• พสกนิกรชาวไทยปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ หลัง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในฐานะนักกีฬาเรือใบ ทรงนำทีมเรือใบทีมชาติไทย SSL47 หมายเลข 6 ผงาดคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเรือใบ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33
    .
    การแข่งขันเรือใบซีเกมส์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 ถูกจารึกเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์กีฬาไทย เมื่อทีมเรือใบไทยที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม ทำผลงานยอดเยี่ยมในเรซที่ 6 และ 7 ส่งผลให้ทีมไทยมีคะแนนรวมนำเป็นอันดับ 1 การันตีเหรียญทองซีเกมส์ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือการแข่งขันอีก 1 เรซ
    .
    สิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ไม่ได้มีเพียงผลการแข่งขัน หากแต่เป็นบทบาทในสนามแข่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีส่วนสำคัญในการวางกลยุทธ์ อ่านทิศทางลม ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจในจังหวะสำคัญอย่างแม่นยำ จนได้รับการยอมรับจากแวดวงเรือใบว่าเป็นปัจจัยหลักของชัยชนะครั้งนี้
    .
    ชัยชนะของทีมเรือใบไทย SSL47 จึงไม่ใช่เพียงเหรียญทองซีเกมส์ หากแต่เป็นภาพสะท้อนพระปรีชาสามารถ ความมุ่งมั่น และภาวะผู้นำ ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งประเทศ
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121678
    .
    #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #เรือใบทีมชาติไทย #พสกนิกรปลื้มปีติ #พระราชินี #ความภาคภูมิใจของคนไทย
    พสกนิกรชาวไทยปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ หลัง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในฐานะนักกีฬาเรือใบ ทรงนำทีมเรือใบทีมชาติไทย SSL47 หมายเลข 6 ผงาดคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเรือใบ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 . การแข่งขันเรือใบซีเกมส์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 ถูกจารึกเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์กีฬาไทย เมื่อทีมเรือใบไทยที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม ทำผลงานยอดเยี่ยมในเรซที่ 6 และ 7 ส่งผลให้ทีมไทยมีคะแนนรวมนำเป็นอันดับ 1 การันตีเหรียญทองซีเกมส์ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือการแข่งขันอีก 1 เรซ . สิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ไม่ได้มีเพียงผลการแข่งขัน หากแต่เป็นบทบาทในสนามแข่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีส่วนสำคัญในการวางกลยุทธ์ อ่านทิศทางลม ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจในจังหวะสำคัญอย่างแม่นยำ จนได้รับการยอมรับจากแวดวงเรือใบว่าเป็นปัจจัยหลักของชัยชนะครั้งนี้ . ชัยชนะของทีมเรือใบไทย SSL47 จึงไม่ใช่เพียงเหรียญทองซีเกมส์ หากแต่เป็นภาพสะท้อนพระปรีชาสามารถ ความมุ่งมั่น และภาวะผู้นำ ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งประเทศ . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121678 . #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #เรือใบทีมชาติไทย #พสกนิกรปลื้มปีติ #พระราชินี #ความภาคภูมิใจของคนไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง

    วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์”

    เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง”

    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี

    พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี

    ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ ขยายเส้นทางการค้า และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต

    จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว”

    โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ”

    รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก

    พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน

    “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่”

    พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม

    ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน

    เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ

    ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

    ตัวเลขที่มากมาย
    ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์
    เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์
    รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น

    แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน

    ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง

    หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส
    หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5”
    พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์

    ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ

    วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

    พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า”

    ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่
    - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍
    - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย
    - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย

    วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓

    รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด

    “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568

    #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง ✨ วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม ✨ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์” 💛 เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง” 💰 🏯 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี 🏰 พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ 📈 ขยายเส้นทางการค้า 🌏 และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต 🇹🇭 👑 จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ” ✨ 🧭 รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก 🌐 พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน 🚤 📚 “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่” 💼 📌 พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน 💸 📆 เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ 🔥 ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย 💣 ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง 🧾 ตัวเลขที่มากมาย ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์ เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์ รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น 📤 แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน 😌 🧠 ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ 🤔 มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง 📖 หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส 📚 หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5” 📜 พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ 🚢 🔍 วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 🌎💹 📖 พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่ - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍 - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย 🚢 - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย 🌿 🧡 วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓🇹🇭 💬 รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด 💼💪 “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568 📌 #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1665 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2024.06.30 BABYMONSTER PRESENTS : SEE YOU THERE IN BANGKOK

    เกริ่นก่อน ว่าเกือบจะถอดใจ ไม่ได้ไปแฟนมีตน้อง ๆ แล้ว แต่เมื่อมีประกาศว่าจะเพิ่มรอบอีกวัน ไม่รอช้า ตัดสินใจทันทีว่าต้องไปหาน้อง ๆ ให้ได้
    ด้วยความตั้งใจที่อยากจะไปเจอน้อง ๆ ทุกคน อยากไปให้กำลังใจน้อง ๆ ครั้งนี้ก็ได้เจอกับน้อง ๆ แล้ว สิ่งแรกที่ผมได้เห็นเมื่อไปถึงคือแฟนคลับที่ตั้งใจไปเชียร์น้อง ๆ มีทั้งเด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น ไปถึงวัยผู้ใหญ่ก็มี มากันทั้งครอบครัวก็มี เห็นได้ชัดเลยว่าแฟนคลับน้อง ๆ มีมาทุกช่วงวัยจริง ๆ
    ถึงช่วงเวลาที่น้อง ๆ เบม่อนปรากฏตัวต่อหน้าแฟน ๆ บอกเลยว่าสุดยอดจริง ๆ แล้วตลอดทั้งงานน้อง ๆ สนุก เฮฮา วาไรตี้ เอ็นจอยกับทุก ๆ คน น่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ โชว์ของน้อง ๆ ทุกโชว์เรียกว่า น้อง ๆ ใส่ไม่ยั้งจริง ๆ ได้เห็นโชว์ของน้อง ๆ แบบสด ๆ บอกเลยว่า ร้อง แร็ป เต้น น้อง ๆ เอาอยู่ จัดหนักทุกเพลง เก่งกันมาก ๆ ส่วนทักษะภาษาไทยของ "รุกะ-อาสะ-รามิ-โรร่า-อาฮยอน" ที่ได้ร่ำเรียนมาจากเจ๊แคนและน้องแพร ก็เก่งไม่แพ้กัน โดยเฉพาะน้องรามิมายเลิฟผมนี่แหละ โดนตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้องพูดไทยเก่งมาก แล้วพูดไม่หยุดด้วย 555 คำทุกคำที่น้องพูดออกมาคือสำเนียงไทย จริตคนไทยแท้ ๆ เลย น้องตกคนเข้าด้อมได้เยอะมาก เอ๊ะ! หรือแท้จริงแล้ว วงนี้จะมีคนไทย 3 คน ชักไม่แน่ใจละ 555
    จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่โปรเจคเปิดตัวเทรนนี YG Next ผ่านบททดสอบมามากมายจนมาถึง Last Evaluation และได้เดบิวต์ในฐานะเมมเบอร์ตัวจริงของ BABYMONSTER ครบทั้ง 7 คน ผมได้เห็นพัฒนาการของน้อง ๆ ทุกคนแบบก้าวกระโดด เห็นถึงความไม่ย่อท้อ ฝ่าฟันต่อทุกอุปสรรค์ ล้มมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่น้อง ๆ ก็ลุกขึ้นสู้ได้ ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อมาถึงความฝันอันสูงสุดนี้ คือการได้เดบิวต์แบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง 7 คน ผมเองรู้สึกภูมิใจในตัวของน้อง ๆ ทุกคน โดยเฉพาะเมมเบอร์ไทยอย่างชิกิต้า (แคนนี่) และภริตา (แพร) หนู 2 คนคือความภาคภูมิใจของคนไทย หนูสามารถทำให้แฟนไทยได้เห็นแล้วว่าพวกหนูทำได้ และครั้งนี้หนูได้นำความสำเร็จนี้กลับมาฝากแฟน ๆ ชาวไทยได้ประทับใจและชื่นชม พวกหนูสุดยอดมาก
    ก็เหมือนครั้งนี้ที่ผมตั้งใจไปหาน้อง ๆ นอกจากจะไปให้กำลังใจน้อง ๆ แล้ว ก็ยังได้มาดูผลงานสด ๆ บนเวทีของน้อง ๆ หลังจากที่น้อง ๆ ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ฝึกฝน สู้ทนฟันฝ่าจนมีวันนี้ได้ สุดท้ายนี้ พี่อยากจะบอกน้อง ๆ ว่าแฟนมีตครั้งนี้ น้อง ๆ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เก่งมาก ๆ ครับ หลังจากนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ สู้ต่อไป รังสรรค์ผลงานดี ๆ แบบนี้ ส่งความสุข ความน่ารักแบบนี้ ให้แฟน ๆ ได้เห็นกันต่อไปเรื่อย ๆ เลยนะ ขอให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ เป็นอีกหลายสิบปีเลย และพี่เองก็จะสนับสนุน อุดหนุนผลงานของน้อง ๆ ต่อไปแน่นอน และที่สำคัญ.....มาไทยบ่อย ๆ นะ ถ้ากลับมาอีก พี่พร้อมไปหาน้อง ๆ อีกแน่นอน

    #BABYMONSTER
    #SEEYOUTHEREinBANGKOK
    2024.06.30 📸 BABYMONSTER PRESENTS : SEE YOU THERE IN BANGKOK เกริ่นก่อน ว่าเกือบจะถอดใจ ไม่ได้ไปแฟนมีตน้อง ๆ แล้ว แต่เมื่อมีประกาศว่าจะเพิ่มรอบอีกวัน ไม่รอช้า ตัดสินใจทันทีว่าต้องไปหาน้อง ๆ ให้ได้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะไปเจอน้อง ๆ ทุกคน อยากไปให้กำลังใจน้อง ๆ ครั้งนี้ก็ได้เจอกับน้อง ๆ แล้ว สิ่งแรกที่ผมได้เห็นเมื่อไปถึงคือแฟนคลับที่ตั้งใจไปเชียร์น้อง ๆ มีทั้งเด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น ไปถึงวัยผู้ใหญ่ก็มี มากันทั้งครอบครัวก็มี เห็นได้ชัดเลยว่าแฟนคลับน้อง ๆ มีมาทุกช่วงวัยจริง ๆ ถึงช่วงเวลาที่น้อง ๆ เบม่อนปรากฏตัวต่อหน้าแฟน ๆ บอกเลยว่าสุดยอดจริง ๆ แล้วตลอดทั้งงานน้อง ๆ สนุก เฮฮา วาไรตี้ เอ็นจอยกับทุก ๆ คน น่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ โชว์ของน้อง ๆ ทุกโชว์เรียกว่า น้อง ๆ ใส่ไม่ยั้งจริง ๆ ได้เห็นโชว์ของน้อง ๆ แบบสด ๆ บอกเลยว่า ร้อง แร็ป เต้น น้อง ๆ เอาอยู่ จัดหนักทุกเพลง เก่งกันมาก ๆ ส่วนทักษะภาษาไทยของ "รุกะ-อาสะ-รามิ-โรร่า-อาฮยอน" ที่ได้ร่ำเรียนมาจากเจ๊แคนและน้องแพร ก็เก่งไม่แพ้กัน โดยเฉพาะน้องรามิมายเลิฟผมนี่แหละ โดนตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้องพูดไทยเก่งมาก แล้วพูดไม่หยุดด้วย 555 คำทุกคำที่น้องพูดออกมาคือสำเนียงไทย จริตคนไทยแท้ ๆ เลย น้องตกคนเข้าด้อมได้เยอะมาก เอ๊ะ! หรือแท้จริงแล้ว วงนี้จะมีคนไทย 3 คน ชักไม่แน่ใจละ 555 จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่โปรเจคเปิดตัวเทรนนี YG Next ผ่านบททดสอบมามากมายจนมาถึง Last Evaluation และได้เดบิวต์ในฐานะเมมเบอร์ตัวจริงของ BABYMONSTER ครบทั้ง 7 คน ผมได้เห็นพัฒนาการของน้อง ๆ ทุกคนแบบก้าวกระโดด เห็นถึงความไม่ย่อท้อ ฝ่าฟันต่อทุกอุปสรรค์ ล้มมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่น้อง ๆ ก็ลุกขึ้นสู้ได้ ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อมาถึงความฝันอันสูงสุดนี้ คือการได้เดบิวต์แบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง 7 คน ผมเองรู้สึกภูมิใจในตัวของน้อง ๆ ทุกคน โดยเฉพาะเมมเบอร์ไทยอย่างชิกิต้า (แคนนี่) และภริตา (แพร) หนู 2 คนคือความภาคภูมิใจของคนไทย หนูสามารถทำให้แฟนไทยได้เห็นแล้วว่าพวกหนูทำได้ และครั้งนี้หนูได้นำความสำเร็จนี้กลับมาฝากแฟน ๆ ชาวไทยได้ประทับใจและชื่นชม พวกหนูสุดยอดมาก 🥰 ก็เหมือนครั้งนี้ที่ผมตั้งใจไปหาน้อง ๆ นอกจากจะไปให้กำลังใจน้อง ๆ แล้ว ก็ยังได้มาดูผลงานสด ๆ บนเวทีของน้อง ๆ หลังจากที่น้อง ๆ ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ฝึกฝน สู้ทนฟันฝ่าจนมีวันนี้ได้ สุดท้ายนี้ พี่อยากจะบอกน้อง ๆ ว่าแฟนมีตครั้งนี้ น้อง ๆ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เก่งมาก ๆ ครับ หลังจากนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ สู้ต่อไป รังสรรค์ผลงานดี ๆ แบบนี้ ส่งความสุข ความน่ารักแบบนี้ ให้แฟน ๆ ได้เห็นกันต่อไปเรื่อย ๆ เลยนะ ขอให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ เป็นอีกหลายสิบปีเลย และพี่เองก็จะสนับสนุน อุดหนุนผลงานของน้อง ๆ ต่อไปแน่นอน และที่สำคัญ.....มาไทยบ่อย ๆ นะ ถ้ากลับมาอีก พี่พร้อมไปหาน้อง ๆ อีกแน่นอน💝 #BABYMONSTER #SEEYOUTHEREinBANGKOK
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 950 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค

    กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

    #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่
    ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

    #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี
    กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม

    #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย
    กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ

    เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ
    * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี
    * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน
    * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน

    เรือพระราชพิธีอื่นๆ
    * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา)
    * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม
    * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง
    สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า

    การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป
    ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

    พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป

    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน
    ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่
    และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า
    ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า
    กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่
    ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย
    [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ
    พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด
    ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา
    เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง
    ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย

    ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

    อ้างอิง
    ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844
    ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน เรือพระราชพิธีอื่นๆ * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา) * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่ และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่ ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อ้างอิง ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844 ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2891 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยาวชนเหมือนกันแต่ต่างกัน
    คนหนึ่งอดทนฝึกฝนตั้งแต่อายุ 12 เพื่อเป็นความภูมิใจของประเทศ
    กับอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างแต่ปัญหาเป้าหมายเพื่อล้มสถาบัน
    คนหนึ่งได้รับเสียงเชียร์จากคนไทยทั้งชาติ
    กับอีกกลุ่มหนึ่งมีแต่เสียงกร่นด่าและสาปส่ง
    คนหนึ่งอนาคตสดไส ผลตอบแทนความความมานะอดทน
    กับอีกกลุ่มหนึ่ง หมดอนาคต ผลตอบแทนจากการเนรคุณแผ่นดิน
    คนหนึ่งเป็นข้าราชการ อาชีพมั่นคง
    กับอีกกลุ่มหนึ่ง แสดงตนเป็นอันธพาลไร้อาชีพ
    คนหนึ่งไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ
    กับคนอีกกลุ่มหนึ่งมองอย่างไร ก็ไร้อนาคต
    อยากให้ลูกหลานเป็นแบบไหน เลือกเอานะครับ
    ของมันเห็นๆ ถ้าใครจะเถียง ตอบคำถามพี่คิงส์ข้อเดียวให้ได้
    สามกีบ กลุ่มทะลุวัง หรือแม้กระทั่วก้าวไกลทั้งพรรค
    มีผลงานอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
    หาไม่เหอะ ไม่มี ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เยาวชนเหมือนกันแต่ต่างกัน คนหนึ่งอดทนฝึกฝนตั้งแต่อายุ 12 เพื่อเป็นความภูมิใจของประเทศ กับอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างแต่ปัญหาเป้าหมายเพื่อล้มสถาบัน คนหนึ่งได้รับเสียงเชียร์จากคนไทยทั้งชาติ กับอีกกลุ่มหนึ่งมีแต่เสียงกร่นด่าและสาปส่ง คนหนึ่งอนาคตสดไส ผลตอบแทนความความมานะอดทน กับอีกกลุ่มหนึ่ง หมดอนาคต ผลตอบแทนจากการเนรคุณแผ่นดิน คนหนึ่งเป็นข้าราชการ อาชีพมั่นคง กับอีกกลุ่มหนึ่ง แสดงตนเป็นอันธพาลไร้อาชีพ คนหนึ่งไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ กับคนอีกกลุ่มหนึ่งมองอย่างไร ก็ไร้อนาคต อยากให้ลูกหลานเป็นแบบไหน เลือกเอานะครับ ของมันเห็นๆ ถ้าใครจะเถียง ตอบคำถามพี่คิงส์ข้อเดียวให้ได้ สามกีบ กลุ่มทะลุวัง หรือแม้กระทั่วก้าวไกลทั้งพรรค มีผลงานอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ หาไม่เหอะ ไม่มี ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว