• 😍 เรียนฟรี!!!!

    ....ใช่จ้า อ่านไม่ผิด เรียนฟรีที่นี่ ร้าน Telvada กับ คลาสผสมน้ำหอมออแกนิค โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอโรม่าเธอราพี ที่จบจากศาสตร์น้ำมันหอมระเหยที่นิวยอร์ก เป็นผู้สอน...

    ...เมื่อสั่งซื้อสินค้าครบ 5,000 บาท สามารถมาเรียนฟรีได้เลย เรียนจบแล้ว ยังสามารถต่อยอดผลิตขายได้เลยจ้า...

    ...เฉพาะเดือนพฤศจิกายนนี้นะ ใกล้เทศกาลปีใหม่ คิดไม่ออกเรื่องของขวัญ ผลิตน้ำหอมแทนใจให้กับผู้ที่เรารักได้น่ะจ๊ะ...

    ..LINE : @telvada

    ..น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นเกรดออแกนิคแท้ 100 %...

    #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #tiktokuni #tiktokuni_th #aromatherapy #รู้หรือไม่ #tiktokแนะแนว #fyp #viral #tiktokthailand #foryourpage #fypシ#thaitimes
    😍 เรียนฟรี!!!! ....ใช่จ้า อ่านไม่ผิด เรียนฟรีที่นี่ ร้าน Telvada กับ คลาสผสมน้ำหอมออแกนิค โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอโรม่าเธอราพี ที่จบจากศาสตร์น้ำมันหอมระเหยที่นิวยอร์ก เป็นผู้สอน... ...เมื่อสั่งซื้อสินค้าครบ 5,000 บาท สามารถมาเรียนฟรีได้เลย เรียนจบแล้ว ยังสามารถต่อยอดผลิตขายได้เลยจ้า... ...เฉพาะเดือนพฤศจิกายนนี้นะ ใกล้เทศกาลปีใหม่ คิดไม่ออกเรื่องของขวัญ ผลิตน้ำหอมแทนใจให้กับผู้ที่เรารักได้น่ะจ๊ะ... ..LINE : @telvada ..น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นเกรดออแกนิคแท้ 100 %... #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #tiktokuni #tiktokuni_th #aromatherapy #รู้หรือไม่ #tiktokแนะแนว #fyp #viral #tiktokthailand #foryourpage #fypシ゚ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดสื่อผู้เฒ่าสนธิ เชื่อว่าลุงรับมิตรภาพจากชูวิทย์ด้วยความเต็มใจ แต่ลุงแกไม่รับการจับกุมทนายขยะสังคมเป็นของขวัญวันเกิดแน่ๆ
    #7ดอกจิก
    ♣️ สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดสื่อผู้เฒ่าสนธิ เชื่อว่าลุงรับมิตรภาพจากชูวิทย์ด้วยความเต็มใจ แต่ลุงแกไม่รับการจับกุมทนายขยะสังคมเป็นของขวัญวันเกิดแน่ๆ #7ดอกจิก
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาระยอง แวะเที่ยวชมดอกทิวลิปที่ Miracle of Natural 🌷สวยๆกันนะคะ

    ด้านในอุณหภูมิประมาณ 15 องศา อากาศเย็นมากค่ะทิวลิปสวยมากกก สีสันสดใสสุดๆ

    ✅️ ทิวลิปที่นี่ปลูกเองในฟาร์มที่ประเทศไทย
    ✅️ อุณหภูมิด้านใน 15°
    ✅️ มี Cafe Amazon ที่มีสวนดอกไม้สวยสุดในไทย
    ✅️ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
    ✅️ มีดอกทิวลิปขาย ดอกละ 50บาท

    ไปเที่ยวระยอง อย่าลืมแวะมา
    ถ่ายรูปกะดอกทิวลิปสวยๆกันน้าาาา

    เปิดให้เข้าชม จันทร์-เสาร์ 9:30-16:30 น.
    (ประตูปิด 16:00)
    ❌️ ปิดวันอาทิตย์
    💜💙🩵🩷❤️🌷🌷🌷
    #ดอกทิวลิป #ดอกไม้ #MiracleofNatural #ของขวัญ #ฟาร์มทิวลิป #FloraExhibitionHall #เที่ยวระยอง #Rayong #สวนทิวลิประยอง
    #ดอกทิวลิประยอง #ไฮเดรนเยีย#thaitime
    มาระยอง แวะเที่ยวชมดอกทิวลิปที่ Miracle of Natural 🌷สวยๆกันนะคะ ด้านในอุณหภูมิประมาณ 15 องศา อากาศเย็นมากค่ะทิวลิปสวยมากกก สีสันสดใสสุดๆ ✅️ ทิวลิปที่นี่ปลูกเองในฟาร์มที่ประเทศไทย ✅️ อุณหภูมิด้านใน 15° ✅️ มี Cafe Amazon ที่มีสวนดอกไม้สวยสุดในไทย ✅️ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ✅️ มีดอกทิวลิปขาย ดอกละ 50บาท ไปเที่ยวระยอง อย่าลืมแวะมา ถ่ายรูปกะดอกทิวลิปสวยๆกันน้าาาา เปิดให้เข้าชม จันทร์-เสาร์ 9:30-16:30 น. (ประตูปิด 16:00) ❌️ ปิดวันอาทิตย์ 💜💙🩵🩷❤️🌷🌷🌷 #ดอกทิวลิป #ดอกไม้ #MiracleofNatural #ของขวัญ #ฟาร์มทิวลิป #FloraExhibitionHall #เที่ยวระยอง #Rayong #สวนทิวลิประยอง #ดอกทิวลิประยอง #ไฮเดรนเยีย#thaitime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดมีผู้สูงวัยเยอะมาก
    เรื่องนี้ที่ต้องนำเสนอเพราะแฟนเพจคิงส์ฯสงสัย
    ว่าเพราะเหตุใด วันที่มีการถ่ายทอดการไลฟ์วันที่แฟนคลับ
    ไปต้อนรับจีกามินที่สนามบิน จึงมีผู้สูงวัยเยอะมาก
    ต้องออกตัวก่อน ว่าโพสนี้ไม่มีแขวะ หรือแซะ แต่วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์
    และให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน
    - วันนี้มีจักรวาล แน๊กชาลี มีจักรวาลจีกามิน ที่แยกฐานแฟนอย่างชัดเจน ซึ่งจะบอกว่า จีกามินไม่หลงเหลือคนที่คลั่งไคล้ หรือรักนางจริงๆแล้วเลย ก็ไม่ยุติธรรมนัก แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรที่จะกำหนดเทรนนทวิทได้ ตามกลไกของสังคม นอกเสียจากการใช้ระบบบอทในการเจนข้อความตามที่ได้เคยอธิบายวิธีการไปแล้ว และจากที่เห็นคนที่ไปรอรับจีกามิน ก็จะมีความสุขที่ได้เจอคนที่พวกเค้ารอคอย มันก็เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เค้ารัก เค้าหลงของเค้า เราจะไปห้ามก็ไม่ได้ คนเรามันก็ชอบไม่เหมือนกัน
    - ส่วนเรื่องที่สงสัยกันมากว่า ทำไม มีคนสูงอายุเยอะเลย จ้างมาหรือเปล่าอะไรแบบนี้ พี่คิงส์ก็จะพูดเป็นกลางๆครับ ว่าไม่ได้จ้างมา และพี่ก็ไม่ได้มาแก้ต่างแก้ตัวแทน และอยากให้ทุกคนอ่านให้จบ
    - พี่คิงส์ เคยขุดก่อนที่จะมูฟออน และรับรู้ถึงแฟนคลับชั้นลึก หมายถึงในกลุ่มเทพ ห้อง DC ที่ในช่วงแรกๆนั้น เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่รักจีกามิน และชาลี แต่ด้วยชาลีเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจัดบิ๊กแม๊ต และต้องให้คนไทยด้วยกัน ต้องใช้จ่ายมากมาย ก็ทำให้เกิดความขัดอกขัดใจของผู้ที่เสียประโยชน์ จึงเป็นเหตุให้ ชาลีกลายเป็นคนแปลกหน้า ในสายตาคนในกลุ่ม ซึ่งก็มีป้า จ. ที่เป็นคนที่ออกตัวแรงสุด เพราะป้าเอง ก็มีกำลังใจขึ้นมาจากการฝากใจไว้กับจีกามิน และเหมือนเป็นการบำบัดจิตตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จากชอบ เป็นรัก จากรักเป็นคลั่งไคล้ และเทิดทูน อยากให้เป็นนางฟ้าในใจตลอดไป
    - ในกลุ่มนี้ อดีตมีจำนวนถึงห้าพันกว่าคน แต่หลังจากที่จีกามินกลับไปเกาหลี และไม่ติดต่อกับแน๊กชาลี จำนวนสมาชิกที่พร้อมซัพพอตจีกามิน ก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน มีจำนวนใกล้จะต่ำกว่าพันไปทุกที
    - พี่คิงส์จึงสืบต่อ และพบว่า จากเมื่อก่อนในจำนวนเริ่มต้นของสมาชิกกลุ่มดีซี ห้าพันกว่าคนนั้น จะเป็นผช.ซัก 80 % ที่เหลือเป็น ผญ. แต่วันนี้เป็นผญ.90% ในจำนวนพันคนนิดๆนี้ และ ป้า จ. ก็เหมือนเป็นจุดเชื่อมใจ ระหว่างคนในห้องกับ จีกามิน โดยจะช่วยกันเชียร์ให้ส่งของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้ยายหนูของเธอ ซึ่งการทำหน้าที่ของป้า จ. ก็จะใช้เวลาไปกับการแสดงออกทางจิตวิทยา ในการห่วงใย เพราะป้าๆที่เป็นเทพดีซี ในปัจจุบันแทบจะ 100% ที่เป็น ผญ. ล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิต และครอบครัวที่่ล้มเหลว คนที่เปย์หนักๆบางคน ยอมเปย์ให้จีกามิน แทนที่จะเก็บเงินไว้ในการรักษาตัวจากโรคะที่ร้ายแรง ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของป้าเค้านะครับ ก็ได้แค่สงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้ - - ดังนั้น ท่ามกลางภาพของหญิงมีอายุจำนวนมาก ที่มารอรับจีกามิน มันมีเบื้องหลังแห่วงความหดหู่อยู่ไม่น้อย ว่าในประเทศของเรา มีหญิงสูงอายุจำนวนมาก ที่พบความล้มเหลว หรือผ่านความเสียใจ ถึงแม้จะมีเงินมากมายเท่าไหร่ มีธุรกิจใหญ่โต มีทรัพย์มากถึงขนาดที่สามารถเปย์จีกามินได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แต่กลับไม่พบกับความสุขในชีวิตจริง และยอมเลือก และยอมแลก ทั้งเวลา และทรัพย์สิน เพียงเพื่อได้ชื่นชม ได้เชียร์ ใครซักคนหนึ่ง ที่เป็นตัวละคร พร้อมสตอรี่ที่พาเพ้อฝัน จากป้า จ. ให้ได้มาซึ่งกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป
    - ก็อย่างที่พี่คิงส์บอกจุดยืนของพี่ไปแล้วเมื่อวาน ว่าพี่คิงส์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสาวต่างด้าว ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย แต่ที่ทำโพสนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ชายที่ได้มาอ่านโพสนี้ ให้ใส่ใจและดูแลภรรยาของคุณ อย่าให้เธอต้องมีอนาคตที่เป็นหนึ่งในเกมส์แห่งความเศร้านี้ ต้องไปนั่งชม นั่งเชียร์ นั่งเปย์ เสียเวลาทั้งวันทั้งคืน เป็นปีๆ เพียงเพื่อรับเศษความสนใจจากคนที่ไม่เคยรู้จัก เพราะคนที่เปย์ ก็จะได้รับเพียง "ขอบคุณค่า" ขอบคุณมั่กๆ ฉันรักคุณ มันก็แค่นี้จริงๆ ซึ่งตัวแสดงแบบนี้ หรือเหล่านี้ เค้าก็ไม่ได้รู้จักคนเปย์จริง ก็เป็นเพียงแค่เป็นงานที่สร้างรายได้ ก็อย่างที่ให้คำนิยามว่า "เป็นแค่ต่างด้าวมาหากินในไทย" แค่นั้นเอง
    บางที ก็หดหู่นะ แต่ก็ได้แค่รู้สึก เพราะสุดท้าย มันเป็นเงินเค้า เวลาของเค้า ชีวิตของเค้า ที่เค้าควักด้วยความเต็มใจ ถึงบางคนจะอิ๊บอ๋าย หมดเนื้อ หมดตัว มันก็เป็นความอิ๊บอ๋าย ที่อาบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดั่งที่เราได้เห็นในภาพป้าๆที่ไปรอต้อนรับนั่นเอง
    #ก็แค่แอบสงสารคนไทยด้วยกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เหตุใดมีผู้สูงวัยเยอะมาก เรื่องนี้ที่ต้องนำเสนอเพราะแฟนเพจคิงส์ฯสงสัย ว่าเพราะเหตุใด วันที่มีการถ่ายทอดการไลฟ์วันที่แฟนคลับ ไปต้อนรับจีกามินที่สนามบิน จึงมีผู้สูงวัยเยอะมาก ต้องออกตัวก่อน ว่าโพสนี้ไม่มีแขวะ หรือแซะ แต่วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ และให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน - วันนี้มีจักรวาล แน๊กชาลี มีจักรวาลจีกามิน ที่แยกฐานแฟนอย่างชัดเจน ซึ่งจะบอกว่า จีกามินไม่หลงเหลือคนที่คลั่งไคล้ หรือรักนางจริงๆแล้วเลย ก็ไม่ยุติธรรมนัก แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรที่จะกำหนดเทรนนทวิทได้ ตามกลไกของสังคม นอกเสียจากการใช้ระบบบอทในการเจนข้อความตามที่ได้เคยอธิบายวิธีการไปแล้ว และจากที่เห็นคนที่ไปรอรับจีกามิน ก็จะมีความสุขที่ได้เจอคนที่พวกเค้ารอคอย มันก็เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เค้ารัก เค้าหลงของเค้า เราจะไปห้ามก็ไม่ได้ คนเรามันก็ชอบไม่เหมือนกัน - ส่วนเรื่องที่สงสัยกันมากว่า ทำไม มีคนสูงอายุเยอะเลย จ้างมาหรือเปล่าอะไรแบบนี้ พี่คิงส์ก็จะพูดเป็นกลางๆครับ ว่าไม่ได้จ้างมา และพี่ก็ไม่ได้มาแก้ต่างแก้ตัวแทน และอยากให้ทุกคนอ่านให้จบ - พี่คิงส์ เคยขุดก่อนที่จะมูฟออน และรับรู้ถึงแฟนคลับชั้นลึก หมายถึงในกลุ่มเทพ ห้อง DC ที่ในช่วงแรกๆนั้น เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่รักจีกามิน และชาลี แต่ด้วยชาลีเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจัดบิ๊กแม๊ต และต้องให้คนไทยด้วยกัน ต้องใช้จ่ายมากมาย ก็ทำให้เกิดความขัดอกขัดใจของผู้ที่เสียประโยชน์ จึงเป็นเหตุให้ ชาลีกลายเป็นคนแปลกหน้า ในสายตาคนในกลุ่ม ซึ่งก็มีป้า จ. ที่เป็นคนที่ออกตัวแรงสุด เพราะป้าเอง ก็มีกำลังใจขึ้นมาจากการฝากใจไว้กับจีกามิน และเหมือนเป็นการบำบัดจิตตัวเองอย่างไม่รู้ตัว จากชอบ เป็นรัก จากรักเป็นคลั่งไคล้ และเทิดทูน อยากให้เป็นนางฟ้าในใจตลอดไป - ในกลุ่มนี้ อดีตมีจำนวนถึงห้าพันกว่าคน แต่หลังจากที่จีกามินกลับไปเกาหลี และไม่ติดต่อกับแน๊กชาลี จำนวนสมาชิกที่พร้อมซัพพอตจีกามิน ก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน มีจำนวนใกล้จะต่ำกว่าพันไปทุกที - พี่คิงส์จึงสืบต่อ และพบว่า จากเมื่อก่อนในจำนวนเริ่มต้นของสมาชิกกลุ่มดีซี ห้าพันกว่าคนนั้น จะเป็นผช.ซัก 80 % ที่เหลือเป็น ผญ. แต่วันนี้เป็นผญ.90% ในจำนวนพันคนนิดๆนี้ และ ป้า จ. ก็เหมือนเป็นจุดเชื่อมใจ ระหว่างคนในห้องกับ จีกามิน โดยจะช่วยกันเชียร์ให้ส่งของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้ยายหนูของเธอ ซึ่งการทำหน้าที่ของป้า จ. ก็จะใช้เวลาไปกับการแสดงออกทางจิตวิทยา ในการห่วงใย เพราะป้าๆที่เป็นเทพดีซี ในปัจจุบันแทบจะ 100% ที่เป็น ผญ. ล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิต และครอบครัวที่่ล้มเหลว คนที่เปย์หนักๆบางคน ยอมเปย์ให้จีกามิน แทนที่จะเก็บเงินไว้ในการรักษาตัวจากโรคะที่ร้ายแรง ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของป้าเค้านะครับ ก็ได้แค่สงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้ - - ดังนั้น ท่ามกลางภาพของหญิงมีอายุจำนวนมาก ที่มารอรับจีกามิน มันมีเบื้องหลังแห่วงความหดหู่อยู่ไม่น้อย ว่าในประเทศของเรา มีหญิงสูงอายุจำนวนมาก ที่พบความล้มเหลว หรือผ่านความเสียใจ ถึงแม้จะมีเงินมากมายเท่าไหร่ มีธุรกิจใหญ่โต มีทรัพย์มากถึงขนาดที่สามารถเปย์จีกามินได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แต่กลับไม่พบกับความสุขในชีวิตจริง และยอมเลือก และยอมแลก ทั้งเวลา และทรัพย์สิน เพียงเพื่อได้ชื่นชม ได้เชียร์ ใครซักคนหนึ่ง ที่เป็นตัวละคร พร้อมสตอรี่ที่พาเพ้อฝัน จากป้า จ. ให้ได้มาซึ่งกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป - ก็อย่างที่พี่คิงส์บอกจุดยืนของพี่ไปแล้วเมื่อวาน ว่าพี่คิงส์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสาวต่างด้าว ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย แต่ที่ทำโพสนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ชายที่ได้มาอ่านโพสนี้ ให้ใส่ใจและดูแลภรรยาของคุณ อย่าให้เธอต้องมีอนาคตที่เป็นหนึ่งในเกมส์แห่งความเศร้านี้ ต้องไปนั่งชม นั่งเชียร์ นั่งเปย์ เสียเวลาทั้งวันทั้งคืน เป็นปีๆ เพียงเพื่อรับเศษความสนใจจากคนที่ไม่เคยรู้จัก เพราะคนที่เปย์ ก็จะได้รับเพียง "ขอบคุณค่า" ขอบคุณมั่กๆ ฉันรักคุณ มันก็แค่นี้จริงๆ ซึ่งตัวแสดงแบบนี้ หรือเหล่านี้ เค้าก็ไม่ได้รู้จักคนเปย์จริง ก็เป็นเพียงแค่เป็นงานที่สร้างรายได้ ก็อย่างที่ให้คำนิยามว่า "เป็นแค่ต่างด้าวมาหากินในไทย" แค่นั้นเอง บางที ก็หดหู่นะ แต่ก็ได้แค่รู้สึก เพราะสุดท้าย มันเป็นเงินเค้า เวลาของเค้า ชีวิตของเค้า ที่เค้าควักด้วยความเต็มใจ ถึงบางคนจะอิ๊บอ๋าย หมดเนื้อ หมดตัว มันก็เป็นความอิ๊บอ๋าย ที่อาบด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดั่งที่เราได้เห็นในภาพป้าๆที่ไปรอต้อนรับนั่นเอง #ก็แค่แอบสงสารคนไทยด้วยกัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 757 มุมมอง 1 รีวิว
  • #คนที่เราก็ขุดเค้ามาเกือบสองปี
    นาทีนี้ ก็ต้องมีของขวัญส่งให้กันบ้าง
    เป็นธรรมดา
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คนที่เราก็ขุดเค้ามาเกือบสองปี นาทีนี้ ก็ต้องมีของขวัญส่งให้กันบ้าง เป็นธรรมดา ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตานำฤกษ์ จบ 700,000
    เจ้าสัว จบ 1,500,000
    รูปไข่ จบ 10,010,000
    เสมา จบ 2,400,000

    ยอดถวายรวมยอดประมูลพระของขวัญ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นถวาย 34,610,000 บาท
    อนุโมทนาสาธุบุญใหญ่ร่วมกันครับ 🙏🙏🙏❤️🎁
    #ถวายงานโดยแมนชัยสมปรารถนา
    #Thaitime
    ปิดตานำฤกษ์ จบ 700,000 เจ้าสัว จบ 1,500,000 รูปไข่ จบ 10,010,000 เสมา จบ 2,400,000 ยอดถวายรวมยอดประมูลพระของขวัญ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นถวาย 34,610,000 บาท อนุโมทนาสาธุบุญใหญ่ร่วมกันครับ 🙏🙏🙏❤️🎁 #ถวายงานโดยแมนชัยสมปรารถนา #Thaitime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อิลสลิก” จัดให้ ของขวัญวันฮัลโลวีนแต่งเพลงให้ทนายความชื่อดังที่กำลังเป็นประเด็นเงิน 71 ล้าน หลังเคยมีประเด็นกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
    .
    จากกรณีก่อนหน้านี้ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง และทีมงานร้าน Subscribe พระราม 7 แถลงข่าวโต้กลับกรณีที่แร็ปเปอร์หนุ่ม Illslick (อิลสลิก) หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ ยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ต และพูดถึงร้านดังกล่าวในทางเสียหาย
    .
    ต่อมาทนายตั้มยังฟาดไม่หยุด เข้ามาคอมเมนต์ “จะเแต่งเพลงด่าผมไหม ผมสู้นะบอกก่อน" "ก่อนจะปวารณาตัวเองเป็นนักร้องอันดับหนึ่ง แต่งทำนองเพลงเองให้ได้ก่อนครับ อย่าไปยืมเพลงคนอื่นเขามาใช้เลย ร้อยล้านที่ภูมิใจ จากบีตเพลงชาวบ้าน มันไม่แหล่ม" ซึ่งยังแซะแร็ปเปอร์หนุ่มด้วยเนื้อเพลงว่า "u ma number one baby จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ และไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรักเธอตลอดไป ..มายลูกความ" รวมถึงยังบอก" เดี๋ยวไปดิสกันหน้าบัลลังก์นะครับ จะได้รู้ว่าผมก็ตัวจี๊ด"
    .
    ล่าสุด ”ทนายตั้ม“ โดนเฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ Sondhitalk เผยแพร่วิดีโอคลิป นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดคุยกับ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐินีเจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส ที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงจากการชักชวนให้ลงทุนธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ จำนวน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท ต่อจากเมื่อวานนี้ เป็นการเปิดใจคุณอ้อย แท้จริงเป็นอย่างไร กรณีนายษิทราออกมาประกาศว่าเงิน 71 ล้านบาทได้มาโดยเสน่หา ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. อิลสลิก แร็ปเปอร์ดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความ "The boogeyman is coming เดี๋ยวผมมีของขวัญวันฮัลโลวีนให้ 👑"

    ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยเพลงลงใน Reels ความยาวกว่า 1 นาที โดยมีภาพการ์ตูนหน้าคล้ายทนายความชื่อดัง ระบุ “หน้าไม่อาย ใครเขาอ้างเสน่หา”
    .
    ที่มาข่าว
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000105257
    .
    คลิป
    https://web.facebook.com/reel/3715704305408230
    .
    ข่าวตอนปี 65 😆😆😆
    https://www.facebook.com/share/p/XYNyLNrPFCxQBnnD/
    “อิลสลิก” จัดให้ ของขวัญวันฮัลโลวีนแต่งเพลงให้ทนายความชื่อดังที่กำลังเป็นประเด็นเงิน 71 ล้าน หลังเคยมีประเด็นกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว . จากกรณีก่อนหน้านี้ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง และทีมงานร้าน Subscribe พระราม 7 แถลงข่าวโต้กลับกรณีที่แร็ปเปอร์หนุ่ม Illslick (อิลสลิก) หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ ยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ต และพูดถึงร้านดังกล่าวในทางเสียหาย . ต่อมาทนายตั้มยังฟาดไม่หยุด เข้ามาคอมเมนต์ “จะเแต่งเพลงด่าผมไหม ผมสู้นะบอกก่อน" "ก่อนจะปวารณาตัวเองเป็นนักร้องอันดับหนึ่ง แต่งทำนองเพลงเองให้ได้ก่อนครับ อย่าไปยืมเพลงคนอื่นเขามาใช้เลย ร้อยล้านที่ภูมิใจ จากบีตเพลงชาวบ้าน มันไม่แหล่ม" ซึ่งยังแซะแร็ปเปอร์หนุ่มด้วยเนื้อเพลงว่า "u ma number one baby จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ และไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรักเธอตลอดไป ..มายลูกความ" รวมถึงยังบอก" เดี๋ยวไปดิสกันหน้าบัลลังก์นะครับ จะได้รู้ว่าผมก็ตัวจี๊ด" . ล่าสุด ”ทนายตั้ม“ โดนเฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ Sondhitalk เผยแพร่วิดีโอคลิป นายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดคุยกับ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐินีเจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส ที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงจากการชักชวนให้ลงทุนธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ จำนวน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท ต่อจากเมื่อวานนี้ เป็นการเปิดใจคุณอ้อย แท้จริงเป็นอย่างไร กรณีนายษิทราออกมาประกาศว่าเงิน 71 ล้านบาทได้มาโดยเสน่หา ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น . ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. อิลสลิก แร็ปเปอร์ดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความ "The boogeyman is coming เดี๋ยวผมมีของขวัญวันฮัลโลวีนให้ 👑" ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยเพลงลงใน Reels ความยาวกว่า 1 นาที โดยมีภาพการ์ตูนหน้าคล้ายทนายความชื่อดัง ระบุ “หน้าไม่อาย ใครเขาอ้างเสน่หา” . ที่มาข่าว https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000105257 . คลิป https://web.facebook.com/reel/3715704305408230 . ข่าวตอนปี 65 😆😆😆 https://www.facebook.com/share/p/XYNyLNrPFCxQBnnD/
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1237 มุมมอง 442 0 รีวิว
  • ฉันให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่สบายใจ
    เพราะฉันรู้ว่าความสัมพันธ์คือสิ่งที่มีค่า


    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    ฉันให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่สบายใจ เพราะฉันรู้ว่าความสัมพันธ์คือสิ่งที่มีค่า จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์
    คือการคาดหวังจากคนอื่น

    ฉันหยุดคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องเป็นอย่างไร
    เพราะฉันเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้

    ฉันเพียงยอมรับกับสิ่งที่คนอื่นเป็น
    หรือถ้ายอมรับไม่ได้ ก็แค่เอาตัวเองออกมา


    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์ คือการคาดหวังจากคนอื่น ฉันหยุดคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องเป็นอย่างไร เพราะฉันเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ ฉันเพียงยอมรับกับสิ่งที่คนอื่นเป็น หรือถ้ายอมรับไม่ได้ ก็แค่เอาตัวเองออกมา จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลืมใครบางคนไม่ได้
    แต่ทำไมลืมแปรงฟันได้?
    สำคัญกว่าตั้งเยอะ

    จากหนังสือ |เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    ลืมใครบางคนไม่ได้ แต่ทำไมลืมแปรงฟันได้? สำคัญกว่าตั้งเยอะ จากหนังสือ |เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีคำว่าสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับการดูแลตัวเอง
    ร่างกายเป็นสิ่งมีค่าเกินกว่าราคาสิ่งของใดๆ
    เราอยากสวย อยากหล่อ อยากสุขภาพดี
    เราอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด
    นั่นเพราะเราแคร์ตัวเราเอง ไม่ใช่เพราะแคร์คนอื่น

    จากหนังสือ |เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    ไม่มีคำว่าสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับการดูแลตัวเอง ร่างกายเป็นสิ่งมีค่าเกินกว่าราคาสิ่งของใดๆ เราอยากสวย อยากหล่อ อยากสุขภาพดี เราอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด นั่นเพราะเราแคร์ตัวเราเอง ไม่ใช่เพราะแคร์คนอื่น จากหนังสือ |เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้
    รู้แค่เรื่องที่เราอยากรู้จริงๆ
    กับเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ก็พอ

    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้ รู้แค่เรื่องที่เราอยากรู้จริงๆ กับเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ก็พอ จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรักตัวเอง"
    "ฉันจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความรักและความเชื่อมั่นในตัวเอง"

    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรักตัวเอง" "ฉันจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความรักและความเชื่อมั่นในตัวเอง" จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เคยเป็นเรื่องเสียเวลา
    ต่อให้เราจะล้มเหลว แต่ก็ทำให้ฉันรู้จักตัวเองดีขึ้น

    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เคยเป็นเรื่องเสียเวลา ต่อให้เราจะล้มเหลว แต่ก็ทำให้ฉันรู้จักตัวเองดีขึ้น จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉันซัพพอร์ตหัวใจตัวเองได้
    เพราะรู้ดีว่าฉันคู่ควรกับความสุข
    ฉันจะไม่ยอมให้อะไรหรือใครก็ตาม
    ทำให้ฉันลืมความจริงข้อนี้

    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    ฉันซัพพอร์ตหัวใจตัวเองได้ เพราะรู้ดีว่าฉันคู่ควรกับความสุข ฉันจะไม่ยอมให้อะไรหรือใครก็ตาม ทำให้ฉันลืมความจริงข้อนี้ จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อก่อนฉันคิดว่าการใส่ใจเป็นสิ่งที่สำคัญ
    แต่ในวันนี้ฉันเรียนรู้ว่า
    "การไม่ใส่ใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน"
    โดยเฉพาะการไม่ใส่ใจคำพูดแย่ๆ
    และทัศนคติด้านลบของคนอื่น

    จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    เมื่อก่อนฉันคิดว่าการใส่ใจเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ในวันนี้ฉันเรียนรู้ว่า "การไม่ใส่ใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน" โดยเฉพาะการไม่ใส่ใจคำพูดแย่ๆ และทัศนคติด้านลบของคนอื่น จากหนังสือ |ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ทุกวันคือของขวัญจากตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย


    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 80 ล้าน” 🏆

    💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class
    รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital
    ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา

    ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 80 ล้าน/ปี

    • ค่าห้อง 10,000 บาท/วัน

    • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD
    เบิกได้ตามจริง 80 ล้าน/ปี

    💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP
    บริการ Fast Track,
    ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ,
    ของขวัญเยี่ยมไข้

    🔰 ** ซื้อเพิ่มเติมได้
    ~ ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD
    เบิกได้ตามจริง 80 ล้าน/ปี

    ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 50,000 บาท/ปี

    ~ ฉีดวัคซีน 50,000 บาท/ปี

    ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 15,000 บาท/ปี

    ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง

    “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP”
    เฟียแนะนำเลยค่ะ
    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 80ล้าน
    First Class All Hospital

    ปรึกษาเฟีย ได้ที่
    Line: @fiamony
    ขอบคุณค่ะ
    “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 80 ล้าน” 🏆 💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 80 ล้าน/ปี • ค่าห้อง 10,000 บาท/วัน • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD เบิกได้ตามจริง 80 ล้าน/ปี 💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP บริการ Fast Track, ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ, ของขวัญเยี่ยมไข้ 🔰 ** ซื้อเพิ่มเติมได้ ~ ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD เบิกได้ตามจริง 80 ล้าน/ปี ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 50,000 บาท/ปี ~ ฉีดวัคซีน 50,000 บาท/ปี ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 15,000 บาท/ปี ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP” เฟียแนะนำเลยค่ะ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 80ล้าน First Class All Hospital ปรึกษาเฟีย ได้ที่ Line: @fiamony ขอบคุณค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าใครกำลังมองหาของขวัญอยู่‼️ Palmmo Watch งบตั้งแต่หลักพันขึ้นไป ให้เลือกมากกว่า 10,000 เรือน🥰
    Cr. ขอขอบคุณข้อมูลดีจาก palmmowatch
    ถ้าใครกำลังมองหาของขวัญอยู่‼️ Palmmo Watch งบตั้งแต่หลักพันขึ้นไป ให้เลือกมากกว่า 10,000 เรือน🥰 Cr. ขอขอบคุณข้อมูลดีจาก palmmowatch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน” 🏆

    💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class
    รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital
    ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา

    ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 100 ล้าน/ปี

    • ค่าห้อง 15,000 บาท/วัน

    • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD
    เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี

    • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD
    เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี

    💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP
    บริการ Fast Track,
    ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ,
    ของขวัญเยี่ยมไข้

    🔰 ** จุดเด่น
    ~ ค่าคลอดบุตร 400,000 บาท/ปี

    ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 100,000 บาท/ปี

    ~ สายตา+ตัดแว่น 15,000 บาท/ปี

    ~ ฉีดวัคซีน 80,000 บาท/ปี

    ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 20,000 บาท/ปี

    ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง

    “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP”
    เฟียแนะนำเลยค่ะ
    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน
    First Class All Hospital

    🏆 ปรึกษาเฟียได้ที่
    Line: @fiamony

    ขอบคุณค่ะ
    “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน” 🏆 💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 100 ล้าน/ปี • ค่าห้อง 15,000 บาท/วัน • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี 💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP บริการ Fast Track, ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ, ของขวัญเยี่ยมไข้ 🔰 ** จุดเด่น ~ ค่าคลอดบุตร 400,000 บาท/ปี ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 100,000 บาท/ปี ~ สายตา+ตัดแว่น 15,000 บาท/ปี ~ ฉีดวัคซีน 80,000 บาท/ปี ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 20,000 บาท/ปี ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP” เฟียแนะนำเลยค่ะ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน First Class All Hospital 🏆 ปรึกษาเฟียได้ที่ Line: @fiamony ขอบคุณค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กันต์ กันตถาวร” ยันเป็นผู้รับจ้างเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สินค้าทุกสินค้าของดิไอคอนฯ ได้รับรายได้เป็นรายเดือนไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขาย ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจออกนโยบาย ถูกเรียกว่าบอสเพื่อให้เกียรติ ข้อมูลในการทำสื่อ มีสคริปต์ - ไม่ได้คิดขึ้นเอง ยกเลิกสัญญา 5 ปีไปแล้ว แจง “บอสพอล” เปย์รถหรู เป็นของขวัญ เชื่อเป็นเพราะทำงานด้วยหัวใจ ไลฟ์บอกเป็นผู้บริหาร เพราะทำงานเต็มที่ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รออีกฝ่ายออกมาชี้แจง แต่ไม่เกิดขึ้น แนะนำเมียให้ทำอาชีพเสริมเพราะเชื่อว่าดี ทนายไม่สบายใจออกสื่อจะถูกออกหมายจับใน 48 ชม. ต้องเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097770

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “กันต์ กันตถาวร” ยันเป็นผู้รับจ้างเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สินค้าทุกสินค้าของดิไอคอนฯ ได้รับรายได้เป็นรายเดือนไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขาย ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจออกนโยบาย ถูกเรียกว่าบอสเพื่อให้เกียรติ ข้อมูลในการทำสื่อ มีสคริปต์ - ไม่ได้คิดขึ้นเอง ยกเลิกสัญญา 5 ปีไปแล้ว แจง “บอสพอล” เปย์รถหรู เป็นของขวัญ เชื่อเป็นเพราะทำงานด้วยหัวใจ ไลฟ์บอกเป็นผู้บริหาร เพราะทำงานเต็มที่ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รออีกฝ่ายออกมาชี้แจง แต่ไม่เกิดขึ้น แนะนำเมียให้ทำอาชีพเสริมเพราะเชื่อว่าดี ทนายไม่สบายใจออกสื่อจะถูกออกหมายจับใน 48 ชม. ต้องเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097770 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    Wow
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2050 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางครั้งคนเราไม่ได้ต้องการคำแนะนำ แต่แค่ต้องการคนรับฟัง / ฟังอย่างไม่ตัดสิน / 'ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะ...' คือประโยคที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ / โดยเฉพาะหากอีกฝ่ายไม่ได้ถาม / เราแค่คิดแทนคนอื่น / คิดว่าในสถานการณ์นั้น ถ้าเป็นฉัน ฉันทำได้ดีกว่าแน่ ๆ / เป็นอีกครั้งที่ความอวดดีครอบงำจิตใจ / ไม่มีใครเป็นใครได้เลย / ขออย่าได้บอกว่าความสำเร็จของคนนั้นคนนี้ ได้มาง่าย ๆ / ขออย่าได้บอกว่าปัญหาของคนนี้คนนั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย / เพราะเราไม่เห็นว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง กำลังเจออะไรอยู่ ต้องไปที่ไหนต่อ / เราไม่เห็น / ถึงเห็นก็อาจไม่เข้าใจ / หนักที่สุดคือรู้สึกผิด ยึดติดที่สุดคืออดีต สูงที่สุดคือคาดหวัง ลึกที่สุดคือความเศร้า / เราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเขาอีกฝ่ายอยู่ในความรู้สึกอันไหน / 'รับฟัง' คือของขวัญที่ควรมอบให้แก่กัน / อ่านทั้งหมดอีกครั้งอย่างช้า ๆ เพื่อเตือนตัวเอง.
    บางครั้งคนเราไม่ได้ต้องการคำแนะนำ แต่แค่ต้องการคนรับฟัง / ฟังอย่างไม่ตัดสิน / 'ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะ...' คือประโยคที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ / โดยเฉพาะหากอีกฝ่ายไม่ได้ถาม / เราแค่คิดแทนคนอื่น / คิดว่าในสถานการณ์นั้น ถ้าเป็นฉัน ฉันทำได้ดีกว่าแน่ ๆ / เป็นอีกครั้งที่ความอวดดีครอบงำจิตใจ / ไม่มีใครเป็นใครได้เลย / ขออย่าได้บอกว่าความสำเร็จของคนนั้นคนนี้ ได้มาง่าย ๆ / ขออย่าได้บอกว่าปัญหาของคนนี้คนนั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย / เพราะเราไม่เห็นว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง กำลังเจออะไรอยู่ ต้องไปที่ไหนต่อ / เราไม่เห็น / ถึงเห็นก็อาจไม่เข้าใจ / หนักที่สุดคือรู้สึกผิด ยึดติดที่สุดคืออดีต สูงที่สุดคือคาดหวัง ลึกที่สุดคือความเศร้า / เราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเขาอีกฝ่ายอยู่ในความรู้สึกอันไหน / 'รับฟัง' คือของขวัญที่ควรมอบให้แก่กัน / อ่านทั้งหมดอีกครั้งอย่างช้า ๆ เพื่อเตือนตัวเอง.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน” 🏆

    💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class
    รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital
    ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา

    ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 100 ล้าน/ปี

    • ค่าห้อง 15,000 บาท/วัน

    • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD
    เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี

    • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD
    เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี

    💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP
    บริการ Fast Track,
    ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ,
    ของขวัญเยี่ยมไข้

    🔰 ** จุดเด่น
    ~ ค่าคลอดบุตร 400,000 บาท/ปี

    ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 100,000 บาท/ปี

    ~ สายตา+ตัดแว่น 15,000 บาท/ปี

    ~ ฉีดวัคซีน 80,000 บาท/ปี

    ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 20,000 บาท/ปี

    ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง

    “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP”
    เฟียแนะนำเลยค่ะ
    ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน
    First Class All Hospital
    “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน” 🏆 💎 ประกันสุขภาพระดับ First Class รักษาได้ทุกโรงพยาบาล All Hospital ครบ จบ ครอบคลุมทุกการรักษา ✅ มีวงเงินค่ารักษาทุกโรค 100 ล้าน/ปี • ค่าห้อง 15,000 บาท/วัน • ค่ารักษาผู้ป่วยใน IPD เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD เบิกได้ตามจริง 100 ล้าน/ปี 💠 * สิทธิพิเศษระดับVIP บริการ Fast Track, ห้องรับรองพิเศษ,พื้นที่จอดรถ, ของขวัญเยี่ยมไข้ 🔰 ** จุดเด่น ~ ค่าคลอดบุตร 400,000 บาท/ปี ~ ทำฟัน+รากฟันเทียม 100,000 บาท/ปี ~ สายตา+ตัดแว่น 15,000 บาท/ปี ~ ฉีดวัคซีน 80,000 บาท/ปี ~ ตรวจสุขภาพประจำปี 20,000 บาท/ปี ~ คีโม ฉายแสง ล้างไต เบิกได้ตามจริง “ซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีระดับVIP” เฟียแนะนำเลยค่ะ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย 100ล้าน First Class All Hospital
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1614 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts