เล่าให้ฟังใหม่: คนอังกฤษแห่ใช้ Proxy แทน VPN เพื่อหลบเลี่ยงการยืนยันอายุ — แต่ความปลอดภัยอาจเป็นสิ่งที่ต้องแลก
หลังจากที่สหราชอาณาจักรเริ่มบังคับใช้กฎหมาย Online Safety Act ซึ่งกำหนดให้เว็บไซต์ต้องมีระบบยืนยันอายุผู้ใช้งาน เช่น การสแกนใบหน้า การใช้บัตรเครดิต หรือการอัปโหลดเอกสารทางราชการ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเริ่มรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของตนถูกละเมิด
ผลคือ มีการหันมาใช้เครื่องมือหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น VPN และ proxy อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ proxy ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 88% จากผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Proxy และ VPN ต่างก็ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด แต่ proxy มักไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้อาจถูกมองเห็นได้โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือบุคคลที่สาม ในขณะที่ VPN มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่งปลอดภัยกว่า
แม้ proxy จะมีข้อดีในด้านความเร็ว ความยืดหยุ่น และการหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในยุคที่การละเมิดข้อมูลส่วนตัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักรหันมาใช้ proxy เพื่อหลบเลี่ยงการยืนยันอายุ
การใช้งาน proxy เพิ่มขึ้น 88% และจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น 65%
กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้
ส่งผลกระทบต่อทั้งเว็บไซต์ผู้ใหญ่และโซเชียลมีเดีย เช่น Reddit และ X
Proxy ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์
ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด
VPN มีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end
ปลอดภัยกว่าการใช้ proxy ที่ไม่มีการเข้ารหัส
บริษัทในสหราชอาณาจักรเริ่มใช้ proxy เพื่อการวิจัยตลาดและการจัดการข้อมูล
เช่น การติดตามราคาสินค้า การตรวจสอบโฆษณา และการป้องกันบอท
Proxy มีความยืดหยุ่นสูง เช่น การเปลี่ยน IP แบบไดนามิกและการกำหนดตำแหน่งเฉพาะ
เหมาะกับงานที่ต้องการควบคุม footprint ดิจิทัล
https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/brits-are-turning-from-vpns-to-proxies-to-resist-age-verification-but-their-data-may-be-at-risk
หลังจากที่สหราชอาณาจักรเริ่มบังคับใช้กฎหมาย Online Safety Act ซึ่งกำหนดให้เว็บไซต์ต้องมีระบบยืนยันอายุผู้ใช้งาน เช่น การสแกนใบหน้า การใช้บัตรเครดิต หรือการอัปโหลดเอกสารทางราชการ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเริ่มรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของตนถูกละเมิด
ผลคือ มีการหันมาใช้เครื่องมือหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น VPN และ proxy อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ proxy ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 88% จากผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Proxy และ VPN ต่างก็ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด แต่ proxy มักไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้อาจถูกมองเห็นได้โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือบุคคลที่สาม ในขณะที่ VPN มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่งปลอดภัยกว่า
แม้ proxy จะมีข้อดีในด้านความเร็ว ความยืดหยุ่น และการหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในยุคที่การละเมิดข้อมูลส่วนตัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักรหันมาใช้ proxy เพื่อหลบเลี่ยงการยืนยันอายุ
การใช้งาน proxy เพิ่มขึ้น 88% และจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น 65%
กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้
ส่งผลกระทบต่อทั้งเว็บไซต์ผู้ใหญ่และโซเชียลมีเดีย เช่น Reddit และ X
Proxy ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์
ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด
VPN มีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end
ปลอดภัยกว่าการใช้ proxy ที่ไม่มีการเข้ารหัส
บริษัทในสหราชอาณาจักรเริ่มใช้ proxy เพื่อการวิจัยตลาดและการจัดการข้อมูล
เช่น การติดตามราคาสินค้า การตรวจสอบโฆษณา และการป้องกันบอท
Proxy มีความยืดหยุ่นสูง เช่น การเปลี่ยน IP แบบไดนามิกและการกำหนดตำแหน่งเฉพาะ
เหมาะกับงานที่ต้องการควบคุม footprint ดิจิทัล
https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/brits-are-turning-from-vpns-to-proxies-to-resist-age-verification-but-their-data-may-be-at-risk
🕵️♂️🌐 เล่าให้ฟังใหม่: คนอังกฤษแห่ใช้ Proxy แทน VPN เพื่อหลบเลี่ยงการยืนยันอายุ — แต่ความปลอดภัยอาจเป็นสิ่งที่ต้องแลก
หลังจากที่สหราชอาณาจักรเริ่มบังคับใช้กฎหมาย Online Safety Act ซึ่งกำหนดให้เว็บไซต์ต้องมีระบบยืนยันอายุผู้ใช้งาน เช่น การสแกนใบหน้า การใช้บัตรเครดิต หรือการอัปโหลดเอกสารทางราชการ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเริ่มรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของตนถูกละเมิด
ผลคือ มีการหันมาใช้เครื่องมือหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น VPN และ proxy อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ proxy ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 88% จากผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Proxy และ VPN ต่างก็ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด แต่ proxy มักไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้อาจถูกมองเห็นได้โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือบุคคลที่สาม ในขณะที่ VPN มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่งปลอดภัยกว่า
แม้ proxy จะมีข้อดีในด้านความเร็ว ความยืดหยุ่น และการหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในยุคที่การละเมิดข้อมูลส่วนตัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
✅ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักรหันมาใช้ proxy เพื่อหลบเลี่ยงการยืนยันอายุ
➡️ การใช้งาน proxy เพิ่มขึ้น 88% และจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น 65%
✅ กฎหมาย Online Safety Act บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้
➡️ ส่งผลกระทบต่อทั้งเว็บไซต์ผู้ใหญ่และโซเชียลมีเดีย เช่น Reddit และ X
✅ Proxy ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์
➡️ ช่วยซ่อน IP และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด
✅ VPN มีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end
➡️ ปลอดภัยกว่าการใช้ proxy ที่ไม่มีการเข้ารหัส
✅ บริษัทในสหราชอาณาจักรเริ่มใช้ proxy เพื่อการวิจัยตลาดและการจัดการข้อมูล
➡️ เช่น การติดตามราคาสินค้า การตรวจสอบโฆษณา และการป้องกันบอท
✅ Proxy มีความยืดหยุ่นสูง เช่น การเปลี่ยน IP แบบไดนามิกและการกำหนดตำแหน่งเฉพาะ
➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการควบคุม footprint ดิจิทัล
https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/brits-are-turning-from-vpns-to-proxies-to-resist-age-verification-but-their-data-may-be-at-risk
0 Comments
0 Shares
36 Views
0 Reviews