• “Waymo ได้ไฟเขียวให้วิ่งในสนามบิน SFO — ยกระดับการเดินทางด้วยรถไร้คนขับสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของซานฟรานซิสโก”

    Waymo บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับในเครือ Alphabet ได้รับใบอนุญาตนำร่องให้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่สนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก (SFO) แล้วอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มต้นด้วยการทดสอบภายในก่อนเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั่วไปในพื้นที่ Bay Area

    การดำเนินงานจะเริ่มที่จุดรับ-ส่ง “Kiss & Fly” ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารเล็กน้อยและสามารถเดินทางด้วย AirTrain ได้ โดย Waymo วางแผนจะขยายจุดให้บริการในสนามบินเพิ่มเติมในอนาคต

    นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของ Waymo หลังจากประสบความสำเร็จในการให้บริการที่สนามบิน Phoenix Sky Harbor และได้รับอนุญาตให้เริ่มดำเนินการที่สนามบิน San Jose Mineta International Airport เมื่อไม่นานมานี้

    นายกเทศมนตรี Daniel Lurie กล่าวว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง โดยหวังให้ผู้มาเยือนสามารถใช้บริการ Waymo ได้ทันทีเมื่อเดินทางมาถึงซานฟรานซิสโก

    Waymo จะดำเนินงานใน 3 ระยะ ได้แก่
    1️⃣ ทดสอบรถในโหมดอัตโนมัติพร้อมผู้ควบคุม
    2️⃣ ให้บริการแก่พนักงาน Waymo และเจ้าหน้าที่สนามบิน
    3️⃣ เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ผู้โดยสารทั่วไป

    แม้จะยังไม่มีการประกาศกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเตรียมความพร้อมของเมืองสำหรับงานใหญ่ เช่น Super Bowl LX และ FIFA World Cup ที่จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เดินทางมากกว่า 500,000 คน

    https://waymo.com/blog/#short-all-systems-go-at-sfo-waymo-has-received-our-pilot-permit
    🚗 “Waymo ได้ไฟเขียวให้วิ่งในสนามบิน SFO — ยกระดับการเดินทางด้วยรถไร้คนขับสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของซานฟรานซิสโก” Waymo บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับในเครือ Alphabet ได้รับใบอนุญาตนำร่องให้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่สนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก (SFO) แล้วอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มต้นด้วยการทดสอบภายในก่อนเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั่วไปในพื้นที่ Bay Area การดำเนินงานจะเริ่มที่จุดรับ-ส่ง “Kiss & Fly” ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารเล็กน้อยและสามารถเดินทางด้วย AirTrain ได้ โดย Waymo วางแผนจะขยายจุดให้บริการในสนามบินเพิ่มเติมในอนาคต นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของ Waymo หลังจากประสบความสำเร็จในการให้บริการที่สนามบิน Phoenix Sky Harbor และได้รับอนุญาตให้เริ่มดำเนินการที่สนามบิน San Jose Mineta International Airport เมื่อไม่นานมานี้ นายกเทศมนตรี Daniel Lurie กล่าวว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง โดยหวังให้ผู้มาเยือนสามารถใช้บริการ Waymo ได้ทันทีเมื่อเดินทางมาถึงซานฟรานซิสโก Waymo จะดำเนินงานใน 3 ระยะ ได้แก่ 1️⃣ ทดสอบรถในโหมดอัตโนมัติพร้อมผู้ควบคุม 2️⃣ ให้บริการแก่พนักงาน Waymo และเจ้าหน้าที่สนามบิน 3️⃣ เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ผู้โดยสารทั่วไป แม้จะยังไม่มีการประกาศกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเตรียมความพร้อมของเมืองสำหรับงานใหญ่ เช่น Super Bowl LX และ FIFA World Cup ที่จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เดินทางมากกว่า 500,000 คน https://waymo.com/blog/#short-all-systems-go-at-sfo-waymo-has-received-our-pilot-permit
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++

    skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX

    ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม

    แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS

    นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด

    แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS
    สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ
    ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux
    เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด

    สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก
    ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล
    มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน
    มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม

    แอปและระบบพื้นฐาน
    มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator
    มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ
    รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V

    ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป
    ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX
    ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia
    มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด

    ชุมชนและการมีส่วนร่วม
    เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub
    มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky
    ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS

    ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง
    skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
    อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์

    ความเปราะบางของ ecosystem
    ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows
    ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

    ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว
    เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา
    อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว

    https://skiftos.org/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก microkernel ถึง reactive UI: เมื่อ OS กลายเป็นงานศิลปะที่เขียนด้วย C++ skiftOS ไม่ได้พยายามเลียนแบบระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ แต่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วย C++ สมัยใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และทดลองสำหรับคนที่อยากเข้าใจแก่นแท้ของ OS โดยไม่ต้องแบกภาระของ legacy code หรือข้อจำกัดของ POSIX ระบบนี้ใช้ microkernel แบบ capability-based ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นโมดูล พร้อม UI แบบ reactive ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SwiftUI และ Flutter ทำให้ทุกแอปมีธีมและการจัดวางที่สอดคล้องกันอย่างสวยงาม แม้จะยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ skiftOS ก็มีแอปพื้นฐานครบถ้วน เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator และแม้แต่เกมงู! ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้เล็ก สร้างง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การพัฒนา OS นอกจากนี้ skiftOS ยังมี browser engine แบบเบา ๆ ที่รองรับ HTML/CSS สำหรับการจัดวางหน้าเว็บ และระบบ build ที่รองรับ ARM, x86 และ RISC-V ทำให้สามารถทดลองบนฮาร์ดแวร์หลากหลายได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ skiftOS ไม่ใช่ *NIX และไม่ยึดติดกับ API แบบเดิม แต่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการออกแบบใหม่หมด ✅ แนวคิดและเป้าหมายของ skiftOS ➡️ สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้ OS internals และพัฒนาทักษะระบบ ➡️ ไม่พยายามเลียนแบบ Windows หรือ Linux ➡️ เป็นระบบที่เขียนด้วย C++ สมัยใหม่ทั้งหมด ✅ สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีหลัก ➡️ ใช้ capability-based microkernel เพื่อความปลอดภัยและความเป็นโมดูล ➡️ มี reactive UI framework ที่สวยงามและสอดคล้องกัน ➡️ มี UEFI bootloader ที่ปรับแต่งได้และมีกราฟิกสวยงาม ✅ แอปและระบบพื้นฐาน ➡️ มีแอปพื้นฐานครบ เช่น terminal, text editor, media player, paint, calculator ➡️ มี browser engine ที่รองรับ HTML/CSS แบบเบา ๆ ➡️ รองรับการ build บน ARM, x86 และ RISC-V ✅ ความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการทั่วไป ➡️ ไม่ใช่ POSIX และไม่ใช่ *NIX ➡️ ได้แรงบันดาลใจจาก Plan 9, Haiku และ Fuchsia ➡️ มี API และ userland ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ✅ ชุมชนและการมีส่วนร่วม ➡️ เปิดให้ร่วมพัฒนาผ่าน GitHub ➡️ มีช่องทางสื่อสารผ่าน Discord, Reddit และ Bluesky ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากนักพัฒนาหลายคนในวงการ OS ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานจริง ⛔ skiftOS ยังอยู่ในสถานะ alpha และไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ⛔ อาจมีบั๊กหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ ‼️ ความเปราะบางของ ecosystem ⛔ ไม่รองรับซอฟต์แวร์หรือไลบรารีจาก Linux หรือ Windows ⛔ ต้องเรียนรู้ API ใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ‼️ ความไม่แน่นอนของการพัฒนาในระยะยาว ⛔ เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเวลาของผู้พัฒนา ⛔ อาจไม่มีการอัปเดตหรือสนับสนุนในระยะยาว https://skiftos.org/
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด

    งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้

    PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia

    ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน

    ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia

    เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5

    ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม
    การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม
    ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า

    กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง
    พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด
    หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม
    สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ

    การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม
    ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5

    การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง
    พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex
    การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia
    ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม

    https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    🎙️ เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้ PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5 ✅ ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม ➡️ การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม ➡️ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ➡️ ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า ✅ กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง ➡️ พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด ➡️ หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม ➡️ สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn ➡️ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม ➡️ ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5 ✅ การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง ➡️ พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia ➡️ ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    WWW.NATURE.COM
    Air pollution directly linked to increased dementia risk
    Long-term exposure accelerates the development of Lewy body dementia and Parkinson’s disease with dementia in people who are predisposed to the conditions.
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก EEG: เมื่อ ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยเขียน แต่กำลัง “เขียนใหม่” ระบบประสาทของเรา

    งานวิจัยล่าสุดจาก MIT Media Lab ชื่อว่า “Your Brain on ChatGPT” ได้ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 54 คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม: กลุ่มที่เขียนด้วยสมองตัวเอง, กลุ่มที่ใช้ Search Engine, และกลุ่มที่ใช้ LLM (เช่น ChatGPT หรือ Grok) เพื่อช่วยเขียนเรียงความ SAT โดยใช้ EEG สแกนสมองระหว่างทำงาน

    ผลลัพธ์ชัดเจน: กลุ่มที่ใช้ LLM มีการเชื่อมต่อของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในคลื่น alpha, beta, delta และ theta ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจดจ่อ, การมองเห็น, และการประมวลผลเชิงลึก

    ที่น่าตกใจคือ เมื่อให้เขียนโดยไม่ใช้ AI ใน Session 4 ผู้ที่เคยใช้ LLM กลับไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของสมองได้เหมือนเดิม—แสดงถึง “ความเสียหายตกค้าง” ที่อาจกลายเป็นภาวะถดถอยทางปัญญาระยะยาว

    นอกจากนี้ 83.3% ของผู้ใช้ LLM ไม่สามารถจำแม้แต่ประโยคเดียวจากเรียงความที่เพิ่งเขียนได้ ขณะที่กลุ่มที่ใช้สมองหรือ Search Engine สามารถอ้างอิงได้อย่างแม่นยำ และยังรู้สึกเป็นเจ้าของงานเขียนของตัวเองมากกว่า

    นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “cognitive offloading” คือสมองเริ่มปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อมีเครื่องมือช่วย—แต่ผลที่ตามมาคือการลดลงของการเรียนรู้เชิงลึก, การสังเคราะห์ข้อมูล, และความพยายามในการแก้ปัญหา

    ผลกระทบของการใช้ LLM ต่อสมอง
    EEG แสดงการลดลงของการเชื่อมต่อสมองในหลายคลื่นความถี่
    การใช้ LLM ทำให้สมองไม่กระตุ้นเครือข่ายการมองเห็นและความสนใจ
    ผู้ใช้ LLM มีความจำและการจดจำเนื้อหาลดลงอย่างชัดเจน

    ความรู้สึกของผู้ใช้ต่อผลงานของตัวเอง
    ผู้ใช้ LLM มักตอบว่า “50/50” หรือ “ไม่แน่ใจว่าเป็นของตัวเอง”
    กลุ่มที่ใช้สมองเองรายงานความรู้สึกเป็นเจ้าของงานอย่างชัดเจน
    การใช้ AI ทำให้เกิดความรู้สึกแยกตัวจากกระบวนการสร้างสรรค์

    ผลกระทบระยะยาวจากการใช้ AI
    ผู้ใช้ LLM ที่เปลี่ยนกลับมาเขียนเองยังคงมีการทำงานของสมองต่ำกว่าปกติ
    สมองปรับตัวให้ “ประหยัดพลังงาน” แต่แลกด้วยการลดความสามารถในการเรียนรู้
    งานเขียนจาก LLM มักสั้นลง, มีโครงสร้างจำกัด, และขาดการบูรณาการเชิงกลยุทธ์

    ข้อเสนอจากนักวิจัย
    ควรใช้ AI อย่างมีขอบเขต และให้สมองได้ทำงานจริงเป็นระยะ
    การใช้ AI เพื่อความสะดวกอาจนำไปสู่ “หนี้ทางปัญญา” ที่สะสมเรื่อย ๆ
    การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องใช้ความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ดูดี

    https://publichealthpolicyjournal.com/mit-study-finds-artificial-intelligence-use-reprograms-the-brain-leading-to-cognitive-decline/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก EEG: เมื่อ ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยเขียน แต่กำลัง “เขียนใหม่” ระบบประสาทของเรา งานวิจัยล่าสุดจาก MIT Media Lab ชื่อว่า “Your Brain on ChatGPT” ได้ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 54 คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม: กลุ่มที่เขียนด้วยสมองตัวเอง, กลุ่มที่ใช้ Search Engine, และกลุ่มที่ใช้ LLM (เช่น ChatGPT หรือ Grok) เพื่อช่วยเขียนเรียงความ SAT โดยใช้ EEG สแกนสมองระหว่างทำงาน ผลลัพธ์ชัดเจน: กลุ่มที่ใช้ LLM มีการเชื่อมต่อของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในคลื่น alpha, beta, delta และ theta ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจดจ่อ, การมองเห็น, และการประมวลผลเชิงลึก ที่น่าตกใจคือ เมื่อให้เขียนโดยไม่ใช้ AI ใน Session 4 ผู้ที่เคยใช้ LLM กลับไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของสมองได้เหมือนเดิม—แสดงถึง “ความเสียหายตกค้าง” ที่อาจกลายเป็นภาวะถดถอยทางปัญญาระยะยาว นอกจากนี้ 83.3% ของผู้ใช้ LLM ไม่สามารถจำแม้แต่ประโยคเดียวจากเรียงความที่เพิ่งเขียนได้ ขณะที่กลุ่มที่ใช้สมองหรือ Search Engine สามารถอ้างอิงได้อย่างแม่นยำ และยังรู้สึกเป็นเจ้าของงานเขียนของตัวเองมากกว่า นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “cognitive offloading” คือสมองเริ่มปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อมีเครื่องมือช่วย—แต่ผลที่ตามมาคือการลดลงของการเรียนรู้เชิงลึก, การสังเคราะห์ข้อมูล, และความพยายามในการแก้ปัญหา ✅ ผลกระทบของการใช้ LLM ต่อสมอง ➡️ EEG แสดงการลดลงของการเชื่อมต่อสมองในหลายคลื่นความถี่ ➡️ การใช้ LLM ทำให้สมองไม่กระตุ้นเครือข่ายการมองเห็นและความสนใจ ➡️ ผู้ใช้ LLM มีความจำและการจดจำเนื้อหาลดลงอย่างชัดเจน ✅ ความรู้สึกของผู้ใช้ต่อผลงานของตัวเอง ➡️ ผู้ใช้ LLM มักตอบว่า “50/50” หรือ “ไม่แน่ใจว่าเป็นของตัวเอง” ➡️ กลุ่มที่ใช้สมองเองรายงานความรู้สึกเป็นเจ้าของงานอย่างชัดเจน ➡️ การใช้ AI ทำให้เกิดความรู้สึกแยกตัวจากกระบวนการสร้างสรรค์ ✅ ผลกระทบระยะยาวจากการใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ LLM ที่เปลี่ยนกลับมาเขียนเองยังคงมีการทำงานของสมองต่ำกว่าปกติ ➡️ สมองปรับตัวให้ “ประหยัดพลังงาน” แต่แลกด้วยการลดความสามารถในการเรียนรู้ ➡️ งานเขียนจาก LLM มักสั้นลง, มีโครงสร้างจำกัด, และขาดการบูรณาการเชิงกลยุทธ์ ✅ ข้อเสนอจากนักวิจัย ➡️ ควรใช้ AI อย่างมีขอบเขต และให้สมองได้ทำงานจริงเป็นระยะ ➡️ การใช้ AI เพื่อความสะดวกอาจนำไปสู่ “หนี้ทางปัญญา” ที่สะสมเรื่อย ๆ ➡️ การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องใช้ความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ดูดี https://publichealthpolicyjournal.com/mit-study-finds-artificial-intelligence-use-reprograms-the-brain-leading-to-cognitive-decline/
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากคดีผูกขาด: เมื่อ Google รอดจากการถูกแยกบริษัท แต่ต้องยอมปล่อยข้อมูลให้คู่แข่ง

    ย้อนกลับไปในปี 2024 ศาลแขวงสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาดในตลาดการค้นหาออนไลน์ โดยใช้สัญญาแบบผูกขาดกับ Apple, Samsung และผู้ให้บริการมือถือ เพื่อให้ Google Search เป็นค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้คู่แข่งไม่มีโอกาสเข้าถึงผู้ใช้

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ผู้พิพากษา Amit Mehta ได้ออกคำตัดสินเกี่ยวกับ “บทลงโทษ” ที่ Google ต้องรับผิดชอบ โดยปฏิเสธข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมที่ต้องการให้ Google ขาย Chrome และ Android ออกไป โดยระบุว่า “เป็นการลงโทษเกินขอบเขต” และอาจทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์

    แต่ Google ก็ไม่ได้รอดทั้งหมด—ศาลสั่งให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลบางส่วนจากระบบค้นหา เช่น index และข้อมูลการคลิกของผู้ใช้ ให้กับคู่แข่งภายใต้เงื่อนไขทางการค้าแบบปกติ เพื่อเปิดตลาดให้มีการแข่งขันมากขึ้น และห้ามทำสัญญาแบบ exclusive ที่ผูกการจ่ายเงินกับการติดตั้ง Search, Chrome หรือ Gemini บนอุปกรณ์

    ที่น่าสนใจคือ ศาลยังระบุว่า “Generative AI” เช่น Gemini ก็อยู่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อาจใช้กลยุทธ์ผูกขาดแบบเดียวกับ Search ได้ในอนาคต

    ผลการตัดสินของศาลกลางสหรัฐฯ
    Google ไม่ต้องขาย Chrome หรือ Android ออกไป
    ศาลเห็นว่าการบังคับขายจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและคู่ค้า
    แต่ Google ต้องเปิดเผยข้อมูล index และ user interaction ให้คู่แข่ง

    ข้อจำกัดใหม่ที่ Google ต้องปฏิบัติตาม
    ห้ามทำสัญญาแบบ exclusive ที่ผูกการจ่ายเงินกับการติดตั้ง Search หรือ Chrome
    ห้ามผูกการติดตั้ง Gemini หรือ GenAI กับการเข้าถึง Play Store หรือแอปอื่น
    ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 6 ปี

    ผลกระทบต่อตลาดและหุ้น
    หุ้น Alphabet พุ่งขึ้น 7–8% หลังข่าวออก
    หุ้น Apple ก็ขึ้น 3–4% เพราะดีลกับ Google ยังอยู่
    นักลงทุนมองว่าคำตัดสินนี้เป็น “ชัยชนะเชิงกลยุทธ์” สำหรับทั้งสองบริษัท

    การขยายผลไปยัง GenAI
    ศาลระบุว่า GenAI เช่น Gemini ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกับ Search
    ป้องกันไม่ให้ Google ใช้กลยุทธ์ผูกขาดแบบเดิมในตลาด AI
    เป็นครั้งแรกที่ GenAI ถูกพิจารณาในบริบทของกฎหมายผูกขาด

    https://www.cnbc.com/2025/09/02/google-antitrust-search-ruling.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากคดีผูกขาด: เมื่อ Google รอดจากการถูกแยกบริษัท แต่ต้องยอมปล่อยข้อมูลให้คู่แข่ง ย้อนกลับไปในปี 2024 ศาลแขวงสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาดในตลาดการค้นหาออนไลน์ โดยใช้สัญญาแบบผูกขาดกับ Apple, Samsung และผู้ให้บริการมือถือ เพื่อให้ Google Search เป็นค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้คู่แข่งไม่มีโอกาสเข้าถึงผู้ใช้ ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ผู้พิพากษา Amit Mehta ได้ออกคำตัดสินเกี่ยวกับ “บทลงโทษ” ที่ Google ต้องรับผิดชอบ โดยปฏิเสธข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมที่ต้องการให้ Google ขาย Chrome และ Android ออกไป โดยระบุว่า “เป็นการลงโทษเกินขอบเขต” และอาจทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ แต่ Google ก็ไม่ได้รอดทั้งหมด—ศาลสั่งให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลบางส่วนจากระบบค้นหา เช่น index และข้อมูลการคลิกของผู้ใช้ ให้กับคู่แข่งภายใต้เงื่อนไขทางการค้าแบบปกติ เพื่อเปิดตลาดให้มีการแข่งขันมากขึ้น และห้ามทำสัญญาแบบ exclusive ที่ผูกการจ่ายเงินกับการติดตั้ง Search, Chrome หรือ Gemini บนอุปกรณ์ ที่น่าสนใจคือ ศาลยังระบุว่า “Generative AI” เช่น Gemini ก็อยู่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อาจใช้กลยุทธ์ผูกขาดแบบเดียวกับ Search ได้ในอนาคต ✅ ผลการตัดสินของศาลกลางสหรัฐฯ ➡️ Google ไม่ต้องขาย Chrome หรือ Android ออกไป ➡️ ศาลเห็นว่าการบังคับขายจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและคู่ค้า ➡️ แต่ Google ต้องเปิดเผยข้อมูล index และ user interaction ให้คู่แข่ง ✅ ข้อจำกัดใหม่ที่ Google ต้องปฏิบัติตาม ➡️ ห้ามทำสัญญาแบบ exclusive ที่ผูกการจ่ายเงินกับการติดตั้ง Search หรือ Chrome ➡️ ห้ามผูกการติดตั้ง Gemini หรือ GenAI กับการเข้าถึง Play Store หรือแอปอื่น ➡️ ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 6 ปี ✅ ผลกระทบต่อตลาดและหุ้น ➡️ หุ้น Alphabet พุ่งขึ้น 7–8% หลังข่าวออก ➡️ หุ้น Apple ก็ขึ้น 3–4% เพราะดีลกับ Google ยังอยู่ ➡️ นักลงทุนมองว่าคำตัดสินนี้เป็น “ชัยชนะเชิงกลยุทธ์” สำหรับทั้งสองบริษัท ✅ การขยายผลไปยัง GenAI ➡️ ศาลระบุว่า GenAI เช่น Gemini ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกับ Search ➡️ ป้องกันไม่ให้ Google ใช้กลยุทธ์ผูกขาดแบบเดิมในตลาด AI ➡️ เป็นครั้งแรกที่ GenAI ถูกพิจารณาในบริบทของกฎหมายผูกขาด https://www.cnbc.com/2025/09/02/google-antitrust-search-ruling.html
    WWW.CNBC.COM
    Google stock jumps 8% after search giant avoids worst-case penalties in antitrust case
    The ruling comes nearly a year after a U.S. judge ruled that Google holds an illegal monopoly in its core market of internet search.
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี

    ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

    คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ

    ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก

    นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How 'clanker' became an anti-AI rallying cry
    The term, which was popularised by a "Star Wars" show and is rooted in real frustrations with technology, has become a go-to slur against artificial intelligence and robots.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • Siri จะฉลาดขึ้นด้วย Gemini จาก Google?

    Apple กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุค AI หลังจากที่ Siri ซึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกด้านผู้ช่วยเสียง กลับกลายเป็นผู้ตามในยุคที่ Google Assistant และ Alexa พัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก

    ล่าสุดมีรายงานว่า Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google มาเป็น “สมองใหม่” ให้กับ Siri โดยอาจเปิดตัวในปี 2026 พร้อมกับ iOS 26

    เดิมที Apple ตั้งใจจะใช้โมเดลของตัวเองภายใต้ชื่อ Apple Intelligence แต่หลังจากพบข้อจำกัดด้านคุณภาพและความล่าช้าในการพัฒนา จึงเริ่มเปิดรับแนวคิดจากภายนอก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเจรจากับ OpenAI และ Anthropic แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้

    หาก Apple ตัดสินใจใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ AI ของบริษัท และอาจเป็นครั้งแรกที่ Siri ได้รับการยกระดับให้เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ลึกซึ้งขึ้น ตอบคำถามซับซ้อนได้ดีขึ้น และรองรับการใช้งานแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ

    แม้จะยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ แต่การที่ Apple เปิดใจรับเทคโนโลยีจากคู่แข่งอย่าง Google ก็สะท้อนถึงความจริงที่ว่า “การตามให้ทัน” ในยุค AI ต้องอาศัยความร่วมมือมากกว่าการแข่งขันเพียงอย่างเดียว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini AI ในการยกระดับ Siri
    การเจรจาอยู่ในขั้นต้น และยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ
    เดิม Apple ตั้งใจใช้โมเดลของตัวเองใน Apple Intelligence แต่พบข้อจำกัดด้านคุณภาพ
    เคยเจรจากับ Anthropic และ OpenAI แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้
    หากใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ AI ของ Apple
    Siri รุ่นใหม่อาจเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 พร้อม iOS 26
    Gemini เป็นโมเดลมัลติโหมดที่รองรับข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ
    Apple จะใช้ Gemini บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
    หุ้นของ Alphabet และ Apple เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวการเจรจา

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Android และ Samsung แล้วในหลายฟีเจอร์
    Apple กำลังทดสอบโมเดลภายในที่มีพารามิเตอร์ระดับ “ล้านล้าน” เพื่อแข่งกับคู่แข่ง
    Siri รุ่นใหม่จะมีสองเวอร์ชัน: แบบใช้โมเดลของ Apple และแบบใช้โมเดลภายนอก
    Apple มีประวัติความร่วมมือกับ Google เช่น การใช้ Google เป็น search engine ใน Safari
    หากใช้ Gemini จริง Siri อาจเข้าใจบริบทซับซ้อนและตอบโต้ได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/report-apple-considers-squeezing-gemini-into-the-siri-brain
    🎙️ Siri จะฉลาดขึ้นด้วย Gemini จาก Google? Apple กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุค AI หลังจากที่ Siri ซึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกด้านผู้ช่วยเสียง กลับกลายเป็นผู้ตามในยุคที่ Google Assistant และ Alexa พัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก ล่าสุดมีรายงานว่า Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google มาเป็น “สมองใหม่” ให้กับ Siri โดยอาจเปิดตัวในปี 2026 พร้อมกับ iOS 26 เดิมที Apple ตั้งใจจะใช้โมเดลของตัวเองภายใต้ชื่อ Apple Intelligence แต่หลังจากพบข้อจำกัดด้านคุณภาพและความล่าช้าในการพัฒนา จึงเริ่มเปิดรับแนวคิดจากภายนอก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเจรจากับ OpenAI และ Anthropic แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้ หาก Apple ตัดสินใจใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ AI ของบริษัท และอาจเป็นครั้งแรกที่ Siri ได้รับการยกระดับให้เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ลึกซึ้งขึ้น ตอบคำถามซับซ้อนได้ดีขึ้น และรองรับการใช้งานแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ แม้จะยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ แต่การที่ Apple เปิดใจรับเทคโนโลยีจากคู่แข่งอย่าง Google ก็สะท้อนถึงความจริงที่ว่า “การตามให้ทัน” ในยุค AI ต้องอาศัยความร่วมมือมากกว่าการแข่งขันเพียงอย่างเดียว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini AI ในการยกระดับ Siri ➡️ การเจรจาอยู่ในขั้นต้น และยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ ➡️ เดิม Apple ตั้งใจใช้โมเดลของตัวเองใน Apple Intelligence แต่พบข้อจำกัดด้านคุณภาพ ➡️ เคยเจรจากับ Anthropic และ OpenAI แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ➡️ หากใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ AI ของ Apple ➡️ Siri รุ่นใหม่อาจเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 พร้อม iOS 26 ➡️ Gemini เป็นโมเดลมัลติโหมดที่รองรับข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ➡️ Apple จะใช้ Gemini บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ➡️ หุ้นของ Alphabet และ Apple เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวการเจรจา ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Android และ Samsung แล้วในหลายฟีเจอร์ ➡️ Apple กำลังทดสอบโมเดลภายในที่มีพารามิเตอร์ระดับ “ล้านล้าน” เพื่อแข่งกับคู่แข่ง ➡️ Siri รุ่นใหม่จะมีสองเวอร์ชัน: แบบใช้โมเดลของ Apple และแบบใช้โมเดลภายนอก ➡️ Apple มีประวัติความร่วมมือกับ Google เช่น การใช้ Google เป็น search engine ใน Safari ➡️ หากใช้ Gemini จริง Siri อาจเข้าใจบริบทซับซ้อนและตอบโต้ได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/report-apple-considers-squeezing-gemini-into-the-siri-brain
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Qualcomm เตรียมบุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย CPU ARM และแร็กเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI

    หลังจากอยู่ในตลาดมือถือมานานหลายปี Qualcomm กำลังเตรียมก้าวครั้งใหญ่สู่โลกดาต้าเซ็นเตอร์ โดยในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด CEO Cristiano Amon ยืนยันว่าบริษัทกำลังอยู่ใน “ขั้นตอนเจรจาขั้นสูง” กับลูกค้าระดับ hyperscaler เพื่อพัฒนา CPU แบบ ARM สำหรับใช้งานในคลัสเตอร์ AI โดยเฉพาะ

    Qualcomm เคยพยายามเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์ในอดีต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และถอนตัวไปในปี 2018 เพื่อโฟกัสกับมือถือ แต่ตอนนี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เน้น “tokens per watt” และ “tokens per dollar” มากกว่าความแรงเพียว ๆ Qualcomm มองเห็นโอกาสใหม่ในการสร้าง CPU ที่เน้นประสิทธิภาพพลังงานสำหรับงาน inference

    นอกจาก CPU แล้ว Qualcomm ยังพัฒนา accelerator cards และแร็กเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบสำหรับ AI โดยใช้เทคโนโลยีจาก Snapdragon และ Dragonwing Edge ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Humain บริษัท AI ของรัฐบาลซาอุฯ

    อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการนี้จะเริ่มในปีงบประมาณ 2028 ซึ่งอาจช้าเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Broadcom และ Nvidia ที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานแล้ว และนักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจนัก เพราะราคาหุ้น Qualcomm ร่วงลงหลังประกาศข่าวนี้

    Qualcomm เตรียมเข้าสู่ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย CPU ARM สำหรับ hyperscaler
    อยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสูงกับลูกค้ารายใหญ่

    CPU ใหม่จะเน้นงาน AI inference และประสิทธิภาพพลังงาน
    ใช้เกณฑ์ tokens per watt และ tokens per dollar เป็นตัวชี้วัด

    Qualcomm พัฒนา accelerator cards และแร็กเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI
    ไม่ใช่แค่ขาย CPU แต่สร้างโซลูชันครบวงจร

    รายได้จากโครงการนี้คาดว่าจะเริ่มในปีงบประมาณ 2028
    ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา

    Qualcomm เซ็นสัญญาร่วมมือกับ Humain บริษัท AI ของรัฐบาลซาอุฯ
    เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล edge และ cloud ทั่วโลก

    ใช้เทคโนโลยีจาก Snapdragon และ Dragonwing Edge ในโครงการนี้
    ขยายจากมือถือสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI

    ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก x86 ไปสู่ ARM-based CPU สำหรับงาน AI
    เพราะ ARM มีประสิทธิภาพพลังงานดีกว่าในงาน inference

    Broadcom และ Nvidia มี accelerator สำหรับ AI ที่พร้อมใช้งานแล้ว
    ทำให้ Qualcomm ต้องเร่งพัฒนาเพื่อไม่ตกขบวน

    Qualcomm เคยล้มเหลวในการพัฒนา CPU เซิร์ฟเวอร์ในปี 2018
    แต่กลับมาใหม่ด้วยแนวทางที่เน้น AI และพลังงาน

    Alphawave IP Group จะถูก Qualcomm เข้าซื้อในปี 2026
    เพื่อเสริมความสามารถด้านการออกแบบระบบดาต้าเซ็นเตอร์

    https://www.techradar.com/pro/is-qualcomm-finally-about-to-take-the-data-center-plunge-report-claims-new-cpus-could-be-on-offer-soon
    🧠🏭 เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Qualcomm เตรียมบุกตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย CPU ARM และแร็กเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI หลังจากอยู่ในตลาดมือถือมานานหลายปี Qualcomm กำลังเตรียมก้าวครั้งใหญ่สู่โลกดาต้าเซ็นเตอร์ โดยในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด CEO Cristiano Amon ยืนยันว่าบริษัทกำลังอยู่ใน “ขั้นตอนเจรจาขั้นสูง” กับลูกค้าระดับ hyperscaler เพื่อพัฒนา CPU แบบ ARM สำหรับใช้งานในคลัสเตอร์ AI โดยเฉพาะ Qualcomm เคยพยายามเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์ในอดีต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และถอนตัวไปในปี 2018 เพื่อโฟกัสกับมือถือ แต่ตอนนี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เน้น “tokens per watt” และ “tokens per dollar” มากกว่าความแรงเพียว ๆ Qualcomm มองเห็นโอกาสใหม่ในการสร้าง CPU ที่เน้นประสิทธิภาพพลังงานสำหรับงาน inference นอกจาก CPU แล้ว Qualcomm ยังพัฒนา accelerator cards และแร็กเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบสำหรับ AI โดยใช้เทคโนโลยีจาก Snapdragon และ Dragonwing Edge ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Humain บริษัท AI ของรัฐบาลซาอุฯ อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการนี้จะเริ่มในปีงบประมาณ 2028 ซึ่งอาจช้าเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Broadcom และ Nvidia ที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานแล้ว และนักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจนัก เพราะราคาหุ้น Qualcomm ร่วงลงหลังประกาศข่าวนี้ ✅ Qualcomm เตรียมเข้าสู่ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย CPU ARM สำหรับ hyperscaler ➡️ อยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสูงกับลูกค้ารายใหญ่ ✅ CPU ใหม่จะเน้นงาน AI inference และประสิทธิภาพพลังงาน ➡️ ใช้เกณฑ์ tokens per watt และ tokens per dollar เป็นตัวชี้วัด ✅ Qualcomm พัฒนา accelerator cards และแร็กเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI ➡️ ไม่ใช่แค่ขาย CPU แต่สร้างโซลูชันครบวงจร ✅ รายได้จากโครงการนี้คาดว่าจะเริ่มในปีงบประมาณ 2028 ➡️ ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา ✅ Qualcomm เซ็นสัญญาร่วมมือกับ Humain บริษัท AI ของรัฐบาลซาอุฯ ➡️ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล edge และ cloud ทั่วโลก ✅ ใช้เทคโนโลยีจาก Snapdragon และ Dragonwing Edge ในโครงการนี้ ➡️ ขยายจากมือถือสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก x86 ไปสู่ ARM-based CPU สำหรับงาน AI ➡️ เพราะ ARM มีประสิทธิภาพพลังงานดีกว่าในงาน inference ✅ Broadcom และ Nvidia มี accelerator สำหรับ AI ที่พร้อมใช้งานแล้ว ➡️ ทำให้ Qualcomm ต้องเร่งพัฒนาเพื่อไม่ตกขบวน ✅ Qualcomm เคยล้มเหลวในการพัฒนา CPU เซิร์ฟเวอร์ในปี 2018 ➡️ แต่กลับมาใหม่ด้วยแนวทางที่เน้น AI และพลังงาน ✅ Alphawave IP Group จะถูก Qualcomm เข้าซื้อในปี 2026 ➡️ เพื่อเสริมความสามารถด้านการออกแบบระบบดาต้าเซ็นเตอร์ https://www.techradar.com/pro/is-qualcomm-finally-about-to-take-the-data-center-plunge-report-claims-new-cpus-could-be-on-offer-soon
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • DDR4 ยังไม่ตาย! เรื่องเล่าจากโลกหน่วยความจำที่ยังไม่ยอมลาจาก

    แม้ว่า DDR5 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโลกของหน่วยความจำ แต่ DDR4 ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Samsung, SK hynix และ Micron ต่างประกาศว่าจะยังคงผลิต DDR4 ต่อไปจนถึงปี 2026 เพื่อรองรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาหน่วยความจำรุ่นเก่า

    สาเหตุหลักคือความต้องการที่ยังคงสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ยังใช้แพลตฟอร์มที่รองรับ DDR4 เช่น Intel Gen 13/14 และ AMD รุ่นก่อนหน้า อีกทั้งราคาของ DDR4 ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตยังสามารถทำกำไรจากสายการผลิตที่ถูกหักค่าเสื่อมราคาไปแล้ว

    Micron ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่าจะสิ้นสุดการส่ง DDR4 ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 ขณะที่ Samsung และ SK hynix จะทยอยหยุดการผลิตในช่วงปลายปี 2025 ถึงกลางปี 2026 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรายเล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางจะยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไปอีกหลายปี

    Samsung จะผลิต DDR4 ต่อถึงปลายปี 2025
    ใช้เทคโนโลยี 1z node ที่ต้นทุนต่ำและยังทำกำไรได้

    SK hynix จะหยุดผลิต DDR4 ในช่วง Q2 ปี 2026
    อาจเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายสุดท้ายที่ยังผลิต DDR4

    Micron จะส่งมอบ DDR4 ชุดสุดท้ายในต้นปี 2026
    แจ้ง EOL (End-of-Life) ให้ลูกค้าในกลุ่ม PC, data center และมือถือ

    DDR4 ยังมีความต้องการสูงในตลาด PC และเซิร์ฟเวอร์
    ราคาสัญญา DDR4 พุ่งขึ้น 38–45% ใน Q3 ปี 2025

    DDR4 จะยังคงใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์, โทรคมนาคม และการทหาร
    Micron จะยังผลิต DDR4 บน 1α node สำหรับลูกค้าระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-production-expected-to-continue-until-2026-samsung-sk-hynix-and-micron-will-continue-serving-industry-clients-for-longer
    🧠💾 DDR4 ยังไม่ตาย! เรื่องเล่าจากโลกหน่วยความจำที่ยังไม่ยอมลาจาก แม้ว่า DDR5 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโลกของหน่วยความจำ แต่ DDR4 ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Samsung, SK hynix และ Micron ต่างประกาศว่าจะยังคงผลิต DDR4 ต่อไปจนถึงปี 2026 เพื่อรองรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาหน่วยความจำรุ่นเก่า สาเหตุหลักคือความต้องการที่ยังคงสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ยังใช้แพลตฟอร์มที่รองรับ DDR4 เช่น Intel Gen 13/14 และ AMD รุ่นก่อนหน้า อีกทั้งราคาของ DDR4 ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตยังสามารถทำกำไรจากสายการผลิตที่ถูกหักค่าเสื่อมราคาไปแล้ว Micron ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่าจะสิ้นสุดการส่ง DDR4 ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 ขณะที่ Samsung และ SK hynix จะทยอยหยุดการผลิตในช่วงปลายปี 2025 ถึงกลางปี 2026 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรายเล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางจะยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไปอีกหลายปี ✅ Samsung จะผลิต DDR4 ต่อถึงปลายปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 1z node ที่ต้นทุนต่ำและยังทำกำไรได้ ✅ SK hynix จะหยุดผลิต DDR4 ในช่วง Q2 ปี 2026 ➡️ อาจเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายสุดท้ายที่ยังผลิต DDR4 ✅ Micron จะส่งมอบ DDR4 ชุดสุดท้ายในต้นปี 2026 ➡️ แจ้ง EOL (End-of-Life) ให้ลูกค้าในกลุ่ม PC, data center และมือถือ ✅ DDR4 ยังมีความต้องการสูงในตลาด PC และเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ราคาสัญญา DDR4 พุ่งขึ้น 38–45% ใน Q3 ปี 2025 ✅ DDR4 จะยังคงใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์, โทรคมนาคม และการทหาร ➡️ Micron จะยังผลิต DDR4 บน 1α node สำหรับลูกค้าระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-production-expected-to-continue-until-2026-samsung-sk-hynix-and-micron-will-continue-serving-industry-clients-for-longer
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามโอลิมปิกคณิตศาสตร์: เมื่อ AI ได้เหรียญทองในสนามมนุษย์

    IMO เป็นการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1959 โดยแต่ละประเทศส่งนักเรียนมัธยมปลาย 6 คนมาแข่งขันกันในโจทย์ที่ยากมากในสาขา:
    - พีชคณิต (Algebra)
    - ทฤษฎีจำนวน (Number Theory)
    - เรขาคณิต (Geometry)
    - คอมบิเนอริกส์ (Combinatorics)

    ปีนี้ Google DeepMind ส่งโมเดล Gemini Deep Think เข้าร่วมในฐานะ AI system ที่ถูกประเมินโดยกรรมการ IMO จริง — และสามารถแก้โจทย์ได้ 5 จาก 6 ข้ออย่างถูกต้อง ได้คะแนนรวม 35 จาก 42 คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับเหรียญทองของมนุษย์

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ:
    - ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ทำได้แค่ระดับเหรียญเงิน (28 คะแนน)
    - ต้องใช้การแปลโจทย์เป็นภาษาสัญลักษณ์ (เช่น Lean) และใช้เวลาคำนวณ 2–3 วัน
    - ปีนี้ Gemini Deep Think ทำงานแบบ end-to-end ด้วยภาษาอังกฤษธรรมดา
    - ใช้เวลาเท่ากับการแข่งขันจริง (4.5 ชั่วโมง) และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้

    เบื้องหลังความสำเร็จคือการใช้เทคนิคใหม่ เช่น:
    - Parallel Thinking: คิดหลายแนวทางพร้อมกันก่อนเลือกคำตอบ
    - Reinforcement Learning: ฝึกจากข้อมูลการแก้โจทย์หลายขั้นตอน
    - Corpus คุณภาพสูง: รวมคำแนะนำและตัวอย่างการแก้โจทย์ IMO

    Gemini Deep Think ทำคะแนน 35/42 ใน IMO 2025 เทียบเท่าระดับเหรียญทอง
    แก้โจทย์ 5 จาก 6 ข้อได้อย่างถูกต้องภายในเวลาแข่งขันจริง

    เป็นครั้งแรกที่ AI ได้รับการประเมินโดยกรรมการ IMO อย่างเป็นทางการ
    ใช้เกณฑ์เดียวกับนักเรียนมนุษย์ในการตรวจคำตอบ

    ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ได้แค่ระดับเหรียญเงิน
    ต้องใช้การแปลโจทย์และคำนวณหลายวัน ไม่ใช่แบบ end-to-end

    Gemini Deep Think ทำงานแบบ natural language ทั้งหมด
    ไม่ต้องแปลเป็นภาษาสัญลักษณ์ และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ทันที

    ใช้เทคนิค Parallel Thinking เพื่อคิดหลายแนวทางพร้อมกัน
    เพิ่มความสามารถในการเลือกวิธีแก้ที่ดีที่สุด

    ฝึกด้วย reinforcement learning บนข้อมูลการพิสูจน์และแก้โจทย์หลายขั้นตอน
    ทำให้เข้าใจตรรกะเชิงลึกและการให้เหตุผลแบบมนุษย์

    จะเปิดให้กลุ่มนักคณิตศาสตร์ทดลองใช้ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ Google AI Ultra
    เพื่อรับฟีดแบ็กและปรับปรุงก่อนใช้งานจริง

    การตรวจคำตอบของ IMO ไม่ได้ประเมินระบบหรือโมเดลเบื้องหลัง
    หมายความว่าแม้คำตอบจะถูก แต่ยังไม่รับรองความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมด

    การใช้ AI ในการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์
    เพราะบางคำตอบอาจดูถูกต้องแต่ขาดตรรกะหรือหลักฐานที่ชัดเจน

    การฝึกด้วย corpus เฉพาะทางอาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโจทย์ IMO
    ไม่สามารถสรุปว่า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ทั่วไปหรือสามารถสอนคนได้จริง

    การใช้ AI ในการแก้โจทย์อาจทำให้เกิดการพึ่งพาโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน
    ต้องมีการออกแบบให้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ตัวแทนความเข้าใจ

    https://deepmind.google/discover/blog/advanced-version-of-gemini-with-deep-think-officially-achieves-gold-medal-standard-at-the-international-mathematical-olympiad/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามโอลิมปิกคณิตศาสตร์: เมื่อ AI ได้เหรียญทองในสนามมนุษย์ IMO เป็นการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1959 โดยแต่ละประเทศส่งนักเรียนมัธยมปลาย 6 คนมาแข่งขันกันในโจทย์ที่ยากมากในสาขา: - พีชคณิต (Algebra) - ทฤษฎีจำนวน (Number Theory) - เรขาคณิต (Geometry) - คอมบิเนอริกส์ (Combinatorics) ปีนี้ Google DeepMind ส่งโมเดล Gemini Deep Think เข้าร่วมในฐานะ AI system ที่ถูกประเมินโดยกรรมการ IMO จริง — และสามารถแก้โจทย์ได้ 5 จาก 6 ข้ออย่างถูกต้อง ได้คะแนนรวม 35 จาก 42 คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับเหรียญทองของมนุษย์ สิ่งที่น่าทึ่งคือ: - ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ทำได้แค่ระดับเหรียญเงิน (28 คะแนน) - ต้องใช้การแปลโจทย์เป็นภาษาสัญลักษณ์ (เช่น Lean) และใช้เวลาคำนวณ 2–3 วัน - ปีนี้ Gemini Deep Think ทำงานแบบ end-to-end ด้วยภาษาอังกฤษธรรมดา - ใช้เวลาเท่ากับการแข่งขันจริง (4.5 ชั่วโมง) และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ เบื้องหลังความสำเร็จคือการใช้เทคนิคใหม่ เช่น: - Parallel Thinking: คิดหลายแนวทางพร้อมกันก่อนเลือกคำตอบ - Reinforcement Learning: ฝึกจากข้อมูลการแก้โจทย์หลายขั้นตอน - Corpus คุณภาพสูง: รวมคำแนะนำและตัวอย่างการแก้โจทย์ IMO ✅ Gemini Deep Think ทำคะแนน 35/42 ใน IMO 2025 เทียบเท่าระดับเหรียญทอง ➡️ แก้โจทย์ 5 จาก 6 ข้อได้อย่างถูกต้องภายในเวลาแข่งขันจริง ✅ เป็นครั้งแรกที่ AI ได้รับการประเมินโดยกรรมการ IMO อย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้เกณฑ์เดียวกับนักเรียนมนุษย์ในการตรวจคำตอบ ✅ ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ได้แค่ระดับเหรียญเงิน ➡️ ต้องใช้การแปลโจทย์และคำนวณหลายวัน ไม่ใช่แบบ end-to-end ✅ Gemini Deep Think ทำงานแบบ natural language ทั้งหมด ➡️ ไม่ต้องแปลเป็นภาษาสัญลักษณ์ และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ทันที ✅ ใช้เทคนิค Parallel Thinking เพื่อคิดหลายแนวทางพร้อมกัน ➡️ เพิ่มความสามารถในการเลือกวิธีแก้ที่ดีที่สุด ✅ ฝึกด้วย reinforcement learning บนข้อมูลการพิสูจน์และแก้โจทย์หลายขั้นตอน ➡️ ทำให้เข้าใจตรรกะเชิงลึกและการให้เหตุผลแบบมนุษย์ ✅ จะเปิดให้กลุ่มนักคณิตศาสตร์ทดลองใช้ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ Google AI Ultra ➡️ เพื่อรับฟีดแบ็กและปรับปรุงก่อนใช้งานจริง ‼️ การตรวจคำตอบของ IMO ไม่ได้ประเมินระบบหรือโมเดลเบื้องหลัง ⛔ หมายความว่าแม้คำตอบจะถูก แต่ยังไม่รับรองความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมด ‼️ การใช้ AI ในการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ ⛔ เพราะบางคำตอบอาจดูถูกต้องแต่ขาดตรรกะหรือหลักฐานที่ชัดเจน ‼️ การฝึกด้วย corpus เฉพาะทางอาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโจทย์ IMO ⛔ ไม่สามารถสรุปว่า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ทั่วไปหรือสามารถสอนคนได้จริง ‼️ การใช้ AI ในการแก้โจทย์อาจทำให้เกิดการพึ่งพาโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน ⛔ ต้องมีการออกแบบให้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ตัวแทนความเข้าใจ https://deepmind.google/discover/blog/advanced-version-of-gemini-with-deep-think-officially-achieves-gold-medal-standard-at-the-international-mathematical-olympiad/
    DEEPMIND.GOOGLE
    Advanced version of Gemini with Deep Think officially achieves gold-medal standard at the International Mathematical Olympiad
    Our advanced model officially achieved a gold-medal level performance on problems from the International Mathematical Olympiad (IMO), the world’s most prestigious competition for young...
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามแม่เหล็ก: GPS ไม่จำเป็นอีกต่อไป เมื่อควอนตัมบอกได้ว่าคุณอยู่ตรงไหน

    GPS แม้จะเป็นระบบที่มั่นคง แต่เริ่มมีจุดอ่อน:
    - ถูก แทรกแซง (jamming) ได้จากสัญญาณรบกวน
    - ถูก หลอก (spoofing) โดยส่งข้อมูลตำแหน่งปลอม
    - เกิดบ่อยใน “พื้นที่ความขัดแย้ง” เช่นตะวันออกกลางและชายแดนยุโรป

    Airbus และ SandboxAQ จึงทดสอบระบบ MagNav บนเครื่องบินทดสอบกว่า 150 ชั่วโมง เหนือสหรัฐ โดยเซนเซอร์จะอ่าน “ลายเซ็นสนามแม่เหล็ก” จากพื้นโลก (คล้ายลายนิ้วมือของแต่ละพื้นที่) แล้วเทียบกับแผนที่แม่เหล็กด้วย AI — ผลคือ:
    - ความแม่นยำเทียบเท่า FAA (องค์กรควบคุมการบินสหรัฐ)
    - บางครั้งแม่นยำกว่า inertial navigation ที่ใช้ในภารกิจทหาร
    - หาค่าพิกัดได้ในระดับ 550 เมตร

    ระบบควอนตัมนี้ทำงานโดยยิงเลเซอร์ไปยังอิเล็กตรอน → สะท้อนพลังงานกลับ → ได้ค่าพลังงานที่สะท้อนสนามแม่เหล็กเฉพาะจุด — ข้อมูลทั้งหมดมาจากภายในเครื่องบินเอง จึงไม่มีสัญญาณให้แฮกเลย

    อนาคตเทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ได้หลายทาง:
    - ตรวจจับสิ่งของใต้ดิน เช่น อุโมงค์หรือเรือดำน้ำ
    - ใช้ในระบบการแพทย์ เพื่ออ่าน “สนามแม่เหล็กหัวใจหรือสมอง” ที่อ่อนมาก
    - วางเป็นโครงสร้างนำทางในรถยนต์, เรือ หรือแม้แต่เครื่องบินไร้คนขับ

    Joe Depa ผู้บริหารจาก Ernst & Young กล่าวว่า:

    “นี่ไม่ใช่อนาคต 20 ปีข้างหน้า — แต่มันคือปัจจุบันแล้ว”

    MagNav ใช้เซนเซอร์ควอนตัมอ่านสนามแม่เหล็กโลกเพื่อระบุตำแหน่ง
    ยิงเลเซอร์ใส่อิเล็กตรอนและวัดพลังงานที่สะท้อนกลับ

    เครื่องบินทดสอบของ Airbus บินกว่า 150 ชั่วโมงทั่วสหรัฐ
    วิเคราะห์ลายเซ็นแม่เหล็กแต่ละพื้นที่เพื่อหาพิกัดด้วย AI

    ความแม่นยำอยู่ในระดับ 2 ไมล์ตลอดเวลา และ 550 เมตรในหลายจุด
    เทียบได้กับระบบการบินระดับพาณิชย์และทหาร

    MagNav ไม่ใช้สัญญาณภายนอก ไม่มีการส่งออกข้อมูล
    จึง “ไม่สามารถแฮกหรือหลอกได้” แบบ GPS

    SandboxAQ เป็นบริษัทใน Silicon Valley ที่เชี่ยวชาญ AI + ควอนตัมเซนซิ่ง
    เป็นบริษัทในเครือ Alphabet (กลุ่มเดียวกับ Google)

    อาจนำไปใช้ในด้านการแพทย์และความมั่นคงระดับชาติในอนาคต
    เช่นการวัดสนามแม่เหล็กหัวใจหรือสมองแบบไม่รุกล้ำ

    https://www.techspot.com/news/108735-engineers-turn-quantum-tech-replace-gps-flight-navigation.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามแม่เหล็ก: GPS ไม่จำเป็นอีกต่อไป เมื่อควอนตัมบอกได้ว่าคุณอยู่ตรงไหน GPS แม้จะเป็นระบบที่มั่นคง แต่เริ่มมีจุดอ่อน: - ถูก แทรกแซง (jamming) ได้จากสัญญาณรบกวน - ถูก หลอก (spoofing) โดยส่งข้อมูลตำแหน่งปลอม - เกิดบ่อยใน “พื้นที่ความขัดแย้ง” เช่นตะวันออกกลางและชายแดนยุโรป Airbus และ SandboxAQ จึงทดสอบระบบ MagNav บนเครื่องบินทดสอบกว่า 150 ชั่วโมง เหนือสหรัฐ โดยเซนเซอร์จะอ่าน “ลายเซ็นสนามแม่เหล็ก” จากพื้นโลก (คล้ายลายนิ้วมือของแต่ละพื้นที่) แล้วเทียบกับแผนที่แม่เหล็กด้วย AI — ผลคือ: - ความแม่นยำเทียบเท่า FAA (องค์กรควบคุมการบินสหรัฐ) - บางครั้งแม่นยำกว่า inertial navigation ที่ใช้ในภารกิจทหาร - หาค่าพิกัดได้ในระดับ 550 เมตร ระบบควอนตัมนี้ทำงานโดยยิงเลเซอร์ไปยังอิเล็กตรอน → สะท้อนพลังงานกลับ → ได้ค่าพลังงานที่สะท้อนสนามแม่เหล็กเฉพาะจุด — ข้อมูลทั้งหมดมาจากภายในเครื่องบินเอง จึงไม่มีสัญญาณให้แฮกเลย อนาคตเทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ได้หลายทาง: - ตรวจจับสิ่งของใต้ดิน เช่น อุโมงค์หรือเรือดำน้ำ - ใช้ในระบบการแพทย์ เพื่ออ่าน “สนามแม่เหล็กหัวใจหรือสมอง” ที่อ่อนมาก - วางเป็นโครงสร้างนำทางในรถยนต์, เรือ หรือแม้แต่เครื่องบินไร้คนขับ Joe Depa ผู้บริหารจาก Ernst & Young กล่าวว่า: 🔖 “นี่ไม่ใช่อนาคต 20 ปีข้างหน้า — แต่มันคือปัจจุบันแล้ว” ✅ MagNav ใช้เซนเซอร์ควอนตัมอ่านสนามแม่เหล็กโลกเพื่อระบุตำแหน่ง ➡️ ยิงเลเซอร์ใส่อิเล็กตรอนและวัดพลังงานที่สะท้อนกลับ ✅ เครื่องบินทดสอบของ Airbus บินกว่า 150 ชั่วโมงทั่วสหรัฐ ➡️ วิเคราะห์ลายเซ็นแม่เหล็กแต่ละพื้นที่เพื่อหาพิกัดด้วย AI ✅ ความแม่นยำอยู่ในระดับ 2 ไมล์ตลอดเวลา และ 550 เมตรในหลายจุด ➡️ เทียบได้กับระบบการบินระดับพาณิชย์และทหาร ✅ MagNav ไม่ใช้สัญญาณภายนอก ไม่มีการส่งออกข้อมูล ➡️ จึง “ไม่สามารถแฮกหรือหลอกได้” แบบ GPS ✅ SandboxAQ เป็นบริษัทใน Silicon Valley ที่เชี่ยวชาญ AI + ควอนตัมเซนซิ่ง ➡️ เป็นบริษัทในเครือ Alphabet (กลุ่มเดียวกับ Google) ✅ อาจนำไปใช้ในด้านการแพทย์และความมั่นคงระดับชาติในอนาคต ➡️ เช่นการวัดสนามแม่เหล็กหัวใจหรือสมองแบบไม่รุกล้ำ https://www.techspot.com/news/108735-engineers-turn-quantum-tech-replace-gps-flight-navigation.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Engineers turn to quantum tech to replace GPS in flight navigation
    Airbus has teamed with SandboxAQ, a Silicon Valley company specializing in artificial intelligence and quantum sensing, to field-test a new approach to navigation. Their collaboration focuses on...
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่า SSD หรือ RAM ในอนาคตจะไม่เพียงแค่เร็วจัด แต่ยัง ไม่ต้องจ่ายไฟตลอดเวลาเพื่อเก็บข้อมูล, ไม่ต้องกลัวข้อมูลหายตอนปิดเครื่อง และยังใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย → เทคโนโลยีแบบนั้นเรียกว่า “Spintronics” หรืออุปกรณ์ที่ใช้อิเล็กตรอนทั้ง “ประจุ” และ “สปินแม่เหล็ก” ในการประมวลผล

    แต่ปัญหาหลักคือ วัสดุ ferromagnetic semiconductor (FMS) ที่ใช้สร้างอุปกรณ์เหล่านี้มักจะใช้งานได้แค่ที่อุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่าอุณหภูมิห้อง) → ทำให้ยังไม่สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์จริงได้

    ล่าสุดทีมนักวิจัยจากโตเกียว นำโดย ศ. Pham Nam Hai แก้ปัญหานี้ได้ → พวกเขาสร้างวัสดุ (Ga₀.₇₆Fe₀.₂₄)Sb ที่มี Curie Temperature สูงถึง 530 เคลวิน (≒ 256°C) → สูงกว่าสถิติก่อนหน้า (420 K) และสามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมปกติสบาย ๆ

    พวกเขาใช้เทคนิค "step-flow growth" บนแผ่นเวเฟอร์ GaAs ที่เอียงเล็กน้อย → ทำให้สามารถเติมเหล็ก (Fe) ได้ถึง 24% โดยไม่ทำลายโครงสร้างผลึก → ส่งผลให้ตัวอย่างบางเพียง 9.8 นาโนเมตรสามารถ “คงคุณสมบัติแม่เหล็กไว้ได้นานกว่า 1.5 ปีแม้เปิดทิ้งในอากาศ”

    ทั้งหมดนี้อาจปูทางสู่การผลิตหน่วยความจำ MRAM หรือหน่วยประมวลผล Spintronic ที่ใช้ได้จริงแบบ mass production ในอนาคตอันใกล้

    นักวิจัยจาก Institute of Science Tokyo พัฒนา FMS ที่ทำงานได้ที่อุณหภูมิสูงสุดเท่าที่มีการรายงาน (530 K / ~256°C)  
    • วัสดุที่ใช้คือ (Ga₀.₇₆Fe₀.₂₄)Sb  
    • สูงกว่าอุณหภูมิห้องมาก → เหมาะกับการใช้งานจริง

    ใช้เทคนิค step-flow growth บนแผ่น GaAs ที่เอียง 10 องศา เพื่อควบคุมโครงสร้าง  
    • เติม Fe ได้มากโดยไม่เสีย crystalline quality  
    • ได้ผลึกคุณภาพสูงที่ยังมีคุณสมบัติแม่เหล็กครบถ้วน

    ยืนยันคุณสมบัติด้วย Magnetic Circular Dichroism และ Arrott plots  
    • ค่าพลังแม่เหล็กต่ออะตอม Fe = 4.5 µB ใกล้เคียงทฤษฎี  
    • ดีกว่าแม่เหล็กโลหะทั่วไปอย่าง α-Fe

    ทดสอบเก็บตัวอย่างในอากาศ 1.5 ปี พบว่ายังรักษาคุณสมบัติได้ดี (TC เหลือ ~470 K)  
    • บ่งชี้ถึงความเสถียรสูง เหมาะกับการใช้งานในเชิงอุตสาหกรรม

    สามารถนำไปใช้พัฒนาอุปกรณ์ Spintronic เช่น MRAM ได้ในระดับ CMOS-compatible  
    • ลด leakage, เพิ่ม endurance, ไม่ volatile, เร็วระดับ SSD, ใช้ไฟต่ำ

    https://www.neowin.net/news/extraordinary-next-gen-ssd--ram-could-be-awaiting-as-scientists-hit-a-milestone-temperature/
    ลองนึกภาพว่า SSD หรือ RAM ในอนาคตจะไม่เพียงแค่เร็วจัด แต่ยัง ไม่ต้องจ่ายไฟตลอดเวลาเพื่อเก็บข้อมูล, ไม่ต้องกลัวข้อมูลหายตอนปิดเครื่อง และยังใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย → เทคโนโลยีแบบนั้นเรียกว่า “Spintronics” หรืออุปกรณ์ที่ใช้อิเล็กตรอนทั้ง “ประจุ” และ “สปินแม่เหล็ก” ในการประมวลผล แต่ปัญหาหลักคือ วัสดุ ferromagnetic semiconductor (FMS) ที่ใช้สร้างอุปกรณ์เหล่านี้มักจะใช้งานได้แค่ที่อุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่าอุณหภูมิห้อง) → ทำให้ยังไม่สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์จริงได้ ล่าสุดทีมนักวิจัยจากโตเกียว นำโดย ศ. Pham Nam Hai แก้ปัญหานี้ได้ → พวกเขาสร้างวัสดุ (Ga₀.₇₆Fe₀.₂₄)Sb ที่มี Curie Temperature สูงถึง 530 เคลวิน (≒ 256°C) → สูงกว่าสถิติก่อนหน้า (420 K) และสามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมปกติสบาย ๆ พวกเขาใช้เทคนิค "step-flow growth" บนแผ่นเวเฟอร์ GaAs ที่เอียงเล็กน้อย → ทำให้สามารถเติมเหล็ก (Fe) ได้ถึง 24% โดยไม่ทำลายโครงสร้างผลึก → ส่งผลให้ตัวอย่างบางเพียง 9.8 นาโนเมตรสามารถ “คงคุณสมบัติแม่เหล็กไว้ได้นานกว่า 1.5 ปีแม้เปิดทิ้งในอากาศ” ทั้งหมดนี้อาจปูทางสู่การผลิตหน่วยความจำ MRAM หรือหน่วยประมวลผล Spintronic ที่ใช้ได้จริงแบบ mass production ในอนาคตอันใกล้ ✅ นักวิจัยจาก Institute of Science Tokyo พัฒนา FMS ที่ทำงานได้ที่อุณหภูมิสูงสุดเท่าที่มีการรายงาน (530 K / ~256°C)   • วัสดุที่ใช้คือ (Ga₀.₇₆Fe₀.₂₄)Sb   • สูงกว่าอุณหภูมิห้องมาก → เหมาะกับการใช้งานจริง ✅ ใช้เทคนิค step-flow growth บนแผ่น GaAs ที่เอียง 10 องศา เพื่อควบคุมโครงสร้าง   • เติม Fe ได้มากโดยไม่เสีย crystalline quality   • ได้ผลึกคุณภาพสูงที่ยังมีคุณสมบัติแม่เหล็กครบถ้วน ✅ ยืนยันคุณสมบัติด้วย Magnetic Circular Dichroism และ Arrott plots   • ค่าพลังแม่เหล็กต่ออะตอม Fe = 4.5 µB ใกล้เคียงทฤษฎี   • ดีกว่าแม่เหล็กโลหะทั่วไปอย่าง α-Fe ✅ ทดสอบเก็บตัวอย่างในอากาศ 1.5 ปี พบว่ายังรักษาคุณสมบัติได้ดี (TC เหลือ ~470 K)   • บ่งชี้ถึงความเสถียรสูง เหมาะกับการใช้งานในเชิงอุตสาหกรรม ✅ สามารถนำไปใช้พัฒนาอุปกรณ์ Spintronic เช่น MRAM ได้ในระดับ CMOS-compatible   • ลด leakage, เพิ่ม endurance, ไม่ volatile, เร็วระดับ SSD, ใช้ไฟต่ำ https://www.neowin.net/news/extraordinary-next-gen-ssd--ram-could-be-awaiting-as-scientists-hit-a-milestone-temperature/
    WWW.NEOWIN.NET
    Extraordinary next-gen SSD & RAM could be awaiting as scientists hit a milestone temperature
    Scientists have managed to hit a major milestone in terms of temperature, thus making them excited about the possibility of some amazing future SSD and RAM innovations.
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน Nvidia ยังเป็นบริษัททำการ์ดจอเกมเป็นหลัก มูลค่าราว $500 พันล้าน → แต่ตอนนี้ (กลางปี 2025) Nvidia กำลังแตะมูลค่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ โดย  
    • เคยแตะ $3.92T ระหว่างวัน (intraday)  
    • ปิดที่ $3.89T  
    • แซงสถิติเดิมของ Apple ที่เคยปิดที่ $3.915T เมื่อปลายปี 2024

    สาเหตุหลักมาจากความ “บูม” ของตลาด AI — โดย Nvidia ควบคุม ฮาร์ดแวร์ AI ระดับสูง ที่ใช้เทรนและรัน LLM แทบทั้งหมด
    → ทำให้กลายเป็น “หัวใจกลางของยุค AI Infrastructure” ที่ทั้ง Microsoft, Amazon, Meta, Tesla และ Alphabet ต้องพึ่งพา
    → ในไตรมาสล่าสุด Nvidia ทำรายได้ $44.1B (+69%)  
    • เฉพาะส่วน Data Center ก็ทำถึง $39.1B  
    • วางเป้า $170B รายได้รวมในปีงบประมาณ 2026 (ขึ้นจาก $130B ในปี 2025)

    และที่น่าสนใจคือ…
    → มูลค่าตลาดของ Nvidia สูงกว่ารวมกันของบริษัทจดทะเบียนทั้งประเทศอังกฤษ
    → นักลงทุนที่ถือดัชนีแบบ S&P 500 ตอนนี้มีสัดส่วน Nvidia เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว

    https://www.techspot.com/news/108558-nvidia-closes-4-trillion-valuation-surpasses-apple-record.html
    ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน Nvidia ยังเป็นบริษัททำการ์ดจอเกมเป็นหลัก มูลค่าราว $500 พันล้าน → แต่ตอนนี้ (กลางปี 2025) Nvidia กำลังแตะมูลค่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ โดย   • เคยแตะ $3.92T ระหว่างวัน (intraday)   • ปิดที่ $3.89T   • แซงสถิติเดิมของ Apple ที่เคยปิดที่ $3.915T เมื่อปลายปี 2024 สาเหตุหลักมาจากความ “บูม” ของตลาด AI — โดย Nvidia ควบคุม ฮาร์ดแวร์ AI ระดับสูง ที่ใช้เทรนและรัน LLM แทบทั้งหมด → ทำให้กลายเป็น “หัวใจกลางของยุค AI Infrastructure” ที่ทั้ง Microsoft, Amazon, Meta, Tesla และ Alphabet ต้องพึ่งพา → ในไตรมาสล่าสุด Nvidia ทำรายได้ $44.1B (+69%)   • เฉพาะส่วน Data Center ก็ทำถึง $39.1B   • วางเป้า $170B รายได้รวมในปีงบประมาณ 2026 (ขึ้นจาก $130B ในปี 2025) และที่น่าสนใจคือ… → มูลค่าตลาดของ Nvidia สูงกว่ารวมกันของบริษัทจดทะเบียนทั้งประเทศอังกฤษ 🇬🇧 → นักลงทุนที่ถือดัชนีแบบ S&P 500 ตอนนี้มีสัดส่วน Nvidia เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว https://www.techspot.com/news/108558-nvidia-closes-4-trillion-valuation-surpasses-apple-record.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia closes in on $4 trillion valuation, surpasses Apple's record
    "When the first company crossed a trillion dollars, it was amazing. And now you're talking four trillion, which is just incredible. It tells you that there's this...
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม
    PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    กรณีศึกษาการโจมตี
    - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา
    - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง
    - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    ข้อควรระวัง
    - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน
    - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย
    - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล

    แนวทางป้องกัน
    การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้
    - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง
    - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI

    ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย
    - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด
    - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell
    การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging
    - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย

    ข้อควรระวังในการตรวจสอบ
    - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้
    - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง

    https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    🖥️ การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ กรณีศึกษาการโจมตี - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ‼️ ข้อควรระวัง - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล 🔍 แนวทางป้องกัน ✅ การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้ - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI ‼️ ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ 🛡️ การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell ✅ การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย ‼️ ข้อควรระวังในการตรวจสอบ - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to log and monitor PowerShell activity for suspicious scripts and commands
    Attackers are increasingly abusing sanctioned tools to subvert automated defenses. Tracking your Windows fleet’s PowerShell use — especially consultant workstations — can provide early indications of nefarious activity.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,
    ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ
    ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร)
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ด
    ถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✍️กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🥸1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด, ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น 🥸2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🥸3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร) 🥸4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🥸5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ด ถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 956 Views 0 Reviews
  • OpenAI ขยายความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพด้าน AI
    OpenAI ได้ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อช่วยรองรับความต้องการด้านการประมวลผลสำหรับ การฝึกและใช้งานโมเดล AI ซึ่งถือเป็นการขยายแหล่งทรัพยากร นอกเหนือจาก Microsoft Azure

    แม้ว่า OpenAI และ Google จะเป็นคู่แข่งกันในตลาด AI แต่ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI สามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI

    ข้อมูลจากข่าว
    - OpenAI ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI
    - ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI ขยายแหล่งทรัพยากรนอกเหนือจาก Microsoft Azure
    - OpenAI จะสามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google
    - Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) มีรายได้จาก Google Cloud สูงถึง 43 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
    - OpenAI มีอัตราการเติบโตสูง โดยมีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์

    ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Google
    แม้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ Google Cloud มีลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ Google ต้องบริหารทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Google ต้องจัดสรรทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก
    - Google Cloud กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความต้องการทรัพยากรที่สูงขึ้น
    - OpenAI กำลังพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก
    - ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อตกลงนี้อย่างไร

    การขยายความร่วมมือกับ Google Cloud ช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดหาทรัพยากร และ อาจช่วยให้ Google Cloud แข่งขันกับ Microsoft Azure ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร

    https://www.neowin.net/news/openai-to-use-google-cloud-despite-rivalry-diversifying-beyond-microsoft/
    🤝 OpenAI ขยายความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพด้าน AI OpenAI ได้ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อช่วยรองรับความต้องการด้านการประมวลผลสำหรับ การฝึกและใช้งานโมเดล AI ซึ่งถือเป็นการขยายแหล่งทรัพยากร นอกเหนือจาก Microsoft Azure แม้ว่า OpenAI และ Google จะเป็นคู่แข่งกันในตลาด AI แต่ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI สามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI ✅ ข้อมูลจากข่าว - OpenAI ตกลงใช้ Google Cloud เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI - ข้อตกลงนี้ช่วยให้ OpenAI ขยายแหล่งทรัพยากรนอกเหนือจาก Microsoft Azure - OpenAI จะสามารถเข้าถึง Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google - Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) มีรายได้จาก Google Cloud สูงถึง 43 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 - OpenAI มีอัตราการเติบโตสูง โดยมีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์ 🔥 ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Google แม้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ Google Cloud มีลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ Google ต้องบริหารทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Google ต้องจัดสรรทรัพยากรระหว่างโครงการ AI ของตนเองและลูกค้าภายนอก - Google Cloud กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความต้องการทรัพยากรที่สูงขึ้น - OpenAI กำลังพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก - ต้องติดตามว่า Microsoft จะตอบสนองต่อข้อตกลงนี้อย่างไร การขยายความร่วมมือกับ Google Cloud ช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดหาทรัพยากร และ อาจช่วยให้ Google Cloud แข่งขันกับ Microsoft Azure ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร https://www.neowin.net/news/openai-to-use-google-cloud-despite-rivalry-diversifying-beyond-microsoft/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI to use Google Cloud despite rivalry, diversifying beyond Microsoft
    OpenAI and Google Cloud have reportedly reached a deal that will allow OpenAI to train its models on Google Cloud infrastructure.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI
    Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center

    เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave
    Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต

    ข้อมูลจากข่าว
    - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์
    - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล
    - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล
    - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm
    - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่
    - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
    - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น

    Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    💰 Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center 🔍 เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต ✅ ข้อมูลจากข่าว - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่ - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่ - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Qualcomm strengthens AI portfolio with $2.4 billion Alphawave deal
    (Reuters) -U.S. chipmaker Qualcomm agreed to acquire Alphawave for about $2.4 billion on Monday, as it expands into the booming AI data center market, sending shares of the British semiconductor company surging more than 22%.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง

    e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา
    - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
    - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น
    - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
    - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง
    - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่

    e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ

    https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่ e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    This stick-on e-tattoo tracks mental fatigue in real time
    Dr Nanshu Lu, an author of the research from the University of Texas at Austin, writes that the e-tattoo could be valuable for professions that require high...
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • Disney ฟ้อง YouTube เพื่อหยุดการจ้างอดีตผู้บริหารดูแลสื่อและกีฬา

    Disney ยื่นฟ้อง Alphabet's YouTube ในศาลรัฐลอสแอนเจลิส เพื่อขัดขวางการแต่งตั้ง Justin Connolly เป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อและกีฬา โดยอ้างว่า เป็นการละเมิดสัญญาการจ้างงาน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีระหว่าง Disney และ YouTube
    Disney อ้างว่า Connolly มีสัญญาจ้างงานกับบริษัทจนถึงปี 2027
    - เขาเซ็นสัญญาใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยมีสิทธิ์ยกเลิกได้เพียงครั้งเดียวก่อนมีนาคม 2027

    YouTube ประกาศแต่งตั้ง Connolly เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025
    - เขาจะดูแล ความสัมพันธ์กับบริษัทสื่อรายใหญ่และขยายพอร์ตโฟลิโอกีฬา

    YouTube ลงทุนมหาศาลในสตรีมมิ่งกีฬา
    - เซ็นสัญญา $14 พันล้านกับ NFL ในปี 2022 เพื่อสตรีมการแข่งขันฟุตบอล

    Disney กำลังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ESPN
    - Connolly เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายแพลตฟอร์มของ ESPN และ Disney

    YouTube ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters
    - คดีนี้ อาจส่งผลต่อแนวทางการจ้างงานในอุตสาหกรรมสื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/youtube-hires-former-disney-veteran-to-oversee-sports-and-media
    Disney ฟ้อง YouTube เพื่อหยุดการจ้างอดีตผู้บริหารดูแลสื่อและกีฬา Disney ยื่นฟ้อง Alphabet's YouTube ในศาลรัฐลอสแอนเจลิส เพื่อขัดขวางการแต่งตั้ง Justin Connolly เป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อและกีฬา โดยอ้างว่า เป็นการละเมิดสัญญาการจ้างงาน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคดีระหว่าง Disney และ YouTube ✅ Disney อ้างว่า Connolly มีสัญญาจ้างงานกับบริษัทจนถึงปี 2027 - เขาเซ็นสัญญาใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดยมีสิทธิ์ยกเลิกได้เพียงครั้งเดียวก่อนมีนาคม 2027 ✅ YouTube ประกาศแต่งตั้ง Connolly เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 - เขาจะดูแล ความสัมพันธ์กับบริษัทสื่อรายใหญ่และขยายพอร์ตโฟลิโอกีฬา ✅ YouTube ลงทุนมหาศาลในสตรีมมิ่งกีฬา - เซ็นสัญญา $14 พันล้านกับ NFL ในปี 2022 เพื่อสตรีมการแข่งขันฟุตบอล ✅ Disney กำลังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ESPN - Connolly เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายแพลตฟอร์มของ ESPN และ Disney ✅ YouTube ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters - คดีนี้ อาจส่งผลต่อแนวทางการจ้างงานในอุตสาหกรรมสื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/youtube-hires-former-disney-veteran-to-oversee-sports-and-media
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Disney seeks to stop YouTube from hiring veteran to oversee sports and media
    (Reuters) -Walt Disney seeks to stop Alphabet's YouTube, which announced on Thursday that it has appointed long-time executive Justin Connolly as its global head of media and sports.
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ใน OpenPGP.js ทำให้ระบบเข้ารหัสกุญแจสาธารณะถูกเจาะ

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย พบช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenPGP.js ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript สำหรับการเข้ารหัสและลงนามดิจิทัล โดยช่องโหว่นี้ ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงข้อความให้ดูเหมือนมีลายเซ็นที่ถูกต้อง ซึ่งอาจนำไปสู่การฉ้อโกงทางการเงินและการละเมิดความปลอดภัยของข้อมูล

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับช่องโหว่ใน OpenPGP.js
    ช่องโหว่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงข้อความที่มีลายเซ็นดิจิทัล
    - ทำให้ สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาข้อความโดยที่ยังดูเหมือนถูกต้องตามลายเซ็น

    ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อหลายเวอร์ชันของ OpenPGP.js
    - เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 5.0.1 ถึง 5.12.2 และ 6.0.0-alpha.0 ถึง 6.1.0

    แพตช์สำหรับช่องโหว่นี้มีให้ใช้งานแล้วในเวอร์ชัน 5.11.3 และ 6.1.1
    - ผู้ใช้ ควรอัปเดตไลบรารีทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47934 และมีระดับความรุนแรง 8.7/10
    - ถือเป็น ช่องโหว่ระดับสูงที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

    ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงที่ใช้ช่องโหว่นี้ในขณะนี้
    - แต่ นักวิจัยเตือนว่าผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่นี้เพื่อปลอมแปลงคำขอชำระเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/an-openpgp-js-flaw-just-broke-public-key-cryptography
    ช่องโหว่ใน OpenPGP.js ทำให้ระบบเข้ารหัสกุญแจสาธารณะถูกเจาะ นักวิจัยด้านความปลอดภัย พบช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenPGP.js ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript สำหรับการเข้ารหัสและลงนามดิจิทัล โดยช่องโหว่นี้ ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงข้อความให้ดูเหมือนมีลายเซ็นที่ถูกต้อง ซึ่งอาจนำไปสู่การฉ้อโกงทางการเงินและการละเมิดความปลอดภัยของข้อมูล 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับช่องโหว่ใน OpenPGP.js ✅ ช่องโหว่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงข้อความที่มีลายเซ็นดิจิทัล - ทำให้ สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาข้อความโดยที่ยังดูเหมือนถูกต้องตามลายเซ็น ✅ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อหลายเวอร์ชันของ OpenPGP.js - เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 5.0.1 ถึง 5.12.2 และ 6.0.0-alpha.0 ถึง 6.1.0 ✅ แพตช์สำหรับช่องโหว่นี้มีให้ใช้งานแล้วในเวอร์ชัน 5.11.3 และ 6.1.1 - ผู้ใช้ ควรอัปเดตไลบรารีทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47934 และมีระดับความรุนแรง 8.7/10 - ถือเป็น ช่องโหว่ระดับสูงที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ✅ ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงที่ใช้ช่องโหว่นี้ในขณะนี้ - แต่ นักวิจัยเตือนว่าผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่นี้เพื่อปลอมแปลงคำขอชำระเงิน https://www.techradar.com/pro/security/an-openpgp-js-flaw-just-broke-public-key-cryptography
    WWW.TECHRADAR.COM
    An OpenPGP.js flaw just broke public key cryptography
    Researchers found a bug that allowed malicious actors to spoof messages
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • Waymo ได้รับอนุญาตให้ขยายบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับในพื้นที่ Bay Area

    Waymo ได้รับการอนุมัติจากรัฐแคลิฟอร์เนียให้ขยายบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับไปยังพื้นที่ใหม่ใน San Francisco Peninsula และ San Jose อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่าจะดำเนินการขยายบริการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการขยายบริการของ Waymo
    Waymo ได้รับอนุญาตจาก California Public Utilities Commission (CPUC) ให้ขยายบริการ
    - การอนุมัติครั้งนี้ ไม่มีการคัดค้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

    Waymo มีรถแท็กซี่ไร้คนขับมากกว่า 1,500 คันในหลายเมืองของสหรัฐฯ
    - ให้บริการใน San Francisco, Los Angeles, Phoenix และ Austin

    บริษัทให้บริการมากกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์
    - เป็น บริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับสำหรับผู้โดยสารที่ชำระเงิน

    Waymo กำลังเรียกคืนรถแท็กซี่ไร้คนขับกว่า 1,200 คันเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์
    - เพื่อ แก้ไขปัญหาการชนกับสิ่งกีดขวาง เช่น โซ่และประตูทางเข้า

    Tesla กำลังเตรียมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับแบบชำระเงินใน Austin เดือนหน้า
    - CEO Elon Musk วางแผนขยายบริการไปยังแคลิฟอร์เนียภายในปีนี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/alphabet039s-waymo-gets-california-nod-for-expansion-in-san-francisco-bay-area
    Waymo ได้รับอนุญาตให้ขยายบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับในพื้นที่ Bay Area Waymo ได้รับการอนุมัติจากรัฐแคลิฟอร์เนียให้ขยายบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับไปยังพื้นที่ใหม่ใน San Francisco Peninsula และ San Jose อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่าจะดำเนินการขยายบริการอย่างค่อยเป็นค่อยไป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการขยายบริการของ Waymo ✅ Waymo ได้รับอนุญาตจาก California Public Utilities Commission (CPUC) ให้ขยายบริการ - การอนุมัติครั้งนี้ ไม่มีการคัดค้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ✅ Waymo มีรถแท็กซี่ไร้คนขับมากกว่า 1,500 คันในหลายเมืองของสหรัฐฯ - ให้บริการใน San Francisco, Los Angeles, Phoenix และ Austin ✅ บริษัทให้บริการมากกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ - เป็น บริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่ให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับสำหรับผู้โดยสารที่ชำระเงิน ✅ Waymo กำลังเรียกคืนรถแท็กซี่ไร้คนขับกว่า 1,200 คันเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ - เพื่อ แก้ไขปัญหาการชนกับสิ่งกีดขวาง เช่น โซ่และประตูทางเข้า ✅ Tesla กำลังเตรียมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับแบบชำระเงินใน Austin เดือนหน้า - CEO Elon Musk วางแผนขยายบริการไปยังแคลิฟอร์เนียภายในปีนี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/alphabet039s-waymo-gets-california-nod-for-expansion-in-san-francisco-bay-area
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alphabet's Waymo gets California nod for robotaxi expansion in San Francisco Bay Area
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Alphabet's self-driving unit Waymo said on Monday it received approval from California to expand its robotaxi operations in more areas of the San Francisco Peninsula and further south, including San Jose.
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • Google One ทะลุ 150 ล้านผู้ใช้ ด้วยแรงหนุนจาก AI

    Google One ซึ่งเป็นบริการสมัครสมาชิกของ Alphabet ที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และฟีเจอร์ AI ได้ แตะ 150 ล้านผู้ใช้ เพิ่มขึ้น 50% จากปี 2024 โดยการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากแผนสมัครสมาชิกใหม่ที่มี AI ขั้นสูง

    Google One มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 50% จาก 100 ล้านเป็น 150 ล้านในเวลาเพียง 1 ปี
    - การเติบโตนี้ เกิดขึ้นหลังจากเปิดตัวแผนสมัครสมาชิกใหม่ที่มี AI

    Google เปิดตัวแผน $19.99 ต่อเดือนที่ให้สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ AI พิเศษ
    - ฟีเจอร์เหล่านี้ ไม่มีให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ฟรี

    Google One เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Alphabet ในการลดการพึ่งพารายได้จากโฆษณา
    - โฆษณายังคงเป็น 75% ของรายได้รวม $350 พันล้านในปี 2024

    AI ทำให้การค้นหาบน Safari ลดลงเป็นครั้งแรก
    - Apple กำลังพัฒนา ระบบค้นหาที่ใช้ AI ซึ่งอาจกระทบต่อ Google Search

    Google กำลังพยายามหาวิธีสร้างรายได้จาก AI ผ่านการสมัครสมาชิก
    - CEO Sundar Pichai กล่าวว่า Google จะเน้นไปที่โมเดลสมัครสมาชิกในปีนี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/google-hits-150-million-users-for-subscription-service-with-help-of-ai
    Google One ทะลุ 150 ล้านผู้ใช้ ด้วยแรงหนุนจาก AI Google One ซึ่งเป็นบริการสมัครสมาชิกของ Alphabet ที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และฟีเจอร์ AI ได้ แตะ 150 ล้านผู้ใช้ เพิ่มขึ้น 50% จากปี 2024 โดยการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากแผนสมัครสมาชิกใหม่ที่มี AI ขั้นสูง ✅ Google One มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 50% จาก 100 ล้านเป็น 150 ล้านในเวลาเพียง 1 ปี - การเติบโตนี้ เกิดขึ้นหลังจากเปิดตัวแผนสมัครสมาชิกใหม่ที่มี AI ✅ Google เปิดตัวแผน $19.99 ต่อเดือนที่ให้สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ AI พิเศษ - ฟีเจอร์เหล่านี้ ไม่มีให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ฟรี ✅ Google One เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Alphabet ในการลดการพึ่งพารายได้จากโฆษณา - โฆษณายังคงเป็น 75% ของรายได้รวม $350 พันล้านในปี 2024 ✅ AI ทำให้การค้นหาบน Safari ลดลงเป็นครั้งแรก - Apple กำลังพัฒนา ระบบค้นหาที่ใช้ AI ซึ่งอาจกระทบต่อ Google Search ✅ Google กำลังพยายามหาวิธีสร้างรายได้จาก AI ผ่านการสมัครสมาชิก - CEO Sundar Pichai กล่าวว่า Google จะเน้นไปที่โมเดลสมัครสมาชิกในปีนี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/google-hits-150-million-users-for-subscription-service-with-help-of-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google hits 150 million users for subscription service with help of AI
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Alphabet's Google One subscription service, which charges consumers for cloud storage and artificial intelligence features, recently crossed 150 million subscribers, the company told Reuters.
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • Qualcomm ได้รับการขยายเวลาสำหรับการเสนอซื้อ Alphawave จากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร

    Qualcomm ได้รับการขยายเวลาจาก UK Takeover Panel ให้สามารถยื่นข้อเสนอซื้อ Alphawave IP Group ได้จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 หลังจากที่เดิมกำหนดเส้นตายไว้ที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการขยายเวลาครั้งที่สองเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาต่อไปได้

    Qualcomm กำลังเจรจาเพื่อซื้อ Alphawave IP Group
    - Alphawave เป็น บริษัทออกแบบชิปที่มีพอร์ตโฟลิโอ IP ที่แข็งแกร่ง

    Arm Holdings เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจถอนตัว
    - Arm สนใจ SerDes IP ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับ AI processors

    Alphawave มีความเชี่ยวชาญด้าน SerDes ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง
    - ใช้ใน ศูนย์ข้อมูลและ AI clusters

    Qualcomm ต้องการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดศูนย์ข้อมูล
    - การเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm มีความสามารถด้านการออกแบบชิปที่แข็งแกร่งขึ้น

    Alphawave มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจีน ซึ่งอาจทำให้การเข้าซื้อกิจการมีความซับซ้อน
    - บริษัทมี joint venture กับ Wise Road Capital ซึ่งถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในปี 2023

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/uk-extends-deadline-for-qualcomm-to-make-offer-for-alphawave
    Qualcomm ได้รับการขยายเวลาสำหรับการเสนอซื้อ Alphawave จากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร Qualcomm ได้รับการขยายเวลาจาก UK Takeover Panel ให้สามารถยื่นข้อเสนอซื้อ Alphawave IP Group ได้จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 หลังจากที่เดิมกำหนดเส้นตายไว้ที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการขยายเวลาครั้งที่สองเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาต่อไปได้ ✅ Qualcomm กำลังเจรจาเพื่อซื้อ Alphawave IP Group - Alphawave เป็น บริษัทออกแบบชิปที่มีพอร์ตโฟลิโอ IP ที่แข็งแกร่ง ✅ Arm Holdings เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจถอนตัว - Arm สนใจ SerDes IP ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับ AI processors ✅ Alphawave มีความเชี่ยวชาญด้าน SerDes ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง - ใช้ใน ศูนย์ข้อมูลและ AI clusters ✅ Qualcomm ต้องการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดศูนย์ข้อมูล - การเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm มีความสามารถด้านการออกแบบชิปที่แข็งแกร่งขึ้น ✅ Alphawave มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจีน ซึ่งอาจทำให้การเข้าซื้อกิจการมีความซับซ้อน - บริษัทมี joint venture กับ Wise Road Capital ซึ่งถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในปี 2023 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/uk-extends-deadline-for-qualcomm-to-make-offer-for-alphawave
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
More Results