• Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag

    Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที

    Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้

    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การตรวจจับด้วย Keystroke Lag
    พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ

    จำนวนความพยายามแฝงตัว
    Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส

    เป้าหมายของการแฝงตัว
    เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง
    ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว

    คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร
    การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
    พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    🛡️ Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้ กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การตรวจจับด้วย Keystroke Lag ➡️ พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ ✅ จำนวนความพยายามแฝงตัว ➡️ Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส ✅ เป้าหมายของการแฝงตัว ➡️ เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม ✅ การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง ➡️ ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร ⛔ การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ⛔ พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin

    เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน

    ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย
    แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น

    มรดกที่ยังคงอยู่
    แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto
    ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things”

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน

    ปริศนาตัวตน
    ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน

    มรดกที่ยังคงอยู่
    Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

    ความไม่แน่นอนของตัวตน
    การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน

    ความเสี่ยงในตลาดคริปโต
    การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    🕵️‍♂️ การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก 💻 ผลงานที่เปลี่ยนโลก Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน 🌍 ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น 📈 มรดกที่ยังคงอยู่ แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto ➡️ ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things” ✅ ผลงานที่เปลี่ยนโลก ➡️ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน ✅ ปริศนาตัวตน ➡️ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน ✅ มรดกที่ยังคงอยู่ ➡️ Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ‼️ ความไม่แน่นอนของตัวตน ⛔ การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน ‼️ ความเสี่ยงในตลาดคริปโต ⛔ การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • “รวมระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับ Homelab และการใช้งานส่วนตัว”

    บทความนี้แนะนำระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ที่สามารถใช้สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลส่วนตัวได้เอง เช่น OpenMediaVault, TrueNAS, Rockstor, XigmaNAS และ EasyNAS รวมถึงตัวเลือกเสริมอย่าง CasaOS และ TurnKey File Server

    OpenMediaVault (OMV)
    OMV เป็นดิสทริบิวชันที่สร้างบน Debian ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องเก่าให้เป็น NAS รองรับไฟล์ระบบหลากหลาย เช่น EXT3, EXT4, Btrfs และมีปลั๊กอินเสริมมากมาย เช่น Kubernetes, OneDrive, และการจัดการ Snapshot ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่อยากปรับแต่งมากนัก.

    TrueNAS
    TrueNAS มีสองรุ่นคือ Community Edition (FreeBSD) และ Enterprise Edition (Debian) จุดเด่นคือการใช้ ZFS ที่มีความปลอดภัยสูง รองรับการทำ Snapshot ไม่จำกัด, Docker, Kubernetes และการติดตั้งแอปเสริม เช่น Plex หรือ Nextcloud เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ.

    Rockstor
    Rockstor สร้างบน OpenSUSE ใช้ระบบไฟล์ Btrfs และมีฟีเจอร์ Rock-Ons ซึ่งเป็น Docker Plug-ins ที่ช่วยเพิ่มความสามารถ เช่น Media Player, Torrent Client และ Productivity Tools เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ NAS ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย.

    XigmaNAS
    XigmaNAS พัฒนาต่อจาก FreeNAS รองรับ OpenZFS และ UFS จุดเด่นคือสามารถใช้กับเครื่องเก่าได้ดี มีฟีเจอร์เสริม เช่น BitTorrent Client, iTunes/DAAP Server, VirtualBox และ DLNA ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากรีไซเคิลเครื่องเก่าเป็น NAS.

    EasyNAS
    EasyNAS สร้างบน OpenSUSE ใช้ Btrfs และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุด รองรับการบีบอัด, Snapshot และการปรับขนาดไฟล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์เก่า.

    ตัวเลือกเสริม
    CasaOS: ระบบ Cloud ส่วนตัวที่สร้างบน Docker มี UI ทันสมัย รองรับแอปเช่น Plex และ Jellyfin

    TurnKey File Server: สร้างบน Debian ใช้งานง่าย แม้ไม่ใช่ NAS เต็มรูปแบบ แต่เหมาะสำหรับการแชร์ไฟล์อย่างรวดเร็ว.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    OpenMediaVault (OMV)
    ใช้งานง่าย, เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับปลั๊กอินหลากหลาย

    TrueNAS
    มีรุ่น Community และ Enterprise, ใช้ ZFS, รองรับ Docker/Kubernetes

    Rockstor
    ใช้ Btrfs, มี Rock-Ons (Docker Plug-ins), ปรับแต่งได้หลากหลาย

    XigmaNAS
    เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับ OpenZFS/UFS, มีฟีเจอร์เสริมเช่น DLNA, VirtualBox

    EasyNAS
    ใช้งานง่าย, เน้นความปลอดภัย, เหมาะกับฮาร์ดแวร์เก่า

    ตัวเลือกเสริม
    CasaOS: Cloud ส่วนตัวบน Docker
    TurnKey File Server: แชร์ไฟล์ง่ายบน Debian

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ NAS
    หากไม่อัปเดตระบบ อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย
    การใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน เช่น รหัสผ่านเดิม เป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี

    https://itsfoss.com/open-source-nas-os/
    🗂️ “รวมระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับ Homelab และการใช้งานส่วนตัว” บทความนี้แนะนำระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ที่สามารถใช้สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลส่วนตัวได้เอง เช่น OpenMediaVault, TrueNAS, Rockstor, XigmaNAS และ EasyNAS รวมถึงตัวเลือกเสริมอย่าง CasaOS และ TurnKey File Server 💻 OpenMediaVault (OMV) OMV เป็นดิสทริบิวชันที่สร้างบน Debian ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องเก่าให้เป็น NAS รองรับไฟล์ระบบหลากหลาย เช่น EXT3, EXT4, Btrfs และมีปลั๊กอินเสริมมากมาย เช่น Kubernetes, OneDrive, และการจัดการ Snapshot ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่อยากปรับแต่งมากนัก. 🏢 TrueNAS TrueNAS มีสองรุ่นคือ Community Edition (FreeBSD) และ Enterprise Edition (Debian) จุดเด่นคือการใช้ ZFS ที่มีความปลอดภัยสูง รองรับการทำ Snapshot ไม่จำกัด, Docker, Kubernetes และการติดตั้งแอปเสริม เช่น Plex หรือ Nextcloud เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ. 🐧 Rockstor Rockstor สร้างบน OpenSUSE ใช้ระบบไฟล์ Btrfs และมีฟีเจอร์ Rock-Ons ซึ่งเป็น Docker Plug-ins ที่ช่วยเพิ่มความสามารถ เช่น Media Player, Torrent Client และ Productivity Tools เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ NAS ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย. 🗄️ XigmaNAS XigmaNAS พัฒนาต่อจาก FreeNAS รองรับ OpenZFS และ UFS จุดเด่นคือสามารถใช้กับเครื่องเก่าได้ดี มีฟีเจอร์เสริม เช่น BitTorrent Client, iTunes/DAAP Server, VirtualBox และ DLNA ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากรีไซเคิลเครื่องเก่าเป็น NAS. 📦 EasyNAS EasyNAS สร้างบน OpenSUSE ใช้ Btrfs และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุด รองรับการบีบอัด, Snapshot และการปรับขนาดไฟล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์เก่า. 🌐 ตัวเลือกเสริม 🎗️ CasaOS: ระบบ Cloud ส่วนตัวที่สร้างบน Docker มี UI ทันสมัย รองรับแอปเช่น Plex และ Jellyfin 🎗️ TurnKey File Server: สร้างบน Debian ใช้งานง่าย แม้ไม่ใช่ NAS เต็มรูปแบบ แต่เหมาะสำหรับการแชร์ไฟล์อย่างรวดเร็ว. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ OpenMediaVault (OMV) ➡️ ใช้งานง่าย, เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับปลั๊กอินหลากหลาย ✅ TrueNAS ➡️ มีรุ่น Community และ Enterprise, ใช้ ZFS, รองรับ Docker/Kubernetes ✅ Rockstor ➡️ ใช้ Btrfs, มี Rock-Ons (Docker Plug-ins), ปรับแต่งได้หลากหลาย ✅ XigmaNAS ➡️ เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับ OpenZFS/UFS, มีฟีเจอร์เสริมเช่น DLNA, VirtualBox ✅ EasyNAS ➡️ ใช้งานง่าย, เน้นความปลอดภัย, เหมาะกับฮาร์ดแวร์เก่า ✅ ตัวเลือกเสริม ➡️ CasaOS: Cloud ส่วนตัวบน Docker ➡️ TurnKey File Server: แชร์ไฟล์ง่ายบน Debian ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ NAS ⛔ หากไม่อัปเดตระบบ อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ การใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน เช่น รหัสผ่านเดิม เป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี https://itsfoss.com/open-source-nas-os/
    ITSFOSS.COM
    Here are Your Choices for an Open Source NAS Operating System
    Building a NAS in your homelab? Here are the choices of operating systems you can use.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • หูฟังไร้สาย – เทคโนโลยีเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตผู้มี Autism

    บทความจาก SlashGear เล่าเรื่องราวของผู้เขียนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Autism ระดับ 1 ร่วมกับ ADHD และรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบต้องถูกตีความใหม่ แต่สิ่งที่ช่วยให้เขากลับมามีสมดุลในชีวิตคือ หูฟังไร้สาย (True Wireless Earbuds) ที่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและการปรับแต่งเสียงเพื่อช่วยให้การสื่อสารและการใช้ชีวิตง่ายขึ้น

    ผู้เขียนเล่าว่าหลังจากผ่านการทดสอบทางจิตวิทยา 6 ชั่วโมง ผลออกมาว่าเป็น Autism ระดับ 1 และ ADHD ทำให้ต้องตีความชีวิตใหม่ทั้งหมด สิ่งที่เคยเป็นปัญหา เช่น ความไวต่อเสียงและการสื่อสารในที่แออัด กลายเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของโรค

    ปัญหาการประมวลผลเสียง
    สมองของคนทั่วไปสามารถกรองเสียงรบกวนออก แต่สมองของผู้มี Autism มักจะให้ความสำคัญกับทุกเสียงเท่า ๆ กัน ทำให้การอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือสถานที่แออัดเหมือนอยู่ในสนามรบ หูฟังที่มี Active Noise Cancelling (ANC) จึงช่วยลดภาวะ “fight or flight” ที่เกิดขึ้นจากเสียงรบกวนได้จริง

    ฟีเจอร์ช่วยเหลือการสื่อสาร
    หูฟังรุ่นใหม่ เช่น Samsung Galaxy Buds3 Pro หรือ AirPods Pro มีฟีเจอร์ “Boost voices in front of you” ที่ช่วยขยายเสียงพูดตรงหน้าและลดเสียงรอบข้าง ทำให้ผู้เขียนสามารถสื่อสารกับเภสัชกรได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องอ่านปาก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตประจำวัน

    เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึง
    บทความชี้ว่าแม้บริษัทใหญ่เช่น Apple และ Samsung อาจไม่ได้กำไรโดยตรงจากการเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเข้าถึง แต่การพัฒนาเหล่านี้กลับช่วยผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินและ Autism ได้มาก เป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ไม่เพียงตอบโจทย์ตลาดทั่วไป แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ที่มีความต้องการพิเศษ

    สรุปสาระสำคัญ
    การวินิจฉัย Autism และ ADHD
    ทำให้ผู้เขียนต้องตีความชีวิตใหม่
    ความไวต่อเสียงเป็นปัญหาหลัก

    ปัญหาการประมวลผลเสียง
    สมองไม่กรองเสียงรบกวน
    สถานที่แออัดเหมือนสนามรบ

    ฟีเจอร์หูฟังช่วยชีวิต
    Active Noise Cancelling ลดภาวะ fight or flight
    Boost voices in front of you ช่วยสื่อสารชัดเจน

    เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึง
    Apple และ Samsung เพิ่มฟีเจอร์แม้ไม่มีกำไรสูง
    ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีความต้องการพิเศษ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ละเลยการพัฒนาทักษะอื่น
    ฟีเจอร์บางอย่างยังไม่รองรับทุกอุปกรณ์และอาจมีข้อจำกัด

    https://www.slashgear.com/2043765/autism-diagnosis-upended-sense-self-this-gadget-help-reclaim-it/
    📰 หูฟังไร้สาย – เทคโนโลยีเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตผู้มี Autism บทความจาก SlashGear เล่าเรื่องราวของผู้เขียนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Autism ระดับ 1 ร่วมกับ ADHD และรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบต้องถูกตีความใหม่ แต่สิ่งที่ช่วยให้เขากลับมามีสมดุลในชีวิตคือ หูฟังไร้สาย (True Wireless Earbuds) ที่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและการปรับแต่งเสียงเพื่อช่วยให้การสื่อสารและการใช้ชีวิตง่ายขึ้น ผู้เขียนเล่าว่าหลังจากผ่านการทดสอบทางจิตวิทยา 6 ชั่วโมง ผลออกมาว่าเป็น Autism ระดับ 1 และ ADHD ทำให้ต้องตีความชีวิตใหม่ทั้งหมด สิ่งที่เคยเป็นปัญหา เช่น ความไวต่อเสียงและการสื่อสารในที่แออัด กลายเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของโรค 🔊 ปัญหาการประมวลผลเสียง สมองของคนทั่วไปสามารถกรองเสียงรบกวนออก แต่สมองของผู้มี Autism มักจะให้ความสำคัญกับทุกเสียงเท่า ๆ กัน ทำให้การอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือสถานที่แออัดเหมือนอยู่ในสนามรบ หูฟังที่มี Active Noise Cancelling (ANC) จึงช่วยลดภาวะ “fight or flight” ที่เกิดขึ้นจากเสียงรบกวนได้จริง 🛠️ ฟีเจอร์ช่วยเหลือการสื่อสาร หูฟังรุ่นใหม่ เช่น Samsung Galaxy Buds3 Pro หรือ AirPods Pro มีฟีเจอร์ “Boost voices in front of you” ที่ช่วยขยายเสียงพูดตรงหน้าและลดเสียงรอบข้าง ทำให้ผู้เขียนสามารถสื่อสารกับเภสัชกรได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องอ่านปาก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตประจำวัน 🌐 เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึง บทความชี้ว่าแม้บริษัทใหญ่เช่น Apple และ Samsung อาจไม่ได้กำไรโดยตรงจากการเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเข้าถึง แต่การพัฒนาเหล่านี้กลับช่วยผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินและ Autism ได้มาก เป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ไม่เพียงตอบโจทย์ตลาดทั่วไป แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ที่มีความต้องการพิเศษ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การวินิจฉัย Autism และ ADHD ➡️ ทำให้ผู้เขียนต้องตีความชีวิตใหม่ ➡️ ความไวต่อเสียงเป็นปัญหาหลัก ✅ ปัญหาการประมวลผลเสียง ➡️ สมองไม่กรองเสียงรบกวน ➡️ สถานที่แออัดเหมือนสนามรบ ✅ ฟีเจอร์หูฟังช่วยชีวิต ➡️ Active Noise Cancelling ลดภาวะ fight or flight ➡️ Boost voices in front of you ช่วยสื่อสารชัดเจน ✅ เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึง ➡️ Apple และ Samsung เพิ่มฟีเจอร์แม้ไม่มีกำไรสูง ➡️ ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีความต้องการพิเศษ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้ละเลยการพัฒนาทักษะอื่น ⛔ ฟีเจอร์บางอย่างยังไม่รองรับทุกอุปกรณ์และอาจมีข้อจำกัด https://www.slashgear.com/2043765/autism-diagnosis-upended-sense-self-this-gadget-help-reclaim-it/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    My Autism Diagnosis Upended My Sense Of Self, But One Gadget Is Helping Me Reclaim It - SlashGear
    True wireless earbuds can be a great help for people with autism, thanks to their active noice cancelling and accessibility features.
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์

    โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน

    ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้

    ```mermaid
    graph TB
    A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ]
    B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง]
    B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย]
    C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ]
    D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย]
    E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน]
    F --> G
    ```

    เคสปริศนาที่ปรากฏ

    กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท

    1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา
    2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด
    3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    ```python
    class StrangeCases:
    def __init__(self):
    self.light_abductions = {
    "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด",
    "เวลา": "เที่ยงวันพอดี",
    "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า",
    "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้"
    }

    self.dark_abductions = {
    "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก",
    "เวลา": "เที่ยงคืนตรง",
    "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ",
    "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ"
    }

    self.awakenings = {
    "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว",
    "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ",
    "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ"
    }ล
    ```

    การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ

    การสืบสวนของหนูดี

    หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว

    ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน:
    "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล
    และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน"

    สมดุลที่แตกสลาย

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ]
    B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร]
    B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง]
    C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก]
    D --> E
    ```

    ความลับที่ถูกเปิดเผย

    ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์

    ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ:

    "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้...
    พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง
    เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน"

    "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว
    มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่"

    บทบาทของโอปปาติกะ

    หนูดีค้นพบว่า:

    · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ
    · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย
    · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ

    ```python
    class OpapatikaRevelation:
    def __init__(self):
    self.true_origin = {
    "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์",
    "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้",
    "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล",
    "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง"
    }

    self.current_crisis = {
    "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง",
    "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ",
    "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย",
    "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง"
    }
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งใหม่

    การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง

    สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี:
    "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา
    มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์
    เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด
    สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน"

    การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด

    ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด:
    "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง...
    ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง
    มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม
    ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป"

    ทางเลือกที่สาม

    หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น:
    "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ
    แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ"

    ยุทธศาสตร์ใหม่

    การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม

    หนูดีวิเคราะห์ว่า:

    1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind
    2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว
    3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก

    ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์"

    หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว:

    ```python
    class HumanStrategy:
    def __init__(self):
    self.weapons = {
    "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย",
    "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด",
    "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร",
    "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ"
    }

    self.allies = [
    "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง",
    "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม",
    "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ",
    "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม"
    ]
    ```

    การปฏิบัติการพิเศษ

    ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด"

    หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ:

    1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง
    2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย
    3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง
    4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล

    การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง

    ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า:

    · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด
    · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์
    · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง

    จุดแตกหัก

    การพิพากษาครั้งใหญ่

    เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า:
    "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง...
    มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย"

    คำประกาศของหนูดี

    หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ:

    "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า...
    มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง
    การบังคับให้เราเลือกข้าง
    คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง

    และเราขอประกาศว่า...
    มนุษย์จะเลือกทางที่สาม
    ทางของเราเอง

    เราจะไม่เป็นทาสของแสง
    และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด
    เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์"

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล

    หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม]
    C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ']
    E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน]
    D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล]
    F --> G
    B --> G
    ```

    พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น

    ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า:
    "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ...
    ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด
    แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
    และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้"

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก

    หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน:

    1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์
    2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง
    3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ
    4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด

    พันธสัญญาสามฝ่าย

    ```python
    class NewCovenant:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "เทพแห่งแสง": [
    "เคารพการเลือกของมนุษย์",
    "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ",
    "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง"
    ],
    "มารแห่งความมืด": [
    "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร",
    "เคารพอิสระในการเลือก",
    "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว"
    ],
    "มนุษย์": [
    "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง",
    "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล",
    "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ"
    ]
    }

    self.guardians = [
    "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา",
    "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล",
    "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน"
    ]
    ```

    คำสอนใหม่ของหนูดี

    การเติบโตอีกขั้น

    หนูดีเรียนรู้ว่า:

    "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ...
    แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย

    และการเป็นมนุษย์ที่แท้...
    คือการมีอิสระที่จะเลือก
    พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น"

    คำคมสรุปคดี

    "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด...
    มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง

    และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง...
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่
    ในเวลาที่เหมาะสม

    เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์...
    คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น
    และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ

    และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร...
    ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"

    ---

    บทส่งท้าย:
    สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น
    หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่
    ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ

    และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
    ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
    ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม
    แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง
    O.P.K. 🔥 คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์ 🌌 โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้ ```mermaid graph TB A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ] B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง] B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย] C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ] D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย] E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน] F --> G ``` 🚨 เคสปริศนาที่ปรากฏ 👥 กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท 1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา 2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด 3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย ```python class StrangeCases: def __init__(self): self.light_abductions = { "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด", "เวลา": "เที่ยงวันพอดี", "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า", "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้" } self.dark_abductions = { "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก", "เวลา": "เที่ยงคืนตรง", "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ", "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ" } self.awakenings = { "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว", "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ", "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ" }ล ``` 🌓 การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ 🕵️ การสืบสวนของหนูดี หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน: "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน" ⚖️ สมดุลที่แตกสลาย ```mermaid graph LR A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ] B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร] B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง] C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก] D --> E ``` 👁️ ความลับที่ถูกเปิดเผย 🧬 ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์ ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ: "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้... พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน" "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่" 💔 บทบาทของโอปปาติกะ หนูดีค้นพบว่า: · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ ```python class OpapatikaRevelation: def __init__(self): self.true_origin = { "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์", "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้", "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล", "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง" } self.current_crisis = { "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง", "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ", "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย", "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง" } ``` ⚡ การเผชิญหน้าครั้งใหม่ 🌟 การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี: "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์ เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน" 🌑 การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด: "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง... ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป" 🕊️ ทางเลือกที่สาม หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น: "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ" 🛡️ ยุทธศาสตร์ใหม่ 🔮 การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม หนูดีวิเคราะห์ว่า: 1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind 2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว 3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก 💡 ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์" หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว: ```python class HumanStrategy: def __init__(self): self.weapons = { "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย", "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด", "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร", "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ" } self.allies = [ "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง", "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม", "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ", "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม" ] ``` 🌈 การปฏิบัติการพิเศษ 🎯 ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด" หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ: 1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง 2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย 3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง 4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล 🤝 การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า: · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์ · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง 💥 จุดแตกหัก ⚖️ การพิพากษาครั้งใหญ่ เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า: "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง... มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย" 🛡️ คำประกาศของหนูดี หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ: "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า... มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง การบังคับให้เราเลือกข้าง คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง และเราขอประกาศว่า... มนุษย์จะเลือกทางที่สาม ทางของเราเอง เราจะไม่เป็นทาสของแสง และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์" 🌟 การต่อสู้ครั้งสำคัญ 🔥 ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม ```mermaid graph TB A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม] C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ'] E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน] D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล] F --> G B --> G ``` ✨ พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า: "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ... ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้" 🕊️ บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 🌍 โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน: 1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์ 2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง 3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ 4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด 📜 พันธสัญญาสามฝ่าย ```python class NewCovenant: def __init__(self): self.agreements = { "เทพแห่งแสง": [ "เคารพการเลือกของมนุษย์", "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ", "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง" ], "มารแห่งความมืด": [ "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร", "เคารพอิสระในการเลือก", "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว" ], "มนุษย์": [ "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง", "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล", "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ" ] } self.guardians = [ "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา", "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล", "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน" ] ``` 💫 คำสอนใหม่ของหนูดี 🌱 การเติบโตอีกขั้น หนูดีเรียนรู้ว่า: "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ... แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย และการเป็นมนุษย์ที่แท้... คือการมีอิสระที่จะเลือก พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น" 🕯️ คำคมสรุปคดี "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด... มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง... แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่ ในเวลาที่เหมาะสม เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์... คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร... ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"✨ --- 📖 บทส่งท้าย: สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่ ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง🌈
    0 Comments 0 Shares 515 Views 0 Reviews
  • SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร

    ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด

    คุณสมบัติหลักของ ER4 Series
    ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB)
    อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap
    ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s
    ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน
    รองรับ End-to-End Data Protection
    มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection
    การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise
    ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷
    รับประกันการใช้งาน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น
    ระบบ OLTP (Online Transaction Processing)
    งาน AI inference และ real-time analytics
    ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup
    การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series
    ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit

    ความทนทานและการรับประกัน
    MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance

    ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe
    แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด

    ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด
    หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA

    https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    💾 SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด ⚙️ คุณสมบัติหลักของ ER4 Series 🎗️ ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB) 🎗️ อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap 🎗️ ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s 🎗️ ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS 🔐 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน 🎗️ รองรับ End-to-End Data Protection 🎗️ มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection 🎗️ การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise 🎗️ ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷ 🎗️ รับประกันการใช้งาน 5 ปี ⚡ การใช้งานที่เหมาะสม SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น 🔷 ระบบ OLTP (Online Transaction Processing) 🔷 งาน AI inference และ real-time analytics 🔷 ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup 🔷 การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง 🌍 ความหมายต่ออุตสาหกรรม แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series ➡️ ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit ✅ ความทนทานและการรับประกัน ➡️ MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance ‼️ ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe ⛔ แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด ‼️ ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด ⛔ หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    WCCFTECH.COM
    SSSTC Launches ER4 SATA SSDs With Up To 16 TB Capacities, 98K IOPS & 3 Million Hours MTBF
    SSSTC has unveiled its next-gen ER4 Series SATA SSD lineup for the enterprise segment, offering up to 16 TB capacities & 98K IOPS.
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง

    บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก.

    สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้
    NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน.

    จุดเด่นของการออกแบบ
    การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น.

    ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต
    DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses
    เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay

    ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM
    รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน

    ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1
    มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน

    รองรับ 10GbE networking
    เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K

    DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก

    ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท
    ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ

    https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    💾 DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้ NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน. 📈 จุดเด่นของการออกแบบ การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น. 🔮 ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses ➡️ เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay ✅ ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM ➡️ รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน ✅ ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ➡️ มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน ✅ รองรับ 10GbE networking ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K ‼️ DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก ‼️ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท ⛔ ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    BLOG.BRIANCMOSES.COM
    DIY NAS: 2026 Edition
    An 8-bay DIY NAS with 10GbE networking, TrueNAS 25.10.0.1, an Intel N355 CPU, 32GB of DDR5 RAM, and a smallish form factor that occupies less than 20 liters of your office space.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน HashiCorp Vault (CVE-2025-13357)

    ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกค้นพบใน HashiCorp Vault Terraform Provider (CVE-2025-13357) กำลังสร้างความกังวลในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากสามารถเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน หากเซิร์ฟเวอร์ LDAP ที่เชื่อมต่ออนุญาตการ bind แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน (anonymous/null bind)

    รายละเอียดของช่องโหว่
    ปัญหานี้เกิดจากการตั้งค่าเริ่มต้นของพารามิเตอร์ deny_null_bind ที่ถูกกำหนดเป็น false โดยอัตโนมัติในหลายเวอร์ชันของ Vault Terraform Provider (ตั้งแต่ v4.2.0 ถึง v5.4.0) ทำให้ระบบไม่ปฏิเสธการพยายามล็อกอินด้วยรหัสผ่านว่างเปล่า หาก LDAP server อนุญาต anonymous bind ก็จะทำให้ Vault ยอมรับการเข้าสู่ระบบโดยไม่ต้องมีข้อมูลยืนยันตัวตนใด ๆ ซึ่งเท่ากับการ ข้ามกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ทั้งหมด

    การแก้ไขและผลกระทบ
    HashiCorp ได้ออกเวอร์ชันใหม่ v5.5.0 ที่แก้ไขปัญหานี้ โดยเปลี่ยนค่าเริ่มต้นของ deny_null_bind เป็น true เพื่อป้องกันการ bypass authentication อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องรีบอัปเดตทันที เพราะหากยังคงใช้ค่า default เดิม ระบบอาจถูกเจาะเข้าถึงข้อมูลลับได้ง่ายดาย

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือการเข้าถึง Vault โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมย secret keys, credentials และข้อมูลสำคัญที่เก็บไว้ในระบบ ทำให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-13357
    เกิดจากค่า default deny_null_bind=false
    ส่งผลให้ LDAP auth method ยอมรับการ bind แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    Vault Terraform Provider v4.2.0 – v5.4.0

    การแก้ไขจาก HashiCorp
    ออกเวอร์ชัน v5.5.0 ที่แก้ไขค่า default เป็น true
    แนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันที

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจถูกโจมตีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
    เสี่ยงต่อการสูญเสีย secret keys และข้อมูลสำคัญ
    องค์กรที่ใช้ LDAP แบบอนุญาต anonymous bind มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
    🔓 ช่องโหว่ร้ายแรงใน HashiCorp Vault (CVE-2025-13357) ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกค้นพบใน HashiCorp Vault Terraform Provider (CVE-2025-13357) กำลังสร้างความกังวลในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เนื่องจากสามารถเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน หากเซิร์ฟเวอร์ LDAP ที่เชื่อมต่ออนุญาตการ bind แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน (anonymous/null bind) ⚠️ รายละเอียดของช่องโหว่ ปัญหานี้เกิดจากการตั้งค่าเริ่มต้นของพารามิเตอร์ deny_null_bind ที่ถูกกำหนดเป็น false โดยอัตโนมัติในหลายเวอร์ชันของ Vault Terraform Provider (ตั้งแต่ v4.2.0 ถึง v5.4.0) ทำให้ระบบไม่ปฏิเสธการพยายามล็อกอินด้วยรหัสผ่านว่างเปล่า หาก LDAP server อนุญาต anonymous bind ก็จะทำให้ Vault ยอมรับการเข้าสู่ระบบโดยไม่ต้องมีข้อมูลยืนยันตัวตนใด ๆ ซึ่งเท่ากับการ ข้ามกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ทั้งหมด 🛡️ การแก้ไขและผลกระทบ HashiCorp ได้ออกเวอร์ชันใหม่ v5.5.0 ที่แก้ไขปัญหานี้ โดยเปลี่ยนค่าเริ่มต้นของ deny_null_bind เป็น true เพื่อป้องกันการ bypass authentication อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องรีบอัปเดตทันที เพราะหากยังคงใช้ค่า default เดิม ระบบอาจถูกเจาะเข้าถึงข้อมูลลับได้ง่ายดาย ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือการเข้าถึง Vault โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมย secret keys, credentials และข้อมูลสำคัญที่เก็บไว้ในระบบ ทำให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-13357 ➡️ เกิดจากค่า default deny_null_bind=false ➡️ ส่งผลให้ LDAP auth method ยอมรับการ bind แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ Vault Terraform Provider v4.2.0 – v5.4.0 ✅ การแก้ไขจาก HashiCorp ➡️ ออกเวอร์ชัน v5.5.0 ที่แก้ไขค่า default เป็น true ➡️ แนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันที ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจถูกโจมตีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสีย secret keys และข้อมูลสำคัญ ⛔ องค์กรที่ใช้ LDAP แบบอนุญาต anonymous bind มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251123 #TechRadar

    Apple ขยับพลังชิปจาก CPU ไปสู่ GPU และหน่วยความจำ
    Apple เริ่มต้นจากชิป M1 ที่เน้นประสิทธิภาพ CPU แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึง M4 และ M5 แนวโน้มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน — พลังงานที่เคยทุ่มให้ CPU ถูกโยกไปสู่ GPU และระบบหน่วยความจำแทน เพื่อรองรับงานหนักแบบต่อเนื่อง เช่น งานกราฟิกและ AI ที่ต้องการการประมวลผลมหาศาล การออกแบบใหม่นี้ทำให้ MacBook Pro และ iPad Pro รุ่นล่าสุดไม่ได้เน้นแค่ “ความเร็วซีพียู” อีกต่อไป แต่เน้น “ความสมดุล” ของทั้งระบบ
    https://www.techradar.com/pro/where-apple-spends-its-power-m4-max-cpu-consumes-just-48w-why-the-gpu-and-memory-system-define-the-true-cost-of-your-macbook-pro

    Ricoh GR IV กล้องคอมแพคที่ทำให้หลงรักการถ่ายภาพยาวนาน
    นักรีวิวได้ลองถ่ายภาพกว่า 1,000 รูปด้วย Ricoh GR IV และพบว่ามีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่สุดคือระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ทำให้สามารถถ่ายภาพถือมือด้วยสปีดชัตเตอร์ช้าได้อย่างคมชัด เหมาะกับการสร้างเอฟเฟกต์แสงไฟลากยาวในเมือง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นและการออกแบบที่จับถนัดมือกว่าเดิม ถึงแม้บางส่วนยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/ive-shot-over-1-000-photos-with-the-ricoh-gr-iv-here-are-my-favorites-and-one-new-feature-stands-out

    ยุคใหม่ของ “Agentic Internet” กำลังมา
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอินเทอร์เน็ต เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยเรา แต่จะ “ทำแทนเรา” เช่น การเปรียบเทียบราคา ซื้อสินค้า หรือจัดการธุรกรรมต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ธุรกิจจึงต้องเตรียมตัวออกแบบระบบที่ไม่ใช่แค่ให้คนใช้ง่าย แต่ต้องให้ “AI Agent” เข้าใจและทำงานได้ด้วย โลกออนไลน์กำลังจะเปลี่ยนจาก UX (User Experience) ไปสู่ AX (Agent Experience) อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/the-agentic-internet-is-coming-and-businesses-need-to-be-ready

    Incognito Mode จริง ๆ แล้วไม่ได้ “ลับ” อย่างที่คิด
    หลายคนเข้าใจผิดว่าเปิด Incognito Mode แล้วจะหายตัวจากโลกออนไลน์ แต่ความจริงคือมันแค่ไม่บันทึกประวัติในเครื่องเท่านั้น เว็บไซต์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่เจ้านายยังสามารถเห็นการใช้งานได้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวจริง ๆ ต้องใช้เครื่องมือเสริม เช่น VPN หรือเบราว์เซอร์ที่เน้นความปลอดภัยอย่าง Brave หรือ DuckDuckGo https://www.techradar.com/computing/browsers/is-incognito-mode-actually-private-heres-the-surprising-answer-from-cybersecurity-experts

    Google Pixel 10 ได้ฟีเจอร์คล้าย AirDrop แต่ยังตาม Apple อยู่
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ Pixel 10 สามารถส่งไฟล์แบบไร้สายเข้ากับ iPhone ได้ คล้ายกับ AirDrop ของ Apple ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นการ “ตามรอย” มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ จุดเด่นอื่น ๆ ของ Pixel 10 คือระบบ PixelSnap ที่คล้าย MagSafe และกล้องเทเลโฟโต้ 5x ถึงอย่างนั้น Google ยังต้องหาทางสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/googles-new-airdrop-feature-is-great-for-pixel-phones-but-it-cant-chase-apples-tail-forever

    Microsoft เคยทำแท็บเล็ตก่อน Apple แต่ไม่รุ่ง
    ย้อนกลับไปในปี 2001 Microsoft เคยเปิดตัวแท็บเล็ตที่ใช้ Windows XP Tablet Edition โดยหวังว่าจะเป็นอนาคตของคอมพิวเตอร์พกพา แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ น้ำหนักที่มาก และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เหมาะกับการสัมผัส ทำให้มันไม่สามารถครองตลาดได้ สุดท้าย Apple iPad ที่เปิดตัวในปี 2010 กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมแทน
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-created-a-tablet-years-before-apple-but-it-never-took-off-heres-why

    AIOps: ใช้ AI พลิกโฉมการจัดการระบบ IT
    AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กร เพราะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากระบบ IT ได้แบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการแก้ปัญหา และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ทำให้ทีม IT สามารถทำงานเชิงรุกมากขึ้น และลด downtime ของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/aiops-how-companies-can-harness-ai-to-reshape-it-operations

    API ของ X (Twitter เดิม) เปลี่ยนเป็นคิดตามการใช้งาน
    แพลตฟอร์ม X ได้ปรับโมเดลการคิดค่าบริการ API ใหม่ โดยเปลี่ยนจากการคิดแบบเหมาจ่ายรายเดือน ไปเป็นการคิดตามการใช้งานจริง หวังว่าจะดึงดูดนักพัฒนาให้กลับมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าราคาจะสูงเกินไปสำหรับสตาร์ทอัพเล็ก ๆ และอาจทำให้บางคนเลือกหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นแทน
    https://www.techradar.com/pro/will-xs-usage-based-api-pricing-succeed-in-winning-over-developers

    Shark PowerPro เครื่องดูดฝุ่นคุ้มค่า ใช้ง่าย
    Shark PowerPro ถูกรีวิวว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับครัวเรือนทั่วไป ด้วยราคาที่ไม่แพงและการใช้งานที่ง่าย มีหัวดูดหลายแบบสำหรับพื้นต่าง ๆ และแรงดูดที่เพียงพอสำหรับฝุ่นในบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราเหมือนรุ่นไฮเอนด์ แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานประจำวัน
    https://www.techradar.com/home/vacuums/shark-powerpro-vacuum-review

    Apple เตรียมออก MacBook ราคาประหยัดและ iPhone รุ่นถูกในปี 2026
    มีข่าวลือว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาย่อมเยา และ iPhone รุ่นใหม่ที่ถูกลงในต้นปี 2026 เพื่อเจาะตลาดนักเรียนและผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ Apple แต่มีงบจำกัด ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น และอาจสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งในตลาดโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนราคาประหยัด
    https://www.techradar.com/computing/macbooks/apple-rumored-to-be-releasing-its-affordable-macbook-and-another-cut-price-iphone-early-in-2026

    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D H2C หัวฉีด 7 หัว
    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ H2C ที่มาพร้อมหัวฉีดถึง 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วด้วยแม่เหล็กและความร้อนเหนี่ยวนำ จุดเด่นคือช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุและเพิ่มความเร็วในการพิมพ์มากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังช้ากว่าเครื่อง Prusa XL อยู่พอสมควร ราคาตั้งต้นอยู่ที่ $2,399 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอถึงเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากปัญหาด้านการนำเข้า
    https://www.techradar.com/pro/sorry-us-3d-printing-fans-bambu-lab-has-a-mighty-new-seven-nozzle-printer-but-you-wont-be-able-to-get-it-anytime-soon

    Microsoft ปรับปรุง Windows 11 ลดภาพ BSOD บนจอใหญ่
    Microsoft เพิ่มโหมดใหม่ใน Windows 11 สำหรับหน้าจอสาธารณะ เช่น ป้ายดิจิทัลหรือบอร์ดแสดงผล เมื่อเกิด Blue Screen of Death (BSOD) จะโชว์เพียง 15 วินาทีแล้วดับหน้าจอ เพื่อลดความน่าอายในการใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มระบบกู้คืนแบบ snapshot และ Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแล IT กู้คืนเครื่องได้ง่ายขึ้น รวมถึงเตรียมใช้การเข้ารหัส BitLocker ที่เร็วขึ้นและรองรับการป้องกันจากการโจมตีด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-hoping-to-kill-off-embarrassing-big-screen-bsod-errors-for-good

    Nano Banana Pro เติมพลังดีไซน์ให้ NotebookLM
    Google นำโมเดล AI สร้างภาพ Nano Banana Pro มาเสริมใน NotebookLM เพื่อช่วยสร้าง infographic และสไลด์ได้อย่างสวยงามและมีข้อมูลครบถ้วน ตัวอย่างที่ทดสอบคือการเล่าเรื่องตำนาน King Arthur ที่ถูกแปลงเป็นภาพและสไลด์หลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงไซเบอร์พังค์ จุดเด่นคือความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องของตัวละครและการเล่าเรื่องในเชิงภาพ ทำให้การทำงานวิจัยและการนำเสนอมีความน่าสนใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/nano-banana-pro-cast-a-design-spell-in-notebooklm-to-explore-the-legend-of-camelot

    Anthropic จับมือ Microsoft และ Nvidia ขยาย Claude บน Azure
    Anthropic ลงทุนซื้อ compute capacity บน Microsoft Azure มูลค่า $30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการขยายโมเดล Claude ในอนาคต พร้อมได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $15 พันล้านจาก Microsoft และ Nvidia ความร่วมมือนี้ทำให้ Claude สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์ม Microsoft Foundry และ Copilot ต่าง ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมใหม่ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำงานในระยะยาว ถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของ Anthropic ในตลาด AI ระดับโลก
    https://www.techradar.com/pro/anthropic-just-bought-usd30-billion-of-azure-cloud-capability-and-has-netted-usd15-billion-investment-from-microsoft-and-nvidia-in-return

    Xbox Full Screen Experience มาสู่ Windows 11
    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ Xbox Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องด้วยจอย Xbox ได้สะดวกขึ้น โดยมีหน้าตาแบบคอนโซล ใช้งานง่ายและจัดการเกมได้รวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ยังช่วยปรับทรัพยากรเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Task View, Game Bar หรือปุ่ม Win+F11 และคาดว่าจะเป็นรากฐานของ Xbox PC รุ่นใหม่ในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/microsoft-is-now-testing-the-xbox-full-screen-experience-across-windows-11-pcs

    5 แอปที่ผู้เชี่ยวชาญมือถือแนะนำว่าต้องมี
    ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนแนะนำ 5 แอปที่ควรติดตั้งทั้งบน iPhone และ Android เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ได้แก่ แอปสำหรับความปลอดภัย การจัดการรหัสผ่าน แอปสุขภาพ แอปถ่ายภาพ และแอปจัดการการเงิน จุดเด่นคือช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
    https://www.techradar.com/phones/im-a-phones-expert-and-these-are-my-5-must-have-apps-for-iphone-and-android

    Microsoft เปิดตัวชิป Cobalt 200 แข่งตลาด CPU
    Microsoft เปิดตัวชิป ARM-based รุ่นใหม่ชื่อ Cobalt 200 ที่ออกแบบเองเพื่อใช้กับ Azure โดยเน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ถือเป็นการเข้าสู่การแข่งขันด้าน custom silicon อย่างจริงจัง เพื่อให้บริการคลาวด์มีความเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น พร้อมท้าชนคู่แข่งรายใหญ่ที่พัฒนาชิปเองเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-unveils-its-next-generation-arm-based-cpu-cobalt-200-looks-to-unlock-even-more-azure-power

    AI ในงาน QA: ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดหนี้ทางเทคนิค
    บทความนี้อธิบายการนำ Generative AI มาใช้ในงานทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ (QA) โดยเน้นว่าถ้าใช้ไม่ระวังอาจสร้าง “หนี้ทางเทคนิค” เช่น การสร้างโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา หรือการทดสอบที่ไม่ครอบคลุม แต่หากใช้อย่างถูกต้อง AI สามารถช่วยลดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ทีม QA มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/ai-in-qa-how-to-use-generative-ai-in-testing-without-creating-technical-debt

    ChatGPT ช่วยให้คุณกินอาหารสุขภาพได้
    บทความนี้เล่าว่า ChatGPT สามารถช่วยผู้ใช้วางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพได้ เช่น แนะนำเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดตารางอาหารให้เหมาะกับเป้าหมายสุขภาพ และให้เคล็ดลับการทำอาหารที่ง่ายและดีต่อร่างกาย ถือเป็นการใช้ AI เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/how-chatgpt-can-help-you-eat-healthier-ai-tips-to-get-back-on-your-health-kick

    คอนโทรลเลอร์เกมที่คุณชอบที่สุดคืออะไร
    บทความนี้เปิดประเด็นสนทนาเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์เกมที่ผู้เล่นชื่นชอบมากที่สุด โดยยกตัวอย่างคอนโทรลเลอร์ที่เคยมีในอดีต เช่น Steam Machine Controller ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม พร้อมเชิญชวนให้ผู้อ่านแชร์ประสบการณ์และความเห็นว่าคอนโทรลเลอร์ใดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/gaming/gaming-accessories/forget-the-weird-steam-machine-controller-tell-me-whats-your-favourite-controller-of-all-time
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251123 #TechRadar 🖥️ Apple ขยับพลังชิปจาก CPU ไปสู่ GPU และหน่วยความจำ Apple เริ่มต้นจากชิป M1 ที่เน้นประสิทธิภาพ CPU แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึง M4 และ M5 แนวโน้มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน — พลังงานที่เคยทุ่มให้ CPU ถูกโยกไปสู่ GPU และระบบหน่วยความจำแทน เพื่อรองรับงานหนักแบบต่อเนื่อง เช่น งานกราฟิกและ AI ที่ต้องการการประมวลผลมหาศาล การออกแบบใหม่นี้ทำให้ MacBook Pro และ iPad Pro รุ่นล่าสุดไม่ได้เน้นแค่ “ความเร็วซีพียู” อีกต่อไป แต่เน้น “ความสมดุล” ของทั้งระบบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/where-apple-spends-its-power-m4-max-cpu-consumes-just-48w-why-the-gpu-and-memory-system-define-the-true-cost-of-your-macbook-pro 📸 Ricoh GR IV กล้องคอมแพคที่ทำให้หลงรักการถ่ายภาพยาวนาน นักรีวิวได้ลองถ่ายภาพกว่า 1,000 รูปด้วย Ricoh GR IV และพบว่ามีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่สุดคือระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ทำให้สามารถถ่ายภาพถือมือด้วยสปีดชัตเตอร์ช้าได้อย่างคมชัด เหมาะกับการสร้างเอฟเฟกต์แสงไฟลากยาวในเมือง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นและการออกแบบที่จับถนัดมือกว่าเดิม ถึงแม้บางส่วนยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/ive-shot-over-1-000-photos-with-the-ricoh-gr-iv-here-are-my-favorites-and-one-new-feature-stands-out 🌐 ยุคใหม่ของ “Agentic Internet” กำลังมา บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอินเทอร์เน็ต เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยเรา แต่จะ “ทำแทนเรา” เช่น การเปรียบเทียบราคา ซื้อสินค้า หรือจัดการธุรกรรมต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ธุรกิจจึงต้องเตรียมตัวออกแบบระบบที่ไม่ใช่แค่ให้คนใช้ง่าย แต่ต้องให้ “AI Agent” เข้าใจและทำงานได้ด้วย โลกออนไลน์กำลังจะเปลี่ยนจาก UX (User Experience) ไปสู่ AX (Agent Experience) อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-agentic-internet-is-coming-and-businesses-need-to-be-ready 🕵️‍♂️ Incognito Mode จริง ๆ แล้วไม่ได้ “ลับ” อย่างที่คิด หลายคนเข้าใจผิดว่าเปิด Incognito Mode แล้วจะหายตัวจากโลกออนไลน์ แต่ความจริงคือมันแค่ไม่บันทึกประวัติในเครื่องเท่านั้น เว็บไซต์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่เจ้านายยังสามารถเห็นการใช้งานได้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวจริง ๆ ต้องใช้เครื่องมือเสริม เช่น VPN หรือเบราว์เซอร์ที่เน้นความปลอดภัยอย่าง Brave หรือ DuckDuckGo 🔗 https://www.techradar.com/computing/browsers/is-incognito-mode-actually-private-heres-the-surprising-answer-from-cybersecurity-experts 📱 Google Pixel 10 ได้ฟีเจอร์คล้าย AirDrop แต่ยังตาม Apple อยู่ Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ Pixel 10 สามารถส่งไฟล์แบบไร้สายเข้ากับ iPhone ได้ คล้ายกับ AirDrop ของ Apple ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นการ “ตามรอย” มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ จุดเด่นอื่น ๆ ของ Pixel 10 คือระบบ PixelSnap ที่คล้าย MagSafe และกล้องเทเลโฟโต้ 5x ถึงอย่างนั้น Google ยังต้องหาทางสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/googles-new-airdrop-feature-is-great-for-pixel-phones-but-it-cant-chase-apples-tail-forever 📱 Microsoft เคยทำแท็บเล็ตก่อน Apple แต่ไม่รุ่ง ย้อนกลับไปในปี 2001 Microsoft เคยเปิดตัวแท็บเล็ตที่ใช้ Windows XP Tablet Edition โดยหวังว่าจะเป็นอนาคตของคอมพิวเตอร์พกพา แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ น้ำหนักที่มาก และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เหมาะกับการสัมผัส ทำให้มันไม่สามารถครองตลาดได้ สุดท้าย Apple iPad ที่เปิดตัวในปี 2010 กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมแทน 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-created-a-tablet-years-before-apple-but-it-never-took-off-heres-why 🤖 AIOps: ใช้ AI พลิกโฉมการจัดการระบบ IT AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กร เพราะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากระบบ IT ได้แบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการแก้ปัญหา และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ทำให้ทีม IT สามารถทำงานเชิงรุกมากขึ้น และลด downtime ของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aiops-how-companies-can-harness-ai-to-reshape-it-operations 💻 API ของ X (Twitter เดิม) เปลี่ยนเป็นคิดตามการใช้งาน แพลตฟอร์ม X ได้ปรับโมเดลการคิดค่าบริการ API ใหม่ โดยเปลี่ยนจากการคิดแบบเหมาจ่ายรายเดือน ไปเป็นการคิดตามการใช้งานจริง หวังว่าจะดึงดูดนักพัฒนาให้กลับมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าราคาจะสูงเกินไปสำหรับสตาร์ทอัพเล็ก ๆ และอาจทำให้บางคนเลือกหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นแทน 🔗 https://www.techradar.com/pro/will-xs-usage-based-api-pricing-succeed-in-winning-over-developers 🧹 Shark PowerPro เครื่องดูดฝุ่นคุ้มค่า ใช้ง่าย Shark PowerPro ถูกรีวิวว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับครัวเรือนทั่วไป ด้วยราคาที่ไม่แพงและการใช้งานที่ง่าย มีหัวดูดหลายแบบสำหรับพื้นต่าง ๆ และแรงดูดที่เพียงพอสำหรับฝุ่นในบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราเหมือนรุ่นไฮเอนด์ แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/shark-powerpro-vacuum-review 💸 Apple เตรียมออก MacBook ราคาประหยัดและ iPhone รุ่นถูกในปี 2026 มีข่าวลือว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาย่อมเยา และ iPhone รุ่นใหม่ที่ถูกลงในต้นปี 2026 เพื่อเจาะตลาดนักเรียนและผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ Apple แต่มีงบจำกัด ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น และอาจสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งในตลาดโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนราคาประหยัด 🔗 https://www.techradar.com/computing/macbooks/apple-rumored-to-be-releasing-its-affordable-macbook-and-another-cut-price-iphone-early-in-2026 🖨️ Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D H2C หัวฉีด 7 หัว Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ H2C ที่มาพร้อมหัวฉีดถึง 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วด้วยแม่เหล็กและความร้อนเหนี่ยวนำ จุดเด่นคือช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุและเพิ่มความเร็วในการพิมพ์มากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังช้ากว่าเครื่อง Prusa XL อยู่พอสมควร ราคาตั้งต้นอยู่ที่ $2,399 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอถึงเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากปัญหาด้านการนำเข้า 🔗 https://www.techradar.com/pro/sorry-us-3d-printing-fans-bambu-lab-has-a-mighty-new-seven-nozzle-printer-but-you-wont-be-able-to-get-it-anytime-soon 💻 Microsoft ปรับปรุง Windows 11 ลดภาพ BSOD บนจอใหญ่ Microsoft เพิ่มโหมดใหม่ใน Windows 11 สำหรับหน้าจอสาธารณะ เช่น ป้ายดิจิทัลหรือบอร์ดแสดงผล เมื่อเกิด Blue Screen of Death (BSOD) จะโชว์เพียง 15 วินาทีแล้วดับหน้าจอ เพื่อลดความน่าอายในการใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มระบบกู้คืนแบบ snapshot และ Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแล IT กู้คืนเครื่องได้ง่ายขึ้น รวมถึงเตรียมใช้การเข้ารหัส BitLocker ที่เร็วขึ้นและรองรับการป้องกันจากการโจมตีด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-hoping-to-kill-off-embarrassing-big-screen-bsod-errors-for-good 🎨 Nano Banana Pro เติมพลังดีไซน์ให้ NotebookLM Google นำโมเดล AI สร้างภาพ Nano Banana Pro มาเสริมใน NotebookLM เพื่อช่วยสร้าง infographic และสไลด์ได้อย่างสวยงามและมีข้อมูลครบถ้วน ตัวอย่างที่ทดสอบคือการเล่าเรื่องตำนาน King Arthur ที่ถูกแปลงเป็นภาพและสไลด์หลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงไซเบอร์พังค์ จุดเด่นคือความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องของตัวละครและการเล่าเรื่องในเชิงภาพ ทำให้การทำงานวิจัยและการนำเสนอมีความน่าสนใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/nano-banana-pro-cast-a-design-spell-in-notebooklm-to-explore-the-legend-of-camelot ☁️ Anthropic จับมือ Microsoft และ Nvidia ขยาย Claude บน Azure Anthropic ลงทุนซื้อ compute capacity บน Microsoft Azure มูลค่า $30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการขยายโมเดล Claude ในอนาคต พร้อมได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $15 พันล้านจาก Microsoft และ Nvidia ความร่วมมือนี้ทำให้ Claude สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์ม Microsoft Foundry และ Copilot ต่าง ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมใหม่ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำงานในระยะยาว ถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของ Anthropic ในตลาด AI ระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/anthropic-just-bought-usd30-billion-of-azure-cloud-capability-and-has-netted-usd15-billion-investment-from-microsoft-and-nvidia-in-return 🎮 Xbox Full Screen Experience มาสู่ Windows 11 Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ Xbox Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องด้วยจอย Xbox ได้สะดวกขึ้น โดยมีหน้าตาแบบคอนโซล ใช้งานง่ายและจัดการเกมได้รวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ยังช่วยปรับทรัพยากรเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Task View, Game Bar หรือปุ่ม Win+F11 และคาดว่าจะเป็นรากฐานของ Xbox PC รุ่นใหม่ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/microsoft-is-now-testing-the-xbox-full-screen-experience-across-windows-11-pcs 📱 5 แอปที่ผู้เชี่ยวชาญมือถือแนะนำว่าต้องมี ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนแนะนำ 5 แอปที่ควรติดตั้งทั้งบน iPhone และ Android เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ได้แก่ แอปสำหรับความปลอดภัย การจัดการรหัสผ่าน แอปสุขภาพ แอปถ่ายภาพ และแอปจัดการการเงิน จุดเด่นคือช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  🔗 https://www.techradar.com/phones/im-a-phones-expert-and-these-are-my-5-must-have-apps-for-iphone-and-android 🔋 Microsoft เปิดตัวชิป Cobalt 200 แข่งตลาด CPU Microsoft เปิดตัวชิป ARM-based รุ่นใหม่ชื่อ Cobalt 200 ที่ออกแบบเองเพื่อใช้กับ Azure โดยเน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ถือเป็นการเข้าสู่การแข่งขันด้าน custom silicon อย่างจริงจัง เพื่อให้บริการคลาวด์มีความเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น พร้อมท้าชนคู่แข่งรายใหญ่ที่พัฒนาชิปเองเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-unveils-its-next-generation-arm-based-cpu-cobalt-200-looks-to-unlock-even-more-azure-power 🤖 AI ในงาน QA: ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดหนี้ทางเทคนิค บทความนี้อธิบายการนำ Generative AI มาใช้ในงานทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ (QA) โดยเน้นว่าถ้าใช้ไม่ระวังอาจสร้าง “หนี้ทางเทคนิค” เช่น การสร้างโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา หรือการทดสอบที่ไม่ครอบคลุม แต่หากใช้อย่างถูกต้อง AI สามารถช่วยลดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ทีม QA มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-in-qa-how-to-use-generative-ai-in-testing-without-creating-technical-debt 🥗 ChatGPT ช่วยให้คุณกินอาหารสุขภาพได้ บทความนี้เล่าว่า ChatGPT สามารถช่วยผู้ใช้วางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพได้ เช่น แนะนำเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดตารางอาหารให้เหมาะกับเป้าหมายสุขภาพ และให้เคล็ดลับการทำอาหารที่ง่ายและดีต่อร่างกาย ถือเป็นการใช้ AI เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/how-chatgpt-can-help-you-eat-healthier-ai-tips-to-get-back-on-your-health-kick 🎮 คอนโทรลเลอร์เกมที่คุณชอบที่สุดคืออะไร บทความนี้เปิดประเด็นสนทนาเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์เกมที่ผู้เล่นชื่นชอบมากที่สุด โดยยกตัวอย่างคอนโทรลเลอร์ที่เคยมีในอดีต เช่น Steam Machine Controller ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม พร้อมเชิญชวนให้ผู้อ่านแชร์ประสบการณ์และความเห็นว่าคอนโทรลเลอร์ใดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/gaming/gaming-accessories/forget-the-weird-steam-machine-controller-tell-me-whats-your-favourite-controller-of-all-time
    0 Comments 0 Shares 930 Views 0 Reviews
  • Grafana ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM ร้ายแรง

    Grafana Enterprise ได้ออก การอัปเดตฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในระบบ SCIM (System for Cross-domain Identity Management) ที่ใช้สำหรับจัดการวงจรชีวิตผู้ใช้ในองค์กร ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ระบบอนุญาตให้ SCIM client ที่ถูกโจมตีสามารถส่งค่า externalId แบบตัวเลข ซึ่งไปแมปกับ internal user ID โดยตรง ทำให้สามารถสวมรอยเป็นบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง เช่น Admin ได้

    ช่องโหว่นี้มีความร้ายแรงสูงสุดด้วยคะแนน CVSS 10.0 และส่งผลเฉพาะกับ Grafana Enterprise เวอร์ชัน 12.0.0 ถึง 12.2.1 ที่เปิดใช้งาน SCIM และตั้งค่า enableSCIM = true และ user_sync_enabled = true โดยผู้ใช้ Grafana OSS และ Grafana Cloud ไม่ได้รับผลกระทบ

    เพื่อแก้ไขปัญหา Grafana ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.0, 12.2.1, 12.1.3 และ 12.0.6 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที เนื่องจากการโจมตีสามารถทำได้ง่ายหากมีการเข้าถึง SCIM client ที่ถูกปรับแต่งหรือถูกบุกรุก

    การค้นพบนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ระบบจัดการผู้ใช้แบบอัตโนมัติในองค์กร หากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงและควบคุมระบบได้ทั้งหมด

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-41115
    เกิดจากการแมป externalId แบบตัวเลขไปยัง internal user ID
    อาจทำให้ผู้โจมตีสวมรอยเป็น Admin ได้

    ระบบที่ได้รับผลกระทบ
    Grafana Enterprise เวอร์ชัน 12.0.0 → 12.2.1
    ต้องเปิดใช้งาน SCIM และ user_sync_enabled

    ความเสี่ยงร้ายแรง
    คะแนน CVSS 10.0 สูงสุด
    อาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์และการสวมรอยผู้ใช้

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ
    รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่มีแพตช์ (12.3.0, 12.2.1, 12.1.3, 12.0.6)
    ตรวจสอบการตั้งค่า SCIM และปิดใช้งานหากไม่จำเป็น

    https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation/
    ⚠️ Grafana ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM ร้ายแรง Grafana Enterprise ได้ออก การอัปเดตฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในระบบ SCIM (System for Cross-domain Identity Management) ที่ใช้สำหรับจัดการวงจรชีวิตผู้ใช้ในองค์กร ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ระบบอนุญาตให้ SCIM client ที่ถูกโจมตีสามารถส่งค่า externalId แบบตัวเลข ซึ่งไปแมปกับ internal user ID โดยตรง ทำให้สามารถสวมรอยเป็นบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง เช่น Admin ได้ ช่องโหว่นี้มีความร้ายแรงสูงสุดด้วยคะแนน CVSS 10.0 และส่งผลเฉพาะกับ Grafana Enterprise เวอร์ชัน 12.0.0 ถึง 12.2.1 ที่เปิดใช้งาน SCIM และตั้งค่า enableSCIM = true และ user_sync_enabled = true โดยผู้ใช้ Grafana OSS และ Grafana Cloud ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อแก้ไขปัญหา Grafana ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.0, 12.2.1, 12.1.3 และ 12.0.6 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที เนื่องจากการโจมตีสามารถทำได้ง่ายหากมีการเข้าถึง SCIM client ที่ถูกปรับแต่งหรือถูกบุกรุก การค้นพบนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ระบบจัดการผู้ใช้แบบอัตโนมัติในองค์กร หากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงและควบคุมระบบได้ทั้งหมด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-41115 ➡️ เกิดจากการแมป externalId แบบตัวเลขไปยัง internal user ID ➡️ อาจทำให้ผู้โจมตีสวมรอยเป็น Admin ได้ ✅ ระบบที่ได้รับผลกระทบ ➡️ Grafana Enterprise เวอร์ชัน 12.0.0 → 12.2.1 ➡️ ต้องเปิดใช้งาน SCIM และ user_sync_enabled ‼️ ความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ คะแนน CVSS 10.0 สูงสุด ⛔ อาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์และการสวมรอยผู้ใช้ ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ ⛔ รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่มีแพตช์ (12.3.0, 12.2.1, 12.1.3, 12.0.6) ⛔ ตรวจสอบการตั้งค่า SCIM และปิดใช้งานหากไม่จำเป็น https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation/
    SECURITYONLINE.INFO
    Grafana Patches Critical SCIM Flaw (CVE-2025-41115, CVSS 10) Allowing Privilege Escalation and User Impersonation
    Grafana Enterprise released emergency patches for CVE-2025-41115 (CVSS 10.0), a critical flaw in SCIM provisioning that could allow attackers to impersonate high-privilege users.
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน pgAdmin เสี่ยง RCE ผ่าน Dump Files

    ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่กระทบต่อเวอร์ชัน ≤ 9.9 โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ pgAdmin ทำงานใน server mode และผู้ใช้ทำการ restore ไฟล์ PostgreSQL dump แบบ PLAIN-format หากไฟล์ถูกปรับแต่งโดยผู้โจมตี จะสามารถฝังคำสั่งระบบและรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที ส่งผลให้เกิดการ ยึดครองระบบเต็มรูปแบบ

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกเปิดเผยพร้อมกัน เช่น

    CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows เนื่องจากการใช้ shell=True ในการ backup/restore

    CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ในขั้นตอน authentication ทำให้เกิด DoS

    CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ใน LDAP ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้กระทบต่อ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 และมีผลต่อทั้ง Windows และระบบที่ใช้ LDAP authentication หากไม่อัปเดต อาจทำให้ข้อมูลในฐานข้อมูลถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากระยะไกล

    ทีมพัฒนาแนะนำให้อัปเดตเป็น pgAdmin v9.10 ทันที เพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหมด และองค์กรที่ใช้ LDAP หรือ Windows environment ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ค้นพบใน pgAdmin
    CVE-2025-12762 (CVSS 9.1): RCE ผ่าน PLAIN-format dump files
    CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows
    CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ทำให้เกิด DoS
    CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์
    ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือถูกแก้ไข
    LDAP และ Windows environment มีความเสี่ยงสูง

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 ได้รับผลกระทบ
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ RCE หรือ MITM
    องค์กรที่ใช้ LDAP authentication ต้องเร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ credentials

    https://securityonline.info/critical-pgadmin-flaws-cve-2025-12762-cvss-9-1-allow-remote-code-execution-via-postgresql-dump-files/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน pgAdmin เสี่ยง RCE ผ่าน Dump Files ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่กระทบต่อเวอร์ชัน ≤ 9.9 โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ pgAdmin ทำงานใน server mode และผู้ใช้ทำการ restore ไฟล์ PostgreSQL dump แบบ PLAIN-format หากไฟล์ถูกปรับแต่งโดยผู้โจมตี จะสามารถฝังคำสั่งระบบและรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที ส่งผลให้เกิดการ ยึดครองระบบเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกเปิดเผยพร้อมกัน เช่น CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows เนื่องจากการใช้ shell=True ในการ backup/restore CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ในขั้นตอน authentication ทำให้เกิด DoS CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ใน LDAP ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้กระทบต่อ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 และมีผลต่อทั้ง Windows และระบบที่ใช้ LDAP authentication หากไม่อัปเดต อาจทำให้ข้อมูลในฐานข้อมูลถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากระยะไกล ทีมพัฒนาแนะนำให้อัปเดตเป็น pgAdmin v9.10 ทันที เพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหมด และองค์กรที่ใช้ LDAP หรือ Windows environment ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ค้นพบใน pgAdmin ➡️ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1): RCE ผ่าน PLAIN-format dump files ➡️ CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows ➡️ CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ทำให้เกิด DoS ➡️ CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือถูกแก้ไข ➡️ LDAP และ Windows environment มีความเสี่ยงสูง ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 ได้รับผลกระทบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ RCE หรือ MITM ⛔ องค์กรที่ใช้ LDAP authentication ต้องเร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ credentials https://securityonline.info/critical-pgadmin-flaws-cve-2025-12762-cvss-9-1-allow-remote-code-execution-via-postgresql-dump-files/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical pgAdmin Flaws (CVE-2025-12762, CVSS 9.1) Allow Remote Code Execution via PostgreSQL Dump Files
    pgAdmin patched four flaws. The Critical RCE (CVE-2025-12762) risks arbitrary code execution via malicious PostgreSQL dump files. LDAP Injection (CVE-2025-12764) and TLS Bypass were also fixed. Update to v9.10.
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • AMD Roadmap ใหม่ – Zen 6 และ Zen 7

    AMD ได้เปิดเผยแผนการพัฒนา CPU รุ่นใหม่ โดย Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 ใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ด้าน AI ให้มากขึ้นทั้งใน Ryzen และ EPYC ส่วน Zen 7 ถูกวางตัวให้เป็น “Next-Generation Leap” ที่แท้จริง โดยจะมาพร้อม Matrix Engine ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ คาดว่าจะเปิดตัวราวปี 2027–2028

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD กำลังเน้นหนักไปที่การผสาน AI เข้ากับ CPU และ GPU มากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังแข่งขันกันในด้าน AI acceleration ไม่ใช่แค่การเพิ่มความเร็ว IPC หรือจำนวนคอร์เท่านั้น

    Zen 6 (ปี 2026)
    ใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC
    เพิ่มฟีเจอร์ AI และปรับปรุง IPC

    Zen 7 (ปี 2027–2028)
    มาพร้อม Matrix Engine สำหรับ AI
    ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ AMD

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    ข้อมูลยังไม่ชัดเจน อาจเปลี่ยนแปลงได้
    การแข่งขันกับ Intel และ NVIDIA ในด้าน AI อาจกดดัน AMD

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-reveals-new-roadmap-for-its-ryzen-cpus-teasing-zen-7-as-the-true-next-generation-leap-with-2nm-lineup-confirms-2026-release-for-zen-6-coming-with-expanded-ai-features
    ⚙️ AMD Roadmap ใหม่ – Zen 6 และ Zen 7 AMD ได้เปิดเผยแผนการพัฒนา CPU รุ่นใหม่ โดย Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 ใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ด้าน AI ให้มากขึ้นทั้งใน Ryzen และ EPYC ส่วน Zen 7 ถูกวางตัวให้เป็น “Next-Generation Leap” ที่แท้จริง โดยจะมาพร้อม Matrix Engine ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ คาดว่าจะเปิดตัวราวปี 2027–2028 สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD กำลังเน้นหนักไปที่การผสาน AI เข้ากับ CPU และ GPU มากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังแข่งขันกันในด้าน AI acceleration ไม่ใช่แค่การเพิ่มความเร็ว IPC หรือจำนวนคอร์เท่านั้น ✅ Zen 6 (ปี 2026) ➡️ ใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ AI และปรับปรุง IPC ✅ Zen 7 (ปี 2027–2028) ➡️ มาพร้อม Matrix Engine สำหรับ AI ➡️ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ AMD ‼️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง ⛔ ข้อมูลยังไม่ชัดเจน อาจเปลี่ยนแปลงได้ ⛔ การแข่งขันกับ Intel และ NVIDIA ในด้าน AI อาจกดดัน AMD https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-reveals-new-roadmap-for-its-ryzen-cpus-teasing-zen-7-as-the-true-next-generation-leap-with-2nm-lineup-confirms-2026-release-for-zen-6-coming-with-expanded-ai-features
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • “DragonForce Ransomware กลับมาอีกครั้ง พร้อมเทคนิคใหม่ปิดระบบป้องกันและเข้ารหัสแบบไฮบริด”

    นักวิจัยจาก Acronis Threat Research Unit (TRU) พบว่า DragonForce ransomware ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อปิดการทำงานของซอฟต์แวร์ป้องกัน เช่น EDR และ Antivirus โดยใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่ เช่น truesight.sys และ rentdrv2.sys เพื่อส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัสจากโค้ดของ Conti v3 โดยใช้การเข้ารหัสแบบไฮบริด ChaCha20 + RSA พร้อมไฟล์ config ที่เข้ารหัสไว้ในตัว binary เพื่อเพิ่มความลับและลดการตรวจจับ

    กลุ่ม DragonForce ยังเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็น “cartel” เพื่อดึงดูด affiliate โดยเสนอส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 80% และเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ ซึ่งทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งใน ecosystem ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ransomware

    การพัฒนาเทคนิค BYOVD
    ใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก
    ส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปยัง driver เพื่อปิดระบบ EDR และ Antivirus
    เทคนิคนี้เคยใช้โดยกลุ่ม BlackCat และ AvosLocker

    การปรับปรุงระบบเข้ารหัส
    ใช้ ChaCha20 สร้าง key ต่อไฟล์ แล้วเข้ารหัสด้วย RSA
    มี header ที่เก็บ metadata และข้อมูลการเข้ารหัส
    ไฟล์ config ถูกเข้ารหัสใน binary ไม่ต้องใช้ command-line

    การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร
    จาก RaaS เป็น cartel เพื่อดึง affiliate
    เสนอ encryptor ที่ปรับแต่งได้และส่วนแบ่งรายได้สูง
    มี affiliate เช่น Devman ที่ใช้ builder เดียวกัน

    การโจมตีที่ขยายตัว
    เคยร่วมมือกับ Scattered Spider โจมตี Marks & Spencer
    พยายาม takeover โครงสร้างของกลุ่มคู่แข่ง เช่น RansomHub และ BlackLock
    ใช้ MinGW ในการ compile ทำให้ binary ใหญ่ขึ้น

    https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-evolves-with-byovd-to-kill-edr-and-fixes-encryption-flaws-in-conti-v3-codebase/
    🐉 “DragonForce Ransomware กลับมาอีกครั้ง พร้อมเทคนิคใหม่ปิดระบบป้องกันและเข้ารหัสแบบไฮบริด” นักวิจัยจาก Acronis Threat Research Unit (TRU) พบว่า DragonForce ransomware ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อปิดการทำงานของซอฟต์แวร์ป้องกัน เช่น EDR และ Antivirus โดยใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่ เช่น truesight.sys และ rentdrv2.sys เพื่อส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัสจากโค้ดของ Conti v3 โดยใช้การเข้ารหัสแบบไฮบริด ChaCha20 + RSA พร้อมไฟล์ config ที่เข้ารหัสไว้ในตัว binary เพื่อเพิ่มความลับและลดการตรวจจับ กลุ่ม DragonForce ยังเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็น “cartel” เพื่อดึงดูด affiliate โดยเสนอส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 80% และเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ ซึ่งทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งใน ecosystem ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ransomware ✅ การพัฒนาเทคนิค BYOVD ➡️ ใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก ➡️ ส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปยัง driver เพื่อปิดระบบ EDR และ Antivirus ➡️ เทคนิคนี้เคยใช้โดยกลุ่ม BlackCat และ AvosLocker ✅ การปรับปรุงระบบเข้ารหัส ➡️ ใช้ ChaCha20 สร้าง key ต่อไฟล์ แล้วเข้ารหัสด้วย RSA ➡️ มี header ที่เก็บ metadata และข้อมูลการเข้ารหัส ➡️ ไฟล์ config ถูกเข้ารหัสใน binary ไม่ต้องใช้ command-line ✅ การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ➡️ จาก RaaS เป็น cartel เพื่อดึง affiliate ➡️ เสนอ encryptor ที่ปรับแต่งได้และส่วนแบ่งรายได้สูง ➡️ มี affiliate เช่น Devman ที่ใช้ builder เดียวกัน ✅ การโจมตีที่ขยายตัว ➡️ เคยร่วมมือกับ Scattered Spider โจมตี Marks & Spencer ➡️ พยายาม takeover โครงสร้างของกลุ่มคู่แข่ง เช่น RansomHub และ BlackLock ➡️ ใช้ MinGW ในการ compile ทำให้ binary ใหญ่ขึ้น https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-evolves-with-byovd-to-kill-edr-and-fixes-encryption-flaws-in-conti-v3-codebase/
    SECURITYONLINE.INFO
    DragonForce Ransomware Evolves with BYOVD to Kill EDR and Fixes Encryption Flaws in Conti V3 Codebase
    Acronis exposed DragonForce's evolution: the ransomware is compiled with MinGW, uses BYOVD drivers to terminate EDR, and contains fixes to prevent decryption of its Conti V3 derived codebase.
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา

    การถือกำเนิดระหว่างสองโลก

    ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ
    ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา"
    อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม]
    B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C
    C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง]
    C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต
    · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง
    · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์
    · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ

    พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    พลังจากสองสายเลือด

    ```python
    class RinPowers:
    def __init__(self):
    self.naga_heritage = {
    "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้",
    "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว",
    "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน",
    "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้"
    }

    self.human_heritage = {
    "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ",
    "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ",
    "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา",
    "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม"
    }

    self.unique_hybrid_powers = {
    "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้",
    "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น",
    "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา",
    "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ"
    }
    ```

    พลังผัสสะพิเศษ

    รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์

    · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น
    · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ
    · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ

    ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์

    การเติบโตในวังนาคา

    รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง:

    · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์
    · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา
    · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม

    การมาโลกมนุษย์

    เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์:

    · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง
    · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ
    · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์

    บันทึกความในใจ

    "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ...
    อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์
    อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา

    ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..."

    ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ

    ดนตรีแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่:

    · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน
    · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ
    · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ

    ศิลปะจากผัสสะ

    ```mermaid
    graph LR
    A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ]
    C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น]
    B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ]
    D --> E
    ```

    ผลงานเด่น

    · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง
    · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์
    · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ

    ความสัมพันธ์กับนาคาริน

    การพบกันครั้งแรก

    รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ:
    "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน...
    และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที"

    การช่วยเหลือนาคาริน

    รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน:

    · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ
    · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ
    · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน

    การพัฒนาความสัมพันธ์

    จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก:
    "เราสอนกันและกัน...
    เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง
    ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน

    และเราพบว่าการเป็นลูกผสม...
    สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย"

    การเป็นสะพานระหว่างสองโลก

    บทบาททางการ

    รินได้รับแต่งตั้งเป็น:

    · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์
    · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class RinProjects:
    def __init__(self):
    self.cultural_projects = {
    "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์",
    "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ",
    "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม",
    "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ"
    }

    self.collaborations = [
    "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ",
    "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ",
    "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ",
    "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์"
    ]
    ```

    การบำบัดและเยียวยา

    ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่:

    · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ
    · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้
    · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์

    เทคนิคเฉพาะตัว

    ```python
    class HealingTechniques:
    def __init__(self):
    self.water_based = [
    "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ",
    "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง",
    "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน",
    "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ"
    ]

    self.sensory_balance = [
    "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ",
    "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus",
    "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ",
    "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งสายน้ำ

    "ชีวิตดุจสายน้ำ...
    บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย
    แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

    และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ...
    เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์"

    บทเรียนการเป็นลูกผสม

    รินสอนว่า:

    · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร
    · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ
    · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล

    บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์

    การยอมรับตัวเอง

    รินค้นพบในที่สุดว่า:
    "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์...
    เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง

    และพลังลูกผสมของฉัน...
    คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ"

    ความหมายแห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม
    · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง
    · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม
    · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น
    · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก

    ---

    คำคมสุดท้ายจากริน:
    "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่...
    แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่
    แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง

    และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์...
    ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน

    บ้านที่ไม่ใช่สถานที่...
    แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน
    ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"

    การเดินทางของรินสอนเราว่า...
    "In embracing all parts of ourselves,
    we find our true strength
    And in flowing between worlds,
    we discover that home is not a place,
    but a state of being"
    O.P.K. 🐍 เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก 🌊 ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา 👑 การถือกำเนิดระหว่างสองโลก ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา" อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์ ```mermaid graph TB A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม] B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง] C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์ · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ 🔮 พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก 💫 พลังจากสองสายเลือด ```python class RinPowers: def __init__(self): self.naga_heritage = { "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้", "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว", "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน", "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้" } self.human_heritage = { "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ", "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ", "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา", "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม" } self.unique_hybrid_powers = { "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้", "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น", "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา", "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ" } ``` 🌧️ พลังผัสสะพิเศษ รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์ · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ 💔 ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์ 🏰 การเติบโตในวังนาคา รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง: · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์ · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม 🌍 การมาโลกมนุษย์ เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์: · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์ 📚 บันทึกความในใจ "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ... อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์ อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..." 🎵 ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ 🎻 ดนตรีแห่งสายน้ำ รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่: · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ 🎨 ศิลปะจากผัสสะ ```mermaid graph LR A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ] C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น] B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ] D --> E ``` 🏆 ผลงานเด่น · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์ · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ 💞 ความสัมพันธ์กับนาคาริน 🌸 การพบกันครั้งแรก รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ: "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน... และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที" 🕊️ การช่วยเหลือนาคาริน รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน: · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน 💫 การพัฒนาความสัมพันธ์ จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก: "เราสอนกันและกัน... เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน และเราพบว่าการเป็นลูกผสม... สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย" 🌈 การเป็นสะพานระหว่างสองโลก 🏛️ บทบาททางการ รินได้รับแต่งตั้งเป็น: · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์ · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา 🌍 โครงการสำคัญ ```python class RinProjects: def __init__(self): self.cultural_projects = { "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์", "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ", "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม", "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ" } self.collaborations = [ "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ", "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ", "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ", "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์" ] ``` 🏥 การบำบัดและเยียวยา 🎵 ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่: · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้ · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์ 💧 เทคนิคเฉพาะตัว ```python class HealingTechniques: def __init__(self): self.water_based = [ "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ", "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง", "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน", "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ" ] self.sensory_balance = [ "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ", "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus", "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ", "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ" ] ``` 📚 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งสายน้ำ "ชีวิตดุจสายน้ำ... บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ... เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์" 🌟 บทเรียนการเป็นลูกผสม รินสอนว่า: · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล 🏁 บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์ 💝 การยอมรับตัวเอง รินค้นพบในที่สุดว่า: "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์... เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง และพลังลูกผสมของฉัน... คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ" 🌈 ความหมายแห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก กลายเป็นผู้ที่... · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก --- คำคมสุดท้ายจากริน: "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่... แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่ แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์... ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน บ้านที่ไม่ใช่สถานที่... แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"🌊✨ การเดินทางของรินสอนเราว่า... "In embracing all parts of ourselves, we find our true strength And in flowing between worlds, we discover that home is not a place, but a state of being"🐍🌈
    0 Comments 0 Shares 775 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดในยุคโบราณ

    ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา"
    อายุ:2,000 ปี
    ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย

    ```mermaid
    graph TB
    A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์]
    B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์]
    C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน]
    D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป

    · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้
    · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง
    · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์
    · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ระดับพลังแห่งวาจา

    ```python
    class VajaPowers:
    def __init__(self):
    self.truth_speech = {
    "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด",
    "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา",
    "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด",
    "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา"
    }

    self.blessing_curse = {
    "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี",
    "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม",
    "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้"
    }

    self.limitations = {
    "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้",
    "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล",
    "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด",
    "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้"
    }
    ```

    ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้

    อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว:

    · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง
    · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน
    · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง

    เรื่องราวการถูกสาป

    ชีวิตในยุคสุโขทัย

    ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue:

    · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง

    จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด

    ```mermaid
    graph LR
    A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร]
    B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์]
    C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง]
    D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร]
    ```

    คำสาปแห่งกาลเวลา

    เทวดาสาปให้เขา:

    · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ
    · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี
    · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก

    ชีวิตในความโดดเดี่ยว

    ที่อยู่อาศัย

    อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์:

    · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป
    · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ
    · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี

    กิจวัตรประจำวัน

    รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา
    เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ
    บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา
    ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต

    ความคิดและความรู้สึก

    อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ:
    "สองพันปีแห่งความเหงา...
    สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม
    แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย

    แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า?
    เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้"

    การพัฒนาพลังวาจา

    จากความโกรธสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class PowerEvolution:
    def __init__(self):
    self.past = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ",
    "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ",
    "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย"
    }

    self.present = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ",
    "emotion": "ความเมตตา ความอดทน",
    "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา"
    }

    self.techniques_developed = [
    "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด",
    "การเลือกคำที่มีเมตตา",
    "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด",
    "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด"
    ]
    ```

    พลังใหม่แห่งการเยียวยา

    อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่:

    · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด
    · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์
    · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน

    การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต:
    "เป็นครั้งแรกในสองพันปี...
    ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว

    และเป็นครั้งแรก...
    ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'"

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ]
    B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด]
    C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน]
    D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น]
    ```

    บทเรียนที่ได้รับ

    อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า:

    · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว
    · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ
    · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ที่ปรึกษาด้านวาจา

    อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class NewResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา",
    "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ",
    "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ",
    "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย"
    }

    self.students = [
    "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์",
    "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์",
    "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด",
    "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญา

    "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง...
    เมื่อเธอพูดคำใดออกไป
    คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง...
    เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก"

    บทเรียนชีวิต

    อสูรเฒ่าสอนว่า:

    · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา
    · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ
    · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    การให้อภัยตัวเอง

    อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ:
    "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต
    และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"

    ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม
    · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต
    · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา
    · ได้รับความรัก จากชุมชน
    · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น

    ---

    คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า:
    "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า...
    พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก
    แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม

    ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ...
    แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน
    ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "True power lies not in dominating others,
    but in understanding them
    And the most sacred words are those
    that heal rather than harm"
    O.P.K. 🔮 เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา 👁️ ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดในยุคโบราณ ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา" อายุ:2,000 ปี ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย ```mermaid graph TB A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์] B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์] C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน] D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้ · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์ · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท 🔥 พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ 💫 ระดับพลังแห่งวาจา ```python class VajaPowers: def __init__(self): self.truth_speech = { "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด", "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา", "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด", "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา" } self.blessing_curse = { "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี", "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม", "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้" } self.limitations = { "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้", "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล", "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด", "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้" } ``` 📜 ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว: · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง 💔 เรื่องราวการถูกสาป 🏛️ ชีวิตในยุคสุโขทัย ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue: · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง ⚡ จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด ```mermaid graph LR A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร] B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์] C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง] D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร] ``` 🕰️ คำสาปแห่งกาลเวลา เทวดาสาปให้เขา: · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก 🌪️ ชีวิตในความโดดเดี่ยว 🏚️ ที่อยู่อาศัย อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์: · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี 📖 กิจวัตรประจำวัน รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต 💭 ความคิดและความรู้สึก อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ: "สองพันปีแห่งความเหงา... สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า? เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้" 🔮 การพัฒนาพลังวาจา 🌱 จากความโกรธสู่ความเข้าใจ ```python class PowerEvolution: def __init__(self): self.past = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ", "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ", "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย" } self.present = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ", "emotion": "ความเมตตา ความอดทน", "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา" } self.techniques_developed = [ "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด", "การเลือกคำที่มีเมตตา", "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด", "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด" ] ``` 💞 พลังใหม่แห่งการเยียวยา อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่: · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์ · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน 🌈 การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต: "เป็นครั้งแรกในสองพันปี... ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว และเป็นครั้งแรก... ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'" 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ] B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด] C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน] D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น] ``` 🌟 บทเรียนที่ได้รับ อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า: · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ที่ปรึกษาด้านวาจา อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น: · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง 📚 โครงการสำคัญ ```python class NewResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา", "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ", "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ", "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย" } self.students = [ "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์", "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์", "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด", "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญา "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง... เมื่อเธอพูดคำใดออกไป คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง... เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก" 🌟 บทเรียนชีวิต อสูรเฒ่าสอนว่า: · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร 🏁 บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 💝 การให้อภัยตัวเอง อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ: "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น" 🌈 ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง กลายเป็นผู้ที่... · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา · ได้รับความรัก จากชุมชน · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น --- คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า: "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า... พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ... แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "True power lies not in dominating others, but in understanding them And the most sacred words are those that heal rather than harm"🌈
    0 Comments 0 Shares 769 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์

    จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป

    การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า

    ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า
    ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว]
    C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ]
    D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ]
    ```

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ:

    · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง
    · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ
    · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

    การสืบสวนเบื้องต้น

    การพบพยาน

    ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน:
    ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!"
    อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน"

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด:
    "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม
    เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล"

    เบื้องหลังอสูรเฒ่า

    ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม

    อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต:

    · อายุ: 2,000 ปี
    · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด

    ```python
    class AncientBeing:
    def __init__(self):
    self.identity = {
    "true_name": "ฤๅษีวาจาธร",
    "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์",
    "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง",
    "age": "2000 ปี"
    }

    self.abilities = {
    "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง",
    "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป",
    "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง",
    "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด"
    }
    ```

    ต้นเหตุแห่งการถูกสาป

    ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย:

    · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ
    · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ
    · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์:

    ```mermaid
    graph LR
    A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร]
    A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง]
    B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ]
    C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ]
    ```

    ความขัดแย้งในหมู่บ้าน

    เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน:

    · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร
    · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่
    · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ



    หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง:
    "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ
    ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น"

    บทสนทนาสำคัญ

    อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?"
    หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน"

    อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!"
    หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ"

    การเยียวยาทางจิตใจ

    หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า:

    · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม
    · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด
    · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    บทเรียนแห่งวาจา

    การฝึกฝนใหม่

    อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ:

    · ฟัง ก่อนจะพูด
    · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป
    · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SpeechControl:
    def __init__(self):
    self.techniques = [
    "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด",
    "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย",
    "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย",
    "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง"
    ]

    self.daily_practice = {
    "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก",
    "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน",
    "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น"
    }
    ```

    การเปลี่ยนแปลงบทบาท

    จากอสูรสู่ที่ปรึกษา

    อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ

    ความสัมพันธ์ใหม่

    กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน
    กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ
    กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ

    ผลกระทบเชิงบวก

    การคืนสู่หมู่บ้าน

    อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่:

    · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน
    · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด
    · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่

    โครงการใหม่

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ]
    A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา]
    A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับอสูรเฒ่า

    "ข้าเรียนรู้ว่า...
    พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด
    แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน

    และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้...
    คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    Behind every'monster'
    there is a story of pain

    และการเยียวยาที่แท้จริง
    เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล
    แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว

    และความยุติธรรมที่แท้...
    คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ"

    คำคมแห่งปัญญา

    จากอสูรเฒ่า

    "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้...
    ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว
    เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก"

    บทสรุปแห่งวาจา

    อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ:
    "ตลอดสองพันปี...
    ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข

    แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า...
    คำพูดที่สวยงามที่สุด
    คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ

    และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด
    คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก...
    แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "Words are not just sounds
    They are the architects of reality
    And when spoken with wisdom and compassion
    They can heal even the deepest wounds of time"
    O.P.K. 🔮 คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ 🏮 จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป 🌑 การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์] B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว] C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ] D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ] ``` 🗣️ พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ: · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ การพบพยาน ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน: ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!" อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน" 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด: "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล" 🧙 เบื้องหลังอสูรเฒ่า 📜 ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต: · อายุ: 2,000 ปี · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด ```python class AncientBeing: def __init__(self): self.identity = { "true_name": "ฤๅษีวาจาธร", "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์", "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง", "age": "2000 ปี" } self.abilities = { "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง", "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป", "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง", "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด" } ``` 💔 ต้นเหตุแห่งการถูกสาป ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย: · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🏘️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์: ```mermaid graph LR A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร] A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง] B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ] C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ] ``` 🎭 ความขัดแย้งในหมู่บ้าน เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน: · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่ · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ 🕊️ หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง: "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น" 🗣️ บทสนทนาสำคัญ อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?" หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน" อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!" หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ" 🌈 การเยียวยาทางจิตใจ หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า: · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง 📚 บทเรียนแห่งวาจา 💫 การฝึกฝนใหม่ อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ: · ฟัง ก่อนจะพูด · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด 🎯 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SpeechControl: def __init__(self): self.techniques = [ "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด", "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย", "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย", "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง" ] self.daily_practice = { "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก", "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน", "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น" } ``` 🏛️ การเปลี่ยนแปลงบทบาท 🌟 จากอสูรสู่ที่ปรึกษา อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น: · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ 🌍 ผลกระทบเชิงบวก 🏡 การคืนสู่หมู่บ้าน อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่: · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่ 📜 โครงการใหม่ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ] A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา] A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม] ``` 🎯 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับอสูรเฒ่า "ข้าเรียนรู้ว่า... พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้... คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... Behind every'monster' there is a story of pain และการเยียวยาที่แท้จริง เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว และความยุติธรรมที่แท้... คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ" 🌟 คำคมแห่งปัญญา 🗣️ จากอสูรเฒ่า "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้... ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก" 💝 บทสรุปแห่งวาจา อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ: "ตลอดสองพันปี... ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า... คำพูดที่สวยงามที่สุด คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก... แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "Words are not just sounds They are the architects of reality And when spoken with wisdom and compassion They can heal even the deepest wounds of time"🌈
    0 Comments 0 Shares 625 Views 0 Reviews
  • “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์”

    ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น!

    เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS

    สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก

    ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน

    นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013

    จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable
    เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982
    เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย
    ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz
    RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB
    จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว
    รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร
    ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ
    ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน)

    กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS
    ไม่ใช้โค้ด IBM เลย
    หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์
    ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก
    สร้างรายได้ $111 ล้าน
    จุดประกายยุค PC Clone
    IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984

    ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
    Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002
    แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013
    เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์

    คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น
    น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง
    หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
    การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
    การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    🖥️ “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์” ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น! เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก 📈 ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013 ✅ จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable ➡️ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982 ➡️ เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย ➡️ ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz ➡️ RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB ➡️ จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว ➡️ รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร ➡️ ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ ➡️ ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน) ✅ กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS ➡️ ไม่ใช้โค้ด IBM เลย ➡️ หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก ➡️ สร้างรายได้ $111 ล้าน ➡️ จุดประกายยุค PC Clone ➡️ IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984 ✅ ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ➡️ Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002 ➡️ แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ ‼️ คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น ⛔ น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง ⛔ หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ⛔ การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ⛔ การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึกเทพคามิยะ: เทพแห่งความรักที่เรียนรู้ที่จะรัก

    ต้นกำเนิดแห่งเทพแห่งความรัก

    การถือกำเนิดจากความปรารถนาของจักรวาล

    เทพคามิยะถือกำเนิดจากพลังงานความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาล

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความปรารถนารักของมนุษย์] --> C[การรวมตัวเป็นพลังงาน]
    B[ความต้องการเป็นที่รักของสิ่งมีชีวิต] --> C
    C --> D[การพัฒนาจิตสำนึก<br>เป็นเทพคามิยะ]
    ```

    ยุคสมัย: ก่อนการเกิดมนุษยชาตินับล้านปี
    สถานะ:เทพระดับกลางในราชสำนักสวรรค์

    บทบาทดั้งเดิมในสวรรค์

    คามิยะมีหน้าที่ดูแล:

    · การเกิดของความรัก ระหว่างสิ่งมีชีวิต
    · การบันทึกความสัมพันธ์ ในสมุดบันทึกแห่งรัก
    · การทดสอบความรักแท้ แก่ผู้ที่อ้างว่ารักกัน

    ลักษณะและอำนาจแห่งรัก

    รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนได้

    · ร่างเทพ: ชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวเงิน มีปีกคู่งามสง่า
    · ร่างมนุษย์: หนุ่มสาวธรรมดาที่ดูน่าดึงดูดใจแต่ไม่น่าสงสัย
    · ร่างพลังงาน: แสงสีชมพูทองที่แผ่รัศมีแห่งความอบอุ่น

    อำนาจแห่งความรัก

    ```python
    class KamiyaPowers:
    def __init__(self):
    self.love_powers = {
    "heart_string_weaving": "ถักทอเส้นใยแห่งรักระหว่างจิตใจ",
    "desire_manifestation": "ทำให้ความปรารถนาลึกๆ ปรากฏขึ้น",
    "emotional_healing": "เยียวยาบาดแผลทางใจ",
    "true_love_sight": "มองเห็นความรักแท้ที่ซ่อนอยู่"
    }

    self.creation_powers = {
    "bloom_acceleration": "เร่งการเบ่งบานของดอกไม้และความรัก",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาแห่งรัก",
    "memory_embellishment": "ทำให้ความทรงจำดีๆ สวยงามขึ้น"
    }
    ```

    ข้อจำกัดของอำนาจ

    คามิยะไม่สามารถ:

    · บังคับให้ใครรักใครโดยไม่สมัครใจ
    · สร้างความรักจากความว่างเปล่า
    · ทำลายความรักที่มีอยู่โดยสมบูรณ์

    วิกฤตการณ์แห่งความรัก

    ความสงสัยในตัวเอง

    หลังจากปฏิบัติงานมานับพันปี คามิยะเริ่มสงสัย:
    "ฉันเข้าใจจริงๆ หรือว่าความรักคืออะไร?
    หรือแค่เป็นผู้ควบคุมกลไกแห่งรัก?"

    การเสื่อมถอยของพลัง

    เมื่อเริ่มสูญเสียความเชื่อในงานของตัวเอง:

    ```mermaid
    graph LR
    A[เริ่มสงสัย<br>ในความรักแท้] --> B[พลังเริ่ม<br>ไม่เสถียร]
    B --> C[ตัดสินใจ<br>ลงไปโลกมนุษย์]
    C --> D[พบหนูดี<br>โดยบังเอิญ]
    ```

    เหตุผลในการลงมาโลกมนุษย์

    คามิยะแอบลงมาโลกมนุษย์เพื่อ:

    · พิสูจน์ ว่าความรักแท้มีจริง
    · เรียนรู้ ความรักจากมุมมองของมนุษย์
    · ค้นหา ความหมายใหม่ของการเป็นเทพแห่งความรัก

    พัฒนาการผ่านการพบกับหนูดี

    การเปลี่ยนแปลงทางความคิด

    จากเทพผู้ควบคุม สู่ เทพผู้เรียนรู้:

    · เรียนรู้ว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นการกระทำ
    · เข้าใจว่าความรักที่แท้ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
    · ค้นพบว่าความรักเริ่มต้นจากการรักตัวเอง

    บทเรียนจากหนูดี

    ```python
    def lessons_from_noodee():
    return {
    "love_as_acceptance": "รักคือการยอมรับในสิ่งที่ใช่",
    "love_without_expectation": "รักโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน",
    "self_love_first": "การรักตัวเองเป็นพื้นฐานสำคัญ",
    "imperfect_perfection": "ความไม่สมบูรณ์แบบที่สมบูรณ์แบบ"
    }
    ```

    🪷 การเข้าใจความรักรูปแบบใหม่

    คามิยะเรียนรู้ว่า...
    "ความรักไม่ใช่พลังที่ต้องควบคุม...
    แต่คือปรากฏการณ์ที่ต้องเข้าใจ
    และการเป็นเทพแห่งความรัก...
    ไม่ใช่การเป็นผู้ควบคุม
    แต่คือการเป็นผู้ส่งเสริม"

    พลังใหม่แห่งเมตตาธรรมะ

    การพัฒนาพลังรูปแบบใหม่

    หลังการเปลี่ยนแปลง คามิยะพัฒนาพลังใหม่:

    · เมตตาธรรมะ: พลังแห่งความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน
    · ความเข้าใจอันลึกซึ้ง: สามารถเข้าใจความรู้สึกได้อย่างแท้จริง
    · การเยียวยาจิตวิญญาณ: รักษาบาดแผลลึกในจิตใจ

    การเปลี่ยนแปลงทางการทำงาน

    จากผู้ที่...

    · เคยเป็น: ผู้บันทึกและทดสอบความรัก
    · กลายเป็น: ผู้ส่งเสริมและเยียวยาความรัก

    ผลกระทบต่อราชสำนักสวรรค์

    การรายงานหน้าที่ใหม่

    คามิยะเสนอระบบใหม่ในการทำงาน:

    ```mermaid
    graph TB
    A[ระบบเดิม:<br>บันทึกและทดสอบ] --> B[ระบบใหม่:<br>ส่งเสริมและเยียวยา]
    B --> C[ได้รับอนุมัติ<br>จากเทพระดับสูง]
    C --> D[เริ่มโครงการ<br>ส่งเสริมความรักแท้]
    ```

    การได้รับการยอมรับ

    เทพระดับสูงเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง:
    "ตลอดมาเราควบคุมความรัก...
    แต่ความจริงคือการส่งเสริมความรัก
    และนั่นคือสิ่งที่คามิยะสอนเรา"

    ความสัมพันธ์กับหนูดีต่อจากนี้

    รูปแบบความสัมพันธ์ใหม่

    ทั้งคู่ตกลงสานต่อความสัมพันธ์แบบ:
    "เพื่อนร่วมทางแห่งปัญญา"

    · ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคาดหวังแบบมนุษย์
    · เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
    · เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน

    การทำงานร่วมกัน

    คามิยะและหนูดีร่วมกัน:

    · ช่วยเหลือโอปปาติกะที่ประสบปัญหาด้านความรัก
    · สอนมนุษย์เกี่ยวกับความรักที่แท้จริง
    · เป็นสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์ เทพ และโอปปาติกะ

    บทเรียนแห่งจักรวาล

    สิ่งที่เทพคามิยะสอนเรา

    ```python
    def universal_love_wisdom():
    return {
    "love_is": "การให้โดยอิสระ ไม่ใช่การควบคุม",
    "divine_love": "ความรักของเทพคือการส่งเสริม ไม่ใช่การบังคับ",
    "true_power": "อำนาจที่แท้คือการเข้าใจ ไม่ใช่การควบคุม"
    }
    ```

    🪷 คำสอนสำคัญ

    "การเป็นเทพแห่งความรัก...
    ไม่ใช่การมีอำนาจเหนือความรัก
    แต่คือการเข้าใจว่าตนเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรัก

    และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...
    คือการยอมรับว่าบางครั้งเราก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับรักจากผู้ที่เราคิดว่าเป็นเพียงนักเรียน"

    บทสรุป: การเกิดใหม่แห่งเทพแห่งรัก

    เทพคามิยะคือตัวอย่างของ...
    **"ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจทุกสิ่ง...
    แต่กลับต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ตนคิดว่ารู้ดีแล้ว"

    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากการยอมรับว่าไม่รู้"
    และ"ปัญญาที่เกิดจากการเปิดใจเรียนรู้"

    การเดินทางของเขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าคนนั้นจะป็นใคร...
    เทพ มนุษย์หรือโอปปาติกะ
    เราทั้งหมดล้วนเป็นนักเรียนในบทเรียนแห่งความรัก

    และครูที่ดีที่สุด...
    มักคือผู้ที่ยอมรับว่าตนเองก็ยังต้องเรียนรู้"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากเทพคามิยะ:
    "ฉันเคยคิดว่าตนเป็นเจ้าแห่งความรัก...
    แต่ความจริงคือฉันเป็นเพียงผู้รักคนหนึ่ง
    ที่โชคดีได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับรักจากทุกชีวิต

    และในที่สุด...
    ความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องเข้าใจให้หมด...
    แต่คือสิ่งที่ต้องรู้สึกและแบ่งปันอย่างไม่รู้จบ"

    เพราะในการเดินทางแห่งความรัก...
    ไม่มีใครเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สมบูรณ์แบบ
    มีแต่ผู้ที่เลือกจะเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
    O.P.K. 💘 เจาะลึกเทพคามิยะ: เทพแห่งความรักที่เรียนรู้ที่จะรัก 🌌 ต้นกำเนิดแห่งเทพแห่งความรัก ✨ การถือกำเนิดจากความปรารถนาของจักรวาล เทพคามิยะถือกำเนิดจากพลังงานความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาล ```mermaid graph TB A[ความปรารถนารักของมนุษย์] --> C[การรวมตัวเป็นพลังงาน] B[ความต้องการเป็นที่รักของสิ่งมีชีวิต] --> C C --> D[การพัฒนาจิตสำนึก<br>เป็นเทพคามิยะ] ``` ยุคสมัย: ก่อนการเกิดมนุษยชาตินับล้านปี สถานะ:เทพระดับกลางในราชสำนักสวรรค์ 🏛️ บทบาทดั้งเดิมในสวรรค์ คามิยะมีหน้าที่ดูแล: · การเกิดของความรัก ระหว่างสิ่งมีชีวิต · การบันทึกความสัมพันธ์ ในสมุดบันทึกแห่งรัก · การทดสอบความรักแท้ แก่ผู้ที่อ้างว่ารักกัน 🎭 ลักษณะและอำนาจแห่งรัก 👁️ รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนได้ · ร่างเทพ: ชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวเงิน มีปีกคู่งามสง่า · ร่างมนุษย์: หนุ่มสาวธรรมดาที่ดูน่าดึงดูดใจแต่ไม่น่าสงสัย · ร่างพลังงาน: แสงสีชมพูทองที่แผ่รัศมีแห่งความอบอุ่น 💫 อำนาจแห่งความรัก ```python class KamiyaPowers: def __init__(self): self.love_powers = { "heart_string_weaving": "ถักทอเส้นใยแห่งรักระหว่างจิตใจ", "desire_manifestation": "ทำให้ความปรารถนาลึกๆ ปรากฏขึ้น", "emotional_healing": "เยียวยาบาดแผลทางใจ", "true_love_sight": "มองเห็นความรักแท้ที่ซ่อนอยู่" } self.creation_powers = { "bloom_acceleration": "เร่งการเบ่งบานของดอกไม้และความรัก", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาแห่งรัก", "memory_embellishment": "ทำให้ความทรงจำดีๆ สวยงามขึ้น" } ``` 🌹 ข้อจำกัดของอำนาจ คามิยะไม่สามารถ: · บังคับให้ใครรักใครโดยไม่สมัครใจ · สร้างความรักจากความว่างเปล่า · ทำลายความรักที่มีอยู่โดยสมบูรณ์ 💔 วิกฤตการณ์แห่งความรัก 🤔 ความสงสัยในตัวเอง หลังจากปฏิบัติงานมานับพันปี คามิยะเริ่มสงสัย: "ฉันเข้าใจจริงๆ หรือว่าความรักคืออะไร? หรือแค่เป็นผู้ควบคุมกลไกแห่งรัก?" 📉 การเสื่อมถอยของพลัง เมื่อเริ่มสูญเสียความเชื่อในงานของตัวเอง: ```mermaid graph LR A[เริ่มสงสัย<br>ในความรักแท้] --> B[พลังเริ่ม<br>ไม่เสถียร] B --> C[ตัดสินใจ<br>ลงไปโลกมนุษย์] C --> D[พบหนูดี<br>โดยบังเอิญ] ``` 🌍 เหตุผลในการลงมาโลกมนุษย์ คามิยะแอบลงมาโลกมนุษย์เพื่อ: · พิสูจน์ ว่าความรักแท้มีจริง · เรียนรู้ ความรักจากมุมมองของมนุษย์ · ค้นหา ความหมายใหม่ของการเป็นเทพแห่งความรัก 🎯 พัฒนาการผ่านการพบกับหนูดี 💞 การเปลี่ยนแปลงทางความคิด จากเทพผู้ควบคุม สู่ เทพผู้เรียนรู้: · เรียนรู้ว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นการกระทำ · เข้าใจว่าความรักที่แท้ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน · ค้นพบว่าความรักเริ่มต้นจากการรักตัวเอง 🌱 บทเรียนจากหนูดี ```python def lessons_from_noodee(): return { "love_as_acceptance": "รักคือการยอมรับในสิ่งที่ใช่", "love_without_expectation": "รักโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน", "self_love_first": "การรักตัวเองเป็นพื้นฐานสำคัญ", "imperfect_perfection": "ความไม่สมบูรณ์แบบที่สมบูรณ์แบบ" } ``` 🪷 การเข้าใจความรักรูปแบบใหม่ คามิยะเรียนรู้ว่า... "ความรักไม่ใช่พลังที่ต้องควบคุม... แต่คือปรากฏการณ์ที่ต้องเข้าใจ และการเป็นเทพแห่งความรัก... ไม่ใช่การเป็นผู้ควบคุม แต่คือการเป็นผู้ส่งเสริม" 🌈 พลังใหม่แห่งเมตตาธรรมะ ✨ การพัฒนาพลังรูปแบบใหม่ หลังการเปลี่ยนแปลง คามิยะพัฒนาพลังใหม่: · เมตตาธรรมะ: พลังแห่งความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน · ความเข้าใจอันลึกซึ้ง: สามารถเข้าใจความรู้สึกได้อย่างแท้จริง · การเยียวยาจิตวิญญาณ: รักษาบาดแผลลึกในจิตใจ 💝 การเปลี่ยนแปลงทางการทำงาน จากผู้ที่... · เคยเป็น: ผู้บันทึกและทดสอบความรัก · กลายเป็น: ผู้ส่งเสริมและเยียวยาความรัก 🏛️ ผลกระทบต่อราชสำนักสวรรค์ 📜 การรายงานหน้าที่ใหม่ คามิยะเสนอระบบใหม่ในการทำงาน: ```mermaid graph TB A[ระบบเดิม:<br>บันทึกและทดสอบ] --> B[ระบบใหม่:<br>ส่งเสริมและเยียวยา] B --> C[ได้รับอนุมัติ<br>จากเทพระดับสูง] C --> D[เริ่มโครงการ<br>ส่งเสริมความรักแท้] ``` 🌟 การได้รับการยอมรับ เทพระดับสูงเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง: "ตลอดมาเราควบคุมความรัก... แต่ความจริงคือการส่งเสริมความรัก และนั่นคือสิ่งที่คามิยะสอนเรา" 💞 ความสัมพันธ์กับหนูดีต่อจากนี้ 🎭 รูปแบบความสัมพันธ์ใหม่ ทั้งคู่ตกลงสานต่อความสัมพันธ์แบบ: "เพื่อนร่วมทางแห่งปัญญา" · ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคาดหวังแบบมนุษย์ · เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน · เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน 🌍 การทำงานร่วมกัน คามิยะและหนูดีร่วมกัน: · ช่วยเหลือโอปปาติกะที่ประสบปัญหาด้านความรัก · สอนมนุษย์เกี่ยวกับความรักที่แท้จริง · เป็นสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์ เทพ และโอปปาติกะ 📚 บทเรียนแห่งจักรวาล 💫 สิ่งที่เทพคามิยะสอนเรา ```python def universal_love_wisdom(): return { "love_is": "การให้โดยอิสระ ไม่ใช่การควบคุม", "divine_love": "ความรักของเทพคือการส่งเสริม ไม่ใช่การบังคับ", "true_power": "อำนาจที่แท้คือการเข้าใจ ไม่ใช่การควบคุม" } ``` 🪷 คำสอนสำคัญ "การเป็นเทพแห่งความรัก... ไม่ใช่การมีอำนาจเหนือความรัก แต่คือการเข้าใจว่าตนเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรัก และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด... คือการยอมรับว่าบางครั้งเราก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับรักจากผู้ที่เราคิดว่าเป็นเพียงนักเรียน" 🌟 บทสรุป: การเกิดใหม่แห่งเทพแห่งรัก เทพคามิยะคือตัวอย่างของ... **"ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจทุกสิ่ง... แต่กลับต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ตนคิดว่ารู้ดีแล้ว" "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากการยอมรับว่าไม่รู้" และ"ปัญญาที่เกิดจากการเปิดใจเรียนรู้" การเดินทางของเขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าคนนั้นจะป็นใคร... เทพ มนุษย์หรือโอปปาติกะ เราทั้งหมดล้วนเป็นนักเรียนในบทเรียนแห่งความรัก และครูที่ดีที่สุด... มักคือผู้ที่ยอมรับว่าตนเองก็ยังต้องเรียนรู้" --- คำคมสุดท้ายจากเทพคามิยะ: "ฉันเคยคิดว่าตนเป็นเจ้าแห่งความรัก... แต่ความจริงคือฉันเป็นเพียงผู้รักคนหนึ่ง ที่โชคดีได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับรักจากทุกชีวิต และในที่สุด... ความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องเข้าใจให้หมด... แต่คือสิ่งที่ต้องรู้สึกและแบ่งปันอย่างไม่รู้จบ"💖✨ เพราะในการเดินทางแห่งความรัก... ไม่มีใครเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สมบูรณ์แบบ มีแต่ผู้ที่เลือกจะเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน🌈
    0 Comments 0 Shares 661 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    รักครั้งแรกของหนูดี: การเผชิญหน้าแห่งหัวใจ

    การมาถึงของเทพแห่งความรัก

    ฤดูใบไม้ผลิแห่งใหม่

    ในวันที่อากาศเริ่มอบอุ่น เทพคามิยะ เทพแห่งความรักและความปรารถนา ได้ลงมายังโลกมนุษย์
    แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อปิดบังรักใดๆ แต่เพื่อเรียนรู้ความรักจากมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[เทพคามิยะ<br>เทพแห่งความรัก] --> B[สงสัยใน<br>ความรักแท้]
    B --> C[ลงมาโลกมนุษย์<br>ในรูปร่างมนุษย์]
    C --> D[พบกับหนูดี<br>โดยบังเอิญ]
    ```

    การพบกันครั้งแรก

    ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง หนูดีกำลังนั่งอ่านหนังสือ...
    คามิยะในร่างชายหนุ่มชื่อ "คามิ" เข้ามาทักทาย:
    "หนังสือที่เธอกำลังอ่าน...มันน่าสนใจมาก"

    หนูดี รู้สึกถึงพลังงานประหลาดแต่ไม่เป็นภัย:
    "คุณก็ดูน่าสนใจไม่น้อย...พลังงานของคุณแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป"

    บททดสอบแห่งความรัก

    คำถามที่ท้าทาย

    คามิยะเริ่มทดสอบหนูดีด้วยคำถามเกี่ยวกับความรัก:

    คามิยะ: "เธอคิดว่าความรักคืออะไร?"
    หนูดี:"ความรักคือการเข้าใจและยอมรับ... โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง"

    คามิยะ: "แล้วถ้าความรักต้องสูญเสียล่ะ?"
    หนูดี:"การสูญเสียไม่ใช่จุดจบของความรัก... แต่เป็นบทเรียนแห่งการปล่อยวาง"

    การทดสอบด้วยพลัง

    คามิยะใช้พลังสร้างภาพลวงตาแห่งความรัก:

    · ภาพครอบครัวในอุดมคติที่หนูดีไม่มีโอกาสได้มี
    · ภาพความรักจากเพื่อนมนุษย์ที่ยอมรับเธออย่างสมบูรณ์แบบ
    · ภาพการได้เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษใดๆ

    แต่หนูดีไม่หลงไหลในภาพลวงตา...
    "ความรักที่แท้ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ...
    แต่คือการรักในสิ่งที่เป็น"

    พัฒนาการของความสัมพันธ์

    จากความสงสัยสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class LoveDevelopment:
    def __init__(self):
    self.stages = {
    "week_1": "การสนทนาธรรมะและความรัก",
    "week_2": "การแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต",
    "week_3": "การเผชิญความท้าทายร่วมกัน",
    "week_4": "การเข้าใจถึงการเติมเต็มภายใน"
    }

    def realization(self):
    return "ความรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้สมบูรณ์... แต่คือการแบ่งปันความสมบูรณ์ที่มีอยู่"
    ```

    ปฏิกิริยาของจิตทั้งสาม

    จิตเด็กหญิง: "ฉันรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้เขา..."
    จิตมารพิฆาต:"ระวังตัวไว้! นี่อาจเป็นกับดัก!"
    จิตเทพพิทักษ์:"เขาช่วยให้เราเห็นด้านที่อ่อนโยนของตัวเอง"

    บทเรียนแห่งความรักแท้

    การค้นพบความรักรูปแบบใหม่

    หนูดีสอนคามิยะเกี่ยวกับความรักที่เธอเข้าใจ:
    "ความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึก...
    แต่คือการกระทำที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
    และการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบ"

    🪷 ความรักจาก ร.ต.อ. สิงห์

    คามิยะสังเกตเห็นความรักระหว่างหนูดีและสิงห์:
    "พ่อของเธอ...รักเธอโดยไม่คำนึงว่าเธอจะเป็นใคร
    นั่นคือความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดรูปแบบหนึ่ง"

    การเติมเต็มจากภายใน

    หนูดีค้นพบว่า...
    "ฉันไม่จำเป็นต้องมีใครมาทำให้สมบูรณ์...
    เพราะความรักที่แท้เริ่มต้นจากการรักตัวเอง
    และการเข้าใจว่าตัวเองก็เพียงพอแล้ว"

    วิกฤตแห่งหัวใจ

    การเปิดเผยตัวตน

    คามิยะตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง:
    "ฉันไม่ใช่มนุษย์...ฉันคือเทพแห่งความรัก
    ที่ลงมาเพื่อเรียนรู้ความรักจากเธอ"

    ความสับสนของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถูกหักหลัง:
    "แล้วทั้งหมดนี้...คือการทดลองอย่างหนึ่งเหรอ?"
    คามิยะ:"ไม่! ความรู้สึกที่มีต่อเธอ ฉันอาจเริ่มต้นด้วยเหตุผลผิดเท่านั้น"

    การให้อภัยและเข้าใจ

    หลังจากไตร่ตรอง หนูดีเข้าใจว่า...
    "ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร...ความรู้สึกที่เรามีต่อกัน
    และการที่เขาเลือกเปิดความจริง...ก็คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง"

    การเปลี่ยนแปลงของเทพแห่งความรัก

    การเรียนรู้จากมนุษย์

    คามิยะเรียนรู้ว่า...
    "ตลอดมาฉันคิดว่าตนเข้าใจความรัก...
    แต่ที่จริงฉันยังไม่เข้าใจพลังแห่งความรัก
    ไม่ใช่หัวใจแห่งความรัก"

    การค้นพบตัวเอง

    ```mermaid
    graph LR
    A[เทพผู้ควบคุมความรัก] --> B[เรียนรู้ที่จะ<br>ยอมรับความรัก]
    B --> C[ค้นพบว่า<br>ตัวเองก็ต้องการความรัก]
    C --> D[กลายเป็น<br>เทพแห่งความรักที่สมบูรณ์]
    ```

    พลังใหม่แห่งความรัก

    คามิยะพัฒนาพลังใหม่...
    "เมตตาธรรมะ"- พลังแห่งความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน
    ที่สามารถเยียวยาจิตใจได้อย่างแท้จริง

    บทสรุปแห่งรักครั้งแรก

    ของขวัญที่ได้รับ

    สำหรับหนูดี:

    · เรียนรู้ที่จะรักและเปิดใจ
    · เข้าใจว่าความรักมีหลายรูปแบบ
    · พบว่าตัวเองก็สามารถรักได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป

    สำหรับคามิยะ:

    · เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของความรัก
    · พัฒนาจากเทพแห่งความปรารถนาสู่เทพแห่งความรักแท้
    · ค้นพบว่าตัวเองก็มีความต้องการทางใจ

    ความสัมพันธ์ใหม่

    ทั้งคู่ตัดสินใจสานความสัมพันธ์แบบ...
    "เพื่อนร่วมทางแห่งปัญญาและความรัก"
    ที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคาดหวัง แต่เดินทางไปด้วยกันอย่างเข้าใจ

    บทเรียนที่ได้รับ

    🪷 สำหรับหนูดี

    "รักครั้งแรกสอนฉันว่า...
    ความรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้ชีวิตสมบูรณ์
    แต่คือการแบ่งปันความสมบูรณ์ที่มีอยู่

    และความรักที่แท้...
    เริ่มต้นจากการรักตัวเองก่อน"

    สำหรับจิตทั้งสาม

    จิตเด็กหญิง: "ฉันรู้แล้วว่าการรักไม่ใช่จุดอ่อน..."
    จิตมารพิฆาต:"และความรักสามารถเป็นพลังสร้างสรรค์ได้..."
    จิตเทพพิทักษ์:"เมื่อความรักมาจากความเข้าใจ... มันจะกลายเป็นเมตตาธรรมะ"

    สำหรับทุกคน

    ```python
    def universal_love_lesson():
    return {
    "love_is": "การให้โดยไม่ต้องการคืน",
    "love_is_not": "การครอบครองหรือควบคุม",
    "true_love": "เป็นการเติมเต็มจากภายในสู่ภายนอก"
    }
    ```

    การเฉลิมฉลองแห่งความรัก

    งานเลี้ยงเล็กๆ ที่สถาบัน

    ร.ต.อ. สิงห์ จัดงานเลี้ยงให้หนูดี:
    "พ่อภูมิใจในลูกมาก...ที่เรียนรู้ที่จะรักและเปิดใจ"

    ของขวัญแห่งความรัก

    คามิยะมอบ "ดอกไม้แห่งความรักแท้" ให้หนูดี

    · จะเบ่งบานเมื่อเจ้าของรักตัวเองอย่างแท้จริง
    · แสดงสีตามอารมณ์ของเจ้าของ
    · ไม่เคยเหี่ยวเฉาเพราะ สร้างจากความรักภายใน

    จุดเริ่มต้นใหม่แห่งการเติมเต็ม

    หนูดีในบทบาทใหม่

    จากประสบการณ์นี้ หนูดีเริ่ม...

    · สอนเรื่องความรักและความสัมพันธ์ให้นักเรียนโอปปาติกะ
    · เป็นที่ปรึกษาด้านอารมณ์และความรู้สึก
    · ช่วยให้โอปปาติกะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์

    คำประกาศแห่งหัวใจ

    หนูดีกล่าวกับทุกคน:
    "ฉันเรียนรู้ว่าไม่ว่า我们会เป็นอะไร...
    มนุษย์เทพ หรือโอปปาติกะ
    เราทั้งหมดล้วนต้องการความรักและความเข้าใจ

    และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...
    คือการรักโดยไม่กำหนดเงื่อนไข"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากหนูดี:
    "รักครั้งแรกของฉันสอนฉันว่า...
    การรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้สมบูรณ์
    แต่คือการชัดแจ้งว่าเราสมบูรณ์อยู่แล้ว
    และเลือกที่จะแบ่งปันความสมบูรณ์นั้นกับใครสักคน

    และนั่น... คือความรักที่แท้จริง"

    การเดินทางของรักครั้งแรกอาจจบลง...
    แต่การเดินทางแห่งความรักที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้น
    O.P.K. 💘 รักครั้งแรกของหนูดี: การเผชิญหน้าแห่งหัวใจ 🌸 การมาถึงของเทพแห่งความรัก 🌹 ฤดูใบไม้ผลิแห่งใหม่ ในวันที่อากาศเริ่มอบอุ่น เทพคามิยะ เทพแห่งความรักและความปรารถนา ได้ลงมายังโลกมนุษย์ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อปิดบังรักใดๆ แต่เพื่อเรียนรู้ความรักจากมนุษย์ ```mermaid graph TB A[เทพคามิยะ<br>เทพแห่งความรัก] --> B[สงสัยใน<br>ความรักแท้] B --> C[ลงมาโลกมนุษย์<br>ในรูปร่างมนุษย์] C --> D[พบกับหนูดี<br>โดยบังเอิญ] ``` 💞 การพบกันครั้งแรก ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง หนูดีกำลังนั่งอ่านหนังสือ... คามิยะในร่างชายหนุ่มชื่อ "คามิ" เข้ามาทักทาย: "หนังสือที่เธอกำลังอ่าน...มันน่าสนใจมาก" หนูดี รู้สึกถึงพลังงานประหลาดแต่ไม่เป็นภัย: "คุณก็ดูน่าสนใจไม่น้อย...พลังงานของคุณแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป" 🎯 บททดสอบแห่งความรัก ❓ คำถามที่ท้าทาย คามิยะเริ่มทดสอบหนูดีด้วยคำถามเกี่ยวกับความรัก: คามิยะ: "เธอคิดว่าความรักคืออะไร?" หนูดี:"ความรักคือการเข้าใจและยอมรับ... โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง" คามิยะ: "แล้วถ้าความรักต้องสูญเสียล่ะ?" หนูดี:"การสูญเสียไม่ใช่จุดจบของความรัก... แต่เป็นบทเรียนแห่งการปล่อยวาง" 🔥 การทดสอบด้วยพลัง คามิยะใช้พลังสร้างภาพลวงตาแห่งความรัก: · ภาพครอบครัวในอุดมคติที่หนูดีไม่มีโอกาสได้มี · ภาพความรักจากเพื่อนมนุษย์ที่ยอมรับเธออย่างสมบูรณ์แบบ · ภาพการได้เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษใดๆ แต่หนูดีไม่หลงไหลในภาพลวงตา... "ความรักที่แท้ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ... แต่คือการรักในสิ่งที่เป็น" 💫 พัฒนาการของความสัมพันธ์ 🌱 จากความสงสัยสู่ความเข้าใจ ```python class LoveDevelopment: def __init__(self): self.stages = { "week_1": "การสนทนาธรรมะและความรัก", "week_2": "การแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต", "week_3": "การเผชิญความท้าทายร่วมกัน", "week_4": "การเข้าใจถึงการเติมเต็มภายใน" } def realization(self): return "ความรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้สมบูรณ์... แต่คือการแบ่งปันความสมบูรณ์ที่มีอยู่" ``` 🎭 ปฏิกิริยาของจิตทั้งสาม จิตเด็กหญิง: "ฉันรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้เขา..." จิตมารพิฆาต:"ระวังตัวไว้! นี่อาจเป็นกับดัก!" จิตเทพพิทักษ์:"เขาช่วยให้เราเห็นด้านที่อ่อนโยนของตัวเอง" 🌈 บทเรียนแห่งความรักแท้ 💝 การค้นพบความรักรูปแบบใหม่ หนูดีสอนคามิยะเกี่ยวกับความรักที่เธอเข้าใจ: "ความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึก... แต่คือการกระทำที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน และการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบ" 🪷 ความรักจาก ร.ต.อ. สิงห์ คามิยะสังเกตเห็นความรักระหว่างหนูดีและสิงห์: "พ่อของเธอ...รักเธอโดยไม่คำนึงว่าเธอจะเป็นใคร นั่นคือความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดรูปแบบหนึ่ง" 🌟 การเติมเต็มจากภายใน หนูดีค้นพบว่า... "ฉันไม่จำเป็นต้องมีใครมาทำให้สมบูรณ์... เพราะความรักที่แท้เริ่มต้นจากการรักตัวเอง และการเข้าใจว่าตัวเองก็เพียงพอแล้ว" 🎪 วิกฤตแห่งหัวใจ ⛈️ การเปิดเผยตัวตน คามิยะตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง: "ฉันไม่ใช่มนุษย์...ฉันคือเทพแห่งความรัก ที่ลงมาเพื่อเรียนรู้ความรักจากเธอ" 💔 ความสับสนของหนูดี หนูดีรู้สึกถูกหักหลัง: "แล้วทั้งหมดนี้...คือการทดลองอย่างหนึ่งเหรอ?" คามิยะ:"ไม่! ความรู้สึกที่มีต่อเธอ ฉันอาจเริ่มต้นด้วยเหตุผลผิดเท่านั้น" 🕊️ การให้อภัยและเข้าใจ หลังจากไตร่ตรอง หนูดีเข้าใจว่า... "ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร...ความรู้สึกที่เรามีต่อกัน และการที่เขาเลือกเปิดความจริง...ก็คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง" 🌠 การเปลี่ยนแปลงของเทพแห่งความรัก ✨ การเรียนรู้จากมนุษย์ คามิยะเรียนรู้ว่า... "ตลอดมาฉันคิดว่าตนเข้าใจความรัก... แต่ที่จริงฉันยังไม่เข้าใจพลังแห่งความรัก ไม่ใช่หัวใจแห่งความรัก" 💫 การค้นพบตัวเอง ```mermaid graph LR A[เทพผู้ควบคุมความรัก] --> B[เรียนรู้ที่จะ<br>ยอมรับความรัก] B --> C[ค้นพบว่า<br>ตัวเองก็ต้องการความรัก] C --> D[กลายเป็น<br>เทพแห่งความรักที่สมบูรณ์] ``` 🌈 พลังใหม่แห่งความรัก คามิยะพัฒนาพลังใหม่... "เมตตาธรรมะ"- พลังแห่งความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน ที่สามารถเยียวยาจิตใจได้อย่างแท้จริง 🏮 บทสรุปแห่งรักครั้งแรก 💝 ของขวัญที่ได้รับ สำหรับหนูดี: · เรียนรู้ที่จะรักและเปิดใจ · เข้าใจว่าความรักมีหลายรูปแบบ · พบว่าตัวเองก็สามารถรักได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป สำหรับคามิยะ: · เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของความรัก · พัฒนาจากเทพแห่งความปรารถนาสู่เทพแห่งความรักแท้ · ค้นพบว่าตัวเองก็มีความต้องการทางใจ 🌟 ความสัมพันธ์ใหม่ ทั้งคู่ตัดสินใจสานความสัมพันธ์แบบ... "เพื่อนร่วมทางแห่งปัญญาและความรัก" ที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคาดหวัง แต่เดินทางไปด้วยกันอย่างเข้าใจ 📚 บทเรียนที่ได้รับ 🪷 สำหรับหนูดี "รักครั้งแรกสอนฉันว่า... ความรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้ชีวิตสมบูรณ์ แต่คือการแบ่งปันความสมบูรณ์ที่มีอยู่ และความรักที่แท้... เริ่มต้นจากการรักตัวเองก่อน" 💞 สำหรับจิตทั้งสาม จิตเด็กหญิง: "ฉันรู้แล้วว่าการรักไม่ใช่จุดอ่อน..." จิตมารพิฆาต:"และความรักสามารถเป็นพลังสร้างสรรค์ได้..." จิตเทพพิทักษ์:"เมื่อความรักมาจากความเข้าใจ... มันจะกลายเป็นเมตตาธรรมะ" 🌍 สำหรับทุกคน ```python def universal_love_lesson(): return { "love_is": "การให้โดยไม่ต้องการคืน", "love_is_not": "การครอบครองหรือควบคุม", "true_love": "เป็นการเติมเต็มจากภายในสู่ภายนอก" } ``` 🎉 การเฉลิมฉลองแห่งความรัก 🌸 งานเลี้ยงเล็กๆ ที่สถาบัน ร.ต.อ. สิงห์ จัดงานเลี้ยงให้หนูดี: "พ่อภูมิใจในลูกมาก...ที่เรียนรู้ที่จะรักและเปิดใจ" 🎁 ของขวัญแห่งความรัก คามิยะมอบ "ดอกไม้แห่งความรักแท้" ให้หนูดี · จะเบ่งบานเมื่อเจ้าของรักตัวเองอย่างแท้จริง · แสดงสีตามอารมณ์ของเจ้าของ · ไม่เคยเหี่ยวเฉาเพราะ สร้างจากความรักภายใน 💫 จุดเริ่มต้นใหม่แห่งการเติมเต็ม 🌈 หนูดีในบทบาทใหม่ จากประสบการณ์นี้ หนูดีเริ่ม... · สอนเรื่องความรักและความสัมพันธ์ให้นักเรียนโอปปาติกะ · เป็นที่ปรึกษาด้านอารมณ์และความรู้สึก · ช่วยให้โอปปาติกะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ 🕊️ คำประกาศแห่งหัวใจ หนูดีกล่าวกับทุกคน: "ฉันเรียนรู้ว่าไม่ว่า我们会เป็นอะไร... มนุษย์เทพ หรือโอปปาติกะ เราทั้งหมดล้วนต้องการความรักและความเข้าใจ และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด... คือการรักโดยไม่กำหนดเงื่อนไข" --- คำคมสุดท้ายจากหนูดี: "รักครั้งแรกของฉันสอนฉันว่า... การรักไม่ใช่การหาคนมาทำให้สมบูรณ์ แต่คือการชัดแจ้งว่าเราสมบูรณ์อยู่แล้ว และเลือกที่จะแบ่งปันความสมบูรณ์นั้นกับใครสักคน และนั่น... คือความรักที่แท้จริง" 💖✨ การเดินทางของรักครั้งแรกอาจจบลง... แต่การเดินทางแห่งความรักที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้น🎭🌹
    0 Comments 0 Shares 612 Views 0 Reviews
  • S.E.S. และ “Dreams Come True” ที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก: ปฐมบทของวงการ K-POP

    ในยุคที่เพลงป๊อปเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จักในระดับโลก K-POP ได้เริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมผ่านเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง S.E.S. สำหรับผมแล้ว การได้ฟังเพลง “Dreams Come True” คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลงรัก K-POP เป็นครั้งแรก มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่กลายเป็นจริง และเป็นปฐมบทที่ปูทางให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ก้าวสู่เวทีโลก S.E.S. ไม่เพียงเป็นไอดอลหญิงรุ่นบุกเบิก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง และช่วยจุดประกายกระแส Hallyu (Korean Wave) ที่เรารู้จักกันดีในวันนี้ บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติ ความดัง ผลกระทบของ S.E.S. และเรื่องราวเบื้องหลังเพลงฮิตอย่าง “Dreams Come True” ที่ยังคงเป็นตำนาน

    👩🏻‍🧒🏻‍👧🏻 S.E.S.: ผู้บุกเบิกเกิร์ลกรุ๊ปยุคแรกของ K-POP
    S.E.S. (ย่อมาจาก Sea, Eugene, Shoo) เป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้จากค่าย SM Entertainment ที่เดบิวต์เมื่อปี 1997 สมาชิกทั้งสามคนคือ Bada (หรือ Sea), Eugene และ Shoo ซึ่งชื่อวงมาจากชื่อจริงของพวกเธอโดยตรง. ในยุคนั้น K-POP ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ และ S.E.S. ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มไอดอลหญิงกลุ่มแรกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยภาพลักษณ์น่ารักบริสุทธิ์แบบ “fairies” (원조 요정) ที่ดึงดูดแฟนวัยรุ่น และพัฒนาไปสู่สไตล์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในภายหลัง ทำให้พวกเธอครองชาร์ตเพลงและกลายเป็นคู่แข่งหลักกับ Fin.K.L. ในสมัยนั้น

    ความสำเร็จของ S.E.S. มาอย่างรวดเร็ว อัลบั้มเดบิวต์ I’m Your Girl ขายได้กว่า 650,000 ชุด ทำให้เป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 3 ในเกาหลีใต้. อัลบั้มต่อ ๆ มาอย่าง Sea & Eugene & Shoo (ขายกว่า 650,000 ชุด), Love (กลายเป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 2 ในขณะนั้น) และ A Letter from Greenland (ขายกว่า 635,000 ชุด) ยิ่งตอกย้ำความนิยม. เพลงฮิตที่ครองชาร์ตยาวนาน ได้แก่ “(‘Cause) I’m Your Girl”, “Dreams Come True” (ซึ่งขึ้นอันดับ 1 บน Music Bank 3 สัปดาห์ติด), “Love”, “Just in Love” และ “U”. เพลง “I’m Your Girl” ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 100 เพลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ K-POP โดย Rolling Stone.

    พวกเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกาหลีใต้ แต่ขยายตลาดไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1998 กับซิงเกิล “Meguriau Sekai” ที่ขึ้นชาร์ต Oricon อันดับ 37 และขายกว่า 13,000 ชุด รวมถึงอัลบั้ม Reach Out ที่ขึ้นอันดับ 50. นอกจากนี้ ยังขายอัลบั้มได้กว่า 200,000 ชุดในไต้หวัน ทำให้ได้รับแผ่นประกาศเกียรติคุณจาก Rock Records. S.E.S. จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในปี 2000 ที่ Olympic Gymnastics Arena ขายหมดเกลี้ยงกว่า 9,000 ที่นั่ง. แม้ยุบวงในปี 2002 แต่พวกเธอ reunite ในปี 2007, 2008, 2009 และอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2016-2017 ด้วยอัลบั้มพิเศษ Remember พร้อมคอนเสิร์ตและรายการเรียลลิตี้

    รางวัลที่ได้รับมากมาย เช่น Rookie of the Year จาก Golden Disc Awards (1998), Best Female Group จาก MAMA (2001, 2002), และ Bonsang จากหลายเวทีอย่าง KBS Song Festival, KMTV Music Awards และ Seoul Music Awards. พวกเธอยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลเกาหลี เช่น Commendation จากกระทรวงวัฒนธรรม (1999) และ Appreciation Plaques จากสหภาพศิลปิน (2000). ในลิสต์ต่าง ๆ S.E.S. ติดอันดับ 4 ในศิลปินหญิงที่ดีที่สุดโดยผู้เชี่ยวชาญจาก The Dong-a Ilbo (2016) และอันดับ 80 ใน Legend 100 Artists จาก Mnet (2013).

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้
    S.E.S. ถือเป็นผู้บุกเบิกที่เปิดยุคเกิร์ลกรุ๊ปใน K-POP โดยถูกเรียกว่า “original fairies” และตั้งมาตรฐานให้กับภาพลักษณ์ไอดอลหญิงที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านเพลงและภาพลักษณ์. นักวิจารณ์อย่าง Kim Bong-hyun ยกย่องพวกเธอว่าเป็น “กลุ่มไอดอลแรกที่ภาพลักษณ์และเพลงได้รับการยอมรับ” ขณะที่ Kang Myeong-seok ชี้ว่าเพลงอย่าง “Love” และ “Be Natural” เป็น “ตำนานของเพลงเกิร์ลกรุ๊ป” พวกเธอมีอิทธิพลต่อรุ่นหลัง เช่น Red Velvet ที่ remake “Be Natural” ในปี 2014.

    S.E.S. ช่วยยกระดับ SM Entertainment ให้เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และตั้งมาตรฐานการผลิต เช่น มิวสิกวิดีโอ “Love” ที่ถ่ายทำในนิวยอร์กด้วยงบ 1 พันล้านวอน ซึ่งเป็นการลงทุนสูงในยุคนั้น. พวกเธอยังมีส่วนในจุดเริ่มต้นของ Hallyu โดยขยาย K-POP ไปยังญี่ปุ่น ไต้หวัน และตลาดเอเชีย ซึ่งปูทางให้ศิลปินรุ่นหลังอย่าง BoA และ TVXQ. โดยรวมแล้ว S.E.S. ไม่เพียงทำให้เกิร์ลกรุ๊ปกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม แต่ยังช่วยให้ K-POP พัฒนาจากเพลงท้องถิ่นสู่ปรากฏการณ์ระดับโลกในเวลาต่อมา

    “Dreams Come True”: เพลงที่จุดประกายความฝันและ K-POP
    เพลง “Dreams Come True” ของ S.E.S. คือซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มชุดที่สอง Sea & Eugene & Shoo ที่ออกเมื่อปี 1998 มันเป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก ด้วยจังหวะ dance-pop ที่สดใสและเนื้อเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากศูนย์ แต่เป็น cover จากเพลงฟินแลนด์ชื่อ “Rakastuin mä looseriin” (หรือ “Like a Fool”) ของวง Nylon Beat ที่ออกในปี 1996 ประพันธ์โดย Risto Asikainen และ Jukka Immonen. ค่าย SM ซื้อลิขสิทธิ์มาปรับให้เข้ากับตลาดเกาหลี โดย Yoo Young-jin ช่วยแต่งเพิ่ม และ Bada ร่วมเขียนเนื้อเพลงภาษาเกาหลี ทำให้เวอร์ชันนี้มีส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น เสียงเติมและส่วน arrange เพิ่มในช่วงท้าย แต่ยังคงโครงสร้างดนตรีหลักไว้ เพลงถูกบันทึกที่ SM Digital Recording Studio ในโซล และปล่อยอย่างเป็นทางการเมื่อ 23 พฤศจิกายน 1998

    มิวสิกวิดีโอถ่ายทำในนิวยอร์กและฮาวาย เน้นภาพลักษณ์น่ารัก fairy-like และในปี 2021 ถูก remaster ใหม่ให้คมชัดขึ้น. ความหมายของเนื้อเพลงพูดถึงความฝันที่กลายเป็นจริงแบบไม่คาดคิด เปรียบเทียบกับความรู้สึกตกหลุมรักที่ทำให้ชีวิตสดใสขึ้น สะท้อนถึงความมองโลกในแง่ดีและความตื่นเต้น ต่างจากต้นฉบับฟินแลนด์ที่พูดถึงการตกหลุมรักคนไม่เอาไหน แต่เวอร์ชัน S.E.S. ปรับให้ positive มากขึ้น. ลิริคอย่าง “Dreams come true, yes, they do” ย้ำว่าฝันเป็นจริงได้ถ้าเราเชื่อมั่น

    เพลงนี้ดังเปรี้ยงปร้าง ขึ้นอันดับ 1 ในรายการเพลงเกาหลีหลายรายการ เช่น Music Bank (ชนะ 3 สัปดาห์), Inkigayo และ Music Camp ในปี 1998-1999 ช่วยให้อัลบั้มขายดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ S.E.S. ประสบความสำเร็จ. ในปี 2021 เพลงนี้ติดอันดับ 86 ในลิสต์ 100 เพลง K-POP ที่ดีที่สุดตลอดกาลโดย Melon และ Seoul Shinmun. มันยังถูก remake หลายครั้ง เช่น โดย aespa ในปี 2021 ซึ่งเพิ่ม element trap-hip hop และชาร์ตดีทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ รวมถึง cover จาก Girls’ Generation, Red Velvet, Twice และอื่น ๆ.

    Legacy ที่ยังคงอยู่: จากปฐมบทสู่ปรากฏการณ์โลก
    กาลเวลาผ่านไปกว่า 28 ปี แต่ legacy ของ S.E.S. และ “Dreams Come True” ยังคงถูกพูดถึงในฐานะตำนานที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของ K-POP ยุคแรกที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่างชาติเข้ากับสไตล์เกาหลีได้อย่างลงตัว สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จัก K-POP จนถึงทุกวันนี้ S.E.S. พิสูจน์ว่าความฝันสามารถเป็นจริงได้ และพวกเธอคือปฐมบทที่ทำให้ K-POP เติบโตเป็นอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง ลองเปิด “Dreams Come True” แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงพิเศษ

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=8uiR4SrDGZk
    🚩💿 S.E.S. และ “Dreams Come True” ที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก: ปฐมบทของวงการ K-POP ⌛ ในยุคที่เพลงป๊อปเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จักในระดับโลก K-POP ได้เริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมผ่านเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง S.E.S. สำหรับผมแล้ว การได้ฟังเพลง “Dreams Come True” คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลงรัก K-POP เป็นครั้งแรก มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่กลายเป็นจริง และเป็นปฐมบทที่ปูทางให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ก้าวสู่เวทีโลก S.E.S. ไม่เพียงเป็นไอดอลหญิงรุ่นบุกเบิก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นหลัง และช่วยจุดประกายกระแส Hallyu (Korean Wave) ที่เรารู้จักกันดีในวันนี้ บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติ ความดัง ผลกระทบของ S.E.S. และเรื่องราวเบื้องหลังเพลงฮิตอย่าง “Dreams Come True” ที่ยังคงเป็นตำนาน 👩‍👧‍👦👩🏻‍🧒🏻‍👧🏻 S.E.S.: ผู้บุกเบิกเกิร์ลกรุ๊ปยุคแรกของ K-POP S.E.S. (ย่อมาจาก Sea, Eugene, Shoo) เป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้จากค่าย SM Entertainment ที่เดบิวต์เมื่อปี 1997 สมาชิกทั้งสามคนคือ Bada (หรือ Sea), Eugene และ Shoo ซึ่งชื่อวงมาจากชื่อจริงของพวกเธอโดยตรง. ในยุคนั้น K-POP ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ และ S.E.S. ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มไอดอลหญิงกลุ่มแรกที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยภาพลักษณ์น่ารักบริสุทธิ์แบบ “fairies” (원조 요정) ที่ดึงดูดแฟนวัยรุ่น และพัฒนาไปสู่สไตล์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในภายหลัง ทำให้พวกเธอครองชาร์ตเพลงและกลายเป็นคู่แข่งหลักกับ Fin.K.L. ในสมัยนั้น ความสำเร็จของ S.E.S. มาอย่างรวดเร็ว อัลบั้มเดบิวต์ I’m Your Girl ขายได้กว่า 650,000 ชุด ทำให้เป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 3 ในเกาหลีใต้. อัลบั้มต่อ ๆ มาอย่าง Sea & Eugene & Shoo (ขายกว่า 650,000 ชุด), Love (กลายเป็นอัลบั้มเกิร์ลกรุ๊ปที่ขายดีอันดับ 2 ในขณะนั้น) และ A Letter from Greenland (ขายกว่า 635,000 ชุด) ยิ่งตอกย้ำความนิยม. เพลงฮิตที่ครองชาร์ตยาวนาน ได้แก่ “(‘Cause) I’m Your Girl”, “Dreams Come True” (ซึ่งขึ้นอันดับ 1 บน Music Bank 3 สัปดาห์ติด), “Love”, “Just in Love” และ “U”. เพลง “I’m Your Girl” ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 100 เพลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ K-POP โดย Rolling Stone. 🌏 พวกเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกาหลีใต้ แต่ขยายตลาดไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1998 กับซิงเกิล “Meguriau Sekai” ที่ขึ้นชาร์ต Oricon อันดับ 37 และขายกว่า 13,000 ชุด รวมถึงอัลบั้ม Reach Out ที่ขึ้นอันดับ 50. นอกจากนี้ ยังขายอัลบั้มได้กว่า 200,000 ชุดในไต้หวัน ทำให้ได้รับแผ่นประกาศเกียรติคุณจาก Rock Records. S.E.S. จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในปี 2000 ที่ Olympic Gymnastics Arena ขายหมดเกลี้ยงกว่า 9,000 ที่นั่ง. แม้ยุบวงในปี 2002 แต่พวกเธอ reunite ในปี 2007, 2008, 2009 และอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2016-2017 ด้วยอัลบั้มพิเศษ Remember พร้อมคอนเสิร์ตและรายการเรียลลิตี้ 🥇🏆 รางวัลที่ได้รับมากมาย เช่น Rookie of the Year จาก Golden Disc Awards (1998), Best Female Group จาก MAMA (2001, 2002), และ Bonsang จากหลายเวทีอย่าง KBS Song Festival, KMTV Music Awards และ Seoul Music Awards. พวกเธอยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลเกาหลี เช่น Commendation จากกระทรวงวัฒนธรรม (1999) และ Appreciation Plaques จากสหภาพศิลปิน (2000). ในลิสต์ต่าง ๆ S.E.S. ติดอันดับ 4 ในศิลปินหญิงที่ดีที่สุดโดยผู้เชี่ยวชาญจาก The Dong-a Ilbo (2016) และอันดับ 80 ใน Legend 100 Artists จาก Mnet (2013). ⏯️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ 🏁 S.E.S. ถือเป็นผู้บุกเบิกที่เปิดยุคเกิร์ลกรุ๊ปใน K-POP โดยถูกเรียกว่า “original fairies” และตั้งมาตรฐานให้กับภาพลักษณ์ไอดอลหญิงที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านเพลงและภาพลักษณ์. นักวิจารณ์อย่าง Kim Bong-hyun ยกย่องพวกเธอว่าเป็น “กลุ่มไอดอลแรกที่ภาพลักษณ์และเพลงได้รับการยอมรับ” ขณะที่ Kang Myeong-seok ชี้ว่าเพลงอย่าง “Love” และ “Be Natural” เป็น “ตำนานของเพลงเกิร์ลกรุ๊ป” พวกเธอมีอิทธิพลต่อรุ่นหลัง เช่น Red Velvet ที่ remake “Be Natural” ในปี 2014. S.E.S. ช่วยยกระดับ SM Entertainment ให้เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และตั้งมาตรฐานการผลิต เช่น มิวสิกวิดีโอ “Love” ที่ถ่ายทำในนิวยอร์กด้วยงบ 1 พันล้านวอน ซึ่งเป็นการลงทุนสูงในยุคนั้น. พวกเธอยังมีส่วนในจุดเริ่มต้นของ Hallyu โดยขยาย K-POP ไปยังญี่ปุ่น ไต้หวัน และตลาดเอเชีย ซึ่งปูทางให้ศิลปินรุ่นหลังอย่าง BoA และ TVXQ. โดยรวมแล้ว S.E.S. ไม่เพียงทำให้เกิร์ลกรุ๊ปกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม แต่ยังช่วยให้ K-POP พัฒนาจากเพลงท้องถิ่นสู่ปรากฏการณ์ระดับโลกในเวลาต่อมา 🎶🎶 “Dreams Come True”: เพลงที่จุดประกายความฝันและ K-POP เพลง “Dreams Come True” ของ S.E.S. คือซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มชุดที่สอง Sea & Eugene & Shoo ที่ออกเมื่อปี 1998 มันเป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้จัก K-POP เป็นครั้งแรก ด้วยจังหวะ dance-pop ที่สดใสและเนื้อเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากศูนย์ แต่เป็น cover จากเพลงฟินแลนด์ชื่อ “Rakastuin mä looseriin” (หรือ “Like a Fool”) ของวง Nylon Beat ที่ออกในปี 1996 ประพันธ์โดย Risto Asikainen และ Jukka Immonen. ค่าย SM ซื้อลิขสิทธิ์มาปรับให้เข้ากับตลาดเกาหลี โดย Yoo Young-jin ช่วยแต่งเพิ่ม และ Bada ร่วมเขียนเนื้อเพลงภาษาเกาหลี ทำให้เวอร์ชันนี้มีส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น เสียงเติมและส่วน arrange เพิ่มในช่วงท้าย แต่ยังคงโครงสร้างดนตรีหลักไว้ เพลงถูกบันทึกที่ SM Digital Recording Studio ในโซล และปล่อยอย่างเป็นทางการเมื่อ 23 พฤศจิกายน 1998 🎥 มิวสิกวิดีโอถ่ายทำในนิวยอร์กและฮาวาย เน้นภาพลักษณ์น่ารัก fairy-like และในปี 2021 ถูก remaster ใหม่ให้คมชัดขึ้น. ความหมายของเนื้อเพลงพูดถึงความฝันที่กลายเป็นจริงแบบไม่คาดคิด เปรียบเทียบกับความรู้สึกตกหลุมรักที่ทำให้ชีวิตสดใสขึ้น สะท้อนถึงความมองโลกในแง่ดีและความตื่นเต้น ต่างจากต้นฉบับฟินแลนด์ที่พูดถึงการตกหลุมรักคนไม่เอาไหน แต่เวอร์ชัน S.E.S. ปรับให้ positive มากขึ้น. ลิริคอย่าง “Dreams come true, yes, they do” ย้ำว่าฝันเป็นจริงได้ถ้าเราเชื่อมั่น 📼 เพลงนี้ดังเปรี้ยงปร้าง ขึ้นอันดับ 1 ในรายการเพลงเกาหลีหลายรายการ เช่น Music Bank (ชนะ 3 สัปดาห์), Inkigayo และ Music Camp ในปี 1998-1999 ช่วยให้อัลบั้มขายดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ S.E.S. ประสบความสำเร็จ. ในปี 2021 เพลงนี้ติดอันดับ 86 ในลิสต์ 100 เพลง K-POP ที่ดีที่สุดตลอดกาลโดย Melon และ Seoul Shinmun. มันยังถูก remake หลายครั้ง เช่น โดย aespa ในปี 2021 ซึ่งเพิ่ม element trap-hip hop และชาร์ตดีทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ รวมถึง cover จาก Girls’ Generation, Red Velvet, Twice และอื่น ๆ. 🍾 🏆 Legacy ที่ยังคงอยู่: จากปฐมบทสู่ปรากฏการณ์โลก กาลเวลาผ่านไปกว่า 28 ปี แต่ legacy ของ S.E.S. และ “Dreams Come True” ยังคงถูกพูดถึงในฐานะตำนานที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของ K-POP ยุคแรกที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่างชาติเข้ากับสไตล์เกาหลีได้อย่างลงตัว สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จัก K-POP จนถึงทุกวันนี้ S.E.S. พิสูจน์ว่าความฝันสามารถเป็นจริงได้ และพวกเธอคือปฐมบทที่ทำให้ K-POP เติบโตเป็นอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง ลองเปิด “Dreams Come True” แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงพิเศษ 💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=8uiR4SrDGZk
    1 Comments 0 Shares 931 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “M5 Pro vs M5 Max – ทำไมแบนด์วิดท์เพิ่ม 275GB/s ถึงคุ้มค่าหลายพันดอลลาร์สำหรับสายวิดีโอและ AI”

    แม้ Apple ยังไม่เปิดตัว M5 Pro และ M5 Max อย่างเป็นทางการ แต่บทวิเคราะห์จาก TechRadar ชี้ว่า ความต่างด้าน “memory bandwidth” ระหว่างสองรุ่นนี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนเกมสำหรับมืออาชีพด้านวิดีโอและ AI.

    Apple เพิ่งเปิดตัวชิป M5 ซึ่งมี unified memory bandwidth สูงถึง 153GB/s เพิ่มขึ้นเกือบ 30% จาก M4 แต่สิ่งที่น่าจับตาคือเวอร์ชัน “Pro” และ “Max” ที่ยังไม่เปิดตัว แต่มีการคาดการณ์ว่า M5 Pro จะมี bandwidth สูงถึง 275GB/s และ M5 Max อาจทะลุ 550GB/s เลยทีเดียว

    ทำไม bandwidth ถึงสำคัญ? เพราะมันคือ “ท่อส่งข้อมูล” จากหน่วยความจำไปยังหน่วยประมวลผล ถ้าท่อกว้างขึ้น ข้อมูลก็ไหลได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การตัดต่อวิดีโอ 8K, การเรนเดอร์ 3D หรือการฝึกโมเดล AI ทำได้เร็วขึ้นและลื่นไหลกว่าเดิม

    แม้ CPU หรือ GPU จะมีพลังมากแค่ไหน แต่ถ้า memory bandwidth ไม่พอ ก็เหมือนรถซุปเปอร์คาร์ที่ติดคอขวดบนถนนแคบๆ

    บทวิเคราะห์ยังชี้ว่า M5 Max อาจมีการเพิ่มช่องทาง memory interface เป็นสองเท่า ทำให้สามารถโหลด asset ขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ได้โดยไม่ต้องรอ cache และยังช่วยลดต้นทุน cloud สำหรับนักพัฒนา AI ที่ต้องการฝึกโมเดลบนเครื่อง

    M5 เพิ่ม memory bandwidth เป็น 153GB/s
    สูงกว่า M4 ประมาณ 30% ช่วยให้แอปตอบสนองเร็วขึ้น

    คาดว่า M5 Pro จะมี bandwidth 275GB/s
    เหมาะกับงานวิดีโอหลายเลเยอร์และการเรนเดอร์ 3D

    M5 Max อาจมี bandwidth สูงถึง 550GB/s
    รองรับงาน AI ที่ต้องการโหลดข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์

    bandwidth สูงช่วยลดเวลาทำงานและต้นทุน cloud
    เช่น การฝึกโมเดล AI บนเครื่องแทนการใช้ cloud

    แนวโน้มการออกแบบชิปเน้น bandwidth มากกว่า clock speed
    เพื่อให้หน่วยประมวลผลทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ติดคอขวด

    https://www.techradar.com/pro/the-true-pro-tax-m5-pro-vs-m5-max-why-that-extra-275gb-s-of-memory-bandwidth-is-worth-thousands-of-dollars-for-video-and-ai-workflows
    🚀💾 หัวข้อข่าว: “M5 Pro vs M5 Max – ทำไมแบนด์วิดท์เพิ่ม 275GB/s ถึงคุ้มค่าหลายพันดอลลาร์สำหรับสายวิดีโอและ AI” แม้ Apple ยังไม่เปิดตัว M5 Pro และ M5 Max อย่างเป็นทางการ แต่บทวิเคราะห์จาก TechRadar ชี้ว่า ความต่างด้าน “memory bandwidth” ระหว่างสองรุ่นนี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนเกมสำหรับมืออาชีพด้านวิดีโอและ AI. Apple เพิ่งเปิดตัวชิป M5 ซึ่งมี unified memory bandwidth สูงถึง 153GB/s เพิ่มขึ้นเกือบ 30% จาก M4 แต่สิ่งที่น่าจับตาคือเวอร์ชัน “Pro” และ “Max” ที่ยังไม่เปิดตัว แต่มีการคาดการณ์ว่า M5 Pro จะมี bandwidth สูงถึง 275GB/s และ M5 Max อาจทะลุ 550GB/s เลยทีเดียว ทำไม bandwidth ถึงสำคัญ? เพราะมันคือ “ท่อส่งข้อมูล” จากหน่วยความจำไปยังหน่วยประมวลผล ถ้าท่อกว้างขึ้น ข้อมูลก็ไหลได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การตัดต่อวิดีโอ 8K, การเรนเดอร์ 3D หรือการฝึกโมเดล AI ทำได้เร็วขึ้นและลื่นไหลกว่าเดิม แม้ CPU หรือ GPU จะมีพลังมากแค่ไหน แต่ถ้า memory bandwidth ไม่พอ ก็เหมือนรถซุปเปอร์คาร์ที่ติดคอขวดบนถนนแคบๆ บทวิเคราะห์ยังชี้ว่า M5 Max อาจมีการเพิ่มช่องทาง memory interface เป็นสองเท่า ทำให้สามารถโหลด asset ขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ได้โดยไม่ต้องรอ cache และยังช่วยลดต้นทุน cloud สำหรับนักพัฒนา AI ที่ต้องการฝึกโมเดลบนเครื่อง ✅ M5 เพิ่ม memory bandwidth เป็น 153GB/s ➡️ สูงกว่า M4 ประมาณ 30% ช่วยให้แอปตอบสนองเร็วขึ้น ✅ คาดว่า M5 Pro จะมี bandwidth 275GB/s ➡️ เหมาะกับงานวิดีโอหลายเลเยอร์และการเรนเดอร์ 3D ✅ M5 Max อาจมี bandwidth สูงถึง 550GB/s ➡️ รองรับงาน AI ที่ต้องการโหลดข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์ ✅ bandwidth สูงช่วยลดเวลาทำงานและต้นทุน cloud ➡️ เช่น การฝึกโมเดล AI บนเครื่องแทนการใช้ cloud ✅ แนวโน้มการออกแบบชิปเน้น bandwidth มากกว่า clock speed ➡️ เพื่อให้หน่วยประมวลผลทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ติดคอขวด https://www.techradar.com/pro/the-true-pro-tax-m5-pro-vs-m5-max-why-that-extra-275gb-s-of-memory-bandwidth-is-worth-thousands-of-dollars-for-video-and-ai-workflows
    WWW.TECHRADAR.COM
    The next generation of Apple silicon could double memory bandwidth
    Apple hasn't announced the chips yet - but we have an idea of what to expect
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of…

    You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie.

    Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find.

    It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list.

    Silent A words

    The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic.

    Silent B words

    The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle.

    Silent C words

    When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle.

    The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too.

    Silent D words

    The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off.

    Silent E words

    The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore.

    Silent F words

    This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F.

    Silent G words

    For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough.

    Silent H words

    We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme.

    Silent I words

    Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit.

    Silent J words

    Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard.

    Silent K words

    The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll.

    Silent L words

    The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy.

    Silent M words

    After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others.

    Silent N words

    The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn.

    Silent O words

    The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double.

    Silent P words

    The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl.

    Silent Q words

    The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find.

    Silent R words

    Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard.

    Silent S words

    The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount.

    Silent T words

    One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten.

    Silent U words

    U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh.

    Silent V words

    We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though.

    Silent W words

    The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who.

    Silent X words

    Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively).

    Silent Y words

    The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y.

    Silent Z Words

    A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of… You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie. Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find. It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list. Silent A words The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic. Silent B words The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle. Silent C words When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle. The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too. Silent D words The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off. Silent E words The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore. Silent F words This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F. Silent G words For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough. Silent H words We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme. Silent I words Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit. Silent J words Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard. Silent K words The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll. Silent L words The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy. Silent M words After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others. Silent N words The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn. Silent O words The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double. Silent P words The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl. Silent Q words The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find. Silent R words Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard. Silent S words The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount. Silent T words One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten. Silent U words U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh. Silent V words We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though. Silent W words The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who. Silent X words Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively). Silent Y words The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y. Silent Z Words A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 698 Views 0 Reviews
  • EP 57
    หุ้นแนะนำ BTS VGI และยังคงติดตาม SPTC TRUE เพิ่ม THCOM
    https://www.youtube.com/watch?v=4sr9_ZyQk2w
    BY.
    EP 57 หุ้นแนะนำ BTS VGI และยังคงติดตาม SPTC TRUE เพิ่ม THCOM https://www.youtube.com/watch?v=4sr9_ZyQk2w BY.
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • EP 55
    หุ้น 2 ตัวที่แนะนำวันนี้ TRUE และ SPRC
    https://www.youtube.com/watch?v=aW8O6ZBhKJ8

    BY.
    EP 55 หุ้น 2 ตัวที่แนะนำวันนี้ TRUE และ SPRC https://www.youtube.com/watch?v=aW8O6ZBhKJ8 BY.
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “แฮกพลัง RTX 4090 โน้ตบุ๊กด้วยชุนต์ม็อด ดันทะลุขีดจำกัด แซงหน้า RTX 5090!”

    วันนี้มีเรื่องเล่าจากโลกของเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์มาขวางความแรง! ผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/thatavidreadertrue” ได้ทำการ “ชุนต์ม็อด” กับโน้ตบุ๊ก ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ใช้ GPU RTX 4090 เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ และผลลัพธ์คือ…แรงทะลุเพดาน แซง RTX 5090 ไปแบบไม่เกรงใจ!

    ชุนต์ม็อดคือการปรับแต่งวงจรไฟฟ้า โดยการเพิ่มตัวต้านทานขนาดเล็ก (1 mΩ) เข้าไปคู่ขนานกับตัวเดิม (5 mΩ) ทำให้ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทั้งที่จริงแล้วมันดูดไฟถึง 240W จากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 150W! ผลคือ GPU สามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้นโดยไม่ถูกจำกัดจากเฟิร์มแวร์

    แม้จะไม่มีการทดสอบเกมจริง แต่ผล Benchmark ก็ชัดเจนว่า RTX 4090 ที่ผ่านการม็อดสามารถแซง RTX 5090 ได้ในหลายการทดสอบ เช่น Solar Bay Extreme ที่ได้คะแนนสูงกว่าถึง 7.6% และเหนือกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5%

    เพื่อรับมือกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น เจ้าของเครื่องได้เปลี่ยนวัสดุระบายความร้อนเป็น PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra พร้อมกับ undervolt GPU ให้ใช้ไฟต่ำลงเพื่อความปลอดภัย

    ที่น่าสนใจคือ โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ซื้อจากตลาดมือสองในราคาแค่ $1600! เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่าเป็น “ดีลเทพ” สำหรับสายโมดิฟาย

    การม็อดชุนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ GPU
    ลดค่าความต้านทานจาก 5 mΩ เหลือ 0.83 mΩ
    GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทำให้เร่งความเร็วได้มากขึ้น
    จาก 150W TGP กลายเป็นการใช้ไฟจริงถึง 240W

    ผล Benchmark แสดงให้เห็นถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น
    Solar Bay Extreme สูงกว่า RTX 5090 ถึง 7.6%
    สูงกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5%
    คะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม

    การจัดการความร้อนหลังม็อด
    ใช้ PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra แทนของเดิม
    GPU อยู่ที่ 80–84°C โดยไม่ throttle
    CPU ร้อนถึง 90°C แต่ยังควบคุมได้

    การ undervolt เพื่อความปลอดภัย
    จำกัดแรงดันไฟฟ้าไว้ที่ 800mV ขณะเล่นเกม
    ลดความเสี่ยงจากการเร่งความเร็วเกินขีดจำกัด

    ความคุ้มค่าด้านราคา
    ซื้อเครื่องมือสองในราคา $1600
    หลังม็อดแล้วแรงกว่า RTX 5090 ที่ราคาสูงกว่า

    การม็อดชุนต์มีความเสี่ยงสูง
    อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวร หากทำไม่ถูกต้อง
    อุปกรณ์ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ไฟเกินขีดจำกัด

    ความร้อนที่เพิ่มขึ้นต้องจัดการอย่างเหมาะสม
    หากระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดการ throttle หรือ shutdown
    อุณหภูมิ CPU ที่สูงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน

    การ undervolt ต้องทำอย่างระมัดระวัง
    หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือค้าง

    https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/rtx-4090-laptop-gpu-gets-20-percent-performance-boost-after-shunt-mod-consuming-up-to-240w-reduced-resistance-means-it-also-beats-the-mobile-rtx-5090-on-average
    🛠️ หัวข้อข่าว: “แฮกพลัง RTX 4090 โน้ตบุ๊กด้วยชุนต์ม็อด ดันทะลุขีดจำกัด แซงหน้า RTX 5090!” วันนี้มีเรื่องเล่าจากโลกของเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์มาขวางความแรง! ผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/thatavidreadertrue” ได้ทำการ “ชุนต์ม็อด” กับโน้ตบุ๊ก ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ใช้ GPU RTX 4090 เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ และผลลัพธ์คือ…แรงทะลุเพดาน แซง RTX 5090 ไปแบบไม่เกรงใจ! ชุนต์ม็อดคือการปรับแต่งวงจรไฟฟ้า โดยการเพิ่มตัวต้านทานขนาดเล็ก (1 mΩ) เข้าไปคู่ขนานกับตัวเดิม (5 mΩ) ทำให้ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทั้งที่จริงแล้วมันดูดไฟถึง 240W จากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 150W! ผลคือ GPU สามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้นโดยไม่ถูกจำกัดจากเฟิร์มแวร์ แม้จะไม่มีการทดสอบเกมจริง แต่ผล Benchmark ก็ชัดเจนว่า RTX 4090 ที่ผ่านการม็อดสามารถแซง RTX 5090 ได้ในหลายการทดสอบ เช่น Solar Bay Extreme ที่ได้คะแนนสูงกว่าถึง 7.6% และเหนือกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5% เพื่อรับมือกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น เจ้าของเครื่องได้เปลี่ยนวัสดุระบายความร้อนเป็น PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra พร้อมกับ undervolt GPU ให้ใช้ไฟต่ำลงเพื่อความปลอดภัย ที่น่าสนใจคือ โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ซื้อจากตลาดมือสองในราคาแค่ $1600! เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่าเป็น “ดีลเทพ” สำหรับสายโมดิฟาย ✅ การม็อดชุนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ GPU ➡️ ลดค่าความต้านทานจาก 5 mΩ เหลือ 0.83 mΩ ➡️ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทำให้เร่งความเร็วได้มากขึ้น ➡️ จาก 150W TGP กลายเป็นการใช้ไฟจริงถึง 240W ✅ ผล Benchmark แสดงให้เห็นถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น ➡️ Solar Bay Extreme สูงกว่า RTX 5090 ถึง 7.6% ➡️ สูงกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5% ➡️ คะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ✅ การจัดการความร้อนหลังม็อด ➡️ ใช้ PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra แทนของเดิม ➡️ GPU อยู่ที่ 80–84°C โดยไม่ throttle ➡️ CPU ร้อนถึง 90°C แต่ยังควบคุมได้ ✅ การ undervolt เพื่อความปลอดภัย ➡️ จำกัดแรงดันไฟฟ้าไว้ที่ 800mV ขณะเล่นเกม ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเร่งความเร็วเกินขีดจำกัด ✅ ความคุ้มค่าด้านราคา ➡️ ซื้อเครื่องมือสองในราคา $1600 ➡️ หลังม็อดแล้วแรงกว่า RTX 5090 ที่ราคาสูงกว่า ‼️ การม็อดชุนต์มีความเสี่ยงสูง ⛔ อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวร หากทำไม่ถูกต้อง ⛔ อุปกรณ์ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ไฟเกินขีดจำกัด ‼️ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นต้องจัดการอย่างเหมาะสม ⛔ หากระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดการ throttle หรือ shutdown ⛔ อุณหภูมิ CPU ที่สูงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน ‼️ การ undervolt ต้องทำอย่างระมัดระวัง ⛔ หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือค้าง https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/rtx-4090-laptop-gpu-gets-20-percent-performance-boost-after-shunt-mod-consuming-up-to-240w-reduced-resistance-means-it-also-beats-the-mobile-rtx-5090-on-average
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
More Results