• ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด!

    ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090

    งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น!

    ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025  
    • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)  
    • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D  
    • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral

    แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025  
    • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070  
    • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่  
    • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

    วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม

    มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด! ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090 งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น! ✅ ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025   • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)   • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D   • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral ✅ แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025   • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070   • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่   • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ✅ วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม ✅ มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • นักวิเคราะห์พบเบาะแสของชิป 7 ตัวนี้ในโค้ด iOS 18 รุ่นทดสอบ (internal build) ที่หลุดออกมาทาง Bilibili แล้วถูกถอดรหัสบน YouTube → เป็นครั้งแรกที่เห็นชื่อรหัส–เลข CPID และ “หน้าที่ของแต่ละชิป” พร้อมกันแบบนี้

    แต่ที่น่าสนใจคือ… Apple ไม่ได้แค่เตรียม A19 สำหรับ iPhone 17 → แต่ยังซุ่มทำ A19 Pro, ชิป M5 สำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่, ชิป Bora สำหรับ Apple Watch, ชิป Proxima ที่รวม Wi-Fi + Bluetooth ไว้ในตัวเดียว และแม้แต่ โมเด็ม 5G C2 รุ่นใหม่ของตัวเอง เพื่อปลดพันธนาการจาก Qualcomm ด้วย

    A19 (Codename: Tilos)  
    • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Air (หรือรุ่นพื้นฐานของซีรีส์ iPhone 17)

    A19 Pro (Codename: Thera / CPID T8150)  
    • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Pro และ Pro Max  
    • อาจมาพร้อม Neural Engine และ ISP ที่รองรับ AI และการประมวลผลภาพถ่ายขั้นสูง

    M5 / M5 Pro (Codename: Hidra / Sotra)  
    • ใช้กับ MacBook Pro รุ่นใหม่ (14 และ 16 นิ้ว)  
    • คาดว่าจะเปิดตัวหลัง iPhone 17 ไม่นาน

    Bora (CPID T8320)  
    • อิงจาก A18 → ใช้กับ Apple Watch Series 11  
    • อาจเพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพ–อัลกอริธึมที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

    Proxima (Wi-Fi + Bluetooth integration)  
    • เป็นชิปที่รวม Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันเป็น SoC  
    • ช่วยลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น AirPods หรือ Vision Pro รุ่นถัดไป

    C2 Modem (5G)  
    • เป็นโมเด็ม 5G ที่ Apple พัฒนาเอง (รุ่นที่ 2 ต่อจาก C1)  
    • คาดว่าจะใช้ใน iPhone 17e ปีหน้า แทนที่โมเด็มจาก Qualcomm

    https://wccftech.com/apple-working-on-seven-different-custom-chipsets-reveals-early-ios-18-code/
    นักวิเคราะห์พบเบาะแสของชิป 7 ตัวนี้ในโค้ด iOS 18 รุ่นทดสอบ (internal build) ที่หลุดออกมาทาง Bilibili แล้วถูกถอดรหัสบน YouTube → เป็นครั้งแรกที่เห็นชื่อรหัส–เลข CPID และ “หน้าที่ของแต่ละชิป” พร้อมกันแบบนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ… Apple ไม่ได้แค่เตรียม A19 สำหรับ iPhone 17 → แต่ยังซุ่มทำ A19 Pro, ชิป M5 สำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่, ชิป Bora สำหรับ Apple Watch, ชิป Proxima ที่รวม Wi-Fi + Bluetooth ไว้ในตัวเดียว และแม้แต่ โมเด็ม 5G C2 รุ่นใหม่ของตัวเอง เพื่อปลดพันธนาการจาก Qualcomm ด้วย ✅ A19 (Codename: Tilos)   • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Air (หรือรุ่นพื้นฐานของซีรีส์ iPhone 17) ✅ A19 Pro (Codename: Thera / CPID T8150)   • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Pro และ Pro Max   • อาจมาพร้อม Neural Engine และ ISP ที่รองรับ AI และการประมวลผลภาพถ่ายขั้นสูง ✅ M5 / M5 Pro (Codename: Hidra / Sotra)   • ใช้กับ MacBook Pro รุ่นใหม่ (14 และ 16 นิ้ว)   • คาดว่าจะเปิดตัวหลัง iPhone 17 ไม่นาน ✅ Bora (CPID T8320)   • อิงจาก A18 → ใช้กับ Apple Watch Series 11   • อาจเพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพ–อัลกอริธึมที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ✅ Proxima (Wi-Fi + Bluetooth integration)   • เป็นชิปที่รวม Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันเป็น SoC   • ช่วยลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น AirPods หรือ Vision Pro รุ่นถัดไป ✅ C2 Modem (5G)   • เป็นโมเด็ม 5G ที่ Apple พัฒนาเอง (รุ่นที่ 2 ต่อจาก C1)   • คาดว่าจะใช้ใน iPhone 17e ปีหน้า แทนที่โมเด็มจาก Qualcomm https://wccftech.com/apple-working-on-seven-different-custom-chipsets-reveals-early-ios-18-code/
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเคยใช้ Excel เพื่อดึงข้อมูลจาก database หรือไฟล์นอก เช่น SQL, JSON, Web API ฯลฯ คุณจะรู้ว่า…เมนู Get Data เดิม “ซ้อนลึก–คลิกเยอะ–งงนิดๆ”

    ตอนนี้ Microsoft แก้ให้แล้ว! → ด้วยหน้าต่างใหม่ของ “Get Data (Preview)” ที่เปลี่ยนหน้าตาให้เหมือน Portal สมัยใหม่ → มีหน้าหลักแนะนำแหล่งข้อมูลยอดนิยม → มีปุ่ม “New” ให้คลิกดูรายการทั้งหมดในแถบด้านซ้าย → มีปุ่ม “OneLake” เพื่อเข้าถึงข้อมูลบนแพลตฟอร์ม Fabric โดยตรง (รองรับ Lakehouse & Warehouse แล้ว) → และที่เด็ดสุด: มี ช่องค้นหา แหล่งข้อมูล! ไม่ต้องไถเมนูยิก ๆ อีกต่อไป

    ทั้งหมดนี้มีใน Beta Channel Version 2505 (Build 18829.20000) เป็นต้นไป → หมายความว่าคนที่ลง Excel Preview แบบ Beta จะเห็นก่อน


    https://www.neowin.net/news/excel-for-windows-is-making-it-much-easier-to-fetch-data-from-external-sources/
    ถ้าคุณเคยใช้ Excel เพื่อดึงข้อมูลจาก database หรือไฟล์นอก เช่น SQL, JSON, Web API ฯลฯ คุณจะรู้ว่า…เมนู Get Data เดิม “ซ้อนลึก–คลิกเยอะ–งงนิดๆ” ตอนนี้ Microsoft แก้ให้แล้ว! → ด้วยหน้าต่างใหม่ของ “Get Data (Preview)” ที่เปลี่ยนหน้าตาให้เหมือน Portal สมัยใหม่ → มีหน้าหลักแนะนำแหล่งข้อมูลยอดนิยม → มีปุ่ม “New” ให้คลิกดูรายการทั้งหมดในแถบด้านซ้าย → มีปุ่ม “OneLake” เพื่อเข้าถึงข้อมูลบนแพลตฟอร์ม Fabric โดยตรง (รองรับ Lakehouse & Warehouse แล้ว) → และที่เด็ดสุด: มี ช่องค้นหา แหล่งข้อมูล! ไม่ต้องไถเมนูยิก ๆ อีกต่อไป ทั้งหมดนี้มีใน Beta Channel Version 2505 (Build 18829.20000) เป็นต้นไป → หมายความว่าคนที่ลง Excel Preview แบบ Beta จะเห็นก่อน https://www.neowin.net/news/excel-for-windows-is-making-it-much-easier-to-fetch-data-from-external-sources/
    WWW.NEOWIN.NET
    Excel for Windows is making it much easier to fetch data from external sources
    Microsoft is working on a revamped Get Data dialog box, enabling customers to find the external data source that they need much quicker.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปล่อยแพตช์ประจำเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 (KB5062553), 23H2 และ 22H2 (KB5062552) → แก้ปัญหาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่อัปเดตนี้ยังรวมการแก้บั๊กจากเดือนก่อนที่หลายคนบ่นกันไว้แล้วด้วย! → เช่น ปัญหาเวลาเล่นเกม “เต็มจอ” แล้วกด ALT+Tab ไปโปรแกรมอื่น แล้วกลับมาเกมจะหลุดตำแหน่งเมาส์ → หรือเสียงพวก Volume Change, Sign-in, Notification ไม่ดัง → แถมยังมีบั๊กเล็ก ๆ ในระบบ Firewall ที่ Event Viewer แจ้ง “Config Read Failed” อยู่เป็นระยะ ก็ถูกแก้แล้วเหมือนกัน

    ที่พิเศษคือ Microsoft ยังอัปเดต ส่วน AI เบื้องหลัง เช่น Image Search, Content Extraction, Semantic Analysis → นี่คือส่วนที่ทำให้ Copilot ใช้ข้อมูลภาพและข้อความได้ฉลาดขึ้น → ถึงจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะดีขึ้น (เหมือนเปลี่ยนสมองให้ Windows แบบเงียบ ๆ เลยล่ะ)

    อัปเดตสำคัญจาก Patch Tuesday กรกฎาคม 2025:
    อัปเดต KB5062553 สำหรับ Windows 11 24H2 → Build 26100.4652  
    • แก้บั๊กเกม full screen สลับ ALT+Tab แล้วเมาส์หลุดตำแหน่ง  
    • แก้บั๊กเสียง Notification และเสียงระบบ  
    • แก้บั๊ก Event 2042 “Config Read Failed” ของ Firewall ใน Event Viewer  
    • อัปเดตส่วน AI:
      – Image Search: v1.2506.707.0
      – Content Extraction: v1.2506.707.0
      – Semantic Analysis: v1.2506.707.0

    อัปเดต KB5062552 สำหรับ Windows 11 23H2/22H2 → Build 22631.5624 / 22621.5624  
    • แก้ปัญหาจอดำตอนเสียบ/ถอดจอ (เฉพาะผู้ใช้บางรายจาก KB5060826)  
    • แก้ไขและปรับปรุงคุณภาพโดยรวม  
    • ใช้ EKB KB5027397 หากต้องการอัปเดตจาก 22H2 → 23H2

    อัปเดต Servicing Stack (SSU) เพื่อให้ระบบอัปเดตได้ลื่นไหล:  
    • 24H2: SSU KB5063666 (build 26100.4651)  
    • 23H2/22H2: SSU KB5063707 (build 22631.5619)

    ไม่มี Known issues ที่ประกาศในตอนนี้ — คาดว่าเสถียรมากขึ้นจากรอบก่อน

    https://www.neowin.net/news/windows-11-kb5062553-kb5062552-july-2025-patch-tuesday-out/
    Microsoft ปล่อยแพตช์ประจำเดือนกรกฎาคม 2025 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 (KB5062553), 23H2 และ 22H2 (KB5062552) → แก้ปัญหาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่อัปเดตนี้ยังรวมการแก้บั๊กจากเดือนก่อนที่หลายคนบ่นกันไว้แล้วด้วย! → เช่น ปัญหาเวลาเล่นเกม “เต็มจอ” แล้วกด ALT+Tab ไปโปรแกรมอื่น แล้วกลับมาเกมจะหลุดตำแหน่งเมาส์ → หรือเสียงพวก Volume Change, Sign-in, Notification ไม่ดัง → แถมยังมีบั๊กเล็ก ๆ ในระบบ Firewall ที่ Event Viewer แจ้ง “Config Read Failed” อยู่เป็นระยะ ก็ถูกแก้แล้วเหมือนกัน ที่พิเศษคือ Microsoft ยังอัปเดต ส่วน AI เบื้องหลัง เช่น Image Search, Content Extraction, Semantic Analysis → นี่คือส่วนที่ทำให้ Copilot ใช้ข้อมูลภาพและข้อความได้ฉลาดขึ้น → ถึงจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะดีขึ้น (เหมือนเปลี่ยนสมองให้ Windows แบบเงียบ ๆ เลยล่ะ) ☸️ อัปเดตสำคัญจาก Patch Tuesday กรกฎาคม 2025: ✅ อัปเดต KB5062553 สำหรับ Windows 11 24H2 → Build 26100.4652   • แก้บั๊กเกม full screen สลับ ALT+Tab แล้วเมาส์หลุดตำแหน่ง   • แก้บั๊กเสียง Notification และเสียงระบบ   • แก้บั๊ก Event 2042 “Config Read Failed” ของ Firewall ใน Event Viewer   • อัปเดตส่วน AI:   – Image Search: v1.2506.707.0   – Content Extraction: v1.2506.707.0   – Semantic Analysis: v1.2506.707.0 ✅ อัปเดต KB5062552 สำหรับ Windows 11 23H2/22H2 → Build 22631.5624 / 22621.5624   • แก้ปัญหาจอดำตอนเสียบ/ถอดจอ (เฉพาะผู้ใช้บางรายจาก KB5060826)   • แก้ไขและปรับปรุงคุณภาพโดยรวม   • ใช้ EKB KB5027397 หากต้องการอัปเดตจาก 22H2 → 23H2 ✅ อัปเดต Servicing Stack (SSU) เพื่อให้ระบบอัปเดตได้ลื่นไหล:   • 24H2: SSU KB5063666 (build 26100.4651)   • 23H2/22H2: SSU KB5063707 (build 22631.5619) ✅ ไม่มี Known issues ที่ประกาศในตอนนี้ — คาดว่าเสถียรมากขึ้นจากรอบก่อน https://www.neowin.net/news/windows-11-kb5062553-kb5062552-july-2025-patch-tuesday-out/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 (KB5062553, KB5062552) July 2025 Patch Tuesday out
    Microsoft has released Patch Tuesday updates for Windows 11 (KB5062553, KB5062552) for July 2025. Here's what's included.
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว:

    - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย
    - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา

    ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม

    Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace  
    • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก  
    • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก

    ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย  
    • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา  
    • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น

    ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:  
    • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม  
    • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix  
    • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย

    ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ  
    • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”  
    • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น”

    อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ  
    • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto

    https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว: - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม ✅ Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace   • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก   • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก ✅ ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย   • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา   • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น ✅ ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:   • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม   • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix   • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย ✅ ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ   • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”   • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น” ✅ อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ   • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    WWW.TECHRADAR.COM
    Alibaba and Wix join forces, promise great things for SMBs
    New partnership fuses the wholesale ecosystem with website building
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • รู้ไหมครับว่า PowerShell 2.0 คือเวอร์ชันดั้งเดิมที่อยู่คู่ Windows มาตั้งแต่ยุค Windows 7? แต่มันก็เก่ามากแล้วและ ไม่ปลอดภัยสำหรับยุคใหม่ → Microsoft เลยถอดออกจาก Build ล่าสุดของ Windows 11 → นี่คือสัญญาณชัดว่า ผู้ใช้และองค์กรควรเปลี่ยนไปใช้ PowerShell 5.x หรือ PowerShell Core/7 ขึ้นไป แทนโดยด่วน

    ใน Build 27891 ยังมีการปรับปรุง Store เวอร์ชันใหม่ (22406) ที่ให้คุณ กดติดตั้งแอปจากหน้าแรกได้เลยโดยไม่ต้องเปิดหน้ารายละเอียด → เป็นแนวทางที่ชัดว่า Microsoft กำลังเน้นลด friction ใน user journey

    ส่วนอีกหลายจุดที่ได้รับการแก้บั๊ก เช่น:
    - การรีเซ็ตเครื่องไม่ได้ในเวอร์ชันก่อน
    - Taskbar ไม่แสดงความโปร่งใส (acrylic)
    - Task Manager อ่านภาษากลุ่มอักขระ non-A–Z ไม่ถูกต้อง
    - ปัญหาเสียง system sound หายหมด แม้เสียงอื่นจะยังปกติ
    - ตัวอย่างคำผิดที่มี: space แสดงเป็นเลข 2 ในภาษาไทย, จุดในภาษาฮีบรูแสดงเป็นเลข 3 (!)

    PowerShell 2.0 ถูกถอดออกจาก Windows 11 Build 27891 แล้ว (Canary Channel)  
    • Microsoft เคยประกาศ deprecate ไปตั้งแต่ Windows 10 v1709  
    • เป็นเวอร์ชันที่เก่ากว่า PowerShell 5.1 และ PowerShell 7  
    • เสี่ยงช่องโหว่ – ไม่รองรับคำสั่งใหม่ – ไม่ปลอดภัย

    Microsoft Store เวอร์ชัน 22406 เพิ่มฟีเจอร์ “ติดตั้งได้ทันทีจากหน้าแรก”  
    • ไม่ต้องคลิกเข้าไปดูหน้ารายละเอียดก่อน  
    • ใช้ได้กับ Canary และ Dev Channel

    มีการแก้ไขบั๊กทั่วไปในหลายจุด:  
    • Reset This PC  
    • การแสดงผล taskbar  
    • ตัวอักษรภาษาต่าง ๆ (ไทย, ฮีบรู, เวียดนาม ฯลฯ)  
    • Animation ต่าง ๆ  
    • Task Manager (เช่น ค่า CPU utility กับ System Idle Process)

    แก้ปัญหาเสียงหาย ทั้งเสียง system เช่น notification, click slider ฯลฯ

    แก้ปัญหา Settings crash เมื่อตั้งค่าบลูทูธ / ไมโครโฟน ในบางภาษา

    แก้การแสดงผลผิดใน Print Preview, Media Player, LDAP queries และฟอนต์ในเมนูของแอปบางตัว

    https://www.neowin.net/news/microsoft-removes-powershell-20-from-windows-11-in-build-27891/
    รู้ไหมครับว่า PowerShell 2.0 คือเวอร์ชันดั้งเดิมที่อยู่คู่ Windows มาตั้งแต่ยุค Windows 7? แต่มันก็เก่ามากแล้วและ ไม่ปลอดภัยสำหรับยุคใหม่ → Microsoft เลยถอดออกจาก Build ล่าสุดของ Windows 11 → นี่คือสัญญาณชัดว่า ผู้ใช้และองค์กรควรเปลี่ยนไปใช้ PowerShell 5.x หรือ PowerShell Core/7 ขึ้นไป แทนโดยด่วน ใน Build 27891 ยังมีการปรับปรุง Store เวอร์ชันใหม่ (22406) ที่ให้คุณ กดติดตั้งแอปจากหน้าแรกได้เลยโดยไม่ต้องเปิดหน้ารายละเอียด → เป็นแนวทางที่ชัดว่า Microsoft กำลังเน้นลด friction ใน user journey ส่วนอีกหลายจุดที่ได้รับการแก้บั๊ก เช่น: - การรีเซ็ตเครื่องไม่ได้ในเวอร์ชันก่อน - Taskbar ไม่แสดงความโปร่งใส (acrylic) - Task Manager อ่านภาษากลุ่มอักขระ non-A–Z ไม่ถูกต้อง - ปัญหาเสียง system sound หายหมด แม้เสียงอื่นจะยังปกติ - ตัวอย่างคำผิดที่มี: space แสดงเป็นเลข 2 ในภาษาไทย, จุดในภาษาฮีบรูแสดงเป็นเลข 3 (!) ✅ PowerShell 2.0 ถูกถอดออกจาก Windows 11 Build 27891 แล้ว (Canary Channel)   • Microsoft เคยประกาศ deprecate ไปตั้งแต่ Windows 10 v1709   • เป็นเวอร์ชันที่เก่ากว่า PowerShell 5.1 และ PowerShell 7   • เสี่ยงช่องโหว่ – ไม่รองรับคำสั่งใหม่ – ไม่ปลอดภัย ✅ Microsoft Store เวอร์ชัน 22406 เพิ่มฟีเจอร์ “ติดตั้งได้ทันทีจากหน้าแรก”   • ไม่ต้องคลิกเข้าไปดูหน้ารายละเอียดก่อน   • ใช้ได้กับ Canary และ Dev Channel ✅ มีการแก้ไขบั๊กทั่วไปในหลายจุด:   • Reset This PC   • การแสดงผล taskbar   • ตัวอักษรภาษาต่าง ๆ (ไทย, ฮีบรู, เวียดนาม ฯลฯ)   • Animation ต่าง ๆ   • Task Manager (เช่น ค่า CPU utility กับ System Idle Process) ✅ แก้ปัญหาเสียงหาย ทั้งเสียง system เช่น notification, click slider ฯลฯ ✅ แก้ปัญหา Settings crash เมื่อตั้งค่าบลูทูธ / ไมโครโฟน ในบางภาษา ✅ แก้การแสดงผลผิดใน Print Preview, Media Player, LDAP queries และฟอนต์ในเมนูของแอปบางตัว https://www.neowin.net/news/microsoft-removes-powershell-20-from-windows-11-in-build-27891/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft removes PowerShell 2.0 from Windows 11 in build 27891
    Microsoft has released a new Windows 11 build with some fixes, a new feature for the Microsoft Store, and PowerShell changes.
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน

    โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน

    “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9

    พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง

    การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

    พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

    นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง

    นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช”

    ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก

    สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน

    นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025

    ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    เตรียมจัดอย่างใหญ่! “โคราชมาราธอน 2025” สนามวิ่งมาตรฐานโลก สร้างความประทับใจ บนเส้นทางแลนด์มาร์ค เมืองย่าโม 16 พ.ย.นี้ คาดนักวิ่งร่วมกว่า 7,500 คน โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี 16 พ.ย.นี้ สนามวิ่งมาราธอนไทยได้มาตรฐานระดับโลก เก็บความประทับใจกับไฮไลท์บนเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองย่าโม ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญ พร้อมโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดทาง จากวงดุริยางค์ดีกรีแชมป์โลก ซึ่งเป็นลูกหลานย่าโม ภายใต้แนวคิด เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้จังหวัด คาดการณ์ว่านักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน และเอาใจนักวิ่งสายบุญกับ Charity Set ร่วมสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ณ อีเวนต์ ฮออล์ 2 ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดงานแถลงข่าวการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” (KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD) โดยได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21, Mr.Benson Ke General Manager of BYD Thailand, คุณปรีชา ลิ้มอั่วผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์โคราช และคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด เข้าร่วมแถลงรายละเอียดของการแข่งขัน “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สนามวิ่งมาราธอนไทยมาตรฐานโลก "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" มาราธอนแห่งความประทับใจเมืองย่าโม "The Memorable Marathon" แนวคิดการออกแบบสนามวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจให้เป็นสนามแห่งความประทับใจ หลอมรวมความเป็นโคราชไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเส้นทางที่จะพานักวิ่งผ่านจุดแลนด์มาร์คสำคัญเมืองโคราช โดยมีจุดปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมการแสดงโชว์สุดยิ่งใหญ่ตลอดเส้นทางของวงดุริยางค์ จากน้องๆ ลูกหลานย่าโม ที่มีดีกรีระดับแชมป์โลก ธีมการออกแบบปีนี้ชูแนวคิดเส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน "Build Your Marathon Dream" เน้นความวิจิตรงดงามของลวดลายผ้าไหมพื้นบนไอคอนแลนด์มาร์คเมืองโคราช นำลวดลายโคราชโมโนแกรม มาใช้ประกอบ สื่อถึงการประยุกต์ความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์วิถีดั้งเดิมมารวมเข้าด้วยกันกับงานวิ่ง การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานอีเว้นท์กีฬามวลชนระดับนานาชาติประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเป็นการสร้างงานวิ่งมาตรฐานโลกให้เป็นจุดหมายของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างมาราธอนที่สุดแสนประทับใจแห่งเมืองย่าโม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,500 คน นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแข่งขัน "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิ่ง แต่ยังสะท้อนศักยภาพของจังหวัดในการจัดอีเวนต์ระดับโลก ต่อยอดจากความเข้มแข็งของชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวโคราช ผมเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโคราชให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ พันเอกสาธิต อุ่นกาย รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงาน"KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ในด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีอย่างสูงสุด พร้อมทั้งยังสะท้อนบทบาทของกองทัพในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน นายเบนสัน เค่อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานวิ่งมาราธอน Korat Marathon 2025 Presented by BYD จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘เส้นทางมาราธอนแห่งความฝันของทุกคน’ หรือ ‘Build Your Marathon Dreams’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ BYD ที่สนับสนุนให้ทุกคนไล่ตามความฝันของตัวเอง และ การเข้าร่วมงานวิ่งของ BYD ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง พร้อมเดินตามความฝันในการมีสุขภาพที่ดีให้เป็นจริง นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ โคราช กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีความเชื่อมั่นเสมอว่าศูนย์การค้าไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คน สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน สำหรับเดอะมอลล์ โคราช ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพี่น้องชาวโคราช และอยู่เคียงข้างกันชาวโคราชมากว่า 25 ปี และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดีๆ ให้กับชาวโคราช อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา เนื่องด้วยโคราชเป็นเมืองแห่งกีฬาเป็นศูนย์รวมของคนรักสุขภาพ และมีความพร้อม มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ เดอะมอลล์ โคราช มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม "KORAT MARATHON 2025 PRESENTED BY BYD" ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างกลมกลืน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ที่พร้อมสนับสนุนทุกมิติของความสุขอย่างยั่งยืน พิเศษสุด! สำหรับนักวิ่งทุกท่านสามารถเตรียมความพร้อมก่อนวันจริง กับสินค้าและอุปกรณ์วิ่งครบวงจรได้ที่งาน Korat Marathon Sports Fest ในราคาสุดพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 14–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช” ด้านคุณอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการจัดกล่าวว่า ไฮไลท์ของการแข่งขันครั้งนี้คือ The Memorable Marathon มาราธอนแห่งความประทับใจ ถ่ายทอดเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งเมืองโคราช รวมทั้ง Point To Point Route ปล่อยตัวบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ําบุ่งตาหลั่ว เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ใช้เส้นทาง Run Through Korat City วิ่งผ่านแลนด์มาร์คเมืองโคราช ภายใต้ World Class Race มาตรฐานงานวิ่งระดับโลก และ Scenic Finish Venue เส้นชัยวิวสวย พร้อมกับ World Class Cheering Team สนุกสนานกับกองเชียร์และการแสดงระดับโลก สำหรับ “โคราชมาราธอน 2025 พรีเซนต์เต็ดบาย บีวายดี” แบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะมาราธอน 42195. กิโลเมตร, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กิโลเมตร., ระยะมินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร. และระยะไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร กำหนดวันรับอุปกรณ์ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ที่แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช และวันแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยปีนี้พิเศษกว่าเดิม! เสื้อวิ่งดีไซน์สุดปัง มาพร้อมโทนสีใหม่ที่โดดเด่นกว่าเคย สำหรับผู้สนใจร่วมแข่งขันสามารถสมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิ่งใจบุญมาทางนี้ กับการสมัคร Charity Set ราคา 2,500 บาท โดยรายได้จากค่าสมัคร 2,000 บาทในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทำบุญเพื่อสมทบทุนบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งนักวิ่งที่สมัครจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับชุด Race Pack สุดพิเศษ สมัครได้เลยที่ : https://run.checkrace.com/event/krm2025 ทั้งนี้สามารถดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : Korat Marathon https://www.facebook.com/koratmarathon2025
    0 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
  • Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ

    WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม

    นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา

    บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ:
    - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple
    - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี
    - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

    ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat

    Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:  
    • Facebook phone → ล้มเหลว  
    • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย  
    • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล  
    • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน

    AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)  
    • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม  
    • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร

    ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:  
    • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม  
    • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)  
    • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม

    โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:  
    • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%  
    • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร

    เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:  
    • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple  
    • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้  
    • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป

    Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ: - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat ✅ Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:   • Facebook phone → ล้มเหลว   • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย   • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล   • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน ✅ AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)   • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม   • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร ✅ ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:   • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม   • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)   • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม ✅ โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:   • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%   • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร ✅ เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:   • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple   • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้   • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป ✅ Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why Mark Zuckerberg and Meta can't build the future
    Here's how absolute power trapped Facebook's parent company — and how Steve Jobs broke free.
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว

    ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น

    ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย:
    - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย
    - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN)
    - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ

    Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password  
    • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง  
    • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน

    Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)  
    • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin  
    • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello

    มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต

    Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”  
    • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025  
    • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน

    https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย: - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN) - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password   • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง   • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)   • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin   • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”   • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025   • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • โครงหลังคาสำเร็จรูป พร้อมงานมุง RMC Trussโครงการบ้าน จ.ชลบุรี
    .
    บริการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ผลิตและติดตั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
    ออกแบบ ผลิตชิ้นงาน อลูซิงค์ AZ150 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
    เจ้าของบ้าน มั่นใจคุณภาพโครงหลังคาสำเร็จรูป RMC Truss แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย มีการรับประกัน
    มีบริการเหมามุง ติดตั้งโดยช่างชำนาญงานเฉพาะทาง มีการรับประกันงานติดตั้ง
    -------------------------------------------
    สนใจติดต่อเลย !!
    บริษัท อาร์ เอ็ม ซี บิลดิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด
    Tel : 034 813 972 , 063 919 1505
    Line OA : @rmctruss หรือ https://lin.ee/1wnGOh6
    Website : https://www.rmcbuildingsolutions.co.th/
    กดไลก์เพจ RMC Truss เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ
    -------------------------------------------
    #rmctruss #โครงหลังคาสำเร็จรูป #rmctrussโครงหลังคาสำเร็จรูป
    #thaitimes #rmcbuildingsolutions #betterrooftrussinnovation
    โครงหลังคาสำเร็จรูป พร้อมงานมุง RMC Truss🏡โครงการบ้าน จ.ชลบุรี✨ . ✅บริการครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ ผลิตและติดตั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ✅ออกแบบ ผลิตชิ้นงาน อลูซิงค์ AZ150 ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ✅เจ้าของบ้าน มั่นใจคุณภาพโครงหลังคาสำเร็จรูป RMC Truss แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย มีการรับประกัน ✅มีบริการเหมามุง ติดตั้งโดยช่างชำนาญงานเฉพาะทาง มีการรับประกันงานติดตั้ง ------------------------------------------- สนใจติดต่อเลย !! บริษัท อาร์ เอ็ม ซี บิลดิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด ☎️Tel : 034 813 972 , 063 919 1505 📱Line OA : @rmctruss หรือ https://lin.ee/1wnGOh6 🌐 Website : https://www.rmcbuildingsolutions.co.th/ 👍กดไลก์เพจ RMC Truss เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ ------------------------------------------- #rmctruss #โครงหลังคาสำเร็จรูป #rmctrussโครงหลังคาสำเร็จรูป #thaitimes #rmcbuildingsolutions #betterrooftrussinnovation
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • ลูกค้าสามารถขึ้นโครงเองได้100%
    เราพร้อมแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัดพื้นที่ → ตั้งเสา → ปรับระดับ → จนติดตั้งเสร็จสมบูรณ์

    แนะนำแบบละเอียด
    ประหยัดงบ
    ทำเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

    ไม่ว่าจะเป็นโครงผ้าใบ โครงกันแดด หรือโครงสร้างชั่วคราว ทักมาเลยครับ
    ยินดีให้คำปรึกษาฟรี #งานผ้าใบ #ลวดสลิง
    ขายผ้าใบและอะไหล่ พร้อมบริการให้คำปรึกษาฟรี!
    หากคุณมีช่างเหล็กอยู่แล้ว บอกเลยว่าคุ้มมาก!
    โทร: 062-2437689 (คุณสมชาย เปี่ยมชล)
    Line ID: rotozon
    คุณสามารถมี หลังคาผ้าใบสวย ๆ กันแดดกันฝน ได้ในราคาประหยัด
    เหมาะสำหรับ
    ต่อเติมหน้าร้าน / หลังบ้าน
    กันแดด กันฝน
    คลุมสระน้ำ
    ร้านอาหาร คาเฟ่
    โกดัง โรงไม้
    ถ้ามีช่างเหล็กยิ่งประหยัด ซึ่งลูกค้าสามารถขึ้นโครงเองได้ เรายินดีให้คำปรึกษาเพียงสั่งตัดผ้าและซื้ออะไรจากทางเรา
    062437689 คุณสมชาย เปี่ยมชล
    If you have an Iron man, it's even more cost-effective, as customers can build the frame themselves. We are happy to provide consultation; you just need to order the fabric and purchase materials from us.
    Contact: 0622437689, Mr. Somchai Piomchon."
    #ผ้าใบโครงหลังคาเลื่อนแบบมือหมุน #ผ้าใบกันแดด #ผ้าใบกันฝน
    #ผ้าใบชักรอก #ผ้าใบแบบใส #ผ้าใบค้ำยัน #โครงกันสาด #pabaithai
    #ผ้าใบก้ามปูแบบมือหมุน #ผ้าใบก้ามปูแบบมอเตอร์รีโมท #Parachute tent
    #ผ้าใบโครงหลังคาเลื่อนระบบมอเตอร์รีโมท #ผ้าใบไทย #โรโตซอน #rotozon
    ลูกค้าสามารถขึ้นโครงเองได้100% เราพร้อมแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัดพื้นที่ → ตั้งเสา → ปรับระดับ → จนติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ✅ แนะนำแบบละเอียด ✅ ประหยัดงบ ✅ ทำเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นโครงผ้าใบ โครงกันแดด หรือโครงสร้างชั่วคราว ทักมาเลยครับ ยินดีให้คำปรึกษาฟรี 💬📏🔩#งานผ้าใบ #ลวดสลิง ขายผ้าใบและอะไหล่ พร้อมบริการให้คำปรึกษาฟรี! หากคุณมีช่างเหล็กอยู่แล้ว บอกเลยว่าคุ้มมาก! โทร: 062-2437689 (คุณสมชาย เปี่ยมชล) Line ID: rotozon คุณสามารถมี หลังคาผ้าใบสวย ๆ กันแดดกันฝน ได้ในราคาประหยัด เหมาะสำหรับ ต่อเติมหน้าร้าน / หลังบ้าน กันแดด กันฝน คลุมสระน้ำ ร้านอาหาร คาเฟ่ โกดัง โรงไม้ ถ้ามีช่างเหล็กยิ่งประหยัด ซึ่งลูกค้าสามารถขึ้นโครงเองได้ เรายินดีให้คำปรึกษาเพียงสั่งตัดผ้าและซื้ออะไรจากทางเรา 062437689 คุณสมชาย เปี่ยมชล If you have an Iron man, it's even more cost-effective, as customers can build the frame themselves. We are happy to provide consultation; you just need to order the fabric and purchase materials from us. Contact: 0622437689, Mr. Somchai Piomchon." #ผ้าใบโครงหลังคาเลื่อนแบบมือหมุน #ผ้าใบกันแดด #ผ้าใบกันฝน #ผ้าใบชักรอก #ผ้าใบแบบใส #ผ้าใบค้ำยัน #โครงกันสาด #pabaithai #ผ้าใบก้ามปูแบบมือหมุน #ผ้าใบก้ามปูแบบมอเตอร์รีโมท #Parachute tent #ผ้าใบโครงหลังคาเลื่อนระบบมอเตอร์รีโมท #ผ้าใบไทย #โรโตซอน #rotozon
    0 Comments 0 Shares 351 Views 4 0 Reviews
  • จำได้ไหมครับที่ Microsoft เคยเปิดตัว Copilot+ PC รุ่นใหม่ที่มีชิป NPU เพื่อรัน AI ได้ในเครื่อง? ตอนนั้นเขาใช้โมเดลชื่อ Phi-Silica เป็น SLM แรกในเครื่อง ตอนนี้เขาอัปเกรดอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว Mu — โมเดล AI รุ่นใหม่ ที่ฝังไว้ใน Windows 11 Build 26120.3964 และเริ่มใช้งานแล้วใน Dev Channel

    จุดเด่นของ Mu คือมันถูกฝึกมาให้ฉลาดแบบ “เข้าใจคน” ในบริบทของการตั้งค่าเครื่อง เช่น ถ้าผู้ใช้พิมพ์ว่า > “ช่วยเปิด dark mode ให้หน่อย” ก็จะเข้าใจทันที และสั่งเปลี่ยนได้เลยในแอป Settings — เพราะมันไม่ใช้แค่คำค้น (lexical match) แต่ “ตีความ” ความหมายที่ซ่อนอยู่ได้

    Mu เป็นโมเดลขนาด 330M แบบ encoder–decoder (ไม่ใช่ decoder-only แบบโมเดลภาษาอื่น) ทำให้ ตอบสนองเร็วขึ้น 47% และดีดผลได้เร็วกว่าเดิม 4.7 เท่า นอกจากนี้ยัง ประหยัดพลังงานและรันบน NPU ได้ ที่ความเร็วกว่า 100 token ต่อวินาที — เรียกได้ว่า ฉลาด เร็ว และเบาในเครื่องเดียว

    Microsoft เปิดตัว “Mu” โมเดล AI ขนาดเล็กฝังใน Windows 11 เพื่อใช้งานในแอป Settings  
    • เปิดใช้งานใน Build 26120.3964 (KB5058496) สำหรับ Copilot+ PC  
    • ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่งธรรมดาแล้วตั้งค่าเครื่องได้ทันที เช่น “ปิด Bluetooth” หรือ “เปลี่ยนภาษา”

    Mu เป็นโมเดลขนาด 330M แบบ encoder–decoder  
    • เร็วกว่า decoder-only ถึง 4.7× ในการดีโค้ด  
    • ลด latency ของ token แรกลง 47%

    ใช้ weight sharing บางส่วนเพื่อลดจำนวนพารามิเตอร์โดยไม่ลดความสามารถ  
    • ช่วยให้เบาขึ้นและรันบน NPU ได้สบาย ๆ

    ฝึกโมเดลบน GPU NVIDIA A100 ผ่าน Azure Machine Learning  
    • ประสิทธิภาพใกล้เคียง Phi-3.5-mini (แม้ขนาดเล็กกว่าถึง 10 เท่า)

    ตอบสนองเร็วกว่าและเข้าใจคำถามแบบหลายคำ (multi-word queries) ได้ดี  
    • ถ้าเป็นคำเดียวหรือคำไม่สมบูรณ์ จะ fallback กลับไปใช้ระบบค้นหาแบบเดิม

    Mu ยังอยู่เฉพาะบน Copilot+ PC และ Dev Channel เท่านั้น  
    • ผู้ใช้ทั่วไปยังต้องรออัปเดตเวอร์ชันหลักในอนาคต

    รองรับเฉพาะคำสั่งในแอป Settings ตอนนี้ — ยังไม่เปิดให้ใช้งานกับแอปอื่นทั้งหมด

    แม้จะเป็น AI บนเครื่อง (on-device) แต่ก็ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ที่รองรับ NPU เกิน 40 TOPS  
    • เครื่องเก่าหรือไม่มี NPU จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้

    สำหรับคำค้นที่ไม่ใช่ full phrase หรือคำไม่สมบูรณ์ ยังต้องใช้ระบบ semantic search เดิม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-reveals-mu-an-on-device-small-language-model-built-into-windows-11/
    จำได้ไหมครับที่ Microsoft เคยเปิดตัว Copilot+ PC รุ่นใหม่ที่มีชิป NPU เพื่อรัน AI ได้ในเครื่อง? ตอนนั้นเขาใช้โมเดลชื่อ Phi-Silica เป็น SLM แรกในเครื่อง ตอนนี้เขาอัปเกรดอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว Mu — โมเดล AI รุ่นใหม่ ที่ฝังไว้ใน Windows 11 Build 26120.3964 และเริ่มใช้งานแล้วใน Dev Channel จุดเด่นของ Mu คือมันถูกฝึกมาให้ฉลาดแบบ “เข้าใจคน” ในบริบทของการตั้งค่าเครื่อง เช่น ถ้าผู้ใช้พิมพ์ว่า > “ช่วยเปิด dark mode ให้หน่อย” ก็จะเข้าใจทันที และสั่งเปลี่ยนได้เลยในแอป Settings — เพราะมันไม่ใช้แค่คำค้น (lexical match) แต่ “ตีความ” ความหมายที่ซ่อนอยู่ได้ Mu เป็นโมเดลขนาด 330M แบบ encoder–decoder (ไม่ใช่ decoder-only แบบโมเดลภาษาอื่น) ทำให้ ตอบสนองเร็วขึ้น 47% และดีดผลได้เร็วกว่าเดิม 4.7 เท่า นอกจากนี้ยัง ประหยัดพลังงานและรันบน NPU ได้ ที่ความเร็วกว่า 100 token ต่อวินาที — เรียกได้ว่า ฉลาด เร็ว และเบาในเครื่องเดียว ✅ Microsoft เปิดตัว “Mu” โมเดล AI ขนาดเล็กฝังใน Windows 11 เพื่อใช้งานในแอป Settings   • เปิดใช้งานใน Build 26120.3964 (KB5058496) สำหรับ Copilot+ PC   • ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่งธรรมดาแล้วตั้งค่าเครื่องได้ทันที เช่น “ปิด Bluetooth” หรือ “เปลี่ยนภาษา” ✅ Mu เป็นโมเดลขนาด 330M แบบ encoder–decoder   • เร็วกว่า decoder-only ถึง 4.7× ในการดีโค้ด   • ลด latency ของ token แรกลง 47% ✅ ใช้ weight sharing บางส่วนเพื่อลดจำนวนพารามิเตอร์โดยไม่ลดความสามารถ   • ช่วยให้เบาขึ้นและรันบน NPU ได้สบาย ๆ ✅ ฝึกโมเดลบน GPU NVIDIA A100 ผ่าน Azure Machine Learning   • ประสิทธิภาพใกล้เคียง Phi-3.5-mini (แม้ขนาดเล็กกว่าถึง 10 เท่า) ✅ ตอบสนองเร็วกว่าและเข้าใจคำถามแบบหลายคำ (multi-word queries) ได้ดี   • ถ้าเป็นคำเดียวหรือคำไม่สมบูรณ์ จะ fallback กลับไปใช้ระบบค้นหาแบบเดิม ‼️ Mu ยังอยู่เฉพาะบน Copilot+ PC และ Dev Channel เท่านั้น   • ผู้ใช้ทั่วไปยังต้องรออัปเดตเวอร์ชันหลักในอนาคต ‼️ รองรับเฉพาะคำสั่งในแอป Settings ตอนนี้ — ยังไม่เปิดให้ใช้งานกับแอปอื่นทั้งหมด ‼️ แม้จะเป็น AI บนเครื่อง (on-device) แต่ก็ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ที่รองรับ NPU เกิน 40 TOPS   • เครื่องเก่าหรือไม่มี NPU จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ‼️ สำหรับคำค้นที่ไม่ใช่ full phrase หรือคำไม่สมบูรณ์ ยังต้องใช้ระบบ semantic search เดิม https://www.neowin.net/news/microsoft-reveals-mu-an-on-device-small-language-model-built-into-windows-11/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft reveals Mu, an on-device small language model built into Windows 11
    Microsoft has introduced Mu, a new small language model integrated into Windows 11 to power an AI agent within the Settings app.
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจคุ้นเคยกับการเข้า Control Panel เพื่อไปตั้งเวลาหรือเพิ่ม “นาฬิกาเสริม” สำหรับโซนเวลาอื่น (เช่น เวลาญี่ปุ่น – เวลานิวยอร์ก) แต่ตอนนี้ Microsoft กำลังย้ายฟีเจอร์เหล่านี้เข้าสู่แอป Settings แบบเต็มตัว

    สิ่งที่เปลี่ยนไปล่าสุด คือ:
    - ฟีเจอร์ “Additional Clocks” (นาฬิกาเสริม) ย้ายเข้า Settings โดยสามารถเพิ่มได้ 2 นาฬิกา พร้อมปรับชื่อได้เองเหมือนใน Control Panel
    - หน้าตา UI ใหม่ทันสมัยขึ้น รองรับธีมมืด–สว่าง, ปุ่มใหญ่ขึ้น และเข้าถึงง่าย
    - ตั้งค่า AM/PM indicator ได้โดยตรงที่ Settings > Time & Language > Language & Region > Regional Format

    ทั้งหมดนี้ช่วยให้แอป Settings กลายเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ไม่ต้องแยกใช้งานระหว่าง Settings กับ Control Panel เหมือนแต่ก่อน (ซึ่งยุ่งยากและไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่)

    Microsoft ย้ายฟีเจอร์นาฬิกาเสริม (Additional Clocks) เข้าสู่แอป Settings แล้ว  
    • รองรับการตั้งค่าได้ 2 นาฬิกา พร้อมชื่อโซนเวลา  
    • ใช้ได้ใน notification center ของ Windows 11

    รองรับการปรับแต่ง AM/PM ในหน้า Regional Format ของ Settings  
    • ไม่ต้องเปิด Control Panel เพื่อเปลี่ยนค่าการแสดงเวลาแล้ว

    UI ใหม่ใน Settings รองรับธีมมืด–สว่าง + ขนาดปุ่มใหญ่ขึ้น ช่วยเรื่องการเข้าถึง (accessibility)

    เป็นส่วนหนึ่งของแผน “ลดการพึ่งพา Control Panel” ของ Windows 11  
    • ก่อนหน้านี้ได้ย้าย keyboard settings และฟีเจอร์อื่น ๆ มาแล้ว

    Microsoft เตรียมเผยฟีเจอร์อื่นเพิ่มเติมในเวอร์ชันทดลอง (Canary build)  
    • เช่น ปรับเมนูคลิกขวา (context menus), ปรับ taskbar, ฟีเจอร์ช่วยการเข้าถึง

    https://www.neowin.net/news/you-will-soon-have-fewer-reasons-to-open-control-panel-in-windows-11/
    หลายคนอาจคุ้นเคยกับการเข้า Control Panel เพื่อไปตั้งเวลาหรือเพิ่ม “นาฬิกาเสริม” สำหรับโซนเวลาอื่น (เช่น เวลาญี่ปุ่น – เวลานิวยอร์ก) แต่ตอนนี้ Microsoft กำลังย้ายฟีเจอร์เหล่านี้เข้าสู่แอป Settings แบบเต็มตัว สิ่งที่เปลี่ยนไปล่าสุด คือ: - ฟีเจอร์ “Additional Clocks” (นาฬิกาเสริม) ย้ายเข้า Settings โดยสามารถเพิ่มได้ 2 นาฬิกา พร้อมปรับชื่อได้เองเหมือนใน Control Panel - หน้าตา UI ใหม่ทันสมัยขึ้น รองรับธีมมืด–สว่าง, ปุ่มใหญ่ขึ้น และเข้าถึงง่าย - ตั้งค่า AM/PM indicator ได้โดยตรงที่ Settings > Time & Language > Language & Region > Regional Format ทั้งหมดนี้ช่วยให้แอป Settings กลายเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ไม่ต้องแยกใช้งานระหว่าง Settings กับ Control Panel เหมือนแต่ก่อน (ซึ่งยุ่งยากและไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่) ✅ Microsoft ย้ายฟีเจอร์นาฬิกาเสริม (Additional Clocks) เข้าสู่แอป Settings แล้ว   • รองรับการตั้งค่าได้ 2 นาฬิกา พร้อมชื่อโซนเวลา   • ใช้ได้ใน notification center ของ Windows 11 ✅ รองรับการปรับแต่ง AM/PM ในหน้า Regional Format ของ Settings   • ไม่ต้องเปิด Control Panel เพื่อเปลี่ยนค่าการแสดงเวลาแล้ว ✅ UI ใหม่ใน Settings รองรับธีมมืด–สว่าง + ขนาดปุ่มใหญ่ขึ้น ช่วยเรื่องการเข้าถึง (accessibility) ✅ เป็นส่วนหนึ่งของแผน “ลดการพึ่งพา Control Panel” ของ Windows 11   • ก่อนหน้านี้ได้ย้าย keyboard settings และฟีเจอร์อื่น ๆ มาแล้ว ✅ Microsoft เตรียมเผยฟีเจอร์อื่นเพิ่มเติมในเวอร์ชันทดลอง (Canary build)   • เช่น ปรับเมนูคลิกขวา (context menus), ปรับ taskbar, ฟีเจอร์ช่วยการเข้าถึง https://www.neowin.net/news/you-will-soon-have-fewer-reasons-to-open-control-panel-in-windows-11/
    WWW.NEOWIN.NET
    You will soon have fewer reasons to open Control Panel in Windows 11
    Microsoft is making additional changes to Windows 11 and its Settings app, giving you fewer reasons to open the old Control Panel.
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • 20 มิถุนายน 2568 กระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย (KDN) กำลังตรวจสอบข้อเสนอต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามชายแดน รวมถึงการก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนมาเลเซีย-ไทยในรัฐกลันตัน ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง

    ชัมซูล อานูอาร์ นาซาราห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย กล่าวว่า ความปลอดภัยบริเวณชายแดนยังคงเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกสำหรับรัฐบาล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบขนสินค้า โดยเฉพาะยาเสพติด และอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในวงกว้างได้ หากไม่ได้รับการตรวจสอบ

    “เราให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับการควบคุมชายแดน หากไม่มีการรักษาความปลอดภัยชายแดน ไม่เพียงแต่การลักลอบขนยาเสพติดจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอื่นๆ ขึ้นได้อีกด้วย” เขากล่าวในการแถลงข่าวหลังจากเข้าร่วมโครงการกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติและสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งมาเลเซียที่นี่เมื่อคืนวันพฤหัสบดี

    เขากล่าวอีกว่ากระทรวงร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น ตำรวจ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายชายแดนอื่นๆ กำลังวิเคราะห์ข่าวกรองที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อระบุสถานที่ที่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์เฝ้าระวังหรือโครงสร้างด้านความปลอดภัย

    “เรากำลังพิจารณาข้อเสนอทั้งหมด รวมถึงการก่อสร้างกำแพง การติดตั้งกล้องวงจรปิด และโซลูชั่นเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งหมดนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะดำเนินการตามความต้องการและท้องถิ่น”

    ชัมซูล อานูอาร์ กล่าวเสริมว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยชายแดนไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น แต่ได้นำไปปฏิบัติอย่างครอบคลุมทั่วประเทศโดยพิจารณาจากระดับภัยคุกคามและความเสี่ยง

    “สิ่งสำคัญคือการทำให้แน่ใจว่าพรมแดนประเทศของเราปลอดภัยอย่างแท้จริง มีการตรวจสอบอย่างดี และไม่ละเมิดได้ง่าย” เขากล่าว

    เมื่อแสดงความเห็นว่ามาเลเซียจะทำตามตัวอย่างของไทยโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามแนวชายแดนหรือไม่ ชัมซูล อานูอาร์กล่าวว่าข้อเสนอทั้งหมดนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจังโดยรัฐบาล

    เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ดาทุก โมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจกลันตัน รายงานว่า การสร้างกำแพงหรือรั้วถาวรตามแนวชายแดนกลันตัน-ไทยจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลที่สุดในการต่อสู้กับการลักลอบขนของผิดกฎหมายในรัฐนี้

    เขากล่าวว่าแนวชายแดนระยะทาง 45 กิโลเมตรยังคงมีความเสี่ยงสูง ทำให้การบังคับใช้กฎหมายอย่างครอบคลุมทำได้ยาก

    ที่มา : klsescreener
    https://www.klsescreener.com/v2/news/view/1542845/home-ministry-reviews-proposal-to-build-wall-along-kelantan-thailand-border
    20 มิถุนายน 2568 กระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย (KDN) กำลังตรวจสอบข้อเสนอต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามชายแดน รวมถึงการก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนมาเลเซีย-ไทยในรัฐกลันตัน ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ชัมซูล อานูอาร์ นาซาราห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซีย กล่าวว่า ความปลอดภัยบริเวณชายแดนยังคงเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกสำหรับรัฐบาล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบขนสินค้า โดยเฉพาะยาเสพติด และอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในวงกว้างได้ หากไม่ได้รับการตรวจสอบ “เราให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับการควบคุมชายแดน หากไม่มีการรักษาความปลอดภัยชายแดน ไม่เพียงแต่การลักลอบขนยาเสพติดจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอื่นๆ ขึ้นได้อีกด้วย” เขากล่าวในการแถลงข่าวหลังจากเข้าร่วมโครงการกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติและสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งมาเลเซียที่นี่เมื่อคืนวันพฤหัสบดี เขากล่าวอีกว่ากระทรวงร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น ตำรวจ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายชายแดนอื่นๆ กำลังวิเคราะห์ข่าวกรองที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อระบุสถานที่ที่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์เฝ้าระวังหรือโครงสร้างด้านความปลอดภัย “เรากำลังพิจารณาข้อเสนอทั้งหมด รวมถึงการก่อสร้างกำแพง การติดตั้งกล้องวงจรปิด และโซลูชั่นเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งหมดนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะดำเนินการตามความต้องการและท้องถิ่น” ชัมซูล อานูอาร์ กล่าวเสริมว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยชายแดนไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น แต่ได้นำไปปฏิบัติอย่างครอบคลุมทั่วประเทศโดยพิจารณาจากระดับภัยคุกคามและความเสี่ยง “สิ่งสำคัญคือการทำให้แน่ใจว่าพรมแดนประเทศของเราปลอดภัยอย่างแท้จริง มีการตรวจสอบอย่างดี และไม่ละเมิดได้ง่าย” เขากล่าว เมื่อแสดงความเห็นว่ามาเลเซียจะทำตามตัวอย่างของไทยโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามแนวชายแดนหรือไม่ ชัมซูล อานูอาร์กล่าวว่าข้อเสนอทั้งหมดนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจังโดยรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ดาทุก โมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจกลันตัน รายงานว่า การสร้างกำแพงหรือรั้วถาวรตามแนวชายแดนกลันตัน-ไทยจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลที่สุดในการต่อสู้กับการลักลอบขนของผิดกฎหมายในรัฐนี้ เขากล่าวว่าแนวชายแดนระยะทาง 45 กิโลเมตรยังคงมีความเสี่ยงสูง ทำให้การบังคับใช้กฎหมายอย่างครอบคลุมทำได้ยาก ที่มา : klsescreener https://www.klsescreener.com/v2/news/view/1542845/home-ministry-reviews-proposal-to-build-wall-along-kelantan-thailand-border
    WWW.KLSESCREENER.COM
    Home Ministry reviews proposal to build wall along Kelantan-Thailand border
    The Home Ministry (KDN) is reviewing various proposals to strengthen border security, including the construction of a wall along the Malaysia-Thailand border in Kelantan, which is deemed a high-risk area. Deputy Home Minister Datuk Seri Dr Shamsul Anuar Nasarah said border safety remains a top priority for the government, as such areas were frequently used for smuggling activities, particularly drugs, and might pose wider security threats if left unchecked.
    0 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • หลายคนคิดว่า GPU ต้องพึ่งพาแค่ไฟจากรัฐ แต่จริง ๆ แล้ว Jensen Huang แห่ง NVIDIA รู้ดีว่าในอนาคต “ไฟ” จะกลายเป็นปัจจัยจำกัดการเติบโตของ AI — ไม่ใช่ชิปอีกต่อไป

    ล่าสุด NVIDIA (ผ่านบริษัทลูกด้านลงทุน NVentures) ร่วมลงเงินกับ Bill Gates และ HD Hyundai ในรอบ funding ล่าสุดกว่า $650 ล้าน ให้กับ TerraPower บริษัทที่ Gates ก่อตั้งเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบ SMR (Small Modular Reactor)

    โปรเจกต์แรกของ TerraPower คือโรงไฟฟ้า Natrium กำลัง 345 เมกะวัตต์ ที่ใช้โซเดียมเหลวระบายความร้อน และมี ระบบเก็บพลังงานด้วยเกลือหลอมเหลว ที่สะสมพลังงานได้ถึง 1 กิกะวัตต์ เพื่อป้อนโหลดพีคแบบ AI ได้ทันเวลา

    แม้จะยังรอใบอนุญาตจากหน่วยงานนิวเคลียร์ในสหรัฐ (คาดว่าได้ปี 2026) แต่ตอนนี้เริ่มสร้างโครงสร้างส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์แล้วในรัฐไวโอมิง

    NVIDIA ไม่ได้โดดเดี่ยว — Oracle, Microsoft, Google และ Amazon ต่างเร่งลงทุนด้านนิวเคลียร์คล้ายกัน เช่น Oracle ขออนุญาตสร้าง SMR 3 ชุด, Microsoft เตรียมรีสตาร์ตโรงไฟฟ้าเก่าใน Pennsylvania, Amazon ทุ่มเงินในหลายสตาร์ตอัปด้านพลังงาน

    เทรนด์นี้มาแรงเพราะ AI server ต้องการไฟมากเกินที่โครงข่ายจะรองรับไหว — AMD เผยว่าแค่ zettascale supercomputer จะใช้ไฟถึง 500 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่าบ้าน 375,000 หลังเลยทีเดียว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-goes-nuclear-company-joins-bill-gates-in-backing-terrapower-a-company-building-nuclear-reactors-for-powering-data-centers
    หลายคนคิดว่า GPU ต้องพึ่งพาแค่ไฟจากรัฐ แต่จริง ๆ แล้ว Jensen Huang แห่ง NVIDIA รู้ดีว่าในอนาคต “ไฟ” จะกลายเป็นปัจจัยจำกัดการเติบโตของ AI — ไม่ใช่ชิปอีกต่อไป ล่าสุด NVIDIA (ผ่านบริษัทลูกด้านลงทุน NVentures) ร่วมลงเงินกับ Bill Gates และ HD Hyundai ในรอบ funding ล่าสุดกว่า $650 ล้าน ให้กับ TerraPower บริษัทที่ Gates ก่อตั้งเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบ SMR (Small Modular Reactor) โปรเจกต์แรกของ TerraPower คือโรงไฟฟ้า Natrium กำลัง 345 เมกะวัตต์ ที่ใช้โซเดียมเหลวระบายความร้อน และมี ระบบเก็บพลังงานด้วยเกลือหลอมเหลว ที่สะสมพลังงานได้ถึง 1 กิกะวัตต์ เพื่อป้อนโหลดพีคแบบ AI ได้ทันเวลา แม้จะยังรอใบอนุญาตจากหน่วยงานนิวเคลียร์ในสหรัฐ (คาดว่าได้ปี 2026) แต่ตอนนี้เริ่มสร้างโครงสร้างส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์แล้วในรัฐไวโอมิง NVIDIA ไม่ได้โดดเดี่ยว — Oracle, Microsoft, Google และ Amazon ต่างเร่งลงทุนด้านนิวเคลียร์คล้ายกัน เช่น Oracle ขออนุญาตสร้าง SMR 3 ชุด, Microsoft เตรียมรีสตาร์ตโรงไฟฟ้าเก่าใน Pennsylvania, Amazon ทุ่มเงินในหลายสตาร์ตอัปด้านพลังงาน เทรนด์นี้มาแรงเพราะ AI server ต้องการไฟมากเกินที่โครงข่ายจะรองรับไหว — AMD เผยว่าแค่ zettascale supercomputer จะใช้ไฟถึง 500 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่าบ้าน 375,000 หลังเลยทีเดียว https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-goes-nuclear-company-joins-bill-gates-in-backing-terrapower-a-company-building-nuclear-reactors-for-powering-data-centers
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • เครื่องมือ GitHub Actions คือพระเอกของ DevOps ยุคใหม่ เพราะช่วยให้เรารัน CI/CD pipeline ได้อัตโนมัติ เช่น build, test, deploy โดยไม่ต้องเซ็ตเซิร์ฟเวอร์เอง แต่...ความสะดวกนี้ก็แอบซ่อน "กับดักความปลอดภัย" ไว้เช่นกัน

    ทีมวิจัยจาก Sysdig พบว่าฟีเจอร์ pull_request_target ของ GitHub Actions ถูกใช้แบบผิดพลาดในหลายโปรเจกต์ดัง เช่น MITRE, Splunk และ Spotipy — ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่ง Pull Request จาก fork แล้วสั่งให้รันโค้ดอันตรายได้ภายใต้สิทธิ์ของ repo หลัก

    เพราะ pull_request_target จะรัน workflow ใน context ของ branch หลัก เช่น main — ซึ่งแปลว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง token หรือ secrets ได้เลย หากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติม

    ในกรณี MITRE แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายผ่านการปรับ dependency ได้ ขณะที่ Splunk เผย secrets เช่น APPINSPECTUSERNAME/PASSWORD ออกไปผ่าน workflow ที่ไม่ปลอดภัย และใน Spotipy ก็ใช้ setup.py ที่แอบรันโค้ดได้ทันที

    ข่าวนี้เตือนว่า...ภัยคุกคามใน open source ไม่ได้มาแบบ “ยิงตรง” แต่แฝงผ่าน supply chain ซ่อนอยู่ใน workflow ที่ดูปกติ!

    พบช่องโหว่การตั้งค่า GitHub Actions (pull_request_target) ในหลายโปรเจกต์ดัง  
    • MITRE, Splunk, Spotipy ถูกใช้เป็นตัวอย่างการโจมตี  
    • แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดใน context ของ branch หลัก (main) ได้จาก PR

    ฟีเจอร์ pull_request_target ทำให้โค้ดจาก fork มีสิทธิ์เข้าถึง token หรือ secrets ได้  
    • เพราะ workflow จะรันด้วย GITHUB_TOKEN และ access ของ repo ต้นทาง

    โค้ดโจมตีอาจมาแบบไร้พิษภัย เช่น setup.py หรือ dependency ปลอม  
    • Spotipy ใช้ setup.py ฝังคำสั่ง  • MITRE แก้ dependency ให้รันโค้ดฝังใน workflow

    Sysdig แนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น:  
    • แยก workflow เป็น 2 ส่วน: ส่วนตรวจสอบ PR แบบ read-only และส่วน sensitive สำหรับ merged เท่านั้น  
    • ไม่ให้ PR จาก fork เข้าถึง token  
    • ใช้ Falco Actions หรือระบบ real-time detection ช่วยตรวจ

    การตั้งค่า GitHub Actions ผิดพลาดเพียงบรรทัดเดียว อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ายึด repo ได้  
    • โดยเฉพาะหากใช้ pull_request_target โดยไม่มี guard

    แฮกเกอร์สามารถขโมย secrets หรือครองสิทธิ์ repo ผ่านการ merge PR อันตรายได้ทันที  
    • หากไม่มีการแยกสิทธิ์หรือใช้ token แบบจำกัดขอบเขต

    แม้โค้ดจะผ่าน PR review ได้ดี แต่ workflows จะรัน “ก่อน” ที่ reviewer ได้ดูไฟล์  
    • เปิดโอกาสให้โค้ดฝัง payload มาได้ก่อน merge

    โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สที่เปิดรับ Pull Request ต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบ workflow  
    • ไม่ควรใช้ค่า default โดยไม่เข้าใจ scope และสิทธิของ GitHub Actions

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/jaw-dropping-flaws-found-in-open-source-projects-could-allow-hackers-to-take-away-entire-projects-heres-what-devs-need-to-know
    เครื่องมือ GitHub Actions คือพระเอกของ DevOps ยุคใหม่ เพราะช่วยให้เรารัน CI/CD pipeline ได้อัตโนมัติ เช่น build, test, deploy โดยไม่ต้องเซ็ตเซิร์ฟเวอร์เอง แต่...ความสะดวกนี้ก็แอบซ่อน "กับดักความปลอดภัย" ไว้เช่นกัน ทีมวิจัยจาก Sysdig พบว่าฟีเจอร์ pull_request_target ของ GitHub Actions ถูกใช้แบบผิดพลาดในหลายโปรเจกต์ดัง เช่น MITRE, Splunk และ Spotipy — ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่ง Pull Request จาก fork แล้วสั่งให้รันโค้ดอันตรายได้ภายใต้สิทธิ์ของ repo หลัก 😨 เพราะ pull_request_target จะรัน workflow ใน context ของ branch หลัก เช่น main — ซึ่งแปลว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง token หรือ secrets ได้เลย หากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติม ในกรณี MITRE แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายผ่านการปรับ dependency ได้ ขณะที่ Splunk เผย secrets เช่น APPINSPECTUSERNAME/PASSWORD ออกไปผ่าน workflow ที่ไม่ปลอดภัย และใน Spotipy ก็ใช้ setup.py ที่แอบรันโค้ดได้ทันที ข่าวนี้เตือนว่า...ภัยคุกคามใน open source ไม่ได้มาแบบ “ยิงตรง” แต่แฝงผ่าน supply chain ซ่อนอยู่ใน workflow ที่ดูปกติ! ✅ พบช่องโหว่การตั้งค่า GitHub Actions (pull_request_target) ในหลายโปรเจกต์ดัง   • MITRE, Splunk, Spotipy ถูกใช้เป็นตัวอย่างการโจมตี   • แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดใน context ของ branch หลัก (main) ได้จาก PR ✅ ฟีเจอร์ pull_request_target ทำให้โค้ดจาก fork มีสิทธิ์เข้าถึง token หรือ secrets ได้   • เพราะ workflow จะรันด้วย GITHUB_TOKEN และ access ของ repo ต้นทาง ✅ โค้ดโจมตีอาจมาแบบไร้พิษภัย เช่น setup.py หรือ dependency ปลอม   • Spotipy ใช้ setup.py ฝังคำสั่ง  • MITRE แก้ dependency ให้รันโค้ดฝังใน workflow ✅ Sysdig แนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น:   • แยก workflow เป็น 2 ส่วน: ส่วนตรวจสอบ PR แบบ read-only และส่วน sensitive สำหรับ merged เท่านั้น   • ไม่ให้ PR จาก fork เข้าถึง token   • ใช้ Falco Actions หรือระบบ real-time detection ช่วยตรวจ ‼️ การตั้งค่า GitHub Actions ผิดพลาดเพียงบรรทัดเดียว อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ายึด repo ได้   • โดยเฉพาะหากใช้ pull_request_target โดยไม่มี guard ‼️ แฮกเกอร์สามารถขโมย secrets หรือครองสิทธิ์ repo ผ่านการ merge PR อันตรายได้ทันที   • หากไม่มีการแยกสิทธิ์หรือใช้ token แบบจำกัดขอบเขต ‼️ แม้โค้ดจะผ่าน PR review ได้ดี แต่ workflows จะรัน “ก่อน” ที่ reviewer ได้ดูไฟล์   • เปิดโอกาสให้โค้ดฝัง payload มาได้ก่อน merge ‼️ โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สที่เปิดรับ Pull Request ต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบ workflow   • ไม่ควรใช้ค่า default โดยไม่เข้าใจ scope และสิทธิของ GitHub Actions https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/jaw-dropping-flaws-found-in-open-source-projects-could-allow-hackers-to-take-away-entire-projects-heres-what-devs-need-to-know
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • หลังเปิดตัวที่ Computex ไปอย่างน่าตื่นเต้น คราวนี้ AMD เผยผลทดสอบจริงของ Ryzen Threadripper 9000 ซีรีส์แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ รุ่นธรรมดา HEDT (X) และ รุ่นระดับมือโปร (WX)

    รุ่นท็อป Threadripper Pro 9995WX จัดเต็ม 96 คอร์ 192 เธรด! แถมมี Boost Clock สูงสุด 5.45 GHz พร้อม L3 Cache 384MB และ PCIe 5.0 ถึง 128 เลน — ข้อมูลที่น่าสนใจคือ AMD เคลมว่าสามารถ “ทำงานเร็วกว่า Xeon W9-3595X สูงสุดถึง 145%” ในงานเรนเดอร์ V-Ray

    ในงานสร้างสรรค์และ AI ก็แรงไม่แพ้กัน เช่น เร็วกว่า 49% ใน LLM ของ DeepSeek R1 32B และเร็วกว่า 28% ในงาน AI video editing บน DaVinci Resolve

    นอกจากนี้ รุ่น HEDT สำหรับนักสร้างคอนเทนต์ทั่วไป เช่น Threadripper 9980X ก็ทำผลงานดีกว่า Xeon ตัวเดียวกันถึง 108% บน Corona Render, 65% เร็วกว่าใน Unreal Engine และ 22% ใน Premiere Pro

    ฝั่ง AMD ยังไม่บอกราคา แต่เตรียมวางขายในเดือนกรกฎาคมนี้ และสู้กันชัด ๆ กับ Xeon W9 และ Xeon Pro เจเนอเรชันล่าสุดจาก Intel ที่เริ่มเปิดตัวในปีนี้เหมือนกัน

    AMD เผย Benchmark อย่างเป็นทางการของ Ryzen Threadripper 9000 ซีรีส์  
    • ครอบคลุมทั้งกลุ่ม HEDT (X) และ Workstation Pro (WX)  
    • เทียบกับ Intel Xeon W9-3595X ในหลายงานทั้งสร้างสรรค์ วิศวกรรม และ AI

    Threadripper 9980X (HEDT)  • เร็วกว่าคู่แข่ง Xeon W9-3595X:   
    • 108% บน Corona Render   
    • 65% ใน Unreal Engine build   
    • 41% บน Autodesk Revit   
    • 22% บน Adobe Premiere Pro

    Threadripper Pro 9995WX (Workstation)  
    • เร็วกว่า Threadripper 7995WX รุ่นก่อนหน้า:   
    • 26% บน After Effects   
    • 20% บน V-Ray   
    • 19% บน Cinebench nT

    ด้าน AI/LLM/Creative มี performance เหนือกว่า Xeon  
    • 49% เร็วกว่าใน DeepSeek R1 (LLM 32B)  
    • 34% เร็วกว่าในการสร้างภาพ (text-to-image) ด้วย Flux.1 + ComfyUI  
    • 28% เร็วกว่าใน DaVinci Resolve (AI assisted creation)  
    • 119–145% เร็วกว่าใน V-Ray และ Keyshot

    รายละเอียดสเปก Threadripper Pro 9995WX  
    • 96 คอร์ / 192 เธรด / Boost 5.45GHz  
    • TDP 350W / L3 Cache 384MB / PCIe 5.0 x128 lanes  
    • รองรับ DDR5-6400 ECC

    มีทั้งหมด 10 รุ่นย่อย: 7 รุ่น WX / 3 รุ่น X (non-Pro)  
    • วางขายกรกฎาคม 2025  
    • ราคายังไม่เปิดเผย

    Benchmark ทั้งหมดมาจาก AMD โดยตรง — ต้องรอการทดสอบอิสระเพื่อยืนยัน  
    • ตัวเลขที่ AMD ให้มักมาจาก workloads เฉพาะทาง  
    • อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริงในงานทั่วไป

    TDP 350W อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนขั้นสูง  
    • โดยเฉพาะหากใช้ในการเรนเดอร์หรือ AI inferencing ต่อเนื่อง

    ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคาหรือ availability ในตลาดทั่วไป  
    • อาจเริ่มจากเวิร์กสเตชันแบรนด์ OEM ก่อน เช่น Dell, Lenovo

    รุ่น Workstation ต้องใช้แพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น WRX90 ซึ่งแพงและมีข้อจำกัดมากกว่า consumer CPU  
    • ไม่สามารถใช้ร่วมกับเมนบอร์ดทั่วไปได้

    https://www.techspot.com/news/108362-amd-claims-ryzen-threadripper-9000-up-145-faster.html
    หลังเปิดตัวที่ Computex ไปอย่างน่าตื่นเต้น คราวนี้ AMD เผยผลทดสอบจริงของ Ryzen Threadripper 9000 ซีรีส์แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ รุ่นธรรมดา HEDT (X) และ รุ่นระดับมือโปร (WX) รุ่นท็อป Threadripper Pro 9995WX จัดเต็ม 96 คอร์ 192 เธรด! แถมมี Boost Clock สูงสุด 5.45 GHz พร้อม L3 Cache 384MB และ PCIe 5.0 ถึง 128 เลน — ข้อมูลที่น่าสนใจคือ AMD เคลมว่าสามารถ “ทำงานเร็วกว่า Xeon W9-3595X สูงสุดถึง 145%” ในงานเรนเดอร์ V-Ray ในงานสร้างสรรค์และ AI ก็แรงไม่แพ้กัน เช่น เร็วกว่า 49% ใน LLM ของ DeepSeek R1 32B และเร็วกว่า 28% ในงาน AI video editing บน DaVinci Resolve นอกจากนี้ รุ่น HEDT สำหรับนักสร้างคอนเทนต์ทั่วไป เช่น Threadripper 9980X ก็ทำผลงานดีกว่า Xeon ตัวเดียวกันถึง 108% บน Corona Render, 65% เร็วกว่าใน Unreal Engine และ 22% ใน Premiere Pro ฝั่ง AMD ยังไม่บอกราคา แต่เตรียมวางขายในเดือนกรกฎาคมนี้ และสู้กันชัด ๆ กับ Xeon W9 และ Xeon Pro เจเนอเรชันล่าสุดจาก Intel ที่เริ่มเปิดตัวในปีนี้เหมือนกัน ✅ AMD เผย Benchmark อย่างเป็นทางการของ Ryzen Threadripper 9000 ซีรีส์   • ครอบคลุมทั้งกลุ่ม HEDT (X) และ Workstation Pro (WX)   • เทียบกับ Intel Xeon W9-3595X ในหลายงานทั้งสร้างสรรค์ วิศวกรรม และ AI ✅ Threadripper 9980X (HEDT)  • เร็วกว่าคู่แข่ง Xeon W9-3595X:    • 108% บน Corona Render    • 65% ใน Unreal Engine build    • 41% บน Autodesk Revit    • 22% บน Adobe Premiere Pro ✅ Threadripper Pro 9995WX (Workstation)   • เร็วกว่า Threadripper 7995WX รุ่นก่อนหน้า:    • 26% บน After Effects    • 20% บน V-Ray    • 19% บน Cinebench nT ✅ ด้าน AI/LLM/Creative มี performance เหนือกว่า Xeon   • 49% เร็วกว่าใน DeepSeek R1 (LLM 32B)   • 34% เร็วกว่าในการสร้างภาพ (text-to-image) ด้วย Flux.1 + ComfyUI   • 28% เร็วกว่าใน DaVinci Resolve (AI assisted creation)   • 119–145% เร็วกว่าใน V-Ray และ Keyshot ✅ รายละเอียดสเปก Threadripper Pro 9995WX   • 96 คอร์ / 192 เธรด / Boost 5.45GHz   • TDP 350W / L3 Cache 384MB / PCIe 5.0 x128 lanes   • รองรับ DDR5-6400 ECC ✅ มีทั้งหมด 10 รุ่นย่อย: 7 รุ่น WX / 3 รุ่น X (non-Pro)   • วางขายกรกฎาคม 2025   • ราคายังไม่เปิดเผย ‼️ Benchmark ทั้งหมดมาจาก AMD โดยตรง — ต้องรอการทดสอบอิสระเพื่อยืนยัน   • ตัวเลขที่ AMD ให้มักมาจาก workloads เฉพาะทาง   • อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริงในงานทั่วไป ‼️ TDP 350W อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนขั้นสูง   • โดยเฉพาะหากใช้ในการเรนเดอร์หรือ AI inferencing ต่อเนื่อง ‼️ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคาหรือ availability ในตลาดทั่วไป   • อาจเริ่มจากเวิร์กสเตชันแบรนด์ OEM ก่อน เช่น Dell, Lenovo ‼️ รุ่น Workstation ต้องใช้แพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น WRX90 ซึ่งแพงและมีข้อจำกัดมากกว่า consumer CPU   • ไม่สามารถใช้ร่วมกับเมนบอร์ดทั่วไปได้ https://www.techspot.com/news/108362-amd-claims-ryzen-threadripper-9000-up-145-faster.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD claims Ryzen Threadripper 9000 is up to 145% faster than Intel Xeon
    According to AMD, the Threadripper 9980X HEDT processor is up to 108 percent faster than the Xeon W9-3595X in Corona Render, up to 41 percent faster in...
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • ใครที่เคยใช้ Copilot ใน Excel มาก่อน น่าจะเคยรู้สึกว่า—แม้จะพิมพ์ถามว่า “ข้อมูลนี้บอกอะไร” แต่ Copilot จะทำงานแค่ตามเซลล์ที่คุณคลิกไว้ ถ้าเผลอคลิกผิดก็คือไปคนละทิศเลย

    ล่าสุด Microsoft ปรับให้ “Copilot ฉลาดระดับเข้าใจคุณมากขึ้น” ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Smart Context Awareness คือไม่ต้องคลิกเซลล์หรือไฮไลต์ตารางก่อนถาม เช่น คุณสามารถพิมพ์ว่า “Sort the table in the top-right” หรือ “Show insights about the data I was just analyzing” — แล้ว Copilot จะเข้าใจโดยอิงจากทั้งตำแหน่งข้อมูล + ประวัติแชตที่เพิ่งคุยกัน

    แถม Copilot ยังไฮไลต์ให้ดูเลยว่า “ฉันใช้ข้อมูลส่วนไหนในการวิเคราะห์อยู่” เพื่อความโปร่งใสและช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าคำตอบนั้นมาจากตรงไหน

    ทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานแล้วทั้งบน Excel Web และ Excel เวอร์ชันเดสก์ท็อป (Windows / Mac) ที่อัปเดตล่าสุด

    Copilot in Excel เพิ่ม Smart Context Awareness เข้าใจคำถามแบบรู้บริบท  
    • ไม่จำเป็นต้องเลือกเซลล์ก่อนถามคำถาม  
    • ใช้ทั้งสัญญาณตำแหน่งเซลล์ + ประวัติการสนทนา เพื่อเดาความต้องการของผู้ใช้

    รองรับคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น “จัดเรียงตารางด้านขวาบน” หรือ “แสดงข้อมูลที่วิเคราะห์เมื่อกี้”  
    • ทำให้ไม่ต้องใช้สูตรหรือคำสั่งซับซ้อน  
    • ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน Excel ขั้นสูง

    Copilot แสดง Highlight ข้อมูลที่ใช้ในการตอบกลับ  
    • ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลต้นทางที่ Copilot ใช้  
    • เพิ่มความเชื่อมั่นและสามารถปรับข้อมูลให้ตรงเป้าหมายได้

    ฟีเจอร์ Smart Context ใช้งานได้แล้วบน Excel Web และเวอร์ชันเดสก์ท็อป  
    • Windows: Version 2505 (Build 18623.20058)  
    • Mac: Version 16.95 (Build 2506.3090)

    Visual Highlighting ใช้งานได้ใน Build ล่าสุดเพิ่มเติม  
    • Windows: Version 2505 (Build 18705.20000)  
    • Mac: Version 16.96 (Build 2506.4070)

    Smart Context ยังพึ่งพาการเดาความตั้งใจของผู้ใช้ อาจมีพลาดได้ถ้าข้อมูลคลุมเครือ  
    • เช่น ถ้ามีตารางหลายชุดบนหน้าเดียวกัน คำสั่ง “จัดเรียงตารางขวาบน” อาจเดาผิดได้  
    • ควรตรวจสอบ Highlight ให้แน่ใจก่อนใช้คำสั่งที่มีผลกระทบต่อข้อมูล

    Copilot ยังไม่รองรับการเข้าใจภาพรวมหลายชีตหรือหลาย workbook ได้เต็มที่  
    • Smart Context ใช้ข้อมูลในชีตเดียวเป็นหลัก  
    • หากมีการเชื่อมโยงหลายแหล่ง คำตอบอาจไม่แม่นยำเท่าการระบุชัด ๆ

    ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะ Excel ที่อัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดเท่านั้น  
    • ผู้ใช้ที่ยังใช้ Excel เวอร์ชันเก่าอาจไม่เห็นความสามารถนี้  
    • อาจต้องอัปเดต Microsoft 365 ทั้งระบบเพื่อเข้าถึง

    ความสามารถของ Copilot ยังคงขึ้นกับความซับซ้อนของข้อมูลและโครงสร้างเอกสาร  
    • ข้อมูลที่ไม่มี header, มีรูปแบบผสม หรือมีสูตรซ้อนซับ อาจทำให้ Copilot สับสน

    https://www.neowin.net/news/copilot-in-excel-just-got-a-major-upgrade/
    ใครที่เคยใช้ Copilot ใน Excel มาก่อน น่าจะเคยรู้สึกว่า—แม้จะพิมพ์ถามว่า “ข้อมูลนี้บอกอะไร” แต่ Copilot จะทำงานแค่ตามเซลล์ที่คุณคลิกไว้ ถ้าเผลอคลิกผิดก็คือไปคนละทิศเลย ล่าสุด Microsoft ปรับให้ “Copilot ฉลาดระดับเข้าใจคุณมากขึ้น” ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Smart Context Awareness คือไม่ต้องคลิกเซลล์หรือไฮไลต์ตารางก่อนถาม เช่น คุณสามารถพิมพ์ว่า “Sort the table in the top-right” หรือ “Show insights about the data I was just analyzing” — แล้ว Copilot จะเข้าใจโดยอิงจากทั้งตำแหน่งข้อมูล + ประวัติแชตที่เพิ่งคุยกัน แถม Copilot ยังไฮไลต์ให้ดูเลยว่า “ฉันใช้ข้อมูลส่วนไหนในการวิเคราะห์อยู่” เพื่อความโปร่งใสและช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าคำตอบนั้นมาจากตรงไหน ทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานแล้วทั้งบน Excel Web และ Excel เวอร์ชันเดสก์ท็อป (Windows / Mac) ที่อัปเดตล่าสุด ✅ Copilot in Excel เพิ่ม Smart Context Awareness เข้าใจคำถามแบบรู้บริบท   • ไม่จำเป็นต้องเลือกเซลล์ก่อนถามคำถาม   • ใช้ทั้งสัญญาณตำแหน่งเซลล์ + ประวัติการสนทนา เพื่อเดาความต้องการของผู้ใช้ ✅ รองรับคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น “จัดเรียงตารางด้านขวาบน” หรือ “แสดงข้อมูลที่วิเคราะห์เมื่อกี้”   • ทำให้ไม่ต้องใช้สูตรหรือคำสั่งซับซ้อน   • ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน Excel ขั้นสูง ✅ Copilot แสดง Highlight ข้อมูลที่ใช้ในการตอบกลับ   • ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลต้นทางที่ Copilot ใช้   • เพิ่มความเชื่อมั่นและสามารถปรับข้อมูลให้ตรงเป้าหมายได้ ✅ ฟีเจอร์ Smart Context ใช้งานได้แล้วบน Excel Web และเวอร์ชันเดสก์ท็อป   • Windows: Version 2505 (Build 18623.20058)   • Mac: Version 16.95 (Build 2506.3090) ✅ Visual Highlighting ใช้งานได้ใน Build ล่าสุดเพิ่มเติม   • Windows: Version 2505 (Build 18705.20000)   • Mac: Version 16.96 (Build 2506.4070) ‼️ Smart Context ยังพึ่งพาการเดาความตั้งใจของผู้ใช้ อาจมีพลาดได้ถ้าข้อมูลคลุมเครือ   • เช่น ถ้ามีตารางหลายชุดบนหน้าเดียวกัน คำสั่ง “จัดเรียงตารางขวาบน” อาจเดาผิดได้   • ควรตรวจสอบ Highlight ให้แน่ใจก่อนใช้คำสั่งที่มีผลกระทบต่อข้อมูล ‼️ Copilot ยังไม่รองรับการเข้าใจภาพรวมหลายชีตหรือหลาย workbook ได้เต็มที่   • Smart Context ใช้ข้อมูลในชีตเดียวเป็นหลัก   • หากมีการเชื่อมโยงหลายแหล่ง คำตอบอาจไม่แม่นยำเท่าการระบุชัด ๆ ‼️ ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะ Excel ที่อัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดเท่านั้น   • ผู้ใช้ที่ยังใช้ Excel เวอร์ชันเก่าอาจไม่เห็นความสามารถนี้   • อาจต้องอัปเดต Microsoft 365 ทั้งระบบเพื่อเข้าถึง ‼️ ความสามารถของ Copilot ยังคงขึ้นกับความซับซ้อนของข้อมูลและโครงสร้างเอกสาร   • ข้อมูลที่ไม่มี header, มีรูปแบบผสม หรือมีสูตรซ้อนซับ อาจทำให้ Copilot สับสน https://www.neowin.net/news/copilot-in-excel-just-got-a-major-upgrade/
    WWW.NEOWIN.NET
    Copilot in Excel just got a major upgrade
    Microsoft has made Copilot in Excel a whole lot better by giving it smarter context awareness and a visual highlight that makes it easier to trust the AI's responses.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Start Menu ของ Windows 11 กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อดราม่าประจำวงการคอม หลังเปิดตัวในปี 2021 เพราะหลายคนรู้สึกว่าใช้งานยาก ปรับแต่งไม่ได้ และไม่สะดวกแบบ Windows 10 ล่าสุด Microsoft จึงออกแบบใหม่ใน Windows 11 เวอร์ชันทดสอบ (Dev และ Beta channel) เพื่อคืนความสุขให้ผู้ใช้

    ทีมพัฒนาเริ่มจากการเปิด Feedback Hub ให้ผู้ใช้โหวตฟีเจอร์ที่อยากได้มากที่สุด และทำ “Checklist” เทียบว่าอะไรทำแล้ว อะไรยัง ทำให้เรารู้เลยว่าเขา “ฟังจริงแค่ไหน”

    ที่โดดเด่นคือการปิดแถบ Recommended ได้ซะที! ซึ่งคือแถบแนะนำแอป/ไฟล์ที่หลายคนรำคาญ เพราะกินพื้นที่ แต่บางอย่างที่คนเรียกร้อง เช่น Live Tiles หรือ Start Menu เต็มจอแบบ Windows 10 — ยัง “เงียบสนิท”

    นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกับผู้ใช้ (User-driven design) แต่ในบางประเด็นก็ยังสะท้อนความขัดแย้งระหว่าง “แนวคิดมินิมอล” ของ Microsoft กับความต้องการการปรับแต่งของผู้ใช้ระดับ power user

    Microsoft อัปเดต Start Menu ใหม่ใน Windows 11 เวอร์ชันทดสอบ  
    • เปิดให้ทดสอบใน Dev และ Beta Channel  
    • มีการแก้ไขตามข้อเสนอ 10 อันดับใน Feedback Hub จากผู้ใช้

    ผู้ใช้สามารถปิดแถบ “Recommended” ได้แล้ว  
    • เป็นคำขอที่มีคนโหวตสูงสุด (17K+)  
    • ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มพื้นที่แสดงแอป

    เพิ่มการเลือกมุมมอง “All Apps” ได้หลายรูปแบบ  
    • สลับได้ทั้งแบบ list, grid, หรือ categorized  
    • ไม่บังคับมุมมองใดมุมมองหนึ่ง

    ตั้งให้ Start เปิดมาที่รายการ All Apps ได้โดยตรง  
    • ไม่ต้องกดคลิกเพิ่มเพื่อเข้าถึงแอปทั้งหมด

    ยืนยันว่า Microsoft ไม่กลับไปใช้ Start Menu สไตล์ Windows 10  
    • ผู้ใช้ที่อยากได้แบบเดิมต้องพึ่ง third-party mod เช่น StartIsBack หรือ Start11

    ปรับปรุงการแสดง Jump List (เมื่อคลิกขวาแอปที่ปักหมุด)  
    • ใช้งานได้แล้วแต่ยังมีบั๊ก: ถ้าปิด Recommended → Jump List หาย!

    ไม่มีการนำ “Live Tiles” กลับมา และยังไม่รองรับ Start Menu เต็มจอ  
    • แม้มีการโชว์ต้นแบบ Start Menu เต็มจอในอดีต แต่ไม่ถูกเลือกใช้

    การปิด Recommended ส่งผลข้างเคียงต่อ Jump List บน Taskbar  
    • หากปิดแถบ Recommended → Jump List บน Start/Taskbar หายไปด้วย  
    • ส่งผลกับผู้ใช้ที่ใช้ฟีเจอร์นี้บ่อยมาก เช่น การเปิดไฟล์ล่าสุดจาก Word หรือ Excel

    ยังไม่สามารถปรับขนาด Start Menu ได้ตามใจแบบ Windows 10  
    • แม้จะ adaptive ตามขนาดจอ แต่ไม่มีตัวเลือกปรับขนาดเอง

    ยังขาดระบบ “full personalization” สำหรับผู้ใช้สายปรับแต่ง  
    • ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสี ตำแหน่ง หรือเอฟเฟกต์ ต้องใช้ third-party tool

    Start Menu ใหม่ยังไม่ปล่อยในเวอร์ชันเสถียร  
    • ฟีเจอร์ทั้งหมดอยู่ใน build สำหรับนักทดสอบเท่านั้น

    https://www.neowin.net/news/redesigned-windows-11-start-menu-what-users-wanted-and-what-microsoft-delivered/
    Start Menu ของ Windows 11 กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อดราม่าประจำวงการคอม หลังเปิดตัวในปี 2021 เพราะหลายคนรู้สึกว่าใช้งานยาก ปรับแต่งไม่ได้ และไม่สะดวกแบบ Windows 10 ล่าสุด Microsoft จึงออกแบบใหม่ใน Windows 11 เวอร์ชันทดสอบ (Dev และ Beta channel) เพื่อคืนความสุขให้ผู้ใช้ ทีมพัฒนาเริ่มจากการเปิด Feedback Hub ให้ผู้ใช้โหวตฟีเจอร์ที่อยากได้มากที่สุด และทำ “Checklist” เทียบว่าอะไรทำแล้ว อะไรยัง ทำให้เรารู้เลยว่าเขา “ฟังจริงแค่ไหน” ที่โดดเด่นคือการปิดแถบ Recommended ได้ซะที! ซึ่งคือแถบแนะนำแอป/ไฟล์ที่หลายคนรำคาญ เพราะกินพื้นที่ แต่บางอย่างที่คนเรียกร้อง เช่น Live Tiles หรือ Start Menu เต็มจอแบบ Windows 10 — ยัง “เงียบสนิท” นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกับผู้ใช้ (User-driven design) แต่ในบางประเด็นก็ยังสะท้อนความขัดแย้งระหว่าง “แนวคิดมินิมอล” ของ Microsoft กับความต้องการการปรับแต่งของผู้ใช้ระดับ power user ✅ Microsoft อัปเดต Start Menu ใหม่ใน Windows 11 เวอร์ชันทดสอบ   • เปิดให้ทดสอบใน Dev และ Beta Channel   • มีการแก้ไขตามข้อเสนอ 10 อันดับใน Feedback Hub จากผู้ใช้ ✅ ผู้ใช้สามารถปิดแถบ “Recommended” ได้แล้ว   • เป็นคำขอที่มีคนโหวตสูงสุด (17K+)   • ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มพื้นที่แสดงแอป ✅ เพิ่มการเลือกมุมมอง “All Apps” ได้หลายรูปแบบ   • สลับได้ทั้งแบบ list, grid, หรือ categorized   • ไม่บังคับมุมมองใดมุมมองหนึ่ง ✅ ตั้งให้ Start เปิดมาที่รายการ All Apps ได้โดยตรง   • ไม่ต้องกดคลิกเพิ่มเพื่อเข้าถึงแอปทั้งหมด ✅ ยืนยันว่า Microsoft ไม่กลับไปใช้ Start Menu สไตล์ Windows 10   • ผู้ใช้ที่อยากได้แบบเดิมต้องพึ่ง third-party mod เช่น StartIsBack หรือ Start11 ✅ ปรับปรุงการแสดง Jump List (เมื่อคลิกขวาแอปที่ปักหมุด)   • ใช้งานได้แล้วแต่ยังมีบั๊ก: ถ้าปิด Recommended → Jump List หาย! ✅ ไม่มีการนำ “Live Tiles” กลับมา และยังไม่รองรับ Start Menu เต็มจอ   • แม้มีการโชว์ต้นแบบ Start Menu เต็มจอในอดีต แต่ไม่ถูกเลือกใช้ ‼️ การปิด Recommended ส่งผลข้างเคียงต่อ Jump List บน Taskbar   • หากปิดแถบ Recommended → Jump List บน Start/Taskbar หายไปด้วย   • ส่งผลกับผู้ใช้ที่ใช้ฟีเจอร์นี้บ่อยมาก เช่น การเปิดไฟล์ล่าสุดจาก Word หรือ Excel ‼️ ยังไม่สามารถปรับขนาด Start Menu ได้ตามใจแบบ Windows 10   • แม้จะ adaptive ตามขนาดจอ แต่ไม่มีตัวเลือกปรับขนาดเอง ‼️ ยังขาดระบบ “full personalization” สำหรับผู้ใช้สายปรับแต่ง   • ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสี ตำแหน่ง หรือเอฟเฟกต์ ต้องใช้ third-party tool ‼️ Start Menu ใหม่ยังไม่ปล่อยในเวอร์ชันเสถียร   • ฟีเจอร์ทั้งหมดอยู่ใน build สำหรับนักทดสอบเท่านั้น https://www.neowin.net/news/redesigned-windows-11-start-menu-what-users-wanted-and-what-microsoft-delivered/
    WWW.NEOWIN.NET
    Redesigned Windows 11 Start menu: What users wanted and what Microsoft delivered
    Microsoft recently started public testing a redesigned Start menu for Windows 11. Here is how it compares to users' expectations.
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า

    สรุปเนื้อหาข่าว
    Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น
    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้
    มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้
    ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา
    แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft

    ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ
    การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้
    ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า สรุปเนื้อหาข่าว ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้ ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้ ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Notebooks now integrated in OneNote on Windows
    Microsoft has announced the availability of Microsoft 365 Copilot Notebooks in OneNote for Windows as an Insider preview for Enterprise customers.
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี
    Nvidia ประกาศสร้าง คลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก ในยุโรป โดยตั้งอยู่ใน เยอรมนี เพื่อช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถใช้ AI ในการออกแบบ วิศวกรรม การวางแผน การจำลอง และหุ่นยนต์

    โครงการนี้จะใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers เพื่อรองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads

    ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี
    - ใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers
    - รองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads
    - ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น BMW, Maserati และ Mercedes-Benz จะใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้
    - โครงการนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ AI gigafactories ในยุโรป

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และการผลิต
    Nvidia เชื่อว่า ผู้ผลิตต้องมีโรงงานสองแห่ง—หนึ่งสำหรับการผลิต และอีกหนึ่งสำหรับการสร้าง AI ที่ขับเคลื่อนการผลิต

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนโครงการนี้
    - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้ยุโรปแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีนในด้าน AI ได้หรือไม่
    - การใช้ AI ในอุตสาหกรรมต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด
    - ต้องรอดูว่า Nvidia จะขยายโครงการนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่

    อนาคตของ AI ในยุโรป
    Nvidia กำลัง ผลักดันให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของ AI อุตสาหกรรม โดยโครงการนี้อาจช่วยให้ บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-is-building-the-worlds-first-industrial-ai-cloud-german-facility-to-leverage-10-000-gpus-dgx-b200-and-rtx-pro-servers
    🌍 Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี Nvidia ประกาศสร้าง คลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก ในยุโรป โดยตั้งอยู่ใน เยอรมนี เพื่อช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถใช้ AI ในการออกแบบ วิศวกรรม การวางแผน การจำลอง และหุ่นยนต์ โครงการนี้จะใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers เพื่อรองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia สร้างคลาวด์ AI อุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกในเยอรมนี - ใช้ 10,000 GPUs รวมถึง DGX B200 และ RTX Pro Servers - รองรับ CUDA-X libraries และ Omniverse-accelerated workloads - ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น BMW, Maserati และ Mercedes-Benz จะใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้ - โครงการนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ AI gigafactories ในยุโรป 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI และการผลิต Nvidia เชื่อว่า ผู้ผลิตต้องมีโรงงานสองแห่ง—หนึ่งสำหรับการผลิต และอีกหนึ่งสำหรับการสร้าง AI ที่ขับเคลื่อนการผลิต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนโครงการนี้ - ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะช่วยให้ยุโรปแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีนในด้าน AI ได้หรือไม่ - การใช้ AI ในอุตสาหกรรมต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด - ต้องรอดูว่า Nvidia จะขยายโครงการนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่ 🚀 อนาคตของ AI ในยุโรป Nvidia กำลัง ผลักดันให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของ AI อุตสาหกรรม โดยโครงการนี้อาจช่วยให้ บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-is-building-the-worlds-first-industrial-ai-cloud-german-facility-to-leverage-10-000-gpus-dgx-b200-and-rtx-pro-servers
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    0 Comments 0 Shares 397 Views 0 Reviews
  • SpaceX เตรียมสร้างโรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส
    SpaceX กำลังขยายขีดความสามารถด้านการผลิต โดยเตรียมสร้าง โรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส ซึ่งจะใช้ เทคโนโลยี Fan-Out Panel-Level Packaging (FOPLP) และมี ขนาดแผ่นฐานชิปใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมที่ 700mm x 700mm

    ปัจจุบัน SpaceX ยังไม่ได้ผลิตชิปของตัวเอง แต่ใช้บริการจาก STMicroelectronics และ Innolux อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังผลักดันให้มีการผลิตชิปภายในประเทศ เพื่อสนับสนุน ความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ

    ปีที่แล้ว SpaceX ได้เปิด โรงงานผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่เมือง Bastrop, Texas ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถ ลดต้นทุนและควบคุมกระบวนการผลิตดาวเทียมได้ดีขึ้น

    การสร้างโรงงานบรรจุชิปเป็น ขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผล เนื่องจาก กระบวนการ FOPLP มีความคล้ายคลึงกับการผลิต PCB เช่น การชุบทองแดง, การใช้เลเซอร์ และกระบวนการเติมสารกึ่งตัวนำ

    ข้อมูลจากข่าว
    - SpaceX เตรียมสร้างโรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส
    - ใช้เทคโนโลยี Fan-Out Panel-Level Packaging (FOPLP)
    - ขนาดแผ่นฐานชิปใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมที่ 700mm x 700mm
    - ปัจจุบัน SpaceX ยังไม่ได้ผลิตชิปของตัวเอง แต่ใช้บริการจาก STMicroelectronics และ Innolux
    - โรงงาน PCB ที่ Bastrop, Texas ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตดาวเทียม

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - SpaceX ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปของตัวเองก่อนที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้
    - ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศได้จริงหรือไม่
    - แม้ว่า FOPLP จะเหมาะกับอุตสาหกรรมอวกาศและการสื่อสาร แต่ยังต้องพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ
    - การแข่งขันกับ TSMC, Intel และ GlobalFoundries อาจทำให้ SpaceX ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในระยะยาว

    การเข้าสู่ตลาดบรรจุชิปของ SpaceX อาจช่วยให้สหรัฐฯ มีตัวเลือกที่ผลิตภายในประเทศมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/elon-musks-spacex-to-build-its-own-advanced-chip-packaging-factory-in-texas-700mm-x-700mm-substrate-size-purported-to-be-the-largest-in-the-industry
    🚀 SpaceX เตรียมสร้างโรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส SpaceX กำลังขยายขีดความสามารถด้านการผลิต โดยเตรียมสร้าง โรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส ซึ่งจะใช้ เทคโนโลยี Fan-Out Panel-Level Packaging (FOPLP) และมี ขนาดแผ่นฐานชิปใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมที่ 700mm x 700mm ปัจจุบัน SpaceX ยังไม่ได้ผลิตชิปของตัวเอง แต่ใช้บริการจาก STMicroelectronics และ Innolux อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังผลักดันให้มีการผลิตชิปภายในประเทศ เพื่อสนับสนุน ความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ปีที่แล้ว SpaceX ได้เปิด โรงงานผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่เมือง Bastrop, Texas ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถ ลดต้นทุนและควบคุมกระบวนการผลิตดาวเทียมได้ดีขึ้น การสร้างโรงงานบรรจุชิปเป็น ขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผล เนื่องจาก กระบวนการ FOPLP มีความคล้ายคลึงกับการผลิต PCB เช่น การชุบทองแดง, การใช้เลเซอร์ และกระบวนการเติมสารกึ่งตัวนำ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SpaceX เตรียมสร้างโรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในเท็กซัส - ใช้เทคโนโลยี Fan-Out Panel-Level Packaging (FOPLP) - ขนาดแผ่นฐานชิปใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมที่ 700mm x 700mm - ปัจจุบัน SpaceX ยังไม่ได้ผลิตชิปของตัวเอง แต่ใช้บริการจาก STMicroelectronics และ Innolux - โรงงาน PCB ที่ Bastrop, Texas ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตดาวเทียม ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - SpaceX ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปของตัวเองก่อนที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้ - ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศได้จริงหรือไม่ - แม้ว่า FOPLP จะเหมาะกับอุตสาหกรรมอวกาศและการสื่อสาร แต่ยังต้องพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ - การแข่งขันกับ TSMC, Intel และ GlobalFoundries อาจทำให้ SpaceX ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในระยะยาว การเข้าสู่ตลาดบรรจุชิปของ SpaceX อาจช่วยให้สหรัฐฯ มีตัวเลือกที่ผลิตภายในประเทศมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการลงทุนนี้จะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/elon-musks-spacex-to-build-its-own-advanced-chip-packaging-factory-in-texas-700mm-x-700mm-substrate-size-purported-to-be-the-largest-in-the-industry
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • Windows 11 ปรับปรุงการแสดงข้อมูลสเปคเครื่องใน Settings
    Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในแอป Settings ของ Windows 11 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ ตรวจสอบข้อมูลสเปคของเครื่องได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องคลิกหลายขั้นตอน

    ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่ System > About เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับ โปรเซสเซอร์, หน่วยความจำ, การ์ดจอ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล แต่ใน Windows 11 Build 26200.5622 Microsoft ได้เพิ่ม "Your device info" card ไว้ที่หน้าแรกของ Settings

    การ์ดนี้จะแสดง ชื่อและความเร็วของโปรเซสเซอร์, การ์ดจอและหน่วยความจำวิดีโอ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และ RAM พร้อมลิงก์ไปยัง หน้า About เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม เช่น Windows edition, Product ID และ FAQ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 11 เพิ่ม "Your device info" card ในหน้าแรกของ Settings
    - การ์ดนี้แสดงข้อมูลโปรเซสเซอร์, การ์ดจอ, หน่วยความจำวิดีโอ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และ RAM
    - มีลิงก์ไปยังหน้า About เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows edition และ Product ID
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน Windows 11 Build 26200.5622 หรือใหม่กว่า
    - ต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วย Microsoft Account ในสหรัฐฯ เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงการเปิดตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจยังไม่สามารถใช้งานได้ในทุกเครื่อง
    - ต้องใช้ Windows 11 เวอร์ชัน Dev Channel เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้ก่อนใคร
    - ผู้ใช้บางคนมองว่าการเพิ่มการ์ดนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ Microsoft ใช้โปรโมตบริการ เช่น Microsoft 365 และ Game Pass
    - ต้องติดตามว่าฟีเจอร์นี้จะถูกนำไปใช้ใน Windows 11 เวอร์ชันเสถียรเมื่อใด

    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลสเปคของเครื่องได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปที่หน้า About ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะมองว่าฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์ หรือเป็นเพียงการเพิ่มโฆษณาใน Settings

    https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-easier-to-find-pc-specs-in-windows-11-settings/
    🖥️ Windows 11 ปรับปรุงการแสดงข้อมูลสเปคเครื่องใน Settings Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในแอป Settings ของ Windows 11 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ ตรวจสอบข้อมูลสเปคของเครื่องได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องคลิกหลายขั้นตอน ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่ System > About เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับ โปรเซสเซอร์, หน่วยความจำ, การ์ดจอ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล แต่ใน Windows 11 Build 26200.5622 Microsoft ได้เพิ่ม "Your device info" card ไว้ที่หน้าแรกของ Settings การ์ดนี้จะแสดง ชื่อและความเร็วของโปรเซสเซอร์, การ์ดจอและหน่วยความจำวิดีโอ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และ RAM พร้อมลิงก์ไปยัง หน้า About เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม เช่น Windows edition, Product ID และ FAQ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 11 เพิ่ม "Your device info" card ในหน้าแรกของ Settings - การ์ดนี้แสดงข้อมูลโปรเซสเซอร์, การ์ดจอ, หน่วยความจำวิดีโอ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และ RAM - มีลิงก์ไปยังหน้า About เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows edition และ Product ID - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน Windows 11 Build 26200.5622 หรือใหม่กว่า - ต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วย Microsoft Account ในสหรัฐฯ เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงการเปิดตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจยังไม่สามารถใช้งานได้ในทุกเครื่อง - ต้องใช้ Windows 11 เวอร์ชัน Dev Channel เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้ก่อนใคร - ผู้ใช้บางคนมองว่าการเพิ่มการ์ดนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ Microsoft ใช้โปรโมตบริการ เช่น Microsoft 365 และ Game Pass - ต้องติดตามว่าฟีเจอร์นี้จะถูกนำไปใช้ใน Windows 11 เวอร์ชันเสถียรเมื่อใด การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลสเปคของเครื่องได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปที่หน้า About ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะมองว่าฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์ หรือเป็นเพียงการเพิ่มโฆษณาใน Settings https://www.neowin.net/news/microsoft-makes-it-easier-to-find-pc-specs-in-windows-11-settings/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft makes it easier to find PC specs in Windows 11 Settings
    Microsoft is updating the Settings app in Windows 11 to make it easier to find your computer's specs.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
More Results