• เรื่องเล่าจากสมองถึงซิลิคอน: เมื่อจีนเปิดศึก BCI ด้วยแผน 17 ข้อจาก 7 กระทรวง

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารนโยบายขนาดใหญ่ชื่อ “Implementation Plan for Promoting Innovation and Development of the Brain-Computer Interface (BCI) Industry” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติที่มีเป้าหมายชัดเจน: สร้างอุตสาหกรรม BCI ที่แข่งขันได้ในระดับโลกภายใน 5 ปี และผลักดันให้เทคโนโลยีนี้เข้าสู่การใช้งานจริงภายในปี 2027

    แผนนี้ไม่ใช่แค่การวิจัย แต่เป็นการบูรณาการระหว่าง 7 กระทรวงที่รวมการวางแผนอุตสาหกรรม, การกำกับดูแลทางการแพทย์, และการควบคุมการวิจัยไว้ใน playbook เดียว เพื่อเร่งการอนุมัติและลดเวลาจากห้องแล็บสู่ตลาดให้เหลือเพียงไม่กี่ปี—ต่างจากสหรัฐฯ ที่ต้องผ่านด่าน FDA หลายชั้น

    ในแผนมี 17 ข้อที่ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนา chip ฝังสมองที่ใช้พลังงานต่ำ, การออกแบบอิเล็กโทรดที่ลดการเกิดแผล, การสร้างอัลกอริธึมถอดรหัสความคิดแบบ real-time ไปจนถึงการผลิตอุปกรณ์แบบ non-invasive สำหรับตลาดผู้บริโภค เช่น อุปกรณ์ตรวจความตื่นตัวของคนขับรถ หรือหมวกนิรภัยที่ตรวจจับอันตรายในเหมือง

    ที่สำคัญคือ จีนได้เริ่มทดลองจริงแล้ว—ผู้ป่วยที่ได้รับการฝังอิเล็กโทรดสามารถเล่นหมากรุกและใช้งานแอปมือถือด้วยความคิดล้วน ๆ โดยใช้อิเล็กโทรด 128 ช่องที่ออกแบบให้เสถียรและลดการอักเสบในระยะยาว

    แผนยุทธศาสตร์ BCI ของจีน
    มีชื่อว่า “Implementation Plan for Promoting Innovation and Development of the BCI Industry”
    ร่วมกันจัดทำโดย 7 กระทรวงของรัฐบาลจีน
    ตั้งเป้าให้มีการใช้งานจริงในคลินิกภายในปี 2027 และมีบริษัทชั้นนำภายในปี 2030

    รายละเอียดของแผน 17 ข้อ
    พัฒนา chip ฝังสมองที่ใช้พลังงานต่ำ
    ออกแบบอิเล็กโทรดที่ลดการเกิดแผลและอยู่ในสมองได้นาน
    สร้างอัลกอริธึมถอดรหัสความคิดแบบ real-time
    ขยายสายการผลิตอุปกรณ์ non-invasive สำหรับผู้บริโภค

    ความคืบหน้าทางเทคนิค
    ทีมวิจัยจีนพัฒนาอิเล็กโทรด 128 ช่องที่เสถียรและลดการอักเสบ
    ผู้ป่วยสามารถเล่นหมากรุกและใช้งานแอปมือถือด้วยความคิด
    มีการทดลองในสัตว์, ลิง, และมนุษย์แล้ว

    การขยายสู่ตลาดผู้บริโภค
    สนับสนุนอุปกรณ์ non-invasive เช่น หมวกนิรภัยอัจฉริยะและเซนเซอร์ตรวจความตื่นตัว
    วางตำแหน่ง BCI เป็นทั้งเทคโนโลยีการแพทย์และแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค
    คาดว่าจะมีผู้ป่วย 1–2 ล้านคนที่ได้รับประโยชน์จาก BCI ภายในไม่กี่ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bci-blueprint
    🎙️ เรื่องเล่าจากสมองถึงซิลิคอน: เมื่อจีนเปิดศึก BCI ด้วยแผน 17 ข้อจาก 7 กระทรวง ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารนโยบายขนาดใหญ่ชื่อ “Implementation Plan for Promoting Innovation and Development of the Brain-Computer Interface (BCI) Industry” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติที่มีเป้าหมายชัดเจน: สร้างอุตสาหกรรม BCI ที่แข่งขันได้ในระดับโลกภายใน 5 ปี และผลักดันให้เทคโนโลยีนี้เข้าสู่การใช้งานจริงภายในปี 2027 แผนนี้ไม่ใช่แค่การวิจัย แต่เป็นการบูรณาการระหว่าง 7 กระทรวงที่รวมการวางแผนอุตสาหกรรม, การกำกับดูแลทางการแพทย์, และการควบคุมการวิจัยไว้ใน playbook เดียว เพื่อเร่งการอนุมัติและลดเวลาจากห้องแล็บสู่ตลาดให้เหลือเพียงไม่กี่ปี—ต่างจากสหรัฐฯ ที่ต้องผ่านด่าน FDA หลายชั้น ในแผนมี 17 ข้อที่ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนา chip ฝังสมองที่ใช้พลังงานต่ำ, การออกแบบอิเล็กโทรดที่ลดการเกิดแผล, การสร้างอัลกอริธึมถอดรหัสความคิดแบบ real-time ไปจนถึงการผลิตอุปกรณ์แบบ non-invasive สำหรับตลาดผู้บริโภค เช่น อุปกรณ์ตรวจความตื่นตัวของคนขับรถ หรือหมวกนิรภัยที่ตรวจจับอันตรายในเหมือง ที่สำคัญคือ จีนได้เริ่มทดลองจริงแล้ว—ผู้ป่วยที่ได้รับการฝังอิเล็กโทรดสามารถเล่นหมากรุกและใช้งานแอปมือถือด้วยความคิดล้วน ๆ โดยใช้อิเล็กโทรด 128 ช่องที่ออกแบบให้เสถียรและลดการอักเสบในระยะยาว ✅ แผนยุทธศาสตร์ BCI ของจีน ➡️ มีชื่อว่า “Implementation Plan for Promoting Innovation and Development of the BCI Industry” ➡️ ร่วมกันจัดทำโดย 7 กระทรวงของรัฐบาลจีน ➡️ ตั้งเป้าให้มีการใช้งานจริงในคลินิกภายในปี 2027 และมีบริษัทชั้นนำภายในปี 2030 ✅ รายละเอียดของแผน 17 ข้อ ➡️ พัฒนา chip ฝังสมองที่ใช้พลังงานต่ำ ➡️ ออกแบบอิเล็กโทรดที่ลดการเกิดแผลและอยู่ในสมองได้นาน ➡️ สร้างอัลกอริธึมถอดรหัสความคิดแบบ real-time ➡️ ขยายสายการผลิตอุปกรณ์ non-invasive สำหรับผู้บริโภค ✅ ความคืบหน้าทางเทคนิค ➡️ ทีมวิจัยจีนพัฒนาอิเล็กโทรด 128 ช่องที่เสถียรและลดการอักเสบ ➡️ ผู้ป่วยสามารถเล่นหมากรุกและใช้งานแอปมือถือด้วยความคิด ➡️ มีการทดลองในสัตว์, ลิง, และมนุษย์แล้ว ✅ การขยายสู่ตลาดผู้บริโภค ➡️ สนับสนุนอุปกรณ์ non-invasive เช่น หมวกนิรภัยอัจฉริยะและเซนเซอร์ตรวจความตื่นตัว ➡️ วางตำแหน่ง BCI เป็นทั้งเทคโนโลยีการแพทย์และแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ➡️ คาดว่าจะมีผู้ป่วย 1–2 ล้านคนที่ได้รับประโยชน์จาก BCI ภายในไม่กี่ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bci-blueprint
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    China plans to outpace Neuralink with a state-backed brain chip blitz — seven ministries, a 17-point roadmap, and clinical trials where patients play chess
    Plan aims to streamline approval by bringing regulators in at the beginning, potentially shaving years off the lab-to-market timeline.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากวงการเภสัชกรรม: เมื่อ AI กลายเป็นนักวิจัยที่ไม่ต้องใช้สัตว์

    ในปี 2025 การพัฒนายาด้วย AI ไม่ใช่แค่แนวคิดอีกต่อไป แต่กลายเป็นแนวทางหลักที่บริษัทเภสัชกรรมและหน่วยงานวิจัยทั่วโลกกำลังเร่งนำมาใช้ โดยเฉพาะเมื่อ FDA (สำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ) ประกาศแผนลดการใช้สัตว์ทดลองในกระบวนการ pre-clinical testing ภายใน 3–5 ปีข้างหน้า

    บริษัทอย่าง Certara, Recursion Pharmaceuticals และ Schrodinger กำลังใช้ AI เพื่อจำลองว่าโมเลกุลใหม่จะถูกดูดซึม, กระจาย, หรือก่อให้เกิดพิษในร่างกายอย่างไร โดยไม่ต้องใช้สัตว์ทดลองจริง ตัวอย่างเช่น Recursion ใช้แพลตฟอร์ม AI ของตนเพื่อพัฒนาโมเลกุลต้านมะเร็งจนเข้าสู่การทดลองทางคลินิกภายในเวลาเพียง 18 เดือน—เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ใช้เวลา 42 เดือน

    Charles River ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับจ้างวิจัยรายใหญ่ของโลก ก็หันมาใช้ “NAMs” หรือ New Approach Methodologies ที่รวม AI, โมเดลคอมพิวเตอร์, และอุปกรณ์จำลองอวัยวะมนุษย์ (organ-on-a-chip) เพื่อทดสอบฤทธิ์ยาโดยไม่ต้องใช้สัตว์

    แม้จะมีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเลิกใช้สัตว์ทดลองโดยสิ้นเชิงยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที โดยเฉพาะในกรณีของโมโนโคลนอลแอนติบอดี ที่ยังต้องใช้สัตว์ทดลองเพื่อประเมินความปลอดภัยในบางขั้นตอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/ai-driven-drug-discovery-picks-up-as-fda-pushes-to-reduce-animal-testing
    🎙️ เรื่องเล่าจากวงการเภสัชกรรม: เมื่อ AI กลายเป็นนักวิจัยที่ไม่ต้องใช้สัตว์ ในปี 2025 การพัฒนายาด้วย AI ไม่ใช่แค่แนวคิดอีกต่อไป แต่กลายเป็นแนวทางหลักที่บริษัทเภสัชกรรมและหน่วยงานวิจัยทั่วโลกกำลังเร่งนำมาใช้ โดยเฉพาะเมื่อ FDA (สำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ) ประกาศแผนลดการใช้สัตว์ทดลองในกระบวนการ pre-clinical testing ภายใน 3–5 ปีข้างหน้า บริษัทอย่าง Certara, Recursion Pharmaceuticals และ Schrodinger กำลังใช้ AI เพื่อจำลองว่าโมเลกุลใหม่จะถูกดูดซึม, กระจาย, หรือก่อให้เกิดพิษในร่างกายอย่างไร โดยไม่ต้องใช้สัตว์ทดลองจริง ตัวอย่างเช่น Recursion ใช้แพลตฟอร์ม AI ของตนเพื่อพัฒนาโมเลกุลต้านมะเร็งจนเข้าสู่การทดลองทางคลินิกภายในเวลาเพียง 18 เดือน—เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ใช้เวลา 42 เดือน Charles River ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับจ้างวิจัยรายใหญ่ของโลก ก็หันมาใช้ “NAMs” หรือ New Approach Methodologies ที่รวม AI, โมเดลคอมพิวเตอร์, และอุปกรณ์จำลองอวัยวะมนุษย์ (organ-on-a-chip) เพื่อทดสอบฤทธิ์ยาโดยไม่ต้องใช้สัตว์ แม้จะมีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเลิกใช้สัตว์ทดลองโดยสิ้นเชิงยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที โดยเฉพาะในกรณีของโมโนโคลนอลแอนติบอดี ที่ยังต้องใช้สัตว์ทดลองเพื่อประเมินความปลอดภัยในบางขั้นตอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/ai-driven-drug-discovery-picks-up-as-fda-pushes-to-reduce-animal-testing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI-driven drug discovery picks up as FDA pushes to reduce animal testing
    (Reuters) -Drug developers are increasing adoption of AI technologies for discovery and safety testing to get faster and cheaper results, in line with an FDA push to reduce animal testing in the near future.
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • ความไม่โปร่งใส, ความกังวลด้านความปลอดภัย และข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวัคซีน COVID-19

    ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ได้พัฒนาไปในทิศทางที่มีการตั้งคำถามและเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้นจากหลายฝ่าย **ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัทผลิตยาขนาดใหญ่ เช่น Pfizer และ Moderna เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา COVID-19 ทันที** โดยระบุว่าประชาชนสมควรได้รับเห็นหลักฐาน [1, 2] ทรัมป์ยังตั้งข้อสงสัยต่อโครงการ Operation Warp Speed ของตัวเอง โดยขอให้มีการตรวจสอบว่าโครงการเร่งพัฒนาวัคซีนนี้ "ยอดเยี่ยมจริงหรือไม่" หรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น [1, 4] ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับข่าวที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ชี้ว่าอาจมีการชะลอการทดสอบวัคซีนโดยเจตนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการประกาศความสำเร็จของวัคซีนหลังการเลือกตั้งปี 2020 [5, 6]

    **การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการคือบทบาทของ Robert F. Kennedy Jr. (RFK Jr.) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS)** RFK Jr. ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ตั้งคำถามเรื่องวัคซีน ได้เริ่มทบทวนและยกเลิกการลงทุนในการพัฒนาวัคซีน mRNA 22 รายการ Choawalit Chotwattanaphong เขากล่าวว่า **วัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพต่ำในการต่อสู้กับไวรัสที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเนื่องจากการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว** ซึ่งทำให้วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์เพียงครั้งเดียว เช่นกรณีของเชื้อ Omicron Choawalit Chotwattanaphong เขายังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่วัคซีนเหล่านี้อาจส่งเสริมการกลายพันธุ์และยืดเวลาการระบาดใหญ่ได้ Choawalit Chotwattanaphong

    ความกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา **RFK Jr. อ้างว่าวัคซีน COVID-19 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตในบางกรณี** โดยอ้างอิงข้อมูลการชันสูตรพลิกศพที่ระบุว่าวัคซีนเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 73.9% ในกลุ่มผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Choawalit Chotwattanaphong เขายังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการที่ไม่มี "คำเตือนกล่องดำ" (blackbox warning) เรื่องการเสียชีวิตในเอกสารกำกับวัคซีน แม้ว่ากฎหมายของ FDA จะกำหนดไว้ Choawalit Chotwattanaphong

    มีการเน้นย้ำถึง **การขาด Informed Consent (การยินยอมเข้ารับการรักษาโดยได้รับข้อมูลครบถ้วน) อย่างรุนแรง** ผู้ป่วยหลายราย รวมถึง Dr. Walscott แพทย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนยืนยันว่าไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริงและโปร่งใส Choawalit Chotwattanaphong ตัวอย่างที่สะเทือนใจคือเรื่องราวของ Crystal Cordingley ที่เชื่อว่าลูกชายของเธอ Corbin เสียชีวิตจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยพบความเสียหายในสมองที่คล้ายกับกรณี SIDS [9, 10] เธอถูกปฏิเสธข้อมูลและ Informed Consent และพบว่ากุมารแพทย์ได้ยื่นรายงาน VAERS โดยที่เธอไม่ทราบ [10] นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่าหน่วยงานเช่น American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG) ถูกควบคุมโดย HHS เพื่อผลักดันวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ Choawalit Chotwattanaphong

    **ความเป็นพิษของ Spike Protein ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตา** Dr. Robert Sullivan วิสัญญีแพทย์ผู้ได้รับผลกระทบ ได้เปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการเกิดความดันโลหิตสูงในปอด (Pulmonary Hypertension) หลังฉีดวัคซีน mRNA COVID-19 และการสูญเสียความจุปอดไปครึ่งหนึ่ง [7, 8] เขากล่าวถึงงานวิจัยที่คาดการณ์ว่า Spike Protein สามารถทำลายหลอดเลือดในปอดและรกได้ [8] และ Dr. Ryan Cole พยาธิแพทย์ได้สังเกตเห็นว่าปัญหาลิ่มเลือดในผู้ป่วย "แย่ลงมาก" หลังจากการฉีดวัคซีนทางพันธุกรรม โดยมีรายงานการเสียชีวิตฉับพลันและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยอายุน้อย [11] การบรรยายยังเสนอว่า **"Long COVID" อาจเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน และอาการต่างๆ เช่น สมองล้าและปัญหาทางระบบประสาท อาจเกิดจาก Spike Protein ที่ผลิตโดยวัคซีน mRNA** [12] วัคซีน mRNA ที่ได้รับการดัดแปลงยังพบว่าสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายเดือนและพบได้ในเนื้องอก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง [13]

    **ระบบการแพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขเองก็ตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก** ระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ไม่เป็นที่รู้จักหรือเข้าใจอย่างกว้างขวางในหมู่แพทย์ และมักไม่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงาน [8] นอกจากนี้ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน และ "ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการบาดเจ็บ" ก็ไม่ได้รับการศึกษาหรือสอนในโรงเรียนแพทย์ [7, 12] มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ CDC ถึงกับทำลายหลักฐานที่เชื่อมโยงวัคซีน MMR กับออทิซึมในเด็กชายชาวแอฟริกัน-อเมริกัน [15, 16]

    สถานการณ์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึง **ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และความไว้วางใจของประชาชนในหน่วยงานรัฐบาลและระบบการแพทย์** โดยการตัดสินใจทางการแพทย์ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Informed Consent ที่แท้จริง [17] มีการคาดการณ์เชิงสมมติฐานว่าหากไม่มีการบังคับใช้คำสั่งให้ฉีดวัคซีน การระบาดใหญ่อาจถูกควบคุมได้เร็วกว่าโดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเสี่ยงสูงและให้ไวรัสแพร่กระจายในกลุ่มเสี่ยงต่ำ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ [6, 18]

    โดยสรุป สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์อย่างโปร่งใส การให้ความสำคัญกับ Informed Consent และการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน COVID-19 อย่างละเอียดถี่ถ้วน.

    https://www.youtube.com/live/4-JxzRRgdy0
    https://youtu.be/-Y2d_4BSGP4

    https://www.facebook.com/share/16v8B1t4by/
    ✍️ความไม่โปร่งใส, ความกังวลด้านความปลอดภัย และข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวัคซีน COVID-19 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ได้พัฒนาไปในทิศทางที่มีการตั้งคำถามและเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้นจากหลายฝ่าย **ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัทผลิตยาขนาดใหญ่ เช่น Pfizer และ Moderna เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา COVID-19 ทันที** โดยระบุว่าประชาชนสมควรได้รับเห็นหลักฐาน [1, 2] ทรัมป์ยังตั้งข้อสงสัยต่อโครงการ Operation Warp Speed ของตัวเอง โดยขอให้มีการตรวจสอบว่าโครงการเร่งพัฒนาวัคซีนนี้ "ยอดเยี่ยมจริงหรือไม่" หรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น [1, 4] ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับข่าวที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ชี้ว่าอาจมีการชะลอการทดสอบวัคซีนโดยเจตนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการประกาศความสำเร็จของวัคซีนหลังการเลือกตั้งปี 2020 [5, 6] **การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการคือบทบาทของ Robert F. Kennedy Jr. (RFK Jr.) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS)** RFK Jr. ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ตั้งคำถามเรื่องวัคซีน ได้เริ่มทบทวนและยกเลิกการลงทุนในการพัฒนาวัคซีน mRNA 22 รายการ [1] เขากล่าวว่า **วัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพต่ำในการต่อสู้กับไวรัสที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเนื่องจากการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว** ซึ่งทำให้วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์เพียงครั้งเดียว เช่นกรณีของเชื้อ Omicron [1] เขายังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่วัคซีนเหล่านี้อาจส่งเสริมการกลายพันธุ์และยืดเวลาการระบาดใหญ่ได้ [1] ความกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา **RFK Jr. อ้างว่าวัคซีน COVID-19 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตในบางกรณี** โดยอ้างอิงข้อมูลการชันสูตรพลิกศพที่ระบุว่าวัคซีนเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 73.9% ในกลุ่มผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน [1] เขายังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการที่ไม่มี "คำเตือนกล่องดำ" (blackbox warning) เรื่องการเสียชีวิตในเอกสารกำกับวัคซีน แม้ว่ากฎหมายของ FDA จะกำหนดไว้ [1] มีการเน้นย้ำถึง **การขาด Informed Consent (การยินยอมเข้ารับการรักษาโดยได้รับข้อมูลครบถ้วน) อย่างรุนแรง** ผู้ป่วยหลายราย รวมถึง Dr. Walscott แพทย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนยืนยันว่าไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริงและโปร่งใส [1] ตัวอย่างที่สะเทือนใจคือเรื่องราวของ Crystal Cordingley ที่เชื่อว่าลูกชายของเธอ Corbin เสียชีวิตจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยพบความเสียหายในสมองที่คล้ายกับกรณี SIDS [9, 10] เธอถูกปฏิเสธข้อมูลและ Informed Consent และพบว่ากุมารแพทย์ได้ยื่นรายงาน VAERS โดยที่เธอไม่ทราบ [10] นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่าหน่วยงานเช่น American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG) ถูกควบคุมโดย HHS เพื่อผลักดันวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ [1] **ความเป็นพิษของ Spike Protein ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตา** Dr. Robert Sullivan วิสัญญีแพทย์ผู้ได้รับผลกระทบ ได้เปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการเกิดความดันโลหิตสูงในปอด (Pulmonary Hypertension) หลังฉีดวัคซีน mRNA COVID-19 และการสูญเสียความจุปอดไปครึ่งหนึ่ง [7, 8] เขากล่าวถึงงานวิจัยที่คาดการณ์ว่า Spike Protein สามารถทำลายหลอดเลือดในปอดและรกได้ [8] และ Dr. Ryan Cole พยาธิแพทย์ได้สังเกตเห็นว่าปัญหาลิ่มเลือดในผู้ป่วย "แย่ลงมาก" หลังจากการฉีดวัคซีนทางพันธุกรรม โดยมีรายงานการเสียชีวิตฉับพลันและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยอายุน้อย [11] การบรรยายยังเสนอว่า **"Long COVID" อาจเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน และอาการต่างๆ เช่น สมองล้าและปัญหาทางระบบประสาท อาจเกิดจาก Spike Protein ที่ผลิตโดยวัคซีน mRNA** [12] วัคซีน mRNA ที่ได้รับการดัดแปลงยังพบว่าสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายเดือนและพบได้ในเนื้องอก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง [13] **ระบบการแพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขเองก็ตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก** ระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ไม่เป็นที่รู้จักหรือเข้าใจอย่างกว้างขวางในหมู่แพทย์ และมักไม่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงาน [8] นอกจากนี้ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน และ "ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการบาดเจ็บ" ก็ไม่ได้รับการศึกษาหรือสอนในโรงเรียนแพทย์ [7, 12] มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ CDC ถึงกับทำลายหลักฐานที่เชื่อมโยงวัคซีน MMR กับออทิซึมในเด็กชายชาวแอฟริกัน-อเมริกัน [15, 16] สถานการณ์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึง **ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และความไว้วางใจของประชาชนในหน่วยงานรัฐบาลและระบบการแพทย์** โดยการตัดสินใจทางการแพทย์ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Informed Consent ที่แท้จริง [17] มีการคาดการณ์เชิงสมมติฐานว่าหากไม่มีการบังคับใช้คำสั่งให้ฉีดวัคซีน การระบาดใหญ่อาจถูกควบคุมได้เร็วกว่าโดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเสี่ยงสูงและให้ไวรัสแพร่กระจายในกลุ่มเสี่ยงต่ำ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ [6, 18] โดยสรุป สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์อย่างโปร่งใส การให้ความสำคัญกับ Informed Consent และการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน COVID-19 อย่างละเอียดถี่ถ้วน. https://www.youtube.com/live/4-JxzRRgdy0 https://youtu.be/-Y2d_4BSGP4 https://www.facebook.com/share/16v8B1t4by/
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่

    หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น

    รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed:
    1. เป้าหมาย:
    • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021
    • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ
    • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว

    2. การดำเนินงาน:
    • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน
    • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา)
    • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย

    3. ผลลัพธ์:
    • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020
    • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021
    • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้

    4. ข้อวิจารณ์:
    • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน
    • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่

    Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่ หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed: 1. เป้าหมาย: • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021 • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว 2. การดำเนินงาน: • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา) • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย 3. ผลลัพธ์: • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020 • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021 • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้ 4. ข้อวิจารณ์: • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่ Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • Therac-25 — เมื่อซอฟต์แวร์ที่ไม่มีการทดสอบกลายเป็นอาวุธร้ายในโรงพยาบาล

    ย้อนกลับไปในยุค 80s เครื่อง Therac-25 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็งด้วยรังสี โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ลำอิเล็กตรอนโดยตรง หรือเปลี่ยนเป็นรังสีเอกซ์ผ่านแผ่นโลหะ เครื่องนี้ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ PDP-11 และเป็นเครื่องแรกที่ยกเลิกระบบป้องกันแบบฮาร์ดแวร์ แล้วใช้ซอฟต์แวร์แทนทั้งหมด

    ในปี 1986 ที่ศูนย์มะเร็ง East Texas Cancer Center (ETCC) เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดถึง 25,000 rads ทั้งที่ระบบรายงานว่าไม่ได้ฉายรังสีเลย ความผิดพลาดเกิดจาก race condition ในซอฟต์แวร์ เมื่อเจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อมูลเร็วเกินไป ระบบไม่ได้ recalibrate คำสั่งใหม่ ทำให้ลำอิเล็กตรอนพุ่งเข้าใส่ผู้ป่วยโดยไม่มีการกรองหรือควบคุม

    ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนถูกน้ำร้อนราดหลัง และแม้จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ intercom และกล้องก็เสีย เจ้าหน้าที่จึงกดปุ่ม “unpause” โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผลคือผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    AECL ผู้ผลิตเครื่อง Therac-25 ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิด overdose และไม่มีการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ เพราะเชื่อว่า “ซอฟต์แวร์ไม่เสื่อม” และ “ใช้มานานแล้วจึงปลอดภัย” แม้จะมีผู้ป่วยเสียชีวิตหลายราย ก็ยังไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง จน FDA ต้องเข้ามากดดันให้จัดทำ Corrective Action Plan (CAP)

    ในที่สุดพบว่าไม่ใช่แค่ race condition เท่านั้น แต่ยังมี bug ที่ทำให้ตัวแปรควบคุมการตรวจสอบตำแหน่ง turntable กลับเป็นศูนย์ทุก 256 ครั้ง ซึ่งทำให้ลำแสงถูกยิงออกไปโดยไม่มีการตรวจสอบตำแหน่งเลย

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Therac-25 เป็นเครื่องฉายรังสีที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ทั้งหมด โดยไม่มีระบบป้องกันแบบฮาร์ดแวร์
    เกิดอุบัติเหตุที่ ETCC ในปี 1986 ผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดถึง 25,000 rads
    สาเหตุหลักคือ race condition เมื่อเจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อมูลเร็วเกินไป
    ระบบไม่ได้ recalibrate คำสั่งใหม่ ทำให้ลำอิเล็กตรอนถูกยิงโดยไม่มีการกรอง
    AECL ปฏิเสธว่า overdose เป็นไปไม่ได้ และไม่มีการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ
    FDA เข้ามากดดันให้จัดทำ Corrective Action Plan (CAP)
    พบ bug เพิ่มเติมที่ทำให้ตัวแปรควบคุมตำแหน่ง turntable กลับเป็นศูนย์ทุก 256 ครั้ง
    AECL แก้ไขโดยแนะนำให้ผู้ใช้ “ถอดปุ่ม UP” และใช้เทปพันไว้เพื่อป้องกันการกด
    มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจาก Therac-25 อย่างน้อย 6 รายระหว่างปี 1985–1987
    บทเรียนสำคัญคือการพึ่งพาซอฟต์แวร์โดยไม่มีการทดสอบที่เข้มงวดในระบบที่มีความเสี่ยงสูง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Therac-25 กลายเป็นกรณีศึกษามาตรฐานในวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และจริยธรรมคอมพิวเตอร์
    Race condition คือการที่หลาย process เข้าถึงข้อมูลร่วมกันโดยไม่มีการจัดลำดับที่แน่นอน
    PDP-11 เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมในยุคนั้น
    FDA ปรับปรุงกฎระเบียบด้านการทดสอบซอฟต์แวร์หลังเหตุการณ์นี้
    เหตุการณ์นี้ส่งผลให้วงการแพทย์ระแวงการใช้คอมพิวเตอร์ในระบบรักษาไปอีกหลายปี

    https://thedailywtf.com/articles/the-therac-25-incident
    ⚠️ Therac-25 — เมื่อซอฟต์แวร์ที่ไม่มีการทดสอบกลายเป็นอาวุธร้ายในโรงพยาบาล ย้อนกลับไปในยุค 80s เครื่อง Therac-25 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็งด้วยรังสี โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ลำอิเล็กตรอนโดยตรง หรือเปลี่ยนเป็นรังสีเอกซ์ผ่านแผ่นโลหะ เครื่องนี้ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ PDP-11 และเป็นเครื่องแรกที่ยกเลิกระบบป้องกันแบบฮาร์ดแวร์ แล้วใช้ซอฟต์แวร์แทนทั้งหมด ในปี 1986 ที่ศูนย์มะเร็ง East Texas Cancer Center (ETCC) เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดถึง 25,000 rads ทั้งที่ระบบรายงานว่าไม่ได้ฉายรังสีเลย ความผิดพลาดเกิดจาก race condition ในซอฟต์แวร์ เมื่อเจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อมูลเร็วเกินไป ระบบไม่ได้ recalibrate คำสั่งใหม่ ทำให้ลำอิเล็กตรอนพุ่งเข้าใส่ผู้ป่วยโดยไม่มีการกรองหรือควบคุม ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนถูกน้ำร้อนราดหลัง และแม้จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ intercom และกล้องก็เสีย เจ้าหน้าที่จึงกดปุ่ม “unpause” โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผลคือผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา AECL ผู้ผลิตเครื่อง Therac-25 ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิด overdose และไม่มีการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ เพราะเชื่อว่า “ซอฟต์แวร์ไม่เสื่อม” และ “ใช้มานานแล้วจึงปลอดภัย” แม้จะมีผู้ป่วยเสียชีวิตหลายราย ก็ยังไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง จน FDA ต้องเข้ามากดดันให้จัดทำ Corrective Action Plan (CAP) ในที่สุดพบว่าไม่ใช่แค่ race condition เท่านั้น แต่ยังมี bug ที่ทำให้ตัวแปรควบคุมการตรวจสอบตำแหน่ง turntable กลับเป็นศูนย์ทุก 256 ครั้ง ซึ่งทำให้ลำแสงถูกยิงออกไปโดยไม่มีการตรวจสอบตำแหน่งเลย 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Therac-25 เป็นเครื่องฉายรังสีที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ทั้งหมด โดยไม่มีระบบป้องกันแบบฮาร์ดแวร์ ➡️ เกิดอุบัติเหตุที่ ETCC ในปี 1986 ผู้ป่วยได้รับรังสีเกินขนาดถึง 25,000 rads ➡️ สาเหตุหลักคือ race condition เมื่อเจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อมูลเร็วเกินไป ➡️ ระบบไม่ได้ recalibrate คำสั่งใหม่ ทำให้ลำอิเล็กตรอนถูกยิงโดยไม่มีการกรอง ➡️ AECL ปฏิเสธว่า overdose เป็นไปไม่ได้ และไม่มีการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ ➡️ FDA เข้ามากดดันให้จัดทำ Corrective Action Plan (CAP) ➡️ พบ bug เพิ่มเติมที่ทำให้ตัวแปรควบคุมตำแหน่ง turntable กลับเป็นศูนย์ทุก 256 ครั้ง ➡️ AECL แก้ไขโดยแนะนำให้ผู้ใช้ “ถอดปุ่ม UP” และใช้เทปพันไว้เพื่อป้องกันการกด ➡️ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจาก Therac-25 อย่างน้อย 6 รายระหว่างปี 1985–1987 ➡️ บทเรียนสำคัญคือการพึ่งพาซอฟต์แวร์โดยไม่มีการทดสอบที่เข้มงวดในระบบที่มีความเสี่ยงสูง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Therac-25 กลายเป็นกรณีศึกษามาตรฐานในวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และจริยธรรมคอมพิวเตอร์ ➡️ Race condition คือการที่หลาย process เข้าถึงข้อมูลร่วมกันโดยไม่มีการจัดลำดับที่แน่นอน ➡️ PDP-11 เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมในยุคนั้น ➡️ FDA ปรับปรุงกฎระเบียบด้านการทดสอบซอฟต์แวร์หลังเหตุการณ์นี้ ➡️ เหตุการณ์นี้ส่งผลให้วงการแพทย์ระแวงการใช้คอมพิวเตอร์ในระบบรักษาไปอีกหลายปี https://thedailywtf.com/articles/the-therac-25-incident
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • เล่าเรื่องใหม่: เมื่อการแก้สายตาไม่ต้องพึ่งเลเซอร์อีกต่อไป

    ลองจินตนาการว่าคุณสามารถแก้ปัญหาสายตาสั้นได้ในเวลาเพียงหนึ่งนาที โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเจ็บตาเลย นั่นคือสิ่งที่นักวิจัยจาก Occidental College และ UC Irvine กำลังพัฒนาอยู่ ผ่านเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Electromechanical Reshaping” หรือ EMR

    EMR คือการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านเลนส์แพลตินัมที่ออกแบบพิเศษให้มีรูปทรงของกระจกตาที่ถูกต้อง เมื่อนำเลนส์นี้วางบนดวงตาในสารละลายคล้ายกับน้ำตา แล้วปล่อยไฟฟ้าเข้าไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงค่า pH ในเนื้อเยื่อ ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนตัวและสามารถปรับรูปทรงได้ เมื่อหยุดกระแสไฟฟ้า ค่า pH กลับสู่ปกติ เนื้อเยื่อก็จะ “ล็อก” รูปทรงใหม่ไว้

    เทคนิคนี้ใช้เวลาเท่ากับ LASIK แต่ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ ไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง และไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เช่น ตาแห้งหรือการติดเชื้อ

    ทีมวิจัยทดลองกับดวงตากระต่าย 12 ลูก โดย 10 ลูกจำลองให้มีภาวะสายตาสั้น ผลลัพธ์คือสามารถปรับความโค้งของกระจกตาให้ตรงตามเป้าหมายได้สำเร็จ โดยไม่มีเซลล์ตาเสียหาย และยังมีแนวโน้มว่าเทคนิคนี้อาจใช้รักษาภาวะกระจกตาขุ่นจากสารเคมีได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระจกตาเท่านั้น

    แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ แต่ EMR ถือเป็นความหวังใหม่ของการแก้สายตาแบบไม่ต้องผ่าตัด และอาจเปลี่ยนอนาคตของการรักษาสายตาไปอย่างสิ้นเชิง

    ข้อมูลในข่าว
    นักวิจัยพัฒนาเทคนิค Electromechanical Reshaping (EMR) เพื่อแก้สายตาโดยไม่ใช้เลเซอร์
    EMR ใช้เลนส์แพลตินัมและกระแสไฟฟ้าอ่อนเพื่อปรับรูปทรงกระจกตา
    การเปลี่ยนค่า pH ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนตัวและสามารถปรับรูปทรงได้
    ทดลองกับดวงตากระต่าย 12 ลูก โดย 10 ลูกจำลองภาวะสายตาสั้น
    ผลลัพธ์คือสามารถปรับความโค้งของกระจกตาได้ตรงตามเป้าหมาย
    ไม่มีเซลล์ตาเสียหาย และอาจใช้รักษาภาวะกระจกตาขุ่นจากสารเคมีได้
    ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีเท่ากับ LASIK แต่ไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เครื่องมือราคาแพง
    ทีมวิจัยประกอบด้วย Michael Hill และ Brian Wong
    งานวิจัยนำเสนอในงานประชุม American Chemical Society เดือนสิงหาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LASIK มีอัตราความสำเร็จสูง แต่มีความเสี่ยง เช่น ตาแห้งหรือการติดเชื้อ
    EMR เป็นเทคนิคที่ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ จึงลดความเสี่ยงต่อโครงสร้างตาเสียหาย
    เทคนิคอื่นที่ไม่ใช้เลเซอร์ เช่น Orthokeratology และ Conductive Keratoplasty ก็มีการใช้งาน
    EMR อาจเป็นทางเลือกที่ถูกกว่าและปลอดภัยกว่าในอนาคต
    การเปลี่ยนแปลงค่า pH ในเนื้อเยื่อเป็นหลักการที่ใช้ในหลายงานวิจัยด้านชีวเคมี
    การทดลองในสัตว์เป็นขั้นตอนแรกก่อนเข้าสู่การทดลองในมนุษย์และการอนุมัติจาก FDA

    https://medicalxpress.com/news/2025-08-alternative-lasik-lasers.html
    👓 เล่าเรื่องใหม่: เมื่อการแก้สายตาไม่ต้องพึ่งเลเซอร์อีกต่อไป ลองจินตนาการว่าคุณสามารถแก้ปัญหาสายตาสั้นได้ในเวลาเพียงหนึ่งนาที โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเจ็บตาเลย นั่นคือสิ่งที่นักวิจัยจาก Occidental College และ UC Irvine กำลังพัฒนาอยู่ ผ่านเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Electromechanical Reshaping” หรือ EMR EMR คือการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านเลนส์แพลตินัมที่ออกแบบพิเศษให้มีรูปทรงของกระจกตาที่ถูกต้อง เมื่อนำเลนส์นี้วางบนดวงตาในสารละลายคล้ายกับน้ำตา แล้วปล่อยไฟฟ้าเข้าไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงค่า pH ในเนื้อเยื่อ ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนตัวและสามารถปรับรูปทรงได้ เมื่อหยุดกระแสไฟฟ้า ค่า pH กลับสู่ปกติ เนื้อเยื่อก็จะ “ล็อก” รูปทรงใหม่ไว้ เทคนิคนี้ใช้เวลาเท่ากับ LASIK แต่ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ ไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง และไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เช่น ตาแห้งหรือการติดเชื้อ ทีมวิจัยทดลองกับดวงตากระต่าย 12 ลูก โดย 10 ลูกจำลองให้มีภาวะสายตาสั้น ผลลัพธ์คือสามารถปรับความโค้งของกระจกตาให้ตรงตามเป้าหมายได้สำเร็จ โดยไม่มีเซลล์ตาเสียหาย และยังมีแนวโน้มว่าเทคนิคนี้อาจใช้รักษาภาวะกระจกตาขุ่นจากสารเคมีได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระจกตาเท่านั้น แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ แต่ EMR ถือเป็นความหวังใหม่ของการแก้สายตาแบบไม่ต้องผ่าตัด และอาจเปลี่ยนอนาคตของการรักษาสายตาไปอย่างสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ นักวิจัยพัฒนาเทคนิค Electromechanical Reshaping (EMR) เพื่อแก้สายตาโดยไม่ใช้เลเซอร์ ➡️ EMR ใช้เลนส์แพลตินัมและกระแสไฟฟ้าอ่อนเพื่อปรับรูปทรงกระจกตา ➡️ การเปลี่ยนค่า pH ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนตัวและสามารถปรับรูปทรงได้ ➡️ ทดลองกับดวงตากระต่าย 12 ลูก โดย 10 ลูกจำลองภาวะสายตาสั้น ➡️ ผลลัพธ์คือสามารถปรับความโค้งของกระจกตาได้ตรงตามเป้าหมาย ➡️ ไม่มีเซลล์ตาเสียหาย และอาจใช้รักษาภาวะกระจกตาขุ่นจากสารเคมีได้ ➡️ ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีเท่ากับ LASIK แต่ไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เครื่องมือราคาแพง ➡️ ทีมวิจัยประกอบด้วย Michael Hill และ Brian Wong ➡️ งานวิจัยนำเสนอในงานประชุม American Chemical Society เดือนสิงหาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LASIK มีอัตราความสำเร็จสูง แต่มีความเสี่ยง เช่น ตาแห้งหรือการติดเชื้อ ➡️ EMR เป็นเทคนิคที่ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ จึงลดความเสี่ยงต่อโครงสร้างตาเสียหาย ➡️ เทคนิคอื่นที่ไม่ใช้เลเซอร์ เช่น Orthokeratology และ Conductive Keratoplasty ก็มีการใช้งาน ➡️ EMR อาจเป็นทางเลือกที่ถูกกว่าและปลอดภัยกว่าในอนาคต ➡️ การเปลี่ยนแปลงค่า pH ในเนื้อเยื่อเป็นหลักการที่ใช้ในหลายงานวิจัยด้านชีวเคมี ➡️ การทดลองในสัตว์เป็นขั้นตอนแรกก่อนเข้าสู่การทดลองในมนุษย์และการอนุมัติจาก FDA https://medicalxpress.com/news/2025-08-alternative-lasik-lasers.html
    MEDICALXPRESS.COM
    An alternative to LASIK—without the lasers
    Millions of Americans have altered vision, ranging from blurriness to blindness. But not everyone wants to wear prescription glasses or contact lenses. Accordingly, hundreds of thousands of people undergo corrective eye surgery each year, including LASIK—a laser-assisted surgery that reshapes the cornea and corrects vision.
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/8IBQmUFdaKU?si=0LYXUHxg3CWWHN-v
    https://youtu.be/8IBQmUFdaKU?si=0LYXUHxg3CWWHN-v
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “Neuralink GB-PRIME” เมื่อความคิดกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    Neuralink ประกาศเปิดตัวการทดลองทางคลินิกในสหราชอาณาจักรชื่อว่า “GB-PRIME” โดยร่วมมือกับ University College London Hospitals (UCLH) และ Newcastle Hospitals เพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ที่สามารถแปลสัญญาณประสาทเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน

    ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอาการอัมพาตรุนแรงจากโรค ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง โดยชิปจะฝังเข้าไปในสมองผ่านหุ่นยนต์ R1 ที่สามารถวางเส้นใยอิเล็กโทรดบางกว่าผมมนุษย์กว่า 1,000 จุดในตำแหน่งที่แม่นยำ

    Neuralink ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร เช่น MHRA และ REC และเคยเริ่มทดลองในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2024 หลังจากผ่านการอนุมัติจาก FDA ซึ่งเคยปฏิเสธในปี 2022 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

    ล่าสุด Neuralink ระดมทุนได้ถึง $650 ล้านในรอบ Series E จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, ARK Invest และ Founders Fund เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น

    Neuralink เปิดตัวการทดลอง GB-PRIME ในสหราชอาณาจักรเพื่อทดสอบชิปสมอง N1
    ร่วมมือกับ UCLH และ Newcastle Hospitals
    ใช้หุ่นยนต์ R1 ฝังเส้นใยอิเล็กโทรดบางเฉียบในสมอง

    ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอัมพาตจาก ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง
    ต้องมีอายุเกิน 22 ปี และไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้
    สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Neuralink

    ชิป N1 สามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล
    เช่น การเลื่อนเมาส์, พิมพ์ข้อความ, เล่นเกม
    ใช้แบตเตอรี่แบบไร้สายและไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อภายนอก

    Neuralink เคยทดลองในสหรัฐอเมริกาและมีผู้ใช้จริงแล้ว 5 ราย
    ผู้ป่วยสามารถเล่นเกมหรือพิมพ์ข้อความด้วยความคิด
    มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาเส้นใยหลุด

    บริษัทได้รับทุน $650 ล้าน ในเดือนมิถุนายน 2025 เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาอุปกรณ์ใหม่
    นักลงทุนหลัก ได้แก่ Sequoia, ARK Invest, Founders Fund
    มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ $9 พันล้าน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/musk039s-neuralink-to-launch-a-clinical-study-in-great-britain
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “Neuralink GB-PRIME” เมื่อความคิดกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด Neuralink ประกาศเปิดตัวการทดลองทางคลินิกในสหราชอาณาจักรชื่อว่า “GB-PRIME” โดยร่วมมือกับ University College London Hospitals (UCLH) และ Newcastle Hospitals เพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ที่สามารถแปลสัญญาณประสาทเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอาการอัมพาตรุนแรงจากโรค ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง โดยชิปจะฝังเข้าไปในสมองผ่านหุ่นยนต์ R1 ที่สามารถวางเส้นใยอิเล็กโทรดบางกว่าผมมนุษย์กว่า 1,000 จุดในตำแหน่งที่แม่นยำ Neuralink ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร เช่น MHRA และ REC และเคยเริ่มทดลองในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2024 หลังจากผ่านการอนุมัติจาก FDA ซึ่งเคยปฏิเสธในปี 2022 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ล่าสุด Neuralink ระดมทุนได้ถึง $650 ล้านในรอบ Series E จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, ARK Invest และ Founders Fund เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น ✅ Neuralink เปิดตัวการทดลอง GB-PRIME ในสหราชอาณาจักรเพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ➡️ ร่วมมือกับ UCLH และ Newcastle Hospitals ➡️ ใช้หุ่นยนต์ R1 ฝังเส้นใยอิเล็กโทรดบางเฉียบในสมอง ✅ ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอัมพาตจาก ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง ➡️ ต้องมีอายุเกิน 22 ปี และไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้ ➡️ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Neuralink ✅ ชิป N1 สามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล ➡️ เช่น การเลื่อนเมาส์, พิมพ์ข้อความ, เล่นเกม ➡️ ใช้แบตเตอรี่แบบไร้สายและไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อภายนอก ✅ Neuralink เคยทดลองในสหรัฐอเมริกาและมีผู้ใช้จริงแล้ว 5 ราย ➡️ ผู้ป่วยสามารถเล่นเกมหรือพิมพ์ข้อความด้วยความคิด ➡️ มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาเส้นใยหลุด ✅ บริษัทได้รับทุน $650 ล้าน ในเดือนมิถุนายน 2025 เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ ➡️ นักลงทุนหลัก ได้แก่ Sequoia, ARK Invest, Founders Fund ➡️ มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ $9 พันล้าน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/musk039s-neuralink-to-launch-a-clinical-study-in-great-britain
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's Neuralink to test brain chips in clinical study in Great Britain
    (Reuters) - Elon Musk's brain implant company Neuralink said on Thursday it will launch a clinical study in Great Britain to test how its chips can enable patients with severe paralysis to control digital and physical tools with their thoughts.
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV

    หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา

    Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้

    ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ

    Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025
    เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
    เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส

    ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก
    ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
    ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน

    Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร
    ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี
    มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ

    WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน
    เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน”

    Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP
    ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง
    เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง

    ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ
    ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท
    แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ

    การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ
    โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์
    ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว

    การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา
    ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง
    หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที

    ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง
    ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน
    ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล

    https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
    🧬 เรื่องเล่าจากแนวหน้าการแพทย์: ยาฉีดปีละสองครั้งที่อาจหยุดการระบาดของ HIV หลังจากการต่อสู้กับ HIV มานานกว่า 44 ปี โลกอาจเข้าใกล้จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Lenacapavir ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยผลการทดลองแสดงว่า ผู้เข้าร่วมกว่า 99.9% ไม่ติดเชื้อ หลังได้รับยา Lenacapavir เป็นยากลุ่มใหม่ที่เรียกว่า capsid inhibitor ซึ่งทำงานโดยขัดขวางการทำงานของเปลือกโปรตีนของไวรัส HIV ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้ ที่สำคัญคือ Gilead Sciences ผู้ผลิตยา ได้ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายานี้ให้กับ 2 ล้านคนในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง โดยไม่แสวงหากำไร พร้อมเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญ 6 รายผลิตยาใน 120 ประเทศ ✅ Lenacapavir (Yeztugo) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ เป็นยาฉีดปีละสองครั้งสำหรับป้องกัน HIV ในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ➡️ เป็นยากลุ่ม capsid inhibitor ที่ทำงานหลายขั้นตอนในวงจรชีวิตของไวรัส ✅ ผลการทดลองทางคลินิกแสดงประสิทธิภาพสูงมาก ➡️ ในการทดลอง PURPOSE 1: ผู้หญิงในแอฟริกาใต้และยูกันดา ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ➡️ ในการทดลอง PURPOSE 2: ผู้ชายและกลุ่มหลากหลายเพศจากหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนจากกว่า 2,000 คน ✅ Gilead ร่วมมือกับ Global Fund เพื่อจัดหายาให้ประเทศรายได้น้อยโดยไม่แสวงหากำไร ➡️ ตั้งเป้าเข้าถึง 2 ล้านคนภายใน 3 ปี ➡️ มีการเซ็นสัญญาอนุญาตให้ผลิตยาสามัญใน 120 ประเทศ ✅ WHO ออกคำแนะนำให้ใช้ Lenacapavir เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกัน HIV ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการใช้ยาแบบรายวัน ➡️ เป็น “ทางเลือกที่ใกล้เคียงวัคซีน HIV ที่สุดในปัจจุบัน” ✅ Lenacapavir ช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงและความอับอายในการใช้ PrEP ➡️ ลดจำนวนการไปคลินิกเหลือเพียงปีละสองครั้ง ➡️ เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิง, LGBTQ+, ผู้ใช้สารเสพติด, ผู้ต้องขัง ‼️ ราคายาในสหรัฐยังสูงมาก แม้จะมีโครงการช่วยเหลือ ⛔ ราคาปีละประมาณ $28,000 หรือราว 1 ล้านบาท ⛔ แม้มีโครงการช่วยเหลือ แต่การเข้าถึงยังขึ้นอยู่กับระบบประกันสุขภาพ ‼️ การเข้าถึงในประเทศกำลังพัฒนาอาจถูกขัดขวางจากการตัดงบของสหรัฐ ⛔ โครงการ PEPFAR ถูกลดงบประมาณโดยรัฐบาลทรัมป์ ⛔ ส่งผลให้คลินิกและบริการ HIV ในหลายประเทศต้องปิดตัว ‼️ การใช้ยาในผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ⛔ ต้องตรวจ HIV ก่อนเริ่มใช้และก่อนฉีดทุกครั้ง ⛔ หากติดเชื้อแล้ว ต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษา HIV เต็มรูปแบบทันที ‼️ ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด, คลื่นไส้, ก้อนใต้ผิวหนัง ⛔ ก้อนยาอาจอยู่ใต้ผิวหนังนานหลายเดือน ⛔ ต้องแจ้งผู้ใช้ให้ทราบล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล https://newatlas.com/infectious-diseases/hiv-prevention-fda-lenacapavir/
    NEWATLAS.COM
    The first 100% effective HIV prevention drug is approved and going global
    An epidemic that's been sustained for 44 years might finally be quelled, with the milestone approval of the first HIV drug that offers 100% protection with its twice-yearly injections. It's a landmark achievement that stands to save millions of lives across the globe. The makers are also providing…
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต

    ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล

    คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย

    เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

    ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
    ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ
    สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
    กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม
    สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้
    หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง
    สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล

    เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ
    ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
    เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล

    ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง
    ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่

    ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์
    ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน
    การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้

    การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ
    ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย
    การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้

    การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี
    ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ
    ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย

    การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ
    แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์
    ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ

    https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    🩸 เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ➡️ ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ ➡️ สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน ✅ การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ➡️ กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม ➡️ สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที ✅ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ➡️ หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง ➡️ สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล ✅ เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ ➡️ ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ➡️ เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล ✅ ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง ➡️ ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว ➡️ ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่ ‼️ ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์ ⛔ ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน ⛔ การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ‼️ การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ ⛔ ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย ⛔ การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้ ‼️ การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี ⛔ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ ⛔ ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย ‼️ การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ ⛔ แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์ ⛔ ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers create artificial blood for on-the-spot use in accidents and combat
    Inside a specialized intensive care unit for rabbits, Dr. Allan Doctor and his team simulate the trauma of severe blood loss. They drain a rabbit's blood to...
    0 Comments 0 Shares 333 Views 0 Reviews
  • มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด

    พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน!

    ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ

    แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้!

    ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)  
    • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)  
    • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ

    ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน  
    • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง

    วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น  
    • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย

    บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery  
    • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่  
    • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป  
    • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง

    ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง  
    • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ  
    • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น

    ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที  
    • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย

    การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง  
    • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป

    https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน! ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้! ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)   • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)   • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน   • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น   • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery   • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่   • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป   • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง   • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ   • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที   • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง   • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    WCCFTECH.COM
    This Blood Test Can Detect Cancer Tumors Years Before Clinical Symptoms Develop, Claims A New Study
    Despite a lack of approval from the FDA, MCED tests can play a critical ancillary role in the early diagnosis of cancer.
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • 1/4 รวมลิงค์ข้อมูล อ.หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/thiravat.h
    เทเลแกรม DrThiravatFc https://t.me/DrThiravatFc
    รวมคลิป https://t.me/DrThiravatFc/10
    วัคซีนป้องกันไวรัส RSV ปลอดภัยจริงหรือ
    วางแผนจะนำมาฉีดในเด็ก ปรากฏว่าฉีดไปแล้ว โรคกลับรุนแรงกว่าที่ไม่ฉีด VRBPAC สั่งระงับ 12 ธันวาคม 2024
    https://www.facebook.com/share/p/19wLKQmfRL/
    หมอดื้อแนะ อย่าประสาทไปกับ HMPV RSV FluA/B โควิด ออกข่าวครึกโครม ลวงโลก
    https://www.facebook.com/share/p/18qguCWUet/
    วัคซีนไม่ใช่ทางออกที่ปลอดภัย หมอดื้อแจงยาที่ถูกมองข้าม
    https://www.facebook.com/share/p/1QLPq56GZK/
    อย สหรัฐให้ประกาศคำเตือนหลังฉีดวัคซีน RSV เกิด เส้นประสาทอักเสบทั้งตัว GBS
    https://www.facebook.com/share/p/18srXSRN6U/
    วัคซีน RSV ที่ทดสอบในเด็กอายุเกินหกเดือน พบว่าเมื่อติดเชื้อกลับมีอาการของโรครุนแรงขึ้นต้องเข้าโรงพยาบาล
    https://www.fda.gov/vaccines-blood-biologics/safety-availability-biologics/fda-requires-guillain-barre-syndrome-gbs-warning-prescribing-information-rsv-vaccines-abrysvo-and?mtm_source=25

    กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด
    รายงาน​วิจัยจากสิงคโปร์​พบว่าอัตราการเป็นกล้ามเนื้อ​หัวใจ​อักเสบ​ในเด็กหนุ่ม​เพิ่มขึ้น​หลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114046446647289/?
    ข้อมูล mRNA มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ | หมอชลธวัช
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115966158647289/?
    หัวใจอักเสบคุกรุ่น “แม้ไม่มีอาการ”หลังฉีด
    https://www.facebook.com/share/p/1AAfM5BcE6/
    มะเร็งหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจหลังจากวัคซีนโควิด mRNA (ตอน 1) หมอดื้อ
    https://www.thairath.co.th/life.../health-and-beauty/2857516
    มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีน
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FVi4WuRgef8kC5f71Qw3tubcgMbEFau3mPMAiThsK4agnxC6N4J5NKYaUQi5vFDgl&id=61569418676886
    มะเร็งเทอร์โบ
    https://www.facebook.com/share/v/15bc7uQxNE/
    วัคซีนโควิดกับการเกิดมะเร็ง โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ตอนที่ 1 https://mgronline.com/qol/detail/9670000048189
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/qol/detail/9670000049444
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/qol/detail/9670000051574
    วันที่ 22 ก.ย. 2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ
    https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk
    “หมอธีระวัฒน์” เผยรายงานพบมะเร็งกลับมาปะทุหลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000090347
    "หมอธีระวัฒน์"ยกเคสมะเร็ง "อ๋อม อรรคพันธ์" อ้างวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญ | TNews | LINE TODAY
    https://liff.line.me/1454988218.../v2/article/WBMQJxa...
    มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    มะเร็งเทอร์โบในเด็ก
    1. https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116607024647289/?
    2. https://fb.watch/xgObb-ReDH/?
    มะเร็งปะทุใหม่หลังฉีดวัคซีนจากที่สงบไปนาน | หมอดื้อ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/?
    มะเร็งกลับมาจากที่สงบหลังฉีดวัคซีนโควิด | หมอดื้อ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/?
    ตัวอย่างเคส
    https://www.facebook.com/share/v/1E2AH3CWc4/
    กราฟข้อมูลมะเร็งในคนไทย
    https://www.facebook.com/share/p/1AedfWoHFe/
    เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด
    นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน
    https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4
    ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI
    แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/?
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม
    https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/
    ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย
    https://www.facebook.com/share/p/1CHifW8D4G/
    การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์
    https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/
    แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ
    https://fb.watch/s0hNc3DymZ/?
    https://fb.watch/s0hJ12wEyq/?

    ฝีดาษลิง
    “หมอธีระวัฒน์” ชี้ฝีดาษลิงติดไม่ง่าย ไม่ต้องประสาทกินหาวัคซีนมาฉีด เผยไทยมีของดี “ขมิ้นชัน” สู้ไวรัสได้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000077653
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร 23ส.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    “หมอธีระวัฒน์” แนะคนไทยไม่กระพือ “ฝีดาษลิง” ให้เป็นสถานกาณ์ฉุกเฉินเพื่อฉีดวัคซีน ชี้ควบคุมได้ด้วยการปฏิบัติตัว
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000079767
    “หมอธีระวัฒน์” เผยเบื้องหลังที่มาวัคซีนฝีดาษลิง ที่กำลังจะประกาศใช้ทั่วโลก
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000073435
    “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษยฺ์ประดิษฐ์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903
    “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178
    1/4 รวมลิงค์ข้อมูล อ.หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/thiravat.h เทเลแกรม DrThiravatFc https://t.me/DrThiravatFc รวมคลิป https://t.me/DrThiravatFc/10 ✅วัคซีนป้องกันไวรัส RSV ปลอดภัยจริงหรือ ✍️วางแผนจะนำมาฉีดในเด็ก ปรากฏว่าฉีดไปแล้ว โรคกลับรุนแรงกว่าที่ไม่ฉีด VRBPAC สั่งระงับ 12 ธันวาคม 2024 https://www.facebook.com/share/p/19wLKQmfRL/ ✍️หมอดื้อแนะ อย่าประสาทไปกับ HMPV RSV FluA/B โควิด ออกข่าวครึกโครม ลวงโลก https://www.facebook.com/share/p/18qguCWUet/ ✍️วัคซีนไม่ใช่ทางออกที่ปลอดภัย หมอดื้อแจงยาที่ถูกมองข้าม https://www.facebook.com/share/p/1QLPq56GZK/ ✍️อย สหรัฐให้ประกาศคำเตือนหลังฉีดวัคซีน RSV เกิด เส้นประสาทอักเสบทั้งตัว GBS https://www.facebook.com/share/p/18srXSRN6U/ ✍️วัคซีน RSV ที่ทดสอบในเด็กอายุเกินหกเดือน พบว่าเมื่อติดเชื้อกลับมีอาการของโรครุนแรงขึ้นต้องเข้าโรงพยาบาล https://www.fda.gov/vaccines-blood-biologics/safety-availability-biologics/fda-requires-guillain-barre-syndrome-gbs-warning-prescribing-information-rsv-vaccines-abrysvo-and?mtm_source=25 ✅กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​โควิด ✍️รายงาน​วิจัยจากสิงคโปร์​พบว่าอัตราการเป็นกล้ามเนื้อ​หัวใจ​อักเสบ​ในเด็กหนุ่ม​เพิ่มขึ้น​หลัง​จากมีการฉีดวัคซีน​ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114046446647289/? ✍️ข้อมูล mRNA มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ | หมอชลธวัช https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115966158647289/? ✍️หัวใจอักเสบคุกรุ่น “แม้ไม่มีอาการ”หลังฉีด https://www.facebook.com/share/p/1AAfM5BcE6/ ✍️มะเร็งหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจหลังจากวัคซีนโควิด mRNA (ตอน 1) หมอดื้อ https://www.thairath.co.th/life.../health-and-beauty/2857516 ✅มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีน https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FVi4WuRgef8kC5f71Qw3tubcgMbEFau3mPMAiThsK4agnxC6N4J5NKYaUQi5vFDgl&id=61569418676886 ✍️มะเร็งเทอร์โบ https://www.facebook.com/share/v/15bc7uQxNE/ ✍️ วัคซีนโควิดกับการเกิดมะเร็ง โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ตอนที่ 1 https://mgronline.com/qol/detail/9670000048189 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/qol/detail/9670000049444 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/qol/detail/9670000051574 ✍️วันที่ 22 ก.ย. 2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยรายงานพบมะเร็งกลับมาปะทุหลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000090347 ✍️"หมอธีระวัฒน์"ยกเคสมะเร็ง "อ๋อม อรรคพันธ์" อ้างวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญ | TNews | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218.../v2/article/WBMQJxa... ✍️ มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️ มะเร็งเทอร์โบในเด็ก 1. https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116607024647289/? 2. https://fb.watch/xgObb-ReDH/? ✍️ มะเร็งปะทุใหม่หลังฉีดวัคซีนจากที่สงบไปนาน | หมอดื้อ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/? ✍️ มะเร็งกลับมาจากที่สงบหลังฉีดวัคซีนโควิด | หมอดื้อ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/? ✍️ตัวอย่างเคส https://www.facebook.com/share/v/1E2AH3CWc4/ ✍️ กราฟข้อมูลมะเร็งในคนไทย https://www.facebook.com/share/p/1AedfWoHFe/ ✅เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4 ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI ✍️แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/? ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/ ✍️ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย https://www.facebook.com/share/p/1CHifW8D4G/ ✍️การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์ https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/ ✍️แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ https://fb.watch/s0hNc3DymZ/? https://fb.watch/s0hJ12wEyq/? ✅ฝีดาษลิง ✍️“หมอธีระวัฒน์” ชี้ฝีดาษลิงติดไม่ง่าย ไม่ต้องประสาทกินหาวัคซีนมาฉีด เผยไทยมีของดี “ขมิ้นชัน” สู้ไวรัสได้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000077653 ✍️วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร 23ส.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027 ✍️“หมอธีระวัฒน์” แนะคนไทยไม่กระพือ “ฝีดาษลิง” ให้เป็นสถานกาณ์ฉุกเฉินเพื่อฉีดวัคซีน ชี้ควบคุมได้ด้วยการปฏิบัติตัว https://mgronline.com/qol/detail/9670000079767 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยเบื้องหลังที่มาวัคซีนฝีดาษลิง ที่กำลังจะประกาศใช้ทั่วโลก https://mgronline.com/qol/detail/9670000073435 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษยฺ์ประดิษฐ์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 ✍️“หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178
    0 Comments 0 Shares 830 Views 0 Reviews
  • FDA เปิดตัว Elsa: AI ที่ถูกมองว่าเร่งเปิดตัวเกินไป
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ได้เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่าการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และระบบยังไม่พร้อมใช้งานจริง

    Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และสามารถ วิเคราะห์ข้อมูลภายใน, สร้างสรุป, ร่างอีเมล และช่วยตรวจสอบเอกสาร โดย FDA ระบุว่า Elsa สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ

    ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ FDA ได้ใช้ Elsa หลายพันครั้ง และ ผู้บริหารของ FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้

    ข้อมูลจากข่าว
    - FDA เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับช่วยงานภายในองค์กร
    - Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และช่วยวิเคราะห์ข้อมูล, ร่างเอกสาร และตรวจสอบรายงาน
    - สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ
    - FDA ระบุว่า Elsa ถูกใช้งานหลายพันครั้งตั้งแต่เดือนมกราคม
    - ผู้บริหาร FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่า Elsa ยังมีข้อบกพร่องและไม่สามารถทำงานพื้นฐานได้ เช่น คัดลอกและวางข้อความ หรือเปิดลิงก์
    - การเปิดตัว Elsa เกิดขึ้นเร็วเกินไป และทีมงานภายในไม่ได้รับข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการประกาศสู่สาธารณะ
    - บางคนมองว่าการเปิดตัว Elsa เป็นเพียงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มากกว่าการเปิดตัวที่พร้อมใช้งานจริง
    - FDA ระบุว่า Elsa จะได้รับการปรับปรุงผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาในอนาคต
    - Elsa ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะภายใน FDA และไม่ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลของบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

    แม้ว่า Elsa จะเป็นก้าวสำคัญในการนำ AI มาใช้ในหน่วยงานรัฐบาล แต่การเปิดตัวที่เร่งรีบอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและประสิทธิภาพของระบบ อย่างไรก็ตาม หาก FDA สามารถปรับปรุง Elsa ให้มีความสามารถมากขึ้น อาจช่วยให้หน่วยงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108205-fda-claims-victory-elsa-rollout-but-insiders-ai.html
    🏛️ FDA เปิดตัว Elsa: AI ที่ถูกมองว่าเร่งเปิดตัวเกินไป สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ได้เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่าการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และระบบยังไม่พร้อมใช้งานจริง Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และสามารถ วิเคราะห์ข้อมูลภายใน, สร้างสรุป, ร่างอีเมล และช่วยตรวจสอบเอกสาร โดย FDA ระบุว่า Elsa สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ FDA ได้ใช้ Elsa หลายพันครั้ง และ ผู้บริหารของ FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - FDA เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับช่วยงานภายในองค์กร - Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และช่วยวิเคราะห์ข้อมูล, ร่างเอกสาร และตรวจสอบรายงาน - สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ - FDA ระบุว่า Elsa ถูกใช้งานหลายพันครั้งตั้งแต่เดือนมกราคม - ผู้บริหาร FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่า Elsa ยังมีข้อบกพร่องและไม่สามารถทำงานพื้นฐานได้ เช่น คัดลอกและวางข้อความ หรือเปิดลิงก์ - การเปิดตัว Elsa เกิดขึ้นเร็วเกินไป และทีมงานภายในไม่ได้รับข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการประกาศสู่สาธารณะ - บางคนมองว่าการเปิดตัว Elsa เป็นเพียงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มากกว่าการเปิดตัวที่พร้อมใช้งานจริง - FDA ระบุว่า Elsa จะได้รับการปรับปรุงผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาในอนาคต - Elsa ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะภายใน FDA และไม่ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลของบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล แม้ว่า Elsa จะเป็นก้าวสำคัญในการนำ AI มาใช้ในหน่วยงานรัฐบาล แต่การเปิดตัวที่เร่งรีบอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและประสิทธิภาพของระบบ อย่างไรก็ตาม หาก FDA สามารถปรับปรุง Elsa ให้มีความสามารถมากขึ้น อาจช่วยให้หน่วยงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต https://www.techspot.com/news/108205-fda-claims-victory-elsa-rollout-but-insiders-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FDA claims victory with "Elsa" AI tool launch, but insiders call it half-baked
    The Food and Drug Administration has officially launched "Elsa," a generative artificial intelligence platform designed to help staff across the agency work more efficiently. However, internal critics...
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • รีวิวเที่ยว #อียิปต์ #จอร์แดน 8วัน 5คืน
    เดินทาง 10 - 17 เม.ย. 68
    ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ

    ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/cfda4b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา
    #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    ✨รีวิวเที่ยว #อียิปต์ #จอร์แดน 8วัน 5คืน เดินทาง 10 - 17 เม.ย. 68 ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ 🥰❤️ ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/cfda4b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 Comments 0 Shares 879 Views 6 0 Reviews
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) สั่งให้บริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพิ่มข้อความเตือนบนฉลากวัคซีน COVID-19 เกี่ยวกับความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดกับหัวใจจากการฉีด mRNA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กชายวัยรุ่นและชายหนุ่มที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 25 ปี - CBS News รายงาน

    คำสั่งของ FDA อ้างอิงจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งยังอยู่ภายใต้อำนาจการบริหารงานของรัฐบาลไบเดน

    ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ New York Post รายงานว่า ตามรายงานของวุฒิสภา สหรัฐฯ เผยว่า จนท. สาธารณสุขทราบถึงความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนโควิด mRNA แต่กลับล่าช้าในการแจ้งให้ประชาชนทราบ

    ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 หน่วยงานด้านสุขภาพของรัฐบาลกลางได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ "รายงานจำนวนมากของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" ในคนหนุ่มสาวที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์

    แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของ CDC และ FDA จะตระหนักดีถึงความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 แต่ฝ่ายบริหารของไบเดนกลับเลือกที่จะไม่ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับข้อกังวลด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนหนุ่มสาวชาวอเมริกัน"
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) สั่งให้บริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพิ่มข้อความเตือนบนฉลากวัคซีน COVID-19 เกี่ยวกับความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดกับหัวใจจากการฉีด mRNA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กชายวัยรุ่นและชายหนุ่มที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 25 ปี - CBS News รายงาน คำสั่งของ FDA อ้างอิงจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งยังอยู่ภายใต้อำนาจการบริหารงานของรัฐบาลไบเดน ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ New York Post รายงานว่า ตามรายงานของวุฒิสภา สหรัฐฯ เผยว่า จนท. สาธารณสุขทราบถึงความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนโควิด mRNA แต่กลับล่าช้าในการแจ้งให้ประชาชนทราบ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 หน่วยงานด้านสุขภาพของรัฐบาลกลางได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ "รายงานจำนวนมากของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" ในคนหนุ่มสาวที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของ CDC และ FDA จะตระหนักดีถึงความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 แต่ฝ่ายบริหารของไบเดนกลับเลือกที่จะไม่ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับข้อกังวลด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนหนุ่มสาวชาวอเมริกัน"
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
  • ทีมงาน MAHA make America Healthy Again

    เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย
    ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10%
    ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า
    เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้

    แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ
    MAHA “Make America Healthy Again”
    ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr

    ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ
    1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน
    2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci
    3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research”
    4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว

    แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน

    Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน
    ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก
    https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/
    เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci”
    ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci
    จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/

    ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง?
    คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง

    ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci
    Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/

    คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา)
    นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph
    มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ

    Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA
    https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad
    เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม)
    https://x.com/vprasadmdmph

    คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก

    บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ

    “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ”

    นิลฉงน นลเฉลย
    ทีมงาน MAHA make America Healthy Again เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10% ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ MAHA “Make America Healthy Again” ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ 1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน 2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci 3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research” 4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน 💥 Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/ เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci” ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง? คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง 💥 ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/ 💥 คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา😁) นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม) https://x.com/vprasadmdmph คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ” นิลฉงน นลเฉลย
    CHILDRENSHEALTHDEFENSE.ORG
    Robert F. Kennedy Jr.
    Help Children’s Health Defense and RFK, Jr. end the epidemic of poor health plaguing our children.
    0 Comments 0 Shares 828 Views 0 Reviews
  • ..ดึงเวลาอีกแล้ว,มองๆดูพวกปาหี่แหกตาประชาชนหลอกสาระพัดละครมุกแต่ละวันเท่านั้น,เดอะแก๊งเดียวกันหมด,อย่าลืมว่าสื่อทั้งหมดรัฐลึกของdeep stateข้ามชาติควบคุมในไทยหมดนะ จะบิดข่าว ปั่นกระแสทำทีนั้นทำมีนี้แบบมุกๆที่ผ่านๆมาว่าจะจบอย่างนั้นอย่างนี้จนลากยาวมาถึงปัจจุบันได้บวกสอดไส้หมากทำลายหลังฉากสำเร็จเป้าหมายในทุกๆเรื่องดูพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเลย นี้ตัวโคตรอันตรายมากๆแบบยึดพลังงานไทยจนราคาข้าวของและสาระพัดอย่างกระทบไปหมดแบบแพงทั้งแผ่นดินไทยนั้นล่ะ,จึงดูๆไปเหมือนๆเรรประชาชนถูกลวงหลอก แบบฝ่ายมืดแกล้งเป็นแสง ทำทีเปิดโปงนั้นนี้ของฝ่ายชั่วทำ ,อันเดียวกัน เอาเรื่องที่คนไทยต้องการรับรู้ติดตามและให้กระทำจริงมาล่อเป็นเหยื่อให้คนไทยมากมายตามกระแสหลงทางตามสื่อหลักปล่อยของให้งาบเอา,หลายๆกรณีหลุดรอดิหมดนะ,สไตล์มุกซาตานแทรกให้คนหวัง&รอ สุดท้ายเหยียบเลย ได้พลังงานลบค่าผิดหวังบริโภคเติมพลังฝ่ายมืดสบายใจอีก และไม่ใช่ครัังเดียว จะจัดการพวกนีัจริง หลุดออกมาผ่านช่องสื่อกี่ครัังแล้ว ถึงเวลาจริงๆรอดสบายๆล่ะ,โควิดก็สื่อยุคนั้นตรึมเชิญชวนชี้นำบอกกล่าว&กระตุ้นให้คนไทยไปรีบรับเข็ม ,สื่อทุกๆแพลตฟอร์มซาตานคุมอีกในแอปต่างๆมิใช่แค่สื่อหลักในไทยเรา มันบล็อกมันปิดกั้นค่าจริงของคนนำเสนอว่าวัคซีนคืออาวุธสังหารคนที่ไปฉีดมันหรือถูกบังคับให้ฉีดเป็นแผนลดประชากรโลกของฝ่ายมืดก็ว่า,มันทั้งบล็อกทั้งปิดบัญชีแบบปิดปากคนในสัญลักษณ์ทาสที่มันอยากสื่อคือคนสวมใส่หน้ากากนั้นล่ะ,คือโลโก้ทาสไพร่ที่อีลิทมันใช้ในหมู่ทาส.
    ..ทำไปทำมา จากอดีตบอกว่าจบแน่หลังอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หลุดไป,คนใหม่มาปลายปี67ไม่รอดพะนะ,ก็รอดอีก,มามุกว่าจบล่าสุดก็เลื่อน13มิ.ย68,แล้วก็ขยายเล่นมุกต่อว่าก.ค68,ชัดๆว่าคงเล่นปาหี่จนครบสมัยล่ะ ประชาชนซวยตลอดบนวิถีการปกครองเหี้ยๆแบบนี้ที่วางไว้แบบนี้,เพื่อประเทศไทยจะได้สงบไม่ได้,แบบฝรั่งวางสนุ๊คอินเดียสงบสุขไม่ได้ ขัดแย้งกับรอบข้างและหนักหน่อยคือปากีสถาน,ฝ่ายมืดมันก็ทำสนุ๊คในไทยแบบนี้ล่ะ,แต่เราคือภายใน แค่ตัดตอนทำพวกนีัไม่ให้มีชีวิตจริง,ภายนอกจะลดสนุ๊คที่วางจนหมดไป

    https://youtu.be/4DeeYomHHbU?si=HhZyfDazm5tG12Xz
    ..ดึงเวลาอีกแล้ว,มองๆดูพวกปาหี่แหกตาประชาชนหลอกสาระพัดละครมุกแต่ละวันเท่านั้น,เดอะแก๊งเดียวกันหมด,อย่าลืมว่าสื่อทั้งหมดรัฐลึกของdeep stateข้ามชาติควบคุมในไทยหมดนะ จะบิดข่าว ปั่นกระแสทำทีนั้นทำมีนี้แบบมุกๆที่ผ่านๆมาว่าจะจบอย่างนั้นอย่างนี้จนลากยาวมาถึงปัจจุบันได้บวกสอดไส้หมากทำลายหลังฉากสำเร็จเป้าหมายในทุกๆเรื่องดูพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเลย นี้ตัวโคตรอันตรายมากๆแบบยึดพลังงานไทยจนราคาข้าวของและสาระพัดอย่างกระทบไปหมดแบบแพงทั้งแผ่นดินไทยนั้นล่ะ,จึงดูๆไปเหมือนๆเรรประชาชนถูกลวงหลอก แบบฝ่ายมืดแกล้งเป็นแสง ทำทีเปิดโปงนั้นนี้ของฝ่ายชั่วทำ ,อันเดียวกัน เอาเรื่องที่คนไทยต้องการรับรู้ติดตามและให้กระทำจริงมาล่อเป็นเหยื่อให้คนไทยมากมายตามกระแสหลงทางตามสื่อหลักปล่อยของให้งาบเอา,หลายๆกรณีหลุดรอดิหมดนะ,สไตล์มุกซาตานแทรกให้คนหวัง&รอ สุดท้ายเหยียบเลย ได้พลังงานลบค่าผิดหวังบริโภคเติมพลังฝ่ายมืดสบายใจอีก และไม่ใช่ครัังเดียว จะจัดการพวกนีัจริง หลุดออกมาผ่านช่องสื่อกี่ครัังแล้ว ถึงเวลาจริงๆรอดสบายๆล่ะ,โควิดก็สื่อยุคนั้นตรึมเชิญชวนชี้นำบอกกล่าว&กระตุ้นให้คนไทยไปรีบรับเข็ม ,สื่อทุกๆแพลตฟอร์มซาตานคุมอีกในแอปต่างๆมิใช่แค่สื่อหลักในไทยเรา มันบล็อกมันปิดกั้นค่าจริงของคนนำเสนอว่าวัคซีนคืออาวุธสังหารคนที่ไปฉีดมันหรือถูกบังคับให้ฉีดเป็นแผนลดประชากรโลกของฝ่ายมืดก็ว่า,มันทั้งบล็อกทั้งปิดบัญชีแบบปิดปากคนในสัญลักษณ์ทาสที่มันอยากสื่อคือคนสวมใส่หน้ากากนั้นล่ะ,คือโลโก้ทาสไพร่ที่อีลิทมันใช้ในหมู่ทาส. ..ทำไปทำมา จากอดีตบอกว่าจบแน่หลังอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หลุดไป,คนใหม่มาปลายปี67ไม่รอดพะนะ,ก็รอดอีก,มามุกว่าจบล่าสุดก็เลื่อน13มิ.ย68,แล้วก็ขยายเล่นมุกต่อว่าก.ค68,ชัดๆว่าคงเล่นปาหี่จนครบสมัยล่ะ ประชาชนซวยตลอดบนวิถีการปกครองเหี้ยๆแบบนี้ที่วางไว้แบบนี้,เพื่อประเทศไทยจะได้สงบไม่ได้,แบบฝรั่งวางสนุ๊คอินเดียสงบสุขไม่ได้ ขัดแย้งกับรอบข้างและหนักหน่อยคือปากีสถาน,ฝ่ายมืดมันก็ทำสนุ๊คในไทยแบบนี้ล่ะ,แต่เราคือภายใน แค่ตัดตอนทำพวกนีัไม่ให้มีชีวิตจริง,ภายนอกจะลดสนุ๊คที่วางจนหมดไป https://youtu.be/4DeeYomHHbU?si=HhZyfDazm5tG12Xz
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • วัคซีนป้องกันไวรัส RSV ปลอดภัยจริงหรือ
    วางแผนจะนำมาฉีดในเด็ก ปรากฏว่าฉีดไปแล้ว โรคกลับรุนแรงกว่าที่ไม่ฉีด VRBPAC สั่งระงับ 12 ธันวาคม 2024
    https://www.facebook.com/share/p/19wLKQmfRL/
    สื่อไทยสร้างกระแสลวง
    https://www.facebook.com/share/p/1EMyLCA5dp/
    หมอดื้อแนะ อย่าประสาทไปกับ HMPV RSV FluA/B โควิด ออกข่าวครึกโครม ลวงโลก
    https://www.facebook.com/share/p/18qguCWUet/
    วัคซีนไม่ใช่ทางออกที่ปลอดภัย หมอดื้อแจงยาที่ถูกมองข้าม
    https://www.facebook.com/share/p/1QLPq56GZK/
    RSV mRNA vaccine ทำให้เด็กติดเชื้อหนักกว่าเดิม I หมอชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ
    https://www.facebook.com/share/p/18yQNvgmLR/
    อย สหรัฐให้ประกาศคำเตือนหลังฉีดวัคซีน RSV เกิด เส้นประสาทอักเสบทั้งตัว GBS
    https://www.facebook.com/share/p/18srXSRN6U/
    วัคซีน RSV ที่ทดสอบในเด็กอายุเกินหกเดือน พบว่าเมื่อติดเชื้อกลับมีอาการของโรครุนแรงขึ้นต้องเข้าโรงพยาบาล
    https://www.fda.gov/vaccines-blood-biologics/safety-availability-biologics/fda-requires-guillain-barre-syndrome-gbs-warning-prescribing-information-rsv-vaccines-abrysvo-and?mtm_source=25
    หมอยงแจงเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเชื้อ RSV ความพยายามสร้างวัคซีนยังไม่สำเร็จ
    https://www.thaipost.net/human-life-news/755522/

    รวบรวมโดย
    แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅วัคซีนป้องกันไวรัส RSV ปลอดภัยจริงหรือ ✍️วางแผนจะนำมาฉีดในเด็ก ปรากฏว่าฉีดไปแล้ว โรคกลับรุนแรงกว่าที่ไม่ฉีด VRBPAC สั่งระงับ 12 ธันวาคม 2024 https://www.facebook.com/share/p/19wLKQmfRL/ ✍️สื่อไทยสร้างกระแสลวง https://www.facebook.com/share/p/1EMyLCA5dp/ ✍️หมอดื้อแนะ อย่าประสาทไปกับ HMPV RSV FluA/B โควิด ออกข่าวครึกโครม ลวงโลก https://www.facebook.com/share/p/18qguCWUet/ ✍️วัคซีนไม่ใช่ทางออกที่ปลอดภัย หมอดื้อแจงยาที่ถูกมองข้าม https://www.facebook.com/share/p/1QLPq56GZK/ ✍️RSV mRNA vaccine ทำให้เด็กติดเชื้อหนักกว่าเดิม I หมอชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ https://www.facebook.com/share/p/18yQNvgmLR/ ✍️อย สหรัฐให้ประกาศคำเตือนหลังฉีดวัคซีน RSV เกิด เส้นประสาทอักเสบทั้งตัว GBS https://www.facebook.com/share/p/18srXSRN6U/ ✍️วัคซีน RSV ที่ทดสอบในเด็กอายุเกินหกเดือน พบว่าเมื่อติดเชื้อกลับมีอาการของโรครุนแรงขึ้นต้องเข้าโรงพยาบาล https://www.fda.gov/vaccines-blood-biologics/safety-availability-biologics/fda-requires-guillain-barre-syndrome-gbs-warning-prescribing-information-rsv-vaccines-abrysvo-and?mtm_source=25 ✍️หมอยงแจงเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเชื้อ RSV ความพยายามสร้างวัคซีนยังไม่สำเร็จ https://www.thaipost.net/human-life-news/755522/ รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 609 Views 0 Reviews
  • Apple กำลังร่วมมือกับ Synchron บริษัทด้านเทคโนโลยีประสาท เพื่อพัฒนา ระบบควบคุม iPhone และอุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อช่วย ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย เช่น ผู้ป่วย ALS ให้สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น

    Apple ร่วมมือกับ Synchron เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมอุปกรณ์ด้วยสัญญาณสมอง
    - ใช้ Stentrode ซึ่งเป็นอิเล็กโทรดที่สามารถอ่านสัญญาณสมอง

    Stentrode ถูกฝังในหลอดเลือดใกล้กับมอเตอร์คอร์เทกซ์ของสมอง
    - ช่วยให้สามารถ แปลสัญญาณสมองเป็นการเลือกไอคอนบนหน้าจอ

    เทคโนโลยีนี้ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Switch Control ของ Apple
    - คล้ายกับ ระบบ Bluetooth Accessibility สำหรับเครื่องช่วยฟัง

    Apple รอการอนุมัติจาก FDA ก่อนเปิดตัวเทคโนโลยีนี้
    - คาดว่า จะมีมาตรฐานซอฟต์แวร์สำหรับนักพัฒนาในปลายปีนี้

    ผู้ใช้รายแรกที่ทดสอบเทคโนโลยีนี้สามารถควบคุม iPhone และ Vision Pro ได้ด้วยความคิด
    - เช่น มองเห็นวิวภูเขาในสวิตเซอร์แลนด์ผ่าน Vision Pro แม้จะอยู่ในเพนซิลเวเนีย

    https://www.neowin.net/news/apple-could-be-developing-tech-that-lets-you-control-your-iphone-just-by-thinking/
    Apple กำลังร่วมมือกับ Synchron บริษัทด้านเทคโนโลยีประสาท เพื่อพัฒนา ระบบควบคุม iPhone และอุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อช่วย ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย เช่น ผู้ป่วย ALS ให้สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น ✅ Apple ร่วมมือกับ Synchron เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมอุปกรณ์ด้วยสัญญาณสมอง - ใช้ Stentrode ซึ่งเป็นอิเล็กโทรดที่สามารถอ่านสัญญาณสมอง ✅ Stentrode ถูกฝังในหลอดเลือดใกล้กับมอเตอร์คอร์เทกซ์ของสมอง - ช่วยให้สามารถ แปลสัญญาณสมองเป็นการเลือกไอคอนบนหน้าจอ ✅ เทคโนโลยีนี้ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Switch Control ของ Apple - คล้ายกับ ระบบ Bluetooth Accessibility สำหรับเครื่องช่วยฟัง ✅ Apple รอการอนุมัติจาก FDA ก่อนเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ - คาดว่า จะมีมาตรฐานซอฟต์แวร์สำหรับนักพัฒนาในปลายปีนี้ ✅ ผู้ใช้รายแรกที่ทดสอบเทคโนโลยีนี้สามารถควบคุม iPhone และ Vision Pro ได้ด้วยความคิด - เช่น มองเห็นวิวภูเขาในสวิตเซอร์แลนด์ผ่าน Vision Pro แม้จะอยู่ในเพนซิลเวเนีย https://www.neowin.net/news/apple-could-be-developing-tech-that-lets-you-control-your-iphone-just-by-thinking/
    WWW.NEOWIN.NET
    Apple could be developing tech that let's you control your iPhone just by thinking
    Apple is apparently working on mind-control tech that could let users operate iPhones with their thoughts.
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • OpenAI และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) กำลังหารือเกี่ยวกับ การใช้ AI ในการประเมินยา ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการ ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและอนุมัติยาให้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น

    แหล่งข่าวระบุว่า ทีมเล็ก ๆ จาก OpenAI ได้พบกับ FDA และตัวแทนจาก "Department of Government Efficiency" ของ Elon Musk หลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับ ศักยภาพของ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และการทดลองทางคลินิก

    OpenAI และ FDA กำลังหารือเกี่ยวกับการใช้ AI ในการประเมินยา
    - อาจช่วยให้ กระบวนการตรวจสอบและอนุมัติยาเร็วขึ้น
    - ลด ข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์

    ทีมจาก OpenAI ได้พบกับ FDA และตัวแทนจาก "Department of Government Efficiency" ของ Elon Musk
    - มีการหารือเกี่ยวกับ ศักยภาพของ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์
    - อาจช่วยให้ การทดลองทางคลินิกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    AI อาจช่วยให้ FDA สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้รวดเร็วขึ้น
    - ลด ระยะเวลาการอนุมัติยาใหม่
    - เพิ่ม ความแม่นยำในการตรวจสอบผลข้างเคียงของยา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/openai-and-us-fda-hold-talks-about-using-ai-in-drug-evaluation-wired-reports
    OpenAI และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) กำลังหารือเกี่ยวกับ การใช้ AI ในการประเมินยา ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการ ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและอนุมัติยาให้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น แหล่งข่าวระบุว่า ทีมเล็ก ๆ จาก OpenAI ได้พบกับ FDA และตัวแทนจาก "Department of Government Efficiency" ของ Elon Musk หลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับ ศักยภาพของ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และการทดลองทางคลินิก ✅ OpenAI และ FDA กำลังหารือเกี่ยวกับการใช้ AI ในการประเมินยา - อาจช่วยให้ กระบวนการตรวจสอบและอนุมัติยาเร็วขึ้น - ลด ข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ✅ ทีมจาก OpenAI ได้พบกับ FDA และตัวแทนจาก "Department of Government Efficiency" ของ Elon Musk - มีการหารือเกี่ยวกับ ศักยภาพของ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ - อาจช่วยให้ การทดลองทางคลินิกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ AI อาจช่วยให้ FDA สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้รวดเร็วขึ้น - ลด ระยะเวลาการอนุมัติยาใหม่ - เพิ่ม ความแม่นยำในการตรวจสอบผลข้างเคียงของยา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/openai-and-us-fda-hold-talks-about-using-ai-in-drug-evaluation-wired-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OpenAI and US FDA hold talks about using AI in drug evaluation, Wired reports
    (Reuters) -OpenAI and the U.S. Food and Drug Administration have been meeting to discuss the health regulator's use of AI, technology news platform Wired reported on Wednesday, citing sources with knowledge of the meetings.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Syntis Bio ได้พัฒนาเม็ดยาลดน้ำหนักที่สามารถเลียนแบบผลของการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร (gastric bypass) โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดจริง ยานี้มีศักยภาพในการช่วยลดความหิว คงมวลกล้ามเนื้อ และส่งเสริมการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน

    SYNT-101: เม็ดยาที่เลียนแบบผลของการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร
    - ยาทำงานโดยเคลือบลำไส้เล็กชั่วคราว ช่วยเปลี่ยนเส้นทางดูดซึมสารอาหาร
    - เคลือบนี้ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนความอิ่ม (GLP-1) ตามธรรมชาติของร่างกาย
    - ยานี้ต่างจากยา GLP-1 แบบฉีด เช่น Ozempic และ Wegovy ที่อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน

    ผลการทดลองเบื้องต้น
    - การทดลองในสัตว์แสดงให้เห็นว่า สามารถลดน้ำหนัก 1% ต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์
    - การทดลองในมนุษย์ระยะเริ่มต้น ผู้เข้าร่วม 9 คน ไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง
    - ตรวจเลือดพบการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่สนับสนุนการลดน้ำหนัก

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    - พัฒนาโดยนักวิจัยจาก MIT ซึ่งร่วมก่อตั้ง Syntis Bio
    - ใช้สารเคมีที่มีปฏิสัมพันธ์กับเอนไซม์ในลำไส้เล็กเพื่อสร้างสารเคลือบที่ปลอดภัย

    ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง
    - แม้ทดลองแรกจะไม่พบผลข้างเคียง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจมีอาการท้องอืดหรือปวดท้อง
    - ต้องมีการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่เพิ่มเติม

    เปรียบเทียบกับยา GLP-1 ในตลาดปัจจุบัน
    - ยา GLP-1 มีข้อดีในประสิทธิภาพ แต่มีราคาสูง และอาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
    - SYNT-101 อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่ปลอดภัยขึ้น แต่ต้องรอผลการทดลองระยะยาว

    แนวโน้มการนำไปใช้จริง
    - Syntis Bio เตรียมยื่นขออนุญาตทดลองทางคลินิกจาก FDA
    - หากผ่านการรับรอง อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาโรคอ้วน

    https://www.techspot.com/news/107527-biotech-firm-creates-weight-loss-pill-mimics-effects.html
    บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Syntis Bio ได้พัฒนาเม็ดยาลดน้ำหนักที่สามารถเลียนแบบผลของการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร (gastric bypass) โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดจริง ยานี้มีศักยภาพในการช่วยลดความหิว คงมวลกล้ามเนื้อ และส่งเสริมการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ✅ SYNT-101: เม็ดยาที่เลียนแบบผลของการผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร - ยาทำงานโดยเคลือบลำไส้เล็กชั่วคราว ช่วยเปลี่ยนเส้นทางดูดซึมสารอาหาร - เคลือบนี้ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนความอิ่ม (GLP-1) ตามธรรมชาติของร่างกาย - ยานี้ต่างจากยา GLP-1 แบบฉีด เช่น Ozempic และ Wegovy ที่อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น - การทดลองในสัตว์แสดงให้เห็นว่า สามารถลดน้ำหนัก 1% ต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ - การทดลองในมนุษย์ระยะเริ่มต้น ผู้เข้าร่วม 9 คน ไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง - ตรวจเลือดพบการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่สนับสนุนการลดน้ำหนัก ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง - พัฒนาโดยนักวิจัยจาก MIT ซึ่งร่วมก่อตั้ง Syntis Bio - ใช้สารเคมีที่มีปฏิสัมพันธ์กับเอนไซม์ในลำไส้เล็กเพื่อสร้างสารเคลือบที่ปลอดภัย ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง - แม้ทดลองแรกจะไม่พบผลข้างเคียง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจมีอาการท้องอืดหรือปวดท้อง - ต้องมีการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่เพิ่มเติม ℹ️ เปรียบเทียบกับยา GLP-1 ในตลาดปัจจุบัน - ยา GLP-1 มีข้อดีในประสิทธิภาพ แต่มีราคาสูง และอาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ - SYNT-101 อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่ปลอดภัยขึ้น แต่ต้องรอผลการทดลองระยะยาว ℹ️ แนวโน้มการนำไปใช้จริง - Syntis Bio เตรียมยื่นขออนุญาตทดลองทางคลินิกจาก FDA - หากผ่านการรับรอง อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาโรคอ้วน https://www.techspot.com/news/107527-biotech-firm-creates-weight-loss-pill-mimics-effects.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Biotech firm creates weight loss pill that mimics the effects of gastric bypass surgery
    SYNT-101 offers a novel approach to weight loss by temporarily altering nutrient absorption in the small intestine. Unlike GLP-1 drugs, which are administered via injection and often...
    0 Comments 0 Shares 530 Views 0 Reviews
  • อียิปต์ (ไคโร-อเล็กซานเดรีย)
    10-15 ต.ค. 68
    ราคา 59,999 บาท
    เดินทางโดย QR-กาตาร์แอร์เวย์
    จำนวนวัน: 6 วัน 4 คืน

    ท่องเที่ยว 2 เมืองสุดคลาสสิคในอียิปต์

    ไคโร ชม พิระมิดแห่งกีซ่า และ พิพิธภัณฑ์อียิปต์

    อเล็กซานเดรีย สัมผัสบรรยากาศริมทะเลและสถานที่ทางประวัติศาสตร์

    รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด!

    #ทัวร์อียิปต์ #เที่ยวอียิปต์ #ไคโร #อเล็กซานเดรีย #กาตาร์แอร์เวย์ #ท่องเที่ยวอียิปต์ #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์อียิปต์2025 #การเดินทาง

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ef7384

    ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/cfda4b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395
    🌍 อียิปต์ (ไคโร-อเล็กซานเดรีย) 🏺 10-15 ต.ค. 68 ราคา 59,999 บาท 💥 เดินทางโดย QR-กาตาร์แอร์เวย์ ✈️ จำนวนวัน: 6 วัน 4 คืน 🗓️ 🚶‍♂️ ท่องเที่ยว 2 เมืองสุดคลาสสิคในอียิปต์ ไคโร 🏙️ ชม พิระมิดแห่งกีซ่า และ พิพิธภัณฑ์อียิปต์ 🏛️ อเล็กซานเดรีย 🌊 สัมผัสบรรยากาศริมทะเลและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ 🏰 📅 รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด! ⏳ #ทัวร์อียิปต์ #เที่ยวอียิปต์ #ไคโร #อเล็กซานเดรีย #กาตาร์แอร์เวย์ #ท่องเที่ยวอียิปต์ #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์อียิปต์2025 #การเดินทาง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ef7384 ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/cfda4b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 Comments 0 Shares 853 Views 0 Reviews
  • อียิปต์ (ไคโร-อเล็กซานเดรีย)
    10-15 ต.ค. 68
    ราคา 59,999 บาท
    เดินทางโดย QR-กาตาร์แอร์เวย์
    จำนวนวัน: 6 วัน 4 คืน

    ท่องเที่ยว 2 เมืองสุดคลาสสิคในอียิปต์

    ไคโร ชม พิระมิดแห่งกีซ่า และ พิพิธภัณฑ์อียิปต์

    อเล็กซานเดรีย สัมผัสบรรยากาศริมทะเลและสถานที่ทางประวัติศาสตร์

    รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด!

    #ทัวร์อียิปต์ #เที่ยวอียิปต์ #ไคโร #อเล็กซานเดรีย #กาตาร์แอร์เวย์ #ท่องเที่ยวอียิปต์ #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์อียิปต์2025 #การเดินทาง

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ef7384

    ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/cfda4b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์อียิปต์
    🌍 อียิปต์ (ไคโร-อเล็กซานเดรีย) 🏺 10-15 ต.ค. 68 ราคา 59,999 บาท 💥 เดินทางโดย QR-กาตาร์แอร์เวย์ ✈️ จำนวนวัน: 6 วัน 4 คืน 🗓️ 🚶‍♂️ ท่องเที่ยว 2 เมืองสุดคลาสสิคในอียิปต์ ไคโร 🏙️ ชม พิระมิดแห่งกีซ่า และ พิพิธภัณฑ์อียิปต์ 🏛️ อเล็กซานเดรีย 🌊 สัมผัสบรรยากาศริมทะเลและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ 🏰 📅 รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด! ⏳ #ทัวร์อียิปต์ #เที่ยวอียิปต์ #ไคโร #อเล็กซานเดรีย #กาตาร์แอร์เวย์ #ท่องเที่ยวอียิปต์ #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์อียิปต์2025 #การเดินทาง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ef7384 ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/cfda4b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อียิปต์
    0 Comments 0 Shares 833 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/laAiqkP98KM?si=vU9xB8y5PXT2FdAp
    https://youtube.com/shorts/laAiqkP98KM?si=vU9xB8y5PXT2FdAp
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/boj2BgfdAn4?si=OVd4hoMzsuotz53n
    https://youtube.com/shorts/boj2BgfdAn4?si=OVd4hoMzsuotz53n
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
More Results