• ตามรายการ news hours

    https://www.facebook.com/share/p/1FWC45J13h/
    ตามรายการ news hours https://www.facebook.com/share/p/1FWC45J13h/
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel

    ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

    ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่

    แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต

    แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10%
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส
    รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung
    แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน
    การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ
    Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด
    การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
    รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน
    CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน
    Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี
    การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    🎙️ เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่ แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung ➡️ แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน ➡️ การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ➡️ Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด ➡️ การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ➡️ รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน ➡️ CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน ➡️ Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี ➡️ การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • SoftBank ทุ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ซื้อหุ้น Intel: เดิมพันอนาคตชิปและ AI
    SoftBank Group ประกาศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 ว่าจะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel โดยซื้อหุ้นสามัญในราคาหุ้นละ $23 ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของ Intel ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า $109 พันล้านดอลลาร์

    ดีลนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังดิ้นรนฟื้นตัวจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มชิป AI ซึ่งถูกครองโดย Nvidia และ AMD โดย SoftBankมองว่า Intel ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตชิปที่แข็งแกร่ง และสามารถกลับมาเป็นผู้นำได้ หากเทคโนโลยี 18A และ 14A ประสบความสำเร็จ

    การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel และถือเป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และรองรับความต้องการด้าน AI ที่กำลังพุ่งสูง

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งทั้งสองบริษัทมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate—a mega project ร่วมกับ OpenAI และ Oracle ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน

    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยซื้อหุ้นละ $23
    Intel กำลังฟื้นตัวจากการสูญเสียตลาดชิป AI และราคาหุ้นตกหนักในปี 2024
    การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel
    ดีลนี้เป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท
    Intel มีแผนฟื้นตัวผ่านเทคโนโลยี 18A และ 14A สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่
    SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing
    โครงการ Stargate ร่วมกับ OpenAI และ Oracle เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AI
    Intel CEO Lip-Bu Tan และ Masayoshi Son มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเคยร่วมงานกันหลายครั้ง

    Intel เป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ยังสามารถผลิตชิปรุ่นสูงได้ภายในประเทศ
    SoftBank เคยซื้อ Arm ในปี 2016 ด้วยมูลค่า $32 พันล้าน และปัจจุบันมีมูลค่ากว่า $150 พันล้าน
    Ampere Computing เป็นผู้ผลิตชิป ARM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตเร็ว
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $400 พันล้านภายในปี 2030
    การลงทุนใน Intel อาจช่วย SoftBank ต่อรองกับพันธมิตรอื่นในระบบนิเวศ AI
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาซื้อหุ้น 10% ใน Intel เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/softbank-to-buy-usd2-billion-in-intel-shares-at-usd23-each-firm-still-owns-majority-share-of-arm
    💼 SoftBank ทุ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ซื้อหุ้น Intel: เดิมพันอนาคตชิปและ AI SoftBank Group ประกาศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 ว่าจะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel โดยซื้อหุ้นสามัญในราคาหุ้นละ $23 ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของ Intel ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า $109 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังดิ้นรนฟื้นตัวจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มชิป AI ซึ่งถูกครองโดย Nvidia และ AMD โดย SoftBankมองว่า Intel ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตชิปที่แข็งแกร่ง และสามารถกลับมาเป็นผู้นำได้ หากเทคโนโลยี 18A และ 14A ประสบความสำเร็จ การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel และถือเป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และรองรับความต้องการด้าน AI ที่กำลังพุ่งสูง นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งทั้งสองบริษัทมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate—a mega project ร่วมกับ OpenAI และ Oracle ที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยซื้อหุ้นละ $23 ➡️ Intel กำลังฟื้นตัวจากการสูญเสียตลาดชิป AI และราคาหุ้นตกหนักในปี 2024 ➡️ การลงทุนนี้ทำให้ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Intel ➡️ ดีลนี้เป็นการเสริมพันธมิตรระยะยาวระหว่างสองบริษัท ➡️ Intel มีแผนฟื้นตัวผ่านเทคโนโลยี 18A และ 14A สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่ ➡️ SoftBank ยังถือหุ้นใหญ่ใน Arm และเพิ่งซื้อ Ampere Computing ➡️ โครงการ Stargate ร่วมกับ OpenAI และ Oracle เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AI ➡️ Intel CEO Lip-Bu Tan และ Masayoshi Son มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเคยร่วมงานกันหลายครั้ง ➡️ Intel เป็นบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ยังสามารถผลิตชิปรุ่นสูงได้ภายในประเทศ ➡️ SoftBank เคยซื้อ Arm ในปี 2016 ด้วยมูลค่า $32 พันล้าน และปัจจุบันมีมูลค่ากว่า $150 พันล้าน ➡️ Ampere Computing เป็นผู้ผลิตชิป ARM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตเร็ว ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $400 พันล้านภายในปี 2030 ➡️ การลงทุนใน Intel อาจช่วย SoftBank ต่อรองกับพันธมิตรอื่นในระบบนิเวศ AI ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาซื้อหุ้น 10% ใน Intel เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/softbank-to-buy-usd2-billion-in-intel-shares-at-usd23-each-firm-still-owns-majority-share-of-arm
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • เมื่อ iGPU ได้พลังเพิ่ม: Intel เปิดให้ปรับ VRAM ได้สูงสุดถึง 87% ของ RAM

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel ได้ปล่อยไดรเวอร์กราฟิกเวอร์ชัน 32.0.101.6987 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Shared GPU Memory Override” ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่มีชิป Intel Core Ultra ปรับแต่งการจัดสรร RAM ให้กับ iGPU ได้ด้วยตัวเอง

    โดยปกติ iGPU จะใช้ RAM ร่วมกับระบบ และ Windows จะจัดสรรให้ประมาณครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้เปิดให้ผู้ใช้ปรับได้สูงสุดถึง 87% ของ RAM ทั้งหมด เพื่อใช้เป็น VRAM สำหรับงานกราฟิก เช่น เล่นเกม หรือรันโมเดล AI ขนาดใหญ่

    ผู้ใช้สามารถปรับผ่านแอป Intel Graphics Software ด้วยการเลื่อนสไลเดอร์ แล้วรีบูตเครื่องเพื่อให้การตั้งค่ามีผล ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะ Core Ultra Series 2 (Arrow Lake) และต้องมี RAM อย่างน้อย 10GB

    ฟีเจอร์นี้คล้ายกับที่ AMD เคยเปิดให้ใช้ใน Ryzen AI Max+ ซึ่งสามารถจัดสรรได้ถึง 112GB จาก 128GB สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ

    อย่างไรก็ตาม การจัดสรร RAM มากเกินไปให้กับ iGPU อาจทำให้ CPU ขาดแคลนหน่วยความจำ ส่งผลให้ระบบช้าลง โดยเฉพาะในงานที่ใช้ CPU หนัก หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ Shared GPU Memory Override จาก Intel
    เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งการจัดสรร RAM ให้กับ iGPU ได้ด้วยตัวเอง
    รองรับสูงสุดถึง 87% ของ RAM ทั้งหมด
    ใช้งานผ่าน Intel Graphics Software โดยต้องรีบูตเครื่องหลังปรับ

    เงื่อนไขการใช้งาน
    รองรับเฉพาะ Intel Core Ultra Series 2 (Arrow Lake)
    ต้องมี RAM อย่างน้อย 10GB
    ใช้ได้เฉพาะกับ iGPU ในเครื่องที่ไม่มีการ์ดจอแยก

    ประโยชน์ที่ได้รับ
    เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ใช้ VRAM สูง เช่น Doom: The Dark Ages, Battlefield 6
    รองรับงาน AI เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local
    ปรับแต่งได้ตาม workload ที่ต้องการ เช่น ray tracing หรือ AI inference

    การเปรียบเทียบกับ AMD
    AMD มีฟีเจอร์คล้ายกันชื่อ Variable Graphics Memory
    Ryzen AI Max+ สามารถจัดสรรได้ถึง 112GB จาก 128GB
    Intel เริ่มตามทันในด้านการจัดการ unified memory สำหรับงาน AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intels-new-graphics-driver-lets-you-dedicate-up-to-87-percent-of-laptop-memory-capacity-to-the-igpu-for-vram-core-ultra-cpus-get-shared-gpu-memory-override-feature
    🧠 เมื่อ iGPU ได้พลังเพิ่ม: Intel เปิดให้ปรับ VRAM ได้สูงสุดถึง 87% ของ RAM ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel ได้ปล่อยไดรเวอร์กราฟิกเวอร์ชัน 32.0.101.6987 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Shared GPU Memory Override” ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่มีชิป Intel Core Ultra ปรับแต่งการจัดสรร RAM ให้กับ iGPU ได้ด้วยตัวเอง โดยปกติ iGPU จะใช้ RAM ร่วมกับระบบ และ Windows จะจัดสรรให้ประมาณครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้เปิดให้ผู้ใช้ปรับได้สูงสุดถึง 87% ของ RAM ทั้งหมด เพื่อใช้เป็น VRAM สำหรับงานกราฟิก เช่น เล่นเกม หรือรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถปรับผ่านแอป Intel Graphics Software ด้วยการเลื่อนสไลเดอร์ แล้วรีบูตเครื่องเพื่อให้การตั้งค่ามีผล ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะ Core Ultra Series 2 (Arrow Lake) และต้องมี RAM อย่างน้อย 10GB ฟีเจอร์นี้คล้ายกับที่ AMD เคยเปิดให้ใช้ใน Ryzen AI Max+ ซึ่งสามารถจัดสรรได้ถึง 112GB จาก 128GB สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การจัดสรร RAM มากเกินไปให้กับ iGPU อาจทำให้ CPU ขาดแคลนหน่วยความจำ ส่งผลให้ระบบช้าลง โดยเฉพาะในงานที่ใช้ CPU หนัก หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ Shared GPU Memory Override จาก Intel ➡️ เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งการจัดสรร RAM ให้กับ iGPU ได้ด้วยตัวเอง ➡️ รองรับสูงสุดถึง 87% ของ RAM ทั้งหมด ➡️ ใช้งานผ่าน Intel Graphics Software โดยต้องรีบูตเครื่องหลังปรับ ✅ เงื่อนไขการใช้งาน ➡️ รองรับเฉพาะ Intel Core Ultra Series 2 (Arrow Lake) ➡️ ต้องมี RAM อย่างน้อย 10GB ➡️ ใช้ได้เฉพาะกับ iGPU ในเครื่องที่ไม่มีการ์ดจอแยก ✅ ประโยชน์ที่ได้รับ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ใช้ VRAM สูง เช่น Doom: The Dark Ages, Battlefield 6 ➡️ รองรับงาน AI เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local ➡️ ปรับแต่งได้ตาม workload ที่ต้องการ เช่น ray tracing หรือ AI inference ✅ การเปรียบเทียบกับ AMD ➡️ AMD มีฟีเจอร์คล้ายกันชื่อ Variable Graphics Memory ➡️ Ryzen AI Max+ สามารถจัดสรรได้ถึง 112GB จาก 128GB ➡️ Intel เริ่มตามทันในด้านการจัดการ unified memory สำหรับงาน AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intels-new-graphics-driver-lets-you-dedicate-up-to-87-percent-of-laptop-memory-capacity-to-the-igpu-for-vram-core-ultra-cpus-get-shared-gpu-memory-override-feature
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • ขอวอนผู้รู้ทางวิศวฯ ประดิษฐ์เครื่องมือตรวจหาพลาสติกรูปทรงแบบนี้ บนพื้น ที่มีหญ้า และสิ่งแวดล้อมแบบต่างๆ บนพื้น เพื่อช่วยชีวิตทหาร
    มันเหมือนตรวจกระเป๋า ขึ้นทรงรูป เทียบด้วย AI

    ทำความรู้จัก "ทุ่นระเบิด PMN-2" หลังทหารไทยเหยียบเจ็บ 3 นาย คาดเป็นของใหม่จากกัมพูชา https://share.google/UFVc0VmzKfOE0SyZY
    ขอวอนผู้รู้ทางวิศวฯ ประดิษฐ์เครื่องมือตรวจหาพลาสติกรูปทรงแบบนี้ บนพื้น ที่มีหญ้า และสิ่งแวดล้อมแบบต่างๆ บนพื้น เพื่อช่วยชีวิตทหาร มันเหมือนตรวจกระเป๋า ขึ้นทรงรูป เทียบด้วย AI ทำความรู้จัก "ทุ่นระเบิด PMN-2" หลังทหารไทยเหยียบเจ็บ 3 นาย คาดเป็นของใหม่จากกัมพูชา https://share.google/UFVc0VmzKfOE0SyZY
    SHARE.GOOGLE
    ทำความรู้จัก "ทุ่นระเบิด PMN-2" หลังทหารไทยเหยียบเจ็บ 3 นาย คาดเป็นของใหม่จากกัมพูชา
    รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ความรู้จักกับ ทุ่นระเบิด PMN-2 ของกัมพูชา พบผลิตในรัสเซีย และคาดว่ามีการนำมาวางใหม่ในพื้นที่
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/1BLgVnaEGC/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/1BLgVnaEGC/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/1BLgVnaEGC/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/1BLgVnaEGC/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust

    NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป

    โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก

    ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น

    การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง

    ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ
    ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS

    Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs
    เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก

    การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น
    ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ

    การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow

    https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    🔐⚙️ NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง ✅ ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ ➡️ ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS ✅ Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs ➡️ เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก ✅ การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น ➡️ ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ ✅ การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/1CSnUdinmt/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/1CSnUdinmt/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/p/1FGEPmNgBu/?
    https://www.facebook.com/share/p/1FGEPmNgBu/?
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/p/1FGEPmNgBu/?
    https://www.facebook.com/share/p/1FGEPmNgBu/?
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลที่คุณต้องรู้ ก่อนฉีดวัคซีนใดๆ
    ความเสียหายทางระบบประสาทจากวัคซีนได้รับการบันทึกมานานกว่า 200 ปี
    https://expose-news.com/2025/07/02/neurological-damage-from-vaccines/
    วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ?
    https://www.facebook.com/share/p/1BVHA1t4me/
    วัคซีนงูสวัด จำเป็นแค่ไหน?
    https://www.facebook.com/share/p/1CcF8xosgf/
    วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน?
    https://www.facebook.com/share/p/1CSQHJ763n/
    ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV
    https://www.facebook.com/share/p/1FvDtVqa3N/
    วัคซีนป้องกันบาดทะยักอาจอันตรายถึงชีวิต
    https://expose-news.com/2025/06/02/tetanus-vaccines-can-cause-harm-even-death/
    วัคซีนป้องกันไวรัส RSV (ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง) ปลอดภัยจริงหรือ
    https://www.facebook.com/share/p/1HQToxr4DM/
    วัคซีนไอกรน ตรรกะวิบัติสร้างความกลัว
    https://www.tiktok.com/@adithepchawla01/video/7437361882270272775?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1587
    วัคซีนป้องกันมะเร็งตัวใหม่ชนิด มรณา mRNA ก็จะยังคงกระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ และก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อหัวใจ
    เทเลแกรม : Mel Gibson https://t.me/RYhGQIPoxmOTk0/402
    https://www.facebook.com/61569418676886/videos/1477875523214599
    วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ?
    https://www.facebook.com/share/p/1BBG9G8ZaS/
    เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด
    https://www.facebook.com/share/p/1FMv6fvTTx/
    กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด
    https://www.facebook.com/share/p/1BC2kyWTx7/
    มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีนโควิด
    https://www.facebook.com/share/p/19coWy5tEV/
    ออทิสติคส์ ความจริงที่ถูกปิดกั้น
    https://www.facebook.com/share/p/1Cwnup2WRN/
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    หมอคานาดา ออกมาพูดเรื่อง การเสียชีวิตของทารกน้อยในครรภ์หลังจากที่แม่ได้รับวัkซีu https://www.bitchute.com/video/wSPhikTOBEZr/
    วัคซีนทำให้แท้ง ไปสะสมที่รังไข่และสมองของแม่ และส่งผลต่อทารกในครรภ์
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114049056647289/?
    เด็กและคนท้องไม่ต้องฉีดโควิด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ประกาศ 27พ.ค.2568
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121646353337011&set=a.407239901444330
    งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า
    https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/
    เมื่อลูกสาวเจ้าพ่อวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนทุกชนิด
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113737374647289/?
    เด็กที่ไม่ฉีดวัคซีนต่างๆสุขภาพดีกว่า
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/pfbid02JmQX1hm7PR6MN6YUTTHrJ5PcZoEH3KoVVqBwtdmY9m17HAxqH4yunYDFHTevfn9Ml/?
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113613522647289/?
    อย่าให้เด็กรับวัคซีนหากคุณไม่ได้ดูข้อมูลนี้
    https://www.facebook.com/share/p/1FHoBGKg3S/
    รวบรวมโดย
    ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✍️ข้อมูลที่คุณต้องรู้ ก่อนฉีดวัคซีนใดๆ ✅ ความเสียหายทางระบบประสาทจากวัคซีนได้รับการบันทึกมานานกว่า 200 ปี https://expose-news.com/2025/07/02/neurological-damage-from-vaccines/ ✅ วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ? https://www.facebook.com/share/p/1BVHA1t4me/ ✅ วัคซีนงูสวัด จำเป็นแค่ไหน? https://www.facebook.com/share/p/1CcF8xosgf/ ✅ วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน? https://www.facebook.com/share/p/1CSQHJ763n/ ✅ ข้อมูลอันตรายของวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV https://www.facebook.com/share/p/1FvDtVqa3N/ ✅ วัคซีนป้องกันบาดทะยักอาจอันตรายถึงชีวิต https://expose-news.com/2025/06/02/tetanus-vaccines-can-cause-harm-even-death/ ✅ วัคซีนป้องกันไวรัส RSV (ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง) ปลอดภัยจริงหรือ https://www.facebook.com/share/p/1HQToxr4DM/ ✅ วัคซีนไอกรน ตรรกะวิบัติสร้างความกลัว https://www.tiktok.com/@adithepchawla01/video/7437361882270272775?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 https://t.me/goodthaidoctorclip/1587 ✅วัคซีนป้องกันมะเร็งตัวใหม่ชนิด มรณา mRNA ก็จะยังคงกระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ และก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อหัวใจ เทเลแกรม : Mel Gibson https://t.me/RYhGQIPoxmOTk0/402 https://www.facebook.com/61569418676886/videos/1477875523214599 ✅วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ? https://www.facebook.com/share/p/1BBG9G8ZaS/ ✅ เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด https://www.facebook.com/share/p/1FMv6fvTTx/ ✅ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด https://www.facebook.com/share/p/1BC2kyWTx7/ ✅ มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีนโควิด https://www.facebook.com/share/p/19coWy5tEV/ ✅ ออทิสติคส์ ความจริงที่ถูกปิดกั้น https://www.facebook.com/share/p/1Cwnup2WRN/ ✅ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✅ หมอคานาดา ออกมาพูดเรื่อง การเสียชีวิตของทารกน้อยในครรภ์หลังจากที่แม่ได้รับวัkซีu https://www.bitchute.com/video/wSPhikTOBEZr/ ✅ วัคซีนทำให้แท้ง ไปสะสมที่รังไข่และสมองของแม่ และส่งผลต่อทารกในครรภ์ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114049056647289/? ✅ เด็กและคนท้องไม่ต้องฉีดโควิด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ประกาศ 27พ.ค.2568 https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121646353337011&set=a.407239901444330 ✅ งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/ ✅ เมื่อลูกสาวเจ้าพ่อวัคซีนไม่เคยรับวัคซีนทุกชนิด https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113737374647289/? ✅ เด็กที่ไม่ฉีดวัคซีนต่างๆสุขภาพดีกว่า https://www.facebook.com/61569418676886/posts/pfbid02JmQX1hm7PR6MN6YUTTHrJ5PcZoEH3KoVVqBwtdmY9m17HAxqH4yunYDFHTevfn9Ml/? https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113613522647289/? ✅ อย่าให้เด็กรับวัคซีนหากคุณไม่ได้ดูข้อมูลนี้ https://www.facebook.com/share/p/1FHoBGKg3S/ รวบรวมโดย ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากชิปเชื่อมต่อ: XConn เปิดตัว Apollo 2 สวิตช์ PCIe Gen 6.2 + CXL 3.1 ที่อาจเปลี่ยนโฉมศูนย์ข้อมูล AI

    ในงาน Future of Memory and Storage Summit (FMS25) ปี 2025 บริษัท XConn Technologies ได้เปิดตัว Apollo 2 ซึ่งเป็นสวิตช์ไฮบริดตัวแรกของโลกที่รวมเทคโนโลยี PCIe Gen 6.2 และ CXL 3.1 ไว้ในชิปเดียว จุดประสงค์คือเพื่อรองรับความต้องการด้าน bandwidth และ latency ที่สูงขึ้นในงานประมวลผล AI และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่

    Apollo 2 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคอขวดของหน่วยความจำ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบ โดยสามารถเชื่อมต่อระหว่าง CPU, GPU, และ accelerator ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่าน shared memory pool ด้วย CXL 3.1 ขณะเดียวกัน PCIe Gen 6.2 ก็ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เร็วขึ้นถึงระดับ 128GB/s แบบ bidirectional

    XConn ยังร่วมมือกับ Intel เพื่อทดสอบความเข้ากันได้แบบ full-stack ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างระบบที่สามารถใช้งานได้จริงในระดับ production โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับ AI/ML training, cloud computing และ composable infrastructure

    แม้จะมีความหวังสูง แต่ก็ยังไม่มีข้อมูล benchmark ที่ชัดเจนว่าประสิทธิภาพจะเหนือกว่า PCIe Gen 5 มากแค่ไหน และการใช้งานจริงยังต้องรอการพิสูจน์ในภาคสนาม

    XConn เปิดตัว Apollo 2 สวิตช์ไฮบริดที่รวม PCIe Gen 6.2 และ CXL 3.1
    เป็นชิปตัวแรกที่รวมสองเทคโนโลยีไว้ในตัวเดียว

    เปิดตัวในงาน FMS25 เพื่อโชว์การทำงานแบบ end-to-end
    รองรับ AI/ML training, cloud computing และ composable infrastructure

    ร่วมมือกับ Intel เพื่อทดสอบความเข้ากันได้แบบ full-stack
    เพื่อสร้างระบบที่ใช้งานได้จริงในระดับ production

    Apollo 2 รองรับการเชื่อมต่อตั้งแต่ 64 ถึง 260 lanes
    เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและความหนาแน่นของระบบ

    มีการร่วมมือกับ ScaleFlux เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับ CXL 3.1
    เพื่อรองรับงาน AI และ cloud infrastructure ได้ดียิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/the-next-stage-in-ai-power-xconn-set-to-reveal-end-to-end-pcie-gen-6-offering-higher-bandwidth-than-ever
    🚀🔗 เรื่องเล่าจากชิปเชื่อมต่อ: XConn เปิดตัว Apollo 2 สวิตช์ PCIe Gen 6.2 + CXL 3.1 ที่อาจเปลี่ยนโฉมศูนย์ข้อมูล AI ในงาน Future of Memory and Storage Summit (FMS25) ปี 2025 บริษัท XConn Technologies ได้เปิดตัว Apollo 2 ซึ่งเป็นสวิตช์ไฮบริดตัวแรกของโลกที่รวมเทคโนโลยี PCIe Gen 6.2 และ CXL 3.1 ไว้ในชิปเดียว จุดประสงค์คือเพื่อรองรับความต้องการด้าน bandwidth และ latency ที่สูงขึ้นในงานประมวลผล AI และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ Apollo 2 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคอขวดของหน่วยความจำ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบ โดยสามารถเชื่อมต่อระหว่าง CPU, GPU, และ accelerator ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่าน shared memory pool ด้วย CXL 3.1 ขณะเดียวกัน PCIe Gen 6.2 ก็ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เร็วขึ้นถึงระดับ 128GB/s แบบ bidirectional XConn ยังร่วมมือกับ Intel เพื่อทดสอบความเข้ากันได้แบบ full-stack ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างระบบที่สามารถใช้งานได้จริงในระดับ production โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับ AI/ML training, cloud computing และ composable infrastructure แม้จะมีความหวังสูง แต่ก็ยังไม่มีข้อมูล benchmark ที่ชัดเจนว่าประสิทธิภาพจะเหนือกว่า PCIe Gen 5 มากแค่ไหน และการใช้งานจริงยังต้องรอการพิสูจน์ในภาคสนาม ✅ XConn เปิดตัว Apollo 2 สวิตช์ไฮบริดที่รวม PCIe Gen 6.2 และ CXL 3.1 ➡️ เป็นชิปตัวแรกที่รวมสองเทคโนโลยีไว้ในตัวเดียว ✅ เปิดตัวในงาน FMS25 เพื่อโชว์การทำงานแบบ end-to-end ➡️ รองรับ AI/ML training, cloud computing และ composable infrastructure ✅ ร่วมมือกับ Intel เพื่อทดสอบความเข้ากันได้แบบ full-stack ➡️ เพื่อสร้างระบบที่ใช้งานได้จริงในระดับ production ✅ Apollo 2 รองรับการเชื่อมต่อตั้งแต่ 64 ถึง 260 lanes ➡️ เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและความหนาแน่นของระบบ ✅ มีการร่วมมือกับ ScaleFlux เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับ CXL 3.1 ➡️ เพื่อรองรับงาน AI และ cloud infrastructure ได้ดียิ่งขึ้น https://www.techradar.com/pro/the-next-stage-in-ai-power-xconn-set-to-reveal-end-to-end-pcie-gen-6-offering-higher-bandwidth-than-ever
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • ดูแก้เครียด ไอเดียเด็กไทย

    https://www.facebook.com/share/v/1JmvpXzkTT/
    ดูแก้เครียด ไอเดียเด็กไทย https://www.facebook.com/share/v/1JmvpXzkTT/
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • ⚡️ เรื่องเล่าจากโลกธุรกิจเทคโนโลยี: เมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Core Scientific ขัดขวางดีล 9 พันล้านกับ CoreWeave

    ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดแรงสั่นสะเทือนในวงการ AI และคริปโต เมื่อ Two Seas Capital ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Core Scientific ประกาศว่าจะ “โหวตไม่เห็นด้วย” กับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับ CoreWeave มูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่าดีลนี้ “ประเมินมูลค่าบริษัทต่ำเกินไป” และ “เสี่ยงต่อผู้ถือหุ้นโดยไม่จำเป็น”

    CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใช้ชิป Nvidia ต้องการซื้อ Core Scientific เพื่อขยายศักยภาพด้าน data center รองรับความต้องการฝึกโมเดล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเสนอซื้อแบบ all-stock deal ที่ไม่มีการป้องกันความผันผวนของราคาหุ้น

    แม้ Two Seas จะไม่คัดค้านการควบรวมโดยหลักการ และยังเป็นผู้ลงทุนใน CoreWeave ด้วย แต่พวกเขาเชื่อว่าดีลนี้ “เอื้อประโยชน์ให้ CoreWeave มากเกินไป” และไม่สะท้อนคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของ Core Scientific ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการล้มละลายในปี 2024 และกำลังเปลี่ยนโฟกัสจากการขุด Bitcoin ไปสู่การให้บริการพลังงานแก่ระบบ AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/core-scientific039s-largest-shareholder-to-vote-against-sale-to-coreweave
    🏢⚡️ เรื่องเล่าจากโลกธุรกิจเทคโนโลยี: เมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Core Scientific ขัดขวางดีล 9 พันล้านกับ CoreWeave ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดแรงสั่นสะเทือนในวงการ AI และคริปโต เมื่อ Two Seas Capital ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Core Scientific ประกาศว่าจะ “โหวตไม่เห็นด้วย” กับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับ CoreWeave มูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่าดีลนี้ “ประเมินมูลค่าบริษัทต่ำเกินไป” และ “เสี่ยงต่อผู้ถือหุ้นโดยไม่จำเป็น” CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใช้ชิป Nvidia ต้องการซื้อ Core Scientific เพื่อขยายศักยภาพด้าน data center รองรับความต้องการฝึกโมเดล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเสนอซื้อแบบ all-stock deal ที่ไม่มีการป้องกันความผันผวนของราคาหุ้น แม้ Two Seas จะไม่คัดค้านการควบรวมโดยหลักการ และยังเป็นผู้ลงทุนใน CoreWeave ด้วย แต่พวกเขาเชื่อว่าดีลนี้ “เอื้อประโยชน์ให้ CoreWeave มากเกินไป” และไม่สะท้อนคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของ Core Scientific ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการล้มละลายในปี 2024 และกำลังเปลี่ยนโฟกัสจากการขุด Bitcoin ไปสู่การให้บริการพลังงานแก่ระบบ AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/core-scientific039s-largest-shareholder-to-vote-against-sale-to-coreweave
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Core Scientific's largest shareholder to vote against sale to CoreWeave
    (Reuters) -Two Seas Capital, the largest shareholder of Core Scientific, issued an open letter on Thursday saying it would vote against the company's proposed sale to CoreWeave, in a potential blow to the $9 billion deal.
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/p/1B5LgjL2M7/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/p/1B5LgjL2M7/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/1AuenZGbnM/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/1AuenZGbnM/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/v/15rzMFBs5g/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/v/15rzMFBs5g/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อบทสนทนาส่วนตัวกับ ChatGPT กลายเป็นสาธารณะใน Google โดยไม่รู้ตัว

    ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ผู้ใช้ ChatGPT หลายพันคนต้องตกใจเมื่อพบว่าบทสนทนาส่วนตัวของตนปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยไม่ตั้งใจ สาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ “แชร์บทสนทนา” ที่มีตัวเลือกให้ “ทำให้ค้นหาได้” ซึ่งแม้จะต้องกดยืนยันเอง แต่ข้อความอธิบายกลับคลุมเครือและไม่ชัดเจน

    Fast Company พบว่ามีบทสนทนากว่า 4,500 รายการที่ถูกจัดทำเป็นลิงก์สาธารณะ และถูก Google ดึงไปแสดงในผลการค้นหา โดยบางบทสนทนาเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เมืองที่อยู่ อีเมล หรือแม้แต่เรื่องราวส่วนตัวอย่างความวิตกกังวล การเสพติด ความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาความสัมพันธ์

    แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวตนโดยตรง แต่เนื้อหาในบทสนทนาเพียงพอที่จะระบุตัวบุคคลได้ในบางกรณี

    OpenAI ได้ลบฟีเจอร์นี้ออกทันที พร้อมดำเนินการให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ลบข้อมูลออกจากดัชนี แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการแคชหน้าเว็บที่อาจยังคงอยู่

    ฟีเจอร์ “แชร์บทสนทนา” ของ ChatGPT ทำให้บทสนทนาส่วนตัวปรากฏใน Google Search
    ผู้ใช้ต้องกดยืนยัน “ทำให้ค้นหาได้” แต่คำอธิบายไม่ชัดเจน
    มีบทสนทนากว่า 4,500 รายการถูกค้นพบโดย Fast Company

    เนื้อหาที่หลุดออกมามีข้อมูลส่วนตัวและเรื่องราวที่ละเอียดอ่อน
    เช่น ความวิตกกังวล การเสพติด ปัญหาครอบครัว และความสัมพันธ์
    บางบทสนทนาเผยชื่อ เมืองที่อยู่ และข้อมูลติดต่อ

    OpenAI ลบฟีเจอร์ทันทีและดำเนินการให้ลบข้อมูลออกจากเครื่องมือค้นหา
    ระบุว่าเป็น “การทดลองระยะสั้น” เพื่อให้ผู้คนค้นหาบทสนทนาที่มีประโยชน์
    กำลังดำเนินการลบข้อมูลจากดัชนีของ Google

    ผู้ใช้สามารถจัดการลิงก์ที่แชร์ได้ผ่าน Shared Links Dashboard
    แต่การลบลิงก์ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะหายจาก Google ทันที
    หน้าแคชอาจยังคงอยู่ในระบบของเครื่องมือค้นหา

    กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลสหรัฐฯ สั่งให้ OpenAI เก็บบันทึกบทสนทนาไว้ทั้งหมด
    เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์
    ทีมกฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป

    การแชร์บทสนทนาโดยไม่เข้าใจเงื่อนไขอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวหลุดสู่สาธารณะ
    โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อ อีเมล หรือข้อมูลบริษัทในบทสนทนา
    แม้จะลบลิงก์แล้ว ข้อมูลอาจยังอยู่ใน Google ผ่านหน้าแคช

    การใช้ ChatGPT เป็นพื้นที่ระบายอารมณ์หรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวอาจไม่ปลอดภัย
    ผู้ใช้บางรายใช้ ChatGPT เหมือนสมุดบันทึกส่วนตัว
    แต่ระบบไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัวระดับนั้น

    บริษัทที่ใช้ ChatGPT ในการพัฒนาไอเดียหรือกลยุทธ์อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล
    เช่น การเขียนโค้ด การประชุม หรือแผนการตลาด
    ข้อมูลภายในอาจถูกเผยแพร่โดยไม่ตั้งใจ

    การเข้าใจผิดเกี่ยวกับฟีเจอร์ “แชร์” อาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว
    ผู้ใช้บางรายคิดว่าลิงก์จะถูกส่งให้เฉพาะคนที่ตั้งใจ
    แต่จริง ๆ แล้วลิงก์นั้นสามารถถูกค้นเจอได้โดยทุกคน

    https://www.techspot.com/news/108911-thousands-private-chatgpt-conversations-found-google-search-after.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อบทสนทนาส่วนตัวกับ ChatGPT กลายเป็นสาธารณะใน Google โดยไม่รู้ตัว ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ผู้ใช้ ChatGPT หลายพันคนต้องตกใจเมื่อพบว่าบทสนทนาส่วนตัวของตนปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยไม่ตั้งใจ สาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ “แชร์บทสนทนา” ที่มีตัวเลือกให้ “ทำให้ค้นหาได้” ซึ่งแม้จะต้องกดยืนยันเอง แต่ข้อความอธิบายกลับคลุมเครือและไม่ชัดเจน Fast Company พบว่ามีบทสนทนากว่า 4,500 รายการที่ถูกจัดทำเป็นลิงก์สาธารณะ และถูก Google ดึงไปแสดงในผลการค้นหา โดยบางบทสนทนาเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เมืองที่อยู่ อีเมล หรือแม้แต่เรื่องราวส่วนตัวอย่างความวิตกกังวล การเสพติด ความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาความสัมพันธ์ แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวตนโดยตรง แต่เนื้อหาในบทสนทนาเพียงพอที่จะระบุตัวบุคคลได้ในบางกรณี OpenAI ได้ลบฟีเจอร์นี้ออกทันที พร้อมดำเนินการให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ลบข้อมูลออกจากดัชนี แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการแคชหน้าเว็บที่อาจยังคงอยู่ ✅ ฟีเจอร์ “แชร์บทสนทนา” ของ ChatGPT ทำให้บทสนทนาส่วนตัวปรากฏใน Google Search ➡️ ผู้ใช้ต้องกดยืนยัน “ทำให้ค้นหาได้” แต่คำอธิบายไม่ชัดเจน ➡️ มีบทสนทนากว่า 4,500 รายการถูกค้นพบโดย Fast Company ✅ เนื้อหาที่หลุดออกมามีข้อมูลส่วนตัวและเรื่องราวที่ละเอียดอ่อน ➡️ เช่น ความวิตกกังวล การเสพติด ปัญหาครอบครัว และความสัมพันธ์ ➡️ บางบทสนทนาเผยชื่อ เมืองที่อยู่ และข้อมูลติดต่อ ✅ OpenAI ลบฟีเจอร์ทันทีและดำเนินการให้ลบข้อมูลออกจากเครื่องมือค้นหา ➡️ ระบุว่าเป็น “การทดลองระยะสั้น” เพื่อให้ผู้คนค้นหาบทสนทนาที่มีประโยชน์ ➡️ กำลังดำเนินการลบข้อมูลจากดัชนีของ Google ✅ ผู้ใช้สามารถจัดการลิงก์ที่แชร์ได้ผ่าน Shared Links Dashboard ➡️ แต่การลบลิงก์ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะหายจาก Google ทันที ➡️ หน้าแคชอาจยังคงอยู่ในระบบของเครื่องมือค้นหา ✅ กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลสหรัฐฯ สั่งให้ OpenAI เก็บบันทึกบทสนทนาไว้ทั้งหมด ➡️ เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ทีมกฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป ‼️ การแชร์บทสนทนาโดยไม่เข้าใจเงื่อนไขอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวหลุดสู่สาธารณะ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อ อีเมล หรือข้อมูลบริษัทในบทสนทนา ⛔ แม้จะลบลิงก์แล้ว ข้อมูลอาจยังอยู่ใน Google ผ่านหน้าแคช ‼️ การใช้ ChatGPT เป็นพื้นที่ระบายอารมณ์หรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวอาจไม่ปลอดภัย ⛔ ผู้ใช้บางรายใช้ ChatGPT เหมือนสมุดบันทึกส่วนตัว ⛔ แต่ระบบไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัวระดับนั้น ‼️ บริษัทที่ใช้ ChatGPT ในการพัฒนาไอเดียหรือกลยุทธ์อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ⛔ เช่น การเขียนโค้ด การประชุม หรือแผนการตลาด ⛔ ข้อมูลภายในอาจถูกเผยแพร่โดยไม่ตั้งใจ ‼️ การเข้าใจผิดเกี่ยวกับฟีเจอร์ “แชร์” อาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว ⛔ ผู้ใช้บางรายคิดว่าลิงก์จะถูกส่งให้เฉพาะคนที่ตั้งใจ ⛔ แต่จริง ๆ แล้วลิงก์นั้นสามารถถูกค้นเจอได้โดยทุกคน https://www.techspot.com/news/108911-thousands-private-chatgpt-conversations-found-google-search-after.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Thousands of private ChatGPT conversations found via Google search after feature mishap
    OpenAI recently confirmed that it has deactivated an opt-in feature that shared chat histories on the open web. Although the functionality required users' explicit permission, its description...
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • คืนนี้ 1-8-68 ตอนเที่ยงคืน มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จะปิดรับบริจาคโครงการโดรน แอนตี้โดรน ฯลฯ ให้กองทัพภาคที่ 2 ขอบคุณครับ

    จึงเรียมาเพื่อทราบ ด้วยจิตคารวะ

    https://www.facebook.com/share/p/1J3vzkSUNQ/
    คืนนี้ 1-8-68 ตอนเที่ยงคืน มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จะปิดรับบริจาคโครงการโดรน แอนตี้โดรน ฯลฯ ให้กองทัพภาคที่ 2 ขอบคุณครับ จึงเรียมาเพื่อทราบ ด้วยจิตคารวะ https://www.facebook.com/share/p/1J3vzkSUNQ/
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1367 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย?

    หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง

    แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน

    ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน”

    แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband
    อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน
    Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม

    ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก
    เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia
    ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน

    EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025
    มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย
    ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU
    คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act
    ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ

    เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป
    ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต
    ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย? หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน” แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband ➡️ อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน ➡️ Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม ✅ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก ➡️ เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia ➡️ ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน ✅ EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025 ➡️ มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย ➡️ ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU ➡️ คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act ➡️ ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ ✅ เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป ➡️ ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต ➡️ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Network fee on Big Tech not a viable solution to boost EU digital rollout, EU says
    BRUSSELS (Reuters) -The European Commission does not think that imposing a network fee on Big Tech companies is a viable solution to the debate over who should fund the rollout of 5G and broadband, a spokesman for the EU executive said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “ดูว่าใครแชร์อะไร กับใคร เมื่อไหร่”—Microsoft Teams เปิดให้ตรวจสอบการแชร์หน้าจอแล้ว

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Teams ที่ให้ผู้ดูแลระบบ (Teams admins) เข้าถึงข้อมูล telemetry และ audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอ (screen sharing) และการควบคุมหน้าจอ (Take/Give/Request control) ได้โดยตรงผ่าน Microsoft Purview

    ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่:
    - ใครเริ่มแชร์หน้าจอ และเมื่อไหร่
    - แชร์ให้ใครดู
    - ใครขอควบคุมหน้าจอ และใครอนุญาต
    - เวลาเริ่มและหยุดการแชร์
    - การยอมรับคำขอควบคุมหน้าจอ

    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก หรือการเข้าควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้งานทำได้ผ่าน Microsoft Purview โดยเลือกเมนู Audit → New Search แล้วกรอกคำค้น เช่น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง และสามารถ export เป็นไฟล์ CSV ได้

    Microsoft เปิดให้ Teams admins เข้าถึง audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอผ่าน Microsoft Purview
    ตรวจสอบได้ว่าใครแชร์หน้าจอ, แชร์ให้ใคร, และเมื่อไหร่
    รองรับการตรวจสอบคำสั่ง Take, Give, Request control

    ข้อมูล telemetry ช่วยให้ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยได้แบบละเอียด
    เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก
    หรือการควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้งานทำผ่าน Microsoft Purview โดยเลือก Audit → New Search
    ใช้คำค้น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail”
    สามารถ export ข้อมูลเป็น CSV ได้

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน
    ไม่จำกัดเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่
    ใช้ได้ทั้งใน Teams เวอร์ชัน desktop, web และ mobile

    Microsoft Purview เป็นแพลตฟอร์มรวมสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล
    รองรับการตรวจสอบ, ป้องกันการรั่วไหล, และการเข้ารหัสข้อมูล
    ใช้ร่วมกับ Microsoft 365, Edge, Windows/macOS และเครือข่าย HTTPS

    ฟีเจอร์ “Detect sensitive content during screen sharing” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีข้อมูลลับปรากฏบนหน้าจอ
    เช่น หมายเลขบัตรเครดิต, เลขประจำตัวประชาชน, หรือข้อมูลภาษี
    ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเตือนและสามารถหยุดการแชร์ได้ทันที

    Microsoft Purview รองรับการป้องกันข้อมูลด้วย sensitivity labels และ Double Key Encryption
    ช่วยให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและควบคุมการเข้าถึงได้ตามระดับความลับ
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมาย

    การเปิดเผยข้อมูล telemetry อาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ หากไม่มีการควบคุมสิทธิ์อย่างเหมาะสม
    ผู้ดูแลระบบที่ไม่มีจรรยาบรรณอาจใช้ข้อมูลเพื่อสอดแนมหรือกดดันพนักงาน
    ควรมีการกำหนดสิทธิ์และนโยบายการเข้าถึงอย่างชัดเจน

    การแชร์หน้าจอโดยไม่ระวังอาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลได้ง่าย
    เช่น การเปิดเอกสารภายในหรือข้อมูลลูกค้าระหว่างประชุมกับบุคคลภายนอก
    ควรมีการแจ้งเตือนหรือระบบตรวจจับเนื้อหาลับระหว่างการแชร์

    การใช้ฟีเจอร์นี้ต้องเปิด auditing ใน Microsoft Purview ก่อน
    หากไม่ได้เปิด auditing จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้
    ข้อมูลจะถูกเก็บตั้งแต่วันที่เปิด auditing เท่านั้น

    การตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังมีข้อจำกัดตามระดับ license ของ Microsoft 365
    ระยะเวลาการเก็บข้อมูล audit log ขึ้นอยู่กับประเภท license
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้ครบถ้วน

    https://www.neowin.net/news/teams-admins-will-now-be-able-to-see-telemetry-for-screen-sharing/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “ดูว่าใครแชร์อะไร กับใคร เมื่อไหร่”—Microsoft Teams เปิดให้ตรวจสอบการแชร์หน้าจอแล้ว ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Teams ที่ให้ผู้ดูแลระบบ (Teams admins) เข้าถึงข้อมูล telemetry และ audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอ (screen sharing) และการควบคุมหน้าจอ (Take/Give/Request control) ได้โดยตรงผ่าน Microsoft Purview ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ ได้แก่: - ใครเริ่มแชร์หน้าจอ และเมื่อไหร่ - แชร์ให้ใครดู - ใครขอควบคุมหน้าจอ และใครอนุญาต - เวลาเริ่มและหยุดการแชร์ - การยอมรับคำขอควบคุมหน้าจอ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก หรือการเข้าควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานทำได้ผ่าน Microsoft Purview โดยเลือกเมนู Audit → New Search แล้วกรอกคำค้น เช่น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง และสามารถ export เป็นไฟล์ CSV ได้ ✅ Microsoft เปิดให้ Teams admins เข้าถึง audit logs สำหรับการแชร์หน้าจอผ่าน Microsoft Purview ➡️ ตรวจสอบได้ว่าใครแชร์หน้าจอ, แชร์ให้ใคร, และเมื่อไหร่ ➡️ รองรับการตรวจสอบคำสั่ง Take, Give, Request control ✅ ข้อมูล telemetry ช่วยให้ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยได้แบบละเอียด ➡️ เช่น การแชร์ข้อมูลลับกับบุคคลภายนอก ➡️ หรือการควบคุมหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การใช้งานทำผ่าน Microsoft Purview โดยเลือก Audit → New Search ➡️ ใช้คำค้น “screenShared” หรือ “MeetingParticipantDetail” ➡️ สามารถ export ข้อมูลเป็น CSV ได้ ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ดูแลระบบทุกคน ➡️ ไม่จำกัดเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ ใช้ได้ทั้งใน Teams เวอร์ชัน desktop, web และ mobile ✅ Microsoft Purview เป็นแพลตฟอร์มรวมสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ➡️ รองรับการตรวจสอบ, ป้องกันการรั่วไหล, และการเข้ารหัสข้อมูล ➡️ ใช้ร่วมกับ Microsoft 365, Edge, Windows/macOS และเครือข่าย HTTPS ✅ ฟีเจอร์ “Detect sensitive content during screen sharing” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีข้อมูลลับปรากฏบนหน้าจอ ➡️ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต, เลขประจำตัวประชาชน, หรือข้อมูลภาษี ➡️ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเตือนและสามารถหยุดการแชร์ได้ทันที ✅ Microsoft Purview รองรับการป้องกันข้อมูลด้วย sensitivity labels และ Double Key Encryption ➡️ ช่วยให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและควบคุมการเข้าถึงได้ตามระดับความลับ ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมาย ‼️ การเปิดเผยข้อมูล telemetry อาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ หากไม่มีการควบคุมสิทธิ์อย่างเหมาะสม ⛔ ผู้ดูแลระบบที่ไม่มีจรรยาบรรณอาจใช้ข้อมูลเพื่อสอดแนมหรือกดดันพนักงาน ⛔ ควรมีการกำหนดสิทธิ์และนโยบายการเข้าถึงอย่างชัดเจน ‼️ การแชร์หน้าจอโดยไม่ระวังอาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลได้ง่าย ⛔ เช่น การเปิดเอกสารภายในหรือข้อมูลลูกค้าระหว่างประชุมกับบุคคลภายนอก ⛔ ควรมีการแจ้งเตือนหรือระบบตรวจจับเนื้อหาลับระหว่างการแชร์ ‼️ การใช้ฟีเจอร์นี้ต้องเปิด auditing ใน Microsoft Purview ก่อน ⛔ หากไม่ได้เปิด auditing จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ ⛔ ข้อมูลจะถูกเก็บตั้งแต่วันที่เปิด auditing เท่านั้น ‼️ การตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังมีข้อจำกัดตามระดับ license ของ Microsoft 365 ⛔ ระยะเวลาการเก็บข้อมูล audit log ขึ้นอยู่กับประเภท license ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้ครบถ้วน https://www.neowin.net/news/teams-admins-will-now-be-able-to-see-telemetry-for-screen-sharing/
    WWW.NEOWIN.NET
    Teams admins will now be able to see telemetry for screen sharing
    To improve the cybersecurity posture of an organization, Microsoft is introducing audit logs for screen sharing sessions, accessible through Purview.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกสุขภาพดิจิทัล: เมื่อข้อมูลสุขภาพกลายเป็นสินทรัพย์ของ AI

    ในงาน “Making Health Technology Great Again” ที่ทำเนียบขาว Trump ประกาศโครงการใหม่ให้ประชาชนอเมริกันสามารถ “สมัครใจ” แชร์ข้อมูลสุขภาพ เช่น ประวัติการรักษา น้ำหนัก โรคเรื้อรัง ไปยังบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Apple โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านแอปและ AI

    ระบบนี้จะดูแลโดย Centers for Medicare and Medicaid Services (CMS) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพ เช่น Apple Health เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูผลตรวจเลือดหรือประวัติการรักษาได้ทันที

    แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและจริยธรรมเตือนว่า “ไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน” ว่า AI จะใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไร และอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลในทางที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เช่น การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพเพื่อการประกัน หรือการขายข้อมูลให้บริษัทโฆษณา

    Trump เปิดตัวโครงการให้ประชาชนแชร์ข้อมูลสุขภาพกับ Big Tech
    มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่ใช้ AI
    ผู้ใช้ต้อง “สมัครใจ” เข้าร่วมระบบ

    ระบบจะดูแลโดย CMS และเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพต่างๆ3
    เช่น Apple Health สามารถเข้าถึงผลตรวจจากโรงพยาบาล
    ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

    มีบริษัทกว่า 60 แห่งเข้าร่วม เช่น Google, Amazon, Cleveland Clinic4
    ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในไตรมาสแรกของปี 2026
    รวมถึงระบบลงทะเบียนผ่าน QR code และแอปติดตามยา

    ประโยชน์ของระบบสุขภาพดิจิทัล6
    ลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์
    เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ
    ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและเดินทาง
    ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองผ่านอุปกรณ์ IoT

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม
    ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจนสำหรับการใช้ข้อมูลสุขภาพใน AI
    ข้อมูลอาจถูกใช้เพื่อการโฆษณา หรือประเมินความเสี่ยงโดยบริษัทประกัน

    ความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บโดย Big Tech
    ระบบอาจถูกเจาะข้อมูลหรือใช้ในทางที่ไม่โปร่งใส
    ค่าเสียหายจากการละเมิดข้อมูลสุขภาพเฉลี่ยสูงถึง $10.1 ล้านต่อกรณีในสหรัฐฯ

    การแบ่งปันข้อมูลอาจสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
    กลุ่มประชากรที่ไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ดิจิทัลอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    ระบบอาจเน้นเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในเมืองหรือมีรายได้สูง

    CMS เคยอนุญาตให้ ICE เข้าถึงข้อมูล Medicaid เพื่อใช้ในการตรวจสอบคนเข้าเมือง
    สร้างความกังวลว่าข้อมูลสุขภาพอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษา
    ขัดต่อหลักการของ HIPAA ที่เน้นการคุ้มครองข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล

    https://wccftech.com/president-trump-wants-americans-to-share-personal-health-data-with-big-tech/
    🧬 เรื่องเล่าจากโลกสุขภาพดิจิทัล: เมื่อข้อมูลสุขภาพกลายเป็นสินทรัพย์ของ AI ในงาน “Making Health Technology Great Again” ที่ทำเนียบขาว Trump ประกาศโครงการใหม่ให้ประชาชนอเมริกันสามารถ “สมัครใจ” แชร์ข้อมูลสุขภาพ เช่น ประวัติการรักษา น้ำหนัก โรคเรื้อรัง ไปยังบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Apple โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านแอปและ AI ระบบนี้จะดูแลโดย Centers for Medicare and Medicaid Services (CMS) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพ เช่น Apple Health เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูผลตรวจเลือดหรือประวัติการรักษาได้ทันที แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและจริยธรรมเตือนว่า “ไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน” ว่า AI จะใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไร และอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลในทางที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เช่น การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพเพื่อการประกัน หรือการขายข้อมูลให้บริษัทโฆษณา ✅ Trump เปิดตัวโครงการให้ประชาชนแชร์ข้อมูลสุขภาพกับ Big Tech ➡️ มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบสุขภาพดิจิทัลที่ใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ต้อง “สมัครใจ” เข้าร่วมระบบ ✅ ระบบจะดูแลโดย CMS และเชื่อมโยงกับแอปสุขภาพต่างๆ3 ➡️ เช่น Apple Health สามารถเข้าถึงผลตรวจจากโรงพยาบาล ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล ✅ มีบริษัทกว่า 60 แห่งเข้าร่วม เช่น Google, Amazon, Cleveland Clinic4 ➡️ ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในไตรมาสแรกของปี 2026 ➡️ รวมถึงระบบลงทะเบียนผ่าน QR code และแอปติดตามยา ✅ ประโยชน์ของระบบสุขภาพดิจิทัล6 ➡️ ลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ ➡️ เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและเดินทาง ➡️ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองผ่านอุปกรณ์ IoT ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม ⛔ ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจนสำหรับการใช้ข้อมูลสุขภาพใน AI ⛔ ข้อมูลอาจถูกใช้เพื่อการโฆษณา หรือประเมินความเสี่ยงโดยบริษัทประกัน ‼️ ความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บโดย Big Tech ⛔ ระบบอาจถูกเจาะข้อมูลหรือใช้ในทางที่ไม่โปร่งใส ⛔ ค่าเสียหายจากการละเมิดข้อมูลสุขภาพเฉลี่ยสูงถึง $10.1 ล้านต่อกรณีในสหรัฐฯ ‼️ การแบ่งปันข้อมูลอาจสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ ⛔ กลุ่มประชากรที่ไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ดิจิทัลอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ⛔ ระบบอาจเน้นเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในเมืองหรือมีรายได้สูง ‼️ CMS เคยอนุญาตให้ ICE เข้าถึงข้อมูล Medicaid เพื่อใช้ในการตรวจสอบคนเข้าเมือง ⛔ สร้างความกังวลว่าข้อมูลสุขภาพอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษา ⛔ ขัดต่อหลักการของ HIPAA ที่เน้นการคุ้มครองข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล https://wccftech.com/president-trump-wants-americans-to-share-personal-health-data-with-big-tech/
    WCCFTECH.COM
    President Trump Reportedly Wants Americans to Share Personal Health Data With Big Tech, Claiming It Would Allow for Better Care, But Many Fear AI Will Exploit It
    The Trump administration wants to bring health care into the "digital age" by requiring Americans to sign up to share records with US firms.
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • https://www.facebook.com/share/p/19kCe4CiU5/?mibextid=wwXIfr
    https://www.facebook.com/share/p/19kCe4CiU5/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • 🙏🏻 คุณพงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้โพสต์ว่า “สองวันก่อนผมพา ศักดิ์ดา ภู่กนก ศิลปินช่างขยายภาพฟิล์มกระจกซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าของผมสมัยที่เรียนที่โรงเรียน ภปร ราชวิทยาลัยด้วยกัน นำภาพพระฉายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งถ่ายก่อนจะทรงสวรรคตราวหนึ่งสัปดาห์ ไปมอบให้คุณสนธิ และอาจารย์ปานเทพ เพื่อเป็นกำลังใจและศิริมงคลแก่คณะทำงานยามเฝ้าแผ่นดินที่อุทิศกายใจในการปกป้องประเทศชาติอย่างเต็มสติปัญญาและพละกำลังในขณะนี้.วันนี้นำภาพพระฉายที่ใส่กรอบแล้วเรียบร้อยไปส่งมอบที่บ้านพระอาทิตย์ ภาพพระฉายรูปนี้มีความหมายยิ่งนัก ทรงฉายขณะที่บ้านเมืองถูกต่างชาติคุกคามไม่ต่างกับเวลานี้และพระองค์ทรงพระประชวรอยู่ด้วยความโทมนัส ในความรู้สึกของผม พระเนตรของพระองค์ทรงมีความเศร้าเนื่องจากจำยอมต้องเสียดินแดนไปในเวลานั้น .ภาพนี้ขยายจากฟิล์มกระจกต้นฉบับ คมชัดราวมีชีวิต ใครที่เห็นด้วยตาตนเองจะรู้สึกได้ถึงพระบารมีของพระองค์ท่าน.ขอให้พระบารมีของพระองค์ท่านปกป้องชาติของเราให้รอดพ้นจากพวกชั่วช้าที่จ้องทำลายอยู่ในขณะนี้ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า.ขอบคุณพี่หมี น้องก้อย น้องอ๋อย อ.ต่อ ที่มาช่วยกันทำให้งานสำเร็จลุล่วงยังมีอีกรูปที่มีความสำคัญมาก ต้องทำให้สำเร็จhttps://www.facebook.com/share/p/1BvsWVxCho/?mibextid=wwXIfr .
    🙏🏻 คุณพงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้โพสต์ว่า “สองวันก่อนผมพา ศักดิ์ดา ภู่กนก ศิลปินช่างขยายภาพฟิล์มกระจกซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าของผมสมัยที่เรียนที่โรงเรียน ภปร ราชวิทยาลัยด้วยกัน นำภาพพระฉายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งถ่ายก่อนจะทรงสวรรคตราวหนึ่งสัปดาห์ ไปมอบให้คุณสนธิ และอาจารย์ปานเทพ เพื่อเป็นกำลังใจและศิริมงคลแก่คณะทำงานยามเฝ้าแผ่นดินที่อุทิศกายใจในการปกป้องประเทศชาติอย่างเต็มสติปัญญาและพละกำลังในขณะนี้.วันนี้นำภาพพระฉายที่ใส่กรอบแล้วเรียบร้อยไปส่งมอบที่บ้านพระอาทิตย์ ภาพพระฉายรูปนี้มีความหมายยิ่งนัก ทรงฉายขณะที่บ้านเมืองถูกต่างชาติคุกคามไม่ต่างกับเวลานี้และพระองค์ทรงพระประชวรอยู่ด้วยความโทมนัส ในความรู้สึกของผม พระเนตรของพระองค์ทรงมีความเศร้าเนื่องจากจำยอมต้องเสียดินแดนไปในเวลานั้น .ภาพนี้ขยายจากฟิล์มกระจกต้นฉบับ คมชัดราวมีชีวิต ใครที่เห็นด้วยตาตนเองจะรู้สึกได้ถึงพระบารมีของพระองค์ท่าน.ขอให้พระบารมีของพระองค์ท่านปกป้องชาติของเราให้รอดพ้นจากพวกชั่วช้าที่จ้องทำลายอยู่ในขณะนี้ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า.ขอบคุณพี่หมี น้องก้อย น้องอ๋อย อ.ต่อ ที่มาช่วยกันทำให้งานสำเร็จลุล่วงยังมีอีกรูปที่มีความสำคัญมาก ต้องทำให้สำเร็จhttps://www.facebook.com/share/p/1BvsWVxCho/?mibextid=wwXIfr .
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
More Results