• Baidu พัฒนา AI เพื่อแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์ Baidu บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับ ระบบ AI ที่สามารถแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์ โดยใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคการประมวลผลเสียงขั้นสูง

    นักวิทยาศาสตร์พยายาม ศึกษาการสื่อสารของสัตว์มานานหลายทศวรรษ และระบบของ Baidu อาจเป็น ก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจพฤติกรรมและอารมณ์ของสัตว์

    ✅ Baidu ยื่นขอจดสิทธิบัตรระบบ AI ที่สามารถแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์
    - ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคการประมวลผลเสียงขั้นสูง

    ✅ นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาการสื่อสารของสัตว์มานานหลายทศวรรษ
    - ระบบของ Baidu อาจช่วยให้ เข้าใจพฤติกรรมและอารมณ์ของสัตว์ได้ดีขึ้น

    ✅ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้มนุษย์สามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงได้ดีขึ้น
    - อาจช่วยให้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าใจความต้องการของสัตว์มากขึ้น

    ✅ Baidu เป็นเจ้าของเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในจีน และกำลังขยายงานด้าน AI
    - มีการลงทุนใน AI ด้านการแปลภาษาและการประมวลผลเสียง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/china039s-baidu-looks-to-patent-ai-system-to-decipher-animal-sounds
    Baidu พัฒนา AI เพื่อแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์ Baidu บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับ ระบบ AI ที่สามารถแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์ โดยใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคการประมวลผลเสียงขั้นสูง นักวิทยาศาสตร์พยายาม ศึกษาการสื่อสารของสัตว์มานานหลายทศวรรษ และระบบของ Baidu อาจเป็น ก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจพฤติกรรมและอารมณ์ของสัตว์ ✅ Baidu ยื่นขอจดสิทธิบัตรระบบ AI ที่สามารถแปลเสียงสัตว์เป็นภาษามนุษย์ - ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคการประมวลผลเสียงขั้นสูง ✅ นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาการสื่อสารของสัตว์มานานหลายทศวรรษ - ระบบของ Baidu อาจช่วยให้ เข้าใจพฤติกรรมและอารมณ์ของสัตว์ได้ดีขึ้น ✅ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้มนุษย์สามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงได้ดีขึ้น - อาจช่วยให้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าใจความต้องการของสัตว์มากขึ้น ✅ Baidu เป็นเจ้าของเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในจีน และกำลังขยายงานด้าน AI - มีการลงทุนใน AI ด้านการแปลภาษาและการประมวลผลเสียง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/china039s-baidu-looks-to-patent-ai-system-to-decipher-animal-sounds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China's Baidu looks to patent AI system to decipher animal sounds
    Ever wished you could understand what your cat is trying to tell you? A Chinese tech company is exploring whether it's possible to translate those mysterious meows into human language using artificial intelligence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง

    ความมีอยู่ว่า
    “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า)

    เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา

    ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง)

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา

    กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน

    และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’

    เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://rijifang.com/index.php/post/9230.html
    https://www.52lishi.com/article/65423.html
    https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245
    http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html

    #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง ความมีอยู่ว่า “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า) เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง) ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’ เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://rijifang.com/index.php/post/9230.html https://www.52lishi.com/article/65423.html https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245 http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    WWW.SOHU.COM
    《知否?知否?应是绿肥红瘦》过百亿的播放量能说明什么?_顾廷烨
    作为近150万字的长篇小说,实在是有些长,我并没有看完,也理解作者的不易,本身作为兼职作者,平时工作也比较繁忙,可能只有夜晚的四五个小时可以利用,也会有家里的各种繁杂琐事时不时骚扰,从写法来看,看得出…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time)

    เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ

    หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳)

    อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม

    เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง

    หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน

    นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง

    เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย

    ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก

    หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml
    https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml
    https://kknews.cc/history/ogan4p.html
    https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726

    #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳) อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml https://kknews.cc/history/ogan4p.html https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726 #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้
    .
    จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ
    .
    ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
    .
    แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
    .
    ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น
    .
    https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้ . จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ . ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น . แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น . ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น . https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    WWW.FT.COM
    Donald Trump’s attack on green energy could hurt US in AI race, data centres warn
    Industry needs renewables to meet surging power demand from artificial intelligence
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังพัฒนา UDNA ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ที่รวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray Tracing และ AI ให้สามารถแข่งขันกับ Nvidia Blackwell ได้

    นักวิเคราะห์พบว่า AMD ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการจัดการ BVH (Bounding Volume Hierarchy) ซึ่งช่วยให้ ลดภาระของ CPU และ VRAM ทำให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA

    ✅ UDNA เป็นการรวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน
    - ช่วยให้ การพัฒนา GPU มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
    - อาจช่วยให้ AMD สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ดีขึ้น

    ✅ AMD จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ BVH เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing
    - ลดภาระของ CPU และ VRAM
    - ช่วยให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น

    ✅ PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA
    - มีข้อมูลว่าการพัฒนา PS6 อาจเกี่ยวข้องกับ AMD UDNA
    - อาจช่วยให้ คอนโซลมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่ดีขึ้น

    ✅ เปรียบเทียบกับ Nvidia Blackwell
    - สิทธิบัตรของ AMD ชี้ว่า UDNA อาจมีประสิทธิภาพ Ray Tracing ใกล้เคียงกับ Blackwell
    - อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX Mega Geometry ของ Nvidia ได้

    https://www.techpowerup.com/336380/amd-patents-provide-early-udna-insights-blackwell-esque-ray-tracing-performance-could-be-achievable
    AMD กำลังพัฒนา UDNA ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ที่รวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray Tracing และ AI ให้สามารถแข่งขันกับ Nvidia Blackwell ได้ นักวิเคราะห์พบว่า AMD ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการจัดการ BVH (Bounding Volume Hierarchy) ซึ่งช่วยให้ ลดภาระของ CPU และ VRAM ทำให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA ✅ UDNA เป็นการรวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน - ช่วยให้ การพัฒนา GPU มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น - อาจช่วยให้ AMD สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ดีขึ้น ✅ AMD จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ BVH เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing - ลดภาระของ CPU และ VRAM - ช่วยให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น ✅ PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA - มีข้อมูลว่าการพัฒนา PS6 อาจเกี่ยวข้องกับ AMD UDNA - อาจช่วยให้ คอนโซลมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่ดีขึ้น ✅ เปรียบเทียบกับ Nvidia Blackwell - สิทธิบัตรของ AMD ชี้ว่า UDNA อาจมีประสิทธิภาพ Ray Tracing ใกล้เคียงกับ Blackwell - อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX Mega Geometry ของ Nvidia ได้ https://www.techpowerup.com/336380/amd-patents-provide-early-udna-insights-blackwell-esque-ray-tracing-performance-could-be-achievable
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Patents Provide Early UDNA Insights - "Blackwell-esque" Ray Tracing Performance Could be Achievable
    Last September, AMD leadership publicly revealed UDNA—an "unforking" of previously separate enterprise and commercial GPU branches. Not long after this announcement, TechPowerUp's resident Serbian correspondent—AleksandarK—sat down with Team Red's Andrej Zdravkovic. The Chief Software Officer (and S...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad

    คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก

    Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน

    ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน
    - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G
    - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027

    ✅ ประวัติของคดี
    - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์

    ✅ ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis
    - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์
    - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027 ✅ ประวัติของคดี - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์ ✅ ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple must pay Optis $502 million lump sum in UK patent dispute, court rules
    LONDON (Reuters) -Apple must pay a U.S. patent holder $502 million for the use of 4G patents in devices including iPhones and iPads, London's Court of Appeal ruled on Thursday, in the latest stage of a long-running legal battle.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือเศรษฐศาสตร์ จากแบงค์ชาติ https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/articles-and-publications/publications/economics-book.pdf
    หนังสือเศรษฐศาสตร์ จากแบงค์ชาติ https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/articles-and-publications/publications/economics-book.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว

    ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web

    VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

    ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN)

    ✅ การตอบสนองของ VeriSource
    - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน
    - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล

    ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
    - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web

    https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้ ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) ✅ การตอบสนองของ VeriSource - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>

    ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด

    Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ

    ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว

    ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน

    พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก:
    https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html
    https://news.yangtse.com/content/1470761.html
    http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html
    https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166
    https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752

    #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก: https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html https://news.yangtse.com/content/1470761.html http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166 https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752 #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!,溪山行旅图,梦华录,范宽,董其昌,挂画,画家
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • SpaceX ได้พัฒนาเครื่องยนต์จรวดรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Raptor 3 ซึ่งถูกพบระหว่างการขนส่งในเมือง McGregor รัฐเท็กซัส โดยเครื่องยนต์นี้ออกแบบมาเพื่อใช้กับจรวด Starship ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ของ SpaceX ที่มุ่งเน้นการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์

    Raptor 3 มีการออกแบบที่เรียบง่ายกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้า เช่น Raptor 2 โดยไม่มีการใช้ heat shield และการเชื่อมต่อด้วย bolts ซึ่งช่วยลดโอกาสการรั่วไหลของก๊าซร้อน อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ทำให้การซ่อมแซมซับซ้อนขึ้นเนื่องจากไม่มีชิ้นส่วนที่ถอดออกได้

    เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมีหัวฉีดที่กว้างขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในชั้นบรรยากาศเบาหรือในอวกาศ โดย SpaceX ได้ทำการทดสอบการยิงเครื่องยนต์ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และคาดว่าจะนำไปใช้ในภารกิจ Starship Flight 9

    ✅ การออกแบบและคุณสมบัติ
    - ออกแบบเรียบง่ายกว่า Raptor 2 ไม่มี heat shield และ bolts
    - หัวฉีดกว้างขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในอวกาศ

    ✅ การทดสอบและการใช้งาน
    - ทดสอบการยิงครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024
    - คาดว่าจะใช้ในภารกิจ Starship Flight 9

    ✅ เป้าหมายของ SpaceX
    - พัฒนาเครื่องยนต์สำหรับจรวด Starship เพื่อการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์

    ✅ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
    - ลดโอกาสการรั่วไหลของก๊าซร้อนด้วยการออกแบบที่ไม่มี bolts

    https://wccftech.com/spacexs-brand-new-raptor-rocket-engine-potentially-spotted-during-transport-in-texas/
    SpaceX ได้พัฒนาเครื่องยนต์จรวดรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Raptor 3 ซึ่งถูกพบระหว่างการขนส่งในเมือง McGregor รัฐเท็กซัส โดยเครื่องยนต์นี้ออกแบบมาเพื่อใช้กับจรวด Starship ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ของ SpaceX ที่มุ่งเน้นการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์ Raptor 3 มีการออกแบบที่เรียบง่ายกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้า เช่น Raptor 2 โดยไม่มีการใช้ heat shield และการเชื่อมต่อด้วย bolts ซึ่งช่วยลดโอกาสการรั่วไหลของก๊าซร้อน อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ทำให้การซ่อมแซมซับซ้อนขึ้นเนื่องจากไม่มีชิ้นส่วนที่ถอดออกได้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมีหัวฉีดที่กว้างขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในชั้นบรรยากาศเบาหรือในอวกาศ โดย SpaceX ได้ทำการทดสอบการยิงเครื่องยนต์ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และคาดว่าจะนำไปใช้ในภารกิจ Starship Flight 9 ✅ การออกแบบและคุณสมบัติ - ออกแบบเรียบง่ายกว่า Raptor 2 ไม่มี heat shield และ bolts - หัวฉีดกว้างขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในอวกาศ ✅ การทดสอบและการใช้งาน - ทดสอบการยิงครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024 - คาดว่าจะใช้ในภารกิจ Starship Flight 9 ✅ เป้าหมายของ SpaceX - พัฒนาเครื่องยนต์สำหรับจรวด Starship เพื่อการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์ ✅ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี - ลดโอกาสการรั่วไหลของก๊าซร้อนด้วยการออกแบบที่ไม่มี bolts https://wccftech.com/spacexs-brand-new-raptor-rocket-engine-potentially-spotted-during-transport-in-texas/
    WCCFTECH.COM
    SpaceX's Brand New Raptor Rocket Engine Potentially Spotted During Transport In Texas!
    A potential SpaceX Raptor 3 vacuum engine might have been spotted for the first time in McGregor, Texas. Take a look.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ

    ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน

    ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn
    - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม
    - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์

    ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก
    - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้
    - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์
    - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์

    ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม
    - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์ ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้ - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี

    นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง

    ✅ กรณีของ Lella Mesikir
    - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok
    - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย

    ✅ ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย
    - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง

    ✅ ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย
    - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา
    - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี

    ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง ✅ กรณีของ Lella Mesikir - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย ✅ ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง ✅ ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online threats in Ethiopia reveal content moderation failures
    Lella Mesikir built a huge following with online posts about gender rights in Ethiopia but says a lack of local language content moderation has forced her to flee into exile.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ

    ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail
    - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ
    - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta
    - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP)
    - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ

    ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ
    - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์

    ✅ การจัดการผ่าน Admin Console
    - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล

    https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP) - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์ ✅ การจัดการผ่าน Admin Console - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    WWW.NEOWIN.NET
    Data classifications labels for Gmail leaves open beta, now generally available
    Data classification labels are handy for organizing sensitive emails. Now, Google has made them widely available for Gmail customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์
    - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น

    ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู
    - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google

    ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ
    - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link

    ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์ - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trapped in a dimension beyond human understanding, Elias must fight to preserve his own selfhood. His scientific mind tells him that all systems must follow rules, and if there are rules—there must be a way to rewrite them. But as he spirals deeper into the vast expanse of forgotten knowledge, he realizes that some answers cannot be found through equations alone.

    Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire
    https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG

    FashionFromPhilosophy https://www.redbubble.com/i/art-board-print/The-Last-Equation-of-Elias-Voltaire-by-JFlove/170136307.NVL2T

    Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ


    - #LastEquationDesign
    - #ExistentialThreads
    - #EliasVoltaireCollection
    - #PhilosophyInFabric
    - #QuestioningExistence
    - #BeyondMathematics
    - #InfiniteFieldOfDesign
    - #TheUnknownWoven
    - #DissolvingIntoStyle
    - #SelfhoodReimagined
    - #LogicAndFashion
    - #UnmeasuredIdentity
    - #ScientificExpressionWear
    - #ThreadsOfTheUniverse
    - #EchoesOfTheEquation
    - #AIInspiredThreads
    - #ThoughtProvokingWear
    - #FashionFromPhilosophy
    - #CompletenessInDesign
    - #UnraveledMysteries
    Trapped in a dimension beyond human understanding, Elias must fight to preserve his own selfhood. His scientific mind tells him that all systems must follow rules, and if there are rules—there must be a way to rewrite them. But as he spirals deeper into the vast expanse of forgotten knowledge, he realizes that some answers cannot be found through equations alone. Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG FashionFromPhilosophy https://www.redbubble.com/i/art-board-print/The-Last-Equation-of-Elias-Voltaire-by-JFlove/170136307.NVL2T Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ - #LastEquationDesign - #ExistentialThreads - #EliasVoltaireCollection - #PhilosophyInFabric - #QuestioningExistence - #BeyondMathematics - #InfiniteFieldOfDesign - #TheUnknownWoven - #DissolvingIntoStyle - #SelfhoodReimagined - #LogicAndFashion - #UnmeasuredIdentity - #ScientificExpressionWear - #ThreadsOfTheUniverse - #EchoesOfTheEquation - #AIInspiredThreads - #ThoughtProvokingWear - #FashionFromPhilosophy - #CompletenessInDesign - #UnraveledMysteries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.thecoverage.info/news/content/7780
    https://www.thecoverage.info/news/content/7780
    WWW.THECOVERAGE.INFO
    ปี 68 ‘อบจ.กาญจน์’ อุดช่องโหว่ ‘ตามจ่ายค่า OP-PP บัตรทอง’ ช่วย รพ.ไม่ให้ขาดสภาพคล่อง | TheCoverage.info
    “อบจ.กาญจน์” เตรียมจ่ายชดเชยค่าบริการผู้ป่วยนอก-สร้างเสริมสุขภาพฯ บัตรทอง ปีงบ 66 ให้ รพ.แม่ข่ายเดิม สิ้นเดือน พ.ย. 67 นี้ หลังรับถ่ายโอน รพ.สต. แล้ว อบจ.กาญจน์ ขอบริหารงบส่วนนี้เอง สำหรับปี 67 ได้สลับให้ รพ.แม่ข่ายเดิม บริหารจัดการงบแทน หลังหลาย รพ.เจอปัญหาสภาพคล่อง แต่ ปี 68 อบจ.จะกลับมาบริหารเอง พร้อมแก้จุดบกพร่อง เพื่อจ่ายชดเชยให้เร็วกว่าเดิม บรรเทาปัญหาสภาพคล่อง รพ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ เกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการสนทนาครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ามีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

    ✅ การสนทนาเน้นความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
    - โมดีและมัสก์พูดถึง ศักยภาพในการร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
    - การสนทนาเป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปี

    ✅ การสนทนาแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก
    - ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสามารถ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม

    ✅ มัสก์และโมดีมีบทบาทสำคัญในวงการเทคโนโลยีและการเมืองระดับโลก
    - มัสก์เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Tesla และ SpaceX
    - โมดีเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของอินเดีย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/india039s-modi-musk-discussed-potential-collaboration-in-technology
    นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ เกี่ยวกับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการสนทนาครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่ามีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ✅ การสนทนาเน้นความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม - โมดีและมัสก์พูดถึง ศักยภาพในการร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย - การสนทนาเป็นการต่อยอดจากการพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อต้นปี ✅ การสนทนาแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก - ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสามารถ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม ✅ มัสก์และโมดีมีบทบาทสำคัญในวงการเทคโนโลยีและการเมืองระดับโลก - มัสก์เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Tesla และ SpaceX - โมดีเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของอินเดีย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/india039s-modi-musk-discussed-potential-collaboration-in-technology
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India's Modi, Musk discussed potential collaboration in technology
    (Reuters) - Indian Prime Minister Narendra Modi spoke to Elon Musk and talked about "various issues, including the topics we covered during our meeting in Washington DC earlier this year," he said in a post on X on Friday, without saying when the conversation took place.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก

    ความมีอยู่ว่า...
    หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป”
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย

    ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว)

    Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้

    ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น

    เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก

    บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html
    https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html
    https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx
    https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468
    http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html

    #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้



    วันนี้เรามาคุยกันถึงบทประพันธ์โบราณบทหนึ่งชื่อว่า ‘ฉางเหมินฟู่’ (长门赋) ซึ่งในละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> กล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในตัวละครเอกหยวนเซิ่นมักกล่าวอ้างอิงเพื่อเป็นคติสอนใจเกี่ยวกับความรักให้กับนางเอก ความมีอยู่ว่า... หยวนเซิ่นกล่าวอธิบาย “เรื่องเก็บหญิงงามในห้องทองคำกับบทกวีฉางเหมิน...วันนี้ห้องทองคำยังคงอยู่ ทว่าตำหนักฉางเหมินมิมีคนรักแล้ว เห็นได้ว่าสามีภรรยาในโลกหล้า เมื่อคราแรกพบต่างมีใจตรงกัน ยากจะพรากจากจึงมีบุพเพสันนิวาสนี้ แต่สุดท้ายเป็นเพียงรักที่จางหายรักสายเกินไป” - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> ตามซับไทย ‘ฉางเหมินฟู่’ เป็นบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” และบทประพันธ์ ‘ซ่างหลินฟู่’ (Storyฯ เคยกล่าวถึงในหลายบทความแล้ว) Storyฯ ไม่อยากใช้คำว่า ‘บทกวี’ เพราะ ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ และซือหม่าเซียงหรูนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของบทประพันธ์ในรูปแบบ “ฟู่” นี้ ‘ฉางเหมิน’ ในชื่อของบทประพันธ์นี้เป็นชื่อพระตำหนักของฮองเฮาเฉินอาเจียวในองค์ฮั่นอู่ตี้ (156-87 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองฉางอัน โดยมีที่มาที่ไปสรุปเป็นเรื่องราวของฮองเฮาเฉินที่ไม่เป็นที่ทรงโปรดของฮั่นอู่ตี้ แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงจำใจอภิเษกด้วย เมื่ออำนาจทางการเมืองของพระนางอ่อนลงและทรงใช้เล่ห์กลให้ร้ายพระชายาและสนมรายอื่น ฮองเฮาเฉินก็ถูกกักบริเวณไว้ภายในพระตำหนักฉางเหมิน จึงทรงหาทางจ้างซือหม่าเซียงหรูแต่งบทประพันธ์นี้ขึ้น เนื้อหาของบทประพันธ์เป็นเรื่องราวความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของฮองเฮาเฉินในพระตำหนักที่แสนจะเดียวดาย ทรงคอยชะเง้อหาแต่กลับเห็นพระสวามีมีความสุขกับสตรีอื่นทว่าไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมเยียนพระนาง ในยามที่ฝนตกฟ้าร้องก็ไร้ซึ่งผู้ใดเคียงข้าง ในพระตำหนักที่หรูหรากลับไร้ซึ่งเงาของคนรัก บทประพันธ์นี้ถูกองค์ฮองเฮาเฉินให้คนขับขานทั้งวัน แต่องค์ฮั่นอู่ตี้ก็ยังไม่เคยทรงเหลียวแลพระนางอีกเลย ด้วยเนื้อหาของบทประพันธ์ทำให้มันถูกเรียกขานว่าเป็นจดหมายรักฉบับแรกในประวัติศาสตร์จีน และในเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> นี้ มันถูกใช้เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่ได้รับรักตอบแทน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.cyol.com/gb/articles/2022-08/04/content_449M3uWlp.html https://k.sina.cn/article_7069952700_1a566eabc00100yzo0.html https://baike.sogou.com/PicBooklet.v?imageGroupId=4666607&relateImageGroupIds=4666607&lemmaId=225502&category=#4666607_0 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5452fb360959.aspx https://baike.baidu.com/item/长门赋/3075468 http://m.qulishi.com/news/201708/242962.html #ดาราจักรรักลำนำใจ #ฉางเหมินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู #เฉินอาเจียว #ฮ่านอู่ตี้ 
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงนึกว่ามีแค่หน่วยราชการไทยที่ยังใช้ ActiveX อยู่นะเนี่ยะ

    Microsoft ได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน Office apps โดยทำให้การเปิดใช้งาน ActiveX controls ยากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดความเสี่ยงจากมัลแวร์และการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ActiveX ถูกบล็อกโดยค่าเริ่มต้นใน Office apps
    - ก่อนหน้านี้ Office apps อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน ActiveX ได้ง่ายผ่าน prompt
    - Microsoft พบว่าพฤติกรรมนี้เปิดช่องให้ มัลแวร์และโค้ดที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถรันบนระบบได้

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในเวอร์ชันล่าสุด
    - ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป Word, Excel, PowerPoint และ Visio จะบล็อก ActiveX โดยอัตโนมัติ
    - เมื่อเปิดไฟล์ที่มี ActiveX ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "BLOCKED CONTENT: The ActiveX content in this file is blocked."

    ✅ การเปิดใช้งาน ActiveX ใน Trust Center
    - หากต้องการเปิดใช้งาน ActiveX ผู้ใช้ต้องไปที่ File > Options > Trust Center
    - จากนั้นเลือก ActiveX Settings > Prompt me before enabling all controls with minimal restrictions

    ✅ การเปิดตัวใน Microsoft 365
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Microsoft 365 Insiders ใน Beta Channel
    - กำลังทยอยเปิดตัวใน Current Channel เวอร์ชัน 2504 (build 18730.20030 หรือใหม่กว่า)

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องใช้ ActiveX
    - ผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพา ActiveX อาจต้องปรับการตั้งค่าใน Trust Center
    - อาจมีผลกระทบต่อ ไฟล์เก่าที่ใช้ ActiveX ซึ่งอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ ActiveX
    - ActiveX เป็นเทคโนโลยีที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูง และมักถูกใช้ในการโจมตีแบบ social engineering
    - Microsoft แนะนำให้ใช้ เทคโนโลยีอื่นแทน ActiveX เช่น JavaScript หรือ HTML5

    ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยใน Office apps
    - Microsoft อาจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ VBA macros และ Add-ins เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-harder-to-enable-activex-in-office-apps-to-improve-security/
    ลุงนึกว่ามีแค่หน่วยราชการไทยที่ยังใช้ ActiveX อยู่นะเนี่ยะ Microsoft ได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน Office apps โดยทำให้การเปิดใช้งาน ActiveX controls ยากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยลดความเสี่ยงจากมัลแวร์และการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ActiveX ถูกบล็อกโดยค่าเริ่มต้นใน Office apps - ก่อนหน้านี้ Office apps อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้งาน ActiveX ได้ง่ายผ่าน prompt - Microsoft พบว่าพฤติกรรมนี้เปิดช่องให้ มัลแวร์และโค้ดที่ไม่ได้รับอนุญาต สามารถรันบนระบบได้ ✅ การเปลี่ยนแปลงในเวอร์ชันล่าสุด - ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป Word, Excel, PowerPoint และ Visio จะบล็อก ActiveX โดยอัตโนมัติ - เมื่อเปิดไฟล์ที่มี ActiveX ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "BLOCKED CONTENT: The ActiveX content in this file is blocked." ✅ การเปิดใช้งาน ActiveX ใน Trust Center - หากต้องการเปิดใช้งาน ActiveX ผู้ใช้ต้องไปที่ File > Options > Trust Center - จากนั้นเลือก ActiveX Settings > Prompt me before enabling all controls with minimal restrictions ✅ การเปิดตัวใน Microsoft 365 - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Microsoft 365 Insiders ใน Beta Channel - กำลังทยอยเปิดตัวใน Current Channel เวอร์ชัน 2504 (build 18730.20030 หรือใหม่กว่า) ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องใช้ ActiveX - ผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพา ActiveX อาจต้องปรับการตั้งค่าใน Trust Center - อาจมีผลกระทบต่อ ไฟล์เก่าที่ใช้ ActiveX ซึ่งอาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ ActiveX - ActiveX เป็นเทคโนโลยีที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูง และมักถูกใช้ในการโจมตีแบบ social engineering - Microsoft แนะนำให้ใช้ เทคโนโลยีอื่นแทน ActiveX เช่น JavaScript หรือ HTML5 ℹ️ แนวโน้มของการรักษาความปลอดภัยใน Office apps - Microsoft อาจเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ VBA macros และ Add-ins เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-harder-to-enable-activex-in-office-apps-to-improve-security/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft makes it harder to enable ActiveX in Office apps to improve security
    ActiveX is a powerful technology for Office apps, but its inherent risks pose serious security threats. To combat this, Microsoft is making it harder to enable ActiveX.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการอัปเดต Google Docs ที่เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ ในฟีเจอร์ Code Blocks ซึ่งช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น

    Google เปิดตัวฟีเจอร์ Smart Canvas ในปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องคัดลอกโค้ดไปวางและปรับแต่งเอง การอัปเดตล่าสุดนี้ช่วยให้รองรับภาษาโปรแกรมเพิ่มเติม เช่น C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell

    ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักพัฒนา API, เอกสารซอฟต์แวร์, และ บทเรียนการเขียนโค้ด เนื่องจากช่วยให้สามารถแสดงตัวอย่างโค้ดได้อย่างเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย

    นอกจากนี้ Google Docs ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries, และ ระบบติดตามโครงการ

    ✅ การอัปเดต Code Blocks ใน Google Docs
    - เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่
    - ช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น

    ✅ ฟีเจอร์ Smart Canvas
    - เปิดตัวในปี 2022 เพื่อช่วยจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสาร
    - ลดขั้นตอนการคัดลอกและปรับแต่งโค้ดเอง

    ✅ ภาษาที่รองรับใน Code Blocks
    - C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell

    ✅ ฟีเจอร์อื่นๆ ใน Google Docs
    - การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries
    - ระบบติดตามโครงการ เช่น Review Tracking, Team Directory, Content Launch Tracker

    ℹ️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Code Blocks
    - ผู้ดูแลระบบ Workspace Admins ไม่มีสิทธิ์ควบคุมฟีเจอร์นี้
    - การอัปเดตจะถูกทยอยเปิดให้ใช้งานในบางระดับของ Google Workspace

    ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานร่วมกัน
    - การเพิ่มภาษาโปรแกรมใหม่ช่วยให้การทำงานร่วมกันของนักพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับฟีเจอร์นี้

    https://www.neowin.net/news/google-docs-adds-14-new-programming-languages-to-code-blocks/
    ข่าวนี้เล่าถึงการอัปเดต Google Docs ที่เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ ในฟีเจอร์ Code Blocks ซึ่งช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ Smart Canvas ในปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสารได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องคัดลอกโค้ดไปวางและปรับแต่งเอง การอัปเดตล่าสุดนี้ช่วยให้รองรับภาษาโปรแกรมเพิ่มเติม เช่น C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักพัฒนา API, เอกสารซอฟต์แวร์, และ บทเรียนการเขียนโค้ด เนื่องจากช่วยให้สามารถแสดงตัวอย่างโค้ดได้อย่างเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ Google Docs ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries, และ ระบบติดตามโครงการ ✅ การอัปเดต Code Blocks ใน Google Docs - เพิ่มการรองรับ 14 ภาษาโปรแกรมใหม่ - ช่วยให้การแสดงผลโค้ดมีความชัดเจนและอ่านง่ายขึ้น ✅ ฟีเจอร์ Smart Canvas - เปิดตัวในปี 2022 เพื่อช่วยจัดรูปแบบและแสดงโค้ดในเอกสาร - ลดขั้นตอนการคัดลอกและปรับแต่งโค้ดเอง ✅ ภาษาที่รองรับใน Code Blocks - C#, Go, Kotlin, PHP, Rust, TypeScript, HTML, CSS, XML, JSON, Protobuf, Textproto, SQL และ Bash/Shell ✅ ฟีเจอร์อื่นๆ ใน Google Docs - การแทรกเทมเพลตปฏิทิน, @-mentions, ร่างอีเมล, AI summaries - ระบบติดตามโครงการ เช่น Review Tracking, Team Directory, Content Launch Tracker ℹ️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Code Blocks - ผู้ดูแลระบบ Workspace Admins ไม่มีสิทธิ์ควบคุมฟีเจอร์นี้ - การอัปเดตจะถูกทยอยเปิดให้ใช้งานในบางระดับของ Google Workspace ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานร่วมกัน - การเพิ่มภาษาโปรแกรมใหม่ช่วยให้การทำงานร่วมกันของนักพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น - อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับฟีเจอร์นี้ https://www.neowin.net/news/google-docs-adds-14-new-programming-languages-to-code-blocks/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Docs adds 14 new programming languages to code blocks
    Google's latest update to the Google Docs code blocks feature brings support for more than a dozen new programming languages.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time

    How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot.

    Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing?

    Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean.

    1. Catch yourself in the act.
    Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it.

    2. Think about why you apologize.
    Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead.

    3. Say “thank you,” not “sorry.”
    When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples:

    - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting.
    - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it.
    - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening.
    - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that.

    4. Use a different word.
    Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas:

    - pardon
    - excuse me
    - after you
    - oops

    5. Focus on solutions.
    We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives:

    - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take].
    - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it.
    - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right.
    - Can you give me feedback on how I can do this differently?

    6. Ask a question.
    Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives:

    - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk?
    - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that?
    - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you?
    - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions?

    7. Ban sorry from your emails.
    In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured.

    8. Practice empathy, not sympathy.
    Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include:

    - That must have been really difficult.
    - I know you’re really hurting right now.
    - Thank you for trusting me with this.
    - What can I do to make this easier for you?

    9. Prep before important conversations.
    If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally.

    10. Get an accountability partner.
    It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing? Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean. 1. Catch yourself in the act. Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it. 2. Think about why you apologize. Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead. 3. Say “thank you,” not “sorry.” When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples: - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting. - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it. - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening. - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that. 4. Use a different word. Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas: - pardon - excuse me - after you - oops 5. Focus on solutions. We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives: - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take]. - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it. - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right. - Can you give me feedback on how I can do this differently? 6. Ask a question. Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives: - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk? - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that? - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you? - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions? 7. Ban sorry from your emails. In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured. 8. Practice empathy, not sympathy. Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include: - That must have been really difficult. - I know you’re really hurting right now. - Thank you for trusting me with this. - What can I do to make this easier for you? 9. Prep before important conversations. If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally. 10. Get an accountability partner. It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • Europol ได้ดำเนินการติดตามผลจากปฏิบัติการ Operation Endgame ซึ่งเป็นการปราบปรามเครือข่ายบ็อตเน็ตครั้งใหญ่ในปี 2024 โดยมีการจับกุมผู้ใช้งาน Smokeloader และตรวจค้นบ้านของพวกเขา

    ✅ การติดตามผลจาก Operation Endgame:
    - Europol ได้จับกุมผู้ใช้งาน Smokeloader ซึ่งเป็นบริการมัลแวร์แบบจ่ายเงินเพื่อใช้งาน
    - Smokeloader ถูกใช้ในการโจมตีหลายรูปแบบ เช่น การบันทึกการกดแป้นพิมพ์ การเข้าถึงกล้องเว็บแคม การปล่อยแรนซัมแวร์ และการขุดคริปโต

    ✅ การตรวจสอบฐานข้อมูล:
    - ผู้ใช้งาน Smokeloader ถูกติดตามจากฐานข้อมูลที่ถูกยึดใน Operation Endgame
    - หลายคนให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอุปกรณ์ดิจิทัล และบางคนยอมรับว่ามีการขายบริการ Smokeloader ต่อในราคาที่สูงขึ้น

    ✅ การดำเนินการในหลายประเทศ:
    - ปฏิบัติการนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหลายแห่ง เช่น FBI, Secret Service, RCMP และตำรวจในยุโรป

    ✅ การดำเนินการในอนาคต:
    - Europol ระบุว่าปฏิบัติการยังไม่สิ้นสุด และจะมีการประกาศการดำเนินการใหม่ในเว็บไซต์ operation-endgame.com

    https://www.techradar.com/pro/security/operation-endgame-follow-up-leads-to-detentions-across-smoakloader-ecosystem
    Europol ได้ดำเนินการติดตามผลจากปฏิบัติการ Operation Endgame ซึ่งเป็นการปราบปรามเครือข่ายบ็อตเน็ตครั้งใหญ่ในปี 2024 โดยมีการจับกุมผู้ใช้งาน Smokeloader และตรวจค้นบ้านของพวกเขา ✅ การติดตามผลจาก Operation Endgame: - Europol ได้จับกุมผู้ใช้งาน Smokeloader ซึ่งเป็นบริการมัลแวร์แบบจ่ายเงินเพื่อใช้งาน - Smokeloader ถูกใช้ในการโจมตีหลายรูปแบบ เช่น การบันทึกการกดแป้นพิมพ์ การเข้าถึงกล้องเว็บแคม การปล่อยแรนซัมแวร์ และการขุดคริปโต ✅ การตรวจสอบฐานข้อมูล: - ผู้ใช้งาน Smokeloader ถูกติดตามจากฐานข้อมูลที่ถูกยึดใน Operation Endgame - หลายคนให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอุปกรณ์ดิจิทัล และบางคนยอมรับว่ามีการขายบริการ Smokeloader ต่อในราคาที่สูงขึ้น ✅ การดำเนินการในหลายประเทศ: - ปฏิบัติการนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหลายแห่ง เช่น FBI, Secret Service, RCMP และตำรวจในยุโรป ✅ การดำเนินการในอนาคต: - Europol ระบุว่าปฏิบัติการยังไม่สิ้นสุด และจะมีการประกาศการดำเนินการใหม่ในเว็บไซต์ operation-endgame.com https://www.techradar.com/pro/security/operation-endgame-follow-up-leads-to-detentions-across-smoakloader-ecosystem
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • EU กำลังเตรียมประกาศคำตัดสินเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) โดย Apple และ Meta ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในวงการเทคโนโลยี โดยคำตัดสินนี้อาจเป็นการบังคับใช้กฎหมาย DMA ครั้งแรกที่เข้มงวดที่สุด

    == ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง ==
    ✅ การละเมิดกฎหมาย DMA:
    - Apple และ Meta ถูกกล่าวหาว่ามีการดำเนินการที่ส่งเสริมการผูกขาดและลดการแข่งขันในตลาดดิจิทัล
    - การสอบสวนเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน

    ✅ การเลื่อนคำตัดสิน:
    - เดิมทีคำตัดสินมีกำหนดในเดือนมีนาคม แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองและการเจรจาภาษีระหว่างประเทศ

    == ผลกระทบและความคาดหวัง ==
    ✅ การบังคับใช้กฎหมาย DMA:
    - หากมีการลงโทษ Apple และ Meta อาจเป็นการบังคับใช้กฎหมาย DMA ครั้งแรกที่เข้มงวดที่สุด ซึ่งจะเป็นตัวอย่างสำคัญสำหรับการตัดสินในอนาคต

    ✅ การตอบสนองจาก Meta:
    - Meta แสดงความไม่พอใจต่อข้อกล่าวหา โดยระบุว่ากฎหมาย DMA มีเป้าหมายเพื่อทำให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหญ่ดูไม่ดี และยืนยันว่าบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล

    https://wccftech.com/eu-rulings-on-apple-and-metas-potential-violations-of-the-digital-markets-act-expected-in-the-coming-weeks/
    EU กำลังเตรียมประกาศคำตัดสินเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) โดย Apple และ Meta ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในวงการเทคโนโลยี โดยคำตัดสินนี้อาจเป็นการบังคับใช้กฎหมาย DMA ครั้งแรกที่เข้มงวดที่สุด == ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง == ✅ การละเมิดกฎหมาย DMA: - Apple และ Meta ถูกกล่าวหาว่ามีการดำเนินการที่ส่งเสริมการผูกขาดและลดการแข่งขันในตลาดดิจิทัล - การสอบสวนเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน ✅ การเลื่อนคำตัดสิน: - เดิมทีคำตัดสินมีกำหนดในเดือนมีนาคม แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองและการเจรจาภาษีระหว่างประเทศ == ผลกระทบและความคาดหวัง == ✅ การบังคับใช้กฎหมาย DMA: - หากมีการลงโทษ Apple และ Meta อาจเป็นการบังคับใช้กฎหมาย DMA ครั้งแรกที่เข้มงวดที่สุด ซึ่งจะเป็นตัวอย่างสำคัญสำหรับการตัดสินในอนาคต ✅ การตอบสนองจาก Meta: - Meta แสดงความไม่พอใจต่อข้อกล่าวหา โดยระบุว่ากฎหมาย DMA มีเป้าหมายเพื่อทำให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหญ่ดูไม่ดี และยืนยันว่าบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล https://wccftech.com/eu-rulings-on-apple-and-metas-potential-violations-of-the-digital-markets-act-expected-in-the-coming-weeks/
    WCCFTECH.COM
    EU Rulings On Apple And Meta's Potential Violations Of The Digital Markets Act Expected In The Coming Weeks
    EU has pushed back its decision on Meta and Apple's violation of the Digital Markets Act and announced it will come in the next few weeks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️
    👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS”
    👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม?
    • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ
    • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ
    • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
    • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ

    ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
    แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน

    👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก

    👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน”
    ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์

    เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า…

    Vasomotor Symptoms
    = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว

    ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย
    • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ
    • ระบบเผาผลาญรวน
    • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว

    👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ
    อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล
    👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น
    👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ

    1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น
    • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น
    • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก

    2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป
    • ลดการอักเสบภายใน
    • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น
    • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน

    3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที
    • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล
    • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น

    4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน
    • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์
    • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน
    • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป

    5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
    • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย
    • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
    ♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️ 👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS” 👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม? • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน 👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก 👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์ เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า… Vasomotor Symptoms = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ • ระบบเผาผลาญรวน • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว 👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล 👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น 👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้ ✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ 1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก 2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป • ลดการอักเสบภายใน • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน 3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น 4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์ • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป 5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts