• หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง”

    จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ.

    เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม

    โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า

    นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่:
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค

    จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง
    ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me”

    คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์
    เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด

    เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล
    ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ

    มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้
    สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล

    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้
    เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร

    https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    🇨🇳🚁 หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง” จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ. เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่: 🎗️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด 🎗️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค ✅ จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง ➡️ ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me” ✅ คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด ➡️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด ➡️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) ✅ ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์ ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด ✅ เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล ➡️ ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ ✅ มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้ ➡️ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล ✅ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้ ➡️ เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    WWW.TECHRADAR.COM
    China lit the sky with 16,000 drones, fusing art, software, and precision
    16,000 drones followed a precise RTK-guided path for real-time accuracy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาว อาจเป็นฮีโร่ในภารกิจช่วยชีวิตกลางพายุและความมืด

    ในห้องทดลองที่ดูเหมือนฉากฮาโลวีน—มีหมอก ไฟสลัว และค้างคาวปลอม—นักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) กำลังพัฒนาโดรนขนาดเล็กที่อาจเปลี่ยนโลกของการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์สุดขั้ว เช่น พายุกลางคืน ควันไฟ หรือหิมะตกหนัก

    แรงบันดาลใจของพวกเขาคือ “ค้างคาว” สัตว์ที่สามารถบินในความมืดโดยใช้การสะท้อนเสียงหรือ echolocation นักวิจัยนำหลักการนี้มาสร้างโดรนที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกคล้ายกับที่ใช้ในก๊อกน้ำอัตโนมัติ เพื่อส่งคลื่นเสียงและวิเคราะห์เสียงสะท้อนในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

    โดรนจิ๋วนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ใช้วัสดุราคาถูก และสามารถบินในที่มืดได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงหรือกล้อง ทำให้เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในสถานการณ์ที่โดรนทั่วไปใช้งานไม่ได้ เช่น ไฟไหม้กลางคืน หรือพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า

    นอกจากนั้น นักวิจัยยังใช้ AI เพื่อช่วยให้โดรนสามารถกรองเสียงรบกวนจากใบพัด และเรียนรู้การตีความเสียงสะท้อนอย่างแม่นยำมากขึ้น แม้ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับค้างคาวที่สามารถตรวจจับเส้นผมมนุษย์จากระยะหลายเมตรได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ

    ในอนาคต โดรนเหล่านี้อาจทำงานเป็น “ฝูงอัตโนมัติ” ที่สามารถตัดสินใจเองว่าจะค้นหาตรงไหน โดยใช้ข้อมูลจากกรณีผู้สูญหายในอดีตมาสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของผู้ประสบภัย

    โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาวใช้ echolocation เพื่อบินในความมืด
    ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกในการตรวจจับสิ่งกีดขวาง
    ไม่ต้องพึ่งกล้องหรือแสงไฟในการทำงาน
    เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในพื้นที่มืดหรือมีควัน

    โดรนมีขนาดเล็ก ราคาถูก และประหยัดพลังงาน
    ใช้วัสดุระดับงานอดิเรกในการประกอบ
    สามารถบินในห้องที่มีหมอกและแสงน้อยได้อย่างแม่นยำ

    ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการรับเสียงและการตัดสินใจ
    ลดเสียงรบกวนจากใบพัดด้วยเปลือกพิมพ์ 3D
    สอนให้โดรนแยกแยะเสียงสะท้อนที่สำคัญ

    นักวิจัยพัฒนาโมเดลการค้นหาจากข้อมูลผู้สูญหาย
    ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้หลงทางในป่าเพื่อกำหนดเส้นทางค้นหา
    โดรนสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในการค้นหาแบบอัตโนมัติ

    โดรนทั่วไปยังมีข้อจำกัดในการใช้งานในสถานการณ์สุดขั้ว
    ขนาดใหญ่ เทอะทะ และไม่สามารถบินในที่มืดหรือมีควันได้
    ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์และแสงไฟในการนำทาง

    การพัฒนาโดรนให้เทียบเท่าค้างคาวยังต้องใช้เวลา
    ค้างคาวสามารถกรองเสียงสะท้อนเฉพาะที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
    ความสามารถในการตรวจจับของโดรนยังห่างไกลจากธรรมชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/how-tiny-drones-inspired-by-bats-could-save-lives-in-dark-and-stormy-conditions
    🦇 โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาว อาจเป็นฮีโร่ในภารกิจช่วยชีวิตกลางพายุและความมืด ในห้องทดลองที่ดูเหมือนฉากฮาโลวีน—มีหมอก ไฟสลัว และค้างคาวปลอม—นักวิจัยจาก Worcester Polytechnic Institute (WPI) กำลังพัฒนาโดรนขนาดเล็กที่อาจเปลี่ยนโลกของการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์สุดขั้ว เช่น พายุกลางคืน ควันไฟ หรือหิมะตกหนัก แรงบันดาลใจของพวกเขาคือ “ค้างคาว” สัตว์ที่สามารถบินในความมืดโดยใช้การสะท้อนเสียงหรือ echolocation นักวิจัยนำหลักการนี้มาสร้างโดรนที่ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกคล้ายกับที่ใช้ในก๊อกน้ำอัตโนมัติ เพื่อส่งคลื่นเสียงและวิเคราะห์เสียงสะท้อนในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง โดรนจิ๋วนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ใช้วัสดุราคาถูก และสามารถบินในที่มืดได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงหรือกล้อง ทำให้เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในสถานการณ์ที่โดรนทั่วไปใช้งานไม่ได้ เช่น ไฟไหม้กลางคืน หรือพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า นอกจากนั้น นักวิจัยยังใช้ AI เพื่อช่วยให้โดรนสามารถกรองเสียงรบกวนจากใบพัด และเรียนรู้การตีความเสียงสะท้อนอย่างแม่นยำมากขึ้น แม้ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับค้างคาวที่สามารถตรวจจับเส้นผมมนุษย์จากระยะหลายเมตรได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ ในอนาคต โดรนเหล่านี้อาจทำงานเป็น “ฝูงอัตโนมัติ” ที่สามารถตัดสินใจเองว่าจะค้นหาตรงไหน โดยใช้ข้อมูลจากกรณีผู้สูญหายในอดีตมาสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของผู้ประสบภัย ✅ โดรนจิ๋วเลียนแบบค้างคาวใช้ echolocation เพื่อบินในความมืด ➡️ ใช้เซนเซอร์อัลตราโซนิกในการตรวจจับสิ่งกีดขวาง ➡️ ไม่ต้องพึ่งกล้องหรือแสงไฟในการทำงาน ➡️ เหมาะกับภารกิจช่วยชีวิตในพื้นที่มืดหรือมีควัน ✅ โดรนมีขนาดเล็ก ราคาถูก และประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้วัสดุระดับงานอดิเรกในการประกอบ ➡️ สามารถบินในห้องที่มีหมอกและแสงน้อยได้อย่างแม่นยำ ✅ ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการรับเสียงและการตัดสินใจ ➡️ ลดเสียงรบกวนจากใบพัดด้วยเปลือกพิมพ์ 3D ➡️ สอนให้โดรนแยกแยะเสียงสะท้อนที่สำคัญ ✅ นักวิจัยพัฒนาโมเดลการค้นหาจากข้อมูลผู้สูญหาย ➡️ ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้หลงทางในป่าเพื่อกำหนดเส้นทางค้นหา ➡️ โดรนสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในการค้นหาแบบอัตโนมัติ ‼️ โดรนทั่วไปยังมีข้อจำกัดในการใช้งานในสถานการณ์สุดขั้ว ⛔ ขนาดใหญ่ เทอะทะ และไม่สามารถบินในที่มืดหรือมีควันได้ ⛔ ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์และแสงไฟในการนำทาง ‼️ การพัฒนาโดรนให้เทียบเท่าค้างคาวยังต้องใช้เวลา ⛔ ค้างคาวสามารถกรองเสียงสะท้อนเฉพาะที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ⛔ ความสามารถในการตรวจจับของโดรนยังห่างไกลจากธรรมชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/31/how-tiny-drones-inspired-by-bats-could-save-lives-in-dark-and-stormy-conditions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How tiny drones inspired by bats could save lives in dark and stormy conditions
    Don't be fooled by the fog machine, spooky lights and fake bats: the robotics lab at Worcester Polytechnic Institute lab isn't hosting a Halloween party.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “โดรนกระดาษเกาหลี เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส – ราคาถูก ซ่อมง่าย ใช้จริงในภารกิจทหาร”

    ในยุคที่สงครามและวิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังท้าทายโลก WOW Future Tech บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ได้เปิดตัว “AirSense UAV” โดรนที่สร้างจากกระดาษแข็งและเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและซ่อมง่ายอย่างเหลือเชื่อ

    แรงบันดาลใจของ CEO มุนจู คิม มาจากสงครามในยูเครน ที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนโดรนในสนามรบ เขาจึงคิดค้นวิธีสร้างโดรนจากวัสดุที่หาได้ง่ายทั่วโลก โดยใช้กระดาษแข็งแทนคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ต้นทุนลดลงถึง 10 เท่า – จากราคาปกติหลายหมื่นเหรียญ เหลือเพียงประมาณ $1,400 ต่อเครื่อง

    โดรนรุ่นนี้ไม่เพียงแต่ราคาถูก แต่ยังสามารถซ่อมแซมได้ง่ายด้วยเทปหรือกระดาษซ้อนชั้น ไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษหรือเครื่องมือซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ผลิตในประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าของนำเข้าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า

    แม้จะเน้นการใช้งานพลเรือน แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีก็ให้ความสนใจ โดยเริ่มทดสอบใช้งานในภารกิจฝึกและลาดตระเวน และมีแผนจะขยายการใช้งานในอนาคต

    จุดเด่นของโดรนกระดาษ AirSense UAV
    วัสดุหลักคือกระดาษแข็งและเส้นใยธรรมชาติ
    ต้นทุนการผลิตต่ำเพียง ~$1,400 ต่อเครื่อง
    ซ่อมง่ายด้วยเทปหรือกระดาษซ้อน ไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษ

    ความสามารถด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
    วัสดุรีไซเคิลได้และหาได้ง่ายทั่วโลก
    ลดการพึ่งพาวัสดุสิ้นเปลืองอย่างคาร์บอนไฟเบอร์
    เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขาดแคลนทรัพยากร

    การใช้งานในภารกิจจริง
    ทดสอบโดยกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
    ใช้ในภารกิจฝึกและลาดตระเวน
    มีแผนขยายการใช้งานในเชิงพาณิชย์และต่างประเทศ

    การติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดอากาศ
    ใช้เซ็นเซอร์ผลิตในประเทศ ราคาถูกกว่าของนำเข้า
    มีเทคโนโลยีเหนือกว่าชิ้นส่วนต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-cardboard-drones-address-uav-shortages-and-climate-crisis-inspired-by-the-ukraine-war-drone-inventor-looked-for-the-most-easily-sourced-and-repairable-materials
    📦 หัวข้อข่าว: “โดรนกระดาษเกาหลี เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส – ราคาถูก ซ่อมง่าย ใช้จริงในภารกิจทหาร” ในยุคที่สงครามและวิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังท้าทายโลก WOW Future Tech บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ได้เปิดตัว “AirSense UAV” โดรนที่สร้างจากกระดาษแข็งและเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและซ่อมง่ายอย่างเหลือเชื่อ แรงบันดาลใจของ CEO มุนจู คิม มาจากสงครามในยูเครน ที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนโดรนในสนามรบ เขาจึงคิดค้นวิธีสร้างโดรนจากวัสดุที่หาได้ง่ายทั่วโลก โดยใช้กระดาษแข็งแทนคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ต้นทุนลดลงถึง 10 เท่า – จากราคาปกติหลายหมื่นเหรียญ เหลือเพียงประมาณ $1,400 ต่อเครื่อง โดรนรุ่นนี้ไม่เพียงแต่ราคาถูก แต่ยังสามารถซ่อมแซมได้ง่ายด้วยเทปหรือกระดาษซ้อนชั้น ไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษหรือเครื่องมือซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ผลิตในประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าของนำเข้าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า แม้จะเน้นการใช้งานพลเรือน แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีก็ให้ความสนใจ โดยเริ่มทดสอบใช้งานในภารกิจฝึกและลาดตระเวน และมีแผนจะขยายการใช้งานในอนาคต ✅ จุดเด่นของโดรนกระดาษ AirSense UAV ➡️ วัสดุหลักคือกระดาษแข็งและเส้นใยธรรมชาติ ➡️ ต้นทุนการผลิตต่ำเพียง ~$1,400 ต่อเครื่อง ➡️ ซ่อมง่ายด้วยเทปหรือกระดาษซ้อน ไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนพิเศษ ✅ ความสามารถด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ➡️ วัสดุรีไซเคิลได้และหาได้ง่ายทั่วโลก ➡️ ลดการพึ่งพาวัสดุสิ้นเปลืองอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ➡️ เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขาดแคลนทรัพยากร ✅ การใช้งานในภารกิจจริง ➡️ ทดสอบโดยกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ในภารกิจฝึกและลาดตระเวน ➡️ มีแผนขยายการใช้งานในเชิงพาณิชย์และต่างประเทศ ✅ การติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดอากาศ ➡️ ใช้เซ็นเซอร์ผลิตในประเทศ ราคาถูกกว่าของนำเข้า ➡️ มีเทคโนโลยีเหนือกว่าชิ้นส่วนต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-cardboard-drones-address-uav-shortages-and-climate-crisis-inspired-by-the-ukraine-war-drone-inventor-looked-for-the-most-easily-sourced-and-repairable-materials
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐฯ เผชิญปัญหาใหม่: โดรนมากเกินไปจนเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน

    แม้ว่าโดรนจะกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก และยูเครน แต่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ไม่คาดคิด — จำนวนโดรนที่มากเกินไป กำลังกลายเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน โดยเฉพาะในระดับหมวดและกองร้อย

    ปัญหาหลักที่เกิดจาก “โดรนล้นสนามรบ”
    กองทัพเริ่มแจกจ่ายโดรนให้ใช้ในระดับกองร้อยและหมวด ทำให้ทหารแต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบอุปกรณ์เพิ่มขึ้น
    ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว เช่น ปืน, กระสุน, อาหาร, น้ำ, เสื้อเกราะ — รวมแล้วอาจหนักถึง 75–150+ ปอนด์
    การเพิ่มโดรนเข้าไป เช่น RQ-11 Raven ที่หนักราว 5 ปอนด์ ยังต้องมีอุปกรณ์ควบคุม, หน้าจอรับภาพ, และกระเป๋าใส่อุปกรณ์อีก
    หน่วยทหารบางแห่งไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรน ทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ผู้บังคับหมวดต้องรับภาระเพิ่มในการจัดการโดรน นอกเหนือจากการควบคุมกำลังพลและยุทธวิธี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    โดรนถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามยุคใหม่ เช่น ISR, สนับสนุนทางอากาศ, ลอบโจมตี
    กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนหลายรุ่น เช่น MQ-1 Predator, MQ-9 Reaper, RQ-11 Raven
    การแจกจ่ายโดรนในระดับหมวดและกองร้อยสร้างภาระด้านน้ำหนักและการจัดการ
    ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว การเพิ่มโดรนอาจทำให้เสียสมดุล
    ขาดบุคลากรที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรนในบางหน่วย

    แนวทางแก้ไขที่เสนอ
    ย้ายการใช้งานโดรนจากระดับหมวดไปยังระดับหมู่หรือกองร้อยขึ้นไป
    พัฒนาโดรนขนาดเล็กแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่เพิ่มภาระมาก
    เพิ่มการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้งานโดรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.slashgear.com/2005463/us-army-colonel-problem-too-many-drones/
    🛩️⚠️ กองทัพสหรัฐฯ เผชิญปัญหาใหม่: โดรนมากเกินไปจนเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน แม้ว่าโดรนจะกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก และยูเครน แต่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ไม่คาดคิด — จำนวนโดรนที่มากเกินไป กำลังกลายเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน โดยเฉพาะในระดับหมวดและกองร้อย 📦 ปัญหาหลักที่เกิดจาก “โดรนล้นสนามรบ” 💠 กองทัพเริ่มแจกจ่ายโดรนให้ใช้ในระดับกองร้อยและหมวด ทำให้ทหารแต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 💠 ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว เช่น ปืน, กระสุน, อาหาร, น้ำ, เสื้อเกราะ — รวมแล้วอาจหนักถึง 75–150+ ปอนด์ 💠 การเพิ่มโดรนเข้าไป เช่น RQ-11 Raven ที่หนักราว 5 ปอนด์ ยังต้องมีอุปกรณ์ควบคุม, หน้าจอรับภาพ, และกระเป๋าใส่อุปกรณ์อีก 💠 หน่วยทหารบางแห่งไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรน ทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ 💠 ผู้บังคับหมวดต้องรับภาระเพิ่มในการจัดการโดรน นอกเหนือจากการควบคุมกำลังพลและยุทธวิธี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ โดรนถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามยุคใหม่ เช่น ISR, สนับสนุนทางอากาศ, ลอบโจมตี ➡️ กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนหลายรุ่น เช่น MQ-1 Predator, MQ-9 Reaper, RQ-11 Raven ➡️ การแจกจ่ายโดรนในระดับหมวดและกองร้อยสร้างภาระด้านน้ำหนักและการจัดการ ➡️ ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว การเพิ่มโดรนอาจทำให้เสียสมดุล ➡️ ขาดบุคลากรที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรนในบางหน่วย ✅ แนวทางแก้ไขที่เสนอ ➡️ ย้ายการใช้งานโดรนจากระดับหมวดไปยังระดับหมู่หรือกองร้อยขึ้นไป ➡️ พัฒนาโดรนขนาดเล็กแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่เพิ่มภาระมาก ➡️ เพิ่มการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้งานโดรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.slashgear.com/2005463/us-army-colonel-problem-too-many-drones/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The US Army Has A Looming Problem: Too Many Drones - SlashGear
    While drones are undoubtedly helpful, an overabundance of them creates a problem for ground operations., overloading soldiers with extra equipment to carry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ญี่ปุ่นใช้โดรนเลเซอร์ป้องกันฟาร์มไก่ — เทคโนโลยีใหม่จาก NTT หวังหยุดการระบาดของไข้หวัดนก”

    ในช่วงต้นปี 2025 จังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกอย่างรุนแรง จนต้องทำการคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง NTT ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทในเครือ NTT e-Drone Technology พัฒนาโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “BB102” ที่ติดตั้งระบบเลเซอร์เพื่อไล่นกป่า เช่น อีกาและนกพิราบ ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของไวรัส

    โดรน BB102 ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวที่ถูกออกแบบให้กระจายเป็นลำแสงหลายทิศทาง พร้อมระบบกระพริบแบบสุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้นกปรับตัวหรือหลบเลี่ยงได้ง่าย โดยสามารถบินอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ฟาร์มขนาดใหญ่ และตรวจสอบหลังคาหรือจุดสูงที่มนุษย์เข้าถึงยาก

    การใช้โดรนเลเซอร์นี้ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้เสียงหรือสารเคมี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นผ่านเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการติดตั้งระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ที่มีความรุนแรงสูง

    นอกจากการป้องกันโรคแล้ว BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือเป็นการผสานเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติเข้ากับการควบคุมโรคในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NTT พัฒนาโดรน BB102 ติดตั้งเลเซอร์เพื่อไล่นกป่าจากฟาร์มไก่
    ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวแบบกระจาย พร้อมระบบกระพริบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    โดรนสามารถบินอัตโนมัติและตรวจสอบพื้นที่สูงได้
    เป้าหมายคือป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1
    จังหวัดชิบะเคยต้องคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวในช่วงต้นปี 2025
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยเกษตรกร
    BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ
    โดรนนี้เป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง NTT e-Drone Technology และ NTT East Japan

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ไข้หวัดนกสามารถแพร่จากนกป่าผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือมูลที่ปนเปื้อน
    เลเซอร์สีแดงและเขียวเป็นคลื่นแสงที่สัตว์ป่าหลายชนิดไวต่อการรับรู้
    การใช้โดรนแทนแรงงานคนช่วยลดภาระและเพิ่มความปลอดภัยในฟาร์ม
    เทคโนโลยีเลเซอร์แบบ speckle noise ช่วยป้องกันการปรับตัวของนก
    โดรน BB102 เป็นโดรนเลเซอร์ป้องกันสัตว์รุ่นแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/japanese-tech-giant-deploys-laser-drones-to-protect-chickens-drones-are-hoped-to-prevent-the-spread-of-avian-flu
    🦠 “ญี่ปุ่นใช้โดรนเลเซอร์ป้องกันฟาร์มไก่ — เทคโนโลยีใหม่จาก NTT หวังหยุดการระบาดของไข้หวัดนก” ในช่วงต้นปี 2025 จังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกอย่างรุนแรง จนต้องทำการคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง NTT ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทในเครือ NTT e-Drone Technology พัฒนาโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “BB102” ที่ติดตั้งระบบเลเซอร์เพื่อไล่นกป่า เช่น อีกาและนกพิราบ ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของไวรัส โดรน BB102 ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวที่ถูกออกแบบให้กระจายเป็นลำแสงหลายทิศทาง พร้อมระบบกระพริบแบบสุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้นกปรับตัวหรือหลบเลี่ยงได้ง่าย โดยสามารถบินอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ฟาร์มขนาดใหญ่ และตรวจสอบหลังคาหรือจุดสูงที่มนุษย์เข้าถึงยาก การใช้โดรนเลเซอร์นี้ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้เสียงหรือสารเคมี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นผ่านเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการติดตั้งระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ที่มีความรุนแรงสูง นอกจากการป้องกันโรคแล้ว BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือเป็นการผสานเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติเข้ากับการควบคุมโรคในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NTT พัฒนาโดรน BB102 ติดตั้งเลเซอร์เพื่อไล่นกป่าจากฟาร์มไก่ ➡️ ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวแบบกระจาย พร้อมระบบกระพริบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ โดรนสามารถบินอัตโนมัติและตรวจสอบพื้นที่สูงได้ ➡️ เป้าหมายคือป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ➡️ จังหวัดชิบะเคยต้องคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวในช่วงต้นปี 2025 ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยเกษตรกร ➡️ BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ➡️ โดรนนี้เป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง NTT e-Drone Technology และ NTT East Japan ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ไข้หวัดนกสามารถแพร่จากนกป่าผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือมูลที่ปนเปื้อน ➡️ เลเซอร์สีแดงและเขียวเป็นคลื่นแสงที่สัตว์ป่าหลายชนิดไวต่อการรับรู้ ➡️ การใช้โดรนแทนแรงงานคนช่วยลดภาระและเพิ่มความปลอดภัยในฟาร์ม ➡️ เทคโนโลยีเลเซอร์แบบ speckle noise ช่วยป้องกันการปรับตัวของนก ➡️ โดรน BB102 เป็นโดรนเลเซอร์ป้องกันสัตว์รุ่นแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/japanese-tech-giant-deploys-laser-drones-to-protect-chickens-drones-are-hoped-to-prevent-the-spread-of-avian-flu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ยูเครนใช้รั้วลวดหนามหมุนสกัดโดรนใยแก้ว — ตัดสายสื่อสารแบบไร้สัญญาณได้กลางสนามรบ”

    ในสงครามยุคใหม่ที่โดรนกลายเป็นอาวุธหลัก การสื่อสารแบบไร้สัญญาณผ่านสายใยแก้ว (fiber-optic tethered drones) กลายเป็นทางเลือกที่ทั้งรัสเซียและยูเครนใช้เพื่อหลบหลีกการรบกวนสัญญาณ (jamming) แต่ล่าสุด ยูเครนได้คิดค้นวิธีรับมือที่เรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างน่าทึ่ง — “รั้วลวดหนามหมุน” ที่สามารถตัดสายใยแก้วของโดรนศัตรูได้โดยตรง

    รั้วนี้มีความยาวประมาณ 150 เมตร ใช้มอเตอร์หมุนลวดหนามหนึ่งครั้งต่อนาที และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยติดตั้งไว้ในพื้นที่หลังแนวรบ เช่น เส้นทางลำเลียงหรือคลังอาวุธ ซึ่งเป็นจุดที่โดรนใยแก้วมักใช้ซุ่มโจมตี เพราะสามารถควบคุมได้แม่นยำและไม่ถูกรบกวนจากคลื่นวิทยุ

    โดรนใยแก้วไม่ลากสายลอยฟ้า แต่จะวางสายไว้บนพื้นขณะบิน เมื่อสายไปพันกับรั้วที่หมุนอยู่ จะเกิดการพันและตัดสาย ทำให้โดรนขาดการควบคุมทันที โดยมีรายงานว่าการโจมตีด้วยโดรนแบบนี้สามารถทำได้ไกลถึง 40–50 กิโลเมตร เช่น กรณีที่ยูเครนใช้โดรน Birds of Magyar โจมตีรถถังรัสเซียจากระยะ 42 กม.

    แม้จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน แต่รั้วหมุนนี้ถือเป็น “กับดักทางวิศวกรรม” ที่ใช้ต้นทุนต่ำ ติดตั้งง่าย และสามารถเสริมด้วยเซนเซอร์ตรวจจับ เช่น กล้องอินฟราเรดหรือเรดาร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ยูเครนใช้รั้วลวดหนามหมุนเพื่อสกัดโดรนใยแก้วของรัสเซีย
    รั้วมีความยาว 150 เมตร หมุนหนึ่งครั้งต่อนาที ทำงานได้ 12 ชั่วโมงต่อวัน
    โดรนใยแก้ววางสายไว้บนพื้น ไม่ลอยฟ้า ทำให้รั้วสามารถพันและตัดสายได้
    ติดตั้งในพื้นที่หลังแนวรบ เช่น เส้นทางลำเลียงหรือคลังอาวุธ
    โดรนแบบนี้สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 40–50 กม.
    ยูเครนเคยใช้โดรน Birds of Magyar โจมตีรถถังจากระยะ 42 กม.
    รั้วหมุนสามารถเสริมด้วยเซนเซอร์ เช่น กล้องอินฟราเรดหรือเรดาร์
    เป็นเทคโนโลยีต้นทุนต่ำ ติดตั้งง่าย และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ukraines-rotating-barbed-wire-drone-barriers-discovered-by-russians-motorized-barriers-tear-and-slice-the-fiber-optic-lines-that-jam-proof-drones-leave-in-their-trail
    🕸️ “ยูเครนใช้รั้วลวดหนามหมุนสกัดโดรนใยแก้ว — ตัดสายสื่อสารแบบไร้สัญญาณได้กลางสนามรบ” ในสงครามยุคใหม่ที่โดรนกลายเป็นอาวุธหลัก การสื่อสารแบบไร้สัญญาณผ่านสายใยแก้ว (fiber-optic tethered drones) กลายเป็นทางเลือกที่ทั้งรัสเซียและยูเครนใช้เพื่อหลบหลีกการรบกวนสัญญาณ (jamming) แต่ล่าสุด ยูเครนได้คิดค้นวิธีรับมือที่เรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างน่าทึ่ง — “รั้วลวดหนามหมุน” ที่สามารถตัดสายใยแก้วของโดรนศัตรูได้โดยตรง รั้วนี้มีความยาวประมาณ 150 เมตร ใช้มอเตอร์หมุนลวดหนามหนึ่งครั้งต่อนาที และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยติดตั้งไว้ในพื้นที่หลังแนวรบ เช่น เส้นทางลำเลียงหรือคลังอาวุธ ซึ่งเป็นจุดที่โดรนใยแก้วมักใช้ซุ่มโจมตี เพราะสามารถควบคุมได้แม่นยำและไม่ถูกรบกวนจากคลื่นวิทยุ โดรนใยแก้วไม่ลากสายลอยฟ้า แต่จะวางสายไว้บนพื้นขณะบิน เมื่อสายไปพันกับรั้วที่หมุนอยู่ จะเกิดการพันและตัดสาย ทำให้โดรนขาดการควบคุมทันที โดยมีรายงานว่าการโจมตีด้วยโดรนแบบนี้สามารถทำได้ไกลถึง 40–50 กิโลเมตร เช่น กรณีที่ยูเครนใช้โดรน Birds of Magyar โจมตีรถถังรัสเซียจากระยะ 42 กม. แม้จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน แต่รั้วหมุนนี้ถือเป็น “กับดักทางวิศวกรรม” ที่ใช้ต้นทุนต่ำ ติดตั้งง่าย และสามารถเสริมด้วยเซนเซอร์ตรวจจับ เช่น กล้องอินฟราเรดหรือเรดาร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ยูเครนใช้รั้วลวดหนามหมุนเพื่อสกัดโดรนใยแก้วของรัสเซีย ➡️ รั้วมีความยาว 150 เมตร หมุนหนึ่งครั้งต่อนาที ทำงานได้ 12 ชั่วโมงต่อวัน ➡️ โดรนใยแก้ววางสายไว้บนพื้น ไม่ลอยฟ้า ทำให้รั้วสามารถพันและตัดสายได้ ➡️ ติดตั้งในพื้นที่หลังแนวรบ เช่น เส้นทางลำเลียงหรือคลังอาวุธ ➡️ โดรนแบบนี้สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 40–50 กม. ➡️ ยูเครนเคยใช้โดรน Birds of Magyar โจมตีรถถังจากระยะ 42 กม. ➡️ รั้วหมุนสามารถเสริมด้วยเซนเซอร์ เช่น กล้องอินฟราเรดหรือเรดาร์ ➡️ เป็นเทคโนโลยีต้นทุนต่ำ ติดตั้งง่าย และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/ukraines-rotating-barbed-wire-drone-barriers-discovered-by-russians-motorized-barriers-tear-and-slice-the-fiber-optic-lines-that-jam-proof-drones-leave-in-their-trail
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Leonidas: อาวุธไมโครเวฟพลังสูงที่ล้มโดรน 49 ลำในครั้งเดียว — จุดเปลี่ยนของสงครามยุคฝูงบินอัตโนมัติ”

    ในยุคที่โดรนกลายเป็นอาวุธหลักของสงครามแบบอสมมาตร ระบบป้องกันที่สามารถรับมือกับฝูงบินจำนวนมากได้ในทันทีจึงเป็นสิ่งจำเป็น และนั่นคือสิ่งที่ “Leonidas” จากบริษัท Epirus ได้แสดงให้เห็นในการสาธิตยิงจริงที่ Camp Atterbury รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025

    Leonidas เป็นอาวุธไมโครเวฟพลังสูง (High-Power Microwave: HPM) ที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการรบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์ของโดรน ทำให้หยุดทำงานทันที โดยในการสาธิตครั้งล่าสุด Leonidas สามารถล้มโดรนได้ถึง 61 ลำจาก 61 ลำที่ปล่อยขึ้นฟ้า และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถล้มโดรน 49 ลำได้ใน “การยิงเพียงครั้งเดียว” ด้วยคลื่นไมโครเวฟที่ออกแบบมาเฉพาะ

    ระบบนี้สามารถเลือกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ยิงโดรนที่ถูกเลือกโดยผู้ชมโดยไม่กระทบโดรนที่อยู่ใกล้เคียง หรือแม้แต่ยิงให้โดรนตกลงใน “โซนปลอดภัย” ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยการควบคุมผ่านซอฟต์แวร์ที่กำหนด waveform ได้ตามสถานการณ์

    Leonidas รุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแรกถึงสองเท่า ทั้งในด้านระยะยิงและความรุนแรง โดยใช้เทคโนโลยี Gallium Nitride (GaN) แทนหลอดแม่เหล็กแบบเดิม ทำให้ระบบมีขนาดเล็กลง ทนทานขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง

    การสาธิตครั้งนี้มีผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หน่วยงานรัฐบาล และพันธมิตรจาก 9 ประเทศเข้าร่วมชม และถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ Epirus มองว่า Leonidas คือระบบเดียวที่พร้อมใช้งานจริงในการรับมือกับฝูงโดรนจำนวนมากในสนามรบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Leonidas เป็นอาวุธไมโครเวฟพลังสูงที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการหยุดโดรน
    ในการสาธิตล่าสุด Leonidas ล้มโดรนได้ 61 ลำจาก 61 ลำ และ 49 ลำในครั้งเดียว
    ระบบสามารถเลือกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
    ใช้เทคโนโลยี Gallium Nitride (GaN) แทนหลอดแม่เหล็กแบบเดิม
    รุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแรกถึงสองเท่า
    สามารถยิงต่อเนื่องโดยไม่ร้อนเกิน และไม่กระทบต่อมนุษย์ในพื้นที่ยิง
    การสาธิตมีผู้แทนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร 9 ประเทศเข้าร่วม
    Epirus มองว่า Leonidas คือระบบเดียวที่พร้อมใช้งานจริงในการรับมือกับฝูงโดรน
    ระบบสามารถกำหนด “โซนปลอดภัย” ให้โดรนตกลงอย่างมีการควบคุม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อาวุธไมโครเวฟถูกใช้ในการรบตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แต่เพิ่งมีความแม่นยำสูงในยุคปัจจุบัน
    Gallium Nitride เป็นวัสดุที่ใช้ในอุปกรณ์พลังงานสูง เช่น เรดาร์และอาวุธพลังงานตรง
    การโจมตีแบบฝูงโดรนเป็นภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้นในสงครามยูเครนและตะวันออกกลาง
    Leonidas สามารถใช้ในยุทธศาสตร์ “no-fly zone” โดยไม่ต้องยิงกระสุนจริง
    ระบบสามารถติดตั้งบนรถบรรทุกหรือฐานยิงเคลื่อนที่ได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/high-power-microwave-system-downs-49-drones-in-one-shot-weaponized-electromagnetic-interference-erases-drone-swarms-en-masse
    ⚡ “Leonidas: อาวุธไมโครเวฟพลังสูงที่ล้มโดรน 49 ลำในครั้งเดียว — จุดเปลี่ยนของสงครามยุคฝูงบินอัตโนมัติ” ในยุคที่โดรนกลายเป็นอาวุธหลักของสงครามแบบอสมมาตร ระบบป้องกันที่สามารถรับมือกับฝูงบินจำนวนมากได้ในทันทีจึงเป็นสิ่งจำเป็น และนั่นคือสิ่งที่ “Leonidas” จากบริษัท Epirus ได้แสดงให้เห็นในการสาธิตยิงจริงที่ Camp Atterbury รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025 Leonidas เป็นอาวุธไมโครเวฟพลังสูง (High-Power Microwave: HPM) ที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการรบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์ของโดรน ทำให้หยุดทำงานทันที โดยในการสาธิตครั้งล่าสุด Leonidas สามารถล้มโดรนได้ถึง 61 ลำจาก 61 ลำที่ปล่อยขึ้นฟ้า และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถล้มโดรน 49 ลำได้ใน “การยิงเพียงครั้งเดียว” ด้วยคลื่นไมโครเวฟที่ออกแบบมาเฉพาะ ระบบนี้สามารถเลือกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ยิงโดรนที่ถูกเลือกโดยผู้ชมโดยไม่กระทบโดรนที่อยู่ใกล้เคียง หรือแม้แต่ยิงให้โดรนตกลงใน “โซนปลอดภัย” ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยการควบคุมผ่านซอฟต์แวร์ที่กำหนด waveform ได้ตามสถานการณ์ Leonidas รุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแรกถึงสองเท่า ทั้งในด้านระยะยิงและความรุนแรง โดยใช้เทคโนโลยี Gallium Nitride (GaN) แทนหลอดแม่เหล็กแบบเดิม ทำให้ระบบมีขนาดเล็กลง ทนทานขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง การสาธิตครั้งนี้มีผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หน่วยงานรัฐบาล และพันธมิตรจาก 9 ประเทศเข้าร่วมชม และถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ Epirus มองว่า Leonidas คือระบบเดียวที่พร้อมใช้งานจริงในการรับมือกับฝูงโดรนจำนวนมากในสนามรบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Leonidas เป็นอาวุธไมโครเวฟพลังสูงที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการหยุดโดรน ➡️ ในการสาธิตล่าสุด Leonidas ล้มโดรนได้ 61 ลำจาก 61 ลำ และ 49 ลำในครั้งเดียว ➡️ ระบบสามารถเลือกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ➡️ ใช้เทคโนโลยี Gallium Nitride (GaN) แทนหลอดแม่เหล็กแบบเดิม ➡️ รุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแรกถึงสองเท่า ➡️ สามารถยิงต่อเนื่องโดยไม่ร้อนเกิน และไม่กระทบต่อมนุษย์ในพื้นที่ยิง ➡️ การสาธิตมีผู้แทนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร 9 ประเทศเข้าร่วม ➡️ Epirus มองว่า Leonidas คือระบบเดียวที่พร้อมใช้งานจริงในการรับมือกับฝูงโดรน ➡️ ระบบสามารถกำหนด “โซนปลอดภัย” ให้โดรนตกลงอย่างมีการควบคุม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อาวุธไมโครเวฟถูกใช้ในการรบตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แต่เพิ่งมีความแม่นยำสูงในยุคปัจจุบัน ➡️ Gallium Nitride เป็นวัสดุที่ใช้ในอุปกรณ์พลังงานสูง เช่น เรดาร์และอาวุธพลังงานตรง ➡️ การโจมตีแบบฝูงโดรนเป็นภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้นในสงครามยูเครนและตะวันออกกลาง ➡️ Leonidas สามารถใช้ในยุทธศาสตร์ “no-fly zone” โดยไม่ต้องยิงกระสุนจริง ➡️ ระบบสามารถติดตั้งบนรถบรรทุกหรือฐานยิงเคลื่อนที่ได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/high-power-microwave-system-downs-49-drones-in-one-shot-weaponized-electromagnetic-interference-erases-drone-swarms-en-masse
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    High-power microwave system downs 49 drones in one shot – weaponized electromagnetic interference erases drone swarms en masse
    The Epirus Leonidas weapon ‘neutralized 61-of-61 drones’ during a recent live fire trial in Indiana.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้น่าห่วง ทั่วโลกกำลัง “ตุนโดรน” สิ่งนี้อาจต้องเกิด [18/8/68]
    Worrying sign: The world is stockpiling drones — this might soon become inevitable.

    #TruthFromThailand
    #DroneWarfare
    #GlobalSecurity
    #ตุนโดรน
    #สงครามอนาคต
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    ข่าวนี้น่าห่วง ทั่วโลกกำลัง “ตุนโดรน” สิ่งนี้อาจต้องเกิด [18/8/68] Worrying sign: The world is stockpiling drones — this might soon become inevitable. #TruthFromThailand #DroneWarfare #GlobalSecurity #ตุนโดรน #สงครามอนาคต #ThaiTimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพเปิดเบื้องหลัง เขมรก็อยากได้ “โดรน” มาก! [18/8/68]
    Panthip reveals the truth: Cambodia is desperate to get drones!

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaExposed
    #DroneWar
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    อ.ปานเทพเปิดเบื้องหลัง เขมรก็อยากได้ “โดรน” มาก! [18/8/68] Panthip reveals the truth: Cambodia is desperate to get drones! #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaExposed #DroneWar #ThaiTimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บังเอิญเกินไปมั๊ย โดรนเขมรเป็นห่ายุง หลังสหรัฐจับมือเขมร (3/8/68)
    Too much of a coincidence? Cambodian drones swarm like mosquitoes after U.S. teams up with Cambodia.

    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #กัมพูชายิงก่อน
    #โดรนเขมร #สงครามไซเบอร์
    #Thaitimes #News1 #Shorts
    บังเอิญเกินไปมั๊ย โดรนเขมรเป็นห่ายุง หลังสหรัฐจับมือเขมร (3/8/68) Too much of a coincidence? Cambodian drones swarm like mosquitoes after U.S. teams up with Cambodia. #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #กัมพูชายิงก่อน #โดรนเขมร #สงครามไซเบอร์ #Thaitimes #News1 #Shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!!
    (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68]

    #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!! (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68] #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ดูด่วน! ภาค 2 แถลงสื่อสารถึงคนไทย ขอความร่วมมือจับตาโดรนสายลับต่างชาติ
    (Urgent: Thai 2nd Army urges public to watch for foreign spy drones.) [30/7/68]

    #ภาค2แถลงแล้ว #จับตาโดรนสายลับ #เตือนภัยความมั่นคง #SpyDroneAlert #เฝ้าระวังชายแดน #สื่อสารถึงประชาชน #ThaiArmyWarning #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง

    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ดูด่วน! ภาค 2 แถลงสื่อสารถึงคนไทย ขอความร่วมมือจับตาโดรนสายลับต่างชาติ (Urgent: Thai 2nd Army urges public to watch for foreign spy drones.) [30/7/68] #ภาค2แถลงแล้ว #จับตาโดรนสายลับ #เตือนภัยความมั่นคง #SpyDroneAlert #เฝ้าระวังชายแดน #สื่อสารถึงประชาชน #ThaiArmyWarning #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • DJI Air 3S Drones กล้องหลักขนาด 1 นิ้ว CMOS กล้อง Medium Tele ระยะ 70 มม. มีช่วงไดนามิกสูงสุด 14 สต็อป
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.y34wb?cc
    DJI Air 3S Drones กล้องหลักขนาด 1 นิ้ว CMOS กล้อง Medium Tele ระยะ 70 มม. มีช่วงไดนามิกสูงสุด 14 สต็อป พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.y34wb?cc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่รู้ของคุณคือพลังของพวกเขา

    ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ซุปเปอร์สตาร์" ในฮอลลีวูดและกีฬา เช่น โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมาย ขายวิญญาณเพื่อเงิน และชื่อเสียง!!!

    โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมายไม่ใช่! ต้นฉบับอีกต่อไป พวกเขาโดนหลอก/ถูกหลอก
    --->>>
    สังคม VRIL - BLACK EYE CLUB

    และอีกอย่าง:
    อาร์เจนตินาเป็นศูนย์กลางหลักของพวกนาซีที่หลบหนีไปยังอาร์เจนตินาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

    พื้นที่หลัก - ปาตาโกเนีย

    คุณไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่อิงจากความปรารถนาและความคิดเห็นได้

    ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง - จบ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม..

    นี่คือข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ขายวิญญาณของตน

    @EXPOSEthePEDOSendOfTheCABAL
    หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ
    @DUMBSandUNDERGROUND
    -->>>
    https://rumble.com/v1yiwl4-vril-vril-types-drones-reptos-lizzards-black-eye-club.html
    ความไม่รู้ของคุณคือพลังของพวกเขา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ซุปเปอร์สตาร์" ในฮอลลีวูดและกีฬา เช่น โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมาย ขายวิญญาณเพื่อเงิน 💰 และชื่อเสียง!!! โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมายไม่ใช่! ต้นฉบับอีกต่อไป พวกเขาโดนหลอก/ถูกหลอก --->>> สังคม VRIL - BLACK EYE CLUB และอีกอย่าง: อาร์เจนตินาเป็นศูนย์กลางหลักของพวกนาซีที่หลบหนีไปยังอาร์เจนตินาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พื้นที่หลัก - ปาตาโกเนีย คุณไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่อิงจากความปรารถนาและความคิดเห็นได้ ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง - จบ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม.. นี่คือข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ขายวิญญาณของตน @EXPOSEthePEDOSendOfTheCABAL หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ @DUMBSandUNDERGROUND -->>> https://rumble.com/v1yiwl4-vril-vril-types-drones-reptos-lizzards-black-eye-club.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • งาน Auto Shanghai 2025 ได้เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยมีการจัดแสดงรถยนต์ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ เบาะนวด และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ รวมถึงการเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชม

    งานนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน มากกว่าการเน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว

    นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
    - รถยนต์ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และเบาะนวด
    - การเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจ

    การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
    - ลดความสำคัญของสมรรถนะเครื่องยนต์

    การจัดแสดงและผู้เข้าร่วมงาน
    - มีผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์เข้าร่วมงานหลายร้อยราย
    - การจัดแสดงรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย

    เป้าหมายของงาน
    - นำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/screens-drones-massages-shanghai-flaunts-the-future-of-cars
    งาน Auto Shanghai 2025 ได้เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยมีการจัดแสดงรถยนต์ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ เบาะนวด และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ รวมถึงการเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชม งานนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน มากกว่าการเน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว ✅ นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต - รถยนต์ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และเบาะนวด - การเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจ ✅ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน - ลดความสำคัญของสมรรถนะเครื่องยนต์ ✅ การจัดแสดงและผู้เข้าร่วมงาน - มีผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์เข้าร่วมงานหลายร้อยราย - การจัดแสดงรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ เป้าหมายของงาน - นำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/screens-drones-massages-shanghai-flaunts-the-future-of-cars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Screens, drones, massages: Shanghai flaunts the future of cars
    At the huge Auto Shanghai industry show this week, the chatter was less about powerful engines and more about cutting-edge technology and passenger comfort.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงกฎหมายใหม่ที่รัฐฟลอริดากำลังพิจารณา ซึ่งจะอนุญาตให้เจ้าของบ้านสามารถใช้ "กำลังที่เหมาะสม" เพื่อป้องกันโดรนที่บินต่ำกว่า 500 ฟุตเหนือทรัพย์สินของพวกเขา โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้อาจขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ระบุว่าโดรนถือเป็นอากาศยาน และการยิงโดรนอาจนำไปสู่โทษจำคุก 20 ปีหรือปรับสูงถึง 250,000 ดอลลาร์

    ในข่าวยังมีการพูดถึงกรณีที่ชายวัย 72 ปีในฟลอริดาถูกจับกุมหลังจากยิงโดรนส่งของของ Walmart โดยเขาเชื่อว่าโดรนกำลังสอดแนมเขา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างกฎหมายของรัฐและรัฐบาลกลาง

    รัฐฟลอริดากำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าของบ้านใช้กำลังป้องกันโดรนที่บินต่ำกว่า 500 ฟุตเหนือทรัพย์สิน

    กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    การยิงโดรนอาจขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ระบุว่าโดรนถือเป็นอากาศยาน

    ชายวัย 72 ปีในฟลอริดาถูกจับกุมหลังจากยิงโดรนส่งของ Walmart

    https://www.techspot.com/news/107654-florida-could-soon-homeowners-shoot-down-drones-over.html
    ข่าวนี้พูดถึงกฎหมายใหม่ที่รัฐฟลอริดากำลังพิจารณา ซึ่งจะอนุญาตให้เจ้าของบ้านสามารถใช้ "กำลังที่เหมาะสม" เพื่อป้องกันโดรนที่บินต่ำกว่า 500 ฟุตเหนือทรัพย์สินของพวกเขา โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้อาจขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ระบุว่าโดรนถือเป็นอากาศยาน และการยิงโดรนอาจนำไปสู่โทษจำคุก 20 ปีหรือปรับสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ ในข่าวยังมีการพูดถึงกรณีที่ชายวัย 72 ปีในฟลอริดาถูกจับกุมหลังจากยิงโดรนส่งของของ Walmart โดยเขาเชื่อว่าโดรนกำลังสอดแนมเขา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างกฎหมายของรัฐและรัฐบาลกลาง ✅ รัฐฟลอริดากำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าของบ้านใช้กำลังป้องกันโดรนที่บินต่ำกว่า 500 ฟุตเหนือทรัพย์สิน ✅ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน ✅ การยิงโดรนอาจขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ระบุว่าโดรนถือเป็นอากาศยาน ✅ ชายวัย 72 ปีในฟลอริดาถูกจับกุมหลังจากยิงโดรนส่งของ Walmart https://www.techspot.com/news/107654-florida-could-soon-homeowners-shoot-down-drones-over.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Florida could soon let homeowners shoot down drones over their property
    Bill SB1422, which is currently making its way through the Florida Senate, seeks to expand the definition of no-fly-zone restrictions on unmanned aircraft systems. These areas currently...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘Vaporize’ drones in milliseconds — Epilus claim next-gen ‘Leonidas’ tech, powered by Palantir Warp Speed OS, will take out drones without ammunition

    #Drones
    ‘Vaporize’ drones in milliseconds — Epilus claim next-gen ‘Leonidas’ tech, powered by Palantir Warp Speed OS, will take out drones without ammunition #Drones
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือกำลังมุ่งหน้าพัฒนาอาวุธ AI อย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้ทดลองโดรนจู่โจมอัตโนมัติและเปิดตัวเครื่องบิน AEW รุ่นใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการป้องกันทางอากาศ ความร่วมมือกับรัสเซียยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาวุธเหล่านี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะก้าวทันเทคโนโลยีทางทหารในระดับโลก

    การเปิดตัวอากาศยานแจ้งเตือนล่วงหน้า (AEW):
    - เกาหลีเหนือเปิดเผยเครื่องบิน AEW รุ่นแรกที่ปรับปรุงจาก Il-76 ของรัสเซีย ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันอากาศในพื้นที่ภูมิประเทศที่ยากลำบาก.

    ความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซีย:
    - รัสเซียให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการส่งมอบขีปนาวุธและอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศ เพื่อแลกกับการที่เกาหลีเหนือสนับสนุนการส่งกองกำลังเข้าร่วมในสงครามยูเครน.

    ประสบการณ์ในสนามรบ:
    - กองกำลังเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปสนับสนุนรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการใช้โดรนในสนามรบ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนาอาวุธในอนาคต.

    การพัฒนาเทคโนโลยีสอดแนมและรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์:
    - คิมยังได้ตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่สำหรับการรวบรวมข้อมูล การสอดแนม และการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเสริมขีดความสามารถในสงครามสมัยใหม่.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/north-korea-leader-kim-jong-un-supervises-test-of-ai-suicide-drones
    เกาหลีเหนือกำลังมุ่งหน้าพัฒนาอาวุธ AI อย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้ทดลองโดรนจู่โจมอัตโนมัติและเปิดตัวเครื่องบิน AEW รุ่นใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการป้องกันทางอากาศ ความร่วมมือกับรัสเซียยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาวุธเหล่านี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะก้าวทันเทคโนโลยีทางทหารในระดับโลก การเปิดตัวอากาศยานแจ้งเตือนล่วงหน้า (AEW): - เกาหลีเหนือเปิดเผยเครื่องบิน AEW รุ่นแรกที่ปรับปรุงจาก Il-76 ของรัสเซีย ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันอากาศในพื้นที่ภูมิประเทศที่ยากลำบาก. ความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซีย: - รัสเซียให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการส่งมอบขีปนาวุธและอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศ เพื่อแลกกับการที่เกาหลีเหนือสนับสนุนการส่งกองกำลังเข้าร่วมในสงครามยูเครน. ประสบการณ์ในสนามรบ: - กองกำลังเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปสนับสนุนรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการใช้โดรนในสนามรบ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนาอาวุธในอนาคต. การพัฒนาเทคโนโลยีสอดแนมและรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์: - คิมยังได้ตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่สำหรับการรวบรวมข้อมูล การสอดแนม และการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเสริมขีดความสามารถในสงครามสมัยใหม่. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/north-korea-leader-kim-jong-un-supervises-test-of-ai-suicide-drones
    WWW.THESTAR.COM.MY
    North Korea leader Kim Jong Un touts AI suicide drones, early-warning aircraft
    SEOUL (Reuters) -North Korean leader Kim Jong Un supervised the test of suicide drones with artificial intelligence (AI) technology and said unmanned control and AI capability must be the top priorities in modern arms development, state media reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • การจราจรทางอากาศในอนาคตคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคการบิน บางแนวโน้มและความเป็นไปได้ในอนาคตของการจราจรทางอากาศ ได้แก่:

    1. **อากาศยานไร้คนขับ (Drones และ UAVs)**: การใช้โดรーンสำหรับการส่งสินค้าและการบริการอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเขตเมืองและพื้นที่ห่างไกล

    2. **อากาศยานไฟฟ้า (Electric Aircraft)**: การพัฒนาอากาศยานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดต้นทุนการดำเนินการ

    3. **ระบบการจัดการการจราจรทางอากาศอัตโนมัติ (Automated Air Traffic Management)**: การใช้ AI และ machine learning เพื่อจัดการการจราจรทางอากาศจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    4. **การบินส่วนบุคคล (Personal Air Vehicles)**: ยานพาหนะบินได้ส่วนบุคคลอาจกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่การจราจรทางบหนาแน่น

    5. **Hyperloop และเทคโนโลยีการขนส่งความเร็วสูง**: แม้ว่าจะไม่ใช่การบิน แต่เทคโนโลยีเช่น Hyperloop อาจเปลี่ยนโฉมการขนส่งทางไกลและมีผลต่อการจราจรทางอากาศ

    6. **การบินเชิงพาณิชย์ที่เร็วขึ้น**: การพัฒนาของเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง (Supersonic และ Hypersonic) อาจทำให้การเดินทางทางอากาศเร็วขึ้นมาก

    7. **ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว**: ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ความท้าทายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจะเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีมาตรการและกฎระเบียบใหม่ๆ

    8. **การบินในอวกาศ (Space Travel)**: การท่องเที่ยวอวกาศและการขนส่งระหว่างดาวเคราะห์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตอันไกล

    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนากฎระเบียบที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบการจราจรทางอากาศในอนาคต
    การจราจรทางอากาศในอนาคตคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคการบิน บางแนวโน้มและความเป็นไปได้ในอนาคตของการจราจรทางอากาศ ได้แก่: 1. **อากาศยานไร้คนขับ (Drones และ UAVs)**: การใช้โดรーンสำหรับการส่งสินค้าและการบริการอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเขตเมืองและพื้นที่ห่างไกล 2. **อากาศยานไฟฟ้า (Electric Aircraft)**: การพัฒนาอากาศยานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดต้นทุนการดำเนินการ 3. **ระบบการจัดการการจราจรทางอากาศอัตโนมัติ (Automated Air Traffic Management)**: การใช้ AI และ machine learning เพื่อจัดการการจราจรทางอากาศจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย 4. **การบินส่วนบุคคล (Personal Air Vehicles)**: ยานพาหนะบินได้ส่วนบุคคลอาจกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่การจราจรทางบหนาแน่น 5. **Hyperloop และเทคโนโลยีการขนส่งความเร็วสูง**: แม้ว่าจะไม่ใช่การบิน แต่เทคโนโลยีเช่น Hyperloop อาจเปลี่ยนโฉมการขนส่งทางไกลและมีผลต่อการจราจรทางอากาศ 6. **การบินเชิงพาณิชย์ที่เร็วขึ้น**: การพัฒนาของเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง (Supersonic และ Hypersonic) อาจทำให้การเดินทางทางอากาศเร็วขึ้นมาก 7. **ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว**: ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ความท้าทายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจะเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีมาตรการและกฎระเบียบใหม่ๆ 8. **การบินในอวกาศ (Space Travel)**: การท่องเที่ยวอวกาศและการขนส่งระหว่างดาวเคราะห์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตอันไกล การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนากฎระเบียบที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบการจราจรทางอากาศในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • NATO ได้เริ่มปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation Baltic Sentry" เพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำที่ใช้ในการส่งพลังงานและการสื่อสารในทะเลบอลติกจากการก่อวินาศกรรม โดยพวกเขาได้ใช้เรือผิวน้ำไร้คนขับ (USVs) หรือที่เรียกว่า "เรือโดรน" เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ในพื้นที่นี้

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์หลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่มีเรือที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อเรือที่มีธงชาติจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลสื่อสารสองสายที่เชื่อมต่อฟินแลนด์และสวีเดนกับยุโรปกลาง และเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เมื่อเรืออีกลำหนึ่งตัดสายเคเบิลพลังงานและสายเคเบิลสื่อสารบางส่วนระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนีย

    นอกจากนี้ ไต้หวันก็เพิ่มการเฝ้าระวังเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำของตนเอง หลังจากที่มีเรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้น้ำที่เชื่อมต่อประเทศกับชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

    การใช้เรือโดรนนี้จะช่วยให้ NATO สามารถตรวจจับและป้องกันการก่อวินาศกรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยเรือโดรนเหล่านี้จะมีเซ็นเซอร์หลายชนิด รวมถึงเซ็นเซอร์ภาพและเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า และข้อมูลที่ได้จะถูกแบ่งปันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    https://www.tomshardware.com/networking/nato-deploys-sea-drones-to-safeguard-undersea-cable-infrastructure
    NATO ได้เริ่มปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation Baltic Sentry" เพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำที่ใช้ในการส่งพลังงานและการสื่อสารในทะเลบอลติกจากการก่อวินาศกรรม โดยพวกเขาได้ใช้เรือผิวน้ำไร้คนขับ (USVs) หรือที่เรียกว่า "เรือโดรน" เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ในพื้นที่นี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์หลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่มีเรือที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อเรือที่มีธงชาติจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลสื่อสารสองสายที่เชื่อมต่อฟินแลนด์และสวีเดนกับยุโรปกลาง และเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เมื่อเรืออีกลำหนึ่งตัดสายเคเบิลพลังงานและสายเคเบิลสื่อสารบางส่วนระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนีย นอกจากนี้ ไต้หวันก็เพิ่มการเฝ้าระวังเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำของตนเอง หลังจากที่มีเรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้น้ำที่เชื่อมต่อประเทศกับชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา การใช้เรือโดรนนี้จะช่วยให้ NATO สามารถตรวจจับและป้องกันการก่อวินาศกรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยเรือโดรนเหล่านี้จะมีเซ็นเซอร์หลายชนิด รวมถึงเซ็นเซอร์ภาพและเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า และข้อมูลที่ได้จะถูกแบ่งปันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง https://www.tomshardware.com/networking/nato-deploys-sea-drones-to-safeguard-undersea-cable-infrastructure
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    NATO deploys 'sea drones' to safeguard undersea cable infrastructure
    These drones would hopefully serve as a deterrent to undersea cable sabotage done by private vessels.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตความมั่นคงสหรัฐฯ! DJI ปลดล็อกโดรน 6 แสนลำ บินเสรีเหนือทำเนียบขาว-รัฐสภา หลังถูกกดดันแบนสินค้า

    ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ พุ่งสูงสุด หลัง DJI ผู้ผลิตโดรนยักษ์ใหญ่จากจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลก 90% ประกาศยกเลิกระบบกำหนดเขตห้ามบิน มีผล 13 มกราคม 2568

    ส่งผลให้โดรนกว่า 600,000 ลำสามารถบินเหนือพื้นที่หวงห้ามได้อย่างเสรี อาทิ ทำเนียบขาว รัฐสภา สนามบิน ฐานทัพ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และสถานที่ราชการสำคัญ

    การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเผชิญแรงกดดันหนักจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 ที่ห้ามกระทรวงกลาโหมซื้อโดรนจีน ตามด้วยการขึ้นบัญชี DJI เป็นบริษัททหารจีนในปี 2564 ล่าสุดถูกกล่าวหาใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิต นำไปสู่การระงับนำเข้า พร้อมกับการผ่านร่าง Countering CCP Drones Act ที่อาจนำไปสู่การแบนสินค้าโดยสิ้นเชิง

    ยิ่งไปกว่านั้น การยกเลิกระบบความปลอดภัยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุโดรน DJI Mini ชนเครื่องบินดับเพลิงที่ลอสแองเจลิส และในช่วงเวลาสำคัญก่อนพิธีสาบานตนประธานาธิบดี ด้าน DJI แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาว่าไร้มูลความจริงและสะท้อนอคติต่อชาวต่างชาติ


    https://www.imctnews.com/news_details-news-6184.html
    วิกฤตความมั่นคงสหรัฐฯ! DJI ปลดล็อกโดรน 6 แสนลำ บินเสรีเหนือทำเนียบขาว-รัฐสภา หลังถูกกดดันแบนสินค้า ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ พุ่งสูงสุด หลัง DJI ผู้ผลิตโดรนยักษ์ใหญ่จากจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลก 90% ประกาศยกเลิกระบบกำหนดเขตห้ามบิน มีผล 13 มกราคม 2568 ส่งผลให้โดรนกว่า 600,000 ลำสามารถบินเหนือพื้นที่หวงห้ามได้อย่างเสรี อาทิ ทำเนียบขาว รัฐสภา สนามบิน ฐานทัพ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และสถานที่ราชการสำคัญ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเผชิญแรงกดดันหนักจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 ที่ห้ามกระทรวงกลาโหมซื้อโดรนจีน ตามด้วยการขึ้นบัญชี DJI เป็นบริษัททหารจีนในปี 2564 ล่าสุดถูกกล่าวหาใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิต นำไปสู่การระงับนำเข้า พร้อมกับการผ่านร่าง Countering CCP Drones Act ที่อาจนำไปสู่การแบนสินค้าโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น การยกเลิกระบบความปลอดภัยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุโดรน DJI Mini ชนเครื่องบินดับเพลิงที่ลอสแองเจลิส และในช่วงเวลาสำคัญก่อนพิธีสาบานตนประธานาธิบดี ด้าน DJI แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาว่าไร้มูลความจริงและสะท้อนอคติต่อชาวต่างชาติ https://www.imctnews.com/news_details-news-6184.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'โดรนสอดแนม' จากจีน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งไม่สามารถอธิบายได้สร้างความหายนะให้กับสหรัฐอเมริกา, รายงานของ NYPost
    .
    JUST IN: 'Spy drones' from China are likely cause of unexplained aircraft wreaking havoc over the United States, NYPost reports.
    .
    6:01 AM · Dec 18, 2024 · 105.6K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1869156099863310491
    🇨🇳🇺🇸 'โดรนสอดแนม' จากจีน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งไม่สามารถอธิบายได้สร้างความหายนะให้กับสหรัฐอเมริกา, รายงานของ NYPost . JUST IN: 🇨🇳🇺🇸 'Spy drones' from China are likely cause of unexplained aircraft wreaking havoc over the United States, NYPost reports. . 6:01 AM · Dec 18, 2024 · 105.6K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1869156099863310491
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง!
    นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน
    "ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้
    .
    วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า
    .
    "ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' "
    .
    อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้
    .
    โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย
    .
    “ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย
    .
    สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู
    .
    การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง
    .
    ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ
    .
    นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว
    .
    อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก
    .
    สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น
    .
    .
    .
    เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam
    สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง! นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน "ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้ . วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า . "ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' " . อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้ . โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย . “ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย . สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู . การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง . ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ . นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว . อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก . สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น . . . เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam
    Like
    Wow
    9
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 807 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group Wนอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วยที่มา: https://www.reuters.com/world/china-slaps-sanctions-13-us-military-firms-over-taiwan-arms-sale-2024-12-05/
    กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group Wนอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วยที่มา: https://www.reuters.com/world/china-slaps-sanctions-13-us-military-firms-over-taiwan-arms-sale-2024-12-05/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญยูเครนฝึกอบรมผู้ก่อการร้ายซีเรีย ให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของรัสเซีย – อดีตทหาร

    ผู้ฝึกสอนชาวยูเครนกำลังสอนผู้ก่อการร้ายซีเรียให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของกองกำลังรัสเซียในเขตปลอดการสู้รบของ Idlib และส่วนอื่นๆของซีเรีย, ผู้ทรยศจากกลุ่มก่อการร้าย Hayat Tahrir al-Sham* กล่าวกับ Sputnik เมื่อวันพฤหัสบดี

    “หลังจากการฝึกอบรมสิ้นสุดลง, เราพบว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมมีสัญชาติยูเครน พวกเขากำลังเตรียมเยาวชนจากกลุ่มก่อการร้ายให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของกองกำลังรัสเซียใน Idlib และทั่วซีเรีย,” ผู้ทรยศซึ่งมีชื่อเล่นว่า Muhammad Al Idlibi กล่าว

    *Hayat Tahrir al-Sham เป็นองค์กรก่อการร้ายที่ผิดกฎหมายในรัสเซีย
    .
    UKRAINIAN EXPERTS TRAIN SYRIAN TERRORISTS TO USE DRONES ON RUSSIAN POSITIONS – EX-MILITANT

    Ukrainian instructors are teaching Syrian terrorists how to use kamikaze drones against the positions of Russian forces in the Idlib de-escalation zone and the rest of Syria, a renegade from the Hayat Tahrir al-Sham* terrorist group told Sputnik on Thursday.

    "After the training was over, we discovered that the experts present were of Ukrainian nationality. They were preparing young people from the ranks of militants to use kamikaze drones in attacks on the positions of Russian forces in Idlib and across Syria," said the renegade, who goes by the call sign Muhammad Al Idlibi.

    *Hayat Tahrir al-Sham is a terrorist organization outlawed in Russia.
    .
    Last edited 11:48 AM · Dec 5, 2024 · 3,937 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1864532172582916547
    🚨 ผู้เชี่ยวชาญยูเครนฝึกอบรมผู้ก่อการร้ายซีเรีย ให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของรัสเซีย – อดีตทหาร ผู้ฝึกสอนชาวยูเครนกำลังสอนผู้ก่อการร้ายซีเรียให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของกองกำลังรัสเซียในเขตปลอดการสู้รบของ Idlib และส่วนอื่นๆของซีเรีย, ผู้ทรยศจากกลุ่มก่อการร้าย Hayat Tahrir al-Sham* กล่าวกับ Sputnik เมื่อวันพฤหัสบดี “หลังจากการฝึกอบรมสิ้นสุดลง, เราพบว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมมีสัญชาติยูเครน พวกเขากำลังเตรียมเยาวชนจากกลุ่มก่อการร้ายให้ใช้โดรนโจมตีตำแหน่งของกองกำลังรัสเซียใน Idlib และทั่วซีเรีย,” ผู้ทรยศซึ่งมีชื่อเล่นว่า Muhammad Al Idlibi กล่าว *Hayat Tahrir al-Sham เป็นองค์กรก่อการร้ายที่ผิดกฎหมายในรัสเซีย . 🚨 UKRAINIAN EXPERTS TRAIN SYRIAN TERRORISTS TO USE DRONES ON RUSSIAN POSITIONS – EX-MILITANT Ukrainian instructors are teaching Syrian terrorists how to use kamikaze drones against the positions of Russian forces in the Idlib de-escalation zone and the rest of Syria, a renegade from the Hayat Tahrir al-Sham* terrorist group told Sputnik on Thursday. "After the training was over, we discovered that the experts present were of Ukrainian nationality. They were preparing young people from the ranks of militants to use kamikaze drones in attacks on the positions of Russian forces in Idlib and across Syria," said the renegade, who goes by the call sign Muhammad Al Idlibi. *Hayat Tahrir al-Sham is a terrorist organization outlawed in Russia. . Last edited 11:48 AM · Dec 5, 2024 · 3,937 Views https://x.com/SputnikInt/status/1864532172582916547
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts