• Bernama มาเลเซีย แถลง "ขออภัยอย่างเป็นทางการ" ต่อความผิดพลาดร้ายแรงในการแปลข่าวปมทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/22368/
    .
    #ไทยไท #Bernama #แปลผิดพลาด #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #ความมั่นคงชายแดน

    Bernama มาเลเซีย แถลง "ขออภัยอย่างเป็นทางการ" ต่อความผิดพลาดร้ายแรงในการแปลข่าวปมทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/22368/ . #ไทยไท #Bernama #แปลผิดพลาด #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #ความมั่นคงชายแดน
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • ทบ. เผยรายงาน AOT ยืนยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบ "เป็นทุ่นระเบิดใหม่" แจง Bernama สื่อมาเลเซียรายงานคลาดเคลื่อน แก้ข่าวแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/22366/
    .
    #ไทยไท #วินธัยสุวารี #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #Bernama #กองทัพบก
    ทบ. เผยรายงาน AOT ยืนยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบ "เป็นทุ่นระเบิดใหม่" แจง Bernama สื่อมาเลเซียรายงานคลาดเคลื่อน แก้ข่าวแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/22366/ . #ไทยไท #วินธัยสุวารี #ทุ่นระเบิดใหม่ #AOT #Bernama #กองทัพบก
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • อันวาร์ อิบราฮิม บิดาการโทรคุยแห่งชาติ

    การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทหารไทยถูกเหยียบกับระเบิดซึ่งเชื่อว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขวาขาด สูญเสียอวัยวะเป็นรายที่ 7 หนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึง คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 78 ปี ในฐานะประธานอาเซียน ที่เคยได้รับการชื่นชมว่าประสบความสำเร็จในการเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถูกชาวมาเลเซียอีกส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

    ก่อนหน้านี้ ชาวเน็ตมาเลเซียเคยให้ฉายานายอันวาร์ว่าเป็น "บิดาแห่งการคุยโทรศัพท์แห่งชาติ" (Bapa Penelefon Negara) เพราะมักจะโทรศัพท์คุยกับบุคคลต่างๆ ก่อนที่จะเปิดเผยผลการพูดคุยทางเฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ให้สื่อมวลชนทั้งสำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศหยิบไปนำเสนอข่าว ซึ่งสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายอันวาร์พยายามโทรศัพท์หานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ข้อตกลงหยุดยิง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา

    กลุ่มผู้สนับสนุนนายอันวาร์ พยายามออกมาแก้ต่างถึงฉายาดังกล่าว ทำนองว่าการสื่อสารทางโทรศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำประเทศ การทูตไม่ได้เกิดขึ้นที่โต๊ะเจรจาเสมอไป บางครั้งการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพหรือในทางกลับกันก็ได้ ในประวัติศาสตร์โลก การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้ง เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์ทั้งนั้น ถือสัญลักษณ์ของความโปร่งใส และความมุ่งมั่นของผู้นำประเทศ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการทูตไม่ใช่แค่การกล่าวสุนทรพจน์บนเวที

    บ้างก็ชื่นชมนายอันวาร์ ที่เคยเพียงแค่โทรศัพท์ ก็สามารถปล่อยตัวชาวมาเลเซีย 23 คน ซึ่งถูกอิสราเอลกักตัวไว้ได้ภายในเวลาเพียง 3-4 วัน ส่วนกลุ่มคัดค้านนายอันวาร์ก็มองว่า นายอันวาร์เป็นคนชอบเล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ทำงานอะไรเลย รู้เพียงแต่เล่นโทรศัพท์ แม้ประเทศกำลังจะล่มสลาย เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา บ้างก็ว่าถึงนายอันวาร์จะมีเบอร์โทรศัพท์คนโน้นคนนี้เยอะ แต่ปัญหาที่เยอะตามกลับไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาหนึ่งยังไม่จบก็เกิดปัญหาใหม่ เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ถือเป็นบทเรียนที่ว่า การสร้างสันติภาพเพียงแค่เปลือกนอก โดยไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ย่อมไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลงอย่างสงบได้

    #Newskit
    อันวาร์ อิบราฮิม บิดาการโทรคุยแห่งชาติ การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทหารไทยถูกเหยียบกับระเบิดซึ่งเชื่อว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขวาขาด สูญเสียอวัยวะเป็นรายที่ 7 หนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึง คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 78 ปี ในฐานะประธานอาเซียน ที่เคยได้รับการชื่นชมว่าประสบความสำเร็จในการเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถูกชาวมาเลเซียอีกส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ก่อนหน้านี้ ชาวเน็ตมาเลเซียเคยให้ฉายานายอันวาร์ว่าเป็น "บิดาแห่งการคุยโทรศัพท์แห่งชาติ" (Bapa Penelefon Negara) เพราะมักจะโทรศัพท์คุยกับบุคคลต่างๆ ก่อนที่จะเปิดเผยผลการพูดคุยทางเฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ให้สื่อมวลชนทั้งสำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศหยิบไปนำเสนอข่าว ซึ่งสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายอันวาร์พยายามโทรศัพท์หานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ข้อตกลงหยุดยิง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา กลุ่มผู้สนับสนุนนายอันวาร์ พยายามออกมาแก้ต่างถึงฉายาดังกล่าว ทำนองว่าการสื่อสารทางโทรศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำประเทศ การทูตไม่ได้เกิดขึ้นที่โต๊ะเจรจาเสมอไป บางครั้งการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพหรือในทางกลับกันก็ได้ ในประวัติศาสตร์โลก การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้ง เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์ทั้งนั้น ถือสัญลักษณ์ของความโปร่งใส และความมุ่งมั่นของผู้นำประเทศ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการทูตไม่ใช่แค่การกล่าวสุนทรพจน์บนเวที บ้างก็ชื่นชมนายอันวาร์ ที่เคยเพียงแค่โทรศัพท์ ก็สามารถปล่อยตัวชาวมาเลเซีย 23 คน ซึ่งถูกอิสราเอลกักตัวไว้ได้ภายในเวลาเพียง 3-4 วัน ส่วนกลุ่มคัดค้านนายอันวาร์ก็มองว่า นายอันวาร์เป็นคนชอบเล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ทำงานอะไรเลย รู้เพียงแต่เล่นโทรศัพท์ แม้ประเทศกำลังจะล่มสลาย เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา บ้างก็ว่าถึงนายอันวาร์จะมีเบอร์โทรศัพท์คนโน้นคนนี้เยอะ แต่ปัญหาที่เยอะตามกลับไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาหนึ่งยังไม่จบก็เกิดปัญหาใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ถือเป็นบทเรียนที่ว่า การสร้างสันติภาพเพียงแค่เปลือกนอก โดยไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ย่อมไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลงอย่างสงบได้ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ

    สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท

    ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570

    สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน

    ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น

    #Newskit
    แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570 สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567

    ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น

    ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ

    ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก

    ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567 ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 827 Views 0 Reviews
  • ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68

    โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า

    ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน

    สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    #Newskit
    ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68 โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 713 Views 0 Reviews
  • ถึงเวลาปิโตรนาส ปรับโครงสร้างองค์กร

    ปิโตรนาส (Petronas) บริษัทพลังงานแห่งชาติของมาเลเซีย เพิ่งฉลองครบรอบ 50 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว กำลังจะปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการปรับลดขนาดกำลังคนที่มีกว่า 50,000 คน ซึ่งนายเต็งกู มูฮัมหมัด เตาฟิก ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามรายงานของ The Edge สื่อออนไลน์ในมาเลเซีย ยืนยันว่าไม่ใช้การเลิกจ้าง แต่เป็นการปรับลดขนาดกำลังคนเพื่อความอยู่รอดในอีกสิบปีข้างหน้า

    สำหรับจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากโครงสร้างองค์กรใหม่จะประกาศใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งพนักงานบางส่วนจะถูกย้ายไปทำหน้าที่ใหม่ บางส่วนจะถูกเลิกจ้าง คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนฝ่ายสนับสนุน (Enablers) ซึ่งอยู่ในตำแหน่งบริหาร ที่มีอยู่ประมาณ 15,000-16,000 คน เมื่อเทียบกับกำลังคนทั่วโลกที่มีอยู่ 52,000-53,000 คน ซึ่งจะปรับขนาดของกำลังบุคลากรให้เหมาะสม

    พร้อมกันนี้ การปรับลดขนาดกำลังคนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ยุติบทบาทผู้รวบรวมก๊าซในรัฐซาราวัก แต่ได้พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมการดำเนินงาน ทั้งปัจจัยทางธรณีวิทยาที่ทำให้ส่วนแบ่งรายได้ในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นลดลง จากเดิมสูงกว่า 20% ซึ่งในอนาคตจะต้องจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนให้กับลูกค้า เช่น บลูแอมโมเนีย (Blue Ammonia) ก๊าซที่ผลิตจากไฮโดรคาร์บอน จึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและคล่องตัวตอบสนองต่อพลวัตของตลาดใหม่

    ซีอีโอของปิโตรนาสยังกล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ว่า นับตั้งแต่ปิโตรนาสก่อตั้ง ได้มีส่วนสนับสนุนประเทศชาติกว่า 1.5 ล้านล้านริงกิต ในรูปแบบเงินปันผล ภาษีการขายของรัฐ เงินสด ภาษีส่งออก และกองทุนมรดกแห่งชาติ ซึ่งในฐานะบริษัทน้ำมันแห่งชาติ แต่ดำเนินการในฐานะบริษัทน้ำมันระหว่างประเทศมาโดยตลอด และคู่แข่งก็ตัดสินใจลำบากเช่นกัน เพราะอัตรากำไรของอุตสาหกรรมและก๊าซถูกบีบลงจากเดิม 40-45% เหลือเพียง 20% ซึ่งปิโตรนาสก็ประสบปัญหาคล้ายกัน

    เพื่อที่ปิโตรนาสจะมีส่วนสนับสนุนประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนและขยายตัวในพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังงานราคาถูก ปลอดภัย และยั่งยืนมากขึ้น จึงต้องพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะคงไว้ซึ่งความเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนโดยผลผลิต นวัตกรรม ความยั่งยืน และความมุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปในอนาคตได้

    #Newskit
    ถึงเวลาปิโตรนาส ปรับโครงสร้างองค์กร ปิโตรนาส (Petronas) บริษัทพลังงานแห่งชาติของมาเลเซีย เพิ่งฉลองครบรอบ 50 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว กำลังจะปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการปรับลดขนาดกำลังคนที่มีกว่า 50,000 คน ซึ่งนายเต็งกู มูฮัมหมัด เตาฟิก ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามรายงานของ The Edge สื่อออนไลน์ในมาเลเซีย ยืนยันว่าไม่ใช้การเลิกจ้าง แต่เป็นการปรับลดขนาดกำลังคนเพื่อความอยู่รอดในอีกสิบปีข้างหน้า สำหรับจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากโครงสร้างองค์กรใหม่จะประกาศใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งพนักงานบางส่วนจะถูกย้ายไปทำหน้าที่ใหม่ บางส่วนจะถูกเลิกจ้าง คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนฝ่ายสนับสนุน (Enablers) ซึ่งอยู่ในตำแหน่งบริหาร ที่มีอยู่ประมาณ 15,000-16,000 คน เมื่อเทียบกับกำลังคนทั่วโลกที่มีอยู่ 52,000-53,000 คน ซึ่งจะปรับขนาดของกำลังบุคลากรให้เหมาะสม พร้อมกันนี้ การปรับลดขนาดกำลังคนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ยุติบทบาทผู้รวบรวมก๊าซในรัฐซาราวัก แต่ได้พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมการดำเนินงาน ทั้งปัจจัยทางธรณีวิทยาที่ทำให้ส่วนแบ่งรายได้ในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นลดลง จากเดิมสูงกว่า 20% ซึ่งในอนาคตจะต้องจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนให้กับลูกค้า เช่น บลูแอมโมเนีย (Blue Ammonia) ก๊าซที่ผลิตจากไฮโดรคาร์บอน จึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและคล่องตัวตอบสนองต่อพลวัตของตลาดใหม่ ซีอีโอของปิโตรนาสยังกล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ว่า นับตั้งแต่ปิโตรนาสก่อตั้ง ได้มีส่วนสนับสนุนประเทศชาติกว่า 1.5 ล้านล้านริงกิต ในรูปแบบเงินปันผล ภาษีการขายของรัฐ เงินสด ภาษีส่งออก และกองทุนมรดกแห่งชาติ ซึ่งในฐานะบริษัทน้ำมันแห่งชาติ แต่ดำเนินการในฐานะบริษัทน้ำมันระหว่างประเทศมาโดยตลอด และคู่แข่งก็ตัดสินใจลำบากเช่นกัน เพราะอัตรากำไรของอุตสาหกรรมและก๊าซถูกบีบลงจากเดิม 40-45% เหลือเพียง 20% ซึ่งปิโตรนาสก็ประสบปัญหาคล้ายกัน เพื่อที่ปิโตรนาสจะมีส่วนสนับสนุนประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนและขยายตัวในพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังงานราคาถูก ปลอดภัย และยั่งยืนมากขึ้น จึงต้องพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะคงไว้ซึ่งความเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนโดยผลผลิต นวัตกรรม ความยั่งยืน และความมุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปในอนาคตได้ #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 638 Views 0 Reviews
  • 2 ด่านมาเลเซียการจราจรติดขัดเนื่องจากช่วงปิดเทอม

    เบอร์นามา - ด่านพรมแดนทั้งสองแห่งในรัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย การจราจรคับคั่งอย่างหนัก เนื่องจากรถยนต์จากประเทศมาเลเซียจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยในช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย โดยเมื่อเช้าวานนี้ (14 ก.ย.) มีรายงานว่ามีคนเข้าแถวยาวที่ศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ด่านกักกันสัตว์ และความมั่นคง (ICQS) บูกิตกายูฮิตัม ตรงข้ามด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และศูนย์ ICQS โกตาปูตรา ตรงข้ามด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา

    นายโมฮัมหมัด ริดชวน ซาอิน ผู้อำนวยการกรมตรวจคนเข้าเมือง (JIM) รัฐเคดะห์ กล่าวว่า ปริมาณการจราจรผ่านด่านตรวจศูนย์ ICQS บูกิตกายูฮิตัม เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้เดินทางเข้าออกจำนวน 30,754 ราย เนื่องจากชาวมาเลเซียแห่ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สวรรค์ของคนรักอาหาร ที่ขึ้นชื่อว่าอาหารราคาไม่แพงและรสชาติอร่อย หาดใหญ่เป็นเมืองยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้

    เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางทันที พร้อมกับเร่งตรวจสอบเอกสารการเดินทางและจัดการจราจรที่ชายแดน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ชายแดนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและการสัญจรไปมาเป็นไปอย่างราบรื่น

    พร้อมกันนี้ ผอ.กรมตรวจคนเข้าเมืองรัฐเคดะห์ ยังแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนชาวมาเลเซียปฏิบัติตามกฎจราจร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบข้อมูลการจราจรล่าสุดผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ และเลือกช่วงเวลาเดินทางที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรคับคั่ง ขณะเดียวกัน ยังเตือนนักท่องเที่ยวตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารการเดินทางถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ชายแดน

    นางซาฟารินา ออธมาน หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ ICQS โกตาปูตรา รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ประมาณ 400-600 รายต่อวัน แต่เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) จำนวนผู้เดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ราย

    https://bernama.com/en/general/news.php?id=2340430
    2 ด่านมาเลเซียการจราจรติดขัดเนื่องจากช่วงปิดเทอม เบอร์นามา - ด่านพรมแดนทั้งสองแห่งในรัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย การจราจรคับคั่งอย่างหนัก เนื่องจากรถยนต์จากประเทศมาเลเซียจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยในช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย โดยเมื่อเช้าวานนี้ (14 ก.ย.) มีรายงานว่ามีคนเข้าแถวยาวที่ศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ด่านกักกันสัตว์ และความมั่นคง (ICQS) บูกิตกายูฮิตัม ตรงข้ามด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และศูนย์ ICQS โกตาปูตรา ตรงข้ามด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา นายโมฮัมหมัด ริดชวน ซาอิน ผู้อำนวยการกรมตรวจคนเข้าเมือง (JIM) รัฐเคดะห์ กล่าวว่า ปริมาณการจราจรผ่านด่านตรวจศูนย์ ICQS บูกิตกายูฮิตัม เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้เดินทางเข้าออกจำนวน 30,754 ราย เนื่องจากชาวมาเลเซียแห่ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สวรรค์ของคนรักอาหาร ที่ขึ้นชื่อว่าอาหารราคาไม่แพงและรสชาติอร่อย หาดใหญ่เป็นเมืองยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางทันที พร้อมกับเร่งตรวจสอบเอกสารการเดินทางและจัดการจราจรที่ชายแดน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ชายแดนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและการสัญจรไปมาเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมกันนี้ ผอ.กรมตรวจคนเข้าเมืองรัฐเคดะห์ ยังแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนชาวมาเลเซียปฏิบัติตามกฎจราจร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบข้อมูลการจราจรล่าสุดผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ และเลือกช่วงเวลาเดินทางที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรคับคั่ง ขณะเดียวกัน ยังเตือนนักท่องเที่ยวตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารการเดินทางถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ชายแดน นางซาฟารินา ออธมาน หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ ICQS โกตาปูตรา รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ประมาณ 400-600 รายต่อวัน แต่เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) จำนวนผู้เดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ราย https://bernama.com/en/general/news.php?id=2340430
    BERNAMA.COM
    Congestion At National Border Gates Due To School Holiday Traffic
    Immigration, ICQS, border, tourists, vehicles, con
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 566 Views 0 Reviews