• 13 ซอฟต์แวร์ยอดนิยมที่ “เหมือนโอเพ่นซอร์ส” แต่ไม่ใช่

    แม้ผู้ใช้ Linux ส่วนใหญ่จะนิยมซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ในชีวิตประจำวันกลับมีหลายโปรแกรมที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเป็น ซอฟต์แวร์ปิด เพียงแต่มีลักษณะการทำงานและชุมชนที่ทำให้ “ดูเหมือน” โอเพ่นซอร์ส ตัวอย่างเช่น Visual Studio Code, Docker Desktop, Discord, Steam และอีกหลายตัวที่ผู้ใช้มักเข้าใจผิด

    รายชื่อทั้ง 13 ตัว
    Obsidian – แอปจดบันทึก Markdown
    Termius – SSH client แบบ cross-platform
    MobaXterm – เครื่องมือ remote access บน Windows
    Warp – Terminal ที่มี AI ช่วยเหลือ
    Docker Desktop – เครื่องมือ GUI สำหรับจัดการ container
    Visual Studio Code (VS Code) – ตัว build ของ Microsoft มีส่วน proprietary
    Discord – แพลตฟอร์มสื่อสารสำหรับนักพัฒนาและชุมชน
    Vivaldi – เว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างบน Chromium แต่ UI เป็น proprietary
    VMWare Workstation – เครื่องมือ virtualization ระดับ enterprise
    Ukuu (Ubuntu Kernel Upgrade Utility) – เครื่องมือจัดการ kernel บน Ubuntu
    Plex – Media server ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
    Tailscale – ระบบ remote access ที่ใช้ WireGuard แต่ backend เป็น proprietary
    Snap Store – ศูนย์รวมซอฟต์แวร์ของ Ubuntu ที่ backend ปิดซอร์ส

    ทำไมซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงถูกเข้าใจผิดบ่อย
    Obsidian: แอปจดบันทึกที่รองรับ Markdown และปลั๊กอิน แต่ตัวหลักเป็น proprietary ทางเลือกคือ Logseq, Joplin
    Termius: SSH client ที่ใช้ง่ายและทันสมัย แต่ปิดซอร์ส ทางเลือกคือ Tabby
    Warp: Terminal ที่มี AI ช่วย แต่ไม่เปิดซอร์ส ทางเลือกคือ Wave
    Docker Desktop: แม้ Docker เป็นโอเพ่นซอร์ส แต่ Desktop ไม่ใช่ ทางเลือกคือ Rancher Desktop
    VS Code: ตัว OSS เปิดซอร์ส แต่เวอร์ชัน Microsoft มีส่วน proprietary ทางเลือกคือ VSCodium

    ซอฟต์แวร์ที่มีผลกระทบต่อชุมชน
    โปรแกรมอย่าง Discord และ Steam แม้จะเป็น proprietary แต่กลับกลายเป็นหัวใจสำคัญของชุมชนผู้พัฒนาและนักเล่นเกมบน Linux ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยังคงต้องพึ่งพา แม้จะมีทางเลือกโอเพ่นซอร์ส เช่น Element (Matrix) หรือ Lutris/Heroic Games Launcher

    บทสรุปจากบทความ
    ผู้เขียนชี้ว่า การใช้โอเพ่นซอร์สคือเรื่องของ “เสรีภาพ” ไม่ใช่ความบริสุทธิ์แบบสุดโต่ง หลายครั้งผู้ใช้ยังต้องพึ่ง proprietary เพื่อความสะดวกและประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือ การตระหนักรู้ถึงข้อจำกัดและการสนับสนุนทางเลือกโอเพ่นซอร์สควบคู่ไปด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    มีซอฟต์แวร์ 13 ตัวที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโอเพ่นซอร์ส
    เช่น Obsidian, Termius, Warp, Docker Desktop, VS Code, Discord, Steam

    แต่ละตัวมีทางเลือกโอเพ่นซอร์สแทนได้
    เช่น Logseq, Tabby, Rancher Desktop, VSCodium, Element, Lutris

    ซอฟต์แวร์ proprietary ยังถูกใช้งานเพราะความสะดวกและชุมชน
    Discord และ Steam เป็นตัวอย่างที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ Linux

    การพึ่งพา proprietary อาจสร้างข้อจำกัดด้านเสรีภาพซอฟต์แวร์
    ผู้ใช้ควรตระหนักและสนับสนุนโอเพ่นซอร์สควบคู่ไปด้วย

    https://itsfoss.com/popular-software-open-source-feel/
    🖥️ 13 ซอฟต์แวร์ยอดนิยมที่ “เหมือนโอเพ่นซอร์ส” แต่ไม่ใช่ แม้ผู้ใช้ Linux ส่วนใหญ่จะนิยมซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ในชีวิตประจำวันกลับมีหลายโปรแกรมที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเป็น ซอฟต์แวร์ปิด เพียงแต่มีลักษณะการทำงานและชุมชนที่ทำให้ “ดูเหมือน” โอเพ่นซอร์ส ตัวอย่างเช่น Visual Studio Code, Docker Desktop, Discord, Steam และอีกหลายตัวที่ผู้ใช้มักเข้าใจผิด 📋 รายชื่อทั้ง 13 ตัว 🎗️ Obsidian – แอปจดบันทึก Markdown 🎗️ Termius – SSH client แบบ cross-platform 🎗️ MobaXterm – เครื่องมือ remote access บน Windows 🎗️ Warp – Terminal ที่มี AI ช่วยเหลือ 🎗️ Docker Desktop – เครื่องมือ GUI สำหรับจัดการ container 🎗️ Visual Studio Code (VS Code) – ตัว build ของ Microsoft มีส่วน proprietary 🎗️ Discord – แพลตฟอร์มสื่อสารสำหรับนักพัฒนาและชุมชน 🎗️ Vivaldi – เว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างบน Chromium แต่ UI เป็น proprietary 🎗️ VMWare Workstation – เครื่องมือ virtualization ระดับ enterprise 🎗️ Ukuu (Ubuntu Kernel Upgrade Utility) – เครื่องมือจัดการ kernel บน Ubuntu 🎗️ Plex – Media server ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง 🎗️ Tailscale – ระบบ remote access ที่ใช้ WireGuard แต่ backend เป็น proprietary 🎗️ Snap Store – ศูนย์รวมซอฟต์แวร์ของ Ubuntu ที่ backend ปิดซอร์ส 📒 ทำไมซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงถูกเข้าใจผิดบ่อย 💠 Obsidian: แอปจดบันทึกที่รองรับ Markdown และปลั๊กอิน แต่ตัวหลักเป็น proprietary ทางเลือกคือ Logseq, Joplin 💠 Termius: SSH client ที่ใช้ง่ายและทันสมัย แต่ปิดซอร์ส ทางเลือกคือ Tabby 💠 Warp: Terminal ที่มี AI ช่วย แต่ไม่เปิดซอร์ส ทางเลือกคือ Wave 💠 Docker Desktop: แม้ Docker เป็นโอเพ่นซอร์ส แต่ Desktop ไม่ใช่ ทางเลือกคือ Rancher Desktop 💠 VS Code: ตัว OSS เปิดซอร์ส แต่เวอร์ชัน Microsoft มีส่วน proprietary ทางเลือกคือ VSCodium 🌐 ซอฟต์แวร์ที่มีผลกระทบต่อชุมชน โปรแกรมอย่าง Discord และ Steam แม้จะเป็น proprietary แต่กลับกลายเป็นหัวใจสำคัญของชุมชนผู้พัฒนาและนักเล่นเกมบน Linux ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยังคงต้องพึ่งพา แม้จะมีทางเลือกโอเพ่นซอร์ส เช่น Element (Matrix) หรือ Lutris/Heroic Games Launcher 🔍 บทสรุปจากบทความ ผู้เขียนชี้ว่า การใช้โอเพ่นซอร์สคือเรื่องของ “เสรีภาพ” ไม่ใช่ความบริสุทธิ์แบบสุดโต่ง หลายครั้งผู้ใช้ยังต้องพึ่ง proprietary เพื่อความสะดวกและประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือ การตระหนักรู้ถึงข้อจำกัดและการสนับสนุนทางเลือกโอเพ่นซอร์สควบคู่ไปด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ มีซอฟต์แวร์ 13 ตัวที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ เช่น Obsidian, Termius, Warp, Docker Desktop, VS Code, Discord, Steam ✅ แต่ละตัวมีทางเลือกโอเพ่นซอร์สแทนได้ ➡️ เช่น Logseq, Tabby, Rancher Desktop, VSCodium, Element, Lutris ✅ ซอฟต์แวร์ proprietary ยังถูกใช้งานเพราะความสะดวกและชุมชน ➡️ Discord และ Steam เป็นตัวอย่างที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ Linux ‼️ การพึ่งพา proprietary อาจสร้างข้อจำกัดด้านเสรีภาพซอฟต์แวร์ ⛔ ผู้ใช้ควรตระหนักและสนับสนุนโอเพ่นซอร์สควบคู่ไปด้วย https://itsfoss.com/popular-software-open-source-feel/
    ITSFOSS.COM
    13 Popular Software That Feel Like Open Source But They Are Not
    From VS Code to Docker Desktop, here’s a list of software often mistaken as open source by Linux users, with open alternatives for each.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar

    Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้
    เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects

    FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon
    ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks

    Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing

    Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ
    ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน
    https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system

    AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้
    บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider

    ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก
    ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally

    Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์
    Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions

    สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google
    บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด
    https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google

    กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด
    รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for

    AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้
    ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that

    Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย
    บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations

    Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding"
    Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก
    https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important

    รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday
    นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี
    https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far

    Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ
    Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do

    ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ
    Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday

    Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่
    Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool

    Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก

    Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking

    รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven
    หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review

    ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link
    มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe

    Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์
    Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes

    X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง
    แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน
    https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21

    SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch
    SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls

    Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม?
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it

    มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า
    งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน
    https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025

    Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3
    สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday

    Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI
    Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional

    MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง
    รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing

    DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด
    สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง
    https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon

    Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด
    แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday

    ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง
    มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
    https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe

    Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU
    Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร
    https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips

    ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง
    รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป
    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday

    PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่
    PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update

    Comet AI Browser ลง Android แล้ว
    เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android

    บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI
    หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด
    https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why

    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar 🧩 Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้ เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects 🛡️ FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks 🏭 Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing 👥 Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน 🔗 https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system 🤖 AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้ บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider 💬 ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally 🩺 Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์ Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions ☁️ สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google 🚗 กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for 👻 AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้ ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that 🆔 Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations 🐧 Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding" Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important 💻 รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far 🤖 Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do 💾 ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday ✨ Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่ Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool 🌐 Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking 🎧 รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review 🔒 ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe 🌐 Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes 🐦 X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน 🔗 https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21 🔥 SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls 🤔 Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม? Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it 📡 มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025 ⌚ Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3 สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday 🤖 Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional 💻 MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing 🚁 DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon 🕶️ Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้ 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday 🔐 ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe 🖥️ Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips 🔊 ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday 🎮 PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่ PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update 📱 Comet AI Browser ลง Android แล้ว เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android 💰 บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • NetworkManager 1.54.2 เพิ่มการตั้งค่า HSR Protocol

    ทีมพัฒนา NetworkManager ได้ปล่อย เวอร์ชัน 1.54.2 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตย่อยในซีรีส์ 1.54 โดยมีการเพิ่มการรองรับการตั้งค่า HSR (High-availability Seamless Redundancy) Protocol Version ผ่าน property ใหม่ hsr.protocol-version รวมถึงการตั้งค่า HSR Interlink Port ผ่าน hsr.interlink สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่งการทำงานของเครือข่ายที่ต้องการความทนทานสูงได้อย่างละเอียดมากขึ้น

    HSR คืออะไร?
    HSR เป็น Layer 2 redundancy protocol ที่กำหนดโดยมาตรฐาน IEC 62439-3 ใช้ในระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรมและระบบที่ต้องความเสถียรสูง เช่น substation automation (IEC 61850), ระบบไฟฟ้า, การขนส่ง, โรงงานที่ต้อง real-time communication

    หัวใจของ HSR คือ:
    การทำงานแบบ Ring redundancy โดยไม่มีเวลาสลับเส้นทาง (0 ms recovery)
    อุปกรณ์ HSR จะเชื่อมต่อกันเป็นวง (ring) และ ทุกเฟรมที่ส่งออกมาจะถูกส่งสองทางพร้อมกัน — วิ่งตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา หากทางใดทางหนึ่งขาด ระบบจะยังคงรับข้อมูลจากอีกทางหนึ่งทันที จึงไม่มี Downtime แม้เกิด failure

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานกับค่า sriov.vfs โดยสามารถ reapply ได้หากค่า sriov.total-vfs ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งช่วยให้การจัดการ Virtual Functions บน SR-IOV มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องรีสตาร์ทระบบเครือข่ายทั้งหมด

    แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ NetworkManager 1.54.2 ถือเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชัน 1.54 ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เช่น การรองรับการตั้งค่า IPv4 Forwarding ต่ออุปกรณ์, การเพิ่มการจัดการ OCI Baremetal ใน nm-cloud-setup และการปรับปรุง UI ของ nmtui ให้รองรับการตั้งค่า Loopback Interface

    ขณะเดียวกัน ทีมพัฒนากำลังเดินหน้าสู่ NetworkManager 1.56 ซึ่งจะเป็นการอัปเดตใหญ่ โดยมีแผนเพิ่มการจัดการ WireGuard peers ผ่าน nmcli, รองรับ DNS Hostname ที่ยาวกว่า 64 ตัวอักษร และการปรับปรุงการทำงานร่วมกับ systemd-resolved DNSSEC เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบเครือข่าย

    สรุปสาระสำคัญ
    การอัปเดตใหม่ใน NetworkManager 1.54.2
    รองรับการตั้งค่า HSR Protocol Version (hsr.protocol-version)
    รองรับการตั้งค่า HSR Interlink Port (hsr.interlink)

    การปรับปรุง SR-IOV
    สามารถ reapply ค่า sriov.vfs ได้
    ไม่ต้องรีสตาร์ทระบบหากค่า sriov.total-vfs ไม่เปลี่ยน

    การต่อยอดจาก NetworkManager 1.54
    เพิ่ม IPv4 Forwarding ต่ออุปกรณ์
    รองรับ OCI Baremetal และปรับปรุง UI ของ nmtui

    แผนใน NetworkManager 1.56
    เพิ่มการจัดการ WireGuard peers ผ่าน nmcli
    รองรับ DNS Hostname ที่ยาวกว่า 64 ตัวอักษร
    ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ systemd-resolved DNSSEC

    ข้อควรระวัง
    การตั้งค่า HSR ต้องใช้กับระบบที่รองรับเท่านั้น
    หาก SR-IOV ถูกตั้งค่าไม่ถูกต้อง อาจทำให้ระบบเครือข่ายไม่เสถียร

    https://9to5linux.com/networkmanager-1-54-2-adds-support-for-configuring-the-hsr-protocol-version
    🌐 NetworkManager 1.54.2 เพิ่มการตั้งค่า HSR Protocol ทีมพัฒนา NetworkManager ได้ปล่อย เวอร์ชัน 1.54.2 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตย่อยในซีรีส์ 1.54 โดยมีการเพิ่มการรองรับการตั้งค่า HSR (High-availability Seamless Redundancy) Protocol Version ผ่าน property ใหม่ hsr.protocol-version รวมถึงการตั้งค่า HSR Interlink Port ผ่าน hsr.interlink สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่งการทำงานของเครือข่ายที่ต้องการความทนทานสูงได้อย่างละเอียดมากขึ้น ✅ HSR คืออะไร? HSR เป็น Layer 2 redundancy protocol ที่กำหนดโดยมาตรฐาน IEC 62439-3 ใช้ในระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรมและระบบที่ต้องความเสถียรสูง เช่น substation automation (IEC 61850), ระบบไฟฟ้า, การขนส่ง, โรงงานที่ต้อง real-time communication 💖 หัวใจของ HSR คือ: 🔁 การทำงานแบบ Ring redundancy โดยไม่มีเวลาสลับเส้นทาง (0 ms recovery) อุปกรณ์ HSR จะเชื่อมต่อกันเป็นวง (ring) และ ทุกเฟรมที่ส่งออกมาจะถูกส่งสองทางพร้อมกัน — วิ่งตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกา หากทางใดทางหนึ่งขาด ระบบจะยังคงรับข้อมูลจากอีกทางหนึ่งทันที จึงไม่มี Downtime แม้เกิด failure นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานกับค่า sriov.vfs โดยสามารถ reapply ได้หากค่า sriov.total-vfs ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งช่วยให้การจัดการ Virtual Functions บน SR-IOV มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องรีสตาร์ทระบบเครือข่ายทั้งหมด แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ NetworkManager 1.54.2 ถือเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชัน 1.54 ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เช่น การรองรับการตั้งค่า IPv4 Forwarding ต่ออุปกรณ์, การเพิ่มการจัดการ OCI Baremetal ใน nm-cloud-setup และการปรับปรุง UI ของ nmtui ให้รองรับการตั้งค่า Loopback Interface ขณะเดียวกัน ทีมพัฒนากำลังเดินหน้าสู่ NetworkManager 1.56 ซึ่งจะเป็นการอัปเดตใหญ่ โดยมีแผนเพิ่มการจัดการ WireGuard peers ผ่าน nmcli, รองรับ DNS Hostname ที่ยาวกว่า 64 ตัวอักษร และการปรับปรุงการทำงานร่วมกับ systemd-resolved DNSSEC เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบเครือข่าย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การอัปเดตใหม่ใน NetworkManager 1.54.2 ➡️ รองรับการตั้งค่า HSR Protocol Version (hsr.protocol-version) ➡️ รองรับการตั้งค่า HSR Interlink Port (hsr.interlink) ✅ การปรับปรุง SR-IOV ➡️ สามารถ reapply ค่า sriov.vfs ได้ ➡️ ไม่ต้องรีสตาร์ทระบบหากค่า sriov.total-vfs ไม่เปลี่ยน ✅ การต่อยอดจาก NetworkManager 1.54 ➡️ เพิ่ม IPv4 Forwarding ต่ออุปกรณ์ ➡️ รองรับ OCI Baremetal และปรับปรุง UI ของ nmtui ✅ แผนใน NetworkManager 1.56 ➡️ เพิ่มการจัดการ WireGuard peers ผ่าน nmcli ➡️ รองรับ DNS Hostname ที่ยาวกว่า 64 ตัวอักษร ➡️ ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ systemd-resolved DNSSEC ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การตั้งค่า HSR ต้องใช้กับระบบที่รองรับเท่านั้น ⛔ หาก SR-IOV ถูกตั้งค่าไม่ถูกต้อง อาจทำให้ระบบเครือข่ายไม่เสถียร https://9to5linux.com/networkmanager-1-54-2-adds-support-for-configuring-the-hsr-protocol-version
    9TO5LINUX.COM
    NetworkManager 1.54.2 Adds Support for Configuring the HSR Protocol Version - 9to5Linux
    NetworkManager 1.54.2 open-source network connection manager is now available for downlaoad with various new features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 วิธีเสริมเกราะความเป็นส่วนตัวแบบสายลินุกซ์ในวันหยุด

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจัดบ้านให้เรียบร้อยทุกสุดสัปดาห์—การดูแลความเป็นส่วนตัวก็คล้ายกัน! บทความจาก It's FOSS เสนอ 7 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถลงมือทำได้ในวันหยุด เพื่อเสริมความปลอดภัยและลดการถูกติดตามบนโลกออนไลน์ โดยเน้นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่เข้าถึงได้และใช้งานง่าย

    Theena ผู้เขียนบทความเปรียบการดูแลความเป็นส่วนตัวเหมือนการจัดห้องให้เรียบร้อย—ทำทีละนิดก็ช่วยให้ชีวิตออนไลน์สงบขึ้นได้ เขาแนะนำ 7 วิธีที่ทำได้ในวันหยุด โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุดอย่างเบราว์เซอร์ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบเครือข่ายและการสื่อสาร

    เบราว์เซอร์ปลอดภัย
    Firefox + uBlock Origin = ลดการติดตาม
    NoScript = ควบคุมการรันสคริปต์

    เครื่องมือค้นหาแบบไม่ติดตาม
    DuckDuckGo, Startpage, SearXNG = ลดการเก็บข้อมูลพฤติกรรม
    SearXNG สามารถโฮสต์เองได้

    การบล็อกโฆษณาระดับเครือข่าย
    Pi-hole และ AdGuard Home = ป้องกันโฆษณาบนอุปกรณ์ทุกชนิด
    AdGuard ไม่โอเพ่นซอร์ส แต่ได้รับความเชื่อถือ

    การตั้งค่า DNS และ VPN
    DNS-over-HTTPS = ป้องกันการสอดแนม DNS
    WireGuard = VPN ที่เร็วและปลอดภัย

    การสื่อสารแบบเข้ารหัส
    Signal = ปลอดภัยและใช้งานง่าย
    มีแอปเดสก์ท็อปให้เชื่อมต่อ

    การจัดการรหัสผ่านและ 2FA
    KeePassXC = สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง
    TOTP = รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว

    การใช้อีเมลอย่างปลอดภัย
    ProtonMail = เข้ารหัสและมีระบบ alias
    ใช้ RSS รับข่าวสารแทนการสมัครผ่านอีเมล

    https://itsfoss.com/privacy-wins-linux/
    🛡️ 7 วิธีเสริมเกราะความเป็นส่วนตัวแบบสายลินุกซ์ในวันหยุด ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจัดบ้านให้เรียบร้อยทุกสุดสัปดาห์—การดูแลความเป็นส่วนตัวก็คล้ายกัน! บทความจาก It's FOSS เสนอ 7 วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถลงมือทำได้ในวันหยุด เพื่อเสริมความปลอดภัยและลดการถูกติดตามบนโลกออนไลน์ โดยเน้นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่เข้าถึงได้และใช้งานง่าย Theena ผู้เขียนบทความเปรียบการดูแลความเป็นส่วนตัวเหมือนการจัดห้องให้เรียบร้อย—ทำทีละนิดก็ช่วยให้ชีวิตออนไลน์สงบขึ้นได้ เขาแนะนำ 7 วิธีที่ทำได้ในวันหยุด โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุดอย่างเบราว์เซอร์ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบเครือข่ายและการสื่อสาร ✅ เบราว์เซอร์ปลอดภัย ➡️ Firefox + uBlock Origin = ลดการติดตาม ➡️ NoScript = ควบคุมการรันสคริปต์ ✅ เครื่องมือค้นหาแบบไม่ติดตาม ➡️ DuckDuckGo, Startpage, SearXNG = ลดการเก็บข้อมูลพฤติกรรม ➡️ SearXNG สามารถโฮสต์เองได้ ✅ การบล็อกโฆษณาระดับเครือข่าย ➡️ Pi-hole และ AdGuard Home = ป้องกันโฆษณาบนอุปกรณ์ทุกชนิด ➡️ AdGuard ไม่โอเพ่นซอร์ส แต่ได้รับความเชื่อถือ ✅ การตั้งค่า DNS และ VPN ➡️ DNS-over-HTTPS = ป้องกันการสอดแนม DNS ➡️ WireGuard = VPN ที่เร็วและปลอดภัย ✅ การสื่อสารแบบเข้ารหัส ➡️ Signal = ปลอดภัยและใช้งานง่าย ➡️ มีแอปเดสก์ท็อปให้เชื่อมต่อ ✅ การจัดการรหัสผ่านและ 2FA ➡️ KeePassXC = สร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง ➡️ TOTP = รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว ✅ การใช้อีเมลอย่างปลอดภัย ➡️ ProtonMail = เข้ารหัสและมีระบบ alias ➡️ ใช้ RSS รับข่าวสารแทนการสมัครผ่านอีเมล https://itsfoss.com/privacy-wins-linux/
    ITSFOSS.COM
    7 Privacy Wins You Can Get This Weekend (Linux-First)
    Take one step at a time to get your privacy right.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tailscale เปิดตัว Peer Relays — เชื่อมต่อเครือข่ายแบบเร็วทะลุนรก แม้เจอ NAT หรือไฟร์วอลล์สุดโหด

    Tailscale ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Peer Relays” ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่า node ใดก็ได้ในเครือข่าย tailnet ให้กลายเป็นตัวกลางรับส่งข้อมูลแทน DERP server แบบเดิม โดยไม่ต้องพึ่งโครงสร้างพื้นฐานของ Tailscale อีกต่อไป

    เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ลองนึกภาพว่าคุณมีเซิร์ฟเวอร์อยู่หลัง NAT หรือไฟร์วอลล์ที่เข้มงวดมาก และไม่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงได้ — Peer Relays จะช่วยให้ node อื่นในเครือข่ายสามารถรับส่งข้อมูลแทนได้ โดยใช้แค่พอร์ต UDP เดียวที่เปิดไว้ ทั้งหมดนี้ยังคงปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสแบบ end-to-end ผ่าน WireGuard®

    ฟีเจอร์นี้ถูกฝังอยู่ใน Tailscale client โดยตรง และสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายผ่านคำสั่ง CLI เช่น tailscale set --relay-server-port โดยไม่ต้องตั้งค่า DERP server แยกต่างหากอีกต่อไป

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า จากการทดสอบกับลูกค้ากลุ่มแรก Peer Relays ให้ความเร็วใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อโดยตรง และเร็วกว่าการใช้ DERP หลายเท่าตัว เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อในระบบคลาวด์, เครือข่ายที่ถูกล็อกไว้, หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการ throughput สูง

    ฟีเจอร์ใหม่: Peer Relays
    node ใดก็ได้ใน tailnet สามารถเป็นตัวกลางรับส่งข้อมูล
    ใช้แค่พอร์ต UDP เดียวในการเชื่อมต่อ
    เปิดใช้งานผ่าน CLI โดยไม่ต้องตั้งค่า DERP server แยก

    ประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    throughput ใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อโดยตรง
    เร็วกว่าการใช้ DERP หลายเท่าตัว
    เข้ารหัสแบบ end-to-end ด้วย WireGuard®

    การใช้งานในสถานการณ์จริง
    เชื่อมต่อผ่าน NAT ที่เข้มงวด เช่น AWS Managed NAT Gateway
    ใช้งานในเครือข่ายที่มีไฟร์วอลล์จำกัด
    ลดภาระการดูแล DERP server แบบ custom
    เปิดช่องทางเชื่อมต่อที่ควบคุมได้ในเครือข่ายลูกค้า

    https://tailscale.com/blog/peer-relays-beta
    🚀 Tailscale เปิดตัว Peer Relays — เชื่อมต่อเครือข่ายแบบเร็วทะลุนรก แม้เจอ NAT หรือไฟร์วอลล์สุดโหด Tailscale ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Peer Relays” ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่า node ใดก็ได้ในเครือข่าย tailnet ให้กลายเป็นตัวกลางรับส่งข้อมูลแทน DERP server แบบเดิม โดยไม่ต้องพึ่งโครงสร้างพื้นฐานของ Tailscale อีกต่อไป 🎯 เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ลองนึกภาพว่าคุณมีเซิร์ฟเวอร์อยู่หลัง NAT หรือไฟร์วอลล์ที่เข้มงวดมาก และไม่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงได้ — Peer Relays จะช่วยให้ node อื่นในเครือข่ายสามารถรับส่งข้อมูลแทนได้ โดยใช้แค่พอร์ต UDP เดียวที่เปิดไว้ ทั้งหมดนี้ยังคงปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสแบบ end-to-end ผ่าน WireGuard® ฟีเจอร์นี้ถูกฝังอยู่ใน Tailscale client โดยตรง และสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายผ่านคำสั่ง CLI เช่น tailscale set --relay-server-port โดยไม่ต้องตั้งค่า DERP server แยกต่างหากอีกต่อไป 📈 ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า จากการทดสอบกับลูกค้ากลุ่มแรก Peer Relays ให้ความเร็วใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อโดยตรง และเร็วกว่าการใช้ DERP หลายเท่าตัว เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อในระบบคลาวด์, เครือข่ายที่ถูกล็อกไว้, หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการ throughput สูง ✅ ฟีเจอร์ใหม่: Peer Relays ➡️ node ใดก็ได้ใน tailnet สามารถเป็นตัวกลางรับส่งข้อมูล ➡️ ใช้แค่พอร์ต UDP เดียวในการเชื่อมต่อ ➡️ เปิดใช้งานผ่าน CLI โดยไม่ต้องตั้งค่า DERP server แยก ✅ ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ➡️ throughput ใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อโดยตรง ➡️ เร็วกว่าการใช้ DERP หลายเท่าตัว ➡️ เข้ารหัสแบบ end-to-end ด้วย WireGuard® ✅ การใช้งานในสถานการณ์จริง ➡️ เชื่อมต่อผ่าน NAT ที่เข้มงวด เช่น AWS Managed NAT Gateway ➡️ ใช้งานในเครือข่ายที่มีไฟร์วอลล์จำกัด ➡️ ลดภาระการดูแล DERP server แบบ custom ➡️ เปิดช่องทางเชื่อมต่อที่ควบคุมได้ในเครือข่ายลูกค้า https://tailscale.com/blog/peer-relays-beta
    TAILSCALE.COM
    Tailscale Peer Relays: High-throughput relays for secure, flexible networks
    Tailscale Peer Relays provide predictable, performative access, entirely within your own tailnet.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้

    TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs

    CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้

    ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์

    การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026

    ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link
    CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
    CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง
    ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access
    พบในรุ่น Omada และ Festa

    การตรวจสอบเพิ่มเติม
    พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น
    อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026
    แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก
    ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น
    ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี

    ข้อควรระวังและความเสี่ยง
    ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก
    อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่
    การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    🛡️ TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้ TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้ ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ✅ ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link ➡️ CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ➡️ CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง ➡️ ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access ➡️ พบในรุ่น Omada และ Festa ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติม ➡️ พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น ➡️ อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ➡️ แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์ ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก ➡️ ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น ➡️ ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี ‼️ ข้อควรระวังและความเสี่ยง ⛔ ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ⛔ การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก ⛔ อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่ ⛔ การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    WWW.TECHRADAR.COM
    Routine fixes can sometimes introduce fresh attack paths
    Two new flaws expose weaknesses in TP-Link’s Omada and Festa routers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Kubernetes 1 ล้านโหนด: ภารกิจสุดโหดที่กลายเป็นจริง"

    ลองจินตนาการถึง Kubernetes cluster ที่มีถึง 1 ล้านโหนด—ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการทดลองจริงที่ผลักดันขีดจำกัดของระบบ cloud-native ที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้! โครงการ “k8s-1m” โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OpenAI และอดีตผู้ร่วมเขียนบทความชื่อดังเรื่องการขยาย Kubernetes สู่ 7,500 โหนด ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมเป้าหมายใหม่ที่ทะเยอทะยานกว่าเดิม: สร้าง cluster ที่มี 1 ล้านโหนดและสามารถจัดการ workload ได้จริง

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหาทางเทคนิคระดับมหากาพย์ ตั้งแต่การจัดการ IP ด้วย IPv6, การออกแบบระบบ etcd ใหม่ให้รองรับการเขียนระดับแสนครั้งต่อวินาที, ไปจนถึงการสร้าง distributed scheduler ที่สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ภายใน 1 นาที

    แม้จะไม่ใช่ระบบที่พร้อมใช้งานใน production แต่โครงการนี้ได้เปิดเผยขีดจำกัดที่แท้จริงของ Kubernetes และเสนอแนวทางใหม่ในการออกแบบระบบ cloud-native ที่สามารถรองรับ workload ขนาดมหาศาลได้ในอนาคต

    สรุปเนื้อหาจากโครงการ k8s-1m:

    เป้าหมายของโครงการ
    สร้าง Kubernetes cluster ที่มี 1 ล้านโหนด
    ทดสอบขีดจำกัดของระบบ cloud-native
    ไม่เน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อการวิจัยและแรงบันดาลใจ

    ปัญหาหลักที่ต้องแก้
    ประสิทธิภาพของ etcd ที่เป็นคอขวด
    ความสามารถของ kube-apiserver ในการจัดการ watch cache
    การจัดการ IP address ด้วย IPv6
    การออกแบบ scheduler ให้กระจายโหลดได้

    เทคนิคที่ใช้ในระบบเครือข่าย
    ใช้ IPv6 แทน IPv4 เพื่อรองรับ IP จำนวนมหาศาล
    สร้าง bridge สำหรับ pod interfaces เพื่อจัดการ MAC address
    ใช้ WireGuard เป็น NAT64 gateway สำหรับบริการที่รองรับเฉพาะ IPv4

    ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    ไม่ใช้ network policies ระหว่าง workloads เพราะมี prefix มากเกินไป
    ไม่ใช้ firewall ครอบคลุมทุก prefix แต่ใช้ TLS และการจำกัดพอร์ตแทน

    การจัดการ state ด้วย mem_etcd
    สร้าง etcd ใหม่ที่เขียนด้วย Rust ชื่อ mem_etcd
    ลดการใช้ fsync เพื่อเพิ่ม throughput
    ใช้ hash map และ B-tree แยกตาม resource kind
    รองรับการเขียนระดับล้านครั้งต่อวินาที

    คำเตือนเกี่ยวกับ durability
    ลดระดับความทนทานของข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ไม่ใช้ etcd replicas ในบางกรณีเพื่อหลีกเลี่ยงการลด throughput

    การออกแบบ scheduler แบบกระจาย
    ใช้แนวคิด scatter-gather เพื่อกระจายการคำนวณ
    ใช้ relays หลายระดับเพื่อกระจาย pod ไปยัง schedulers
    ใช้ ValidatingWebhook แทน watch stream เพื่อรับ pod ใหม่เร็วขึ้น

    ปัญหา long-tail latency
    บาง scheduler ช้ากว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ระบบรอ
    ใช้เทคนิค pinned CPUs และปรับ GC เพื่อลดความล่าช้า
    ตัดสินใจไม่รอ scheduler ที่ช้าเกินไป

    ผลการทดลอง
    สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ในเวลาประมาณ 1 นาที
    mem_etcd รองรับ 100K–125K requests/sec
    kube-apiserver รองรับ 100K lease updates/sec
    ระบบใช้ RAM และ CPU อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อจำกัดของภาษา Go
    GC ของ Go เป็นคอขวดหลักในการจัดการ object จำนวนมาก
    การเพิ่ม kube-apiserver replicas ไม่ช่วยลด GC load

    ข้อสรุปจากโครงการ
    ขนาด cluster ไม่สำคัญเท่ากับอัตราการเขียนของ resource kind
    Lease updates เป็นภาระหลักของระบบ
    การแยก etcd ตาม resource kind ช่วยเพิ่ม scalability
    การเปลี่ยน backend ของ etcd และปรับ watch cache ช่วยรองรับ 1 ล้านโหนด

    https://bchess.github.io/k8s-1m/
    🖇️ "Kubernetes 1 ล้านโหนด: ภารกิจสุดโหดที่กลายเป็นจริง" ลองจินตนาการถึง Kubernetes cluster ที่มีถึง 1 ล้านโหนด—ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการทดลองจริงที่ผลักดันขีดจำกัดของระบบ cloud-native ที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้! โครงการ “k8s-1m” โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OpenAI และอดีตผู้ร่วมเขียนบทความชื่อดังเรื่องการขยาย Kubernetes สู่ 7,500 โหนด ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมเป้าหมายใหม่ที่ทะเยอทะยานกว่าเดิม: สร้าง cluster ที่มี 1 ล้านโหนดและสามารถจัดการ workload ได้จริง เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหาทางเทคนิคระดับมหากาพย์ ตั้งแต่การจัดการ IP ด้วย IPv6, การออกแบบระบบ etcd ใหม่ให้รองรับการเขียนระดับแสนครั้งต่อวินาที, ไปจนถึงการสร้าง distributed scheduler ที่สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ภายใน 1 นาที แม้จะไม่ใช่ระบบที่พร้อมใช้งานใน production แต่โครงการนี้ได้เปิดเผยขีดจำกัดที่แท้จริงของ Kubernetes และเสนอแนวทางใหม่ในการออกแบบระบบ cloud-native ที่สามารถรองรับ workload ขนาดมหาศาลได้ในอนาคต สรุปเนื้อหาจากโครงการ k8s-1m: ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ สร้าง Kubernetes cluster ที่มี 1 ล้านโหนด ➡️ ทดสอบขีดจำกัดของระบบ cloud-native ➡️ ไม่เน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อการวิจัยและแรงบันดาลใจ ✅ ปัญหาหลักที่ต้องแก้ ➡️ ประสิทธิภาพของ etcd ที่เป็นคอขวด ➡️ ความสามารถของ kube-apiserver ในการจัดการ watch cache ➡️ การจัดการ IP address ด้วย IPv6 ➡️ การออกแบบ scheduler ให้กระจายโหลดได้ ✅ เทคนิคที่ใช้ในระบบเครือข่าย ➡️ ใช้ IPv6 แทน IPv4 เพื่อรองรับ IP จำนวนมหาศาล ➡️ สร้าง bridge สำหรับ pod interfaces เพื่อจัดการ MAC address ➡️ ใช้ WireGuard เป็น NAT64 gateway สำหรับบริการที่รองรับเฉพาะ IPv4 ‼️ ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ⛔ ไม่ใช้ network policies ระหว่าง workloads เพราะมี prefix มากเกินไป ⛔ ไม่ใช้ firewall ครอบคลุมทุก prefix แต่ใช้ TLS และการจำกัดพอร์ตแทน ✅ การจัดการ state ด้วย mem_etcd ➡️ สร้าง etcd ใหม่ที่เขียนด้วย Rust ชื่อ mem_etcd ➡️ ลดการใช้ fsync เพื่อเพิ่ม throughput ➡️ ใช้ hash map และ B-tree แยกตาม resource kind ➡️ รองรับการเขียนระดับล้านครั้งต่อวินาที ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับ durability ⛔ ลดระดับความทนทานของข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ⛔ ไม่ใช้ etcd replicas ในบางกรณีเพื่อหลีกเลี่ยงการลด throughput ✅ การออกแบบ scheduler แบบกระจาย ➡️ ใช้แนวคิด scatter-gather เพื่อกระจายการคำนวณ ➡️ ใช้ relays หลายระดับเพื่อกระจาย pod ไปยัง schedulers ➡️ ใช้ ValidatingWebhook แทน watch stream เพื่อรับ pod ใหม่เร็วขึ้น ‼️ ปัญหา long-tail latency ⛔ บาง scheduler ช้ากว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ระบบรอ ⛔ ใช้เทคนิค pinned CPUs และปรับ GC เพื่อลดความล่าช้า ⛔ ตัดสินใจไม่รอ scheduler ที่ช้าเกินไป ✅ ผลการทดลอง ➡️ สามารถจัดสรร 1 ล้าน pods ได้ในเวลาประมาณ 1 นาที ➡️ mem_etcd รองรับ 100K–125K requests/sec ➡️ kube-apiserver รองรับ 100K lease updates/sec ➡️ ระบบใช้ RAM และ CPU อย่างมีประสิทธิภาพ ‼️ ข้อจำกัดของภาษา Go ⛔ GC ของ Go เป็นคอขวดหลักในการจัดการ object จำนวนมาก ⛔ การเพิ่ม kube-apiserver replicas ไม่ช่วยลด GC load ✅ ข้อสรุปจากโครงการ ➡️ ขนาด cluster ไม่สำคัญเท่ากับอัตราการเขียนของ resource kind ➡️ Lease updates เป็นภาระหลักของระบบ ➡️ การแยก etcd ตาม resource kind ช่วยเพิ่ม scalability ➡️ การเปลี่ยน backend ของ etcd และปรับ watch cache ช่วยรองรับ 1 ล้านโหนด https://bchess.github.io/k8s-1m/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • “REFRAG — งานวิจัยแรกของ Meta Superintelligence ที่พลิกโฉม RAG ให้เร็วขึ้น 30 เท่า”

    ลองจินตนาการว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถตอบคำถามจากฐานข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30 เท่า โดยไม่ต้องเสียความแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่ Meta Superintelligence (MSI) นำเสนอในงานวิจัยแรกของพวกเขา “REFRAG” ซึ่งเป็นการปรับปรุงกระบวนการ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง

    แทนที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดจากเอกสารที่ค้นมาให้ LLM ประมวลผล REFRAG ใช้เทคนิคใหม่ที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็น “chunk embeddings” ซึ่งเป็นเวกเตอร์ที่ LLM เข้าใจได้โดยตรง และใช้ policy network ที่ฝึกด้วย reinforcement learning เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token เต็มรูปแบบภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ

    ผลลัพธ์คือ ลดการใช้ KV cache และ attention cost ได้อย่างมาก ทำให้ latency ต่ำลงและ throughput สูงขึ้น โดยยังคงความแม่นยำของผลลัพธ์ไว้ได้

    จุดเด่นของ REFRAG

    ปรับปรุงกระบวนการ RAG โดยใช้ chunk embeddings แทน token เต็ม
    ใช้ policy network เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token
    ลด latency และเพิ่ม throughput โดยไม่ลดความแม่นยำ

    วิธีการทำงาน
    เอกสารถูกแบ่งเป็น chunk (~128 token) และแปลงเป็น embeddings
    embeddings ถูกส่งเข้า LLM โดยตรง พร้อมกับบาง chunk ที่ถูกขยายเป็น token
    policy network ตัดสินใจเลือก chunk ที่ควรขยาย โดยใช้ RL objective

    ผลกระทบเชิงธุรกิจ
    ลดต้นทุน inference และเพิ่มความเร็วตอบกลับ
    เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ RAG เช่น customer support, summarization, vertical agents
    เพิ่มจำนวน query ต่อ GPU และลดค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RAG คือการใช้การค้นคืนข้อมูลร่วมกับการสร้างข้อความจาก LLM
    ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ใน Wireguard และบางระบบ AI
    RL (Reinforcement Learning) ช่วยให้ policy network ตัดสินใจได้ดีขึ้นภายใต้ข้อจำกัด

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ต้องฝึก encoder และ projection ให้ LLM เข้าใจ embeddings
    การฝึก policy network ด้วย RL เพิ่มความซับซ้อนในการพัฒนา
    การบีบอัดมากเกินไปอาจลดคุณภาพของผลลัพธ์
    embeddings ที่ precompute เหมาะกับข้อมูลคงที่ ไม่เหมาะกับข้อมูลที่เปลี่ยนบ่อย
    งานบางประเภท เช่น กฎหมายหรือการแพทย์ อาจต้องใช้ token เต็มเพื่อความแม่นยำ

    https://paddedinputs.substack.com/p/meta-superintelligences-surprising
    🧪 “REFRAG — งานวิจัยแรกของ Meta Superintelligence ที่พลิกโฉม RAG ให้เร็วขึ้น 30 เท่า” ลองจินตนาการว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถตอบคำถามจากฐานข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30 เท่า โดยไม่ต้องเสียความแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่ Meta Superintelligence (MSI) นำเสนอในงานวิจัยแรกของพวกเขา “REFRAG” ซึ่งเป็นการปรับปรุงกระบวนการ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง แทนที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดจากเอกสารที่ค้นมาให้ LLM ประมวลผล REFRAG ใช้เทคนิคใหม่ที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็น “chunk embeddings” ซึ่งเป็นเวกเตอร์ที่ LLM เข้าใจได้โดยตรง และใช้ policy network ที่ฝึกด้วย reinforcement learning เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token เต็มรูปแบบภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ผลลัพธ์คือ ลดการใช้ KV cache และ attention cost ได้อย่างมาก ทำให้ latency ต่ำลงและ throughput สูงขึ้น โดยยังคงความแม่นยำของผลลัพธ์ไว้ได้ ✅ จุดเด่นของ REFRAG ➡️ ปรับปรุงกระบวนการ RAG โดยใช้ chunk embeddings แทน token เต็ม ➡️ ใช้ policy network เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token ➡️ ลด latency และเพิ่ม throughput โดยไม่ลดความแม่นยำ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ เอกสารถูกแบ่งเป็น chunk (~128 token) และแปลงเป็น embeddings ➡️ embeddings ถูกส่งเข้า LLM โดยตรง พร้อมกับบาง chunk ที่ถูกขยายเป็น token ➡️ policy network ตัดสินใจเลือก chunk ที่ควรขยาย โดยใช้ RL objective ✅ ผลกระทบเชิงธุรกิจ ➡️ ลดต้นทุน inference และเพิ่มความเร็วตอบกลับ ➡️ เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ RAG เช่น customer support, summarization, vertical agents ➡️ เพิ่มจำนวน query ต่อ GPU และลดค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RAG คือการใช้การค้นคืนข้อมูลร่วมกับการสร้างข้อความจาก LLM ➡️ ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ใน Wireguard และบางระบบ AI ➡️ RL (Reinforcement Learning) ช่วยให้ policy network ตัดสินใจได้ดีขึ้นภายใต้ข้อจำกัด ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ต้องฝึก encoder และ projection ให้ LLM เข้าใจ embeddings ⛔ การฝึก policy network ด้วย RL เพิ่มความซับซ้อนในการพัฒนา ⛔ การบีบอัดมากเกินไปอาจลดคุณภาพของผลลัพธ์ ⛔ embeddings ที่ precompute เหมาะกับข้อมูลคงที่ ไม่เหมาะกับข้อมูลที่เปลี่ยนบ่อย ⛔ งานบางประเภท เช่น กฎหมายหรือการแพทย์ อาจต้องใช้ token เต็มเพื่อความแม่นยำ https://paddedinputs.substack.com/p/meta-superintelligences-surprising
    PADDEDINPUTS.SUBSTACK.COM
    Meta Superintelligence’s surprising first paper
    Long awaited first paper from Meta Superintelligence Labs is not a model layer innovation. What does this mean?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด”

    ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้

    โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์

    ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล


    เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA
    สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ
    ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส
    เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด

    ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire
    Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด
    Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย
    Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม

    สถาปัตยกรรมระบบ
    แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส)
    ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน
    รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์

    การพัฒนาแบบหลายเฟส
    Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน
    Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน
    Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V
    Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร
    Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7
    Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล

    เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
    ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง
    ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC
    ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539
    Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH
    OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz
    เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing
    การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน
    การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA

    https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
    🛜 “Wireguard FPGA — ปฏิวัติความปลอดภัยเครือข่ายด้วยฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สราคาประหยัด” ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน VPN กลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่โซลูชันแบบเดิมอย่าง OpenVPN หรือ IPSec เริ่มล้าหลัง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความซับซ้อนในการจัดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการ “Wireguard FPGA” ที่มุ่งสร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วระดับสายไฟ (wire-speed) บน FPGA ราคาประหยัด พร้อมเปิดซอร์สให้ทุกคนเข้าถึงได้ โครงการนี้ใช้ Artix-7 FPGA ซึ่งรองรับเครื่องมือโอเพนซอร์ส และเขียนโค้ดทั้งหมดด้วย Verilog/SystemVerilog โดยไม่พึ่งพา IP แบบปิดหรือเครื่องมือเชิงพาณิชย์ จุดเด่นคือการออกแบบระบบให้ทำงานแบบ self-contained ไม่ต้องพึ่งพา PC host และสามารถจัดการการเข้ารหัสแบบ ChaCha20-Poly1305 ได้ในระดับฮาร์ดแวร์ ทีมงานเบื้องหลังเคยมีส่วนร่วมในโครงการ Blackwire ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ VPN ความเร็ว 100Gbps แต่มีข้อจำกัดด้านราคาและเครื่องมือที่ใช้ ทำให้ Wireguard FPGA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีแผนพัฒนาเป็นหลายเฟส ตั้งแต่การสร้างต้นแบบ ไปจนถึงการทดสอบจริง และการเพิ่มฟีเจอร์ควบคุมการไหลของข้อมูล ✅ เป้าหมายของโครงการ Wireguard FPGA ➡️ สร้างระบบ VPN แบบฮาร์ดแวร์ที่เร็วระดับสายไฟ ➡️ ใช้ Artix-7 FPGA ราคาประหยัดและเครื่องมือโอเพนซอร์ส ➡️ เขียนโค้ดด้วย Verilog/SystemVerilog ทั้งหมด ✅ ความแตกต่างจากโครงการ Blackwire ➡️ Blackwire ใช้ Alveo U50 ที่มีราคาสูงและเครื่องมือ Vivado แบบปิด ➡️ Wireguard FPGA ไม่พึ่งพา PC host และใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย ➡️ Blackwire เปิดซอร์สเพราะปัญหาทางการเงิน ไม่ใช่เจตนาเดิม ✅ สถาปัตยกรรมระบบ ➡️ แบ่งเป็น Control Plane (ซอฟต์แวร์บน RISC-V CPU) และ Data Plane (ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส) ➡️ ใช้ CSR-based HAL ในการเชื่อมต่อระหว่างสองส่วน ➡️ รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสด้วย ChaCha20-Poly1305 ในฮาร์ดแวร์ ✅ การพัฒนาแบบหลายเฟส ➡️ Phase 1: สร้างต้นแบบและทดสอบพื้นฐาน ➡️ Phase 2: สร้าง datapath และรวม IP เข้าด้วยกัน ➡️ Phase 3: พัฒนาเฟิร์มแวร์ควบคุมบน RISC-V ➡️ Phase 4: จัดการ VPN tunnel แบบครบวงจร ➡️ Phase 5: ทดสอบจริงและพอร์ตไปยัง OpenXC7 ➡️ Phase 6: เพิ่มโมดูลควบคุมการไหลของข้อมูล ✅ เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ ใช้ Verilator, cocoTB, VProc ISS ในการจำลอง ➡️ ใช้ IP จากโครงการอื่น เช่น Corundum, Cookie Cutter SOC ➡️ ใช้ระบบ co-simulation HAL ที่สร้างจาก SystemRDL ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึม AEAD ที่ใช้ใน Wireguard ตาม RFC7539 ➡️ Curve25519 ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนคีย์แบบ ECDH ➡️ OpenXC7 เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับ FPGA ตระกูล Xilinx Series7 ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ Artix-7 ไม่รองรับ High-Performance I/O ทำให้จำกัดความเร็วที่ 600MHz ⛔ เครื่องมือโอเพนซอร์สยังไม่สมบูรณ์ อาจมีปัญหา timing closure และ routing ⛔ การจำลองระบบขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกคน ⛔ การพอร์ตไปยัง OpenXC7 ยังมีปัญหา crash และไม่มี timing-driven STA https://github.com/chili-chips-ba/wireguard-fpga
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า — เน้นอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด”

    Surfshark ผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ ได้ประกาศยุติการรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS รุ่นเก่าอย่างเป็นทางการ โดยจะสนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบเท่านั้น เช่น iOS 15 ขึ้นไป และ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้จะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุดอย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบรุ่นเก่ามักไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว Surfshark ระบุว่าการยุติการรองรับจะช่วยให้ทีมสามารถมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปบนอุปกรณ์ที่ยังได้รับการอัปเดตจาก Apple

    สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า Surfshark ได้เสนอทางเลือก เช่น การติดตั้งแอปเวอร์ชันเก่าที่รองรับ macOS 10.12 (Sierra) หรือการเชื่อมต่อแบบ manual ผ่านโปรโตคอล WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 โดยมีคู่มือการตั้งค่าให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีแอปเวอร์ชันใหม่

    Surfshark ยังให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตสดและอีเมล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า
    สนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบ
    iOS ที่รองรับคือ iOS 15 ขึ้นไป
    macOS ที่รองรับคือ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป
    อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป
    Surfshark เน้นให้ผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทันสมัย
    การยุติการรองรับช่วยให้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น
    ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อแบบ manual ผ่าน WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2
    มีคู่มือการติดตั้งสำหรับ macOS ตั้งแต่เวอร์ชัน 10.12 (Sierra)
    ให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตและอีเมล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple มีแนวโน้มออกระบบใหม่ทุกปี ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าลดลง
    การอัปเดตระบบช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว
    WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่เร็วและปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน
    OpenVPN ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้จะช้ากว่า WireGuard
    IKEv2 เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบ manual บนอุปกรณ์ Apple

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-drops-legacy-ios-and-macos-support-shifts-focus-to-latest-apple-releases
    🔒 “Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า — เน้นอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด” Surfshark ผู้ให้บริการ VPN อันดับต้น ๆ ได้ประกาศยุติการรองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS รุ่นเก่าอย่างเป็นทางการ โดยจะสนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบเท่านั้น เช่น iOS 15 ขึ้นไป และ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้จะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุดอย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบรุ่นเก่ามักไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว Surfshark ระบุว่าการยุติการรองรับจะช่วยให้ทีมสามารถมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปบนอุปกรณ์ที่ยังได้รับการอัปเดตจาก Apple สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า Surfshark ได้เสนอทางเลือก เช่น การติดตั้งแอปเวอร์ชันเก่าที่รองรับ macOS 10.12 (Sierra) หรือการเชื่อมต่อแบบ manual ผ่านโปรโตคอล WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 โดยมีคู่มือการตั้งค่าให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีแอปเวอร์ชันใหม่ Surfshark ยังให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตสดและอีเมล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัปเดตระบบได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Surfshark ยุติการรองรับ iOS และ macOS รุ่นเก่า ➡️ สนับสนุนเฉพาะ 4 เวอร์ชันล่าสุดของแต่ละระบบ ➡️ iOS ที่รองรับคือ iOS 15 ขึ้นไป ➡️ macOS ที่รองรับคือ macOS 12 (Monterey) ขึ้นไป ➡️ อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่ได้รับการอัปเดตแอปอีกต่อไป ➡️ Surfshark เน้นให้ผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ➡️ การยุติการรองรับช่วยให้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น ➡️ ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อแบบ manual ผ่าน WireGuard, OpenVPN หรือ IKEv2 ➡️ มีคู่มือการติดตั้งสำหรับ macOS ตั้งแต่เวอร์ชัน 10.12 (Sierra) ➡️ ให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตและอีเมล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple มีแนวโน้มออกระบบใหม่ทุกปี ทำให้ผู้ใช้รุ่นเก่าลดลง ➡️ การอัปเดตระบบช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว ➡️ WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่เร็วและปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน ➡️ OpenVPN ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้จะช้ากว่า WireGuard ➡️ IKEv2 เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบ manual บนอุปกรณ์ Apple https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-drops-legacy-ios-and-macos-support-shifts-focus-to-latest-apple-releases
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • “IPFire 2.29 อัปเดตครั้งใหญ่ ปรับปรุง OpenVPN ทั้งระบบ — เสริมความปลอดภัย พร้อมลดพลังงาน CPU”

    IPFire 2.29 Core Update 197 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ดูแลระบบและองค์กรทั่วโลก จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการปรับปรุง OpenVPN ครั้งใหญ่ โดยอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.6 ซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น รองรับลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และมีโค้ดเบสที่ทันสมัยมากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าคอนฟิกเดิมของผู้ใช้เลย

    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน OpenVPN ได้แก่ การรวมไฟล์คอนฟิกทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว (ไม่ต้องใช้ ZIP), การยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย, และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดสรร IP จาก subnet topology เป็นแบบ IP เดี่ยวต่อ client ซึ่งช่วยเพิ่มขนาด pool ได้ถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนค่าคอนฟิกได้โดยไม่ต้องหยุดบริการ road warrior ก่อน และเมื่อเซิร์ฟเวอร์รีสตาร์ต ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนและเชื่อมต่อใหม่ทันที

    นอกจาก OpenVPN แล้ว IPFire ยังอัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับการนำเข้าไฟล์คอนฟิกที่มี line break แบบ Windows และไม่สนใจเส้นทาง IPv6 ที่ไม่จำเป็น พร้อมเพิ่มระบบมอนิเตอร์การเชื่อมต่อ WireGuard และฟีเจอร์ ARP ping สำหรับตรวจสอบ gateway และตำแหน่งของ IPFire

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการปรับระบบ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยใช้ Intel P-State หรือ schedutil governor ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการส่งต่อแพ็กเก็ตตามผลทดสอบของทีมพัฒนา

    เวอร์ชันนี้ยังเพิ่มการรองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB, เพิ่มเครื่องมือจำลอง TPM 2.0 สำหรับ VM ที่ใช้ Windows 11 ขึ้นไป, และเพิ่ม arpwatch สำหรับแจ้งเตือนเมื่อมี host ใหม่ในเครือข่ายท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแพ็กเกจจำนวนมาก เช่น Apache, OpenSSL, SQLite, Suricata, Bash, Git, HAProxy และอื่น ๆ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.6 พร้อมปรับปรุงความปลอดภัยและความเข้ากันได้
    รวมไฟล์คอนฟิกไว้ในไฟล์เดียว ไม่ต้องใช้ ZIP container
    ยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย
    เปลี่ยนจาก subnet topology เป็น IP เดี่ยวต่อ client เพื่อเพิ่มขนาด pool

    ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ
    ปรับ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานด้วย Intel P-State หรือ schedutil governor
    อัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับ line break แบบ Windows และไม่สนใจ IPv6 route
    เพิ่มระบบมอนิเตอร์ WireGuard และ ARP ping สำหรับ gateway และ location
    รองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OpenVPN 2.6 รองรับ cipher negotiation และใช้ SHA512 เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อไม่มี AEAD
    การยกเลิก compression เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการป้องกันช่องโหว่ CRIME
    การจำลอง TPM 2.0 ช่วยให้ VM สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์จริง
    IPFire ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและองค์กรทั่วโลกในฐานะไฟร์วอลล์ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น

    https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-197-introduces-a-complete-openvpn-overhaul
    🛡️ “IPFire 2.29 อัปเดตครั้งใหญ่ ปรับปรุง OpenVPN ทั้งระบบ — เสริมความปลอดภัย พร้อมลดพลังงาน CPU” IPFire 2.29 Core Update 197 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ดูแลระบบและองค์กรทั่วโลก จุดเด่นของเวอร์ชันนี้คือการปรับปรุง OpenVPN ครั้งใหญ่ โดยอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.6 ซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น รองรับลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และมีโค้ดเบสที่ทันสมัยมากขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าคอนฟิกเดิมของผู้ใช้เลย การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน OpenVPN ได้แก่ การรวมไฟล์คอนฟิกทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว (ไม่ต้องใช้ ZIP), การยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย, และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดสรร IP จาก subnet topology เป็นแบบ IP เดี่ยวต่อ client ซึ่งช่วยเพิ่มขนาด pool ได้ถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนค่าคอนฟิกได้โดยไม่ต้องหยุดบริการ road warrior ก่อน และเมื่อเซิร์ฟเวอร์รีสตาร์ต ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนและเชื่อมต่อใหม่ทันที นอกจาก OpenVPN แล้ว IPFire ยังอัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับการนำเข้าไฟล์คอนฟิกที่มี line break แบบ Windows และไม่สนใจเส้นทาง IPv6 ที่ไม่จำเป็น พร้อมเพิ่มระบบมอนิเตอร์การเชื่อมต่อ WireGuard และฟีเจอร์ ARP ping สำหรับตรวจสอบ gateway และตำแหน่งของ IPFire อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการปรับระบบ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยใช้ Intel P-State หรือ schedutil governor ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการส่งต่อแพ็กเก็ตตามผลทดสอบของทีมพัฒนา เวอร์ชันนี้ยังเพิ่มการรองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB, เพิ่มเครื่องมือจำลอง TPM 2.0 สำหรับ VM ที่ใช้ Windows 11 ขึ้นไป, และเพิ่ม arpwatch สำหรับแจ้งเตือนเมื่อมี host ใหม่ในเครือข่ายท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแพ็กเกจจำนวนมาก เช่น Apache, OpenSSL, SQLite, Suricata, Bash, Git, HAProxy และอื่น ๆ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.6 พร้อมปรับปรุงความปลอดภัยและความเข้ากันได้ ➡️ รวมไฟล์คอนฟิกไว้ในไฟล์เดียว ไม่ต้องใช้ ZIP container ➡️ ยกเลิกการใช้ compression เพื่อความปลอดภัย ➡️ เปลี่ยนจาก subnet topology เป็น IP เดี่ยวต่อ client เพื่อเพิ่มขนาด pool ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ ➡️ ปรับ CPU ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานด้วย Intel P-State หรือ schedutil governor ➡️ อัปเดต WireGuard VPN ให้รองรับ line break แบบ Windows และไม่สนใจ IPv6 route ➡️ เพิ่มระบบมอนิเตอร์ WireGuard และ ARP ping สำหรับ gateway และ location ➡️ รองรับการ restore backup ผ่านเว็บ UI ที่มีขนาดเกิน 2 GB ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OpenVPN 2.6 รองรับ cipher negotiation และใช้ SHA512 เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อไม่มี AEAD ➡️ การยกเลิก compression เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการป้องกันช่องโหว่ CRIME ➡️ การจำลอง TPM 2.0 ช่วยให้ VM สามารถติดตั้ง Windows 11 ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์จริง ➡️ IPFire ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและองค์กรทั่วโลกในฐานะไฟร์วอลล์ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-197-introduces-a-complete-openvpn-overhaul
    9TO5LINUX.COM
    IPFire 2.29 Core Update 197 Introduces a Complete OpenVPN Overhaul - 9to5Linux
    IPFire 2.29 Update 197 firewall distribution is now available for download with a complete OpenVPN overhaul and performance tweaks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛳 ล่องเรือ Scenic Azure กลางแม่น้ำดูโร เส้นทางไวน์แห่งยุโรป ชมบ้านเมืองสุดเป็นเอกลักษณ์กลางหุบเขา

    แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำดูโร 8 วัน 7 คืน เส้นทาง ปอร์โต - ปินเญา - บาร์กา ดัลวา - โปซินโญ่ - เรกัว - ปอร์โต

    เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569

    โปรโมชั่นรับส่วนลด 900 EUR ต่อท่าน (พักคู่) ภายใน 30 ก.ย. 2568
    ราคาปกติเริ่มต้น 4,160 EUR > เหลือเพียง 3,260 EUR

    ห้องพัก และอาหารบนเรือ
    ทัวร์เสริม Scenic Freechoice
    แพ็คเกจ Wi-fi บนเรือ
    ค่าทิปพนักงานบนเรือ และระหว่างกิจกรรมบนชายฝั่ง

    รหัสแพคเกจทัวร์ : SRCP-8D7N-OPO-OPO-2611081
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/ecdd4b

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือScenicAzure #ScenicCruise #Porto #Portugal #Pinhao #Lamego #Regua #DouroValley #DouroRiver #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🛳 ล่องเรือ Scenic Azure กลางแม่น้ำดูโร เส้นทางไวน์แห่งยุโรป ชมบ้านเมืองสุดเป็นเอกลักษณ์กลางหุบเขา 🍇✨ 📍 แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำดูโร 8 วัน 7 คืน เส้นทาง ปอร์โต - ปินเญา - บาร์กา ดัลวา - โปซินโญ่ - เรกัว - ปอร์โต 🏞️ เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569 โปรโมชั่นรับส่วนลด 900 EUR ต่อท่าน (พักคู่) ภายใน 30 ก.ย. 2568 💥 💸 ราคาปกติเริ่มต้น 4,160 EUR > เหลือเพียง 3,260 EUR ✅ ห้องพัก และอาหารบนเรือ ✅ ทัวร์เสริม Scenic Freechoice ✅ แพ็คเกจ Wi-fi บนเรือ ✅ ค่าทิปพนักงานบนเรือ และระหว่างกิจกรรมบนชายฝั่ง รหัสแพคเกจทัวร์ : SRCP-8D7N-OPO-OPO-2611081 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/ecdd4b ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือScenicAzure #ScenicCruise #Porto #Portugal #Pinhao #Lamego #Regua #DouroValley #DouroRiver #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเครือข่ายส่วนตัว: Tailscale กับการเชื่อมต่อที่ง่าย ปลอดภัย และทรงพลัง

    ลองนึกภาพว่าคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นของคุณ—จากมือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง Raspberry Pi—เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายให้ยุ่งยาก นั่นคือสิ่งที่ Tailscale ทำได้

    Chris Smith ใช้ Tailscale มานานกว่า 4 ปี และเล่าประสบการณ์ว่า มันไม่ใช่แค่ VPN ธรรมดา แต่เป็นระบบที่ใช้ WireGuard เป็นแกนหลัก พร้อมฟีเจอร์เสริมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น:
    - เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน IP ส่วนตัวใน tailnet โดยไม่ต้องเปิดพอร์ตหรือแจก key
    - รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password
    - Expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet
    - ใช้ MagicDNS เพื่อเรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที
    - แชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยฟีเจอร์ Funnel แบบ HTTPS โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม

    นอกจากนี้ Tailscale ยังมีฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น ACL, session recording, log streaming, และการจัดการผ่าน GitOps ที่ช่วยให้ควบคุมสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งานได้อย่างละเอียด

    แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น การพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางของ Tailscale อาจเป็นข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัว และการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่หรือแอปที่ต้องการ throughput สูงอาจไม่เหมาะนัก

    Tailscale ใช้ WireGuard เป็นแกนหลักในการสร้างเครือข่าย VPN
    ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่าย

    ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ทันทีหลัง login โดยไม่ต้องแจก key หรือเปิดพอร์ต
    รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows, macOS, Linux, iOS, Android

    รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password
    ทำให้การเชื่อมต่อจากมือถือหรือเครื่องอื่นสะดวกขึ้น

    สามารถ expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet
    ใช้ Docker image, Go library หรือเครื่องมือ third-party ได้

    MagicDNS ช่วยให้เรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที
    ลดความยุ่งยากในการจัดการ DNS ด้วยตนเอง

    Funnel ช่วยแชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ HTTPS ได้ทันที
    ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ผู้ใช้ปลายทางไม่ต้องมี Tailscale

    https://chameth.com/how-i-use-tailscale/
    🧠🔐 เรื่องเล่าจากเครือข่ายส่วนตัว: Tailscale กับการเชื่อมต่อที่ง่าย ปลอดภัย และทรงพลัง ลองนึกภาพว่าคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นของคุณ—จากมือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง Raspberry Pi—เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายให้ยุ่งยาก นั่นคือสิ่งที่ Tailscale ทำได้ Chris Smith ใช้ Tailscale มานานกว่า 4 ปี และเล่าประสบการณ์ว่า มันไม่ใช่แค่ VPN ธรรมดา แต่เป็นระบบที่ใช้ WireGuard เป็นแกนหลัก พร้อมฟีเจอร์เสริมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น: - เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน IP ส่วนตัวใน tailnet โดยไม่ต้องเปิดพอร์ตหรือแจก key - รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password - Expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet - ใช้ MagicDNS เพื่อเรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที - แชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยฟีเจอร์ Funnel แบบ HTTPS โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม นอกจากนี้ Tailscale ยังมีฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น ACL, session recording, log streaming, และการจัดการผ่าน GitOps ที่ช่วยให้ควบคุมสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งานได้อย่างละเอียด แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น การพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางของ Tailscale อาจเป็นข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัว และการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่หรือแอปที่ต้องการ throughput สูงอาจไม่เหมาะนัก ✅ Tailscale ใช้ WireGuard เป็นแกนหลักในการสร้างเครือข่าย VPN ➡️ ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่าย ✅ ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ทันทีหลัง login โดยไม่ต้องแจก key หรือเปิดพอร์ต ➡️ รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows, macOS, Linux, iOS, Android ✅ รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password ➡️ ทำให้การเชื่อมต่อจากมือถือหรือเครื่องอื่นสะดวกขึ้น ✅ สามารถ expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet ➡️ ใช้ Docker image, Go library หรือเครื่องมือ third-party ได้ ✅ MagicDNS ช่วยให้เรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที ➡️ ลดความยุ่งยากในการจัดการ DNS ด้วยตนเอง ✅ Funnel ช่วยแชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ HTTPS ได้ทันที ➡️ ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ผู้ใช้ปลายทางไม่ต้องมี Tailscale https://chameth.com/how-i-use-tailscale/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB

    ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ
    - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz
    - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น

    รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง
    - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร
    - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม

    ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์
    - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps
    - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย
    - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A)
    - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน

    ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง
    - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์
    - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย
    - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90
    - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025

    https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    GL.iNet ได้เปิดตัว Slate 7 (GL-BE3600) ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 แบบพกพาตัวแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ 4K และ 8K streaming, การประชุมวิดีโอ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง Slate 7 มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง รวมถึง ซีพียู Qualcomm 1.1GHz quad-core, แรม 1GB DDR4 และหน่วยความจำแฟลช 512MB ✅ ความเร็ว Wi-Fi 7 ระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ - ความเร็ว 688 Mbps บนคลื่น 2.4GHz และ 2882 Mbps บนคลื่น 5GHz - เสาอากาศภายนอกพับเก็บได้ ช่วยขยายสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น ✅ รองรับการเชื่อมต่อแบบสายที่มีประสิทธิภาพสูง - มี พอร์ต WAN 2.5Gbps และ LAN 1Gbps เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร - รองรับ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือโมเด็ม ✅ ระบบ VPN ที่แข็งแกร่ง—ความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการเชื่อมต่อออนไลน์ - รองรับ OpenVPN ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ WireGuard ที่ความเร็วสูงสุด 540 Mbps - สามารถเชื่อมต่อกับ บริการ VPN กว่า 30 แห่ง เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ พลังงานยืดหยุ่น—ใช้งานได้หลากหลาย - ใช้ พอร์ต USB-C และรองรับ แรงดันไฟฟ้าหลายระดับ (5V/3A, 9V/3A, 12V/2.5A) - สามารถใช้พลังงานจาก แล็ปท็อป, พาวเวอร์แบงก์ หรือสมาร์ทโฟน ✅ ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการจัดการเครือข่ายขั้นสูง - ระบบ OpenWrt 23.05 พร้อม Kernel 5.4.213 ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบการใช้แบนด์วิดท์ และกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์ - ใช้ WPA3 encryption เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ✅ ราคาเป็นมิตรกับงบประมาณ—เข้าถึงได้ง่าย - ราคา $120 สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า และ ราคาเต็มอยู่ที่ $149.90 - การส่งมอบสินค้าเริ่มต้นใน เดือนพฤษภาคม 2025 https://www.techradar.com/pro/heres-the-worlds-first-mobile-wi-fi-7-router-and-i-cant-believe-how-ridiculously-cheap-it-is
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • NordVPN เปิดตัวโปรโตคอลใหม่ที่ชื่อว่า "NordWhisper" ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการกรองบนเครือข่ายที่มีข้อจำกัด โดยโปรโตคอลนี้สามารถซ่อนการเชื่อมต่อของผู้ใช้ได้ดีกว่าโปรโตคอลอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น OpenVPN หรือ WireGuard

    VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน เป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอินเทอร์เน็ต โดยการส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว ทำให้ที่อยู่ IP ของคุณถูกซ่อนและข้อมูลของคุณถูกเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

    โปรโตคอล NordWhisper ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ลูกค้าของ NordVPN สามารถเข้าถึงทรัพยากรระยะไกลจากเครือข่ายที่มักจะจำกัดการใช้งาน VPN โดยโปรโตคอลนี้ทำงานโดยการเลียนแบบการจราจรเว็บทั่วไป ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ของผู้ใช้สามารถผสมผสานกับกิจกรรมอินเทอร์เน็ตทั่วไปได้อย่างราบรื่น

    โปรโตคอล NordWhisper ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัด เช่น ประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด เช่น จีนหรือรัสเซีย จะเริ่มเปิดให้ใช้งานผ่านแอป NordVPN ในเร็วๆ นี้ โดยจะเริ่มจากผู้ใช้ Windows, Android และ Linux ก่อน และจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ในภายหลัง

    อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลใหม่นี้มีข้อเสียที่สำคัญคือ อาจทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงเมื่อเทียบกับโปรโตคอล VPN อื่นๆ ในบางสถานการณ์

    https://www.techspot.com/news/106578-nordvpn-debuts-new-protocol-could-make-vpn-connections.html
    NordVPN เปิดตัวโปรโตคอลใหม่ที่ชื่อว่า "NordWhisper" ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการกรองบนเครือข่ายที่มีข้อจำกัด โดยโปรโตคอลนี้สามารถซ่อนการเชื่อมต่อของผู้ใช้ได้ดีกว่าโปรโตคอลอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น OpenVPN หรือ WireGuard VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน เป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอินเทอร์เน็ต โดยการส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว ทำให้ที่อยู่ IP ของคุณถูกซ่อนและข้อมูลของคุณถูกเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย โปรโตคอล NordWhisper ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ลูกค้าของ NordVPN สามารถเข้าถึงทรัพยากรระยะไกลจากเครือข่ายที่มักจะจำกัดการใช้งาน VPN โดยโปรโตคอลนี้ทำงานโดยการเลียนแบบการจราจรเว็บทั่วไป ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ของผู้ใช้สามารถผสมผสานกับกิจกรรมอินเทอร์เน็ตทั่วไปได้อย่างราบรื่น โปรโตคอล NordWhisper ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัด เช่น ประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด เช่น จีนหรือรัสเซีย จะเริ่มเปิดให้ใช้งานผ่านแอป NordVPN ในเร็วๆ นี้ โดยจะเริ่มจากผู้ใช้ Windows, Android และ Linux ก่อน และจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลใหม่นี้มีข้อเสียที่สำคัญคือ อาจทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงเมื่อเทียบกับโปรโตคอล VPN อื่นๆ ในบางสถานการณ์ https://www.techspot.com/news/106578-nordvpn-debuts-new-protocol-could-make-vpn-connections.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    NordVPN debuts new protocol that could make VPN connections undetectable
    Virtual private networks are a clever network architecture that creates a secure, encrypted connection between your device and the internet. It works by routing your internet traffic...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว