• ท่านที่เกิดปีมะเมีย

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเมียทุกๆคนได้ถูกเมฆหมอกบดบังแสงสว่างสดใสให้ดูหม่นหมองอมทุกข์จากพลังดาวร้าย病符(แป่ฮู้)และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำความเลวร้ายให้หนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเกณฑ์จะเกิดเหตุเภทภัยที่ไม่ได้คาดคิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้คาดฝันอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ทั้งเหตุเนื่องจากความประมาทเลินเล่อปราศจากความรอบคอบ ไม่ระมัดระวังตัวขาดสติยั้งคิดพลั้งผิดเผลอเลอจนผิดพลาด ทำให้ได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกจนต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดทุเลาอาการ ทั้งสุขภาพร่างกายจะกระเสาะกระแสะเจ็บไข้ได้ป่วยแบบออดๆแอดๆ อาการเรื้อรังมีแต่คงทรงๆทรุดๆดุจเสมือนมียันต์ป่วยไข้มาติดประจำอยู่ที่หน้าประตูบ้าน สร้างความรำคาญรบกวนกายใจทุกวี่วัน ซ้ำร้ายยังทำให้ทรัพย์สินเงินทองรั่วไหลเสียหายจากการที่ต้องใช้จ่ายหลายทางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดไม่เหลือเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระแวดระวังตัวเองเป็นพิเศษควรจัดสรรบริหารเวลาเพื่อไปตรวจสุขภาพร่างกายบ้าง โดยเฉพาะอาหารการกินก็ต้องพิถีพิถันที่สำคัญต้องสะอาดพร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ อีกสิ่งที่สำคัญคือควรเลี่ยงกินของงานศพเพราะพลังด้านลบจะแฝงเข้าตัวได้ง่าย ควรทำบุญถวายสังฆทานยาแก่พระสงฆ์ที่อาพาธหรือบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ตามกำลังและความเหมาะสม
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีมะเมีย ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเมียทุกๆคนได้ถูกเมฆหมอกบดบังแสงสว่างสดใสให้ดูหม่นหมองอมทุกข์จากพลังดาวร้าย病符(แป่ฮู้)และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำความเลวร้ายให้หนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเกณฑ์จะเกิดเหตุเภทภัยที่ไม่ได้คาดคิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้คาดฝันอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ทั้งเหตุเนื่องจากความประมาทเลินเล่อปราศจากความรอบคอบ ไม่ระมัดระวังตัวขาดสติยั้งคิดพลั้งผิดเผลอเลอจนผิดพลาด ทำให้ได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกจนต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดทุเลาอาการ ทั้งสุขภาพร่างกายจะกระเสาะกระแสะเจ็บไข้ได้ป่วยแบบออดๆแอดๆ อาการเรื้อรังมีแต่คงทรงๆทรุดๆดุจเสมือนมียันต์ป่วยไข้มาติดประจำอยู่ที่หน้าประตูบ้าน สร้างความรำคาญรบกวนกายใจทุกวี่วัน ซ้ำร้ายยังทำให้ทรัพย์สินเงินทองรั่วไหลเสียหายจากการที่ต้องใช้จ่ายหลายทางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดไม่เหลือเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระแวดระวังตัวเองเป็นพิเศษควรจัดสรรบริหารเวลาเพื่อไปตรวจสุขภาพร่างกายบ้าง โดยเฉพาะอาหารการกินก็ต้องพิถีพิถันที่สำคัญต้องสะอาดพร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ อีกสิ่งที่สำคัญคือควรเลี่ยงกินของงานศพเพราะพลังด้านลบจะแฝงเข้าตัวได้ง่าย ควรทำบุญถวายสังฆทานยาแก่พระสงฆ์ที่อาพาธหรือบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ตามกำลังและความเหมาะสม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡️งานชมงานกวางเจา เทรดแฟร์ 2 วันเต็ม (ครั้งที่ 137) 5 วัน 4 คืน⚡️
    : บ้านเกิด ดร.ซุนยัดเซ็น - THE LONDONER - THE VENETIAN - ช้อปปิ้งตลาดใต้ดินก๊งเป่ย - ช้อปปิ้ง POP MART - วัดนาจา - วัดเจ้าแม่กวนอิม - เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล

    📍 ช่วงวันเดินทาง : เม.ย. 2568
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 20,999
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z11897
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : NX-แอร์มาเก๊า

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e5fe44

    ดูทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/84075f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    ⚡️งานชมงานกวางเจา เทรดแฟร์ 2 วันเต็ม (ครั้งที่ 137) 5 วัน 4 คืน⚡️ : บ้านเกิด ดร.ซุนยัดเซ็น - THE LONDONER - THE VENETIAN - ช้อปปิ้งตลาดใต้ดินก๊งเป่ย - ช้อปปิ้ง POP MART - วัดนาจา - วัดเจ้าแม่กวนอิม - เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล 📍 ช่วงวันเดินทาง : เม.ย. 2568 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 20,999 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z11897 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : NX-แอร์มาเก๊า ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e5fe44 ดูทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/84075f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนึ่งรำลึกกวนซาน

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน

    ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่?

    จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน

    แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร

    ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก

    มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ

    ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด

    ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน
    ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://star.tom.com/202311/1572406490.html
    https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html
    https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap
    https://www.sohu.com/a/414709176_100091417
    https://www.sohu.com/a/497600136_100185418
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm
    https://www.gushiju.net/ju/1703370

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    หนึ่งรำลึกกวนซาน สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่? จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://star.tom.com/202311/1572406490.html https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap https://www.sohu.com/a/414709176_100091417 https://www.sohu.com/a/497600136_100185418 https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm https://www.gushiju.net/ju/1703370 #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ

    ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ

    สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย

    นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว

    ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม

    การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป

    https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChargePoint unveils "anti-vandalism" EV charger cables designed to deter copper thieves
    The new cut-resistant cables incorporate advanced technology by weaving steel strategically through the wiring, making them far more difficult to cut.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action

    วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ

    ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา

    ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ

    คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู

    คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน

    ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100%

    ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น

    นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1%

    ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20%

    ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน
    .
    .
    .
    ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

    นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ

    และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด

    คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่

    ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย

    การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก

    (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ)

    แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ

    และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา
    .
    .
    .
    เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ

    ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง

    แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม

    คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน

    ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ

    ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ

    เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท

    ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม
    .
    .
    .
    ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ

    คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

    จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง

    เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู

    อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย

    และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล

    คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด

    เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์

    ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ”
    .
    .
    .
    ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง

    คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย

    ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง

    หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์”

    ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary"

    "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“

    ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ

    เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“

    …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ…

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100% ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1% ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20% ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน . . . ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่ ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ) แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา . . . เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม . . . ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์ ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ” . . . ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์” ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary" "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“ ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“ …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ… ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉 นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (2)

    อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายถ้าคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนและไม่สามารถที่จะมีกรดอะมิโนซึ่งเซลล์ทุกเซลล์ต้องการเพื่อทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรดอะมิโนมาตรฐานมี 20 ตัวรวมถึง 8 ตัวที่จำเป็นและ 4 ตัวที่เป็นแบบกึ่งจำเป็นซึ่งช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ...เมื่อปราศจากพวกเขาเสียแล้ว คุณจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน กรดอะมิโนตัวแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ...
    Tryptophan
    เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการสร้าง Serotonin (สารสื่อประสาทตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมองที่ทำให้รู้สึกดี)
    ...จินตนาการ...
    หากร่างกายคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนจนกลายเป็น Tryptophan ได้ ผลที่ตามมาก็น่าจะเป็น โรคซึมเศร้า ไมเกรน นอนหลับยาก วิตกกังวล กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล SAD (Seasonal Affective Disorder) และน้ำหนักเกินเนื่องจากสมองไม่สามารถส่งสัญญาณแห่งความอิ่มได้ (อ่านในโพสต์ที่มีภาพ “สงบนิ่ง 1 นาที” ) …..ใช่หรือไม่..!!!
    Tryptophan ยังสร้าง Ninacinหรืออาจเรียกว่า นิโคตินิค แอสิด (Nicotinic acid) เป็นวิตามินบี (วิตามินบี 3) ซึ่งเป็นตัวลดไขมันไม่ดีในร่างกายอีกด้วย
    ..สิ่งที่พึงระวัง..
    Phenylalanine : สารที่ผสมในสารให้ความหวานสามารถก่อกวน Tryptophan และการสร้าง Serotonin
    5-Hydoxytrytophan (5-HTPX) ซึ่งได้จากอาหารไม่ว่าจะเป็นไก่ เนื้อ ถั่ว ชิส ผักโขม ปลาทูน่า หรือแม้แต่โยเกิต์ต เป็นรูปแบบของ Tryptophan ที่ช่วยให้ร่างกายสร้าง Serotonin และช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ วิตกกังวลรวมถึงไมเกรนได้อย่างดีเยี่ยม (นี่เป็นข้อเท็จจริงของสารอาหารที่อยู่ในอาหาร แต่ถ้าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน... กรุณาจดจำไว้ให้ขึ้นใจว่าผมห้ามกินอะไรบ้าง)
    เมลาโทนิน : เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เซลล์ไพเนียลซึ่งอยู่ในต่อมไพเนียล เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางที่ช่วยการกระตุ้นการปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกาย ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ ซึมเศร้าได้เช่นกันนอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระและลดความเสื่อมของเซลล์สมองอีกด้วย
    ...สิ่งที่น่าสนใจคือ...
    ปริมาณที่เหมาะสมของเมลาโทนินคือ 200 mcg หรือ 0.2 mg ใช้สำหรับอมใต้ลิ้นหรือพ่นทางจมูก
    !!! ข้อควรระวัง !!!
    เมลาโทนินที่มากจนเกินไปจะเพิ่มการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะไปรบกวนการนอนหลับและทำให้ปวดหัวได้ตลอดวัน
    ลองมาคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า..ยาที่ใช้รักษาอาการที่เกิดมาจากการขาดเมลาโทนินไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ซึมเศร้าหรือวิตกกังวลอย่าง Prozac,Paxil,Celexa,Zoloft,Cymbalta และ Lexapro ที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า Ambien,LunestaและSonata ที่ใช้รักษาโรคนอนไม่หลับและ Amerge,Frova,Imitrex,ZomigและMaxalt สำหรับไมเกรน นี่คือชื่อยาบางส่วนที่บริษัทยาผลิตมาเพื่อรักษาอาการที่เกิดจากการขาด Serotonin ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ป่วยก็มาจากการขาด Tryptophan
    ...คุณคิดจริง ๆ หรือว่า..ร่างกายคุณขาด Zoloft หรือ Lunesta หรือ Imitrex…ร่างกายของคุณถูกสร้างมาจากยาหรือไม่..ใช่หรือไม่..ใช่หรือไม่..!!!
    ร่างกายคุณต้องการสารอาหาร แร่ธาตุที่มากขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาสมดุลและส่งผลให้มีการย่อยโปรตีนได้มากขึ้น ได้รับกรดอะมิโนมากขึ้นเพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นและทำให้สมองสร้างสารเคมีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดี
    โปรดจำไว้ว่า...ร้อยละ 95 ของสารสื่อประสาทของเราพบในระบบทางเดินอาหารและ Neurotransmittersเกือบทั้งหมดในร่างกาย(สารเคมีที่ใช้สำหรับการสื่อสารของระบบประสาท) ได้มาจากกรดอะมิโน
    ..เราควรที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุของเรื่องราว...หรือแก้ไขอาการไปวัน ๆ และแก้ไปตลอดชีวิต
    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    สวัสดี
    อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you

    Cr. Santi Manadee
    #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (2) อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายถ้าคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนและไม่สามารถที่จะมีกรดอะมิโนซึ่งเซลล์ทุกเซลล์ต้องการเพื่อทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรดอะมิโนมาตรฐานมี 20 ตัวรวมถึง 8 ตัวที่จำเป็นและ 4 ตัวที่เป็นแบบกึ่งจำเป็นซึ่งช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ...เมื่อปราศจากพวกเขาเสียแล้ว คุณจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน กรดอะมิโนตัวแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ... Tryptophan เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการสร้าง Serotonin (สารสื่อประสาทตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมองที่ทำให้รู้สึกดี) ...จินตนาการ... หากร่างกายคุณไม่สามารถย่อยโปรตีนจนกลายเป็น Tryptophan ได้ ผลที่ตามมาก็น่าจะเป็น โรคซึมเศร้า ไมเกรน นอนหลับยาก วิตกกังวล กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล SAD (Seasonal Affective Disorder) และน้ำหนักเกินเนื่องจากสมองไม่สามารถส่งสัญญาณแห่งความอิ่มได้ (อ่านในโพสต์ที่มีภาพ “สงบนิ่ง 1 นาที” ) …..ใช่หรือไม่..!!! Tryptophan ยังสร้าง Ninacinหรืออาจเรียกว่า นิโคตินิค แอสิด (Nicotinic acid) เป็นวิตามินบี (วิตามินบี 3) ซึ่งเป็นตัวลดไขมันไม่ดีในร่างกายอีกด้วย ..สิ่งที่พึงระวัง.. Phenylalanine : สารที่ผสมในสารให้ความหวานสามารถก่อกวน Tryptophan และการสร้าง Serotonin 5-Hydoxytrytophan (5-HTPX) ซึ่งได้จากอาหารไม่ว่าจะเป็นไก่ เนื้อ ถั่ว ชิส ผักโขม ปลาทูน่า หรือแม้แต่โยเกิต์ต เป็นรูปแบบของ Tryptophan ที่ช่วยให้ร่างกายสร้าง Serotonin และช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ วิตกกังวลรวมถึงไมเกรนได้อย่างดีเยี่ยม (นี่เป็นข้อเท็จจริงของสารอาหารที่อยู่ในอาหาร แต่ถ้าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน... กรุณาจดจำไว้ให้ขึ้นใจว่าผมห้ามกินอะไรบ้าง) เมลาโทนิน : เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เซลล์ไพเนียลซึ่งอยู่ในต่อมไพเนียล เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางที่ช่วยการกระตุ้นการปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกาย ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ ซึมเศร้าได้เช่นกันนอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระและลดความเสื่อมของเซลล์สมองอีกด้วย ...สิ่งที่น่าสนใจคือ... ปริมาณที่เหมาะสมของเมลาโทนินคือ 200 mcg หรือ 0.2 mg ใช้สำหรับอมใต้ลิ้นหรือพ่นทางจมูก !!! ข้อควรระวัง !!! เมลาโทนินที่มากจนเกินไปจะเพิ่มการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะไปรบกวนการนอนหลับและทำให้ปวดหัวได้ตลอดวัน ลองมาคิดกันเล่น ๆ ไหมว่า..ยาที่ใช้รักษาอาการที่เกิดมาจากการขาดเมลาโทนินไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ซึมเศร้าหรือวิตกกังวลอย่าง Prozac,Paxil,Celexa,Zoloft,Cymbalta และ Lexapro ที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า Ambien,LunestaและSonata ที่ใช้รักษาโรคนอนไม่หลับและ Amerge,Frova,Imitrex,ZomigและMaxalt สำหรับไมเกรน นี่คือชื่อยาบางส่วนที่บริษัทยาผลิตมาเพื่อรักษาอาการที่เกิดจากการขาด Serotonin ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ป่วยก็มาจากการขาด Tryptophan ...คุณคิดจริง ๆ หรือว่า..ร่างกายคุณขาด Zoloft หรือ Lunesta หรือ Imitrex…ร่างกายของคุณถูกสร้างมาจากยาหรือไม่..ใช่หรือไม่..ใช่หรือไม่..!!! ร่างกายคุณต้องการสารอาหาร แร่ธาตุที่มากขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาสมดุลและส่งผลให้มีการย่อยโปรตีนได้มากขึ้น ได้รับกรดอะมิโนมากขึ้นเพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นและทำให้สมองสร้างสารเคมีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดี โปรดจำไว้ว่า...ร้อยละ 95 ของสารสื่อประสาทของเราพบในระบบทางเดินอาหารและ Neurotransmittersเกือบทั้งหมดในร่างกาย(สารเคมีที่ใช้สำหรับการสื่อสารของระบบประสาท) ได้มาจากกรดอะมิโน ..เราควรที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุของเรื่องราว...หรือแก้ไขอาการไปวัน ๆ และแก้ไปตลอดชีวิต ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเจริญอสุภกรรมฐาน

    นอกจากวิธีงดสระผมหรืออาบน้ำเพื่อให้รู้สึกถึงอสุภ (ความไม่น่ารัก น่าใคร่) แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเสริมการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

    1. พิจารณากายส่วนต่างๆ (ปฏิกูลมนสิการ)

    แยกร่างกายเป็นส่วนๆ: พิจารณาเส้นผม เล็บ ฟัน ผิวหนัง เลือด น้ำหนอง กระดูก ฯลฯ

    จินตนาการร่างกายสลายตัว: ลองนึกถึงสภาพร่างกายเมื่อถึงเวลาเน่าเปื่อย ผุพัง

    ทำความคุ้นชินกับความจริง: ทบทวนว่าอวัยวะเหล่านี้เป็นเพียงธาตุ ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยึดมั่น

    2. ฝึกมองคนรอบตัวอย่างเป็นกลาง

    มองผู้อื่นไม่ใช่ด้วยความหลงใหลในรูปลักษณ์ แต่ให้จินตนาการว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ร่างกายทุกคนก็ต้องเสื่อมสลาย

    มองเห็นธรรมดาของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

    แทนที่จะเห็นความสวยงาม ให้มองว่าเป็นเพียงร่างกายที่ต้องพึ่งพิงอาหาร อากาศ และยังต้องขับของเสียออก

    3. ใช้สื่อช่วยฝึกสมาธิ

    ศึกษารูปภาพหรือวิดีโอของร่างกายมนุษย์ในสภาพผุพัง เช่น ซากศพ ภาพการผ่าตัด หรือสภาพเน่าเปื่อย

    ใช้เป็นเครื่องช่วยเตือนใจว่า ร่างกายเป็นเพียงธาตุที่ประกอบกันชั่วคราว

    4. ฝึกสมาธิให้จิตสงบก่อนเจริญอสุภ

    เริ่มต้นด้วยอานาปานสติ: การพิจารณาลมหายใจช่วยให้จิตใจสงบและพร้อมรับการพิจารณาที่ลึกซึ้งขึ้น

    ใช้สมาธิเป็นฐาน: เมื่อจิตสงบ จะสามารถพิจารณาอสุภได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกความคิดดิบหรืออารมณ์กามรบกวน

    5. เจริญเมตตาควบคู่กับอสุภ

    หากรู้สึกว่าความรู้สึกดิบๆ ที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันที่ยากจะควบคุม ให้เสริมด้วยการแผ่เมตตา

    แผ่เมตตาให้ตัวเองและผู้อื่น: ความเมตตาจะช่วยปรับสมดุลจิตใจ ทำให้จิตไม่ติดอยู่กับความดิบที่เกิดจากกามคุณ

    6. การใช้สติรู้ทัน

    เมื่อเกิดความรู้สึกดิบในระหว่างปฏิบัติ ให้ใช้สติรู้ทันว่า "นี่คือความไม่เที่ยงของจิต"

    อย่าต่อต้านความรู้สึกเหล่านั้น แต่ให้มองเห็นว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

    7. ระมัดระวังไม่บังคับตัวเองเกินไป

    หากกดดันตัวเองมากเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดและความต่อต้าน

    ให้ปฏิบัติด้วยใจที่ผ่อนคลาย เห็นการเจริญอสุภเป็นโอกาสฝึกปัญญา ไม่ใช่การบีบบังคับ

    ข้อควรระวัง

    การเจริญอสุภกรรมฐานอาจทำให้จิตเกิดความรู้สึกต่อต้าน หรือเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ถ้าไม่พร้อมทางจิตใจควรทำในระดับที่พอดี

    ควรมีครูหรือผู้รู้ช่วยชี้แนะเป็นระยะ

    สรุป:
    อสุภกรรมฐานต้องใช้ความต่อเนื่องและสมาธิเป็นเครื่องนำทาง การฝึกในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยการพิจารณาอวัยวะหรือธรรมชาติของร่างกาย และใช้สติคอยดูแลจิตให้รู้สึกถึงความไม่เที่ยงของกายนี้ การเจริญอสุภไม่ใช่เพื่อความรังเกียจร่างกาย แต่เพื่อปล่อยวางและเห็นธรรมชาติของมันตามความเป็นจริง!
    การเจริญอสุภกรรมฐาน นอกจากวิธีงดสระผมหรืออาบน้ำเพื่อให้รู้สึกถึงอสุภ (ความไม่น่ารัก น่าใคร่) แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเสริมการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้: 1. พิจารณากายส่วนต่างๆ (ปฏิกูลมนสิการ) แยกร่างกายเป็นส่วนๆ: พิจารณาเส้นผม เล็บ ฟัน ผิวหนัง เลือด น้ำหนอง กระดูก ฯลฯ จินตนาการร่างกายสลายตัว: ลองนึกถึงสภาพร่างกายเมื่อถึงเวลาเน่าเปื่อย ผุพัง ทำความคุ้นชินกับความจริง: ทบทวนว่าอวัยวะเหล่านี้เป็นเพียงธาตุ ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยึดมั่น 2. ฝึกมองคนรอบตัวอย่างเป็นกลาง มองผู้อื่นไม่ใช่ด้วยความหลงใหลในรูปลักษณ์ แต่ให้จินตนาการว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ร่างกายทุกคนก็ต้องเสื่อมสลาย มองเห็นธรรมดาของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แทนที่จะเห็นความสวยงาม ให้มองว่าเป็นเพียงร่างกายที่ต้องพึ่งพิงอาหาร อากาศ และยังต้องขับของเสียออก 3. ใช้สื่อช่วยฝึกสมาธิ ศึกษารูปภาพหรือวิดีโอของร่างกายมนุษย์ในสภาพผุพัง เช่น ซากศพ ภาพการผ่าตัด หรือสภาพเน่าเปื่อย ใช้เป็นเครื่องช่วยเตือนใจว่า ร่างกายเป็นเพียงธาตุที่ประกอบกันชั่วคราว 4. ฝึกสมาธิให้จิตสงบก่อนเจริญอสุภ เริ่มต้นด้วยอานาปานสติ: การพิจารณาลมหายใจช่วยให้จิตใจสงบและพร้อมรับการพิจารณาที่ลึกซึ้งขึ้น ใช้สมาธิเป็นฐาน: เมื่อจิตสงบ จะสามารถพิจารณาอสุภได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกความคิดดิบหรืออารมณ์กามรบกวน 5. เจริญเมตตาควบคู่กับอสุภ หากรู้สึกว่าความรู้สึกดิบๆ ที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันที่ยากจะควบคุม ให้เสริมด้วยการแผ่เมตตา แผ่เมตตาให้ตัวเองและผู้อื่น: ความเมตตาจะช่วยปรับสมดุลจิตใจ ทำให้จิตไม่ติดอยู่กับความดิบที่เกิดจากกามคุณ 6. การใช้สติรู้ทัน เมื่อเกิดความรู้สึกดิบในระหว่างปฏิบัติ ให้ใช้สติรู้ทันว่า "นี่คือความไม่เที่ยงของจิต" อย่าต่อต้านความรู้สึกเหล่านั้น แต่ให้มองเห็นว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป 7. ระมัดระวังไม่บังคับตัวเองเกินไป หากกดดันตัวเองมากเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดและความต่อต้าน ให้ปฏิบัติด้วยใจที่ผ่อนคลาย เห็นการเจริญอสุภเป็นโอกาสฝึกปัญญา ไม่ใช่การบีบบังคับ ข้อควรระวัง การเจริญอสุภกรรมฐานอาจทำให้จิตเกิดความรู้สึกต่อต้าน หรือเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ถ้าไม่พร้อมทางจิตใจควรทำในระดับที่พอดี ควรมีครูหรือผู้รู้ช่วยชี้แนะเป็นระยะ สรุป: อสุภกรรมฐานต้องใช้ความต่อเนื่องและสมาธิเป็นเครื่องนำทาง การฝึกในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยการพิจารณาอวัยวะหรือธรรมชาติของร่างกาย และใช้สติคอยดูแลจิตให้รู้สึกถึงความไม่เที่ยงของกายนี้ การเจริญอสุภไม่ใช่เพื่อความรังเกียจร่างกาย แต่เพื่อปล่อยวางและเห็นธรรมชาติของมันตามความเป็นจริง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เซลลูไลท์ คือการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวเเละสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย สะสมกันจนเป็นชั้นคลื่นอยู่ในเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่ออยู่ใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์จะเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังของคนที่มีการระบายน้ำเหลืองไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สามารถขับไขมันและของเสียออกไปได้จนเกิดการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวและสารพิษ กลายเป็นผิวเซลลูไลท์ที่ดูน่าเกลียด ใหญ่เทอะทะผิวไม่เรียบคล้ายผิวส้ม ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน ร่างกายจะสามารถสะสมได้ที่บริเวณ ท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกและมันก็เป็นเรื่องของผู้หญิงซะมากกว่า สาเหตุ- ร่างกายมีการเผาผลาญที่ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังออกจากร่างกายได้หมด- กรรมพันธ์ แตกต่างจากกรรมพันธ์ในเรื่องของเล็บหรือลักษณะของผม ตรงที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลลูไลท์ได้- ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำช่วยในการทำงานของระบบขับของเสีย และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย กำหนดว่าควรดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย- แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด ล้วนก่อให้เกิดเซลลูไลท์ได้ทั้งสิ้น เพราะพิษที่สารดังกล่าวขับออกมาจะถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน- การลดความอ้วนแบบเร่งด่วน จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลลูไลท์อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก ร่างกายเกิดการตอบรับว่า ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและต้องพยายามสะสมสารอาหารในร่างกายเพื่อความอยู่รอด- การสะสมอาหารและไขมัน ช่วยก่อเซลลูไลท์และกั้นเส้นเลือดจนติดหนึบอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงทำให้ระบบกำจัดสารพิษและของเสียขาดประสิทธิภาพ- การสูบบุหรี่ ทำร้ายทั้งผิว ทั้งปอด ทำให้ผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยหดตัวและยังทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลายอันเป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์- ความเครียด เป็นผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวหนัก เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อก็ขมวดเกร็งตามไปด้วย ความตึงเครียดยังไปขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสียและล้างเลือดให้สะอาด- การใช้ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ จะเข้าไปรบกวนกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย โดยเฉพาะระบบชำระเลือดอันนำไปสู่ปัญหาเซลลูไลท์- ยาคุมกำเนิด ประเภทรับประทานซึ่งไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน จะทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวและเก็บน้ำจนบวม ร่างกายไม่มีน้ำพอที่จะขับของเสียออกจากร่างกาย สุดท้ายก็กลายเป็นเซลลูไลท์- เซลล์ของไขมันบวมเนื่องจากมีการสะสมไขมันไว้ในเซลล์เป็นปริมาณมาก- ผนังหลอดเลือดของเซลล์ไขมันรั่วทำให้มีน้ำซึมผ่านออกจากเซลล์ไขมันทำให้เกิดการคั่งของน้ำ- เซลล์ของไขมันจับกันเป็นกลุ่มโดยมี collagen ล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันดึงผิวหนังตำแหน่งที่ยึดกับผิวหนังทำให้ผิวหนังเป็นลอนคล้ายริ้วคลื่นห้ามคิดว่าไม่มีโทษนะ มันร้ายแรงไม่มากในช่วงต้นๆ แต่เมื่อปล่อยไว้ระยะยาวแล้วระบบคุณรวนแน่ ๆ:1.ส่งผลต่อการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง2.ส่งผลต่อระบบขับของเสียในร่างกายจนเกิดความผิดปกติการแก้ไข ต้องดูสาเหตุเป็นรายคนไปแต่การผ่าตัดหรือดูดออกเป็นเรื่องไร้สาระเพราะ ร้อยทั้งร้อยกลับมาเหมือนเดิมเพราะไม่ได้แก้ที่สาเหตุ โภชนาการเพื่อการป้องกันและแก้ไข- ทานให้ครบหมู่และหลากหลายเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไป เพียงแต่ลดสัดส่วนของอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมันและพยายามเน้นหนักที่ผักให้มาก เพราะกากใยจะช่วยขับล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย อีกทั้งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น - ควรเน้นอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืชที่ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารพวกโปรตีนมากกว่าการย่อยไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตถึงสองเท่า เรียกว่าอิ่มเท่ากันแต่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญมากกว่า นอกจากนี้สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่ว ยังสามารถช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมในเซลล์ไขมันได้ ทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตกับน้ำเหลืองคล่องตัว และเพื่อให้ได้ผลควรลดอาหารเค็มควบคู่ไปด้วย- ลดการให้อาหารแก่เซลลูไลต์เพราะยิ่งกินเท่ากับสนับสนุนให้ร่างกายสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกิน อาหารกลุ่มนี้ได้แก่•อาหารทั้งมันและหวาน อาหารที่ให้พลังงานสูง ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายด้วย ถ้ากินมากไปร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเกิดการสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกินทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น•น้ำตาลแลคโตสในผลิตภัณฑ์นมวัว เพราะยิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการย่อยน้ำตาลชนิดนี้จะลดลง•กาเฟอีนจากชา กาแฟ เพราะจะไปกดสมดุลฮอร์โมน •อาหารที่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพมากจนจำไม่ได้ว่าทำมาจากอะไร เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนม หมูแผ่น หมูหย็อง ขนมปัง คุกกี้ เบเกอรี่ทุกชนิด เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเกตตี อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป เพราะอาหารเหล่านี้มักมีสารปนเปื้อนและสารพิษที่จะไปตกค้างในร่างกายและเซลล์ไขมันได้•อาหารเค็มจัด เพราะจะยิ่งเพิ่มการคั่งของสารน้ำในเซลล์ไขมันมากขึ้น•แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในเบียร์และไวน์ เพราะหากดื่มมาก ๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเซลล์ไขมัน ซึ่งนั่นคือที่มาของเซลลูไลต์ กลุ่มนี้งดหรือเลิกขาดได้ก็เยี่ยมเลย- เน้นอาหารธรรมชาติปรุงแต่งให้น้อย แน่นอนว่าหลักการนี้จะคิดถึงอะไรไปไม่ได้ นอกจากผักสด ๆ โดยจะกินเป็นสลัด ตำ ยำ กับน้ำพริก ก็เลือกได้ตามชอบ หรือเมนูที่ผ่านความร้อนไม่เกิน 100 องศา ใช้เวลาปรุงไม่นาน ประโยชน์จากการกินอาหารแบบนี้คือ ช่วยฟื้นฟูพลังงานและผิวพรรณ ทั้งยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ แถมคุณค่ายังรับไปแบบเต็ม ๆ ตัดโอกาสการตกค้างของเสียได้อีกด้วย- ออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญและขับสารพิษออกทางเหงื่ออีกด้วย วิธีโดยรวมที่จะช่วยลดเซลลูไลท์- หมั่นขัดผิวขา การขัดผิวหรือ Exfoliating คือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวลและไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจำทำให้ผิวอ่อนไหว ไม่สามารถทนแดดและจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่หากอายุเรามากกว่า 20 ปีขึ้นไปการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส " การขัดผิวควรทำอยู่ที่สัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง ควรทำการขัดเป็นวงกลมเบาๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แค่นี้ก็มีผิวขาที่ขาวใสนวลเนียน "- การนวดก็เป็นอีกวิธีสำหรับการลดเซลลูไลท์ โดยให้นวดเป็นวงเบาๆ ไปให้ทั่วบริเวณขาหรือใต้แขนของคุณเป็นเวลา 10-20 นาทีทุกวัน - กระโดดเชือก การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที เทียบเท่าได้กับการวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาที ดาราฮอลลีวูดทั้งหลาย ที่รีบฟิตหุ่นให้ทันเปิดกล้องหนังเรื่องต่อไปใช้การกระโดดเชือกทุกเช้าและเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนแขนขาให้แน่นสวยไม่หย่อนยานการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา การกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิดๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป - การย่อเข่าการออกกำลังกายโดยการย่อเข่าไปข้างหน้า วิธีนี้สามารถช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากคล้ายๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่งวิธีการคือ ยืนแยกขาออก ให้ระหว่างขากว้างระยะประมาณหัวไหล่ทั้งสองข้างของเรา แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าหนึ่งข้างแล้วโยกตัวย่อเข่าลงไปข้างหน้าประมาณ 90 องศา ย่อตัวลงให้หัวเข่าขาหลังอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1 นิ้วพยายามให้หลังและคอเหยียดตรงตลอดเวลา ทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้าไปที่ส้นเท้าและหัวเข่า อาจใช้วิธียกลูกเหล็กขนาด 5-10 ปอนด์ตรงด้านข้างลำตัว ระหว่างออกกำลังกายในท่านี้ไปด้วยก็ได้ บริหารต้นขาทั้งสองข้างด้วยท่านี้ประมาณข้างละ 30 ครั้ง พักแล้วเริ่มทำใหม่- การเดิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นขาและเซลลูไลท์ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อจากการเดินนั้นทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจึงทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกเผาผลาญได้อย่างดี จึงทำให้ต้นขาของเราเล็กลงเซลลูไลท์ก็ลดและดูสวยงามยิ่งขึ้น - ขึ้น-ลงบันไดลองสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินขึ้นลงบันได นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดน่องโต ทำขาเรียวสวยเซ็กซี่ได้การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันได เป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบ aerobic หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ แถมอาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่ง ยังมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่าการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้และนี่คือภาพรวม ส่วนใครทำตามนี้แล้วยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ต้องวินิจฉัยเพิ่มเป็นราย ๆ ไปผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมแนะนำPaa super h เพื่อเพิ่มไขมันดีGlube เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดของเสียPraow ใช้นวดเพื่อเร่งการกำจัดไขมันเลวPloy ใช้ทาผิวหลังจากการอาบน้ำด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    #เซลลูไลท์ คือการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวเเละสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย สะสมกันจนเป็นชั้นคลื่นอยู่ในเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่ออยู่ใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์จะเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังของคนที่มีการระบายน้ำเหลืองไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สามารถขับไขมันและของเสียออกไปได้จนเกิดการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวและสารพิษ กลายเป็นผิวเซลลูไลท์ที่ดูน่าเกลียด ใหญ่เทอะทะผิวไม่เรียบคล้ายผิวส้ม ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน ร่างกายจะสามารถสะสมได้ที่บริเวณ ท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกและมันก็เป็นเรื่องของผู้หญิงซะมากกว่า สาเหตุ- ร่างกายมีการเผาผลาญที่ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังออกจากร่างกายได้หมด- กรรมพันธ์ แตกต่างจากกรรมพันธ์ในเรื่องของเล็บหรือลักษณะของผม ตรงที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลลูไลท์ได้- ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำช่วยในการทำงานของระบบขับของเสีย และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย กำหนดว่าควรดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย- แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด ล้วนก่อให้เกิดเซลลูไลท์ได้ทั้งสิ้น เพราะพิษที่สารดังกล่าวขับออกมาจะถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน- การลดความอ้วนแบบเร่งด่วน จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลลูไลท์อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก ร่างกายเกิดการตอบรับว่า ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและต้องพยายามสะสมสารอาหารในร่างกายเพื่อความอยู่รอด- การสะสมอาหารและไขมัน ช่วยก่อเซลลูไลท์และกั้นเส้นเลือดจนติดหนึบอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงทำให้ระบบกำจัดสารพิษและของเสียขาดประสิทธิภาพ- การสูบบุหรี่ ทำร้ายทั้งผิว ทั้งปอด ทำให้ผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยหดตัวและยังทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลายอันเป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์- ความเครียด เป็นผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวหนัก เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อก็ขมวดเกร็งตามไปด้วย ความตึงเครียดยังไปขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสียและล้างเลือดให้สะอาด- การใช้ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ จะเข้าไปรบกวนกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย โดยเฉพาะระบบชำระเลือดอันนำไปสู่ปัญหาเซลลูไลท์- ยาคุมกำเนิด ประเภทรับประทานซึ่งไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน จะทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวและเก็บน้ำจนบวม ร่างกายไม่มีน้ำพอที่จะขับของเสียออกจากร่างกาย สุดท้ายก็กลายเป็นเซลลูไลท์- เซลล์ของไขมันบวมเนื่องจากมีการสะสมไขมันไว้ในเซลล์เป็นปริมาณมาก- ผนังหลอดเลือดของเซลล์ไขมันรั่วทำให้มีน้ำซึมผ่านออกจากเซลล์ไขมันทำให้เกิดการคั่งของน้ำ- เซลล์ของไขมันจับกันเป็นกลุ่มโดยมี collagen ล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันดึงผิวหนังตำแหน่งที่ยึดกับผิวหนังทำให้ผิวหนังเป็นลอนคล้ายริ้วคลื่นห้ามคิดว่าไม่มีโทษนะ มันร้ายแรงไม่มากในช่วงต้นๆ แต่เมื่อปล่อยไว้ระยะยาวแล้วระบบคุณรวนแน่ ๆ:1.ส่งผลต่อการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง2.ส่งผลต่อระบบขับของเสียในร่างกายจนเกิดความผิดปกติการแก้ไข ต้องดูสาเหตุเป็นรายคนไปแต่การผ่าตัดหรือดูดออกเป็นเรื่องไร้สาระเพราะ ร้อยทั้งร้อยกลับมาเหมือนเดิมเพราะไม่ได้แก้ที่สาเหตุ โภชนาการเพื่อการป้องกันและแก้ไข- ทานให้ครบหมู่และหลากหลายเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไป เพียงแต่ลดสัดส่วนของอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมันและพยายามเน้นหนักที่ผักให้มาก เพราะกากใยจะช่วยขับล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย อีกทั้งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น - ควรเน้นอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืชที่ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารพวกโปรตีนมากกว่าการย่อยไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตถึงสองเท่า เรียกว่าอิ่มเท่ากันแต่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญมากกว่า นอกจากนี้สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่ว ยังสามารถช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมในเซลล์ไขมันได้ ทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตกับน้ำเหลืองคล่องตัว และเพื่อให้ได้ผลควรลดอาหารเค็มควบคู่ไปด้วย- ลดการให้อาหารแก่เซลลูไลต์เพราะยิ่งกินเท่ากับสนับสนุนให้ร่างกายสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกิน อาหารกลุ่มนี้ได้แก่•อาหารทั้งมันและหวาน อาหารที่ให้พลังงานสูง ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายด้วย ถ้ากินมากไปร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเกิดการสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกินทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น•น้ำตาลแลคโตสในผลิตภัณฑ์นมวัว เพราะยิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการย่อยน้ำตาลชนิดนี้จะลดลง•กาเฟอีนจากชา กาแฟ เพราะจะไปกดสมดุลฮอร์โมน •อาหารที่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพมากจนจำไม่ได้ว่าทำมาจากอะไร เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนม หมูแผ่น หมูหย็อง ขนมปัง คุกกี้ เบเกอรี่ทุกชนิด เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเกตตี อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป เพราะอาหารเหล่านี้มักมีสารปนเปื้อนและสารพิษที่จะไปตกค้างในร่างกายและเซลล์ไขมันได้•อาหารเค็มจัด เพราะจะยิ่งเพิ่มการคั่งของสารน้ำในเซลล์ไขมันมากขึ้น•แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในเบียร์และไวน์ เพราะหากดื่มมาก ๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเซลล์ไขมัน ซึ่งนั่นคือที่มาของเซลลูไลต์ กลุ่มนี้งดหรือเลิกขาดได้ก็เยี่ยมเลย- เน้นอาหารธรรมชาติปรุงแต่งให้น้อย แน่นอนว่าหลักการนี้จะคิดถึงอะไรไปไม่ได้ นอกจากผักสด ๆ โดยจะกินเป็นสลัด ตำ ยำ กับน้ำพริก ก็เลือกได้ตามชอบ หรือเมนูที่ผ่านความร้อนไม่เกิน 100 องศา ใช้เวลาปรุงไม่นาน ประโยชน์จากการกินอาหารแบบนี้คือ ช่วยฟื้นฟูพลังงานและผิวพรรณ ทั้งยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ แถมคุณค่ายังรับไปแบบเต็ม ๆ ตัดโอกาสการตกค้างของเสียได้อีกด้วย- ออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญและขับสารพิษออกทางเหงื่ออีกด้วย วิธีโดยรวมที่จะช่วยลดเซลลูไลท์- หมั่นขัดผิวขา การขัดผิวหรือ Exfoliating คือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวลและไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจำทำให้ผิวอ่อนไหว ไม่สามารถทนแดดและจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่หากอายุเรามากกว่า 20 ปีขึ้นไปการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส " การขัดผิวควรทำอยู่ที่สัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง ควรทำการขัดเป็นวงกลมเบาๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แค่นี้ก็มีผิวขาที่ขาวใสนวลเนียน "- การนวดก็เป็นอีกวิธีสำหรับการลดเซลลูไลท์ โดยให้นวดเป็นวงเบาๆ ไปให้ทั่วบริเวณขาหรือใต้แขนของคุณเป็นเวลา 10-20 นาทีทุกวัน - กระโดดเชือก การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที เทียบเท่าได้กับการวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาที ดาราฮอลลีวูดทั้งหลาย ที่รีบฟิตหุ่นให้ทันเปิดกล้องหนังเรื่องต่อไปใช้การกระโดดเชือกทุกเช้าและเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนแขนขาให้แน่นสวยไม่หย่อนยานการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา การกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิดๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป - การย่อเข่าการออกกำลังกายโดยการย่อเข่าไปข้างหน้า วิธีนี้สามารถช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากคล้ายๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่งวิธีการคือ ยืนแยกขาออก ให้ระหว่างขากว้างระยะประมาณหัวไหล่ทั้งสองข้างของเรา แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าหนึ่งข้างแล้วโยกตัวย่อเข่าลงไปข้างหน้าประมาณ 90 องศา ย่อตัวลงให้หัวเข่าขาหลังอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1 นิ้วพยายามให้หลังและคอเหยียดตรงตลอดเวลา ทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้าไปที่ส้นเท้าและหัวเข่า อาจใช้วิธียกลูกเหล็กขนาด 5-10 ปอนด์ตรงด้านข้างลำตัว ระหว่างออกกำลังกายในท่านี้ไปด้วยก็ได้ บริหารต้นขาทั้งสองข้างด้วยท่านี้ประมาณข้างละ 30 ครั้ง พักแล้วเริ่มทำใหม่- การเดิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นขาและเซลลูไลท์ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อจากการเดินนั้นทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจึงทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกเผาผลาญได้อย่างดี จึงทำให้ต้นขาของเราเล็กลงเซลลูไลท์ก็ลดและดูสวยงามยิ่งขึ้น - ขึ้น-ลงบันไดลองสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินขึ้นลงบันได นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดน่องโต ทำขาเรียวสวยเซ็กซี่ได้การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันได เป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบ aerobic หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ แถมอาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่ง ยังมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่าการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้และนี่คือภาพรวม ส่วนใครทำตามนี้แล้วยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ต้องวินิจฉัยเพิ่มเป็นราย ๆ ไปผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมแนะนำPaa super h เพื่อเพิ่มไขมันดีGlube เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดของเสียPraow ใช้นวดเพื่อเร่งการกำจัดไขมันเลวPloy ใช้ทาผิวหลังจากการอาบน้ำด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮ็กเกอร์สองคนนามแฝง Benjojo และ Manawyrm ได้ขยายระยะทางของสายเคเบิล Toslink จาก 10 เมตรเป็น 143 กิโลเมตร และสามารถส่งข้อมูล IP ผ่านสายเคเบิลนี้ได้สำเร็จในงาน Chaos Communication Congress ครั้งที่ 38 ที่เยอรมนี โดยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีเก่าให้มีประสิทธิภาพใหม่

    Benjojo ใช้อุปกรณ์ศูนย์ข้อมูลและเครื่องมือหลายชนิดเพื่อขยายระยะทางของ Toslink รวมถึงพอร์ต SFP, ตัวแปลง Toslink analog-to-digital และ digital-to-analog, และออสซิลโลสโคป การทดสอบนี้เชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลสองแห่งในลอนดอนที่มีระยะทางประมาณ 650 เมตร

    Manawyrm ได้แสดงการส่งข้อมูล IP ผ่าน Toslink โดยใช้สายเคเบิลเสียงในการสร้างเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกพื้นฐาน ความเร็วในการส่งข้อมูลที่ได้อยู่ที่ประมาณ 1.47 Mb/s ซึ่งใกล้เคียงกับขีดจำกัดทางทฤษฎีของ Toslink

    Toslink (หรือที่เรียกว่า Optical Audio Cable) เป็นสายเคเบิลที่ใช้ในการส่งสัญญาณเสียงดิจิตอลผ่านแสง โดยทั่วไปจะใช้ในระบบเสียงบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่น Blu-ray, และเครื่องรับสัญญาณ AV สายเคเบิล Toslink มีข้อดีคือสามารถลดการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าและให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสายเคเบิลแบบอนาล็อก

    แม้ว่าความเร็วที่ได้จะไม่สามารถแข่งขันกับมาตรฐานเครือข่ายในปัจจุบันได้ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับใช้สายเคเบิลที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะให้มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106300-hackers-extend-toslink-audio-cables-143-kilometers-achieve.html
    แฮ็กเกอร์สองคนนามแฝง Benjojo และ Manawyrm ได้ขยายระยะทางของสายเคเบิล Toslink จาก 10 เมตรเป็น 143 กิโลเมตร และสามารถส่งข้อมูล IP ผ่านสายเคเบิลนี้ได้สำเร็จในงาน Chaos Communication Congress ครั้งที่ 38 ที่เยอรมนี โดยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีเก่าให้มีประสิทธิภาพใหม่ Benjojo ใช้อุปกรณ์ศูนย์ข้อมูลและเครื่องมือหลายชนิดเพื่อขยายระยะทางของ Toslink รวมถึงพอร์ต SFP, ตัวแปลง Toslink analog-to-digital และ digital-to-analog, และออสซิลโลสโคป การทดสอบนี้เชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลสองแห่งในลอนดอนที่มีระยะทางประมาณ 650 เมตร Manawyrm ได้แสดงการส่งข้อมูล IP ผ่าน Toslink โดยใช้สายเคเบิลเสียงในการสร้างเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกพื้นฐาน ความเร็วในการส่งข้อมูลที่ได้อยู่ที่ประมาณ 1.47 Mb/s ซึ่งใกล้เคียงกับขีดจำกัดทางทฤษฎีของ Toslink Toslink (หรือที่เรียกว่า Optical Audio Cable) เป็นสายเคเบิลที่ใช้ในการส่งสัญญาณเสียงดิจิตอลผ่านแสง โดยทั่วไปจะใช้ในระบบเสียงบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่น Blu-ray, และเครื่องรับสัญญาณ AV สายเคเบิล Toslink มีข้อดีคือสามารถลดการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าและให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสายเคเบิลแบบอนาล็อก แม้ว่าความเร็วที่ได้จะไม่สามารถแข่งขันกับมาตรฐานเครือข่ายในปัจจุบันได้ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับใช้สายเคเบิลที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะให้มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น https://www.techspot.com/news/106300-hackers-extend-toslink-audio-cables-143-kilometers-achieve.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hackers extend Toslink audio cables to 143 kilometers, achieve IP data transmission
    Two hackers have challenged the boundaries of optical data transmission, demonstrating that even outdated technology can be repurposed in unexpected ways. At the 38th Chaos Communication Congress...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป
    .
    NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ
    .
    สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3
    .
    นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง
    .
    รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป
    .
    ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป . NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ . สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3 . นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง . รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค . แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป . ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 828 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพถ่านจากโดรนของรัสเซียขณะกำลังติดตามโดรนของยูเครน กำลังถูกรบกวนจากสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) ของรัสเซียและตกลงในที่สุด

    โดรนของรัสเซียไม่ได้รับผลกระทบจาก EW (Electronic Warfare) แสดงให้เห็นว่าระบบของรัสเซียถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่โดรนของยูเครนเพียงฝ่ายเดียว
    ภาพถ่านจากโดรนของรัสเซียขณะกำลังติดตามโดรนของยูเครน กำลังถูกรบกวนจากสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) ของรัสเซียและตกลงในที่สุด โดรนของรัสเซียไม่ได้รับผลกระทบจาก EW (Electronic Warfare) แสดงให้เห็นว่าระบบของรัสเซียถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่โดรนของยูเครนเพียงฝ่ายเดียว
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨
    🌟 จุดเด่น:
    - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK
    หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา
    - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้)
    - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ
    - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ
    🔑 จุดบวก :
    - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ
    - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว
    📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722
    ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ

    #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨ 🌟 จุดเด่น: - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้) - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ 🔑 จุดบวก : - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว 📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722 ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศใต้

    เดือนนี้ ตัดสินใจในเชิงธุรกิจจะเสียหายผิดพลาดผิดหวัง จะเกิดปัญหานินทาว่าร้ายเป็นเหตุซ่อนเงื่อนหักหลังแตกแยกทางการค้าอย่างรุนแรง ทำธุรกิจผิดกฎหมายจะส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องขึ้นศาลมีคดีความติดตัวเป็นเหตุให้ติดคุกติดตะรางถูกจองจำได้ จะเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุให้เลือดตกยางออกบาดเจ็บจนเสียเลือดเสียเนื้อด้วยอาวุธและของมีคม ชายหนุ่มไม่ควรหมกมุ่นเรื่องเพศเกินไปจะเกิดเรื่องชู้สาวให้อื้อฉาวจนผู้หญิงเสียผู้เสียคน ชีวิตคู่ไม่ราบรื่นครอบครัวแตกแยกเกิดปัญหาทั้งภายในภายนอกต่อกัน ควรระวังสุขภาพจะมีปัญหาที่ปาก ลิ้น ปอด คอ ฟัน มดลูก รังไข่ ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อีกทั้งมีโอกาสพบภูติผีปีศาจหลอกหลอน

    เสริมความมงคล : ตั้งแจกันแก้วใส่ไผ่กวนอิม 3 ต้น
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศใต้ เดือนนี้ ตัดสินใจในเชิงธุรกิจจะเสียหายผิดพลาดผิดหวัง จะเกิดปัญหานินทาว่าร้ายเป็นเหตุซ่อนเงื่อนหักหลังแตกแยกทางการค้าอย่างรุนแรง ทำธุรกิจผิดกฎหมายจะส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องขึ้นศาลมีคดีความติดตัวเป็นเหตุให้ติดคุกติดตะรางถูกจองจำได้ จะเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุให้เลือดตกยางออกบาดเจ็บจนเสียเลือดเสียเนื้อด้วยอาวุธและของมีคม ชายหนุ่มไม่ควรหมกมุ่นเรื่องเพศเกินไปจะเกิดเรื่องชู้สาวให้อื้อฉาวจนผู้หญิงเสียผู้เสียคน ชีวิตคู่ไม่ราบรื่นครอบครัวแตกแยกเกิดปัญหาทั้งภายในภายนอกต่อกัน ควรระวังสุขภาพจะมีปัญหาที่ปาก ลิ้น ปอด คอ ฟัน มดลูก รังไข่ ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อีกทั้งมีโอกาสพบภูติผีปีศาจหลอกหลอน เสริมความมงคล : ตั้งแจกันแก้วใส่ไผ่กวนอิม 3 ต้น ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิพพานปัจจโยโหตุ #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    นิพพานปัจจโยโหตุ #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Credit: @พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์
    คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายอย่าหมายบรรพชา
    มาบวชอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา
    คนมั่วธรรม มนุษย์บางพวก (กเฬวราก จำนวนมาก)
    ยังนิยมชื่นชมเอาไว้ ก็หมายถึงว่า “รอด” อยู่ในช่วงหนึ่ง
    แต่เทวดาสัมมาทิฐิไม่นิยมเอาไว้ก็หมายถึงว่า “จอด” ทันที
    ทองเทียม แม้ไม่ถูกไฟลน นานไปมันก็กลายเป็นตะกั่ว
    เพราะความชั่วมันชอบโชว์เปิดเผยตัวของมันเสียเอง

    ก่อนข้าพเจ้าจะเขียนอธิบายขยายความที่จั่วหัวข้อแรกไว้ ปรารถนาให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้อ่านความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนาเปรียบเป็นมหาสมุทรข้อที่ ๓ สักหน่อย ดังนี้ : -

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตาย แล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน
    บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายในโชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมองก็เหมือนกัน สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน
    ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ ข้อที่บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณ ว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายใน โชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมอง สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ
    แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๓ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ”
    วิ.จุ. ๒/๑๘๔/๔๕๙-๔๖๑

    คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายในข้อกฎหมายคดีความทางโลกก็มีนัย (อ่านว่า “นัย (ะ) ไม่ควรเขียนเป็น “นัยยะ” คำนี้จะแปลว่า “ผู้ที่แนะนำพร่ำสอนได้คือ เนยยบุคคล”) อันเดียวกันกับกฎหมายพระวินัยบัญญัติคดีความทางธรรม ถูกต้องทุกประการด้วย

    ข้าพเจ้าขอพิมพ์ข้อความที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ประกาศอย่างเป็นทางการให้สาธารณชนทราบโดยทั่วกัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในข้อเท็จจริงนี้

    ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
    คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑
    กรมบังคับคดี
    กระทรวงยุติธรรม

    ด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนาย....จำเลย เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๕๘๓ แล้ว

    จำเลย เลขประจำตัวประชาชน........มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่.....

    ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา ๑๗๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓

    อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้....และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔

    ประกาศ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
    เบญจา สุภานนท์
    เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

    ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    เรื่อง คำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย

    คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑
    ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี
    กระทรวงยุติธรรม

    ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นาย....ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕
    ผู้ล้มละลาย เลขประจำตัวประชาชน....มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่....

    ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕
    อุโรวษา เพชรวารี
    เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

    จากข้อความที่ทางการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาว่า

    “บุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ....ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท...”

    คำเตือนที่ข้าพเจ้าเขียนบอกไว้ในบทความหนึ่งว่า
    “ระวังไว้ด้วยนะครับ จะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขกับเขาไปด้วย”
    และในเวลาต่อมาไม่นาน ข้าพเจ้าก็เขียนโพสต์ไว้ในหน้าวอลล์ว่า
    “ไม่มาเข้าคอร์สก็น่าจะได้ไปเข้าคุก”
    ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เห็นแสงรำไรๆ อยู่ในคุกที่จองจำนั้นเสียแล้ว

    เมื่อเย็นวานนี้ทนายความท่านหนึ่งได้โทรมาคุยสนทนากับข้าพเจ้าในเรื่องนี้ พร้อมกับส่งหลักฐานในราชกิจจานุเบกษามาให้ และเมื่อเช้าของวันนี้ในเวลา 10:00 น. ทนายความอีกท่านหนึ่งก็โทรมาคุยกับข้าพเจ้า และยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ตรงกับทนายความท่านแรก ทนายความสองท่านนี้ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว
    ข้าพเจ้าแสดงหลักฐานคดีความทางโลกให้เห็นปรากฏชัดเรียบร้อยแล้ว ก็จะเขียนเข้าสู่คดีความทางธรรม กฎหมายทางธรรม พระวินัยบัญญัติ ว่า มีข้อกำหนดอย่างไรกับผู้ติดคดีทางโลกมีหนี้สินท่วมหัว จนกระทั่งทางการต้องประกาศให้เป็นผู้ล้มละลาย ต่อจากนี้เขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจ ธุรกรรม (เปิดรับบริจาค) ได้อีกแล้ว คนที่ไปบริจาคทรัพย์ให้แก่นายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี คนที่ไปรับทรัพย์จากนายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี ก็จะตกอยู่ในข่ายความผิดต้องโทษลักษณะเดียวกันไปโดยปริยาย
    กล่าวคือมีคติเป็น ๒ ไม่ถูกปรับก็ถูกจำ หรือทั้งปรับทั้งจำ

    พระวินัยบัญญัติกำหนดให้กุลบุตรผู้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ (ต้องการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ) หากต้องโทษข้อใดข้อหนึ่ง ใน ๑๓ ข้อเหล่านี้ มิให้มาอยู่ในเพศของพระภิกษุในร่มเงาของพระพุทธศาสนา
    ถ้าหากว่าแอบเข้ามาบรรพชาอุปสมบททรงเพศเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ทราบในภายหลัง สงฆ์ก็ต้องสั่งให้สิกขาลาพรต ว่า “สิกฺขํ ปจฺจกฺขาหิ เธอจงบอกคืนสิกขาบทเสียเถิด”
    กรณีตัวอย่างคือ นาคจำแลงแปลงกายเป็นมาณพมาขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งอยู่ในป่า พอคืนร่างเป็นนาคตามเดิม ความทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็รับสั่งให้ภิกษุผู้เป็นนาคจำแลงแปลงกายนั้นบอกคืนสิกขาบท คือให้ลาสิกขาทันที

    ในทุกกรณีของผู้ที่ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่ง เช่น ทราบในภายหลังว่าเป็นบัณเฑาะก์ คือ ไม่ใช่บุรุษเพศชาย (ผู้ชายเต็มตัว) ก็สั่งให้ลาสิกขาเช่นเดียวกัน ให้อยู่ในเพศของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จะสร้างความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์องค์สามเณร (ข้าพเจ้าเขียนอธิบายในโพสต์ก่อนแล้ว ร่างเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงก็จะกวนพระกวนเณรไม่ให้อยู่เป็นสุข)

    ถ้าผู้นั้นเป็นบัณเฑาะก์และรู้ว่าตนก็เป็นบัณเฑาะก์แท้ๆ แต่ปกปิดความเป็นบัณเฑาะก์ทรงเพศของพระภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้ไว้ ถือว่าอยู่ในฐานะผู้หลอกลวง ลักขโมยเคี้ยวกลืนกินบิณฑะก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ท่านเรียกเป็นภาษาพระวินัยว่า “ลักเพศ” คือ ลักขโมยเพศของพระภิกษุ ลักขโมยอุดมเพศที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ธงชัยของพระอรหันต์

    เขาจะสั่งสมบาปอกุศลเอาไว้อยู่เรื่อยๆ สุดท้ายเห็นได้ชัดใช่ไหมว่า บัณเฑาะก์ผู้นั้นที่ลักขโมยเพศพระภิกษุแอบอาศัยอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนานี้มาเป็นเวลายาวนาน ก็แพ้ภัยตัวเอง กระเด็นออกไปจากพระพุทธศาสนา เปรียบเหมือนกเฬวราก ซากศพเน่า ต้องถูกคลื่นของมหาสมุทรซัดออกมาเกยตื้นติดอยู่กับฝั่งทะเล ฉะนั้น

    อันตรายิกธรรมเหล่านี้ คือ
    “โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู เจ้าเป็นมนุษย์หรือ เป็นชายหรือ เป็นไทหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ มิใช่ราชภัฏหรือ มารดาบิดาอนุญาตแล้วหรือ มีปีครบ ๒๐ แล้วหรือ บาตรจีวรของเจ้ามีครบแล้วหรือ เจ้าชื่ออะไร อุปัชฌาย์ของเจ้าชื่ออะไร”
    วิ.ม. ๑/๑๕๔/๑๔๒

    ปรากฏอยู่ในอุปสัมปทาวิธีว่า

    พระคู่สวดถาม สามเณรตอบ
    กุฏฐัง นัตถิ ภันเต
    คัณโฑ นัตถิ ภันเต
    กิลาโส นัตถิ ภันเต
    โสโส นัตถิ ภันเต
    อะปะมาโร นัตถิ ภันเต
    มะนุสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ปุริโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ภุชิสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    อะนะโณสิ๊ อามะ ภันเต
    นะสิ๊ราชะภะโฏ อามะ ภันเต
    อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต
    ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต
    กินนาโมสิ อะหัง ภันเต...(๑)....นามะ
    โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เมภันเต อายัสมา.... (๒).นามะ

    (๑) บอกฉายาของตนเอง
    (๒) บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์

    ในคำตอบของสามเณร (นาค) หากผิดไปจาก อามะ ภันเต จาก นัตถิ ภันเต แม้ข้อเดียว เช่น “ปุริโสสิ๊ เจ้าเป็นบุรุษเพศชายจริงหรือเปล่า” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” “อะนะโณสิ๊ เธอไม่มีหนี้สินใช่ไหม” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” พระคู่สวดอาจจะต้องถามย้ำอีกสัก ๒ - ๓ ครั้ง นาคก็ยังตอบอยู่ในคำเดิม คือ นัตถิ ภันเต อุปสัมปทาวิธีก็ต้องล้มไป ยุติพิธีอุปสมบท ทันที อาจถึงกับขับไล่ผู้ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่งนี้ออกจากสีมา (เขตแดน) ของพระอุโบสถหลังนั้นไปเลย
    “อย่าแหลมหน้ามาขอบวชอีกเชียวนะ”.
    Credit: @พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายอย่าหมายบรรพชา มาบวชอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา คนมั่วธรรม มนุษย์บางพวก (กเฬวราก จำนวนมาก) ยังนิยมชื่นชมเอาไว้ ก็หมายถึงว่า “รอด” อยู่ในช่วงหนึ่ง แต่เทวดาสัมมาทิฐิไม่นิยมเอาไว้ก็หมายถึงว่า “จอด” ทันที ทองเทียม แม้ไม่ถูกไฟลน นานไปมันก็กลายเป็นตะกั่ว เพราะความชั่วมันชอบโชว์เปิดเผยตัวของมันเสียเอง ก่อนข้าพเจ้าจะเขียนอธิบายขยายความที่จั่วหัวข้อแรกไว้ ปรารถนาให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้อ่านความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนาเปรียบเป็นมหาสมุทรข้อที่ ๓ สักหน่อย ดังนี้ : - “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตาย แล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายในโชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมองก็เหมือนกัน สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ ข้อที่บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณ ว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายใน โชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมอง สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๓ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ” วิ.จุ. ๒/๑๘๔/๔๕๙-๔๖๑ คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายในข้อกฎหมายคดีความทางโลกก็มีนัย (อ่านว่า “นัย (ะ) ไม่ควรเขียนเป็น “นัยยะ” คำนี้จะแปลว่า “ผู้ที่แนะนำพร่ำสอนได้คือ เนยยบุคคล”) อันเดียวกันกับกฎหมายพระวินัยบัญญัติคดีความทางธรรม ถูกต้องทุกประการด้วย ข้าพเจ้าขอพิมพ์ข้อความที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ประกาศอย่างเป็นทางการให้สาธารณชนทราบโดยทั่วกัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในข้อเท็จจริงนี้ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนาย....จำเลย เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๕๘๓ แล้ว จำเลย เลขประจำตัวประชาชน........มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่..... ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา ๑๗๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้....และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เบญจา สุภานนท์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑ ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นาย....ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ ผู้ล้มละลาย เลขประจำตัวประชาชน....มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่.... ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ อุโรวษา เพชรวารี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จากข้อความที่ทางการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาว่า “บุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ....ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท...” คำเตือนที่ข้าพเจ้าเขียนบอกไว้ในบทความหนึ่งว่า “ระวังไว้ด้วยนะครับ จะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขกับเขาไปด้วย” และในเวลาต่อมาไม่นาน ข้าพเจ้าก็เขียนโพสต์ไว้ในหน้าวอลล์ว่า “ไม่มาเข้าคอร์สก็น่าจะได้ไปเข้าคุก” ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เห็นแสงรำไรๆ อยู่ในคุกที่จองจำนั้นเสียแล้ว เมื่อเย็นวานนี้ทนายความท่านหนึ่งได้โทรมาคุยสนทนากับข้าพเจ้าในเรื่องนี้ พร้อมกับส่งหลักฐานในราชกิจจานุเบกษามาให้ และเมื่อเช้าของวันนี้ในเวลา 10:00 น. ทนายความอีกท่านหนึ่งก็โทรมาคุยกับข้าพเจ้า และยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ตรงกับทนายความท่านแรก ทนายความสองท่านนี้ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าแสดงหลักฐานคดีความทางโลกให้เห็นปรากฏชัดเรียบร้อยแล้ว ก็จะเขียนเข้าสู่คดีความทางธรรม กฎหมายทางธรรม พระวินัยบัญญัติ ว่า มีข้อกำหนดอย่างไรกับผู้ติดคดีทางโลกมีหนี้สินท่วมหัว จนกระทั่งทางการต้องประกาศให้เป็นผู้ล้มละลาย ต่อจากนี้เขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจ ธุรกรรม (เปิดรับบริจาค) ได้อีกแล้ว คนที่ไปบริจาคทรัพย์ให้แก่นายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี คนที่ไปรับทรัพย์จากนายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี ก็จะตกอยู่ในข่ายความผิดต้องโทษลักษณะเดียวกันไปโดยปริยาย กล่าวคือมีคติเป็น ๒ ไม่ถูกปรับก็ถูกจำ หรือทั้งปรับทั้งจำ พระวินัยบัญญัติกำหนดให้กุลบุตรผู้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ (ต้องการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ) หากต้องโทษข้อใดข้อหนึ่ง ใน ๑๓ ข้อเหล่านี้ มิให้มาอยู่ในเพศของพระภิกษุในร่มเงาของพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าแอบเข้ามาบรรพชาอุปสมบททรงเพศเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ทราบในภายหลัง สงฆ์ก็ต้องสั่งให้สิกขาลาพรต ว่า “สิกฺขํ ปจฺจกฺขาหิ เธอจงบอกคืนสิกขาบทเสียเถิด” กรณีตัวอย่างคือ นาคจำแลงแปลงกายเป็นมาณพมาขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งอยู่ในป่า พอคืนร่างเป็นนาคตามเดิม ความทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็รับสั่งให้ภิกษุผู้เป็นนาคจำแลงแปลงกายนั้นบอกคืนสิกขาบท คือให้ลาสิกขาทันที ในทุกกรณีของผู้ที่ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่ง เช่น ทราบในภายหลังว่าเป็นบัณเฑาะก์ คือ ไม่ใช่บุรุษเพศชาย (ผู้ชายเต็มตัว) ก็สั่งให้ลาสิกขาเช่นเดียวกัน ให้อยู่ในเพศของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จะสร้างความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์องค์สามเณร (ข้าพเจ้าเขียนอธิบายในโพสต์ก่อนแล้ว ร่างเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงก็จะกวนพระกวนเณรไม่ให้อยู่เป็นสุข) ถ้าผู้นั้นเป็นบัณเฑาะก์และรู้ว่าตนก็เป็นบัณเฑาะก์แท้ๆ แต่ปกปิดความเป็นบัณเฑาะก์ทรงเพศของพระภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้ไว้ ถือว่าอยู่ในฐานะผู้หลอกลวง ลักขโมยเคี้ยวกลืนกินบิณฑะก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ท่านเรียกเป็นภาษาพระวินัยว่า “ลักเพศ” คือ ลักขโมยเพศของพระภิกษุ ลักขโมยอุดมเพศที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ธงชัยของพระอรหันต์ เขาจะสั่งสมบาปอกุศลเอาไว้อยู่เรื่อยๆ สุดท้ายเห็นได้ชัดใช่ไหมว่า บัณเฑาะก์ผู้นั้นที่ลักขโมยเพศพระภิกษุแอบอาศัยอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนานี้มาเป็นเวลายาวนาน ก็แพ้ภัยตัวเอง กระเด็นออกไปจากพระพุทธศาสนา เปรียบเหมือนกเฬวราก ซากศพเน่า ต้องถูกคลื่นของมหาสมุทรซัดออกมาเกยตื้นติดอยู่กับฝั่งทะเล ฉะนั้น อันตรายิกธรรมเหล่านี้ คือ “โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู เจ้าเป็นมนุษย์หรือ เป็นชายหรือ เป็นไทหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ มิใช่ราชภัฏหรือ มารดาบิดาอนุญาตแล้วหรือ มีปีครบ ๒๐ แล้วหรือ บาตรจีวรของเจ้ามีครบแล้วหรือ เจ้าชื่ออะไร อุปัชฌาย์ของเจ้าชื่ออะไร” วิ.ม. ๑/๑๕๔/๑๔๒ ปรากฏอยู่ในอุปสัมปทาวิธีว่า พระคู่สวดถาม สามเณรตอบ กุฏฐัง นัตถิ ภันเต คัณโฑ นัตถิ ภันเต กิลาโส นัตถิ ภันเต โสโส นัตถิ ภันเต อะปะมาโร นัตถิ ภันเต มะนุสโสสิ๊ อามะ ภันเต ปุริโสสิ๊ อามะ ภันเต ภุชิสโสสิ๊ อามะ ภันเต อะนะโณสิ๊ อามะ ภันเต นะสิ๊ราชะภะโฏ อามะ ภันเต อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ อามะ ภันเต ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต กินนาโมสิ อะหัง ภันเต...(๑)....นามะ โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เมภันเต อายัสมา.... (๒).นามะ (๑) บอกฉายาของตนเอง (๒) บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์ ในคำตอบของสามเณร (นาค) หากผิดไปจาก อามะ ภันเต จาก นัตถิ ภันเต แม้ข้อเดียว เช่น “ปุริโสสิ๊ เจ้าเป็นบุรุษเพศชายจริงหรือเปล่า” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” “อะนะโณสิ๊ เธอไม่มีหนี้สินใช่ไหม” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” พระคู่สวดอาจจะต้องถามย้ำอีกสัก ๒ - ๓ ครั้ง นาคก็ยังตอบอยู่ในคำเดิม คือ นัตถิ ภันเต อุปสัมปทาวิธีก็ต้องล้มไป ยุติพิธีอุปสมบท ทันที อาจถึงกับขับไล่ผู้ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่งนี้ออกจากสีมา (เขตแดน) ของพระอุโบสถหลังนั้นไปเลย “อย่าแหลมหน้ามาขอบวชอีกเชียวนะ”.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    จีนเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ CR450 ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 450 กม./ชม. (ความเร็วเฉลี่ย 400 กม./ชม.) ซึ่งจะถือเป็นรถไฟความเร็วสูงเชิงพาณิชย์ที่เร็วที่สุดในโลก

    รถไฟความเร็วสูงรุ่นปัจจุบันที่จีนใช้อยู่ คือ รุ่น CR400 ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.

    CR450 มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารลดลง 2 เดซิเบล และเพิ่มพื้นที่บริการในห้องโดยสารอีก 4% ทำให้บริการผู้โดยสารที่หลากหลาย สะดวกสบาย และตรงตามความต้องการมากขึ้น

    ปัจจุบัน จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางการให้บริการมากกว่า 43,700 กม. ครอบคลุม-เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 550 เมือง และมีเป้าหมายพัฒนาต่อไปให้ถึง 50,000 กม.ในปี 2025 และ 70,000 กม. ภายในปี 2035
    2/ จีนเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ CR450 ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 450 กม./ชม. (ความเร็วเฉลี่ย 400 กม./ชม.) ซึ่งจะถือเป็นรถไฟความเร็วสูงเชิงพาณิชย์ที่เร็วที่สุดในโลก รถไฟความเร็วสูงรุ่นปัจจุบันที่จีนใช้อยู่ คือ รุ่น CR400 ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. CR450 มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารลดลง 2 เดซิเบล และเพิ่มพื้นที่บริการในห้องโดยสารอีก 4% ทำให้บริการผู้โดยสารที่หลากหลาย สะดวกสบาย และตรงตามความต้องการมากขึ้น ปัจจุบัน จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางการให้บริการมากกว่า 43,700 กม. ครอบคลุม-เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 550 เมือง และมีเป้าหมายพัฒนาต่อไปให้ถึง 50,000 กม.ในปี 2025 และ 70,000 กม. ภายในปี 2035
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 1/
    จีนเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ CR450 ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 450 กม./ชม. (ความเร็วเฉลี่ย 400 กม./ชม.) ซึ่งจะถือเป็นรถไฟความเร็วสูงเชิงพาณิชย์ที่เร็วที่สุดในโลก

    รถไฟความเร็วสูงรุ่นปัจจุบันที่จีนใช้อยู่ คือ รุ่น CR400 ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.

    CR450 มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารลดลง 2 เดซิเบล และเพิ่มพื้นที่บริการในห้องโดยสารอีก 4% ทำให้บริการผู้โดยสารที่หลากหลาย สะดวกสบาย และตรงตามความต้องการมากขึ้น

    ปัจจุบัน จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางการให้บริการมากกว่า 43,700 กม. ครอบคลุม-เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 550 เมือง และมีเป้าหมายพัฒนาต่อไปให้ถึง 50,000 กม.ในปี 2025 และ 70,000 กม. ภายในปี 2035
    1/ จีนเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ CR450 ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 450 กม./ชม. (ความเร็วเฉลี่ย 400 กม./ชม.) ซึ่งจะถือเป็นรถไฟความเร็วสูงเชิงพาณิชย์ที่เร็วที่สุดในโลก รถไฟความเร็วสูงรุ่นปัจจุบันที่จีนใช้อยู่ คือ รุ่น CR400 ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. CR450 มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารลดลง 2 เดซิเบล และเพิ่มพื้นที่บริการในห้องโดยสารอีก 4% ทำให้บริการผู้โดยสารที่หลากหลาย สะดวกสบาย และตรงตามความต้องการมากขึ้น ปัจจุบัน จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางการให้บริการมากกว่า 43,700 กม. ครอบคลุม-เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 550 เมือง และมีเป้าหมายพัฒนาต่อไปให้ถึง 50,000 กม.ในปี 2025 และ 70,000 กม. ภายในปี 2035
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ฮาลาล บิตัน โรเซน นักข่าวชื่อดังชาวอิสราเอล ประกาศว่า “หากกลุ่มฮูตีรบกวนการนอนหลับของพวกเราชาวอิสราเอล เราจะทำลายชีวิตของพวกเขาอย่างย่อยยับ หรือไม่ก็ทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก”
    ฮาลาล บิตัน โรเซน นักข่าวชื่อดังชาวอิสราเอล ประกาศว่า “หากกลุ่มฮูตีรบกวนการนอนหลับของพวกเราชาวอิสราเอล เราจะทำลายชีวิตของพวกเขาอย่างย่อยยับ หรือไม่ก็ทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ใครอนุญาตให้จัดในที่ราชการ กีดขวางการเข้าออก รบกวนการจราจรโดยรอบ แถมไอ้ทนายอานนท์ก็ถูกย้ายไปคลองเปรมแล้ว มาจัดอีเว้นท์เพื่อไปวางบิลเบิกเงินนายทุนล้มล้าง แล้วอ้างว่าไม่ทิ้งเพื่อน ถุยยยยยย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ใครอนุญาตให้จัดในที่ราชการ กีดขวางการเข้าออก รบกวนการจราจรโดยรอบ แถมไอ้ทนายอานนท์ก็ถูกย้ายไปคลองเปรมแล้ว มาจัดอีเว้นท์เพื่อไปวางบิลเบิกเงินนายทุนล้มล้าง แล้วอ้างว่าไม่ทิ้งเพื่อน ถุยยยยยย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์ที่ MIT ได้สร้างสถานะแม่เหล็กที่ไม่เหมือนใครในวัสดุโดยใช้แสง โดยการใช้เลเซอร์พวกเขาสามารถเปลี่ยนวัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติกให้เป็นสถานะใหม่ทั้งหมด

    วัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติก (Antiferromagnetic materials) เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติแม่เหล็กที่แตกต่างจากวัสดุแม่เหล็กทั่วไป (Ferromagnetic materials) ในวัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติก การจัดเรียงของสปินของอิเล็กตรอนจะเป็นแบบสลับกันขึ้น-ลง-ขึ้น-ลง ทำให้ผลรวมของสนามแม่เหล็กสุทธิเป็นศูนย์ ทำให้วัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติกมีความทนทานต่อการรบกวนจากสนามแม่เหล็กภายนอก ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย

    การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ที่ MIT กลุ่มนี้มีศักยภาพในการปฏิวัติเทคโนโลยีหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูลรุ่นต่อไป โดยเปิดทางให้ชิปที่มีความหนาแน่นและความทนทานที่ดีกว่ามาตรฐานในปัจจุบัน

    ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ฟิสิกส์ Nuh Gedik มุ่งเน้นไปที่วัสดุที่เรียกว่า FePS₃ ซึ่งเป็นประเภทของแอนติเฟอร์โรแมกเนติกที่เปลี่ยนเป็นสถานะที่ไม่เป็นแม่เหล็กที่อุณหภูมิประมาณ -247°F พวกเขาสันนิษฐานว่าการกระตุ้นการสั่นสะเทือนของอะตอมของ FePS₃ ด้วยเลเซอร์อย่างแม่นยำสามารถรบกวนการจัดเรียงแอนติเฟอร์โรแมกเนติกแบบปกติและทำให้เกิดสถานะแม่เหล็กใหม่ การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำและการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/106090-mit-light-activated-antiferromagnetic-memory-could-replace-today.html
    นักวิทยาศาสตร์ที่ MIT ได้สร้างสถานะแม่เหล็กที่ไม่เหมือนใครในวัสดุโดยใช้แสง โดยการใช้เลเซอร์พวกเขาสามารถเปลี่ยนวัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติกให้เป็นสถานะใหม่ทั้งหมด วัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติก (Antiferromagnetic materials) เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติแม่เหล็กที่แตกต่างจากวัสดุแม่เหล็กทั่วไป (Ferromagnetic materials) ในวัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติก การจัดเรียงของสปินของอิเล็กตรอนจะเป็นแบบสลับกันขึ้น-ลง-ขึ้น-ลง ทำให้ผลรวมของสนามแม่เหล็กสุทธิเป็นศูนย์ ทำให้วัสดุแอนติเฟอร์โรแมกเนติกมีความทนทานต่อการรบกวนจากสนามแม่เหล็กภายนอก ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ที่ MIT กลุ่มนี้มีศักยภาพในการปฏิวัติเทคโนโลยีหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูลรุ่นต่อไป โดยเปิดทางให้ชิปที่มีความหนาแน่นและความทนทานที่ดีกว่ามาตรฐานในปัจจุบัน ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ฟิสิกส์ Nuh Gedik มุ่งเน้นไปที่วัสดุที่เรียกว่า FePS₃ ซึ่งเป็นประเภทของแอนติเฟอร์โรแมกเนติกที่เปลี่ยนเป็นสถานะที่ไม่เป็นแม่เหล็กที่อุณหภูมิประมาณ -247°F พวกเขาสันนิษฐานว่าการกระตุ้นการสั่นสะเทือนของอะตอมของ FePS₃ ด้วยเลเซอร์อย่างแม่นยำสามารถรบกวนการจัดเรียงแอนติเฟอร์โรแมกเนติกแบบปกติและทำให้เกิดสถานะแม่เหล็กใหม่ การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำและการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงในอนาคต https://www.techspot.com/news/106090-mit-light-activated-antiferromagnetic-memory-could-replace-today.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    MIT's light-activated antiferromagnetic memory could replace today's ferromagnets
    The research team, led by physics professor Nuh Gedik, concentrated on a material called FePS₃, a type of antiferromagnet that transitions to a non-magnetic state at around...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งยืนยันว่า การศึกษาไม่ช่วยขัดเกลาจิตใจกบ..ฏคนล้มล้าง ก่อกวน ก่อการ ก่อกรรม หลบหนี แล้วโอ้อวด หารู้ไม่ว่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์คอยสาปแช่ง และรอวันลงโทษคนหักหลังอย่างมรึง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    สิ่งยืนยันว่า การศึกษาไม่ช่วยขัดเกลาจิตใจกบ..ฏคนล้มล้าง ก่อกวน ก่อการ ก่อกรรม หลบหนี แล้วโอ้อวด หารู้ไม่ว่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์คอยสาปแช่ง และรอวันลงโทษคนหักหลังอย่างมรึง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ

    การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ

    ---

    1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน

    ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน

    เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ

    เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม

    ---

    2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต

    มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี

    ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ

    สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ

    ---

    3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข

    การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ

    คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี

    กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย

    ---

    ผลของเมตตาเสมอกัน

    ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี

    ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน

    ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน

    ---

    เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ --- 1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม --- 2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ --- 3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย --- ผลของเมตตาเสมอกัน ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน --- เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุ่งอรุณแห่งความสำเร็จ: เรื่องเล่าของเหล่านกเช้า
    Source: Matthew Walker Teaches the Science of Better Sleep.

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงดูสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้ามืด? พวกเขาเหล่านั้นคือ "นกเช้า" ผู้ตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวัน และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังและความกระตือรือร้น ภาพที่เราเห็นนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างที่เปิดออกสู่โลกของเหล่านกเช้า เผยให้เห็นถึงข้อดีและลักษณะเด่นที่น่าสนใจ
    ความเชื่อที่ว่า "นกน้อยตื่นเช้าจะได้กินหนอน" ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบของการเริ่มต้นวันก่อนใคร แต่ในโลกยุคใหม่ ความได้เปรียบนี้มีความหมายมากกว่าแค่การหาอาหาร

    ความสุขที่มาพร้อมกับแสงแรก
    งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยว่า การมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะตื่นเช้า อาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภทและภาวะซึมเศร้า ราวกับว่าแสงแรกของวันได้นำมาซึ่งความสุขและความสงบในจิตใจ
    ความสำเร็จในโลกแห่งองค์กร
    ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดั้งเดิม นกเช้ามักจะโดดเด่น พวกเขามีความพร้อมมากกว่าในการจัดการกับตารางเวลาที่แน่นอน และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเช้าตรู่ที่เงียบสงบในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ราวกับว่าพวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้นในหนึ่งวัน
    พลังแห่งการเคลื่อนไหว
    การศึกษาพบว่านกเช้ามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าตลอดทั้งวัน พวกเขาอาจจะออกกำลังกายเบาๆ เดินเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายและจิตใจ ราวกับว่าพวกเขาได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์
    ความตรงต่อเวลาที่เป็นเลิศ
    นกเช้ามักจะมาถึงตรงเวลาหรือก่อนเวลาเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับเวลาและเคารพในนัดหมาย ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าของทุกนาที
    แต่เรื่องเล่านี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น
    การเป็นนกเช้าไม่ใช่สูตรสำเร็จของความสำเร็จ แต่เป็นเพียงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมาะกับบางคน สิ่งสำคัญคือการค้นหาจังหวะชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นนกเช้า นกฮูก หรืออะไรก็ตาม

    เคล็ดลับจากเหล่านกเช้า:
    •เริ่มต้นอย่างช้าๆ: อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ปรับเวลาตื่นนอนทีละเล็กทีละน้อย
    •สร้างกิจวัตรยามเช้า: กำหนดกิจกรรมที่คุณชอบทำในตอนเช้า เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตื่นนอน
    •รับแสงแดด: แสงแดดธรรมชาติช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย
    •พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นพื้นฐานของการตื่นเช้าอย่างสดชื่น
    •หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอน: เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน

    ข้อคิดส่งท้าย:
    ไม่ว่าคุณจะเลือกตื่นเช้าหรือนอนดึก สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ค้นหาจังหวะชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง และใช้ทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่า

    อ้างอิง :
    •Nature Communications (2019): ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morningness-eveningness," "genetics," "mental health," และ "actigraphy"
    •University of Education in Heidelberg: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morning larks," "punctuality," และ "work performance"
    •University of Oulu: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "early risers," "physical activity," และ "middle-aged adults"

    หมายเหตุ:
    การค้นหาใน Google Scholar โดยใช้คำสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงงานวิจัยต้นฉบับและบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง

    สนใจพัฒนายุทธศาสตร์ - กลยุทธ์และขับเคลื่อนผลงาน สร้างความเป็นเลิศโดย 10X Consulting ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการศึกษา/วิจัยวิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practices) ขององค์กร 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ
    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป
    ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor
    บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ
    #เดชฤทธิ์กรุ๊ป
    #Dechritgroup
    #10Xconsulting
    #lifealignmentor
    พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก
    https://10-xconsulting.com
    ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี
    “ผสานความดี X ความเก่ง”
    https://lifealignmentor.com
    รุ่งอรุณแห่งความสำเร็จ: เรื่องเล่าของเหล่านกเช้า Source: Matthew Walker Teaches the Science of Better Sleep. เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงดูสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้ามืด? พวกเขาเหล่านั้นคือ "นกเช้า" ผู้ตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวัน และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังและความกระตือรือร้น ภาพที่เราเห็นนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างที่เปิดออกสู่โลกของเหล่านกเช้า เผยให้เห็นถึงข้อดีและลักษณะเด่นที่น่าสนใจ ความเชื่อที่ว่า "นกน้อยตื่นเช้าจะได้กินหนอน" ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบของการเริ่มต้นวันก่อนใคร แต่ในโลกยุคใหม่ ความได้เปรียบนี้มีความหมายมากกว่าแค่การหาอาหาร ความสุขที่มาพร้อมกับแสงแรก งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยว่า การมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะตื่นเช้า อาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภทและภาวะซึมเศร้า ราวกับว่าแสงแรกของวันได้นำมาซึ่งความสุขและความสงบในจิตใจ ความสำเร็จในโลกแห่งองค์กร ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดั้งเดิม นกเช้ามักจะโดดเด่น พวกเขามีความพร้อมมากกว่าในการจัดการกับตารางเวลาที่แน่นอน และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเช้าตรู่ที่เงียบสงบในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ราวกับว่าพวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้นในหนึ่งวัน พลังแห่งการเคลื่อนไหว การศึกษาพบว่านกเช้ามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าตลอดทั้งวัน พวกเขาอาจจะออกกำลังกายเบาๆ เดินเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายและจิตใจ ราวกับว่าพวกเขาได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ความตรงต่อเวลาที่เป็นเลิศ นกเช้ามักจะมาถึงตรงเวลาหรือก่อนเวลาเสมอ พวกเขาให้ความสำคัญกับเวลาและเคารพในนัดหมาย ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าของทุกนาที แต่เรื่องเล่านี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น การเป็นนกเช้าไม่ใช่สูตรสำเร็จของความสำเร็จ แต่เป็นเพียงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมาะกับบางคน สิ่งสำคัญคือการค้นหาจังหวะชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นนกเช้า นกฮูก หรืออะไรก็ตาม เคล็ดลับจากเหล่านกเช้า: •เริ่มต้นอย่างช้าๆ: อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ปรับเวลาตื่นนอนทีละเล็กทีละน้อย •สร้างกิจวัตรยามเช้า: กำหนดกิจกรรมที่คุณชอบทำในตอนเช้า เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตื่นนอน •รับแสงแดด: แสงแดดธรรมชาติช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย •พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นพื้นฐานของการตื่นเช้าอย่างสดชื่น •หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอน: เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน ข้อคิดส่งท้าย: ไม่ว่าคุณจะเลือกตื่นเช้าหรือนอนดึก สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ค้นหาจังหวะชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง และใช้ทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่า อ้างอิง : •Nature Communications (2019): ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morningness-eveningness," "genetics," "mental health," และ "actigraphy" •University of Education in Heidelberg: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "morning larks," "punctuality," และ "work performance" •University of Oulu: ค้นหาโดยใช้คำสำคัญเช่น "early risers," "physical activity," และ "middle-aged adults" หมายเหตุ: การค้นหาใน Google Scholar โดยใช้คำสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงงานวิจัยต้นฉบับและบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง สนใจพัฒนายุทธศาสตร์ - กลยุทธ์และขับเคลื่อนผลงาน สร้างความเป็นเลิศโดย 10X Consulting ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการศึกษา/วิจัยวิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practices) ขององค์กร 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ #เดชฤทธิ์กรุ๊ป #Dechritgroup #10Xconsulting #lifealignmentor พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก https://10-xconsulting.com ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี “ผสานความดี X ความเก่ง” https://lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts