• Nvidia เจอแรงกระแทกจากจีนอีกครั้ง — CEO ยอมรับ “ผิดหวัง” หลังถูกแบนชิป AI H20 แม้พัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน หลังรัฐบาลจีนประกาศห้ามบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดย Huang กล่าวในงานแถลงข่าวที่ลอนดอนว่า “ธุรกิจของเรากับจีนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเหมือนรถไฟเหาะ”

    ชิป H20 ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของจีน หลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล Biden เคยสั่งห้ามส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีนในปี 2023 แต่เมื่อ Trump กลับมาดำรงตำแหน่งในปี 2025 ก็มีการเจรจาใหม่ โดย Nvidia ยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยกเลิกข้อจำกัด

    อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง “backdoor” และการติดตามชิปจากระยะไกล ทำให้ Cyberspace Administration of China (CAC) สั่งให้บริษัทใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba หยุดการสั่งซื้อและทดสอบชิป H20 โดยอ้างว่าเทคโนโลยีของ Nvidia อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของข้อมูลภายในประเทศ

    Huang ยืนยันว่า H20 ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และจีนมีเทคโนโลยีของตัวเองเพียงพอสำหรับการใช้งานทางทหารอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า “ต้องอดทน” และ “เข้าใจว่ามีวาระใหญ่กว่าที่ต้องจัดการระหว่างจีนกับสหรัฐฯ”

    Nvidia ถูกแบนชิป AI H20 ในจีน
    Cyberspace Administration of China สั่งบริษัทเทคโนโลยีหยุดซื้อและทดสอบ
    ชิป H20 ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน

    Jensen Huang แสดงความผิดหวังต่อการแบน
    ระบุว่า “ธุรกิจในจีนเหมือนรถไฟเหาะ”
    ยืนยันว่า H20 ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงทางทหาร

    ชิป H20 เคยถูกห้ามส่งออกโดยรัฐบาล Biden
    Nvidia พัฒนา H20 เพื่อลดสเปกให้ผ่านข้อจำกัด
    รัฐบาล Trump เจรจาใหม่ให้ Nvidia จ่าย 15% ของรายได้เพื่อแลกกับการขาย

    จีนกังวลเรื่อง backdoor และการติดตามชิปจากระยะไกล
    มีข้อสงสัยว่า H20 อาจมีระบบติดตามหรือ kill switch
    Nvidia ปฏิเสธว่าชิปไม่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    ตลาด AI ในจีนยังมีขนาดใหญ่มาก
    Huang ระบุว่ามีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์
    เป็นตลาด AI ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการแบน
    การแบนอาจกระทบรายได้ของ Nvidia หลายพันล้านดอลลาร์
    ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้การคาดการณ์ธุรกิจยากขึ้น
    การกล่าวหาว่ามี backdoor อาจกระทบความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ Nvidia ทั่วโลก
    การพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/our-business-in-china-has-been-a-bit-of-a-rollercoaster-nvidia-ceo-disappointed-in-further-chinese-ban-on-buying-its-ai-chips
    📰 Nvidia เจอแรงกระแทกจากจีนอีกครั้ง — CEO ยอมรับ “ผิดหวัง” หลังถูกแบนชิป AI H20 แม้พัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน หลังรัฐบาลจีนประกาศห้ามบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดย Huang กล่าวในงานแถลงข่าวที่ลอนดอนว่า “ธุรกิจของเรากับจีนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเหมือนรถไฟเหาะ” ชิป H20 ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของจีน หลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล Biden เคยสั่งห้ามส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีนในปี 2023 แต่เมื่อ Trump กลับมาดำรงตำแหน่งในปี 2025 ก็มีการเจรจาใหม่ โดย Nvidia ยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยกเลิกข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง “backdoor” และการติดตามชิปจากระยะไกล ทำให้ Cyberspace Administration of China (CAC) สั่งให้บริษัทใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba หยุดการสั่งซื้อและทดสอบชิป H20 โดยอ้างว่าเทคโนโลยีของ Nvidia อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของข้อมูลภายในประเทศ Huang ยืนยันว่า H20 ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และจีนมีเทคโนโลยีของตัวเองเพียงพอสำหรับการใช้งานทางทหารอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า “ต้องอดทน” และ “เข้าใจว่ามีวาระใหญ่กว่าที่ต้องจัดการระหว่างจีนกับสหรัฐฯ” ✅ Nvidia ถูกแบนชิป AI H20 ในจีน ➡️ Cyberspace Administration of China สั่งบริษัทเทคโนโลยีหยุดซื้อและทดสอบ ➡️ ชิป H20 ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน ✅ Jensen Huang แสดงความผิดหวังต่อการแบน ➡️ ระบุว่า “ธุรกิจในจีนเหมือนรถไฟเหาะ” ➡️ ยืนยันว่า H20 ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงทางทหาร ✅ ชิป H20 เคยถูกห้ามส่งออกโดยรัฐบาล Biden ➡️ Nvidia พัฒนา H20 เพื่อลดสเปกให้ผ่านข้อจำกัด ➡️ รัฐบาล Trump เจรจาใหม่ให้ Nvidia จ่าย 15% ของรายได้เพื่อแลกกับการขาย ✅ จีนกังวลเรื่อง backdoor และการติดตามชิปจากระยะไกล ➡️ มีข้อสงสัยว่า H20 อาจมีระบบติดตามหรือ kill switch ➡️ Nvidia ปฏิเสธว่าชิปไม่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ✅ ตลาด AI ในจีนยังมีขนาดใหญ่มาก ➡️ Huang ระบุว่ามีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นตลาด AI ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการแบน ⛔ การแบนอาจกระทบรายได้ของ Nvidia หลายพันล้านดอลลาร์ ⛔ ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้การคาดการณ์ธุรกิจยากขึ้น ⛔ การกล่าวหาว่ามี backdoor อาจกระทบความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ Nvidia ทั่วโลก ⛔ การพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/our-business-in-china-has-been-a-bit-of-a-rollercoaster-nvidia-ceo-disappointed-in-further-chinese-ban-on-buying-its-ai-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine

    Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด

    ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย

    การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ
    ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า

    นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ

    นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด
    เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ?

    สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย !

    ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ? สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย ! ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 5 ของขวัญจาก Georgia

    ในปี ค.ศ. 1943 ครู Mac ได้รับเชิญให้เขียนบทความลงใน Foreign Affairs ซึ่งเป็นวารสารอันมีชื่อเสียงของ CFR ถึงแนวความคิดของเขาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์การเมืองหลังสงครามโลก ครูเขียนไว้เหมือนการพยากรณ์ล่วงหน้าก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะรู้หมู่รู้จ่า

    ” จำไว้ให้ดี ถ้าสหภาพโซเวียต ผงาดขึ้นมา ในฐานะผู้ชนะเยอรมัน สหภาพโซเวียตจะกลายเป็นผู้มีอำนาจหมายเลขหนึ่ง บนภาคพื้นดินของโลก นอกจากนี้ สหภาพโซเวียตจะมีอำนาจ ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งที่สุดในการป้องกันตัวเอง The Heart land กล่องดวงใจ คือป้อมปราการทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นป้อมปราการที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เพรียบพร้อมทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยมี”

    พยากรณ์กันแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นใบสั่งถาวร ในการตอนและกำจัดรัสเซีย !

    คำพูดนี้เป็นการตอกย้ำ สิ่งที่ครู Mac เคยพูด เมื่อปี ค.ศ. 1919 ในระหว่างการเจรจาสันติภาพ Versailles Peace Talk ที่ถือเป็นประกาสิตยอดโด่งดังในวงการภูมิศาสตร์การเมือง ครู Mac บอกว่า ในความเห็นของเขา ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดไว้เป็นหลัก คือ ป้องกันทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสี ยเท่าไหร่ (at all costs) เพื่อไม่ให้มีการรวมตัวกัน ของ Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia ที่ กล่องดวงใจของ Eurasia “Heartland”

    Who rules East Europe commands the Heartland
    Who rules the Heartland commands the World Island
    Who rules the World Island commands the World
    Heartland ของครู Mac หมายถึงใจกลางของ Eurasia คือ Russia และ Ukraine
    The World Island หมายถึง Eurasia ทั้งหมด รวมทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเซีย
    ส่วน Great Britain ในความคิดของครู Mac ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และครูบอกว่า มันควรจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าได้เปลี่ยนเป็นอันขาดไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใด !

    แนวความคิดของครู Mac เป็นเข็มทิศสำหรับอังกฤษ ในการตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1914 และเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีส่วนทำให้ Churchill ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำให้เกิดสงครามเย็น โดยร่วมมือกับอเมริกากดดันรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1943 อังกฤษแอบคิดเอาเองว่า วอชิงตันเด็กใหม่ คงไม่เป็นประสานักกับภูมิศาสตร์การเมือง คงต้องพึ่งฝีมือลูกพี่อังกฤษในการอ่านเกมส์ และอังกฤษก็จะเป็นผู้คุมเกมส์การเมืองกระดานสำคัญนี้

    เสียงของครู Mac คงหลอนท่านหลอด Churchill ทุกคืน เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ท่านหลอดปลุกระดมละอ่อนอเมริกา ผ่านนายพล Eisenhower และประธานาธิบดี Roosevelt เรามาทดลองก่อสงครามกันเต็มรูปแบบ กับสหภาพโซเวียตกันมั้ยพรรคพวก ใช้แค่กองกำลังของเยอรมันที่จับได้เป็นเหยื่อล่อก็ได้ ไม่ต้องลงทุนมาก ปรากฎว่าละอ่อนอเมริกาไม่เล่นด้วย บอกว่าเสี่ยงเกินไป เอะ ไอ้ละอ่อนนี่มันรู้ทันแผนกินรวบของเราหรือไร ท่านหลอดรำพึง

    ปลายปี ค.ศ. 1945 คราวนี้อเมริกาเอาบ้าง เขี้ยวงอกแล้ว ประธานาธิบดี Truman ให้เตรียมแผนโจมตีสหภาพโซเวียต กะจะถล่ม 20 เมืองของโซเวียตด้วยนิวเคลียร์ ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นสหภาพโซเวียตอยู่นิ่งเฉย ไม่มีพฤติกรรมว่าจะเป็นภัยต่อสังคม หรือ ต่อความมั่นคงของอเมริกา ไม่เข้าข่ายต้องเชิญมาปรับพฤติ กรรมสักหน่อย แผนนี้เรียกว่า “Strategic Vulnerability of the USSR to a Limited Air Attack” ( ตั้งชื่อแบบนี้ เดาได้เลยว่าไปไม่สวย) เป็นครั้งแรกที่อเมริกามีแผนจะขจัดรัสเซียออกไปจาก Heartland และคงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย !
    เล่นกันแบบนี้ มอสโคว์ อยู่เฉยๆ ก็ใจเย็นผิดนิสัยไปหน่อย มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง แล้วมอสโคว์ก็ช็อค วอชิงตัน ด้วยการทดลอง Atomic บอมบ์ ในปี 1949 และ Hydrogen บอมบ์ ในปีต่อมา แค่นั้นมันจะซะใจคนอยู่แถวกล่องดวงใจได้ไง มันต้องเอาให้ตาเหลือก ว่าแล้วรัสเซียก็ใช้จรวดส่งดาวเทียม Sputnik ขึ้นไปในอวกาศในปี ค.ศ. 1957 อเมริกาหน้าแตก ไอ้ที่ฝันว่าจะถล่มรัสเซียด้วย นิวเคลียร์ เรียกว่า “Nuclear primacy” ก็เลยกลายเป็นฝันค้าง อยู่กลางอากาศซะเกือบ 50 ปี จนมาได้ไอ้เสือเอาวา สายเหยี่ยว พวกบ้าสงคราม Donald Rumsfeld, **** Cheney, Paul Wolfowitz ในสมัย Bush คนลูก นั่นแหละ

    ปี ค.ศ. 2000 Bush ประกาศนโยบาย Bush Doctrine รบก่อนแล้วค่อยคุย ซึ่งรวมถึงแผนการส่งนิวเคลียร์ให้เป็นของขวัญ แบบไม่ประกาศล่วงหน้าให้แก่รัสเซียแถมไปด้วย และทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของ การลุกขึ้นมาสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวโลก โดยประเทศเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “Georgia” เมื่อปี ค.ศ. 2008 (ต้องใส่เกียร์ถอยหลังไปซะหลายปี ก่อนจะเดินหน้าต่อได้)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 5 ของขวัญจาก Georgia ในปี ค.ศ. 1943 ครู Mac ได้รับเชิญให้เขียนบทความลงใน Foreign Affairs ซึ่งเป็นวารสารอันมีชื่อเสียงของ CFR ถึงแนวความคิดของเขาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์การเมืองหลังสงครามโลก ครูเขียนไว้เหมือนการพยากรณ์ล่วงหน้าก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะรู้หมู่รู้จ่า ” จำไว้ให้ดี ถ้าสหภาพโซเวียต ผงาดขึ้นมา ในฐานะผู้ชนะเยอรมัน สหภาพโซเวียตจะกลายเป็นผู้มีอำนาจหมายเลขหนึ่ง บนภาคพื้นดินของโลก นอกจากนี้ สหภาพโซเวียตจะมีอำนาจ ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งที่สุดในการป้องกันตัวเอง The Heart land กล่องดวงใจ คือป้อมปราการทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นป้อมปราการที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เพรียบพร้อมทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยมี” พยากรณ์กันแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นใบสั่งถาวร ในการตอนและกำจัดรัสเซีย ! คำพูดนี้เป็นการตอกย้ำ สิ่งที่ครู Mac เคยพูด เมื่อปี ค.ศ. 1919 ในระหว่างการเจรจาสันติภาพ Versailles Peace Talk ที่ถือเป็นประกาสิตยอดโด่งดังในวงการภูมิศาสตร์การเมือง ครู Mac บอกว่า ในความเห็นของเขา ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดไว้เป็นหลัก คือ ป้องกันทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสี ยเท่าไหร่ (at all costs) เพื่อไม่ให้มีการรวมตัวกัน ของ Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia ที่ กล่องดวงใจของ Eurasia “Heartland” Who rules East Europe commands the Heartland Who rules the Heartland commands the World Island Who rules the World Island commands the World Heartland ของครู Mac หมายถึงใจกลางของ Eurasia คือ Russia และ Ukraine The World Island หมายถึง Eurasia ทั้งหมด รวมทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเซีย ส่วน Great Britain ในความคิดของครู Mac ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และครูบอกว่า มันควรจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าได้เปลี่ยนเป็นอันขาดไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใด ! แนวความคิดของครู Mac เป็นเข็มทิศสำหรับอังกฤษ ในการตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1914 และเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีส่วนทำให้ Churchill ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำให้เกิดสงครามเย็น โดยร่วมมือกับอเมริกากดดันรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1943 อังกฤษแอบคิดเอาเองว่า วอชิงตันเด็กใหม่ คงไม่เป็นประสานักกับภูมิศาสตร์การเมือง คงต้องพึ่งฝีมือลูกพี่อังกฤษในการอ่านเกมส์ และอังกฤษก็จะเป็นผู้คุมเกมส์การเมืองกระดานสำคัญนี้ เสียงของครู Mac คงหลอนท่านหลอด Churchill ทุกคืน เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ท่านหลอดปลุกระดมละอ่อนอเมริกา ผ่านนายพล Eisenhower และประธานาธิบดี Roosevelt เรามาทดลองก่อสงครามกันเต็มรูปแบบ กับสหภาพโซเวียตกันมั้ยพรรคพวก ใช้แค่กองกำลังของเยอรมันที่จับได้เป็นเหยื่อล่อก็ได้ ไม่ต้องลงทุนมาก ปรากฎว่าละอ่อนอเมริกาไม่เล่นด้วย บอกว่าเสี่ยงเกินไป เอะ ไอ้ละอ่อนนี่มันรู้ทันแผนกินรวบของเราหรือไร ท่านหลอดรำพึง ปลายปี ค.ศ. 1945 คราวนี้อเมริกาเอาบ้าง เขี้ยวงอกแล้ว ประธานาธิบดี Truman ให้เตรียมแผนโจมตีสหภาพโซเวียต กะจะถล่ม 20 เมืองของโซเวียตด้วยนิวเคลียร์ ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นสหภาพโซเวียตอยู่นิ่งเฉย ไม่มีพฤติกรรมว่าจะเป็นภัยต่อสังคม หรือ ต่อความมั่นคงของอเมริกา ไม่เข้าข่ายต้องเชิญมาปรับพฤติ กรรมสักหน่อย แผนนี้เรียกว่า “Strategic Vulnerability of the USSR to a Limited Air Attack” ( ตั้งชื่อแบบนี้ เดาได้เลยว่าไปไม่สวย) เป็นครั้งแรกที่อเมริกามีแผนจะขจัดรัสเซียออกไปจาก Heartland และคงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย ! เล่นกันแบบนี้ มอสโคว์ อยู่เฉยๆ ก็ใจเย็นผิดนิสัยไปหน่อย มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง แล้วมอสโคว์ก็ช็อค วอชิงตัน ด้วยการทดลอง Atomic บอมบ์ ในปี 1949 และ Hydrogen บอมบ์ ในปีต่อมา แค่นั้นมันจะซะใจคนอยู่แถวกล่องดวงใจได้ไง มันต้องเอาให้ตาเหลือก ว่าแล้วรัสเซียก็ใช้จรวดส่งดาวเทียม Sputnik ขึ้นไปในอวกาศในปี ค.ศ. 1957 อเมริกาหน้าแตก ไอ้ที่ฝันว่าจะถล่มรัสเซียด้วย นิวเคลียร์ เรียกว่า “Nuclear primacy” ก็เลยกลายเป็นฝันค้าง อยู่กลางอากาศซะเกือบ 50 ปี จนมาได้ไอ้เสือเอาวา สายเหยี่ยว พวกบ้าสงคราม Donald Rumsfeld, Dick Cheney, Paul Wolfowitz ในสมัย Bush คนลูก นั่นแหละ ปี ค.ศ. 2000 Bush ประกาศนโยบาย Bush Doctrine รบก่อนแล้วค่อยคุย ซึ่งรวมถึงแผนการส่งนิวเคลียร์ให้เป็นของขวัญ แบบไม่ประกาศล่วงหน้าให้แก่รัสเซียแถมไปด้วย และทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของ การลุกขึ้นมาสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวโลก โดยประเทศเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “Georgia” เมื่อปี ค.ศ. 2008 (ต้องใส่เกียร์ถอยหลังไปซะหลายปี ก่อนจะเดินหน้าต่อได้) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ

    ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว

    หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม

    SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต
    43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน
    60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก
    89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
    30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ

    ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม
    42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D
    เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า

    AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน
    ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต
    เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs
    ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์
    ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน
    หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย
    การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    📰 SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม ✅ SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต ➡️ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน ➡️ 60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก ➡️ 89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ➡️ 30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ ✅ ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม ➡️ 42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D ➡️ เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ✅ AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน ➡️ ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต ➡️ เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs ⛔ ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์ ⛔ ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน ⛔ หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย ⛔ การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี npm ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ — เมื่อ JavaScript กลายเป็นช่องทางขโมยข้อมูลองค์กร

    นักพัฒนา JavaScript ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบบ npm หลังจากบริษัท Koi Security และ StepSecurity เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ชื่อ “Shai-Hulud” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบ Node.js โดยมีแพ็กเกจที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 500 รายการ และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    มัลแวร์ Shai-Hulud ถูกฝังอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยม เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และแม้แต่แพ็กเกจจาก CrowdStrike โดยใช้เทคนิค worm ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติผ่าน npm token ที่ถูกขโมยจากเครื่องของนักพัฒนา

    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแพ็กเกจที่ติดมัลแวร์ bundle.js จะถูกเรียกใช้ทันที ซึ่งจะสแกนระบบด้วย TruffleHog เพื่อค้นหา credentials เช่น GitHub token, AWS key, Google Cloud และ Azure แล้วส่งข้อมูลไปยัง GitHub repository ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี พร้อมฝัง GitHub Actions workflow (.github/workflows/shai-hulud-workflow.yml) เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากการติดตั้งครั้งแรก

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากลัวคือความสามารถในการเปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะโดยอัตโนมัติ และการใช้ GitHub Actions เพื่อสร้าง backdoor ที่คงอยู่ในระบบ CI/CD ขององค์กรโดยไม่ต้องอาศัยการกระทำจากผู้ใช้โดยตรง

    Shai-Hulud เป็น supply chain attack ที่รุนแรงที่สุดใน npm ecosystem
    ส่งผลกระทบต่อแพ็กเกจมากกว่า 500 รายการ
    ใช้เทคนิค worm ที่แพร่กระจายตัวเองผ่าน npm token

    มัลแวร์ถูกฝังในแพ็กเกจยอดนิยม
    เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และ CrowdStrike
    มีการเผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ดูแลที่ถูกแฮกกว่า 40 บัญชี

    ใช้ TruffleHog เพื่อขโมย credentials จากเครื่องนักพัฒนา
    GitHub token, AWS/GCP/Azure keys, environment variables
    สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

    เปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
    สร้าง repo ชื่อ “Shai-Hulud Migration” พร้อม dump ข้อมูล
    ใช้ GitHub API เพื่อควบคุม repository โดยไม่ต้อง login

    มีการวิเคราะห์โดยหลายบริษัทด้านความปลอดภัย
    Wiz, JFrog, Socket, CrowdStrike และ StepSecurity
    พบว่า malware targeting Linux/macOS และหลีกเลี่ยง Windows

    คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของ Shai-Hulud
    นักพัฒนาที่ใช้ npm อาจถูกขโมยข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    GitHub Actions ที่ถูกฝังอาจทำงานแม้หลังจากลบแพ็กเกจ
    การเปลี่ยน repo เป็นสาธารณะอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหล
    การแพร่กระจายแบบ worm ทำให้การโจมตียากต่อการควบคุมและตรวจสอบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/shai-hulud-malware-campaign-dubbed-the-largest-and-most-dangerous-npm-supply-chain-compromise-in-history-hundreds-of-javascript-packages-affected
    📰 Shai-Hulud: มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่โจมตี npm ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ — เมื่อ JavaScript กลายเป็นช่องทางขโมยข้อมูลองค์กร นักพัฒนา JavaScript ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบบ npm หลังจากบริษัท Koi Security และ StepSecurity เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ชื่อ “Shai-Hulud” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นการโจมตีแบบ supply chain ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบ Node.js โดยมีแพ็กเกจที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 500 รายการ และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มัลแวร์ Shai-Hulud ถูกฝังอยู่ในแพ็กเกจยอดนิยม เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และแม้แต่แพ็กเกจจาก CrowdStrike โดยใช้เทคนิค worm ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติผ่าน npm token ที่ถูกขโมยจากเครื่องของนักพัฒนา เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแพ็กเกจที่ติดมัลแวร์ bundle.js จะถูกเรียกใช้ทันที ซึ่งจะสแกนระบบด้วย TruffleHog เพื่อค้นหา credentials เช่น GitHub token, AWS key, Google Cloud และ Azure แล้วส่งข้อมูลไปยัง GitHub repository ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี พร้อมฝัง GitHub Actions workflow (.github/workflows/shai-hulud-workflow.yml) เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากการติดตั้งครั้งแรก สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากลัวคือความสามารถในการเปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะโดยอัตโนมัติ และการใช้ GitHub Actions เพื่อสร้าง backdoor ที่คงอยู่ในระบบ CI/CD ขององค์กรโดยไม่ต้องอาศัยการกระทำจากผู้ใช้โดยตรง ✅ Shai-Hulud เป็น supply chain attack ที่รุนแรงที่สุดใน npm ecosystem ➡️ ส่งผลกระทบต่อแพ็กเกจมากกว่า 500 รายการ ➡️ ใช้เทคนิค worm ที่แพร่กระจายตัวเองผ่าน npm token ✅ มัลแวร์ถูกฝังในแพ็กเกจยอดนิยม ➡️ เช่น @ctrl/tinycolor, ngx-bootstrap, ng2-file-upload และ CrowdStrike ➡️ มีการเผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ดูแลที่ถูกแฮกกว่า 40 บัญชี ✅ ใช้ TruffleHog เพื่อขโมย credentials จากเครื่องนักพัฒนา ➡️ GitHub token, AWS/GCP/Azure keys, environment variables ➡️ สร้าง GitHub Actions workflow เพื่อขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ✅ เปลี่ยน repository ส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ ➡️ สร้าง repo ชื่อ “Shai-Hulud Migration” พร้อม dump ข้อมูล ➡️ ใช้ GitHub API เพื่อควบคุม repository โดยไม่ต้อง login ✅ มีการวิเคราะห์โดยหลายบริษัทด้านความปลอดภัย ➡️ Wiz, JFrog, Socket, CrowdStrike และ StepSecurity ➡️ พบว่า malware targeting Linux/macOS และหลีกเลี่ยง Windows ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของ Shai-Hulud ⛔ นักพัฒนาที่ใช้ npm อาจถูกขโมยข้อมูลโดยไม่รู้ตัว ⛔ GitHub Actions ที่ถูกฝังอาจทำงานแม้หลังจากลบแพ็กเกจ ⛔ การเปลี่ยน repo เป็นสาธารณะอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหล ⛔ การแพร่กระจายแบบ worm ทำให้การโจมตียากต่อการควบคุมและตรวจสอบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/shai-hulud-malware-campaign-dubbed-the-largest-and-most-dangerous-npm-supply-chain-compromise-in-history-hundreds-of-javascript-packages-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดี เขมรรุกล้ำโดนจับแน่ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้ว
    ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่ได้หลงกลกัมพูชา ทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง ทหารต้องสู้กับทหาร ไม่ใช่ประชาชน จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้ รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อมแล้ว ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากมีการละเมิดอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย ใช้กฎหมายสูงสุด เพราะคุณรุกล้ำและละเมิดอธิปไตยไทยชัดเจน
    ไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดี เขมรรุกล้ำโดนจับแน่ : [THE MESSAGE] พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้ว ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่ได้หลงกลกัมพูชา ทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง ทหารต้องสู้กับทหาร ไม่ใช่ประชาชน จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้ รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อมแล้ว ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากมีการละเมิดอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย ใช้กฎหมายสูงสุด เพราะคุณรุกล้ำและละเมิดอธิปไตยไทยชัดเจน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง

    แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว

    บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย

    สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi
    ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt
    สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot
    เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย

    สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว
    ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก
    แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้
    ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น

    เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft
    ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server
    รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน
    เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้

    ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์
    ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link
    เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม
    แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency

    ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย
    กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์
    ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย

    https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    📰 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ✅ สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi ➡️ ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt ➡️ สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot ➡️ เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย ✅ สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว ➡️ ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก ➡️ แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้ ➡️ ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น ✅ เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft ➡️ ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server ➡️ รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน ➡️ เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้ ✅ ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์ ➡️ ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link ➡️ เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม ➡️ แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency ✅ ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ➡️ กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Creative Uses For Your Old Raspberry Pi - SlashGear
    Turn an unused Raspberry Pi into something useful with projects like a travel router, weather station, game server, streaming hub, or ad blocker.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน

    ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว

    ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF

    Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ

    Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว
    เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
    เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025

    Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว
    รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน

    รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง
    บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์
    ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF

    ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้
    เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ”
    คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป

    ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้
    ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop
    แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที

    รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์
    ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects
    โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด
    หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด
    ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้
    ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings

    https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    📰 ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ✅ Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว ➡️ เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ➡️ เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025 ✅ Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว ➡️ รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน ✅ รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง ➡️ บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์ ➡️ ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF ✅ ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้ ➡️ เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ” ➡️ คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป ✅ ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้ ➡️ ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop ➡️ แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที ✅ รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects ⛔ โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด ⛔ หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้ ⛔ ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Was One Of ChatGPT's Best Paid Features (And Now It's Free) - SlashGear
    ChatGPT’s “Projects” feature -- once exclusive to paid users -- is now available for free, letting everyone better organize chats into folders.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft และ Cloudflare ร่วมมือถล่มเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 — ยุติการขโมยบัญชี Microsoft 365 กว่า 5,000 รายทั่วโลก

    ในปฏิบัติการระดับโลกที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2025 Microsoft และ Cloudflare ได้ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่งชื่อ RaccoonO365 ซึ่งเป็นบริการ “Phishing-as-a-Service” ที่เปิดให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือเพื่อขโมยบัญชี Microsoft 365 ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคใด ๆ

    RaccoonO365 ถูกติดตามโดย Microsoft ภายใต้ชื่อ Storm-2246 และมีรูปแบบการให้บริการแบบสมัครสมาชิก โดยคิดค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ซึ่งผู้ใช้สามารถป้อนอีเมลเป้าหมายได้ถึง 9,000 รายต่อวัน และใช้เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อน เช่น CAPTCHA ปลอม, หน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม, และการข้ามระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)

    Microsoft ได้ยื่นฟ้องต่อศาล Southern District of New York และได้รับคำสั่งให้ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องถึง 338 แห่ง พร้อมระบุผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe จากไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารระบบนี้ผ่าน Telegram ที่มีสมาชิกกว่า 850 คน

    Cloudflare เข้าร่วมปฏิบัติการโดยปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง, ลบสคริปต์ Workers ที่ใช้ป้องกันบอท และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมนที่เป็นอันตราย การดำเนินการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการลบโดเมนทีละตัว ไปสู่การรื้อถอนโครงสร้างเครือข่ายแบบครบวงจร

    Microsoft และ Cloudflare ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365
    ปฏิบัติการเริ่มต้นวันที่ 2 กันยายน 2025 และเสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 กันยายน
    ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ถึง 338 แห่ง

    RaccoonO365 เป็นบริการ Phishing-as-a-Service
    ให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือผ่าน Telegram
    ค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน
    รองรับเป้าหมายได้ถึง 9,000 อีเมลต่อวัน

    เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวงมีความซับซ้อน
    ใช้ CAPTCHA ปลอมและหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม
    ข้ามระบบ MFA และขโมย session cookies
    ใช้แบรนด์ดังเช่น DocuSign, Adobe, Maersk เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

    ผู้พัฒนาและผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe
    มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งและเขียนโค้ดส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง
    ดำเนินการจากไนจีเรียและยังไม่ถูกจับกุม

    Cloudflare ปิดระบบสนับสนุนของเครือข่ายนี้
    ลบสคริปต์ Workers และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมน
    ปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-and-cloudflare-jointly-take-down-phishing-network-that-stole-thousands-of-microsoft-365-credentials
    📰 Microsoft และ Cloudflare ร่วมมือถล่มเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 — ยุติการขโมยบัญชี Microsoft 365 กว่า 5,000 รายทั่วโลก ในปฏิบัติการระดับโลกที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2025 Microsoft และ Cloudflare ได้ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่งชื่อ RaccoonO365 ซึ่งเป็นบริการ “Phishing-as-a-Service” ที่เปิดให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือเพื่อขโมยบัญชี Microsoft 365 ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคใด ๆ RaccoonO365 ถูกติดตามโดย Microsoft ภายใต้ชื่อ Storm-2246 และมีรูปแบบการให้บริการแบบสมัครสมาชิก โดยคิดค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ซึ่งผู้ใช้สามารถป้อนอีเมลเป้าหมายได้ถึง 9,000 รายต่อวัน และใช้เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อน เช่น CAPTCHA ปลอม, หน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม, และการข้ามระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) Microsoft ได้ยื่นฟ้องต่อศาล Southern District of New York และได้รับคำสั่งให้ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องถึง 338 แห่ง พร้อมระบุผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe จากไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารระบบนี้ผ่าน Telegram ที่มีสมาชิกกว่า 850 คน Cloudflare เข้าร่วมปฏิบัติการโดยปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง, ลบสคริปต์ Workers ที่ใช้ป้องกันบอท และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมนที่เป็นอันตราย การดำเนินการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการลบโดเมนทีละตัว ไปสู่การรื้อถอนโครงสร้างเครือข่ายแบบครบวงจร ✅ Microsoft และ Cloudflare ร่วมกันรื้อถอนเครือข่ายฟิชชิ่ง RaccoonO365 ➡️ ปฏิบัติการเริ่มต้นวันที่ 2 กันยายน 2025 และเสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 กันยายน ➡️ ยึดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ถึง 338 แห่ง ✅ RaccoonO365 เป็นบริการ Phishing-as-a-Service ➡️ ให้แฮกเกอร์เช่าชุดเครื่องมือผ่าน Telegram ➡️ ค่าบริการ $355 ต่อ 30 วัน หรือ $999 ต่อ 90 วัน ➡️ รองรับเป้าหมายได้ถึง 9,000 อีเมลต่อวัน ✅ เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวงมีความซับซ้อน ➡️ ใช้ CAPTCHA ปลอมและหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft ปลอม ➡️ ข้ามระบบ MFA และขโมย session cookies ➡️ ใช้แบรนด์ดังเช่น DocuSign, Adobe, Maersk เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ✅ ผู้พัฒนาและผู้อยู่เบื้องหลังคือ Joshua Ogundipe ➡️ มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งและเขียนโค้ดส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ➡️ ดำเนินการจากไนจีเรียและยังไม่ถูกจับกุม ✅ Cloudflare ปิดระบบสนับสนุนของเครือข่ายนี้ ➡️ ลบสคริปต์ Workers และแสดงหน้าเตือนก่อนเข้าถึงโดเมน ➡️ ปิดบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-and-cloudflare-jointly-take-down-phishing-network-that-stole-thousands-of-microsoft-365-credentials
    WWW.TECHRADAR.COM
    Joint Microsoft and Cloudflare operation disrupts phishing as a service targeting Microsoft 365 credentials
    RaccoonO365 sold phishing kits that copied Microsoft emails, attachments, and websites
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jensen Huang เผย AI ที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน — จาก “คู่คิด” สู่เครื่องมือวิจารณ์งานตัวเอง

    ในงานสื่อที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในงานวิจัยหรือการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังใช้เพื่อช่วยคิด วิเคราะห์ และแม้กระทั่ง “วิจารณ์” ผลงานของตัวเอง

    Huang เรียก AI ว่าเป็น “thinking partner” หรือคู่คิดที่รู้จักเขาอย่างลึกซึ้ง เพราะ AI สามารถจดจำสิ่งที่เขาเคยพูด เคยทำ และนำมาใช้เป็นบริบทในการช่วยเขาสร้างงานใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาเปรียบเทียบว่า การใช้ AI เหมือนทำงานกับเพื่อนที่รู้จักเรามานาน ต่างจากการใช้โปรแกรมทั่วไปที่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ทุกครั้ง

    เขายังเผยว่าใช้ AI หลายตัวในแต่ละวัน โดยเลือกใช้ตามลักษณะงาน เช่น:
    - Gemini สำหรับงานเทคนิค
    - Grok สำหรับงานสร้างสรรค์
    - Perplexity สำหรับค้นหาข้อมูลเร็ว ๆ
    - ChatGPT สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

    ที่น่าสนใจคือ Huang มักจะส่งคำสั่งเดียวกันไปยัง AI หลายตัว แล้วให้พวกมัน “วิจารณ์กันเอง” ก่อนที่เขาจะเลือกคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ AI แบบมีวิจารณญาณและไม่ยึดติดกับระบบใดระบบหนึ่ง

    Jensen Huang ใช้ AI เป็น “คู่คิด” ในชีวิตประจำวัน
    AI ช่วยจดจำบริบทจากงานเก่าและนำมาใช้ในงานใหม่
    เปรียบเทียบว่า AI เหมือนเพื่อนร่วมงานที่รู้จักเรามานาน

    ใช้ AI หลายตัวตามลักษณะงาน
    Gemini สำหรับงานเทคนิค
    Grok สำหรับงานสร้างสรรค์
    Perplexity สำหรับค้นหาข้อมูลเร็ว
    ChatGPT สำหรับใช้งานทั่วไป

    เทคนิคการใช้งานแบบ “วิจารณ์กันเอง”
    ส่งคำสั่งเดียวกันไปยังหลาย AI
    ให้ AI วิจารณ์คำตอบของกันและกัน
    เลือกคำตอบที่ดีที่สุดจากการเปรียบเทียบ

    AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    ช่วยคิด วิเคราะห์ และเขียนงานได้ดีขึ้น
    ลดเวลาในการทำงานและเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์
    ส่งผลต่อการเรียนรู้และการคิดเชิงวิพากษ์ของผู้ใช้

    https://www.techradar.com/pro/ever-wondered-which-ai-tools-the-ceo-of-nvidia-uses-we-have-the-answer-straight-from-jensen-huang-himself
    📰 Jensen Huang เผย AI ที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน — จาก “คู่คิด” สู่เครื่องมือวิจารณ์งานตัวเอง ในงานสื่อที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในงานวิจัยหรือการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังใช้เพื่อช่วยคิด วิเคราะห์ และแม้กระทั่ง “วิจารณ์” ผลงานของตัวเอง Huang เรียก AI ว่าเป็น “thinking partner” หรือคู่คิดที่รู้จักเขาอย่างลึกซึ้ง เพราะ AI สามารถจดจำสิ่งที่เขาเคยพูด เคยทำ และนำมาใช้เป็นบริบทในการช่วยเขาสร้างงานใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาเปรียบเทียบว่า การใช้ AI เหมือนทำงานกับเพื่อนที่รู้จักเรามานาน ต่างจากการใช้โปรแกรมทั่วไปที่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ทุกครั้ง เขายังเผยว่าใช้ AI หลายตัวในแต่ละวัน โดยเลือกใช้ตามลักษณะงาน เช่น: - Gemini สำหรับงานเทคนิค - Grok สำหรับงานสร้างสรรค์ - Perplexity สำหรับค้นหาข้อมูลเร็ว ๆ - ChatGPT สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่น่าสนใจคือ Huang มักจะส่งคำสั่งเดียวกันไปยัง AI หลายตัว แล้วให้พวกมัน “วิจารณ์กันเอง” ก่อนที่เขาจะเลือกคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ AI แบบมีวิจารณญาณและไม่ยึดติดกับระบบใดระบบหนึ่ง ✅ Jensen Huang ใช้ AI เป็น “คู่คิด” ในชีวิตประจำวัน ➡️ AI ช่วยจดจำบริบทจากงานเก่าและนำมาใช้ในงานใหม่ ➡️ เปรียบเทียบว่า AI เหมือนเพื่อนร่วมงานที่รู้จักเรามานาน ✅ ใช้ AI หลายตัวตามลักษณะงาน ➡️ Gemini สำหรับงานเทคนิค ➡️ Grok สำหรับงานสร้างสรรค์ ➡️ Perplexity สำหรับค้นหาข้อมูลเร็ว ➡️ ChatGPT สำหรับใช้งานทั่วไป ✅ เทคนิคการใช้งานแบบ “วิจารณ์กันเอง” ➡️ ส่งคำสั่งเดียวกันไปยังหลาย AI ➡️ ให้ AI วิจารณ์คำตอบของกันและกัน ➡️ เลือกคำตอบที่ดีที่สุดจากการเปรียบเทียบ ✅ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ➡️ ช่วยคิด วิเคราะห์ และเขียนงานได้ดีขึ้น ➡️ ลดเวลาในการทำงานและเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์ ➡️ ส่งผลต่อการเรียนรู้และการคิดเชิงวิพากษ์ของผู้ใช้ https://www.techradar.com/pro/ever-wondered-which-ai-tools-the-ceo-of-nvidia-uses-we-have-the-answer-straight-from-jensen-huang-himself
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • Aoostar เปิดตัว EG01 — Dock eGPU ที่รองรับ Thunderbolt 5 และ OCuLink พร้อมติดตั้ง Mini-PC บนตัวได้

    ในยุคที่การใช้งานกราฟิกระดับสูงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเครื่องเดสก์ท็อปขนาดใหญ่ Aoostar ได้เปิดตัว EG01 ซึ่งเป็น eGPU dock รุ่นใหม่ที่รองรับทั้ง Thunderbolt 5 และ OCuLink — สองมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดในตลาดตอนนี้2 โดย EG01 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด พร้อมรองรับการติดตั้ง Mini-PC ด้านบนตัว dock ได้โดยตรง

    จุดเด่นของ EG01 คือการเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX หรือ SFX ได้เอง ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่มาพร้อม PSU ฝังในตัว โดยการออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรด PSU ได้ในอนาคตตามความต้องการของกราฟิกการ์ดที่ใช้ เช่น หากต้องการใช้การ์ดระดับ RTX 4090 ก็สามารถเปลี่ยน PSU ให้รองรับกำลังไฟที่สูงขึ้นได้ทันที

    EG01 ยังรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Power Delivery สูงถึง 150W ซึ่งมากกว่ารุ่นคู่แข่งอย่าง Peladn Link S-3 ที่รองรับเพียง 140W และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ด้วย แม้จะได้ความเร็วต่ำกว่า Thunderbolt 5 ก็ตาม

    แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ยืนยันว่าจะเปิดตัวในระดับสากล และมีแผนรองรับการใช้งานกับทั้งแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา

    Aoostar เปิดตัว EG01 eGPU dock รุ่นใหม่
    รองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 5 และ OCuLink
    เป็น dock รุ่นแรกที่รวมทั้งสองมาตรฐานไว้ในตัวเดียว

    รองรับการติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด
    รองรับการ์ดแบบ single-slot และ dual-slot
    ไม่มี PSU ฝังในตัว แต่เปิดให้ติดตั้ง ATX/SFX PSU ได้เอง

    รองรับการติดตั้ง Mini-PC บนตัว dock
    มีฐานติดตั้ง Mini-PC ด้านบน PSU และ GPU
    เปลี่ยน dock ให้กลายเป็นระบบคล้าย mini-ITX

    รองรับ USB Power Delivery สูงถึง 150W
    เหนือกว่ารุ่นคู่แข่งที่รองรับเพียง 140W
    ช่วยจ่ายไฟให้กับ Mini-PC หรืออุปกรณ์อื่นได้โดยตรง

    รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย
    ใช้ได้กับแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา
    Thunderbolt 5 ย้อนกลับไปใช้งานกับ Thunderbolt 4 ได้

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ EG01
    ยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่าย
    Thunderbolt 5 ยังไม่แพร่หลายในอุปกรณ์ทั่วไป
    แม้ Thunderbolt 5 จะเร็วขึ้น แต่ยังรองรับ PCIe 4.0 x4 เท่าเดิม
    ประสิทธิภาพในการเล่นเกมอาจไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดหวัง

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/this-upcoming-thunderbolt-5-egpu-dock-lets-you-mount-an-entire-mini-pc-on-the-side-also-features-aftermarket-atx-and-sfx-power-supply-support
    📰 Aoostar เปิดตัว EG01 — Dock eGPU ที่รองรับ Thunderbolt 5 และ OCuLink พร้อมติดตั้ง Mini-PC บนตัวได้ ในยุคที่การใช้งานกราฟิกระดับสูงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเครื่องเดสก์ท็อปขนาดใหญ่ Aoostar ได้เปิดตัว EG01 ซึ่งเป็น eGPU dock รุ่นใหม่ที่รองรับทั้ง Thunderbolt 5 และ OCuLink — สองมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดในตลาดตอนนี้2 โดย EG01 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด พร้อมรองรับการติดตั้ง Mini-PC ด้านบนตัว dock ได้โดยตรง จุดเด่นของ EG01 คือการเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX หรือ SFX ได้เอง ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่มาพร้อม PSU ฝังในตัว โดยการออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรด PSU ได้ในอนาคตตามความต้องการของกราฟิกการ์ดที่ใช้ เช่น หากต้องการใช้การ์ดระดับ RTX 4090 ก็สามารถเปลี่ยน PSU ให้รองรับกำลังไฟที่สูงขึ้นได้ทันที EG01 ยังรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Power Delivery สูงถึง 150W ซึ่งมากกว่ารุ่นคู่แข่งอย่าง Peladn Link S-3 ที่รองรับเพียง 140W และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ด้วย แม้จะได้ความเร็วต่ำกว่า Thunderbolt 5 ก็ตาม แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ยืนยันว่าจะเปิดตัวในระดับสากล และมีแผนรองรับการใช้งานกับทั้งแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา ✅ Aoostar เปิดตัว EG01 eGPU dock รุ่นใหม่ ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 5 และ OCuLink ➡️ เป็น dock รุ่นแรกที่รวมทั้งสองมาตรฐานไว้ในตัวเดียว ✅ รองรับการติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด ➡️ รองรับการ์ดแบบ single-slot และ dual-slot ➡️ ไม่มี PSU ฝังในตัว แต่เปิดให้ติดตั้ง ATX/SFX PSU ได้เอง ✅ รองรับการติดตั้ง Mini-PC บนตัว dock ➡️ มีฐานติดตั้ง Mini-PC ด้านบน PSU และ GPU ➡️ เปลี่ยน dock ให้กลายเป็นระบบคล้าย mini-ITX ✅ รองรับ USB Power Delivery สูงถึง 150W ➡️ เหนือกว่ารุ่นคู่แข่งที่รองรับเพียง 140W ➡️ ช่วยจ่ายไฟให้กับ Mini-PC หรืออุปกรณ์อื่นได้โดยตรง ✅ รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย ➡️ ใช้ได้กับแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา ➡️ Thunderbolt 5 ย้อนกลับไปใช้งานกับ Thunderbolt 4 ได้ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ EG01 ⛔ ยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ⛔ Thunderbolt 5 ยังไม่แพร่หลายในอุปกรณ์ทั่วไป ⛔ แม้ Thunderbolt 5 จะเร็วขึ้น แต่ยังรองรับ PCIe 4.0 x4 เท่าเดิม ⛔ ประสิทธิภาพในการเล่นเกมอาจไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดหวัง https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/this-upcoming-thunderbolt-5-egpu-dock-lets-you-mount-an-entire-mini-pc-on-the-side-also-features-aftermarket-atx-and-sfx-power-supply-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    This upcoming Thunderbolt 5 eGPU dock lets you mount an entire mini-PC on the side — also features aftermarket ATX and SFX power supply support
    Aoostar's latest eGPU dock allows you to upgrade the dock's power supply down the road for future GPU upgrades.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASRock X870 LiveMixer WiFi: เมนบอร์ดสาย Creator ที่มาพร้อมพอร์ต USB ถึง 25 ช่อง — แต่ยังมีจุดอ่อนที่ไม่ควรมองข้าม

    ในยุคที่อุปกรณ์ต่อพ่วงมีมากมายเกินกว่าจะนับนิ้วได้ ASRock ได้เปิดตัวเมนบอร์ดรุ่นใหม่ X870 LiveMixer WiFi ที่มาพร้อมพอร์ต USB มากถึง 25 ช่อง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ “มากที่สุดในตลาด” ณ ปี 2025 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ใช้งานระดับ Creator ที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลาย เช่น กล้อง, ไมโครโฟน, DAC, SSD, และอุปกรณ์สตรีมมิ่งต่าง ๆ

    เมนบอร์ดนี้รองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นใหม่ตั้งแต่ซีรีส์ 7000 ถึง 9000 ผ่านซ็อกเก็ต AM5 พร้อมรองรับแรม DDR5 สูงสุดถึง 256GB และความเร็วทะลุ 8000MT/s โดยมีระบบ VRM แบบ 16+2+1 เฟส พร้อมคาปาซิเตอร์ระดับ 20K เพื่อความเสถียรในการโอเวอร์คล็อก

    จุดเด่นที่สุดคือพอร์ต USB ที่แบ่งเป็น:
    - USB4 จำนวน 2 ช่อง
    - USB 3.2 Gen2x2 ความเร็ว 20Gbps จำนวน 1 ช่อง
    - USB 3.2 Gen1 ความเร็ว 5Gbps จำนวน 12 ช่อง
    - USB 2.0 จำนวน 10 ช่อง

    แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่การใส่ USB 2.0 ถึง 10 ช่องในปี 2025 ก็ถูกวิจารณ์ว่า “ย้อนยุคเกินไป” เพราะความเร็วต่ำและไม่เหมาะกับอุปกรณ์สมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังใช้อุปกรณ์เก่าอยู่ ก็อาจเป็นข้อดีที่หาได้ยากในเมนบอร์ดรุ่นใหม่

    ด้านการเชื่อมต่ออื่น ๆ ก็จัดเต็มเช่นกัน ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, LAN 5Gbps, HDMI 2.1, และระบบเสียง Realtek ALC4082 พร้อม Nahimic Audio

    ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด X870 LiveMixer WiFi
    รองรับซีพียู AMD Ryzen 7000–9000 ผ่านซ็อกเก็ต AM5
    รองรับแรม DDR5 สูงสุด 256GB ความเร็วถึง 8000MT/s
    ระบบ VRM แบบ 16+2+1 เฟส พร้อมคาปาซิเตอร์ 20K

    จุดเด่นคือพอร์ต USB มากถึง 25 ช่อง
    USB4 จำนวน 2 ช่อง
    USB 3.2 Gen2x2 (20Gbps) จำนวน 1 ช่อง
    USB 3.2 Gen1 (5Gbps) จำนวน 12 ช่อง
    USB 2.0 จำนวน 10 ช่อง

    การเชื่อมต่ออื่น ๆ ครบครัน
    LAN 5Gbps, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4
    HDMI 2.1, ระบบเสียง Realtek ALC4082 + Nahimic
    รองรับ PCIe 5.0 สำหรับกราฟิกและ SSD

    เหมาะสำหรับ Creator และผู้ใช้งานที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก
    รองรับอุปกรณ์สตรีมมิ่ง, กล้อง, DAC, และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
    ลดความจำเป็นในการใช้ USB hub ภายนอก

    https://www.techradar.com/pro/you-can-plug-25-usb-devices-into-this-asrock-atx-motherboard-yes-25-shame-10-of-them-are-usb-2-0-an-abomination-in-2025
    📰 ASRock X870 LiveMixer WiFi: เมนบอร์ดสาย Creator ที่มาพร้อมพอร์ต USB ถึง 25 ช่อง — แต่ยังมีจุดอ่อนที่ไม่ควรมองข้าม ในยุคที่อุปกรณ์ต่อพ่วงมีมากมายเกินกว่าจะนับนิ้วได้ ASRock ได้เปิดตัวเมนบอร์ดรุ่นใหม่ X870 LiveMixer WiFi ที่มาพร้อมพอร์ต USB มากถึง 25 ช่อง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ “มากที่สุดในตลาด” ณ ปี 2025 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ใช้งานระดับ Creator ที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลาย เช่น กล้อง, ไมโครโฟน, DAC, SSD, และอุปกรณ์สตรีมมิ่งต่าง ๆ เมนบอร์ดนี้รองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นใหม่ตั้งแต่ซีรีส์ 7000 ถึง 9000 ผ่านซ็อกเก็ต AM5 พร้อมรองรับแรม DDR5 สูงสุดถึง 256GB และความเร็วทะลุ 8000MT/s โดยมีระบบ VRM แบบ 16+2+1 เฟส พร้อมคาปาซิเตอร์ระดับ 20K เพื่อความเสถียรในการโอเวอร์คล็อก จุดเด่นที่สุดคือพอร์ต USB ที่แบ่งเป็น: - USB4 จำนวน 2 ช่อง - USB 3.2 Gen2x2 ความเร็ว 20Gbps จำนวน 1 ช่อง - USB 3.2 Gen1 ความเร็ว 5Gbps จำนวน 12 ช่อง - USB 2.0 จำนวน 10 ช่อง แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่การใส่ USB 2.0 ถึง 10 ช่องในปี 2025 ก็ถูกวิจารณ์ว่า “ย้อนยุคเกินไป” เพราะความเร็วต่ำและไม่เหมาะกับอุปกรณ์สมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังใช้อุปกรณ์เก่าอยู่ ก็อาจเป็นข้อดีที่หาได้ยากในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ด้านการเชื่อมต่ออื่น ๆ ก็จัดเต็มเช่นกัน ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, LAN 5Gbps, HDMI 2.1, และระบบเสียง Realtek ALC4082 พร้อม Nahimic Audio ✅ ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด X870 LiveMixer WiFi ➡️ รองรับซีพียู AMD Ryzen 7000–9000 ผ่านซ็อกเก็ต AM5 ➡️ รองรับแรม DDR5 สูงสุด 256GB ความเร็วถึง 8000MT/s ➡️ ระบบ VRM แบบ 16+2+1 เฟส พร้อมคาปาซิเตอร์ 20K ✅ จุดเด่นคือพอร์ต USB มากถึง 25 ช่อง ➡️ USB4 จำนวน 2 ช่อง ➡️ USB 3.2 Gen2x2 (20Gbps) จำนวน 1 ช่อง ➡️ USB 3.2 Gen1 (5Gbps) จำนวน 12 ช่อง ➡️ USB 2.0 จำนวน 10 ช่อง ✅ การเชื่อมต่ออื่น ๆ ครบครัน ➡️ LAN 5Gbps, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 ➡️ HDMI 2.1, ระบบเสียง Realtek ALC4082 + Nahimic ➡️ รองรับ PCIe 5.0 สำหรับกราฟิกและ SSD ✅ เหมาะสำหรับ Creator และผู้ใช้งานที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก ➡️ รองรับอุปกรณ์สตรีมมิ่ง, กล้อง, DAC, และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ➡️ ลดความจำเป็นในการใช้ USB hub ภายนอก https://www.techradar.com/pro/you-can-plug-25-usb-devices-into-this-asrock-atx-motherboard-yes-25-shame-10-of-them-are-usb-2-0-an-abomination-in-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ryzen AI Max+ 395: ชิป AI ที่อาจเป็นหมัดเด็ดของ AMD พลิกเกมตลาดมินิพีซีและแล็ปท็อปทั่วโลก

    ในปี 2025 AMD ได้เปิดตัวชิป Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นหัวใจของแพลตฟอร์ม Strix Halo ที่รวม CPU, GPU และ NPU ไว้ในตัวเดียวกัน โดยมีจุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ขอบเครือข่าย (Edge AI) ด้วยพลังประมวลผลสูงถึง 50 TOPS และหน่วยความจำ UMA ที่สามารถใช้ RAM สูงสุดถึง 96GB เป็นหน่วยความจำกราฟิกโดยตรง

    ชิปนี้ถูกนำไปใช้ในมินิพีซีและแล็ปท็อปกว่า 30 รุ่นภายในเวลาเพียง 8 เดือน โดยมีแบรนด์อย่าง Asus, HP, Beelink และ GMKtec ร่วมวงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ดีไซน์ทรงลูกบาศก์สุดล้ำ ไปจนถึงเครื่องแบบ tower ขนาดเล็กที่เน้นประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ

    หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นคือ GMKtec EVO-X2 ซึ่งมาพร้อม RAM 64–128GB และ Radeon RX 8060S ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการเล่นเกม การเรนเดอร์ 3D และงาน AI แบบ local โดยมีการทดสอบแล้วว่าให้คะแนน multi-core สูงถึง 15,526.6 คะแนนใน CPU-Z

    แม้ AMD จะเคลมว่ากราฟิกในตัวสามารถเทียบชั้นกับ RTX รุ่นพกพา แต่ยังไม่มีการทดสอบในวงกว้างเพื่อยืนยันข้อกล่าวอ้างนี้ และอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้ยังมีจำกัดในตลาดจริง

    AMD เปิดตัว Ryzen AI Max+ 395 ในแพลตฟอร์ม Strix Halo
    รวม CPU 16 คอร์ Zen 5, GPU RDNA 3.5 40 หน่วย และ NPU XDNA 2
    รองรับหน่วยความจำ UMA สูงสุด 96GB สำหรับงานกราฟิก
    พลังประมวลผล AI สูงถึง 50 TOPS

    มีการเปิดตัวมินิพีซีและแล็ปท็อปกว่า 30 รุ่น
    แบรนด์ที่เข้าร่วม ได้แก่ Asus, HP, Beelink, GMKtec
    ดีไซน์หลากหลาย ตั้งแต่ทรงลูกบาศก์ไปจนถึง tower ขนาดเล็ก
    รุ่นเด่น GMKtec EVO-X2 มาพร้อม Radeon RX 8060S และ RAM สูงสุด 128GB

    ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงเริ่มมีการทดสอบ
    CPU-Z ให้คะแนน multi-core สูงถึง 15,526.6
    รองรับงาน AI, เกม และการเรนเดอร์ 3D ได้ดี
    ระบบระบายความร้อนมีประสิทธิภาพและเสียงเงียบ

    ราคาถูกกว่าระบบ AI server แบบเดิม
    มินิพีซี Strix Halo มีราคาประมาณ $1,800–$2,800
    ใช้พลังงานต่ำกว่า 300W และวางบนโต๊ะได้สะดวก

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของชิป Ryzen AI Max+ 395
    อุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้ยังมีจำกัดในตลาดจริง
    การเคลมว่า iGPU เทียบชั้น RTX ยังไม่มีการพิสูจน์ในวงกว้าง
    รุ่น Engineering Sample ยังพบปัญหา BIOS และการจัดการพลังงาน
    การบำรุงรักษาอุปกรณ์บางรุ่นยังทำได้ยากเนื่องจากดีไซน์ซับซ้อน

    https://www.techradar.com/pro/ryzen-ai-max-395-cpu-could-be-amds-sleeper-hit-against-nvidias-ai-dominance-as-nearly-30-strix-halo-mini-ai-workstation-models-hit-the-market-including-some-rather-funky-ones
    📰 Ryzen AI Max+ 395: ชิป AI ที่อาจเป็นหมัดเด็ดของ AMD พลิกเกมตลาดมินิพีซีและแล็ปท็อปทั่วโลก ในปี 2025 AMD ได้เปิดตัวชิป Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นหัวใจของแพลตฟอร์ม Strix Halo ที่รวม CPU, GPU และ NPU ไว้ในตัวเดียวกัน โดยมีจุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ขอบเครือข่าย (Edge AI) ด้วยพลังประมวลผลสูงถึง 50 TOPS และหน่วยความจำ UMA ที่สามารถใช้ RAM สูงสุดถึง 96GB เป็นหน่วยความจำกราฟิกโดยตรง ชิปนี้ถูกนำไปใช้ในมินิพีซีและแล็ปท็อปกว่า 30 รุ่นภายในเวลาเพียง 8 เดือน โดยมีแบรนด์อย่าง Asus, HP, Beelink และ GMKtec ร่วมวงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ดีไซน์ทรงลูกบาศก์สุดล้ำ ไปจนถึงเครื่องแบบ tower ขนาดเล็กที่เน้นประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นคือ GMKtec EVO-X2 ซึ่งมาพร้อม RAM 64–128GB และ Radeon RX 8060S ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการเล่นเกม การเรนเดอร์ 3D และงาน AI แบบ local โดยมีการทดสอบแล้วว่าให้คะแนน multi-core สูงถึง 15,526.6 คะแนนใน CPU-Z แม้ AMD จะเคลมว่ากราฟิกในตัวสามารถเทียบชั้นกับ RTX รุ่นพกพา แต่ยังไม่มีการทดสอบในวงกว้างเพื่อยืนยันข้อกล่าวอ้างนี้ และอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้ยังมีจำกัดในตลาดจริง ✅ AMD เปิดตัว Ryzen AI Max+ 395 ในแพลตฟอร์ม Strix Halo ➡️ รวม CPU 16 คอร์ Zen 5, GPU RDNA 3.5 40 หน่วย และ NPU XDNA 2 ➡️ รองรับหน่วยความจำ UMA สูงสุด 96GB สำหรับงานกราฟิก ➡️ พลังประมวลผล AI สูงถึง 50 TOPS ✅ มีการเปิดตัวมินิพีซีและแล็ปท็อปกว่า 30 รุ่น ➡️ แบรนด์ที่เข้าร่วม ได้แก่ Asus, HP, Beelink, GMKtec ➡️ ดีไซน์หลากหลาย ตั้งแต่ทรงลูกบาศก์ไปจนถึง tower ขนาดเล็ก ➡️ รุ่นเด่น GMKtec EVO-X2 มาพร้อม Radeon RX 8060S และ RAM สูงสุด 128GB ✅ ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงเริ่มมีการทดสอบ ➡️ CPU-Z ให้คะแนน multi-core สูงถึง 15,526.6 ➡️ รองรับงาน AI, เกม และการเรนเดอร์ 3D ได้ดี ➡️ ระบบระบายความร้อนมีประสิทธิภาพและเสียงเงียบ ✅ ราคาถูกกว่าระบบ AI server แบบเดิม ➡️ มินิพีซี Strix Halo มีราคาประมาณ $1,800–$2,800 ➡️ ใช้พลังงานต่ำกว่า 300W และวางบนโต๊ะได้สะดวก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของชิป Ryzen AI Max+ 395 ⛔ อุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้ยังมีจำกัดในตลาดจริง ⛔ การเคลมว่า iGPU เทียบชั้น RTX ยังไม่มีการพิสูจน์ในวงกว้าง ⛔ รุ่น Engineering Sample ยังพบปัญหา BIOS และการจัดการพลังงาน ⛔ การบำรุงรักษาอุปกรณ์บางรุ่นยังทำได้ยากเนื่องจากดีไซน์ซับซ้อน https://www.techradar.com/pro/ryzen-ai-max-395-cpu-could-be-amds-sleeper-hit-against-nvidias-ai-dominance-as-nearly-30-strix-halo-mini-ai-workstation-models-hit-the-market-including-some-rather-funky-ones
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่พร้อมหน้าจอ OLED แบบสัมผัสในปี 2026

    หลังจากหลายปีที่ Apple ยืนกรานไม่ใส่ระบบสัมผัสใน MacBook ล่าสุดมีรายงานจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ว่า Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED และระบบสัมผัสในปี 2026 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปรัชญาการออกแบบของ Mac

    Kuo ระบุว่า Apple ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ iPad มาอย่างยาวนาน และพบว่าในบางสถานการณ์ การควบคุมผ่านระบบสัมผัสสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน จึงนำไปสู่การตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์นี้ใน MacBook Pro รุ่นใหม่

    นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple กำลังพัฒนา MacBook รุ่นราคาประหยัดที่ใช้ชิป A-series จาก iPhone ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2025 แต่รุ่นนี้ยังไม่มีแผนจะใส่ระบบสัมผัสในช่วงแรก

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่ Apple อาจรวมระบบปฏิบัติการ macOS และ iPadOS เข้าด้วยกันในอนาคต เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์

    Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ในปี 2026
    ใช้หน้าจอ OLED พร้อมระบบสัมผัสแบบ on-cell touch เป็นครั้งแรก
    คาดว่าจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากช่วงปลายปี 2026
    อาจเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ปี 2026 หรือต้นปี 2027

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวคิดใหม่ของ Apple
    จากเดิมที่ Steve Jobs เคยต่อต้านระบบสัมผัสใน MacBook
    Apple เริ่มเห็นประโยชน์จากพฤติกรรมผู้ใช้ iPad

    Apple ยังมีแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาประหยัด
    ใช้ชิป A-series จาก iPhone เช่น A18 Pro
    คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025
    รุ่นนี้ยังไม่รองรับระบบสัมผัสในช่วงแรก

    แนวโน้มการรวมระบบปฏิบัติการ
    iPadOS 26 เริ่มมีฟีเจอร์ multitasking แบบ macOS
    อาจนำไปสู่การรวม macOS และ iPadOS ในอนาคต

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานที่คาดหวัง MacBook รุ่นสัมผัสเร็วๆ นี้
    รุ่นสัมผัสจะเริ่มจาก MacBook Pro เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมรุ่นราคาประหยัด
    ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Apple
    การเปลี่ยนแปลงนี้อาจใช้เวลาหลายปีในการปรับตัวของผู้ใช้และนักพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/laptops/macbooks/apple-prepping-touchscreen-oled-macbook-pro-for-2026-new-report-claims-new-model-will-incorporate-on-cell-touch-tech-for-the-first-time
    📰 Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่พร้อมหน้าจอ OLED แบบสัมผัสในปี 2026 หลังจากหลายปีที่ Apple ยืนกรานไม่ใส่ระบบสัมผัสใน MacBook ล่าสุดมีรายงานจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ว่า Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED และระบบสัมผัสในปี 2026 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปรัชญาการออกแบบของ Mac Kuo ระบุว่า Apple ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ iPad มาอย่างยาวนาน และพบว่าในบางสถานการณ์ การควบคุมผ่านระบบสัมผัสสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน จึงนำไปสู่การตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์นี้ใน MacBook Pro รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple กำลังพัฒนา MacBook รุ่นราคาประหยัดที่ใช้ชิป A-series จาก iPhone ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2025 แต่รุ่นนี้ยังไม่มีแผนจะใส่ระบบสัมผัสในช่วงแรก การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่ Apple อาจรวมระบบปฏิบัติการ macOS และ iPadOS เข้าด้วยกันในอนาคต เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ ✅ Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ในปี 2026 ➡️ ใช้หน้าจอ OLED พร้อมระบบสัมผัสแบบ on-cell touch เป็นครั้งแรก ➡️ คาดว่าจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากช่วงปลายปี 2026 ➡️ อาจเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ปี 2026 หรือต้นปี 2027 ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวคิดใหม่ของ Apple ➡️ จากเดิมที่ Steve Jobs เคยต่อต้านระบบสัมผัสใน MacBook ➡️ Apple เริ่มเห็นประโยชน์จากพฤติกรรมผู้ใช้ iPad ✅ Apple ยังมีแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาประหยัด ➡️ ใช้ชิป A-series จาก iPhone เช่น A18 Pro ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 ➡️ รุ่นนี้ยังไม่รองรับระบบสัมผัสในช่วงแรก ✅ แนวโน้มการรวมระบบปฏิบัติการ ➡️ iPadOS 26 เริ่มมีฟีเจอร์ multitasking แบบ macOS ➡️ อาจนำไปสู่การรวม macOS และ iPadOS ในอนาคต ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานที่คาดหวัง MacBook รุ่นสัมผัสเร็วๆ นี้ ⛔ รุ่นสัมผัสจะเริ่มจาก MacBook Pro เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมรุ่นราคาประหยัด ⛔ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Apple ⛔ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจใช้เวลาหลายปีในการปรับตัวของผู้ใช้และนักพัฒนา https://www.tomshardware.com/laptops/macbooks/apple-prepping-touchscreen-oled-macbook-pro-for-2026-new-report-claims-new-model-will-incorporate-on-cell-touch-tech-for-the-first-time
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 2 สวรรค์ล่ม

    ความรื่นเริงเฉลิมฉลองมันอายุสั้นจริง ๆ ยังไม่ทันที่การเก็บกวาดซากกำแพงเบอร์ลินให้สะอาดดี วอชิงตันและพวกยุโรปตะวันตก ก็มาพร้อมกับ สวรรค์บนดิน เครื่องมือ ช๊อคทางเศรษฐกิจ

    IMF มาพร้อมกับยาแรงตามสูตร การปฎิรูปตลาดการค้าเสรี (คุ้นกันใหม่คำนี้) บอก แหม ! ประเทศหลังม่านนี่มีตั้งแยะ แยกเป็น 6 ประเทศ ตาม Warsaw Pact (Bulgaria, Czecho, East Germany, Hungary, Poland และ Romania) และอีก 15 ประเทศที่อยู่ในสหภาพโซเวียต ตูจะไปจัดโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ 21 โปรแกรม ยังไงไหว เอางี้แล้วกัน เอาสูตรสำเร็จไปใช้แล้วกันนะ Privatization แปรรูปยังไงละคุณน้องหลังม่าน แปรมันให้หมด รัฐวิสาหกิจที่ทำอุตสาหกรรมน่ะ แล้วก็ลดค่าเงินรัสเซี่ยนรูเบิล กับเงินอะไรเรียกไม่ถูก ของหลาย ๆ ประเทศนั่นด้วย ใช้สูตรชุดนี้มันทั้งหมดแหละ แหะ แหะ สำเร็จ เออ ไม่ใช่ เสร็จแล้วครับนายท่าน !

    IMF shock therapy หรือที่สมันน้อยรู้จักกันดี คือ โปรแกรม SAP (Structural Adjustment Policies) ก็เปิดประตูกว้าง ให้นักลงทุนตะวันตกหอบกระดาษสี เขียวตีเครื่องหมายว่า In God We Trust มาเป็นกระสอบ นำโดยนาย George Soros และนักค้าเหล็กหนีคุก ชื่อ Marc Rich (แหม ! พอบอกเป็นพวกคนหนีคุก รีบเดากันเชียวนะ ว่าจะเป็นอีกชื่อนึง อยู่กันคนละเมืองครับ มาไม่ทัน ติดนัดนักร้องอยู่ ฮา ) และธนาคารพวกตะกรุมตระกราม เช่น Credit Suisse และแน่นอนต้องมี Chase เจ้าเก่าของเขามาด้วย ก็ยกทีมกันมา
    นโยบายของ IMF แสนจะเอื้อให้ไอ้พวกหัวขะโมยพวกนี้ มาชี้นิ้ว จิ้มเอา จิ้มเอา เลือกทรัพย์สินประเภทเพชรประดับมงกุฎ ของรัสเซียไปในราคาสตางค์เดียว มันจิ้มซื้อตั้งแต่พลังงานน้ำมัน ไปจนถึงพลูโตเนี่ยม เฮ้อ ! เขียนไปแล้วก็นึกว่าเขียนเรื่อง ปรส. เบื่อครับ ! เรื่องซ้ำซาก เล่นซ้ำซาก แล้วก็ยอมให้เขาต้มซ้ำซาก เมื่อไหร่มันจะมีคนรู้ แล้วรื้อฉากแบบนี้ทิ้งเสียที คนเขียนคงไม่อยู่เขียนเรื่องซ้ำซาก แบบนี้ไปอีกนานหรอก อ่าน ๆ แล้วก็จำกันไว้บ้างนะครับ เล่าให้ลูกหลานฟังกันบ้างว่า รุ่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ ถูกเขาต้มมาอย่างไร รุ่นเจ้าก็จะโดนอย่างเดิมแหละ ถ้าไม่ลุกขึ้นตื่นกันเสียที (ปตท. นี่ก้อค้างอยู่ ข่าวว่าเรียกคนที่เป็นที่ปรึกษาการเงินตอนแปรรูป มาถามว่าการแปรรูปเป็นธรรมไหม ราคาถูกต้องไหม ฯลฯ ก็น่าจะเดาคำตอบกันได้ แบบนี้ระวังชาวบ้านเขาจะเรียกว่า เมาหมัดนะครับ ไม่อยากใช้คำแรงกว่านี้)

    กินเนื้อแล้วก็โยนกระดูกติดเนื้อมาให้ พวกที่เคยทำหน้าที่ในรัฐบาล Yeltsin ที่อเมริกาเคยต้มให้ทำการแปรรูป จนรัสเซีย ฉ.ห รอบแรก จำได้ไหมครับ จำไม่ได้ไปเอานิทานเรื่องจริง เรื่องมายากลยุทธ มาอ่านอีกทีนะครับ รายการนี้เขาเรียกว่าแจกรางวัลให้คนขายชาติ มีทุกชาติแหละครับ มากน้อยอีกเรื่องนึง ผมขอแช่งจริง ๆ ยอมบาป อย่ามาท้วง มาต่อว่าผม ใครขายชาติ ผมแช่งจริงๆ

    ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย Mikhail Gorbachev ได้พยายามที่จะฟื้นสหภาพโซเวี ยตจากนโยบาย Glasnost และ Perestroika แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงหันหัวไปทางตะวันตก นาย Bush (คนพ่อ) ปราบปลื้มตบหัว 1 ที แล้วบอกดีมาก รู้ว่าควรทำอย่างไร เพื่อเป็นการตอบแทน เราสัญญาว่า อเมริกาจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ไม่ไปขม้ำประเทศที่เพิ่งหลุดมาจาก Warsaw Pact โอเคไหม ?
    Gorbachev เชื่อน้ำคำของนาย Bush ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์ (โถ !) ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ระหว่างที่กำลังชุลมุลกับการเก็บสมบัติส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว นาย Gorbachev เลยลืมให้ นาย Bush ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร วอชิงตันบอกไม่มีปัญหา เราไม่ลืมหรอกน่า ว่าเราพูดอะไรไว้ (ทำหรือไม่ทำอีกเรื่องนึง เป็นประโยคที่นาย Gorbachev ก็คงลืมนึกอีกเช่นเดียวกัน)

    นอกจากลืมทวงสัญญาแล้ว นาย Gorbachev ยังดันไปตกปากรับคำด้วยว่า สหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งบัดนี้น้ำหนักลดหดตัวลงมาเหลือเป็นแค่ประเทศรัสเซียเล็ก ๆ สัญญาว่าจะค่อย ๆ รื้อถอนคลังอาวุธนิวเคลียร์ และตกลงที่จะลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ อีกด้วย อเมริกาและรัสเซีย ตกลงยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่ใช้จรวดยิ่งใส่กัน โดยลงนามในข้อตกลง Anti Ballistic Missile Treaty (ABM) 1972

    แล้วอยู่ดี ๆ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 นายบุช (คนลูก) ก็แจ้งรัสเซียว่า ไอถอนตัวจากสัญญา ABM งี่เง้านั่นแล้วนะ เกลอเอ๋ย นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ที่อเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ น่า ! ทุกอย่างมันก็มีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ เพื่อเป็นการเปิดทางให้อเมริกาทิ้งหน่วยงาน US Missile Defense Agency มันน่างงไหมล่ะ !

    รัสเซียบอกมึนวู้ย ! รัสเซียยอมยกเลิก Warsaw Pact คู่สัญญาของ NATO รัสเซียยอมถอนทัพจากยุโรปตะวันออกและบริเวณที่เป็นสหภาพโซเวียตเดิม ทำให้รัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยเป็นของสหภาพโซเวียตกระดี้กระด้า ที่จะเป็นอิสระตามคำโฆษณาขายสินค้าของฝ่ายที่อยู่นอกม่าน เพราะเชื่อว่า ถ้าเข้าไปเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว จะมีชีวิตที่ซาบซ่านกว่า Republic of Georgia ก็เป็นหนึ่งในรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคลิ้มกับคำโฆษณาขายสินค้านั้นด้วย

    ส่วนข้อตกลงของวอชิงตัน ว่าจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ของนาย Bush (คนพ่อ) ก็คงเป็นเพียงลมปากที่พัดไปในสายลมจริง ๆ เพราะต่อมา นาย Clinton ก็กลายเป็นคนขี้ลืมไปด้วย อเมริกายังเดินหน้า ล่อหลอกให้ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact ทีละประเทศ ให้เข้ามาอยู่กับ NATO แล้วในที่สุด NATO ก็ขยายปีกมาทางตะวันออก ยาวใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 2 สวรรค์ล่ม ความรื่นเริงเฉลิมฉลองมันอายุสั้นจริง ๆ ยังไม่ทันที่การเก็บกวาดซากกำแพงเบอร์ลินให้สะอาดดี วอชิงตันและพวกยุโรปตะวันตก ก็มาพร้อมกับ สวรรค์บนดิน เครื่องมือ ช๊อคทางเศรษฐกิจ IMF มาพร้อมกับยาแรงตามสูตร การปฎิรูปตลาดการค้าเสรี (คุ้นกันใหม่คำนี้) บอก แหม ! ประเทศหลังม่านนี่มีตั้งแยะ แยกเป็น 6 ประเทศ ตาม Warsaw Pact (Bulgaria, Czecho, East Germany, Hungary, Poland และ Romania) และอีก 15 ประเทศที่อยู่ในสหภาพโซเวียต ตูจะไปจัดโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ 21 โปรแกรม ยังไงไหว เอางี้แล้วกัน เอาสูตรสำเร็จไปใช้แล้วกันนะ Privatization แปรรูปยังไงละคุณน้องหลังม่าน แปรมันให้หมด รัฐวิสาหกิจที่ทำอุตสาหกรรมน่ะ แล้วก็ลดค่าเงินรัสเซี่ยนรูเบิล กับเงินอะไรเรียกไม่ถูก ของหลาย ๆ ประเทศนั่นด้วย ใช้สูตรชุดนี้มันทั้งหมดแหละ แหะ แหะ สำเร็จ เออ ไม่ใช่ เสร็จแล้วครับนายท่าน ! IMF shock therapy หรือที่สมันน้อยรู้จักกันดี คือ โปรแกรม SAP (Structural Adjustment Policies) ก็เปิดประตูกว้าง ให้นักลงทุนตะวันตกหอบกระดาษสี เขียวตีเครื่องหมายว่า In God We Trust มาเป็นกระสอบ นำโดยนาย George Soros และนักค้าเหล็กหนีคุก ชื่อ Marc Rich (แหม ! พอบอกเป็นพวกคนหนีคุก รีบเดากันเชียวนะ ว่าจะเป็นอีกชื่อนึง อยู่กันคนละเมืองครับ มาไม่ทัน ติดนัดนักร้องอยู่ ฮา ) และธนาคารพวกตะกรุมตระกราม เช่น Credit Suisse และแน่นอนต้องมี Chase เจ้าเก่าของเขามาด้วย ก็ยกทีมกันมา นโยบายของ IMF แสนจะเอื้อให้ไอ้พวกหัวขะโมยพวกนี้ มาชี้นิ้ว จิ้มเอา จิ้มเอา เลือกทรัพย์สินประเภทเพชรประดับมงกุฎ ของรัสเซียไปในราคาสตางค์เดียว มันจิ้มซื้อตั้งแต่พลังงานน้ำมัน ไปจนถึงพลูโตเนี่ยม เฮ้อ ! เขียนไปแล้วก็นึกว่าเขียนเรื่อง ปรส. เบื่อครับ ! เรื่องซ้ำซาก เล่นซ้ำซาก แล้วก็ยอมให้เขาต้มซ้ำซาก เมื่อไหร่มันจะมีคนรู้ แล้วรื้อฉากแบบนี้ทิ้งเสียที คนเขียนคงไม่อยู่เขียนเรื่องซ้ำซาก แบบนี้ไปอีกนานหรอก อ่าน ๆ แล้วก็จำกันไว้บ้างนะครับ เล่าให้ลูกหลานฟังกันบ้างว่า รุ่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ ถูกเขาต้มมาอย่างไร รุ่นเจ้าก็จะโดนอย่างเดิมแหละ ถ้าไม่ลุกขึ้นตื่นกันเสียที (ปตท. นี่ก้อค้างอยู่ ข่าวว่าเรียกคนที่เป็นที่ปรึกษาการเงินตอนแปรรูป มาถามว่าการแปรรูปเป็นธรรมไหม ราคาถูกต้องไหม ฯลฯ ก็น่าจะเดาคำตอบกันได้ แบบนี้ระวังชาวบ้านเขาจะเรียกว่า เมาหมัดนะครับ ไม่อยากใช้คำแรงกว่านี้) กินเนื้อแล้วก็โยนกระดูกติดเนื้อมาให้ พวกที่เคยทำหน้าที่ในรัฐบาล Yeltsin ที่อเมริกาเคยต้มให้ทำการแปรรูป จนรัสเซีย ฉ.ห รอบแรก จำได้ไหมครับ จำไม่ได้ไปเอานิทานเรื่องจริง เรื่องมายากลยุทธ มาอ่านอีกทีนะครับ รายการนี้เขาเรียกว่าแจกรางวัลให้คนขายชาติ มีทุกชาติแหละครับ มากน้อยอีกเรื่องนึง ผมขอแช่งจริง ๆ ยอมบาป อย่ามาท้วง มาต่อว่าผม ใครขายชาติ ผมแช่งจริงๆ ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย Mikhail Gorbachev ได้พยายามที่จะฟื้นสหภาพโซเวี ยตจากนโยบาย Glasnost และ Perestroika แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงหันหัวไปทางตะวันตก นาย Bush (คนพ่อ) ปราบปลื้มตบหัว 1 ที แล้วบอกดีมาก รู้ว่าควรทำอย่างไร เพื่อเป็นการตอบแทน เราสัญญาว่า อเมริกาจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ไม่ไปขม้ำประเทศที่เพิ่งหลุดมาจาก Warsaw Pact โอเคไหม ? Gorbachev เชื่อน้ำคำของนาย Bush ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์ (โถ !) ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ระหว่างที่กำลังชุลมุลกับการเก็บสมบัติส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว นาย Gorbachev เลยลืมให้ นาย Bush ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร วอชิงตันบอกไม่มีปัญหา เราไม่ลืมหรอกน่า ว่าเราพูดอะไรไว้ (ทำหรือไม่ทำอีกเรื่องนึง เป็นประโยคที่นาย Gorbachev ก็คงลืมนึกอีกเช่นเดียวกัน) นอกจากลืมทวงสัญญาแล้ว นาย Gorbachev ยังดันไปตกปากรับคำด้วยว่า สหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งบัดนี้น้ำหนักลดหดตัวลงมาเหลือเป็นแค่ประเทศรัสเซียเล็ก ๆ สัญญาว่าจะค่อย ๆ รื้อถอนคลังอาวุธนิวเคลียร์ และตกลงที่จะลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ อีกด้วย อเมริกาและรัสเซีย ตกลงยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่ใช้จรวดยิ่งใส่กัน โดยลงนามในข้อตกลง Anti Ballistic Missile Treaty (ABM) 1972 แล้วอยู่ดี ๆ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 นายบุช (คนลูก) ก็แจ้งรัสเซียว่า ไอถอนตัวจากสัญญา ABM งี่เง้านั่นแล้วนะ เกลอเอ๋ย นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ที่อเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ น่า ! ทุกอย่างมันก็มีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ เพื่อเป็นการเปิดทางให้อเมริกาทิ้งหน่วยงาน US Missile Defense Agency มันน่างงไหมล่ะ ! รัสเซียบอกมึนวู้ย ! รัสเซียยอมยกเลิก Warsaw Pact คู่สัญญาของ NATO รัสเซียยอมถอนทัพจากยุโรปตะวันออกและบริเวณที่เป็นสหภาพโซเวียตเดิม ทำให้รัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยเป็นของสหภาพโซเวียตกระดี้กระด้า ที่จะเป็นอิสระตามคำโฆษณาขายสินค้าของฝ่ายที่อยู่นอกม่าน เพราะเชื่อว่า ถ้าเข้าไปเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว จะมีชีวิตที่ซาบซ่านกว่า Republic of Georgia ก็เป็นหนึ่งในรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคลิ้มกับคำโฆษณาขายสินค้านั้นด้วย ส่วนข้อตกลงของวอชิงตัน ว่าจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ของนาย Bush (คนพ่อ) ก็คงเป็นเพียงลมปากที่พัดไปในสายลมจริง ๆ เพราะต่อมา นาย Clinton ก็กลายเป็นคนขี้ลืมไปด้วย อเมริกายังเดินหน้า ล่อหลอกให้ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact ทีละประเทศ ให้เข้ามาอยู่กับ NATO แล้วในที่สุด NATO ก็ขยายปีกมาทางตะวันออก ยาวใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือฟริเกต Admiral Golovko แห่งกองเรือทะเลเหนือ (Northern Fleet) ขณะกำลังปล่อยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon จากทะเลแบเรนตส์ เพื่อโจมตี "เป้าหมายลวง" ที่สนามฝึก Chizha ในภูมิภาค Arkhangelsk ระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมยุทธศาสตร์ร่วม Zapad 2025
    .
    เรือฟริเกต Admiral Golovko ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเรือดำน้ำ เรือรบ และต่อต้านภัยทางอากาศ ด้วยเทคโนโลยีการหลบหลีกเรดาร์ (stealth) และติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Kalibr และมีศักยภาพในการติดตั้ง ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon
    เรือฟริเกต Admiral Golovko แห่งกองเรือทะเลเหนือ (Northern Fleet) ขณะกำลังปล่อยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon จากทะเลแบเรนตส์ เพื่อโจมตี "เป้าหมายลวง" ที่สนามฝึก Chizha ในภูมิภาค Arkhangelsk ระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมยุทธศาสตร์ร่วม Zapad 2025 . 👉เรือฟริเกต Admiral Golovko ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเรือดำน้ำ เรือรบ และต่อต้านภัยทางอากาศ ด้วยเทคโนโลยีการหลบหลีกเรดาร์ (stealth) และติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Kalibr และมีศักยภาพในการติดตั้ง ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด”

    หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม

    ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ

    ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย

    แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์
    ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO
    ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า
    ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก

    จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
    เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม
    Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส
    ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม
    ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร
    ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
    บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร
    การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    🌍 “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด” หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์ ➡️ ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO ➡️ ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า ➡️ ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก ✅ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ ➡️ เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม ➡️ Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส ➡️ ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม ➡️ ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร ➡️ ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ➡️ บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร ➡️ การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    WWW.THESTAR.COM.MY
    NASA scientist starts food crisis hotline with tech giant funding
    Right after Russia's full-scale invasion of Ukraine, crop scientist Inbal Becker-Reshef got a letter from officials in Kyiv. They wanted to figure out how much wheat and other grains were lost to Vladimir Putin's occupying forces.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮ่องกงเตรียมปรับแนวทางการใช้หน้าจอของเด็ก — แก้ปัญาสายตาสั้นและสุขภาพจิตในยุคดิจิทัล”

    รัฐบาลฮ่องกงเตรียมประกาศแนวทางใหม่ในการจำกัดเวลาใช้หน้าจอของเด็กในนโยบายสุขภาพที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยจะเน้นการลดการใช้มือถือและโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กเล็ก ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน โดยไม่ใช้มาตรการทางกฎหมาย แต่จะปรับปรุงแนวทางแนะนำให้ชัดเจนและทันสมัยมากขึ้น

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความกังวลเรื่องอัตราสายตาสั้นในเด็กฮ่องกงที่สูงที่สุดในโลก และแนวโน้มการใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนประถมและมัธยม ซึ่งมีการใช้มือถือเพื่อเรียนและเล่นในระดับที่เกินคำแนะนำเดิมของกรมอนามัย

    ปัจจุบันฮ่องกงไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับเวลาใช้หน้าจอ แต่มีแนวทางแนะนำ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีควรหลีกเลี่ยงหน้าจอ ยกเว้นการวิดีโอคอลกับผู้ปกครอง เด็กอายุ 2–5 ปีควรจำกัดไว้ที่ 1 ชั่วโมงต่อวัน และเด็กอายุ 6–12 ปีไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน

    รัฐบาลจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการศึกษาเพื่อปรับปรุงแนวทางให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน โดยอาจพิจารณาให้โรงเรียนจำกัดการใช้มือถือในชั้นเรียน และตั้งคำถามว่าเด็กประถมควรเข้าถึงโซเชียลมีเดียหรือไม่

    ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น เช่น จีนจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กไว้แค่ 1 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุด, ออสเตรเลียเตรียมแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี และฝรั่งเศสออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และขอความยินยอมจากผู้ปกครอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ฮ่องกงเตรียมปรับแนวทางการใช้หน้าจอของเด็กในนโยบายสุขภาพ
    เน้นลดการใช้มือถือและโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กเล็ก
    ไม่มีการออกกฎหมาย แต่จะปรับปรุงแนวทางแนะนำให้ทันสมัย
    ปัจจุบันแนวทางแนะนำคือ 1–2 ชั่วโมงต่อวันตามช่วงอายุ

    เหตุผลและแรงจูงใจ
    เด็กฮ่องกงมีอัตราสายตาสั้นสูงที่สุดในโลก
    การใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    นักเรียนใช้มือถือเพื่อเรียนและเล่นเกินคำแนะนำเดิม
    รัฐบาลจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการศึกษา

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จีนจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กไว้ที่ 1 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุด
    ออสเตรเลียเตรียมแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี
    ฝรั่งเศสออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบอายุและขอความยินยอม
    สหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมาย Kids Off Social Media Act เพื่อแบนเด็กต่ำกว่า 13 ปี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/how-much-screen-time-should-kids-have-hong-kong-leader-to-seek-expert-advice
    📱 “ฮ่องกงเตรียมปรับแนวทางการใช้หน้าจอของเด็ก — แก้ปัญาสายตาสั้นและสุขภาพจิตในยุคดิจิทัล” รัฐบาลฮ่องกงเตรียมประกาศแนวทางใหม่ในการจำกัดเวลาใช้หน้าจอของเด็กในนโยบายสุขภาพที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยจะเน้นการลดการใช้มือถือและโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กเล็ก ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน โดยไม่ใช้มาตรการทางกฎหมาย แต่จะปรับปรุงแนวทางแนะนำให้ชัดเจนและทันสมัยมากขึ้น การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความกังวลเรื่องอัตราสายตาสั้นในเด็กฮ่องกงที่สูงที่สุดในโลก และแนวโน้มการใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนประถมและมัธยม ซึ่งมีการใช้มือถือเพื่อเรียนและเล่นในระดับที่เกินคำแนะนำเดิมของกรมอนามัย ปัจจุบันฮ่องกงไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับเวลาใช้หน้าจอ แต่มีแนวทางแนะนำ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีควรหลีกเลี่ยงหน้าจอ ยกเว้นการวิดีโอคอลกับผู้ปกครอง เด็กอายุ 2–5 ปีควรจำกัดไว้ที่ 1 ชั่วโมงต่อวัน และเด็กอายุ 6–12 ปีไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน รัฐบาลจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการศึกษาเพื่อปรับปรุงแนวทางให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน โดยอาจพิจารณาให้โรงเรียนจำกัดการใช้มือถือในชั้นเรียน และตั้งคำถามว่าเด็กประถมควรเข้าถึงโซเชียลมีเดียหรือไม่ ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น เช่น จีนจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กไว้แค่ 1 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุด, ออสเตรเลียเตรียมแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี และฝรั่งเศสออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และขอความยินยอมจากผู้ปกครอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ฮ่องกงเตรียมปรับแนวทางการใช้หน้าจอของเด็กในนโยบายสุขภาพ ➡️ เน้นลดการใช้มือถือและโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กเล็ก ➡️ ไม่มีการออกกฎหมาย แต่จะปรับปรุงแนวทางแนะนำให้ทันสมัย ➡️ ปัจจุบันแนวทางแนะนำคือ 1–2 ชั่วโมงต่อวันตามช่วงอายุ ✅ เหตุผลและแรงจูงใจ ➡️ เด็กฮ่องกงมีอัตราสายตาสั้นสูงที่สุดในโลก ➡️ การใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ➡️ นักเรียนใช้มือถือเพื่อเรียนและเล่นเกินคำแนะนำเดิม ➡️ รัฐบาลจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการศึกษา ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จีนจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กไว้ที่ 1 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุด ➡️ ออสเตรเลียเตรียมแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ➡️ ฝรั่งเศสออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบอายุและขอความยินยอม ➡️ สหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมาย Kids Off Social Media Act เพื่อแบนเด็กต่ำกว่า 13 ปี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/how-much-screen-time-should-kids-have-hong-kong-leader-to-seek-expert-advice
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How much screen time should kids have? Hong Kong leader to seek expert advice
    Government source rules out bans but backs tougher restrictions on device use in schools and homes under new initiative within policy address.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TARS: ใบเรือสุริยะหมุนได้จากพลังแสง — แนวคิดใหม่จาก David Kipping ที่อาจส่งยานขนาดมือถือออกนอกระบบสุริยะ”

    นักดาราศาสตร์ David Kipping และ Kathryn Lampo จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้เสนอแนวคิดใหม่ในการขับเคลื่อนยานอวกาศขนาดเล็กสู่การเดินทางระหว่างดาว ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า TARS (Torqued Accelerator using Radiation from the Sun) ซึ่งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการสร้างแรงหมุนสะสม แล้วปลดปล่อยเป็นแรงผลักดันให้ยานพุ่งออกจากระบบสุริยะโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง

    TARS ประกอบด้วยแผ่นบางสองด้านที่มีค่าการสะท้อนแสง (albedo) ต่างกัน เมื่ออยู่ในวงโคจรแบบ “quasite” รอบดวงอาทิตย์ แรงดันรังสีจากแสงอาทิตย์จะค่อย ๆ ทำให้ระบบหมุนเร็วขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน จากนั้นพลังงานหมุนนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อเร่งความเร็วให้ payload ขนาดเท่ามือถือทะยานออกไปด้วยความเร็วระดับระหว่างดาว

    แม้จะไม่สามารถทำความเร็วแบบ relativistic ได้ (ใกล้ความเร็วแสง) แต่ TARS ก็สามารถส่งยานขนาดเล็กออกนอกระบบสุริยะภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยใช้วัสดุที่มีจำหน่ายทั่วไป เช่น แผ่นคาร์บอนนาโนทิวบ์ (CNT) หรือกราฟีน และมีน้ำหนักรวมเพียงไม่กี่กิโลกรัม

    แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันดาวอังคารจากลมสุริยะ หรือใช้เป็นเครือข่ายสื่อสารระยะไกลในอวกาศผ่านการปล่อยยานเป็นฝูง (swarm) ที่มีต้นทุนต่ำและควบคุมง่าย

    ข้อมูลสำคัญ
    TARS คือระบบใบเรือสุริยะที่ใช้แรงหมุนจากแสงอาทิตย์เพื่อเร่งความเร็ว
    ใช้แผ่นบางสองด้านที่มี albedo ต่างกันเพื่อสร้างแรงหมุน
    อยู่ในวงโคจร quasite รอบดวงอาทิตย์เพื่อสะสมพลังงาน
    สามารถส่ง payload ขนาดมือถือออกนอกระบบสุริยะภายใน 1 ปี

    เทคโนโลยีและการใช้งาน
    ใช้วัสดุทั่วไป เช่น CNT หรือกราฟีน น้ำหนักรวมเพียงไม่กี่กิโลกรัม
    ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง onboard — หลุดจากข้อจำกัดของสมการจรวด
    อาจใช้สร้างสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันดาวอังคาร
    สามารถปล่อยเป็นฝูงเพื่อสร้างเครือข่ายสื่อสารระยะไกล

    ข้อมูลเสริม
    ใบเรือสุริยะแบบเดิมใช้แรงดันรังสีโดยตรง แต่มีข้อจำกัดด้านทิศทาง
    TARS ใช้หลักการคล้าย radiometer และ dipole หมุนเพื่อสร้างแรง
    การใช้ Jupiter เป็นเลนส์บูสต์สัญญาณเป็นแนวคิดเสริมที่กำลังศึกษา
    อาจใช้ TARS เพื่อศึกษาสื่อระหว่างดาว หรือเป็นเครื่องตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ความเร็วที่ได้ยังไม่ถึงระดับ relativistic — ไม่เหมาะกับภารกิจที่ต้องการความเร็วสูงมาก
    การออกแบบต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของวัสดุเมื่อหมุนด้วยความเร็วสูง
    การควบคุมทิศทางและการปลดปล่อยพลังงานต้องแม่นยำสูง
    การ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วจะเพิ่มความซับซ้อนแบบ exponential
    ยังไม่มีการทดสอบจริงในอวกาศ — อยู่ในขั้นแนวคิดและการจำลอง

    https://youtu.be/MDM1COWJ2Hc
    🚀 “TARS: ใบเรือสุริยะหมุนได้จากพลังแสง — แนวคิดใหม่จาก David Kipping ที่อาจส่งยานขนาดมือถือออกนอกระบบสุริยะ” นักดาราศาสตร์ David Kipping และ Kathryn Lampo จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้เสนอแนวคิดใหม่ในการขับเคลื่อนยานอวกาศขนาดเล็กสู่การเดินทางระหว่างดาว ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า TARS (Torqued Accelerator using Radiation from the Sun) ซึ่งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการสร้างแรงหมุนสะสม แล้วปลดปล่อยเป็นแรงผลักดันให้ยานพุ่งออกจากระบบสุริยะโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง TARS ประกอบด้วยแผ่นบางสองด้านที่มีค่าการสะท้อนแสง (albedo) ต่างกัน เมื่ออยู่ในวงโคจรแบบ “quasite” รอบดวงอาทิตย์ แรงดันรังสีจากแสงอาทิตย์จะค่อย ๆ ทำให้ระบบหมุนเร็วขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน จากนั้นพลังงานหมุนนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อเร่งความเร็วให้ payload ขนาดเท่ามือถือทะยานออกไปด้วยความเร็วระดับระหว่างดาว แม้จะไม่สามารถทำความเร็วแบบ relativistic ได้ (ใกล้ความเร็วแสง) แต่ TARS ก็สามารถส่งยานขนาดเล็กออกนอกระบบสุริยะภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยใช้วัสดุที่มีจำหน่ายทั่วไป เช่น แผ่นคาร์บอนนาโนทิวบ์ (CNT) หรือกราฟีน และมีน้ำหนักรวมเพียงไม่กี่กิโลกรัม แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันดาวอังคารจากลมสุริยะ หรือใช้เป็นเครือข่ายสื่อสารระยะไกลในอวกาศผ่านการปล่อยยานเป็นฝูง (swarm) ที่มีต้นทุนต่ำและควบคุมง่าย ✅ ข้อมูลสำคัญ ➡️ TARS คือระบบใบเรือสุริยะที่ใช้แรงหมุนจากแสงอาทิตย์เพื่อเร่งความเร็ว ➡️ ใช้แผ่นบางสองด้านที่มี albedo ต่างกันเพื่อสร้างแรงหมุน ➡️ อยู่ในวงโคจร quasite รอบดวงอาทิตย์เพื่อสะสมพลังงาน ➡️ สามารถส่ง payload ขนาดมือถือออกนอกระบบสุริยะภายใน 1 ปี ✅ เทคโนโลยีและการใช้งาน ➡️ ใช้วัสดุทั่วไป เช่น CNT หรือกราฟีน น้ำหนักรวมเพียงไม่กี่กิโลกรัม ➡️ ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง onboard — หลุดจากข้อจำกัดของสมการจรวด ➡️ อาจใช้สร้างสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันดาวอังคาร ➡️ สามารถปล่อยเป็นฝูงเพื่อสร้างเครือข่ายสื่อสารระยะไกล ✅ ข้อมูลเสริม ➡️ ใบเรือสุริยะแบบเดิมใช้แรงดันรังสีโดยตรง แต่มีข้อจำกัดด้านทิศทาง ➡️ TARS ใช้หลักการคล้าย radiometer และ dipole หมุนเพื่อสร้างแรง ➡️ การใช้ Jupiter เป็นเลนส์บูสต์สัญญาณเป็นแนวคิดเสริมที่กำลังศึกษา ➡️ อาจใช้ TARS เพื่อศึกษาสื่อระหว่างดาว หรือเป็นเครื่องตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ความเร็วที่ได้ยังไม่ถึงระดับ relativistic — ไม่เหมาะกับภารกิจที่ต้องการความเร็วสูงมาก ⛔ การออกแบบต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของวัสดุเมื่อหมุนด้วยความเร็วสูง ⛔ การควบคุมทิศทางและการปลดปล่อยพลังงานต้องแม่นยำสูง ⛔ การ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วจะเพิ่มความซับซ้อนแบบ exponential ⛔ ยังไม่มีการทดสอบจริงในอวกาศ — อยู่ในขั้นแนวคิดและการจำลอง https://youtu.be/MDM1COWJ2Hc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • “IonQ ท้าชน NVIDIA — ชิปควอนตัม 10,000 qubit จะทำให้ Blackwell ‘ล้าสมัย’ ภายในปี 2027”

    ในโลกที่การประมวลผลด้วย GPU ครองตลาด AI และ HPC มานานหลายปี ล่าสุด IonQ บริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งจากสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่า “ชิปควอนตัมของเราในปี 2027 จะทำให้ GPU อย่าง NVIDIA Blackwell ดูล้าสมัย” โดย CEO ของบริษัท Niccolo de Masi ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าชิปควอนตัมรุ่นใหม่จะมีจำนวน qubit สูงถึง 10,000 ตัว และสามารถทำงานได้เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลก

    การเปรียบเทียบนี้อาจฟังดูเกินจริง แต่มีพื้นฐานจากความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแก้ปัญหาบางประเภท เช่น optimization, เคมีคำนวณ และการเข้ารหัส ได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเหล่านั้นมีความซับซ้อนแบบ exponential ซึ่ง GPU แม้จะเร็วแค่ไหนก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    IonQ ได้เร่งแผนพัฒนาอย่างหนักหลังการเข้าซื้อกิจการของ Oxford Ionics ซึ่งมีเทคโนโลยี photonic interconnect ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ qubit ได้อย่างแม่นยำและเสถียร โดยเป้าหมายคือการสร้าง logical qubit ที่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการประมวลผลควอนตัมที่ใช้งานได้จริง

    แม้จะมีความหวังสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการใช้งานจริงในระดับ commercial โดยเฉพาะเมื่อ quantum chip ยังมีข้อจำกัดด้านเสถียรภาพ, การควบคุม noise และการ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IonQ ประกาศแผนเปิดตัวชิปควอนตัม 10,000 qubit ภายในปี 2027
    CEO ระบุว่า GPU อย่าง NVIDIA Blackwell จะ “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับชิปควอนตัม
    การเข้าซื้อ Oxford Ionics ช่วยเร่งแผนพัฒนา logical qubit และ photonic interconnect
    ชิปควอนตัมเหมาะกับงาน optimization, เคมีคำนวณ, และการเข้ารหัส

    จุดเด่นของเทคโนโลยีควอนตัม
    ใช้ qubit ที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกัน (superposition)
    logical qubit มีระบบแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ทำให้ใช้งานได้จริง
    หากถึงระดับ 2 ล้าน qubit ในปี 2030 จะสามารถแก้ปัญหาที่ GPU ไม่สามารถทำได้
    การเปรียบเทียบกับ GPU เหมือนเปรียบรถ F1 กับรถบรรทุก — ต่างวัตถุประสงค์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVIDIA Blackwell เป็น GPU รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI และ HPC
    Quantum computing ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานเชิงพาณิชย์
    IonQ ใช้เทคโนโลยี “trapped ion” ซึ่งมีความแม่นยำสูงแต่ scale ยาก
    ตลาด quantum computing คาดว่าจะเติบโตถึง $65 พันล้านภายในปี 2030

    https://wccftech.com/ionq-ceo-claims-that-their-quantum-chips-will-make-gpus-like-nvidia-blackwell-look-outdated/
    🧠 “IonQ ท้าชน NVIDIA — ชิปควอนตัม 10,000 qubit จะทำให้ Blackwell ‘ล้าสมัย’ ภายในปี 2027” ในโลกที่การประมวลผลด้วย GPU ครองตลาด AI และ HPC มานานหลายปี ล่าสุด IonQ บริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งจากสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่า “ชิปควอนตัมของเราในปี 2027 จะทำให้ GPU อย่าง NVIDIA Blackwell ดูล้าสมัย” โดย CEO ของบริษัท Niccolo de Masi ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าชิปควอนตัมรุ่นใหม่จะมีจำนวน qubit สูงถึง 10,000 ตัว และสามารถทำงานได้เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลก การเปรียบเทียบนี้อาจฟังดูเกินจริง แต่มีพื้นฐานจากความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแก้ปัญหาบางประเภท เช่น optimization, เคมีคำนวณ และการเข้ารหัส ได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเหล่านั้นมีความซับซ้อนแบบ exponential ซึ่ง GPU แม้จะเร็วแค่ไหนก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ IonQ ได้เร่งแผนพัฒนาอย่างหนักหลังการเข้าซื้อกิจการของ Oxford Ionics ซึ่งมีเทคโนโลยี photonic interconnect ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ qubit ได้อย่างแม่นยำและเสถียร โดยเป้าหมายคือการสร้าง logical qubit ที่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการประมวลผลควอนตัมที่ใช้งานได้จริง แม้จะมีความหวังสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการใช้งานจริงในระดับ commercial โดยเฉพาะเมื่อ quantum chip ยังมีข้อจำกัดด้านเสถียรภาพ, การควบคุม noise และการ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IonQ ประกาศแผนเปิดตัวชิปควอนตัม 10,000 qubit ภายในปี 2027 ➡️ CEO ระบุว่า GPU อย่าง NVIDIA Blackwell จะ “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับชิปควอนตัม ➡️ การเข้าซื้อ Oxford Ionics ช่วยเร่งแผนพัฒนา logical qubit และ photonic interconnect ➡️ ชิปควอนตัมเหมาะกับงาน optimization, เคมีคำนวณ, และการเข้ารหัส ✅ จุดเด่นของเทคโนโลยีควอนตัม ➡️ ใช้ qubit ที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกัน (superposition) ➡️ logical qubit มีระบบแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ทำให้ใช้งานได้จริง ➡️ หากถึงระดับ 2 ล้าน qubit ในปี 2030 จะสามารถแก้ปัญหาที่ GPU ไม่สามารถทำได้ ➡️ การเปรียบเทียบกับ GPU เหมือนเปรียบรถ F1 กับรถบรรทุก — ต่างวัตถุประสงค์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVIDIA Blackwell เป็น GPU รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI และ HPC ➡️ Quantum computing ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานเชิงพาณิชย์ ➡️ IonQ ใช้เทคโนโลยี “trapped ion” ซึ่งมีความแม่นยำสูงแต่ scale ยาก ➡️ ตลาด quantum computing คาดว่าจะเติบโตถึง $65 พันล้านภายในปี 2030 https://wccftech.com/ionq-ceo-claims-that-their-quantum-chips-will-make-gpus-like-nvidia-blackwell-look-outdated/
    WCCFTECH.COM
    IonQ's CEO Claims That Their Quantum Chips Will Make Classical GPUs Like NVIDIA's 'Blackwell' Look Outdated By 2027
    The quantum narrative is ramping up, and IonQ's CEO claims that the firm's quantum chips will 'wipe out' the competition with NVIDIA.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TikTok รอดแบนในสหรัฐฯ หลังดีลทรัมป์–จีนใกล้ลงตัว: Oracle เตรียมถือหุ้นใหญ่ ข้อมูลผู้ใช้จะอยู่ในมืออเมริกัน”

    หลังจากยืดเยื้อมานานกว่า 9 เดือน สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนโครงสร้างความเป็นเจ้าของของ TikTok เพื่อหลีกเลี่ยงการแบนในสหรัฐฯ ซึ่งเดิมมีกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 17 กันยายน 2025 มิฉะนั้นจะถูกลบออกจาก App Store และระบบปฏิบัติการทั้งหมดในประเทศ

    ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจากการเจรจาในกรุงมาดริดระหว่างรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Scott Bessent และรองนายกรัฐมนตรีจีน He Lifeng โดยมีการยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุ “กรอบพื้นฐาน” ของดีลแล้ว และจะมีการพูดคุยขั้นสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน

    ตามรายงานจากหลายสำนักข่าว ดีลนี้จะนำไปสู่การตั้งบริษัทใหม่ในสหรัฐฯ โดยมีนักลงทุนอเมริกันถือหุ้นประมาณ 80% และ ByteDance ถือหุ้นไม่เกิน 20% โดยมี Oracle, Andreessen Horowitz และ Silver Lake เป็นผู้ลงทุนหลัก และ Oracle จะรับหน้าที่ดูแลข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ ที่ศูนย์ข้อมูลในรัฐเท็กซัส

    แม้จะยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดเกี่ยวกับการควบคุมอัลกอริธึมของ TikTok ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์ม แต่จีนได้แสดงท่าทีเปิดกว้างในการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีผ่านการออกใบอนุญาต และให้วิศวกรอเมริกันพัฒนาอัลกอริธึมใหม่สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ โดยแยกออกจากระบบเดิม

    การเลื่อนแบน TikTok ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่กฎหมายบังคับขายกิจการมีผลในเดือนมกราคม 2025 โดยก่อนหน้านี้ TikTok เคยถูกปิดใช้งานในสหรัฐฯ ชั่วคราวเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในเดือนมกราคม ทำให้ผู้ใช้แห่สมัคร VPN กันอย่างล้นหลาม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับ TikTok เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025
    ByteDance จะถือหุ้นไม่เกิน 20% ในบริษัทใหม่ที่ตั้งในสหรัฐฯ
    Oracle จะดูแลข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ ที่ศูนย์ข้อมูลในเท็กซัส
    ประธานาธิบดี Trump และ Xi Jinping จะพูดคุยเพื่อสรุปดีลในวันที่ 19 กันยายน

    โครงสร้างดีลและผู้เกี่ยวข้อง
    นักลงทุนหลัก ได้แก่ Oracle, Andreessen Horowitz, Silver Lake
    บริษัทใหม่จะมีคณะกรรมการที่คนอเมริกันเป็นเสียงข้างมาก และมีตัวแทนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
    ByteDance อาจอนุญาตให้ใช้อัลกอริธึมผ่านการออกใบอนุญาต
    วิศวกรอเมริกันจะพัฒนาอัลกอริธึมใหม่สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TikTok มีผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน
    กฎหมายบังคับขายกิจการมีผลตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี Joe Biden
    Trump เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยแรก แต่กลับมาเปลี่ยนท่าทีในสมัยที่สอง
    Oracle เคยพยายามซื้อ TikTok ในปี 2020 แต่ดีลถูกระงับ

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/tiktok-to-be-saved-in-the-us-as-trump-confirms-a-deal-with-china-ahead-of-upcoming-ban
    📱 “TikTok รอดแบนในสหรัฐฯ หลังดีลทรัมป์–จีนใกล้ลงตัว: Oracle เตรียมถือหุ้นใหญ่ ข้อมูลผู้ใช้จะอยู่ในมืออเมริกัน” หลังจากยืดเยื้อมานานกว่า 9 เดือน สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนโครงสร้างความเป็นเจ้าของของ TikTok เพื่อหลีกเลี่ยงการแบนในสหรัฐฯ ซึ่งเดิมมีกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 17 กันยายน 2025 มิฉะนั้นจะถูกลบออกจาก App Store และระบบปฏิบัติการทั้งหมดในประเทศ ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจากการเจรจาในกรุงมาดริดระหว่างรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Scott Bessent และรองนายกรัฐมนตรีจีน He Lifeng โดยมีการยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุ “กรอบพื้นฐาน” ของดีลแล้ว และจะมีการพูดคุยขั้นสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน ตามรายงานจากหลายสำนักข่าว ดีลนี้จะนำไปสู่การตั้งบริษัทใหม่ในสหรัฐฯ โดยมีนักลงทุนอเมริกันถือหุ้นประมาณ 80% และ ByteDance ถือหุ้นไม่เกิน 20% โดยมี Oracle, Andreessen Horowitz และ Silver Lake เป็นผู้ลงทุนหลัก และ Oracle จะรับหน้าที่ดูแลข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ ที่ศูนย์ข้อมูลในรัฐเท็กซัส แม้จะยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดเกี่ยวกับการควบคุมอัลกอริธึมของ TikTok ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์ม แต่จีนได้แสดงท่าทีเปิดกว้างในการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีผ่านการออกใบอนุญาต และให้วิศวกรอเมริกันพัฒนาอัลกอริธึมใหม่สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ โดยแยกออกจากระบบเดิม การเลื่อนแบน TikTok ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่กฎหมายบังคับขายกิจการมีผลในเดือนมกราคม 2025 โดยก่อนหน้านี้ TikTok เคยถูกปิดใช้งานในสหรัฐฯ ชั่วคราวเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในเดือนมกราคม ทำให้ผู้ใช้แห่สมัคร VPN กันอย่างล้นหลาม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับ TikTok เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025 ➡️ ByteDance จะถือหุ้นไม่เกิน 20% ในบริษัทใหม่ที่ตั้งในสหรัฐฯ ➡️ Oracle จะดูแลข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ ที่ศูนย์ข้อมูลในเท็กซัส ➡️ ประธานาธิบดี Trump และ Xi Jinping จะพูดคุยเพื่อสรุปดีลในวันที่ 19 กันยายน ✅ โครงสร้างดีลและผู้เกี่ยวข้อง ➡️ นักลงทุนหลัก ได้แก่ Oracle, Andreessen Horowitz, Silver Lake ➡️ บริษัทใหม่จะมีคณะกรรมการที่คนอเมริกันเป็นเสียงข้างมาก และมีตัวแทนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ ByteDance อาจอนุญาตให้ใช้อัลกอริธึมผ่านการออกใบอนุญาต ➡️ วิศวกรอเมริกันจะพัฒนาอัลกอริธึมใหม่สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TikTok มีผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน ➡️ กฎหมายบังคับขายกิจการมีผลตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี Joe Biden ➡️ Trump เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยแรก แต่กลับมาเปลี่ยนท่าทีในสมัยที่สอง ➡️ Oracle เคยพยายามซื้อ TikTok ในปี 2020 แต่ดีลถูกระงับ https://www.techradar.com/computing/cyber-security/tiktok-to-be-saved-in-the-us-as-trump-confirms-a-deal-with-china-ahead-of-upcoming-ban
    WWW.TECHRADAR.COM
    TikTok to be saved in the US as Trump confirms a deal with China ahead of upcoming ban
    The deadline for TikTok to divest or be banned is set to expire on Wednesday, September 17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD EPYC Embedded 4005: ซีพียูขอบระบบที่ไม่ธรรมดา — Zen 5 บน AM5 เพื่อโลกที่ต้องการความเร็วและความเสถียร”

    AMD เปิดตัวซีพียูตระกูล EPYC Embedded 4005 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาด edge computing, ระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และเซิร์ฟเวอร์อุตสาหกรรมระดับเริ่มต้น จุดเด่นของซีรีส์นี้คือการนำสถาปัตยกรรม Zen 5 มาใช้บนแพลตฟอร์ม AM5 ซึ่งเป็นซ็อกเก็ตเดียวกับ Ryzen รุ่นทั่วไป แต่ปรับแต่งให้เหมาะกับงานฝังตัวที่ต้องการความเสถียรและอายุการใช้งานยาวนาน

    EPYC Embedded 4005 ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ chiplet ขนาด 4 นาโนเมตร รองรับสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด พร้อม L3 cache สูงสุด 128MB และ TDP ที่ปรับได้ตั้งแต่ 65W ถึง 170W เพื่อให้เหมาะกับงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ไฟร์วอลล์รุ่นใหม่ไปจนถึงระบบควบคุมแบบเรียลไทม์ในโรงงาน

    ซีพียูรุ่นนี้รองรับ DDR5-5600 แบบ ECC, PCIe Gen 5 จำนวน 28 เลน และชุดคำสั่ง AVX-512 แบบเต็ม 512 บิต ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI inference และงานที่ต้องการ vector computing เช่น การวิเคราะห์ภาพ, การประมวลผล JSON หรือฐานข้อมูล PostgreSQL

    จุดแข็งอีกด้านคือการรับประกันการผลิตนานถึง 7 ปี พร้อมฟีเจอร์ RAS (Reliability, Availability, Serviceability) เช่น ECC บน DRAM และ PCIe, parity บนชิป และการตรวจจับข้อผิดพลาดแบบ built-in ซึ่งเหมาะกับระบบที่ต้องการ uptime สูงและการบำรุงรักษาต่ำ

    AMD ยังออกแบบให้ EPYC Embedded 4005 ใช้ซ็อกเก็ต AM5 ร่วมกับซีพียู Ryzen ทำให้สามารถใช้เมนบอร์ดเดิมได้ ลดต้นทุนการออกแบบ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการอัปเกรดระบบในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่ม SMB และผู้ให้บริการ hosting ที่ต้องการระบบที่คุ้มค่าแต่มีความสามารถระดับองค์กร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว EPYC Embedded 4005 สำหรับงาน edge และระบบฝังตัว
    ใช้ Zen 5 บนแพลตฟอร์ม AM5 พร้อมเทคโนโลยี chiplet ขนาด 4 นาโนเมตร
    รองรับสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด, L3 cache สูงสุด 128MB
    TDP ปรับได้ตั้งแต่ 65W ถึง 170W เพื่อรองรับงานหลากหลาย

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    รองรับ DDR5-5600 ECC และ PCIe Gen 5 จำนวน 28 เลน
    มีชุดคำสั่ง AVX-512 แบบเต็ม 512 บิต สำหรับงาน AI และ HPC
    รับประกันการผลิตนานถึง 7 ปี พร้อมฟีเจอร์ RAS ครบถ้วน
    ใช้ซ็อกเก็ต AM5 ร่วมกับ Ryzen ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    EPYC 4005 เป็นรุ่นต่อยอดจาก EPYC 4004 โดยเพิ่มความเร็วแรมและชุดคำสั่ง
    มีรุ่น 16 คอร์ TDP 65W สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่ประหยัดพลังงาน
    เหมาะกับงานไฟร์วอลล์, NAS, เซิร์ฟเวอร์ SMB และระบบควบคุมอุตสาหกรรม
    แข่งกับ Intel Xeon E และ Xeon 6300P ซึ่งยังจำกัดที่ 8 คอร์และ DDR5-4800

    คำเตือนและข้อจำกัด
    แม้จะใช้ AM5 แต่ EPYC Embedded 4005 ต้องใช้ BIOS ที่รองรับ ECC และฟีเจอร์ RAS
    ชุดคำสั่ง AVX-512 อาจไม่ถูกใช้งานเต็มประสิทธิภาพในซอฟต์แวร์ทั่วไป
    การใช้งานในระบบฝังตัวต้องพิจารณาเรื่องความร้อนและการระบายอากาศอย่างรอบคอบ
    แม้จะรับประกันการผลิต 7 ปี แต่การสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเมนบอร์ด
    ราคาของรุ่นสูงสุดอาจใกล้เคียงกับ Xeon ระดับกลาง ทำให้ต้องเปรียบเทียบอย่างละเอียดก่อนเลือกใช้งาน

    https://www.techpowerup.com/341063/amd-introduces-epyc-embedded-4005-processors-for-low-latency-applications-at-the-edge
    🧩 “AMD EPYC Embedded 4005: ซีพียูขอบระบบที่ไม่ธรรมดา — Zen 5 บน AM5 เพื่อโลกที่ต้องการความเร็วและความเสถียร” AMD เปิดตัวซีพียูตระกูล EPYC Embedded 4005 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาด edge computing, ระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และเซิร์ฟเวอร์อุตสาหกรรมระดับเริ่มต้น จุดเด่นของซีรีส์นี้คือการนำสถาปัตยกรรม Zen 5 มาใช้บนแพลตฟอร์ม AM5 ซึ่งเป็นซ็อกเก็ตเดียวกับ Ryzen รุ่นทั่วไป แต่ปรับแต่งให้เหมาะกับงานฝังตัวที่ต้องการความเสถียรและอายุการใช้งานยาวนาน EPYC Embedded 4005 ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ chiplet ขนาด 4 นาโนเมตร รองรับสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด พร้อม L3 cache สูงสุด 128MB และ TDP ที่ปรับได้ตั้งแต่ 65W ถึง 170W เพื่อให้เหมาะกับงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ไฟร์วอลล์รุ่นใหม่ไปจนถึงระบบควบคุมแบบเรียลไทม์ในโรงงาน ซีพียูรุ่นนี้รองรับ DDR5-5600 แบบ ECC, PCIe Gen 5 จำนวน 28 เลน และชุดคำสั่ง AVX-512 แบบเต็ม 512 บิต ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI inference และงานที่ต้องการ vector computing เช่น การวิเคราะห์ภาพ, การประมวลผล JSON หรือฐานข้อมูล PostgreSQL จุดแข็งอีกด้านคือการรับประกันการผลิตนานถึง 7 ปี พร้อมฟีเจอร์ RAS (Reliability, Availability, Serviceability) เช่น ECC บน DRAM และ PCIe, parity บนชิป และการตรวจจับข้อผิดพลาดแบบ built-in ซึ่งเหมาะกับระบบที่ต้องการ uptime สูงและการบำรุงรักษาต่ำ AMD ยังออกแบบให้ EPYC Embedded 4005 ใช้ซ็อกเก็ต AM5 ร่วมกับซีพียู Ryzen ทำให้สามารถใช้เมนบอร์ดเดิมได้ ลดต้นทุนการออกแบบ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการอัปเกรดระบบในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่ม SMB และผู้ให้บริการ hosting ที่ต้องการระบบที่คุ้มค่าแต่มีความสามารถระดับองค์กร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว EPYC Embedded 4005 สำหรับงาน edge และระบบฝังตัว ➡️ ใช้ Zen 5 บนแพลตฟอร์ม AM5 พร้อมเทคโนโลยี chiplet ขนาด 4 นาโนเมตร ➡️ รองรับสูงสุด 16 คอร์ 32 เธรด, L3 cache สูงสุด 128MB ➡️ TDP ปรับได้ตั้งแต่ 65W ถึง 170W เพื่อรองรับงานหลากหลาย ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ รองรับ DDR5-5600 ECC และ PCIe Gen 5 จำนวน 28 เลน ➡️ มีชุดคำสั่ง AVX-512 แบบเต็ม 512 บิต สำหรับงาน AI และ HPC ➡️ รับประกันการผลิตนานถึง 7 ปี พร้อมฟีเจอร์ RAS ครบถ้วน ➡️ ใช้ซ็อกเก็ต AM5 ร่วมกับ Ryzen ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ EPYC 4005 เป็นรุ่นต่อยอดจาก EPYC 4004 โดยเพิ่มความเร็วแรมและชุดคำสั่ง ➡️ มีรุ่น 16 คอร์ TDP 65W สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่ประหยัดพลังงาน ➡️ เหมาะกับงานไฟร์วอลล์, NAS, เซิร์ฟเวอร์ SMB และระบบควบคุมอุตสาหกรรม ➡️ แข่งกับ Intel Xeon E และ Xeon 6300P ซึ่งยังจำกัดที่ 8 คอร์และ DDR5-4800 ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ แม้จะใช้ AM5 แต่ EPYC Embedded 4005 ต้องใช้ BIOS ที่รองรับ ECC และฟีเจอร์ RAS ⛔ ชุดคำสั่ง AVX-512 อาจไม่ถูกใช้งานเต็มประสิทธิภาพในซอฟต์แวร์ทั่วไป ⛔ การใช้งานในระบบฝังตัวต้องพิจารณาเรื่องความร้อนและการระบายอากาศอย่างรอบคอบ ⛔ แม้จะรับประกันการผลิต 7 ปี แต่การสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเมนบอร์ด ⛔ ราคาของรุ่นสูงสุดอาจใกล้เคียงกับ Xeon ระดับกลาง ทำให้ต้องเปรียบเทียบอย่างละเอียดก่อนเลือกใช้งาน https://www.techpowerup.com/341063/amd-introduces-epyc-embedded-4005-processors-for-low-latency-applications-at-the-edge
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Introduces EPYC Embedded 4005 Processors for Low-Latency Applications at the Edge
    AMD today announced the EPYC Embedded 4005 Series processors, purpose-built to address rising demand for real-time compute performance, optimized system costs and extended deployment lifecycles in network security appliances and entry-level industrial edge servers. Built on proven AMD server technol...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts