• ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง

    องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่

    ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant

    สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่:
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI
    - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี
    - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44%
    - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง
    - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี

    แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม

    ข้อมูลจากข่าว
    - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย
    - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19%
    - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet
    - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก
    - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด
    - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย
    - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง
    - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์
    - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด
    - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง
    - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก

    https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่: - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44% - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม ✅ ข้อมูลจากข่าว - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19% - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์ - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows AI coding assistants actually slow down experienced developers
    The research, conducted by the non-profit Model Evaluation & Threat Research (METR), set out to measure the real-world impact of advanced AI tools on software development. Over...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มเครียด! ใช้น้ำมันราดตัวเองแล้วจุดไฟเผาตัวเอง ดับสลดต่อหน้าแม่ คาดเครียดเรื่องที่ป่วยขาเป็นแผลมานานจนทำงานไม่ถนัด ผมอ่านรายละเอียดของข่าวในลิงค์แล้ว ขาเป็นแผล หมอไม่ค่อยรับรักษา ยาที่รักษาก็ไม่ได้ผล ผมนึกถึงตระกูล ส. และ หมอผีหมอมู สปสช. แล้วรู้สึกเจ็บใจว่ะ ถึงว่าทำไมใต้ข้อพับขาขวาคันติดเชื้อราไม่หายไม่พอแถมไปติดข้อพับขาซ้ายอีก เป็นนายตัวเองแต่สำหรับผมขาเป็นแผลไม่ใช่ปัญหา แต่ความคาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้างผมพยายามจะไม่ให้ความสนใจ แต่มาให้ความสนใจจนผมดิ่ง นอยด์ จนผมรู้สึกว่าผมขอลาขาดจากวงคุยการเมืองไปทุกทีๆแล้ว เพราะโหนกระแส บางทีมีนักการเมืองพรรคสีแดง พรรคสีส้ม คอยให้ท้าย โหนกระแสไม่เคยขยี้นักการเมืองส้นตีนพวกนั้นเลย ผมแทบจะยั้งอารมณ์โทสะที่จะนำไปสู่การ ทำร้...ตัวเอง จนนำไปสู่เหตุปัจจัยร้ายแรงต่อไปได้ รู้จักระงับ รู้จักปล่อยวาง แต่ก็จะพยายามละทิ้งไม่ให้จมอยู่กับความคิดและความทรงจำเดิมๆที่มีแต่ความย่ำแย่และพาถอยหลังลงหลุมดำ
    อาชีพช่างออกแบบเฟอร์นิเจอร์หรือวิศวกรเฟอร์นิเจอร์ บางทีถ้าทำงานให้ไอ้เจ้านายปากท็อกซิกผมว่าไม่มีวันรุ่งเรืองในอนาคตหรอก แต่ออกมาเป็นนายตัวเองรุ่งเรืองกว่าเก่านะ แถมได้ฮีลใจไปด้วย มีเวลาว่างเที่ยวกินเท่าไหร่ก็ได้ตามใจฉัน แต่ขอใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
    วันนี้นอยด์สุดๆเลย นึกว่าทำงานเสร็จหมดแล้ว ที่ไหนได้ จัดฉากให้ผมมารู้ทีหลังว่างานยังไม่เสร็จ บางทีอยากเป็นไอ้เด็กเร่ร่อนโง่ๆดีกว่าเป็นวัวเป็นควายเป็นลูกจ้างเป็นทาสชั้นต่ำให้คนอย่างพวกเขา
    ลิงค์ที่มาของข่าว อัมรินทร์ ทีวี (ไม่ใช่ของอ่ำ อัมรินทร์)
    https://www.amarintv.com/news/social/219340
    หนุ่มเครียด! ใช้น้ำมันราดตัวเองแล้วจุดไฟเผาตัวเอง ดับสลดต่อหน้าแม่ คาดเครียดเรื่องที่ป่วยขาเป็นแผลมานานจนทำงานไม่ถนัด ผมอ่านรายละเอียดของข่าวในลิงค์แล้ว ขาเป็นแผล หมอไม่ค่อยรับรักษา ยาที่รักษาก็ไม่ได้ผล ผมนึกถึงตระกูล ส. และ หมอผีหมอมู สปสช. แล้วรู้สึกเจ็บใจว่ะ ถึงว่าทำไมใต้ข้อพับขาขวาคันติดเชื้อราไม่หายไม่พอแถมไปติดข้อพับขาซ้ายอีก เป็นนายตัวเองแต่สำหรับผมขาเป็นแผลไม่ใช่ปัญหา แต่ความคาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้างผมพยายามจะไม่ให้ความสนใจ แต่มาให้ความสนใจจนผมดิ่ง นอยด์ จนผมรู้สึกว่าผมขอลาขาดจากวงคุยการเมืองไปทุกทีๆแล้ว เพราะโหนกระแส บางทีมีนักการเมืองพรรคสีแดง พรรคสีส้ม คอยให้ท้าย โหนกระแสไม่เคยขยี้นักการเมืองส้นตีนพวกนั้นเลย ผมแทบจะยั้งอารมณ์โทสะที่จะนำไปสู่การ ทำร้...ตัวเอง จนนำไปสู่เหตุปัจจัยร้ายแรงต่อไปได้ รู้จักระงับ รู้จักปล่อยวาง แต่ก็จะพยายามละทิ้งไม่ให้จมอยู่กับความคิดและความทรงจำเดิมๆที่มีแต่ความย่ำแย่และพาถอยหลังลงหลุมดำ อาชีพช่างออกแบบเฟอร์นิเจอร์หรือวิศวกรเฟอร์นิเจอร์ บางทีถ้าทำงานให้ไอ้เจ้านายปากท็อกซิกผมว่าไม่มีวันรุ่งเรืองในอนาคตหรอก แต่ออกมาเป็นนายตัวเองรุ่งเรืองกว่าเก่านะ แถมได้ฮีลใจไปด้วย มีเวลาว่างเที่ยวกินเท่าไหร่ก็ได้ตามใจฉัน แต่ขอใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง วันนี้นอยด์สุดๆเลย นึกว่าทำงานเสร็จหมดแล้ว ที่ไหนได้ จัดฉากให้ผมมารู้ทีหลังว่างานยังไม่เสร็จ บางทีอยากเป็นไอ้เด็กเร่ร่อนโง่ๆดีกว่าเป็นวัวเป็นควายเป็นลูกจ้างเป็นทาสชั้นต่ำให้คนอย่างพวกเขา ลิงค์ที่มาของข่าว อัมรินทร์ ทีวี (ไม่ใช่ของอ่ำ อัมรินทร์) https://www.amarintv.com/news/social/219340
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ได้สะสาง/เคลียร์เควสต์เก่าใน Maplestory เพราะรอเวลานี้มานานแล้ว ต้องทำให้หมด แต่เดือนนึงไม่ไหวอะ แต่ปีหน้าไม่แน่อาจจะจบหมดนะครับ
    ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป ทำเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอปลายทางที่ได้ดั่งใจหวัง
    แต่เวลาที่ทำตามความคาดหวังคนอื่น ผมประเมินเองแล้วหลังทบทวนตัวเองจนค้นพบตัวตนและความอยากโดยพื้นฐานของผมมานาน ได้แค่ความสุขระยะสั้น แถมได้ความทุกข์ล่วงหน้า ความทุกข์ระยะยาว ที่ต้องทนเป็นทาสชั้นต่ำของผู้ใหญ่ออฟฟิศปากโคตรตลาด
    สำรวมระวัง ละอายชั่วกลัวบาป อยู่กับปัจจุบัน ถ้านึกถึงอดีตควรรำลึกถึงอดีตที่ดีๆ อดีตที่เลวร้ายอย่าไปจมปลัก ไม่งั้นเราจะไม่พัฒนา เราจะไม่ก้าวหน้า
    วันนี้ได้สะสาง/เคลียร์เควสต์เก่าใน Maplestory เพราะรอเวลานี้มานานแล้ว ต้องทำให้หมด แต่เดือนนึงไม่ไหวอะ แต่ปีหน้าไม่แน่อาจจะจบหมดนะครับ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป ทำเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอปลายทางที่ได้ดั่งใจหวัง แต่เวลาที่ทำตามความคาดหวังคนอื่น ผมประเมินเองแล้วหลังทบทวนตัวเองจนค้นพบตัวตนและความอยากโดยพื้นฐานของผมมานาน ได้แค่ความสุขระยะสั้น แถมได้ความทุกข์ล่วงหน้า ความทุกข์ระยะยาว ที่ต้องทนเป็นทาสชั้นต่ำของผู้ใหญ่ออฟฟิศปากโคตรตลาด สำรวมระวัง ละอายชั่วกลัวบาป อยู่กับปัจจุบัน ถ้านึกถึงอดีตควรรำลึกถึงอดีตที่ดีๆ อดีตที่เลวร้ายอย่าไปจมปลัก ไม่งั้นเราจะไม่พัฒนา เราจะไม่ก้าวหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ตำแหน่ง CISO นี่แหละคือด่านบอสของวงการ IT Security — เพราะต้องแบกรับทั้งภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน, การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล, ไปจนถึงความคาดหวังจากบอร์ดบริหารที่สูงกว่าเพดาน

    จากบทสัมภาษณ์และรายงานล่าสุดใน CSO Online พบว่า → CISO จำนวนมากรู้สึกเหมือน “ถูกตั้งความรับผิดชอบ แต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ” → หลายองค์กรยังจัดให้ CISO อยู่ลำดับชั้นต่ำในแผนผังผู้บริหาร เช่น รายงานต่อ CFO หรือ CTO แทนที่จะได้ที่นั่งในบอร์ด → และที่แย่กว่าคือ CISO อาจต้องรับผิดทางกฎหมายเป็นรายบุคคล หากบริษัทละเมิดนโยบายหรือถูกโจมตีไซเบอร์

    George Gerchow อดีต CISO ของหลายองค์กรบอกว่า “ผมไม่อยากกลับไปนั่งใต้ CTO อีกแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งในโต๊ะกลุ่มผู้บริหาร ก็เหมือนทำงานโดยไม่มีพวงมาลัย” → เขาเห็นเพื่อนร่วมวงการลาออกเพียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    ไม่ใช่แค่เรื่ององค์กร แต่ความคาดหวังของโลกก็เพิ่มขึ้น → ยุโรปบังคับใช้ DORA (กฎหมาย Digital Resilience) ที่เพิ่มภาระให้ CISO → สหรัฐฯ เริ่มมีกรณีที่ CISO ถูกฟ้องคดีอาญา เช่น กรณี Uber → ส่งผลให้คนในตำแหน่งนี้เสี่ยงต่อ “burnout”, “legal liability” และ “reputation damage” แบบไม่สมส่วน

    แม้จะมีเสียงบางส่วนที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ “การบริหารเวลาและการกระจายงาน” แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า “CISO ยุคนี้คือสายงานที่แบกความเสี่ยงไว้สูงกว่าผู้บริหารหลายตำแหน่ง”

    https://www.csoonline.com/article/4016334/has-ciso-become-the-least-desirable-role-in-business.html
    ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ตำแหน่ง CISO นี่แหละคือด่านบอสของวงการ IT Security — เพราะต้องแบกรับทั้งภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน, การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล, ไปจนถึงความคาดหวังจากบอร์ดบริหารที่สูงกว่าเพดาน จากบทสัมภาษณ์และรายงานล่าสุดใน CSO Online พบว่า → CISO จำนวนมากรู้สึกเหมือน “ถูกตั้งความรับผิดชอบ แต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ” → หลายองค์กรยังจัดให้ CISO อยู่ลำดับชั้นต่ำในแผนผังผู้บริหาร เช่น รายงานต่อ CFO หรือ CTO แทนที่จะได้ที่นั่งในบอร์ด → และที่แย่กว่าคือ CISO อาจต้องรับผิดทางกฎหมายเป็นรายบุคคล หากบริษัทละเมิดนโยบายหรือถูกโจมตีไซเบอร์ George Gerchow อดีต CISO ของหลายองค์กรบอกว่า “ผมไม่อยากกลับไปนั่งใต้ CTO อีกแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งในโต๊ะกลุ่มผู้บริหาร ก็เหมือนทำงานโดยไม่มีพวงมาลัย” → เขาเห็นเพื่อนร่วมวงการลาออกเพียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่ององค์กร แต่ความคาดหวังของโลกก็เพิ่มขึ้น → ยุโรปบังคับใช้ DORA (กฎหมาย Digital Resilience) ที่เพิ่มภาระให้ CISO → สหรัฐฯ เริ่มมีกรณีที่ CISO ถูกฟ้องคดีอาญา เช่น กรณี Uber → ส่งผลให้คนในตำแหน่งนี้เสี่ยงต่อ “burnout”, “legal liability” และ “reputation damage” แบบไม่สมส่วน แม้จะมีเสียงบางส่วนที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ “การบริหารเวลาและการกระจายงาน” แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า “CISO ยุคนี้คือสายงานที่แบกความเสี่ยงไว้สูงกว่าผู้บริหารหลายตำแหน่ง” https://www.csoonline.com/article/4016334/has-ciso-become-the-least-desirable-role-in-business.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Has CISO become the least desirable role in business?
    Problematic reporting structures, outsized responsibility for enterprise risk, and personal accountability without authority are just a few reasons CISO roles are experiencing high churn.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ

    แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป

    BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า:
    - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง
    - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A
    - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้
    - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน

    BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759  
    • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%  
    • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่

    เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML  
    • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung  
    • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น

    BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026  
    • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้

    แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI  
    • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030  
    • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่

    อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x  
    • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว”

    https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า: - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้ - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน ✅ BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759   • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%   • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่ ✅ เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML   • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung   • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น ✅ BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026   • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้ ✅ แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI   • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030   • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่ ✅ อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x   • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว” https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    WCCFTECH.COM
    ASML's Price Target Cut By BofA Due To Lower High NA Machine Demand
    Bank of America cuts ASML share price target on back of lower demand for high NA EUV scanners and Intel's production woes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อยู่ในอาการปลื้มปริ่มเมื่อวันพุธ (25 มิ.ย.) จากการที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยุติลงได้อย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาข้อตกลงหยุดยิงซึ่งทำท่าง่อนแง่นมากในช่วงแรกๆ เอาไว้ได้ พร้อมกับแสดงความคาดหวังว่าจะสานสัมพันธ์กับอิหร่านในแบบที่เตหะรานต้องไม่จัดทำโครงการนิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ยังไม่มีความแน่นอนชัดเจนว่าการโจมตีของสหรัฐฯได้สร้างความเสียหายไปขนาดไหน ทั้งนี้ประมุขทำเนียบขาวยืนกรานว่า การปฏิบัติการของอเมริกาจะทำให้อิหร่านต้องใช้เวลานานนับสิบปีหากจะฟื้นความพร้อมพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ไม่กี่เดือนอย่างที่สื่อรายงานโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่รั่วไหลจากสำนักงานข่าวกรองทางทหารของสหรัฐฯเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059990

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อยู่ในอาการปลื้มปริ่มเมื่อวันพุธ (25 มิ.ย.) จากการที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยุติลงได้อย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาข้อตกลงหยุดยิงซึ่งทำท่าง่อนแง่นมากในช่วงแรกๆ เอาไว้ได้ พร้อมกับแสดงความคาดหวังว่าจะสานสัมพันธ์กับอิหร่านในแบบที่เตหะรานต้องไม่จัดทำโครงการนิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ยังไม่มีความแน่นอนชัดเจนว่าการโจมตีของสหรัฐฯได้สร้างความเสียหายไปขนาดไหน ทั้งนี้ประมุขทำเนียบขาวยืนกรานว่า การปฏิบัติการของอเมริกาจะทำให้อิหร่านต้องใช้เวลานานนับสิบปีหากจะฟื้นความพร้อมพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ไม่กี่เดือนอย่างที่สื่อรายงานโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่รั่วไหลจากสำนักงานข่าวกรองทางทหารของสหรัฐฯเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059990 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1313 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดูเหมือนการเจรจาใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีผลอีกต่อไป"

    คำปราศรัยทางโทรทัศน์ครั้งที่สองของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ต่อประชาชนอิหร่าน หลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรง โดยที่อิหร่านยังไม่มีการยั่วยุใดๆ

    18 มิถุนายน 2025
    .

    “ในนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาปรานี

    ข้าพเจ้าขอส่งคำทักทายไปยังประชาชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่

    หัวข้อแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงคือการยกย่องประชาชนอันเป็นที่รักของเรา เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเราโดยศัตรูที่เพิ่งเกิดขึ้น ประชาชนอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีสติ กล้าหาญ และตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การเคลื่อนไหวที่ประชาชนของเราได้นำเสนอต่อโลกในวันอีดอัล-กาดิรนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมาก การรวมตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การที่พวกเขาเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์และการเดินขบวนหลังจากนั้น ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานของความเป็นผู้ใหญ่ของประชาชนอิหร่าน และการผสมผสานที่หยั่งรากลึกระหว่างเหตุผลและจิตวิญญาณกับความกล้าหาญและจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบในหมู่ประชาชาติอันเป็นที่รักของเรา

    ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานความสามารถทางศีลธรรมและวัตถุแก่ประชาชนผู้ศรัทธาเหล่านี้ด้วยพระคุณของพระองค์ ข้าพเจ้าต้องกล่าวถึงการกระทำอันทรงพลังและเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์หญิงที่ยืนหยัดมั่นคงต่อหน้าความเย่อหยิ่งของศัตรูด้วย การตักบีร (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) ของเธอและการแสดง ความเข้มแข็งของประชาชนต่อทั้งโลกเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และมีค่าอย่างยิ่ง

    หัวข้อที่สองคือเหตุการณ์วันนี้ การโจมตีประเทศของเราอย่างโง่เขลาและร้ายกาจโดยกลุ่มไซออนิสต์ เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังเจรจาทางอ้อมผ่านคนกลางกับฝ่ายอเมริกา ไม่มีอะไรจากอิหร่านที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวทางทหารที่ก้าวร้าวหรือยั่วยุ

    แน่นอนว่าตั้งแต่แรก คาดว่าสหรัฐฯ มีส่วนรู้เห็นในการกระทำอันชั่วร้ายของกลุ่มไซออนิสต์ แต่ด้วยแถลงการณ์ครั้งแรกที่ออกมา ความคาดหวังนี้ก็ยิ่งได้รับการยืนยันมากขึ้นทุกวัน

    ประชาชนอิหร่านยืนหยัดต่อต้านสงครามที่ถูกบังคับ เช่นเดียวกับที่พวกเขายืนหยัดต่อต้านสันติภาพที่ถูกบังคับ ประชาชนอิหร่านไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของใคร ฉันคาดหวังว่าปัญญาชน นักเขียน และบุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ที่มีผู้ชมทั่วโลก จะชี้แจงและอธิบายความจริงเหล่านี้ พวกเขาต้องไม่อนุญาตให้ศัตรูบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวง

    ศัตรูไซออนิสต์ได้กระทำความผิดพลาดร้ายแรงและอาชญากรรมร้ายแรง และจะต้องถูกลงโทษ—และกำลังถูกลงโทษ ถูกลงโทษ การลงโทษที่ประชาชนอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธของเราได้รับ การลงโทษที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และการลงโทษที่เตรียมไว้สำหรับอนาคต ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงซึ่งทำให้อิหร่านอ่อนแอลงแล้ว แม้แต่การแทรกแซงและถ้อยแถลงของพันธมิตรอเมริกันก็เป็นสัญญาณของความอ่อนแอและไร้ความสามารถ

    ประการสุดท้ายคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำขู่ เขาขู่เรา และในเวลาเดียวกัน—อย่างน่าขันและไร้ยางอาย—เรียกร้องให้ประชาชนอิหร่านยอมจำนนต่อเขา พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง

    ประการแรก คำขู่มีผลเฉพาะกับผู้ที่กลัวเท่านั้น ประชาชนอิหร่านได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับคำขู่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า:
    “อย่าทำให้อ่อนแอหรือเสียใจ เพราะเจ้าจะได้เปรียบหากเจ้าเป็นผู้ศรัทธา” (อัลกุรอาน 3:139)

    การคุกคามไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมหรือความคิดของชาวอิหร่าน

    ประการที่สอง การบอกให้ชาวอิหร่านมาและยอมจำนน นี่ไม่ใช่คำพูดที่มีเหตุผล ผู้ที่รู้จักอิหร่าน รู้จักชาวอิหร่านและประวัติศาสตร์ของอิหร่าน จะไม่มีวันพูดคำดังกล่าว ยอมจำนนต่ออะไร? ชาวอิหร่านไม่ต้องยอมจำนน เราไม่ได้โจมตีใคร และภายใต้สถานการณ์ใดๆ เราจะไม่ยอมรับการรุกรานจากใคร และเราจะไม่ยอมจำนนต่อมัน นี่คือเหตุผลและจิตวิญญาณของชาติอิหร่าน

    แน่นอนว่าชาวอเมริกันที่คุ้นเคยกับการเมืองในภูมิภาคนี้รู้ดีว่าการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อพวกเขาเองโดยสิ้นเชิง ความสูญเสียที่พวกเขาจะต้องเผชิญจะมากกว่าที่อิหร่านจะทนได้ หากอเมริกาเข้าสู่สนามรบนี้ด้วยกำลังทหาร พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างไม่สามารถแก้ไขได้

    ฉันขอให้คนที่รักของเราจำโองการอันสูงส่งนี้ไว้เสมอ:
    “ชัยชนะมาจาก “อัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัลกุรอาน 3:126)

    ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ อย่าให้ศัตรูรู้สึกถึงความกลัวหรือความอ่อนแอจากคุณ”
    "ดูเหมือนการเจรจาใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีผลอีกต่อไป" คำปราศรัยทางโทรทัศน์ครั้งที่สองของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ต่อประชาชนอิหร่าน หลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรง โดยที่อิหร่านยังไม่มีการยั่วยุใดๆ 18 มิถุนายน 2025 . “ในนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาปรานี ข้าพเจ้าขอส่งคำทักทายไปยังประชาชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่ หัวข้อแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงคือการยกย่องประชาชนอันเป็นที่รักของเรา เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเราโดยศัตรูที่เพิ่งเกิดขึ้น ประชาชนอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีสติ กล้าหาญ และตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การเคลื่อนไหวที่ประชาชนของเราได้นำเสนอต่อโลกในวันอีดอัล-กาดิรนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมาก การรวมตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การที่พวกเขาเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์และการเดินขบวนหลังจากนั้น ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานของความเป็นผู้ใหญ่ของประชาชนอิหร่าน และการผสมผสานที่หยั่งรากลึกระหว่างเหตุผลและจิตวิญญาณกับความกล้าหาญและจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบในหมู่ประชาชาติอันเป็นที่รักของเรา ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานความสามารถทางศีลธรรมและวัตถุแก่ประชาชนผู้ศรัทธาเหล่านี้ด้วยพระคุณของพระองค์ ข้าพเจ้าต้องกล่าวถึงการกระทำอันทรงพลังและเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์หญิงที่ยืนหยัดมั่นคงต่อหน้าความเย่อหยิ่งของศัตรูด้วย การตักบีร (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) ของเธอและการแสดง ความเข้มแข็งของประชาชนต่อทั้งโลกเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และมีค่าอย่างยิ่ง หัวข้อที่สองคือเหตุการณ์วันนี้ การโจมตีประเทศของเราอย่างโง่เขลาและร้ายกาจโดยกลุ่มไซออนิสต์ เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังเจรจาทางอ้อมผ่านคนกลางกับฝ่ายอเมริกา ไม่มีอะไรจากอิหร่านที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวทางทหารที่ก้าวร้าวหรือยั่วยุ แน่นอนว่าตั้งแต่แรก คาดว่าสหรัฐฯ มีส่วนรู้เห็นในการกระทำอันชั่วร้ายของกลุ่มไซออนิสต์ แต่ด้วยแถลงการณ์ครั้งแรกที่ออกมา ความคาดหวังนี้ก็ยิ่งได้รับการยืนยันมากขึ้นทุกวัน ประชาชนอิหร่านยืนหยัดต่อต้านสงครามที่ถูกบังคับ เช่นเดียวกับที่พวกเขายืนหยัดต่อต้านสันติภาพที่ถูกบังคับ ประชาชนอิหร่านไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของใคร ฉันคาดหวังว่าปัญญาชน นักเขียน และบุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ที่มีผู้ชมทั่วโลก จะชี้แจงและอธิบายความจริงเหล่านี้ พวกเขาต้องไม่อนุญาตให้ศัตรูบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวง ศัตรูไซออนิสต์ได้กระทำความผิดพลาดร้ายแรงและอาชญากรรมร้ายแรง และจะต้องถูกลงโทษ—และกำลังถูกลงโทษ ถูกลงโทษ การลงโทษที่ประชาชนอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธของเราได้รับ การลงโทษที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และการลงโทษที่เตรียมไว้สำหรับอนาคต ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงซึ่งทำให้อิหร่านอ่อนแอลงแล้ว แม้แต่การแทรกแซงและถ้อยแถลงของพันธมิตรอเมริกันก็เป็นสัญญาณของความอ่อนแอและไร้ความสามารถ ประการสุดท้ายคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำขู่ เขาขู่เรา และในเวลาเดียวกัน—อย่างน่าขันและไร้ยางอาย—เรียกร้องให้ประชาชนอิหร่านยอมจำนนต่อเขา พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง ประการแรก คำขู่มีผลเฉพาะกับผู้ที่กลัวเท่านั้น ประชาชนอิหร่านได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับคำขู่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า: “อย่าทำให้อ่อนแอหรือเสียใจ เพราะเจ้าจะได้เปรียบหากเจ้าเป็นผู้ศรัทธา” (อัลกุรอาน 3:139) การคุกคามไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมหรือความคิดของชาวอิหร่าน ประการที่สอง การบอกให้ชาวอิหร่านมาและยอมจำนน นี่ไม่ใช่คำพูดที่มีเหตุผล ผู้ที่รู้จักอิหร่าน รู้จักชาวอิหร่านและประวัติศาสตร์ของอิหร่าน จะไม่มีวันพูดคำดังกล่าว ยอมจำนนต่ออะไร? ชาวอิหร่านไม่ต้องยอมจำนน เราไม่ได้โจมตีใคร และภายใต้สถานการณ์ใดๆ เราจะไม่ยอมรับการรุกรานจากใคร และเราจะไม่ยอมจำนนต่อมัน นี่คือเหตุผลและจิตวิญญาณของชาติอิหร่าน แน่นอนว่าชาวอเมริกันที่คุ้นเคยกับการเมืองในภูมิภาคนี้รู้ดีว่าการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อพวกเขาเองโดยสิ้นเชิง ความสูญเสียที่พวกเขาจะต้องเผชิญจะมากกว่าที่อิหร่านจะทนได้ หากอเมริกาเข้าสู่สนามรบนี้ด้วยกำลังทหาร พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ฉันขอให้คนที่รักของเราจำโองการอันสูงส่งนี้ไว้เสมอ: “ชัยชนะมาจาก “อัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัลกุรอาน 3:126) ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ อย่าให้ศัตรูรู้สึกถึงความกลัวหรือความอ่อนแอจากคุณ”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ

    แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร

    Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน

    NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม

    สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว

    Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน  
    • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat  
    • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้

    NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม  
    • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ  
    • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน

    Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน  
    • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น

    การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน  
    • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ  
    • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง

    ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส  
    • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง  
    • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน  
    • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม

    https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว ✅ Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน   • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat   • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้ ✅ NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม   • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ   • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน ✅ Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน   • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น ‼️ การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน   • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ   • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง ‼️ ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส   • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง   • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า ‼️ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน   • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    WWW.NEOWIN.NET
    Watchdog finds Microsoft guilty of confusing advertising when it comes to Copilot
    A U.S. watchdog has criticized Microsoft for making statements about Copilot that are not a "good fit" for making objective claims regarding increased productivity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเย็นใกล้มืดนี้ก็ควรลดความคิดแย่ๆลงเพื่อคิดแต่เรื่องที่ควรจะทำให้สำเร็จไปเลย จะได้ไม่รู้สึกหนักหัว และลองอยู่กับสิ่งที่ทำให้รู้สึกกังวล เหมือนท้าทาย Toxic รอบตัวเรา ทุกวันนี้ก็ยังต้องนั่งทบทวนตัวเองอยู่ว่าจะตามความคาดหวังของคนรอบข้างรวมทั้งแรงกดดันรอบด้าน หรือจะไม่ตามดี ผมว่าไม่ตามน่ะดีแล้ว เพราะกว่าจะบรรจุก็อีกนาน ส่วนหลังบรรจุถ้ามันกดดันเกินไปและได้ตำแหน่งไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็ต้อง ขอสละสิทธิ์ ไปเลย
    ช่วงเย็นใกล้มืดนี้ก็ควรลดความคิดแย่ๆลงเพื่อคิดแต่เรื่องที่ควรจะทำให้สำเร็จไปเลย จะได้ไม่รู้สึกหนักหัว และลองอยู่กับสิ่งที่ทำให้รู้สึกกังวล เหมือนท้าทาย Toxic รอบตัวเรา ทุกวันนี้ก็ยังต้องนั่งทบทวนตัวเองอยู่ว่าจะตามความคาดหวังของคนรอบข้างรวมทั้งแรงกดดันรอบด้าน หรือจะไม่ตามดี ผมว่าไม่ตามน่ะดีแล้ว เพราะกว่าจะบรรจุก็อีกนาน ส่วนหลังบรรจุถ้ามันกดดันเกินไปและได้ตำแหน่งไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็ต้อง ขอสละสิทธิ์ ไปเลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ?

    ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง?

    การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร

    เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”?

    1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง?

    รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน

    นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ

    2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา?

    การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่?

    การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง

    3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก

    การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ
    การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ

    4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่?

    แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน

    ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน

    5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ

    การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น

    ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก

    บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ

    งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน”

    หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน

    ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ? ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง? การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”? 1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง? รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ 2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา? การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่? การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง 3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ 4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่? แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน 5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน” หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด

    ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม

    1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา

    นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา

    ข้อดี ของแนวทางนี้คือ:
    - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก
    - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC
    - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น

    ข้อเสีย:
    - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์
    - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน
    - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น

    2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด
    ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่:
    - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก
    - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น
    - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง
    - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน
    - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย

    ข้อดี ของแนวทางนี้:
    - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น
    - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง
    - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก

    ข้อเสีย:
    - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น
    - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง

    3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ
    ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม:

    ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า
    ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า
    ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash

    ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด

    4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต
    นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ

    ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป

    บทส่งท้าย
    การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม 1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้คือ: - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น ❌ ข้อเสีย: - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์ - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น 2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่: - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้: - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก ❌ ข้อเสีย: - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง 3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม: 👉 ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า 👉 ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า 👉 ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด 4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป ℹ️ℹ️ บทส่งท้าย ℹ️ℹ️ การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดหุ้นเซมิคอนดักเตอร์จับตาผลประกอบการ Nvidia ท่ามกลางความกังวลเรื่องความผันผวน

    นักลงทุนในตลาดหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ กำลังจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่จะประกาศในวันพุธนี้ โดยพบว่ามีการซื้อขายสัญญาออปชันแบบป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากใน VanEck Semiconductor ETF (SMH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีสินทรัพย์กว่า 22 พันล้านดอลลาร์

    แนวโน้มตลาดเซมิคอนดักเตอร์และผลกระทบจาก Nvidia
    นักลงทุนซื้อสัญญาออปชันแบบ Put มากกว่าสัญญา Call ถึง 2.4 เท่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
    - แสดงให้เห็นว่า ตลาดกำลังเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการ

    นักลงทุนบางรายซื้อสัญญา Put จำนวน 50,000 ฉบับเพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาหุ้น SMH ลดลงต่ำกว่า 220 ดอลลาร์
    - แสดงให้เห็นว่า มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวม

    Nvidia มีสัดส่วนประมาณ 20% ของสินทรัพย์ใน SMH แต่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมมากกว่าตัวเลขนี้
    - เนื่องจาก เป็นผู้นำในตลาดชิป AI ซึ่งมีผลต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม

    นักลงทุนบางรายขายออปชันของ Nvidia เพื่อใช้ประโยชน์จากความคาดหวังเรื่องความผันผวนที่สูง
    - แสดงให้เห็นว่า บางส่วนของตลาดเชื่อว่าผลประกอบการของ Nvidia อาจไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาหุ้น

    หุ้น Nvidia เป็นหนึ่งในสองหุ้นที่นักลงทุนขายสุทธิในช่วงนี้ แม้ว่าจะได้รับความสนใจสูง
    - แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนบางส่วนกำลังลดความเสี่ยงก่อนการประกาศผลประกอบการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/semiconductor-etf-options-show-caution-ahead-of-nvidia-results
    ตลาดหุ้นเซมิคอนดักเตอร์จับตาผลประกอบการ Nvidia ท่ามกลางความกังวลเรื่องความผันผวน นักลงทุนในตลาดหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ กำลังจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่จะประกาศในวันพุธนี้ โดยพบว่ามีการซื้อขายสัญญาออปชันแบบป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากใน VanEck Semiconductor ETF (SMH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีสินทรัพย์กว่า 22 พันล้านดอลลาร์ 🔍 แนวโน้มตลาดเซมิคอนดักเตอร์และผลกระทบจาก Nvidia ✅ นักลงทุนซื้อสัญญาออปชันแบบ Put มากกว่าสัญญา Call ถึง 2.4 เท่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา - แสดงให้เห็นว่า ตลาดกำลังเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการ ✅ นักลงทุนบางรายซื้อสัญญา Put จำนวน 50,000 ฉบับเพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาหุ้น SMH ลดลงต่ำกว่า 220 ดอลลาร์ - แสดงให้เห็นว่า มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวม ✅ Nvidia มีสัดส่วนประมาณ 20% ของสินทรัพย์ใน SMH แต่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมมากกว่าตัวเลขนี้ - เนื่องจาก เป็นผู้นำในตลาดชิป AI ซึ่งมีผลต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม ✅ นักลงทุนบางรายขายออปชันของ Nvidia เพื่อใช้ประโยชน์จากความคาดหวังเรื่องความผันผวนที่สูง - แสดงให้เห็นว่า บางส่วนของตลาดเชื่อว่าผลประกอบการของ Nvidia อาจไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาหุ้น ✅ หุ้น Nvidia เป็นหนึ่งในสองหุ้นที่นักลงทุนขายสุทธิในช่วงนี้ แม้ว่าจะได้รับความสนใจสูง - แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนบางส่วนกำลังลดความเสี่ยงก่อนการประกาศผลประกอบการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/semiconductor-etf-options-show-caution-ahead-of-nvidia-results
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Semiconductor ETF options show caution ahead of Nvidia results
    NEW YORK (Reuters) -Traders in the options markets are bracing for industry-wide volatility when AI-chipmaker Nvidia reports results on Wednesday, with defensive options contracts on a major semiconductor ETF drawing heavy trading.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกียว​โด​นิวส์​ (26​ พ.ค.)​ สำรวจความเห็น​ร้อยละ 59.8 เชื่อว่าราคาข้าวจะถูกลง เมื่อได้รัฐมนตรีฯ​ คนใหม่​ หลังจากที่อดีตรัฐมนตรีถูกปลด​ฯ​ เนื่องจากแสดงความคิดเห็นเชิญชวนคนช่วยกันให้ข้าวแทนของขวัญ​ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจ
    .
    จากการสำรวจทางโทรศัพท์ พบว่าร้อยละ 59.8 ว่าราคาข้าวจะถูกลง แสดงความคาดหวังดังกล่าว ในขณะที่ร้อยละ 35.1 ไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นหากชินจิโร โคอิซูมิ​ เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง
    .
    บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี​ โคอิซูมิ ถือเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความหวังในพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
    .
    ราคาเฉลี่ยของข้าวที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่าปีที่แล้วประมาณสองเท่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเก็บเกี่ยวที่ตกต่ำนับจากฤดูร้อนปี 2566
    .
    ราคาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,268 เยน(ประมาณ​ 970 บาท)​ ต่อ 5 กิโลกรัมในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคมถึง 11 พฤษภาคม แม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการแก้ฯ เช่น การปล่อยสต็อกเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุปทาน
    .
    ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 44.7 เชื่อว่าราคาข้าวควรลดลงต่ำกว่า 3,000 เยนต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะให้คำมั่นเมื่อไม่นานนี้
    .
    มีร้อยละ 45.0 ที่เชื่อว่าการปรับลดราคาข้าวเป้าหมายนั้น "เหมาะสม" โดยมีเพียงร้อยละ 7.6 ที่บอกว่าควรตั้งราคาให้สูงขึ้น
    .
    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000049049
    .
    #MGROnline #ญี่ปุน #ราคาข้าว
    เกียว​โด​นิวส์​ (26​ พ.ค.)​ สำรวจความเห็น​ร้อยละ 59.8 เชื่อว่าราคาข้าวจะถูกลง เมื่อได้รัฐมนตรีฯ​ คนใหม่​ หลังจากที่อดีตรัฐมนตรีถูกปลด​ฯ​ เนื่องจากแสดงความคิดเห็นเชิญชวนคนช่วยกันให้ข้าวแทนของขวัญ​ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจ . จากการสำรวจทางโทรศัพท์ พบว่าร้อยละ 59.8 ว่าราคาข้าวจะถูกลง แสดงความคาดหวังดังกล่าว ในขณะที่ร้อยละ 35.1 ไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นหากชินจิโร โคอิซูมิ​ เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง . บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี​ โคอิซูมิ ถือเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความหวังในพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล . ราคาเฉลี่ยของข้าวที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่าปีที่แล้วประมาณสองเท่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเก็บเกี่ยวที่ตกต่ำนับจากฤดูร้อนปี 2566 . ราคาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,268 เยน(ประมาณ​ 970 บาท)​ ต่อ 5 กิโลกรัมในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคมถึง 11 พฤษภาคม แม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการแก้ฯ เช่น การปล่อยสต็อกเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุปทาน . ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 44.7 เชื่อว่าราคาข้าวควรลดลงต่ำกว่า 3,000 เยนต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะให้คำมั่นเมื่อไม่นานนี้ . มีร้อยละ 45.0 ที่เชื่อว่าการปรับลดราคาข้าวเป้าหมายนั้น "เหมาะสม" โดยมีเพียงร้อยละ 7.6 ที่บอกว่าควรตั้งราคาให้สูงขึ้น . คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000049049 . #MGROnline #ญี่ปุน #ราคาข้าว
    MGRONLINE.COM
    ชาวญี่ปุ่นเกือบ 60% เชื่อว่าราคาข้าวจะถูกลงเมื่อมีรัฐมนตรีเกษตรคนใหม่​
    เกียว​โด​นิวส์​ (26​ พ.ค.)​ สำรวจความเห็น​ร้อยละ 59.8 เชื่อว่าราคาข้าวจะถูกลง เมื่อได้รัฐมนตรีฯ​ คนใหม่​ หลังจากที่อดีตรัฐมนตรีถูกปลด​ฯ​ เนื่องจากแสดงความคิดเห็นเชิญชวนคนช่วยกันให้ข้าวแทนของขวัญ​ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สวดมนต์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ…ถ้าสวดด้วยใจถวาย ไม่ใช่ด้วยใจขอ”

    มีคนมากมายเคยสวดมนต์
    แต่จำนวนน้อยเท่านั้น…ที่รู้จัก
    “สวดแล้วจิตเป็นบุญจริงๆ”

    ส่วนใหญ่สวดไปตามหนังสือ
    บางทีก็สวดเพราะถูกบอกให้สวด
    บางทีก็สวดเพราะอยากขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    แต่สุดท้าย…ก็รู้สึกว่า

    > “ทำไมมันน่าเบื่อ?”
    “ทำไมจิตไม่สงบ?”
    “ทำไมไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?”

    ---

    คำตอบคือ เพราะเราสวดด้วยความคาดหวัง ไม่ใช่ด้วยความถวายใจ

    ถ้าคุณเคยสวดมนต์ด้วยใจที่อยาก “ขอ”
    ก็เท่ากับว่าคุณเอาความทุกข์ไปใส่มือพระ
    แต่ไม่ได้ใส่ “ความสุข” ลงในถ้อยคำที่เปล่งออกไป

    แท้จริงแล้ว

    > การสวดมนต์ที่ดีที่สุด
    ไม่ใช่การเปล่งเสียงด้วยความหวัง
    แต่คือการถวายเสียงด้วยความรัก

    ---

    เสียงสวดของคุณ…คือดอกไม้ในใจที่วางไว้เบื้องหน้าองค์พระ

    ไม่ต้องขอพร ไม่ต้องภาวนาให้ได้อะไร
    แค่คิดว่า

    > “ขอถวายเสียงนี้เพื่อบูชาท่าน
    ด้วยจิตที่แค่อยากสรรเสริญความดีงามของพระองค์”

    แค่นั้นเอง…จิตจะเบา
    จิตจะเป็นอิสระ
    และคุณจะเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่า

    > “นี่แหละ…คือความสุขที่เกิดจากจิตเป็นมหากุศล”

    ---

    ในทางวิทยาศาสตร์…ก็ไม่ต่างกัน

    การสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ
    โดยเฉพาะแบบที่มีเสียงเปล่งจากใจจริง
    จะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
    ลดการทำงานลงภายในไม่กี่นาที
    ร่างกายจะเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
    จิตใจจะสงบเหมือนได้รับการปลอบโยน
    จากถ้อยคำที่ตนเองเป็นผู้เปล่งออก

    ---

    ถ้าฟุ้งซ่าน…ไม่ต้องด่าใจตัวเอง

    ฟุ้งแค่ไหน ก็แค่รู้
    รู้แล้ว…ก็แค่กลับมาตั้งใจสวดอีกครั้ง
    รอบแรกฟุ้งเยอะ รอบสองฟุ้งน้อย
    รอบสามเริ่มนิ่งขึ้น
    สวดไปเรื่อยๆ เหมือนเดินใจเข้าวัดทีละก้าว

    ---

    บทสรุปของการสวดมนต์แบบพุทธแท้

    > สวดมนต์ให้ได้ผล ไม่ใช่สวดด้วยความหวัง
    แต่คือสวดด้วยความสุข…ในจิตที่อยากถวาย

    เมื่อจิตถวายความสว่างด้วยเสียง
    จิตก็ได้รับความสว่างเป็นของตอบแทน

    ---
    “สวดมนต์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ…ถ้าสวดด้วยใจถวาย ไม่ใช่ด้วยใจขอ” มีคนมากมายเคยสวดมนต์ แต่จำนวนน้อยเท่านั้น…ที่รู้จัก “สวดแล้วจิตเป็นบุญจริงๆ” ส่วนใหญ่สวดไปตามหนังสือ บางทีก็สวดเพราะถูกบอกให้สวด บางทีก็สวดเพราะอยากขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่สุดท้าย…ก็รู้สึกว่า > “ทำไมมันน่าเบื่อ?” “ทำไมจิตไม่สงบ?” “ทำไมไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?” --- คำตอบคือ เพราะเราสวดด้วยความคาดหวัง ไม่ใช่ด้วยความถวายใจ ถ้าคุณเคยสวดมนต์ด้วยใจที่อยาก “ขอ” ก็เท่ากับว่าคุณเอาความทุกข์ไปใส่มือพระ แต่ไม่ได้ใส่ “ความสุข” ลงในถ้อยคำที่เปล่งออกไป แท้จริงแล้ว > การสวดมนต์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การเปล่งเสียงด้วยความหวัง แต่คือการถวายเสียงด้วยความรัก --- เสียงสวดของคุณ…คือดอกไม้ในใจที่วางไว้เบื้องหน้าองค์พระ ไม่ต้องขอพร ไม่ต้องภาวนาให้ได้อะไร แค่คิดว่า > “ขอถวายเสียงนี้เพื่อบูชาท่าน ด้วยจิตที่แค่อยากสรรเสริญความดีงามของพระองค์” แค่นั้นเอง…จิตจะเบา จิตจะเป็นอิสระ และคุณจะเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่า > “นี่แหละ…คือความสุขที่เกิดจากจิตเป็นมหากุศล” --- ในทางวิทยาศาสตร์…ก็ไม่ต่างกัน การสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแบบที่มีเสียงเปล่งจากใจจริง จะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ลดการทำงานลงภายในไม่กี่นาที ร่างกายจะเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย จิตใจจะสงบเหมือนได้รับการปลอบโยน จากถ้อยคำที่ตนเองเป็นผู้เปล่งออก --- ถ้าฟุ้งซ่าน…ไม่ต้องด่าใจตัวเอง ฟุ้งแค่ไหน ก็แค่รู้ รู้แล้ว…ก็แค่กลับมาตั้งใจสวดอีกครั้ง รอบแรกฟุ้งเยอะ รอบสองฟุ้งน้อย รอบสามเริ่มนิ่งขึ้น สวดไปเรื่อยๆ เหมือนเดินใจเข้าวัดทีละก้าว --- บทสรุปของการสวดมนต์แบบพุทธแท้ > สวดมนต์ให้ได้ผล ไม่ใช่สวดด้วยความหวัง แต่คือสวดด้วยความสุข…ในจิตที่อยากถวาย เมื่อจิตถวายความสว่างด้วยเสียง จิตก็ได้รับความสว่างเป็นของตอบแทน ---
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่นายกเล็ก กับความคาดหวังของคนนนทบุรี ตั้งคำถามงบเยอะแต่ปัญหาไม่ถูกแก้
    https://www.thai-tai.tv/news/18600/
    ว่าที่นายกเล็ก กับความคาดหวังของคนนนทบุรี ตั้งคำถามงบเยอะแต่ปัญหาไม่ถูกแก้ https://www.thai-tai.tv/news/18600/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rockstar Games ได้ประกาศเลื่อนวันเปิดตัว Grand Theft Auto VI (GTA 6) จากกำหนดเดิมในช่วง ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 ไปเป็น 26 พฤษภาคม 2026 โดยให้เหตุผลว่าต้องการเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้เกมมีคุณภาพสูงสุด

    แม้ว่าจะมีการประกาศวันวางจำหน่ายสำหรับ PlayStation 5 และ Xbox Series X/S แต่ Rockstar ยังไม่ได้ยืนยันวันเปิดตัวสำหรับ PC ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเวอร์ชัน PC อาจล่าช้าไปถึงปี 2027

    นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงถึง $100 ซึ่งอาจรวมถึง โบนัสเงินในเกมสำหรับโหมดออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจาก Rockstar ว่าราคานี้จะเป็นราคามาตรฐานหรือเป็นเพียงรุ่นพิเศษ

    วันเปิดตัวใหม่
    - จากเดิมใน ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็น 26 พฤษภาคม 2026
    - Rockstar ระบุว่าต้องการเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้เกมมีคุณภาพสูงสุด

    สถานะของเวอร์ชัน PC
    - ยังไม่มีการยืนยันวันเปิดตัวสำหรับ PC
    - อาจล่าช้าไปถึงปี 2027 ตามแนวโน้มของเกม GTA รุ่นก่อนหน้า

    ข่าวลือเกี่ยวกับราคาเกม
    - อาจมีราคาสูงถึง $100
    - อาจรวมโบนัสเงินในเกมสำหรับโหมดออนไลน์

    ความคาดหวังจากแฟนเกม
    - Rockstar ระบุว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้
    - อาจมีการปล่อย ตัวอย่างที่สอง ในอนาคตอันใกล้

    https://www.techspot.com/news/107776-grand-theft-auto-vi-has-delayed-launch-may.html
    Rockstar Games ได้ประกาศเลื่อนวันเปิดตัว Grand Theft Auto VI (GTA 6) จากกำหนดเดิมในช่วง ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 ไปเป็น 26 พฤษภาคม 2026 โดยให้เหตุผลว่าต้องการเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้เกมมีคุณภาพสูงสุด แม้ว่าจะมีการประกาศวันวางจำหน่ายสำหรับ PlayStation 5 และ Xbox Series X/S แต่ Rockstar ยังไม่ได้ยืนยันวันเปิดตัวสำหรับ PC ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเวอร์ชัน PC อาจล่าช้าไปถึงปี 2027 นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงถึง $100 ซึ่งอาจรวมถึง โบนัสเงินในเกมสำหรับโหมดออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจาก Rockstar ว่าราคานี้จะเป็นราคามาตรฐานหรือเป็นเพียงรุ่นพิเศษ ✅ วันเปิดตัวใหม่ - จากเดิมใน ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็น 26 พฤษภาคม 2026 - Rockstar ระบุว่าต้องการเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้เกมมีคุณภาพสูงสุด ✅ สถานะของเวอร์ชัน PC - ยังไม่มีการยืนยันวันเปิดตัวสำหรับ PC - อาจล่าช้าไปถึงปี 2027 ตามแนวโน้มของเกม GTA รุ่นก่อนหน้า ✅ ข่าวลือเกี่ยวกับราคาเกม - อาจมีราคาสูงถึง $100 - อาจรวมโบนัสเงินในเกมสำหรับโหมดออนไลน์ ✅ ความคาดหวังจากแฟนเกม - Rockstar ระบุว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ - อาจมีการปล่อย ตัวอย่างที่สอง ในอนาคตอันใกล้ https://www.techspot.com/news/107776-grand-theft-auto-vi-has-delayed-launch-may.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Grand Theft Auto VI has been delayed, will launch on May 26, 2026
    In an official post on its website, Rockstar Games confirmed that the next Grand Theft Auto game is now set to release on May 26, 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI

    นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%)

    ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI
    - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    การลงทุนด้านเทคโนโลยี
    - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%)
    - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%)

    ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI
    - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI
    - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
    - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา
    - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%) ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ การลงทุนด้านเทคโนโลยี - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%) - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%) ✅ ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของการนำ AI มาใช้แทนแรงงานมนุษย์ในธุรกิจในสหราชอาณาจักร โดยรายงานจาก Orgvue พบว่า 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI รู้สึกเสียใจ เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กร การลาออกของพนักงาน และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของธุรกิจที่หวังว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

    แม้ว่าผู้นำธุรกิจบางส่วนยังคงไม่เข้าใจผลกระทบของ AI ต่อองค์กร แต่หลายบริษัทเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม โดย 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 และ 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา

    อย่างไรก็ตาม การใช้ AI โดยไม่มีแผนที่ชัดเจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การใช้งาน AI ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการลดความรับผิดชอบของผู้นำในการปกป้องพนักงานจากการถูกปลด

    ผลกระทบจากการปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI
    - 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานรู้สึกเสียใจ
    - การตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กรและประสิทธิภาพที่ลดลง

    การลงทุนใน AI
    - 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025
    - 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา

    การฝึกอบรมพนักงาน
    - 4 ใน 5 ธุรกิจมีแผนฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม
    - 51% ได้กำหนดนโยบายการใช้งาน AI ภายในองค์กร

    ความสำคัญของแรงงานมนุษย์
    - ธุรกิจเริ่มตระหนักว่าแรงงานมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ

    https://www.techradar.com/pro/over-half-of-uk-businesses-who-replaced-workers-with-ai-regret-their-decision
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของการนำ AI มาใช้แทนแรงงานมนุษย์ในธุรกิจในสหราชอาณาจักร โดยรายงานจาก Orgvue พบว่า 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI รู้สึกเสียใจ เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กร การลาออกของพนักงาน และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของธุรกิจที่หวังว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ว่าผู้นำธุรกิจบางส่วนยังคงไม่เข้าใจผลกระทบของ AI ต่อองค์กร แต่หลายบริษัทเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม โดย 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 และ 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา อย่างไรก็ตาม การใช้ AI โดยไม่มีแผนที่ชัดเจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การใช้งาน AI ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการลดความรับผิดชอบของผู้นำในการปกป้องพนักงานจากการถูกปลด ✅ ผลกระทบจากการปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI - 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานรู้สึกเสียใจ - การตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กรและประสิทธิภาพที่ลดลง ✅ การลงทุนใน AI - 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 - 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา ✅ การฝึกอบรมพนักงาน - 4 ใน 5 ธุรกิจมีแผนฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม - 51% ได้กำหนดนโยบายการใช้งาน AI ภายในองค์กร ✅ ความสำคัญของแรงงานมนุษย์ - ธุรกิจเริ่มตระหนักว่าแรงงานมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ https://www.techradar.com/pro/over-half-of-uk-businesses-who-replaced-workers-with-ai-regret-their-decision
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของ Figma ที่แสดงให้เห็นว่า AI ยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงเกินจริงได้ในปัจจุบัน แม้ว่า AI จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา แต่ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่า AI ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงได้

    จากการสำรวจพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา แต่มีเพียง 27% เท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้พัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ เนื่องจาก AI ถูกนำมาใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดและการพัฒนา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า

    ความสำคัญของ AI ในอนาคต
    - 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต
    - มีเพียง 27% ที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร

    การใช้งาน AI ในปัจจุบัน
    - 78% เชื่อว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน
    - มีเพียง 58% ที่เชื่อว่า AI ช่วยปรับปรุงคุณภาพของงาน

    ความแตกต่างระหว่างนักออกแบบและนักพัฒนา
    - นักพัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ
    - AI ถูกใช้ในงานเขียนโค้ดและการพัฒนามากกว่างานสร้างสรรค์

    เป้าหมายของการสำรวจ
    - สำรวจการใช้งาน AI ในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา
    - วิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อเป้าหมายขององค์กร

    https://www.techradar.com/pro/figmas-latest-survey-shows-ai-is-not-yet-living-up-to-its-over-hyped-promise
    บทความนี้กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของ Figma ที่แสดงให้เห็นว่า AI ยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงเกินจริงได้ในปัจจุบัน แม้ว่า AI จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา แต่ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่า AI ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงได้ จากการสำรวจพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา แต่มีเพียง 27% เท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้พัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ เนื่องจาก AI ถูกนำมาใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดและการพัฒนา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า ✅ ความสำคัญของ AI ในอนาคต - 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต - มีเพียง 27% ที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร ✅ การใช้งาน AI ในปัจจุบัน - 78% เชื่อว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน - มีเพียง 58% ที่เชื่อว่า AI ช่วยปรับปรุงคุณภาพของงาน ✅ ความแตกต่างระหว่างนักออกแบบและนักพัฒนา - นักพัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ - AI ถูกใช้ในงานเขียนโค้ดและการพัฒนามากกว่างานสร้างสรรค์ ✅ เป้าหมายของการสำรวจ - สำรวจการใช้งาน AI ในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา - วิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อเป้าหมายขององค์กร https://www.techradar.com/pro/figmas-latest-survey-shows-ai-is-not-yet-living-up-to-its-over-hyped-promise
    WWW.TECHRADAR.COM
    Figma’s latest survey shows AI is not yet living up to its over-hyped promise
    Designers and developers split on just how useful AI really is right now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิเวศของจิต ขณะที่ทำบุญ — ซึ่งส่งผลยาวไกลถึง "นิสัย", "ชีวิตหลังทำบุญ", และแม้แต่ "ภพภูมิในอนาคต"

    ---

    1. บุญไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ แต่เป็นพลังงานที่ติดตามอาการทางใจ

    > "อาการทางใจขณะทำบุญ เป็นตัวกำหนดนิสัยและผลกรรมในอนาคต"

    บุญไม่ได้แค่บันดาลความสุขในระยะสั้น

    แต่ “รูปแบบการทำบุญ” และ “เจตนาขณะทำ” จะ หล่อหลอมจิต ให้เป็นไปในแนวทางนั้นๆ

    > ธรรมะสำคัญ:
    "ทำบุญอย่างไร ใจก็แปรไปตามนั้น"

    ---

    2. การทำบุญคนเดียว: ฝึกพึ่งตนเอง สร้างพลังเดี่ยวอย่างเบิกบาน

    ถ้าทำบุญคนเดียวด้วยความสุขใจ:

    สร้างนิสัย “พึ่งตัวเอง” ได้จริง

    มีโอกาส "เหงายาก" และมีความสุขกับตัวเอง

    เดินทางธรรมได้ง่าย เพราะไม่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยกำลังใจจากผู้อื่นตลอด

    ถ้าทำบุญแล้ว “แอบเหงา” หรือ “วาดฝันหาใคร”:

    อาจสร้างนิสัยเพ้อฝัน ไม่สมดุลกับโลกจริง

    และนำไปสู่ความคาดหวังผิดๆ ในความสัมพันธ์ในอนาคต

    > ธรรมะสำคัญ:
    "สุขจริงคือสุขที่ไม่ต้องมีเงื่อนไข"

    ---

    3. การลากคนอื่นไปทำบุญด้วยเจตนาผิด: เป็นบุญหรือเป็นภาระ?

    ถ้าแค่พาไปแต่ “ใจเขาไม่มา” ก็มีแต่ เหนื่อยฟรี หรือหนักกว่านั้นคือสร้างนิสัย "แบกคน"

    บุญที่แท้คือการ ทำด้วยใจเต็มร้อยของตัวเอง และให้โอกาสคนอื่นตามด้วยศรัทธาของเขาเอง ไม่ใช่การกดดันหรือลากจูง

    > ธรรมะสำคัญ:
    "บุญแท้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนที่ไปด้วย แต่อยู่ที่ความพร้อมของใจตนเองและผู้อื่น"

    ---

    4. สไตล์การทำบุญจะสร้างแบบแผนชีวิตในอนาคต

    ถ้าทำบุญอย่างอิสระ สุขใจ → ชีวิตจะเบา ง่าย เป็นสุขด้วยตัวเอง

    ถ้าทำบุญแบบพึ่งพา เหนื่อยใจ → ชีวิตจะวนเวียนอยู่กับการต้องหาคนพึ่งตลอด

    ถ้าทำบุญแบบเพ้อฝัน → ชีวิตจะเต็มไปด้วยการคาดหวังสิ่งที่ไม่มีจริง

    > ธรรมะสำคัญ:
    "บุญสร้างทางเดินชีวิตใหม่แบบไม่รู้ตัว"

    ---

    5. สรุปแก่นธรรมะจากบทความนี้

    บุญเป็นพลังบันดาลที่ติดอยู่กับอาการทางใจ ณ ขณะที่ทำ

    การทำบุญคนเดียวอย่างเบิกบาน คือการสร้างกำลังใจพึ่งตนเอง ในระยะยาว

    ลากคนอื่นมาทำบุญแบบฝืนใจ มีโอกาสก่อภาระกรรมมากกว่าสร้างบุญ

    ฝึกทำบุญโดยไม่เพ้อหาใคร จะเป็นอิสระทั้งในปัจจุบันและอนาคต

    อาการใจขณะทำบุญ คือเมล็ดพันธุ์ของนิสัยและชะตาชีวิตในอนาคต

    ---

    ธรรมะสั้นจากบทความนี้ ใช้ต่อยอดได้ทันที

    "ทำบุญอย่างไร ใจก็กลายเป็นอย่างนั้น"

    "บุญที่แท้ ต้องเบิกบาน ไม่แบกคน ไม่ลากคน"

    "สุขที่พึ่งตัวเองได้ คือสุขที่มั่นคงที่สุด"

    "อย่าทำบุญด้วยใจฝืน เพราะผลที่ได้จะเป็นภาระไม่รู้จบ"

    "บุญเป็นพลังสร้างนิสัยชีวิต — ดีหรือร้าย ขึ้นกับใจที่ทำ"

    ---
    นิเวศของจิต ขณะที่ทำบุญ — ซึ่งส่งผลยาวไกลถึง "นิสัย", "ชีวิตหลังทำบุญ", และแม้แต่ "ภพภูมิในอนาคต" --- 1. บุญไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ แต่เป็นพลังงานที่ติดตามอาการทางใจ > "อาการทางใจขณะทำบุญ เป็นตัวกำหนดนิสัยและผลกรรมในอนาคต" บุญไม่ได้แค่บันดาลความสุขในระยะสั้น แต่ “รูปแบบการทำบุญ” และ “เจตนาขณะทำ” จะ หล่อหลอมจิต ให้เป็นไปในแนวทางนั้นๆ > ธรรมะสำคัญ: "ทำบุญอย่างไร ใจก็แปรไปตามนั้น" --- 2. การทำบุญคนเดียว: ฝึกพึ่งตนเอง สร้างพลังเดี่ยวอย่างเบิกบาน ถ้าทำบุญคนเดียวด้วยความสุขใจ: สร้างนิสัย “พึ่งตัวเอง” ได้จริง มีโอกาส "เหงายาก" และมีความสุขกับตัวเอง เดินทางธรรมได้ง่าย เพราะไม่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยกำลังใจจากผู้อื่นตลอด ถ้าทำบุญแล้ว “แอบเหงา” หรือ “วาดฝันหาใคร”: อาจสร้างนิสัยเพ้อฝัน ไม่สมดุลกับโลกจริง และนำไปสู่ความคาดหวังผิดๆ ในความสัมพันธ์ในอนาคต > ธรรมะสำคัญ: "สุขจริงคือสุขที่ไม่ต้องมีเงื่อนไข" --- 3. การลากคนอื่นไปทำบุญด้วยเจตนาผิด: เป็นบุญหรือเป็นภาระ? ถ้าแค่พาไปแต่ “ใจเขาไม่มา” ก็มีแต่ เหนื่อยฟรี หรือหนักกว่านั้นคือสร้างนิสัย "แบกคน" บุญที่แท้คือการ ทำด้วยใจเต็มร้อยของตัวเอง และให้โอกาสคนอื่นตามด้วยศรัทธาของเขาเอง ไม่ใช่การกดดันหรือลากจูง > ธรรมะสำคัญ: "บุญแท้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนที่ไปด้วย แต่อยู่ที่ความพร้อมของใจตนเองและผู้อื่น" --- 4. สไตล์การทำบุญจะสร้างแบบแผนชีวิตในอนาคต ถ้าทำบุญอย่างอิสระ สุขใจ → ชีวิตจะเบา ง่าย เป็นสุขด้วยตัวเอง ถ้าทำบุญแบบพึ่งพา เหนื่อยใจ → ชีวิตจะวนเวียนอยู่กับการต้องหาคนพึ่งตลอด ถ้าทำบุญแบบเพ้อฝัน → ชีวิตจะเต็มไปด้วยการคาดหวังสิ่งที่ไม่มีจริง > ธรรมะสำคัญ: "บุญสร้างทางเดินชีวิตใหม่แบบไม่รู้ตัว" --- 5. สรุปแก่นธรรมะจากบทความนี้ บุญเป็นพลังบันดาลที่ติดอยู่กับอาการทางใจ ณ ขณะที่ทำ การทำบุญคนเดียวอย่างเบิกบาน คือการสร้างกำลังใจพึ่งตนเอง ในระยะยาว ลากคนอื่นมาทำบุญแบบฝืนใจ มีโอกาสก่อภาระกรรมมากกว่าสร้างบุญ ฝึกทำบุญโดยไม่เพ้อหาใคร จะเป็นอิสระทั้งในปัจจุบันและอนาคต อาการใจขณะทำบุญ คือเมล็ดพันธุ์ของนิสัยและชะตาชีวิตในอนาคต --- ธรรมะสั้นจากบทความนี้ ใช้ต่อยอดได้ทันที "ทำบุญอย่างไร ใจก็กลายเป็นอย่างนั้น" "บุญที่แท้ ต้องเบิกบาน ไม่แบกคน ไม่ลากคน" "สุขที่พึ่งตัวเองได้ คือสุขที่มั่นคงที่สุด" "อย่าทำบุญด้วยใจฝืน เพราะผลที่ได้จะเป็นภาระไม่รู้จบ" "บุญเป็นพลังสร้างนิสัยชีวิต — ดีหรือร้าย ขึ้นกับใจที่ทำ" ---
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการอัปเดตระบบใหม่ของ PlayStation 5 (PS5) ที่จะเปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2025 โดยมีการนำธีมคลาสสิกจากการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation กลับมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Focus ซึ่งช่วยปรับเสียงในเกมให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้หูฟัง

    การนำธีมคลาสสิกกลับมา
    - ธีมคลาสสิกจาก PlayStation รุ่นก่อน (PS1, PS2, PS3, PS4) กลับมาให้เลือกใช้ในเมนู 'Appearance'
    - ธีมเหล่านี้เคยเปิดตัวในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation

    ฟีเจอร์ Audio Focus
    - ช่วยปรับเสียงในเกม เช่น เสียงฝีเท้า ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหูฟัง
    - ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริง

    การตอบสนองต่อคำขอของแฟนๆ
    - การนำธีมกลับมาเกิดจากคำขอของผู้ใช้งานที่ต้องการธีมเหล่านี้

    การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต
    - มีความคาดหวังว่า PlayStation อาจเพิ่มธีมเฉพาะเกมในอนาคต

    https://wccftech.com/playstations-classic-console-themes-from-30th-anniversary-celebrations-are-back-in-new-ps5-system-update/
    ข่าวนี้กล่าวถึงการอัปเดตระบบใหม่ของ PlayStation 5 (PS5) ที่จะเปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2025 โดยมีการนำธีมคลาสสิกจากการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation กลับมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Focus ซึ่งช่วยปรับเสียงในเกมให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้หูฟัง ✅ การนำธีมคลาสสิกกลับมา - ธีมคลาสสิกจาก PlayStation รุ่นก่อน (PS1, PS2, PS3, PS4) กลับมาให้เลือกใช้ในเมนู 'Appearance' - ธีมเหล่านี้เคยเปิดตัวในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation ✅ ฟีเจอร์ Audio Focus - ช่วยปรับเสียงในเกม เช่น เสียงฝีเท้า ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหูฟัง - ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริง ✅ การตอบสนองต่อคำขอของแฟนๆ - การนำธีมกลับมาเกิดจากคำขอของผู้ใช้งานที่ต้องการธีมเหล่านี้ ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต - มีความคาดหวังว่า PlayStation อาจเพิ่มธีมเฉพาะเกมในอนาคต https://wccftech.com/playstations-classic-console-themes-from-30th-anniversary-celebrations-are-back-in-new-ps5-system-update/
    WCCFTECH.COM
    PlayStation's Classic Console Themes From 30th Anniversary Celebrations Are Back In New PS5 System Update
    PlayStation has confirmed that the classic console themes from its 30th anniversary celebrations are back for PS5 owners in tomorrow's update
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงแนวทางที่ CISOs (Chief Information Security Officers) ควรใช้ในการสื่อสารกับคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ

    แนวทางการสื่อสารของ CISOs กับคณะกรรมการ
    - แปลความเสี่ยงทางไซเบอร์ให้เป็นภาษาธุรกิจ
    - หาพันธมิตรในคณะกรรมการเพื่อช่วยปรับปรุงการนำเสนอ

    การพัฒนาเอกสารช่วยให้คณะกรรมการเข้าใจข้อมูล
    - เอกสารอธิบายคำศัพท์ด้านความปลอดภัย
    - เอกสารแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐาน

    การศึกษาประวัติของสมาชิกคณะกรรมการ
    - เข้าใจมุมมองและความคาดหวังของคณะกรรมการ
    - ปรับการนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท

    ข้อจำกัดของการสื่อสารด้านความปลอดภัย
    - คณะกรรมการบางคนอาจไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
    - การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด

    ผลกระทบต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ
    - หากข้อมูลด้านความปลอดภัยไม่ถูกนำเสนออย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน
    - การขาดความเข้าใจด้านไซเบอร์อาจทำให้คณะกรรมการมองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญ

    https://www.csoonline.com/article/3953098/what-boards-want-and-dont-want-to-hear-from-cybersecurity-leaders.html
    ข่าวนี้เล่าถึงแนวทางที่ CISOs (Chief Information Security Officers) ควรใช้ในการสื่อสารกับคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ✅ แนวทางการสื่อสารของ CISOs กับคณะกรรมการ - แปลความเสี่ยงทางไซเบอร์ให้เป็นภาษาธุรกิจ - หาพันธมิตรในคณะกรรมการเพื่อช่วยปรับปรุงการนำเสนอ ✅ การพัฒนาเอกสารช่วยให้คณะกรรมการเข้าใจข้อมูล - เอกสารอธิบายคำศัพท์ด้านความปลอดภัย - เอกสารแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐาน ✅ การศึกษาประวัติของสมาชิกคณะกรรมการ - เข้าใจมุมมองและความคาดหวังของคณะกรรมการ - ปรับการนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ℹ️ ข้อจำกัดของการสื่อสารด้านความปลอดภัย - คณะกรรมการบางคนอาจไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี - การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ℹ️ ผลกระทบต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ - หากข้อมูลด้านความปลอดภัยไม่ถูกนำเสนออย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน - การขาดความเข้าใจด้านไซเบอร์อาจทำให้คณะกรรมการมองข้ามความเสี่ยงที่สำคัญ https://www.csoonline.com/article/3953098/what-boards-want-and-dont-want-to-hear-from-cybersecurity-leaders.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What boards want and don’t want to hear from cybersecurity leaders
    To get through to board members, cybersecurity leaders need to not only learn the language of business but how to translate cyber risk in a way board members can make sense of.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก

    อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น

    ความสำเร็จของ ChatGPT
    - มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน
    - การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025

    ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม
    - การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก
    - ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน

    ผลกระทบต่อการทำงาน
    - บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI
    - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง

    ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน
    - การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ
    - การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง

    คำแนะนำสำหรับการปรับตัว
    - ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    - องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ

    https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.html
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น ✅ ความสำเร็จของ ChatGPT - มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน - การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025 ✅ ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม - การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก - ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ✅ ผลกระทบต่อการทำงาน - บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน - การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ - การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับตัว - ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน - องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChatGPT nears one billion users as Ghibli-style AI images double weekly actives
    Speaking onstage at TED on Friday, curator Chris Anderson asked Altman how many users ChatGPT had. "I think the last time we said was 500 million weekly...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำเนียบขาวเผยประธานาธิบดีทรัมป์เปิดใจเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับจีน หลังจากความตึงเครียดและภาษีศุลกากรต่างๆ สถานการณ์อาจคลี่คลายลงในที่สุด

    "ทรัมป์ยังคงมีความคาดหวัง ว่าเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ หลังจากขึ้นภาษีตอบโต้กัน" โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ กล่าว
    ทำเนียบขาวเผยประธานาธิบดีทรัมป์เปิดใจเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับจีน หลังจากความตึงเครียดและภาษีศุลกากรต่างๆ สถานการณ์อาจคลี่คลายลงในที่สุด "ทรัมป์ยังคงมีความคาดหวัง ว่าเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ หลังจากขึ้นภาษีตอบโต้กัน" โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 7 0 รีวิว
Pages Boosts