• งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม

    มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี

    มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด

    ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย
    การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น
    - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์
    - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง
    - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ

    เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม

    ป.12 คืออะไร?
    ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย

    ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12
    การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น
    เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง
    อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน

    แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง

    การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ?
    3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้
    1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ
    คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย

    2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง
    ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน

    3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน
    ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น

    ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ?
    - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว
    - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย
    - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม

    ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย
    ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

    นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น
    - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV)
    - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ
    - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง

    สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย
    จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน
    - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12%
    - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18%
    - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22%

    มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม
    การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน

    ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4

    นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568

    #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม 📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔 📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี 📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด 🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์ - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ 😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม 🔍 ป.12 คืออะไร? 📜 ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย 📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12 การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ? 📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้ 1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย 2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน 3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น 🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄 - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม 🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ 📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง 📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย 🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12% - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18% - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22% 📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น 🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4 ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568 🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    0 Comments 0 Shares 1176 Views 0 Reviews
  • คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้
    .
    ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม
    .
    "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย
    .
    มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย
    .
    จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
    .
    ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย
    .
    เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว
    .
    ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน
    .
    แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว
    .
    สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249
    ..............
    Sondhi X
    คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้ . ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม . "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย . มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย . จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต . ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย . เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม . เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว . ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน . แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว . สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 0 Shares 2013 Views 0 Reviews