• อย่าประมาทเวรกรรม..รีบทำบุญกุศล ทำความดีให้ตัวเอง
    อย่าประมาทเวรกรรม..รีบทำบุญกุศล ทำความดีให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิด 55ชื่อสว.ล็อตแรกถูกกกต.เรียกชี้แจง19-21พ.ค.วันนี้(9พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ของสำนักงานกกต ที่มีร้อยตำรวจเอกชนินทร์ น้อยเล็ก เป็นประธานได้ลงนามในหนังสือเรียกให้สว.ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77(1)และมาตรา 62 ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯ นั้นมีรายงานเบื้องต้นมีทั้งสิ้น55ราย โดยให้ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19- 21พ.ค.68 ณ.สำนักงานกกต .ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้เแจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค.68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรีนายมงคล สุระสัจจะพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสายนายเศก จุลเกษรนายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุลนายอลงกต วรกีนายณัฐกิตติ์ หนูรอดนายสมศักดิ์ จันทร์แก้วนายชีวะภาพ ชีวะธรรมนายเตชสิทธิ์ ชูแก้วนายสิทธิกร คงยศนายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะนายสากล ภูลศิริกุลนายนิพนธ์ เอกวานิชนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหมนายวิเชียร ชัยสถาพรนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุลนายพิบูลย์อัฑฆ์ หฤหรรษ์ปราการนายสมหมาย ศรีจันทร์น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรสพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนากลุ่มสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 20 พ.ค68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่นายสืบศักดิ์ แววแก้วพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพ็ชร์นายจิระศักดิ์ ชูความดีนายสมพร วรรณชาตินายจตุพร เรียงเงินน.ส.เข็มรัตน์ สุรเมธีมาณพนายนิสิทธิ์ ปนกลิ่นนายสุเทพ สังข์วิเศษนายสมทบ ถีระพันธ์นางนงลักษณ์ ก้านเขียวนายฤซุ แก้วลายนายยะโก๊ป หีมละนายสมชาย นุ่มพูลนางปวีณา สาระรัมย์นายอภิชา เศรษฐวราธรนายวิถี สุพิทักษ์นายพิศูจน์ รัตนวงศ์นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรนางสุมิตรา จารุกำเนิดกนกนายรุจิภาศ มีกุศลนายสมพาน พละศักดิ์พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัยและสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา ในวันที่ 21 พ.ค. 68 มีรายชื่อสว.จำนวน 11คนได้แก่ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดีนายขวัญชัย แสนหิรัณย์นางอจลา ณ ระนองนายโชคชัย กิตติธเนศวรนายศุภชัย กิตติภูติกุลนายประณีต เกรัมย์นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจนายสมดุล บุญไชยนายสุนทนต์ กล้าการขายนายสุวิช จำปานนท์ทั้งนี้หนังสือเรียกให้ชี้แจงมีการระบุชัดเจนว่าหากสว. ที่ได้รับหนังสือไม่มารับทราบและไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจะถือว่าสละสิทธิ์ในการชี้แจงแสดงหลักฐานหรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
    เปิด 55ชื่อสว.ล็อตแรกถูกกกต.เรียกชี้แจง19-21พ.ค.วันนี้(9พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ของสำนักงานกกต ที่มีร้อยตำรวจเอกชนินทร์ น้อยเล็ก เป็นประธานได้ลงนามในหนังสือเรียกให้สว.ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77(1)และมาตรา 62 ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯ นั้นมีรายงานเบื้องต้นมีทั้งสิ้น55ราย โดยให้ไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19- 21พ.ค.68 ณ.สำนักงานกกต .ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้เแจงข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค.68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรีนายมงคล สุระสัจจะพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสายนายเศก จุลเกษรนายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุลนายอลงกต วรกีนายณัฐกิตติ์ หนูรอดนายสมศักดิ์ จันทร์แก้วนายชีวะภาพ ชีวะธรรมนายเตชสิทธิ์ ชูแก้วนายสิทธิกร คงยศนายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะนายสากล ภูลศิริกุลนายนิพนธ์ เอกวานิชนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหมนายวิเชียร ชัยสถาพรนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุลนายพิบูลย์อัฑฆ์ หฤหรรษ์ปราการนายสมหมาย ศรีจันทร์น.ส.อัจฉราพรรณ หอมรสพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนากลุ่มสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 20 พ.ค68 มีรายชื่อสว.จำนวน 22 คนได้แก่นายสืบศักดิ์ แววแก้วพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพ็ชร์นายจิระศักดิ์ ชูความดีนายสมพร วรรณชาตินายจตุพร เรียงเงินน.ส.เข็มรัตน์ สุรเมธีมาณพนายนิสิทธิ์ ปนกลิ่นนายสุเทพ สังข์วิเศษนายสมทบ ถีระพันธ์นางนงลักษณ์ ก้านเขียวนายฤซุ แก้วลายนายยะโก๊ป หีมละนายสมชาย นุ่มพูลนางปวีณา สาระรัมย์นายอภิชา เศรษฐวราธรนายวิถี สุพิทักษ์นายพิศูจน์ รัตนวงศ์นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตรนางสุมิตรา จารุกำเนิดกนกนายรุจิภาศ มีกุศลนายสมพาน พละศักดิ์พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัยและสว.ที่นัดให้เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา ในวันที่ 21 พ.ค. 68 มีรายชื่อสว.จำนวน 11คนได้แก่ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดีนายขวัญชัย แสนหิรัณย์นางอจลา ณ ระนองนายโชคชัย กิตติธเนศวรนายศุภชัย กิตติภูติกุลนายประณีต เกรัมย์นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจนายสมดุล บุญไชยนายสุนทนต์ กล้าการขายนายสุวิช จำปานนท์ทั้งนี้หนังสือเรียกให้ชี้แจงมีการระบุชัดเจนว่าหากสว. ที่ได้รับหนังสือไม่มารับทราบและไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจะถือว่าสละสิทธิ์ในการชี้แจงแสดงหลักฐานหรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จากเข้าใจ…สู่เข้าถึง”
    บทเรียนสำคัญของผู้เดินทางในทางธรรม

    ในเส้นทางแห่งการลดกิเลส ไม่มีใครข้ามจากศูนย์ไปถึงปลายทางได้ภายในวันเดียว

    ธรรมะจึงไม่ใช่สิ่งที่จะ “เชื่อไว้ก่อน” แล้วได้ผลทันที

    แต่เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้-เข้าใจ-เข้าถึง-และกลายเป็นทีละลมหายใจ ทีละขณะจิต อย่างชัดเจน

    ---

    พุทธิปัญญา มี 3 ระดับ

    1. ได้ยินรู้เรื่อง – เรียนจากครูบาอาจารย์ ฟังแล้วเข้าหัว

    2. เข้าใจอย่างมีเหตุผล – ใช้การคิดพิจารณา เห็นด้วยใจบางๆ

    3. เข้าถึงความจริงตรงหน้า – ไม่ใช่แค่คิด แต่จิตเห็นแจ้งเอง

    ---

    “เข้าใจ” – คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

    ผู้ที่เพียง “เข้าใจ” ว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นของเรา
    รู้ว่าทุกข์มีเหตุ ทุกข์ดับได้
    รู้ว่ากายใจไม่เที่ยง ไม่ควรยึด
    แม้แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่ม “ต่อยกิเลสให้ถลอก” ได้แล้ว

    ยามทุกข์ ก็น้อมจิตระลึกว่า

    > “มันผ่านมาแล้ว ก็แล้วไป”
    “ทุกข์แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็หลุดได้”

    นี่คือการคิดปลอบใจตนด้วยธรรม
    แม้ยังไม่พ้น แต่ก็ไม่หลงฟูมฟายอีก
    นี่แหละ “การเข้าใจ” ที่ลดพลังของกิเลสลงได้ระดับหนึ่ง

    ---

    “เข้าถึง” – คือจุดที่กิเลสเริ่มแตกจริง

    แต่หากวันหนึ่ง เรา
    – ให้จิตเป็นทาน
    – วางใจไว้ในศีล
    – ตั้งจิตอยู่กับความสงบ
    – แล้ว “รู้ตามความจริง” อย่างเงียบๆ ไม่คิด ไม่แปล

    จิตจะเริ่มเห็นว่า...

    > “อารมณ์แย่ๆ เกิดขึ้นตรงลมหายใจไหน”
    “ความดี ความสงบ เข้ามาแทนที่ตรงลมหายใจไหน”
    “นี่คือตัวรู้ – และสิ่งอื่นล้วนเป็นสิ่งถูกรู้”

    เมื่อเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร
    เป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ของเรา
    อุปาทานจะถูกกะเทาะออก
    ไม่ใช่เพราะเชื่อครู หรือเพราะใช้เหตุผล
    แต่เพราะ “จิตเห็นเอง” อย่างประจักษ์

    ---

    **เมื่อ ‘รู้’ เกิดจากความว่าง

    นิพพานจึงอยู่ตรงนั้นเอง**

    ทุกครั้งที่เราเข้าถึงความจริงได้ด้วยใจที่สงบ
    นั่นคือการลดตัวตน ลดการยึด
    และทุกครั้งที่ไม่มีตัวตน
    จิตจะแตะนิพพานชั่วขณะ
    แม้เพียงวินาทีเดียว ก็มีค่ากว่ารู้โลกทั้งโลก

    ---

    บทสรุปของผู้ปฏิบัติธรรม

    > – ฟังธรรม = ใส่เชื้อดี
    – คิดธรรม = ประคบใจให้อบอุ่น
    – เห็นธรรม = เผากิเลสตรงหน้าได้จริง

    เมื่อปัญญาเดินทางจาก “เข้าใจ” สู่ “เข้าถึง”
    จะไม่ใช่แค่หัวที่เบา
    แต่คือ ใจที่เป็นอิสระจริงๆ
    จากสิ่งที่เคยครอบงำ…มาทั้งชีวิต
    “จากเข้าใจ…สู่เข้าถึง” บทเรียนสำคัญของผู้เดินทางในทางธรรม ในเส้นทางแห่งการลดกิเลส ไม่มีใครข้ามจากศูนย์ไปถึงปลายทางได้ภายในวันเดียว ธรรมะจึงไม่ใช่สิ่งที่จะ “เชื่อไว้ก่อน” แล้วได้ผลทันที แต่เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้-เข้าใจ-เข้าถึง-และกลายเป็นทีละลมหายใจ ทีละขณะจิต อย่างชัดเจน --- พุทธิปัญญา มี 3 ระดับ 1. ได้ยินรู้เรื่อง – เรียนจากครูบาอาจารย์ ฟังแล้วเข้าหัว 2. เข้าใจอย่างมีเหตุผล – ใช้การคิดพิจารณา เห็นด้วยใจบางๆ 3. เข้าถึงความจริงตรงหน้า – ไม่ใช่แค่คิด แต่จิตเห็นแจ้งเอง --- “เข้าใจ” – คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ผู้ที่เพียง “เข้าใจ” ว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นของเรา รู้ว่าทุกข์มีเหตุ ทุกข์ดับได้ รู้ว่ากายใจไม่เที่ยง ไม่ควรยึด แม้แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่ม “ต่อยกิเลสให้ถลอก” ได้แล้ว ยามทุกข์ ก็น้อมจิตระลึกว่า > “มันผ่านมาแล้ว ก็แล้วไป” “ทุกข์แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็หลุดได้” นี่คือการคิดปลอบใจตนด้วยธรรม แม้ยังไม่พ้น แต่ก็ไม่หลงฟูมฟายอีก นี่แหละ “การเข้าใจ” ที่ลดพลังของกิเลสลงได้ระดับหนึ่ง --- “เข้าถึง” – คือจุดที่กิเลสเริ่มแตกจริง แต่หากวันหนึ่ง เรา – ให้จิตเป็นทาน – วางใจไว้ในศีล – ตั้งจิตอยู่กับความสงบ – แล้ว “รู้ตามความจริง” อย่างเงียบๆ ไม่คิด ไม่แปล จิตจะเริ่มเห็นว่า... > “อารมณ์แย่ๆ เกิดขึ้นตรงลมหายใจไหน” “ความดี ความสงบ เข้ามาแทนที่ตรงลมหายใจไหน” “นี่คือตัวรู้ – และสิ่งอื่นล้วนเป็นสิ่งถูกรู้” เมื่อเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร เป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ของเรา อุปาทานจะถูกกะเทาะออก ไม่ใช่เพราะเชื่อครู หรือเพราะใช้เหตุผล แต่เพราะ “จิตเห็นเอง” อย่างประจักษ์ --- **เมื่อ ‘รู้’ เกิดจากความว่าง นิพพานจึงอยู่ตรงนั้นเอง** ทุกครั้งที่เราเข้าถึงความจริงได้ด้วยใจที่สงบ นั่นคือการลดตัวตน ลดการยึด และทุกครั้งที่ไม่มีตัวตน จิตจะแตะนิพพานชั่วขณะ แม้เพียงวินาทีเดียว ก็มีค่ากว่ารู้โลกทั้งโลก --- บทสรุปของผู้ปฏิบัติธรรม > – ฟังธรรม = ใส่เชื้อดี – คิดธรรม = ประคบใจให้อบอุ่น – เห็นธรรม = เผากิเลสตรงหน้าได้จริง เมื่อปัญญาเดินทางจาก “เข้าใจ” สู่ “เข้าถึง” จะไม่ใช่แค่หัวที่เบา แต่คือ ใจที่เป็นอิสระจริงๆ จากสิ่งที่เคยครอบงำ…มาทั้งชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าไปถามว่าอยู่เพื่ออะไร..? อยู่ทำบุญทำความดีไปสิ สร้างลงไปดีหมด
    อย่าไปถามว่าอยู่เพื่ออะไร..? อยู่ทำบุญทำความดีไปสิ สร้างลงไปดีหมด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ผู้ที่จะมาบูรณะวัดท่าซุงในกาลข้างหน้า ท่านบอกว่าในจำนวน ๕ ทหารเสือนี่แหละ ในจำนวน ๒ คนนี้ซึ่งมีเชื้อสายมาจากพุทธภูมิ ในอดีตทั้ง ๒ คนนี้เคยอยู่ที่ อิตาลี และเยอรมัน คนหนึ่งจะได้มาเป็นพระอรหันต์องค์นั้น ส่วนอีกคนจะมาเกิดเป็นพระเจ้าธรรมิกราชตามพุทธพยากรณ์นั้น และสถานที่แห่งนี้หลวงพ่อได้เคยเล่าให้พระฟังหลังจากทำสังฆกรรมในพระอุโบสถเมื่อประมาณ ๒-๓ ปีก่อนว่า สถานที่บริเวณวัดท่าซุงแห่งนี้ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว ได้มีผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว ๗๒ องค์ โดยท่านทั้งหมดได้มาปรากฎแล้วบอกให้หลวงพ่อทราบ อีกทั้งหลวงพ่อยังได้ตั้งสัตยาธิษฐานฝากลูกหลานของท่านไว้ดังนี้

    💥💥 "ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพรหมและเทพเจ้าทั้งหมด
    🌟ขอทุกท่านจงกำหนดจิตจดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวังที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นาน คิดว่าจะทำไม่ได้แต่เวลานี้ทำได้แล้ว
    🔆ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว"

    พุทธพยากรณ์อนาคตของวัดท่าซุง

    ☀ "สถานที่นี้จะเป็นศูนย์ที่มีความสำคัญต่อไปในเบื้องหน้า วัดนี้ถ้ามันจะพังจริงๆ ก็ต้องพุทธศักราชสิ้นไป ๔,๕๐๐ ปีเศษ คือ ๔,๕๐๐ ปีเศษวัดนี้จึงจะสลายตัว นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปหลังจากฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ แล้ว ท่านบอกว่า "จากนี้ไป ๓ ปี วัดนี้จะมีพระอริยเจ้าประจำตลอดไปจนถึงพระพุทธศาสนาล่วงไปถึง ๔,๕๐๐ ปี หลังจากนั้นจึงขาดพระอริยเจ้า ส่วนคำสอนของวัดท่าซุงจะอยู่เป็นหลักตลอดไปถึง ๔,๕๐๐ ปีเช่นกัน..."

    จากหนังสือ "อนุสรณ์ครบ ๑๐๐ ปีเกิด หลวงพ่อพระราชพรหมยาน"
    (ปกแข็งสีทอง) หน้าที่ ๑๘ - ๑๙
    #ผู้ที่จะมาบูรณะวัดท่าซุงในกาลข้างหน้า ท่านบอกว่าในจำนวน ๕ ทหารเสือนี่แหละ ในจำนวน ๒ คนนี้ซึ่งมีเชื้อสายมาจากพุทธภูมิ ในอดีตทั้ง ๒ คนนี้เคยอยู่ที่ อิตาลี และเยอรมัน คนหนึ่งจะได้มาเป็นพระอรหันต์องค์นั้น ส่วนอีกคนจะมาเกิดเป็นพระเจ้าธรรมิกราชตามพุทธพยากรณ์นั้น และสถานที่แห่งนี้หลวงพ่อได้เคยเล่าให้พระฟังหลังจากทำสังฆกรรมในพระอุโบสถเมื่อประมาณ ๒-๓ ปีก่อนว่า สถานที่บริเวณวัดท่าซุงแห่งนี้ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว ได้มีผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว ๗๒ องค์ โดยท่านทั้งหมดได้มาปรากฎแล้วบอกให้หลวงพ่อทราบ อีกทั้งหลวงพ่อยังได้ตั้งสัตยาธิษฐานฝากลูกหลานของท่านไว้ดังนี้ 💥💥 "ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพรหมและเทพเจ้าทั้งหมด 🌟ขอทุกท่านจงกำหนดจิตจดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวังที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นาน คิดว่าจะทำไม่ได้แต่เวลานี้ทำได้แล้ว 🔆ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว" พุทธพยากรณ์อนาคตของวัดท่าซุง ☀ "สถานที่นี้จะเป็นศูนย์ที่มีความสำคัญต่อไปในเบื้องหน้า วัดนี้ถ้ามันจะพังจริงๆ ก็ต้องพุทธศักราชสิ้นไป ๔,๕๐๐ ปีเศษ คือ ๔,๕๐๐ ปีเศษวัดนี้จึงจะสลายตัว นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปหลังจากฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ แล้ว ท่านบอกว่า "จากนี้ไป ๓ ปี วัดนี้จะมีพระอริยเจ้าประจำตลอดไปจนถึงพระพุทธศาสนาล่วงไปถึง ๔,๕๐๐ ปี หลังจากนั้นจึงขาดพระอริยเจ้า ส่วนคำสอนของวัดท่าซุงจะอยู่เป็นหลักตลอดไปถึง ๔,๕๐๐ ปีเช่นกัน..." จากหนังสือ "อนุสรณ์ครบ ๑๐๐ ปีเกิด หลวงพ่อพระราชพรหมยาน" (ปกแข็งสีทอง) หน้าที่ ๑๘ - ๑๙
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย

    ผู้ถาม : ลูกได้ดูโทรทัศน์ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย ทรงเล่าเรื่องว่า เคยป่วยอาการหนัก หมอบอกว่าโรคอย่างนี้ไม่สามารถรักษาได้ มีทรงกับทรุด หรือตายอย่างเดียว พระองค์ก็ทรงพิจารณาว่า ร่างกายนี้ไม่ดีหนอ ไม่ขอเกิดอีกแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอสร้างแต่ความดี โดยเริ่มดำเนินการโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า คนที่ไม่อยากเกิดต่อไปอย่างนี้ จะเรียกว่า ตัดสักกายทิฏฐิ ใช่หรือเปล่าขอรับ?

    หลวงพ่อ : ตัดแน่ ตรง! ใช้ได้เลย ตรงเป้าหมายดี
    แต่ค่อยๆ ตัดนะ อย่าตัดแรง ตัดแรงมันเจ็บ อ้าว! จริงๆ ค่อยๆ ตัด คิดไว้ทีแรกว่า อย่าเกิดต่อไปนะ จะต้องค่อยๆ คิดคลายไปทีละน้อยๆ ว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ มีดิน น้ำ ลม ไฟ มารวมกันที่เป็นร่างที่อาศัยชั่วคราว มันพังก็พัง แต่เราไม่ยอมพังด้วย เราต้องการไปนิพพานจุดเดียว ค่อยๆคลำ แบบนี้มีหวังแน่นอน

    ผู้ถาม : ของหลวงพ่อบอกว่า ตัดสักกายทิฏฐิตัวเดียวก็ไปนิพพานได้เลย?

    หลวงพ่อ : ไม่ใช่ของหลวงพ่อ ของพระพุทธเจ้า ของพระสารีบุตรท่าน พระพุทธเจ้าอธิบายแล้วพระไม่เข้าใจ คืออาจจะเข้าใจเหมือนกันแต่ไม่มั่นใจ ฟังกรรมฐานจากพระพุทธเจ้าตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ ฟังแล้วพระก็ลาจะขอเข้าป่าไป

    ท่านถามว่า พวกเธอจะเข้าป่าไปลาพระสารีบุตรหรือยัง

    ความจริงไม่ได้นัด แต่ทรงทราบว่าถ้าไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรจะพูดว่าอย่างไร

    พระก็บอกว่า ยังพระพุทธเจ้าข้า

    ถ้าอย่างนั้นก็ไปลาพระสารีบุตรก่อน ในเมื่อพระไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็แนะนำตามสมควร

    ต่อมาพระก็ถามว่า เวลานี้ผมเป็นปุถุชนอยากจะเป็นพระโสดาบันจะทำยังไง?

    ท่านบอกให้พิจารณาขันธ์ ๕ พูดง่ายๆ ขันธ์ ๕ คือร่างกาย ใช่ไหม ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริง ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าเธอมีความรู้สึกหรือตัดได้อย่างแน่นอน เธอก็เป็นพระโสดาบัน

    พระก็ถามว่า ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้วจะเป็นพระสกิทาคามีทำยังไง?
    พระสารีบุตรก็บอกพิจารณาอย่างนี้แหละ

    พระก็ถามว่า ถ้าผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ต้องการเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง?
    ท่านบอกตัดตัวนี้แหละ จนจิตเบื่อหน่ายในร่างกาย เห็นว่าร่างกายสกปรกโสโครกไม่น่ารัก ตัดได้แน่นอนเมื่อไร เวลานั้นเป็นพระอนาคามี

    พระก็ถามว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้วต้องการเป็นพระอรหันต์จะทำยังไง?
    ก็ตัดตัวเดียวนี้แหละ จนกระทั่งจิตวางเฉย เห็นว่าร่างกายเรา เห็นร่างกายคนอื่นก็เฉย มันจะเป็นยังไง จิตใจก็สบาย มันก็ไม่กลุ้มไปด้วย ถือว่าเป็นธรรมดาของร่างกาย ในที่สุดมันก็พัง อย่างนี้ก็เป็นพระอรหันต์

    พระพวกนั้นในฐานะที่เป็นปุถุชน มีสมบัติเก่าค้างอยู่ คือความขี้เกียจค้างอยู่
    เลยถามพระสารีบุตรว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม?

    พระสารีบุตร บอกไม่ใช่ พระอรหันต์ต้องนึกเป็นอารมณ์เลย หรือเป็นปกติตลอดวัน นี่แสดงสัญลักษณ์เดิมคือขี้เกียจมาก่อนนะ

    ผู้ถาม : ก็แบบหลวงพ่อชาติก่อน ๆ เคยขยัน ชาตินี้ก็เลยขยันต่อ

    หลวงพ่อ : ไม่ใช่ขยัน ชาตินี้ก็เลยขี้เกียจต่อ ขี้เกียจอะไรทราบไหม ขี้เกียจเกิด

    ผู้ถาม : แล้วก็ขี้เกียจแก่

    หลวงพ่อ : แก่มันไม่ขี้เกียจ เพราะกำลังแก่อยู่ จะแก่เรื่อย ๆ ไปจนกว่าจะตาย ตายแล้วยังไม่เลิกแก่ ยังแก่ต่อไปอีก เวลานี้พวกนี้เรียกหลวงพ่อใช่ไหม เมื่อวาน เลื่อนขั้นมีคนเรียกหลวงตาแล้ว แสดงว่าแก่มาก

    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ) วัดท่าซุง
    ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๕๑ หน้า ๗๘-๗๙
    #เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย ผู้ถาม : ลูกได้ดูโทรทัศน์ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เบื่อร่างกาย ทรงเล่าเรื่องว่า เคยป่วยอาการหนัก หมอบอกว่าโรคอย่างนี้ไม่สามารถรักษาได้ มีทรงกับทรุด หรือตายอย่างเดียว พระองค์ก็ทรงพิจารณาว่า ร่างกายนี้ไม่ดีหนอ ไม่ขอเกิดอีกแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอสร้างแต่ความดี โดยเริ่มดำเนินการโรงพยาบาลศิริราช เป็นต้น อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า คนที่ไม่อยากเกิดต่อไปอย่างนี้ จะเรียกว่า ตัดสักกายทิฏฐิ ใช่หรือเปล่าขอรับ? หลวงพ่อ : ตัดแน่ ตรง! ใช้ได้เลย ตรงเป้าหมายดี แต่ค่อยๆ ตัดนะ อย่าตัดแรง ตัดแรงมันเจ็บ อ้าว! จริงๆ ค่อยๆ ตัด คิดไว้ทีแรกว่า อย่าเกิดต่อไปนะ จะต้องค่อยๆ คิดคลายไปทีละน้อยๆ ว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ มีดิน น้ำ ลม ไฟ มารวมกันที่เป็นร่างที่อาศัยชั่วคราว มันพังก็พัง แต่เราไม่ยอมพังด้วย เราต้องการไปนิพพานจุดเดียว ค่อยๆคลำ แบบนี้มีหวังแน่นอน ผู้ถาม : ของหลวงพ่อบอกว่า ตัดสักกายทิฏฐิตัวเดียวก็ไปนิพพานได้เลย? หลวงพ่อ : ไม่ใช่ของหลวงพ่อ ของพระพุทธเจ้า ของพระสารีบุตรท่าน พระพุทธเจ้าอธิบายแล้วพระไม่เข้าใจ คืออาจจะเข้าใจเหมือนกันแต่ไม่มั่นใจ ฟังกรรมฐานจากพระพุทธเจ้าตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ ฟังแล้วพระก็ลาจะขอเข้าป่าไป ท่านถามว่า พวกเธอจะเข้าป่าไปลาพระสารีบุตรหรือยัง ความจริงไม่ได้นัด แต่ทรงทราบว่าถ้าไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรจะพูดว่าอย่างไร พระก็บอกว่า ยังพระพุทธเจ้าข้า ถ้าอย่างนั้นก็ไปลาพระสารีบุตรก่อน ในเมื่อพระไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็แนะนำตามสมควร ต่อมาพระก็ถามว่า เวลานี้ผมเป็นปุถุชนอยากจะเป็นพระโสดาบันจะทำยังไง? ท่านบอกให้พิจารณาขันธ์ ๕ พูดง่ายๆ ขันธ์ ๕ คือร่างกาย ใช่ไหม ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริง ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าเธอมีความรู้สึกหรือตัดได้อย่างแน่นอน เธอก็เป็นพระโสดาบัน พระก็ถามว่า ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้วจะเป็นพระสกิทาคามีทำยังไง? พระสารีบุตรก็บอกพิจารณาอย่างนี้แหละ พระก็ถามว่า ถ้าผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ต้องการเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง? ท่านบอกตัดตัวนี้แหละ จนจิตเบื่อหน่ายในร่างกาย เห็นว่าร่างกายสกปรกโสโครกไม่น่ารัก ตัดได้แน่นอนเมื่อไร เวลานั้นเป็นพระอนาคามี พระก็ถามว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้วต้องการเป็นพระอรหันต์จะทำยังไง? ก็ตัดตัวเดียวนี้แหละ จนกระทั่งจิตวางเฉย เห็นว่าร่างกายเรา เห็นร่างกายคนอื่นก็เฉย มันจะเป็นยังไง จิตใจก็สบาย มันก็ไม่กลุ้มไปด้วย ถือว่าเป็นธรรมดาของร่างกาย ในที่สุดมันก็พัง อย่างนี้ก็เป็นพระอรหันต์ พระพวกนั้นในฐานะที่เป็นปุถุชน มีสมบัติเก่าค้างอยู่ คือความขี้เกียจค้างอยู่ เลยถามพระสารีบุตรว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม? พระสารีบุตร บอกไม่ใช่ พระอรหันต์ต้องนึกเป็นอารมณ์เลย หรือเป็นปกติตลอดวัน นี่แสดงสัญลักษณ์เดิมคือขี้เกียจมาก่อนนะ ผู้ถาม : ก็แบบหลวงพ่อชาติก่อน ๆ เคยขยัน ชาตินี้ก็เลยขยันต่อ หลวงพ่อ : ไม่ใช่ขยัน ชาตินี้ก็เลยขี้เกียจต่อ ขี้เกียจอะไรทราบไหม ขี้เกียจเกิด ผู้ถาม : แล้วก็ขี้เกียจแก่ หลวงพ่อ : แก่มันไม่ขี้เกียจ เพราะกำลังแก่อยู่ จะแก่เรื่อย ๆ ไปจนกว่าจะตาย ตายแล้วยังไม่เลิกแก่ ยังแก่ต่อไปอีก เวลานี้พวกนี้เรียกหลวงพ่อใช่ไหม เมื่อวาน เลื่อนขั้นมีคนเรียกหลวงตาแล้ว แสดงว่าแก่มาก พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ) วัดท่าซุง ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๕๑ หน้า ๗๘-๗๙
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศีลธรรมเป็นคุณ
    หนุนนำกรรมดี
    ชำนาญยิ่งมี
    ดีอยู่ยาวนาน

    กิเลสกรรมชั่ว
    มัวเอาสืบสาน
    ก่อโทษการงาน
    พาลพาทุกข์ภัย

    จิตนี้เป็นใหญ่
    ไม่รู้ชั่วร้าย
    นำมาครองไว้
    ไม่พ้นทุกข์ได้

    ความเลวสิงคน
    ปนเปรอเอาไว้
    คนจึ่งเลวได้
    ก่อโทษเวรภัย

    หนทางกิเลส
    เหตุมัวหมองได้
    พาเสื่อมเสียหาย
    ดั่งไฟลามทุ่ง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ศีลธรรมเป็นคุณ หนุนนำกรรมดี ชำนาญยิ่งมี ดีอยู่ยาวนาน กิเลสกรรมชั่ว มัวเอาสืบสาน ก่อโทษการงาน พาลพาทุกข์ภัย จิตนี้เป็นใหญ่ ไม่รู้ชั่วร้าย นำมาครองไว้ ไม่พ้นทุกข์ได้ ความเลวสิงคน ปนเปรอเอาไว้ คนจึ่งเลวได้ ก่อโทษเวรภัย หนทางกิเลส เหตุมัวหมองได้ พาเสื่อมเสียหาย ดั่งไฟลามทุ่ง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รัดเกล้า" ให้กำลังใจ "พีระพันธุ์" ถูกเกมการเมืองโจมตี ยกวลี "ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว"
    https://www.thai-tai.tv/news/18507/
    "รัดเกล้า" ให้กำลังใจ "พีระพันธุ์" ถูกเกมการเมืองโจมตี ยกวลี "ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว" https://www.thai-tai.tv/news/18507/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัจธรรมพาเห็นจริง
    ยิ่งได้รู้ยิ่งซาบซึ้ง
    ไตรรัตน์คุณบุญที่พึ่ง
    จึ่งนอบน้อมมอบราบคาบ

    ปริยัติหัดเรียนทาง
    กลางเพียรได้ให้ซึมซาบ
    ปฏิเวธเหตุขวนขวาย

    ทำบ่อยบ่อยพลอยชำนาญ
    งานนอกในได้เสร็จง่าย
    ชำนาญเข้าออกก็ได้
    วางได้พลันนั่นทุกข์หาย

    ทั้งสติจิตตั้งมั่น
    ปัญญาญาณชำนาญใช้
    เจริญธรรมนำเชื่อใจ
    ให้เพียรหนุนคุณสมาน

    อิทังเม ญาตินังโหนตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโย

    ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สัจธรรมพาเห็นจริง ยิ่งได้รู้ยิ่งซาบซึ้ง ไตรรัตน์คุณบุญที่พึ่ง จึ่งนอบน้อมมอบราบคาบ ปริยัติหัดเรียนทาง กลางเพียรได้ให้ซึมซาบ ปฏิเวธเหตุขวนขวาย ทำบ่อยบ่อยพลอยชำนาญ งานนอกในได้เสร็จง่าย ชำนาญเข้าออกก็ได้ วางได้พลันนั่นทุกข์หาย ทั้งสติจิตตั้งมั่น ปัญญาญาณชำนาญใช้ เจริญธรรมนำเชื่อใจ ให้เพียรหนุนคุณสมาน อิทังเม ญาตินังโหนตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีชั่วมีจริง
    ยิ่งค้นยิ่งเจอ
    สติไม่เผลอ
    เจอแต่ความจริง

    หนทางกิเลส
    เหตุร้อนทุกข์ยิ่ง
    นำมาสุงสิง
    ยิ่งได้บรรลัย

    มีความเห็นผิด
    เหตุจิตเป็นใหญ่
    จึงพาเหลวไหล
    ให้กิเลสครอง

    ไม่สำนึกผิด
    ปล่อยจิตมัวหมอง
    ไร้ศีลธรรมครอง
    ต้องวิบากกรรม

    กรรมคิดพูดทำ
    นำพาศีลธรรม
    สร้างกุศลกรรม
    นำดับกิเลส

    เหตุร้ายดับไป
    ไกลทุกข์ดับเหตุ
    ดับกรรมทุเรศ
    เหตุดีแทนได้

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ดีชั่วมีจริง ยิ่งค้นยิ่งเจอ สติไม่เผลอ เจอแต่ความจริง หนทางกิเลส เหตุร้อนทุกข์ยิ่ง นำมาสุงสิง ยิ่งได้บรรลัย มีความเห็นผิด เหตุจิตเป็นใหญ่ จึงพาเหลวไหล ให้กิเลสครอง ไม่สำนึกผิด ปล่อยจิตมัวหมอง ไร้ศีลธรรมครอง ต้องวิบากกรรม กรรมคิดพูดทำ นำพาศีลธรรม สร้างกุศลกรรม นำดับกิเลส เหตุร้ายดับไป ไกลทุกข์ดับเหตุ ดับกรรมทุเรศ เหตุดีแทนได้ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาของชีวิตก็ไม่แน่นอน บางคนมีเวลาอยู่นาน บางมีเวลาอยู่ไม่นาน ตามแรงบุญกรรมที่ได้ รีบทำความดีเอาไว้ สร้างลงไปบุญกุศล
    เวลาของชีวิตก็ไม่แน่นอน บางคนมีเวลาอยู่นาน บางมีเวลาอยู่ไม่นาน ตามแรงบุญกรรมที่ได้ รีบทำความดีเอาไว้ สร้างลงไปบุญกุศล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความดีทำได้
    ได้ละความชั่ว
    กิเลสหมองมัว
    พัวพันด้วยธรรม

    ความจริงธรรมแท้
    แค่พาดื่มด่ำ
    สติตอกย้ำ
    นำธรรมวิจัย

    เพียรเห็นความจริง
    ยิ่งพาเข้าใจ
    ปีติก็ได้
    กายใจสงบ

    สติไม่หลุด
    อุเบกขาพบ
    งานนอกในครบ
    จบลงที่ใจ

    ธรรมจริงประเสริฐ
    เลิศคุณได้ไว้
    เข้ากับใจได้
    ให้เจริญธรรม

    อิทังเม ญาตินังโหตุ สุขตาโหนตุ ญาตะโย
    ขอบุญนี้จงสำเร็จ

    ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ความดีทำได้ ได้ละความชั่ว กิเลสหมองมัว พัวพันด้วยธรรม ความจริงธรรมแท้ แค่พาดื่มด่ำ สติตอกย้ำ นำธรรมวิจัย เพียรเห็นความจริง ยิ่งพาเข้าใจ ปีติก็ได้ กายใจสงบ สติไม่หลุด อุเบกขาพบ งานนอกในครบ จบลงที่ใจ ธรรมจริงประเสริฐ เลิศคุณได้ไว้ เข้ากับใจได้ ให้เจริญธรรม อิทังเม ญาตินังโหตุ สุขตาโหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตธรรมเข้ากัน
    ปัญญามุ่งหมาย
    เชื่อมั่นขวนขวาย
    ให้มีสติ

    อุปสรรคทาง
    ขวางสมาธิ
    สะเทือนกวนจิต
    คิดพูดทำร้าย

    ปัญญานำมา
    พาธรรมแก้ไข
    เชื่อมั่นขวนขวาย
    ให้สติดี

    สมาธิดี
    มีจิตคลุกคลี
    ร่วมกายชีวี
    มีคุณมากมาย

    ตื่นรู้เบิกบาน
    การงานลื่นไหล
    ทำดีบุญได้
    ให้ร้ายบาปกรรม

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    จิตธรรมเข้ากัน ปัญญามุ่งหมาย เชื่อมั่นขวนขวาย ให้มีสติ อุปสรรคทาง ขวางสมาธิ สะเทือนกวนจิต คิดพูดทำร้าย ปัญญานำมา พาธรรมแก้ไข เชื่อมั่นขวนขวาย ให้สติดี สมาธิดี มีจิตคลุกคลี ร่วมกายชีวี มีคุณมากมาย ตื่นรู้เบิกบาน การงานลื่นไหล ทำดีบุญได้ ให้ร้ายบาปกรรม ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยู่ดีมีสุข
    ทุกข์มีไม่ดี
    กิเลสอัปรีย์
    ศีลธรรมช่วยได้

    สตินำพา
    สมาธิไว้
    การงานใช้ได้
    ให้ใช้ปัญญา

    โลกเกลื่อนทุกข์ภัย
    ทำใจรักษา
    มีธรรมศรัทธา
    พาเพียรเข้าไว้

    ระงับกิเลส
    เหตุชั่วละได้
    วางถูกที่หมาย
    ให้ทางประเสริฐ

    หนทางสายกลาง
    ทางธรรมนำเถิด
    ให้จิตประเสริฐ
    เกิดกำลังใจ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก มงคลสวัสดี

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    อยู่ดีมีสุข ทุกข์มีไม่ดี กิเลสอัปรีย์ ศีลธรรมช่วยได้ สตินำพา สมาธิไว้ การงานใช้ได้ ให้ใช้ปัญญา โลกเกลื่อนทุกข์ภัย ทำใจรักษา มีธรรมศรัทธา พาเพียรเข้าไว้ ระงับกิเลส เหตุชั่วละได้ วางถูกที่หมาย ให้ทางประเสริฐ หนทางสายกลาง ทางธรรมนำเถิด ให้จิตประเสริฐ เกิดกำลังใจ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก มงคลสวัสดี นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดินจงกรมดี
    มีกำลังกาย
    สติก็ได้
    ให้สมาธิ

    จะนั่งก็ได้
    ให้รู้ทันจิต
    เป็นสมาธิ
    สติตั้งมั่น

    กิเลสระงับ
    ดับทุกข์เสกสรรค์
    เจริญทุกวัน
    ปัญญาธรรมได้

    สวดมนต์ก็ดี
    มีสติใช้
    จดจ่อมนต์ได้
    ให้สมาธิ

    สมาธิดี
    มีหลักแนบชิด
    บุญดีจริต
    จิตตั้งมั่นพร้อม

    สมาธิฐาน
    การงานห้อมล้อม
    มีหลักเตรียมพร้อม
    น้อมปัญญาทำ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    เดินจงกรมดี มีกำลังกาย สติก็ได้ ให้สมาธิ จะนั่งก็ได้ ให้รู้ทันจิต เป็นสมาธิ สติตั้งมั่น กิเลสระงับ ดับทุกข์เสกสรรค์ เจริญทุกวัน ปัญญาธรรมได้ สวดมนต์ก็ดี มีสติใช้ จดจ่อมนต์ได้ ให้สมาธิ สมาธิดี มีหลักแนบชิด บุญดีจริต จิตตั้งมั่นพร้อม สมาธิฐาน การงานห้อมล้อม มีหลักเตรียมพร้อม น้อมปัญญาทำ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คนยุคน้ำหมากเราก็เหนื่อยเป็นนะ,จะมั่วแต่มาออกมาไล่มาชุมนุมประกาศความชั่วเลวเป็นตัวแทนความดีเหี้ยนี้ไม่นานหรอก,มันบ่งบอกถึงระบบมันชั่วเลวชัดเจนจึงควบคุมคนชั่วเลวไม่ได้จริง,ระบบปกครองล้มเหลวจนเดือดร้อนประชาชนตนดำๆทั่วประเทศต้องมาทวงคืนความเป็นธรรมแทนคนไทยร่วมกันแทน,ในขณะตัวแทนพวกกาเลทอกตั้งอวดอวยตนกราบไหว้ก่อนกาเลือกบอกว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีเสือกกระทำชั่ว,คนในระบบแบบคนข้าราชการก็ไม่ทำอะไรสร้างดุลความยุติธรรม,มองตาปริบๆในวงราชการตนเองนั่งคาตำแหน่งอำนาจกระจายเต็มแผ่นดินไทยตั้งแต่ระดับผู้ว่า,นายอำเภอคนราชการท้องถิ่นซึ่งชัดเจนว่าอยุติธรรมเต็มแผ่นดินเพียงใดในปัญหาประจำท้องถิ่นตนแต่ล่ะที่ พบเจอค่าจริงมากมาย แต่หดเป็นเต่าไม่บอกความจริงประชาชนเลยก็คนราชการนี้ล่ะ,บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายเต็มประเทศระดับผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.รับรู้หมดล่ะ,อะไรไม่ดีก็ไม่คิดอ่านส่งเสริมให้ดี,อะไรดีก็ตัดตอนทำให้แย่,มันคือการปกครองแบบใด,บ่อนพนันเลวๆรู้ว่าชั่ว มีผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.กี่คนออกมาประกาศจุดยืนปกป้องประเทศให้พ้นอบายมุขในสิ่งชั่ว,นึกเล่นๆสิผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.ร่วมกันตีแผ่บอกค่าจริงที่เลวชั่วสาระพัดร่วมกัน ใครประชาชนที่ไหนจะมืดบอดอีก ตนในฐานะพ่อเมืองพ่อบ้านที่อวดอวยอ้างนักกลับไม่ออกมาสู้ อ้างผิดวิถีคนใต้ปกครองพะนะ ถ้าวิถีปกครองเหี้ยๆนี้ปิดปากให้อบายมุขสิ่งเลวชั่วเจริญรุ่งเรืองก็อย่ามีวิถีปกครองแบบนำพาประชาชนให้มืดบอดเลย บรรลุรู้เองพะนะ คงไม่จำเป็นต้องมีผู้ว่านายเภออบต.อบจ.ประดับแผ่นดินไทยสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศที่แม้ความชั่วเลวก็ออกมาสู้รบกับข้าศึกชั่วเลวนี้แบบเปิดเผยชี้บอกเลวชั่วต่อทหารตนไม่ได้ว่ารบกับข้าศึกทำไม สู้เพื่ออะไรในนานแม่ทัพนำหน้ารบ,เสือกหลบมืดใต้ดินที่เกรงกลัวข้าศึกศัตรูแต่พอเงินเดือนออกสวัสดิโบนัสมารีบเร่งเบิกเร่งรับโอนเต็มๆ มันใช้ไม่ได้นะ,เราต้องล้างทุบทำลายวิถีปกครองที่ส่งเสริมความชั่วเลวเถอะ,ตนถูกปล้นก็ไม่สู้กลับเอาคืน,ตนถูกหลอกก็ไม่บอกความจริงให้หายโง่ไม่พาคนตามโง่ไปด้วย ฉีกความโง่ทิ้ง,แบบฉีกสัญญาทาสฉีกกฎหมายเลวชั่วที่ปล้นบ่อน้ำมันเราไปแบบฉีกรัฐธรรมนูญที่ทหารยึดอำนาจแล้วทำเสียของมาก,ไม่เป็นประโยชน์จริงอะไรต่อการสร้างชาติ นึกว่าจะเอาวัตถุดิบสร้างชาติคืนทั้งหมดได้เช่นสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายทีีเอกชนต่างชาติผูกขาดไปและคนทรยศเอกชนไทยเองยึดเอาผูกขาดเอาไปก็ด้วยให้ตกเป็นของกลางสร้างชาติจริงในอนาคตต่อยอดสิ่งต่างๆมากมายต่อไป,กาก&กระจอกมาก,ฝีมือไม่ถึง,เสียเวลาและเสียของจนก่อปัญหาไม่จบสิ้นถึงปัจจุบัน,ปัญหาทั้งหมดคือพวกปกครองพวกได้อำนาจไปปกครองที่ไร้ฝีมือ นำพาประเทศสู่ความฉิบหายทั่วประเทศ เจริญแบบเป็นทาสขี้ข้าวัตถุต่างชาติ เขาทุบทำลายตนเมื่อใดก็ไร้ความเจริญเพราะเจริญแบบปลอมๆ,ไม่สร้างรากฐานความเจริญที่แท้จริงจากคนของแผ่นดินไทยตนก่อน,ทุกๆคนไทยเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ยืนด้วยขาตนเองจริง ร่ำรวยทางวัตถุแม้ไม่มากแต่ความว่าสิ้นชาติไทยจะไม่มีบนแผ่นดินไทยต่อคนไทยเราทุกๆคนและพลิกสู่เจริญวัตถุธาตุร่ำรวยทั้งทางกายและจิตวิญญาณที่ดีงามฝ่ายเดียวด้วยคู่ขนานโลกยุคล้ำๆต่างๆปรับเข้าลงตัวต่อโลกได้อย่างสบาย.
    ..ปัจจุบันสมควรจบจริง ภาคนักการเมืองแบบนี้และแบบภาคก่อนคณะกบฎ2475ก็คงรับการปกครองแบบนั้นไม่ได้ในสไตล์ศักดินาขี้ข้าทาสไพร่รับใช้แบบนั้น,วิถีปกครองเราต้องธรรมาธิปไตยสไตล์ธรรมะฝ่ายกุศลธรรมนำหน้าจริงๆจึงพอก้าวต่อไปได้,ทุกๆคนไทยจะมีธรรมดีปกครองในใจใครมันบนจริตสันดานปรับปรุงตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆร่วมกันได้,ตรงข้ามทุกๆคนไทยขาดธรรมดี วุ่นวายทั้งชุมชนสังคมแบบในปัจจุบันนี้แน่นอน ทำร้ายกันแบบไร้สติคิดอ่านล่ะ,จึงต้องเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว,ใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที ความโกลาหลจากคนต่างบ้านต่างเมืองจะหมดไปจะเหลือแค่จัดการกันเองภายในล้วนๆ, นโยบายเร่งด่วนคือใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยกรุณาบินกลับประเทศตนเองทั้งหมดทันที,สนับสนุนส่งไปเกาะใดๆพักคนพวกนี้ได้,หรือติดต่อประเทศที่สามรับไปดูแลแทนแบบพวกสงครามพม่า,ไม่ใช่ภาระเราต้องแบกรับปัญหาที่บ้านเมืองมันเองก่อการกันเอง.แล้วมาสร้างความไม่สงบสุขแก่คนของแผ่นดินไทยในบ้านเมืองไทยเราด้วย,กิจการไหนเสียดายต่างด้าวกรุณาย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานที่ประเทศต่างด้าวนั้นเลยบวกตัดเครดิตในภาครัฐทั้งหมดที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนทิ้งทั้งหมด ข้อหาส่งเสริมต่างด้าวสร้างภัยความมั่นคงไม่สงบต่อชุมชนสังคมรอบกิจการโรงงานและคนไทยร่วมทั้งประเทศ,
    ..แม้ฝรั่งหรือคนต่างชาติใดๆจะอาศัยต่างด้าวสร้างเป็นมือที่สามหรือใดๆจะก่อการลำบากหรือยากหรือไม่ได้เป็นเพียงอาศัยคนทรยศคนไทยอย่างเดียวแล้วแค่นั้นหรือมันก่อการเองของต่างชาตินั้นๆ.ตัดตอนปัญหาสาระพัดเลยล่ะหรือหมอพยาบาลที่ดูแลต่างด้าวมากกว่าคนไทย งบมากมาย ทรัพยากรจำกัดหลากหลายที่ต่างชาติต่างด้าวนี้มาแย่งชิงการใช้ขณะดำรงชีวิตไม่ให้ตายในไทยจะลดลงมหาศาลเป็นจำนวนมากทันที,ฝ่ายการเมืองเลวชั่วจะใช้ต่างด้าวมาปั่นป่วนใดๆก็จบเกมส์ด้วย,ความสงบสุขมากมายที่ผิดปกติไปเพราะต่างชาติต่างด้าวนี้ล่ะคือตัวปัญหาซึ่งคนชั่วสามารถวางสนุ็คใช้ในแผนการต่างๆมันได้,กิจการที่อาศัยทาสแรงงานต่างด้าวค้ากำไรจะตายลงไป,คนกิจการจริงจะอาศัยสัมมาครอบครัวใครมันทำการค้าขายแต่พอดีตามกำลังแรงตนใครมันไม่เอาเปรียบกันก็ว่า,สัมมาอาชีพมากมายจะค้าขายกันพอดีกำลังไม่กอบโกยรวบเอามากองแต่หน้าตักตนเอง,แรงตนกับคนในครอบครัวปกติทำรายได้10-100ล้าน โลภอยากได้มากๆตัดสัมมาอาชีพคนอื่นที่สามารถทำได้ไปยึดผูกขาดทำเองหมดจนตังกว่าแสนล้านหรือล้านล้านบาทจากแรงงานต่างด้าวนำเข้าหรือใครคนอื่นแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้,ตนครอบครัวใครมันทำได้เท่าไรก็เอาแต่พอดี ปล่อยคนอื่นๆร่ำรวยมีสุขบ้างในแต่ละท้องที่ จรรโจงชุมชนสังคมทั่วไทย ยืนร่วมกันด้วยขาตนเองร่วมกันในสัมมาอาชีพต่างๆบนแผ่นดินไทยตน,ซึ่งปัจจุบันเหี้ยภายในไม่พอ ไปเชิญชวนต่างชาติมายึดครองแผ่นดินไทยตนด้วย,แล้วฉลาดอวดโง่ว่านำพานักลงทุนมาลงแดกเต็มประเทศไทยได้.,วิถีปกครองนี้เลวชั่วและคือภัยความมั่นคงของประเทศไทยเราอย่างชัดเจน.

    https://m.youtube.com/watch?v=9krnTyEP7pQ
    ..คนยุคน้ำหมากเราก็เหนื่อยเป็นนะ,จะมั่วแต่มาออกมาไล่มาชุมนุมประกาศความชั่วเลวเป็นตัวแทนความดีเหี้ยนี้ไม่นานหรอก,มันบ่งบอกถึงระบบมันชั่วเลวชัดเจนจึงควบคุมคนชั่วเลวไม่ได้จริง,ระบบปกครองล้มเหลวจนเดือดร้อนประชาชนตนดำๆทั่วประเทศต้องมาทวงคืนความเป็นธรรมแทนคนไทยร่วมกันแทน,ในขณะตัวแทนพวกกาเลทอกตั้งอวดอวยตนกราบไหว้ก่อนกาเลือกบอกว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีเสือกกระทำชั่ว,คนในระบบแบบคนข้าราชการก็ไม่ทำอะไรสร้างดุลความยุติธรรม,มองตาปริบๆในวงราชการตนเองนั่งคาตำแหน่งอำนาจกระจายเต็มแผ่นดินไทยตั้งแต่ระดับผู้ว่า,นายอำเภอคนราชการท้องถิ่นซึ่งชัดเจนว่าอยุติธรรมเต็มแผ่นดินเพียงใดในปัญหาประจำท้องถิ่นตนแต่ล่ะที่ พบเจอค่าจริงมากมาย แต่หดเป็นเต่าไม่บอกความจริงประชาชนเลยก็คนราชการนี้ล่ะ,บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายเต็มประเทศระดับผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.รับรู้หมดล่ะ,อะไรไม่ดีก็ไม่คิดอ่านส่งเสริมให้ดี,อะไรดีก็ตัดตอนทำให้แย่,มันคือการปกครองแบบใด,บ่อนพนันเลวๆรู้ว่าชั่ว มีผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.กี่คนออกมาประกาศจุดยืนปกป้องประเทศให้พ้นอบายมุขในสิ่งชั่ว,นึกเล่นๆสิผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.ร่วมกันตีแผ่บอกค่าจริงที่เลวชั่วสาระพัดร่วมกัน ใครประชาชนที่ไหนจะมืดบอดอีก ตนในฐานะพ่อเมืองพ่อบ้านที่อวดอวยอ้างนักกลับไม่ออกมาสู้ อ้างผิดวิถีคนใต้ปกครองพะนะ ถ้าวิถีปกครองเหี้ยๆนี้ปิดปากให้อบายมุขสิ่งเลวชั่วเจริญรุ่งเรืองก็อย่ามีวิถีปกครองแบบนำพาประชาชนให้มืดบอดเลย บรรลุรู้เองพะนะ คงไม่จำเป็นต้องมีผู้ว่านายเภออบต.อบจ.ประดับแผ่นดินไทยสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศที่แม้ความชั่วเลวก็ออกมาสู้รบกับข้าศึกชั่วเลวนี้แบบเปิดเผยชี้บอกเลวชั่วต่อทหารตนไม่ได้ว่ารบกับข้าศึกทำไม สู้เพื่ออะไรในนานแม่ทัพนำหน้ารบ,เสือกหลบมืดใต้ดินที่เกรงกลัวข้าศึกศัตรูแต่พอเงินเดือนออกสวัสดิโบนัสมารีบเร่งเบิกเร่งรับโอนเต็มๆ มันใช้ไม่ได้นะ,เราต้องล้างทุบทำลายวิถีปกครองที่ส่งเสริมความชั่วเลวเถอะ,ตนถูกปล้นก็ไม่สู้กลับเอาคืน,ตนถูกหลอกก็ไม่บอกความจริงให้หายโง่ไม่พาคนตามโง่ไปด้วย ฉีกความโง่ทิ้ง,แบบฉีกสัญญาทาสฉีกกฎหมายเลวชั่วที่ปล้นบ่อน้ำมันเราไปแบบฉีกรัฐธรรมนูญที่ทหารยึดอำนาจแล้วทำเสียของมาก,ไม่เป็นประโยชน์จริงอะไรต่อการสร้างชาติ นึกว่าจะเอาวัตถุดิบสร้างชาติคืนทั้งหมดได้เช่นสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายทีีเอกชนต่างชาติผูกขาดไปและคนทรยศเอกชนไทยเองยึดเอาผูกขาดเอาไปก็ด้วยให้ตกเป็นของกลางสร้างชาติจริงในอนาคตต่อยอดสิ่งต่างๆมากมายต่อไป,กาก&กระจอกมาก,ฝีมือไม่ถึง,เสียเวลาและเสียของจนก่อปัญหาไม่จบสิ้นถึงปัจจุบัน,ปัญหาทั้งหมดคือพวกปกครองพวกได้อำนาจไปปกครองที่ไร้ฝีมือ นำพาประเทศสู่ความฉิบหายทั่วประเทศ เจริญแบบเป็นทาสขี้ข้าวัตถุต่างชาติ เขาทุบทำลายตนเมื่อใดก็ไร้ความเจริญเพราะเจริญแบบปลอมๆ,ไม่สร้างรากฐานความเจริญที่แท้จริงจากคนของแผ่นดินไทยตนก่อน,ทุกๆคนไทยเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ยืนด้วยขาตนเองจริง ร่ำรวยทางวัตถุแม้ไม่มากแต่ความว่าสิ้นชาติไทยจะไม่มีบนแผ่นดินไทยต่อคนไทยเราทุกๆคนและพลิกสู่เจริญวัตถุธาตุร่ำรวยทั้งทางกายและจิตวิญญาณที่ดีงามฝ่ายเดียวด้วยคู่ขนานโลกยุคล้ำๆต่างๆปรับเข้าลงตัวต่อโลกได้อย่างสบาย. ..ปัจจุบันสมควรจบจริง ภาคนักการเมืองแบบนี้และแบบภาคก่อนคณะกบฎ2475ก็คงรับการปกครองแบบนั้นไม่ได้ในสไตล์ศักดินาขี้ข้าทาสไพร่รับใช้แบบนั้น,วิถีปกครองเราต้องธรรมาธิปไตยสไตล์ธรรมะฝ่ายกุศลธรรมนำหน้าจริงๆจึงพอก้าวต่อไปได้,ทุกๆคนไทยจะมีธรรมดีปกครองในใจใครมันบนจริตสันดานปรับปรุงตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆร่วมกันได้,ตรงข้ามทุกๆคนไทยขาดธรรมดี วุ่นวายทั้งชุมชนสังคมแบบในปัจจุบันนี้แน่นอน ทำร้ายกันแบบไร้สติคิดอ่านล่ะ,จึงต้องเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว,ใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที ความโกลาหลจากคนต่างบ้านต่างเมืองจะหมดไปจะเหลือแค่จัดการกันเองภายในล้วนๆ, นโยบายเร่งด่วนคือใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยกรุณาบินกลับประเทศตนเองทั้งหมดทันที,สนับสนุนส่งไปเกาะใดๆพักคนพวกนี้ได้,หรือติดต่อประเทศที่สามรับไปดูแลแทนแบบพวกสงครามพม่า,ไม่ใช่ภาระเราต้องแบกรับปัญหาที่บ้านเมืองมันเองก่อการกันเอง.แล้วมาสร้างความไม่สงบสุขแก่คนของแผ่นดินไทยในบ้านเมืองไทยเราด้วย,กิจการไหนเสียดายต่างด้าวกรุณาย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานที่ประเทศต่างด้าวนั้นเลยบวกตัดเครดิตในภาครัฐทั้งหมดที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนทิ้งทั้งหมด ข้อหาส่งเสริมต่างด้าวสร้างภัยความมั่นคงไม่สงบต่อชุมชนสังคมรอบกิจการโรงงานและคนไทยร่วมทั้งประเทศ, ..แม้ฝรั่งหรือคนต่างชาติใดๆจะอาศัยต่างด้าวสร้างเป็นมือที่สามหรือใดๆจะก่อการลำบากหรือยากหรือไม่ได้เป็นเพียงอาศัยคนทรยศคนไทยอย่างเดียวแล้วแค่นั้นหรือมันก่อการเองของต่างชาตินั้นๆ.ตัดตอนปัญหาสาระพัดเลยล่ะหรือหมอพยาบาลที่ดูแลต่างด้าวมากกว่าคนไทย งบมากมาย ทรัพยากรจำกัดหลากหลายที่ต่างชาติต่างด้าวนี้มาแย่งชิงการใช้ขณะดำรงชีวิตไม่ให้ตายในไทยจะลดลงมหาศาลเป็นจำนวนมากทันที,ฝ่ายการเมืองเลวชั่วจะใช้ต่างด้าวมาปั่นป่วนใดๆก็จบเกมส์ด้วย,ความสงบสุขมากมายที่ผิดปกติไปเพราะต่างชาติต่างด้าวนี้ล่ะคือตัวปัญหาซึ่งคนชั่วสามารถวางสนุ็คใช้ในแผนการต่างๆมันได้,กิจการที่อาศัยทาสแรงงานต่างด้าวค้ากำไรจะตายลงไป,คนกิจการจริงจะอาศัยสัมมาครอบครัวใครมันทำการค้าขายแต่พอดีตามกำลังแรงตนใครมันไม่เอาเปรียบกันก็ว่า,สัมมาอาชีพมากมายจะค้าขายกันพอดีกำลังไม่กอบโกยรวบเอามากองแต่หน้าตักตนเอง,แรงตนกับคนในครอบครัวปกติทำรายได้10-100ล้าน โลภอยากได้มากๆตัดสัมมาอาชีพคนอื่นที่สามารถทำได้ไปยึดผูกขาดทำเองหมดจนตังกว่าแสนล้านหรือล้านล้านบาทจากแรงงานต่างด้าวนำเข้าหรือใครคนอื่นแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้,ตนครอบครัวใครมันทำได้เท่าไรก็เอาแต่พอดี ปล่อยคนอื่นๆร่ำรวยมีสุขบ้างในแต่ละท้องที่ จรรโจงชุมชนสังคมทั่วไทย ยืนร่วมกันด้วยขาตนเองร่วมกันในสัมมาอาชีพต่างๆบนแผ่นดินไทยตน,ซึ่งปัจจุบันเหี้ยภายในไม่พอ ไปเชิญชวนต่างชาติมายึดครองแผ่นดินไทยตนด้วย,แล้วฉลาดอวดโง่ว่านำพานักลงทุนมาลงแดกเต็มประเทศไทยได้.,วิถีปกครองนี้เลวชั่วและคือภัยความมั่นคงของประเทศไทยเราอย่างชัดเจน. https://m.youtube.com/watch?v=9krnTyEP7pQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทานศีลบำเพ็ญ
    เนกขัมมะดี
    ปัญญาคลุกคลี
    มีความเพียรอยู่

    อดทนอดกลั้น
    ฟันฝ่าต่อสู้
    สัจจะมีอยู่
    รู้ตื่นเบิกบาน

    ปรารถนามี
    ดีอธิษฐาน
    เมตตาพบพาน
    ฐานอุเบกขา

    บุญวาสนา
    บารมีมา
    คุ้มครองรักษา
    พาอยู่หลักได้

    หนทางชีวิต
    สถิตอาศัย
    รู้ธรรมครองใจ
    ให้งานถึงฝั่ง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ทานศีลบำเพ็ญ เนกขัมมะดี ปัญญาคลุกคลี มีความเพียรอยู่ อดทนอดกลั้น ฟันฝ่าต่อสู้ สัจจะมีอยู่ รู้ตื่นเบิกบาน ปรารถนามี ดีอธิษฐาน เมตตาพบพาน ฐานอุเบกขา บุญวาสนา บารมีมา คุ้มครองรักษา พาอยู่หลักได้ หนทางชีวิต สถิตอาศัย รู้ธรรมครองใจ ให้งานถึงฝั่ง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีธรรมเป็นกลาง
    วางอยู่ทั่วไป
    มีคุณอาศัย
    ใช้ได้หลากหลาย

    บ้างปรุงแต่งธรรม
    กรรมกุศลได้
    บ้างก็เหลวไหล
    หมายอกุศล

    ธรรมนั้นถูกตรง
    ทรงคุณเหตุผล
    ดีร้ายกรรมตน
    หนทางเลือกใช้

    พระธรรมยืนยง
    คงอยู่รู้ไหม
    อยู่นอกอยู่ใน
    กายจิตรูปนาม

    หนทางสายกลาง
    ทางธรรมติดตาม
    ไม่มีแบกหาม
    รู้ความตามจริง

    ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    มีธรรมเป็นกลาง วางอยู่ทั่วไป มีคุณอาศัย ใช้ได้หลากหลาย บ้างปรุงแต่งธรรม กรรมกุศลได้ บ้างก็เหลวไหล หมายอกุศล ธรรมนั้นถูกตรง ทรงคุณเหตุผล ดีร้ายกรรมตน หนทางเลือกใช้ พระธรรมยืนยง คงอยู่รู้ไหม อยู่นอกอยู่ใน กายจิตรูปนาม หนทางสายกลาง ทางธรรมติดตาม ไม่มีแบกหาม รู้ความตามจริง ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..thaitimeมีการลบข้อความขณะพิมพ์แบบfacebookเหมือนกันแล้วเหรอ,พิมพ์ไปไม่กี่ประโยค ลบทิ้งเลย,มีมอนิเตอร์ดูจอขณะคนใช้พิมพ์ข้อความแบบเรียลไทม์เลยหรือ,พิมพ์ข้อความดีๆลบทิ้งของเราเฉยๆ,ถูกเทคโอเวอร์จากdeep stateแล้วหรือเปล่านะ.
    ..thaitimeมีการลบข้อความขณะพิมพ์แบบfacebookเหมือนกันแล้วเหรอ,พิมพ์ไปไม่กี่ประโยค ลบทิ้งเลย,มีมอนิเตอร์ดูจอขณะคนใช้พิมพ์ข้อความแบบเรียลไทม์เลยหรือ,พิมพ์ข้อความดีๆลบทิ้งของเราเฉยๆ,ถูกเทคโอเวอร์จากdeep stateแล้วหรือเปล่านะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมแท้เหมาะสม
    ตรมทุกข์เหตุหาย
    ศีลธรรมอาศัย
    ให้ทุกข์ห่างไกล

    เมตตานำมา
    พาธรรมสู่ใจ
    ปรารถนาไว้
    ให้ธรรมนำหน้า

    พระธรรมความจริง
    ยิ่งทำยิ่งพา
    สติยิ่งมา
    พาให้โดดเด่น

    มีสมาธิ
    จิตสำนึกเป็น
    ปัญญารู้เห็น
    ร่มเย็นชีวี

    กายเวทนา
    อารมณ์จิตมี
    ไหลรวมคลุกคลี
    นี้เป็นธรรมล้วน

    อิทังเม ญาตินังโหตุ สุขิตาโหนตุ ญาตะโย

    ขอบุญนี้จงสำเร็จ! ขอบุญนี้จงสำเร็จ! ขอบุญนี้จงสำเร็จ!

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ธรรมแท้เหมาะสม ตรมทุกข์เหตุหาย ศีลธรรมอาศัย ให้ทุกข์ห่างไกล เมตตานำมา พาธรรมสู่ใจ ปรารถนาไว้ ให้ธรรมนำหน้า พระธรรมความจริง ยิ่งทำยิ่งพา สติยิ่งมา พาให้โดดเด่น มีสมาธิ จิตสำนึกเป็น ปัญญารู้เห็น ร่มเย็นชีวี กายเวทนา อารมณ์จิตมี ไหลรวมคลุกคลี นี้เป็นธรรมล้วน อิทังเม ญาตินังโหตุ สุขิตาโหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จ! ขอบุญนี้จงสำเร็จ! ขอบุญนี้จงสำเร็จ! ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • หาความดีประดับจิตประดับกาย..ให้เชื่อบาปบุญคุณโทษ.
    หาความดีประดับจิตประดับกาย..ให้เชื่อบาปบุญคุณโทษ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว

  • เจริญธรรมเถิด
    ประเสริฐทางดี
    รู้ทุกข์เหตุมี
    ราวีไม่ได้

    ความจริงประเสริฐ
    เปิดดูเห็นไหม
    ทุกข์สมุทัย
    ดับไปจึ่งหาย

    หนทางสายกลาง
    ทางธรรมให้ไว้
    ตั้งใจมั่นใจ
    ไปตามครรลอง

    กายใจดูแล
    แก้ไขประคอง
    มีบุญเกี่ยวข้อง
    ครองธรรมอาศัย

    กรรมมีแน่นอน
    พรดีขวนขวาย
    ตั้งอยู่ดับไป
    ได้สุขวิมุติ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    เจริญธรรมเถิด ประเสริฐทางดี รู้ทุกข์เหตุมี ราวีไม่ได้ ความจริงประเสริฐ เปิดดูเห็นไหม ทุกข์สมุทัย ดับไปจึ่งหาย หนทางสายกลาง ทางธรรมให้ไว้ ตั้งใจมั่นใจ ไปตามครรลอง กายใจดูแล แก้ไขประคอง มีบุญเกี่ยวข้อง ครองธรรมอาศัย กรรมมีแน่นอน พรดีขวนขวาย ตั้งอยู่ดับไป ได้สุขวิมุติ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรหมวิหารสี่ครรลอง
    ครองเมตตากรุณา
    มุทิตาอุเบกขา
    พาร่วมหลักธรรมความจริง

    ทุกข์สัจจะอนิจจัง
    สั่งสอนอบรมพึ่งพิง
    อนัตตาพาสุงสิง
    ยิ่งทำยิ่งเจริญธรรม

    อารมณ์ธรรมหนึ่งเดียวล้วน
    ชวนจิตหนึ่งได้ดื่มด่ำ
    หนึ่งธรรมเดียวตรงถูกย้ำ
    นำพาไปให้โดดเด่น

    สติสมาธิมี
    มีปัญญาศรัทธาเห็น
    พร้อมเพียรเป็นคุณบำเพ็ญ
    เป็นคุณเป็นธรรมทองแท้

    พรหมวิหารธรรมหนุนส่ง
    สงเคราะห์พามาดูแล
    ทั้งเบาบางกลางหนักแก้
    แน่วแน่พึ่งหนึ่งธรรมทาง

    ธรรมจริงซึ้งพึ่งอาศัย
    หมายสว่างทางสายกลาง
    สติครองประคองทาง
    วางถึงใจได้ธรรมจริง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    พรหมวิหารสี่ครรลอง ครองเมตตากรุณา มุทิตาอุเบกขา พาร่วมหลักธรรมความจริง ทุกข์สัจจะอนิจจัง สั่งสอนอบรมพึ่งพิง อนัตตาพาสุงสิง ยิ่งทำยิ่งเจริญธรรม อารมณ์ธรรมหนึ่งเดียวล้วน ชวนจิตหนึ่งได้ดื่มด่ำ หนึ่งธรรมเดียวตรงถูกย้ำ นำพาไปให้โดดเด่น สติสมาธิมี มีปัญญาศรัทธาเห็น พร้อมเพียรเป็นคุณบำเพ็ญ เป็นคุณเป็นธรรมทองแท้ พรหมวิหารธรรมหนุนส่ง สงเคราะห์พามาดูแล ทั้งเบาบางกลางหนักแก้ แน่วแน่พึ่งหนึ่งธรรมทาง ธรรมจริงซึ้งพึ่งอาศัย หมายสว่างทางสายกลาง สติครองประคองทาง วางถึงใจได้ธรรมจริง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts