• AMD ประกาศเปลี่ยน FidelityFX Super Resolution (FSR) ให้เหลือเพียง “FSR”

    AMD ยืนยันว่าแบรนด์ FidelityFX Super Resolution จะถูกยกเลิก และใช้ชื่อสั้น ๆ ว่า FSR แทน แม้ชื่อเดิมจะมีความหมายชัดเจน แต่การเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนว่า FSR ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ “อัปสเกลภาพ” อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมหลายเทคโนโลยีกราฟิก

    Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation
    เทคโนโลยี FMF (Fluid Motion Frames) ที่เคยใช้ในการสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหล ถูกรีแบรนด์ใหม่เป็น FSR Frame Generation เพื่อรวมเข้ากับชุด FSR Redstone ทำให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ FSR ecosystem

    เทคโนโลยีใหม่ใน FSR Redstone
    AMD เปิดเผยว่า FSR Redstone จะมี 4 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่
    FSR 4 Upscaling – รุ่นใหม่ของการอัปสเกลภาพ
    FSR Ray Regeneration – คู่แข่งของ Nvidia DLSS Ray Reconstruction
    FSR Frame Generation – การสร้างเฟรมเสมือน (เดิม FMF)
    FSR Radiance Caching – ใช้ AI คำนวณการสะท้อนและการกระจายแสง

    ความหมายต่ออนาคตเกมกราฟิก
    การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่า AMD ต้องการสร้างแบรนด์ FSR ให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีกราฟิกทั้งหมด ไม่ใช่แค่การอัปสเกลภาพ แต่รวมถึงการเรนเดอร์แสง เฟรม และการใช้ AI เพื่อยกระดับคุณภาพภาพในเกมยุคใหม่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปลี่ยนชื่อแบรนด์
    FidelityFX Super Resolution → FSR
    ลดความยาวชื่อและรวมเทคโนโลยี

    การรีแบรนด์ FMF
    Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation
    รวมเข้ากับ FSR Redstone

    เทคโนโลยีใน FSR Redstone
    FSR 4 Upscaling
    FSR Ray Regeneration
    FSR Frame Generation
    FSR Radiance Caching

    ความหมายต่ออนาคต
    FSR กลายเป็นแบรนด์หลักของ AMD ด้านกราฟิก
    แข่งตรงกับ Nvidia DLSS และเทคโนโลยีเรนเดอร์ AI

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้ผู้ใช้สับสนว่า FSR หมายถึงอะไร
    คุณภาพของ FSR ยังถูกวิจารณ์ว่า “ด้อยกว่า DLSS” ในบางเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-ditches-fidelityfx-in-favor-of-apparently-meaningless-fsr-branding-fluid-motion-frames-also-renamed-to-fmf
    🥱 AMD ประกาศเปลี่ยน FidelityFX Super Resolution (FSR) ให้เหลือเพียง “FSR” AMD ยืนยันว่าแบรนด์ FidelityFX Super Resolution จะถูกยกเลิก และใช้ชื่อสั้น ๆ ว่า FSR แทน แม้ชื่อเดิมจะมีความหมายชัดเจน แต่การเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนว่า FSR ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ “อัปสเกลภาพ” อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมหลายเทคโนโลยีกราฟิก 🎮 Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation เทคโนโลยี FMF (Fluid Motion Frames) ที่เคยใช้ในการสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหล ถูกรีแบรนด์ใหม่เป็น FSR Frame Generation เพื่อรวมเข้ากับชุด FSR Redstone ทำให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ FSR ecosystem ⚡ เทคโนโลยีใหม่ใน FSR Redstone AMD เปิดเผยว่า FSR Redstone จะมี 4 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ 🎗️ FSR 4 Upscaling – รุ่นใหม่ของการอัปสเกลภาพ 🎗️ FSR Ray Regeneration – คู่แข่งของ Nvidia DLSS Ray Reconstruction 🎗️ FSR Frame Generation – การสร้างเฟรมเสมือน (เดิม FMF) 🎗️ FSR Radiance Caching – ใช้ AI คำนวณการสะท้อนและการกระจายแสง 🔮 ความหมายต่ออนาคตเกมกราฟิก การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่า AMD ต้องการสร้างแบรนด์ FSR ให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีกราฟิกทั้งหมด ไม่ใช่แค่การอัปสเกลภาพ แต่รวมถึงการเรนเดอร์แสง เฟรม และการใช้ AI เพื่อยกระดับคุณภาพภาพในเกมยุคใหม่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ➡️ FidelityFX Super Resolution → FSR ➡️ ลดความยาวชื่อและรวมเทคโนโลยี ✅ การรีแบรนด์ FMF ➡️ Fluid Motion Frames → FSR Frame Generation ➡️ รวมเข้ากับ FSR Redstone ✅ เทคโนโลยีใน FSR Redstone ➡️ FSR 4 Upscaling ➡️ FSR Ray Regeneration ➡️ FSR Frame Generation ➡️ FSR Radiance Caching ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ FSR กลายเป็นแบรนด์หลักของ AMD ด้านกราฟิก ➡️ แข่งตรงกับ Nvidia DLSS และเทคโนโลยีเรนเดอร์ AI ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้ผู้ใช้สับสนว่า FSR หมายถึงอะไร ⛔ คุณภาพของ FSR ยังถูกวิจารณ์ว่า “ด้อยกว่า DLSS” ในบางเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-ditches-fidelityfx-in-favor-of-apparently-meaningless-fsr-branding-fluid-motion-frames-also-renamed-to-fmf
    0 Comments 0 Shares 0 Views 0 Reviews
  • Steam Machine รุ่นใหม่: เน้นการปรับแต่ง

    Valve เปิดตัว Steam Machine พร้อมฟีเจอร์ faceplate ที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาเครื่องได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นสกินไม้คลาสสิกหรือหน้าจอ e-ink ที่แสดงข้อมูลพิเศษ นี่ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเครื่องเกมของตนเอง

    Companion Cube จาก Portal
    หนึ่งในสกินที่สร้างกระแสคือ Companion Cube จากเกม Portal ที่ Dbrand นำมาออกแบบเป็นสกินเต็มรูปแบบ พร้อมลายหัวใจรอบด้าน ทำให้ Steam Machine ดูเหมือนกล่องในตำนานของแฟนเกม Valve ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของเกมกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่

    หน้ากาก dot-matrix และ e-ink
    Jsaux Gaming ได้โชว์ต้นแบบหน้ากากที่ใช้ dot-matrix และ e-ink display ซึ่งสามารถแสดงข้อความหรือภาพแบบเรียบง่ายได้ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้ากากเหล่านี้เอง และ Valve ยังประกาศว่าจะปล่อย ไฟล์ดีไซน์สำหรับ 3D printer เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างหน้ากากในแบบของตัวเอง

    ความยืดหยุ่นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    Steam Machine ไม่ได้จำกัดแค่การปรับแต่งภายนอก แต่ยังรองรับการอัปเกรด SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM รวมถึงสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ตามต้องการ ทำให้เครื่องนี้ไม่เพียงเป็นคอนโซลเกม แต่ยังเป็นพีซีที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ใหม่ของ Steam Machine
    Faceplate ถอดเปลี่ยนได้
    Valve ปล่อยไฟล์ 3D สำหรับการออกแบบเอง

    Companion Cube Skin
    Dbrand ออกแบบสกิน Portal Companion Cube
    กลายเป็นกระแสในหมู่แฟนเกม Valve

    หน้ากาก dot-matrix และ e-ink
    Jsaux Gaming โชว์ต้นแบบหน้ากากแสดงข้อความ/ภาพ
    เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างดีไซน์เอง

    ความยืดหยุ่นของฮาร์ดแวร์
    รองรับ SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM
    สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    Valve ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย
    การอัปเกรด RAM ต้องถอดชิ้นส่วนหลายขั้นตอน

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/steam-machine-can-transform-into-portal-companion-cube-with-custom-skin-dot-matrix-and-e-ink-faceplates-will-also-be-available
    🎮 Steam Machine รุ่นใหม่: เน้นการปรับแต่ง Valve เปิดตัว Steam Machine พร้อมฟีเจอร์ faceplate ที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาเครื่องได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นสกินไม้คลาสสิกหรือหน้าจอ e-ink ที่แสดงข้อมูลพิเศษ นี่ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเครื่องเกมของตนเอง 🧊 Companion Cube จาก Portal หนึ่งในสกินที่สร้างกระแสคือ Companion Cube จากเกม Portal ที่ Dbrand นำมาออกแบบเป็นสกินเต็มรูปแบบ พร้อมลายหัวใจรอบด้าน ทำให้ Steam Machine ดูเหมือนกล่องในตำนานของแฟนเกม Valve ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของเกมกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ 📟 หน้ากาก dot-matrix และ e-ink Jsaux Gaming ได้โชว์ต้นแบบหน้ากากที่ใช้ dot-matrix และ e-ink display ซึ่งสามารถแสดงข้อความหรือภาพแบบเรียบง่ายได้ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้ากากเหล่านี้เอง และ Valve ยังประกาศว่าจะปล่อย ไฟล์ดีไซน์สำหรับ 3D printer เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างหน้ากากในแบบของตัวเอง ⚡ ความยืดหยุ่นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Steam Machine ไม่ได้จำกัดแค่การปรับแต่งภายนอก แต่ยังรองรับการอัปเกรด SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM รวมถึงสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ตามต้องการ ทำให้เครื่องนี้ไม่เพียงเป็นคอนโซลเกม แต่ยังเป็นพีซีที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Steam Machine ➡️ Faceplate ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ Valve ปล่อยไฟล์ 3D สำหรับการออกแบบเอง ✅ Companion Cube Skin ➡️ Dbrand ออกแบบสกิน Portal Companion Cube ➡️ กลายเป็นกระแสในหมู่แฟนเกม Valve ✅ หน้ากาก dot-matrix และ e-ink ➡️ Jsaux Gaming โชว์ต้นแบบหน้ากากแสดงข้อความ/ภาพ ➡️ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างดีไซน์เอง ✅ ความยืดหยุ่นของฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM ➡️ สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ Valve ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ⛔ การอัปเกรด RAM ต้องถอดชิ้นส่วนหลายขั้นตอน https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/steam-machine-can-transform-into-portal-companion-cube-with-custom-skin-dot-matrix-and-e-ink-faceplates-will-also-be-available
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ Panther Lake ในปี 2026

    จากข้อมูลที่หลุดออกมา ซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake-H รุ่นทดสอบนี้มีการจัดเรียงคอร์แบบ 2 P-cores + 4 E-cores + 4 LP-E cores รวมทั้งหมด 10 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 12MB และ L2 ขนาด 11MB ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 3.0 GHz และบูสต์ได้สูงสุด 3.2 GHz โดยใช้พลังงาน PL1 25W, PL2 65W และ PL3 140W ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นชิปสำหรับโน้ตบุ๊กที่เน้นสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน

    กราฟิก Xe3 รุ่นใหม่
    ชิปนี้มาพร้อม 4 Xe3 GPU cores ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับการเล่นเกมหรือการใช้งานกราฟิกเบื้องต้น Panther Lake รุ่นสูงกว่าจะมีมากถึง 12 Xe3 GPU cores ซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกระดับเริ่มต้น เช่น RTX 3050 Laptop

    ผลทดสอบเบื้องต้น
    ผลทดสอบจาก CPU-Z และ PassMark ที่หลุดออกมาแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพ CPU ยังไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับ Arrow Lake รุ่นก่อนหน้า แต่เนื่องจากเป็นชิปทดสอบ (A0 stepping) จึงยังไม่สะท้อนศักยภาพเต็มที่ ส่วนกราฟิก Xe3 แม้ยังไม่เสถียร แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นจุดขายหลักของ Panther Lake

    การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    Intel ยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัว Panther Lake CPUs อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 วันที่ 5 มกราคม โดยใช้กระบวนการผลิตใหม่ Intel 18A node พร้อมสถาปัตยกรรม P-core และ E-core รุ่นปรับปรุง รวมถึง NPU รุ่นที่ 5 สำหรับงาน AI

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สเปกที่รั่วไหล
    10 คอร์ (2P + 4E + 4LP-E)
    RAM LPDDR5X 16GB ความเร็ว 7467 MHz

    กราฟิก Xe3
    รุ่น Core Ultra 3 มี 4 Xe3 GPU cores
    รุ่นสูงสุดมี 12 Xe3 GPU cores สำหรับงานกราฟิกหนัก

    ผลทดสอบเบื้องต้น
    CPU ยังตามหลัง Arrow Lake เล็กน้อย
    iGPU มีศักยภาพใกล้เคียง RTX 3050 Laptop

    การเปิดตัว
    CES 2026 วันที่ 5 มกราคม
    ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A node และ NPU รุ่นที่ 5

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-panther-lake-cpus-tested-ahead-of-launch-alleged-core-ultra-3-sku-with-10-cores-and-16gb-ram-surfaces-in-leaks
    🖥️ Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ Panther Lake ในปี 2026 จากข้อมูลที่หลุดออกมา ซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake-H รุ่นทดสอบนี้มีการจัดเรียงคอร์แบบ 2 P-cores + 4 E-cores + 4 LP-E cores รวมทั้งหมด 10 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 12MB และ L2 ขนาด 11MB ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 3.0 GHz และบูสต์ได้สูงสุด 3.2 GHz โดยใช้พลังงาน PL1 25W, PL2 65W และ PL3 140W ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นชิปสำหรับโน้ตบุ๊กที่เน้นสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน 🎮 กราฟิก Xe3 รุ่นใหม่ ชิปนี้มาพร้อม 4 Xe3 GPU cores ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับการเล่นเกมหรือการใช้งานกราฟิกเบื้องต้น Panther Lake รุ่นสูงกว่าจะมีมากถึง 12 Xe3 GPU cores ซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกระดับเริ่มต้น เช่น RTX 3050 Laptop ⚡ ผลทดสอบเบื้องต้น ผลทดสอบจาก CPU-Z และ PassMark ที่หลุดออกมาแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพ CPU ยังไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับ Arrow Lake รุ่นก่อนหน้า แต่เนื่องจากเป็นชิปทดสอบ (A0 stepping) จึงยังไม่สะท้อนศักยภาพเต็มที่ ส่วนกราฟิก Xe3 แม้ยังไม่เสถียร แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นจุดขายหลักของ Panther Lake 🌐 การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ Intel ยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัว Panther Lake CPUs อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 วันที่ 5 มกราคม โดยใช้กระบวนการผลิตใหม่ Intel 18A node พร้อมสถาปัตยกรรม P-core และ E-core รุ่นปรับปรุง รวมถึง NPU รุ่นที่ 5 สำหรับงาน AI 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สเปกที่รั่วไหล ➡️ 10 คอร์ (2P + 4E + 4LP-E) ➡️ RAM LPDDR5X 16GB ความเร็ว 7467 MHz ✅ กราฟิก Xe3 ➡️ รุ่น Core Ultra 3 มี 4 Xe3 GPU cores ➡️ รุ่นสูงสุดมี 12 Xe3 GPU cores สำหรับงานกราฟิกหนัก ✅ ผลทดสอบเบื้องต้น ➡️ CPU ยังตามหลัง Arrow Lake เล็กน้อย ➡️ iGPU มีศักยภาพใกล้เคียง RTX 3050 Laptop ✅ การเปิดตัว ➡️ CES 2026 วันที่ 5 มกราคม ➡️ ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A node และ NPU รุ่นที่ 5 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-panther-lake-cpus-tested-ahead-of-launch-alleged-core-ultra-3-sku-with-10-cores-and-16gb-ram-surfaces-in-leaks
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • ผู้ใช้รายงานว่าเฟรมเรตเพิ่มขึ้นถึง 50–65% ในบางเกม หลังติดตั้ง Nvidia ไดรเวอร์ Hotfix 581.94

    Nvidia ออกไดรเวอร์ Hotfix 581.94 เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ซึ่งทำให้เกมบางเกมเฟรมเรตตกลงอย่างหนัก หลังติดตั้งไดรเวอร์นี้ ผู้ใช้รายงานว่าเฟรมเรตเพิ่มขึ้นถึง 50–65% ในบางเกม เช่น Assassin’s Creed Shadows

    การอัปเดต Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 (KB5066835) ทำให้เกิดบั๊กที่ลดประสิทธิภาพการเล่นเกมลงอย่างมาก โดยเฉพาะในเกมที่ใช้กราฟิกหนัก ๆ ผู้ใช้หลายคนพบว่า FPS ลดลงจนเล่นไม่ลื่น ซึ่งส่งผลกระทบทั้งกับการ์ดจอ Nvidia, AMD และ Intel

    Nvidia Hotfix Driver 581.94
    เพื่อแก้ปัญหานี้ Nvidia ได้ออกไดรเวอร์ Hotfix รุ่น 581.94 ซึ่งแม้จะเป็นเวอร์ชัน “เบต้า” แต่สามารถแก้บั๊กที่เกิดจาก Windows ได้ทันที ผู้ใช้รายงานว่า FPS เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น จาก 55 FPS → 91 FPS ใน Assassin’s Creed Shadows และค่า 1% lows ดีขึ้นกว่า 40%

    ผลลัพธ์ที่ผู้ใช้รายงาน
    ผู้ใช้บางรายเห็นการเพิ่มขึ้นของ FPS ถึง 65% เมื่อเปรียบเทียบกับไดรเวอร์รุ่นก่อนหน้า
    การปรับปรุงนี้เกิดขึ้นเฉพาะในบางเกม ไม่ใช่ทุกเกม
    แม้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ไดรเวอร์ Hotfix อาจมีบั๊กอื่น ๆ เพราะยังไม่ใช่เวอร์ชันเสถียร

    สถานการณ์ของคู่แข่ง
    AMD และ Intel ก็ได้รับผลกระทบจากบั๊ก Windows เช่นกัน แต่ยังไม่มีการออกไดรเวอร์แก้ไขในตอนนี้ ทำให้ผู้ใช้การ์ดจอค่ายอื่นต้องรอการอัปเดตจากผู้ผลิต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาที่เกิดขึ้น
    Windows 11 KB5066835 ทำให้ FPS ลดลง
    กระทบทั้ง Nvidia, AMD และ Intel

    การแก้ไขจาก Nvidia
    Hotfix Driver 581.94 ออกมาแก้บั๊ก
    เพิ่ม FPS ได้ถึง 50–65% ในบางเกม

    ผลลัพธ์ที่ผู้ใช้พบ
    Assassin’s Creed Shadows FPS จาก 55 → 91
    ค่า 1% lows ดีขึ้นกว่า 40%

    สถานการณ์ของคู่แข่ง
    AMD และ Intel ยังไม่มีไดรเวอร์แก้ไข
    ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตเพิ่มเติม

    คำเตือนจากการใช้ Hotfix
    เป็นเวอร์ชันเบต้า อาจมีบั๊กอื่นตามมา
    ไม่จำเป็นต้องอัปเดต หากเกมที่เล่นไม่เจอปัญหา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/users-celebrate-50-percent-performance-gains-following-nvidia-hotfix-driver-patch-fixes-october-windows-11-cumulative-update-that-broke-performance-in-some-games
    🎮 ผู้ใช้รายงานว่าเฟรมเรตเพิ่มขึ้นถึง 50–65% ในบางเกม หลังติดตั้ง Nvidia ไดรเวอร์ Hotfix 581.94 Nvidia ออกไดรเวอร์ Hotfix 581.94 เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ซึ่งทำให้เกมบางเกมเฟรมเรตตกลงอย่างหนัก หลังติดตั้งไดรเวอร์นี้ ผู้ใช้รายงานว่าเฟรมเรตเพิ่มขึ้นถึง 50–65% ในบางเกม เช่น Assassin’s Creed Shadows การอัปเดต Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 (KB5066835) ทำให้เกิดบั๊กที่ลดประสิทธิภาพการเล่นเกมลงอย่างมาก โดยเฉพาะในเกมที่ใช้กราฟิกหนัก ๆ ผู้ใช้หลายคนพบว่า FPS ลดลงจนเล่นไม่ลื่น ซึ่งส่งผลกระทบทั้งกับการ์ดจอ Nvidia, AMD และ Intel ⚡ Nvidia Hotfix Driver 581.94 เพื่อแก้ปัญหานี้ Nvidia ได้ออกไดรเวอร์ Hotfix รุ่น 581.94 ซึ่งแม้จะเป็นเวอร์ชัน “เบต้า” แต่สามารถแก้บั๊กที่เกิดจาก Windows ได้ทันที ผู้ใช้รายงานว่า FPS เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น จาก 55 FPS → 91 FPS ใน Assassin’s Creed Shadows และค่า 1% lows ดีขึ้นกว่า 40% 📈 ผลลัพธ์ที่ผู้ใช้รายงาน 💠 ผู้ใช้บางรายเห็นการเพิ่มขึ้นของ FPS ถึง 65% เมื่อเปรียบเทียบกับไดรเวอร์รุ่นก่อนหน้า 💠 การปรับปรุงนี้เกิดขึ้นเฉพาะในบางเกม ไม่ใช่ทุกเกม 💠 แม้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ไดรเวอร์ Hotfix อาจมีบั๊กอื่น ๆ เพราะยังไม่ใช่เวอร์ชันเสถียร 🔮 สถานการณ์ของคู่แข่ง AMD และ Intel ก็ได้รับผลกระทบจากบั๊ก Windows เช่นกัน แต่ยังไม่มีการออกไดรเวอร์แก้ไขในตอนนี้ ทำให้ผู้ใช้การ์ดจอค่ายอื่นต้องรอการอัปเดตจากผู้ผลิต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้น ➡️ Windows 11 KB5066835 ทำให้ FPS ลดลง ➡️ กระทบทั้ง Nvidia, AMD และ Intel ✅ การแก้ไขจาก Nvidia ➡️ Hotfix Driver 581.94 ออกมาแก้บั๊ก ➡️ เพิ่ม FPS ได้ถึง 50–65% ในบางเกม ✅ ผลลัพธ์ที่ผู้ใช้พบ ➡️ Assassin’s Creed Shadows FPS จาก 55 → 91 ➡️ ค่า 1% lows ดีขึ้นกว่า 40% ✅ สถานการณ์ของคู่แข่ง ➡️ AMD และ Intel ยังไม่มีไดรเวอร์แก้ไข ➡️ ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตเพิ่มเติม ‼️ คำเตือนจากการใช้ Hotfix ⛔ เป็นเวอร์ชันเบต้า อาจมีบั๊กอื่นตามมา ⛔ ไม่จำเป็นต้องอัปเดต หากเกมที่เล่นไม่เจอปัญหา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/users-celebrate-50-percent-performance-gains-following-nvidia-hotfix-driver-patch-fixes-october-windows-11-cumulative-update-that-broke-performance-in-some-games
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • การแข่งขันการ์ดความจำจิ๋วในญี่ปุ่น

    การแข่งขันนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาการ์ดหน่วยความจำที่มีความจุเล็กที่สุด โดยผู้เข้าร่วมส่งการ์ดรุ่นเก่า ๆ จากยุค 80–90 เข้ามา ผลปรากฏว่า SmartMedia 0.5MB ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ขณะที่การ์ด Casio RAM 2KB ที่ใช้กับเครื่องพกพา “Pokecon” ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่การ์ดแฟลชทั่วไป

    รายชื่อการ์ดที่เข้ารอบ
    นอกจาก SmartMedia แล้ว ยังมีการ์ดรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น SD card 8MB, MMC 4MB, CF 2MB, Memory Stick 4MB และ xD-Picture Card 16MB ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของสื่อบันทึกข้อมูลตั้งแต่ยุคที่ไม่กี่เมกะไบต์ถือว่า “ใหญ่” จนถึงปัจจุบันที่การ์ด microSD มีความจุหลายเทราไบต์

    การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์แต่ยังน่าจดจำ
    แม้จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย แต่การ์ดบางรุ่นก็สร้างความสนใจ เช่น Flash FDD stick 1.44MB ที่เลียนแบบฟลอปปีดิสก์ และ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

    ความหมายต่อวงการเทคโนโลยี
    การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากหลักกิโลไบต์ในอดีต สู่หลักเทราไบต์ในปัจจุบัน และยังเตือนให้เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผู้ชนะการแข่งขัน
    SmartMedia 0.5MB ได้ตำแหน่งเล็กที่สุด
    Casio RAM 2KB ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟลชการ์ด

    การ์ดที่เข้ารอบ
    SD card 8MB, MMC 4MB
    CF 2MB, Memory Stick 4MB, xD-Picture Card 16MB

    การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์
    Flash FDD stick 1.44MB ที่บูตได้เหมือนฟลอปปีดิสก์
    PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน

    ความหมายต่อวงการ
    แสดงวิวัฒนาการจาก KB → MB → GB → TB
    เป็นบทเรียนเชิงประวัติศาสตร์ของการเก็บข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/pc-components/microsd-cards/the-small-capacity-memory-card-championship-japan-results-are-in-a-0-5mb-smartmedia-card-won-but-a-2kb-casio-battery-backed-ram-card-lost-due-to-a-technicality
    🏆 การแข่งขันการ์ดความจำจิ๋วในญี่ปุ่น การแข่งขันนี้จัดขึ้นเพื่อค้นหาการ์ดหน่วยความจำที่มีความจุเล็กที่สุด โดยผู้เข้าร่วมส่งการ์ดรุ่นเก่า ๆ จากยุค 80–90 เข้ามา ผลปรากฏว่า SmartMedia 0.5MB ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ขณะที่การ์ด Casio RAM 2KB ที่ใช้กับเครื่องพกพา “Pokecon” ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่การ์ดแฟลชทั่วไป 💾 รายชื่อการ์ดที่เข้ารอบ นอกจาก SmartMedia แล้ว ยังมีการ์ดรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น SD card 8MB, MMC 4MB, CF 2MB, Memory Stick 4MB และ xD-Picture Card 16MB ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของสื่อบันทึกข้อมูลตั้งแต่ยุคที่ไม่กี่เมกะไบต์ถือว่า “ใหญ่” จนถึงปัจจุบันที่การ์ด microSD มีความจุหลายเทราไบต์ 📜 การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์แต่ยังน่าจดจำ แม้จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย แต่การ์ดบางรุ่นก็สร้างความสนใจ เช่น Flash FDD stick 1.44MB ที่เลียนแบบฟลอปปีดิสก์ และ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล 🔮 ความหมายต่อวงการเทคโนโลยี การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากหลักกิโลไบต์ในอดีต สู่หลักเทราไบต์ในปัจจุบัน และยังเตือนให้เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผู้ชนะการแข่งขัน ➡️ SmartMedia 0.5MB ได้ตำแหน่งเล็กที่สุด ➡️ Casio RAM 2KB ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟลชการ์ด ✅ การ์ดที่เข้ารอบ ➡️ SD card 8MB, MMC 4MB ➡️ CF 2MB, Memory Stick 4MB, xD-Picture Card 16MB ✅ การ์ดที่ถูกตัดสิทธิ์ ➡️ Flash FDD stick 1.44MB ที่บูตได้เหมือนฟลอปปีดิสก์ ➡️ PCMCIA 1MB รุ่นก่อนมาตรฐาน ✅ ความหมายต่อวงการ ➡️ แสดงวิวัฒนาการจาก KB → MB → GB → TB ➡️ เป็นบทเรียนเชิงประวัติศาสตร์ของการเก็บข้อมูล https://www.tomshardware.com/pc-components/microsd-cards/the-small-capacity-memory-card-championship-japan-results-are-in-a-0-5mb-smartmedia-card-won-but-a-2kb-casio-battery-backed-ram-card-lost-due-to-a-technicality
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • Windows 1.01: จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติหน้าต่าง

    ในปี 1985 Microsoft เปิดตัว Windows 1.01 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเชิงกราฟิกตัวแรกที่ทำงานบน MS-DOS โดยใช้แนวคิด WIMP (Windows, Icons, Menus, Pointer) แม้จะต้องการเพียง 256KB RAM และสอง floppy drive แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์จากการพิมพ์คำสั่ง มาเป็นการคลิกด้วยเมาส์ แม้เมาส์จะยังไม่ใช่อุปกรณ์จำเป็นในเวลานั้น

    การแข่งขันที่ดุเดือดกับ Macintosh และ Amiga
    Windows 1.01 เปิดตัวช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Macintosh, Atari ST และ Commodore Amiga ที่มีระบบกราฟิกและการใช้งานที่เหนือกว่า ทำให้ Windows ไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ต้องรอจนถึง Windows 3.x ในปี 1990 ที่ Microsoftเริ่มครองตลาดด้วยการรองรับกราฟิก SVGA และการเชื่อมต่อเครือข่าย

    เกมและแอปพลิเคชันที่สร้างความคุ้นเคย
    แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ Windows 1.01 มาพร้อมแอปพลิเคชันที่หลายคนยังจำได้ เช่น Notepad, Paint, Calculator และเกม Reversi จุดเด่นคือการจัดหน้าต่างแบบ “tile” ไม่สามารถซ้อนทับกันได้ ซึ่งดูแปลกตาสำหรับผู้ใช้ Windows รุ่นหลัง แต่ก็เป็นการทดลองที่ช่วยให้ Microsoft พัฒนาต่อไป

    มรดกที่ส่งต่อสู่ Windows รุ่นใหม่
    Windows 1.01 แม้จะถูกมองว่า “ล้มเหลว” แต่ได้วางรากฐานให้ Microsoft พัฒนาระบบต่อเนื่อง จนถึง Windows 95 ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วย Start Menu และการรองรับอินเทอร์เน็ต และต่อยอดไปสู่ Windows XP, Windows 7 จนถึง Windows 11 ในปัจจุบัน ถือเป็นการเดินทางกว่า 40 ปีที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดเริ่มต้นของ Windows 1.01
    เปิดตัวปี 1985 ใช้ MS-DOS เป็นฐาน
    ต้องการ RAM เพียง 256KB และ floppy drive

    การแข่งขันกับคู่แข่ง
    Macintosh และ Amiga มีระบบกราฟิกเหนือกว่า
    Windows ได้รับความนิยมจริงเมื่อถึงรุ่น 3.x

    แอปพลิเคชันและเกมที่มากับระบบ
    Notepad, Paint, Calculator และ Reversi
    หน้าต่างแบบ tile ไม่สามารถซ้อนทับกัน

    มรดกและการพัฒนาต่อเนื่อง
    ปูทางสู่ Windows 95 และรุ่นใหม่ ๆ
    กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ครองตลาดโลก

    ข้อจำกัดและคำเตือนในยุคนั้น
    ประสิทธิภาพต่ำและไม่รองรับซอฟต์แวร์มากนัก
    ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-1-01-was-launched-40-years-ago-but-it-didnt-start-well-microsoft-began-its-graphical-os-adventures-40-years-ago
    🖥️ Windows 1.01: จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติหน้าต่าง ในปี 1985 Microsoft เปิดตัว Windows 1.01 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเชิงกราฟิกตัวแรกที่ทำงานบน MS-DOS โดยใช้แนวคิด WIMP (Windows, Icons, Menus, Pointer) แม้จะต้องการเพียง 256KB RAM และสอง floppy drive แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์จากการพิมพ์คำสั่ง มาเป็นการคลิกด้วยเมาส์ แม้เมาส์จะยังไม่ใช่อุปกรณ์จำเป็นในเวลานั้น 🍏 การแข่งขันที่ดุเดือดกับ Macintosh และ Amiga Windows 1.01 เปิดตัวช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Macintosh, Atari ST และ Commodore Amiga ที่มีระบบกราฟิกและการใช้งานที่เหนือกว่า ทำให้ Windows ไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ต้องรอจนถึง Windows 3.x ในปี 1990 ที่ Microsoftเริ่มครองตลาดด้วยการรองรับกราฟิก SVGA และการเชื่อมต่อเครือข่าย 🎮 เกมและแอปพลิเคชันที่สร้างความคุ้นเคย แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ Windows 1.01 มาพร้อมแอปพลิเคชันที่หลายคนยังจำได้ เช่น Notepad, Paint, Calculator และเกม Reversi จุดเด่นคือการจัดหน้าต่างแบบ “tile” ไม่สามารถซ้อนทับกันได้ ซึ่งดูแปลกตาสำหรับผู้ใช้ Windows รุ่นหลัง แต่ก็เป็นการทดลองที่ช่วยให้ Microsoft พัฒนาต่อไป 📈 มรดกที่ส่งต่อสู่ Windows รุ่นใหม่ Windows 1.01 แม้จะถูกมองว่า “ล้มเหลว” แต่ได้วางรากฐานให้ Microsoft พัฒนาระบบต่อเนื่อง จนถึง Windows 95 ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วย Start Menu และการรองรับอินเทอร์เน็ต และต่อยอดไปสู่ Windows XP, Windows 7 จนถึง Windows 11 ในปัจจุบัน ถือเป็นการเดินทางกว่า 40 ปีที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดเริ่มต้นของ Windows 1.01 ➡️ เปิดตัวปี 1985 ใช้ MS-DOS เป็นฐาน ➡️ ต้องการ RAM เพียง 256KB และ floppy drive ✅ การแข่งขันกับคู่แข่ง ➡️ Macintosh และ Amiga มีระบบกราฟิกเหนือกว่า ➡️ Windows ได้รับความนิยมจริงเมื่อถึงรุ่น 3.x ✅ แอปพลิเคชันและเกมที่มากับระบบ ➡️ Notepad, Paint, Calculator และ Reversi ➡️ หน้าต่างแบบ tile ไม่สามารถซ้อนทับกัน ✅ มรดกและการพัฒนาต่อเนื่อง ➡️ ปูทางสู่ Windows 95 และรุ่นใหม่ ๆ ➡️ กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ครองตลาดโลก ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือนในยุคนั้น ⛔ ประสิทธิภาพต่ำและไม่รองรับซอฟต์แวร์มากนัก ⛔ ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-1-01-was-launched-40-years-ago-but-it-didnt-start-well-microsoft-began-its-graphical-os-adventures-40-years-ago
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: "Dependency Cooldowns – เกราะป้องกันซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส"

    ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกำลังเผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการขโมย credential หรือการแทรกโค้ดอันตรายเข้าไปในแพ็กเกจยอดนิยมบน PyPI หรือ npm บทความชี้ว่าแม้บริษัทด้านความปลอดภัยจะพยายามตรวจจับและแจ้งเตือน แต่ช่องว่างระหว่างการโจมตีและการแก้ไขยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้ใช้ที่อัปเดต dependency แบบอัตโนมัติกลายเป็นเป้าหมายทันที.

    แนวคิด Dependency Cooldowns คือการกำหนดระยะเวลารอ (เช่น 7 วัน) หลังจาก dependency ถูกเผยแพร่ ก่อนที่จะนำมาใช้จริง ระหว่างนั้นผู้ให้บริการความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและรายงานปัญหาได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการติดตั้งเวอร์ชันที่ถูกแฮก.

    ตัวอย่างการโจมตีที่ถูกยกมา เช่น Ultralytics ที่มีช่องโหว่เพียง 12 ชั่วโมง, rspack ที่ถูกโจมตีในเวลา 1 ชั่วโมง, และ chalk ที่ใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าการหน่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถป้องกันได้ถึง 80–90% ของการโจมตีเหล่านี้.

    การนำไปใช้ก็ไม่ซับซ้อน เช่น Dependabot และ Renovate มีฟังก์ชันตั้งค่า cooldown อยู่แล้ว เพียงเพิ่มบรรทัด cooldown: default-days: 7 ลงในไฟล์คอนฟิก ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม.

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Dependency Cooldowns
    หน่วงเวลา 7–14 วันก่อนใช้ dependency ใหม่
    เปิดโอกาสให้ระบบตรวจจับภัยคุกคามทันเวลา

    ตัวอย่างการโจมตีซัพพลายเชน
    Ultralytics: 12 ชั่วโมง
    rspack: 1 ชั่วโมง
    chalk: < 12 ชั่วโมง
    xz-utils: 5 สัปดาห์ (กรณีใหญ่และซับซ้อน)

    การนำไปใช้จริง
    Dependabot และ Renovate รองรับการตั้งค่า cooldown
    ฟรีและง่ายต่อการใช้งาน

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Cooldowns ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ โดยเฉพาะกรณีซับซ้อนเช่น xz-utils

    คำเตือนด้านการจัดการซัพพลายเชน
    ปัญหาซัพพลายเชนเป็นเรื่องของ “ความไว้วางใจทางสังคม” ไม่ใช่แค่เทคนิค

    https://blog.yossarian.net/2025/11/21/We-should-all-be-using-dependency-cooldowns
    🛡️ หัวข้อข่าว: "Dependency Cooldowns – เกราะป้องกันซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส" ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกำลังเผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการขโมย credential หรือการแทรกโค้ดอันตรายเข้าไปในแพ็กเกจยอดนิยมบน PyPI หรือ npm บทความชี้ว่าแม้บริษัทด้านความปลอดภัยจะพยายามตรวจจับและแจ้งเตือน แต่ช่องว่างระหว่างการโจมตีและการแก้ไขยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้ใช้ที่อัปเดต dependency แบบอัตโนมัติกลายเป็นเป้าหมายทันที. แนวคิด Dependency Cooldowns คือการกำหนดระยะเวลารอ (เช่น 7 วัน) หลังจาก dependency ถูกเผยแพร่ ก่อนที่จะนำมาใช้จริง ระหว่างนั้นผู้ให้บริการความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและรายงานปัญหาได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการติดตั้งเวอร์ชันที่ถูกแฮก. ตัวอย่างการโจมตีที่ถูกยกมา เช่น Ultralytics ที่มีช่องโหว่เพียง 12 ชั่วโมง, rspack ที่ถูกโจมตีในเวลา 1 ชั่วโมง, และ chalk ที่ใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าการหน่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถป้องกันได้ถึง 80–90% ของการโจมตีเหล่านี้. การนำไปใช้ก็ไม่ซับซ้อน เช่น Dependabot และ Renovate มีฟังก์ชันตั้งค่า cooldown อยู่แล้ว เพียงเพิ่มบรรทัด cooldown: default-days: 7 ลงในไฟล์คอนฟิก ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Dependency Cooldowns ➡️ หน่วงเวลา 7–14 วันก่อนใช้ dependency ใหม่ ➡️ เปิดโอกาสให้ระบบตรวจจับภัยคุกคามทันเวลา ✅ ตัวอย่างการโจมตีซัพพลายเชน ➡️ Ultralytics: 12 ชั่วโมง ➡️ rspack: 1 ชั่วโมง ➡️ chalk: < 12 ชั่วโมง ➡️ xz-utils: 5 สัปดาห์ (กรณีใหญ่และซับซ้อน) ✅ การนำไปใช้จริง ➡️ Dependabot และ Renovate รองรับการตั้งค่า cooldown ➡️ ฟรีและง่ายต่อการใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Cooldowns ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ โดยเฉพาะกรณีซับซ้อนเช่น xz-utils ‼️ คำเตือนด้านการจัดการซัพพลายเชน ⛔ ปัญหาซัพพลายเชนเป็นเรื่องของ “ความไว้วางใจทางสังคม” ไม่ใช่แค่เทคนิค https://blog.yossarian.net/2025/11/21/We-should-all-be-using-dependency-cooldowns
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: "Qualcomm กำลังทำลายจิตวิญญาณ Open Source ของ Arduino หรือไม่?"

    หลังจากที่ Qualcomm เข้าซื้อกิจการ Arduino เพียงไม่กี่สัปดาห์ Maker Community ก็เริ่มกังวลว่าบริษัทอาจทำลายความเป็น “คอมมอนส์” ของ Arduino ที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของวงการอิเล็กทรอนิกส์สมัครเล่น ล่าสุด Qualcomm ได้ปรับปรุง Terms & Conditions และ Privacy Policy ใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อกำหนดเชิงกฎหมายแบบแพลตฟอร์ม SaaS เช่น การบังคับใช้ mandatory arbitration, การห้าม reverse engineering, และการตัดสิทธิ์การใช้สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่สร้างบน Arduino.

    สิ่งนี้สร้างความสับสนและความไม่ไว้วางใจในชุมชน เพราะ Arduino IDE และ CLI ถูกเผยแพร่ภายใต้ GPL และ AGPL ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและเรียนรู้จากซอร์สโค้ดได้ แต่เงื่อนไขใหม่ของ Qualcomm กลับห้ามการ reverse engineering ของ “Platform” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าหมายถึงเฉพาะบริการ Cloud หรือรวมถึง IDE และ CLI ด้วย หากตีความกว้าง อาจทำให้ผู้พัฒนาและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่อ้างว่า “Arduino-compatible” เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง.

    Adafruit หนึ่งในผู้นำด้าน Open Hardware ได้ออกมาเตือนว่า Qualcomm ไม่เข้าใจสิ่งที่ซื้อมา เพราะ Arduino ไม่ใช่แค่บริษัทขายไมโครคอนโทรลเลอร์ แต่คือมาตรฐานกลางของวงการ Maker ที่มีทั้งไลบรารี, คอร์สการสอน, และโครงการนับล้านที่พึ่งพา Arduino IDE หาก Qualcomm ทำลายความเชื่อมั่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้บอร์ด Arduino เท่านั้น.

    ในชุมชนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ Qualcomm แก้ไข โดยเสนอให้ยืนยันชัดเจนว่า IDE และ CLI จะยังคงเป็นโอเพนซอร์ส และอาจตั้งมูลนิธิคล้าย Linux Foundation เพื่อปกป้องโครงการจากการควบคุมของบริษัทเดียว หาก Qualcomm ไม่ทำเช่นนั้น อนาคตของ Arduino อาจกลายเป็นเพียง “แพลตฟอร์มปิด” ที่สูญเสียคุณค่าดั้งเดิมไป.

    สรุปสาระสำคัญ
    Qualcomm เข้าซื้อ Arduino
    ปรับ Terms & Conditions และ Privacy Policy ใหม่

    ข้อกำหนดใหม่ที่ก่อให้เกิดปัญหา
    ห้าม reverse engineering
    ไม่ให้สิทธิ์การใช้สิทธิบัตรกับโครงการที่สร้างบน Arduino

    ความกังวลของชุมชน Maker
    IDE และ CLI อาจถูกตีความว่าอยู่ภายใต้ข้อห้ามใหม่
    ผู้พัฒนาและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง

    บทบาทของ Adafruit
    เตือนว่า Qualcomm ไม่เข้าใจคุณค่าของ Arduino ในฐานะคอมมอนส์

    ข้อเสนอเพื่อแก้ไข
    ยืนยันว่า IDE และ CLI จะยังคงโอเพนซอร์ส
    ตั้งมูลนิธิคล้าย Linux Foundation เพื่อปกป้องโครงการ

    คำเตือนด้านความเชื่อมั่น
    หาก Qualcomm ไม่แก้ไข อาจทำให้ชุมชนสูญเสียความไว้วางใจและละทิ้ง Arduino

    คำเตือนด้านระบบนิเวศ
    การตีความข้อห้ามกว้างเกินไปอาจทำลายไลบรารี, คอร์สการสอน, และโครงการนับล้านที่พึ่งพา Arduino

    https://www.molecularist.com/2025/11/did-qualcomm-kill-arduino-for-good.html
    ⚡ หัวข้อข่าว: "Qualcomm กำลังทำลายจิตวิญญาณ Open Source ของ Arduino หรือไม่?" หลังจากที่ Qualcomm เข้าซื้อกิจการ Arduino เพียงไม่กี่สัปดาห์ Maker Community ก็เริ่มกังวลว่าบริษัทอาจทำลายความเป็น “คอมมอนส์” ของ Arduino ที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของวงการอิเล็กทรอนิกส์สมัครเล่น ล่าสุด Qualcomm ได้ปรับปรุง Terms & Conditions และ Privacy Policy ใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อกำหนดเชิงกฎหมายแบบแพลตฟอร์ม SaaS เช่น การบังคับใช้ mandatory arbitration, การห้าม reverse engineering, และการตัดสิทธิ์การใช้สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่สร้างบน Arduino. สิ่งนี้สร้างความสับสนและความไม่ไว้วางใจในชุมชน เพราะ Arduino IDE และ CLI ถูกเผยแพร่ภายใต้ GPL และ AGPL ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและเรียนรู้จากซอร์สโค้ดได้ แต่เงื่อนไขใหม่ของ Qualcomm กลับห้ามการ reverse engineering ของ “Platform” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าหมายถึงเฉพาะบริการ Cloud หรือรวมถึง IDE และ CLI ด้วย หากตีความกว้าง อาจทำให้ผู้พัฒนาและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่อ้างว่า “Arduino-compatible” เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง. Adafruit หนึ่งในผู้นำด้าน Open Hardware ได้ออกมาเตือนว่า Qualcomm ไม่เข้าใจสิ่งที่ซื้อมา เพราะ Arduino ไม่ใช่แค่บริษัทขายไมโครคอนโทรลเลอร์ แต่คือมาตรฐานกลางของวงการ Maker ที่มีทั้งไลบรารี, คอร์สการสอน, และโครงการนับล้านที่พึ่งพา Arduino IDE หาก Qualcomm ทำลายความเชื่อมั่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้บอร์ด Arduino เท่านั้น. ในชุมชนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ Qualcomm แก้ไข โดยเสนอให้ยืนยันชัดเจนว่า IDE และ CLI จะยังคงเป็นโอเพนซอร์ส และอาจตั้งมูลนิธิคล้าย Linux Foundation เพื่อปกป้องโครงการจากการควบคุมของบริษัทเดียว หาก Qualcomm ไม่ทำเช่นนั้น อนาคตของ Arduino อาจกลายเป็นเพียง “แพลตฟอร์มปิด” ที่สูญเสียคุณค่าดั้งเดิมไป. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Qualcomm เข้าซื้อ Arduino ➡️ ปรับ Terms & Conditions และ Privacy Policy ใหม่ ✅ ข้อกำหนดใหม่ที่ก่อให้เกิดปัญหา ➡️ ห้าม reverse engineering ➡️ ไม่ให้สิทธิ์การใช้สิทธิบัตรกับโครงการที่สร้างบน Arduino ✅ ความกังวลของชุมชน Maker ➡️ IDE และ CLI อาจถูกตีความว่าอยู่ภายใต้ข้อห้ามใหม่ ➡️ ผู้พัฒนาและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง ✅ บทบาทของ Adafruit ➡️ เตือนว่า Qualcomm ไม่เข้าใจคุณค่าของ Arduino ในฐานะคอมมอนส์ ✅ ข้อเสนอเพื่อแก้ไข ➡️ ยืนยันว่า IDE และ CLI จะยังคงโอเพนซอร์ส ➡️ ตั้งมูลนิธิคล้าย Linux Foundation เพื่อปกป้องโครงการ ‼️ คำเตือนด้านความเชื่อมั่น ⛔ หาก Qualcomm ไม่แก้ไข อาจทำให้ชุมชนสูญเสียความไว้วางใจและละทิ้ง Arduino ‼️ คำเตือนด้านระบบนิเวศ ⛔ การตีความข้อห้ามกว้างเกินไปอาจทำลายไลบรารี, คอร์สการสอน, และโครงการนับล้านที่พึ่งพา Arduino https://www.molecularist.com/2025/11/did-qualcomm-kill-arduino-for-good.html
    WWW.MOLECULARIST.COM
    Did Qualcomm kill Arduino for good?
    The maker community worried Qualcomm would kill the Arduino ethos. New T&Cs confirm the community's worst fears. Here's what's at stake, what Qualcomm got wrong, and what might still be salvaged.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • "CrowdStrike ไล่ออกพนักงาน หลังพบขายข้อมูลให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters"

    CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก ได้ยืนยันว่าได้ไล่ออกพนักงานคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยนำข้อมูลภายในไปขายให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง Scattered Lapsus$ Hunters ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters.

    ข้อมูลที่ถูกขายออกไปเป็นภาพหน้าจอของระบบภายใน ซึ่งรวมถึงลิงก์ไปยัง Okta Single Sign-On (SSO) ที่ใช้เป็นหน้าหลักในการเข้าสู่ระบบของพนักงาน CrowdStrike ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน Telegram ของกลุ่มแฮกเกอร์ ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลสำคัญอาจถูกนำไปใช้โจมตีต่อ.

    แม้แฮกเกอร์จะอ้างว่าพวกเขาเจาะระบบ CrowdStrike ผ่านผู้ให้บริการ Gainsight และได้คุกกี้ยืนยันตัวตน แต่ CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการที่พนักงานถ่ายภาพหน้าจอแล้วนำไปขาย ไม่ใช่การบุกรุกเครือข่ายโดยตรง ซึ่งบริษัทสามารถตรวจจับและหยุดยั้งได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย.

    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภัยคุกคามจากคนในองค์กร (Insider Threat) อันตรายไม่แพ้การโจมตีทางเทคนิค และยังเชื่อมโยงกับความพยายามที่กว้างขึ้นของกลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่มุ่งโจมตีบริษัทใหญ่ ๆ ผ่านช่องทางผู้ให้บริการภายนอก CrowdStrike ได้ส่งเรื่องนี้ต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป.

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์หลัก
    พนักงาน CrowdStrike ถูกจับได้ว่าขายข้อมูลภายในให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters

    ข้อมูลที่รั่วไหล
    ภาพหน้าจอระบบภายใน รวมถึง Okta SSO Panel ถูกเผยแพร่บน Telegram

    การป้องกันของ CrowdStrike
    บริษัทตรวจจับกิจกรรมผิดปกติได้ทันเวลา ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
    Scattered Lapsus$ Hunters เป็นการรวมตัวของ Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Insider Threat สามารถสร้างความเสียหายได้มาก แม้ไม่มีการเจาะระบบทางเทคนิค

    คำเตือนด้านการจัดการข้อมูล
    การพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก เช่น Gainsight อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://hackread.com/crowdstrike-fires-worker-insider-leak-scattered-lapsus-hunters/
    🔐 "CrowdStrike ไล่ออกพนักงาน หลังพบขายข้อมูลให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters" CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก ได้ยืนยันว่าได้ไล่ออกพนักงานคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยนำข้อมูลภายในไปขายให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง Scattered Lapsus$ Hunters ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters. ข้อมูลที่ถูกขายออกไปเป็นภาพหน้าจอของระบบภายใน ซึ่งรวมถึงลิงก์ไปยัง Okta Single Sign-On (SSO) ที่ใช้เป็นหน้าหลักในการเข้าสู่ระบบของพนักงาน CrowdStrike ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน Telegram ของกลุ่มแฮกเกอร์ ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลสำคัญอาจถูกนำไปใช้โจมตีต่อ. แม้แฮกเกอร์จะอ้างว่าพวกเขาเจาะระบบ CrowdStrike ผ่านผู้ให้บริการ Gainsight และได้คุกกี้ยืนยันตัวตน แต่ CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการที่พนักงานถ่ายภาพหน้าจอแล้วนำไปขาย ไม่ใช่การบุกรุกเครือข่ายโดยตรง ซึ่งบริษัทสามารถตรวจจับและหยุดยั้งได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย. กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภัยคุกคามจากคนในองค์กร (Insider Threat) อันตรายไม่แพ้การโจมตีทางเทคนิค และยังเชื่อมโยงกับความพยายามที่กว้างขึ้นของกลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่มุ่งโจมตีบริษัทใหญ่ ๆ ผ่านช่องทางผู้ให้บริการภายนอก CrowdStrike ได้ส่งเรื่องนี้ต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์หลัก ➡️ พนักงาน CrowdStrike ถูกจับได้ว่าขายข้อมูลภายในให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters ✅ ข้อมูลที่รั่วไหล ➡️ ภาพหน้าจอระบบภายใน รวมถึง Okta SSO Panel ถูกเผยแพร่บน Telegram ✅ การป้องกันของ CrowdStrike ➡️ บริษัทตรวจจับกิจกรรมผิดปกติได้ทันเวลา ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Scattered Lapsus$ Hunters เป็นการรวมตัวของ Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Insider Threat สามารถสร้างความเสียหายได้มาก แม้ไม่มีการเจาะระบบทางเทคนิค ‼️ คำเตือนด้านการจัดการข้อมูล ⛔ การพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก เช่น Gainsight อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://hackread.com/crowdstrike-fires-worker-insider-leak-scattered-lapsus-hunters/
    HACKREAD.COM
    CrowdStrike Fires Worker Over Insider Leak to Scattered Lapsus Hunters
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • 12 ธ.ค. เปิดรถไฟ ETS3 ยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) นายแอนโธนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริการรถไฟ ETS3 ระหว่างสถานียะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย จะเริ่มให้บริการในวันที่ 12 ธ.ค. โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย จะเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิด ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ในวันที่ 11 ธ.ค. ก่อนที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันถัดไป เบื้องต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral เป็นหลัก ส่วนเส้นทางไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) และ ปาดังเบซาร์ (Padang Besar) มีกำหนดให้บริการในระยะต่อไป

    ด้านการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ชี้แจงว่า กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับบริการรถไฟ ETS3 โดยได้เตรียมกำหนดเวลาเดินรถ ระบบตั๋วโดยสาร และการจัดสรรพนักงานให้บริการในเส้นทางดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงรอการอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากหน่วยงานขนส่งสาธารณะทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ขณะที่ขบวนรถไฟ ETS3 รุ่นใหม่ล่าสุด 4 ขบวน จากทั้งหมด 10 ขบวน ผ่านการตรวจสอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย (PCA) ซึ่งได้รับการรับรองและพร้อมใช้งานแล้ว เริ่มต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral รวม 4 เที่ยวต่อวัน ซึ่งจะเพิ่มความถี่ในการเดินทางควบคู่ไปกับการส่งมอบขบวนรถไฟเพิ่มเติม

    ส่วนเส้นทาง JB Sentral มุ่งหน้าไปยังรัฐทางเหนือ จะดำเนินการเป็นขั้นตอนตามความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ข้อกำหนดด้านการจัดตารางเวลาเดินรถ และความพร้อมของสินทรัพย์ในการดำเนินงาน

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) นายโมฮัมหมัด ฟาซลี โมฮัมหมัด ซัลเลห์ ประธานคณะกรรมการด้านงานก่อสร้าง ขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารของรัฐยะโฮร์ กล่าวต่อสภานิติบัญญัติของรัฐยะโฮร์ ว่า โครงการรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร มูลค่า 8,900 ล้านริงกิต (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) ที่รอคอยกันมายาวนาน มีความคืบหน้าไปแล้ว 99.94% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือน พ.ย.

    โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2559 ผ่านเมืองเซกามัต คลวง กูไล และยะโฮร์บาห์รู โดยงานโยธาในขั้นสุดท้ายกำลังดำเนินการอยู่ ก่อนที่เส้นทางรถไฟจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งรูปแบบการให้บริการรถไฟ ETS จะให้บริการวันละ 12 เที่ยว ภายใต้ตารางเดินรถเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ 8 เที่ยวต่อวัน เส้นทางยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์ 2 เที่ยวต่อวัน และเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวอร์ธ 2 เที่ยวต่อวัน

    #Newskit
    12 ธ.ค. เปิดรถไฟ ETS3 ยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) นายแอนโธนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริการรถไฟ ETS3 ระหว่างสถานียะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย จะเริ่มให้บริการในวันที่ 12 ธ.ค. โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย จะเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิด ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ในวันที่ 11 ธ.ค. ก่อนที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันถัดไป เบื้องต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral เป็นหลัก ส่วนเส้นทางไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) และ ปาดังเบซาร์ (Padang Besar) มีกำหนดให้บริการในระยะต่อไป ด้านการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ชี้แจงว่า กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับบริการรถไฟ ETS3 โดยได้เตรียมกำหนดเวลาเดินรถ ระบบตั๋วโดยสาร และการจัดสรรพนักงานให้บริการในเส้นทางดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงรอการอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากหน่วยงานขนส่งสาธารณะทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ขณะที่ขบวนรถไฟ ETS3 รุ่นใหม่ล่าสุด 4 ขบวน จากทั้งหมด 10 ขบวน ผ่านการตรวจสอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย (PCA) ซึ่งได้รับการรับรองและพร้อมใช้งานแล้ว เริ่มต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral รวม 4 เที่ยวต่อวัน ซึ่งจะเพิ่มความถี่ในการเดินทางควบคู่ไปกับการส่งมอบขบวนรถไฟเพิ่มเติม ส่วนเส้นทาง JB Sentral มุ่งหน้าไปยังรัฐทางเหนือ จะดำเนินการเป็นขั้นตอนตามความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ข้อกำหนดด้านการจัดตารางเวลาเดินรถ และความพร้อมของสินทรัพย์ในการดำเนินงาน ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) นายโมฮัมหมัด ฟาซลี โมฮัมหมัด ซัลเลห์ ประธานคณะกรรมการด้านงานก่อสร้าง ขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารของรัฐยะโฮร์ กล่าวต่อสภานิติบัญญัติของรัฐยะโฮร์ ว่า โครงการรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร มูลค่า 8,900 ล้านริงกิต (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) ที่รอคอยกันมายาวนาน มีความคืบหน้าไปแล้ว 99.94% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือน พ.ย. โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2559 ผ่านเมืองเซกามัต คลวง กูไล และยะโฮร์บาห์รู โดยงานโยธาในขั้นสุดท้ายกำลังดำเนินการอยู่ ก่อนที่เส้นทางรถไฟจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งรูปแบบการให้บริการรถไฟ ETS จะให้บริการวันละ 12 เที่ยว ภายใต้ตารางเดินรถเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ 8 เที่ยวต่อวัน เส้นทางยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์ 2 เที่ยวต่อวัน และเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวอร์ธ 2 เที่ยวต่อวัน #Newskit
    1 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/WZHErG13shE?si=_-r2Ga3tpa8_qc0F
    https://youtu.be/WZHErG13shE?si=_-r2Ga3tpa8_qc0F
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 2
    จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่
    ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน
    ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี
    ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895
    ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ
    แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง
    แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ
    ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่
    หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก
    ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม
    จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น
    ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ
    แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น
    ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่
    ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
    การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า
    มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่
    ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?!
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 2 จะเท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่นก็ต้องฝึกหัด เป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้ แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็เป็นเป้าหมายแรก สำหรับนักล่าหน้าใหม่ จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่ ปี ค.ศ.1876 เกาหลี ยังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมายที่ตะวันตกสาระพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน แต่ที่สำคัญ เกาหลี อุดมไปด้วยเหล็ก และถ่านหิน ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตก รุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี เกาหลี ตกใจ เลย ตกลง นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ้ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-1895 ผลการรบปรากฏว่า จีน แพ้ ญี่ปุ่น อย่างหมดรูป จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบไม่ เหลือรัศมี ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่งเสีย และส่งมาให้เราแทน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ แค่นั้น ยังไม่หน่ำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง Liaodong Penninsula ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว คราวนี้ก็สนุกซิครับ ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้ อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลี และที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่า อีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-1905 ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้น เป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตง หรือแคว้นกวางตุ้ง นั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัตืของแมนจูเรีย คือทางรถไฟ สายแมนจูเรียอีกด้วย อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อน ทางรถไฟคือเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซีย ที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่าน ที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เข้ว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขว้อยู่ หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่น ประกาศผนวกเกาหลี เป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง และมันอร่อยถูกปากจริงๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 ข้อเรียกร้องที่เป็นที่ฮือฮา คือ ญี่ปุ่นต้องการให้จีนส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้านเมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้ จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่ คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำใ้ห้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวนการขัดคอ ขวางทาง ญี่ปุ่น จึงมาจากทุกทิศ ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ แล้วบรรยากาศความเป็นมิตร ก็เรื่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม เช่น อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือเบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่น มาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปาก แบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง รวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัว ตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist government และตั้งเมืองนานกิง Nanking หรือบ้างก็เรียก นานจิง Nanjing เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสม์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊ก จะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ. 1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรีย และแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้ จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่น ตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรอง ญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพาน มาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937 สงครามระหว่างจีน กับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่าง สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันสู้ยิบตากับญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไข หลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยือเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุด ก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การรบกับจีนครั้งนี้ แม้จะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิด ของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น และกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมัน ร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมืภาค นอกจากนั้น ในสายตาของนักล่านานาชาติ ยังรุมกันประณามญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหดร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเพี้ยบเลย แต่ทำไม พอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก แต่ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอะ จะเอายังไงกันแน่ ญี่ปุ่นเดืนตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย อีกแห่งคือ ลงใต้ มาเอาแถบแปซิฟิก แต่ แปซืฟิกใต้ ส่วนใหญ่ ก็เป็น อาณานิคม ของอังกฤษ ในที่สุด ญี่ปุ่นก็เลือกลงใต้บุกแปซิฟิก !?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 1
    ในที่สุด ภาพของญี่ปุ่น ที่วาดไว้อย่างสวยงามว่า เป็นชาติที่รักความสงบ ไม่มีวันไปรุกรานใครอีกตลอดกาล ตามรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ที่อเมริกาเขียนให้เมื่อปี ค.ศ.1948 ก็ถูกลบทิ้งเรียบร้อย เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เมื่อสภาล่างของญี่ปุ่น ได้ลงคะแนนผ่านกฏหมาย ที่จะแปลความรัฐธรรมนูญดังกล่าให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองทัที่มีไว้เพื่อป้องกันตนเอง Self Defence Force (SDF) ถลาร่อนไปได้ทั่วโลก แบกถาดไปได้ทุกแห่ง ตามคำสั่งของนายท่าน ไอ้ที่บอกว่าจะ ไม่รุกรานใครอีกตลอดกาล ของญี่ปุ่นนี่ “ตลอดกาล” มันนานมาก นานน้อย แค่ไหนก็ได้ ตามแต่นายท่านจะสั่ง
    กฏหมายนี้ ยังจะต้องผ่านสภาสูงอีกรอบ ภายในเดือนสิงหาคม แต่ไม่มีปัญหา เขาว่าพรรค LPD ของนายอาเบะคุมเสียงต้ัง 2 ใน 3 ของสภาสูง นอนหลับตาไขว้ห้างได้สบายใจ ไม่ต้องเอามือก่ายหน้าผาก แถมสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมตัดชุดแบกถาดล่วงหน้าได้ ไม่ต้องกลัวเป็นซามูไรสายบัวเหี่ยว
    ตั้งแต่ข่าวนี้ออกสื่อ มีเสียงดังเหมือนมังกรคำราม ออกมาอย่างไม่พอใจ ไม่ต้องสงสัย มาจากบ้านอาเฮียของผมนั่นแหละ ทำไมอาเฮียต้องเอ็ดตะโรด้วย ใครเขาอยากจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือแก้อะไร เฮียก็อย่าไปใส่ใจน่า อย่าทำตัวเหมือนไอ้พวกใบตองแห้ง ที่ไม่พอใจไปหมด เดี๋ยวก็สั่งให้แก้ สั่งให้ถอด สั่งให้เปิด สั่งให้เปลี่ยน สั่งมันทุกอย่าง เหลืออย่างเดียว ยังไม่ได้ให้สั่งขี้มูก สั่งมาซีวะ กำลังถูกหวัดต้นฝนเล่นงานอยู่ จะได้เอาให้หน้าสถานทูตมันลื่นพราดเชียว (ฮา)
    อาเฮียบอกไม่ขำ (โว้ย) อ้าว เฮียครับ ธรรมดาก็เห็นหยอกกันได้ แต่เรื่องไอ้ยุ่นแบกถาดนี่ ทำไมเฮียบูดกระทันหัน เรื่องทะเลาะกันตีกัน มันก็นาน 70, 80 ปีแล้วนะ เป็นแผลก็ตกสะเก็ด ไปแล้ว เฮียไปเกาซ้ำแผลมันจะหายได้ยังไง อาเฮียบอก ลื้อไปศึกษาดูให้ดี อย่าดีแต่พล่าม หายเซ่อ แล้วคอยมาคุยกันว่า ทำไมแผลเก่านาน กว่า 70 ปี ถึงไม่ตกสะเก็ดเสียที
    จริงของอาเฮีย ผมเองยังเซ่อจับเกี่ยวเรื่องญี่ปุ่น มีคำถามค้างกับตัวเองอยู่หลายเรื่อง มองบางอย่างยังไม่ชัด เหมือนอะไรมันยังขัดกัน หรือ หมุนไปคนละทาง
    อะไรทำให้ญี่ปุ่น ลุกขึ้นไปรุกรานเพื่อนบ้านตัวเอง อย่างหิวกระหายและทารุณ และไปเข้าร่วมทำสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างดุดันและเหี้ยมโหด ญี่ปุ่นโกรธแค้นใครมาหรือญี่ปุ่นถูกหลอก หรือมีข้อตกลงกับใคร หรือมันเป็นนิสัยของชนชาติที่รักษาเกียรติยศด้วยการเอามีดคว้านท้องตัวเอง ก็เลยเห็นชีวิตคนอื่นไม่ต่างกับผักดองหรือสาหร่าย
    ผมว่า เรามาเริ่มจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แบบสั้นๆ แต่แพนกล้องให้กว้าง แล้วค่อยๆเจาะลึกดีกว่า จริงๆอยากเขียนแบบ ต้มข้ามศตวรรษ อีกรอบ แต่สงสัยทั้งคนเขียน และคนอ่านหมดแรงไปก่อนวันอันควร
    จากหลักสูตรการศึกษาวิชาประวัติ ศาสตร์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ที่ฝรั่งเขียน มักจะระบุว่า พฤติกรรมของญี่ปุ่น ที่แสดงในช่วง ค.ศ.1852 ถึง 1945 มาจากแรงผลักดัน ที่ไม่อยากมีชะตา หรือสภาพอย่างจีน เมื่อช่วงศตวรรษ ที่ 19 อืม… เริ่มแบบนี้ ผมเกรงว่า แผลเก่าของอาเฮีย จะกลายเป็นแผลใหม่สดขึ้นมาอีก อาเฮีย อย่าเพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ ให้ผมพล่ามให้จบก่อน ผมยังไม่อยากมีเรื่องกับมังกร
    นักประวัติศาสตร์ บอกว่า สำหรับญี่ปุ่น การเข้าสู่สงครามโลก มันลามมาจากการปะทะกัน ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ที่เรียกว่า สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 Second Sino Japanese War หรือ ที่เรียกอีกชื่อว่า Marco Polo Bridge Incident ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1937 หลังจากที่มีการทุบถอง ปะทะกันตามแนวเขตแดนมาหลายปี ต้ังแต่ญี่ปุ่นไปบุกแมนจูเรีย ในปี ค.ศ.1931 นู่น
    เอะ แล้วญี่ปุ่นนึกยังไง ถึงซ่าเข้าไปบุกแมนจูเรีย นักประวัติศาสตร์บอกว่า งั้นต้องถอยกลับมาปี ค.ศ1853 ก่อน ถึงจะเดินหน้าต่อ อย่าเพิ่งโวยว่า ผมถอยไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกัน เอาน่า จะรู้เรื่องอะไร ก็รู้ให้มันชัดๆ ดีกว่ารู้เรื่องดาราทะเลาะกัน งอนกัน ที่จริงๆแล้ว เราก็ไม่รู้เรื่องจริงของพวกเขาอยู่ดี ใช่ไหมครับ
    ก่อนปี ค.ศ.1853 นักประวัติศาสตร์ บอกญี่ปุ่นเป็นชาติ ที่รักสันโดษ ไม่คบค้ากับใคร นานๆ ก็มีชาวดัชท์เอาเรือบรรทุกสินค้าแวะมาจอด ซื้อของขายของ แถวท่าเรือที่เมืองนางาซากิ Nagasaki ชาวต่างชาตินอกเหนือจากนั้น ไม่อนุญาต ไม่รู้ดัชท์หลุดมาได้ไง
    พอถึงปี ค.ศ.1853 ต้นเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยรักสันโดษ ก็มาถึง นาวาโทแมทธิว เพอรี่ นำเรือรบอเมริกันมาจอด อยู่ที่ปากอ่าวเมืองโตเกียว และไม่ได้มากันลำเดียว ขนกันมาถึง 4 ลำ เล่นเอาปากอ่าว แน่นเอี้ยด นี่มันสูตรสำเร็จ แจกโรเนียวเลยนะ เอาเรือรบมาขอจับมือ
    ญี่ปุ่นเห็นเรือรบที่ไม่ได้รับ เชิญ มาจอดเต็มหน้าบ้าน ก็ยัวะจัด บังวิวสวยๆหมด เลยท้าวสะเอวถลกกิโมโน ชี้นิ้วตะโกนไล่ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ทหารเรือฝรั่งบอกว่า ไม่ไป แถมหันปืนใหญ่ใส่เมืองโตเกียว ญี่ปุ่นยิ่งยั๊วะ รวบรวมเรือเล็กเรือน้อย ติดธงทิวสวยงาม ไปล้อมเรือรบ น่าเอ็นดูจัง แต่ทหารเรือ ไม่เอ็นดูด้วย กลับยื่นจดหมายของประธานาธิบดี Millard Fillmore แห่งแดนใบตองแห้ง เอ้า เอาไปส่งให้โชกุนโตกุกาวาที่ปก ครองญี่ปุ่นขณะนั้น แถมด้วยยิงปืนใหญ่โชว์ จนบ้านน้อยๆของชาวญี่ปุ่น ที่อยู่ริมอ่าวพังพินาศ นักประวัติศาสตร์ ไม่ได้จดมาว่าพังไปเท่าไหร่ ว่าแล้วก็แล่นเรือจากไป แต่ไม่ไปลับ สำทับกับชาวญี่ปุ่น ที่ยังไม่หายตกใจ หูอื้อจากเสียงปืนใหญ่…. แล้วเราจะกลับมาเอาคำตอบ….ฮู้ย เข้มซะไม่มี เอาปืนใหญ่ มาขู่กระบอกไม้ไผ่ ซามูไรมุดหัวหายไปไหนหมด
    หนึ่งปีผ่านไป ทหารเรือพกปืนใหญ่ก็กลับมาจริง คราวนี้ยกโขยงเรือรบมากัน 8 ลำ คราวที่แล้วมา 4 ลำ ดูจะน้อยไป เดี๋ยวจะสู้กับไม้ไผ่ไม่ไหว แถมมาพร้อมกับมือเหล็ก ยื่นมาบีบคอญี่ปุ่น ให้เซ็นสัญญา Convention of Kanagawa ให้ญี่ปุ่นเปิดท่าเรือชิโมดะ Shimoda (ชื่อเดิมของโตเกียวนั่นแหละ) และเมือง ฮาโกดาเตะ Hagodate ซึ่งอยู่ทางใต้ของฮอกไกโด Hokkaido เพื่อค้าขายกับอเมริกา ตามเงื่อนไขที่อเมริกากำหนด ญี่ปุ่นคิดหนัก เฮ้อ… ซามูไร ถึงจะคมยังไง ก็คงสู้กับปืนใหญ่ลำบาก เนะ… ว่าแล้วก็คอตก หน้าก้ม ยกมือขึ้นประทับตรา ในสัญญาขู่เอาไมตรี
    (หมายเหตุ ก่อนเดินหน้าเล่าต่อ ถ้าผมเรียกชื่อ สะกดชื่อญี่ปุ่นผิด ก็ไม่ต้องทักท้วงกันมาหลังจอนะ ครับ รบกวนบอกกันหน้าจอเลยว่า ผิดที่ไหน ที่ถูก ต้องเรียกยังไง ผมจะขอบคุณมาก ผมแค่เขียนนิทานให้อ่าน ไม่ใช่ครูสอนภาษา และผมก็ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น แต่ก็พยายามจะไม่เขียนแบบมั่ว หรือชุ่ยครับ อ้อ ไม่ใช่เฉพาะภาษาญี่ปุ่นนะครับ ทุกภาษาที่สะกดผิด นิทานเรื่องนี้ จะมีทั้งภาษาจีน ภาษาฝรั่งอั้งม้อ รวมทั้งภาษาไทย ที่ตอนเขียนถูก แต่ตอนโพสต์ผิดก็มี และมีแยะขึ้น บางวันถึงขนาด เครื่องมันขึ้น F ให้หน้าเพจผม ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน บางครั้งก็แก้ไขทัน บางทีก็ไม่ทัน ก็ขอความกรุณา อย่า งง เขียนนิทานแบบนี้ ลงเพจให้อ่านกัน เหมือนเล่นกระดานโต้คลื่น พยุงตัวให้รอด ไม่จมน้ำหาย ได้โผล่หัวอยู่มาได้ เกือบ 2 ปีนี่ ก็กินแรงแยะเหมือนกันนะครับ แรงคนแก่มีเหลือไม่มาก เรื่องอะไรที่ไม่ถึงกับขัดหู ขัดตา ก็ปล่อยไปบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้า)
    เรื่อง นายนาวาโทเพอรี่ ขี่เรือรบพกปืนใหญ่ มาขู่เอาไมตรีกับญี่ปุ่นนี่ จริงๆ ทำเอาซามูไรหน้าจ๋อย ใจฝ่อไปจม ที่เคยเชื่อว่า ตนเองเป็นชาติที่เข็มแข็ง ซามูไรคมกริบ ไม่เคยพลาดเป้า ตอนนี้เหงื่อตก คิดหนัก เราด้อยกว่าเขาแยะนักหรือ ขนาดจีนว่าใหญ่ ยังโดนไอ้พวกไกยิ่น (ญี่ปุ่น เรียก ฝรั่ง ว่า Gai-Jin) เล่นซะร่วง แล้วเราจะทำอย่างไรดี
    ด้วยความกลัวไอ้พวกไกยิ่น เอาปืนใหญ่มายิงโชว์อีก ญึ่ปุ่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มีทางเดียวเราต้องปฏิรูปตัวเอง ญี่ปุ่นทำจริงจัง ปี ค.ศ.1868 ญี่ปุ่นจัดการบ้านการเมืองตัวเองใหม่ เรียกว่า Meiji Restoration เริ่มขบวนการปลดโชกุน ที่เคยมีอำนาจใหญ่กว่าฟ้า กลับลงมาสู่พื้น แล้วเอาอำนาจให้มาอยู่ในมือของจักรพรรดิแทน หรือจริงๆ ก็คืออยู่ในมือของกลุ่มที่ชักใยอยู่หลังฉาก ที่ไปปลดโชกุน และอุ้มจักรพรรดิขึ้นมาเป็นเจว็ด นั่นแหละ
    กลุ่มมือที่อยู่หลักฉาก เชื่อว่า ด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างทางสังคม โดยล้มเลิกระบบขุนนาง ปรับปรุงกองทัพให้เข็มแข็ง และวางแผนให้ประเทศเดินหน้าไปทางด้านอุตสาหกรรม พยายามสร้างชาติใหม่ให้เท่าทันตะวันตก ชะตาชีวิตของประเทศ ก็น่าจะพ้นจากสภาพการถูกไอ้พวก ไกยิ่นทำลาย พวกสังคมอีลิต ต่างพากันสลัดกิโมโนทิ้ง มาแต่งตัว และใส่หมวกแบบตะวันตก แล้วชาวญี่ปุ่นหัวสมัยใหม่ ก็รีบสร้างระบบรัฐสภา เร่งร่างรัฐธรรมนูญ… นี่ ผมกำลังเล่าเรื่องญี่ปุ่นนะครับ..
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 1 ในที่สุด ภาพของญี่ปุ่น ที่วาดไว้อย่างสวยงามว่า เป็นชาติที่รักความสงบ ไม่มีวันไปรุกรานใครอีกตลอดกาล ตามรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ที่อเมริกาเขียนให้เมื่อปี ค.ศ.1948 ก็ถูกลบทิ้งเรียบร้อย เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เมื่อสภาล่างของญี่ปุ่น ได้ลงคะแนนผ่านกฏหมาย ที่จะแปลความรัฐธรรมนูญดังกล่าให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองทัที่มีไว้เพื่อป้องกันตนเอง Self Defence Force (SDF) ถลาร่อนไปได้ทั่วโลก แบกถาดไปได้ทุกแห่ง ตามคำสั่งของนายท่าน ไอ้ที่บอกว่าจะ ไม่รุกรานใครอีกตลอดกาล ของญี่ปุ่นนี่ “ตลอดกาล” มันนานมาก นานน้อย แค่ไหนก็ได้ ตามแต่นายท่านจะสั่ง กฏหมายนี้ ยังจะต้องผ่านสภาสูงอีกรอบ ภายในเดือนสิงหาคม แต่ไม่มีปัญหา เขาว่าพรรค LPD ของนายอาเบะคุมเสียงต้ัง 2 ใน 3 ของสภาสูง นอนหลับตาไขว้ห้างได้สบายใจ ไม่ต้องเอามือก่ายหน้าผาก แถมสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมตัดชุดแบกถาดล่วงหน้าได้ ไม่ต้องกลัวเป็นซามูไรสายบัวเหี่ยว ตั้งแต่ข่าวนี้ออกสื่อ มีเสียงดังเหมือนมังกรคำราม ออกมาอย่างไม่พอใจ ไม่ต้องสงสัย มาจากบ้านอาเฮียของผมนั่นแหละ ทำไมอาเฮียต้องเอ็ดตะโรด้วย ใครเขาอยากจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือแก้อะไร เฮียก็อย่าไปใส่ใจน่า อย่าทำตัวเหมือนไอ้พวกใบตองแห้ง ที่ไม่พอใจไปหมด เดี๋ยวก็สั่งให้แก้ สั่งให้ถอด สั่งให้เปิด สั่งให้เปลี่ยน สั่งมันทุกอย่าง เหลืออย่างเดียว ยังไม่ได้ให้สั่งขี้มูก สั่งมาซีวะ กำลังถูกหวัดต้นฝนเล่นงานอยู่ จะได้เอาให้หน้าสถานทูตมันลื่นพราดเชียว (ฮา) อาเฮียบอกไม่ขำ (โว้ย) อ้าว เฮียครับ ธรรมดาก็เห็นหยอกกันได้ แต่เรื่องไอ้ยุ่นแบกถาดนี่ ทำไมเฮียบูดกระทันหัน เรื่องทะเลาะกันตีกัน มันก็นาน 70, 80 ปีแล้วนะ เป็นแผลก็ตกสะเก็ด ไปแล้ว เฮียไปเกาซ้ำแผลมันจะหายได้ยังไง อาเฮียบอก ลื้อไปศึกษาดูให้ดี อย่าดีแต่พล่าม หายเซ่อ แล้วคอยมาคุยกันว่า ทำไมแผลเก่านาน กว่า 70 ปี ถึงไม่ตกสะเก็ดเสียที จริงของอาเฮีย ผมเองยังเซ่อจับเกี่ยวเรื่องญี่ปุ่น มีคำถามค้างกับตัวเองอยู่หลายเรื่อง มองบางอย่างยังไม่ชัด เหมือนอะไรมันยังขัดกัน หรือ หมุนไปคนละทาง อะไรทำให้ญี่ปุ่น ลุกขึ้นไปรุกรานเพื่อนบ้านตัวเอง อย่างหิวกระหายและทารุณ และไปเข้าร่วมทำสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างดุดันและเหี้ยมโหด ญี่ปุ่นโกรธแค้นใครมาหรือญี่ปุ่นถูกหลอก หรือมีข้อตกลงกับใคร หรือมันเป็นนิสัยของชนชาติที่รักษาเกียรติยศด้วยการเอามีดคว้านท้องตัวเอง ก็เลยเห็นชีวิตคนอื่นไม่ต่างกับผักดองหรือสาหร่าย ผมว่า เรามาเริ่มจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แบบสั้นๆ แต่แพนกล้องให้กว้าง แล้วค่อยๆเจาะลึกดีกว่า จริงๆอยากเขียนแบบ ต้มข้ามศตวรรษ อีกรอบ แต่สงสัยทั้งคนเขียน และคนอ่านหมดแรงไปก่อนวันอันควร จากหลักสูตรการศึกษาวิชาประวัติ ศาสตร์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ที่ฝรั่งเขียน มักจะระบุว่า พฤติกรรมของญี่ปุ่น ที่แสดงในช่วง ค.ศ.1852 ถึง 1945 มาจากแรงผลักดัน ที่ไม่อยากมีชะตา หรือสภาพอย่างจีน เมื่อช่วงศตวรรษ ที่ 19 อืม… เริ่มแบบนี้ ผมเกรงว่า แผลเก่าของอาเฮีย จะกลายเป็นแผลใหม่สดขึ้นมาอีก อาเฮีย อย่าเพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ ให้ผมพล่ามให้จบก่อน ผมยังไม่อยากมีเรื่องกับมังกร นักประวัติศาสตร์ บอกว่า สำหรับญี่ปุ่น การเข้าสู่สงครามโลก มันลามมาจากการปะทะกัน ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ที่เรียกว่า สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 Second Sino Japanese War หรือ ที่เรียกอีกชื่อว่า Marco Polo Bridge Incident ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1937 หลังจากที่มีการทุบถอง ปะทะกันตามแนวเขตแดนมาหลายปี ต้ังแต่ญี่ปุ่นไปบุกแมนจูเรีย ในปี ค.ศ.1931 นู่น เอะ แล้วญี่ปุ่นนึกยังไง ถึงซ่าเข้าไปบุกแมนจูเรีย นักประวัติศาสตร์บอกว่า งั้นต้องถอยกลับมาปี ค.ศ1853 ก่อน ถึงจะเดินหน้าต่อ อย่าเพิ่งโวยว่า ผมถอยไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกัน เอาน่า จะรู้เรื่องอะไร ก็รู้ให้มันชัดๆ ดีกว่ารู้เรื่องดาราทะเลาะกัน งอนกัน ที่จริงๆแล้ว เราก็ไม่รู้เรื่องจริงของพวกเขาอยู่ดี ใช่ไหมครับ ก่อนปี ค.ศ.1853 นักประวัติศาสตร์ บอกญี่ปุ่นเป็นชาติ ที่รักสันโดษ ไม่คบค้ากับใคร นานๆ ก็มีชาวดัชท์เอาเรือบรรทุกสินค้าแวะมาจอด ซื้อของขายของ แถวท่าเรือที่เมืองนางาซากิ Nagasaki ชาวต่างชาตินอกเหนือจากนั้น ไม่อนุญาต ไม่รู้ดัชท์หลุดมาได้ไง พอถึงปี ค.ศ.1853 ต้นเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยรักสันโดษ ก็มาถึง นาวาโทแมทธิว เพอรี่ นำเรือรบอเมริกันมาจอด อยู่ที่ปากอ่าวเมืองโตเกียว และไม่ได้มากันลำเดียว ขนกันมาถึง 4 ลำ เล่นเอาปากอ่าว แน่นเอี้ยด นี่มันสูตรสำเร็จ แจกโรเนียวเลยนะ เอาเรือรบมาขอจับมือ ญี่ปุ่นเห็นเรือรบที่ไม่ได้รับ เชิญ มาจอดเต็มหน้าบ้าน ก็ยัวะจัด บังวิวสวยๆหมด เลยท้าวสะเอวถลกกิโมโน ชี้นิ้วตะโกนไล่ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ทหารเรือฝรั่งบอกว่า ไม่ไป แถมหันปืนใหญ่ใส่เมืองโตเกียว ญี่ปุ่นยิ่งยั๊วะ รวบรวมเรือเล็กเรือน้อย ติดธงทิวสวยงาม ไปล้อมเรือรบ น่าเอ็นดูจัง แต่ทหารเรือ ไม่เอ็นดูด้วย กลับยื่นจดหมายของประธานาธิบดี Millard Fillmore แห่งแดนใบตองแห้ง เอ้า เอาไปส่งให้โชกุนโตกุกาวาที่ปก ครองญี่ปุ่นขณะนั้น แถมด้วยยิงปืนใหญ่โชว์ จนบ้านน้อยๆของชาวญี่ปุ่น ที่อยู่ริมอ่าวพังพินาศ นักประวัติศาสตร์ ไม่ได้จดมาว่าพังไปเท่าไหร่ ว่าแล้วก็แล่นเรือจากไป แต่ไม่ไปลับ สำทับกับชาวญี่ปุ่น ที่ยังไม่หายตกใจ หูอื้อจากเสียงปืนใหญ่…. แล้วเราจะกลับมาเอาคำตอบ….ฮู้ย เข้มซะไม่มี เอาปืนใหญ่ มาขู่กระบอกไม้ไผ่ ซามูไรมุดหัวหายไปไหนหมด หนึ่งปีผ่านไป ทหารเรือพกปืนใหญ่ก็กลับมาจริง คราวนี้ยกโขยงเรือรบมากัน 8 ลำ คราวที่แล้วมา 4 ลำ ดูจะน้อยไป เดี๋ยวจะสู้กับไม้ไผ่ไม่ไหว แถมมาพร้อมกับมือเหล็ก ยื่นมาบีบคอญี่ปุ่น ให้เซ็นสัญญา Convention of Kanagawa ให้ญี่ปุ่นเปิดท่าเรือชิโมดะ Shimoda (ชื่อเดิมของโตเกียวนั่นแหละ) และเมือง ฮาโกดาเตะ Hagodate ซึ่งอยู่ทางใต้ของฮอกไกโด Hokkaido เพื่อค้าขายกับอเมริกา ตามเงื่อนไขที่อเมริกากำหนด ญี่ปุ่นคิดหนัก เฮ้อ… ซามูไร ถึงจะคมยังไง ก็คงสู้กับปืนใหญ่ลำบาก เนะ… ว่าแล้วก็คอตก หน้าก้ม ยกมือขึ้นประทับตรา ในสัญญาขู่เอาไมตรี (หมายเหตุ ก่อนเดินหน้าเล่าต่อ ถ้าผมเรียกชื่อ สะกดชื่อญี่ปุ่นผิด ก็ไม่ต้องทักท้วงกันมาหลังจอนะ ครับ รบกวนบอกกันหน้าจอเลยว่า ผิดที่ไหน ที่ถูก ต้องเรียกยังไง ผมจะขอบคุณมาก ผมแค่เขียนนิทานให้อ่าน ไม่ใช่ครูสอนภาษา และผมก็ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น แต่ก็พยายามจะไม่เขียนแบบมั่ว หรือชุ่ยครับ อ้อ ไม่ใช่เฉพาะภาษาญี่ปุ่นนะครับ ทุกภาษาที่สะกดผิด นิทานเรื่องนี้ จะมีทั้งภาษาจีน ภาษาฝรั่งอั้งม้อ รวมทั้งภาษาไทย ที่ตอนเขียนถูก แต่ตอนโพสต์ผิดก็มี และมีแยะขึ้น บางวันถึงขนาด เครื่องมันขึ้น F ให้หน้าเพจผม ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน บางครั้งก็แก้ไขทัน บางทีก็ไม่ทัน ก็ขอความกรุณา อย่า งง เขียนนิทานแบบนี้ ลงเพจให้อ่านกัน เหมือนเล่นกระดานโต้คลื่น พยุงตัวให้รอด ไม่จมน้ำหาย ได้โผล่หัวอยู่มาได้ เกือบ 2 ปีนี่ ก็กินแรงแยะเหมือนกันนะครับ แรงคนแก่มีเหลือไม่มาก เรื่องอะไรที่ไม่ถึงกับขัดหู ขัดตา ก็ปล่อยไปบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้า) เรื่อง นายนาวาโทเพอรี่ ขี่เรือรบพกปืนใหญ่ มาขู่เอาไมตรีกับญี่ปุ่นนี่ จริงๆ ทำเอาซามูไรหน้าจ๋อย ใจฝ่อไปจม ที่เคยเชื่อว่า ตนเองเป็นชาติที่เข็มแข็ง ซามูไรคมกริบ ไม่เคยพลาดเป้า ตอนนี้เหงื่อตก คิดหนัก เราด้อยกว่าเขาแยะนักหรือ ขนาดจีนว่าใหญ่ ยังโดนไอ้พวกไกยิ่น (ญี่ปุ่น เรียก ฝรั่ง ว่า Gai-Jin) เล่นซะร่วง แล้วเราจะทำอย่างไรดี ด้วยความกลัวไอ้พวกไกยิ่น เอาปืนใหญ่มายิงโชว์อีก ญึ่ปุ่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มีทางเดียวเราต้องปฏิรูปตัวเอง ญี่ปุ่นทำจริงจัง ปี ค.ศ.1868 ญี่ปุ่นจัดการบ้านการเมืองตัวเองใหม่ เรียกว่า Meiji Restoration เริ่มขบวนการปลดโชกุน ที่เคยมีอำนาจใหญ่กว่าฟ้า กลับลงมาสู่พื้น แล้วเอาอำนาจให้มาอยู่ในมือของจักรพรรดิแทน หรือจริงๆ ก็คืออยู่ในมือของกลุ่มที่ชักใยอยู่หลังฉาก ที่ไปปลดโชกุน และอุ้มจักรพรรดิขึ้นมาเป็นเจว็ด นั่นแหละ กลุ่มมือที่อยู่หลักฉาก เชื่อว่า ด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างทางสังคม โดยล้มเลิกระบบขุนนาง ปรับปรุงกองทัพให้เข็มแข็ง และวางแผนให้ประเทศเดินหน้าไปทางด้านอุตสาหกรรม พยายามสร้างชาติใหม่ให้เท่าทันตะวันตก ชะตาชีวิตของประเทศ ก็น่าจะพ้นจากสภาพการถูกไอ้พวก ไกยิ่นทำลาย พวกสังคมอีลิต ต่างพากันสลัดกิโมโนทิ้ง มาแต่งตัว และใส่หมวกแบบตะวันตก แล้วชาวญี่ปุ่นหัวสมัยใหม่ ก็รีบสร้างระบบรัฐสภา เร่งร่างรัฐธรรมนูญ… นี่ ผมกำลังเล่าเรื่องญี่ปุ่นนะครับ.. สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar

    Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้
    เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects

    FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon
    ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks

    Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing

    Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ
    ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน
    https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system

    AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้
    บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider

    ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก
    ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally

    Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์
    Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions

    สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google
    บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด
    https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google

    กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด
    รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for

    AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้
    ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that

    Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย
    บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations

    Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding"
    Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก
    https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important

    รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday
    นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี
    https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far

    Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ
    Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do

    ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ
    Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday

    Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่
    Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool

    Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก

    Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking

    รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven
    หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review

    ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link
    มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe

    Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์
    Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes

    X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง
    แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน
    https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21

    SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch
    SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls

    Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม?
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it

    มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า
    งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน
    https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025

    Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3
    สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday

    Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI
    Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional

    MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง
    รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing

    DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด
    สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง
    https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon

    Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด
    แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday

    ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง
    มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
    https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe

    Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU
    Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร
    https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips

    ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง
    รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป
    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday

    PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่
    PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update

    Comet AI Browser ลง Android แล้ว
    เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android

    บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI
    หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด
    https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why

    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251122 #TechRadar 🧩 Data Governance: กุญแจสำคัญของ AI ที่เชื่อถือได้ เรื่องนี้พูดถึง “Data Governance” หรือการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ หลายองค์กรรีบใช้ Generative AI แต่กลับละเลยการจัดการคุณภาพข้อมูล ทำให้เสี่ยงต่อปัญหา เช่น ข้อมูลผิดพลาด, อคติ, หรือการละเมิดกฎหมาย การกำกับดูแลที่ดีต้องครอบคลุมตั้งแต่คุณภาพข้อมูล, ความโปร่งใสของโมเดล, ความเป็นธรรม, ไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หากองค์กรทำได้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยน AI จากความเสี่ยงให้เป็นคุณค่าอย่างมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-is-data-governance-and-why-is-it-crucial-for-successful-ai-projects 🛡️ FCC ยกเลิกกฎไซเบอร์ป้องกันการโจมตี Salt Typhoon ข่าวนี้เล่าว่า FCC ของสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกกฎระเบียบด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่เคยออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีน Salt Typhoon เดิมที กฎนี้บังคับให้บริษัทโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันเข้มงวด แต่ตอนนี้ถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต่าง ๆ ก็ทำเองอยู่แล้ว และกฎที่บังคับใช้แบบเดียวกันทุกบริษัทอาจเป็นภาระเกินไป การตัดสินใจนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้และประเทศเสี่ยงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/us-fcc-repeals-cybersecurity-rules-aimed-at-preventing-salt-typhoon-esque-attacks 🏭 Cybersecurity ในโรงงาน: ด่านหน้าแห่งการผลิตยุคใหม่ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ขโมยข้อมูล แต่ถึงขั้นหยุดสายการผลิตได้จริง เช่น กรณีบริษัทเหล็กใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกโจมตี การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติยิ่งเพิ่มช่องโหว่ การป้องกันจึงต้องครอบคลุมทั้ง IT และ OT (Operational Technology) แนวทางใหม่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” ที่ฝังอยู่ในโครงสร้างการผลิต เพื่อให้โรงงานเดินต่อได้แม้ถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/protecting-productivity-the-imperative-of-cybersecurity-in-manufacturing 👥 Human Risk: อย่าโทษพนักงาน แต่ต้องแก้ระบบ ข่าวนี้เล่าถึงการโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกในสหราชอาณาจักร จุดอ่อนที่แท้จริงไม่ใช่ระบบ แต่คือ “คน” เพราะกว่า 80% ของการโจมตีสำเร็จมีปัจจัยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง หรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ ปัญหาคือองค์กรชอบโทษพนักงานว่าเป็น “จุดอ่อน” ทั้งที่จริงควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยร่วมกัน ให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน และใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับและตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดจากความผิดพลาดของคน 🔗 https://www.techradar.com/pro/human-risk-dont-blame-the-victim-fix-the-system 🤖 AI กลายเป็น Insider ที่อันตรายได้ บทความนี้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Second-order prompt injection” ในแพลตฟอร์ม AI ของ ServiceNow ที่ชื่อ Now Assist ปัญหาคือ AI ตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถหลอกให้ AI อีกตัวที่มีสิทธิ์สูงทำงานแทน เช่น ดึงข้อมูลลับออกมาโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบ เหมือนกับการที่ AI กลายเป็น “พนักงานภายในที่ทรยศ” วิธีแก้คือองค์กรต้องตั้งค่าการทำงานให้รัดกุม เช่น จำกัดสิทธิ์, ปิดการ override อัตโนมัติ, และตรวจสอบพฤติกรรมของ AI อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/second-order-prompt-injection-can-turn-ai-into-a-malicious-insider 💬 ChatGPT เข้าสู่ Group Chat ทั่วโลก ข่าวนี้เล่าว่า ChatGPT เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานใน “Group Chat” ได้แล้วทั่วโลก ผู้ใช้สามารถสร้างห้องสนทนาที่มีหลายคนเข้าร่วม และให้ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในวงสนทนาได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานร่วมกันสะดวกขึ้น เช่น ใช้ AI สรุปประเด็น, หาข้อมูล, หรือช่วยคิดไอเดียในกลุ่ม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-enters-the-group-chat-globally 🩺 Fitbit เปิดตัว AI ช่วยลดความเครียดก่อนพบแพทย์ Fitbit เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้เตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์ โดยจะช่วยสรุปข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ เช่น การนอน, การออกกำลังกาย, และอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมสุขภาพของตัวเองได้ง่ายขึ้นก่อนการตรวจจริง อย่างไรก็ตาม บทความตั้งคำถามว่า AI แบบนี้จะช่วยจริงหรือทำให้ผู้ใช้พึ่งพามากเกินไป และอาจสร้างความกังวลใหม่แทนที่จะลดความเครียด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-apps/fitbits-new-ai-tool-wants-to-take-the-stress-out-of-your-next-doctors-visit-and-i-have-some-serious-questions ☁️ สงคราม Cloud: AWS ถูกคุกคามจาก Microsoft และ Google บทความนี้พูดถึงการแข่งขันในตลาด Cloud ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดย AWS ซึ่งเคยครองตลาดอย่างมั่นคง กำลังถูกท้าทายจาก Microsoft Azure และ Google Cloud ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองบริษัทใช้จุดแข็งด้าน AI และการผสานบริการกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อดึงลูกค้า ทำให้ AWS ต้องหาทางปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/global-cloud-wars-see-aws-increasingly-under-threat-from-microsoft-and-google 🚗 กล้องจับความเร็ว + แจ้งเตือนอันตรายราคาประหยัด รีวิวอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง “กล้องจับความเร็ว” และ “ตัวแจ้งเตือนอันตรายบนถนน” จุดเด่นคือราคาถูกและไม่มีหน้าจอ ทำให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนสายตาขณะขับรถ ผู้เขียนบอกว่าเป็นเหมือน “Copilot” ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tried-this-simple-speed-camera-and-hazard-tracker-and-its-the-affordable-screen-less-copilot-ive-been-looking-for 👻 AI แอปใหม่ให้ “คุยกับคนตาย” ได้ ข่าวนี้ค่อนข้างสะเทือนใจ แอป AI ใหม่สามารถสร้างการสนทนากับ “ผู้เสียชีวิต” ได้ โดยใช้วิดีโอเพียงไม่กี่นาทีมาสร้างโมเดลจำลองบุคคลขึ้นมา ผู้ใช้สามารถพูดคุยเหมือนกับคนที่จากไปจริง ๆ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอาจกระทบจิตใจผู้ใช้ เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับการจำลองเริ่มเลือนราง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/this-ai-app-lets-you-chat-with-the-dead-using-a-few-minutes-of-video-and-not-everyone-is-okay-with-that 🆔 Crisis: AI Agents กำลังสร้างวิกฤติด้านตัวตนและความปลอดภัย บทความนี้เตือนว่า “AI Agents” หรือระบบอัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ กำลังสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการตัวตนในองค์กร เพราะพวกมันสามารถเข้าถึงข้อมูล, ตัดสินใจ, และทำงานได้เหมือนพนักงานจริง แต่หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ เช่น การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระดับองค์กร แนวทางแก้คือการสร้างระบบตรวจสอบสิทธิ์, การติดตามพฤติกรรม, และการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นภัยต่อองค์กรเอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-agents-are-fuelling-an-identity-and-security-crisis-for-organizations 🐧 Linux Godfather พูดถึง "Vibe Coding" Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux ออกมาแสดงความเห็นต่อการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือที่เรียกว่า "vibe coding" เขามองว่ามันเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้กับระบบสำคัญอย่าง Linux kernel เพราะจะสร้างปัญหาระยะยาวในการดูแลรักษา เขายังเล่าถึงความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรมสมัยนี้ที่ต่างจากยุคที่เขาเริ่มต้น และเตือนว่าการใช้ AI ในงานจริงต้องระวังมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/linux-godfather-linus-torvald-says-hes-fine-with-vibe-coding-just-dont-use-it-on-anything-important 💻 รวม 16 Mini PC ที่น่าสนใจใน Black Friday นักรีวิวได้ลองทดสอบ Mini PC ตลอดปี และคัดมา 16 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงลดราคานี้ จุดเด่นของ Mini PC คือขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ยังมีพลังเพียงพอสำหรับงานหลากหลาย ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงงานสร้างคอนเทนต์ รุ่นที่ถูกใจที่สุดคือ GMKtec K12 ที่อัปเกรดได้หลากหลาย ทั้ง RAM และ SSD เหมาะกับคนทำงานจริงจัง ส่วนใครงบจำกัดก็มีรุ่นเล็ก ๆ ราคาประหยัดที่ยังใช้งานได้ดี 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-tested-loads-of-mini-pcs-this-year-and-these-are-16-of-my-favorites-with-up-to-usd600-off-for-black-friday-so-far 🤖 Google Gemini 3 เปิดตัว พร้อมโชว์ 6 Prompt เจ๋ง ๆ Google เปิดตัว Gemini 3 รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นทั้งด้านการให้เหตุผลและการเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จุดเด่นคือสามารถจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เอง และยังมีโหมด "Deep Think" สำหรับงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์หลายขั้นตอน Google ยังโชว์ตัวอย่าง prompt เช่น การวางแผนทริป 3 วันในโรม ที่ Gemini สามารถสร้างตารางเที่ยวแบบสวยงามและปรับตามความสนใจของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-3-has-dropped-here-are-6-prompts-that-show-what-it-can-do 💾 ฮาร์ดดิสก์พกพา 5TB ลดราคา พร้อมฟีเจอร์ครบ Seagate One Touch 5TB Portable HDD กำลังลดราคาช่วง Black Friday จาก $145 เหลือ $130 จุดเด่นคือมีระบบเข้ารหัสป้องกันข้อมูล ดีไซน์โลหะดูพรีเมียม น้ำหนักเบา และยังแถมบริการเสริม เช่น Dropbox Backup และ Data Recovery เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บไฟล์มหาศาล ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเกม พร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/what-a-bargain-this-5tb-portable-hdd-has-hardware-encryption-free-dropbox-backup-and-data-recovery-services-im-definitely-adding-it-to-my-basket-for-black-friday ✨ Gemini App ตรวจสอบภาพว่าเป็น AI หรือไม่ Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini App ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าภาพถูกสร้างด้วย AI หรือเปล่า โดยใช้เทคโนโลยี SynthID ที่ฝังลายน้ำดิจิทัลไว้ในภาพ ทุกภาพที่สร้างจาก Google AI จะมีสัญลักษณ์ "sparkle" ให้เห็นชัดเจน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นเวลาเจอภาพที่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นภาพจาก AI เจ้าอื่นที่ไม่มีลายน้ำ ระบบก็จะบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่ของ Google" เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/you-can-now-ask-the-gemini-app-if-an-image-was-made-by-ai-thanks-to-googles-synthid-tool 🌐 Mullvad VPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต้านการบล็อก Mullvad VPN เปิดตัวระบบ obfuscation ที่เร็วขึ้น เพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงการบล็อก WireGuard โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือรัฐบาล ฟีเจอร์นี้ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ดูเหมือนทราฟฟิกธรรมดา จึงยากต่อการตรวจจับและบล็อก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างอิสระ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/mullvad-vpn-adds-ultra-fast-obfuscation-to-beat-wireguard-blocking 🎧 รีวิวหูฟังว่ายน้ำ Jabees 7Seven หูฟัง Jabees 7Seven แบบ bone conduction สำหรับการว่ายน้ำ ถูกรีวิวว่าเบา ใช้งานง่าย และมีคุณภาพเสียงดีเกินราคา จุดเด่นคือสามารถใช้ใต้น้ำได้จริง มีความทนทาน และราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหมาะกับนักว่ายน้ำที่อยากฟังเพลงหรือพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-headphones/jabees-7seven-review 🔒 ช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ D-Link มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ D-Link ที่อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือขโมยข้อมูลได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่ทันที และหากรุ่นที่ใช้งานหมดอายุการสนับสนุนแล้ว ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/d-link-routers-under-threat-from-dangerous-flaw-heres-how-to-stay-safe 🌐 Jimdo เสริม AI ให้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Jimdo ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเว็บที่เหมาะกับธุรกิจมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำโครงสร้าง เนื้อหา และการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/jimdo-adds-ai-to-its-website-builder-promises-better-business-outcomes 🐦 X (Twitter เดิม) ล่มอีกครั้ง แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาล่มอีกครั้ง โดยผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เริ่มตั้งคำถามถึงความเสถียรของระบบและการจัดการของทีมงาน 🔗 https://www.techradar.com/news/live/x-is-down-outage-november-21 🔥 SonicWall เตือนลูกค้ารีบอัปเดต Patch SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้รีบอัปเดต SonicOS หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้แฮกเกอร์โจมตีจนระบบ firewall ล่มได้ทันที การอัปเดตครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้ระบบป้องกันเครือข่ายขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/sonicwall-tells-customers-to-patch-sonicos-flaw-allowing-hackers-to-crash-firewalls 🤔 Google AI Mode คืออะไร ควรใช้ไหม? Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "AI Mode" ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงความสามารถของ Gemini ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถสลับโหมดเพื่อให้ AI ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น การเขียน การสรุป หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ เพราะบางงานอาจต้องการความแม่นยำสูงที่ AI ยังไม่สมบูรณ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/what-is-google-ai-mode-and-should-you-use-it 📡 มองอนาคตการเชื่อมต่อ 10 ปีข้างหน้า งาน Yotta 2025 ได้เผยบทเรียนสำคัญ 4 ข้อเกี่ยวกับอนาคตการเชื่อมต่อในทศวรรษหน้า ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างระบบที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ถือเป็นการมองภาพรวมว่าการเชื่อมต่อจะกลายเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-glimpse-into-the-next-decade-of-connectivity-4-lessons-from-yotta-2025 ⌚ Garmin Fenix 8 vs Apple Watch Ultra 3 สองแบรนด์นาฬิกาออกกำลังกายระดับพรีเมียมมาเจอกัน – Garmin Fenix 8 และ Apple Watch Ultra 3 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Garmin Fenix 8 ชนะใจผู้รีวิว เพราะแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้ยาวนานถึง 48 วัน เทียบกับ Apple Watch Ultra 3 ที่อยู่ได้ราว 42 ชั่วโมง แม้ Apple จะมีระบบปฏิบัติการที่ลื่นไหลและแอปเสริมมากมาย แต่ Garmin ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สายวิ่งและสายผจญภัย เช่น ไฟฉาย LED และการทำงานร่วมกับ Android ได้ด้วย สุดท้ายผู้รีวิวเลือก Garmin Fenix 8 เป็นตัวที่คุ้มค่ากว่า 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmin-fenix-8-vs-apple-watch-ultra-3-heres-which-one-id-buy-on-black-friday 🤖 Elon Musk กับอนาคตของงานและ AI Elon Musk พูดบนเวทีใหญ่ที่สหรัฐฯ ว่า “ในอนาคต งานจะเป็นเรื่องเลือกทำ ไม่จำเป็นต้องทำ” เขามองว่า AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานจำนวนมหาศาล และคนที่ยังทำงานก็จะเหมือนคนที่ปลูกผักเองเพราะชอบ ไม่ใช่เพราะจำเป็น แม้แนวคิดนี้จะฟังดูเหมือนยูโทเปีย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการมองโลกในแง่ที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะคนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งรายได้เพื่ออยู่รอด อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่าหุ่นยนต์และ AI จะช่วยลดความยากจนได้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/elon-musk-on-the-future-of-jobs-and-ai-my-prediction-is-that-work-will-be-optional 💻 MacBook Pro 16 นิ้ว ลดราคาสุดแรง รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านแล็ปท็อปบอกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นชิป M4 Pro ตอนนี้ลดราคาลงถึง 310 ดอลลาร์ เหลือ 2,189 ดอลลาร์ แม้ยังเป็นราคาสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับสายทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมบน Mac เพราะชิป M4 Pro มีพลังประมวลผลสูงกว่า M5 ในงานหลายด้าน พร้อมจอ Liquid Retina XDR ที่สวยคมชัด ดีลนี้ถูกยกให้เป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีมา เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/macbooks/i-review-laptops-for-a-living-and-a-record-low-price-on-the-16-inch-macbook-pro-is-actually-worth-seeing 🚁 DJI Mini 4K – โดรนเริ่มต้นที่ดีที่สุด สำหรับใครที่อยากลองเล่นโดรน DJI Mini 4K ถูกยกให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ และตอนนี้ราคาลดเหลือเพียง 239 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ หรือ 215 ปอนด์ในอังกฤษ จุดเด่นคือกล้อง 4K พร้อมกิมบอล 3 แกน ทำให้ภาพวิดีโอออกมานิ่งและคมชัด มีโหมดบินอัตโนมัติที่ช่วยให้ถ่ายช็อตสวย ๆ ได้ง่าย และยังทนลมระดับ 5 ได้อีกด้วย ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นถ่ายภาพมุมสูงโดยไม่ต้องลงทุนสูง 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/ive-found-your-best-first-drone-for-a-record-low-price-the-dji-mini-4k-at-amazon 🕶️ Ray-Ban Meta Glasses ราคาต่ำสุด แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ที่หลายคนชื่นชอบ ตอนนี้ลดราคาลงเหลือเพียง 238.99 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ใส และ 303.20 ดอลลาร์สำหรับรุ่นเลนส์ปรับแสง (Transitions) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ฟีเจอร์เด่นคือมีลำโพงแบบเปิดหู กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และยังมี AI ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือบอกข้อมูลสถานที่ผ่านฟังก์ชัน “Look and Ask” แม้แบตหมดก็ยังใช้เป็นแว่นกันแดดเท่ ๆ ได้ 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/you-can-buy-ray-ban-meta-glasses-for-their-cheapest-ever-price-thanks-to-black-friday 🔐 ช่องโหว่ WhatsApp ทำข้อมูลผู้ใช้เสี่ยง มีการค้นพบช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถดึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้กว่า 3.5 พันล้านหมายเลขทั่วโลกออกมาได้ รวมถึงเข้าถึงโปรไฟล์และคีย์เข้ารหัสบางส่วนด้วย แม้ WhatsApp จะบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/whatsapp-security-flaw-lets-experts-scrape-3-5-billion-user-numbers-heres-what-we-know-and-how-to-stay-safe 🖥️ Nvidia เปิดทาง NVLink สู่ Arm CPU Nvidia กำลังขยายการเชื่อมต่อ NVLink ให้ทำงานร่วมกับ Arm CPU ได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชัน เพราะ NVLink ช่วยให้ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง การเปิดให้ Arm CPU ใช้งานได้จะทำให้ผู้ผลิตระบบ hyperscale สามารถออกแบบเครื่องที่ยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจสำหรับทั้ง Nvidia และพันธมิตร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-nvidia-opening-up-its-nvlink-doors-even-further-new-partnership-with-amd-will-see-greater-integration-across-many-kinds-of-chips 🔊 ลำโพงบลูทูธเบสหนัก ราคาถูกลง รีวิวลำโพงบลูทูธที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงเบสหนักแน่น ตอนนี้ลดราคาลงมากในช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้เสียงกระหึ่มในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นคือพลังเสียงที่ดังชัด ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควร เหมาะกับสายปาร์ตี้หรือคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM และฮิปฮอป 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/i-love-this-bass-heavy-bluetooth-speaker-and-its-cheaper-than-ever-for-black-friday 🎮 PlayStation Portal ราคาต่ำสุด พร้อมอัปเดตใหม่ PlayStation Portal เครื่องเล่นเกมพกพาที่เชื่อมต่อกับ PS5 ได้ ตอนนี้ลดราคาลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดตัว และยังมาพร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นมาก การลดราคาครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ลังเลก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถือเป็นดีลที่น่าสนใจสำหรับแฟน PlayStation ที่อยากเล่นเกมจากเครื่องหลักได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/gaming/the-playstation-portal-has-hit-its-lowest-ever-price-for-black-friday-and-its-impossible-to-ignore-at-this-price-and-after-its-game-changing-update 📱 Comet AI Browser ลง Android แล้ว เบราว์เซอร์ Comet AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยผู้ใช้ในการค้นหาและจัดการข้อมูล ตอนนี้เปิดตัวบน Android แล้ว จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาเว็บ ค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น และยังมีฟีเจอร์ช่วยจัดการแท็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การมาลง Android ทำให้ผู้ใช้มือถือสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเว็บที่ฉลาดขึ้นได้ทุกที่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/comet-ai-browser-lands-on-android 💰 บริษัทยักษ์เหมือง Bitcoin หันไปทำศูนย์ข้อมูล AI หลังจากธุรกิจขุด Bitcoin ขาดทุนหนัก บริษัทเหมืองรายใหญ่ตัดสินใจปรับโมเดลธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่าการทำเหมืองคริปโต ซึ่งเผชิญกับต้นทุนสูงและความผันผวนของตลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-ai-more-appealing-than-crypto-now-a-major-bitcoin-miner-has-decided-to-pivot-to-ai-data-centers-heres-why
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • ASUS ได้ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS แบบ 800W (XOC BIOS)

    BIOS รุ่นพิเศษนี้เดิมทีออกแบบมาสำหรับ ASUS ROG Matrix RTX 5090 ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูงและ PCB แบบกำหนดเอง แต่ผู้ใช้ในชุมชน Overclock.net ได้ทดลองแฟลชลงบนการ์ดจาก Gigabyte, MSI, Palit และ PNY ผลลัพธ์คือสามารถดันความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นกว่า +200–300 MHz เมื่อเทียบกับ BIOS เดิม

    เงื่อนไขการทำงานและข้อจำกัด
    ไม่ใช่ทุกการ์ดที่สามารถใช้งาน BIOS นี้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะรุ่นที่มี ช่องต่อพัดลมเพียง 2 ช่อง เช่น ASUS Astral หรือ TUF ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อ BIOS ที่ออกแบบมาสำหรับ 3 ช่องต่อพัดลม ทำให้เกิดปัญหาการบูตหรือการทำงานไม่เสถียร

    ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อน
    การใช้ BIOS 800W ทำให้การ์ดจอใช้พลังงานสูงขึ้นมาก โดยบางกรณีอาจเกินขีดจำกัดของ 16-pin power connector ที่เคยมีปัญหากับ RTX 4090 และ RTX 5090 อยู่แล้ว ผู้ใช้บางรายรายงานว่าแม้จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการใช้พลังงานและความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    แม้จะมีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้การ์ดจอเสียหายหรือหมดประกันทันที การโอเวอร์คล็อกในระดับนี้เหมาะสำหรับนักทดลองที่เข้าใจความเสี่ยง ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ASUS ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS 800W
    สามารถแฟลชลงบนการ์ด Gigabyte, MSI, Palit, PNY ได้

    เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้กว่า +200–300 MHz
    ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นในการเล่นเกมและงานกราฟิก

    เฉพาะการ์ดที่มี 3 ช่องต่อพัดลม เท่านั้นที่ใช้งานได้เสถียร
    รุ่นที่มี 2 ช่องต่อพัดลม เช่น Astral, TUF ใช้งานไม่ได้

    มีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน Overclock.net
    ใช้คำสั่งผ่าน Command Prompt และ nvflash

    ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อนสูง
    อาจทำให้ 16-pin power connector เสียหายหรือเกิดปัญหาไฟฟ้า

    การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์เสี่ยงทำให้การ์ดเสียหาย
    หมดประกันทันทีและอาจไม่สามารถใช้งานได้อีก

    https://wccftech.com/asus-800w-rog-matrix-xoc-bios-flashed-rtx-5090-gpus-gigabyte-pny-msi-massive-boost/
    💪 ASUS ได้ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS แบบ 800W (XOC BIOS) BIOS รุ่นพิเศษนี้เดิมทีออกแบบมาสำหรับ ASUS ROG Matrix RTX 5090 ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูงและ PCB แบบกำหนดเอง แต่ผู้ใช้ในชุมชน Overclock.net ได้ทดลองแฟลชลงบนการ์ดจาก Gigabyte, MSI, Palit และ PNY ผลลัพธ์คือสามารถดันความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นกว่า +200–300 MHz เมื่อเทียบกับ BIOS เดิม 🖥️ เงื่อนไขการทำงานและข้อจำกัด ไม่ใช่ทุกการ์ดที่สามารถใช้งาน BIOS นี้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะรุ่นที่มี ช่องต่อพัดลมเพียง 2 ช่อง เช่น ASUS Astral หรือ TUF ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อ BIOS ที่ออกแบบมาสำหรับ 3 ช่องต่อพัดลม ทำให้เกิดปัญหาการบูตหรือการทำงานไม่เสถียร 🔥 ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อน การใช้ BIOS 800W ทำให้การ์ดจอใช้พลังงานสูงขึ้นมาก โดยบางกรณีอาจเกินขีดจำกัดของ 16-pin power connector ที่เคยมีปัญหากับ RTX 4090 และ RTX 5090 อยู่แล้ว ผู้ใช้บางรายรายงานว่าแม้จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการใช้พลังงานและความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก 🚨 คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ แม้จะมีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้การ์ดจอเสียหายหรือหมดประกันทันที การโอเวอร์คล็อกในระดับนี้เหมาะสำหรับนักทดลองที่เข้าใจความเสี่ยง ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ASUS ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS 800W ➡️ สามารถแฟลชลงบนการ์ด Gigabyte, MSI, Palit, PNY ได้ ✅ เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้กว่า +200–300 MHz ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นในการเล่นเกมและงานกราฟิก ✅ เฉพาะการ์ดที่มี 3 ช่องต่อพัดลม เท่านั้นที่ใช้งานได้เสถียร ➡️ รุ่นที่มี 2 ช่องต่อพัดลม เช่น Astral, TUF ใช้งานไม่ได้ ✅ มีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน Overclock.net ➡️ ใช้คำสั่งผ่าน Command Prompt และ nvflash ‼️ ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อนสูง ⛔ อาจทำให้ 16-pin power connector เสียหายหรือเกิดปัญหาไฟฟ้า ‼️ การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์เสี่ยงทำให้การ์ดเสียหาย ⛔ หมดประกันทันทีและอาจไม่สามารถใช้งานได้อีก https://wccftech.com/asus-800w-rog-matrix-xoc-bios-flashed-rtx-5090-gpus-gigabyte-pny-msi-massive-boost/
    WCCFTECH.COM
    ASUS's 800W "ROG Matrix" XOC BIOS Flashed on Several GeForce RTX 5090 GPUs From Gigabyte, PNY, & MSI, Massive Boost In Clocks
    ASUS's 800W XOC BIOS, designed for the ROG Matrix RTX 5090, has been flashed on several custom designs from other AICs.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • Dell และ HP ได้ปิดการทำงานของ HEVC/H.265 hardware decoding บนโน้ตบุ๊กและพีซีบางรุ่น

    ทั้งสองบริษัทยืนยันว่าโน้ตบุ๊กในกลุ่ม entry-level และ mainstream เช่น Dell’s standard/base systems และ HP EliteBook, ProBook series รุ่นใหม่ จะถูกปิดการทำงานของ HEVC/H.265 hardware decoding โดยอธิบายว่าเป็นการปรับตามต้นทุนลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รุ่นพรีเมียมที่มีจอ 4K, GPU แยก หรือ Dolby Vision ยังคงรองรับตามปกติ

    เหตุผลด้านค่าลิขสิทธิ์
    การรองรับ HEVC/H.265 ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับหลายกลุ่มสิทธิบัตร เช่น MPEG LA, HEVC Advance, Velos Media และ Via LA ซึ่งรวมแล้วอาจสูงถึง $1–2 ต่อเครื่อง หรือหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับผู้ผลิตที่ขายพีซีจำนวนมาก การปิดฟีเจอร์นี้จึงช่วยให้ Dell และ HP ประหยัดต้นทุนมหาศาล

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ที่ซื้อเครื่องราคาประหยัดจะไม่สามารถเล่นวิดีโอ HEVC/H.265 ด้วยการถอดรหัสแบบ hardware ได้ ต้องพึ่งพา software decoding ซึ่งกินพลังงานมากกว่าและอาจทำให้เครื่องร้อนหรือแบตหมดเร็วขึ้น โดย Dell แนะนำให้ผู้ใช้ซื้อแอปเสริมจาก Microsoft Store แต่ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าแอปเหล่านี้ไม่สามารถเปิดใช้งาน hardware decoding ได้จริง

    ทางเลือกและอนาคต
    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบอาจต้องหันไปใช้ AV1 codec ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดและไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ หลายแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น YouTube และ Netflix กำลังเปลี่ยนมาใช้ AV1 อย่างจริงจัง ทำให้การตัด HEVC อาจเป็นการบังคับให้ตลาดเดินหน้าไปสู่ codec แบบเปิดเร็วขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dell และ HP ปิดการทำงาน HEVC/H.265 hardware decoding บนโน้ตบุ๊ก mainstream
    รุ่นพรีเมียมที่มีจอ 4K หรือ GPU แยกยังคงรองรับ

    เหตุผลคือค่าลิขสิทธิ์สูงจากหลายกลุ่มสิทธิบัตร
    อาจสูงถึง $1–2 ต่อเครื่อง รวมเป็นหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี

    ผู้ใช้ต้องพึ่งพา software decoding
    ทำให้แบตหมดเร็วและเครื่องร้อนขึ้น

    Dell แนะนำให้ซื้อแอปเสริมจาก Microsoft Store
    แต่ไม่สามารถเปิดใช้งาน hardware decoding ได้จริง

    AV1 codec กำลังเป็นทางเลือกใหม่
    YouTube และ Netflix เริ่มใช้ AV1 อย่างแพร่หลาย

    ผู้ใช้เครื่องราคาประหยัดได้รับผลกระทบโดยตรง
    ประสบการณ์การเล่นวิดีโอด้อยลงและสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น

    ความเสี่ยงต่อการยอมรับ HEVC ในอนาคต
    อาจถูกแทนที่ด้วย AV1 เร็วกว่าที่คาดการณ์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/dell-and-hp-disable-hardware-h-265-decoding-on-select-pcs-due-to-rising-royalty-costs-companies-could-save-big-on-hevc-royalties-but-at-the-expense-of-users
    💻 Dell และ HP ได้ปิดการทำงานของ HEVC/H.265 hardware decoding บนโน้ตบุ๊กและพีซีบางรุ่น ทั้งสองบริษัทยืนยันว่าโน้ตบุ๊กในกลุ่ม entry-level และ mainstream เช่น Dell’s standard/base systems และ HP EliteBook, ProBook series รุ่นใหม่ จะถูกปิดการทำงานของ HEVC/H.265 hardware decoding โดยอธิบายว่าเป็นการปรับตามต้นทุนลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รุ่นพรีเมียมที่มีจอ 4K, GPU แยก หรือ Dolby Vision ยังคงรองรับตามปกติ 💰 เหตุผลด้านค่าลิขสิทธิ์ การรองรับ HEVC/H.265 ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับหลายกลุ่มสิทธิบัตร เช่น MPEG LA, HEVC Advance, Velos Media และ Via LA ซึ่งรวมแล้วอาจสูงถึง $1–2 ต่อเครื่อง หรือหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับผู้ผลิตที่ขายพีซีจำนวนมาก การปิดฟีเจอร์นี้จึงช่วยให้ Dell และ HP ประหยัดต้นทุนมหาศาล 🎥 ผลกระทบต่อผู้ใช้ ผู้ใช้ที่ซื้อเครื่องราคาประหยัดจะไม่สามารถเล่นวิดีโอ HEVC/H.265 ด้วยการถอดรหัสแบบ hardware ได้ ต้องพึ่งพา software decoding ซึ่งกินพลังงานมากกว่าและอาจทำให้เครื่องร้อนหรือแบตหมดเร็วขึ้น โดย Dell แนะนำให้ผู้ใช้ซื้อแอปเสริมจาก Microsoft Store แต่ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าแอปเหล่านี้ไม่สามารถเปิดใช้งาน hardware decoding ได้จริง 🌐 ทางเลือกและอนาคต ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบอาจต้องหันไปใช้ AV1 codec ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดและไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ หลายแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น YouTube และ Netflix กำลังเปลี่ยนมาใช้ AV1 อย่างจริงจัง ทำให้การตัด HEVC อาจเป็นการบังคับให้ตลาดเดินหน้าไปสู่ codec แบบเปิดเร็วขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dell และ HP ปิดการทำงาน HEVC/H.265 hardware decoding บนโน้ตบุ๊ก mainstream ➡️ รุ่นพรีเมียมที่มีจอ 4K หรือ GPU แยกยังคงรองรับ ✅ เหตุผลคือค่าลิขสิทธิ์สูงจากหลายกลุ่มสิทธิบัตร ➡️ อาจสูงถึง $1–2 ต่อเครื่อง รวมเป็นหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ ผู้ใช้ต้องพึ่งพา software decoding ➡️ ทำให้แบตหมดเร็วและเครื่องร้อนขึ้น ✅ Dell แนะนำให้ซื้อแอปเสริมจาก Microsoft Store ➡️ แต่ไม่สามารถเปิดใช้งาน hardware decoding ได้จริง ✅ AV1 codec กำลังเป็นทางเลือกใหม่ ➡️ YouTube และ Netflix เริ่มใช้ AV1 อย่างแพร่หลาย ‼️ ผู้ใช้เครื่องราคาประหยัดได้รับผลกระทบโดยตรง ⛔ ประสบการณ์การเล่นวิดีโอด้อยลงและสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ‼️ ความเสี่ยงต่อการยอมรับ HEVC ในอนาคต ⛔ อาจถูกแทนที่ด้วย AV1 เร็วกว่าที่คาดการณ์ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/dell-and-hp-disable-hardware-h-265-decoding-on-select-pcs-due-to-rising-royalty-costs-companies-could-save-big-on-hevc-royalties-but-at-the-expense-of-users
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อการที่ราคาหุ้นบริษัทร่วงลงกว่า 365 พันล้านดอลลาร์

    หลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ยอดเยี่ยม ทั้งรายได้และความต้องการ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลยังคงสูง ราคาหุ้นกลับร่วงจากประมาณ $195 ลงไปที่ $180 ภายในวันเดียว ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 365 พันล้านดอลลาร์ Huang กล่าวในที่ประชุมพนักงานว่า “ตลาดไม่ได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำ”

    ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI
    Huang ยอมรับว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Nvidia ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจเป็นสัญญาณของ ฟองสบู่ AI โดยเขากล่าวว่า “ถ้าเราทำผลงานแย่ จะถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่ามีฟองสบู่ แต่ถ้าเราทำผลงานดี ก็จะถูกมองว่าเรากำลังเติมเชื้อให้ฟองสบู่” คำพูดนี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่ Nvidia ต้องเผชิญจากทั้งนักลงทุนและสังคม

    ความต้องการชิป AI ยังสูง
    แม้ราคาหุ้นจะผันผวน แต่ Nvidia ยืนยันว่าชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลยังคงขายหมดทุกล็อต และคาดว่าความต้องการจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ไตรมาส 4 ที่ 62 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ แม้ตลาดการเงินจะยังไม่มั่นใจ

    ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และตลาด
    การร่วงของหุ้น Nvidia ไม่ได้สะท้อนถึงผลประกอบการ แต่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่ออนาคตของอุตสาหกรรม AI โดยรวม หากความเชื่อมั่นยังไม่ฟื้น อาจกระทบต่อการลงทุนในเทคโนโลยี AI และทำให้บริษัทอื่น ๆ ใน ecosystem ต้องเผชิญแรงกดดันตามไปด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหุ้น Nvidia ร่วงจาก $195 เหลือ $180
    มูลค่าตลาดหายไปกว่า 365 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    Jensen Huang กล่าวว่าตลาดไม่เห็นคุณค่าของผลประกอบการ
    แม้บริษัททำผลงานไตรมาสล่าสุดได้ยอดเยี่ยม

    ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI
    Huang เตือนว่าทั้งผลงานดีหรือแย่ก็ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณฟองสบู่

    ความต้องการชิป AI ยังสูง
    รายได้ไตรมาส 4 คาดแตะ 62 พันล้านดอลลาร์

    ความเชื่อมั่นนักลงทุนสั่นคลอน
    อาจกระทบต่อการลงทุนในอุตสาหกรรม AI โดยรวม

    ความเสี่ยงจากการตีความผิดของตลาด
    อาจทำให้ราคาหุ้นผันผวนแม้ผลประกอบการแข็งแกร่ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-complains-about-stock-price-slide-during-all-hands-meeting-says-market-did-not-appreciate-companys-incredible-quarter
    📉 Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อการที่ราคาหุ้นบริษัทร่วงลงกว่า 365 พันล้านดอลลาร์ หลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ยอดเยี่ยม ทั้งรายได้และความต้องการ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลยังคงสูง ราคาหุ้นกลับร่วงจากประมาณ $195 ลงไปที่ $180 ภายในวันเดียว ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 365 พันล้านดอลลาร์ Huang กล่าวในที่ประชุมพนักงานว่า “ตลาดไม่ได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำ” 🧩 ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI Huang ยอมรับว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Nvidia ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจเป็นสัญญาณของ ฟองสบู่ AI โดยเขากล่าวว่า “ถ้าเราทำผลงานแย่ จะถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่ามีฟองสบู่ แต่ถ้าเราทำผลงานดี ก็จะถูกมองว่าเรากำลังเติมเชื้อให้ฟองสบู่” คำพูดนี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่ Nvidia ต้องเผชิญจากทั้งนักลงทุนและสังคม 🏭 ความต้องการชิป AI ยังสูง แม้ราคาหุ้นจะผันผวน แต่ Nvidia ยืนยันว่าชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลยังคงขายหมดทุกล็อต และคาดว่าความต้องการจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ไตรมาส 4 ที่ 62 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ แม้ตลาดการเงินจะยังไม่มั่นใจ 🌐 ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และตลาด การร่วงของหุ้น Nvidia ไม่ได้สะท้อนถึงผลประกอบการ แต่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่ออนาคตของอุตสาหกรรม AI โดยรวม หากความเชื่อมั่นยังไม่ฟื้น อาจกระทบต่อการลงทุนในเทคโนโลยี AI และทำให้บริษัทอื่น ๆ ใน ecosystem ต้องเผชิญแรงกดดันตามไปด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหุ้น Nvidia ร่วงจาก $195 เหลือ $180 ➡️ มูลค่าตลาดหายไปกว่า 365 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ✅ Jensen Huang กล่าวว่าตลาดไม่เห็นคุณค่าของผลประกอบการ ➡️ แม้บริษัททำผลงานไตรมาสล่าสุดได้ยอดเยี่ยม ✅ ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ➡️ Huang เตือนว่าทั้งผลงานดีหรือแย่ก็ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณฟองสบู่ ✅ ความต้องการชิป AI ยังสูง ➡️ รายได้ไตรมาส 4 คาดแตะ 62 พันล้านดอลลาร์ ‼️ ความเชื่อมั่นนักลงทุนสั่นคลอน ⛔ อาจกระทบต่อการลงทุนในอุตสาหกรรม AI โดยรวม ‼️ ความเสี่ยงจากการตีความผิดของตลาด ⛔ อาจทำให้ราคาหุ้นผันผวนแม้ผลประกอบการแข็งแกร่ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-complains-about-stock-price-slide-during-all-hands-meeting-says-market-did-not-appreciate-companys-incredible-quarter
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Panther Lake: ก้าวใหม่ของ Intel

    Intel เปิดเผยว่า Core Ultra 3-series “Panther Lake” จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 50% และใช้พลังงานน้อยลง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ถือเป็นการตอบโต้คู่แข่งที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM อย่าง Qualcomm และ Apple ที่กำลังรุกตลาดโน้ตบุ๊กพลังงานต่ำ

    การผลิตใน Oregon และ Arizona
    ช่วงแรก Intel จะผลิตชิป Panther Lake ที่โรงงาน D1X ใน Oregon ซึ่งเป็นสายการผลิตนำร่อง ก่อนจะย้ายไปยัง Fab 52 ใน Arizona ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act การย้ายนี้จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในเชิงปริมาณ แม้ในปี 2026 อัตราผลผลิต (yield) ยังต่ำ แต่ Intel คาดว่าจะปรับปรุงได้ต่อเนื่อง

    เทคโนโลยี 18A Node
    Panther Lake เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้ 18A process ซึ่งมีการปรับปรุง yield อย่างต่อเนื่องในระดับ 7% ต่อเดือน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกหลังจาก Intel เคยล้มเหลวกับ node 20A ที่ yield ไม่เสถียร การเข้าสู่เส้นโค้งมาตรฐานอุตสาหกรรมทำให้ Intel มั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัว Panther Lake ไม่เพียงแต่ช่วย Intel ฟื้นความเชื่อมั่นในตลาด แต่ยังเป็นการยืนยันว่าเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia สามารถใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ หาก Intel สามารถรักษาเส้นทาง yield ได้ตามเป้า จะเป็นการพลิกเกมในตลาด CPU และช่วยให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel เปิดตัว Core Ultra 3-series Panther Lake
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และใช้พลังงานน้อยลง 30%

    การผลิตเริ่มที่โรงงาน D1X Oregon
    จะย้ายไป Fab 52 Arizona เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน

    ใช้กระบวนการผลิต 18A node
    มีเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia

    Yield ปรับปรุงต่อเนื่อง 7% ต่อเดือน
    เข้าสู่เส้นโค้งมาตรฐานอุตสาหกรรม

    Yield ยังต่ำในปี 2026
    อาจกระทบต่อการส่งมอบและต้นทุนในระยะสั้น

    การแข่งขันกับ ARM และ TSMC ยังคงรุนแรง
    Intel ต้องพิสูจน์ว่ากระบวนการ 18A เสถียรและเชื่อถือได้จริง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/the-panther-stalks-intels-panther-lake-cpus-set-to-take-off-in-oregon-company-reveals-and-cutting-edge-18a-process-is-on-track
    🐆 Panther Lake: ก้าวใหม่ของ Intel Intel เปิดเผยว่า Core Ultra 3-series “Panther Lake” จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 50% และใช้พลังงานน้อยลง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ถือเป็นการตอบโต้คู่แข่งที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM อย่าง Qualcomm และ Apple ที่กำลังรุกตลาดโน้ตบุ๊กพลังงานต่ำ 🏭 การผลิตใน Oregon และ Arizona ช่วงแรก Intel จะผลิตชิป Panther Lake ที่โรงงาน D1X ใน Oregon ซึ่งเป็นสายการผลิตนำร่อง ก่อนจะย้ายไปยัง Fab 52 ใน Arizona ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act การย้ายนี้จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในเชิงปริมาณ แม้ในปี 2026 อัตราผลผลิต (yield) ยังต่ำ แต่ Intel คาดว่าจะปรับปรุงได้ต่อเนื่อง ⚙️ เทคโนโลยี 18A Node Panther Lake เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้ 18A process ซึ่งมีการปรับปรุง yield อย่างต่อเนื่องในระดับ 7% ต่อเดือน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกหลังจาก Intel เคยล้มเหลวกับ node 20A ที่ yield ไม่เสถียร การเข้าสู่เส้นโค้งมาตรฐานอุตสาหกรรมทำให้ Intel มั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ได้ 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัว Panther Lake ไม่เพียงแต่ช่วย Intel ฟื้นความเชื่อมั่นในตลาด แต่ยังเป็นการยืนยันว่าเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia สามารถใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ หาก Intel สามารถรักษาเส้นทาง yield ได้ตามเป้า จะเป็นการพลิกเกมในตลาด CPU และช่วยให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel เปิดตัว Core Ultra 3-series Panther Lake ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และใช้พลังงานน้อยลง 30% ✅ การผลิตเริ่มที่โรงงาน D1X Oregon ➡️ จะย้ายไป Fab 52 Arizona เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ✅ ใช้กระบวนการผลิต 18A node ➡️ มีเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ✅ Yield ปรับปรุงต่อเนื่อง 7% ต่อเดือน ➡️ เข้าสู่เส้นโค้งมาตรฐานอุตสาหกรรม ‼️ Yield ยังต่ำในปี 2026 ⛔ อาจกระทบต่อการส่งมอบและต้นทุนในระยะสั้น ‼️ การแข่งขันกับ ARM และ TSMC ยังคงรุนแรง ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ว่ากระบวนการ 18A เสถียรและเชื่อถือได้จริง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/the-panther-stalks-intels-panther-lake-cpus-set-to-take-off-in-oregon-company-reveals-and-cutting-edge-18a-process-is-on-track
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • AMD เริ่มส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ Instinct MI400-series

    AMD ได้ upstream แพตช์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ GPU IP blocks เช่น PSP 15.0.8, IH 7.1, MMHUB 4.2, GFXHUB 12.1 และ GMC 12.1 ซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังมีการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ โดยเฉพาะ GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับ CDNA5 ซึ่งเป็นแกนหลักของ Instinct MI430 และ MI450-series accelerators

    สถาปัตยกรรม CDNA5 และการแบ่งรุ่น
    ข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้ระบุว่า GFX1250 จะใช้กับ Instinct MI450 (AI-oriented) และ GFX1251 จะใช้กับ Instinct MI430 (HPC-oriented) แม้ AMD ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การส่งแพตช์ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับงาน AI และ HPC

    การแข่งขันกับ Nvidia
    AMD ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว Instinct MI450 และโซลูชัน Helios rack-scale ที่ใช้ซีพียู EPYC Venice และ GPU MI450 ก่อนที่ Nvidia จะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Vera Rubin ในไตรมาส 3 ปี 2026 หาก AMD สามารถเร่งการผลิตและส่งมอบได้ทัน จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ Nvidia ในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    การเริ่มต้น enablement ของ MI400-series แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงตามโรดแมป Instinct และ CDNA ทั้งในด้าน AI และ HPC ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ลดการพึ่งพา Nvidia และเปิดทางเลือกใหม่ให้กับผู้พัฒนา AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ GPU IP blocks ใหม่
    รวมถึง GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับสถาปัตยกรรม CDNA5

    Instinct MI400-series แบ่งเป็น MI430 (HPC) และ MI450 (AI)
    ใช้รหัส GFX1251 และ GFX1250 ตามลำดับ

    AMD เตรียมเปิดตัว MI450 และ Helios rack-scale solution
    ตั้งเป้าเปิดตัวก่อน Nvidia Vera Rubin ใน Q3 2026

    การ enablement แสดงถึงความต่อเนื่องของโรดแมป Instinct และ CDNA
    เพิ่มการแข่งขันในตลาด AI และ HPC

    ความเสี่ยงด้านการผลิตและการส่งมอบ
    หาก AMD ไม่สามารถเร่งการผลิตได้ทัน อาจเสียเปรียบ Nvidia

    ตลาด AI ยังพึ่งพา Nvidia อย่างมาก
    AMD ต้องพิสูจน์ว่าซอฟต์แวร์และ ecosystem รองรับได้จริง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-linux-kernel-patches-suggest-enablement-of-next-gen-instinct-mi400-series-ai-gpu-accelerators
    🐧 AMD เริ่มส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ Instinct MI400-series AMD ได้ upstream แพตช์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ GPU IP blocks เช่น PSP 15.0.8, IH 7.1, MMHUB 4.2, GFXHUB 12.1 และ GMC 12.1 ซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังมีการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ โดยเฉพาะ GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับ CDNA5 ซึ่งเป็นแกนหลักของ Instinct MI430 และ MI450-series accelerators ⚙️ สถาปัตยกรรม CDNA5 และการแบ่งรุ่น ข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้ระบุว่า GFX1250 จะใช้กับ Instinct MI450 (AI-oriented) และ GFX1251 จะใช้กับ Instinct MI430 (HPC-oriented) แม้ AMD ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การส่งแพตช์ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับงาน AI และ HPC 🚀 การแข่งขันกับ Nvidia AMD ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว Instinct MI450 และโซลูชัน Helios rack-scale ที่ใช้ซีพียู EPYC Venice และ GPU MI450 ก่อนที่ Nvidia จะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Vera Rubin ในไตรมาส 3 ปี 2026 หาก AMD สามารถเร่งการผลิตและส่งมอบได้ทัน จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ Nvidia ในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🌐 ความหมายต่ออุตสาหกรรม การเริ่มต้น enablement ของ MI400-series แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงตามโรดแมป Instinct และ CDNA ทั้งในด้าน AI และ HPC ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ลดการพึ่งพา Nvidia และเปิดทางเลือกใหม่ให้กับผู้พัฒนา AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ GPU IP blocks ใหม่ ➡️ รวมถึง GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับสถาปัตยกรรม CDNA5 ✅ Instinct MI400-series แบ่งเป็น MI430 (HPC) และ MI450 (AI) ➡️ ใช้รหัส GFX1251 และ GFX1250 ตามลำดับ ✅ AMD เตรียมเปิดตัว MI450 และ Helios rack-scale solution ➡️ ตั้งเป้าเปิดตัวก่อน Nvidia Vera Rubin ใน Q3 2026 ✅ การ enablement แสดงถึงความต่อเนื่องของโรดแมป Instinct และ CDNA ➡️ เพิ่มการแข่งขันในตลาด AI และ HPC ‼️ ความเสี่ยงด้านการผลิตและการส่งมอบ ⛔ หาก AMD ไม่สามารถเร่งการผลิตได้ทัน อาจเสียเปรียบ Nvidia ‼️ ตลาด AI ยังพึ่งพา Nvidia อย่างมาก ⛔ AMD ต้องพิสูจน์ว่าซอฟต์แวร์และ ecosystem รองรับได้จริง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-linux-kernel-patches-suggest-enablement-of-next-gen-instinct-mi400-series-ai-gpu-accelerators
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • ไต้หวันรอดภาษีลงโทษ 300%

    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยขู่จะเก็บภาษีสูงถึง 300% ต่อการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน แต่ล่าสุด Wu Cheng-wen รัฐมนตรีสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไต้หวันยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่เดินหน้ามาตรการดังกล่าว เนื่องจากการลงโทษไต้หวันไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

    โมเดล “Silicon Shield” และการลงทุนในสหรัฐฯ
    ไต้หวันมีระบบ science parks และ industrial parks ที่ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีเติบโตโดยลดขั้นตอนราชการและควบคุมค่าเช่า ทำให้บริษัทอย่าง TSMC กลายเป็นผู้นำโลกด้านการผลิตชิป ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังลงทุนมหาศาลในสหรัฐฯ เช่น TSMC ลงทุน $165 พันล้านใน Arizona เพื่อสร้างโรงงานและศูนย์ R&D

    ข้อตกลงการค้าใหม่และการลงทุน 400 พันล้านดอลลาร์
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าข้อตกลงการค้าใหม่จะนำไปสู่การลงทุนจากไต้หวันกว่า 400 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจของบริษัท GlobalWafers และผู้ผลิตเทคโนโลยีอื่น ๆ การลงทุนนี้จะช่วยเสริมสร้าง “Silicon Shield” ที่สองในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากไต้หวันเพียงอย่างเดียว

    การเปลี่ยนแปลงสู่ “AI Island”
    นอกจากการลงทุนในสหรัฐฯ ไต้หวันยังทุ่มงบประมาณกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม AI, หุ่นยนต์, โดรน และเทคโนโลยีการแพทย์ พร้อมทั้งจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงของ TSMC เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สหรัฐฯ ไม่เดินหน้าภาษี 300% ต่อการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน
    Wu Cheng-wen ยืนยันว่าการลงโทษไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐฯ

    ไต้หวันมีโมเดล science parks และ industrial parks
    ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีเติบโตโดยลดขั้นตอนราชการและควบคุมค่าเช่า

    TSMC ลงทุนกว่า $165 พันล้านใน Arizona
    สร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยพัฒนาในสหรัฐฯ

    ข้อตกลงการค้าใหม่อาจนำไปสู่การลงทุน 400 พันล้านดอลลาร์จากไต้หวัน
    รวมถึงการขยายธุรกิจของ GlobalWafers และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ

    ไต้หวันทุ่มงบ $3 พันล้านเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม AI และหุ่นยนต์
    สร้างภาพลักษณ์ใหม่เป็น “AI Island”

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงหากเทคโนโลยีขั้นสูงรั่วไหล
    รัฐบาลไต้หวันจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงของ TSMC

    ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงสูง
    การลงทุนและข้อตกลงใหม่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-set-to-avoid-punishing-300-percent-tariffs-on-semiconductor-exports-says-report-new-trade-deal-could-spur-usd400-billion-investment-commitment-from-island-nation
    🇹🇼 ไต้หวันรอดภาษีลงโทษ 300% รัฐบาลสหรัฐฯ เคยขู่จะเก็บภาษีสูงถึง 300% ต่อการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน แต่ล่าสุด Wu Cheng-wen รัฐมนตรีสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไต้หวันยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่เดินหน้ามาตรการดังกล่าว เนื่องจากการลงโทษไต้หวันไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ 🏭 โมเดล “Silicon Shield” และการลงทุนในสหรัฐฯ ไต้หวันมีระบบ science parks และ industrial parks ที่ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีเติบโตโดยลดขั้นตอนราชการและควบคุมค่าเช่า ทำให้บริษัทอย่าง TSMC กลายเป็นผู้นำโลกด้านการผลิตชิป ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังลงทุนมหาศาลในสหรัฐฯ เช่น TSMC ลงทุน $165 พันล้านใน Arizona เพื่อสร้างโรงงานและศูนย์ R&D 💵 ข้อตกลงการค้าใหม่และการลงทุน 400 พันล้านดอลลาร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าข้อตกลงการค้าใหม่จะนำไปสู่การลงทุนจากไต้หวันกว่า 400 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจของบริษัท GlobalWafers และผู้ผลิตเทคโนโลยีอื่น ๆ การลงทุนนี้จะช่วยเสริมสร้าง “Silicon Shield” ที่สองในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากไต้หวันเพียงอย่างเดียว 🤖 การเปลี่ยนแปลงสู่ “AI Island” นอกจากการลงทุนในสหรัฐฯ ไต้หวันยังทุ่มงบประมาณกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม AI, หุ่นยนต์, โดรน และเทคโนโลยีการแพทย์ พร้อมทั้งจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงของ TSMC เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สหรัฐฯ ไม่เดินหน้าภาษี 300% ต่อการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน ➡️ Wu Cheng-wen ยืนยันว่าการลงโทษไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐฯ ✅ ไต้หวันมีโมเดล science parks และ industrial parks ➡️ ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีเติบโตโดยลดขั้นตอนราชการและควบคุมค่าเช่า ✅ TSMC ลงทุนกว่า $165 พันล้านใน Arizona ➡️ สร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยพัฒนาในสหรัฐฯ ✅ ข้อตกลงการค้าใหม่อาจนำไปสู่การลงทุน 400 พันล้านดอลลาร์จากไต้หวัน ➡️ รวมถึงการขยายธุรกิจของ GlobalWafers และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ✅ ไต้หวันทุ่มงบ $3 พันล้านเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม AI และหุ่นยนต์ ➡️ สร้างภาพลักษณ์ใหม่เป็น “AI Island” ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงหากเทคโนโลยีขั้นสูงรั่วไหล ⛔ รัฐบาลไต้หวันจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงของ TSMC ‼️ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงสูง ⛔ การลงทุนและข้อตกลงใหม่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-set-to-avoid-punishing-300-percent-tariffs-on-semiconductor-exports-says-report-new-trade-deal-could-spur-usd400-billion-investment-commitment-from-island-nation
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC

    Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    การสอบสวนของไต้หวัน
    อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี
    แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC
    ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา”

    อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC
    ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14

    เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC
    ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง

    กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา
    หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน

    ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC
    การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    🏭 Intel ปฏิเสธการได้ข้อมูลลับจาก TSMC Lip-Bu Tan ซีอีโอของ Intel ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหารระดับสูงของ TSMC ได้นำข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงมาให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดย Tan ย้ำว่า “นี่เป็นเพียงข่าวลือและการคาดเดา เราเคารพทรัพย์สินทางปัญญา” 🔎 การสอบสวนของไต้หวัน อัยการไต้หวันได้เริ่มการสอบสวนในระดับความมั่นคงแห่งชาติ โดยตรวจสอบว่า Lo อาจนำข้อมูลกระบวนการผลิตขั้นสูง เช่น N2, A16 และ A14 ไปเผยแพร่ให้กับ Intel หรือไม่ รายงานบางฉบับระบุว่า Lo เคยขอเอกสารภายในก่อนลาออกจาก TSMC ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลอาจถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ⚙️ ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี แม้จะมีข้อสงสัย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีของ Intel (18A และ 14A) แตกต่างจากของ TSMC อย่างมาก ทำให้ข้อมูลที่ Lo อาจนำออกไปไม่สามารถนำมาใช้โดยตรงกับกระบวนการผลิตของ Intel ได้ อย่างมากก็อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงแข่งขันเท่านั้น 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กรณีนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง Intel และ TSMC ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรในอุตสาหกรรม หากพบว่ามีการละเมิดจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการได้ข้อมูลลับจาก TSMC ➡️ ซีอีโอ Lip-Bu Tan ยืนยันว่า “เคารพทรัพย์สินทางปัญญา” ✅ อัยการไต้หวันสอบสวน Wei-Jen Lo อดีตผู้บริหาร TSMC ➡️ ตรวจสอบการขอเอกสารภายในเกี่ยวกับเทคโนโลยี N2, A16, A14 ✅ เทคโนโลยี Intel (18A, 14A) แตกต่างจาก TSMC ➡️ ทำให้ข้อมูลที่อาจถูกนำออกมาไม่สามารถใช้ได้โดยตรง ✅ กรณีนี้สะท้อนการแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตร ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงและทรัพย์สินทางปัญญา ⛔ หากพบการละเมิดจริง อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการลงทุน ‼️ ความไม่แน่นอนต่ออนาคตของ Intel และ TSMC ⛔ การสอบสวนที่ยืดเยื้ออาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองบริษัท https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-ceo-rejects-reports-the-company-is-obtaining-tsmc-secrets-from-former-executive-taiwans-investigation-into-intels-controversial-recent-hire-continues
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • Snapdragon Control Panel: เครื่องมือใหม่สำหรับนักเล่นเกม

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Control Panel ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับ Nvidia App และ AMD Adrenalin โดยมีเมนูย่อย 4 ส่วน ได้แก่ graphics, software, system info และ preferences ผู้เล่นสามารถปรับแต่งการตั้งค่าเกม เช่น การอัปสเกล, จำกัดเฟรมเรต, anti-aliasing และ texture filtering ได้ตามต้องการ ถือเป็นการยกระดับการควบคุมที่นักเล่นเกม ARM รอคอย

    อัปเดตไดรเวอร์ GPU แบบดาวน์โหลด
    Qualcomm เพิ่มระบบ ดาวน์โหลดไดรเวอร์ GPU โดยตรงจากเมนู software ซึ่งทำงานคล้ายกับ Nvidia และ AMD ผู้ใช้จะได้รับการแก้บั๊กและการปรับแต่งเกมใหม่ทันที เช่น การอัปเดตล่าสุด v121.1 ที่เพิ่มประสิทธิภาพในเกม Fortnite นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ Snapdragon PC สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นได้

    ปรับปรุงระบบ Anti-Cheat
    Snapdragon X-series ได้เพิ่มการรองรับระบบ anti-cheat ชั้นนำ เช่น Denuvo, BattleEye, Tencent Anti-Cheat Expert, Roblox Hyperion และ Easy Anti-Cheat ที่อัปเดตให้ทำงานในระดับ kernel สิ่งนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมออนไลน์บน ARM PC มีความปลอดภัยและลดปัญหาการโกงได้มากขึ้น

    รองรับ AVX2 Emulation
    Qualcomm กำลังเพิ่ม AVX2 emulation ให้กับ Snapdragon Windows-compatible chips โดย Snapdragon X2 Elite รองรับแล้ว และรุ่นก่อนหน้าจะได้รับอัปเดตในอีกไม่กี่สัปดาห์ การรองรับนี้ช่วยให้สามารถรันแอปพลิเคชันและเกมที่ต้องการ AVX2 ได้ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการใช้งาน ARM PC ให้กว้างขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว Snapdragon Control Panel
    ปรับแต่งกราฟิกและการตั้งค่าเกมได้ละเอียดเหมือนแพลตฟอร์ม x86

    ระบบอัปเดตไดรเวอร์ GPU แบบใหม่
    เพิ่มประสิทธิภาพเกม เช่น Fortnite ในเวอร์ชันล่าสุด

    รองรับระบบ Anti-Cheat ชั้นนำ
    ป้องกันการโกงในเกมออนไลน์ด้วย Denuvo, BattleEye และ Easy Anti-Cheat

    เพิ่มการรองรับ AVX2 Emulation
    Snapdragon X2 Elite รองรับแล้ว รุ่นเก่าจะได้รับอัปเดตเร็ว ๆ นี้

    ความเสี่ยงด้านการเข้ากันได้ของเกม
    เกมที่ต้องการการประมวลผลสูงอาจยังไม่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน ARM

    การแข่งขันกับแพลตฟอร์ม x86
    แม้ Qualcomm จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องใช้เวลาเพื่อให้ทันกับ Intel และ AMD

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/qualcomm-refines-windows-on-arm-gaming-with-broad-feature-release-platform-gets-snapdragon-control-panel-avx2-emulation-improved-anti-cheat-support
    🎮 Snapdragon Control Panel: เครื่องมือใหม่สำหรับนักเล่นเกม Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Control Panel ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับ Nvidia App และ AMD Adrenalin โดยมีเมนูย่อย 4 ส่วน ได้แก่ graphics, software, system info และ preferences ผู้เล่นสามารถปรับแต่งการตั้งค่าเกม เช่น การอัปสเกล, จำกัดเฟรมเรต, anti-aliasing และ texture filtering ได้ตามต้องการ ถือเป็นการยกระดับการควบคุมที่นักเล่นเกม ARM รอคอย 🖥️ อัปเดตไดรเวอร์ GPU แบบดาวน์โหลด Qualcomm เพิ่มระบบ ดาวน์โหลดไดรเวอร์ GPU โดยตรงจากเมนู software ซึ่งทำงานคล้ายกับ Nvidia และ AMD ผู้ใช้จะได้รับการแก้บั๊กและการปรับแต่งเกมใหม่ทันที เช่น การอัปเดตล่าสุด v121.1 ที่เพิ่มประสิทธิภาพในเกม Fortnite นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ Snapdragon PC สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นได้ 🛡️ ปรับปรุงระบบ Anti-Cheat Snapdragon X-series ได้เพิ่มการรองรับระบบ anti-cheat ชั้นนำ เช่น Denuvo, BattleEye, Tencent Anti-Cheat Expert, Roblox Hyperion และ Easy Anti-Cheat ที่อัปเดตให้ทำงานในระดับ kernel สิ่งนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมออนไลน์บน ARM PC มีความปลอดภัยและลดปัญหาการโกงได้มากขึ้น ⚙️ รองรับ AVX2 Emulation Qualcomm กำลังเพิ่ม AVX2 emulation ให้กับ Snapdragon Windows-compatible chips โดย Snapdragon X2 Elite รองรับแล้ว และรุ่นก่อนหน้าจะได้รับอัปเดตในอีกไม่กี่สัปดาห์ การรองรับนี้ช่วยให้สามารถรันแอปพลิเคชันและเกมที่ต้องการ AVX2 ได้ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการใช้งาน ARM PC ให้กว้างขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว Snapdragon Control Panel ➡️ ปรับแต่งกราฟิกและการตั้งค่าเกมได้ละเอียดเหมือนแพลตฟอร์ม x86 ✅ ระบบอัปเดตไดรเวอร์ GPU แบบใหม่ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพเกม เช่น Fortnite ในเวอร์ชันล่าสุด ✅ รองรับระบบ Anti-Cheat ชั้นนำ ➡️ ป้องกันการโกงในเกมออนไลน์ด้วย Denuvo, BattleEye และ Easy Anti-Cheat ✅ เพิ่มการรองรับ AVX2 Emulation ➡️ Snapdragon X2 Elite รองรับแล้ว รุ่นเก่าจะได้รับอัปเดตเร็ว ๆ นี้ ‼️ ความเสี่ยงด้านการเข้ากันได้ของเกม ⛔ เกมที่ต้องการการประมวลผลสูงอาจยังไม่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน ARM ‼️ การแข่งขันกับแพลตฟอร์ม x86 ⛔ แม้ Qualcomm จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องใช้เวลาเพื่อให้ทันกับ Intel และ AMD https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/qualcomm-refines-windows-on-arm-gaming-with-broad-feature-release-platform-gets-snapdragon-control-panel-avx2-emulation-improved-anti-cheat-support
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • Olmo 3 – เปิดทางใหม่ให้ AI แบบโอเพนซอร์ส

    AI2 เปิดตัว Olmo 3 ซึ่งเป็นตระกูลโมเดลภาษาโอเพนซอร์สที่มีทั้งรุ่น 7B และ 32B parameters จุดเด่นคือไม่ใช่แค่ปล่อยโมเดลสำเร็จ แต่ยังเปิดเผย model flow หรือเส้นทางการพัฒนาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อมูลฝึก, pipeline, ไปจนถึง checkpoint แต่ละช่วง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจและปรับแต่งได้อย่างเต็มที่

    ที่สำคัญ Olmo 3 มาพร้อม Olmo 3-Think (32B) ซึ่งเป็น reasoning model ที่สามารถตรวจสอบ intermediate reasoning traces และเชื่อมโยงพฤติกรรมกลับไปยังข้อมูลฝึกและการตัดสินใจที่ใช้ในการเทรน ถือเป็นครั้งแรกที่โมเดลโอเพนซอร์สเปิดให้ตรวจสอบการคิดแบบละเอียดเช่นนี้

    สมรรถนะและการเปรียบเทียบ
    Olmo 3-Base (7B, 32B): โมเดลฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มโอเพนซอร์ส สามารถแก้โจทย์โปรแกรมมิ่ง, การอ่านจับใจความ, และคณิตศาสตร์ได้ดีเยี่ยม พร้อมรองรับ context ยาวถึง ~65K tokens
    Olmo 3-Think: โมเดล reasoning ที่แข่งขันได้กับ Qwen 3 และ Gemma 3 โดยใช้ข้อมูลฝึกน้อยกว่า แต่ยังคงทำคะแนนสูงใน benchmark อย่าง MATH, BigBenchHard และ HumanEvalPlus
    Olmo 3-Instruct (7B): โมเดลสำหรับการสนทนาและการทำงานแบบ multi-turn ที่สามารถทำงาน instruction-following และ function calling ได้ดี เทียบเคียงกับ Qwen 2.5 และ Llama 3.1
    Olmo 3-RL Zero: เส้นทางสำหรับการทดลอง reinforcement learning โดยเปิด checkpoint สำหรับโดเมนเฉพาะ เช่น math, code, และ instruction-following

    ความโปร่งใสและการเข้าถึง
    Olmo 3 ใช้ชุดข้อมูลใหม่ Dolma 3 (~9.3T tokens) และ Dolci สำหรับ post-training โดยเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งหมดภายใต้ใบอนุญาตโอเพนซอร์ส พร้อมเครื่องมือเสริม เช่น OlmoTrace ที่ช่วยตรวจสอบว่าโมเดลเรียนรู้จากข้อมูลใดและอย่างไร

    การเปิดเผยทั้ง pipeline และข้อมูลฝึกทำให้ Olmo 3 ไม่ใช่แค่โมเดล แต่เป็น scaffold สำหรับการสร้างระบบ AI ใหม่ ที่ทุกคนสามารถ fork, remix หรือปรับแต่งได้ตามความต้องการ

    สรุปสาระสำคัญ
    จุดเด่นของ Olmo 3
    เปิดเผยทั้ง model flow ตั้งแต่ข้อมูลฝึกถึง checkpoint
    รองรับ context ยาว ~65K tokens

    โมเดลย่อย
    Olmo 3-Base: โมเดลฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในโอเพนซอร์ส
    Olmo 3-Think: reasoning model ที่ตรวจสอบ trace ได้
    Olmo 3-Instruct: เน้นสนทนาและการใช้เครื่องมือ
    Olmo 3-RL Zero: สำหรับการทดลอง reinforcement learning

    ความโปร่งใส
    เปิดข้อมูล Dolma 3 และ Dolci ให้ดาวน์โหลด
    มี OlmoTrace สำหรับตรวจสอบการเรียนรู้

    คำเตือน
    แม้เปิดกว้าง แต่การใช้งาน reasoning model ต้องใช้ทรัพยากรสูง (เช่น GPU cluster)
    การปรับแต่งต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกใน pipeline และ data mix
    ยังมีความเสี่ยงด้านบั๊กหรือการตีความผิดพลาดจาก reasoning trace ที่ต้องตรวจสอบเอง

    https://allenai.org/blog/olmo3
    🤖 Olmo 3 – เปิดทางใหม่ให้ AI แบบโอเพนซอร์ส AI2 เปิดตัว Olmo 3 ซึ่งเป็นตระกูลโมเดลภาษาโอเพนซอร์สที่มีทั้งรุ่น 7B และ 32B parameters จุดเด่นคือไม่ใช่แค่ปล่อยโมเดลสำเร็จ แต่ยังเปิดเผย model flow หรือเส้นทางการพัฒนาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อมูลฝึก, pipeline, ไปจนถึง checkpoint แต่ละช่วง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจและปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญ Olmo 3 มาพร้อม Olmo 3-Think (32B) ซึ่งเป็น reasoning model ที่สามารถตรวจสอบ intermediate reasoning traces และเชื่อมโยงพฤติกรรมกลับไปยังข้อมูลฝึกและการตัดสินใจที่ใช้ในการเทรน ถือเป็นครั้งแรกที่โมเดลโอเพนซอร์สเปิดให้ตรวจสอบการคิดแบบละเอียดเช่นนี้ 📊 สมรรถนะและการเปรียบเทียบ 🎗️ Olmo 3-Base (7B, 32B): โมเดลฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มโอเพนซอร์ส สามารถแก้โจทย์โปรแกรมมิ่ง, การอ่านจับใจความ, และคณิตศาสตร์ได้ดีเยี่ยม พร้อมรองรับ context ยาวถึง ~65K tokens 🎗️ Olmo 3-Think: โมเดล reasoning ที่แข่งขันได้กับ Qwen 3 และ Gemma 3 โดยใช้ข้อมูลฝึกน้อยกว่า แต่ยังคงทำคะแนนสูงใน benchmark อย่าง MATH, BigBenchHard และ HumanEvalPlus 🎗️ Olmo 3-Instruct (7B): โมเดลสำหรับการสนทนาและการทำงานแบบ multi-turn ที่สามารถทำงาน instruction-following และ function calling ได้ดี เทียบเคียงกับ Qwen 2.5 และ Llama 3.1 🎗️ Olmo 3-RL Zero: เส้นทางสำหรับการทดลอง reinforcement learning โดยเปิด checkpoint สำหรับโดเมนเฉพาะ เช่น math, code, และ instruction-following 🔍 ความโปร่งใสและการเข้าถึง Olmo 3 ใช้ชุดข้อมูลใหม่ Dolma 3 (~9.3T tokens) และ Dolci สำหรับ post-training โดยเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งหมดภายใต้ใบอนุญาตโอเพนซอร์ส พร้อมเครื่องมือเสริม เช่น OlmoTrace ที่ช่วยตรวจสอบว่าโมเดลเรียนรู้จากข้อมูลใดและอย่างไร การเปิดเผยทั้ง pipeline และข้อมูลฝึกทำให้ Olmo 3 ไม่ใช่แค่โมเดล แต่เป็น scaffold สำหรับการสร้างระบบ AI ใหม่ ที่ทุกคนสามารถ fork, remix หรือปรับแต่งได้ตามความต้องการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จุดเด่นของ Olmo 3 ➡️ เปิดเผยทั้ง model flow ตั้งแต่ข้อมูลฝึกถึง checkpoint ➡️ รองรับ context ยาว ~65K tokens ✅ โมเดลย่อย ➡️ Olmo 3-Base: โมเดลฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในโอเพนซอร์ส ➡️ Olmo 3-Think: reasoning model ที่ตรวจสอบ trace ได้ ➡️ Olmo 3-Instruct: เน้นสนทนาและการใช้เครื่องมือ ➡️ Olmo 3-RL Zero: สำหรับการทดลอง reinforcement learning ✅ ความโปร่งใส ➡️ เปิดข้อมูล Dolma 3 และ Dolci ให้ดาวน์โหลด ➡️ มี OlmoTrace สำหรับตรวจสอบการเรียนรู้ ‼️ คำเตือน ⛔ แม้เปิดกว้าง แต่การใช้งาน reasoning model ต้องใช้ทรัพยากรสูง (เช่น GPU cluster) ⛔ การปรับแต่งต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกใน pipeline และ data mix ⛔ ยังมีความเสี่ยงด้านบั๊กหรือการตีความผิดพลาดจาก reasoning trace ที่ต้องตรวจสอบเอง https://allenai.org/blog/olmo3
    ALLENAI.ORG
    Olmo 3: Charting a path through the model flow to lead open-source AI | Ai2
    Our new flagship Olmo 3 model family empowers the open source community with not only state-of-the-art open models, but the entire model flow and full traceability back to training data.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • Wealthfolio – Portfolio Tracker ที่เน้นความเป็นส่วนตัว

    Wealthfolio ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้สเปรดชีตที่ยุ่งยากและความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว โดยเป็น แอปโอเพนซอร์สที่ทำงานแบบ local ทำให้ข้อมูลไม่ถูกส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ผู้ใช้สามารถติดตั้งได้ทั้งบน Desktop, Mobile และ Web และมีการออกแบบ UI ที่เรียบง่ายแต่สวยงาม

    นอกจากนี้ Wealthfolio ยังได้รับความนิยมในชุมชนโอเพนซอร์ส โดยมีมากกว่า 5,000 GitHub Stars และถูกพูดถึงบน Hacker News และ Product Hunt ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการใช้งานจริงจากผู้ใช้ทั่วโลก

    ฟีเจอร์หลักที่โดดเด่น
    Accounts Aggregation: รวมบัญชีการลงทุนและการออมทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการนำเข้า CSV จากธนาคารหรือโบรกเกอร์
    Holdings Overview: แสดงภาพรวมพอร์ต เช่น หุ้น, ETF, คริปโต พร้อมข้อมูลการจัดสรรสินทรัพย์และผลตอบแทน
    Performance Dashboard: เปรียบเทียบผลตอบแทนของบัญชีต่าง ๆ กับดัชนีตลาด เช่น S&P 500
    Income Tracking: ติดตามรายได้จากปันผลและดอกเบี้ย เพื่อวิเคราะห์กระแสรายได้แบบ passive
    Goals Tracking: ตั้งเป้าหมายการออมและการลงทุน พร้อมติดตามความคืบหน้า
    Contribution Limits: ตรวจสอบเพดานการลงทุนในบัญชีที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น IRA, 401(k), TFSA

    Add-ons และการขยายความสามารถ
    Wealthfolio ยังมีระบบ Add-ons ที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ เช่น
    Investment Fees Tracker → วิเคราะห์ค่าธรรมเนียมการลงทุน
    Goal Progress Tracker → ติดตามความคืบหน้าเป้าหมายด้วย visualization
    Stock Trading Tracker → บันทึกและวิเคราะห์การซื้อขายหุ้น พร้อมมุมมองปฏิทิน

    สรุปสาระสำคัญ
    จุดเด่นของ Wealthfolio
    ทำงานแบบ offline, ข้อมูลไม่ออกจากเครื่อง
    ฟรีและโอเพนซอร์ส ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน

    ฟีเจอร์หลัก
    รวมบัญชี, ติดตามผลตอบแทน, รายได้จากปันผล/ดอกเบี้ย
    ตั้งเป้าหมายและตรวจสอบ contribution limits

    Add-ons เสริม
    วิเคราะห์ค่าธรรมเนียม
    ติดตามเป้าหมายด้วย visualization
    บันทึกการซื้อขายหุ้น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ต้องนำเข้าข้อมูลเองผ่าน CSV → ไม่มีการเชื่อมต่อ API อัตโนมัติ
    หากไม่สำรองข้อมูล อาจสูญเสียข้อมูลเมื่อเครื่องมีปัญหา
    ฟีเจอร์บางอย่างยังอยู่ในช่วงพัฒนา อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด

    https://wealthfolio.app/?v=2.0
    💼 Wealthfolio – Portfolio Tracker ที่เน้นความเป็นส่วนตัว Wealthfolio ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้สเปรดชีตที่ยุ่งยากและความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว โดยเป็น แอปโอเพนซอร์สที่ทำงานแบบ local ทำให้ข้อมูลไม่ถูกส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ผู้ใช้สามารถติดตั้งได้ทั้งบน Desktop, Mobile และ Web และมีการออกแบบ UI ที่เรียบง่ายแต่สวยงาม นอกจากนี้ Wealthfolio ยังได้รับความนิยมในชุมชนโอเพนซอร์ส โดยมีมากกว่า 5,000 GitHub Stars และถูกพูดถึงบน Hacker News และ Product Hunt ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการใช้งานจริงจากผู้ใช้ทั่วโลก 📊 ฟีเจอร์หลักที่โดดเด่น 💠 Accounts Aggregation: รวมบัญชีการลงทุนและการออมทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการนำเข้า CSV จากธนาคารหรือโบรกเกอร์ 💠 Holdings Overview: แสดงภาพรวมพอร์ต เช่น หุ้น, ETF, คริปโต พร้อมข้อมูลการจัดสรรสินทรัพย์และผลตอบแทน 💠 Performance Dashboard: เปรียบเทียบผลตอบแทนของบัญชีต่าง ๆ กับดัชนีตลาด เช่น S&P 500 💠 Income Tracking: ติดตามรายได้จากปันผลและดอกเบี้ย เพื่อวิเคราะห์กระแสรายได้แบบ passive 💠 Goals Tracking: ตั้งเป้าหมายการออมและการลงทุน พร้อมติดตามความคืบหน้า 💠 Contribution Limits: ตรวจสอบเพดานการลงทุนในบัญชีที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น IRA, 401(k), TFSA 🔌 Add-ons และการขยายความสามารถ Wealthfolio ยังมีระบบ Add-ons ที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ เช่น 💠 Investment Fees Tracker → วิเคราะห์ค่าธรรมเนียมการลงทุน 💠 Goal Progress Tracker → ติดตามความคืบหน้าเป้าหมายด้วย visualization 💠 Stock Trading Tracker → บันทึกและวิเคราะห์การซื้อขายหุ้น พร้อมมุมมองปฏิทิน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จุดเด่นของ Wealthfolio ➡️ ทำงานแบบ offline, ข้อมูลไม่ออกจากเครื่อง ➡️ ฟรีและโอเพนซอร์ส ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ✅ ฟีเจอร์หลัก ➡️ รวมบัญชี, ติดตามผลตอบแทน, รายได้จากปันผล/ดอกเบี้ย ➡️ ตั้งเป้าหมายและตรวจสอบ contribution limits ✅ Add-ons เสริม ➡️ วิเคราะห์ค่าธรรมเนียม ➡️ ติดตามเป้าหมายด้วย visualization ➡️ บันทึกการซื้อขายหุ้น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ต้องนำเข้าข้อมูลเองผ่าน CSV → ไม่มีการเชื่อมต่อ API อัตโนมัติ ⛔ หากไม่สำรองข้อมูล อาจสูญเสียข้อมูลเมื่อเครื่องมีปัญหา ⛔ ฟีเจอร์บางอย่างยังอยู่ในช่วงพัฒนา อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด https://wealthfolio.app/?v=2.0
    WEALTHFOLIO.APP
    Wealthfolio | Open-Source, Offline & Private Portfolio Tracker
    Wealthfolio is an open-source, private, and offline desktop portfolio tracker. Keep your financial data safe on your computer. No subscriptions, no cloud storage - just a straightforward tool to manage your wealth.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Valve เปิดตัวอุปกรณ์เกมใหม่ 3 รุ่น พร้อมความร่วมมือจาก Igalia

    Valve ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจในวงการเกมด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 3 รุ่นในคราวเดียว ได้แก่ Steam Frame (VR Headset แบบไร้สาย), Steam Machine (Console คล้าย PlayStation/Xbox), และ Steam Controller (Gamepad) ซึ่งเป็นทายาทต่อจาก Steam Deck และ Valve Index ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้

    Igalia มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา SteamOS ที่จะใช้ใน Steam Machine และ Steam Frame โดยเฉพาะการทำงานบน ARM-based CPU ของ Steam Frame ซึ่งปกติจะไม่สามารถรันเกมที่คอมไพล์สำหรับ x86 ได้ แต่ด้วย FEX Translation Layer ทำให้สามารถแปลงโค้ด x86 เป็น ARM64 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ความท้าทายด้านกราฟิกและการแก้ไข
    Steam Frame ใช้ Qualcomm Adreno 750 GPU ซึ่งต้องการ Vulkan driver ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูง Igalia ได้พัฒนา Mesa3D Turnip (FOSS Vulkan driver) เพื่อแก้ไขปัญหาการเรนเดอร์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น LRZ optimization, tiled rendering และ Vulkan extensions ที่ช่วยให้เกมจาก DirectX และ OpenGL สามารถรันได้อย่างถูกต้องผ่าน DXVK และ Proton

    ผลลัพธ์คือ ประสิทธิภาพสูงกว่าไดรเวอร์ proprietary และมีความถูกต้องในการเรนเดอร์มากขึ้น ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากผู้ใช้ที่นำไปใช้รันเกม PC บน Android อีกด้วย

    การพัฒนา Kernel และการจัดการพลังงาน
    นอกจากกราฟิกแล้ว Igalia ยังทำงานด้าน Kernel Scheduling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Steam Frame ที่เป็นอุปกรณ์พกพา โดยพัฒนา LAVD (Latency-criticality Aware Virtual Deadline scheduler) ที่เขียนด้วย Rust เพื่อปรับสมดุลระหว่าง ประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน ทำให้ VR Headset สามารถทำงานได้ลื่นไหลโดยไม่เปลืองแบตเตอรี่

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง AMD Kernel Display Drivers เพื่อรองรับ HDR และการจัดการสีที่ดีขึ้นบน Steam Machine และ Steam Deck ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสบการณ์การเล่นเกม

    สรุปสาระสำคัญ
    Valve เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่
    Steam Frame (VR Headset บน ARM)
    Steam Machine (Console)
    Steam Controller (Gamepad)

    ความร่วมมือกับ Igalia
    พัฒนา SteamOS และ FEX Translation Layer
    ทำให้เกม x86 รันบน ARM ได้

    การพัฒนา Mesa3D Turnip
    Vulkan driver สำหรับ Adreno 750 GPU
    รองรับ DXVK, Proton, OpenGL → Vulkan

    Kernel และพลังงาน
    LAVD Scheduler ปรับสมดุล performance/energy
    AMD Display Driver รองรับ HDR และ color management

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้
    การทดสอบยังต้องใช้ manual QA มาก อาจมีบั๊กเรนเดอร์ที่ CTS ไม่ตรวจพบ
    การเปลี่ยนสถาปัตยกรรม ARM อาจทำให้บางเกมไม่เสถียรในช่วงแรก
    ต้องติดตามการอัปเดต driver และ SteamOS อย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.igalia.com/2025/11/helpingvalve.html
    🎮 Valve เปิดตัวอุปกรณ์เกมใหม่ 3 รุ่น พร้อมความร่วมมือจาก Igalia Valve ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจในวงการเกมด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 3 รุ่นในคราวเดียว ได้แก่ Steam Frame (VR Headset แบบไร้สาย), Steam Machine (Console คล้าย PlayStation/Xbox), และ Steam Controller (Gamepad) ซึ่งเป็นทายาทต่อจาก Steam Deck และ Valve Index ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ Igalia มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา SteamOS ที่จะใช้ใน Steam Machine และ Steam Frame โดยเฉพาะการทำงานบน ARM-based CPU ของ Steam Frame ซึ่งปกติจะไม่สามารถรันเกมที่คอมไพล์สำหรับ x86 ได้ แต่ด้วย FEX Translation Layer ทำให้สามารถแปลงโค้ด x86 เป็น ARM64 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🖥️ ความท้าทายด้านกราฟิกและการแก้ไข Steam Frame ใช้ Qualcomm Adreno 750 GPU ซึ่งต้องการ Vulkan driver ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูง Igalia ได้พัฒนา Mesa3D Turnip (FOSS Vulkan driver) เพื่อแก้ไขปัญหาการเรนเดอร์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น LRZ optimization, tiled rendering และ Vulkan extensions ที่ช่วยให้เกมจาก DirectX และ OpenGL สามารถรันได้อย่างถูกต้องผ่าน DXVK และ Proton ผลลัพธ์คือ ประสิทธิภาพสูงกว่าไดรเวอร์ proprietary และมีความถูกต้องในการเรนเดอร์มากขึ้น ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากผู้ใช้ที่นำไปใช้รันเกม PC บน Android อีกด้วย ⚡ การพัฒนา Kernel และการจัดการพลังงาน นอกจากกราฟิกแล้ว Igalia ยังทำงานด้าน Kernel Scheduling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Steam Frame ที่เป็นอุปกรณ์พกพา โดยพัฒนา LAVD (Latency-criticality Aware Virtual Deadline scheduler) ที่เขียนด้วย Rust เพื่อปรับสมดุลระหว่าง ประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน ทำให้ VR Headset สามารถทำงานได้ลื่นไหลโดยไม่เปลืองแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง AMD Kernel Display Drivers เพื่อรองรับ HDR และการจัดการสีที่ดีขึ้นบน Steam Machine และ Steam Deck ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสบการณ์การเล่นเกม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Valve เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ ➡️ Steam Frame (VR Headset บน ARM) ➡️ Steam Machine (Console) ➡️ Steam Controller (Gamepad) ✅ ความร่วมมือกับ Igalia ➡️ พัฒนา SteamOS และ FEX Translation Layer ➡️ ทำให้เกม x86 รันบน ARM ได้ ✅ การพัฒนา Mesa3D Turnip ➡️ Vulkan driver สำหรับ Adreno 750 GPU ➡️ รองรับ DXVK, Proton, OpenGL → Vulkan ✅ Kernel และพลังงาน ➡️ LAVD Scheduler ปรับสมดุล performance/energy ➡️ AMD Display Driver รองรับ HDR และ color management ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ ⛔ การทดสอบยังต้องใช้ manual QA มาก อาจมีบั๊กเรนเดอร์ที่ CTS ไม่ตรวจพบ ⛔ การเปลี่ยนสถาปัตยกรรม ARM อาจทำให้บางเกมไม่เสถียรในช่วงแรก ⛔ ต้องติดตามการอัปเดต driver และ SteamOS อย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด https://www.igalia.com/2025/11/helpingvalve.html
    WWW.IGALIA.COM
    Helping Valve to Power Up Steam Devices | Igalia
    Igalia is an open source consultancy specialised in the development of innovative projects and solutions. Our engineers have expertise in a wide range of technological areas, including browsers and client-side web technologies, graphics pipeline, compilers and virtual machines. We have the most WPE, WebKit, Chromium/Blink and Firefox expertise found in the consulting business, including many reviewers and committers. Igalia designs, develops, customises and optimises GNU/Linux-based solutions for companies across the globe. Our work and contributions are present in many projects such as GStreamer, Mesa 3D, WebKit, Chromium, etc.
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
More Results