• "ตอนแรกเครื่องซักผ้า ครั้งนี้เกมเพลย์"

    สหภาพยุโรปเสนอให้ห้ามจำหน่ายอุปกรณ์วิดีโอเกมให้กับรัสเซียเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังติดอาวุธของประเทศใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อควบคุมโดรนที่ส่งไปยังยูเครน

    Kaja Kallas หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าวว่าคอนโซล ซึ่งอาจรวมถึง PlayStation ของ Sony และ Xbox ของ Microsoft จะถูกรวมอยู่ในมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปีของปฏิบัติการทางทหารพิเศษของกองกำลังติดอาวุธรัสเซียในอดีตยูเครน
    "ตอนแรกเครื่องซักผ้า ครั้งนี้เกมเพลย์" สหภาพยุโรปเสนอให้ห้ามจำหน่ายอุปกรณ์วิดีโอเกมให้กับรัสเซียเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังติดอาวุธของประเทศใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อควบคุมโดรนที่ส่งไปยังยูเครน Kaja Kallas หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าวว่าคอนโซล ซึ่งอาจรวมถึง PlayStation ของ Sony และ Xbox ของ Microsoft จะถูกรวมอยู่ในมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปีของปฏิบัติการทางทหารพิเศษของกองกำลังติดอาวุธรัสเซียในอดีตยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป
    .
    ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี
    .
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
    .
    เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA
    .
    นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
    .
    16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
    .
    ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
    .
    ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
    .
    จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง
    .
    ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า
    .
    ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
    .
    แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป . ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี . ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้ . เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA . นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา . 16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด . ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง . ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้ . จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง . ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า . ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น . แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1076 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด

    เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง
    ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

    "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง
    กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง

    ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น

    เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
    เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น

    การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ

    ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง
    ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา
    - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ
    - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง
    - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง
    - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ
    - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน

    แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง

    แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ
    รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน

    ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา
    ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน

    บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย
    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก

    จุดยืนของประเทศไทย
    การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน

    ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่
    การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา

    25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต
    เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568

    #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก จุดยืนของประเทศไทย การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา 25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568 #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    3/ วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    2/ วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • 1/
    วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    1/ วันนี้กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ครั้ง บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Lukyanovskaya ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน "ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวของกองกำลังติดอาวุธของยูเครนและหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน" ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ระบบน้ำประปาใช้ไม่ได้ รวมทั้งท่อส่งน้ำประปาได้รับความเสียหายจนเกิดน้ำท่วมใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำซีเรียชุดใหม่มีคำสั่งแต่งตั้งนักรบต่างชาติบางส่วน ซึ่งรวมถึงชาวอุยกูร์ ชาวจอร์แดน และชาวเติร์ก เข้าร่วมในกองกำลังติดอาวุธของประเทศ เพื่อจัดตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธอาชีพขึ้นใหม่อีกครั้ง
    -รอยเตอร์รายงาน

    การมอบหมายตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ ให้กับนักรบญิฮาดหลายคน กำลังทำให้รัฐบาลต่างประเทศและประชาชนซีเรียบางส่วนเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับเป้าหมายของรัฐบาลชุดใหม่ แม้ว่าผู้นำใหม่ของซีเรียจะให้คำมั่นว่า จะไม่ส่งกองกำลังเหล่านี้ไปภูมิภาคอื่นนอกประเทศ และจะปกครองซีเรียด้วยความอดกลั้นต่อกลุ่มชนกลุ่มน้อยจำนวนมากในซีเรียก็ตาม
    ผู้นำซีเรียชุดใหม่มีคำสั่งแต่งตั้งนักรบต่างชาติบางส่วน ซึ่งรวมถึงชาวอุยกูร์ ชาวจอร์แดน และชาวเติร์ก เข้าร่วมในกองกำลังติดอาวุธของประเทศ เพื่อจัดตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธอาชีพขึ้นใหม่อีกครั้ง -รอยเตอร์รายงาน การมอบหมายตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ ให้กับนักรบญิฮาดหลายคน กำลังทำให้รัฐบาลต่างประเทศและประชาชนซีเรียบางส่วนเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับเป้าหมายของรัฐบาลชุดใหม่ แม้ว่าผู้นำใหม่ของซีเรียจะให้คำมั่นว่า จะไม่ส่งกองกำลังเหล่านี้ไปภูมิภาคอื่นนอกประเทศ และจะปกครองซีเรียด้วยความอดกลั้นต่อกลุ่มชนกลุ่มน้อยจำนวนมากในซีเรียก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการสูญเสียครั้งใหญ่ของยูเครนในภูมิภาคซูมี

    ผลของการโจมตีด้วย Iskander-M ไปที่เป้าหมายกองพลที่ 82 ของกองทัพยูเครน ทำให้สูญเสียรถบรรทุก 24 คัน รถหุ้มเกราะ 18 คัน และกองกำลังติดอาวุธยูเครนกว่า 200 นาย ใกล้เมืองYunakivka ภูมิภาค Sumy

    จากแหล่งข่าวทางทหาร กองกำลังยูเครนได้กักตุนกำลังพลและยานพาหนะไว้ใต้ต้นไม้เพื่อเตรียมโจมตีอย่างลับๆ ที่ชายแดน โดยตำแหน่งดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย
    ภาพการสูญเสียครั้งใหญ่ของยูเครนในภูมิภาคซูมี ผลของการโจมตีด้วย Iskander-M ไปที่เป้าหมายกองพลที่ 82 ของกองทัพยูเครน ทำให้สูญเสียรถบรรทุก 24 คัน รถหุ้มเกราะ 18 คัน และกองกำลังติดอาวุธยูเครนกว่า 200 นาย ใกล้เมืองYunakivka ภูมิภาค Sumy จากแหล่งข่าวทางทหาร กองกำลังยูเครนได้กักตุนกำลังพลและยานพาหนะไว้ใต้ต้นไม้เพื่อเตรียมโจมตีอย่างลับๆ ที่ชายแดน โดยตำแหน่งดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้ามืดวันนี้กองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทั่วภูมิภาคของยูเครนอีกครั้งด้วยอาวุธที่หลากหลาย

    ในการโจมตีมีรายงานการใช้ขีปนาวุธ Iskanders, Kh-22/32, Kh-69 และ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal ถูกนำมาใช้

    - ตามรายงานของสื่อใต้ดินในยูเครนที่เข้าข้างรัสเซีย รายงานว่ามีการโจมตีโรงงานในภูมิภาค Pavlograd ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบขีปนาวุธและฝึกกองกำลังติดอาวุธของยูเครนให้ใช้ยุทโธปกรณ์ของนาโต้

    - มีการโจมตีฐานทัพทหารในเขต Akhtynsky ภูมิภาค Sumy ซึ่งกองกำลังติดอาวุธยูเครนกำลังจัดหน่วยใหม่ที่นี่

    - มีการโจมตีหลายครั้งในบริเวณสถานีรถไฟในภูมิภาค Kremenchug จากรายงานข่าวกรองระบุว่ามีการลักลอบประกอบโดรนที่นี่

    - เป้าหมายในเขต Vasilkov ในเมืองเคียฟ ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ Kh-69 และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal ยังไม่มีรายงานว่าเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับอะไรของยูเครน

    - มีรายงานการโจมตีครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธ X-22(Kh-22) ในภูมิภาค Chernihiv และ Sumy

    - วิดีโอพลเมืองในเคียฟต้องใช้ชีวิตหลบภัยในสถานีรถไฟใต้ดิน
    เช้ามืดวันนี้กองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทั่วภูมิภาคของยูเครนอีกครั้งด้วยอาวุธที่หลากหลาย ในการโจมตีมีรายงานการใช้ขีปนาวุธ Iskanders, Kh-22/32, Kh-69 และ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal ถูกนำมาใช้ - ตามรายงานของสื่อใต้ดินในยูเครนที่เข้าข้างรัสเซีย รายงานว่ามีการโจมตีโรงงานในภูมิภาค Pavlograd ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบขีปนาวุธและฝึกกองกำลังติดอาวุธของยูเครนให้ใช้ยุทโธปกรณ์ของนาโต้ - มีการโจมตีฐานทัพทหารในเขต Akhtynsky ภูมิภาค Sumy ซึ่งกองกำลังติดอาวุธยูเครนกำลังจัดหน่วยใหม่ที่นี่ - มีการโจมตีหลายครั้งในบริเวณสถานีรถไฟในภูมิภาค Kremenchug จากรายงานข่าวกรองระบุว่ามีการลักลอบประกอบโดรนที่นี่ - เป้าหมายในเขต Vasilkov ในเมืองเคียฟ ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ Kh-69 และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal ยังไม่มีรายงานว่าเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับอะไรของยูเครน - มีรายงานการโจมตีครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธ X-22(Kh-22) ในภูมิภาค Chernihiv และ Sumy - วิดีโอพลเมืองในเคียฟต้องใช้ชีวิตหลบภัยในสถานีรถไฟใต้ดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 🧵(๑/๓) กลุ่มฮูตีอ้างว่าสามารถเปิดโปงเครือข่ายสายลับของซีไอเอและมอสสาดในเยเมนได้

    กลุ่มอันซาร์ อัลลาห์ในเยเมน, หรือที่เรียกอีกอย่างว่ากลุ่มฮูตี, อ้างว่าสามารถเปิดโปงเครือข่ายสายลับที่ทำงานให้กับมอสสาดและซีไอเอได้
    .
    (๒/๓) กลุ่มดังกล่าวกล่าวว่า สายลับได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานที่ทางทหารและรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มฮูตี และบุคคลที่สหรัฐฯ และอิสราเอล ต้องการตัวในเยเมน
    .
    (๓/๓) เครือข่ายดังกล่าวปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๐๒๓, โดยพยายามคัดเลือกคนในพื้นที่เพื่อขัดขวางการปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธเยเมนที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกำหนดเป้าหมายเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ
    .
    🧵(1/3) HOUTHIS CLAIM TO UNCOVER CIA AND MOSSAD SPY RING IN YEMEN

    Yemen's Ansar Allah movement, also known as the Houthis, claims to have uncovered a spy network working for the Mossad and the CIA.
    .
    (2/3) The group said the spies were tasked with monitoring military sites and gathering intelligence on Houthi leaders and US- and Israel-wanted individuals in Yemen.
    .
    (3/3) The network has allegedly operated since October 7, 2023, attempting to recruit locals to hinder Yemeni armed forces operations supporting Hamas in Gaza and targeting international shipping routes.
    .
    1:06 AM · Dec 26, 2024 · 6,018 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1871980935253827819
    🧵(๑/๓) กลุ่มฮูตีอ้างว่าสามารถเปิดโปงเครือข่ายสายลับของซีไอเอและมอสสาดในเยเมนได้ กลุ่มอันซาร์ อัลลาห์ในเยเมน, หรือที่เรียกอีกอย่างว่ากลุ่มฮูตี, อ้างว่าสามารถเปิดโปงเครือข่ายสายลับที่ทำงานให้กับมอสสาดและซีไอเอได้ . (๒/๓) กลุ่มดังกล่าวกล่าวว่า สายลับได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานที่ทางทหารและรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มฮูตี และบุคคลที่สหรัฐฯ และอิสราเอล ต้องการตัวในเยเมน . (๓/๓) เครือข่ายดังกล่าวปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๐๒๓, โดยพยายามคัดเลือกคนในพื้นที่เพื่อขัดขวางการปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธเยเมนที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกำหนดเป้าหมายเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ . 🧵(1/3) HOUTHIS CLAIM TO UNCOVER CIA AND MOSSAD SPY RING IN YEMEN Yemen's Ansar Allah movement, also known as the Houthis, claims to have uncovered a spy network working for the Mossad and the CIA. . (2/3) The group said the spies were tasked with monitoring military sites and gathering intelligence on Houthi leaders and US- and Israel-wanted individuals in Yemen. . (3/3) The network has allegedly operated since October 7, 2023, attempting to recruit locals to hinder Yemeni armed forces operations supporting Hamas in Gaza and targeting international shipping routes. . 1:06 AM · Dec 26, 2024 · 6,018 Views https://x.com/SputnikInt/status/1871980935253827819
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตุรกีเตรียมนำระบบป้องกันภัยทางอากาศไปประจำการในซีเรียหลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะเริ่มฝึกฝนให้กับกองกำลังติดอาวุธซีเรียชุดใหม่

    ตุรกีจะรับประกันว่า อิสราเอลจะต้องคิดหนักมากขึ้น หากจะโจมตีทางอากาศใส่ซีเรียในอนาคต
    ตุรกีเตรียมนำระบบป้องกันภัยทางอากาศไปประจำการในซีเรียหลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะเริ่มฝึกฝนให้กับกองกำลังติดอาวุธซีเรียชุดใหม่ ตุรกีจะรับประกันว่า อิสราเอลจะต้องคิดหนักมากขึ้น หากจะโจมตีทางอากาศใส่ซีเรียในอนาคต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี กล่าวระหว่างเยือนดามัสกัสว่า ตุรกีจะ "จัดตั้งฐานทัพขนาดใหญ่สองแห่งในบริเวณใกล้เคียงเมืองโฮมส์ พร้อมติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ"

    ฟิดาน เน้นย้ำถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็น “ขั้นตอนเชิงป้องกันการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล”

    คาดว่ากองกำลังติดอาวุธของตุรกีจะถอนกำลังออกจากอิดลิบ และย้ายมาประจำการในโฮมส์แทน
    ฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี กล่าวระหว่างเยือนดามัสกัสว่า ตุรกีจะ "จัดตั้งฐานทัพขนาดใหญ่สองแห่งในบริเวณใกล้เคียงเมืองโฮมส์ พร้อมติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ" ฟิดาน เน้นย้ำถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็น “ขั้นตอนเชิงป้องกันการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล” คาดว่ากองกำลังติดอาวุธของตุรกีจะถอนกำลังออกจากอิดลิบ และย้ายมาประจำการในโฮมส์แทน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักข่าวจาก TASS ถามปธน.ปูติน เกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ว่าอยู่ใกล้ชัยชนะหรือยัง คาดหวังความคืบหน้าไว้ขนาดไหน

    ประธานาธิบดีปูตินไม่ตอบโดยตรง แต่ประกาศยังยึดมั่นเป้าหมายเดิมของปฏิบัติการพิเศษทางทหาร นั่นหมายถึงต้องปลดปล่อยดินแดนทั้งสี่ภูมิภาค

    “ผมมีคำถามประเภทนี้อยู่ตลอดเวลา ผมขอบอกแบบนี้ว่า สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การเคลื่อนไหวกำลังดำเนินไปตลอดแนวหน้า ทุกวันนักรบของเรากำลังยึดคืนพื้นที่ได้เป็นตารางกิโลเมตร

    เรากำลังมุ่งหน้าสู่การแก้ปัญหาภารกิจหลักของเรา ซึ่งเราได้กำหนดไว้ในช่วงเริ่มต้นของปฏิบัติการพิเศษทางทหาร พวกเขากำลังดำเนินการอย่างกล้าหาญ ขีดความสามารถของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซียกำลังเติบโตขึ้น

    ขณะนี้มีการสู้รบเกิดขึ้น ขอให้พวกเขาโชคดี มีชัยชนะ และกลับบ้านกันทุกคน”
    นักข่าวจาก TASS ถามปธน.ปูติน เกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ว่าอยู่ใกล้ชัยชนะหรือยัง คาดหวังความคืบหน้าไว้ขนาดไหน ประธานาธิบดีปูตินไม่ตอบโดยตรง แต่ประกาศยังยึดมั่นเป้าหมายเดิมของปฏิบัติการพิเศษทางทหาร นั่นหมายถึงต้องปลดปล่อยดินแดนทั้งสี่ภูมิภาค “ผมมีคำถามประเภทนี้อยู่ตลอดเวลา ผมขอบอกแบบนี้ว่า สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การเคลื่อนไหวกำลังดำเนินไปตลอดแนวหน้า ทุกวันนักรบของเรากำลังยึดคืนพื้นที่ได้เป็นตารางกิโลเมตร เรากำลังมุ่งหน้าสู่การแก้ปัญหาภารกิจหลักของเรา ซึ่งเราได้กำหนดไว้ในช่วงเริ่มต้นของปฏิบัติการพิเศษทางทหาร พวกเขากำลังดำเนินการอย่างกล้าหาญ ขีดความสามารถของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซียกำลังเติบโตขึ้น ขณะนี้มีการสู้รบเกิดขึ้น ขอให้พวกเขาโชคดี มีชัยชนะ และกลับบ้านกันทุกคน”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" เป็นเพียงเครื่องมือที่เอาไว้ลงโทษผู้ไม่ยอมสยบแทบเท้า

    ฝรั่งเศสเป็นอีกหนึ่งประเทศในยุโรป ที่ประกาศว่าจะติดต่อไปยังรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ที่นำโดย "กลุ่มก่อการร้าย HTS" โดยจะส่งคณะผู้แทนทางการทูตไปยังกรุงดามัสกัสในสัปดาห์นี้

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าว

    - โดยรวมแล้วขณะนี้ประกอบไปด้วย สหรัฐอมเริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส "กลุ่มประเทศอดีตนักล่าทรัพยากรธรรมชาติ" ที่มีความประสงค์จะติดต่อกับรัฐบาลใหม่ซีเรีย ซึ่งปกครองโดยกลุ่มก่อร้ายที่ใช้กองกำลังติดอาวุธโค่นล้มอัสซาดอดีตประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
    คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" เป็นเพียงเครื่องมือที่เอาไว้ลงโทษผู้ไม่ยอมสยบแทบเท้า ฝรั่งเศสเป็นอีกหนึ่งประเทศในยุโรป ที่ประกาศว่าจะติดต่อไปยังรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ที่นำโดย "กลุ่มก่อการร้าย HTS" โดยจะส่งคณะผู้แทนทางการทูตไปยังกรุงดามัสกัสในสัปดาห์นี้ ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าว - โดยรวมแล้วขณะนี้ประกอบไปด้วย สหรัฐอมเริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส "กลุ่มประเทศอดีตนักล่าทรัพยากรธรรมชาติ" ที่มีความประสงค์จะติดต่อกับรัฐบาลใหม่ซีเรีย ซึ่งปกครองโดยกลุ่มก่อร้ายที่ใช้กองกำลังติดอาวุธโค่นล้มอัสซาดอดีตประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำซีเรียยืนยันไม่คิดจะต่อกรกับอิสราเอล!
    โจลานี ผู้นำซีเรียคนใหม่ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียมาก่อน:

    “ซีเรียจะไม่ทำสงครามครั้งใหม่กับอิสราเอล ประเทศนี้ยังไม่พร้อมสำหรับสงครามครั้งต่อไป ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของเราคือกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรีย”

    มีรายงานว่าคำกล่าวของโจลานี มีขึ้นหลังจากเนทันยาฮู ประกาศข่มขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่า (วิดีโอ2) "หากรัฐบาลใหม่ซีเรียยอมให้อิหร่านฟื้นฟูตัวเอง หรือยอมให้โอนอาวุธของอิหร่านให้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จะทำลายซีเรียให้ย่อยยับ!"

    สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้นำ HTS รับทราบและพร้อมปฏิบัติตามที่อิสราเอลสั่ง!

    คำพูดของโจลานีส่งสัญญาณ "จูบรองเท้าอิสราเอล" มาตั้งแต่ยึดดามัสกัสได้ในช่วงวันแรกๆ โดยเขากล่าวในมัสยิดอุมัยยาด ซึ่งเอาแต่พูดถึงภัยคุกคามจากอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ ไม่เคยพูดถึงภัยจากอิสราเอลเลย ทั้งที่ในเวลาต่อมาอิสราเอลเป็นประเทศเดียวที่โจมตีซีเรียมากกว่า 350 ครั้ง ภายในเวลาไม่กี่วันเพื่อถล่มโครงสร้างทางทหารของซีเรียให้พังย่อยยับ และยังบุกยึดดินแดนของซีเรียอีก
    ผู้นำซีเรียยืนยันไม่คิดจะต่อกรกับอิสราเอล! โจลานี ผู้นำซีเรียคนใหม่ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียมาก่อน: “ซีเรียจะไม่ทำสงครามครั้งใหม่กับอิสราเอล ประเทศนี้ยังไม่พร้อมสำหรับสงครามครั้งต่อไป ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของเราคือกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรีย” มีรายงานว่าคำกล่าวของโจลานี มีขึ้นหลังจากเนทันยาฮู ประกาศข่มขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่า (วิดีโอ2) "หากรัฐบาลใหม่ซีเรียยอมให้อิหร่านฟื้นฟูตัวเอง หรือยอมให้โอนอาวุธของอิหร่านให้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จะทำลายซีเรียให้ย่อยยับ!" สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้นำ HTS รับทราบและพร้อมปฏิบัติตามที่อิสราเอลสั่ง! คำพูดของโจลานีส่งสัญญาณ "จูบรองเท้าอิสราเอล" มาตั้งแต่ยึดดามัสกัสได้ในช่วงวันแรกๆ โดยเขากล่าวในมัสยิดอุมัยยาด ซึ่งเอาแต่พูดถึงภัยคุกคามจากอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ ไม่เคยพูดถึงภัยจากอิสราเอลเลย ทั้งที่ในเวลาต่อมาอิสราเอลเป็นประเทศเดียวที่โจมตีซีเรียมากกว่า 350 ครั้ง ภายในเวลาไม่กี่วันเพื่อถล่มโครงสร้างทางทหารของซีเรียให้พังย่อยยับ และยังบุกยึดดินแดนของซีเรียอีก
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่อีกครั้งในซีเรีย ขณะนี้ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. แล้ว

    หลังจากอิสราเอลทำลายสนามบินทหารซีเรียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียจนหมดสิ้น ขณะนี้กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและแทรกซึมเข้าไปถึงเขตชนบทชานเมืองของกรุงดามัสกัส โดยไม่มีการต่อต้านใดๆจากกองกำลังติดอาวุธในซีเรีย ซึ่งกองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและยึดเมืองและนิคมหลายแห่งในซีเรีย รวมทั้ง Beit Tema, Heeneh, Erneh และ Beqassem ล่าสุดขณะนี้กองกำลังอิสราเอลอยู่ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. เท่านั้น
    กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่อีกครั้งในซีเรีย ขณะนี้ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. แล้ว หลังจากอิสราเอลทำลายสนามบินทหารซีเรียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียจนหมดสิ้น ขณะนี้กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและแทรกซึมเข้าไปถึงเขตชนบทชานเมืองของกรุงดามัสกัส โดยไม่มีการต่อต้านใดๆจากกองกำลังติดอาวุธในซีเรีย ซึ่งกองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและยึดเมืองและนิคมหลายแห่งในซีเรีย รวมทั้ง Beit Tema, Heeneh, Erneh และ Beqassem ล่าสุดขณะนี้กองกำลังอิสราเอลอยู่ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. เท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีเรียยังคงถูกรุมกัดกินดินแดนจากพวกอ้างประชาธิปไตย ทั้งอิสราเอล ตุรกี สหรัฐอเมริกา

    แต่ประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเช่น อิรัก ไม่เคยคิดแย่งชิงดินแดนของเพื่อนบ้านที่กำลังอ่อนแอ ล่าสุดเปิดพรมแดนให้ชาวซีเรียที่หนีภัยสงครามกลางเมืองเข้าไปพักพิงได้ชั่วคราว ขณะเดียวกันก็อนุญาตขบวนรถความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากอิหร่านผ่านเข้าไปในเขตชายแดนของซีเรียด้วยเช่นกัน

    สำหรับสถานการณ์ทางตะวันออกของซีเรียในทิศทาง Deir Ezzor หลังจากกองทัพซีเรียหมดอำนาจลง ขณะนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวายกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่มต่างแย่งชิงอำนาจปกครองพื้นที่กัน:
    มีการต่อสู้เพื่อต่อต้านอิทธิพลของกองกำลัง SDF ที่ยึดอำนาจการครอบครองมาจากอดีตกองทัพซีเรีย (SAA) การจลาจลได้แพร่กระจายไปตลอดริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อต้องให้กองกำลัง SDF ถอนกำลังออกจากภูมิภาค

    ในหลายพื้นที่ กลุ่มติดอาวุธ SNA และกลุ่มกบฏ ISIS เข้ามามีบทบาทร่วมในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนแถบนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้ปะทะกับกองกำลัง SDF ที่ยังคงควบคุมพื้นที่อยู่

    จนถึงขณะนี้การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธยังคงดำเนินต่อไป
    ซีเรียยังคงถูกรุมกัดกินดินแดนจากพวกอ้างประชาธิปไตย ทั้งอิสราเอล ตุรกี สหรัฐอเมริกา แต่ประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเช่น อิรัก ไม่เคยคิดแย่งชิงดินแดนของเพื่อนบ้านที่กำลังอ่อนแอ ล่าสุดเปิดพรมแดนให้ชาวซีเรียที่หนีภัยสงครามกลางเมืองเข้าไปพักพิงได้ชั่วคราว ขณะเดียวกันก็อนุญาตขบวนรถความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากอิหร่านผ่านเข้าไปในเขตชายแดนของซีเรียด้วยเช่นกัน สำหรับสถานการณ์ทางตะวันออกของซีเรียในทิศทาง Deir Ezzor หลังจากกองทัพซีเรียหมดอำนาจลง ขณะนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวายกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่มต่างแย่งชิงอำนาจปกครองพื้นที่กัน: มีการต่อสู้เพื่อต่อต้านอิทธิพลของกองกำลัง SDF ที่ยึดอำนาจการครอบครองมาจากอดีตกองทัพซีเรีย (SAA) การจลาจลได้แพร่กระจายไปตลอดริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อต้องให้กองกำลัง SDF ถอนกำลังออกจากภูมิภาค ในหลายพื้นที่ กลุ่มติดอาวุธ SNA และกลุ่มกบฏ ISIS เข้ามามีบทบาทร่วมในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนแถบนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้ปะทะกับกองกำลัง SDF ที่ยังคงควบคุมพื้นที่อยู่ จนถึงขณะนี้การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธยังคงดำเนินต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇸🇾 กองกำลังติดอาวุธซีเรียสั่งอพยพกองบัญชาการกองทัพบกและศูนย์บัญชาการกองทัพอากาศในกรุงดามัสกัส
    .
    JUST IN: 🇸🇾 Syrian armed forces order the evacuation of the General Staff headquarters and Air Force command center in Damascus.
    .
    11:08 PM · Dec 7, 2024 · 162K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1865428106841833737
    🇸🇾 กองกำลังติดอาวุธซีเรียสั่งอพยพกองบัญชาการกองทัพบกและศูนย์บัญชาการกองทัพอากาศในกรุงดามัสกัส . JUST IN: 🇸🇾 Syrian armed forces order the evacuation of the General Staff headquarters and Air Force command center in Damascus. . 11:08 PM · Dec 7, 2024 · 162K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1865428106841833737
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระหว่างรอข่าวความคืบหน้าในซีเรีย ผมกลับไปนึกทบทวนเหตุการณ์ ตอนที่รัสเซียเข้าแทรกแซงสงครามซีเรียเมื่อ ค.ศ. 2015 เห็นข้อสังเกตน่าสนใจอย่างหนึ่ง ถ้าใครติดตามเหตุการณ์ในซีเรียมาแต่ต้น น่าจะจำได้ว่าหน่วยทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงนั้น มักจะเป็นหน่วยที่มี "ชื่อแปลก" เช่น หน่วย Tiger Forces หน่วย Desert Hawks หน่วย Liwa al-Quds เป็นต้นสาเหตุที่ชื่อหน่วยทหารซีเรียเหล่านี้แหวกแนวกว่าชื่อหน่วยทหารปกติ ที่จะระบุแค่ขนาดของหน่วย เหล่าทหาร และลำดับที่ ก็เพราะความจริงหน่วยทหารชื่อแปลก ๆ เหล่านี้ไม่ใช่หน่วยทหารปกติดั้งเดิมของกองทัพซีเรีย แต่เป็นกำลังกึ่งทหาร (Paramilitary) หรือกลุ่มติดอาวุธ (Militia) ที่ขุนศึกหรืออดีตทหารผ่านศึกฝ่ายรัฐบาลซีเรียจัดตั้งกันขึ้นมาเองแบบเฉพาะกิจในช่วงสงครามกลางเมืองนั่นเอง เช่น กำลังพลของหน่วย Liwa al-Quds ตอนจัดตั้งใหม่ ก็รวบรวมมาจากผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในซีเรีย ทีนี้ในช่วงแรก ๆ ที่มีการตั้งหน่วยเหล่านี้ขึ้นมา ก็อาจไม่มียุทโธปกรณ์สมบูรณ์มากนัก เพราะเป็นเพียงกำลังกึ่งทหาร แต่สิ่งที่หน่วยเหล่านี้มีเหนือกว่าหน่วยทหารปกติ คือกำลังพลเป็นอาสาสมัคร ไม่ใช่ทหารเกณฑ์ มีขวัญกำลังใจดี นอกจากนี้กำลังพลจำนวนมากยังเป็นทหารผ่านศึก มีประสบการณ์รบมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไปกำลังกึ่งทหารเหล่านี้กลับกลายเป็นหัวหอกของกองทัพรัฐบาลซีเรีย ร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เช่น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์และทหารรับจ้างวากเนอร์ ในการยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มกบฏและกลุ่ม IS เวลารัสเซียส่งยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่มาให้ เช่น รถถัง T-90A กำลังกึ่งทหารของซีเรียเหล่านี้ก็จะเป็นหน่วยแรก ๆ ที่ได้รับอาวุธใหม่ ๆ ดังกล่าวไปใช้งานทีนี้ปัญหาคือแม้หน่วยเหล่านี้จะมีประโยชน์มากในช่วงสงครามกลางเมือง ที่การสู้รบชุลมุนวุ่นวายไปหมด แต่เมื่อรัฐบาลซีเรียยึดพื้นที่คืนได้มากขึ้น สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลซีเรียก็จำเป็นต้องรวมศูนย์อำนาจกลับมาที่กรุงดามัสกัส จะปล่อยให้ขุนศึกแต่ละคนมีกองกำลังติดอาวุธส่วนตัว แสวงหาผลประโยชน์โดยพลการไม่ได้ กำลังกึ่งทหารที่เคยเป็นหัวหอกของกองทัพรัฐบาลซีเรียในการยึดพื้นที่คืน บางหน่วยจึงถูกยุบไป เช่น หน่วย Desert Hawks เป็นต้น ส่วนที่เหลือ เช่น หน่วย Tiger Forces ก็รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพซีเรียอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลาผ่านไป กำลังพลที่เป็นอาสาสมัครและทหารผ่านศึกจำนวนมาก ก็ถูกปลดประจำการไป แทนที่ด้วยทหารเกณฑ์ เหมือนหน่วยทหารปกติของกองทัพซีเรียช่วงก่อนเกิดสงครามกลางเมืองผมเชื่อว่านี่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไม กองทัพรัฐบาลซีเรียในปัจจุบันจึงทำการรบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่สามารถต่อต้านการรุกของกลุ่มกบฏได้ ทั้งที่ได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากรัสเซีย เพราะนอกจากจะขาดการช่วยเหลือทางภาคพื้นดินจากพันธมิตรเดิม เช่น เฮซบอลเลาะห์ ทหารรับจ้างวากเนอร์ เป็นต้น แล้ว กำลังกึ่งทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่มีประสบการณ์และขวัญกำลังใจดี เคยเป็นหัวหอกของกองทัพซีเรียมาก่อน ยังหายไปด้วย กลายเป็นหน่วยทหารปกติที่กำลังพลส่วนใหญ่มีแต่ทหารเกณฑ์ที่ขาดประสบการณ์และขวัญกำลังใจต่ำ แม้ปัจจุบันรัสเซียจะยังสู้รบติดพันในยูเครนอยู่ ยังไม่สามารถส่งยุทโธปกรณ์มาสนับสนุนซีเรียได้เต็มที่ แต่ก่อนหน้านี้รัสเซียก็ได้เสริมกำลังอาวุธจำนวนมากให้ซีเรียแล้ว เช่น รถถัง T-90A ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 เป็นต้น ปัญหาของกองทัพซีเรียตอนนี้ไม่ใช่การขาดแคลนอาวุธ แต่เป็นการขาดแคลนกำลังพลที่มีประสบการณ์และขวัญกำลังใจดีมากกว่าครับสวัสดี06.12.2024
    ระหว่างรอข่าวความคืบหน้าในซีเรีย ผมกลับไปนึกทบทวนเหตุการณ์ ตอนที่รัสเซียเข้าแทรกแซงสงครามซีเรียเมื่อ ค.ศ. 2015 เห็นข้อสังเกตน่าสนใจอย่างหนึ่ง ถ้าใครติดตามเหตุการณ์ในซีเรียมาแต่ต้น น่าจะจำได้ว่าหน่วยทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงนั้น มักจะเป็นหน่วยที่มี "ชื่อแปลก" เช่น หน่วย Tiger Forces หน่วย Desert Hawks หน่วย Liwa al-Quds เป็นต้นสาเหตุที่ชื่อหน่วยทหารซีเรียเหล่านี้แหวกแนวกว่าชื่อหน่วยทหารปกติ ที่จะระบุแค่ขนาดของหน่วย เหล่าทหาร และลำดับที่ ก็เพราะความจริงหน่วยทหารชื่อแปลก ๆ เหล่านี้ไม่ใช่หน่วยทหารปกติดั้งเดิมของกองทัพซีเรีย แต่เป็นกำลังกึ่งทหาร (Paramilitary) หรือกลุ่มติดอาวุธ (Militia) ที่ขุนศึกหรืออดีตทหารผ่านศึกฝ่ายรัฐบาลซีเรียจัดตั้งกันขึ้นมาเองแบบเฉพาะกิจในช่วงสงครามกลางเมืองนั่นเอง เช่น กำลังพลของหน่วย Liwa al-Quds ตอนจัดตั้งใหม่ ก็รวบรวมมาจากผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในซีเรีย ทีนี้ในช่วงแรก ๆ ที่มีการตั้งหน่วยเหล่านี้ขึ้นมา ก็อาจไม่มียุทโธปกรณ์สมบูรณ์มากนัก เพราะเป็นเพียงกำลังกึ่งทหาร แต่สิ่งที่หน่วยเหล่านี้มีเหนือกว่าหน่วยทหารปกติ คือกำลังพลเป็นอาสาสมัคร ไม่ใช่ทหารเกณฑ์ มีขวัญกำลังใจดี นอกจากนี้กำลังพลจำนวนมากยังเป็นทหารผ่านศึก มีประสบการณ์รบมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไปกำลังกึ่งทหารเหล่านี้กลับกลายเป็นหัวหอกของกองทัพรัฐบาลซีเรีย ร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เช่น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์และทหารรับจ้างวากเนอร์ ในการยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มกบฏและกลุ่ม IS เวลารัสเซียส่งยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่มาให้ เช่น รถถัง T-90A กำลังกึ่งทหารของซีเรียเหล่านี้ก็จะเป็นหน่วยแรก ๆ ที่ได้รับอาวุธใหม่ ๆ ดังกล่าวไปใช้งานทีนี้ปัญหาคือแม้หน่วยเหล่านี้จะมีประโยชน์มากในช่วงสงครามกลางเมือง ที่การสู้รบชุลมุนวุ่นวายไปหมด แต่เมื่อรัฐบาลซีเรียยึดพื้นที่คืนได้มากขึ้น สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลซีเรียก็จำเป็นต้องรวมศูนย์อำนาจกลับมาที่กรุงดามัสกัส จะปล่อยให้ขุนศึกแต่ละคนมีกองกำลังติดอาวุธส่วนตัว แสวงหาผลประโยชน์โดยพลการไม่ได้ กำลังกึ่งทหารที่เคยเป็นหัวหอกของกองทัพรัฐบาลซีเรียในการยึดพื้นที่คืน บางหน่วยจึงถูกยุบไป เช่น หน่วย Desert Hawks เป็นต้น ส่วนที่เหลือ เช่น หน่วย Tiger Forces ก็รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพซีเรียอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลาผ่านไป กำลังพลที่เป็นอาสาสมัครและทหารผ่านศึกจำนวนมาก ก็ถูกปลดประจำการไป แทนที่ด้วยทหารเกณฑ์ เหมือนหน่วยทหารปกติของกองทัพซีเรียช่วงก่อนเกิดสงครามกลางเมืองผมเชื่อว่านี่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไม กองทัพรัฐบาลซีเรียในปัจจุบันจึงทำการรบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่สามารถต่อต้านการรุกของกลุ่มกบฏได้ ทั้งที่ได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากรัสเซีย เพราะนอกจากจะขาดการช่วยเหลือทางภาคพื้นดินจากพันธมิตรเดิม เช่น เฮซบอลเลาะห์ ทหารรับจ้างวากเนอร์ เป็นต้น แล้ว กำลังกึ่งทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่มีประสบการณ์และขวัญกำลังใจดี เคยเป็นหัวหอกของกองทัพซีเรียมาก่อน ยังหายไปด้วย กลายเป็นหน่วยทหารปกติที่กำลังพลส่วนใหญ่มีแต่ทหารเกณฑ์ที่ขาดประสบการณ์และขวัญกำลังใจต่ำ แม้ปัจจุบันรัสเซียจะยังสู้รบติดพันในยูเครนอยู่ ยังไม่สามารถส่งยุทโธปกรณ์มาสนับสนุนซีเรียได้เต็มที่ แต่ก่อนหน้านี้รัสเซียก็ได้เสริมกำลังอาวุธจำนวนมากให้ซีเรียแล้ว เช่น รถถัง T-90A ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 เป็นต้น ปัญหาของกองทัพซีเรียตอนนี้ไม่ใช่การขาดแคลนอาวุธ แต่เป็นการขาดแคลนกำลังพลที่มีประสบการณ์และขวัญกำลังใจดีมากกว่าครับสวัสดี06.12.2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้อาจต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตในข้อหากบฏ

    รัฐมนตรีกลาโหม คิม ยอง-ฮยอน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล จนก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เมื่อกองกำลังติดอาวุธยึดรัฐสภา และห้ามกิจกรรมทางการเมืองและเสรีภาพสื่อ

    คิม ยอง-ฮยอน อาจต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาก่อกบฏ ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
    รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้อาจต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตในข้อหากบฏ รัฐมนตรีกลาโหม คิม ยอง-ฮยอน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล จนก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เมื่อกองกำลังติดอาวุธยึดรัฐสภา และห้ามกิจกรรมทางการเมืองและเสรีภาพสื่อ คิม ยอง-ฮยอน อาจต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาก่อกบฏ ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ธ.ค. 2567 นสพ.The Korea herald ของเกาหลีใต้ รายงานข่าว Seoul defense chief offers to resign over martial rule ระบุว่า คิม ยอง-ฮยุน (Kim Yong-hyun) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้เสนอให้ประธานาธิบดี ยูน ซุก ยอล (Yoon Suk Yeol) ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 3 ธ.ค. 2567  และได้แจ้งความตั้งใจกับประธานาธิบดีแล้ว“เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธของประเทศทั้งหมดที่ถูกระดมพลในขณะที่กฎอัยการศึกมีผลบังคับใช้นั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของผม และผมเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้องขอโทษต่อประชาชนชาวเกาหลีใต้สำหรับความวุ่นวายและความสับสนที่เกิดจากกฎอัยการศึก” คิม กล่าวในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 4 ธ.ค. 2567 กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ยืนยันว่า คิมได้แนะนำให้ ปธน.ยุน ประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานระบุว่าสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรีคัดค้าน ขณะที่พรรค Democratic Party ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านเกาหลีใต้ เรียกคิมเข้าให้ข้อมูลในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กลาโหมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค. 2567
    4 ธ.ค. 2567 นสพ.The Korea herald ของเกาหลีใต้ รายงานข่าว Seoul defense chief offers to resign over martial rule ระบุว่า คิม ยอง-ฮยุน (Kim Yong-hyun) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้เสนอให้ประธานาธิบดี ยูน ซุก ยอล (Yoon Suk Yeol) ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 3 ธ.ค. 2567  และได้แจ้งความตั้งใจกับประธานาธิบดีแล้ว“เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธของประเทศทั้งหมดที่ถูกระดมพลในขณะที่กฎอัยการศึกมีผลบังคับใช้นั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของผม และผมเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้องขอโทษต่อประชาชนชาวเกาหลีใต้สำหรับความวุ่นวายและความสับสนที่เกิดจากกฎอัยการศึก” คิม กล่าวในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 4 ธ.ค. 2567 กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ยืนยันว่า คิมได้แนะนำให้ ปธน.ยุน ประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานระบุว่าสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรีคัดค้าน ขณะที่พรรค Democratic Party ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านเกาหลีใต้ เรียกคิมเข้าให้ข้อมูลในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กลาโหมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค. 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/

    ทัพเรือ/ทัพอากาศรัสเซีย ฝึกซ้อมร่วมกันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพบางส่วนของการฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างกองกำลังของกองทัพเรือรัสเซียและกองกำลังของกองทัพอากาศและอวกาศรัสเซียในพื้นที่ส่วนตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยการฝึกซ้อมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 ธันวาคม 2024 ตามแผนการฝึกการรบของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียกับรัฐต่างประเทศ(ในครั้งนี้คือซีเรีย)เกี่ยวกับการป้องกันเหตุการณ์ทางทะเลนอกน่านน้ำอาณาเขตและในน่านฟ้าเหนือน่านน้ำดังกล่าว

    ในครั้งนี้ มีกำลังพลมากกว่า 1,000 นาย เรือและเรือสนับสนุน 10 ลำ เครื่องบิน 24 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-31I ของกองกำลังอวกาศของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal และระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion เข้าร่วมในการฝึกซ้อม

    ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีการยิงขีปนาวุธแม่นยำจากทะเลและอากาศ:
    - เรือฟริเกต Admiral Gorshkov ซ้อมยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon (Zircon hypersonic cruise missile)
    - เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้า Novorossiysk ซ้อมยิงขีปนาวุธร่อน Kalibr ไปที่เป้าหมายทางทะเล
    - ระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion ได้ยิงขีปนาวุธร่อน Oniks จากพื้นที่ที่กำหนดไว้บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    3/ ทัพเรือ/ทัพอากาศรัสเซีย ฝึกซ้อมร่วมกันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพบางส่วนของการฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างกองกำลังของกองทัพเรือรัสเซียและกองกำลังของกองทัพอากาศและอวกาศรัสเซียในพื้นที่ส่วนตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยการฝึกซ้อมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 ธันวาคม 2024 ตามแผนการฝึกการรบของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียกับรัฐต่างประเทศ(ในครั้งนี้คือซีเรีย)เกี่ยวกับการป้องกันเหตุการณ์ทางทะเลนอกน่านน้ำอาณาเขตและในน่านฟ้าเหนือน่านน้ำดังกล่าว ในครั้งนี้ มีกำลังพลมากกว่า 1,000 นาย เรือและเรือสนับสนุน 10 ลำ เครื่องบิน 24 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-31I ของกองกำลังอวกาศของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal และระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion เข้าร่วมในการฝึกซ้อม ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีการยิงขีปนาวุธแม่นยำจากทะเลและอากาศ: - เรือฟริเกต Admiral Gorshkov ซ้อมยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon (Zircon hypersonic cruise missile) - เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้า Novorossiysk ซ้อมยิงขีปนาวุธร่อน Kalibr ไปที่เป้าหมายทางทะเล - ระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion ได้ยิงขีปนาวุธร่อน Oniks จากพื้นที่ที่กำหนดไว้บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 2/

    ทัพเรือ/ทัพอากาศรัสเซีย ฝึกซ้อมร่วมกันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพบางส่วนของการฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างกองกำลังของกองทัพเรือรัสเซียและกองกำลังของกองทัพอากาศและอวกาศรัสเซียในพื้นที่ส่วนตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยการฝึกซ้อมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 ธันวาคม 2024 ตามแผนการฝึกการรบของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียกับรัฐต่างประเทศ(ในครั้งนี้คือซีเรีย)เกี่ยวกับการป้องกันเหตุการณ์ทางทะเลนอกน่านน้ำอาณาเขตและในน่านฟ้าเหนือน่านน้ำดังกล่าว

    ในครั้งนี้ มีกำลังพลมากกว่า 1,000 นาย เรือและเรือสนับสนุน 10 ลำ เครื่องบิน 24 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-31I ของกองกำลังอวกาศของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal และระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion เข้าร่วมในการฝึกซ้อม

    ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีการยิงขีปนาวุธแม่นยำจากทะเลและอากาศ:
    - เรือฟริเกต Admiral Gorshkov ซ้อมยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon (Zircon hypersonic cruise missile)
    - เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้า Novorossiysk ซ้อมยิงขีปนาวุธร่อน Kalibr ไปที่เป้าหมายทางทะเล
    - ระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion ได้ยิงขีปนาวุธร่อน Oniks จากพื้นที่ที่กำหนดไว้บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    2/ ทัพเรือ/ทัพอากาศรัสเซีย ฝึกซ้อมร่วมกันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพบางส่วนของการฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างกองกำลังของกองทัพเรือรัสเซียและกองกำลังของกองทัพอากาศและอวกาศรัสเซียในพื้นที่ส่วนตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยการฝึกซ้อมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 ธันวาคม 2024 ตามแผนการฝึกการรบของกองกำลังติดอาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียกับรัฐต่างประเทศ(ในครั้งนี้คือซีเรีย)เกี่ยวกับการป้องกันเหตุการณ์ทางทะเลนอกน่านน้ำอาณาเขตและในน่านฟ้าเหนือน่านน้ำดังกล่าว ในครั้งนี้ มีกำลังพลมากกว่า 1,000 นาย เรือและเรือสนับสนุน 10 ลำ เครื่องบิน 24 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-31I ของกองกำลังอวกาศของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal และระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion เข้าร่วมในการฝึกซ้อม ในการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้มีการยิงขีปนาวุธแม่นยำจากทะเลและอากาศ: - เรือฟริเกต Admiral Gorshkov ซ้อมยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon (Zircon hypersonic cruise missile) - เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้า Novorossiysk ซ้อมยิงขีปนาวุธร่อน Kalibr ไปที่เป้าหมายทางทะเล - ระบบขีปนาวุธชายฝั่ง Bastion ได้ยิงขีปนาวุธร่อน Oniks จากพื้นที่ที่กำหนดไว้บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 5 0 รีวิว
Pages Boosts