• “SolarWinds แพตช์รอบที่ 3 ยังแก้ไม่ขาด — ช่องโหว่ Java Deserialization ใน Web Help Desk ถูกเจาะซ้ำซ้อนแบบไม่ต้องล็อกอิน”

    SolarWinds กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งในเดือนกันยายน 2025 หลังจากออกแพตช์รอบที่สามเพื่อแก้ไขช่องโหว่เดิมในผลิตภัณฑ์ Web Help Desk ซึ่งเป็นระบบจัดการงานบริการ IT ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในองค์กรเอกชนและภาครัฐ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-26399 และเป็นการ “แพตช์ช่องโหว่ที่หลุดจากแพตช์ก่อนหน้า” ถึงสองรอบ

    ต้นตอของปัญหาคือการจัดการ Java deserialization ที่ไม่ปลอดภัยใน component ชื่อว่า AjaxProxy ซึ่งเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ถูกจัดรูปแบบพิเศษเข้ามา แล้วให้ระบบถอดรหัสและรันคำสั่งโดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตนใด ๆ — นี่คือ Remote Code Execution (RCE) แบบเต็มรูปแบบ

    ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 9.8 เต็ม 10 และเป็นการต่อเนื่องจาก CVE-2024-28986 และ CVE-2024-28988 ซึ่งถูกเจาะและแพตช์ไปแล้วในปี 2024 แต่กลับพบว่าการแก้ไขไม่ครอบคลุม ทำให้ Trend Micro ZDI พบช่องทางใหม่ในการเจาะซ้ำ และรายงานให้ SolarWinds อีกครั้งในปีนี้

    แม้ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในช่องโหว่ล่าสุด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยคุกคาม Ryan Dewhurst จาก watchTowr เตือนว่า “จากประวัติที่ผ่านมา การเจาะระบบในโลกจริงน่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” โดยเฉพาะเมื่อช่องโหว่นี้ไม่ต้องล็อกอิน และสามารถยิงคำสั่งจากภายนอกได้ทันที

    นักวิจัยยังชี้ว่า สาเหตุที่แพตช์ถูกเจาะซ้ำหลายครั้ง เป็นเพราะ SolarWinds ใช้แนวทาง “blacklist input” ซึ่งบล็อกเฉพาะรูปแบบข้อมูลที่เคยถูกใช้ในการโจมตี แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นตอของปัญหา ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนรูปแบบ payload แล้วเจาะผ่านช่องทางเดิมได้อีก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-26399 เป็นการเจาะผ่าน Java deserialization ใน AjaxProxy component
    เป็นช่องโหว่แบบ Remote Code Execution ที่ไม่ต้องล็อกอิน
    มีคะแนน CVSS 9.8 เต็ม 10 ถือว่ารุนแรงมาก
    เป็นการเจาะซ้ำจากช่องโหว่เดิม CVE-2024-28986 และ CVE-2024-28988
    แพตช์รอบที่สามออกใน Web Help Desk เวอร์ชัน 12.8.7 Hotfix 1
    ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก Trend Micro ZDI
    SolarWinds ยืนยันว่าแพตช์ล่าสุดยังไม่มีรายงานการโจมตีจริง
    Ryan Dewhurst เตือนว่า “การเจาะในโลกจริงน่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้”
    การแก้ไขแบบ blacklist input ไม่สามารถป้องกันการเจาะในระยะยาวได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Java deserialization เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในแอปพลิเคชันองค์กร
    CWE-502 คือรหัสมาตรฐานที่ระบุถึงการ deserialization ของข้อมูลที่ไม่เชื่อถือ
    การโจมตีลักษณะนี้สามารถใช้ payload ที่เปลี่ยนรูปแบบเพื่อหลบหลีกการตรวจจับ
    Web Help Desk เป็นระบบ ITSM ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งด้าน ticketing และ asset management
    SolarWinds เคยถูกเจาะในปี 2020 จาก supply chain attack ที่มีผลกระทบระดับโลก

    https://www.csoonline.com/article/4061929/solarwinds-fixes-web-help-desk-patch-bypass-for-actively-exploited-flaw-again.html
    🛠️ “SolarWinds แพตช์รอบที่ 3 ยังแก้ไม่ขาด — ช่องโหว่ Java Deserialization ใน Web Help Desk ถูกเจาะซ้ำซ้อนแบบไม่ต้องล็อกอิน” SolarWinds กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งในเดือนกันยายน 2025 หลังจากออกแพตช์รอบที่สามเพื่อแก้ไขช่องโหว่เดิมในผลิตภัณฑ์ Web Help Desk ซึ่งเป็นระบบจัดการงานบริการ IT ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในองค์กรเอกชนและภาครัฐ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-26399 และเป็นการ “แพตช์ช่องโหว่ที่หลุดจากแพตช์ก่อนหน้า” ถึงสองรอบ ต้นตอของปัญหาคือการจัดการ Java deserialization ที่ไม่ปลอดภัยใน component ชื่อว่า AjaxProxy ซึ่งเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ถูกจัดรูปแบบพิเศษเข้ามา แล้วให้ระบบถอดรหัสและรันคำสั่งโดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตนใด ๆ — นี่คือ Remote Code Execution (RCE) แบบเต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 9.8 เต็ม 10 และเป็นการต่อเนื่องจาก CVE-2024-28986 และ CVE-2024-28988 ซึ่งถูกเจาะและแพตช์ไปแล้วในปี 2024 แต่กลับพบว่าการแก้ไขไม่ครอบคลุม ทำให้ Trend Micro ZDI พบช่องทางใหม่ในการเจาะซ้ำ และรายงานให้ SolarWinds อีกครั้งในปีนี้ แม้ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในช่องโหว่ล่าสุด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยคุกคาม Ryan Dewhurst จาก watchTowr เตือนว่า “จากประวัติที่ผ่านมา การเจาะระบบในโลกจริงน่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” โดยเฉพาะเมื่อช่องโหว่นี้ไม่ต้องล็อกอิน และสามารถยิงคำสั่งจากภายนอกได้ทันที นักวิจัยยังชี้ว่า สาเหตุที่แพตช์ถูกเจาะซ้ำหลายครั้ง เป็นเพราะ SolarWinds ใช้แนวทาง “blacklist input” ซึ่งบล็อกเฉพาะรูปแบบข้อมูลที่เคยถูกใช้ในการโจมตี แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นตอของปัญหา ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนรูปแบบ payload แล้วเจาะผ่านช่องทางเดิมได้อีก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-26399 เป็นการเจาะผ่าน Java deserialization ใน AjaxProxy component ➡️ เป็นช่องโหว่แบบ Remote Code Execution ที่ไม่ต้องล็อกอิน ➡️ มีคะแนน CVSS 9.8 เต็ม 10 ถือว่ารุนแรงมาก ➡️ เป็นการเจาะซ้ำจากช่องโหว่เดิม CVE-2024-28986 และ CVE-2024-28988 ➡️ แพตช์รอบที่สามออกใน Web Help Desk เวอร์ชัน 12.8.7 Hotfix 1 ➡️ ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก Trend Micro ZDI ➡️ SolarWinds ยืนยันว่าแพตช์ล่าสุดยังไม่มีรายงานการโจมตีจริง ➡️ Ryan Dewhurst เตือนว่า “การเจาะในโลกจริงน่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” ➡️ การแก้ไขแบบ blacklist input ไม่สามารถป้องกันการเจาะในระยะยาวได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Java deserialization เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในแอปพลิเคชันองค์กร ➡️ CWE-502 คือรหัสมาตรฐานที่ระบุถึงการ deserialization ของข้อมูลที่ไม่เชื่อถือ ➡️ การโจมตีลักษณะนี้สามารถใช้ payload ที่เปลี่ยนรูปแบบเพื่อหลบหลีกการตรวจจับ ➡️ Web Help Desk เป็นระบบ ITSM ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งด้าน ticketing และ asset management ➡️ SolarWinds เคยถูกเจาะในปี 2020 จาก supply chain attack ที่มีผลกระทบระดับโลก https://www.csoonline.com/article/4061929/solarwinds-fixes-web-help-desk-patch-bypass-for-actively-exploited-flaw-again.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    SolarWinds fixes Web Help Desk patch bypass for actively exploited flaw — again
    ‘Third time’s the charm?’ asks a prominent security researcher after what appears to be the same critical Java deserialization flaw gets a third security update.
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเทปแม่เหล็กถึงเทปพันธุกรรม: เมื่อ DNA กลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลแห่งอนาคต

    ทีมนักวิจัยจาก SUSTech และ Shanghai Jiao Tong University ได้พัฒนา “DNA cassette tape drive” ที่รวมความทนทานของ DNA เข้ากับความสามารถในการจัดการของเทปแม่เหล็กแบบเก่า โดยใช้เส้นฟิล์มโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. ที่มีบาร์โค้ดความหนาแน่นสูงเป็นตำแหน่งไฟล์ และสามารถหมุนได้เหมือนเทปจริง

    ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงในสาย DNA สังเคราะห์ แล้วบรรจุลงในเทปผ่านระบบจัดการของเหลวภายในเครื่องขนาดเท่ากล่องข้าว ซึ่งมีมอเตอร์, ไมโครคอนโทรลเลอร์ และเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบออปติคัล การอ่านข้อมูลใช้การ sequencing ส่วนการเขียนใช้การสังเคราะห์ DNA ซึ่งยังช้าอยู่มาก—ไฟล์ขนาด 156.6KB ใช้เวลาอ่าน 25 นาที และเขียนอีก 50 นาที

    แม้ความเร็วจะยังต่ำ แต่ความทนทานของระบบนี้ถือว่าน่าทึ่ง: DNA ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ZIF (zeolitic imidazolate framework) ที่ป้องกันน้ำ, รังสี UV และการออกซิเดชัน ทำให้สามารถเก็บไว้ได้กว่า 300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น

    ในเชิงทฤษฎี เทปขนาด 1 กิโลเมตรสามารถมี partition ได้มากกว่า 500,000 จุด และแต่ละจุดเก็บข้อมูลได้ครึ่งเทราไบต์ ทำให้ความหนาแน่นรวมสูงถึง 362 เพตะไบต์ต่อกิโลเมตร ซึ่งเหนือกว่าสื่อบันทึกใด ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

    แนวคิดและการออกแบบ DNA Tape Drive
    ใช้เทปโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. พร้อมบาร์โค้ดเป็นตำแหน่งไฟล์
    ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงใน DNA สังเคราะห์และบรรจุผ่านระบบของเหลว
    เครื่องอ่านมีขนาดเท่ากล่องข้าว พร้อมมอเตอร์และ optical reader

    ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล
    เทปขนาด 9 เมตรมี 5,000 track และสามารถ scale ได้ถึง 500,000 track ต่อกิโลเมตร
    ความหนาแน่นสูงสุด 362 PB ต่อกิโลเมตร
    แต่ในการทดลองจริง เขียนได้เพียง 156.6KB ต่อชั่วโมง

    ความทนทานของ DNA Storage
    DNA ถูกห่อด้วยเปลือก ZIF ที่ป้องกันน้ำ, UV และออกซิเดชัน
    อายุการเก็บรักษา >300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น
    เปลือกสามารถลอกและใส่ใหม่ได้โดยไม่ทำลาย DNA

    ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง
    สามารถค้นหา track ได้ถึง 1,570 ตำแหน่งต่อวินาที
    มีความสามารถในการ rewrite แบบอัตโนมัติ
    ไม่ต้องใช้พลังงานในการเก็บรักษาเมื่อไม่ใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dna-cassette-tape
    🎙️ เรื่องเล่าจากเทปแม่เหล็กถึงเทปพันธุกรรม: เมื่อ DNA กลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลแห่งอนาคต ทีมนักวิจัยจาก SUSTech และ Shanghai Jiao Tong University ได้พัฒนา “DNA cassette tape drive” ที่รวมความทนทานของ DNA เข้ากับความสามารถในการจัดการของเทปแม่เหล็กแบบเก่า โดยใช้เส้นฟิล์มโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. ที่มีบาร์โค้ดความหนาแน่นสูงเป็นตำแหน่งไฟล์ และสามารถหมุนได้เหมือนเทปจริง ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงในสาย DNA สังเคราะห์ แล้วบรรจุลงในเทปผ่านระบบจัดการของเหลวภายในเครื่องขนาดเท่ากล่องข้าว ซึ่งมีมอเตอร์, ไมโครคอนโทรลเลอร์ และเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบออปติคัล การอ่านข้อมูลใช้การ sequencing ส่วนการเขียนใช้การสังเคราะห์ DNA ซึ่งยังช้าอยู่มาก—ไฟล์ขนาด 156.6KB ใช้เวลาอ่าน 25 นาที และเขียนอีก 50 นาที แม้ความเร็วจะยังต่ำ แต่ความทนทานของระบบนี้ถือว่าน่าทึ่ง: DNA ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ZIF (zeolitic imidazolate framework) ที่ป้องกันน้ำ, รังสี UV และการออกซิเดชัน ทำให้สามารถเก็บไว้ได้กว่า 300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น ในเชิงทฤษฎี เทปขนาด 1 กิโลเมตรสามารถมี partition ได้มากกว่า 500,000 จุด และแต่ละจุดเก็บข้อมูลได้ครึ่งเทราไบต์ ทำให้ความหนาแน่นรวมสูงถึง 362 เพตะไบต์ต่อกิโลเมตร ซึ่งเหนือกว่าสื่อบันทึกใด ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ✅ แนวคิดและการออกแบบ DNA Tape Drive ➡️ ใช้เทปโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. พร้อมบาร์โค้ดเป็นตำแหน่งไฟล์ ➡️ ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงใน DNA สังเคราะห์และบรรจุผ่านระบบของเหลว ➡️ เครื่องอ่านมีขนาดเท่ากล่องข้าว พร้อมมอเตอร์และ optical reader ✅ ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล ➡️ เทปขนาด 9 เมตรมี 5,000 track และสามารถ scale ได้ถึง 500,000 track ต่อกิโลเมตร ➡️ ความหนาแน่นสูงสุด 362 PB ต่อกิโลเมตร ➡️ แต่ในการทดลองจริง เขียนได้เพียง 156.6KB ต่อชั่วโมง ✅ ความทนทานของ DNA Storage ➡️ DNA ถูกห่อด้วยเปลือก ZIF ที่ป้องกันน้ำ, UV และออกซิเดชัน ➡️ อายุการเก็บรักษา >300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น ➡️ เปลือกสามารถลอกและใส่ใหม่ได้โดยไม่ทำลาย DNA ✅ ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง ➡️ สามารถค้นหา track ได้ถึง 1,570 ตำแหน่งต่อวินาที ➡️ มีความสามารถในการ rewrite แบบอัตโนมัติ ➡️ ไม่ต้องใช้พลังงานในการเก็บรักษาเมื่อไม่ใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/dna-cassette-tape
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DNA ‘cassette tape’ research hints at petabyte-scale cartridges and multi-century lifespan on paper — petabytes-per-meter density possible, but today it writes at kilobytes per hour
    Chinese researchers have built a working DNA tape drive with petabyte-scale potential; however, the demo only moved 156KB and took nearly an hour to read.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากยุคเปลี่ยนผ่าน: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยงาน แต่เปลี่ยนโครงสร้างอาชีพ IT ทั้งระบบ

    ในรายงานพิเศษจาก CSO Online ได้ชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “แรงผลักดันหลัก” ที่เปลี่ยนแปลงบทบาทของทุกคนในสายงาน IT ตั้งแต่ developer, SOC analyst, helpdesk, I&O, ไปจนถึง CIO และ enterprise architect

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงในระดับเครื่องมือ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับ “โครงสร้างอาชีพ” และ “ทักษะที่จำเป็น” โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับกลางและเริ่มต้น ที่งานซ้ำ ๆ ถูกแทนที่ด้วย automation และ AI agent อย่างรวดเร็ว

    องค์กรต่าง ๆ เริ่มมองหา “ทักษะใหม่” เช่น AI literacy, rapid engineering, LLM architecture และการเข้าใจ ethical AI แทนทักษะเดิมอย่างการจัดการข้อมูลแบบ manual หรือการเขียนเอกสารซ้ำ ๆ ที่กำลังหมดความสำคัญ

    บทบาทใหม่อย่าง Chief AI Officer (CAIO) ก็เริ่มปรากฏขึ้น โดยมีหน้าที่ดูแลการนำ AI มาใช้ในระดับกลยุทธ์ ซึ่งเดิมเป็นหน้าที่ของ CIO แต่ตอนนี้กำลังแยกออกมาเป็นสายงานเฉพาะทาง

    การเปลี่ยนแปลงของบทบาทในสายงาน IT
    ทุกตำแหน่งในสาย IT ตั้งแต่ helpdesk ถึง CIO กำลังถูกปรับบทบาทจากผลของ AI
    งานที่เคยเป็น manual เช่น content creation, documentation, basic coding กำลังถูกแทนที่
    บทบาทใหม่ เช่น AI Engineer, CAIO, AI Product Manager กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ทักษะใหม่ที่จำเป็นในยุค AI
    AI literacy, ethical AI, LLM architecture, rapid engineering กลายเป็นทักษะหลัก
    ความเข้าใจใน data pipeline และ model behavior สำคัญมากกว่าการเขียนโค้ดพื้นฐาน
    การทำงานร่วมกับ AI agent ต้องใช้ความเข้าใจเชิงระบบและการประเมินผลลัพธ์

    การเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กร
    CIO ต้องปรับบทบาทจากการดูแล infrastructure ไปสู่การนำ AI มาใช้เชิงกลยุทธ์
    CAIO เริ่มมีบทบาทในการวาง roadmap ด้าน AI และการจัดการ data asset
    การจัดการ infrastructure อาจย้ายไปอยู่กับ third-party service มากขึ้น

    แนวโน้มการจ้างงานและการเติบโต
    92% ของตำแหน่ง IT จะถูกเปลี่ยนแปลงระดับสูงหรือปานกลางจากผลของ AI
    ตำแหน่งระดับกลางและเริ่มต้นจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
    การ reskill และ upskill กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดในสายงาน

    https://us.resources.csoonline.com/resources/spotlight-report-it-careers-in-the-ai-era/
    🎙️ เรื่องเล่าจากยุคเปลี่ยนผ่าน: เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยงาน แต่เปลี่ยนโครงสร้างอาชีพ IT ทั้งระบบ ในรายงานพิเศษจาก CSO Online ได้ชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “แรงผลักดันหลัก” ที่เปลี่ยนแปลงบทบาทของทุกคนในสายงาน IT ตั้งแต่ developer, SOC analyst, helpdesk, I&O, ไปจนถึง CIO และ enterprise architect สิ่งที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงในระดับเครื่องมือ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับ “โครงสร้างอาชีพ” และ “ทักษะที่จำเป็น” โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับกลางและเริ่มต้น ที่งานซ้ำ ๆ ถูกแทนที่ด้วย automation และ AI agent อย่างรวดเร็ว องค์กรต่าง ๆ เริ่มมองหา “ทักษะใหม่” เช่น AI literacy, rapid engineering, LLM architecture และการเข้าใจ ethical AI แทนทักษะเดิมอย่างการจัดการข้อมูลแบบ manual หรือการเขียนเอกสารซ้ำ ๆ ที่กำลังหมดความสำคัญ บทบาทใหม่อย่าง Chief AI Officer (CAIO) ก็เริ่มปรากฏขึ้น โดยมีหน้าที่ดูแลการนำ AI มาใช้ในระดับกลยุทธ์ ซึ่งเดิมเป็นหน้าที่ของ CIO แต่ตอนนี้กำลังแยกออกมาเป็นสายงานเฉพาะทาง ✅ การเปลี่ยนแปลงของบทบาทในสายงาน IT ➡️ ทุกตำแหน่งในสาย IT ตั้งแต่ helpdesk ถึง CIO กำลังถูกปรับบทบาทจากผลของ AI ➡️ งานที่เคยเป็น manual เช่น content creation, documentation, basic coding กำลังถูกแทนที่ ➡️ บทบาทใหม่ เช่น AI Engineer, CAIO, AI Product Manager กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ✅ ทักษะใหม่ที่จำเป็นในยุค AI ➡️ AI literacy, ethical AI, LLM architecture, rapid engineering กลายเป็นทักษะหลัก ➡️ ความเข้าใจใน data pipeline และ model behavior สำคัญมากกว่าการเขียนโค้ดพื้นฐาน ➡️ การทำงานร่วมกับ AI agent ต้องใช้ความเข้าใจเชิงระบบและการประเมินผลลัพธ์ ✅ การเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กร ➡️ CIO ต้องปรับบทบาทจากการดูแล infrastructure ไปสู่การนำ AI มาใช้เชิงกลยุทธ์ ➡️ CAIO เริ่มมีบทบาทในการวาง roadmap ด้าน AI และการจัดการ data asset ➡️ การจัดการ infrastructure อาจย้ายไปอยู่กับ third-party service มากขึ้น ✅ แนวโน้มการจ้างงานและการเติบโต ➡️ 92% ของตำแหน่ง IT จะถูกเปลี่ยนแปลงระดับสูงหรือปานกลางจากผลของ AI ➡️ ตำแหน่งระดับกลางและเริ่มต้นจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ➡️ การ reskill และ upskill กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดในสายงาน https://us.resources.csoonline.com/resources/spotlight-report-it-careers-in-the-ai-era/
    US.RESOURCES.CSOONLINE.COM
    Spotlight report: IT careers in the AI era | Foundry Editorial
    Download the September 2025 issue of the Enterprise Spotlight from the editors of CIO, Computerworld, CSO, InfoWorld, and Network World.
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • กระดานตลาดไทย เฉพาะหุ้นสามัญ ไทย
    มีประมาณ 800 - 900 ตัว

    ดัชนี SET100 มี 100 ตัว
    ดัชนี sSET มีประมาณ 120 ตัว
    ดัชนี MAI มี 225 ตัว

    สามดัชนีนี้ เป็นดัชนีของหุ้น รวมๆกัน 400 กว่าตัว
    แล้วอีกครึ่งที่เหลือไปไหน

    ก็อยู่ใน ดัชนี SET
    แต่ SET ไม่สามารถ เป็นตัวแทนแสดง หุ้นกลาง เล็กที่เหลือ อีกครึ่งนึงได้
    เพราะค่าดัชนี SET ถูกถ่วงน้ำหนักสูงด้วย หุ้นขนาดใหญ่
    ค่า SET จึงมักไปตาม SET50, SET100

    ดังนั้น ความอยากส่วนตัว
    อยากจะได้ ดัชนี อีกอัน คือ
    ดัชนีหุ้นที่เหลือทั้งหมด ที่ไม่รวม พวก Bigcap 50, 100 ตัวแรก
    จะได้ครอบคลุมดีกว่า ใช้ sSET, MAI
    กระดานตลาดไทย เฉพาะหุ้นสามัญ ไทย มีประมาณ 800 - 900 ตัว ดัชนี SET100 มี 100 ตัว ดัชนี sSET มีประมาณ 120 ตัว ดัชนี MAI มี 225 ตัว สามดัชนีนี้ เป็นดัชนีของหุ้น รวมๆกัน 400 กว่าตัว แล้วอีกครึ่งที่เหลือไปไหน ก็อยู่ใน ดัชนี SET 💥แต่ SET ไม่สามารถ เป็นตัวแทนแสดง หุ้นกลาง เล็กที่เหลือ อีกครึ่งนึงได้ เพราะค่าดัชนี SET ถูกถ่วงน้ำหนักสูงด้วย หุ้นขนาดใหญ่ ค่า SET จึงมักไปตาม SET50, SET100 ดังนั้น ความอยากส่วนตัว อยากจะได้ ดัชนี อีกอัน คือ 🌟ดัชนีหุ้นที่เหลือทั้งหมด ที่ไม่รวม พวก Bigcap 50, 100 ตัวแรก จะได้ครอบคลุมดีกว่า ใช้ sSET, MAI
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Intel กับดีลพลิกเกม — เงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ กับความหวังครั้งใหม่

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 8.9 พันล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการ CHIPS Act และ Secure Enclave ซึ่งถูกเปลี่ยนรูปแบบจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น” โดยรัฐบาลจะได้หุ้นใหม่ของ Intel จำนวน 433.3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ $20.47 คิดเป็นสัดส่วน 9.9% ของบริษัท

    แม้จะไม่มีสิทธิ์บริหารหรือมีตัวแทนในบอร์ด แต่รัฐบาลยังได้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5% หาก Intel ขายธุรกิจ foundry เกิน 49% ภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ Intel แยกธุรกิจสำคัญออกไปโดยง่าย

    Kevin Hassett ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเชื่อว่าเงินก้อนนี้จะช่วยให้ Intel “กลับมาตั้งหลักได้” และอาจเป็นต้นแบบของการสร้าง sovereign wealth fund ของสหรัฐฯ เพื่อถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีอื่นในอนาคต เช่น AMD หรือ TSMC

    แต่ Morgan Stanley กลับมองต่าง โดยชี้ว่า Intel ยังไม่มี “ทางลัด” สู่การฟื้นตัว และควรเริ่มจากการปรับปรุงแผนพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ก่อน เพราะหากไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ ก็ยากที่จะลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง 14A node ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่น่ากังวลคือธุรกิจ foundry ของ Intel ขาดทุนกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และมีหนี้สุทธิเกิน 20 พันล้านดอลลาร์ ทำให้การฟื้นตัวเต็มรูปแบบยังไม่แน่นอน แม้จะมีการพิจารณาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจาก IDM 2.0 ไปเป็น “fab lite” หรือกลับไปใช้ IDM 1.0 ก็ตาม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนเงินช่วยเหลือ $8.9 พันล้าน เป็นการถือหุ้น 9.9% ใน Intel
    หุ้นที่ซื้อมีราคาต่ำกว่าตลาด และไม่มีสิทธิ์บริหารหรือมีตัวแทนในบอร์ด
    มีสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5% หาก Intel ขายธุรกิจ foundry เกิน 49% ภายใน 5 ปี
    Kevin Hassett มองดีลนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ sovereign wealth fund ของสหรัฐฯ
    ประธานาธิบดี Trump สนับสนุนดีลนี้ และเตรียมทำข้อตกลงลักษณะเดียวกันกับบริษัทอื่น
    Morgan Stanley ชี้ว่า Intel ต้องเริ่มจากการปรับปรุง roadmap ของไมโครโปรเซสเซอร์
    ธุรกิจ foundry ของ Intel ขาดทุนกว่า $10 พันล้าน และมีหนี้สุทธิเกิน $20 พันล้าน
    Intel พิจารณาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจระหว่าง IDM 2.0, IDM 1.0 และ fab lite

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CHIPS Act เป็นกฎหมายที่ออกในยุค Biden เพื่อส่งเสริมการผลิตชิปในสหรัฐฯ
    Secure Enclave เป็นโครงการที่เน้นการพัฒนาชิปที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งานทางทหารและความมั่นคง
    Sovereign wealth fund เป็นกองทุนที่รัฐบาลใช้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เช่น กองทุนของนอร์เวย์
    การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีอาจเป็นกลยุทธ์ใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

    https://wccftech.com/hassett-thinks-intel-will-get-its-act-together-with-cash-inflow-but-morgan-stanley-contends-theres-no-quick-fix/
    🎙️ Intel กับดีลพลิกเกม — เงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ กับความหวังครั้งใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 8.9 พันล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการ CHIPS Act และ Secure Enclave ซึ่งถูกเปลี่ยนรูปแบบจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น” โดยรัฐบาลจะได้หุ้นใหม่ของ Intel จำนวน 433.3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ $20.47 คิดเป็นสัดส่วน 9.9% ของบริษัท แม้จะไม่มีสิทธิ์บริหารหรือมีตัวแทนในบอร์ด แต่รัฐบาลยังได้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5% หาก Intel ขายธุรกิจ foundry เกิน 49% ภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ Intel แยกธุรกิจสำคัญออกไปโดยง่าย Kevin Hassett ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเชื่อว่าเงินก้อนนี้จะช่วยให้ Intel “กลับมาตั้งหลักได้” และอาจเป็นต้นแบบของการสร้าง sovereign wealth fund ของสหรัฐฯ เพื่อถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีอื่นในอนาคต เช่น AMD หรือ TSMC แต่ Morgan Stanley กลับมองต่าง โดยชี้ว่า Intel ยังไม่มี “ทางลัด” สู่การฟื้นตัว และควรเริ่มจากการปรับปรุงแผนพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ก่อน เพราะหากไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ ก็ยากที่จะลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง 14A node ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่น่ากังวลคือธุรกิจ foundry ของ Intel ขาดทุนกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และมีหนี้สุทธิเกิน 20 พันล้านดอลลาร์ ทำให้การฟื้นตัวเต็มรูปแบบยังไม่แน่นอน แม้จะมีการพิจารณาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจาก IDM 2.0 ไปเป็น “fab lite” หรือกลับไปใช้ IDM 1.0 ก็ตาม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนเงินช่วยเหลือ $8.9 พันล้าน เป็นการถือหุ้น 9.9% ใน Intel ➡️ หุ้นที่ซื้อมีราคาต่ำกว่าตลาด และไม่มีสิทธิ์บริหารหรือมีตัวแทนในบอร์ด ➡️ มีสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5% หาก Intel ขายธุรกิจ foundry เกิน 49% ภายใน 5 ปี ➡️ Kevin Hassett มองดีลนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ sovereign wealth fund ของสหรัฐฯ ➡️ ประธานาธิบดี Trump สนับสนุนดีลนี้ และเตรียมทำข้อตกลงลักษณะเดียวกันกับบริษัทอื่น ➡️ Morgan Stanley ชี้ว่า Intel ต้องเริ่มจากการปรับปรุง roadmap ของไมโครโปรเซสเซอร์ ➡️ ธุรกิจ foundry ของ Intel ขาดทุนกว่า $10 พันล้าน และมีหนี้สุทธิเกิน $20 พันล้าน ➡️ Intel พิจารณาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจระหว่าง IDM 2.0, IDM 1.0 และ fab lite ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CHIPS Act เป็นกฎหมายที่ออกในยุค Biden เพื่อส่งเสริมการผลิตชิปในสหรัฐฯ ➡️ Secure Enclave เป็นโครงการที่เน้นการพัฒนาชิปที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งานทางทหารและความมั่นคง ➡️ Sovereign wealth fund เป็นกองทุนที่รัฐบาลใช้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เช่น กองทุนของนอร์เวย์ ➡️ การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีอาจเป็นกลยุทธ์ใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี https://wccftech.com/hassett-thinks-intel-will-get-its-act-together-with-cash-inflow-but-morgan-stanley-contends-theres-no-quick-fix/
    WCCFTECH.COM
    Hassett Thinks Intel Will "Get Its Act Together" With Cash Inflow, But Morgan Stanley Contends There's No "Quick Fix"
    Morgan Stanley's Joseph Moore believes that Intel's turnaround would be a lengthy affair, with no simple remedies available.
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • เกมดีไม่ใช่แค่ไอเดียเจ๋ง แต่ต้องมี “กระบวนการที่ไม่ทำให้ทีมพัง”

    ในโลกของการพัฒนาเกม ความคิดสร้างสรรค์คือเชื้อเพลิง แต่ “กระบวนการ” คือเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดี ต่อให้เติมเชื้อเพลิงเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย

    บทความนี้เล่าถึง 4 วิธีที่สตูดิโอเกมระดับโลกใช้เพื่อเปลี่ยนจากความวุ่นวายเป็นความลื่นไหล ตั้งแต่การจ้างทีมภายนอกอย่างมีกลยุทธ์ ไปจนถึงการใช้ระบบอัตโนมัติและคลาวด์เพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันได้แม้อยู่คนละซีกโลก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ “การทำงานให้เร็วขึ้น” ไม่ได้หมายถึง “ทำงานหนักขึ้น” แต่คือการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าอะไรควรทำเอง อะไรควรให้คนอื่นทำ และอะไรควรให้เครื่องทำแทน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    การพัฒนาเกมที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการจัดการทรัพยากรและกระบวนการที่ดี ไม่ใช่แค่ความสามารถของทีม
    การจ้างทีมภายนอก (outsourcing) ช่วยลดภาระในงานเฉพาะทาง เช่น 3D modeling, localization, QA และ audio
    การใช้ Agile แบบปรับแต่งสำหรับเกม เช่น milestone-based sprint และ playable build ทุกรอบ ช่วยให้ทีมปรับตัวได้เร็ว
    การใช้ automation เช่น CI/CD, asset optimization และ scripted QA ช่วยลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่มเวลาให้ทีมโฟกัสกับ gameplay
    การทำงานร่วมกันผ่านระบบคลาวด์ช่วยให้ทีมกระจายตัวทำงานได้โดยไม่ชนกัน เช่น asset library, version control และ real-time sync
    การตั้งมาตรฐานการสื่อสารและโครงสร้างไฟล์ช่วยลดความสับสนในการทำงานข้ามทีม
    การใช้ asynchronous workflow ช่วยให้ทีมในต่างเขตเวลาทำงานต่อกันได้โดยไม่ต้องรอ
    การจัดการสิทธิ์และการสำรองข้อมูลในระบบคลาวด์ช่วยป้องกันการสูญเสียข้อมูลสำคัญของเกม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Unity และ Unreal Engine มีระบบ CI/CD plugin ที่ช่วย build และ deploy อัตโนมัติ
    นักพัฒนาอิสระนิยมใช้ GitHub Actions และ Firebase Hosting เพื่อจัดการ release แบบ lean
    การใช้ Trello หรือ Notion ร่วมกับ cloud asset library ช่วยให้ทีมติดตามงานได้แม้ไม่มี PM เต็มเวลา
    การจ้างทีมภายนอกแบบ “creative partner” ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการจ้างแบบ “task executor”
    หลายสตูดิโอใช้ AI เพื่อช่วย QA เช่นการตรวจจับบั๊กจาก log หรือการทดสอบ UI อัตโนมัติ

    https://hackread.com/streamline-game-development-process-smart-solutions/
    🎙️ เกมดีไม่ใช่แค่ไอเดียเจ๋ง แต่ต้องมี “กระบวนการที่ไม่ทำให้ทีมพัง” ในโลกของการพัฒนาเกม ความคิดสร้างสรรค์คือเชื้อเพลิง แต่ “กระบวนการ” คือเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดี ต่อให้เติมเชื้อเพลิงเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย บทความนี้เล่าถึง 4 วิธีที่สตูดิโอเกมระดับโลกใช้เพื่อเปลี่ยนจากความวุ่นวายเป็นความลื่นไหล ตั้งแต่การจ้างทีมภายนอกอย่างมีกลยุทธ์ ไปจนถึงการใช้ระบบอัตโนมัติและคลาวด์เพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันได้แม้อยู่คนละซีกโลก สิ่งที่น่าสนใจคือ “การทำงานให้เร็วขึ้น” ไม่ได้หมายถึง “ทำงานหนักขึ้น” แต่คือการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าอะไรควรทำเอง อะไรควรให้คนอื่นทำ และอะไรควรให้เครื่องทำแทน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ การพัฒนาเกมที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการจัดการทรัพยากรและกระบวนการที่ดี ไม่ใช่แค่ความสามารถของทีม ➡️ การจ้างทีมภายนอก (outsourcing) ช่วยลดภาระในงานเฉพาะทาง เช่น 3D modeling, localization, QA และ audio ➡️ การใช้ Agile แบบปรับแต่งสำหรับเกม เช่น milestone-based sprint และ playable build ทุกรอบ ช่วยให้ทีมปรับตัวได้เร็ว ➡️ การใช้ automation เช่น CI/CD, asset optimization และ scripted QA ช่วยลดงานซ้ำซ้อนและเพิ่มเวลาให้ทีมโฟกัสกับ gameplay ➡️ การทำงานร่วมกันผ่านระบบคลาวด์ช่วยให้ทีมกระจายตัวทำงานได้โดยไม่ชนกัน เช่น asset library, version control และ real-time sync ➡️ การตั้งมาตรฐานการสื่อสารและโครงสร้างไฟล์ช่วยลดความสับสนในการทำงานข้ามทีม ➡️ การใช้ asynchronous workflow ช่วยให้ทีมในต่างเขตเวลาทำงานต่อกันได้โดยไม่ต้องรอ ➡️ การจัดการสิทธิ์และการสำรองข้อมูลในระบบคลาวด์ช่วยป้องกันการสูญเสียข้อมูลสำคัญของเกม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Unity และ Unreal Engine มีระบบ CI/CD plugin ที่ช่วย build และ deploy อัตโนมัติ ➡️ นักพัฒนาอิสระนิยมใช้ GitHub Actions และ Firebase Hosting เพื่อจัดการ release แบบ lean ➡️ การใช้ Trello หรือ Notion ร่วมกับ cloud asset library ช่วยให้ทีมติดตามงานได้แม้ไม่มี PM เต็มเวลา ➡️ การจ้างทีมภายนอกแบบ “creative partner” ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการจ้างแบบ “task executor” ➡️ หลายสตูดิโอใช้ AI เพื่อช่วย QA เช่นการตรวจจับบั๊กจาก log หรือการทดสอบ UI อัตโนมัติ https://hackread.com/streamline-game-development-process-smart-solutions/
    HACKREAD.COM
    How to Streamline Your Game Development Process: 4 Smart Solutions
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเวทีการค้าระดับโลก: เมื่อสหรัฐฯ เสนอเงื่อนไขสุดโหดให้ TSMC เพื่อช่วย Intel และลดภาษีให้ไต้หวัน

    ในช่วงที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศยังคุกรุ่น รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือหลักในการลดการขาดดุลการค้า โดยเฉพาะกับไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บภาษีสูงถึง 20% ขณะที่ประเทศอื่นอย่างญี่ปุ่นจ่ายเพียง 15%

    เพื่อแลกกับการลดภาษีเหล่านี้ สหรัฐฯ ได้เสนอเงื่อนไขที่หนักหน่วงให้กับไต้หวันผ่านบริษัท TSMC ได้แก่:

    1️⃣ให้ TSMC ซื้อหุ้น 49% ของ Intel

    2️⃣ ให้ TSMC ลงทุนเพิ่มอีก $400 พันล้านในสหรัฐฯ

    แม้ TSMC จะลงทุนในสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า $165 พันล้าน ทั้งในโรงงานผลิตชิปที่ Arizona และศูนย์วิจัย แต่เงื่อนไขใหม่นี้ถือว่าเกินขีดความสามารถทางการเงินและยุทธศาสตร์ของบริษัท

    เบื้องหลังของข้อเสนอนี้คือความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะช่วย Intel ซึ่งกำลังตกต่ำอย่างหนัก รายได้ลดลงจาก $79 พันล้านในปี 2021 เหลือเพียง $53 พันล้านในปี 2024 และโรงงานใหม่ในรัฐโอไฮโอก็ถูกเลื่อนเปิดจากปี 2025 ไปเป็น 2030

    สหรัฐฯ เสนอให้ TSMC ซื้อหุ้น 49% ของ Intel
    เป็นเงื่อนไขในการลดภาษีศุลกากรสำหรับไต้หวัน

    TSMC ต้องลงทุนเพิ่มอีก $400 พันล้านในสหรัฐฯ
    นอกเหนือจากการลงทุนเดิม $165 พันล้าน

    Intel กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก
    รายได้ลดลง 33% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

    โรงงานใหม่ของ Intel ในโอไฮโอถูกเลื่อนเปิดเป็นปี 2030
    สะท้อนปัญหาการจัดการเงินทุนและการสนับสนุนจากภาครัฐ

    TSMC มีโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ อยู่แล้ว
    รวมถึงโรงงานที่เริ่มผลิตในปี 2024 และอีกสองแห่งที่กำลังก่อสร้าง

    การถือหุ้น 49% ไม่ได้ให้สิทธิ์ควบคุมกิจการ
    TSMC จะไม่มีอำนาจในการบริหาร Intel โดยตรง

    Intel มีการขายหุ้นโรงงานให้กับบริษัทเอกชนแล้ว
    เช่น Brookfield Asset Management ถือหุ้นบางส่วน

    TSMC เป็นบริษัท foundry แบบ pure-play
    ไม่ได้มีธุรกิจ consumer product แบบ Intel

    การควบรวมอาจไม่เกิด synergy ที่แท้จริง
    เพราะโมเดลธุรกิจของทั้งสองบริษัทต่างกัน

    https://www.notebookcheck.net/Desperate-measures-to-save-Intel-US-reportedly-forcing-TSMC-to-buy-49-stake-in-Intel-to-secure-tariff-relief-for-Taiwan.1079424.0.html
    🇺🇸💻 เรื่องเล่าจากเวทีการค้าระดับโลก: เมื่อสหรัฐฯ เสนอเงื่อนไขสุดโหดให้ TSMC เพื่อช่วย Intel และลดภาษีให้ไต้หวัน ในช่วงที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศยังคุกรุ่น รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือหลักในการลดการขาดดุลการค้า โดยเฉพาะกับไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บภาษีสูงถึง 20% ขณะที่ประเทศอื่นอย่างญี่ปุ่นจ่ายเพียง 15% เพื่อแลกกับการลดภาษีเหล่านี้ สหรัฐฯ ได้เสนอเงื่อนไขที่หนักหน่วงให้กับไต้หวันผ่านบริษัท TSMC ได้แก่: 1️⃣ให้ TSMC ซื้อหุ้น 49% ของ Intel 2️⃣ ให้ TSMC ลงทุนเพิ่มอีก $400 พันล้านในสหรัฐฯ แม้ TSMC จะลงทุนในสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า $165 พันล้าน ทั้งในโรงงานผลิตชิปที่ Arizona และศูนย์วิจัย แต่เงื่อนไขใหม่นี้ถือว่าเกินขีดความสามารถทางการเงินและยุทธศาสตร์ของบริษัท เบื้องหลังของข้อเสนอนี้คือความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะช่วย Intel ซึ่งกำลังตกต่ำอย่างหนัก รายได้ลดลงจาก $79 พันล้านในปี 2021 เหลือเพียง $53 พันล้านในปี 2024 และโรงงานใหม่ในรัฐโอไฮโอก็ถูกเลื่อนเปิดจากปี 2025 ไปเป็น 2030 ✅ สหรัฐฯ เสนอให้ TSMC ซื้อหุ้น 49% ของ Intel ➡️ เป็นเงื่อนไขในการลดภาษีศุลกากรสำหรับไต้หวัน ✅ TSMC ต้องลงทุนเพิ่มอีก $400 พันล้านในสหรัฐฯ ➡️ นอกเหนือจากการลงทุนเดิม $165 พันล้าน ✅ Intel กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ➡️ รายได้ลดลง 33% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ✅ โรงงานใหม่ของ Intel ในโอไฮโอถูกเลื่อนเปิดเป็นปี 2030 ➡️ สะท้อนปัญหาการจัดการเงินทุนและการสนับสนุนจากภาครัฐ ✅ TSMC มีโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ อยู่แล้ว ➡️ รวมถึงโรงงานที่เริ่มผลิตในปี 2024 และอีกสองแห่งที่กำลังก่อสร้าง ✅ การถือหุ้น 49% ไม่ได้ให้สิทธิ์ควบคุมกิจการ ➡️ TSMC จะไม่มีอำนาจในการบริหาร Intel โดยตรง ✅ Intel มีการขายหุ้นโรงงานให้กับบริษัทเอกชนแล้ว ➡️ เช่น Brookfield Asset Management ถือหุ้นบางส่วน ✅ TSMC เป็นบริษัท foundry แบบ pure-play ➡️ ไม่ได้มีธุรกิจ consumer product แบบ Intel ✅ การควบรวมอาจไม่เกิด synergy ที่แท้จริง ➡️ เพราะโมเดลธุรกิจของทั้งสองบริษัทต่างกัน https://www.notebookcheck.net/Desperate-measures-to-save-Intel-US-reportedly-forcing-TSMC-to-buy-49-stake-in-Intel-to-secure-tariff-relief-for-Taiwan.1079424.0.html
    WWW.NOTEBOOKCHECK.NET
    Desperate measures to save Intel: US reportedly forcing TSMC to buy 49% stake in Intel to secure tariff relief for Taiwan
    A new report out of Taiwan has revealed that the current US administration is tying the reduction on trade of trade tariffs on Taiwan to significant TSMC investment in the US. This investment includes a 49% stake in Intel.
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • หลังจากเงียบหายไปนานกว่า 30 ปี Commodore กลับมาอีกครั้งภายใต้การบริหารใหม่โดยกลุ่มผู้หลงใหลในเทคโนโลยีย้อนยุค นำโดย Christian ‘Peri Fractic’ Simpson ผู้ก่อตั้งช่อง Retro Recipes ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ชั่วคราวของบริษัท

    Commodore 64 Ultimate เป็นคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ไม่ใช่การจำลองด้วยซอฟต์แวร์ แต่ใช้ชิป AMD Artix-7 FPGA เพื่อสร้างเมนบอร์ดแบบดั้งเดิมขึ้นมาใหม่ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับเกม ตลับ และอุปกรณ์เสริมกว่า 10,000 รายการจากยุค 80s/90s ได้จริง

    มีให้เลือก 3 รุ่น:
    - BASIC Beige ($299): รุ่นพื้นฐาน ไม่มีไฟตกแต่ง
    - Starlight Edition ($349): เคสโปร่งแสง พร้อมคีย์บอร์ดเรืองแสงแบบโต้ตอบเสียง
    - Founders Edition ($499): เคสโปร่งแสงสีอำพัน พร้อมของสะสมทองคำ 24k และหมายเลขซีเรียลพิเศษ

    สเปกเด่น:
    - RAM 128MB DDR2, Flash 16MB
    - รองรับไฟล์ .D64, .TAP, .PRG ฯลฯ
    - วิดีโอ HDMI 1080p, S-Video, RGB
    - เสียง SID แท้ + FPGA emulation
    - พอร์ตครบ: USB-A, USB-C, MicroSD, Ethernet, Wi-Fi, Cartridge, Joystick ฯลฯ
    - คีย์บอร์ดกลไก Gateron Pro 3.0 พร้อมไฟ RGB 70 จุด

    แถมฟรี:
    - คู่มือแบบเข้าใจง่าย
    - USB Cassette Drive 64GB พร้อมเกมคลาสสิกกว่า 50 เกม
    - สติกเกอร์และของสะสม

    แม้จะเปิดให้พรีออเดอร์แล้ว แต่การจัดส่งจะเริ่มเร็วที่สุดในเดือนตุลาคม และยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการซื้อกิจการ Commodore ที่ยังไม่ปิดดีลอย่างสมบูรณ์

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/the-commodore-64-ultimate-computer-is-the-companys-first-hardware-release-in-over-30-years-pre-orders-start-at-usd299
    หลังจากเงียบหายไปนานกว่า 30 ปี Commodore กลับมาอีกครั้งภายใต้การบริหารใหม่โดยกลุ่มผู้หลงใหลในเทคโนโลยีย้อนยุค นำโดย Christian ‘Peri Fractic’ Simpson ผู้ก่อตั้งช่อง Retro Recipes ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ชั่วคราวของบริษัท Commodore 64 Ultimate เป็นคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ไม่ใช่การจำลองด้วยซอฟต์แวร์ แต่ใช้ชิป AMD Artix-7 FPGA เพื่อสร้างเมนบอร์ดแบบดั้งเดิมขึ้นมาใหม่ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับเกม ตลับ และอุปกรณ์เสริมกว่า 10,000 รายการจากยุค 80s/90s ได้จริง มีให้เลือก 3 รุ่น: - BASIC Beige ($299): รุ่นพื้นฐาน ไม่มีไฟตกแต่ง - Starlight Edition ($349): เคสโปร่งแสง พร้อมคีย์บอร์ดเรืองแสงแบบโต้ตอบเสียง - Founders Edition ($499): เคสโปร่งแสงสีอำพัน พร้อมของสะสมทองคำ 24k และหมายเลขซีเรียลพิเศษ สเปกเด่น: - RAM 128MB DDR2, Flash 16MB - รองรับไฟล์ .D64, .TAP, .PRG ฯลฯ - วิดีโอ HDMI 1080p, S-Video, RGB - เสียง SID แท้ + FPGA emulation - พอร์ตครบ: USB-A, USB-C, MicroSD, Ethernet, Wi-Fi, Cartridge, Joystick ฯลฯ - คีย์บอร์ดกลไก Gateron Pro 3.0 พร้อมไฟ RGB 70 จุด แถมฟรี: - คู่มือแบบเข้าใจง่าย - USB Cassette Drive 64GB พร้อมเกมคลาสสิกกว่า 50 เกม - สติกเกอร์และของสะสม แม้จะเปิดให้พรีออเดอร์แล้ว แต่การจัดส่งจะเริ่มเร็วที่สุดในเดือนตุลาคม และยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการซื้อกิจการ Commodore ที่ยังไม่ปิดดีลอย่างสมบูรณ์ https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/the-commodore-64-ultimate-computer-is-the-companys-first-hardware-release-in-over-30-years-pre-orders-start-at-usd299
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The Commodore 64 Ultimate computer is the company's first hardware release in over 30 years — pre-orders start at $299
    No software emulation, this 'faithful recreation of the original motherboard' runs on an AMD Artix 7 FPGA.
    0 Comments 0 Shares 371 Views 0 Reviews
  • ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค

    เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค

    หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

    ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ

    นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ

    ข้อมูลจากข่าว
    - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด
    - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน
    - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต
    - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
    - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต
    - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง
    - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา
    - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด
    - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European securities regulator warns about crypto firms misleading customers
    PARIS (Reuters) -Europe's securities regulator warned crypto companies on Friday not to mislead customers about the extent to which their products are regulated - the latest sign of European authorities trying to limit crypto-related risks.
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 Comments 0 Shares 484 Views 0 Reviews
  • “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน

    แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ:
    - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส)
    - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE
    - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก

    ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น

    CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก  
    • เช่น CVE-2024-12345  
    • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน

    เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา
    • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป”

    ปัญหาที่ CVE เจอ:  
    • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก  
    • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE  
    • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID

    ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024  
    • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE

    ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025  
    • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง  
    • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU  
    • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค

    ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:  
    • GitHub Advisory Database  
    • Flashpoint, VulnCheck, BitSight  
    • HackerOne / Bugcrowd  
    • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT  
    • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities)

    แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว  
    • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch

    https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ: - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส) - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น ✅ CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก   • เช่น CVE-2024-12345   • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน ✅ เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป” ✅ ปัญหาที่ CVE เจอ:   • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก   • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE   • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID ✅ ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024   • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE ✅ ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025   • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง   • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU   • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค ✅ ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:   • GitHub Advisory Database   • Flashpoint, VulnCheck, BitSight   • HackerOne / Bugcrowd   • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT   • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities) ✅ แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว   • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Beyond CVE: The hunt for other sources of vulnerability intel
    Were the CVE program to be discontinued, security teams would have a hard time finding one resource that would function with the same impact across the board. Here are current issues of relying on CVE and some existing options to look into.
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM

    แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control

    Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง

    สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง

    ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ  
    • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร

    ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต  
    • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS

    Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน  
    • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง

    Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor  
    • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ

    การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model  
    • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์

    องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance  
    • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input

    ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:  
    • สแกน model file แบบเฉพาะทาง  
    • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)  
    • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source

    ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:  
    • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน

    https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง ✅ ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ   • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร ✅ ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต   • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS ✅ Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน   • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง ✅ Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor   • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ ✅ การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model   • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์ ✅ องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance   • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input ✅ ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:   • สแกน model file แบบเฉพาะทาง   • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)   • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source ✅ ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:   • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    LLMs hype versus reality: What CISOs should focus on
    In an overly reactive market to the risks posed by large language models (LLMs), CISO’s need not panic. Here are four common-sense security fundamentals to support AI-enabled business operations across the enterprise.
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • ตอนแรกหลายองค์กรคิดว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว” น่าจะพอเอาอยู่กับ AI — เพราะก็มี patch, มี asset inventory, มี firewall อยู่แล้ว แต่วันนี้กลายเป็นว่า... AI คือสัตว์คนละสายพันธุ์เลยครับ

    เพราะ AI ขยายพื้นที่โจมตีออกไปถึง API, third-party, supply chain และยังมีความเสี่ยงใหม่แบบเฉพาะตัว เช่น model poisoning, prompt injection, data inference ซึ่งไม่เคยต้องรับมือในโลก legacy มาก่อน

    และแม้ว่าองค์กรจะลงทุนกับ AI อย่างหนัก แต่เกือบครึ่ง (46%) ของโครงการ AI ถูกหยุดกลางคันหรือไม่เคยได้ไปถึง production ด้วยซ้ำ — ส่วนใหญ่เกิดจากความล้มเหลวในด้าน governance, ความเสี่ยง, ข้อมูลไม่สะอาด และขาดทีมที่เข้าใจ AI จริง ๆ

    ข่าวนี้จึงเสนอบทบาทใหม่ 5 แบบที่ CISO ต้องกลายร่างเป็น: “นักกฎหมาย, นักวิเคราะห์, ครู, นักวิจัย และนักสร้างพันธมิตร”

    5 ขั้นตอนสำคัญที่ CISO ต้องทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของ AI:
    1. เริ่มทุกอย่างด้วยโมเดล AI Governance ที่แข็งแรงและครอบคลุม  
    • ต้องมี alignment ระหว่างทีมธุรกิจ–เทคโนโลยีว่า AI จะใช้ทำอะไร และใช้อย่างไร  
    • สร้าง framework ที่รวม ethics, compliance, transparency และ success metrics  
    • ใช้แนวทางจาก NIST AI RMF, ISO/IEC 42001:2023, UNESCO AI Ethics, RISE และ CARE

    2. พัฒนา “มุมมองความเสี่ยงของ AI” ที่ต่อเนื่องและลึกกว่าระบบปกติ  
    • สร้าง AI asset inventory, risk register, และ software bill of materials  
    • ติดตามภัยคุกคามเฉพาะ AI เช่น data leakage, model drift, prompt injection  
    • ใช้ MITRE ATLAS และตรวจสอบ vendor + third-party supply chain อย่างใกล้ชิด

    3. ขยายนิยาม “data integrity” ให้ครอบคลุมถึงโมเดล AI ด้วย  
    • ไม่ใช่แค่ข้อมูลไม่โดนแก้ไข แต่รวมถึง bias, fairness และ veracity  
    • เช่นเคยมีกรณี Amazon และ UK ใช้ AI ที่กลายเป็นอคติทางเพศและสีผิว

    4. ยกระดับ “AI literacy” ให้ทั้งองค์กรเข้าใจและใช้งานอย่างปลอดภัย  
    • เริ่มจากทีม Security → Dev → ฝ่ายธุรกิจ  
    • สอน OWASP Top 10 for LLMs, Google’s SAIF, CSA Secure AI  
    • End user ต้องรู้เรื่อง misuse, data leak และ deepfake ด้วย

    5. มอง AI Security แบบ “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “อัตโนมัติเต็มขั้น”  
    • ใช้ AI ช่วย triage alert, คัด log, วิเคราะห์ risk score แต่ยังต้องมีคนคุม  
    • พิจารณาผู้ให้บริการ AI Security อย่างรอบคอบ เพราะหลายเจ้าแค่ “แปะป้าย AI” แต่ยังไม่ mature

    https://www.csoonline.com/article/4011384/the-cisos-5-step-guide-to-securing-ai-operations.html
    ตอนแรกหลายองค์กรคิดว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว” น่าจะพอเอาอยู่กับ AI — เพราะก็มี patch, มี asset inventory, มี firewall อยู่แล้ว แต่วันนี้กลายเป็นว่า... AI คือสัตว์คนละสายพันธุ์เลยครับ เพราะ AI ขยายพื้นที่โจมตีออกไปถึง API, third-party, supply chain และยังมีความเสี่ยงใหม่แบบเฉพาะตัว เช่น model poisoning, prompt injection, data inference ซึ่งไม่เคยต้องรับมือในโลก legacy มาก่อน และแม้ว่าองค์กรจะลงทุนกับ AI อย่างหนัก แต่เกือบครึ่ง (46%) ของโครงการ AI ถูกหยุดกลางคันหรือไม่เคยได้ไปถึง production ด้วยซ้ำ — ส่วนใหญ่เกิดจากความล้มเหลวในด้าน governance, ความเสี่ยง, ข้อมูลไม่สะอาด และขาดทีมที่เข้าใจ AI จริง ๆ ข่าวนี้จึงเสนอบทบาทใหม่ 5 แบบที่ CISO ต้องกลายร่างเป็น: “นักกฎหมาย, นักวิเคราะห์, ครู, นักวิจัย และนักสร้างพันธมิตร” ✅ 5 ขั้นตอนสำคัญที่ CISO ต้องทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของ AI: ✅ 1. เริ่มทุกอย่างด้วยโมเดล AI Governance ที่แข็งแรงและครอบคลุม   • ต้องมี alignment ระหว่างทีมธุรกิจ–เทคโนโลยีว่า AI จะใช้ทำอะไร และใช้อย่างไร   • สร้าง framework ที่รวม ethics, compliance, transparency และ success metrics   • ใช้แนวทางจาก NIST AI RMF, ISO/IEC 42001:2023, UNESCO AI Ethics, RISE และ CARE ✅ 2. พัฒนา “มุมมองความเสี่ยงของ AI” ที่ต่อเนื่องและลึกกว่าระบบปกติ   • สร้าง AI asset inventory, risk register, และ software bill of materials   • ติดตามภัยคุกคามเฉพาะ AI เช่น data leakage, model drift, prompt injection   • ใช้ MITRE ATLAS และตรวจสอบ vendor + third-party supply chain อย่างใกล้ชิด ✅ 3. ขยายนิยาม “data integrity” ให้ครอบคลุมถึงโมเดล AI ด้วย   • ไม่ใช่แค่ข้อมูลไม่โดนแก้ไข แต่รวมถึง bias, fairness และ veracity   • เช่นเคยมีกรณี Amazon และ UK ใช้ AI ที่กลายเป็นอคติทางเพศและสีผิว ✅ 4. ยกระดับ “AI literacy” ให้ทั้งองค์กรเข้าใจและใช้งานอย่างปลอดภัย   • เริ่มจากทีม Security → Dev → ฝ่ายธุรกิจ   • สอน OWASP Top 10 for LLMs, Google’s SAIF, CSA Secure AI   • End user ต้องรู้เรื่อง misuse, data leak และ deepfake ด้วย ✅ 5. มอง AI Security แบบ “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “อัตโนมัติเต็มขั้น”   • ใช้ AI ช่วย triage alert, คัด log, วิเคราะห์ risk score แต่ยังต้องมีคนคุม   • พิจารณาผู้ให้บริการ AI Security อย่างรอบคอบ เพราะหลายเจ้าแค่ “แปะป้าย AI” แต่ยังไม่ mature https://www.csoonline.com/article/4011384/the-cisos-5-step-guide-to-securing-ai-operations.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The CISO’s 5-step guide to securing AI operations
    Security leaders must become AI cheerleaders, risk experts, data stewards, teachers, and researchers. Here’s how to lead your organization toward more secure and effective AI use.
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • Primetime Exposes How Pfizer Bullies and Blackmails Countries for Shots

    We present before you the 6 key points on the Pfizer contracts that were revealed.

    1.” Pfizer Reserves the Right to Silence Governments – Pfizer is silencing the governments through its contracts. It has forced countries not to talk about the deals they strike for shots.

    2. Pfizer Controls Distribution of Shots – Pfizer controls the donations of the shots, not the country that buys them. Pfizer will decide where the shots go.

    3. Pfizer Secured an “IP Waiver” for Itself – If Pfizer is accused of intellectual property theft, governments will pay not the company.

    4. Private Arbitrators, not Public Courts, Decide Disputes in Secret – If there are disputes, private arbitrators and not public courts will decide on them

    5. Pfizer Can Go After State Assets – Pfizer can go after state assets to secure its compensation.

    6. Pfizer Calls the Shots on Key Decisions – Pfizer decides delivery timeline and more.”
    Primetime Exposes How Pfizer Bullies and Blackmails Countries for Shots We present before you the 6 key points on the Pfizer contracts that were revealed. 1.” Pfizer Reserves the Right to Silence Governments – Pfizer is silencing the governments through its contracts. It has forced countries not to talk about the deals they strike for shots. 2. Pfizer Controls Distribution of Shots – Pfizer controls the donations of the shots, not the country that buys them. Pfizer will decide where the shots go. 3. Pfizer Secured an “IP Waiver” for Itself – If Pfizer is accused of intellectual property theft, governments will pay not the company. 4. Private Arbitrators, not Public Courts, Decide Disputes in Secret – If there are disputes, private arbitrators and not public courts will decide on them 5. Pfizer Can Go After State Assets – Pfizer can go after state assets to secure its compensation. 6. Pfizer Calls the Shots on Key Decisions – Pfizer decides delivery timeline and more.”
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 0 Reviews
  • รัฐสภาอิสราเอล (Knesset) เพิ่งลงมติกฎหมายใหม่ห้ามถ่ายภาพขีปนาวุธ

    -ห้ามถ่ายภาพการสกัดกั้นและการตก
    -ห้ามอัปโหลดรูปถ่ายและวิดีโอลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก
    -ห้ามสื่อต่างประเทศที่ต่อต้านรัฐบาลถ่ายทำทั่วประเทศในช่วงสงคราม
    -ห้ามถ่ายภาพสถานที่ที่มีความอ่อนไหวและมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ภายในอาณาเขตประเทศ
    -การลงโทษไม่ได้ปรับเป็นเงิน แต่กำหนดโทษจำคุกระหว่าง 20 ถึง 30 เดือน
    รัฐสภาอิสราเอล (Knesset) เพิ่งลงมติกฎหมายใหม่ห้ามถ่ายภาพขีปนาวุธ -ห้ามถ่ายภาพการสกัดกั้นและการตก -ห้ามอัปโหลดรูปถ่ายและวิดีโอลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก -ห้ามสื่อต่างประเทศที่ต่อต้านรัฐบาลถ่ายทำทั่วประเทศในช่วงสงคราม -ห้ามถ่ายภาพสถานที่ที่มีความอ่อนไหวและมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ภายในอาณาเขตประเทศ -การลงโทษไม่ได้ปรับเป็นเงิน แต่กำหนดโทษจำคุกระหว่าง 20 ถึง 30 เดือน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • กองทุนคริปโตทำสถิติสูงสุด นักลงทุนใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง
    สินทรัพย์ที่ถือครองโดย กองทุนคริปโต ทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมี เงินไหลเข้าสุทธิ 7.05 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ทำให้ มูลค่ารวมของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 167 พันล้านดอลลาร์

    เหตุผลที่นักลงทุนหันมาใช้คริปโต
    การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า ช่วยเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง และนักลงทุนบางส่วน ใช้คริปโตเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด รวมถึง กระจายพอร์ตการลงทุนออกจากสินทรัพย์ในสหรัฐฯ

    ข้อมูลจากข่าว
    - กองทุนคริปโตมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.05 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม
    - มูลค่ารวมของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 167 พันล้านดอลลาร์
    - Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 15% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
    - Bitcoin มีผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI World (+3.6%) และทองคำ (+13.3%)
    - การอนุมัติ ETF ของ Bitcoin และ Ether ในสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มการลงทุนจากสถาบัน

    การเปลี่ยนแปลงในพอร์ตการลงทุน
    ในขณะที่กองทุนคริปโตมีเงินไหลเข้า กองทุนหุ้นทั่วโลกมีเงินไหลออกสุทธิ 5.9 พันล้านดอลลาร์ และ กองทุนทองคำมีเงินไหลออกครั้งแรกในรอบ 15 เดือน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Bitcoin จะมีผลตอบแทนสูง แต่ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง
    - การลดลงของเงินไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นและทองคำ อาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาด
    - ต้องติดตามว่าการลงทุนในคริปโตจะยังคงแข็งแกร่งหรือไม่ หลังจากกระแส ETF เริ่มนิ่ง
    - นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงของคริปโตในระยะยาว แม้ว่าจะมีการใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/crypto-funds039-assets-hit-record-high-as-investors-hedge-and-diversify
    📈 กองทุนคริปโตทำสถิติสูงสุด นักลงทุนใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง สินทรัพย์ที่ถือครองโดย กองทุนคริปโต ทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมี เงินไหลเข้าสุทธิ 7.05 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ทำให้ มูลค่ารวมของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 167 พันล้านดอลลาร์ 🔍 เหตุผลที่นักลงทุนหันมาใช้คริปโต การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า ช่วยเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง และนักลงทุนบางส่วน ใช้คริปโตเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด รวมถึง กระจายพอร์ตการลงทุนออกจากสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลจากข่าว - กองทุนคริปโตมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.05 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม - มูลค่ารวมของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 167 พันล้านดอลลาร์ - Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 15% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา - Bitcoin มีผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI World (+3.6%) และทองคำ (+13.3%) - การอนุมัติ ETF ของ Bitcoin และ Ether ในสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มการลงทุนจากสถาบัน 🔥 การเปลี่ยนแปลงในพอร์ตการลงทุน ในขณะที่กองทุนคริปโตมีเงินไหลเข้า กองทุนหุ้นทั่วโลกมีเงินไหลออกสุทธิ 5.9 พันล้านดอลลาร์ และ กองทุนทองคำมีเงินไหลออกครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Bitcoin จะมีผลตอบแทนสูง แต่ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง - การลดลงของเงินไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นและทองคำ อาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาด - ต้องติดตามว่าการลงทุนในคริปโตจะยังคงแข็งแกร่งหรือไม่ หลังจากกระแส ETF เริ่มนิ่ง - นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงของคริปโตในระยะยาว แม้ว่าจะมีการใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/crypto-funds039-assets-hit-record-high-as-investors-hedge-and-diversify
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto funds' assets hit record high as investors hedge and diversify
    (Reuters) -Assets held in crypto funds hit a record high in May as easing trade tensions lifted risk appetite and some investors used the digital currencies to hedge against market volatility and diversify from their U.S. holdings.
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลหุ้นไทย คัดกรองสำหรับเทรด ลงทุน
    อัพเดตเป็นประจำ ดูต่อได้ที่…

    #หุ้นไทย
    #SET
    #sSET
    ข้อมูลหุ้นไทย คัดกรองสำหรับเทรด ลงทุน อัพเดตเป็นประจำ ดูต่อได้ที่… #หุ้นไทย #SET #sSET
    3 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า,
    ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย.
    ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก.

    .
    รัฐบาลใหญ่
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!


    โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!

    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา

    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง!


    สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด
    โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้
    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ


    สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร
    เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ
    คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว



    พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส
    คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?!
    หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย
    เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ
    ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”]



    แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น
    ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย!
    ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ
    คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น
    ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์
    พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด


    เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง
    ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ
    บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง
    หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น)
    นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต


    CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย
    ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
    และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ
    รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ


    ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ
    อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง:
    “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...”
    นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล


    คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส
    นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้●
    คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้
    ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ?
    ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว!

    ..
    ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า, ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย. ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก. . รัฐบาลใหญ่ เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849 เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง! สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้ สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?! หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”] แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย! ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์ พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น) นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง: “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...” นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้● คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้ ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ? ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว! ..
    0 Comments 0 Shares 872 Views 0 Reviews
  • Bungie ถูกจับได้ว่าใช้ภาพศิลปะที่ถูกขโมยในเกม Marathon และให้คำมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

    Bungie กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาว่า ใช้ภาพศิลปะที่ถูกขโมยในเกม Marathon ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา โดยศิลปินอิสระที่ชื่อ Antireal พบว่า ภาพบางส่วนในเกมมีความคล้ายคลึงกับผลงานของเธอที่สร้างขึ้นในปี 2017

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของ Bungie และ Marathon
    Antireal พบว่าภาพศิลปะของเธอถูกใช้ใน Marathon โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - เธอระบุว่า Bungie นำภาพของเธอไปใช้โดยไม่มีเครดิตหรือค่าตอบแทน

    Bungie อ้างว่าภาพที่ถูกใช้มาจากอดีตพนักงานที่ไม่ได้รับอนุญาต
    - ทีมพัฒนา ไม่ทราบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้น

    Bungie ให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบและแก้ไขปัญหานี้
    - บริษัท ติดต่อ Antireal เพื่อชดเชยและแก้ไขข้อผิดพลาด

    Bungie จะเพิ่มมาตรการตรวจสอบภาพศิลปะในเกมให้เข้มงวดขึ้น
    - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต

    Marathon เป็นเกมยิงแบบ Extraction Shooter ที่จะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2025
    - เกมนี้ เป็นการรีบูตจากเกม Marathon ดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1994

    https://www.techspot.com/news/107951-bungie-caught-using-stolen-art-assets-marathon-promises.html
    Bungie ถูกจับได้ว่าใช้ภาพศิลปะที่ถูกขโมยในเกม Marathon และให้คำมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก Bungie กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาว่า ใช้ภาพศิลปะที่ถูกขโมยในเกม Marathon ซึ่งเป็นเกมยิงแบบมัลติเพลเยอร์ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา โดยศิลปินอิสระที่ชื่อ Antireal พบว่า ภาพบางส่วนในเกมมีความคล้ายคลึงกับผลงานของเธอที่สร้างขึ้นในปี 2017 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของ Bungie และ Marathon ✅ Antireal พบว่าภาพศิลปะของเธอถูกใช้ใน Marathon โดยไม่ได้รับอนุญาต - เธอระบุว่า Bungie นำภาพของเธอไปใช้โดยไม่มีเครดิตหรือค่าตอบแทน ✅ Bungie อ้างว่าภาพที่ถูกใช้มาจากอดีตพนักงานที่ไม่ได้รับอนุญาต - ทีมพัฒนา ไม่ทราบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้น ✅ Bungie ให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบและแก้ไขปัญหานี้ - บริษัท ติดต่อ Antireal เพื่อชดเชยและแก้ไขข้อผิดพลาด ✅ Bungie จะเพิ่มมาตรการตรวจสอบภาพศิลปะในเกมให้เข้มงวดขึ้น - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต ✅ Marathon เป็นเกมยิงแบบ Extraction Shooter ที่จะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2025 - เกมนี้ เป็นการรีบูตจากเกม Marathon ดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1994 https://www.techspot.com/news/107951-bungie-caught-using-stolen-art-assets-marathon-promises.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bungie caught using stolen art assets in Marathon, promises it will not happen again
    Bungie is under fire for allegedly using stolen art assets in its extraction shooter Marathon. Independent artist Antireal caught the Washington-based studio "recycling" some of her designs,...
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • VPN Secure ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพหลังถูกซื้อกิจการ

    ผู้ใช้บริการ VPNSecure ที่เคยซื้อแพ็กเกจ "Lifetime Subscription" ต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อบริษัทถูกซื้อกิจการโดย InfiniteQuant Ltd และผู้บริหารใหม่ ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาไม่ทราบว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่

    VPNSecure ถูกซื้อกิจการในปี 2023 โดย InfiniteQuant Ltd
    - การซื้อขายนี้เป็น "asset only deal" ซึ่งหมายถึง ซื้อเฉพาะเทคโนโลยี, โดเมน และฐานข้อมูลลูกค้า แต่ไม่รวมภาระผูกพันทางการเงิน

    ผู้บริหารใหม่อ้างว่าไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจ Lifetime Subscription
    - พบข้อมูลนี้ หลังจากดำเนินกิจการไปหลายเดือน

    บัญชีที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 6 เดือนถูกปิดโดยอัตโนมัติ
    - ส่งผลให้เกิด กระแสวิพากษ์วิจารณ์และรีวิวเชิงลบจำนวนมาก

    VPNSecure เสนอทางเลือกให้ลูกค้าเดิมสมัครสมาชิกใหม่ในราคาส่วนลด
    - $1.87 ต่อเดือน (ปกติ $9.95)
    - $19 ต่อปี (ปกติ $79.92)
    - $55 สำหรับ 3 ปี (ปกติ $107.64)

    ลูกค้าต้องสมัครใหม่ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2025 มิฉะนั้นจะต้องจ่ายราคาเต็ม

    https://www.techspot.com/news/107896-vpn-service-cancels-lifetime-subscriptions-after-takeover-new.html
    VPN Secure ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพหลังถูกซื้อกิจการ ผู้ใช้บริการ VPNSecure ที่เคยซื้อแพ็กเกจ "Lifetime Subscription" ต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อบริษัทถูกซื้อกิจการโดย InfiniteQuant Ltd และผู้บริหารใหม่ ยกเลิกการสมัครสมาชิกตลอดชีพทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาไม่ทราบว่ามีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ ✅ VPNSecure ถูกซื้อกิจการในปี 2023 โดย InfiniteQuant Ltd - การซื้อขายนี้เป็น "asset only deal" ซึ่งหมายถึง ซื้อเฉพาะเทคโนโลยี, โดเมน และฐานข้อมูลลูกค้า แต่ไม่รวมภาระผูกพันทางการเงิน ✅ ผู้บริหารใหม่อ้างว่าไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจ Lifetime Subscription - พบข้อมูลนี้ หลังจากดำเนินกิจการไปหลายเดือน ✅ บัญชีที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 6 เดือนถูกปิดโดยอัตโนมัติ - ส่งผลให้เกิด กระแสวิพากษ์วิจารณ์และรีวิวเชิงลบจำนวนมาก ✅ VPNSecure เสนอทางเลือกให้ลูกค้าเดิมสมัครสมาชิกใหม่ในราคาส่วนลด - $1.87 ต่อเดือน (ปกติ $9.95) - $19 ต่อปี (ปกติ $79.92) - $55 สำหรับ 3 ปี (ปกติ $107.64) ✅ ลูกค้าต้องสมัครใหม่ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2025 มิฉะนั้นจะต้องจ่ายราคาเต็ม https://www.techspot.com/news/107896-vpn-service-cancels-lifetime-subscriptions-after-takeover-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    VPN service cancels customers' lifetime subscriptions after takeover, says new owners didn't know they existed
    In an email posted on Reddit from "The VPN Secure Team" sent to lifetime subscription holders, it's explained that VPNSecure was acquired in 2023. The deal included...
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

    ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม

    Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์
    - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน
    - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS

    Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย
    - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์
    - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง
    - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

    ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง
    - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่
    - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner
    - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน

    Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์
    - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
    - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB
    - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์

    Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด
    - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์
    - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์
    - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก

    มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้

    ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

    https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์ - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์ - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่ - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์ - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์ ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์ - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์ - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Network Security Software for Protecting Your Digital Assets (2025)
    In 2025, cyber threats have grown more advanced than ever, with AI-driven malware, phishing-as-a-service kits, and zero-day exploits targeting everyone from
    0 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
  • Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

    Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
    - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง

    Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026
    - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030

    การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ
    - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง

    Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้
    - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026 - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030 ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้ - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore's Keppel gets $1.5 billion in capital commitments for its funds
    SINGAPORE (Reuters) - Keppel, a Singapore-based manager and operator of assets such as data centres, said on Monday that it has secured close to S$2.0 billion ($1.53 billion) of capital commitments from global institutional investors for its flagship funds.
    0 Comments 0 Shares 457 Views 0 Reviews
More Results