• บทความ: เส้นโลหิตหัวใจตีบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนวทางป้องกันที่คุณทำได้

    💔 เส้นโลหิตหัวใจตีบคืออะไร และทำไมถึงอันตราย?
    เส้นโลหิตหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและพลัค (plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง จนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บหน้าอก (Angina) หายใจไม่อิ่ม และในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

    🍎 แนวทางป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจตีบที่คุณทำได้
    1. ปรับอาหารการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และของหวาน เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่างๆ
    2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
    3. เลิกบุหรี่: บุหรี่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและตีบตัน
    4. ควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต: รักษาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
    5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อประเมินระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต

    🌟 อาหารเสริมคอเลสเตอรอลบาลานซ์จาก USA: ตัวช่วยที่คุณควรรู้
    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมเฉพาะ เช่น Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, หรือ Red Yeast Rice อาจช่วยลดระดับ LDL คอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานผ่านกลไกการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

    ผลิตภัณฑ์คอเลสเตอรอลบาลานซ์ Made in USA ผ่านการรับรองมาตรฐาน และมีงานวิจัยรองรับว่าเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างมีนัยสำคัญ

    📢 :
    “สุขภาพดีเริ่มต้นที่เรา 💪 ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 🫀✨ #เส้นโลหิตหัวใจตีบ #ป้องกันได้ #หมอสาวเล่าเรื่อง #HealthyLiving #CholesterolBalanceMadeInUSA”

    #หัวใจแข็งแรง #โรคหัวใจรู้ทันป้องกันได้ #สุขภาพดีที่สร้างได้ #คอเลสเตอรอลบาลานซ์

    การดูแลหัวใจ เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้!

    Article: Coronary Artery Disease – The Hidden Danger and How to Prevent It

    💔 What is Coronary Artery Disease, and Why is it Dangerous?
    Coronary Artery Disease (CAD) occurs when fatty deposits and plaque build up in the walls of the coronary arteries, narrowing them and reducing blood flow to the heart. This condition can lead to chest pain (angina), shortness of breath, and in severe cases, heart attacks. If left untreated, it can be life-threatening and significantly impact your quality of life.

    🍎 How to Prevent Coronary Artery Disease
    1. Adopt a Heart-Healthy Diet: Avoid foods high in saturated fats, such as fried foods, processed meats, and sugary treats. Instead, focus on vegetables, fruits, whole grains, and plant-based proteins like legumes and nuts.
    2. Exercise Regularly: Aim for at least 150 minutes of moderate-intensity exercise per week, such as brisk walking, swimming, or cycling.
    3. Quit Smoking: Smoking damages blood vessels and accelerates plaque buildup, increasing the risk of heart disease.
    4. Manage Weight and Blood Pressure: Maintain a healthy BMI and reduce salt intake to control blood pressure.
    5. Get Regular Health Checkups: Monitor your cholesterol levels, blood sugar, and blood pressure to catch potential issues early.

    🌟 Cholesterol Balance Supplements from the USA: Your Extra Defense
    High-quality cholesterol balance supplements made in the USA, containing ingredients like Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, or Red Yeast Rice, can effectively lower LDL cholesterol levels. These supplements work by reducing cholesterol absorption in the intestines and promoting fat metabolism in the body.

    Backed by scientific research, these supplements are an excellent complement to a healthy diet and lifestyle, helping to reduce the risk of coronary artery disease significantly.

    📢 :
    “A healthy heart starts with you 💪 Lower your cholesterol and protect your heart before it’s too late 🫀✨ #CoronaryArteryDisease #PreventionIsKey #DoctorTales #HealthyLiving #CholesterolBalanceUSA”

    #HeartHealthMatters #PreventHeartDisease #WellnessJourney #CholesterolBalance

    Start taking care of your heart today!
    บทความ: เส้นโลหิตหัวใจตีบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนวทางป้องกันที่คุณทำได้ 💔 เส้นโลหิตหัวใจตีบคืออะไร และทำไมถึงอันตราย? เส้นโลหิตหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและพลัค (plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง จนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บหน้าอก (Angina) หายใจไม่อิ่ม และในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที 🍎 แนวทางป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจตีบที่คุณทำได้ 1. ปรับอาหารการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และของหวาน เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่างๆ 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน 3. เลิกบุหรี่: บุหรี่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและตีบตัน 4. ควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต: รักษาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อประเมินระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต 🌟 อาหารเสริมคอเลสเตอรอลบาลานซ์จาก USA: ตัวช่วยที่คุณควรรู้ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมเฉพาะ เช่น Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, หรือ Red Yeast Rice อาจช่วยลดระดับ LDL คอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานผ่านกลไกการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ผลิตภัณฑ์คอเลสเตอรอลบาลานซ์ Made in USA ผ่านการรับรองมาตรฐาน และมีงานวิจัยรองรับว่าเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างมีนัยสำคัญ 📢 : “สุขภาพดีเริ่มต้นที่เรา 💪 ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 🫀✨ #เส้นโลหิตหัวใจตีบ #ป้องกันได้ #หมอสาวเล่าเรื่อง #HealthyLiving #CholesterolBalanceMadeInUSA” #หัวใจแข็งแรง #โรคหัวใจรู้ทันป้องกันได้ #สุขภาพดีที่สร้างได้ #คอเลสเตอรอลบาลานซ์ การดูแลหัวใจ เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้! Article: Coronary Artery Disease – The Hidden Danger and How to Prevent It 💔 What is Coronary Artery Disease, and Why is it Dangerous? Coronary Artery Disease (CAD) occurs when fatty deposits and plaque build up in the walls of the coronary arteries, narrowing them and reducing blood flow to the heart. This condition can lead to chest pain (angina), shortness of breath, and in severe cases, heart attacks. If left untreated, it can be life-threatening and significantly impact your quality of life. 🍎 How to Prevent Coronary Artery Disease 1. Adopt a Heart-Healthy Diet: Avoid foods high in saturated fats, such as fried foods, processed meats, and sugary treats. Instead, focus on vegetables, fruits, whole grains, and plant-based proteins like legumes and nuts. 2. Exercise Regularly: Aim for at least 150 minutes of moderate-intensity exercise per week, such as brisk walking, swimming, or cycling. 3. Quit Smoking: Smoking damages blood vessels and accelerates plaque buildup, increasing the risk of heart disease. 4. Manage Weight and Blood Pressure: Maintain a healthy BMI and reduce salt intake to control blood pressure. 5. Get Regular Health Checkups: Monitor your cholesterol levels, blood sugar, and blood pressure to catch potential issues early. 🌟 Cholesterol Balance Supplements from the USA: Your Extra Defense High-quality cholesterol balance supplements made in the USA, containing ingredients like Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, or Red Yeast Rice, can effectively lower LDL cholesterol levels. These supplements work by reducing cholesterol absorption in the intestines and promoting fat metabolism in the body. Backed by scientific research, these supplements are an excellent complement to a healthy diet and lifestyle, helping to reduce the risk of coronary artery disease significantly. 📢 : “A healthy heart starts with you 💪 Lower your cholesterol and protect your heart before it’s too late 🫀✨ #CoronaryArteryDisease #PreventionIsKey #DoctorTales #HealthyLiving #CholesterolBalanceUSA” #HeartHealthMatters #PreventHeartDisease #WellnessJourney #CholesterolBalance Start taking care of your heart today!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ

    จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI)

    ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา

    การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์)

    การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง

    ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น

    เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน
    2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้
    (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4
    (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน
    (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน
    ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2
    4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด

    ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9
    (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2
    ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37

    สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี

    สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1)

    ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย

    มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน

    ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ)

    เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร
    “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).”
    นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”.

    สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่

    โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
    จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า
    1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด
    2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ
    3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้
    4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้

    ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่

    ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง

    เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต):
    1. ICAO Safety Report 2024Edition
    2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022
    3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37
    4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB
    5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/
    6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย
    7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18)
    10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS
    11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266
    12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash
    13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269
    14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/



    EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI) ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์) การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน 2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้ (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4 (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9 (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2 ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37 สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1) ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ) เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).” นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”. สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่ โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า 1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด 2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ 3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้ 4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต): 1. ICAO Safety Report 2024Edition 2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022 3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37 4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB 5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/ 6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย 7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18) 10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS 11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266 12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash 13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269 14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหารเม็ดแมว ฟริสกี้ส์ Purina Friskies

    พิกัด
    Shopee:
    https://s.shopee.co.th/7ANGUpRpwI
    LAZADA:
    https://s.lazada.co.th/s.H7Bce
    TikTok:
    https://vt.tiktok.com/ZS6NTfVxP/
    .
    อาหารเม็ดแมว ฟริสกี้ส์ Purina Friskies พิกัด Shopee: https://s.shopee.co.th/7ANGUpRpwI LAZADA: https://s.lazada.co.th/s.H7Bce TikTok: https://vt.tiktok.com/ZS6NTfVxP/ .
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • อาหารเม็ดแมว ฟริสกี้ส์ Purina Friskies

    พิกัด
    Shopee:
    https://s.shopee.co.th/7ANGUpRpwI
    LAZADA:
    https://s.lazada.co.th/s.H7Bce
    TikTok:
    https://vt.tiktok.com/ZS6NTfVxP/
    .


    อาหารเม็ดแมว ฟริสกี้ส์ Purina Friskies พิกัด Shopee: https://s.shopee.co.th/7ANGUpRpwI LAZADA: https://s.lazada.co.th/s.H7Bce TikTok: https://vt.tiktok.com/ZS6NTfVxP/ .
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 26 Types of Punctuation Marks & Typographical Symbols

    We use words in writing. Shocking, I know! Do you know what else we use in writing? Here is a hint: they have already appeared in this paragraph. In addition to words, we use many different symbols and characters to organize our thoughts and make text easier to read. All of these symbols come in two major categories: punctuation marks and typographical symbols. These symbols have many different uses and include everything from the humble period (.) to the rarely used caret symbol (^). There may even be a few symbols out there that you’ve never even heard of before that leave you scratching your head when you see them on your keyboard!

    What is punctuation?

    Punctuation is the act or system of using specific marks or symbols in writing to separate different elements from each other or to make writing more clear. Punctuation is used in English and the other languages that use the Latin alphabet. Many other writing systems also use punctuation, too. Thanks to punctuation, we don’t have to suffer through a block of text that looks like this:

    - My favorite color is red do you like red red is great my sister likes green she always says green is the color of champions regardless of which color is better we both agree that no one likes salmon which is a fish and not a color seriously.

    Punctuation examples

    The following sentences give examples of the many different punctuation marks that we use:

    - My dog, Bark Scruffalo, was featured in a superhero movie.
    - If there’s something strange in your neighborhood, who are you going to call?
    - A wise man once said, “Within the body of every person lies a skeleton.”
    - Hooray! I found everything on the map: the lake, the mountain, and the forest.
    - I told Ashley (if that was her real name) that I needed the copy lickety-split.

    What is a typographical symbol?

    The term typographical symbol, or any other number of phrases, refers to a character or symbol that isn’t considered to be a punctuation mark but may still be used in writing for various purposes. Typographical symbols are generally avoided in formal writing under most circumstances. However, you may see typographic symbols used quite a bit in informal writing.

    Typographical symbol examples

    The following examples show some ways that a writer might use typographical symbols. Keep in mind that some of these sentences may not be considered appropriate in formal writing.

    - The frustrated actor said she was tired of her co-star’s “annoying bull****.”
    - For questions, email us at anascabana@bananacabanas.fake!
    - The band had five #1 singles on the American music charts during the 1990s.
    - My internet provider is AT&T.

    Punctuation vs. typographical symbols

    Punctuation marks are considered part of grammar and often have well-established rules for how to use them properly. For example, the rules of proper grammar state that a letter after a period should be capitalized and that a comma must be used before a coordinating conjunction.

    Typographical symbols, on the other hand, may not have widely accepted rules for how, or even when, they should be used. Generally speaking, most grammar resources will only allow the use of typographical symbols under very specific circumstances and will otherwise advise a writer to avoid using them.

    Types of punctuation and symbols

    There are many different types of punctuation marks and typographical symbols. We’ll briefly touch on them now, but you can learn more about of these characters by checking out the links in this list and also each section below:

    Period
    Question mark
    Exclamation point
    Comma
    Colon
    Semicolon
    Hyphen
    En dash
    Em dash
    Parentheses
    Square brackets
    Curly brackets
    Angle brackets
    Quotation marks
    Apostrophe
    Slash
    Ellipses
    Asterisk
    Ampersand
    Bullet point
    Pound symbol
    Tilde
    Backslash
    At symbol
    Caret symbol
    Pipe symbol

    Period, question mark, and exclamation point

    These three commonly used punctuation marks are used for the same reason: to end an independent thought.

    Period (.)

    A period is used to end a declarative sentence. A period indicates that a sentence is finished.

    Today is Friday.

    Unique to them, periods are also often used in abbreviations.

    Prof. Dumbledore once again awarded a ludicrous amount of points to Gryffindor.

    Question mark (?)

    The question mark is used to end a question, also known as an interrogative sentence.

    Do you feel lucky?

    Exclamation point (!)

    The exclamation point is used at the end of exclamations and interjections.

    Our house is haunted!
    Wow!

    Comma, colon, and semicolon

    Commas, colons, and semicolons can all be used to connect sentences together.

    Comma (,)

    The comma is often the punctuation mark that gives writers the most problems. It has many different uses and often requires good knowledge of grammar to avoid making mistakes when using it. Some common uses of the comma include:

    Joining clauses: Mario loves Peach, and she loves him.
    Nonrestrictive elements: My favorite team, the Fighting Mongooses, won the championship this year.
    Lists: The flag was red, white, and blue.
    Coordinate adjectives: The cute, happy puppy licked my hand.

    Colon (:)

    The colon is typically used to introduce additional information.

    The detective had three suspects: the salesman, the gardener, and the lawyer.

    Like commas, colons can also connect clauses together.

    We forgot to ask the most important question: who was buying lunch?

    Colons have a few other uses, too.

    The meeting starts at 8:15 p.m.
    The priest started reading from Mark 3:6.

    Semicolon (;)

    Like the comma and the colon, the semicolon is used to connect sentences together. The semicolon typically indicates that the second sentence is closely related to the one before it.

    I can’t eat peanuts; I am highly allergic to them.
    Lucy loves to eat all kinds of sweets; lollipops are her favorite.

    Hyphen and dashes (en dash and em dash)

    All three of these punctuation marks are often referred to as “dashes.” However, they are all used for entirely different reasons.

    Hyphen (-)

    The hyphen is used to form compound words.

    I went to lunch with my father-in-law.
    She was playing with a jack-in-the-box.
    He was accused of having pro-British sympathies.

    En dash (–)

    The en dash is used to express ranges or is sometimes used in more complex compound words.

    The homework exercises are on pages 20–27.
    The songwriter had worked on many Tony Award–winning productions.

    Em dash (—)

    The em dash is used to indicate a pause or interrupted speech.

    The thief was someone nobody expected—me!
    “Those kids will—” was all he managed to say before he was hit by a water balloon.
    Test your knowledge on the different dashes here.

    Parentheses, brackets, and braces

    These pairs of punctuation marks look similar, but they all have different uses. In general, the parentheses are much more commonly used than the others.

    Parentheses ()

    Typically, parentheses are used to add additional information.

    I thought (for a very long time) if I should actually give an honest answer.
    Tomorrow is Christmas (my favorite holiday)!
    Parentheses have a variety of other uses, too.

    Pollution increased significantly. (See Chart 14B)
    He was at an Alcoholics Anonymous (AA) meeting.
    Richard I of England (1157–1199) had the heart of a lion.

    Square brackets []

    Typically, square brackets are used to clarify or add information to quotations.

    According to an eyewitness, the chimpanzees “climbed on the roof and juggled [bananas].”
    The judge said that “the defense attorney [Mr. Wright] had made it clear that the case was far from closed.”

    Curly brackets {}

    Curly brackets, also known as braces, are rarely used punctuation marks that are used to group a set.

    I was impressed by the many different colors {red, green, yellow, blue, purple, black, white} they selected for the flag’s design.

    Angle brackets <>

    Angle brackets have no usage in formal writing and are rarely ever used even in informal writing. These characters have more uses in other fields, such as math or computing.

    Quotation marks and apostrophe

    You’ll find these punctuation marks hanging out at the top of a line of text.

    Quotation marks (“”)

    The most common use of quotation marks is to contain quotations.

    She said, “Don’t let the dog out of the house.”
    Bob Ross liked to put “happy little trees” in many of his paintings.

    Apostrophe (‘)

    The apostrophe is most often used to form possessives and contractions.

    The house’s back door is open.
    My cousin’s birthday is next week.
    It isn’t ready yet.
    We should’ve stayed outside.

    Slash and ellipses

    These are two punctuation marks you may not see too often, but they are still useful.

    Slash (/)

    The slash has several different uses. Here are some examples:

    Relationships: The existence of boxer briefs somehow hasn’t ended the boxers/briefs debate.
    Alternatives: They accept cash and/or credit.
    Fractions: After an hour, 2/3 of the audience had already left.

    Ellipses (…)

    In formal writing, ellipses are used to indicate that words were removed from a quote.

    The mayor said, “The damages will be … paid for by the city … as soon as possible.”
    In informal writing, ellipses are often used to indicate pauses or speech that trails off.

    He nervously stammered and said, “Look, I … You see … I wasn’t … Forget it, okay.”

    Typographical symbols

    Typographical symbols rarely appear in formal writing. You are much more likely to see them used for a variety of reasons in informal writing.

    Asterisk (*)

    In formal writing, especially academic and scientific writing, the asterisk is used to indicate a footnote.

    Chocolate is the preferred flavor of ice cream.*
    *According to survey data from the Ice Cream Data Center.

    The asterisk may also be used to direct a reader toward a clarification or may be used to censor inappropriate words or phrases.

    Ampersand (&)

    The ampersand substitutes for the word and. Besides its use in the official names of things, the ampersand is typically avoided in formal writing.

    The band gave a speech at the Rock & Roll Hall of Fame.

    Bullet Point (•)

    Bullet points are used to create lists. For example,

    For this recipe you will need:

    • eggs
    • milk
    • sugar
    • flour
    • baking powder

    Pound symbol (#)

    Informally, the pound symbol is typically used to mean number or is used in social media hashtags.

    The catchy pop song reached #1 on the charts.
    Ready 4 Halloween 2morrow!!! #spooky #TrickorTreat
    Tilde (~)

    Besides being used as an accent mark in Spanish and Portuguese words, the tilde is rarely used. Informally, a person may use it to mean “about” or “approximately.”

    We visited São Paulo during our vacation.
    I think my dog weighs ~20 pounds.

    Backslash (\)

    The backslash is primarily used in computer programming and coding. It might be used online and in texting to draw emoticons, but it has no other common uses in writing. Be careful not to mix it up with the similar forward slash (/), which is a punctuation mark.

    At symbol (@)

    The at symbol substitutes for the word at in informal writing. In formal writing, it is used when writing email addresses.

    His email address is duckduck@goose.abc.

    Caret symbol (^)

    The caret symbol is used in proofreading, but may be used to indicate an exponent if a writer is unable to use superscript.

    Do you know what 3^4 (34) is equal to?

    Pipe symbol (|)

    The pipe symbol is not used in writing. Instead, it has a variety of functions in the fields of math, physics, or computing.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    26 Types of Punctuation Marks & Typographical Symbols We use words in writing. Shocking, I know! Do you know what else we use in writing? Here is a hint: they have already appeared in this paragraph. In addition to words, we use many different symbols and characters to organize our thoughts and make text easier to read. All of these symbols come in two major categories: punctuation marks and typographical symbols. These symbols have many different uses and include everything from the humble period (.) to the rarely used caret symbol (^). There may even be a few symbols out there that you’ve never even heard of before that leave you scratching your head when you see them on your keyboard! What is punctuation? Punctuation is the act or system of using specific marks or symbols in writing to separate different elements from each other or to make writing more clear. Punctuation is used in English and the other languages that use the Latin alphabet. Many other writing systems also use punctuation, too. Thanks to punctuation, we don’t have to suffer through a block of text that looks like this: - My favorite color is red do you like red red is great my sister likes green she always says green is the color of champions regardless of which color is better we both agree that no one likes salmon which is a fish and not a color seriously. Punctuation examples The following sentences give examples of the many different punctuation marks that we use: - My dog, Bark Scruffalo, was featured in a superhero movie. - If there’s something strange in your neighborhood, who are you going to call? - A wise man once said, “Within the body of every person lies a skeleton.” - Hooray! I found everything on the map: the lake, the mountain, and the forest. - I told Ashley (if that was her real name) that I needed the copy lickety-split. What is a typographical symbol? The term typographical symbol, or any other number of phrases, refers to a character or symbol that isn’t considered to be a punctuation mark but may still be used in writing for various purposes. Typographical symbols are generally avoided in formal writing under most circumstances. However, you may see typographic symbols used quite a bit in informal writing. Typographical symbol examples The following examples show some ways that a writer might use typographical symbols. Keep in mind that some of these sentences may not be considered appropriate in formal writing. - The frustrated actor said she was tired of her co-star’s “annoying bull****.” - For questions, email us at anascabana@bananacabanas.fake! - The band had five #1 singles on the American music charts during the 1990s. - My internet provider is AT&T. Punctuation vs. typographical symbols Punctuation marks are considered part of grammar and often have well-established rules for how to use them properly. For example, the rules of proper grammar state that a letter after a period should be capitalized and that a comma must be used before a coordinating conjunction. Typographical symbols, on the other hand, may not have widely accepted rules for how, or even when, they should be used. Generally speaking, most grammar resources will only allow the use of typographical symbols under very specific circumstances and will otherwise advise a writer to avoid using them. Types of punctuation and symbols There are many different types of punctuation marks and typographical symbols. We’ll briefly touch on them now, but you can learn more about of these characters by checking out the links in this list and also each section below: Period Question mark Exclamation point Comma Colon Semicolon Hyphen En dash Em dash Parentheses Square brackets Curly brackets Angle brackets Quotation marks Apostrophe Slash Ellipses Asterisk Ampersand Bullet point Pound symbol Tilde Backslash At symbol Caret symbol Pipe symbol Period, question mark, and exclamation point These three commonly used punctuation marks are used for the same reason: to end an independent thought. Period (.) A period is used to end a declarative sentence. A period indicates that a sentence is finished. Today is Friday. Unique to them, periods are also often used in abbreviations. Prof. Dumbledore once again awarded a ludicrous amount of points to Gryffindor. Question mark (?) The question mark is used to end a question, also known as an interrogative sentence. Do you feel lucky? Exclamation point (!) The exclamation point is used at the end of exclamations and interjections. Our house is haunted! Wow! Comma, colon, and semicolon Commas, colons, and semicolons can all be used to connect sentences together. Comma (,) The comma is often the punctuation mark that gives writers the most problems. It has many different uses and often requires good knowledge of grammar to avoid making mistakes when using it. Some common uses of the comma include: Joining clauses: Mario loves Peach, and she loves him. Nonrestrictive elements: My favorite team, the Fighting Mongooses, won the championship this year. Lists: The flag was red, white, and blue. Coordinate adjectives: The cute, happy puppy licked my hand. Colon (:) The colon is typically used to introduce additional information. The detective had three suspects: the salesman, the gardener, and the lawyer. Like commas, colons can also connect clauses together. We forgot to ask the most important question: who was buying lunch? Colons have a few other uses, too. The meeting starts at 8:15 p.m. The priest started reading from Mark 3:6. Semicolon (;) Like the comma and the colon, the semicolon is used to connect sentences together. The semicolon typically indicates that the second sentence is closely related to the one before it. I can’t eat peanuts; I am highly allergic to them. Lucy loves to eat all kinds of sweets; lollipops are her favorite. Hyphen and dashes (en dash and em dash) All three of these punctuation marks are often referred to as “dashes.” However, they are all used for entirely different reasons. Hyphen (-) The hyphen is used to form compound words. I went to lunch with my father-in-law. She was playing with a jack-in-the-box. He was accused of having pro-British sympathies. En dash (–) The en dash is used to express ranges or is sometimes used in more complex compound words. The homework exercises are on pages 20–27. The songwriter had worked on many Tony Award–winning productions. Em dash (—) The em dash is used to indicate a pause or interrupted speech. The thief was someone nobody expected—me! “Those kids will—” was all he managed to say before he was hit by a water balloon. Test your knowledge on the different dashes here. Parentheses, brackets, and braces These pairs of punctuation marks look similar, but they all have different uses. In general, the parentheses are much more commonly used than the others. Parentheses () Typically, parentheses are used to add additional information. I thought (for a very long time) if I should actually give an honest answer. Tomorrow is Christmas (my favorite holiday)! Parentheses have a variety of other uses, too. Pollution increased significantly. (See Chart 14B) He was at an Alcoholics Anonymous (AA) meeting. Richard I of England (1157–1199) had the heart of a lion. Square brackets [] Typically, square brackets are used to clarify or add information to quotations. According to an eyewitness, the chimpanzees “climbed on the roof and juggled [bananas].” The judge said that “the defense attorney [Mr. Wright] had made it clear that the case was far from closed.” Curly brackets {} Curly brackets, also known as braces, are rarely used punctuation marks that are used to group a set. I was impressed by the many different colors {red, green, yellow, blue, purple, black, white} they selected for the flag’s design. Angle brackets <> Angle brackets have no usage in formal writing and are rarely ever used even in informal writing. These characters have more uses in other fields, such as math or computing. Quotation marks and apostrophe You’ll find these punctuation marks hanging out at the top of a line of text. Quotation marks (“”) The most common use of quotation marks is to contain quotations. She said, “Don’t let the dog out of the house.” Bob Ross liked to put “happy little trees” in many of his paintings. Apostrophe (‘) The apostrophe is most often used to form possessives and contractions. The house’s back door is open. My cousin’s birthday is next week. It isn’t ready yet. We should’ve stayed outside. Slash and ellipses These are two punctuation marks you may not see too often, but they are still useful. Slash (/) The slash has several different uses. Here are some examples: Relationships: The existence of boxer briefs somehow hasn’t ended the boxers/briefs debate. Alternatives: They accept cash and/or credit. Fractions: After an hour, 2/3 of the audience had already left. Ellipses (…) In formal writing, ellipses are used to indicate that words were removed from a quote. The mayor said, “The damages will be … paid for by the city … as soon as possible.” In informal writing, ellipses are often used to indicate pauses or speech that trails off. He nervously stammered and said, “Look, I … You see … I wasn’t … Forget it, okay.” Typographical symbols Typographical symbols rarely appear in formal writing. You are much more likely to see them used for a variety of reasons in informal writing. Asterisk (*) In formal writing, especially academic and scientific writing, the asterisk is used to indicate a footnote. Chocolate is the preferred flavor of ice cream.* *According to survey data from the Ice Cream Data Center. The asterisk may also be used to direct a reader toward a clarification or may be used to censor inappropriate words or phrases. Ampersand (&) The ampersand substitutes for the word and. Besides its use in the official names of things, the ampersand is typically avoided in formal writing. The band gave a speech at the Rock & Roll Hall of Fame. Bullet Point (•) Bullet points are used to create lists. For example, For this recipe you will need: • eggs • milk • sugar • flour • baking powder Pound symbol (#) Informally, the pound symbol is typically used to mean number or is used in social media hashtags. The catchy pop song reached #1 on the charts. Ready 4 Halloween 2morrow!!! #spooky #TrickorTreat Tilde (~) Besides being used as an accent mark in Spanish and Portuguese words, the tilde is rarely used. Informally, a person may use it to mean “about” or “approximately.” We visited São Paulo during our vacation. I think my dog weighs ~20 pounds. Backslash (\) The backslash is primarily used in computer programming and coding. It might be used online and in texting to draw emoticons, but it has no other common uses in writing. Be careful not to mix it up with the similar forward slash (/), which is a punctuation mark. At symbol (@) The at symbol substitutes for the word at in informal writing. In formal writing, it is used when writing email addresses. His email address is duckduck@goose.abc. Caret symbol (^) The caret symbol is used in proofreading, but may be used to indicate an exponent if a writer is unable to use superscript. Do you know what 3^4 (34) is equal to? Pipe symbol (|) The pipe symbol is not used in writing. Instead, it has a variety of functions in the fields of math, physics, or computing. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇸 รัสเซียบอกพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และบางประเทศในสหภาพยุโรป, อ้างความเสี่ยงที่จะถูก "ตามล่า" โดยเจ้าหน้าที่
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia tells its citizens to avoid traveling to the United States, Canada and some EU countries, citing risk of being "hunted" down by authorities.
    .
    8:26 PM · Dec 11, 2024 · 336.8K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1866837067914940618
    🇷🇺🇺🇸 รัสเซียบอกพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และบางประเทศในสหภาพยุโรป, อ้างความเสี่ยงที่จะถูก "ตามล่า" โดยเจ้าหน้าที่ . JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia tells its citizens to avoid traveling to the United States, Canada and some EU countries, citing risk of being "hunted" down by authorities. . 8:26 PM · Dec 11, 2024 · 336.8K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1866837067914940618
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • What are the risks from Artificial Intelligence (AI)?

    A comprehensive living database of over 700 AI risks categorized by their cause and risk domain.
    The AI Risk Repository has three parts:
    1.The AI Risk Database captures 700+ risks extracted from 43 existing frameworks, with quotes and page numbers.
    2.The Causal Taxonomy of AI Risks classifies how, when, and why these risks occur.
    3.The Domain Taxonomy of AI Risks classifies these risks into seven domains (e.g., “Misinformation”) and 23 subdomains (e.g., “False or misleading information”).

    Sources: MIT AI Risk Repository.
    Access Link : https://airisk.mit.edu/?utm_source=thinkingforward&utm_medium=email&utm_campaign=2024_12_02#Domain-Taxonomy-of-AI-Risks
    What are the risks from Artificial Intelligence (AI)? A comprehensive living database of over 700 AI risks categorized by their cause and risk domain. The AI Risk Repository has three parts: 1.The AI Risk Database captures 700+ risks extracted from 43 existing frameworks, with quotes and page numbers. 2.The Causal Taxonomy of AI Risks classifies how, when, and why these risks occur. 3.The Domain Taxonomy of AI Risks classifies these risks into seven domains (e.g., “Misinformation”) and 23 subdomains (e.g., “False or misleading information”). Sources: MIT AI Risk Repository. Access Link : https://airisk.mit.edu/?utm_source=thinkingforward&utm_medium=email&utm_campaign=2024_12_02#Domain-Taxonomy-of-AI-Risks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • Synonyms For “Fool” That Are More Than A Fool’s Paradise

    The first of April, also known as April Fools’ Day, is the time for pranksters to shine. Traditionally, the holiday is celebrated by people tricking one another and then yelling, “April fools!” The origins of the holiday are unknown, but it has been observed dating back at least to the Middle Ages, or possibly even further back, making it as old as many of the terms for fool we will be covering here.

    The word fool means “a person who lacks judgment or sense,” from the Latin follis meaning “bellows” or “bag.” That’s right, a fool was the original windbag. Read on to learn about a few of the many words that describe someone who is foolish.

    nincompoop

    One of the most fun words for a “fool or simpleton” is nincompoop. The origins of this word are unknown, but it may have been invented simply because it sounds silly and ridiculous, like the person it describes. One of its earliest uses was in the play The Plain Dealer by William Wycherley (1676), where an old widow throws every insult she can think of at one of her daughter’s suitors.

    oaf

    The word oaf today means “a clumsy, stupid person; lout.” The origins of the word are pretty interesting. It comes from the Old English ælf, meaning “elf.” According to Medieval legend, an oaf was the child of an elf or a goblin. Specifically, an oaf was thought to be a changeling left by elves, and the term was a term used to describe a troublesome child or disavow one not living up to the parents’ expectations. (Harsh!)

    simpleton

    We are all simpletons sometimes, or “an ignorant, foolish, or silly person.” The humble American sandpiper was also known colloquially as a simpleton. It isn’t clear what this bird did to deserve this name, but—as we will see—it is not the first bird allusion that pops up when talking about fools.

    buffoon

    Buffoon has a variety of meanings, but it is most commonly used these days to mean “a silly or foolish person.” The word comes from the Italian buffone, which translates roughly to “one who puffs up their cheeks.” This origin makes more sense when you consider the original meaning of the word, “a person who amuses others by tricks, jokes, odd gestures and postures, etc.” Who among us hasn’t puffed up their cheeks to make a small child (or even a not-so-small adult) laugh?

    schlemiel

    The Yiddish language has many colorful terms for fools, some of which have been adopted into English. One such word is schlemiel [ shluh–meel ], which means “an awkward and unlucky person for whom things never turn out right.” The word comes from the Biblical name Shelumiel, although it is not clear exactly how he became associated with bad fortune (although the Midrash notes that his descendant Zimri caused 24,000 deaths from “plague,” so that might have something to do with it).

    schlimazel

    Another Yiddish word for a fool is schlimazel [ shli-mah-zuhl ], “an inept, bungling person who suffers from unremitting bad luck.” Yiddish is a language that combines German and Hebrew, among other languages, which you can see from the etymology of the word. Shlim comes from the German schlimm meaning “bad,” and mazel comes from the Hebrew for “destiny.” A schlimazel is literally someone who has a bad destiny.

    bonehead

    A bonehead, or blockhead, is a “a foolish or stupid person.” The term was popularized by Major League Baseball player Fred “Bonehead” Merkle. He earned this unfortunate nickname because of an infamous base-running error when he was a rookie teenager—he ran to the dugout at the end of an inning, but forgot to touch second base, resulting in an out. The 1908 error became known as Merkle’s Boner.

    lunkhead

    Another “Americanism” for a fool is lunkhead, “a dull or stupid person.” The origin of lunk is unknown, but it may be a combination of lump and hunk (the original term for a himbo?). One of the earliest examples of this term was in Mark Twain’s Huckleberry Finn (1884) to describe people at a circus.

    numbskull

    A riff on the -head terms for a fool is numbskull, or numskull, “a dull-witted or stupid person.” An earlier spelling for this word was numpscull. The earliest record of the contemporary spelling of this word comes from a letter by the polemicist Jonathan Swift who wrote to a certain Mr. Wood in 1724, “I remember not to have known a greater numbskull than thou art.” Sick burn.

    birdbrain

    As we noted earlier, birds come up a lot in terms describing fools. It isn’t clear how birds got such a bad reputation. (In fact, some birds are quite smart by human standards, and corvids in particular are sometimes described as having the same intelligence as a child.) One such insulting term is birdbrain, which means “a stupid, foolish, or scatterbrained person.”

    pigeon

    The word pigeon of course refers to those ubiquitous city-dwelling birds, but it is also an antique slang term for “a person who is easily fooled or cheated; dupe.” This meaning of pigeon is found in the 1960s slang term pigeon artist, an alternative term for a conman.

    gull

    Although gull looks like a bird reference, it actually has a different origin. As a noun, gull can refer, of course, to a seagull, but it can also mean “a person who is easily deceived or cheated; dupe.” This is where we get the more common gullible. The word gull in this sense comes from the verb gull meaning “to dupe, cheat, befool.”

    clod

    Clod literally means “a lump or mass, especially of earth or clay.” However, it is also used figuratively to mean “a stupid person; blockhead; dolt.” The use of the word in this sense dates to the 1500s, where it was sometimes elaborated on with -poll or -pole, an archaic term for “head,” as in clod-poll. As you might have gathered by now, insulting someone’s heads or brains is a common way to call someone a fool.

    stooge

    The word stooge literally means “an entertainer who feeds lines to the main comedian and usually serves as the butt of his or her jokes.” It also is used more generally to mean “any underling, assistant, or accomplice.” However, in popular usage, calling someone a stooge implies that they are foolish. It’s possible that this meaning was popularized by the famous comedians The Three Stooges who were known for acting ridiculous.

    boob

    A boob is more than just a female breast. It can also mean “a stupid person; fool; dunce.” The word is a backformation from the earlier booby, which was a corruption of the earlier pooby. Pooby in turn comes from a combination of the verb poop meaning “to befool” and baby—literally, poop baby.

    pilgarlic

    You may have already noticed that many of the terms for fools have archaic origins. One such term is pilgarlic, “a person regarded with mild or pretended contempt or pity.” The term originally referred to “a baldheaded man.” The word itself comes from the earlier pyllyd garleke, “a metaphor for a bald man, whose head is compared to a peeled garlic bulb.”

    dolt

    Sometimes these words get straight to the point, which is the case with dolt, “a dull, stupid person; blockhead.” Dolt is a variant of the obsolete dold, meaning “stupid.” And the verb dolt—also obsolete—used to mean “befool” or, later, “to play the fool.”

    chump

    Another word for a dolt is a chump, “a stupid person.” The word chump originally meant “a short, thick piece of wood.” In essence, calling someone a chump is comparing them to a piece of wood.

    patsy

    A patsy is “a person who is the object of a joke, ridicule, or the like.” On April Fools’ Day, you’re always at risk of being someone’s patsy, or target for a prank. The origins of this word are unknown, although it may originate from or have been popularized by vaudevillian character Patsy Bolivar, who was often the butt of a joke.

    dupe

    Another word for a patsy is a dupe, “a person who is easily deceived or fooled.” It is possible that this word’s origins circle back to birds by way of French and Latin, specifically the hoopoe, a bird thought to be especially stupid.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Synonyms For “Fool” That Are More Than A Fool’s Paradise The first of April, also known as April Fools’ Day, is the time for pranksters to shine. Traditionally, the holiday is celebrated by people tricking one another and then yelling, “April fools!” The origins of the holiday are unknown, but it has been observed dating back at least to the Middle Ages, or possibly even further back, making it as old as many of the terms for fool we will be covering here. The word fool means “a person who lacks judgment or sense,” from the Latin follis meaning “bellows” or “bag.” That’s right, a fool was the original windbag. Read on to learn about a few of the many words that describe someone who is foolish. nincompoop One of the most fun words for a “fool or simpleton” is nincompoop. The origins of this word are unknown, but it may have been invented simply because it sounds silly and ridiculous, like the person it describes. One of its earliest uses was in the play The Plain Dealer by William Wycherley (1676), where an old widow throws every insult she can think of at one of her daughter’s suitors. oaf The word oaf today means “a clumsy, stupid person; lout.” The origins of the word are pretty interesting. It comes from the Old English ælf, meaning “elf.” According to Medieval legend, an oaf was the child of an elf or a goblin. Specifically, an oaf was thought to be a changeling left by elves, and the term was a term used to describe a troublesome child or disavow one not living up to the parents’ expectations. (Harsh!) simpleton We are all simpletons sometimes, or “an ignorant, foolish, or silly person.” The humble American sandpiper was also known colloquially as a simpleton. It isn’t clear what this bird did to deserve this name, but—as we will see—it is not the first bird allusion that pops up when talking about fools. buffoon Buffoon has a variety of meanings, but it is most commonly used these days to mean “a silly or foolish person.” The word comes from the Italian buffone, which translates roughly to “one who puffs up their cheeks.” This origin makes more sense when you consider the original meaning of the word, “a person who amuses others by tricks, jokes, odd gestures and postures, etc.” Who among us hasn’t puffed up their cheeks to make a small child (or even a not-so-small adult) laugh? schlemiel The Yiddish language has many colorful terms for fools, some of which have been adopted into English. One such word is schlemiel [ shluh–meel ], which means “an awkward and unlucky person for whom things never turn out right.” The word comes from the Biblical name Shelumiel, although it is not clear exactly how he became associated with bad fortune (although the Midrash notes that his descendant Zimri caused 24,000 deaths from “plague,” so that might have something to do with it). schlimazel Another Yiddish word for a fool is schlimazel [ shli-mah-zuhl ], “an inept, bungling person who suffers from unremitting bad luck.” Yiddish is a language that combines German and Hebrew, among other languages, which you can see from the etymology of the word. Shlim comes from the German schlimm meaning “bad,” and mazel comes from the Hebrew for “destiny.” A schlimazel is literally someone who has a bad destiny. bonehead A bonehead, or blockhead, is a “a foolish or stupid person.” The term was popularized by Major League Baseball player Fred “Bonehead” Merkle. He earned this unfortunate nickname because of an infamous base-running error when he was a rookie teenager—he ran to the dugout at the end of an inning, but forgot to touch second base, resulting in an out. The 1908 error became known as Merkle’s Boner. lunkhead Another “Americanism” for a fool is lunkhead, “a dull or stupid person.” The origin of lunk is unknown, but it may be a combination of lump and hunk (the original term for a himbo?). One of the earliest examples of this term was in Mark Twain’s Huckleberry Finn (1884) to describe people at a circus. numbskull A riff on the -head terms for a fool is numbskull, or numskull, “a dull-witted or stupid person.” An earlier spelling for this word was numpscull. The earliest record of the contemporary spelling of this word comes from a letter by the polemicist Jonathan Swift who wrote to a certain Mr. Wood in 1724, “I remember not to have known a greater numbskull than thou art.” Sick burn. birdbrain As we noted earlier, birds come up a lot in terms describing fools. It isn’t clear how birds got such a bad reputation. (In fact, some birds are quite smart by human standards, and corvids in particular are sometimes described as having the same intelligence as a child.) One such insulting term is birdbrain, which means “a stupid, foolish, or scatterbrained person.” pigeon The word pigeon of course refers to those ubiquitous city-dwelling birds, but it is also an antique slang term for “a person who is easily fooled or cheated; dupe.” This meaning of pigeon is found in the 1960s slang term pigeon artist, an alternative term for a conman. gull Although gull looks like a bird reference, it actually has a different origin. As a noun, gull can refer, of course, to a seagull, but it can also mean “a person who is easily deceived or cheated; dupe.” This is where we get the more common gullible. The word gull in this sense comes from the verb gull meaning “to dupe, cheat, befool.” clod Clod literally means “a lump or mass, especially of earth or clay.” However, it is also used figuratively to mean “a stupid person; blockhead; dolt.” The use of the word in this sense dates to the 1500s, where it was sometimes elaborated on with -poll or -pole, an archaic term for “head,” as in clod-poll. As you might have gathered by now, insulting someone’s heads or brains is a common way to call someone a fool. stooge The word stooge literally means “an entertainer who feeds lines to the main comedian and usually serves as the butt of his or her jokes.” It also is used more generally to mean “any underling, assistant, or accomplice.” However, in popular usage, calling someone a stooge implies that they are foolish. It’s possible that this meaning was popularized by the famous comedians The Three Stooges who were known for acting ridiculous. boob A boob is more than just a female breast. It can also mean “a stupid person; fool; dunce.” The word is a backformation from the earlier booby, which was a corruption of the earlier pooby. Pooby in turn comes from a combination of the verb poop meaning “to befool” and baby—literally, poop baby. pilgarlic You may have already noticed that many of the terms for fools have archaic origins. One such term is pilgarlic, “a person regarded with mild or pretended contempt or pity.” The term originally referred to “a baldheaded man.” The word itself comes from the earlier pyllyd garleke, “a metaphor for a bald man, whose head is compared to a peeled garlic bulb.” dolt Sometimes these words get straight to the point, which is the case with dolt, “a dull, stupid person; blockhead.” Dolt is a variant of the obsolete dold, meaning “stupid.” And the verb dolt—also obsolete—used to mean “befool” or, later, “to play the fool.” chump Another word for a dolt is a chump, “a stupid person.” The word chump originally meant “a short, thick piece of wood.” In essence, calling someone a chump is comparing them to a piece of wood. patsy A patsy is “a person who is the object of a joke, ridicule, or the like.” On April Fools’ Day, you’re always at risk of being someone’s patsy, or target for a prank. The origins of this word are unknown, although it may originate from or have been popularized by vaudevillian character Patsy Bolivar, who was often the butt of a joke. dupe Another word for a patsy is a dupe, “a person who is easily deceived or fooled.” It is possible that this word’s origins circle back to birds by way of French and Latin, specifically the hoopoe, a bird thought to be especially stupid. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิมิโทร คูเลบา: 'เราจะแพ้สงคราม'

    อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเตือนว่า ยูเครนเสี่ยงที่จะแพ้สงครามหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกเพิ่มเติม, ตามรายงานของ Financial Times

    "เรามีหนทางที่จะเปลี่ยนวิถีหรือไม่? ไม่, เราไม่มีเลย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป, เราจะแพ้สงคราม," เขากล่าว
    .
    DMYTRO KULEBA: 'WE WILL LOSE THE WAR'

    Ukraine's ex-Foreign Minister warns Ukraine risks losing war without more Western aid, reports the Financial Times.

    "Do we have the means to change the trajectory? No, we don't. If it continues like this, we will lose the war," he stated.
    .
    5:15 AM · Nov 30, 2024 · 923 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1862621308057788649
    ดิมิโทร คูเลบา: 'เราจะแพ้สงคราม' อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเตือนว่า ยูเครนเสี่ยงที่จะแพ้สงครามหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกเพิ่มเติม, ตามรายงานของ Financial Times "เรามีหนทางที่จะเปลี่ยนวิถีหรือไม่? ไม่, เราไม่มีเลย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป, เราจะแพ้สงคราม," เขากล่าว . DMYTRO KULEBA: 'WE WILL LOSE THE WAR' Ukraine's ex-Foreign Minister warns Ukraine risks losing war without more Western aid, reports the Financial Times. "Do we have the means to change the trajectory? No, we don't. If it continues like this, we will lose the war," he stated. . 5:15 AM · Nov 30, 2024 · 923 Views https://x.com/SputnikInt/status/1862621308057788649
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมเอสโตเนีย เรียกร้องให้นาโตอย่าส่งทหารไปยูเครน

    ความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีมากกว่าประโยชน์, แม้ว่ายูเครนจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนกำลังคนและขวัญกำลังใจ, ฮันโน เปฟคูร์ กล่าวกับเดอะฮิลล์
    .
    ESTONIAN DEFENSE MINISTER URGES NATO NOT TO SEND TROOPS TO UKRAINE

    The risks of such a move outweigh the benefits, even as Ukraine faces a shortage of manpower and morale, Hanno Pevkur told The Hill.
    .
    7:30 AM · Nov 26, 2024 · 1,210 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861205730755281216
    รัฐมนตรีกลาโหมเอสโตเนีย เรียกร้องให้นาโตอย่าส่งทหารไปยูเครน ความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีมากกว่าประโยชน์, แม้ว่ายูเครนจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนกำลังคนและขวัญกำลังใจ, ฮันโน เปฟคูร์ กล่าวกับเดอะฮิลล์ . ESTONIAN DEFENSE MINISTER URGES NATO NOT TO SEND TROOPS TO UKRAINE The risks of such a move outweigh the benefits, even as Ukraine faces a shortage of manpower and morale, Hanno Pevkur told The Hill. . 7:30 AM · Nov 26, 2024 · 1,210 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861205730755281216
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียแจ้งสหรัฐฯสั้นๆ ก่อนยิงขีปนาวุธพิสัยกลางใส่ยูเครน – เผ่นต๊ะก่อน

    รัสเซียแจ้งสหรัฐฯสั้นๆ ก่อนยิงขีปนาวุธพิสัยกลางใส่ยูเครน, ซาบรินา ซิงห์, โฆษกเผ่นต๊ะก่อน กล่าว

    “สหรัฐฯได้รับแจ้งล่วงหน้าสั้นๆก่อนการยิง ผ่านช่องทางลดความเสี่ยงจากนิวเคลียร์,”
    ซิงห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    🤣สหรัฐฯไม่ได้ต้องการทำสงครามกับรัสเซีย แต่จะยังคงส่งอาวุธให้กับยูเครนต่อไป, โฆษกเผ่นต๊ะก่อน กล่าว🤣

    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยไกลแบบไม่ใช่นิวเคลียร์, โจมตีบริษัทผลิตอาวุธของยูเครนในเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ เพื่อตอบโต้ที่เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรโจมตีดินแดนของรัสเซีย
    .
    RUSSIA NOTIFIED US BRIEFLY BEFORE BALLISTIC MISSILE LAUNCH AGAINST UKRAINE – PENTAGON

    Russia notified the United States briefly before launching an intermediate-range ballistic missile against Ukraine, Pentagon spokesperson Sabrina Singh said.

    "The United States was pre-notified briefly before the launch through nuclear risk reduction channels," Singh told reporters.

    The US is not seeking war with Russia but will continue to send weapons to Ukraine, the Pentagon spokesperson claimed.

    Earlier in the day, President Vladimir Putin said that Russia fired a non-nuclear hypersonic version of a ballistic missile, striking a Ukrainian arms manufacturer in the city of Dnepropetrovsk in response to Kiev's use of US and UK longer-range weapons to strike Russian territory.
    .
    Last edited 3:51 AM · Nov 22, 2024 · 9,081 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859701249878200550
    รัสเซียแจ้งสหรัฐฯสั้นๆ ก่อนยิงขีปนาวุธพิสัยกลางใส่ยูเครน – เผ่นต๊ะก่อน รัสเซียแจ้งสหรัฐฯสั้นๆ ก่อนยิงขีปนาวุธพิสัยกลางใส่ยูเครน, ซาบรินา ซิงห์, โฆษกเผ่นต๊ะก่อน กล่าว “สหรัฐฯได้รับแจ้งล่วงหน้าสั้นๆก่อนการยิง ผ่านช่องทางลดความเสี่ยงจากนิวเคลียร์,” ซิงห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว 🤣สหรัฐฯไม่ได้ต้องการทำสงครามกับรัสเซีย แต่จะยังคงส่งอาวุธให้กับยูเครนต่อไป, โฆษกเผ่นต๊ะก่อน กล่าว🤣 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยไกลแบบไม่ใช่นิวเคลียร์, โจมตีบริษัทผลิตอาวุธของยูเครนในเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ เพื่อตอบโต้ที่เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรโจมตีดินแดนของรัสเซีย . RUSSIA NOTIFIED US BRIEFLY BEFORE BALLISTIC MISSILE LAUNCH AGAINST UKRAINE – PENTAGON Russia notified the United States briefly before launching an intermediate-range ballistic missile against Ukraine, Pentagon spokesperson Sabrina Singh said. "The United States was pre-notified briefly before the launch through nuclear risk reduction channels," Singh told reporters. The US is not seeking war with Russia but will continue to send weapons to Ukraine, the Pentagon spokesperson claimed. Earlier in the day, President Vladimir Putin said that Russia fired a non-nuclear hypersonic version of a ballistic missile, striking a Ukrainian arms manufacturer in the city of Dnepropetrovsk in response to Kiev's use of US and UK longer-range weapons to strike Russian territory. . Last edited 3:51 AM · Nov 22, 2024 · 9,081 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859701249878200550
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1152 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • Gold
    .
    Risk or Opportunity...???
    .
    Wait and See.
    Gold . Risk or Opportunity...??? . Wait and See.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินเตือนถึงการผจญภัยของชาติตะวันตกและความเสี่ยงของการเพิ่มระดับนิวเคลียร์

    ปูตินกล่าวว่า ประชาธิปไตยกำลังถูกตีความมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นการปกครองโดยชนกลุ่มน้อย, ไม่ใช่ชนกลุ่มใหญ่ เขาวิพากษ์วิจารณ์เสรีนิยมในโลกตะวันตก, โดยกล่าวว่ามันทำให้เกิดความไม่ยอมรับและการรุกรานอย่างรุนแรง, และเตือนว่าเรากำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดที่อันตราย

    การเรียกร้องให้เอาชนะรัสเซียสะท้อนให้เห็นถึงการผจญภัยที่บ้าบิ่นของนักการเมืองบางคน, ปูตินกล่าวเสริม, และเตือนว่าความเชื่ออย่างงมงายของโลกตะวันตกในการไม่ต้องรับโทษของตนเองอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ นอกจากนี้ เขายังแสดงความกังวล, โดยระบุว่า ไม่มีการรับประกันว่าโลกตะวันตกจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
    .
    Putin warns of Western adventurism and risk of nuclear escalation

    Putin remarked that democracy is increasingly being interpreted as the rule of the minority, not the majority. He criticized Western liberalism, saying it has led to extreme intolerance and aggression, and warned that we are approaching a dangerous threshold.

    Calls to defeat Russia reflect the reckless adventurism of certain politicians, Putin added, cautioning that the West's blind belief in its own impunity could lead to tragedy. He also raised concerns, noting that there is no guarantee nuclear weapons will not be used by the West.
    .
    11:56 PM · Nov 7, 2024 · 4,463 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1854568729503256910
    ปูตินเตือนถึงการผจญภัยของชาติตะวันตกและความเสี่ยงของการเพิ่มระดับนิวเคลียร์ ปูตินกล่าวว่า ประชาธิปไตยกำลังถูกตีความมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นการปกครองโดยชนกลุ่มน้อย, ไม่ใช่ชนกลุ่มใหญ่ เขาวิพากษ์วิจารณ์เสรีนิยมในโลกตะวันตก, โดยกล่าวว่ามันทำให้เกิดความไม่ยอมรับและการรุกรานอย่างรุนแรง, และเตือนว่าเรากำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดที่อันตราย การเรียกร้องให้เอาชนะรัสเซียสะท้อนให้เห็นถึงการผจญภัยที่บ้าบิ่นของนักการเมืองบางคน, ปูตินกล่าวเสริม, และเตือนว่าความเชื่ออย่างงมงายของโลกตะวันตกในการไม่ต้องรับโทษของตนเองอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ นอกจากนี้ เขายังแสดงความกังวล, โดยระบุว่า ไม่มีการรับประกันว่าโลกตะวันตกจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ . Putin warns of Western adventurism and risk of nuclear escalation Putin remarked that democracy is increasingly being interpreted as the rule of the minority, not the majority. He criticized Western liberalism, saying it has led to extreme intolerance and aggression, and warned that we are approaching a dangerous threshold. Calls to defeat Russia reflect the reckless adventurism of certain politicians, Putin added, cautioning that the West's blind belief in its own impunity could lead to tragedy. He also raised concerns, noting that there is no guarantee nuclear weapons will not be used by the West. . 11:56 PM · Nov 7, 2024 · 4,463 Views https://x.com/SputnikInt/status/1854568729503256910
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนี้ไป, ฮิซบุลเลาะห์จะโจมตีทุกจุดในอิสราเอล, รวมถึงเทลอาวีฟด้วย, หากสงครามยังคงดำเนินต่อไป, ชุมชนไร้ผู้คนในภาคเหนือจะเพิ่มมากขึ้น และชาวอิสราเอลมากกว่า ๒ ล้านคน จะตกอยู่ในความเสี่ยง - นาอิม กัสเซม
    .
    ⚡️BREAKING

    From now on, Hezbollah will target every point in Israel, including Tel Aviv, If the war continues, the uninhabited settlements in the north will increase and more than two million Israelis will be at risk - Naim Qassem
    .
    7:44 PM · Oct 15, 2024 · 351.2K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1846170175499854287
    จากนี้ไป, ฮิซบุลเลาะห์จะโจมตีทุกจุดในอิสราเอล, รวมถึงเทลอาวีฟด้วย, หากสงครามยังคงดำเนินต่อไป, ชุมชนไร้ผู้คนในภาคเหนือจะเพิ่มมากขึ้น และชาวอิสราเอลมากกว่า ๒ ล้านคน จะตกอยู่ในความเสี่ยง - นาอิม กัสเซม . ⚡️BREAKING From now on, Hezbollah will target every point in Israel, including Tel Aviv, If the war continues, the uninhabited settlements in the north will increase and more than two million Israelis will be at risk - Naim Qassem . 7:44 PM · Oct 15, 2024 · 351.2K Views https://x.com/IranObserver0/status/1846170175499854287
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อาราฆชี:

    ○ "ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสงครามขนาดใหญ่ในภูมิภาคนี้} แต่เราไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนในการปกป้องประชาชนและผลประโยชน์ของเรา"

    ○ "สหรัฐฯกำลังส่งอาวุธไปยังอิสราเอลในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"

    ○ "สหรัฐฯกำลังเสี่ยงชีวิตทหารของตนด้วยการส่งพวกเขาไปควบคุมระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯในอิสราเอล"
    .
    Iranian Foreign Minister, Abbas Araghchi:

    ○ "We have made extensive efforts in recent days to contain a large-scale war in the region, but we have no red lines in defending our people and interests."

    ○ "The US is sending weapons to Israel in an unprecedented manner."

    ○ "The US is putting its soldiers' lives at risk by sending them to guide US missile systems in Israel."
    .
    5:37 PM · Oct 13, 2024 · 1,984 Views
    https://x.com/TheCradleMedia/status/1845413644227563917
    รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อาราฆชี: ○ "ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสงครามขนาดใหญ่ในภูมิภาคนี้} แต่เราไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนในการปกป้องประชาชนและผลประโยชน์ของเรา" ○ "สหรัฐฯกำลังส่งอาวุธไปยังอิสราเอลในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ○ "สหรัฐฯกำลังเสี่ยงชีวิตทหารของตนด้วยการส่งพวกเขาไปควบคุมระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯในอิสราเอล" . Iranian Foreign Minister, Abbas Araghchi: ○ "We have made extensive efforts in recent days to contain a large-scale war in the region, but we have no red lines in defending our people and interests." ○ "The US is sending weapons to Israel in an unprecedented manner." ○ "The US is putting its soldiers' lives at risk by sending them to guide US missile systems in Israel." . 5:37 PM · Oct 13, 2024 · 1,984 Views https://x.com/TheCradleMedia/status/1845413644227563917
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไดอารี่ "วันนวมินทรฯ"

    ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517

    แต่ปรากฏว่า จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจากปีนั้นมา แทบไม่ได้พัฒนาไปตามแนวทางนี้เลย

    จนเกิด "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2540 นี่แหละ

    คนไทยจำนวนไม่น้อยถึง "คิดได้" ขึ้นมา

    หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ "การจัดการความเสี่ยง"

    ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า "การกระจายความเสี่ยง" (หรือนัยหนึ่งคือ "จัดพอร์ต") นี่แหละ ช่วยให้ผม "ไม่เจ็บตัว" จนเกินไป จากการขาดทุนเมื่อตอนเริ่มซื้อกองทุนรวมครั้งแรก

    ถ้าเทียบ "เกษตรทฤษฎีใหม่" ซึ่งเป็น subset ของเศรษฐกิจพอเพียง ที่แบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินในสัดส่วน 3:3:3:1 กับการ "จัดพอร์ต" กองทุนรวม...

    ...จะว่าไปแล้ว แก่นแท้ของสองอย่างนี้ก็คือ Risk Management/Diversification นั่นเอง

    ในโอกาสของการรำลึกถึงล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนำ "คำสอน" ของพระองค์ไปสู่การปฏิบัติ

    "ประสบการณ์ตรง" ของผมบอกไว้อย่างนั้น!

    ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

    วีรภัทร ตั๊งวิบูลย์ชัย
    13 ตุลาคม 2567

    ภาพ: พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ โดยคุณ "วินทร์ เลียววาริณ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556
    ไดอารี่ "วันนวมินทรฯ" ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 แต่ปรากฏว่า จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจากปีนั้นมา แทบไม่ได้พัฒนาไปตามแนวทางนี้เลย จนเกิด "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2540 นี่แหละ คนไทยจำนวนไม่น้อยถึง "คิดได้" ขึ้นมา หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ "การจัดการความเสี่ยง" ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า "การกระจายความเสี่ยง" (หรือนัยหนึ่งคือ "จัดพอร์ต") นี่แหละ ช่วยให้ผม "ไม่เจ็บตัว" จนเกินไป จากการขาดทุนเมื่อตอนเริ่มซื้อกองทุนรวมครั้งแรก ถ้าเทียบ "เกษตรทฤษฎีใหม่" ซึ่งเป็น subset ของเศรษฐกิจพอเพียง ที่แบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินในสัดส่วน 3:3:3:1 กับการ "จัดพอร์ต" กองทุนรวม... ...จะว่าไปแล้ว แก่นแท้ของสองอย่างนี้ก็คือ Risk Management/Diversification นั่นเอง ในโอกาสของการรำลึกถึงล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนำ "คำสอน" ของพระองค์ไปสู่การปฏิบัติ "ประสบการณ์ตรง" ของผมบอกไว้อย่างนั้น! ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น วีรภัทร ตั๊งวิบูลย์ชัย 13 ตุลาคม 2567 ภาพ: พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ โดยคุณ "วินทร์ เลียววาริณ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประกันเลือกได้byPJ #ประกันชีวิต #insurance #risk
    #ประกันเลือกได้byPJ #ประกันชีวิต #insurance #risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • 🇺🇸🚨‼️ ชม: นักข่าวทนไม่ไหวแล้วและเผชิญหน้ากับโฆษกของรัฐเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมของสหรัฐฯ!

    “เราเบื่อเรื่องไร้สาระนี้แล้ว, คุณกำลังเสี่ยงต่อสงครามนิวเคลียร์ในยูเครนและสนับสนุนการก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา”
    .
    🇺🇸🚨‼️ WATCH: Journalist can’t take it anymore and confronts state spokesman on immoral U.S. behavior!

    “We’re sick of this bull**it, you’re risking a nuclear war in Ukraine and abetting geno**de in Gaza”
    .
    1:35 AM · Oct 9, 2024 · 567.8K Views
    https://x.com/MyLordBebo/status/1843721851383755043
    🇺🇸🚨‼️ ชม: นักข่าวทนไม่ไหวแล้วและเผชิญหน้ากับโฆษกของรัฐเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมของสหรัฐฯ! “เราเบื่อเรื่องไร้สาระนี้แล้ว, คุณกำลังเสี่ยงต่อสงครามนิวเคลียร์ในยูเครนและสนับสนุนการก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา” . 🇺🇸🚨‼️ WATCH: Journalist can’t take it anymore and confronts state spokesman on immoral U.S. behavior! “We’re sick of this bull**it, you’re risking a nuclear war in Ukraine and abetting geno**de in Gaza” . 1:35 AM · Oct 9, 2024 · 567.8K Views https://x.com/MyLordBebo/status/1843721851383755043
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • เกราะป้องกันนิวเคลียร์ของอิสราเอล: โรงงานนิวเคลียร์ Dimona ตกอยู่ในความเสี่ยง

    อิหร่านได้เพิ่มโรงงานนิวเคลียร์ Dimona ของอิสราเอลไว้ในรายชื่อเป้าหมายแล้ว ซึ่งสามารถถูกโจมตีได้ภายในไม่กี่นาที, หากอิสราเอลโจมตีอิหร่าน
    .
    ⚡🇮🇷 BREAKING NEWS

    ISRAEL'S NUCLEAR SHIELD: DIMONA NUCLEAR PLANT AT RISK

    Iran has already included Israel's Dimona nuclear plant on its target list which can be attacked within minutes, if Isreal attacks Iran.
    .
    1:21 AM · Oct 7, 2024 · 4,956 Views
    https://x.com/Monitor1514/status/1842993605230960897
    เกราะป้องกันนิวเคลียร์ของอิสราเอล: โรงงานนิวเคลียร์ Dimona ตกอยู่ในความเสี่ยง อิหร่านได้เพิ่มโรงงานนิวเคลียร์ Dimona ของอิสราเอลไว้ในรายชื่อเป้าหมายแล้ว ซึ่งสามารถถูกโจมตีได้ภายในไม่กี่นาที, หากอิสราเอลโจมตีอิหร่าน . ⚡🇮🇷 BREAKING NEWS ISRAEL'S NUCLEAR SHIELD: DIMONA NUCLEAR PLANT AT RISK Iran has already included Israel's Dimona nuclear plant on its target list which can be attacked within minutes, if Isreal attacks Iran. . 1:21 AM · Oct 7, 2024 · 4,956 Views https://x.com/Monitor1514/status/1842993605230960897
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 59 0 รีวิว
  • 🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
    ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูล
    ของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และ
    ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ผู้ประกอบธุรกิจ)
    เพื่อให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลเชิงลึกในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ
    และตลาดทุน รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานข้อมูล
    เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในตลาดทุน

    🚩ตามที่ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ
    และหลักเกณฑ์ที่เสนอปรับปรุงเกี่ยวกับการยื่นรายงานทรัพย์สิน
    ของลูกค้าและการทำธุรกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ
    โดยปรับปรุงการรายงานให้มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงลึก
    (granular data) เพื่อประโยชน์ในการติดตามกำกับดูแล
    ความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ

    🚩รวมทั้งความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) และความเป็น
    ระเบียบเรียบร้อยในตลาดทุน (fair and orderly market)
    เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม รวมทั้งจะทำให้
    ผู้ประกอบธุรกิจได้รับข้อมูลภาพรวมสำหรับใช้ประกอบการ
    บริหารความเสี่ยงด้วย

    นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
    เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล (open data)
    ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน

    🚩ก.ล.ต. จึงออกประกาศหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงแล้ว โดยได้นำ
    ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการเปิดรับฟัง
    ความคิดเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

    (1) ปรับปรุงขอบเขตการยื่นรายงานของผู้ประกอบธุรกิจ
    ให้รวมถึงการนำส่งข้อมูล หรือเอกสาร โดยจำกัดให้ครอบคลุม
    เท่าที่จำเป็น ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ ก.ล.ต.
    สามารถปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ
    หรือการคุ้มครองผู้ลงทุนได้

    (2) ปรับปรุงแบบรายงานทรัพย์สินลูกค้า และการทำธุรกรรม
    ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานข้อมูล
    รายละเอียดเชิงลึก แยกรายลูกค้าและรายหลักทรัพย์
    และกำหนดให้ยื่นต่อ ก.ล.ต. เป็นรายสัปดาห์

    ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว* จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567
    เป็นต้นไป

    ที่มา : ก.ล.ต.

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูล ของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ผู้ประกอบธุรกิจ) เพื่อให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลเชิงลึกในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ และตลาดทุน รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานข้อมูล เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในตลาดทุน 🚩ตามที่ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ และหลักเกณฑ์ที่เสนอปรับปรุงเกี่ยวกับการยื่นรายงานทรัพย์สิน ของลูกค้าและการทำธุรกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ โดยปรับปรุงการรายงานให้มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงลึก (granular data) เพื่อประโยชน์ในการติดตามกำกับดูแล ความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ 🚩รวมทั้งความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) และความเป็น ระเบียบเรียบร้อยในตลาดทุน (fair and orderly market) เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม รวมทั้งจะทำให้ ผู้ประกอบธุรกิจได้รับข้อมูลภาพรวมสำหรับใช้ประกอบการ บริหารความเสี่ยงด้วย นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล (open data) ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน 🚩ก.ล.ต. จึงออกประกาศหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงแล้ว โดยได้นำ ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการเปิดรับฟัง ความคิดเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ (1) ปรับปรุงขอบเขตการยื่นรายงานของผู้ประกอบธุรกิจ ให้รวมถึงการนำส่งข้อมูล หรือเอกสาร โดยจำกัดให้ครอบคลุม เท่าที่จำเป็น ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ ก.ล.ต. สามารถปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการคุ้มครองผู้ลงทุนได้ (2) ปรับปรุงแบบรายงานทรัพย์สินลูกค้า และการทำธุรกรรม ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานข้อมูล รายละเอียดเชิงลึก แยกรายลูกค้าและรายหลักทรัพย์ และกำหนดให้ยื่นต่อ ก.ล.ต. เป็นรายสัปดาห์ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว* จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ที่มา : ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียตามข้อเท็จจริงและตัวเลข

    ประธานาธิบดีปูตินเสนอแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น, รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกลยุทธ์สงครามลูกผสมของนาโต้ นี่คือสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่ยิงจากพื้นดิน, ทางทะเล และทางอากาศเพื่อป้องกันการรุกราน:

    ◻️ อย่างเป็นทางการ, จำนวนและประเภทของอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียครอบครองเป็นความลับของรัฐที่ปกปิดไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม, การประมาณการโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้, รวมถึงวารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์, สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม, สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน, และข้อมูลที่รวบรวมโดยสื่อของรัสเซีย ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการและกระทรวงกลาโหม, ทำให้ทราบถึงศักยภาพของประเทศอย่างคร่าวๆ

    ◻️ รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑,๗๑๐ หัวที่ติดตั้งในเรือบรรทุกเครื่องบินต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง, โดยมีอีก ๒,๖๗๐ หัวที่อยู่ในคลังเก็บ, และอีก ๑,๒๐๐ หัวที่ปลดระวางและอยู่ระหว่างการรื้อถอน, ทำให้มีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด ๕,๕๘๐ หัว, ตามข้อมูลของ FAS ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา START ใหม่ปี ๒๐๑๐ ซึ่งถูกระงับไปแล้ว โดยอนุญาตให้มหาอำนาจนิวเคลียร์สามารถเก็บขีปนาวุธและเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ติดตั้งแล้ว ๗๐๐ ลูก, หัวรบนิวเคลียร์ที่ติดตั้งแล้ว ๑,๕๕๐ หัว (รวมถึงหัวรบขีปนาวุธที่มีหลายหัวรบ ซึ่งเรียกว่า MIRV) และเครื่องบินทิ้งระเบิด, และเครื่องยิงที่ติดตั้งแล้วและไม่ได้ติดตั้งอีก ๘๐๐ เครื่อง (ในรูปแบบท่อขีปนาวุธ และเครื่องบินทิ้งระเบิด)

    คลังอาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (กล่าวคือ อาวุธนิวเคลียร์ที่มุ่งเป้าไปที่การรักษาสมดุลของการก่อการร้ายแบบ "ทำลายล้างซึ่งกันและกัน" ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีหรือในสนามรบ, ซึ่งไม่ได้นำมาพิจารณาที่นี่) สามารถแบ่งแยกได้โดยระบบยิงบนพื้นดิน, เรือดำน้ำ, และเครื่องบิน

    ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากภาคพื้นดิน

    ◻️ RS-24 Yars: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนนหรือติดตั้งในไซโล, โดยแต่ละลูกสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ ๓ หัว โดยสามารถยิงได้ ๒๐๐ นอต รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๗๗๒ ลูกสำหรับขีปนาวุธเหล่านี้

    ◻️ Topol-M: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนน/ติดตั้งในไซโลอีกชนิดหนึ่ง, ซึ่งบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๘๐๐ นอตได้ ๑ หัว รัสเซียมี ๗๘ หัวในคลังอาวุธ

    ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: ICBM จากภาคพื้นดินที่บรรทุกหัวรบได้ ๕๕๐-๗๕๐ นอต โดยบรรจุหัวรบนิวเคลียร์หรือตัวล่อได้ ๑๐ หัว รัสเซียมีขีปนาวุธ Voevodas ๔๖ ลูก พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๔๐ ลูก

    ◻️ RS-28 Sarmat: ขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดใหม่ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง ๑๖ ลูก โดยแต่ละลูกสามารถยิงได้ ๗๕๐ นอต คาดว่าจะมีขีปนาวุธ Sarmats ทั้งหมด ๔๖ ลูก โดยลูกแรกจะนำไปใช้งานในปี ๒๐๒๓

    ◻️ Avangard: ยานร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากขีปนาวุธ Voevoda หรือ Sarmat ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันขีปนาวุธ โดยคาดว่าสามารถยิงได้ ๘๐๐ นอตถึง ๒ เมกะตัน ปัจจุบันรัสเซียมีระบบ Avangard อยู่ ๗ ระบบ

    ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากทะเล

    ◾️ RSM-56 Bulava: ขีปนาวุธปล่อยใต้พื้นดินนี้เป็นกระดูกสันหลังของส่วนประกอบทางเรือของอาวุธนิวเคลียร์สามชนิดของรัสเซีย ขีปนาวุธแต่ละลูกบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๖-๑๐ ลูก โดยสามารถยิงได้ ๑๐๐-๑๕๐ นอต (รวมหัวรบนิวเคลียร์ ๕๗๖ หัว) เรือดำน้ำติดอาวุธ Bulavas ลาดตระเวนในทะเลเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิก รอการโจมตีตอบโต้

    ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBM ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ๔x๕๐๐ kt หรือ ๑๐-๑๒x๑๐๐ kt คลังอาวุธทั้งหมดมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๒๐ หัว

    การส่งอาวุธนิวเคลียร์จากอากาศ

    🔹 Tu-95MS: เครื่องบินทิ้งระเบิดเทอร์โบพร็อพความเร็วต่ำกว่าเสียงซึ่งบรรทุกขีปนาวุธร่อนนิวเคลียร์ Kh-55 หรือ Kh-102 โดย Kh-55 มีแรงส่ง ๒๐๐-๕๐๐ kt ส่วน Kh-102 มีระยะยิงตั้งแต่ ๒๕๐ kt ถึง ๑ เมกะตัน เครื่องบินทิ้งระเบิดแต่ละลำสามารถบรรทุก Kh-55 ได้สูงสุด ๖ ลูก หรือ Kh-102 ได้สูงสุด ๘ ลูก คลังอาวุธทั้งหมดโดยประมาณ: หัวรบนิวเคลียร์ ๔๔๘ หัว

    🔹 Tu-160: เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง โดยแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Kh-55/102 ได้สูงสุด ๖ ลูก รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๓๒ ลูกที่ประจำการอยู่ในกองเรือทิ้งระเบิดนี้
    .
    RUSSIA’S ARSENAL OF STRATEGIC NUCLEAR WARHEADS IN FACTS AND FIGURES

    President Putin proposed amendments to Russia’s nuclear doctrine this week to account for emerging threats, including risks posed by NATO’s hybrid warfare strategy. Here’s what to know about Russia’s aggression-deterring arsenal of land, sea and air-launched strategic nuclear warheads:

    ◻️ Officially, the number and type of nuclear weapons possessed by Russia are closely-guarded state secret. However, estimates based on respected sources, including the Bulletin of the Atomic Scientists, the Stockholm International Peace Research Institute, the Federation of American Scientists, and information pieced together by Russian media based on official and MoD statements, give a rough idea of the country’s potential.

    ◻️ Russia has an estimated 1,710 warheads deployed in various carriers at any given time, with another 2,670 in storage, and 1,200 more retired and in the process of being dismantled, for a total of 5,580, according to FAS. That’s well within the limits set out by the now-suspended 2010 New START Treaty, which allows the nuclear superpowers to keep 700 deployed missiles and bombers, 1,550 deployed warheads (including missile payloads containing multiple warheads – known as MIRVs) and bombers, and 800 deployed and non-deployed launchers (in missile tube and bomber form).

    Russia’s strategic arsenal (i.e. nuclear weapons aimed at maintaining the ‘mutually assured destruction’ balance of terror, not tactical or battlefield nukes, which are not accounted for here) can be broken down by their ground, submarine and aircraft-based launch systems.

    Ground-Based Nuclear Missiles

    ◻️ RS-24 Yars: Road-mobile or silo-based, each missile carries up to three warheads with a 200-kt yield. Russia has about 772 warheads for these missiles.

    ◻️ Topol-M: Another road-mobile/silo-based missile, it carries a single 800-kt warhead. Russia has 78 in its arsenal.

    ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: Ground-based ICBM with a 550-750 kt payload, carrying up to 10 warheads or decoys. Russia has 46 Voevodas, with about 340 warheads.

    ◻️ RS-28 Sarmat: New ICBM capable of carrying up to 16 warheads, each with a 750-kt yield. Total of 46 Sarmats expected, with the first deployed in 2023.

    ◻️ Avangard: Hypersonic glide vehicles launched from Voevoda or Sarmat ICBMs, designed to evade missile defenses. Yield estimated between 800 kt and 2 megatons. Russia currently has seven Avangard systems.

    Sea-Based Nuclear Missiles

    ◾️ RSM-56 Bulava: This sub-launched missile is the backbone of the naval component of Russia's nuclear triad. Each missile carries 6-10 warheads with a 100-150 kt yield (576 warheads total). Subs armed with Bulavas patrol the North Sea, the Atlantic and Pacific Oceans, waiting for a counterstrike.

    ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBMs with either 4x500 kt or 10-12x100 kt warheads. Total arsenal includes about 320 warheads.

    Air-Based Nuclear Delivery

    🔹 Tu-95MS: Subsonic turboprop bombers carrying Kh-55 or Kh-102 nuclear cruise missiles. Kh-55s have a 200-500 kt yield, while Kh-102s range from 250 kt to 1 megaton. Each bomber can carry up to six Kh-55s or eight Kh-102s. Estimated total arsenal: 448 warheads.

    🔹 Tu-160: Supersonic strategic bombers, each capable of carrying up to six Kh-55/102 cruise missiles. Russia has around 132 warheads assigned to this bomber fleet.
    .
    Last edited 12:06 AM · Sep 28, 2024 · 7,582 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839713179682910420
    คลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียตามข้อเท็จจริงและตัวเลข ประธานาธิบดีปูตินเสนอแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น, รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกลยุทธ์สงครามลูกผสมของนาโต้ นี่คือสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่ยิงจากพื้นดิน, ทางทะเล และทางอากาศเพื่อป้องกันการรุกราน: ◻️ อย่างเป็นทางการ, จำนวนและประเภทของอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียครอบครองเป็นความลับของรัฐที่ปกปิดไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม, การประมาณการโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้, รวมถึงวารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์, สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม, สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน, และข้อมูลที่รวบรวมโดยสื่อของรัสเซีย ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการและกระทรวงกลาโหม, ทำให้ทราบถึงศักยภาพของประเทศอย่างคร่าวๆ ◻️ รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑,๗๑๐ หัวที่ติดตั้งในเรือบรรทุกเครื่องบินต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง, โดยมีอีก ๒,๖๗๐ หัวที่อยู่ในคลังเก็บ, และอีก ๑,๒๐๐ หัวที่ปลดระวางและอยู่ระหว่างการรื้อถอน, ทำให้มีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด ๕,๕๘๐ หัว, ตามข้อมูลของ FAS ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา START ใหม่ปี ๒๐๑๐ ซึ่งถูกระงับไปแล้ว โดยอนุญาตให้มหาอำนาจนิวเคลียร์สามารถเก็บขีปนาวุธและเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ติดตั้งแล้ว ๗๐๐ ลูก, หัวรบนิวเคลียร์ที่ติดตั้งแล้ว ๑,๕๕๐ หัว (รวมถึงหัวรบขีปนาวุธที่มีหลายหัวรบ ซึ่งเรียกว่า MIRV) และเครื่องบินทิ้งระเบิด, และเครื่องยิงที่ติดตั้งแล้วและไม่ได้ติดตั้งอีก ๘๐๐ เครื่อง (ในรูปแบบท่อขีปนาวุธ และเครื่องบินทิ้งระเบิด) คลังอาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (กล่าวคือ อาวุธนิวเคลียร์ที่มุ่งเป้าไปที่การรักษาสมดุลของการก่อการร้ายแบบ "ทำลายล้างซึ่งกันและกัน" ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีหรือในสนามรบ, ซึ่งไม่ได้นำมาพิจารณาที่นี่) สามารถแบ่งแยกได้โดยระบบยิงบนพื้นดิน, เรือดำน้ำ, และเครื่องบิน ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากภาคพื้นดิน ◻️ RS-24 Yars: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนนหรือติดตั้งในไซโล, โดยแต่ละลูกสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ ๓ หัว โดยสามารถยิงได้ ๒๐๐ นอต รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๗๗๒ ลูกสำหรับขีปนาวุธเหล่านี้ ◻️ Topol-M: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนน/ติดตั้งในไซโลอีกชนิดหนึ่ง, ซึ่งบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๘๐๐ นอตได้ ๑ หัว รัสเซียมี ๗๘ หัวในคลังอาวุธ ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: ICBM จากภาคพื้นดินที่บรรทุกหัวรบได้ ๕๕๐-๗๕๐ นอต โดยบรรจุหัวรบนิวเคลียร์หรือตัวล่อได้ ๑๐ หัว รัสเซียมีขีปนาวุธ Voevodas ๔๖ ลูก พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๔๐ ลูก ◻️ RS-28 Sarmat: ขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดใหม่ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง ๑๖ ลูก โดยแต่ละลูกสามารถยิงได้ ๗๕๐ นอต คาดว่าจะมีขีปนาวุธ Sarmats ทั้งหมด ๔๖ ลูก โดยลูกแรกจะนำไปใช้งานในปี ๒๐๒๓ ◻️ Avangard: ยานร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากขีปนาวุธ Voevoda หรือ Sarmat ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันขีปนาวุธ โดยคาดว่าสามารถยิงได้ ๘๐๐ นอตถึง ๒ เมกะตัน ปัจจุบันรัสเซียมีระบบ Avangard อยู่ ๗ ระบบ ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากทะเล ◾️ RSM-56 Bulava: ขีปนาวุธปล่อยใต้พื้นดินนี้เป็นกระดูกสันหลังของส่วนประกอบทางเรือของอาวุธนิวเคลียร์สามชนิดของรัสเซีย ขีปนาวุธแต่ละลูกบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๖-๑๐ ลูก โดยสามารถยิงได้ ๑๐๐-๑๕๐ นอต (รวมหัวรบนิวเคลียร์ ๕๗๖ หัว) เรือดำน้ำติดอาวุธ Bulavas ลาดตระเวนในทะเลเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิก รอการโจมตีตอบโต้ ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBM ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ๔x๕๐๐ kt หรือ ๑๐-๑๒x๑๐๐ kt คลังอาวุธทั้งหมดมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๒๐ หัว การส่งอาวุธนิวเคลียร์จากอากาศ 🔹 Tu-95MS: เครื่องบินทิ้งระเบิดเทอร์โบพร็อพความเร็วต่ำกว่าเสียงซึ่งบรรทุกขีปนาวุธร่อนนิวเคลียร์ Kh-55 หรือ Kh-102 โดย Kh-55 มีแรงส่ง ๒๐๐-๕๐๐ kt ส่วน Kh-102 มีระยะยิงตั้งแต่ ๒๕๐ kt ถึง ๑ เมกะตัน เครื่องบินทิ้งระเบิดแต่ละลำสามารถบรรทุก Kh-55 ได้สูงสุด ๖ ลูก หรือ Kh-102 ได้สูงสุด ๘ ลูก คลังอาวุธทั้งหมดโดยประมาณ: หัวรบนิวเคลียร์ ๔๔๘ หัว 🔹 Tu-160: เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง โดยแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Kh-55/102 ได้สูงสุด ๖ ลูก รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๓๒ ลูกที่ประจำการอยู่ในกองเรือทิ้งระเบิดนี้ . RUSSIA’S ARSENAL OF STRATEGIC NUCLEAR WARHEADS IN FACTS AND FIGURES President Putin proposed amendments to Russia’s nuclear doctrine this week to account for emerging threats, including risks posed by NATO’s hybrid warfare strategy. Here’s what to know about Russia’s aggression-deterring arsenal of land, sea and air-launched strategic nuclear warheads: ◻️ Officially, the number and type of nuclear weapons possessed by Russia are closely-guarded state secret. However, estimates based on respected sources, including the Bulletin of the Atomic Scientists, the Stockholm International Peace Research Institute, the Federation of American Scientists, and information pieced together by Russian media based on official and MoD statements, give a rough idea of the country’s potential. ◻️ Russia has an estimated 1,710 warheads deployed in various carriers at any given time, with another 2,670 in storage, and 1,200 more retired and in the process of being dismantled, for a total of 5,580, according to FAS. That’s well within the limits set out by the now-suspended 2010 New START Treaty, which allows the nuclear superpowers to keep 700 deployed missiles and bombers, 1,550 deployed warheads (including missile payloads containing multiple warheads – known as MIRVs) and bombers, and 800 deployed and non-deployed launchers (in missile tube and bomber form). Russia’s strategic arsenal (i.e. nuclear weapons aimed at maintaining the ‘mutually assured destruction’ balance of terror, not tactical or battlefield nukes, which are not accounted for here) can be broken down by their ground, submarine and aircraft-based launch systems. Ground-Based Nuclear Missiles ◻️ RS-24 Yars: Road-mobile or silo-based, each missile carries up to three warheads with a 200-kt yield. Russia has about 772 warheads for these missiles. ◻️ Topol-M: Another road-mobile/silo-based missile, it carries a single 800-kt warhead. Russia has 78 in its arsenal. ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: Ground-based ICBM with a 550-750 kt payload, carrying up to 10 warheads or decoys. Russia has 46 Voevodas, with about 340 warheads. ◻️ RS-28 Sarmat: New ICBM capable of carrying up to 16 warheads, each with a 750-kt yield. Total of 46 Sarmats expected, with the first deployed in 2023. ◻️ Avangard: Hypersonic glide vehicles launched from Voevoda or Sarmat ICBMs, designed to evade missile defenses. Yield estimated between 800 kt and 2 megatons. Russia currently has seven Avangard systems. Sea-Based Nuclear Missiles ◾️ RSM-56 Bulava: This sub-launched missile is the backbone of the naval component of Russia's nuclear triad. Each missile carries 6-10 warheads with a 100-150 kt yield (576 warheads total). Subs armed with Bulavas patrol the North Sea, the Atlantic and Pacific Oceans, waiting for a counterstrike. ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBMs with either 4x500 kt or 10-12x100 kt warheads. Total arsenal includes about 320 warheads. Air-Based Nuclear Delivery 🔹 Tu-95MS: Subsonic turboprop bombers carrying Kh-55 or Kh-102 nuclear cruise missiles. Kh-55s have a 200-500 kt yield, while Kh-102s range from 250 kt to 1 megaton. Each bomber can carry up to six Kh-55s or eight Kh-102s. Estimated total arsenal: 448 warheads. 🔹 Tu-160: Supersonic strategic bombers, each capable of carrying up to six Kh-55/102 cruise missiles. Russia has around 132 warheads assigned to this bomber fleet. . Last edited 12:06 AM · Sep 28, 2024 · 7,582 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839713179682910420
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 927 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕

    การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก

    สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

    นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ

    ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก

    จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣

    วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ
    .
    Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025

    The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg.

    At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year.

    That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated.

    Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West.

    Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home.

    The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border.
    .
    11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕ การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣 วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ . Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025 The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg. At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year. That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated. Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West. Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home. The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border. . 11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food...

    These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality

    This one for example, zinc always have to go together with copper.

    Zinc : Copper ... approximately 10 : 2

    Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result

    Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine

    https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them

    Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food... These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality This one for example, zinc always have to go together with copper. Zinc : Copper ... approximately 10 : 2 Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑 Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇨🇳 🇺🇸 จีนกล่าวว่า "สหรัฐฯเป็นแหล่งที่มาหลักของภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ในโลก"
    .
    🇨🇳 🇺🇸 China says "the United States is the primary source of nuclear threat and strategic risks in the world."
    .
    4:46 AM · Sep 21, 2024 · 97.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1837247066755445085
    🇨🇳 🇺🇸 จีนกล่าวว่า "สหรัฐฯเป็นแหล่งที่มาหลักของภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ในโลก" . 🇨🇳 🇺🇸 China says "the United States is the primary source of nuclear threat and strategic risks in the world." . 4:46 AM · Sep 21, 2024 · 97.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1837247066755445085
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว