• เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน
    สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
    👇👇
    direct IG Instagram: lookatmebybp facebook fanpage: Look At Me by BP
    LINE OFFICIAL: @lookatme_bp
    Tiktok: look@me by BP
    Shopee:look@me by BP
    #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้
    เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ 👇👇 direct IG Instagram: lookatmebybp facebook fanpage: Look At Me by BP LINE OFFICIAL: @lookatme_bp Tiktok: look@me by BP Shopee:look@me by BP #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Goodnight 😴🪐✨
    https://youtu.be/pAyKJAtDNCw?si=-JM03GA6XshibUWM
    Goodnight 😴🪐✨ https://youtu.be/pAyKJAtDNCw?si=-JM03GA6XshibUWM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight 🌙✨
    https://youtu.be/vrdCurV0oIc?si=2ue8S1rEi3QGm5UC
    Goodnight 🌙✨ https://youtu.be/vrdCurV0oIc?si=2ue8S1rEi3QGm5UC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight 😪
    https://youtu.be/EitcsHeNmtY?si=RuuHMLg-y94sctFh
    Goodnight 😪 https://youtu.be/EitcsHeNmtY?si=RuuHMLg-y94sctFh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight 🥱😴
    https://youtu.be/CmyT8wsJ_jc?si=Hotqc4qQZul7sOqT
    Goodnight 🥱😴 https://youtu.be/CmyT8wsJ_jc?si=Hotqc4qQZul7sOqT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ

    'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว

    'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา

    ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์

    สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน)

    หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ 'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว 'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์ สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน) หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • 82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย

    ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย

    ความหมายของ “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่
    “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม"
    “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี"

    เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง”

    ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย

    จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย

    หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา

    ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น
    ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น

    “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน
    “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่

    คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ

    การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน
    แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น

    “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า
    “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน
    “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น
    “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน

    อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง

    การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย
    การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น

    ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ
    ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง
    ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น

    นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น
    ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์
    ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า
    ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน

    “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล
    แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น

    - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต
    - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล
    - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย

    การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น

    “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย
    การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน

    “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568

    #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย ความหมายของ “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่ “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม" “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี" เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง” ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่ คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568 #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมจากหนัง Transformers The Last Knight
    “ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด”
    คำคมจากหนัง Transformers The Last Knight “ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก
    .
    กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต)
    .
    ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก
    .
    ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด
    .
    งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์
    .
    แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก
    .
    40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด
    .
    .
    1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything."

    "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง"
    .
    .
    2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something."

    "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง"
    .
    .
    3. "The beginning is the most important part of the work."

    "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน"
    .
    .
    4. "No one is more hated than he who speaks the truth."

    "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง"
    .
    .
    5. "Necessity is the mother of invention."
    "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น"
    .
    .
    6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge."

    "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้"
    .
    .
    7. "The measure of a man is what he does with power."

    "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ"
    .
    .
    8. "The first and best victory is to conquer self."

    "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง"
    .
    .
    9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves."

    "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน"
    .
    .
    10. "Those who tell the stories rule society."

    "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม"
    .
    .
    11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself."

    "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้"
    .
    .
    12. "Ignorance, the root and the stem of every evil."

    "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง"
    .
    .
    13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light."

    "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง"
    .
    .
    14. "The worst form of injustice is pretended justice."

    "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม"
    .
    .
    15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance."

    "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา"
    .
    .
    16. "Geometry existed before creation."

    "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์"
    .
    .
    17. "Writing is the geometry of the soul."
    "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ"
    .
    .
    18. "Courage is knowing what not to fear."

    "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว"
    .
    .
    19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers."

    "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด"
    .
    .
    20. "Education is teaching our children to desire the right things."

    "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง"
    .
    .
    21. "Philosophy is the highest music."

    "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด"
    .
    .
    22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain."

    "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์"
    .
    .
    23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each."

    "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ"
    .
    .
    24. "You should not honor men more than truth."

    "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง"
    .
    .
    25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men."

    "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน"
    .
    .
    26. "At the touch of love everyone becomes a poet."

    "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี"
    .
    .
    27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil."

    "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง"
    .
    .
    28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser."

    "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก"
    .
    .
    29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so."

    "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี"
    .
    .
    30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy."

    "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา"
    .
    .
    31. "Courage is a kind of salvation."

    "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น"
    .
    .
    32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not."

    "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่"
    .
    .
    33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker."

    "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า"
    .
    .
    34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth."

    "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น"
    .
    .
    35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want."

    "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด"
    .
    .
    36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age."

    "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา"
    .
    .
    37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others."

    "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้"
    .
    .
    38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road."

    "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน"
    .
    .
    39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright."

    "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น"
    .
    .
    40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they."

    "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า"
    .
    .
    .
    .
    #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก . กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต) . ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก . ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด . งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์ . แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก . 40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด . . 1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything." "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง" . . 2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something." "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง" . . 3. "The beginning is the most important part of the work." "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน" . . 4. "No one is more hated than he who speaks the truth." "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง" . . 5. "Necessity is the mother of invention." "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น" . . 6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge." "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้" . . 7. "The measure of a man is what he does with power." "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ" . . 8. "The first and best victory is to conquer self." "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง" . . 9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves." "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน" . . 10. "Those who tell the stories rule society." "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม" . . 11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself." "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้" . . 12. "Ignorance, the root and the stem of every evil." "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง" . . 13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light." "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง" . . 14. "The worst form of injustice is pretended justice." "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม" . . 15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance." "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา" . . 16. "Geometry existed before creation." "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์" . . 17. "Writing is the geometry of the soul." "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ" . . 18. "Courage is knowing what not to fear." "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว" . . 19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers." "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด" . . 20. "Education is teaching our children to desire the right things." "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง" . . 21. "Philosophy is the highest music." "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด" . . 22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain." "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์" . . 23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each." "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ" . . 24. "You should not honor men more than truth." "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง" . . 25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men." "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน" . . 26. "At the touch of love everyone becomes a poet." "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี" . . 27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil." "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง" . . 28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser." "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก" . . 29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so." "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี" . . 30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy." "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา" . . 31. "Courage is a kind of salvation." "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น" . . 32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not." "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่" . . 33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker." "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า" . . 34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth." "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น" . . 35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want." "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด" . . 36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age." "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา" . . 37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others." "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้" . . 38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road." "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน" . . 39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright." "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น" . . 40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they." "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า" . . . . #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดเถิด.. ลมหนาว - SHAW SHERRY DUCK
    คำร้อง/ทำนอง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    เรียบเรียง - นิรนาม&ชอว์
    เปียโน - นิรนาม
    โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    อัลบั้ม - More Sugar Tonight
    สังกัด - Hits Maker (รถไฟดนตรี) ปี 2541
    Edit Clip Video - รวย จัง ชอว์

    #โปรดเถิดลมหนาว
    #lovesongs #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    โปรดเถิด.. ลมหนาว - SHAW SHERRY DUCK คำร้อง/ทำนอง - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก เรียบเรียง - นิรนาม&ชอว์ เปียโน - นิรนาม โปรดิวเซอร์ - ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก อัลบั้ม - More Sugar Tonight สังกัด - Hits Maker (รถไฟดนตรี) ปี 2541 Edit Clip Video - รวย จัง ชอว์ #โปรดเถิดลมหนาว #lovesongs #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • มีการโจมตีด้วยมัลแวร์ที่แฝงตัวใน GitHub ผ่าน PoC ปลอมของ LDAPNightmare

    เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 มีการรายงานการโจมตีด้วยมัลแวร์ที่แฝงตัวใน GitHub ผ่าน PoC ปลอมของช่องโหว่ CVE-2024-49113 หรือที่รู้จักกันในชื่อ "LDAPNightmare" โดยมัลแวร์นี้จะขโมยข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้และส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ภายนอก

    การโจมตีนี้ถูกค้นพบโดย Trend Micro ซึ่งพบว่าโครงการใน GitHub ที่ดูเหมือนจะถูก fork มาจาก PoC ที่ถูกต้องของ SafeBreach Labs สำหรับ CVE-2024-49113 แต่จริง ๆ แล้วเป็นมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลด PoC จาก repository ที่เป็นอันตรายนี้ จะได้รับไฟล์ปฏิบัติการ 'poc.exe' ที่บรรจุด้วย UPX ซึ่งเมื่อรันแล้วจะปล่อยสคริปต์ PowerShell ในโฟลเดอร์ %Temp% ของเหยื่อ สคริปต์นี้จะสร้างงานที่กำหนดเวลาไว้ในระบบที่ถูกโจมตี ซึ่งจะรันสคริปต์ที่เข้ารหัสเพื่อดึงสคริปต์ที่สามจาก Pastebin

    Payload สุดท้ายจะรวบรวมข้อมูลคอมพิวเตอร์ รายการกระบวนการ รายการไดเรกทอรี ที่อยู่ IP และข้อมูลอะแดปเตอร์เครือข่าย รวมถึงการอัปเดตที่ติดตั้ง และอัปโหลดข้อมูลเหล่านี้ในรูปแบบ ZIP ไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ภายนอกโดยใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกฝังไว้

    PoC หรือ Proof of Concept คือการทดสอบหรือการสาธิตเพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดหรือทฤษฎีสามารถทำงานได้จริงในทางปฏิบัติ PoC มักถูกใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่หรือการโจมตีที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระบบหรือซอฟต์แวร์

    ในกรณีนี้ PoC ที่เผยแพร่นี้ดันเป็นของที่ถูกใส่โค้ดอันตรายเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้มาด้วย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดและแหล่งที่มาของ PoC ก่อนที่จะรันบนระบบของตนเอง เพื่อป้องกันการติดมัลแวร์หรือการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/fake-ldapnightmware-exploit-on-github-spreads-infostealer-malware/
    มีการโจมตีด้วยมัลแวร์ที่แฝงตัวใน GitHub ผ่าน PoC ปลอมของ LDAPNightmare เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 มีการรายงานการโจมตีด้วยมัลแวร์ที่แฝงตัวใน GitHub ผ่าน PoC ปลอมของช่องโหว่ CVE-2024-49113 หรือที่รู้จักกันในชื่อ "LDAPNightmare" โดยมัลแวร์นี้จะขโมยข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้และส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ภายนอก การโจมตีนี้ถูกค้นพบโดย Trend Micro ซึ่งพบว่าโครงการใน GitHub ที่ดูเหมือนจะถูก fork มาจาก PoC ที่ถูกต้องของ SafeBreach Labs สำหรับ CVE-2024-49113 แต่จริง ๆ แล้วเป็นมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลด PoC จาก repository ที่เป็นอันตรายนี้ จะได้รับไฟล์ปฏิบัติการ 'poc.exe' ที่บรรจุด้วย UPX ซึ่งเมื่อรันแล้วจะปล่อยสคริปต์ PowerShell ในโฟลเดอร์ %Temp% ของเหยื่อ สคริปต์นี้จะสร้างงานที่กำหนดเวลาไว้ในระบบที่ถูกโจมตี ซึ่งจะรันสคริปต์ที่เข้ารหัสเพื่อดึงสคริปต์ที่สามจาก Pastebin Payload สุดท้ายจะรวบรวมข้อมูลคอมพิวเตอร์ รายการกระบวนการ รายการไดเรกทอรี ที่อยู่ IP และข้อมูลอะแดปเตอร์เครือข่าย รวมถึงการอัปเดตที่ติดตั้ง และอัปโหลดข้อมูลเหล่านี้ในรูปแบบ ZIP ไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ภายนอกโดยใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกฝังไว้ PoC หรือ Proof of Concept คือการทดสอบหรือการสาธิตเพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดหรือทฤษฎีสามารถทำงานได้จริงในทางปฏิบัติ PoC มักถูกใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่หรือการโจมตีที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระบบหรือซอฟต์แวร์ ในกรณีนี้ PoC ที่เผยแพร่นี้ดันเป็นของที่ถูกใส่โค้ดอันตรายเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้มาด้วย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดและแหล่งที่มาของ PoC ก่อนที่จะรันบนระบบของตนเอง เพื่อป้องกันการติดมัลแวร์หรือการโจมตีที่ไม่พึงประสงค์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/fake-ldapnightmware-exploit-on-github-spreads-infostealer-malware/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Fake LDAPNightmware exploit on GitHub spreads infostealer malware
    A deceptive proof-of-concept (PoC) exploit for CVE-2024-49113 (aka "LDAPNightmare") on GitHub infects users with infostealer malware that exfiltrates sensitive data to an external FTP server.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 1 : แบงก์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ก็จะได้สัมผัสความหนาวกันคุ้มค่าไปเลยครับ เพราะอย่างวันนี้ที่โตเกียวตอนกลางวันก็ 10 องศาเข้าไปแล้วตอนกลางคืนคืนนี้ก็เหลือเพียง 1 องศาเท่านั้นความที่ผมจะเล่าในตอนนี้ก็อย่างที่บอกไว้แต่หัวเรื่องก็คือ ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นเขาออกธนบัตรรุ่นใหม่ออกมาแล้ว 3 ราคา คือ แบงก์ 1000 - 5,000 - 10,000 เยนครับที่เอามาเล่าก็ด้วยว่าผมชอบด้านหลังของแบงก์พันรุ่นใหม่เป็นพิเศษ เพราะแบงก์ชาติญี่ปุ่นเขานำภาพพิมพ์อมตะสุดคลาสสิคมาใช้ครับนั่นคือ ภาพ The Great Wave Off Kanagawa (คลื่นยักษ์คานากาว่า)แน่นอนว่าเราคนไทยที่ชอบอะไรญี่ปุ่นๆย่อมจะคุ้นเคยกับภาพนี้ เพราะเป็นหนึ่งในภาพอมตะที่ถูกพิมพ์ซ้ำมากที่สุดบนโลกใบนี้ภาพคลื่นยักษ์นี้เป็นภาพพิมพ์ไม้ฝีมือของจิตรกรญี่ปุ่นนามว่า “โฮกุไซ” ซึ่งสร้างภาพนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1830 โน่นถ้าถามว่า “ภาพนี้สำคัญอย่างไร?”คำตอบนอกเหนือจากความงามอันคลาสสิคและเป็นภาพจำของคนทั่วโลก ก็คือ ภาพนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับจิตรกรสำคัญของโลกอย่าง “วินเซนต์ แวนโก๊ะ” ครับใช่แล้วครับ….ภาพพิมพ์ฝีมือโฮกุไซนี้ ออกเดินทางจากญี่ปุ่นในสมัยเมจิไปจนถึงยุโรปโน่นว่ากันว่า แวนโก๊ะชื่นชมภาพนี้มากจนเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ “Starry Night” ที่โด่งดัง (จริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อผมได้เห็นภาพ Starry Night แล้ว ก็คิดว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนิดหน่อย)สำหรับภาพคลื่นยักษ์ของโฮกุไซนี้ ตัวภาพสีออริจินัลที่พิมพ์ขึ้นจากแม่พิมพ์สีต้นแบบนั้นมีเพียง 5,000 ภาพเท่านั้นหลังจากกาลเวลาผ่านไปราว 200 ปี ภาพคลื่นยักษ์ออริจินัลนี้ก็เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ภาพ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์สำคัญๆอย่างเช่น บริติชมิวเซียมการวาดคลื่นแบบกงเล็บของโฮกุไซนี้กลายเป็นกึ่งๆภาพต้นแบบของการวาดคลื่นของจิตรกรญี่ปุ่นไปเลยครับ
    ญี่ปุ่น 1 : แบงก์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ก็จะได้สัมผัสความหนาวกันคุ้มค่าไปเลยครับ เพราะอย่างวันนี้ที่โตเกียวตอนกลางวันก็ 10 องศาเข้าไปแล้วตอนกลางคืนคืนนี้ก็เหลือเพียง 1 องศาเท่านั้นความที่ผมจะเล่าในตอนนี้ก็อย่างที่บอกไว้แต่หัวเรื่องก็คือ ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นเขาออกธนบัตรรุ่นใหม่ออกมาแล้ว 3 ราคา คือ แบงก์ 1000 - 5,000 - 10,000 เยนครับที่เอามาเล่าก็ด้วยว่าผมชอบด้านหลังของแบงก์พันรุ่นใหม่เป็นพิเศษ เพราะแบงก์ชาติญี่ปุ่นเขานำภาพพิมพ์อมตะสุดคลาสสิคมาใช้ครับนั่นคือ ภาพ The Great Wave Off Kanagawa (คลื่นยักษ์คานากาว่า)แน่นอนว่าเราคนไทยที่ชอบอะไรญี่ปุ่นๆย่อมจะคุ้นเคยกับภาพนี้ เพราะเป็นหนึ่งในภาพอมตะที่ถูกพิมพ์ซ้ำมากที่สุดบนโลกใบนี้ภาพคลื่นยักษ์นี้เป็นภาพพิมพ์ไม้ฝีมือของจิตรกรญี่ปุ่นนามว่า “โฮกุไซ” ซึ่งสร้างภาพนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1830 โน่นถ้าถามว่า “ภาพนี้สำคัญอย่างไร?”คำตอบนอกเหนือจากความงามอันคลาสสิคและเป็นภาพจำของคนทั่วโลก ก็คือ ภาพนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับจิตรกรสำคัญของโลกอย่าง “วินเซนต์ แวนโก๊ะ” ครับใช่แล้วครับ….ภาพพิมพ์ฝีมือโฮกุไซนี้ ออกเดินทางจากญี่ปุ่นในสมัยเมจิไปจนถึงยุโรปโน่นว่ากันว่า แวนโก๊ะชื่นชมภาพนี้มากจนเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ “Starry Night” ที่โด่งดัง (จริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อผมได้เห็นภาพ Starry Night แล้ว ก็คิดว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนิดหน่อย)สำหรับภาพคลื่นยักษ์ของโฮกุไซนี้ ตัวภาพสีออริจินัลที่พิมพ์ขึ้นจากแม่พิมพ์สีต้นแบบนั้นมีเพียง 5,000 ภาพเท่านั้นหลังจากกาลเวลาผ่านไปราว 200 ปี ภาพคลื่นยักษ์ออริจินัลนี้ก็เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ภาพ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์สำคัญๆอย่างเช่น บริติชมิวเซียมการวาดคลื่นแบบกงเล็บของโฮกุไซนี้กลายเป็นกึ่งๆภาพต้นแบบของการวาดคลื่นของจิตรกรญี่ปุ่นไปเลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥ทัวร์สแกนดิเนเวีย 10 วัน 7 คืน💥

    🔥Special Offer 🔥
    - จองก่อน 90 วันทำการ ลด 4,000 บาท ต่อท่าน
    - จองก่อน 60 วันทำการ ลด 2,000 บาท ต่อท่าน - เดินทางช่วงสงกรานต์ จองก่อน 15 ม.ค. 68 ลด 3,000 ต่อท่าน

    สแกนดิเนเวีย ฟยอร์ด ทัวร์ เดนมาร์ก - นอร์เวย์ - ฟินแลนด์ - สวีเดน : ชมด้านนอกพระราชวังอมาเลียนบอร์ก - เที่ยวกรุงออสโล (นอร์เวย์) - นั่งรถไฟสายโรแมนติก - ชมวิวยอดเขาฟลอยเอ่น - ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด - กรุงเฮลซิงกิ - เที่ยวกรุงสต็อกโฮล์ม (สวีเดน) - ล่องเรือสำราญ DFDS (Overnight Cruise / Seaside Cabin) 1 คืน + ล่องเรือสำราญ SILJA LINE (Overnight Cruise / Seaside Cabin) 1 คืน

    📍 ช่วงวันเดินทาง : ก.พ.-ต.ค.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 139,000
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง
    📢 รหัสทัวร์ : Z1345
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : TG-การบินไทย

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e9f54d

    ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/7e5d16

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    💥ทัวร์สแกนดิเนเวีย 10 วัน 7 คืน💥 🔥Special Offer 🔥 - จองก่อน 90 วันทำการ ลด 4,000 บาท ต่อท่าน - จองก่อน 60 วันทำการ ลด 2,000 บาท ต่อท่าน - เดินทางช่วงสงกรานต์ จองก่อน 15 ม.ค. 68 ลด 3,000 ต่อท่าน สแกนดิเนเวีย ฟยอร์ด ทัวร์ เดนมาร์ก - นอร์เวย์ - ฟินแลนด์ - สวีเดน : ชมด้านนอกพระราชวังอมาเลียนบอร์ก - เที่ยวกรุงออสโล (นอร์เวย์) - นั่งรถไฟสายโรแมนติก - ชมวิวยอดเขาฟลอยเอ่น - ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด - กรุงเฮลซิงกิ - เที่ยวกรุงสต็อกโฮล์ม (สวีเดน) - ล่องเรือสำราญ DFDS (Overnight Cruise / Seaside Cabin) 1 คืน + ล่องเรือสำราญ SILJA LINE (Overnight Cruise / Seaside Cabin) 1 คืน 📍 ช่วงวันเดินทาง : ก.พ.-ต.ค.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 139,000 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง 📢 รหัสทัวร์ : Z1345 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : TG-การบินไทย ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e9f54d ดูทัวร์ยุโรปทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/7e5d16 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ยุโรป #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pack Your Bags! 6 Current Travel Slang Terms To Take On Your Next Trip

    Have you been feeling wanderlust lately? If so, you are not alone. Lots of people are looking to hit the road and travel as pandemic restrictions slowly lessen across the world. All of this vacationing and globetrotting is likely to lead to a whole bunch of trendy new travel jargon—either organically or as marketing pushes by a travel industry hungry for all those new travelers. While you start prepping for your own big trip, here are some examples of modern travel slang that you can stuff into your suitcase.

    baecation
    The word baecation simply refers to any vacation spent with your bae, your romantic partner. Baecation is often used in travel marketing and advertising of romantic getaways or destinations known as lands of love.

    Baecation is a hybrid construction that combines the word bae with the end of the word vacation. The fact that baecation rhymes with vacation is an added marketing bonus. Baecation is formed similarly to the word staycation–meaning a vacation where someone stays home– which has become a mainstay of travel lingo.

    friendcation
    As you might have guessed, the term friendcation refers to a vacation spent with friends. A friendcation could refer to any type of vacation as long as you bring a buddy or two along. In marketing and social media, friendcation is often used to refer to vacation spots that feature group activities, such as hang gliding or nightclub-hopping.

    As with baecation, friendcation is simply a hybrid construction that combines the word friend with the ending of the word vacation.

    eduvacation
    You know something that goes great with a vacation? Learning! The term eduvacation refers to a vacation or trip that involves learning about things. The term is broadly used and could refer to a wide variety of vacation destinations and activities, such as a trip to a famous museum, a tour of a cultural historic site, or a safari that teaches about animals.

    The word eduvacation is a combination of the words education and vacation. Unlike baecation and friendcation, the entire word vacation makes an appearance because without the whole thing you would just have … education.

    familymoon
    A familymoon is a vacation for a newly married couple—and their children. The term is used to refer both to couples that have had children with each other prior to getting married and to couples who had children from previous relationships. As you’d expect, familymoon is used in advertising and social media when referring to travel spots that are kid-friendly and have plenty of things for children to do.

    The word familymoon is based on the word honeymoon, a trip taken by newly married couples. The family in familymoon refers to the couples’ children—their family. A similar word that uses the -moon suffix based on honeymoon is the fairly well-known term babymoon. A babymoon is a vacation that a couple takes to celebrate (and rest before) the upcoming birth of a baby.


    gramping
    It is time to bridge the generational divide and go gramping. The word gramping refers to grandparents and their grandchildren going on vacation together. While this term can refer to camping trips, it is also used more broadly to refer to any kind of trip or travel that grandchildren spend with their grandparents. Similar to familymoon, gramping is often used to refer to places that are accessible to both children and older people and have plenty of things they can do together.

    The word gramping is a hybrid combination of the word camping with the prefix grand- found in both grandparent and grandchild(ren). It is formed similarly to the popularly used travel word glamping, which refers to glamorous camping in which a person brings luxuries on a camping trip.

    bleisure
    Let’s get down to business and … go on vacation? The word bleisure is often used in the phrase “bleisure travel” to refer to a combination of business and leisure travel. The term is often used to refer to business trips that involve some form of enjoying oneself. This could involve things such as making time for a hiking trip, fitting in some sightseeing, or bringing the kids along to have fun in between video conferences. Bleisure travel has become increasingly popular in recent times due to large numbers of people having to work remotely during the COVID-19 pandemic.

    The word bleisure is an oxymoronic mashup of the words business and leisure. Bleisure is used to refer to trips that in some way combine getting work done while finding time to relax or do something fun.

    These travel terms, as well as many others, are often driven by travel marketing. For example, you may see the newer travel term open-jaw flight, meaning a flight that leaves from a different city from the one that a person arrived in, alongside the well-known term red-eye flight, which refers to a flight taken during the sleep hours.

    Given that it is in travel agencies’ best interest to come up with snappy, marketable ways to sell vacation packages, don’t be surprised if we continue to see plenty of new travel lingo to get us all gallivanting across the globe.

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Pack Your Bags! 6 Current Travel Slang Terms To Take On Your Next Trip Have you been feeling wanderlust lately? If so, you are not alone. Lots of people are looking to hit the road and travel as pandemic restrictions slowly lessen across the world. All of this vacationing and globetrotting is likely to lead to a whole bunch of trendy new travel jargon—either organically or as marketing pushes by a travel industry hungry for all those new travelers. While you start prepping for your own big trip, here are some examples of modern travel slang that you can stuff into your suitcase. baecation The word baecation simply refers to any vacation spent with your bae, your romantic partner. Baecation is often used in travel marketing and advertising of romantic getaways or destinations known as lands of love. Baecation is a hybrid construction that combines the word bae with the end of the word vacation. The fact that baecation rhymes with vacation is an added marketing bonus. Baecation is formed similarly to the word staycation–meaning a vacation where someone stays home– which has become a mainstay of travel lingo. friendcation As you might have guessed, the term friendcation refers to a vacation spent with friends. A friendcation could refer to any type of vacation as long as you bring a buddy or two along. In marketing and social media, friendcation is often used to refer to vacation spots that feature group activities, such as hang gliding or nightclub-hopping. As with baecation, friendcation is simply a hybrid construction that combines the word friend with the ending of the word vacation. eduvacation You know something that goes great with a vacation? Learning! The term eduvacation refers to a vacation or trip that involves learning about things. The term is broadly used and could refer to a wide variety of vacation destinations and activities, such as a trip to a famous museum, a tour of a cultural historic site, or a safari that teaches about animals. The word eduvacation is a combination of the words education and vacation. Unlike baecation and friendcation, the entire word vacation makes an appearance because without the whole thing you would just have … education. familymoon A familymoon is a vacation for a newly married couple—and their children. The term is used to refer both to couples that have had children with each other prior to getting married and to couples who had children from previous relationships. As you’d expect, familymoon is used in advertising and social media when referring to travel spots that are kid-friendly and have plenty of things for children to do. The word familymoon is based on the word honeymoon, a trip taken by newly married couples. The family in familymoon refers to the couples’ children—their family. A similar word that uses the -moon suffix based on honeymoon is the fairly well-known term babymoon. A babymoon is a vacation that a couple takes to celebrate (and rest before) the upcoming birth of a baby. gramping It is time to bridge the generational divide and go gramping. The word gramping refers to grandparents and their grandchildren going on vacation together. While this term can refer to camping trips, it is also used more broadly to refer to any kind of trip or travel that grandchildren spend with their grandparents. Similar to familymoon, gramping is often used to refer to places that are accessible to both children and older people and have plenty of things they can do together. The word gramping is a hybrid combination of the word camping with the prefix grand- found in both grandparent and grandchild(ren). It is formed similarly to the popularly used travel word glamping, which refers to glamorous camping in which a person brings luxuries on a camping trip. bleisure Let’s get down to business and … go on vacation? The word bleisure is often used in the phrase “bleisure travel” to refer to a combination of business and leisure travel. The term is often used to refer to business trips that involve some form of enjoying oneself. This could involve things such as making time for a hiking trip, fitting in some sightseeing, or bringing the kids along to have fun in between video conferences. Bleisure travel has become increasingly popular in recent times due to large numbers of people having to work remotely during the COVID-19 pandemic. The word bleisure is an oxymoronic mashup of the words business and leisure. Bleisure is used to refer to trips that in some way combine getting work done while finding time to relax or do something fun. These travel terms, as well as many others, are often driven by travel marketing. For example, you may see the newer travel term open-jaw flight, meaning a flight that leaves from a different city from the one that a person arrived in, alongside the well-known term red-eye flight, which refers to a flight taken during the sleep hours. Given that it is in travel agencies’ best interest to come up with snappy, marketable ways to sell vacation packages, don’t be surprised if we continue to see plenty of new travel lingo to get us all gallivanting across the globe. Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ

    วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก

    ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour "

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459

    #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ • วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก • ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour " • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459 • #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Homophone” vs. “Homonym” vs. “Homograph”: Differences And Examples

    English is absolutely full of words that sound or look the same but have different meanings. And we have words for these kinds of words: homophones, homographs, and homonyms. But remembering the difference can be its own challenge.

    In this article, we’ll break down the differences and the overlap and provide examples of all three.

    Quick summary

    Homophones are words that sound the same but have different meanings, like there/their/they’re and its/it’s. Homographs are words that are spelled the same but have different meanings. Homographs can be pronounced differently (like bass the fish and bass the instrument) or the same (like fair meaning “equitable” or “a carnival”). The word homonyms is often used to refer to all such words in general. Some words, like bark, fall into more than one category—bark on a tree and bark of a dog are both homophones (sounding the same) and homographs (being spelled the same), for example.

    What is the difference between homophones, homonyms, and homographs?

    There is a helpful way to tell the difference between the words homophone, homograph, and homonym: knowing what their endings mean can help you remember how they’re used.

    Homophone, homonym, and homograph all start with homo-, which means “same.”

    The -phone in homophone means “sound.” So homophones are words that sound the same. Homophones always have different meanings, but they may be spelled the same or differently. Bear (the animal) and bare (meaning “uncovered” or “empty”) are homophones. But so are bark (the sound a dog makes) and bark (the covering of a tree). And the different senses of bear (the animal and the verb meaning “to carry”).

    The -graph in homograph means “written.” Homographs are words that are written the same—meaning they always have the same spelling—but have different meanings.

    Homographs can be pronounced the same or not. For example, bass (the fish, rhymes with class) and bass (the instrument, rhymes with ace) are homographs. But so are the different senses of bark and bear.

    Take a closer look at the homonym pair bare vs. bear.

    Homonym examples

    As we’ve just explained, the term homonym can refer to both a homophone and a homograph, so we’ve broken them down into two separate lists. The items from both lists can be broadly referred to as homonyms. But for clarity, it’s best to use the term homophones when referring to words that sound the same and homographs when referring to words that are spelled the same. Still, there are examples that fit into both categories, such as the different senses of bark and bear discussed earlier.

    Homophone examples

    Here are just some of the many examples of homophones in English:

    there | their | they’re
    to | too | two
    its | it’s
    your | you’re
    whose | who’s
    by | buy | bye
    I | eye
    see | sea
    dear | deer
    bare | bear
    hair | hare
    here | hear
    air | heir
    where | wear
    pair | pear | pare
    fair | fare
    right | write | rite
    sight | site | cite
    steal | steel
    plain | plane
    sale | sail
    break | brake
    know | no
    week | weak
    add | ad
    meet | meat
    sell | cell
    great | grate
    piece | peace
    eight | ate
    one | won
    flower | flour
    for | four | fore
    our | hour
    wait | weight
    night | knight
    male | mail
    son | sun
    board | bored
    hole | whole
    sweet | suite
    tail | tale

    Homograph examples

    It’s impossible to count how many words are homographs because so many words have more than one meaning.

    We’ll separate this list into homographs that are pronounced differently and those that are pronounced the same. There are far fewer examples of ones that are pronounced differently.

    Homographs that are pronounced differently

    Here are several examples of homographs whose pronunciation is different.

    minute (the noun meaning “60 seconds”; the adjective meaning “very small”)
    bass (the fish; the instrument)
    Polish (from Poland) and polish (to make something shiny)
    bow (the noun referring to a ribbon tied in a decorative way; the verb meaning to bend reverently)
    close (the adjective meaning “nearby”; the verb meaning “to shut”)
    lead (the metal; the verb meaning “to act as a leader”)

    Homographs that are pronounced the same

    Here are some of the many, many homographs that sound the same, along with some of their common meanings (in many cases, there are multiple other meanings).

    bear (the animal; the verb meaning “to carry”)
    ring (a circle; a type of jewelry; what a phone does)
    fan (the appliance that makes wind; an admirer/appreciator)
    band (music group; a ring or strap)
    bat (the animal; a baseball bat)
    kind (the adjective meaning “nice”; the noun meaning “type”)
    part (a component of something; a line in one’s hair; the verb meaning “to separate”)
    park (a noun meaning an outdoor space; a verb meaning what you do to a car)
    class (lesson; category; classiness)
    fair (equitable or according to the rules; a carnival)

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Homophone” vs. “Homonym” vs. “Homograph”: Differences And Examples English is absolutely full of words that sound or look the same but have different meanings. And we have words for these kinds of words: homophones, homographs, and homonyms. But remembering the difference can be its own challenge. In this article, we’ll break down the differences and the overlap and provide examples of all three. Quick summary Homophones are words that sound the same but have different meanings, like there/their/they’re and its/it’s. Homographs are words that are spelled the same but have different meanings. Homographs can be pronounced differently (like bass the fish and bass the instrument) or the same (like fair meaning “equitable” or “a carnival”). The word homonyms is often used to refer to all such words in general. Some words, like bark, fall into more than one category—bark on a tree and bark of a dog are both homophones (sounding the same) and homographs (being spelled the same), for example. What is the difference between homophones, homonyms, and homographs? There is a helpful way to tell the difference between the words homophone, homograph, and homonym: knowing what their endings mean can help you remember how they’re used. Homophone, homonym, and homograph all start with homo-, which means “same.” The -phone in homophone means “sound.” So homophones are words that sound the same. Homophones always have different meanings, but they may be spelled the same or differently. Bear (the animal) and bare (meaning “uncovered” or “empty”) are homophones. But so are bark (the sound a dog makes) and bark (the covering of a tree). And the different senses of bear (the animal and the verb meaning “to carry”). The -graph in homograph means “written.” Homographs are words that are written the same—meaning they always have the same spelling—but have different meanings. Homographs can be pronounced the same or not. For example, bass (the fish, rhymes with class) and bass (the instrument, rhymes with ace) are homographs. But so are the different senses of bark and bear. Take a closer look at the homonym pair bare vs. bear. Homonym examples As we’ve just explained, the term homonym can refer to both a homophone and a homograph, so we’ve broken them down into two separate lists. The items from both lists can be broadly referred to as homonyms. But for clarity, it’s best to use the term homophones when referring to words that sound the same and homographs when referring to words that are spelled the same. Still, there are examples that fit into both categories, such as the different senses of bark and bear discussed earlier. Homophone examples Here are just some of the many examples of homophones in English: there | their | they’re to | too | two its | it’s your | you’re whose | who’s by | buy | bye I | eye see | sea dear | deer bare | bear hair | hare here | hear air | heir where | wear pair | pear | pare fair | fare right | write | rite sight | site | cite steal | steel plain | plane sale | sail break | brake know | no week | weak add | ad meet | meat sell | cell great | grate piece | peace eight | ate one | won flower | flour for | four | fore our | hour wait | weight night | knight male | mail son | sun board | bored hole | whole sweet | suite tail | tale Homograph examples It’s impossible to count how many words are homographs because so many words have more than one meaning. We’ll separate this list into homographs that are pronounced differently and those that are pronounced the same. There are far fewer examples of ones that are pronounced differently. Homographs that are pronounced differently Here are several examples of homographs whose pronunciation is different. minute (the noun meaning “60 seconds”; the adjective meaning “very small”) bass (the fish; the instrument) Polish (from Poland) and polish (to make something shiny) bow (the noun referring to a ribbon tied in a decorative way; the verb meaning to bend reverently) close (the adjective meaning “nearby”; the verb meaning “to shut”) lead (the metal; the verb meaning “to act as a leader”) Homographs that are pronounced the same Here are some of the many, many homographs that sound the same, along with some of their common meanings (in many cases, there are multiple other meanings). bear (the animal; the verb meaning “to carry”) ring (a circle; a type of jewelry; what a phone does) fan (the appliance that makes wind; an admirer/appreciator) band (music group; a ring or strap) bat (the animal; a baseball bat) kind (the adjective meaning “nice”; the noun meaning “type”) part (a component of something; a line in one’s hair; the verb meaning “to separate”) park (a noun meaning an outdoor space; a verb meaning what you do to a car) class (lesson; category; classiness) fair (equitable or according to the rules; a carnival) Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 Conversational Tips That Take The Stress Out Of Small Talk

    We’ve all been there: you’re at a party and trying to find an “in” to start an engaging conversation with someone you just met. Or, maybe it’s a professional conference, and you want to make an impression on a new contact you’d love to have in your network. You want to say the right thing, but your mind feels blank, like you’ve completely forgotten how to communicate with other human beings.

    Making small talk is a skill, and it’s not easy, but the good news is that there’s always time to learn. Think about the conversations you have with the people you like and know well. When talking with these people, you likely practice good conversational skills without even realizing it, like:

    Listening attentively.
    Being present.
    Trying not to repeat yourself.
    Showing interest.
    Going with the flow.

    The trick to making great small talk is to find ways to call upon those same friendly conversational skills, even when you’re speaking with someone you don’t know well, in a brand-new environment, or in an awkward or high-pressure situation. How do you do that? We’ve got your back. Here are 10 tips to improve your small talk game and make it look easy.

    1. Start with an introduction. Sometimes the best way to break the ice is simply to introduce yourself.

    “Hi, I’m Pete, the groom’s brother. How do you know the couple?”
    “I’m Allison Smith, the head of sales at Office Corp. What company are you representing?”
    “My name’s Lupita. I’m in the theater program here at NYU. What’s your major?”
    It seems easy, but you’d be surprised how quickly people can forget a simple introduction when they’re fumbling for the best thing to say. If you start with your name and some information related to the event or something you might have in common, you create opportunities to learn something about them, which can help you launch effortlessly into a longer conversation.

    2. Have some topics in the bank.

    It’s easy for your mind to go blank when you’re asked a question about yourself or trying to pull topics out of thin air, so make sure you always show up prepared. Think of three to five interesting things you’ve done recently that might make good conversation starters, such as:

    A new restaurant you’ve tried.
    A book you loved.
    A movie you’re really excited about.
    The last trip you took.
    What you did over the weekend.
    Your most recent professional development opportunity.
    Your favorite hobby.
    The unique origins of pasta names. (Well, we like dictionary talk …)
    While you’re at it, brush up on current events that might be interesting to discuss. If you’re attending a work event, make sure you’re up-to-date on the latest industry news and goings-on at your company.

    3. Use open-ended questions.

    Asking a “yes or no” question is one of the fastest ways to kill a conversation because it doesn’t give you anything to build on. Instead, try to ask open-ended questions. These are questions that can’t be answered with a single word, and that means the other person has to expand on what they’re saying, giving you plenty of opportunities to latch onto something they say and keep the words flowing.

    4. Agree, then add something.

    If you’re at an event and someone makes an observation about your surroundings, the host, or even something totally unrelated, go with it. Their statement can be a good opportunity to add your own observations, establish a connection, and move forward into a conversation. First, affirm what they’ve said, then add your own take, and follow it up with an open-ended question that leaves room to move to a new topic. Here’s how it might look in action:

    Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?”
    You: “It is. It really complements the appetizers. Have you tried them yet?”

    If you don’t happen to agree with what they’ve said, that’s okay! You can still politely acknowledge it and forge ahead.

    Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?”
    You: “It’s very unique. My attention has been on the appetizers. Have you tried them yet?”

    5. Be complimentary.

    If you want to seem friendly and approachable, find nice things to say about others. (We happen to have some helpful synonyms for the word nice and tips for delivering sincere compliments.) People are more likely to be drawn to you if you’re open about pointing out how funny something they said was, how much you admire their sense of style, or how interested you are in their work. Compliments can also be a way to begin a conversation. Try something like this:

    “I just had to tell you, I love that tie! It’s so bold. I’m Eric, by the way. What’s your name?”
    “Dr. Stein, I’m Lexi Jones. I’m so thrilled to meet you. Your book was fascinating. Are you studying anything new?”
    “I’m Shawn. My sister said you’re an amazing artist. I’m so glad we ended up at the same table. Tell me about your work.”

    6. Let them teach you something.

    No one is an expert on every topic. If they mention something you don’t know much about, don’t let the conversation die there. Use it as an opportunity for conversation. People love to talk about themselves and things they’re passionate about, so express your curiosity and allow them to share more knowledge with you. Here are some ideas for how to do this:

    “I’ve never been fly-fishing before. What is it like?”
    “I’m not familiar with that program yet. Is it difficult to learn?”
    “I’ve been meaning to check out that band. Which album should I start with?”

    7. Use the ARE method.

    If you’re the kind of person who wishes there was an easy equation for small talk, we have good news. Some psychologists recommend the ARE method. ARE stands for anchor, reveal, and encourage.

    First, anchor yourself and the other person in the moment by making an observation about your shared location or experience. Next, reveal something about yourself in relation to the anchor, like how it makes you feel, something you’ve noticed, or something you’re interested in or excited about. Lastly, encourage participation from the other person by asking a related question. It will look like this:

    Anchor: “There are so many new faces at the conference this year.”
    Reveal: “I’m really inspired by all of the talent here.”
    Encourage: “Have you met anyone interesting so far?”

    8. Be real with it.

    If you’re feeling rusty at small talk, guess what? You are not alone. Most people struggle with talking to and getting to know new people, and it’s okay to admit that it’s hard. If you express that you’re not very good at small talk or feeling nervous in the situation, many people will find this relatable and it can start the conversation—which is the goal! It can be as simple as saying something like:

    “I’m terrible at small talk, but I’m really interested in speaking with you.”
    “I apologize in advance for any awkwardness. Small talk isn’t my strong suit, but I’m really curious about your work.”
    “Nothing like trying to make small talk with a table full of strangers, huh? How’s your night going?”

    9. Have an exit strategy.

    Sometimes you just need to get away. That’s okay. Making a smooth exit is also a part of being skilled at small talk. You could excuse yourself to the restroom or the buffet, but the easiest way to get out of a conversation is to be polite and direct. Let them know you enjoyed speaking with them and that you’re going to direct your attention to something else now.

    “It was lovely meeting you. I’m going to refresh my drink and check in with the host.”
    “Excuse me, but I just saw someone I need to speak with. It was nice chatting with you.”
    “I’m so glad we met. I hope to run into you again later on.”

    10. Practice often.

    For many of us, hating small talk also means avoiding it at all costs. The only problem is, this makes small talk harder when it can’t be avoided. Instead of fleeing from every situation that might require you to banter with strangers, try to see those as opportunities for more practice.

    Most small talk conversations have fairly low stakes. Practice introducing yourself, asking a few questions about the other person, and politely excusing yourself after a few moments. Before you know it, you’ll be a pro, and awkward silences will be a thing of the past.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    10 Conversational Tips That Take The Stress Out Of Small Talk We’ve all been there: you’re at a party and trying to find an “in” to start an engaging conversation with someone you just met. Or, maybe it’s a professional conference, and you want to make an impression on a new contact you’d love to have in your network. You want to say the right thing, but your mind feels blank, like you’ve completely forgotten how to communicate with other human beings. Making small talk is a skill, and it’s not easy, but the good news is that there’s always time to learn. Think about the conversations you have with the people you like and know well. When talking with these people, you likely practice good conversational skills without even realizing it, like: Listening attentively. Being present. Trying not to repeat yourself. Showing interest. Going with the flow. The trick to making great small talk is to find ways to call upon those same friendly conversational skills, even when you’re speaking with someone you don’t know well, in a brand-new environment, or in an awkward or high-pressure situation. How do you do that? We’ve got your back. Here are 10 tips to improve your small talk game and make it look easy. 1. Start with an introduction. Sometimes the best way to break the ice is simply to introduce yourself. “Hi, I’m Pete, the groom’s brother. How do you know the couple?” “I’m Allison Smith, the head of sales at Office Corp. What company are you representing?” “My name’s Lupita. I’m in the theater program here at NYU. What’s your major?” It seems easy, but you’d be surprised how quickly people can forget a simple introduction when they’re fumbling for the best thing to say. If you start with your name and some information related to the event or something you might have in common, you create opportunities to learn something about them, which can help you launch effortlessly into a longer conversation. 2. Have some topics in the bank. It’s easy for your mind to go blank when you’re asked a question about yourself or trying to pull topics out of thin air, so make sure you always show up prepared. Think of three to five interesting things you’ve done recently that might make good conversation starters, such as: A new restaurant you’ve tried. A book you loved. A movie you’re really excited about. The last trip you took. What you did over the weekend. Your most recent professional development opportunity. Your favorite hobby. The unique origins of pasta names. (Well, we like dictionary talk …) While you’re at it, brush up on current events that might be interesting to discuss. If you’re attending a work event, make sure you’re up-to-date on the latest industry news and goings-on at your company. 3. Use open-ended questions. Asking a “yes or no” question is one of the fastest ways to kill a conversation because it doesn’t give you anything to build on. Instead, try to ask open-ended questions. These are questions that can’t be answered with a single word, and that means the other person has to expand on what they’re saying, giving you plenty of opportunities to latch onto something they say and keep the words flowing. 4. Agree, then add something. If you’re at an event and someone makes an observation about your surroundings, the host, or even something totally unrelated, go with it. Their statement can be a good opportunity to add your own observations, establish a connection, and move forward into a conversation. First, affirm what they’ve said, then add your own take, and follow it up with an open-ended question that leaves room to move to a new topic. Here’s how it might look in action: Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?” You: “It is. It really complements the appetizers. Have you tried them yet?” If you don’t happen to agree with what they’ve said, that’s okay! You can still politely acknowledge it and forge ahead. Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?” You: “It’s very unique. My attention has been on the appetizers. Have you tried them yet?” 5. Be complimentary. If you want to seem friendly and approachable, find nice things to say about others. (We happen to have some helpful synonyms for the word nice and tips for delivering sincere compliments.) People are more likely to be drawn to you if you’re open about pointing out how funny something they said was, how much you admire their sense of style, or how interested you are in their work. Compliments can also be a way to begin a conversation. Try something like this: “I just had to tell you, I love that tie! It’s so bold. I’m Eric, by the way. What’s your name?” “Dr. Stein, I’m Lexi Jones. I’m so thrilled to meet you. Your book was fascinating. Are you studying anything new?” “I’m Shawn. My sister said you’re an amazing artist. I’m so glad we ended up at the same table. Tell me about your work.” 6. Let them teach you something. No one is an expert on every topic. If they mention something you don’t know much about, don’t let the conversation die there. Use it as an opportunity for conversation. People love to talk about themselves and things they’re passionate about, so express your curiosity and allow them to share more knowledge with you. Here are some ideas for how to do this: “I’ve never been fly-fishing before. What is it like?” “I’m not familiar with that program yet. Is it difficult to learn?” “I’ve been meaning to check out that band. Which album should I start with?” 7. Use the ARE method. If you’re the kind of person who wishes there was an easy equation for small talk, we have good news. Some psychologists recommend the ARE method. ARE stands for anchor, reveal, and encourage. First, anchor yourself and the other person in the moment by making an observation about your shared location or experience. Next, reveal something about yourself in relation to the anchor, like how it makes you feel, something you’ve noticed, or something you’re interested in or excited about. Lastly, encourage participation from the other person by asking a related question. It will look like this: Anchor: “There are so many new faces at the conference this year.” Reveal: “I’m really inspired by all of the talent here.” Encourage: “Have you met anyone interesting so far?” 8. Be real with it. If you’re feeling rusty at small talk, guess what? You are not alone. Most people struggle with talking to and getting to know new people, and it’s okay to admit that it’s hard. If you express that you’re not very good at small talk or feeling nervous in the situation, many people will find this relatable and it can start the conversation—which is the goal! It can be as simple as saying something like: “I’m terrible at small talk, but I’m really interested in speaking with you.” “I apologize in advance for any awkwardness. Small talk isn’t my strong suit, but I’m really curious about your work.” “Nothing like trying to make small talk with a table full of strangers, huh? How’s your night going?” 9. Have an exit strategy. Sometimes you just need to get away. That’s okay. Making a smooth exit is also a part of being skilled at small talk. You could excuse yourself to the restroom or the buffet, but the easiest way to get out of a conversation is to be polite and direct. Let them know you enjoyed speaking with them and that you’re going to direct your attention to something else now. “It was lovely meeting you. I’m going to refresh my drink and check in with the host.” “Excuse me, but I just saw someone I need to speak with. It was nice chatting with you.” “I’m so glad we met. I hope to run into you again later on.” 10. Practice often. For many of us, hating small talk also means avoiding it at all costs. The only problem is, this makes small talk harder when it can’t be avoided. Instead of fleeing from every situation that might require you to banter with strangers, try to see those as opportunities for more practice. Most small talk conversations have fairly low stakes. Practice introducing yourself, asking a few questions about the other person, and politely excusing yourself after a few moments. Before you know it, you’ll be a pro, and awkward silences will be a thing of the past. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 593 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58
    บทสนทนาวันคริสต์มาส
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส

    The conversations from the clip :

    Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus?
    Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right?
    Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children.
    Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true?
    Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity.
    Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus?
    Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas."
    Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit?
    Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads.
    Ben: I see. And the reindeer and sleigh?
    Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas.
    Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions?
    Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too.
    Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas.
    Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas.
    Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet?
    Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend.

    อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม?
    เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม?
    อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ
    เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า?
    อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร
    เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง?
    อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส"
    เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ?
    อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง
    เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ?
    อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas
    เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ?
    อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ
    เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก
    อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส
    เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง?
    อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ
    Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์
    Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน
    Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ
    Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา
    Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี
    Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม
    Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง
    Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน
    Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา
    Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์
    Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย
    Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข
    Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58 บทสนทนาวันคริสต์มาส (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส The conversations from the clip : Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus? Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right? Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children. Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true? Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity. Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus? Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas." Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit? Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads. Ben: I see. And the reindeer and sleigh? Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas. Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions? Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too. Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas. Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas. Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet? Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend. อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม? เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม? อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า? อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง? อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส" เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ? อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ? อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ? อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง? อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์ Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์ Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇦 วิดีโอขีปนาวุธของรัสเซียพุ่งชนอาคารในกรุงเคียฟ ระหว่างที่รัสเซียโจมตียูเครนเมื่อคืนนี้
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇺🇦 Video of a Russian missile hitting a building in Kyiv during Russia's attack on Ukraine last night.
    .
    6:20 AM · Dec 21, 2024 · 200.6K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1870247824199143651
    🇷🇺🇺🇦 วิดีโอขีปนาวุธของรัสเซียพุ่งชนอาคารในกรุงเคียฟ ระหว่างที่รัสเซียโจมตียูเครนเมื่อคืนนี้ . JUST IN: 🇷🇺🇺🇦 Video of a Russian missile hitting a building in Kyiv during Russia's attack on Ukraine last night. . 6:20 AM · Dec 21, 2024 · 200.6K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1870247824199143651
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ขอบคุณอีก 1 ประสบการณ์ดีๆ ส่งท้ายปี 2567

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป โดยแบรนด์ Life Alignmentor 1 ในแบรนด์ชั้นนำของคนไทยในระดับโลกด้านการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์

    ขอขอบพระคุณอาจารย์นพสิทธิ์ รังสีวัชระพง ทีมสนับสนุน และผู้นำนักพัฒนาศักยภาพที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้เดชฤทธิ์ กรุ๊ป โดยแบรนด์ Life Alignmentor ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร (อ.หม่อม) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน (ดร.น้ำหวาน) อาจารย์ธนิดา รุ่งภัทรธนากุล (โค้ชกต) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันยธร ติณภพ (ดร.ธัน) ได้มีส่วนร่วมพัฒนาผู้นำนักพัฒนาศักยภาพในโปรแกรมพิเศษ “NLP DRIVE ชีวิตติดจรวด” ในโครงการ COACHING FOR COACH ส่งท้ายปี พ.ศ.2567

    Life Alignmentor เรา ... “ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวีผสานความดี X ความเก่ง”

    Life Alignmentor ภารกิจสำคัญของเรา ...

    สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยกระดับศักยภาพของบุคคล ทีมและองค์กรให้เป็นมืออาชีพ (Elite Professional) และเป็นแชมป์ในวงการ (Top of the field)

    เพราะวิสัยทัศน์ของเราคือ ... “เอเวอเรสต์แห่งการพัฒนาศักยภาพ”

    เราเชื่อมั่นว่าบุคลากรมิตรแท้ประกันภัยทุกท่านที่ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น 2 วัน 1 คืน สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและยกระดับศักยภาพตนเอง ทีม และองค์กรสู่การเป็นแชมป์ของวงการอย่างแน่นอน

    #พัฒนาคนให้เก่ง
    #สร้างทีมแกร่ง
    #กระบวนการเยี่ยม
    #ผลลัพธ์ยอดเหนือธรรมดา
    www.lifealignmentor.com
    www.10-xconsulting.com

    Thank You for Another Wonderful Experience to Conclude 2024

    DECHRIT GROUP, through its brand Life Alignmentor—one of Thailand’s leading global brands in human potential development—would like to express our heartfelt gratitude to Ajarn Nopasit Rangsivacharaphong, the supporting team, and all transformational leaders for entrusting us with the opportunity to contribute to their growth.

    Thanks from my HEART to our team Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr (Ajarn MhoM), Dr.Sarinna Kaewsikhen (Dr. Namwan), Ajarn Thanida Rungpatthanakul (Coach Kot), and Assistant Professor Dr.Thanyathorn Tinaphop (Dr.Than) for their invaluable roles in the “NLP DRIVE: Rocket-Boost Your Life” program, part of the Coaching for Coach initiative that closed the year 2024 with great success.

    At Life Alignmentor, we are committed to “Shaping Champions with the Synergy of Excellence and Goodness.”

    Our mission is to:
    Innovate solutions that elevate the potential of individuals, teams, and organizations to become elite professionals.
    Empower them to become champions in their respective fields.

    Our vision is to reach the “Everest of Human Potential Development.”

    We firmly believe that every member of Mittare Insurance who participated in this intensive 2-day, 1-night program will experience transformative growth, elevating their personal, team, and organizational potential to become champions in their field.

    #EmpowerPeopleToExcel
    #BuildStrongTeams
    #ExceptionalProcesses
    #ExtraordinaryOutcomes
    🌐www.lifealignmentor.com
    🌐www.10-xconsulting.com
    ขอบคุณอีก 1 ประสบการณ์ดีๆ ส่งท้ายปี 2567 เดชฤทธิ์ กรุ๊ป โดยแบรนด์ Life Alignmentor 1 ในแบรนด์ชั้นนำของคนไทยในระดับโลกด้านการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ขอขอบพระคุณอาจารย์นพสิทธิ์ รังสีวัชระพง ทีมสนับสนุน และผู้นำนักพัฒนาศักยภาพที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้เดชฤทธิ์ กรุ๊ป โดยแบรนด์ Life Alignmentor ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร (อ.หม่อม) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน (ดร.น้ำหวาน) อาจารย์ธนิดา รุ่งภัทรธนากุล (โค้ชกต) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันยธร ติณภพ (ดร.ธัน) ได้มีส่วนร่วมพัฒนาผู้นำนักพัฒนาศักยภาพในโปรแกรมพิเศษ “NLP DRIVE ชีวิตติดจรวด” ในโครงการ COACHING FOR COACH ส่งท้ายปี พ.ศ.2567 Life Alignmentor เรา ... “ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวีผสานความดี X ความเก่ง” Life Alignmentor ภารกิจสำคัญของเรา ... สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยกระดับศักยภาพของบุคคล ทีมและองค์กรให้เป็นมืออาชีพ (Elite Professional) และเป็นแชมป์ในวงการ (Top of the field) เพราะวิสัยทัศน์ของเราคือ ... “เอเวอเรสต์แห่งการพัฒนาศักยภาพ” เราเชื่อมั่นว่าบุคลากรมิตรแท้ประกันภัยทุกท่านที่ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น 2 วัน 1 คืน สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและยกระดับศักยภาพตนเอง ทีม และองค์กรสู่การเป็นแชมป์ของวงการอย่างแน่นอน #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมแกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอดเหนือธรรมดา www.lifealignmentor.com www.10-xconsulting.com Thank You for Another Wonderful Experience to Conclude 2024 DECHRIT GROUP, through its brand Life Alignmentor—one of Thailand’s leading global brands in human potential development—would like to express our heartfelt gratitude to Ajarn Nopasit Rangsivacharaphong, the supporting team, and all transformational leaders for entrusting us with the opportunity to contribute to their growth. Thanks from my HEART to our team Distinguished Professor Dr.Wasit Prombutr (Ajarn MhoM), Dr.Sarinna Kaewsikhen (Dr. Namwan), Ajarn Thanida Rungpatthanakul (Coach Kot), and Assistant Professor Dr.Thanyathorn Tinaphop (Dr.Than) for their invaluable roles in the “NLP DRIVE: Rocket-Boost Your Life” program, part of the Coaching for Coach initiative that closed the year 2024 with great success. At Life Alignmentor, we are committed to “Shaping Champions with the Synergy of Excellence and Goodness.” Our mission is to: Innovate solutions that elevate the potential of individuals, teams, and organizations to become elite professionals. Empower them to become champions in their respective fields. Our vision is to reach the “Everest of Human Potential Development.” We firmly believe that every member of Mittare Insurance who participated in this intensive 2-day, 1-night program will experience transformative growth, elevating their personal, team, and organizational potential to become champions in their field. #EmpowerPeopleToExcel #BuildStrongTeams #ExceptionalProcesses #ExtraordinaryOutcomes 🌐www.lifealignmentor.com 🌐www.10-xconsulting.com
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 🇺🇸 ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ จะพบกับ เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้ง Amazon คืนนี้
    .
    JUST IN: 🇺🇸 US President-elect Trump and Elon Musk to meet with Amazon founder Jeff Bezos tonight.
    .
    9:11 AM · Dec 19, 2024 · 158.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1869566187841188125
    🇺🇸 ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ จะพบกับ เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้ง Amazon คืนนี้ . JUST IN: 🇺🇸 US President-elect Trump and Elon Musk to meet with Amazon founder Jeff Bezos tonight. . 9:11 AM · Dec 19, 2024 · 158.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1869566187841188125
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • กล้องวงจรปิด CCTV กล้องวงจรปิด360 wifi 5MP กันน้ํา เสียงสองทาง 5G night vision PTZ Automatic Tracking Security IP Cameraพิกัด📍Shopee:https://s.shopee.co.th/8KZ2Vo1Vt9 LAZADA:https://s.lazada.co.th/s.sCuoE TikTok:https://vt.tiktok.com/ZS61kB65n/ .
    กล้องวงจรปิด CCTV กล้องวงจรปิด360 wifi 5MP กันน้ํา เสียงสองทาง 5G night vision PTZ Automatic Tracking Security IP Cameraพิกัด📍Shopee:https://s.shopee.co.th/8KZ2Vo1Vt9 LAZADA:https://s.lazada.co.th/s.sCuoE TikTok:https://vt.tiktok.com/ZS61kB65n/ .
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=xLnEQW0h_5U
    บทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ร้านอาหารไทย

    The conversations from the clip :

    Waiter: Good evening! Welcome to Siam Delight. How many people are dining tonight?
    Customer: Good evening! Just two of us, please.
    Waiter: Right this way. Here’s the menu. Would you like to start with some drinks?
    Customer: Yes, I’ll have a Thai iced tea, and my friend will have lemonade.
    Waiter: Excellent choices! Are you ready to order, or would you like a few more minutes?
    Customer: We’re ready. For starters, we’ll have chicken satay.
    Waiter: Great choice! And for the main courses?
    Customer: I’d like Pad Thai with shrimp, Green Curry with chicken, Tom Yum soup with shrimp, and a plate of Stir-fried Basil with pork.
    Waiter: How spicy would you like the curry and Tom Yum soup?
    Customer: Medium spicy for both, please.
    Waiter: Got it. Would you like steamed rice with the curry?
    Customer: Yes, please.
    Waiter: Perfect. Anything else?
    Customer: No, that’ll be all for now. Thank you.
    (After finishing the main courses)
    Waiter: How was everything?
    Customer: It was delicious! But we couldn’t finish everything. Could you pack up the leftovers for us?
    Waiter: Of course! I’ll bring some boxes for you. Would you like dessert as well?
    Customer: Yes, we’d like to share a mango sticky rice, please.
    Waiter: Excellent choice. I’ll bring it out shortly.
    (After dessert)
    Customer: Thank you so much. Could we have the check, please?
    Waiter: Absolutely. I’ll bring it right over.

    พนักงาน: สวัสดีค่ะ! ยินดีต้อนรับสู่สยามดีไลท์ค่ะ วันนี้มีกี่ท่านคะ?
    ลูกค้า: สวัสดีครับ! แค่สองท่านครับ
    พนักงาน: เชิญทางนี้เลยค่ะ นี่คือเมนูนะคะ ต้องการเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ผมขอชาไทยเย็น ส่วนเพื่อนผมขอน้ำมะนาวครับ
    พนักงาน: เลือกได้ดีมากเลยค่ะ พร้อมจะสั่งอาหารเลยไหมคะ หรือขอเวลาอีกสักนิด?
    ลูกค้า: เราพร้อมแล้วครับ สำหรับเมนูเรียกน้ำย่อย ขอไก่สะเต๊ะครับ
    พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แล้วสำหรับจานหลักล่ะคะ?
    ลูกค้า: ผมขอผัดไทยกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง และผัดกะเพราหมูครับ
    พนักงาน: สำหรับแกงกับต้มยำ ต้องการเผ็ดระดับไหนคะ?
    ลูกค้า: ขอเผ็ดกลางทั้งสองอย่างครับ
    พนักงาน: รับทราบค่ะ แล้วต้องการข้าวสวยกับแกงไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ขอด้วยครับ
    พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ?
    ลูกค้า: ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับ
    (หลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จ)
    พนักงาน: อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ?
    ลูกค้า: อร่อยมากครับ แต่พวกเราทานไม่หมด ช่วยแพ็คกลับให้ด้วยได้ไหมครับ?
    พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันนำกล่องมาให้นะคะ สนใจของหวานเพิ่มเติมไหมคะ?
    ลูกค้า: ครับ ขอข้าวเหนียวมะม่วงจานหนึ่งครับ จะแบ่งกันทานครับ
    พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เดี๋ยวจะนำมาเสิร์ฟให้นะคะ
    (หลังจากทานของหวาน)
    ลูกค้า: ขอบคุณมากครับ ขอเช็คบิลด้วยครับ
    พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะนำมาให้นะคะ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Waiter (เว-เทอะ) n. แปลว่า พนักงานเสิร์ฟ
    Menu (เมน-นู) n. แปลว่า เมนู
    Lemonade (เลม-เมอะ-เนด) n. แปลว่า น้ำมะนาว
    Starter (สตา-เทอะ) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย
    Chicken satay (ชิค-เคิน ซะ-เต) n. แปลว่า ไก่สะเต๊ะ
    Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก
    Spicy (สไป-ซี) adj. แปลว่า เผ็ด
    Steamed rice (สตีมด ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวสวย
    Leftovers (เลฟท-โอ-เวอะซ) n. แปลว่า อาหารที่เหลือ
    Dessert (ดิ-เซิร์ท) n. แปลว่า ของหวาน
    Mango sticky rice (แมง-โก สติค-คี ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวเหนียวมะม่วง
    Check (เช็ค) n. แปลว่า ใบเสร็จ/เช็คบิล
    Delicious (ดิลิช-เชิส) adj. แปลว่า อร่อย
    Pack up (แพ็ค อัพ) v. แปลว่า เก็บห่อ
    Welcome (เวล-คัม) v./adj. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    https://www.youtube.com/watch?v=xLnEQW0h_5U บทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสั่งอาหารที่ร้านอาหารไทย มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ร้านอาหารไทย The conversations from the clip : Waiter: Good evening! Welcome to Siam Delight. How many people are dining tonight? Customer: Good evening! Just two of us, please. Waiter: Right this way. Here’s the menu. Would you like to start with some drinks? Customer: Yes, I’ll have a Thai iced tea, and my friend will have lemonade. Waiter: Excellent choices! Are you ready to order, or would you like a few more minutes? Customer: We’re ready. For starters, we’ll have chicken satay. Waiter: Great choice! And for the main courses? Customer: I’d like Pad Thai with shrimp, Green Curry with chicken, Tom Yum soup with shrimp, and a plate of Stir-fried Basil with pork. Waiter: How spicy would you like the curry and Tom Yum soup? Customer: Medium spicy for both, please. Waiter: Got it. Would you like steamed rice with the curry? Customer: Yes, please. Waiter: Perfect. Anything else? Customer: No, that’ll be all for now. Thank you. (After finishing the main courses) Waiter: How was everything? Customer: It was delicious! But we couldn’t finish everything. Could you pack up the leftovers for us? Waiter: Of course! I’ll bring some boxes for you. Would you like dessert as well? Customer: Yes, we’d like to share a mango sticky rice, please. Waiter: Excellent choice. I’ll bring it out shortly. (After dessert) Customer: Thank you so much. Could we have the check, please? Waiter: Absolutely. I’ll bring it right over. พนักงาน: สวัสดีค่ะ! ยินดีต้อนรับสู่สยามดีไลท์ค่ะ วันนี้มีกี่ท่านคะ? ลูกค้า: สวัสดีครับ! แค่สองท่านครับ พนักงาน: เชิญทางนี้เลยค่ะ นี่คือเมนูนะคะ ต้องการเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ผมขอชาไทยเย็น ส่วนเพื่อนผมขอน้ำมะนาวครับ พนักงาน: เลือกได้ดีมากเลยค่ะ พร้อมจะสั่งอาหารเลยไหมคะ หรือขอเวลาอีกสักนิด? ลูกค้า: เราพร้อมแล้วครับ สำหรับเมนูเรียกน้ำย่อย ขอไก่สะเต๊ะครับ พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แล้วสำหรับจานหลักล่ะคะ? ลูกค้า: ผมขอผัดไทยกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง และผัดกะเพราหมูครับ พนักงาน: สำหรับแกงกับต้มยำ ต้องการเผ็ดระดับไหนคะ? ลูกค้า: ขอเผ็ดกลางทั้งสองอย่างครับ พนักงาน: รับทราบค่ะ แล้วต้องการข้าวสวยกับแกงไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ขอด้วยครับ พนักงาน: เรียบร้อยค่ะ มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ? ลูกค้า: ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับ (หลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จ) พนักงาน: อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ? ลูกค้า: อร่อยมากครับ แต่พวกเราทานไม่หมด ช่วยแพ็คกลับให้ด้วยได้ไหมครับ? พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันนำกล่องมาให้นะคะ สนใจของหวานเพิ่มเติมไหมคะ? ลูกค้า: ครับ ขอข้าวเหนียวมะม่วงจานหนึ่งครับ จะแบ่งกันทานครับ พนักงาน: เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เดี๋ยวจะนำมาเสิร์ฟให้นะคะ (หลังจากทานของหวาน) ลูกค้า: ขอบคุณมากครับ ขอเช็คบิลด้วยครับ พนักงาน: ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะนำมาให้นะคะ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Waiter (เว-เทอะ) n. แปลว่า พนักงานเสิร์ฟ Menu (เมน-นู) n. แปลว่า เมนู Lemonade (เลม-เมอะ-เนด) n. แปลว่า น้ำมะนาว Starter (สตา-เทอะ) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย Chicken satay (ชิค-เคิน ซะ-เต) n. แปลว่า ไก่สะเต๊ะ Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก Spicy (สไป-ซี) adj. แปลว่า เผ็ด Steamed rice (สตีมด ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวสวย Leftovers (เลฟท-โอ-เวอะซ) n. แปลว่า อาหารที่เหลือ Dessert (ดิ-เซิร์ท) n. แปลว่า ของหวาน Mango sticky rice (แมง-โก สติค-คี ไรซ์) n. แปลว่า ข้าวเหนียวมะม่วง Check (เช็ค) n. แปลว่า ใบเสร็จ/เช็คบิล Delicious (ดิลิช-เชิส) adj. แปลว่า อร่อย Pack up (แพ็ค อัพ) v. แปลว่า เก็บห่อ Welcome (เวล-คัม) v./adj. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 628 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dragon Gate at Night

    ประตูไชน่าทาวน์ยามค่ำคืน จะเห็นรายละเอียดใต้หลังคาชัดเจนมากกว่าตอนกลางวัน ประตูนี้..ได้หวันสร้างเป็นของขวัญ ให้ ชาวจีนที่พำนักในสหรัฐฯ ประมาณปี 1970

    เหนือประตูแต่ละบานมีอักษรจีนสี่ตัวอ่านจากขวาไปซ้าย

    -ประตูบานกลาง มีอักษรจีน 天下為公 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง ว่า ที้น-ห่า-ไหว่-ก๊ง แปลว่า 'โลกนี้มีไว้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม' (คติประจำใจของดร.ซุน ยัตเซ็น)

    อักษรอีก 8 ตัว เหนือประตูตะวันออก และ ประตูตะวันตก
    หมายถึงคุณธรรม ดังนี้ คือ

    - ป้ายประตูบานตะวันออก เขียนว่า 忠孝仁愛 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง ว่า จุ๊ง-ฮาว-หยั่น-งอย แปลว่า ความภักดี ความกตัญญู และ ความรัก

    -ป้ายประตูบานตะวันตก เขียนว่า 信義和平 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง เซิ้น-หยี่-หว่อ-เผ่ง แปลว่า ความซื่อสัตย์ ความมั่นใจ สันติภาพ
    Dragon Gate at Night ประตูไชน่าทาวน์ยามค่ำคืน จะเห็นรายละเอียดใต้หลังคาชัดเจนมากกว่าตอนกลางวัน ประตูนี้..ได้หวันสร้างเป็นของขวัญ ให้ ชาวจีนที่พำนักในสหรัฐฯ ประมาณปี 1970 เหนือประตูแต่ละบานมีอักษรจีนสี่ตัวอ่านจากขวาไปซ้าย -ประตูบานกลาง มีอักษรจีน 天下為公 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง ว่า ที้น-ห่า-ไหว่-ก๊ง แปลว่า 'โลกนี้มีไว้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม' (คติประจำใจของดร.ซุน ยัตเซ็น) อักษรอีก 8 ตัว เหนือประตูตะวันออก และ ประตูตะวันตก หมายถึงคุณธรรม ดังนี้ คือ - ป้ายประตูบานตะวันออก เขียนว่า 忠孝仁愛 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง ว่า จุ๊ง-ฮาว-หยั่น-งอย แปลว่า ความภักดี ความกตัญญู และ ความรัก -ป้ายประตูบานตะวันตก เขียนว่า 信義和平 อ่านเป็นภาษากวางตุ้ง เซิ้น-หยี่-หว่อ-เผ่ง แปลว่า ความซื่อสัตย์ ความมั่นใจ สันติภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fill Your Pot Of Gold With 18 Brilliant Words For St. Patrick’s Day

    Every March, people around the world celebrate St. Patrick’s Day with parades, street parties, festivals, sing-alongs, arts exhibitions, and yes, green rivers (such as the Chicago River, dyed green with what’s essentially food coloring). What began as a feast day for the patron saint of Ireland has evolved into a worldwide celebration of Irish culture and heritage—and it’s hard to resist the temptation to look for a lucky four-leaf clover come St. Patrick’s Day.

    But there’s more to the day and the culture of Ireland than the color green or traditional celebrations. In honor of this special holiday, here are 18 interesting words to help you learn more about Irish history, culture, and the roots of St. Patrick’s Day.

    blarney

    Have you heard the one about the Blarney stone? Blarney means “flattering or wheedling talk; cajolery.” It’s often applied to insincere flattery that’s used to gain favor. The word, which was first recorded in English in the late 1700s, comes from the centuries old legend of the Blarney stone. It’s said that anyone who kisses the stone in Blarney Castle near Cork, Ireland, is given the gift of flattery and eloquence.

    “Erin go Bragh”

    Erin go Bragh is a popular expression of loyalty to, or affection for, Ireland, its people, and its culture. The phrase, which means “Ireland forever,” is an Anglicization of Éire go Brách, which translates to “Ireland till the end of time.” The phrase may have first come to use during the Irish Rebellion of 1798 as a rallying cry for Irish independence. In the time since, it’s been used in music, sports, and during celebrations like St. Patrick’s Day to celebrate Irish pride and culture.

    leprechaun

    Leprechauns originated in Irish folklore, but they’ve become a famous symbol all over the world. A leprechaun is a dwarf or sprite, often depicted as “a little old man who will reveal the location of a hidden crock of gold to anyone who catches him.” Though leprechauns are usually seen as joyful or mischievous, some representations of leprechauns feature offensive stereotypes that should be avoided. For example, the University of Notre Dame’s “fighting Irish” leprechaun has been voted one of the most offensive mascots in US sports.

    banshee

    Leprechauns aren’t the only well-known figures from folklore. In Irish legend, a banshee is “a spirit in the form of a wailing woman who appears to or is heard by members of a family as a sign that one of them is about to die.” The word comes from the Irish Gaelic bean sídh, which translates to “woman of the fairy mound.” In legends, banshees most often appear at night, and some believe they can only be seen by those of Irish descent.

    Saint Patrick

    Although the origin of St. Patrick’s Day is a mix of fact and legend, Saint Patrick was a real person. The day commemorates the feast of Saint Patrick, a ​​British-born missionary and bishop who became the patron saint of Ireland. Saint Patrick is believed to have been born Maewyn Succat, and later chose the Latin name Patricius, or Patrick in English and Pádraig in Irish. He is credited with bringing Christianity to Ireland and famously believed to have used the shamrock as a metaphor for the Holy Trinity.

    Emerald Isle

    Ireland is sometimes called the Emerald Isle. This poetic nickname for Ireland stems from the lush, green land and rolling hills that make up many parts of the country. Emerald green is a “clear, deep green color” most often associated with the gem of the same name. Green is strongly associated with Ireland not only because of the landscape and symbols like the shamrock, but also because of its use among people fighting for Irish independence throughout history.

    luck

    If you’ve ever searched for a four leaf clover, then you know a little something about the supposed link between Irish culture and luck. Luck is “the force that seems to operate for good or ill in a person’s life,” and many people believe Irish symbols, particularly those seen on St. Patrick’s Day, have a special ability to attract good luck. Maybe you’ve heard the phrase the luck of the Irish? This phrase is considered a cliché and is mostly only used in the US, but it’s an example of just how common it is to think Irish culture is imbued with potent powers of good luck. (Need a few more serendipitous ways to say lucky?)

    Gaelic

    You’ll notice many of the words on this list have Gaelic roots. Gaelic isn’t only one language. The term encompasses Celtic languages that include the speech of ancient Ireland and more modern dialects that have developed from it, especially Irish, Manx, and Scottish Gaelic. Though the term Irish Gaelic is sometimes used outside of Ireland, Irish is made up of distinct dialects that vary in vocabulary, pronunciation, and grammar, and the words Gaelic and Irish shouldn’t be used interchangeably.

    shamrock

    Shamrocks are among the most famous symbols of St. Patrick’s Day. ​​The word shamrock can describe a number of trifoliate, or three-leafed, plants but especially “a small, yellow-flowered clover: the national emblem of Ireland.” Shamrock comes from the Irish Gaelic seamrōg, or “clover.” Saint Patrick’s close association with Ireland and legendary use of the shamrock as a symbol for Christianity helped make it a symbol of Irish culture. These days, shamrocks are so popular there is even a Shamrock emoji.

    donnybrook

    In English, donnybrook means ​​”an inordinately wild fight or contentious dispute; brawl; free-for-all.” It comes from Donnybrook Fair, a traditional fair that was held in Donnybrook, county Dublin, Ireland, until 1855. The fair featured livestock and produce and later evolved into a carnival. It was ultimately shut down due to its reputation for brawls and raucous behavior. The word donnybrook entered English in the mid-1800s. Fun fact: the Donnybrook Fair grounds are now the Donnybrook Rugby Ground.

    bodhran

    Music is a big part of many St. Patrick’s Day celebrations, and some of it includes the bodhran. A bodhran is “a handheld, shallow Irish drum with a single goatskin head, played with a stick.” It’s often used in traditional Celtic folk music, and it’s known for its deep, distinct sound. Bodhran is borrowed in English from the Irish bodhrán, which derives from the middle Irish bodar, meaning “deafening, deaf.”

    Celtic

    The Celts were once the largest group in ancient Europe, and their influence on the language and culture remains prominent today, especially in Ireland. Celtic is a term for the family of languages that includes Irish, Scottish Gaelic, Welsh, and Breton. More broadly, Celtic refers to anything “of the Celts or their language.”

    limerick

    A limerick is “a kind of humorous verse of five lines.” It’s also a county in Ireland, and the two share an interesting link. The first known use of limerick referring to the poem comes from the late 1800s, and the word is thought to have originated as a part of a party game. People playing the game took turns making up nonsense verses, then everyone would sing the refrain: “Will you come up to Limerick?” The refrain referenced Limerick, the place, but later came to represent the poems themselves.

    clover

    It’s said that if you find a four-leaf clover, it will bring you good luck. So, is a clover the same thing as a shamrock? It’s complicated. Clover and shamrock are both used to describe plants from similar species. While shamrock derives from an Irish word, clover has roots in Old English. Clovers may have two, three, four, or more leaves, while the traditional shamrock that’s used as a symbol of Ireland has three. In other words, shamrocks are a type of clover, but not every clover is a shamrock.

    balbriggan

    There are many things that take their names from places in Ireland. Balbriggan is one. In addition to being a city in Ireland, balbriggan is “a plain-knit cotton fabric, used especially in hosiery and underwear.” The fabric was first made in the town of the same name, and the word has been in use in English since the mid-1800s.

    shillelagh

    A shillelagh is a cudgel, or club, traditionally made of blackthorn or oak, and it’s become a recognizable symbol of Irish culture in some St. Patrick’s Day celebrations. The name shillelagh comes from the Irish Síol Éiligh, the name of a town in County Wicklow, Ireland. The adjoining forest once provided the wood for the clubs, which are now sometimes carried in parades or sold as souvenirs.

    brogue

    Let’s hear it for the brogue. A brogue is “an Irish accent in the pronunciation of English.” Believe it or not, this term may be related to shoes. The word brogue can also refer to “a coarse, usually untanned leather shoe once worn in Ireland and Scotland.” It’s thought that brogue in reference to accents may be a special use of the word; it was first recorded in English in the early 1700s.

    rainbow

    Rainbows are often associated with Ireland and St. Patrick’s Day. Some legends say leprechauns leave gold at the ends of rainbows. There may also be a scientific explanation for Ireland’s close association with rainbows. A rainbow is an “arc of prismatic colors appearing in the heavens opposite the sun and caused by the refraction and reflection of the sun’s rays in drops of rain.” Because of its rainy climate and latitude, Ireland may actually have better conditions for the formation of frequent rainbows than other places.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Fill Your Pot Of Gold With 18 Brilliant Words For St. Patrick’s Day Every March, people around the world celebrate St. Patrick’s Day with parades, street parties, festivals, sing-alongs, arts exhibitions, and yes, green rivers (such as the Chicago River, dyed green with what’s essentially food coloring). What began as a feast day for the patron saint of Ireland has evolved into a worldwide celebration of Irish culture and heritage—and it’s hard to resist the temptation to look for a lucky four-leaf clover come St. Patrick’s Day. But there’s more to the day and the culture of Ireland than the color green or traditional celebrations. In honor of this special holiday, here are 18 interesting words to help you learn more about Irish history, culture, and the roots of St. Patrick’s Day. blarney Have you heard the one about the Blarney stone? Blarney means “flattering or wheedling talk; cajolery.” It’s often applied to insincere flattery that’s used to gain favor. The word, which was first recorded in English in the late 1700s, comes from the centuries old legend of the Blarney stone. It’s said that anyone who kisses the stone in Blarney Castle near Cork, Ireland, is given the gift of flattery and eloquence. “Erin go Bragh” Erin go Bragh is a popular expression of loyalty to, or affection for, Ireland, its people, and its culture. The phrase, which means “Ireland forever,” is an Anglicization of Éire go Brách, which translates to “Ireland till the end of time.” The phrase may have first come to use during the Irish Rebellion of 1798 as a rallying cry for Irish independence. In the time since, it’s been used in music, sports, and during celebrations like St. Patrick’s Day to celebrate Irish pride and culture. leprechaun Leprechauns originated in Irish folklore, but they’ve become a famous symbol all over the world. A leprechaun is a dwarf or sprite, often depicted as “a little old man who will reveal the location of a hidden crock of gold to anyone who catches him.” Though leprechauns are usually seen as joyful or mischievous, some representations of leprechauns feature offensive stereotypes that should be avoided. For example, the University of Notre Dame’s “fighting Irish” leprechaun has been voted one of the most offensive mascots in US sports. banshee Leprechauns aren’t the only well-known figures from folklore. In Irish legend, a banshee is “a spirit in the form of a wailing woman who appears to or is heard by members of a family as a sign that one of them is about to die.” The word comes from the Irish Gaelic bean sídh, which translates to “woman of the fairy mound.” In legends, banshees most often appear at night, and some believe they can only be seen by those of Irish descent. Saint Patrick Although the origin of St. Patrick’s Day is a mix of fact and legend, Saint Patrick was a real person. The day commemorates the feast of Saint Patrick, a ​​British-born missionary and bishop who became the patron saint of Ireland. Saint Patrick is believed to have been born Maewyn Succat, and later chose the Latin name Patricius, or Patrick in English and Pádraig in Irish. He is credited with bringing Christianity to Ireland and famously believed to have used the shamrock as a metaphor for the Holy Trinity. Emerald Isle Ireland is sometimes called the Emerald Isle. This poetic nickname for Ireland stems from the lush, green land and rolling hills that make up many parts of the country. Emerald green is a “clear, deep green color” most often associated with the gem of the same name. Green is strongly associated with Ireland not only because of the landscape and symbols like the shamrock, but also because of its use among people fighting for Irish independence throughout history. luck If you’ve ever searched for a four leaf clover, then you know a little something about the supposed link between Irish culture and luck. Luck is “the force that seems to operate for good or ill in a person’s life,” and many people believe Irish symbols, particularly those seen on St. Patrick’s Day, have a special ability to attract good luck. Maybe you’ve heard the phrase the luck of the Irish? This phrase is considered a cliché and is mostly only used in the US, but it’s an example of just how common it is to think Irish culture is imbued with potent powers of good luck. (Need a few more serendipitous ways to say lucky?) Gaelic You’ll notice many of the words on this list have Gaelic roots. Gaelic isn’t only one language. The term encompasses Celtic languages that include the speech of ancient Ireland and more modern dialects that have developed from it, especially Irish, Manx, and Scottish Gaelic. Though the term Irish Gaelic is sometimes used outside of Ireland, Irish is made up of distinct dialects that vary in vocabulary, pronunciation, and grammar, and the words Gaelic and Irish shouldn’t be used interchangeably. shamrock Shamrocks are among the most famous symbols of St. Patrick’s Day. ​​The word shamrock can describe a number of trifoliate, or three-leafed, plants but especially “a small, yellow-flowered clover: the national emblem of Ireland.” Shamrock comes from the Irish Gaelic seamrōg, or “clover.” Saint Patrick’s close association with Ireland and legendary use of the shamrock as a symbol for Christianity helped make it a symbol of Irish culture. These days, shamrocks are so popular there is even a Shamrock emoji. donnybrook In English, donnybrook means ​​”an inordinately wild fight or contentious dispute; brawl; free-for-all.” It comes from Donnybrook Fair, a traditional fair that was held in Donnybrook, county Dublin, Ireland, until 1855. The fair featured livestock and produce and later evolved into a carnival. It was ultimately shut down due to its reputation for brawls and raucous behavior. The word donnybrook entered English in the mid-1800s. Fun fact: the Donnybrook Fair grounds are now the Donnybrook Rugby Ground. bodhran Music is a big part of many St. Patrick’s Day celebrations, and some of it includes the bodhran. A bodhran is “a handheld, shallow Irish drum with a single goatskin head, played with a stick.” It’s often used in traditional Celtic folk music, and it’s known for its deep, distinct sound. Bodhran is borrowed in English from the Irish bodhrán, which derives from the middle Irish bodar, meaning “deafening, deaf.” Celtic The Celts were once the largest group in ancient Europe, and their influence on the language and culture remains prominent today, especially in Ireland. Celtic is a term for the family of languages that includes Irish, Scottish Gaelic, Welsh, and Breton. More broadly, Celtic refers to anything “of the Celts or their language.” limerick A limerick is “a kind of humorous verse of five lines.” It’s also a county in Ireland, and the two share an interesting link. The first known use of limerick referring to the poem comes from the late 1800s, and the word is thought to have originated as a part of a party game. People playing the game took turns making up nonsense verses, then everyone would sing the refrain: “Will you come up to Limerick?” The refrain referenced Limerick, the place, but later came to represent the poems themselves. clover It’s said that if you find a four-leaf clover, it will bring you good luck. So, is a clover the same thing as a shamrock? It’s complicated. Clover and shamrock are both used to describe plants from similar species. While shamrock derives from an Irish word, clover has roots in Old English. Clovers may have two, three, four, or more leaves, while the traditional shamrock that’s used as a symbol of Ireland has three. In other words, shamrocks are a type of clover, but not every clover is a shamrock. balbriggan There are many things that take their names from places in Ireland. Balbriggan is one. In addition to being a city in Ireland, balbriggan is “a plain-knit cotton fabric, used especially in hosiery and underwear.” The fabric was first made in the town of the same name, and the word has been in use in English since the mid-1800s. shillelagh A shillelagh is a cudgel, or club, traditionally made of blackthorn or oak, and it’s become a recognizable symbol of Irish culture in some St. Patrick’s Day celebrations. The name shillelagh comes from the Irish Síol Éiligh, the name of a town in County Wicklow, Ireland. The adjoining forest once provided the wood for the clubs, which are now sometimes carried in parades or sold as souvenirs. brogue Let’s hear it for the brogue. A brogue is “an Irish accent in the pronunciation of English.” Believe it or not, this term may be related to shoes. The word brogue can also refer to “a coarse, usually untanned leather shoe once worn in Ireland and Scotland.” It’s thought that brogue in reference to accents may be a special use of the word; it was first recorded in English in the early 1700s. rainbow Rainbows are often associated with Ireland and St. Patrick’s Day. Some legends say leprechauns leave gold at the ends of rainbows. There may also be a scientific explanation for Ireland’s close association with rainbows. A rainbow is an “arc of prismatic colors appearing in the heavens opposite the sun and caused by the refraction and reflection of the sun’s rays in drops of rain.” Because of its rainy climate and latitude, Ireland may actually have better conditions for the formation of frequent rainbows than other places. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 809 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts