป็นจุดแข็งด้านความปลอดภัยที่หลายคนให้ความสำคัญ 📱 ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาในแอป WhatsApp บน Apple Watch ✅ รองรับการอ่านข้อความแบบเต็ม ➡️ ไม่ต้องทนกับข้อความที่ถูกตัดอีกต่อไป อ่านได้ครบถ้วนบนหน้าปัด ✅ ส่งข้อความเสียงได้ทันที ➡️ กดอัดเสียงและส่งได้จากนาฬิกาโดยตรง ไม่ต้องพึ่งมือถือ ✅ ตอบกลับด้วยอีโมจิ ➡️ เพิ่มความเร็วและความสนุกในการสื่อสาร ✅ ดูข้อมูลสายเรียกเข้าแบบละเอียด ➡️ ตัดสินใจรับสายได้ง่ายขึ้นจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ ✅ รองรับภาพและสติกเกอร์ ➡️ ดูภาพและสติกเกอร์คุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหล ✅ เข้าถึงประวัติแชทย้อนหลังได้มากขึ้น ➡️ ไม่ต้องเปิดมือถือเพื่อดูแชตเก่าอีกต่อไป ✅ การเข้ารหัสแบบ End-to-End ยังคงอยู่ ➡️ ปลอดภัยแม้ใช้งานผ่านอุปกรณ์สวมใส่ ‼️ ข้อจำกัดในการใช้งาน ⛔ ต้องใช้ Apple Watch Series 4 ขึ้นไป และต้องรัน watchOS 10 หรือใหม่กว่า ⛔ ไม่สามารถใช้งานได้กับ Apple Watch รุ่นเก่า หรือ watchOS ต่ำกว่าเวอร์ชันที่กำหนด 📚 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม 💠 Meta ใช้เวลานานในการพัฒนาแอป native สำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ไม่ใช่ iPhone เช่น Instagram บน iPad ก็เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ 💠 การพัฒนาแอป native ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านความเร็วและความเสถียร 💠 Apple Watch กำลังกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือสุขภาพอีกต่อไป นี่คือก้าวสำคัญของ WhatsApp และ Apple Watch ที่ทำให้การสื่อสารบนข้อมือคุณเป็นเรื่องจริงจังและปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม ✨ https://securityonline.info/finally-independent-whatsapp-launches-native-apple-watch-app-with-voice-messages/
    SECURITYONLINE.INFO
    Finally Independent: WhatsApp Launches Native Apple Watch App with Voice Messages
    Meta launched a native WhatsApp app for Apple Watch (watchOS 10+). Users can now view full messages, send voice notes, and use E2EE without the iPhone.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญญาประดิษฐ์สายวิจัยที่ไม่หยุดแค่ “แชตบอต”

    Tongyi DeepResearch เป็นโมเดล Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สตัวแรกที่สามารถทำงานวิจัยเชิงลึกได้เทียบเท่ากับโมเดลเชิงพาณิชย์ของ OpenAI โดยมีคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น:
    Humanity’s Last Exam (HLE): 32.9
    BrowseComp: 43.4
    BrowseComp-ZH: 46.7
    xbench-DeepSearch: 75

    โมเดลนี้ไม่ใช่แค่เก่งด้านการตอบคำถาม แต่ยังสามารถวางแผน ทำวิจัยหลายขั้นตอน และใช้เครื่องมือภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ framework reasoning แบบ ReAct และโหมดขั้นสูงที่เรียกว่า Heavy Mode เพื่อจัดการงานที่ซับซ้อน

    Tongyi DeepResearch เป็น Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลัง
    ทำงานได้เทียบเท่ากับ DeepResearch ของ OpenAI
    ได้คะแนนสูงในหลาย benchmark ด้าน reasoning และการค้นคว้า

    ใช้ข้อมูลสังเคราะห์คุณภาพสูงในการฝึก
    สร้าง QA pairs จากกราฟความรู้และคลิกสตรีม
    ใช้เทคนิคเพิ่มความยากของคำถามอย่างเป็นระบบ

    มีระบบฝึกแบบครบวงจร: CPT → SFT → RL
    Continual Pre-training ด้วยข้อมูลสังเคราะห์
    Fine-tuning ด้วยข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
    Reinforcement Learning แบบ on-policy เพื่อปรับพฤติกรรมให้ตรงเป้าหมาย

    ใช้โครงสร้าง reasoning แบบ ReAct และ IterResearch
    ReAct: วงจร Thought → Action → Observation
    IterResearch: แบ่งงานวิจัยเป็นรอบ ๆ เพื่อรักษาโฟกัสและคุณภาพ reasoning

    มีการใช้งานจริงในระบบของ Alibaba
    เช่น “Xiao Gao” ผู้ช่วยด้านแผนที่ และ “FaRui” ผู้ช่วยด้านกฎหมาย
    ทำงานวิจัยหลายขั้นตอนและให้ผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้

    https://tongyi-agent.github.io/blog/introducing-tongyi-deep-research/
    🧠 ปัญญาประดิษฐ์สายวิจัยที่ไม่หยุดแค่ “แชตบอต” Tongyi DeepResearch เป็นโมเดล Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สตัวแรกที่สามารถทำงานวิจัยเชิงลึกได้เทียบเท่ากับโมเดลเชิงพาณิชย์ของ OpenAI โดยมีคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น: 🔖 Humanity’s Last Exam (HLE): 32.9 🔖 BrowseComp: 43.4 🔖 BrowseComp-ZH: 46.7 🔖 xbench-DeepSearch: 75 โมเดลนี้ไม่ใช่แค่เก่งด้านการตอบคำถาม แต่ยังสามารถวางแผน ทำวิจัยหลายขั้นตอน และใช้เครื่องมือภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ framework reasoning แบบ ReAct และโหมดขั้นสูงที่เรียกว่า Heavy Mode เพื่อจัดการงานที่ซับซ้อน ✅ Tongyi DeepResearch เป็น Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลัง ➡️ ทำงานได้เทียบเท่ากับ DeepResearch ของ OpenAI ➡️ ได้คะแนนสูงในหลาย benchmark ด้าน reasoning และการค้นคว้า ✅ ใช้ข้อมูลสังเคราะห์คุณภาพสูงในการฝึก ➡️ สร้าง QA pairs จากกราฟความรู้และคลิกสตรีม ➡️ ใช้เทคนิคเพิ่มความยากของคำถามอย่างเป็นระบบ ✅ มีระบบฝึกแบบครบวงจร: CPT → SFT → RL ➡️ Continual Pre-training ด้วยข้อมูลสังเคราะห์ ➡️ Fine-tuning ด้วยข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Reinforcement Learning แบบ on-policy เพื่อปรับพฤติกรรมให้ตรงเป้าหมาย ✅ ใช้โครงสร้าง reasoning แบบ ReAct และ IterResearch ➡️ ReAct: วงจร Thought → Action → Observation ➡️ IterResearch: แบ่งงานวิจัยเป็นรอบ ๆ เพื่อรักษาโฟกัสและคุณภาพ reasoning ✅ มีการใช้งานจริงในระบบของ Alibaba ➡️ เช่น “Xiao Gao” ผู้ช่วยด้านแผนที่ และ “FaRui” ผู้ช่วยด้านกฎหมาย ➡️ ทำงานวิจัยหลายขั้นตอนและให้ผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้ https://tongyi-agent.github.io/blog/introducing-tongyi-deep-research/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • Crunchyroll ทำลายคุณภาพซับไตเติลอย่างไม่มีเหตุผล — เมื่อศิลปะการแปลถูกลดทอนเพื่อความสะดวกของแพลตฟอร์มใหญ่

    Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติลในวงการอนิเมะ ด้วยการใช้เทคนิค typesetting ที่ซับซ้อน เช่น การจัดตำแหน่งข้อความ การใช้ฟอนต์และสีที่หลากหลาย รวมถึงการแปลข้อความบนหน้าจออย่างครบถ้วน แต่ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็นต้นมา คุณภาพซับไตเติลกลับตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ในผลงานที่ผลิตโดยทีมงานของ Crunchyroll เอง

    เกิดอะไรขึ้น? Crunchyroll เริ่มลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Netflix และ Amazon Prime Video ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านการแสดงผลซับไตเติล เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งซับหลายจุด หรือแสดงข้อความซ้อนกัน แม้ว่าเทคโนโลยี TTML ที่ใช้จะรองรับฟีเจอร์เหล่านี้ก็ตาม

    เบื้องหลังการตัดสินใจ จากข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผยชื่อ พบว่า Crunchyroll เคยมีทีมงานแปลงซับไตเติลคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำของแพลตฟอร์มอื่น แต่ในที่สุดผู้บริหารตัดสินใจผลิตซับไตเติลแบบต่ำคุณภาพเพียงอย่างเดียว เพื่อความสะดวกในการ sublicensing และลดต้นทุน แม้จะแลกกับประสบการณ์การรับชมที่ด้อยลง

    ประวัติการพัฒนาซับไตเติลของ Crunchyroll
    เริ่มจากการใช้ซับแฟนซับในยุคแรก
    พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และต่อมาใน HTML5 ด้วย WebAssembly
    เคยใช้ libass เพื่อรองรับการ typeset อย่างเต็มรูปแบบ
    แต่ไม่เคยพัฒนาให้รองรับฟอนต์แบบกำหนดเองอย่างจริงจัง

    ผลกระทบต่อผู้ชม
    ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปล
    ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก
    เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต

    Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติล
    ใช้เทคนิค typesetting เช่น การจัดตำแหน่ง ฟอนต์ สี และการแปลข้อความบนหน้าจอ
    พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และ HTML5 ด้วย libass

    การเปลี่ยนแปลงในปี 2025
    ลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลใช้งานร่วมกับ Netflix และ Amazon ได้
    ผลิตซับไตเติลแบบ TTML ที่มีคุณภาพต่ำเป็นหลัก
    ทีมงานภายในต้องแปลงซับคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำ

    ผลกระทบต่อผู้ชม
    ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปลหรือแสดงผลอย่างเหมาะสม
    ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก
    เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต

    คำเตือนต่ออนาคตของการแปลอนิเมะ
    หากแพลตฟอร์มใหญ่ยังคงใช้มาตรฐานต่ำ อนิเมะอาจสูญเสียความละเอียดในการเล่าเรื่อง
    การลดคุณภาพซับไตเติลอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกห่างเหินจากเนื้อหาต้นฉบับ

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ซับแปลผิด” แต่คือการลดทอนศิลปะการแปลที่เคยเป็นหัวใจของการรับชมอนิเมะอย่างแท้จริง

    https://daiz.moe/crunchyroll-is-destroying-its-subtitles-for-no-good-reason/
    🎬 Crunchyroll ทำลายคุณภาพซับไตเติลอย่างไม่มีเหตุผล — เมื่อศิลปะการแปลถูกลดทอนเพื่อความสะดวกของแพลตฟอร์มใหญ่ Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติลในวงการอนิเมะ ด้วยการใช้เทคนิค typesetting ที่ซับซ้อน เช่น การจัดตำแหน่งข้อความ การใช้ฟอนต์และสีที่หลากหลาย รวมถึงการแปลข้อความบนหน้าจออย่างครบถ้วน แต่ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็นต้นมา คุณภาพซับไตเติลกลับตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ในผลงานที่ผลิตโดยทีมงานของ Crunchyroll เอง 📉 เกิดอะไรขึ้น? Crunchyroll เริ่มลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Netflix และ Amazon Prime Video ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านการแสดงผลซับไตเติล เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งซับหลายจุด หรือแสดงข้อความซ้อนกัน แม้ว่าเทคโนโลยี TTML ที่ใช้จะรองรับฟีเจอร์เหล่านี้ก็ตาม 👥 เบื้องหลังการตัดสินใจ จากข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผยชื่อ พบว่า Crunchyroll เคยมีทีมงานแปลงซับไตเติลคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำของแพลตฟอร์มอื่น แต่ในที่สุดผู้บริหารตัดสินใจผลิตซับไตเติลแบบต่ำคุณภาพเพียงอย่างเดียว เพื่อความสะดวกในการ sublicensing และลดต้นทุน แม้จะแลกกับประสบการณ์การรับชมที่ด้อยลง 📜 ประวัติการพัฒนาซับไตเติลของ Crunchyroll 📍 เริ่มจากการใช้ซับแฟนซับในยุคแรก 📍 พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และต่อมาใน HTML5 ด้วย WebAssembly 📍 เคยใช้ libass เพื่อรองรับการ typeset อย่างเต็มรูปแบบ 📍 แต่ไม่เคยพัฒนาให้รองรับฟอนต์แบบกำหนดเองอย่างจริงจัง 📺 ผลกระทบต่อผู้ชม 📍 ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปล 📍 ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก 📍 เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต ✅ Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติล ➡️ ใช้เทคนิค typesetting เช่น การจัดตำแหน่ง ฟอนต์ สี และการแปลข้อความบนหน้าจอ ➡️ พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และ HTML5 ด้วย libass ✅ การเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ➡️ ลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลใช้งานร่วมกับ Netflix และ Amazon ได้ ➡️ ผลิตซับไตเติลแบบ TTML ที่มีคุณภาพต่ำเป็นหลัก ➡️ ทีมงานภายในต้องแปลงซับคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำ ‼️ ผลกระทบต่อผู้ชม ⛔ ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปลหรือแสดงผลอย่างเหมาะสม ⛔ ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก ⛔ เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของการแปลอนิเมะ ⛔ หากแพลตฟอร์มใหญ่ยังคงใช้มาตรฐานต่ำ อนิเมะอาจสูญเสียความละเอียดในการเล่าเรื่อง ⛔ การลดคุณภาพซับไตเติลอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกห่างเหินจากเนื้อหาต้นฉบับ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ซับแปลผิด” แต่คือการลดทอนศิลปะการแปลที่เคยเป็นหัวใจของการรับชมอนิเมะอย่างแท้จริง https://daiz.moe/crunchyroll-is-destroying-its-subtitles-for-no-good-reason/
    DAIZ.MOE
    Crunchyroll is destroying its subtitles for no good reason
    With the Fall 2025 anime season, Crunchyroll demonstrates zero respect for anime as a medium as the presentation quality of its subtitles reach an all-time low.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนงาน "ซอย" ที่น่าเบื่อ ให้เป็นงาน "สร้างสรรค์" ในพริบตา!
    เหนื่อยไหมกับการนั่งซอยขิงทีละเส้น? เสียเวลา เสียพลังงาน แถมขนาดก็ไม่สม่ำเสมอ? ถึงเวลาให้ เครื่องหั่นมันฝรั่งรุ่น YPS-J310-606-Z-S เป็นสุดยอดผู้ช่วยมือโปรในครัวคุณ!

    ไม่ใช่แค่มันฝรั่ง... แต่คือ "เทพแห่งการซอยขิง" ตัวจริง!
    เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ โรงงาน, ภัตตาคาร, และร้านอาหารขนาดกลาง-ใหญ่ ที่เน้นเรื่องคุณภาพและความรวดเร็ว!

    พลังผลิตระดับอุตสาหกรรม: เร็ว แรง ทันใจ! ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง (KG/H) เทียบเท่าแรงงานคนหลายสิบคน!

    มอเตอร์แรงเต็มที่: ใช้มอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ทำงานต่อเนื่องได้สบาย ไม่มีสะดุด

    สเตนเลสแท้ : ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัยมาตรฐานโรงงานอาหาร

    ปรับได้ 3 สไตล์: เครื่องเดียวจบ ครบทุกเมนู! สามารถเปลี่ยนใบมีดเพื่อหั่นได้ทั้ง แผ่น, แท่ง, และเส้น ขนาดสม่ำเสมอ!

    ขนาดและน้ำหนัก: ขนาด 468 x 572 x 690 มม. และน้ำหนัก 43 กก.

    หยุดเสียเวลาซอย! เปลี่ยนมา "ลงทุน" กับความเร็วและคุณภาพในครัวคุณ!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ย. ย่งฮะเฮง (Y. Yonghahheng)

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    เวลาทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.)
    เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    ช่องทางติดต่อ:
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ สายด่วน 081-3189098
    แชท Inbox: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นขิง #เครื่องซอยขิง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวร้านอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ขิงซอย #ขิง #โรงงานอาหาร #โรงงานแปรรูป #ร้านอาหาร #ภัตตาคาร #โรงแรม #ครัวมืออาชีพ #ประหยัดเวลา #เพิ่มประสิทธิภาพ #สเตนเลสสตีล
    📢💥 เปลี่ยนงาน "ซอย" ที่น่าเบื่อ ให้เป็นงาน "สร้างสรรค์" ในพริบตา! 💥📢 เหนื่อยไหมกับการนั่งซอยขิงทีละเส้น? 😭 เสียเวลา เสียพลังงาน แถมขนาดก็ไม่สม่ำเสมอ? ถึงเวลาให้ เครื่องหั่นมันฝรั่งรุ่น YPS-J310-606-Z-S เป็นสุดยอดผู้ช่วยมือโปรในครัวคุณ! 🧑‍🍳🔪 🌶️✨ ไม่ใช่แค่มันฝรั่ง... แต่คือ "เทพแห่งการซอยขิง" ตัวจริง! ✨🌶️ เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ โรงงาน, ภัตตาคาร, และร้านอาหารขนาดกลาง-ใหญ่ ที่เน้นเรื่องคุณภาพและความรวดเร็ว! ⚡ พลังผลิตระดับอุตสาหกรรม: เร็ว แรง ทันใจ! ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง (KG/H) เทียบเท่าแรงงานคนหลายสิบคน! ⚙️ มอเตอร์แรงเต็มที่: ใช้มอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ทำงานต่อเนื่องได้สบาย ไม่มีสะดุด ✨ สเตนเลสแท้ 💯: ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัยมาตรฐานโรงงานอาหาร 📏 ปรับได้ 3 สไตล์: เครื่องเดียวจบ ครบทุกเมนู! สามารถเปลี่ยนใบมีดเพื่อหั่นได้ทั้ง แผ่น, แท่ง, และเส้น ขนาดสม่ำเสมอ! 📐 ขนาดและน้ำหนัก: ขนาด 468 x 572 x 690 มม. และน้ำหนัก 43 กก. 👉 หยุดเสียเวลาซอย! เปลี่ยนมา "ลงทุน" กับความเร็วและคุณภาพในครัวคุณ! 📍 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ย. ย่งฮะเฮง (Y. Yonghahheng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.) เสาร์ (8.00-16.00 น.) ช่องทางติดต่อ: 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ สายด่วน 081-3189098 💬 แชท Inbox: m.me/yonghahheng 📲 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นขิง #เครื่องซอยขิง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวร้านอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ขิงซอย #ขิง #โรงงานอาหาร #โรงงานแปรรูป #ร้านอาหาร #ภัตตาคาร #โรงแรม #ครัวมืออาชีพ #ประหยัดเวลา #เพิ่มประสิทธิภาพ #สเตนเลสสตีล
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สร้างมาตรฐานแคปหมู! ด้วยพลัง 1.5 แรงม้า!
    ถึงเวลาเลิกเหนื่อยกับการหั่นหนังหมูแบบเดิม ๆ แล้วหันมาใช้เครื่องจักรคุณภาพ! "เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 3" (FOOD CUTTER) คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แคปหมูและหมูกระจกของคุณ กรอบ ฟู เท่ากันทุกชิ้น!

    เครื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่หั่นได้ แต่มาพร้อมสเปคที่รองรับงานหนัก!

    สเปคเครื่องหั่นเบอร์ 3 ที่มืออาชีพวางใจ:
    รุ่น: YDS-3TF98-3-T-S
    มอเตอร์: 1.5 แรงม้า (พลังแรง ตัดขาดได้ต่อเนื่อง)
    กำลังการผลิต: 200-300 กก./ชม. (รับออร์เดอร์เยอะแค่ไหนก็เอาอยู่)
    กระแสไฟฟ้า: ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์
    วัสดุ: ตัวเครื่องและใบมีดทำจาก สแตนเลส คุณภาพสูง
    ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม.
    น้ำหนัก 65 กิโลกรัม

    คุณสมบัติเด่น: มีการ์ดกั้นป้องกัน (Safety) และมีล้อเลื่อนสำหรับเคลื่อนย้าย

    เครื่องนี้สำหรับผู้ผลิตแคปหมูโดยเฉพาะ: เน้นการหั่น หนังหมู/เนื้อสัตว์สด (รวมถึงต้มสุก) เท่านั้น! ห้าม! ใช้กับวัตถุดิบที่แช่แข็ง มีกระดูก หรือพืชผักอื่น ๆ

    ลงทุนเพื่อประสิทธิภาพ! ให้ทุกชิ้นส่วนของแคปหมู/หมูกระจกของคุณได้ขนาดมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ทันที!

    สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ:
    ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA
    เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. เสาร์: 9.00-16.00 น.
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9

    www.yoryonghahheng.com

    #แคปหมู #หมูกระจก #เครื่องหั่น #เครื่องหั่นหนังหมู #FoodCutter #เครื่องหั่นเบอร์3 #มอเตอร์1จุด5แรงม้า #สแตนเลส304 #กำลังการผลิตสูง #ทำแคปหมูขาย #โรงงานขนาดเล็ก #ธุรกิจอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #SME #สร้างอาชีพ #ลงทุนธุรกิจ #ลดต้นทุนแรงงาน #วัตถุดิบหนังหมู #หนังหมู #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #YoryongHahHeng #เครื่องจักร #หั่นเนื้อสด #หมูทอด #แคปหมูติดมัน #แคปหมูไร้มัน #220V #มาตรฐานGMP #เลือกคุณภาพ
    🐷✂️ สร้างมาตรฐานแคปหมู! ด้วยพลัง 1.5 แรงม้า! ✂️🐷 ถึงเวลาเลิกเหนื่อยกับการหั่นหนังหมูแบบเดิม ๆ แล้วหันมาใช้เครื่องจักรคุณภาพ! "เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 3" (FOOD CUTTER) คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แคปหมูและหมูกระจกของคุณ กรอบ ฟู เท่ากันทุกชิ้น! เครื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่หั่นได้ แต่มาพร้อมสเปคที่รองรับงานหนัก! ✨ สเปคเครื่องหั่นเบอร์ 3 ที่มืออาชีพวางใจ: รุ่น: YDS-3TF98-3-T-S มอเตอร์: 1.5 แรงม้า (พลังแรง ตัดขาดได้ต่อเนื่อง) กำลังการผลิต: 200-300 กก./ชม. (รับออร์เดอร์เยอะแค่ไหนก็เอาอยู่) กระแสไฟฟ้า: ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์ วัสดุ: ตัวเครื่องและใบมีดทำจาก สแตนเลส คุณภาพสูง ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม. น้ำหนัก 65 กิโลกรัม คุณสมบัติเด่น: มีการ์ดกั้นป้องกัน (Safety) และมีล้อเลื่อนสำหรับเคลื่อนย้าย ⚠️ เครื่องนี้สำหรับผู้ผลิตแคปหมูโดยเฉพาะ: เน้นการหั่น หนังหมู/เนื้อสัตว์สด (รวมถึงต้มสุก) เท่านั้น! ห้าม! ใช้กับวัตถุดิบที่แช่แข็ง มีกระดูก หรือพืชผักอื่น ๆ ลงทุนเพื่อประสิทธิภาพ! ให้ทุกชิ้นส่วนของแคปหมู/หมูกระจกของคุณได้ขนาดมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ทันที! 📍 สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. เสาร์: 9.00-16.00 น. ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 www.yoryonghahheng.com #แคปหมู #หมูกระจก #เครื่องหั่น #เครื่องหั่นหนังหมู #FoodCutter #เครื่องหั่นเบอร์3 #มอเตอร์1จุด5แรงม้า #สแตนเลส304 #กำลังการผลิตสูง #ทำแคปหมูขาย #โรงงานขนาดเล็ก #ธุรกิจอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #SME #สร้างอาชีพ #ลงทุนธุรกิจ #ลดต้นทุนแรงงาน #วัตถุดิบหนังหมู #หนังหมู #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #YoryongHahHeng #เครื่องจักร #หั่นเนื้อสด #หมูทอด #แคปหมูติดมัน #แคปหมูไร้มัน #220V #มาตรฐานGMP #เลือกคุณภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 575 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Gemini Canvas เพิ่มฟีเจอร์สร้างสไลด์อัตโนมัติ — แค่พิมพ์หรืออัปโหลดไฟล์ ก็ได้พรีเซนต์พร้อมใช้ทันที

    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini Canvas ที่สามารถสร้างสไลด์พรีเซนเทชันได้อัตโนมัติจากข้อความหรือไฟล์ที่ผู้ใช้ให้มา โดยไม่ต้องใช้ PowerPoint หรือ Google Slides ตั้งแต่ต้นอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อช่วยนักเรียนและมืออาชีพให้ทำงานนำเสนอได้เร็วขึ้นและดูดีขึ้น

    Gemini Canvas เป็นพื้นที่ทำงานแบบอินเทอร์แอคทีฟที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2025 โดยให้ผู้ใช้สามารถวางข้อความยาวหรือโค้ดเพื่อให้ Gemini ช่วยแก้ไขหรือปรับแต่งได้ทันที ล่าสุด Google เพิ่มฟีเจอร์ “Instant Slides” ที่ให้ผู้ใช้สร้างสไลด์พรีเซนต์ได้ง่าย ๆ ด้วย 2 วิธี:

    1️⃣ พิมพ์คำสั่ง เช่น “สร้างพรีเซนต์เรื่องการท่องเที่ยวในอังกฤษ” แล้ว Gemini จะสร้างสไลด์พร้อมภาพและธีมให้ทันที 2️⃣ อัปโหลดไฟล์ เช่น เอกสาร Word, Excel หรือ PDF แล้วให้ Gemini สร้างสไลด์จากเนื้อหาในไฟล์นั้น

    หลังจากสร้างสไลด์แล้ว ผู้ใช้สามารถส่งออกไปยัง Google Slides เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือแชร์กับทีมได้ทันที

    ฟีเจอร์นี้จะทยอยเปิดให้ใช้งานในบัญชี Google ส่วนตัวและ Google Workspace ทั้งภาคธุรกิจและการศึกษา เริ่มตั้งแต่วันนี้

    นอกจากนี้ Gemini ยังอัปเดตฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น:

    Veo 3.1 สำหรับสร้างวิดีโอคุณภาพสูง
    Gemini 2.5 Flash ที่ให้คำแนะนำแบบละเอียด
    การแสดงผล LaTeX ที่ดีขึ้น
    Gemini บน Google TV ที่ช่วยค้นหารายการด้วยเสียง

    ฟีเจอร์ Instant Slides ใน Gemini Canvas
    สร้างสไลด์จากข้อความหรือไฟล์ที่อัปโหลด
    มีภาพประกอบและธีมอัตโนมัติ
    ส่งออกไปยัง Google Slides ได้ทันที

    วิธีใช้งาน
    พิมพ์คำสั่ง เช่น “สร้างพรีเซนต์เรื่อง…”
    อัปโหลดไฟล์เอกสารหรือข้อมูลเพื่อให้ Gemini สร้างสไลด์

    การเปิดใช้งาน
    เริ่มทยอยเปิดให้ใช้ในบัญชี Google ส่วนตัวและ Workspace
    รองรับทั้งภาคธุรกิจและการศึกษา

    ฟีเจอร์อื่นที่อัปเดตใน Gemini
    Veo 3.1 สำหรับสร้างวิดีโอคุณภาพสูง
    Gemini 2.5 Flash ให้คำแนะนำแบบละเอียด
    รองรับ LaTeX และ PDF ที่สวยงาม
    Gemini บน Google TV ช่วยค้นหารายการด้วยเสียง

    https://securityonline.info/instant-slides-google-gemini-canvas-can-now-auto-generate-presentations/
    🖼️ Google Gemini Canvas เพิ่มฟีเจอร์สร้างสไลด์อัตโนมัติ — แค่พิมพ์หรืออัปโหลดไฟล์ ก็ได้พรีเซนต์พร้อมใช้ทันที Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini Canvas ที่สามารถสร้างสไลด์พรีเซนเทชันได้อัตโนมัติจากข้อความหรือไฟล์ที่ผู้ใช้ให้มา โดยไม่ต้องใช้ PowerPoint หรือ Google Slides ตั้งแต่ต้นอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อช่วยนักเรียนและมืออาชีพให้ทำงานนำเสนอได้เร็วขึ้นและดูดีขึ้น Gemini Canvas เป็นพื้นที่ทำงานแบบอินเทอร์แอคทีฟที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2025 โดยให้ผู้ใช้สามารถวางข้อความยาวหรือโค้ดเพื่อให้ Gemini ช่วยแก้ไขหรือปรับแต่งได้ทันที ล่าสุด Google เพิ่มฟีเจอร์ “Instant Slides” ที่ให้ผู้ใช้สร้างสไลด์พรีเซนต์ได้ง่าย ๆ ด้วย 2 วิธี: 1️⃣ พิมพ์คำสั่ง เช่น “สร้างพรีเซนต์เรื่องการท่องเที่ยวในอังกฤษ” แล้ว Gemini จะสร้างสไลด์พร้อมภาพและธีมให้ทันที 2️⃣ อัปโหลดไฟล์ เช่น เอกสาร Word, Excel หรือ PDF แล้วให้ Gemini สร้างสไลด์จากเนื้อหาในไฟล์นั้น หลังจากสร้างสไลด์แล้ว ผู้ใช้สามารถส่งออกไปยัง Google Slides เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือแชร์กับทีมได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะทยอยเปิดให้ใช้งานในบัญชี Google ส่วนตัวและ Google Workspace ทั้งภาคธุรกิจและการศึกษา เริ่มตั้งแต่วันนี้ นอกจากนี้ Gemini ยังอัปเดตฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น: 🎗️ Veo 3.1 สำหรับสร้างวิดีโอคุณภาพสูง 🎗️ Gemini 2.5 Flash ที่ให้คำแนะนำแบบละเอียด 🎗️ การแสดงผล LaTeX ที่ดีขึ้น 🎗️ Gemini บน Google TV ที่ช่วยค้นหารายการด้วยเสียง ✅ ฟีเจอร์ Instant Slides ใน Gemini Canvas ➡️ สร้างสไลด์จากข้อความหรือไฟล์ที่อัปโหลด ➡️ มีภาพประกอบและธีมอัตโนมัติ ➡️ ส่งออกไปยัง Google Slides ได้ทันที ✅ วิธีใช้งาน ➡️ พิมพ์คำสั่ง เช่น “สร้างพรีเซนต์เรื่อง…” ➡️ อัปโหลดไฟล์เอกสารหรือข้อมูลเพื่อให้ Gemini สร้างสไลด์ ✅ การเปิดใช้งาน ➡️ เริ่มทยอยเปิดให้ใช้ในบัญชี Google ส่วนตัวและ Workspace ➡️ รองรับทั้งภาคธุรกิจและการศึกษา ✅ ฟีเจอร์อื่นที่อัปเดตใน Gemini ➡️ Veo 3.1 สำหรับสร้างวิดีโอคุณภาพสูง ➡️ Gemini 2.5 Flash ให้คำแนะนำแบบละเอียด ➡️ รองรับ LaTeX และ PDF ที่สวยงาม ➡️ Gemini บน Google TV ช่วยค้นหารายการด้วยเสียง https://securityonline.info/instant-slides-google-gemini-canvas-can-now-auto-generate-presentations/
    SECURITYONLINE.INFO
    Instant Slides: Google Gemini Canvas Can Now Auto-Generate Presentations
    Google Gemini's Canvas workspace now uses AI to automatically generate presentation slides from a prompt or uploaded documents, ready for export to Google Slides.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI จับมือ Juilliard สร้างเครื่องมือ AI แต่งเพลงจากข้อความ — เตรียมพลิกโฉมวงการดนตรี

    OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือสร้างเพลงด้วย AI ที่สามารถแต่งเพลงจากข้อความหรือเสียง โดยร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard School เพื่อฝึกโมเดลด้วยข้อมูลระดับมืออาชีพ เป้าหมายคือการสร้างเพลงคุณภาพสูงจากคำอธิบายง่าย ๆ เช่น “อยากได้เพลงเศร้าแบบเปียโน” หรือ “จังหวะสนุกสไตล์เร็กเก้”

    OpenAI เคยทดลองสร้างเพลงด้วย AI มาแล้วในโปรเจกต์ MuseNet และ Jukebox แต่ครั้งนี้กลับมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม โดยใช้โมเดลมัลติโหมดที่สามารถรับคำสั่งเป็นข้อความหรือเสียง แล้วสร้างเพลงที่ตรงกับอารมณ์และสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ

    เพื่อให้โมเดลเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ OpenAI ได้ร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีระดับโลก โดยให้นักเรียนช่วย “annotate” หรือใส่คำอธิบายให้กับโน้ตเพลง เพื่อให้ AI เข้าใจโครงสร้างดนตรี เครื่องดนตรี และอารมณ์ของแต่ละท่อน

    เครื่องมือนี้อาจถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น:
    สร้างเพลงประกอบวิดีโอ YouTube หรือโฆษณา
    เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่แล้ว
    สร้างเพลงประกอบเกมหรือพอดแคสต์แบบอัตโนมัติ

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเครื่องมือนี้อาจถูกผนวกเข้ากับ ChatGPT หรือ Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอของ OpenAI

    จุดเด่นของเครื่องมือ AI สร้างเพลง
    สร้างเพลงจากข้อความหรือเสียงได้โดยตรง
    รองรับการกำหนดอารมณ์ จังหวะ และสไตล์
    ใช้ข้อมูลจาก Juilliard เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจดนตรีระดับมืออาชีพ

    ความร่วมมือกับ Juilliard
    นักเรียนช่วยใส่คำอธิบายให้โน้ตเพลงเพื่อฝึก AI
    เพิ่มความแม่นยำในการเข้าใจโครงสร้างและอารมณ์ของเพลง
    ผสานความรู้ดนตรีคลาสสิกกับเทคโนโลยีล้ำสมัย

    การใช้งานที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
    สร้างเพลงประกอบวิดีโอ โฆษณา หรือเกม
    เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่
    สร้างเพลงแบบอัตโนมัติสำหรับครีเอเตอร์อิสระ

    คำเตือนเกี่ยวกับ AI ดนตรี
    อาจเกิดปัญหาลิขสิทธิ์หาก AI เลียนแบบเพลงที่มีอยู่
    ศิลปินบางคนกังวลว่า AI อาจลดคุณค่าของงานสร้างสรรค์
    มีกรณีที่ผู้ไม่หวังดีใช้ AI สร้างเพลงปลอมเพื่อหารายได้จากสตรีมมิ่ง

    https://securityonline.info/openai-is-developing-an-ai-music-generator-with-help-from-juilliard/
    🎼 OpenAI จับมือ Juilliard สร้างเครื่องมือ AI แต่งเพลงจากข้อความ — เตรียมพลิกโฉมวงการดนตรี OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือสร้างเพลงด้วย AI ที่สามารถแต่งเพลงจากข้อความหรือเสียง โดยร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard School เพื่อฝึกโมเดลด้วยข้อมูลระดับมืออาชีพ เป้าหมายคือการสร้างเพลงคุณภาพสูงจากคำอธิบายง่าย ๆ เช่น “อยากได้เพลงเศร้าแบบเปียโน” หรือ “จังหวะสนุกสไตล์เร็กเก้” OpenAI เคยทดลองสร้างเพลงด้วย AI มาแล้วในโปรเจกต์ MuseNet และ Jukebox แต่ครั้งนี้กลับมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม โดยใช้โมเดลมัลติโหมดที่สามารถรับคำสั่งเป็นข้อความหรือเสียง แล้วสร้างเพลงที่ตรงกับอารมณ์และสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ เพื่อให้โมเดลเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ OpenAI ได้ร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีระดับโลก โดยให้นักเรียนช่วย “annotate” หรือใส่คำอธิบายให้กับโน้ตเพลง เพื่อให้ AI เข้าใจโครงสร้างดนตรี เครื่องดนตรี และอารมณ์ของแต่ละท่อน เครื่องมือนี้อาจถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น: 🎵 สร้างเพลงประกอบวิดีโอ YouTube หรือโฆษณา 🎵 เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่แล้ว 🎵 สร้างเพลงประกอบเกมหรือพอดแคสต์แบบอัตโนมัติ แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเครื่องมือนี้อาจถูกผนวกเข้ากับ ChatGPT หรือ Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอของ OpenAI ✅ จุดเด่นของเครื่องมือ AI สร้างเพลง ➡️ สร้างเพลงจากข้อความหรือเสียงได้โดยตรง ➡️ รองรับการกำหนดอารมณ์ จังหวะ และสไตล์ ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Juilliard เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจดนตรีระดับมืออาชีพ ✅ ความร่วมมือกับ Juilliard ➡️ นักเรียนช่วยใส่คำอธิบายให้โน้ตเพลงเพื่อฝึก AI ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการเข้าใจโครงสร้างและอารมณ์ของเพลง ➡️ ผสานความรู้ดนตรีคลาสสิกกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ การใช้งานที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ➡️ สร้างเพลงประกอบวิดีโอ โฆษณา หรือเกม ➡️ เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่ ➡️ สร้างเพลงแบบอัตโนมัติสำหรับครีเอเตอร์อิสระ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับ AI ดนตรี ⛔ อาจเกิดปัญหาลิขสิทธิ์หาก AI เลียนแบบเพลงที่มีอยู่ ⛔ ศิลปินบางคนกังวลว่า AI อาจลดคุณค่าของงานสร้างสรรค์ ⛔ มีกรณีที่ผู้ไม่หวังดีใช้ AI สร้างเพลงปลอมเพื่อหารายได้จากสตรีมมิ่ง https://securityonline.info/openai-is-developing-an-ai-music-generator-with-help-from-juilliard/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenAI is Developing an AI Music Generator with Help from Juilliard
    OpenAI is reportedly developing a text/audio-to-music AI generator and is collaborating with students from The Juilliard School to train its models.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • จบทุกงานบดผงใน 15 วินาที! พริกป่นละเอียด หอมเครื่องเทศ ต้อง "เครื่องบดถ้วย 1,000 กรัม" เท่านั้น!
    เบื่อไหมกับการบดพริกที่ทั้งช้าและไม่ละเอียด? ถ้าคุณทำธุรกิจหรือต้องการผงสมุนไพรคุณภาพสูง นี่คือคำตอบ! เครื่องบดถ้วย รุ่น 1,000 กรัม (Powder Maker) รหัส YBG-DFY1000C-SUS-DA เครื่องเดียวเอาอยู่!

    จุดเด่น สเปคเน้น ๆ (Power Specs):
    ความเร็วฟ้าผ่า: บดเต็มความจุ 1,000 กรัม (1 กิโลกรัม) ได้เป็นผงละเอียดใน 15 วินาที!
    รอบจัด: มอเตอร์ 2,000W (2.6HP) ปั่นด้วยความเร็ว 25,000 RPM ผงละเอียดเนียนกริ๊บ!
    วัสดุคุณภาพ: แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับงานหนัก

    เครื่องนี้ทำอะไรได้บ้าง? (เน้นบดของแห้งให้เป็นผงละเอียด)
    บดพริกแห้ง: ทำ พริกป่น หอม ๆ เนียน ๆ
    บดสมุนไพร/ยา: บดรากไม้ สมุนไพรแห้งทุกชนิด ให้เป็นผงสำหรับบรรจุแคปซูล
    บดธัญพืช/เมล็ดพืช: ข้าวสารทำ ข้าวคั่ว งา ถั่วเหลือง
    บดอาหารแห้ง: ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ทำผงโรย หรือผงปรุงรส

    ลงทุนกับเครื่องที่ใช่ เพื่อคุณภาพและกำไรที่เพิ่มขึ้น!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.)
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA

    #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดผง #เครื่องบดพริก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #ยิ่งฮะเฮง #PowderMaker #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดเมล็ดกาแฟ #เครื่องบดข้าวคั่ว #พริกป่น #ผงปรุงรส #แคปซูลสมุนไพร #สมุนไพรไทย #รากสมุนไพร #การแปรรูปอาหาร #โรงงานขนาดเล็ก #SMEไทย #ธุรกิจอาหาร #KitchenTools #GrindingMachine #HighSpeedGrinder #ChiliPowder #SpiceGrinder #HerbGrinder #25000RPM #เครื่องจักรแปรรูป #คุณภาพส่งออก #Yoryonghahheng
    🌶️✨ จบทุกงานบดผงใน 15 วินาที! พริกป่นละเอียด หอมเครื่องเทศ ต้อง "เครื่องบดถ้วย 1,000 กรัม" เท่านั้น! ✨🌿 เบื่อไหมกับการบดพริกที่ทั้งช้าและไม่ละเอียด? ถ้าคุณทำธุรกิจหรือต้องการผงสมุนไพรคุณภาพสูง นี่คือคำตอบ! เครื่องบดถ้วย รุ่น 1,000 กรัม (Powder Maker) รหัส YBG-DFY1000C-SUS-DA เครื่องเดียวเอาอยู่! 🔥 จุดเด่น สเปคเน้น ๆ (Power Specs): ⚡ ความเร็วฟ้าผ่า: บดเต็มความจุ 1,000 กรัม (1 กิโลกรัม) ได้เป็นผงละเอียดใน 15 วินาที! 🚀 รอบจัด: มอเตอร์ 2,000W (2.6HP) ปั่นด้วยความเร็ว 25,000 RPM ผงละเอียดเนียนกริ๊บ! 💪 วัสดุคุณภาพ: แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับงานหนัก 🌶️ เครื่องนี้ทำอะไรได้บ้าง? (เน้นบดของแห้งให้เป็นผงละเอียด) บดพริกแห้ง: ทำ พริกป่น หอม ๆ เนียน ๆ บดสมุนไพร/ยา: บดรากไม้ สมุนไพรแห้งทุกชนิด ให้เป็นผงสำหรับบรรจุแคปซูล บดธัญพืช/เมล็ดพืช: ข้าวสารทำ ข้าวคั่ว งา ถั่วเหลือง บดอาหารแห้ง: ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ทำผงโรย หรือผงปรุงรส ลงทุนกับเครื่องที่ใช่ เพื่อคุณภาพและกำไรที่เพิ่มขึ้น! 💸 📍 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.) 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 💬 แชท: m.me/yonghahheng 📲 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 🗺️ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดผง #เครื่องบดพริก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #ยิ่งฮะเฮง #PowderMaker #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดเมล็ดกาแฟ #เครื่องบดข้าวคั่ว #พริกป่น #ผงปรุงรส #แคปซูลสมุนไพร #สมุนไพรไทย #รากสมุนไพร #การแปรรูปอาหาร #โรงงานขนาดเล็ก #SMEไทย #ธุรกิจอาหาร #KitchenTools #GrindingMachine #HighSpeedGrinder #ChiliPowder #SpiceGrinder #HerbGrinder #25000RPM #เครื่องจักรแปรรูป #คุณภาพส่งออก #Yoryonghahheng
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
  • Audio-Technica เปิดตัว ATH-ADX7000 – หูฟังระดับออดิโอไฟล์รุ่นใหม่ พร้อมไดรเวอร์ 58 มม. และดีไซน์แม่นยำขั้นสุด

    Audio-Technica แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังจากญี่ปุ่นเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ ATH-ADX7000 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ open-back ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ฟังระดับออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาดใหญ่ถึง 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เสียงมีความชัดเจน ละเอียด และเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    ตัวไดรเวอร์ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount ที่วาง voice coil ไว้ตรงกลางของ housing เพื่อให้ตำแหน่งเสียงแม่นยำสูงสุด โครงสร้างของหูฟังใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม และช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์

    ATH-ADX7000 มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ ได้แก่ สาย balanced แบบ 4-pin XLRM และสาย unbalanced แบบ 6.3 มม. พร้อมกล่องแข็งสำหรับพกพา โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ในราคา $3,499 (ประมาณ 126,000 บาท)

    จุดเด่นของ ATH-ADX7000
    ใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาด 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่
    ติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount เพื่อความแม่นยำของเสียง
    โครงสร้างอลูมิเนียมรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม
    มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ: balanced และ unbalanced
    รวมกล่องแข็งสำหรับพกพา และมีหมายเลขซีเรียลเฉพาะแต่ละตัว

    การออกแบบเพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด
    ดีไซน์ open-back เพื่อความโปร่งของเสียง
    วัสดุช่วยลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความบริสุทธิ์ของเสียง
    รองรับการใช้งานกับแอมป์ระดับสูงสำหรับผู้ฟังออดิโอไฟล์

    การวางจำหน่าย
    เริ่มวางขายวันที่ 31 ตุลาคม
    ราคา $3,499 หรือประมาณ 126,000 บาท
    ถือเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ที่เหนือกว่าหูฟังทั่วไปในตลาด

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ราคาสูงมาก เหมาะเฉพาะผู้ใช้งานระดับออดิโอไฟล์จริงจัง
    ต้องใช้แอมป์คุณภาพสูงเพื่อดึงศักยภาพของหูฟังออกมาเต็มที่
    ดีไซน์ open-back ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะหรือเสียงรบกวนเยอะ
    น้ำหนักเบาแต่ยังต้องพิจารณาความสบายในการใช้งานระยะยาว

    https://www.techradar.com/televisions/japanese-hi-fi-great-audio-technica-just-launched-a-pair-of-hardcore-audiophile-headphones-with-a-new-driver-and-ultra-precise-audio-design
    🎧 Audio-Technica เปิดตัว ATH-ADX7000 – หูฟังระดับออดิโอไฟล์รุ่นใหม่ พร้อมไดรเวอร์ 58 มม. และดีไซน์แม่นยำขั้นสุด Audio-Technica แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังจากญี่ปุ่นเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ ATH-ADX7000 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ open-back ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ฟังระดับออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาดใหญ่ถึง 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เสียงมีความชัดเจน ละเอียด และเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตัวไดรเวอร์ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount ที่วาง voice coil ไว้ตรงกลางของ housing เพื่อให้ตำแหน่งเสียงแม่นยำสูงสุด โครงสร้างของหูฟังใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม และช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์ ATH-ADX7000 มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ ได้แก่ สาย balanced แบบ 4-pin XLRM และสาย unbalanced แบบ 6.3 มม. พร้อมกล่องแข็งสำหรับพกพา โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ในราคา $3,499 (ประมาณ 126,000 บาท) ✅ จุดเด่นของ ATH-ADX7000 ➡️ ใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาด 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ➡️ ติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount เพื่อความแม่นยำของเสียง ➡️ โครงสร้างอลูมิเนียมรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม ➡️ มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ: balanced และ unbalanced ➡️ รวมกล่องแข็งสำหรับพกพา และมีหมายเลขซีเรียลเฉพาะแต่ละตัว ✅ การออกแบบเพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด ➡️ ดีไซน์ open-back เพื่อความโปร่งของเสียง ➡️ วัสดุช่วยลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความบริสุทธิ์ของเสียง ➡️ รองรับการใช้งานกับแอมป์ระดับสูงสำหรับผู้ฟังออดิโอไฟล์ ✅ การวางจำหน่าย ➡️ เริ่มวางขายวันที่ 31 ตุลาคม ➡️ ราคา $3,499 หรือประมาณ 126,000 บาท ➡️ ถือเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ที่เหนือกว่าหูฟังทั่วไปในตลาด ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ราคาสูงมาก เหมาะเฉพาะผู้ใช้งานระดับออดิโอไฟล์จริงจัง ⛔ ต้องใช้แอมป์คุณภาพสูงเพื่อดึงศักยภาพของหูฟังออกมาเต็มที่ ⛔ ดีไซน์ open-back ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะหรือเสียงรบกวนเยอะ ⛔ น้ำหนักเบาแต่ยังต้องพิจารณาความสบายในการใช้งานระยะยาว https://www.techradar.com/televisions/japanese-hi-fi-great-audio-technica-just-launched-a-pair-of-hardcore-audiophile-headphones-with-a-new-driver-and-ultra-precise-audio-design
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI

    Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต

    Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้

    ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง

    Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI

    คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล

    รายละเอียดคดีฟ้องร้อง
    Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์
    บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล

    หลักฐานสำคัญ
    Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้
    พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit

    การตอบโต้จาก Perplexity
    ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit
    ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ
    กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI

    ความเคลื่อนไหวของ Reddit
    เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน
    มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI
    เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI

    https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    🧠 Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้ ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล ✅ รายละเอียดคดีฟ้องร้อง ➡️ Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์ ➡️ บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล ✅ หลักฐานสำคัญ ➡️ Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้ ➡️ พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit ✅ การตอบโต้จาก Perplexity ➡️ ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit ➡️ ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ ➡️ กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI ✅ ความเคลื่อนไหวของ Reddit ➡️ เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน ➡️ มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI ➡️ เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    SECURITYONLINE.INFO
    Reddit Sues Perplexity and Data Brokers for 'Industrial-Scale' Scraping
    Reddit has filed a lawsuit against Perplexity and three data brokers, accusing them of unauthorized, "industrial-scale" scraping of its content for AI training.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LLM Brain Rot – โมเดลภาษาก็ ‘สมองเน่า’ ได้ ถ้าเสพข้อมูลขยะมากเกินไป!”

    งานวิจัยล่าสุดจากทีม Xing et al. เสนอแนวคิดใหม่ที่สะเทือนวงการ AI: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อาจเกิด “สมองเน่า” หรือ Brain Rot ได้ หากถูกฝึกด้วยข้อมูลขยะจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโพสต์จาก Twitter/X ที่เน้นความสั้นและความนิยมมากกว่าคุณภาพเนื้อหา

    นักวิจัยสร้างชุดข้อมูล “junk” และ “control” จากโพสต์จริง โดยใช้สองเกณฑ์คือ M1 (ระดับ engagement เช่น ไลก์ รีทวีต) และ M2 (คุณภาพเชิงเนื้อหา เช่น clickbait vs. ข้อเท็จจริง) แล้วนำไปฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ก่อนวัดผลด้าน reasoning, memory, safety และ personality

    ผลลัพธ์ชัดเจน: โมเดลที่ถูกฝึกด้วยข้อมูล junk มีความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น คะแนน ARC-Challenge แบบ Chain of Thought ลดจาก 74.9 เหลือ 57.2 และ RULER-CWE ลดจาก 84.4 เหลือ 52.3 เมื่อ junk ratio เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 100%

    ที่น่าตกใจคือ แม้จะพยายามแก้ด้วย instruction tuning หรือฝึกใหม่ด้วยข้อมูลคุณภาพสูง ก็ไม่สามารถฟื้นความสามารถเดิมได้หมด แสดงว่า “สมองเน่า” มีผลถาวรบางส่วน

    งานนี้จึงเสนอให้มองการคัดกรองข้อมูลฝึกโมเดลเป็นเรื่อง “สุขภาพจิตของ AI” และเรียกร้องให้มีการตรวจสุขภาพโมเดลเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเสื่อมถอยของความสามารถโดยไม่รู้ตัว

    แนวคิดหลักของงานวิจัย
    เสนอ “LLM Brain Rot Hypothesis” – โมเดลเสื่อมความสามารถจากข้อมูลขยะ
    ใช้ continual pre-training บนข้อมูล junk จาก Twitter/X
    วัดผลด้าน reasoning, memory, safety, personality
    พบว่าความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    วิธีการทดลอง
    สร้างชุดข้อมูล junk/control จากโพสต์จริง
    ใช้เกณฑ์ M1 (engagement) และ M2 (semantic quality)
    ฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง
    ใช้ instruction tuning เพื่อควบคุม format

    ผลกระทบที่พบ
    Reasoning ลดลง เช่น ARC-Challenge COT: 74.9 → 57.2
    Long-context memory ลดลง เช่น RULER-CWE: 84.4 → 52.3
    Safety ลดลง เช่น HH-RLHF risk เพิ่มขึ้น
    Personality เปลี่ยน เช่น psychopathy, narcissism เพิ่มขึ้น

    ข้อค้นพบเชิงลึก
    Thought-skipping คือ failure mode หลัก – โมเดลข้ามขั้นตอน reasoning
    การแก้ด้วย instruction tuning ฟื้นได้บางส่วนแต่ไม่หมด
    ความนิยมของโพสต์ (M1) เป็นตัวชี้วัด brain rot ที่ดีกว่าความยาว
    ผลกระทบมีลักษณะ dose-response – ยิ่ง junk มาก ยิ่งเสื่อมมาก

    ข้อเสนอจากงานวิจัย
    มองการคัดกรองข้อมูลฝึกเป็น “สุขภาพจิตของ AI”
    ควรมี “cognitive health check” สำหรับโมเดลที่ deploy แล้ว
    ปรับแนวทางการ curate ข้อมูลฝึกใหม่
    หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูล engagement-driven โดยไม่กรอง

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การใช้ข้อมูลจากโซเชียลโดยไม่กรอง อาจทำให้โมเดลเสื่อมถอย
    การฝึกต่อเนื่องโดยไม่ตรวจสุขภาพ อาจสะสมความเสียหาย
    การพึ่งพา instruction tuning อย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูได้หมด
    โมเดลที่เสื่อมอาจมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยหรือไม่พึงประสงค์
    การวัดคุณภาพข้อมูลต้องใช้หลายมิติ ไม่ใช่แค่ semantic หรือ engagement

    https://llm-brain-rot.github.io/
    🧠 “LLM Brain Rot – โมเดลภาษาก็ ‘สมองเน่า’ ได้ ถ้าเสพข้อมูลขยะมากเกินไป!” งานวิจัยล่าสุดจากทีม Xing et al. เสนอแนวคิดใหม่ที่สะเทือนวงการ AI: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อาจเกิด “สมองเน่า” หรือ Brain Rot ได้ หากถูกฝึกด้วยข้อมูลขยะจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโพสต์จาก Twitter/X ที่เน้นความสั้นและความนิยมมากกว่าคุณภาพเนื้อหา นักวิจัยสร้างชุดข้อมูล “junk” และ “control” จากโพสต์จริง โดยใช้สองเกณฑ์คือ M1 (ระดับ engagement เช่น ไลก์ รีทวีต) และ M2 (คุณภาพเชิงเนื้อหา เช่น clickbait vs. ข้อเท็จจริง) แล้วนำไปฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ก่อนวัดผลด้าน reasoning, memory, safety และ personality ผลลัพธ์ชัดเจน: โมเดลที่ถูกฝึกด้วยข้อมูล junk มีความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น คะแนน ARC-Challenge แบบ Chain of Thought ลดจาก 74.9 เหลือ 57.2 และ RULER-CWE ลดจาก 84.4 เหลือ 52.3 เมื่อ junk ratio เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 100% ที่น่าตกใจคือ แม้จะพยายามแก้ด้วย instruction tuning หรือฝึกใหม่ด้วยข้อมูลคุณภาพสูง ก็ไม่สามารถฟื้นความสามารถเดิมได้หมด แสดงว่า “สมองเน่า” มีผลถาวรบางส่วน งานนี้จึงเสนอให้มองการคัดกรองข้อมูลฝึกโมเดลเป็นเรื่อง “สุขภาพจิตของ AI” และเรียกร้องให้มีการตรวจสุขภาพโมเดลเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเสื่อมถอยของความสามารถโดยไม่รู้ตัว ✅ แนวคิดหลักของงานวิจัย ➡️ เสนอ “LLM Brain Rot Hypothesis” – โมเดลเสื่อมความสามารถจากข้อมูลขยะ ➡️ ใช้ continual pre-training บนข้อมูล junk จาก Twitter/X ➡️ วัดผลด้าน reasoning, memory, safety, personality ➡️ พบว่าความสามารถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ วิธีการทดลอง ➡️ สร้างชุดข้อมูล junk/control จากโพสต์จริง ➡️ ใช้เกณฑ์ M1 (engagement) และ M2 (semantic quality) ➡️ ฝึกโมเดล 4 ตัวแบบต่อเนื่อง ➡️ ใช้ instruction tuning เพื่อควบคุม format ✅ ผลกระทบที่พบ ➡️ Reasoning ลดลง เช่น ARC-Challenge COT: 74.9 → 57.2 ➡️ Long-context memory ลดลง เช่น RULER-CWE: 84.4 → 52.3 ➡️ Safety ลดลง เช่น HH-RLHF risk เพิ่มขึ้น ➡️ Personality เปลี่ยน เช่น psychopathy, narcissism เพิ่มขึ้น ✅ ข้อค้นพบเชิงลึก ➡️ Thought-skipping คือ failure mode หลัก – โมเดลข้ามขั้นตอน reasoning ➡️ การแก้ด้วย instruction tuning ฟื้นได้บางส่วนแต่ไม่หมด ➡️ ความนิยมของโพสต์ (M1) เป็นตัวชี้วัด brain rot ที่ดีกว่าความยาว ➡️ ผลกระทบมีลักษณะ dose-response – ยิ่ง junk มาก ยิ่งเสื่อมมาก ✅ ข้อเสนอจากงานวิจัย ➡️ มองการคัดกรองข้อมูลฝึกเป็น “สุขภาพจิตของ AI” ➡️ ควรมี “cognitive health check” สำหรับโมเดลที่ deploy แล้ว ➡️ ปรับแนวทางการ curate ข้อมูลฝึกใหม่ ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูล engagement-driven โดยไม่กรอง ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การใช้ข้อมูลจากโซเชียลโดยไม่กรอง อาจทำให้โมเดลเสื่อมถอย ⛔ การฝึกต่อเนื่องโดยไม่ตรวจสุขภาพ อาจสะสมความเสียหาย ⛔ การพึ่งพา instruction tuning อย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูได้หมด ⛔ โมเดลที่เสื่อมอาจมีพฤติกรรมไม่ปลอดภัยหรือไม่พึงประสงค์ ⛔ การวัดคุณภาพข้อมูลต้องใช้หลายมิติ ไม่ใช่แค่ semantic หรือ engagement https://llm-brain-rot.github.io/
    LLM-BRAIN-ROT.GITHUB.IO
    LLMs Can Get Brain Rot
    New finding: LLMs Can Get Brain Rot if being fed trivial, engaging Twitter/X content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนกองเศษโลหะให้เป็นเงิน! ด้วยพลังบด 20 แรงม้า!
    เครื่องเขมือบ (Two Shafts Shredder) สำหรับงานหนักโดยเฉพาะ!
    หมดปัญหาการจัดการ เศษทองเหลือง เศษเหล็ก และโลหะผสม ที่แข็งและหนาแน่น เครื่องของเราถูกออกแบบมาเพื่อ ฉีก! บด! ลดขนาด! ให้วัสดุพร้อมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลทันที!

    สเปคเทพ จัดการโลหะได้สบาย:

    - แรงขับเคลื่อน มอเตอร์ 10 HP 2 ตัว (รวม 20 แรงม้า)
    - ความหนาใบมีด 10 mm (ทนทานต่อโลหะสูงสุด)
    ฟังก์ชันเด่น มีระบบ Reverse Function ป้องกันการติดขัดอัตโนมัติ

    คุณสมบัติพิเศษ: แรงบิดสูง ความเร็วรอบต่ำ เหมาะกับการบดวัสดุแข็ง เช่น ทองเหลือง แผ่นเหล็ก พลาสติกตัน และยาง

    👉🏻 ลงทุนครั้งเดียว สร้างกำไรจากการรีไซเคิลได้ตลอดไป! ลดต้นทุนการขนส่ง ลดพื้นที่จัดเก็บ เพิ่มราคาขายเศษโลหะ!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    • ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    • เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.)
    • โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    • แชท: m.me/yonghahheng
    • LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    • เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/FpRaCMMfVvazg7HW9

    #เครื่องบดโลหะ #TwoShaftsShredder #รีไซเคิลทองเหลือง #เศษโลหะผสม #เพิ่มมูลค่าเศษเหล็ก #เครื่องย่อย #ยิ่งฮะเฮง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องบดย่อย #Shredder #BrassRecycling #MetalScrap #เครื่องโม่ #รีไซเคิล #โรงงานรีไซเคิล #เครื่องบดเศษเหล็ก #จัดการของเสีย #ลดขนาดวัสดุ #โลหะรีไซเคิล #ทองเหลือง #เศษทองแดง #อลูมิเนียม #RecyclingSolution #WasteManagement #เครื่องบดคุณภาพสูง #เครื่องจักรหนัก #ScrapMetal #อุตสาหกรรม #เครื่องจักรกล

    ✨ เปลี่ยนกองเศษโลหะให้เป็นเงิน! ด้วยพลังบด 20 แรงม้า! ✨ 🔥 เครื่องเขมือบ (Two Shafts Shredder) สำหรับงานหนักโดยเฉพาะ! 🔥 หมดปัญหาการจัดการ เศษทองเหลือง เศษเหล็ก และโลหะผสม ที่แข็งและหนาแน่น เครื่องของเราถูกออกแบบมาเพื่อ ฉีก! บด! ลดขนาด! ให้วัสดุพร้อมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลทันที! ⚙️ สเปคเทพ จัดการโลหะได้สบาย: - แรงขับเคลื่อน มอเตอร์ 10 HP 2 ตัว (รวม 20 แรงม้า) 💥 - ความหนาใบมีด 10 mm (ทนทานต่อโลหะสูงสุด) 🛡️ ฟังก์ชันเด่น มีระบบ Reverse Function ป้องกันการติดขัดอัตโนมัติ ✅ คุณสมบัติพิเศษ: แรงบิดสูง ความเร็วรอบต่ำ เหมาะกับการบดวัสดุแข็ง เช่น ทองเหลือง แผ่นเหล็ก พลาสติกตัน และยาง 👉🏻 ลงทุนครั้งเดียว สร้างกำไรจากการรีไซเคิลได้ตลอดไป! ลดต้นทุนการขนส่ง ลดพื้นที่จัดเก็บ เพิ่มราคาขายเศษโลหะ! 📍 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) • ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 • เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.) • โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📞 • แชท: m.me/yonghahheng • LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 • เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com แผนที่: https://maps.app.goo.gl/FpRaCMMfVvazg7HW9 #เครื่องบดโลหะ #TwoShaftsShredder #รีไซเคิลทองเหลือง #เศษโลหะผสม #เพิ่มมูลค่าเศษเหล็ก #เครื่องย่อย #ยิ่งฮะเฮง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องบดย่อย #Shredder #BrassRecycling #MetalScrap #เครื่องโม่ #รีไซเคิล #โรงงานรีไซเคิล #เครื่องบดเศษเหล็ก #จัดการของเสีย #ลดขนาดวัสดุ #โลหะรีไซเคิล #ทองเหลือง #เศษทองแดง #อลูมิเนียม #RecyclingSolution #WasteManagement #เครื่องบดคุณภาพสูง #เครื่องจักรหนัก #ScrapMetal #อุตสาหกรรม #เครื่องจักรกล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใหม่! เครื่องสับมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา เป็นเส้นได้หลายแบบ! (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER)

    บอกลาความยุ่งยาก! หมดปัญหานั่งขูดมะพร้าวทีละลูก! ยกระดับงานครัวสำหรับธุรกิจอาหารของคุณด้วย เครื่องสับ/หั่นผักเอนกประสงค์ ที่แข็งแกร่งและทนทาน!

    เครื่องเดียวจบครบทุกการแปรรูป ทั้งผัก ผลไม้ และ เนื้อมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา ให้เป็นเส้นสวยงาม สม่ำเสมอ ได้ตามต้องการ!

    สับมะพร้าวเป็นเส้นได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น:

    - แบบหั่นเส้นปกติ
    - แบบหั่นหยักฟันปลา
    - แบบหั่นท่อน/หั่นเต๋า (สำหรับทำมะพร้าวแก้ว หรือเมนูอื่นๆ)

    จุดเด่นที่ต้องมี!
    - มอเตอร์ทรงพลัง: 2 แรงม้า หั่นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด
    - วัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง: แข็งแกร่ง ทนทาน และถูกสุขอนามัยสำหรับการแปรรูปวัตถุดิบ
    - กำลังการผลิตสูง: 130-660 กก./ชม. ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มผลผลิตได้จริง
    - ใบมีดเปลี่ยนได้: มีให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้ได้ขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย
    - ปรับความหนาบางได้: ปรับความหนาในการสไลด์ได้ตั้งแต่ 1-10 มม. และความกว้างซอย 1-20 มม.

    ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอาหารที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพ!

    ไม่ต้องเสียเวลาลงแรงงานคนอีกต่อไป! หั่น สับ ซอย สไลด์... วัตถุดิบได้คุณภาพสูง รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมใช้งานได้กับวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย (มันฝรั่ง, แครอท, แตงกวา, ผักกาด...)

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องสับมะพร้าว #เครื่องหั่นมะพร้าว #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นเอนกประสงค์ #มะพร้าวอ่อน #มะพร้าวแก้ว #อุปกรณ์เบเกอรี่ #yonghahheng #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #สแตนเลส #เครื่องมือทำอาหาร #มะพร้าว #เนื้อมะพร้าว #กะทิ #เมี่ยงคำ #ลอดช่อง #ไอศครีมมะพร้าว #ร้านขนมไทย #ร้านน้ำปั่น #เครื่องบดผัก #เครื่องสไลด์ผลไม้ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบคุณภาพ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว #ครัวขนาดใหญ่ #เครื่องหั่นผักอัตโนมัติ #เทคโนโลยีอาหาร
    🎉 🔥 ใหม่! เครื่องสับมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา เป็นเส้นได้หลายแบบ! (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER) 🔥 บอกลาความยุ่งยาก! ✋ หมดปัญหานั่งขูดมะพร้าวทีละลูก! 🥥 ยกระดับงานครัวสำหรับธุรกิจอาหารของคุณด้วย เครื่องสับ/หั่นผักเอนกประสงค์ ที่แข็งแกร่งและทนทาน! 💪 เครื่องเดียวจบครบทุกการแปรรูป ทั้งผัก 🥕 ผลไม้ 🍎 และ เนื้อมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา ให้เป็นเส้นสวยงาม สม่ำเสมอ ได้ตามต้องการ! ✨ 🌟 สับมะพร้าวเป็นเส้นได้หลากหลายรูปแบบ 🌟 ไม่ว่าจะเป็น: - แบบหั่นเส้นปกติ 🥔 - แบบหั่นหยักฟันปลา 🍟 - แบบหั่นท่อน/หั่นเต๋า 🧊 (สำหรับทำมะพร้าวแก้ว หรือเมนูอื่นๆ) 🎯 จุดเด่นที่ต้องมี! 🎯 - มอเตอร์ทรงพลัง: 2 แรงม้า หั่นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด 💨 - วัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง: แข็งแกร่ง ทนทาน และถูกสุขอนามัยสำหรับการแปรรูปวัตถุดิบ 🛡️ - กำลังการผลิตสูง: 130-660 กก./ชม. ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มผลผลิตได้จริง 📈 - ใบมีดเปลี่ยนได้: มีให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้ได้ขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย 🔪 - ปรับความหนาบางได้: ปรับความหนาในการสไลด์ได้ตั้งแต่ 1-10 มม. และความกว้างซอย 1-20 มม.📏 🚀 ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอาหารที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพ! 💯 ไม่ต้องเสียเวลาลงแรงงานคนอีกต่อไป! หั่น สับ ซอย สไลด์... วัตถุดิบได้คุณภาพสูง รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมใช้งานได้กับวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย (มันฝรั่ง, แครอท, แตงกวา, ผักกาด...) 🥒🥬 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 📍 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) ⏰ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗺️ แชท: m.me/yonghahheng 💬 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 📱 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📞 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 🌐 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com 📧 #เครื่องสับมะพร้าว #เครื่องหั่นมะพร้าว #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นเอนกประสงค์ #มะพร้าวอ่อน #มะพร้าวแก้ว #อุปกรณ์เบเกอรี่ #yonghahheng #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #สแตนเลส #เครื่องมือทำอาหาร #มะพร้าว #เนื้อมะพร้าว #กะทิ #เมี่ยงคำ #ลอดช่อง #ไอศครีมมะพร้าว #ร้านขนมไทย #ร้านน้ำปั่น #เครื่องบดผัก #เครื่องสไลด์ผลไม้ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบคุณภาพ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว #ครัวขนาดใหญ่ #เครื่องหั่นผักอัตโนมัติ #เทคโนโลยีอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 915 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NES ครบรอบ 40 ปี: คุยกับ Frank Cifaldi ผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation” — เมื่อคอนโซลที่ช่วยกู้วิกฤตอุตสาหกรรม กลายเป็นรากฐานของเกมยุคใหม่

    ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของ Nintendo Entertainment System (NES), Frank Cifaldi นักประวัติศาสตร์เกมและผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Wccftech ถึงความสำคัญของ NES ที่ไม่เพียง “กู้” อุตสาหกรรมเกมจากวิกฤตปี 1983 แต่ยัง “ควบคุม” ทิศทางของมันในระยะยาว

    ประเด็นสำคัญจากบทสัมภาษณ์:

    NES คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม: หลังจากวิกฤต Video Game Crash ปี 1983 ที่ทำให้ตลาดเกมล่มสลาย NES เปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมเกมคุณภาพสูงอย่าง Super Mario Bros. ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    “Nintendo” กลายเป็นคำพ้องกับ “วิดีโอเกม”: ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงปลายยุค 80s ถึงต้น 90s เด็ก ๆ ในยุคนั้นมอง NES เป็นศูนย์กลางของความบันเทิง

    กลยุทธ์ควบคุมคุณภาพ: Nintendo ใช้ชิป “lock-out” เพื่อควบคุมเกมที่ออกบนแพลตฟอร์มของตน ป้องกันเกมคุณภาพต่ำแบบที่เคยเกิดกับ Atari ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน

    เบื้องหลังการเปิดตัว NES ที่ CES 1985: Cifaldi เปิดเผยว่า Nintendo เคยเกือบเปิดตัวระบบ AVS (Advanced Video System) ที่เน้นด้านการศึกษาและเทคโนโลยีมากกว่าเกม หากเลือกเส้นทางนั้น อุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

    เกือบถูก Atari ซื้อกิจการ: มีความพยายามจาก Atari ที่จะซื้อ Nintendo ก่อนเปิดตัว NES แต่ดีลล่มไป และ Cifaldi ยอมรับว่า “เราไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม”

    ความท้าทายในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์เกม: ปัญหาใหญ่คือ “ความตายของผู้รู้” และ “การย้ายบ้าน” ที่ทำให้เอกสารต้นฉบับหายไป Cifaldi เรียกร้องให้ผู้คนบริจาคสิ่งของเก่าแก่ให้กับมูลนิธิ

    เกมที่นิยมหรือมีอิทธิพลสูงสุดบน NES: Super Mario Bros. ทั้งสามภาคคือเกมที่ขายดีที่สุด ส่วนเกมจากแฟรนไชส์ดังอย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles และ Top Gun ก็ขายดีเกินคาด

    มรดกของ NES: Cifaldi มองว่า NES เปลี่ยนเกมจาก “แฟชั่น” ให้กลายเป็น “อุตสาหกรรม” และวางรากฐานให้กับแนวคิดการควบคุมแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้

    https://wccftech.com/nes-40th-anniversary-interview-with-video-game-history-foundation-founder-frank-cifald-the-console-that-saved-and-controlled-video-games/
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี: คุยกับ Frank Cifaldi ผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation” — เมื่อคอนโซลที่ช่วยกู้วิกฤตอุตสาหกรรม กลายเป็นรากฐานของเกมยุคใหม่ ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของ Nintendo Entertainment System (NES), Frank Cifaldi นักประวัติศาสตร์เกมและผู้ก่อตั้ง Video Game History Foundation ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Wccftech ถึงความสำคัญของ NES ที่ไม่เพียง “กู้” อุตสาหกรรมเกมจากวิกฤตปี 1983 แต่ยัง “ควบคุม” ทิศทางของมันในระยะยาว 🔑 ประเด็นสำคัญจากบทสัมภาษณ์: 🎮 NES คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม: หลังจากวิกฤต Video Game Crash ปี 1983 ที่ทำให้ตลาดเกมล่มสลาย NES เปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมเกมคุณภาพสูงอย่าง Super Mario Bros. ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก 🎮 “Nintendo” กลายเป็นคำพ้องกับ “วิดีโอเกม”: ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงปลายยุค 80s ถึงต้น 90s เด็ก ๆ ในยุคนั้นมอง NES เป็นศูนย์กลางของความบันเทิง 🎮 กลยุทธ์ควบคุมคุณภาพ: Nintendo ใช้ชิป “lock-out” เพื่อควบคุมเกมที่ออกบนแพลตฟอร์มของตน ป้องกันเกมคุณภาพต่ำแบบที่เคยเกิดกับ Atari ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน 🎮 เบื้องหลังการเปิดตัว NES ที่ CES 1985: Cifaldi เปิดเผยว่า Nintendo เคยเกือบเปิดตัวระบบ AVS (Advanced Video System) ที่เน้นด้านการศึกษาและเทคโนโลยีมากกว่าเกม หากเลือกเส้นทางนั้น อุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 🎮 เกือบถูก Atari ซื้อกิจการ: มีความพยายามจาก Atari ที่จะซื้อ Nintendo ก่อนเปิดตัว NES แต่ดีลล่มไป และ Cifaldi ยอมรับว่า “เราไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม” 🎮 ความท้าทายในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์เกม: ปัญหาใหญ่คือ “ความตายของผู้รู้” และ “การย้ายบ้าน” ที่ทำให้เอกสารต้นฉบับหายไป Cifaldi เรียกร้องให้ผู้คนบริจาคสิ่งของเก่าแก่ให้กับมูลนิธิ 🎮 เกมที่นิยมหรือมีอิทธิพลสูงสุดบน NES: Super Mario Bros. ทั้งสามภาคคือเกมที่ขายดีที่สุด ส่วนเกมจากแฟรนไชส์ดังอย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles และ Top Gun ก็ขายดีเกินคาด 🎮 มรดกของ NES: Cifaldi มองว่า NES เปลี่ยนเกมจาก “แฟชั่น” ให้กลายเป็น “อุตสาหกรรม” และวางรากฐานให้กับแนวคิดการควบคุมแพลตฟอร์มที่ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ https://wccftech.com/nes-40th-anniversary-interview-with-video-game-history-foundation-founder-frank-cifald-the-console-that-saved-and-controlled-video-games/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฐานข้อมูลเวกเตอร์: หัวใจของการค้นหาแบบเข้าใจความหมายในยุค AI” — จากการค้นหาด้วยคำสู่การค้นหาด้วยความเข้าใจ

    ในอดีต การค้นหาข้อมูลต้องอาศัยคำที่ตรงเป๊ะ เช่น ชื่อผู้ใช้หรือรหัสสินค้า แต่เมื่อโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือเสียง การค้นหาแบบเดิมก็เริ่มล้าสมัย นี่คือจุดที่ “ฐานข้อมูลเวกเตอร์” (Vector Database) เข้ามาเปลี่ยนเกม

    หลักการคือการใช้โมเดล AI สร้าง “embedding” หรือ “ลายนิ้วมือดิจิทัล” ของข้อมูล เช่น รูปภาพหรือข้อความ แล้วเปลี่ยนเป็นเวกเตอร์ (ชุดตัวเลข) ที่สะท้อนความหมายและบริบทของข้อมูลนั้น จากนั้นฐานข้อมูลเวกเตอร์จะจัดเก็บและค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันในเชิงคณิตศาสตร์ เพื่อหาข้อมูลที่ “คล้ายกัน” แม้จะไม่เหมือนกันเป๊ะ

    ตัวอย่างเช่น หากคุณอัปโหลดภาพสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ระบบสามารถค้นหาภาพที่คล้ายกัน เช่น ลาบราดอร์ในสวน โดยไม่ต้องใช้คำว่า “สุนัข” เลย เพราะ embedding เข้าใจความหมายของภาพ

    ฐานข้อมูลเวกเตอร์ใช้เทคนิคการค้นหาแบบ Approximate Nearest Neighbor (ANN) เพื่อให้ค้นหาได้เร็วมากในระดับมิลลิวินาที แม้จะมีข้อมูลเป็นพันล้านรายการ โดยยอมแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น:
    อีคอมเมิร์ซ: แนะนำสินค้าที่คล้ายกับที่ผู้ใช้ดู
    ความปลอดภัยไซเบอร์: ค้นหามัลแวร์ที่คล้ายกับตัวอย่างที่พบ
    แชตบอท AI: ค้นหาข้อมูลในเอกสารภายในองค์กรเพื่อตอบคำถาม
    ตรวจสอบลิขสิทธิ์: เปรียบเทียบเสียงหรือภาพกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท เช่น Pinecone, Weaviate, Milvus, Qdrant, FAISS และ Chroma รวมถึง PostgreSQL ที่เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector

    ข้อมูลในข่าว
    ฐานข้อมูลเวกเตอร์ช่วยค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่คำ
    ใช้ embedding จากโมเดล AI เพื่อแปลงข้อมูลเป็นเวกเตอร์
    เวกเตอร์คือชุดตัวเลขที่สะท้อนความหมายของข้อมูล
    ใช้ ANN เพื่อค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันอย่างรวดเร็ว
    ถูกนำไปใช้ในอีคอมเมิร์ซ, ความปลอดภัยไซเบอร์, แชตบอท และการตรวจสอบลิขสิทธิ์
    มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท ทั้งแบบคลาวด์, โอเพ่นซอร์ส และฝังในแอป
    Pinecone และ Weaviate เหมาะกับการใช้งานแบบ API
    Milvus และ Qdrant เหมาะกับองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบเอง
    FAISS และ Chroma เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการฝังในแอปขนาดเล็ก
    PostgreSQL เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การใช้ ANN อาจแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว
    หาก embedding ไม่ดี อาจทำให้ผลลัพธ์การค้นหาไม่ตรงความต้องการ
    การจัดการฐานข้อมูลเวกเตอร์ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูง
    การฝึก embedding ต้องใช้ข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อให้ผลลัพธ์มีความหมาย
    การนำไปใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแพทย์ ต้องระวังเป็นพิเศษ

    https://hackread.com/power-of-vector-databases-era-of-ai-search/
    🔍 “ฐานข้อมูลเวกเตอร์: หัวใจของการค้นหาแบบเข้าใจความหมายในยุค AI” — จากการค้นหาด้วยคำสู่การค้นหาด้วยความเข้าใจ ในอดีต การค้นหาข้อมูลต้องอาศัยคำที่ตรงเป๊ะ เช่น ชื่อผู้ใช้หรือรหัสสินค้า แต่เมื่อโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือเสียง การค้นหาแบบเดิมก็เริ่มล้าสมัย นี่คือจุดที่ “ฐานข้อมูลเวกเตอร์” (Vector Database) เข้ามาเปลี่ยนเกม หลักการคือการใช้โมเดล AI สร้าง “embedding” หรือ “ลายนิ้วมือดิจิทัล” ของข้อมูล เช่น รูปภาพหรือข้อความ แล้วเปลี่ยนเป็นเวกเตอร์ (ชุดตัวเลข) ที่สะท้อนความหมายและบริบทของข้อมูลนั้น จากนั้นฐานข้อมูลเวกเตอร์จะจัดเก็บและค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันในเชิงคณิตศาสตร์ เพื่อหาข้อมูลที่ “คล้ายกัน” แม้จะไม่เหมือนกันเป๊ะ ตัวอย่างเช่น หากคุณอัปโหลดภาพสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ระบบสามารถค้นหาภาพที่คล้ายกัน เช่น ลาบราดอร์ในสวน โดยไม่ต้องใช้คำว่า “สุนัข” เลย เพราะ embedding เข้าใจความหมายของภาพ ฐานข้อมูลเวกเตอร์ใช้เทคนิคการค้นหาแบบ Approximate Nearest Neighbor (ANN) เพื่อให้ค้นหาได้เร็วมากในระดับมิลลิวินาที แม้จะมีข้อมูลเป็นพันล้านรายการ โดยยอมแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น: ⭐ อีคอมเมิร์ซ: แนะนำสินค้าที่คล้ายกับที่ผู้ใช้ดู ⭐ ความปลอดภัยไซเบอร์: ค้นหามัลแวร์ที่คล้ายกับตัวอย่างที่พบ ⭐ แชตบอท AI: ค้นหาข้อมูลในเอกสารภายในองค์กรเพื่อตอบคำถาม ⭐ ตรวจสอบลิขสิทธิ์: เปรียบเทียบเสียงหรือภาพกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท เช่น Pinecone, Weaviate, Milvus, Qdrant, FAISS และ Chroma รวมถึง PostgreSQL ที่เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ฐานข้อมูลเวกเตอร์ช่วยค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่คำ ➡️ ใช้ embedding จากโมเดล AI เพื่อแปลงข้อมูลเป็นเวกเตอร์ ➡️ เวกเตอร์คือชุดตัวเลขที่สะท้อนความหมายของข้อมูล ➡️ ใช้ ANN เพื่อค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันอย่างรวดเร็ว ➡️ ถูกนำไปใช้ในอีคอมเมิร์ซ, ความปลอดภัยไซเบอร์, แชตบอท และการตรวจสอบลิขสิทธิ์ ➡️ มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท ทั้งแบบคลาวด์, โอเพ่นซอร์ส และฝังในแอป ➡️ Pinecone และ Weaviate เหมาะกับการใช้งานแบบ API ➡️ Milvus และ Qdrant เหมาะกับองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบเอง ➡️ FAISS และ Chroma เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการฝังในแอปขนาดเล็ก ➡️ PostgreSQL เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การใช้ ANN อาจแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว ⛔ หาก embedding ไม่ดี อาจทำให้ผลลัพธ์การค้นหาไม่ตรงความต้องการ ⛔ การจัดการฐานข้อมูลเวกเตอร์ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูง ⛔ การฝึก embedding ต้องใช้ข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อให้ผลลัพธ์มีความหมาย ⛔ การนำไปใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแพทย์ ต้องระวังเป็นพิเศษ https://hackread.com/power-of-vector-databases-era-of-ai-search/
    HACKREAD.COM
    The Power of Vector Databases in the New Era of AI Search
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

    ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น

    Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

    ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux

    Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง

    หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่
    ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย

    ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity
    รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ

    มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย

    รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts
    เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที

    มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว
    ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง

    ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง
    ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ

    Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot
    รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา

    Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp
    เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive

    มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education
    รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม

    https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    🧭 “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux ✅ Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14 ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง ✅ หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่ ➡️ ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย ✅ ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity ➡️ รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ ✅ มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น ➡️ โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย ✅ รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts ➡️ เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที ✅ มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง ✅ ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง ➡️ ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ ✅ Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot ➡️ รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา ✅ Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp ➡️ เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive ✅ มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education ➡️ รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    9TO5LINUX.COM
    Zorin OS 18 Officially Released, Specifically Tailored for Windows 10 Expats - 9to5Linux
    Zorin OS 18 distribution is now available for download based on Ubuntu 24.04.3 LTS and powered by Linux kernel 6.14.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น”

    ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว

    KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025
    เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน

    เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี
    ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี

    เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน
    ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน

    KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft

    KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ
    เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี

    ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้
    เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE

    https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    🎉 “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น” ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ✅ KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025 ➡️ เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน ✅ เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี ➡️ ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี ✅ เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน ✅ KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft ✅ KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ ➡️ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี ✅ ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้ ➡️ เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    KDE.ORG
    Happy Birthday to KDE
    This week is KDE’s 29th anniversary. It may not be a nice round number like 25 or 30, but whenever another birthday rolls around for an independent project the size and scope of KDE — powered by the goodwill of its contributors and users — that’s really quite something!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภาพเบลอไม่ใช่เพราะกล้องไม่ดี — อาจแค่เลนส์สกปรก! วิธีทำความสะอาดเลนส์มือถืออย่างถูกต้อง”

    ในยุคที่กล้องมือถือกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการบันทึกชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเคยเจอปัญหาภาพถ่ายออกมาเบลอ ทั้งที่มือถือรุ่นใหม่มีสเปกกล้องระดับโปร ปัญหานี้อาจไม่ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่เป็นเพราะ “เลนส์กล้องสกปรก” นั่นเอง

    บทความจาก SlashGear ได้แนะนำวิธีทำความสะอาดเลนส์กล้องมือถืออย่างถูกต้อง โดยเตือนว่าการใช้ชายเสื้อหรือผ้าอะไรก็ได้เช็ดเลนส์ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนเล็กๆ หรือทิ้งคราบจากน้ำยาซักผ้าไว้บนเลนส์ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพภาพถ่ายโดยตรง

    วิธีที่ถูกต้องคือการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ แปรงขนนุ่ม น้ำยาเช็ดเลนส์ หรือกระป๋องลมอัด เพื่อกำจัดฝุ่น คราบมัน และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่รอบๆ เลนส์ โดยควรทำในพื้นที่สะอาดและวางมือถือบนผ้ารองเพื่อป้องกันหน้าจอเสียหาย

    ความสำคัญของการดูแลเลนส์กล้องมือถือ
    กล้องมือถือสมัยใหม่มีคุณภาพสูง แต่ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความสะอาดของเลนส์
    ฝุ่น คราบมัน และรอยนิ้วมือเป็นสาเหตุหลักของภาพเบลอ

    วิธีทำความสะอาดเลนส์อย่างถูกต้อง
    ถอดเคสมือถือออกก่อนทำความสะอาด
    วางมือถือบนผ้าสะอาดโดยให้เลนส์หงายขึ้น
    ใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดเบาๆ
    ใช้ลมอัดทำความสะอาดรอบเลนส์
    ใช้ผ้าเช็ดเลนส์หรือผ้าแห้งไม่ขัดผิวเช็ดเป็นวงกลม

    ทางเลือกเพิ่มเติม
    สามารถใช้น้ำยาเช็ดเลนส์แทนผ้าเช็ดเลนส์ได้
    อุปกรณ์เหล่านี้มักมีในชุดทำความสะอาดเลนส์ทั่วไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผ้าไมโครไฟเบอร์มีคุณสมบัติไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน
    ลมอัดช่วยกำจัดฝุ่นในซอกเล็กๆ โดยไม่ต้องสัมผัสเลนส์
    น้ำยาเช็ดเลนส์มักมีส่วนผสมที่ช่วยลดคราบมันโดยไม่ทำลายเคลือบผิวเลนส์

    คำเตือนในการทำความสะอาด
    ห้ามใช้ชายเสื้อหรือผ้าธรรมดาเช็ดเลนส์ เพราะอาจทำให้เกิดรอย
    ผ้าที่มีคราบน้ำยาซักผ้าอาจทิ้งคราบมันบนเลนส์
    ห้ามใช้แรงกดมากเกินไปขณะเช็ด เพราะอาจทำให้เลนส์เสียหาย
    หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดในพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือความชื้นสูง

    https://www.slashgear.com/1991188/how-to-clean-phone-camera-lens-proper-way-guide/
    📱 “ภาพเบลอไม่ใช่เพราะกล้องไม่ดี — อาจแค่เลนส์สกปรก! วิธีทำความสะอาดเลนส์มือถืออย่างถูกต้อง” ในยุคที่กล้องมือถือกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการบันทึกชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเคยเจอปัญหาภาพถ่ายออกมาเบลอ ทั้งที่มือถือรุ่นใหม่มีสเปกกล้องระดับโปร ปัญหานี้อาจไม่ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่เป็นเพราะ “เลนส์กล้องสกปรก” นั่นเอง บทความจาก SlashGear ได้แนะนำวิธีทำความสะอาดเลนส์กล้องมือถืออย่างถูกต้อง โดยเตือนว่าการใช้ชายเสื้อหรือผ้าอะไรก็ได้เช็ดเลนส์ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนเล็กๆ หรือทิ้งคราบจากน้ำยาซักผ้าไว้บนเลนส์ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพภาพถ่ายโดยตรง วิธีที่ถูกต้องคือการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ แปรงขนนุ่ม น้ำยาเช็ดเลนส์ หรือกระป๋องลมอัด เพื่อกำจัดฝุ่น คราบมัน และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่รอบๆ เลนส์ โดยควรทำในพื้นที่สะอาดและวางมือถือบนผ้ารองเพื่อป้องกันหน้าจอเสียหาย ✅ ความสำคัญของการดูแลเลนส์กล้องมือถือ ➡️ กล้องมือถือสมัยใหม่มีคุณภาพสูง แต่ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความสะอาดของเลนส์ ➡️ ฝุ่น คราบมัน และรอยนิ้วมือเป็นสาเหตุหลักของภาพเบลอ ✅ วิธีทำความสะอาดเลนส์อย่างถูกต้อง ➡️ ถอดเคสมือถือออกก่อนทำความสะอาด ➡️ วางมือถือบนผ้าสะอาดโดยให้เลนส์หงายขึ้น ➡️ ใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดเบาๆ ➡️ ใช้ลมอัดทำความสะอาดรอบเลนส์ ➡️ ใช้ผ้าเช็ดเลนส์หรือผ้าแห้งไม่ขัดผิวเช็ดเป็นวงกลม ✅ ทางเลือกเพิ่มเติม ➡️ สามารถใช้น้ำยาเช็ดเลนส์แทนผ้าเช็ดเลนส์ได้ ➡️ อุปกรณ์เหล่านี้มักมีในชุดทำความสะอาดเลนส์ทั่วไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผ้าไมโครไฟเบอร์มีคุณสมบัติไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน ➡️ ลมอัดช่วยกำจัดฝุ่นในซอกเล็กๆ โดยไม่ต้องสัมผัสเลนส์ ➡️ น้ำยาเช็ดเลนส์มักมีส่วนผสมที่ช่วยลดคราบมันโดยไม่ทำลายเคลือบผิวเลนส์ ‼️ คำเตือนในการทำความสะอาด ⛔ ห้ามใช้ชายเสื้อหรือผ้าธรรมดาเช็ดเลนส์ เพราะอาจทำให้เกิดรอย ⛔ ผ้าที่มีคราบน้ำยาซักผ้าอาจทิ้งคราบมันบนเลนส์ ⛔ ห้ามใช้แรงกดมากเกินไปขณะเช็ด เพราะอาจทำให้เลนส์เสียหาย ⛔ หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดในพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือความชื้นสูง https://www.slashgear.com/1991188/how-to-clean-phone-camera-lens-proper-way-guide/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Tired Of Blurry Photos? Here's How To Clean Your Phone Camera Lenses The Proper Way - SlashGear
    If your phone photos keep coming out blurry, it might just be a dirty lens. Lenses should be cleaned and maintained regularly for quality photos.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แผงโซลาร์เซลล์อายุยืนกว่าที่คิด! งานวิจัยใหม่เผยอายุการใช้งานทะลุ 30 ปี”

    หากคุณกำลังลังเลว่าจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ดีหรือไม่ หนึ่งในคำถามสำคัญคือ “มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” ล่าสุดมีงานวิจัยจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่อาจเปลี่ยนความคิดคุณไปเลย เพราะผลการศึกษาพบว่า แผงโซลาร์เซลล์สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าที่อุตสาหกรรมเคยประเมินไว้มาก

    งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร EES Solar โดยติดตามประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์ 6 ระบบในพื้นที่ต่างกันทั่วสวิตเซอร์แลนด์เป็นเวลากว่า 30 ปี พบว่าอัตราการเสื่อมสภาพเฉลี่ยเพียง 0.24% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าค่าประมาณเดิมที่อยู่ระหว่าง 0.75%-1% ต่อปีอย่างมาก นั่นหมายความว่าแผงส่วนใหญ่ยังคงรักษาประสิทธิภาพได้มากกว่า 80% แม้ผ่านไป 3 ทศวรรษ

    ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อม แต่คือคุณภาพวัสดุที่ใช้ผลิต หรือที่เรียกว่า BOM (Bill of Materials) โดยแผงที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงแม้จะมีต้นทุนติดตั้งสูง แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว

    อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังเตือนว่าแผงรุ่นใหม่ในตลาดปัจจุบันอาจไม่ได้ใช้วัสดุคุณภาพสูงเท่าเดิม เพราะผู้ผลิตเน้นลดต้นทุนมากกว่าความทนทาน และยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเพียงพอที่จะประเมินอายุการใช้งานของแผงรุ่นใหม่เหล่านี้

    ผลการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์
    ติดตามแผงโซลาร์เซลล์ 6 ระบบนานกว่า 30 ปี
    อัตราการเสื่อมสภาพเฉลี่ยเพียง 0.24% ต่อปี
    แผงยังคงประสิทธิภาพมากกว่า 80% หลังใช้งาน 30-35 ปี

    ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน
    แผงในพื้นที่สูงเสื่อมช้ากว่าพื้นที่ต่ำ เพราะความเครียดจากความร้อนน้อยกว่า
    คุณภาพวัสดุ (BOM) เป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
    แผงที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BOM คือรายการวัสดุทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสินค้า
    แผงโซลาร์เซลล์ทั่วไปมีอายุการรับประกันประมาณ 25 ปี
    การเสื่อมสภาพของแผงเกิดจากความร้อน, รังสี UV, ความชื้น และแรงดันไฟฟ้า

    คำเตือนจากงานวิจัย
    แผงรุ่นใหม่อาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่ารุ่นเก่า เพราะเน้นลดต้นทุน
    ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเพียงพอสำหรับแผงรุ่นใหม่
    ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศรุนแรงหรือเศษวัสดุตกใส่ อาจทำให้แผงเสียหายก่อนเวลา
    ไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนว่าแผงรุ่นใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

    https://www.slashgear.com/1989112/solar-panel-lifespan-longer-new-study/
    🌞 “แผงโซลาร์เซลล์อายุยืนกว่าที่คิด! งานวิจัยใหม่เผยอายุการใช้งานทะลุ 30 ปี” หากคุณกำลังลังเลว่าจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ดีหรือไม่ หนึ่งในคำถามสำคัญคือ “มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” ล่าสุดมีงานวิจัยจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่อาจเปลี่ยนความคิดคุณไปเลย เพราะผลการศึกษาพบว่า แผงโซลาร์เซลล์สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าที่อุตสาหกรรมเคยประเมินไว้มาก งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร EES Solar โดยติดตามประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์ 6 ระบบในพื้นที่ต่างกันทั่วสวิตเซอร์แลนด์เป็นเวลากว่า 30 ปี พบว่าอัตราการเสื่อมสภาพเฉลี่ยเพียง 0.24% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าค่าประมาณเดิมที่อยู่ระหว่าง 0.75%-1% ต่อปีอย่างมาก นั่นหมายความว่าแผงส่วนใหญ่ยังคงรักษาประสิทธิภาพได้มากกว่า 80% แม้ผ่านไป 3 ทศวรรษ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานไม่ใช่แค่สภาพแวดล้อม แต่คือคุณภาพวัสดุที่ใช้ผลิต หรือที่เรียกว่า BOM (Bill of Materials) โดยแผงที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงแม้จะมีต้นทุนติดตั้งสูง แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังเตือนว่าแผงรุ่นใหม่ในตลาดปัจจุบันอาจไม่ได้ใช้วัสดุคุณภาพสูงเท่าเดิม เพราะผู้ผลิตเน้นลดต้นทุนมากกว่าความทนทาน และยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเพียงพอที่จะประเมินอายุการใช้งานของแผงรุ่นใหม่เหล่านี้ ✅ ผลการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ ➡️ ติดตามแผงโซลาร์เซลล์ 6 ระบบนานกว่า 30 ปี ➡️ อัตราการเสื่อมสภาพเฉลี่ยเพียง 0.24% ต่อปี ➡️ แผงยังคงประสิทธิภาพมากกว่า 80% หลังใช้งาน 30-35 ปี ✅ ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน ➡️ แผงในพื้นที่สูงเสื่อมช้ากว่าพื้นที่ต่ำ เพราะความเครียดจากความร้อนน้อยกว่า ➡️ คุณภาพวัสดุ (BOM) เป็นตัวแปรสำคัญที่สุด ➡️ แผงที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BOM คือรายการวัสดุทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสินค้า ➡️ แผงโซลาร์เซลล์ทั่วไปมีอายุการรับประกันประมาณ 25 ปี ➡️ การเสื่อมสภาพของแผงเกิดจากความร้อน, รังสี UV, ความชื้น และแรงดันไฟฟ้า ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ แผงรุ่นใหม่อาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่ารุ่นเก่า เพราะเน้นลดต้นทุน ⛔ ยังไม่มีข้อมูลระยะยาวเพียงพอสำหรับแผงรุ่นใหม่ ⛔ ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศรุนแรงหรือเศษวัสดุตกใส่ อาจทำให้แผงเสียหายก่อนเวลา ⛔ ไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนว่าแผงรุ่นใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน https://www.slashgear.com/1989112/solar-panel-lifespan-longer-new-study/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    New Study Suggests Solar Panels Could Last Even Longer Than We Thought - SlashGear
    The latest research from Switzerland show that high-quality solar panels constructed in the 1980s and 1990s are still performing well today.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts