• ขออนุญาตขายงานสะสมค่ะ
    ชุดแก้วกาแฟพร้อมช้อน ขอบทอง งานแกะกล่องไม่ผ่านการใช้งาน
    #Adam&Eve ทั้งหมด 5 Set
    ราคา 1,450- ไม่รวมส่ง
    สนใจสอบถามได้นะคะ คุณน้า
    ขออนุญาตขายงานสะสมค่ะ ชุดแก้วกาแฟพร้อมช้อน ขอบทอง งานแกะกล่องไม่ผ่านการใช้งาน #Adam&Eve ทั้งหมด 5 Set ราคา 1,450- ไม่รวมส่ง สนใจสอบถามได้นะคะ คุณน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลเพิ่มเติมการแลกเปลี่ยนตัวประกันในกาซา:

    🔴Adam Berger เป็นทหารหญิงอิสราเอลเพียงคนเดียวที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ ซึ่งถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่กาชาดสากลเรียบร้อยแล้ว ในพื้นที่จาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา

    🔴 นอกจากนี้ยังมีชาวอิสราเอลอีก 2 คน และชาวไทยอีก 5 คน รวมทั้งหมด 8 คน จะได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ยืนยันสถานที่ว่าเป็นส่วนใดในกาซา

    🔴 อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 110 คนเป็นการแลกเปลี่ยน แบ่งเป็นผู้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 32 ราย ผู้ถูกตัดสินจำคุกในคดีต่างๆ 48 ราย และเด็ก 30 ราย
    ข้อมูลเพิ่มเติมการแลกเปลี่ยนตัวประกันในกาซา: 🔴Adam Berger เป็นทหารหญิงอิสราเอลเพียงคนเดียวที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ ซึ่งถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่กาชาดสากลเรียบร้อยแล้ว ในพื้นที่จาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา 🔴 นอกจากนี้ยังมีชาวอิสราเอลอีก 2 คน และชาวไทยอีก 5 คน รวมทั้งหมด 8 คน จะได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ยืนยันสถานที่ว่าเป็นส่วนใดในกาซา 🔴 อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 110 คนเป็นการแลกเปลี่ยน แบ่งเป็นผู้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 32 ราย ผู้ถูกตัดสินจำคุกในคดีต่างๆ 48 ราย และเด็ก 30 ราย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goldman Sachs ได้ออกมาคาดการณ์ว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยจะใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน (Geofencing) การช่วยเหลือจากระยะไกล (Remote Assistance) หมายถึงการใช้มนุษย์ช่วยในการควบคุมหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับขี่อัตโนมัติของรถยนต์ เช่น การช่วยเหลือในการตัดสินใจเมื่อระบบขับขี่อัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือปลอดภัยในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายกับที่ใช้โดย Robotaxi ของคู่แข่งในปัจจุบัน

    Mark Delaney นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้กล่าวถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) รุ่นที่ 13 ของ Tesla ว่ามีการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจากการทดสอบล่าสุด ข้อมูลจากผู้ใช้ และการรีวิวจากบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงตามหลัง Waymo ซึ่งมีการให้บริการ Robotaxi บนเส้นทางที่กำหนดขอบเขตการทำงานอย่างเข้มงวด

    Delaney ยังระบุว่า FSD ของ Tesla ยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้สายตาในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น บนทางหลวงในสภาพอากาศที่ดี หรือการขับขี่ในระดับ 3 ของการขับขี่อัตโนมัติ

    Goldman Sachs คาดว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคของซอฟต์แวร์ FSD ของ Tesla แม้ว่าจะจำกัดอัตราการขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า

    นอกจากนี้ Morgan Stanley นักวิเคราะห์ Adam Jonas ได้เพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของ Tesla จาก $400 เป็น $430 แต่ยังคงไม่คาดหวังว่าจะมีการใช้งาน Robotaxi อย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2032

    https://wccftech.com/goldman-sachs-tesla-robotaxi-business-to-begin-commercial-operations-in-2h26-will-use-remote-assistance-and-geofencing/
    Goldman Sachs ได้ออกมาคาดการณ์ว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยจะใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน (Geofencing) การช่วยเหลือจากระยะไกล (Remote Assistance) หมายถึงการใช้มนุษย์ช่วยในการควบคุมหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับขี่อัตโนมัติของรถยนต์ เช่น การช่วยเหลือในการตัดสินใจเมื่อระบบขับขี่อัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือปลอดภัยในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายกับที่ใช้โดย Robotaxi ของคู่แข่งในปัจจุบัน Mark Delaney นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้กล่าวถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) รุ่นที่ 13 ของ Tesla ว่ามีการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจากการทดสอบล่าสุด ข้อมูลจากผู้ใช้ และการรีวิวจากบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงตามหลัง Waymo ซึ่งมีการให้บริการ Robotaxi บนเส้นทางที่กำหนดขอบเขตการทำงานอย่างเข้มงวด Delaney ยังระบุว่า FSD ของ Tesla ยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องใช้สายตาในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น บนทางหลวงในสภาพอากาศที่ดี หรือการขับขี่ในระดับ 3 ของการขับขี่อัตโนมัติ Goldman Sachs คาดว่า Tesla จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ Robotaxi ในครึ่งหลังของปี 2026 โดยใช้การช่วยเหลือจากระยะไกลและการกำหนดขอบเขตการทำงาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิคของซอฟต์แวร์ FSD ของ Tesla แม้ว่าจะจำกัดอัตราการขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ Morgan Stanley นักวิเคราะห์ Adam Jonas ได้เพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของ Tesla จาก $400 เป็น $430 แต่ยังคงไม่คาดหวังว่าจะมีการใช้งาน Robotaxi อย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2032 https://wccftech.com/goldman-sachs-tesla-robotaxi-business-to-begin-commercial-operations-in-2h26-will-use-remote-assistance-and-geofencing/
    WCCFTECH.COM
    Goldman Sachs: "Tesla's Robotaxi Business To Begin Commercial Operations In 2H26," Will "Use Remote Assistance And Geofencing"
    Goldman Sachs analyst Mark Delaney touts the "meaningfully improved" performance of the just-released version 13 of Tesla's FSD.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนลดกลางเดือน ลดสูงสุด 10,000 บาท 💌
    15-17 มกราคม 2568 ⏰
    เก็บคูปองได้ที่🛒 https://s.lazada.co.th/s.tOihM

    #LazadaMidMonthSale #ช้อปดีลด่วนทุกกลางเดือน #ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ #ส่วนลดช้อปคุ้มหลายต่อ
    #ช้อปสิ่งที่ชอบเพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต #AddtocartAddtolife #LazadaTH
    ส่วนลดกลางเดือน ลดสูงสุด 10,000 บาท 💌 15-17 มกราคม 2568 ⏰ เก็บคูปองได้ที่🛒 https://s.lazada.co.th/s.tOihM #LazadaMidMonthSale #ช้อปดีลด่วนทุกกลางเดือน #ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ #ส่วนลดช้อปคุ้มหลายต่อ #ช้อปสิ่งที่ชอบเพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต #AddtocartAddtolife #LazadaTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กรรม!!"

    ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ผลจากสงครามในกาซา แต่มันคือผลลัพธ์จากไฟป่าที่ Palisades ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    มีรายชื่อคนดังมากมายที่อาศัยอยู่ในแถบแปซิฟิกพาลิเซดส์:
    1. Tom Hanks
    2. Rita Wilson
    3. Steven Spielberg
    4. Reese Witherspoon
    5. Ben Affleck
    6. Jennifer Aniston
    7. Bradley Cooper
    8. Adam Sandler
    9. Michael Keaton
    10. Chris Pratt
    11. Katherine Schwarzenegger
    12. Matt Damon
    13. Kate Hudson
    14. Matthew Perry

    "กรรม!!" ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ผลจากสงครามในกาซา แต่มันคือผลลัพธ์จากไฟป่าที่ Palisades ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีรายชื่อคนดังมากมายที่อาศัยอยู่ในแถบแปซิฟิกพาลิเซดส์: 1. Tom Hanks 2. Rita Wilson 3. Steven Spielberg 4. Reese Witherspoon 5. Ben Affleck 6. Jennifer Aniston 7. Bradley Cooper 8. Adam Sandler 9. Michael Keaton 10. Chris Pratt 11. Katherine Schwarzenegger 12. Matt Damon 13. Kate Hudson 14. Matthew Perry
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • What Are The 4 Types Of Brackets?

    When considering punctuation marks, there are four pairs of marks that may be referred to as a type of bracket. They are parentheses, square brackets, curly brackets, and angle brackets. Of these four, parentheses are by far the most commonly used and are the punctuation marks that most writers are likely most familiar with. Although you may not get many chances yourself to bust out a pair of curly brackets or angle brackets, it doesn’t hurt to learn what they are typically used for so they don’t catch you by surprise.

    Types of brackets

    Parentheses ()

    Let’s look at each of the four different types of brackets, moving from the pair you are most likely to see to the pair you will almost never see (in writing, at least).

    Despite being the most commonly used of the four types of brackets, parentheses are still less common than other punctuation marks in formal writing. Most writers will tend to use them sparingly but effectively.

    Parentheses have a lot of different uses. One particularly common use is to insert additional but unessential information, such as a writer’s commentary, into a sentence.

    Last year, the first pitch was thrown by Santa Claus (yes, really).
    Bananas are good for you (and tasty, too).
    Some other information that might be contained within parentheses includes sources, references, abbreviations, acronyms, telephone area codes, and lifespans.

    Parentheses examples

    The owners loved dressing their dogs up in funny outfits. (The dogs were much less enthusiastic about it.)
    The cat population doubled over the past 10 years. (Purrcy and Kitchins, 2005)
    The shuttle was built by the National Aeronautics and Space Administration (NASA).
    Edward I of England (1239–1307) was called “Edward Longshanks.”


    Square brackets []

    Square brackets, often just called brackets in American English, are typically only used with quotations in formal writing. Square brackets are used to indicate to a reader that the writer added their own words to a quote, added additional context, or otherwise made a change to a quote that wasn’t originally there. The term sic is also often used in a pair of square brackets to indicate that a quote originally had a grammatical error in it, and the writer didn’t make a mistake when reprinting it.

    Square bracket examples

    The following examples show the different ways that square brackets are typically used with quotations.

    The president said, “He [the Polish ambassador] is a tough negotiator, but I’m confident we will reach an agreement that is best for both countries.”
    The legendary pop singer said that “[she] would come back [to Miami] every summer if [she] could.”
    My textbook says, “The explorers traveled down the Mississipi [sic] River.”


    Curly brackets {}

    Curly brackets, also known as braces or curly braces, are rarely used in formal writing and are more common in other fields such as science, math, and computing. Some style guides will allow them to be used for one specific purpose: grouping together a set.

    The pastries {cakes, pies, croissants, danishes} looked delicious.
    Informally, curly brackets may also be used to attempt to avoid confusion if a writer is using multiple sets of brackets in the same sentence.

    Clifford (a {very, very} big dog) stomped his way down the street.
    Both of these uses, though, are rare and many style guides and grammar resources may not have any formal use for curly brackets in writing. It is entirely possible that you may never read anything that uses curly brackets.

    Curly bracket examples

    The following examples show how curly brackets might be used. Keep in mind that these sentences may not be considered appropriate in formal writing.

    The circus animals {lions, tigers, elephants, monkeys} were very well trained.
    Madame Mysteria (who I {sadly} never met) was a legendary fortune teller.


    Angle brackets <>

    Angle brackets have no formal use in writing, at least in English. In other languages, double sets of angle brackets are sometimes used in place of quotation marks. Like curly brackets, you are much more likely to see angle brackets used in other fields, such as math and computing.

    Informally, angle brackets might be used in place of parentheses to insert asides or you might see them used to introduce a website in an older piece of writing.

    Angle bracket examples

    The following examples show how angle brackets might be used in writing. These examples would typically not be considered appropriate in formal writing.

    The car was both very fast and very pink. << Much too pink if you ask me >>
    If you’re curious, you can find the rest of Chef Baker’s recipes at <www.bakeittillyoumakeit.yum>

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    What Are The 4 Types Of Brackets? When considering punctuation marks, there are four pairs of marks that may be referred to as a type of bracket. They are parentheses, square brackets, curly brackets, and angle brackets. Of these four, parentheses are by far the most commonly used and are the punctuation marks that most writers are likely most familiar with. Although you may not get many chances yourself to bust out a pair of curly brackets or angle brackets, it doesn’t hurt to learn what they are typically used for so they don’t catch you by surprise. Types of brackets Parentheses () Let’s look at each of the four different types of brackets, moving from the pair you are most likely to see to the pair you will almost never see (in writing, at least). Despite being the most commonly used of the four types of brackets, parentheses are still less common than other punctuation marks in formal writing. Most writers will tend to use them sparingly but effectively. Parentheses have a lot of different uses. One particularly common use is to insert additional but unessential information, such as a writer’s commentary, into a sentence. Last year, the first pitch was thrown by Santa Claus (yes, really). Bananas are good for you (and tasty, too). Some other information that might be contained within parentheses includes sources, references, abbreviations, acronyms, telephone area codes, and lifespans. Parentheses examples The owners loved dressing their dogs up in funny outfits. (The dogs were much less enthusiastic about it.) The cat population doubled over the past 10 years. (Purrcy and Kitchins, 2005) The shuttle was built by the National Aeronautics and Space Administration (NASA). Edward I of England (1239–1307) was called “Edward Longshanks.” Square brackets [] Square brackets, often just called brackets in American English, are typically only used with quotations in formal writing. Square brackets are used to indicate to a reader that the writer added their own words to a quote, added additional context, or otherwise made a change to a quote that wasn’t originally there. The term sic is also often used in a pair of square brackets to indicate that a quote originally had a grammatical error in it, and the writer didn’t make a mistake when reprinting it. Square bracket examples The following examples show the different ways that square brackets are typically used with quotations. The president said, “He [the Polish ambassador] is a tough negotiator, but I’m confident we will reach an agreement that is best for both countries.” The legendary pop singer said that “[she] would come back [to Miami] every summer if [she] could.” My textbook says, “The explorers traveled down the Mississipi [sic] River.” Curly brackets {} Curly brackets, also known as braces or curly braces, are rarely used in formal writing and are more common in other fields such as science, math, and computing. Some style guides will allow them to be used for one specific purpose: grouping together a set. The pastries {cakes, pies, croissants, danishes} looked delicious. Informally, curly brackets may also be used to attempt to avoid confusion if a writer is using multiple sets of brackets in the same sentence. Clifford (a {very, very} big dog) stomped his way down the street. Both of these uses, though, are rare and many style guides and grammar resources may not have any formal use for curly brackets in writing. It is entirely possible that you may never read anything that uses curly brackets. Curly bracket examples The following examples show how curly brackets might be used. Keep in mind that these sentences may not be considered appropriate in formal writing. The circus animals {lions, tigers, elephants, monkeys} were very well trained. Madame Mysteria (who I {sadly} never met) was a legendary fortune teller. Angle brackets <> Angle brackets have no formal use in writing, at least in English. In other languages, double sets of angle brackets are sometimes used in place of quotation marks. Like curly brackets, you are much more likely to see angle brackets used in other fields, such as math and computing. Informally, angle brackets might be used in place of parentheses to insert asides or you might see them used to introduce a website in an older piece of writing. Angle bracket examples The following examples show how angle brackets might be used in writing. These examples would typically not be considered appropriate in formal writing. The car was both very fast and very pink. << Much too pink if you ask me >> If you’re curious, you can find the rest of Chef Baker’s recipes at <www.bakeittillyoumakeit.yum> Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 622 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fit & Flow เรามีสตูดิโอให้เช่า
    สามารถนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนได้ด้วยน้า

    🧡 PILATES STUDIO FOR RENT
    600.- / HOUR
    รักสุขภาพไปด้วยกัน ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
    .
    more info please contact :
    🧘‍♀️ Group & Private Pilates
    🐱 Pet-friendly
    📲 @fitandflow.bkk
    ☎ 083-941-5537
    📍 Regent House 2 Floor 6, (BTS Rajadamri Exit 2)
    #พิลาทิส #พิลาทีสราชดำริ #พิลาทิสเพื่อการบำบัด #pilates #pilatesismagic #pilatesthailand #pilatesbangkok #ราชดำริ #heartofbangkok #thaitimes
    Fit & Flow เรามีสตูดิโอให้เช่า สามารถนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนได้ด้วยน้า 🧡 PILATES STUDIO FOR RENT 600.- / HOUR รักสุขภาพไปด้วยกัน ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง . more info please contact : 🧘‍♀️ Group & Private Pilates 🐱 Pet-friendly 📲 @fitandflow.bkk ☎ 083-941-5537 📍 Regent House 2 Floor 6, (BTS Rajadamri Exit 2) #พิลาทิส #พิลาทีสราชดำริ #พิลาทิสเพื่อการบำบัด #pilates #pilatesismagic #pilatesthailand #pilatesbangkok #ราชดำริ #heartofbangkok #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 915 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา
    --
    การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน
    นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง
    จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม
    💙 RVC Clinic Rajadamri
    ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ
    📞 phone : 083-9485178
    💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk
    💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri...
    🌟TikTok : rvc.official
    📍5th Fl. Regent House 2 building
    https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic
    ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา -- การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม 💙 RVC Clinic Rajadamri ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ 📞 phone : 083-9485178 💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk 💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri... 🌟TikTok : rvc.official 📍5th Fl. Regent House 2 building https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1008 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pun, Pangrams, Palindromes, And More: Discover Types Of Word Play

    Words are powerful, and a masterful use of words can change the world. At the same time, words have a fun side to them too. While the English language often seems to exist purely to confuse us, English also has a silly side that can make us laugh and smile. Are you skeptical? Well, we have dug deep into the English toy box to find a bunch of different ways we can play with words. Fair warning: those that have a low tolerance for dad jokes will want to leave immediately.

    Puns

    By definition, a pun is a humorous use of a word with multiple meanings or a funny use of a word as a substitute for a similar sounding word. The related terms punning, play on words, and paronomasia are often used to refer to the act of making puns. The term double entendre refers to a type of wordplay that also uses words with multiple meanings, albeit usually in a more risqué manner than a whimsical pun.

    Examples of puns

    Puns that involve words with multiple meanings:

    The young monkeys went to the jungle gym for some exercise.
    The investor in the bakery demanded a larger piece of the pie.
    The art competition ended in a draw.
    The maestro turned away from the orchestra as they told him the bad news; he couldn’t face the music.

    Puns that involve similar sounding words:

    - She claimed the big cat was a tiger, but we knew she was lion.
    - When he asked me what the flowers should smell like, I told him to use common scents.
    - As it turned out, the runners themselves had rigged the race. It was an inside jog.
    - The negotiations over the birds went poorly; neither side would give a finch.

    Tom Swifty

    A Tom Swifty is a fun use of words that follows a quote, usually said by a fictional Tom, using a punny adverb. The term Tom Swifty was coined by writer Willard Espy and named after the Tom Swift series of books, which tended to use a lot of adverbs to describe dialogue.

    Examples of Tom Swifties

    “I have frostbite,” Tom said coldly.
    “I’m stocked on all the essentials,” Jess said needlessly.
    “We feel really bad about what we did,” the children said shamefully.

    Stinky Pinky

    Stinky pinky, also known as stinky pinkie and by many other names, is a word game in which players try to guess a rhyming phrase based on a definition. The phrase “stinky pinky” itself is a possible answer when playing the game. It is unknown who invented the game or named it, but word games with the name “stinky pinky” can be traced back to at least the 1940s.

    Stinky Pinky examples

    Clue: “Stone timepiece” Answer: Rock clock.
    Clue: “Road pork” Answer: Street meat.
    Clue: “A young cat’s gloves” Answer: Kitten’s mittens.

    Spoonerisms

    A spoonerism is a, usually accidental, swapping of initial sounds of two words. The term spoonerism is named for Oxford lecturer William Archibald Spooner, a notoriously nervous speaker who often swapped the beginnings of words when he spoke publicly.

    Spoonerism examples

    - It is tinner dime. (“dinner time”)
    - He used to work on a bail soat. (“sail boat”)
    - Happy dogs love to tag their wails. (“wag their tails”)

    Kennings

    A kenning is a metaphorical or poetic phrase that is conventionally used in place of another term.

    Kenning examples

    gumshoe = a detective
    pencil pusher = an office worker
    tree-hugger = an environmentalist

    Pig Latin

    Pig Latin is a form of language, usually used by children, in which the first consonant or consonant sound is placed at the end of a word followed by the sound ā (written as “ay”).

    Example: Ancay ouyay eakspay igpay atinlay? (“Can you speak pig Latin?”)

    Palindromes

    A palindrome is a word, phrase, or sentence that reads the same if read forward or backward.

    Palindrome examples

    Single words:

    madam
    eve
    noon

    Multiple words:

    dog god
    ward draw
    live evil

    Sentences:

    A man, a plan, a canal. Panama!
    Madam, I’m Adam!
    Was it a cat I saw?

    Anagrams

    An anagram is a word, phrase, or sentence formed by rearranging the letters of another.

    Anagram examples

    porter is an anagram of report
    attics is an anagram of static
    pub toss is an anagram of bus stop

    Antigrams

    An antigram is an anagram that means the opposite of the original word or phrase it was formed from.

    Examples

    on the sly is an antigram of honestly
    arise late is an antigram of earliest
    over fifty is an antigram of forty-five

    Pangrams

    A pangram is a phrase or sentence that includes every letter of the alphabet. The quick brown fox jumps over the lazy dog is a famous example of a pangram. Some other fun examples of things that rely on alphabet-based challenges include lipograms, heterograms, tautograms, autograms, and kangaroo words.

    Ambigrams

    An ambigram is a word or visual design that reads the same or creates a new word or image when flipped upside down or reversed. For example, the word dollop is an example of an ambigram because it would still theoretically read as “dollop” even when turned upside down.

    Acrostics

    An acrostic is a set of lines or verses where certain letters spell out a hidden message.

    Example:

    Curious
    Agile
    Territorial
    Smart

    Backronyms

    A backronym is an existing word turned into an acronym by creating an appropriate phrase that it could serve as an acronym for.

    Examples

    Ghost is a backronym of “ghoul haunting our spooky town.”
    Car is a backronym of “carrying all riders.”
    Alligator is a backronym of “a large lizard is grinning at the other reptiles.”

    Rhyming, alliteration, assonance, and consonance

    These four words all have to do with using words that have similar sounds. Most people are familiar with rhyming, which typically refers to using words with similar-sounding endings as in The big pig ate a fig. The word alliteration means to use words with similar-sounding beginnings or words that start with the same letter. Assonance means to use similar-sounding vowels anywhere in words when rhyming, whereas consonance means to use similar-sounding consonant sounds anywhere in words when making a rhyme.

    Alliteration examples

    She sells seashells by the sea shore.
    Big bunnies bounded behind busy birds.
    Ten tenants took twenty tents to Thailand.

    Assonance examples

    We see these bees.
    Leave the cleaver for the skeevy beaver.
    Doodle the Cool Poodle wants oodles of noodle strudel.

    Consonance examples

    Look! The crook took cook books!
    Ross, toss the sauce to our boss Joss.
    We heard the third nerdy bird’s words.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Pun, Pangrams, Palindromes, And More: Discover Types Of Word Play Words are powerful, and a masterful use of words can change the world. At the same time, words have a fun side to them too. While the English language often seems to exist purely to confuse us, English also has a silly side that can make us laugh and smile. Are you skeptical? Well, we have dug deep into the English toy box to find a bunch of different ways we can play with words. Fair warning: those that have a low tolerance for dad jokes will want to leave immediately. Puns By definition, a pun is a humorous use of a word with multiple meanings or a funny use of a word as a substitute for a similar sounding word. The related terms punning, play on words, and paronomasia are often used to refer to the act of making puns. The term double entendre refers to a type of wordplay that also uses words with multiple meanings, albeit usually in a more risqué manner than a whimsical pun. Examples of puns Puns that involve words with multiple meanings: The young monkeys went to the jungle gym for some exercise. The investor in the bakery demanded a larger piece of the pie. The art competition ended in a draw. The maestro turned away from the orchestra as they told him the bad news; he couldn’t face the music. Puns that involve similar sounding words: - She claimed the big cat was a tiger, but we knew she was lion. - When he asked me what the flowers should smell like, I told him to use common scents. - As it turned out, the runners themselves had rigged the race. It was an inside jog. - The negotiations over the birds went poorly; neither side would give a finch. Tom Swifty A Tom Swifty is a fun use of words that follows a quote, usually said by a fictional Tom, using a punny adverb. The term Tom Swifty was coined by writer Willard Espy and named after the Tom Swift series of books, which tended to use a lot of adverbs to describe dialogue. Examples of Tom Swifties “I have frostbite,” Tom said coldly. “I’m stocked on all the essentials,” Jess said needlessly. “We feel really bad about what we did,” the children said shamefully. Stinky Pinky Stinky pinky, also known as stinky pinkie and by many other names, is a word game in which players try to guess a rhyming phrase based on a definition. The phrase “stinky pinky” itself is a possible answer when playing the game. It is unknown who invented the game or named it, but word games with the name “stinky pinky” can be traced back to at least the 1940s. Stinky Pinky examples Clue: “Stone timepiece” Answer: Rock clock. Clue: “Road pork” Answer: Street meat. Clue: “A young cat’s gloves” Answer: Kitten’s mittens. Spoonerisms A spoonerism is a, usually accidental, swapping of initial sounds of two words. The term spoonerism is named for Oxford lecturer William Archibald Spooner, a notoriously nervous speaker who often swapped the beginnings of words when he spoke publicly. Spoonerism examples - It is tinner dime. (“dinner time”) - He used to work on a bail soat. (“sail boat”) - Happy dogs love to tag their wails. (“wag their tails”) Kennings A kenning is a metaphorical or poetic phrase that is conventionally used in place of another term. Kenning examples gumshoe = a detective pencil pusher = an office worker tree-hugger = an environmentalist Pig Latin Pig Latin is a form of language, usually used by children, in which the first consonant or consonant sound is placed at the end of a word followed by the sound ā (written as “ay”). Example: Ancay ouyay eakspay igpay atinlay? (“Can you speak pig Latin?”) Palindromes A palindrome is a word, phrase, or sentence that reads the same if read forward or backward. Palindrome examples Single words: madam eve noon Multiple words: dog god ward draw live evil Sentences: A man, a plan, a canal. Panama! Madam, I’m Adam! Was it a cat I saw? Anagrams An anagram is a word, phrase, or sentence formed by rearranging the letters of another. Anagram examples porter is an anagram of report attics is an anagram of static pub toss is an anagram of bus stop Antigrams An antigram is an anagram that means the opposite of the original word or phrase it was formed from. Examples on the sly is an antigram of honestly arise late is an antigram of earliest over fifty is an antigram of forty-five Pangrams A pangram is a phrase or sentence that includes every letter of the alphabet. The quick brown fox jumps over the lazy dog is a famous example of a pangram. Some other fun examples of things that rely on alphabet-based challenges include lipograms, heterograms, tautograms, autograms, and kangaroo words. Ambigrams An ambigram is a word or visual design that reads the same or creates a new word or image when flipped upside down or reversed. For example, the word dollop is an example of an ambigram because it would still theoretically read as “dollop” even when turned upside down. Acrostics An acrostic is a set of lines or verses where certain letters spell out a hidden message. Example: Curious Agile Territorial Smart Backronyms A backronym is an existing word turned into an acronym by creating an appropriate phrase that it could serve as an acronym for. Examples Ghost is a backronym of “ghoul haunting our spooky town.” Car is a backronym of “carrying all riders.” Alligator is a backronym of “a large lizard is grinning at the other reptiles.” Rhyming, alliteration, assonance, and consonance These four words all have to do with using words that have similar sounds. Most people are familiar with rhyming, which typically refers to using words with similar-sounding endings as in The big pig ate a fig. The word alliteration means to use words with similar-sounding beginnings or words that start with the same letter. Assonance means to use similar-sounding vowels anywhere in words when rhyming, whereas consonance means to use similar-sounding consonant sounds anywhere in words when making a rhyme. Alliteration examples She sells seashells by the sea shore. Big bunnies bounded behind busy birds. Ten tenants took twenty tents to Thailand. Assonance examples We see these bees. Leave the cleaver for the skeevy beaver. Doodle the Cool Poodle wants oodles of noodle strudel. Consonance examples Look! The crook took cook books! Ross, toss the sauce to our boss Joss. We heard the third nerdy bird’s words. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1181 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เบอร์อันตราย #อย่ารับสาย #momone #หนึ่งเม้าท์บ้านๆ #หนึ่งรีวิว #หนึ่งชอบเที่ยว #หนึ่งขอเม้าท์ #หนึ่งบอกข่าว #หนึ่งเตือนภัย #ฉันคือฉันเองแม่1 #madam1
    #เบอร์อันตราย #อย่ารับสาย #momone #หนึ่งเม้าท์บ้านๆ #หนึ่งรีวิว #หนึ่งชอบเที่ยว #หนึ่งขอเม้าท์ #หนึ่งบอกข่าว #หนึ่งเตือนภัย #ฉันคือฉันเองแม่1 #madam1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • Madame Organic มาดามออร์แกนิก กะปุกใหญ่ (ไข่มุก)20กรัม
    พิกัด: https://s.shopee.co.th/4feBvTKxYG
    Madame Organic มาดามออร์แกนิก กะปุกใหญ่ (ไข่มุก)20กรัม พิกัด: https://s.shopee.co.th/4feBvTKxYG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตไทยในเทลอาวีฟแจ้งแรงงานไทยเสียชีวิต1 รายและช็อก 1 รายจากระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ทางตอนเหนือ

    11 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวจากเพจ Royal Thai Embassy , Tel Aviv ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอลว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir'on ทางเหนือของอิสราเอลติดชายแดนเลบานอน ซึ่งเป็นเขตปิดทางทหาร (closed military zone) ทำให้แรงงานไทย 1 รายเสียชีวิตและอีก 1 รายได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง

    *เขตปิดทางทหาร (closed military zone) ในขณะนี้ 11 แห่ง ได้แก่ เมืองเมตูลา (Metula) มิซกาฟ อัม (Misgav Am) คฟาร์ กิลอาดี (Kfar Giladi)โดเวฟ (Dovev) ซิฟออน (Tziv'on) มาลเกีย (Malkia) รอช ฮานิกรา (Rosh Hanikra)
    ชโลมิ (Shlomi) ฮานิตา (Hanita) อดามิท (Adamit) และอาหรับ อัล-อรามเช (Arab al-Aramshe) โดยเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน* ด้วยความห่วงใย จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

    ต่อมานายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่มีคนไทยเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 1 รายที่อิสราเอล โดยได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าทางการอิสราเอลตรวจสอบแล้วและพบว่า สาเหตุเกิดจากระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่จากเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถังดังปรากฏตามข่าวก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้เสียชีวิตก่อนจะแจ้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่อไป สำหรับแรงงานไทย 1 รายที่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Safed ทางเหนือของอิสราเอลแล้ว และสถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

    นอกจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ในนิคมเกษตรดังกล่าวมีคนไทยประมาณ 10 คน และได้ประสานทางการอิสราเอลให้อพยพคนไทยทั้งหมดออกจากพื้นที่ในทันทีแล้ว

    สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลอีกครั้งแล้วว่า หากยังมีแรงงานไทยอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยง และมีความยากลำบากในการย้ายออกจากพื้นที่ ขอให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประสานงานกับทางการอิสราเอลในการย้ายออกจากพื้นที่ ตามหมายเลขโทรศัพท์ ฝ่ายกงสุล โทร +972 546368150+972 503673195
    ฝ่ายแรงงาน โทร. +972 9-954-8431 + 972 54-469-3476 ไอดีไลน์ 0544693476

    #Thaitimes
    สถานทูตไทยในเทลอาวีฟแจ้งแรงงานไทยเสียชีวิต1 รายและช็อก 1 รายจากระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ทางตอนเหนือ 11 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวจากเพจ Royal Thai Embassy , Tel Aviv ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอลว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir'on ทางเหนือของอิสราเอลติดชายแดนเลบานอน ซึ่งเป็นเขตปิดทางทหาร (closed military zone) ทำให้แรงงานไทย 1 รายเสียชีวิตและอีก 1 รายได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง *เขตปิดทางทหาร (closed military zone) ในขณะนี้ 11 แห่ง ได้แก่ เมืองเมตูลา (Metula) มิซกาฟ อัม (Misgav Am) คฟาร์ กิลอาดี (Kfar Giladi)โดเวฟ (Dovev) ซิฟออน (Tziv'on) มาลเกีย (Malkia) รอช ฮานิกรา (Rosh Hanikra) ชโลมิ (Shlomi) ฮานิตา (Hanita) อดามิท (Adamit) และอาหรับ อัล-อรามเช (Arab al-Aramshe) โดยเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน* ด้วยความห่วงใย จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ต่อมานายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่มีคนไทยเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 1 รายที่อิสราเอล โดยได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าทางการอิสราเอลตรวจสอบแล้วและพบว่า สาเหตุเกิดจากระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่จากเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถังดังปรากฏตามข่าวก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้เสียชีวิตก่อนจะแจ้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่อไป สำหรับแรงงานไทย 1 รายที่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Safed ทางเหนือของอิสราเอลแล้ว และสถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ในนิคมเกษตรดังกล่าวมีคนไทยประมาณ 10 คน และได้ประสานทางการอิสราเอลให้อพยพคนไทยทั้งหมดออกจากพื้นที่ในทันทีแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลอีกครั้งแล้วว่า หากยังมีแรงงานไทยอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยง และมีความยากลำบากในการย้ายออกจากพื้นที่ ขอให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประสานงานกับทางการอิสราเอลในการย้ายออกจากพื้นที่ ตามหมายเลขโทรศัพท์ ฝ่ายกงสุล โทร +972 546368150+972 503673195 ฝ่ายแรงงาน โทร. +972 9-954-8431 + 972 54-469-3476 ไอดีไลน์ 0544693476 #Thaitimes
    Sad
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 767 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวอิสราเอลกำลังหลบหนีออกจากเทลอาวีฟ
    .
    BREAKING:

    Israelis are fleeing Tel Aviv.
    .
    8:37 AM · Oct 4, 2024 · 261.6K Views
    https://x.com/AdameMedia/status/1842016159090012177
    ชาวอิสราเอลกำลังหลบหนีออกจากเทลอาวีฟ . BREAKING: Israelis are fleeing Tel Aviv. . 8:37 AM · Oct 4, 2024 · 261.6K Views https://x.com/AdameMedia/status/1842016159090012177
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • RegeneLife Vital Center ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม แผนกแพทย์แผนจีน เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา จากการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยการดูลิ้น จับชีพจร(แมะ) และเลือกหัตถการการรักษาที่ตรงจุด อาทิ การฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา กวาซา แปะเมล็ดผักกาด แช่เท้า อบตัวสมุนไพรจีน รวมทั้งจ่ายยาจีน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบยาต้ม และยาแคปซูล ปรับเปลี่ยนตามสภาวะร่างกายของผู้รับบริการในแต่ละช่วงได้อย่างใกล้ชิด
    นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง
    จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม
    💙 RVC Clinic Rajadamri
    ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ
    📞 phone : 083-9485178
    💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk
    💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri...
    🌟TikTok : rvc.official
    📍5th Fl. Regent House 2 building
    https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic
    ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    RegeneLife Vital Center ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม แผนกแพทย์แผนจีน เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา จากการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยการดูลิ้น จับชีพจร(แมะ) และเลือกหัตถการการรักษาที่ตรงจุด อาทิ การฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา กวาซา แปะเมล็ดผักกาด แช่เท้า อบตัวสมุนไพรจีน รวมทั้งจ่ายยาจีน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบยาต้ม และยาแคปซูล ปรับเปลี่ยนตามสภาวะร่างกายของผู้รับบริการในแต่ละช่วงได้อย่างใกล้ชิด นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม 💙 RVC Clinic Rajadamri ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ 📞 phone : 083-9485178 💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk 💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri... 🌟TikTok : rvc.official 📍5th Fl. Regent House 2 building https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • At Fit & Flow Studio, we offer a range of bespoke small group of yoga and private pilates classes.
    .
    The approach ensures that classes are specifically tailored for you, giving personal attention to help you reach your full potential.
    .
    🧘‍♀️ Small Group Yoga 🧡 Private Pilates
    🐱 Pet-friendly
    📍 Regent House 2, Ratchadamri
    📱@fitandflow.bkk
    #พิลาทิส #พิลาทีส #พิลาทีสราชดำริ #พิลาทิสเพื่อการบำบัด #pilates #pilatesbangkok #thaitimes
    At Fit & Flow Studio, we offer a range of bespoke small group of yoga and private pilates classes. . The approach ensures that classes are specifically tailored for you, giving personal attention to help you reach your full potential. . 🧘‍♀️ Small Group Yoga 🧡 Private Pilates 🐱 Pet-friendly 📍 Regent House 2, Ratchadamri 📱@fitandflow.bkk #พิลาทิส #พิลาทีส #พิลาทีสราชดำริ #พิลาทิสเพื่อการบำบัด #pilates #pilatesbangkok #thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1054 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้….

    ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!!

    ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ
    ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน
    ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน
    ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า……
    “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……”
    ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน
    เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore)
    เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..…

    เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน
    2001 ที่ Ljubljana, Slovenia
    คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น
    ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม)
    แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ
    เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

    ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร?
    เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย”
    ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้
    เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร……

    ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย
    และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ
    ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ

    ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม
    พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

    หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย
    บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง)
    อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน
    ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ
    ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน
    และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan
    ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง
    เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น
    ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต
    เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000
    ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี
    ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า
    “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ
    และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…”

    การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช)
    ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม
    และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน
    ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน)
    ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ
    ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ…

    รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย)
    แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น
    อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง…
    และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน
    American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า
    “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……”
    “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..”
    “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..”
    แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป

    สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม
    และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน
    ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน
    เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า
    “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “
    และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย

    แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า
    นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ
    ABM (Anti-Ballistic Missile)
    เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี..

    การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น
    จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน
    ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก)
    โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที
    ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง
    แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู
    และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้
    พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา
    ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย
    และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า
    ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!!

    ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์
    เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก)
    เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร
    เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม
    คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์
    ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……”
    เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร

    ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ
    ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
    เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?”
    คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ……
    ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย
    วิตก……
    กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก
    เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ

    ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา
    ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย
    กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้
    ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!!
    การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย
    แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน
    มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี

    ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!!

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่
    ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน
    ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ
    ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข
    แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ)
    เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย

    คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..”
    ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น
    ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว
    เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!!
    และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…)
    ว่า……

    “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………”

    **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006

    Wiwanda W. Vichit
    จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้…. ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!! ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า…… “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……” ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore) เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..… เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน 2001 ที่ Ljubljana, Slovenia คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม) แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร? เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย” ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้ เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร…… ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง) อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000 ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…” การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช) ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน) ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ… รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย) แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง… และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……” “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..” “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..” แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “ และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ ABM (Anti-Ballistic Missile) เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี.. การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก) โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้ พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!! ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์ เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก) เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์ ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……” เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?” คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ…… ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย วิตก…… กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!! การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ) เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..” ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!! และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…) ว่า…… “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………” **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1130 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIRKENSTOCK
    FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes
    Size. EUR 39 /25(25.5)cm

    🔥 Price : 970฿

    Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี

    🔹ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ
    🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า
    ปิดด้านบนด้วยหนังแท้
    🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน
    🔹แบบผูกเชือก

    👉 เรื่องราว :-
    Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    BIRKENSTOCK FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes Size. EUR 39 /25(25.5)cm 🔥 Price : 970฿ Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี 🔹ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า ปิดด้านบนด้วยหนังแท้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน 🔹แบบผูกเชือก 👉 เรื่องราว :- Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้าองค์กรแกนนำ.……ที่เป็นเข็มทิศของอนาคตโลก..!!!

    วันนี้นอกจากงานในบ้าน นอกบ้าน ดิฉันใช้เวลาอ่านข้อความที่กำลังฮิตในตอนนี้ คือเรื่องเสื้อสวัสดิกะ ที่สร้างความตื่นตัวให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณน้องนำ้ใสจริงๆ
    เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่า เพจทุกเพจต่างแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง...
    ความคิดเห็นที่มาแสดง...มีทั้งน่าหมั่นไส้ น่าสมเพช น่าขำและ…
    น่าทึ่ง...
    จึงหวังว่า คงไม่ใช่ไฟลามทุ่ง...

    แต่สถานทูตอิสราเอลก็ได้ออกมารับคำขอโทษ และเสนอให้คณะเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แบบ work shop
    เลยรู้สึกสงสารกระทรวงศึกษาธิการยังไงก็ไม่รู้...
    จะบอกให้ว่า...เด็กฝรั่ง (อเมริกา) เขาเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น
    มีการพาไปดูพิพิธภัณฑ์ เข้าไปเรียนเป็นกลุ่มในห้องสมุด
    ฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง...และบางทีก็เชิญวิทยากรจากกองทัพมาบรรยาย...
    อย่างที่ดิฉันได้พร่ำบอกหนักหนาว่า ถ้าไม่เข้าใจในเรื่องของสงครามโลก และผลกระทบที่ตามมาแล้ว เราจะไม่รู้เรื่องของโลกปัจจุบัน และ ไม่สามารถคาดคะเนได้เลยสำหรับโลกในอนาคต

    ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งน่าหวั่นใจ เพราะจากเมื่อวานที่เล่าเรื่องของ องค์กรลับ
    Illuminati ไป ว่าเขาสลายตัวไปก็จริง แต่รากได้หยั่งลึกไปแล้ว
    ทันทีที่อเมริกาได้ถือกำเนิดขึ้นมา...เหล่ายูโรเปี้ยนก็ล่องเรืออพยพไปสู่ดินแดนใหม่ ที่ว่ากันว่า ถือเสรีภาพเป็นหัวใจในการปกครอง

    และ เหล่านักปรัชญา นักปฏิบัติ ต่างก็พากันไปปักหลัก..ทำให้เกิดองค์กรต่างๆมากมาย รวมทั้งกลุ่มแรงงานที่พยายามรวมตัวกันเป็นสหภาพ

    แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ทฤษฎีของอิลลุมินาติ นั้น...ยังไม่หายไปไหน
    เขากลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งไม่โดดเดี่ยว เดียวดาย เพราะมีผู้ร่วมอุดมการณ์ในรูปแวบขององค์กรลับอื่นๆขึ้นตามมาอีก
    ในปัจจุบันนี้ โลกมีด้วยกันถึง 5 องค์กร(ลับ) ที่สำคัญ
    เริ่มจาก พี่เต้ยที่ทุกคนเกรงกลัวก่อนไปก่อน คือ

    1 Bilderberg Group

    ก่อตั้งเมื่อปี 1954 โดยพระราชวงค์ของเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้ชื่อนี้ เพราะตั้งตามชื่อของสถานที่ที่มีการประชุมสมาชิกที่ โรงแรม Bilderberg
    วัตถุประสงค์และเป้าหมายคือ เพื่อที่จะผนวกยุโรปเข้ากับอเมริกาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
    และการเมืองรวมไปถึงการร่วมมือกันต้านภัย
    (จากรัสเซีย)
    สมาชิกคนสำคัญคือ Angela Merkel, Bill Clinton, Henry Kissinger, Tony Blair, David Cameron และ Margaret Thatcher
    ประชุมปีละครั้งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไป และถ้านักข่าวพยายามที่จะเข้าใกล้สมาชิก จะถูกดำเนินคดีทุกราย

    ข้อติติงหรือกระแสตีกลับว่า กลุ่มนี้พยายามที่จะครองโลกทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี่ โดยใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ

    ลับมากหรือลับน้อย ไม่มีใครรู้ได้เพราะข้อมูลในการประชุมไม่มีการเสนอต่อสื่อ แต่เครือข่ายเขากว้างไกลมากคลุมได้เกือบหมดโลก
    ส่วนเรื่องสมาชิกนั้น มีทุกสาขาวิชาชีพในระดับท๊อป
    ซึ่งกล่าวกันว่า ในยุคนี้...มีเงินเท่าไหร่หรือรวยแค่ไหน ไม่สำคัญ
    สำคัญที่ว่า คุณมาจากองค์กร(ลับ) ไหน และถ้าใช่...
    จากนั้นจะไม่มีการถามอะไรกันอีก เพราะเขารู้โปรไฟล์ของคุณหมดแล้ว
    ถ้าไม่มี...ไม่ใช่....ไม่ได้เป็น..ก็ถือว่าเป็นแค่ นักการเมือง หรือเศรษฐีหางแถว (ต่อให้รวยล้นฟ้า)
    และนี่คือ สิ่งที่เราจะเห็นในการซื้อทีมฟุตบอล, ประมูลภาพวาด,
    ซื้อสายการบิน และ ซื้อกิจการพลังงาน
    มีกิจการเท่านั้นไม่พอนะคะ....จะต้องเคยมีบทบาทในการสนับสนุนพรรคการเมืองนอกประเทศของตัวเองด้วย
    ก็ไปเลือกเอา...ว่า อยากจะอยู่สายไหน รีพับลิกัน หรือเดโมแครต...

    กลุ่มนี้ได้ขยายตัวเร็วมาก ตอนนี้เป็นที่เข้าข่ายหน้าสิ่วหน้าขวานกับเรื่องของ Brexit ถึงขนาด จอร์จ โซรอส (สมาชิกระดับฝังเพชร) ได้ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกขู่อังกฤษฟ่อว่า
    “จะได้เห็นดีกัน เงินปอนด์จะแหลกสลาย ผู้คนจะต้องลำบากไปยิ่งกว่าเดิม คนที่รวยอยู่แล้ว จะกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน”

    นี่คือสิ่งที่ทุกคนจับตาดูกันว่า ในปลายเดือนมีนาคม...อะไรจะเกิดขึ้นกับอังกฤษ....หากว่ายังแก้ไขสถานการณ์ว่าจะออกให้”สวย”ไม่ได้...?!!

    ตาข่ายคลุมโลกในนามนี้....กลุ่ม Rothschild คือผู้วางกลไกทั้งหมด....

    2. Bohemian Grove

    ก่อตั้งในปี 1872 สถานที่ คือ Bohemian Avenue, Monte Rio, California
    เป็นที่พบปะชุมนุมแบบหลุดโลกๆของเหล่ามหาเศรษฐี นักการเมืองอเมริกัน ที่อยากปลดปล่อยความเครียดในการสังสรรแบบชิวๆแต่ทุกอย่างคือเรื่องระดับโลกที่แฝงด้วยการเอาจริง ทำจริง
    เช่นการประชุมเกี่ยวกับเรื่อง Manhattan Project (ทดลองระเบิดนิวเคลียร์)

    3 The Freemasons

    ก่อตั้งในปี 1717 สถานที่ คือ Four English Lodges, London
    เป็นองค์กรที่มุ่งหน้าสนับสนุนให้สมาชิกเกิดความรู้ต่อความเป็นไปในบ้านเมือง พัฒนาอาชีพ ไม่ก้มหัวให้กับความไม่เท่าเทียม
    สนับสนุนสหภาพแรงงาน...ตื่นตัวต่อการเรียกร้องสิทธิ
    สมาชิกที่โดดเด่นในอดีต คือ
    George Washington, Benjamin Franklin, Winston Churchill, Mozart, Harry Houdini

    องค์กรนี้ มีขนาดใหญ่มาก เพราะสมาชิกร่วม หกล้านคน
    ซ้ำยังแตกย่อยออกไปเป็นสมาคมอื่นๆอีก เช่น โรตารี่, ไลอ้อนส์,
    Elfs Club...ไปถึงบรรเทาสาธารณภัย...ในชื่อต่างๆกัน

    4 Illuminati เกิดขึ้นใน ปี 1776 ที่ รัฐ Bavaria, Germany

    ที่ได้เกิดการรวมตัวขึ้นมาใหม่ในอเมริกา...จากทฤษฎีของ Professor Adam Weishaupt ที่ยังออกแนวซ้ายในทางเสมอภาค และไม่ยอมรับชนชั้นที่จะให้มามีอำนาจ
    สมาชิกที่เป็นคนดังคือ Barack Obama, Jay Z, Madonna, and Beyonce
    กลุ่มนี้จะใช้สื่อทางเอนเตอร์เทนเม้นต์ ในการเผยแพร่ลัทธิ
    ดูได้จากอิทธิพลในฮอลลีวู๊ด ที่สามารถทำให้ Mel Gibson ดาราและผู้กำกับภาพยนตร์ที่กำลังรุ่งๆในยุค 2004-2006 ร่วงลงไปดับสนิท
    เพียงแต่เผลอตัว “ด่ายิว” ออกสื่อ ว่า...
    “ไม่ว่าสงครามไหน....ก็เกิดจากไอ้พวกยิว ห่...นี่ทั้งนั้น....”

    ผลคือ ชื่อ เมล กิบสัน ก็หายไปจากโลกมายาราวกับถูกเสก.....

    5. Skull and Bones

    เกิดขึ้นในปี 1832 ที่ Yale University
    ที่มีวัตถุประสงค์คือการสานความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าในทุกสาย
    ตำแหน่ง และ สถานที่คือ ตึกที่อยู่ติดกับบริเวณมหาวิทยาลัย เรียกว่า “Tomb” (อันแปลว่า สุสาน)
    สมาคม(ลับ) หัวกะโหลก กระดูกไขว้นี้ ถือว่าเล็กตามจำนวนสมาชิก แต่ยิ่งใหญ่มากทางการเมืองอเมริกา เพราะสมาชิกนั้นคือ
    อดีตสามประธานาธิบดี William Taft, George H.W. Bush และ George W. Bush
    ที่เกือบจะเป็นประธานาธิบดี ก็คือ John Kerry ที่ลงแข่งหาเสียงพร้อมกับเพื่อนซี้ร่วมสมาคมลับ จอร์จ บุช (ลูก) จนสื่อไล่จี้ให้ตอบว่า
    มาจากที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน แล้วจะมาไล่บี้ตำแหน่งประธานาธิบดีกันได้ยังไง...ใครจะมาเชื่อในเรื่องดีเบต!!

    ทั้งสองคนได้แต่ยิ้มแหะๆ ไม่ตอบอะไรไปมากกว่า เรื่อง
    งานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน
    แต่...ใครๆก็รู้ว่า...นายทุนที่ให้เงินสนับสนุนทั้งสองคน คือ จอร์จ โซรอส
    สมาคมนี้...ทุกอย่างระหว่างสมาชิกคือความลับที่ยิ่งยวด
    ไม่มีใครเคยได้ยินหรือได้ฟังอะไรจากกลุ่มนี้ทั้งสิ้น
    และ Yale เกือบจะได้ประธานาธิบดีคนที่สี่ คือ ฮิลลารี่ คลินตัน
    แต่เพราะเธอเป็นหญิง……ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงไม่มีการผลักดันอย่างเต็มที่
    อีกทั้งดูเหมือนจะชัวร์เป้ง……ว่า เธอจะต้องได้คะแนนนำโต่ง ทุกคนเชื่อในกองทุนหนุนหลัง ซึ่งก็คือ จอร์จ โซรอส เจ้าเก่า

    แต่ในโค้งสุดท้าย ที่เกิด Wikileaks จากการแฮคข้อมูลของรัสเซีย(ตามข้อกล่าวหา) ว่า ฮิลลารี่ได้รับเงินใครมาบ้าง และ ปลุกปั่นสงครามซีเรีย...คะแนนหล่นวูบ..
    ตำแหน่งประธานาธิบดีจึงตกลงสู่ Donald Trump ผู้ซึ่ง จอร์จ โซรอส
    ได้เคยบอกกับใครๆว่า “เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน”

    สมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงได้จัดพิธีมอบรางวัลปลอบใจให้กับฮิลลารี่ ในฐานะศิษย์เก่าร่วมสถาบัน คือ การเข้ารับเป็นสมาชิก”หญิง” คนแรก
    ในวันพิธี ตอนที่เธอขึ้นไปกล่าวขอบคุณ มีการ”ตัดพ้อ” เล็กๆว่า
    สมาคมนี้สามารถทำให้ใครต่อใครเป็นประธานาธิบดีได้...แต่ทำไมไม่ทำให้ฉันมั่ง...?!!

    แล้วเราก็มาดูกันนะคะ ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป เธอจะลงสมัครอีก
    และคราวนี้ก็เป็นสมาชิกสมาคมแล้ว...
    จะได้หรือไม่ได้.....?!!

    Wiwanda W. Vichit
    ห้าองค์กรแกนนำ.……ที่เป็นเข็มทิศของอนาคตโลก..!!! วันนี้นอกจากงานในบ้าน นอกบ้าน ดิฉันใช้เวลาอ่านข้อความที่กำลังฮิตในตอนนี้ คือเรื่องเสื้อสวัสดิกะ ที่สร้างความตื่นตัวให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณน้องนำ้ใสจริงๆ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่า เพจทุกเพจต่างแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง... ความคิดเห็นที่มาแสดง...มีทั้งน่าหมั่นไส้ น่าสมเพช น่าขำและ… น่าทึ่ง... จึงหวังว่า คงไม่ใช่ไฟลามทุ่ง... แต่สถานทูตอิสราเอลก็ได้ออกมารับคำขอโทษ และเสนอให้คณะเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แบบ work shop เลยรู้สึกสงสารกระทรวงศึกษาธิการยังไงก็ไม่รู้... จะบอกให้ว่า...เด็กฝรั่ง (อเมริกา) เขาเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น มีการพาไปดูพิพิธภัณฑ์ เข้าไปเรียนเป็นกลุ่มในห้องสมุด ฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง...และบางทีก็เชิญวิทยากรจากกองทัพมาบรรยาย... อย่างที่ดิฉันได้พร่ำบอกหนักหนาว่า ถ้าไม่เข้าใจในเรื่องของสงครามโลก และผลกระทบที่ตามมาแล้ว เราจะไม่รู้เรื่องของโลกปัจจุบัน และ ไม่สามารถคาดคะเนได้เลยสำหรับโลกในอนาคต ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งน่าหวั่นใจ เพราะจากเมื่อวานที่เล่าเรื่องของ องค์กรลับ Illuminati ไป ว่าเขาสลายตัวไปก็จริง แต่รากได้หยั่งลึกไปแล้ว ทันทีที่อเมริกาได้ถือกำเนิดขึ้นมา...เหล่ายูโรเปี้ยนก็ล่องเรืออพยพไปสู่ดินแดนใหม่ ที่ว่ากันว่า ถือเสรีภาพเป็นหัวใจในการปกครอง และ เหล่านักปรัชญา นักปฏิบัติ ต่างก็พากันไปปักหลัก..ทำให้เกิดองค์กรต่างๆมากมาย รวมทั้งกลุ่มแรงงานที่พยายามรวมตัวกันเป็นสหภาพ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ทฤษฎีของอิลลุมินาติ นั้น...ยังไม่หายไปไหน เขากลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งไม่โดดเดี่ยว เดียวดาย เพราะมีผู้ร่วมอุดมการณ์ในรูปแวบขององค์กรลับอื่นๆขึ้นตามมาอีก ในปัจจุบันนี้ โลกมีด้วยกันถึง 5 องค์กร(ลับ) ที่สำคัญ เริ่มจาก พี่เต้ยที่ทุกคนเกรงกลัวก่อนไปก่อน คือ 1 Bilderberg Group ก่อตั้งเมื่อปี 1954 โดยพระราชวงค์ของเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้ชื่อนี้ เพราะตั้งตามชื่อของสถานที่ที่มีการประชุมสมาชิกที่ โรงแรม Bilderberg วัตถุประสงค์และเป้าหมายคือ เพื่อที่จะผนวกยุโรปเข้ากับอเมริกาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองรวมไปถึงการร่วมมือกันต้านภัย (จากรัสเซีย) สมาชิกคนสำคัญคือ Angela Merkel, Bill Clinton, Henry Kissinger, Tony Blair, David Cameron และ Margaret Thatcher ประชุมปีละครั้งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไป และถ้านักข่าวพยายามที่จะเข้าใกล้สมาชิก จะถูกดำเนินคดีทุกราย ข้อติติงหรือกระแสตีกลับว่า กลุ่มนี้พยายามที่จะครองโลกทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี่ โดยใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ ลับมากหรือลับน้อย ไม่มีใครรู้ได้เพราะข้อมูลในการประชุมไม่มีการเสนอต่อสื่อ แต่เครือข่ายเขากว้างไกลมากคลุมได้เกือบหมดโลก ส่วนเรื่องสมาชิกนั้น มีทุกสาขาวิชาชีพในระดับท๊อป ซึ่งกล่าวกันว่า ในยุคนี้...มีเงินเท่าไหร่หรือรวยแค่ไหน ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า คุณมาจากองค์กร(ลับ) ไหน และถ้าใช่... จากนั้นจะไม่มีการถามอะไรกันอีก เพราะเขารู้โปรไฟล์ของคุณหมดแล้ว ถ้าไม่มี...ไม่ใช่....ไม่ได้เป็น..ก็ถือว่าเป็นแค่ นักการเมือง หรือเศรษฐีหางแถว (ต่อให้รวยล้นฟ้า) และนี่คือ สิ่งที่เราจะเห็นในการซื้อทีมฟุตบอล, ประมูลภาพวาด, ซื้อสายการบิน และ ซื้อกิจการพลังงาน มีกิจการเท่านั้นไม่พอนะคะ....จะต้องเคยมีบทบาทในการสนับสนุนพรรคการเมืองนอกประเทศของตัวเองด้วย ก็ไปเลือกเอา...ว่า อยากจะอยู่สายไหน รีพับลิกัน หรือเดโมแครต... กลุ่มนี้ได้ขยายตัวเร็วมาก ตอนนี้เป็นที่เข้าข่ายหน้าสิ่วหน้าขวานกับเรื่องของ Brexit ถึงขนาด จอร์จ โซรอส (สมาชิกระดับฝังเพชร) ได้ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกขู่อังกฤษฟ่อว่า “จะได้เห็นดีกัน เงินปอนด์จะแหลกสลาย ผู้คนจะต้องลำบากไปยิ่งกว่าเดิม คนที่รวยอยู่แล้ว จะกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน” นี่คือสิ่งที่ทุกคนจับตาดูกันว่า ในปลายเดือนมีนาคม...อะไรจะเกิดขึ้นกับอังกฤษ....หากว่ายังแก้ไขสถานการณ์ว่าจะออกให้”สวย”ไม่ได้...?!! ตาข่ายคลุมโลกในนามนี้....กลุ่ม Rothschild คือผู้วางกลไกทั้งหมด.... 2. Bohemian Grove ก่อตั้งในปี 1872 สถานที่ คือ Bohemian Avenue, Monte Rio, California เป็นที่พบปะชุมนุมแบบหลุดโลกๆของเหล่ามหาเศรษฐี นักการเมืองอเมริกัน ที่อยากปลดปล่อยความเครียดในการสังสรรแบบชิวๆแต่ทุกอย่างคือเรื่องระดับโลกที่แฝงด้วยการเอาจริง ทำจริง เช่นการประชุมเกี่ยวกับเรื่อง Manhattan Project (ทดลองระเบิดนิวเคลียร์) 3 The Freemasons ก่อตั้งในปี 1717 สถานที่ คือ Four English Lodges, London เป็นองค์กรที่มุ่งหน้าสนับสนุนให้สมาชิกเกิดความรู้ต่อความเป็นไปในบ้านเมือง พัฒนาอาชีพ ไม่ก้มหัวให้กับความไม่เท่าเทียม สนับสนุนสหภาพแรงงาน...ตื่นตัวต่อการเรียกร้องสิทธิ สมาชิกที่โดดเด่นในอดีต คือ George Washington, Benjamin Franklin, Winston Churchill, Mozart, Harry Houdini องค์กรนี้ มีขนาดใหญ่มาก เพราะสมาชิกร่วม หกล้านคน ซ้ำยังแตกย่อยออกไปเป็นสมาคมอื่นๆอีก เช่น โรตารี่, ไลอ้อนส์, Elfs Club...ไปถึงบรรเทาสาธารณภัย...ในชื่อต่างๆกัน 4 Illuminati เกิดขึ้นใน ปี 1776 ที่ รัฐ Bavaria, Germany ที่ได้เกิดการรวมตัวขึ้นมาใหม่ในอเมริกา...จากทฤษฎีของ Professor Adam Weishaupt ที่ยังออกแนวซ้ายในทางเสมอภาค และไม่ยอมรับชนชั้นที่จะให้มามีอำนาจ สมาชิกที่เป็นคนดังคือ Barack Obama, Jay Z, Madonna, and Beyonce กลุ่มนี้จะใช้สื่อทางเอนเตอร์เทนเม้นต์ ในการเผยแพร่ลัทธิ ดูได้จากอิทธิพลในฮอลลีวู๊ด ที่สามารถทำให้ Mel Gibson ดาราและผู้กำกับภาพยนตร์ที่กำลังรุ่งๆในยุค 2004-2006 ร่วงลงไปดับสนิท เพียงแต่เผลอตัว “ด่ายิว” ออกสื่อ ว่า... “ไม่ว่าสงครามไหน....ก็เกิดจากไอ้พวกยิว ห่...นี่ทั้งนั้น....” ผลคือ ชื่อ เมล กิบสัน ก็หายไปจากโลกมายาราวกับถูกเสก..... 5. Skull and Bones เกิดขึ้นในปี 1832 ที่ Yale University ที่มีวัตถุประสงค์คือการสานความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าในทุกสาย ตำแหน่ง และ สถานที่คือ ตึกที่อยู่ติดกับบริเวณมหาวิทยาลัย เรียกว่า “Tomb” (อันแปลว่า สุสาน) สมาคม(ลับ) หัวกะโหลก กระดูกไขว้นี้ ถือว่าเล็กตามจำนวนสมาชิก แต่ยิ่งใหญ่มากทางการเมืองอเมริกา เพราะสมาชิกนั้นคือ อดีตสามประธานาธิบดี William Taft, George H.W. Bush และ George W. Bush ที่เกือบจะเป็นประธานาธิบดี ก็คือ John Kerry ที่ลงแข่งหาเสียงพร้อมกับเพื่อนซี้ร่วมสมาคมลับ จอร์จ บุช (ลูก) จนสื่อไล่จี้ให้ตอบว่า มาจากที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน แล้วจะมาไล่บี้ตำแหน่งประธานาธิบดีกันได้ยังไง...ใครจะมาเชื่อในเรื่องดีเบต!! ทั้งสองคนได้แต่ยิ้มแหะๆ ไม่ตอบอะไรไปมากกว่า เรื่อง งานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน แต่...ใครๆก็รู้ว่า...นายทุนที่ให้เงินสนับสนุนทั้งสองคน คือ จอร์จ โซรอส สมาคมนี้...ทุกอย่างระหว่างสมาชิกคือความลับที่ยิ่งยวด ไม่มีใครเคยได้ยินหรือได้ฟังอะไรจากกลุ่มนี้ทั้งสิ้น และ Yale เกือบจะได้ประธานาธิบดีคนที่สี่ คือ ฮิลลารี่ คลินตัน แต่เพราะเธอเป็นหญิง……ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงไม่มีการผลักดันอย่างเต็มที่ อีกทั้งดูเหมือนจะชัวร์เป้ง……ว่า เธอจะต้องได้คะแนนนำโต่ง ทุกคนเชื่อในกองทุนหนุนหลัง ซึ่งก็คือ จอร์จ โซรอส เจ้าเก่า แต่ในโค้งสุดท้าย ที่เกิด Wikileaks จากการแฮคข้อมูลของรัสเซีย(ตามข้อกล่าวหา) ว่า ฮิลลารี่ได้รับเงินใครมาบ้าง และ ปลุกปั่นสงครามซีเรีย...คะแนนหล่นวูบ.. ตำแหน่งประธานาธิบดีจึงตกลงสู่ Donald Trump ผู้ซึ่ง จอร์จ โซรอส ได้เคยบอกกับใครๆว่า “เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน” สมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงได้จัดพิธีมอบรางวัลปลอบใจให้กับฮิลลารี่ ในฐานะศิษย์เก่าร่วมสถาบัน คือ การเข้ารับเป็นสมาชิก”หญิง” คนแรก ในวันพิธี ตอนที่เธอขึ้นไปกล่าวขอบคุณ มีการ”ตัดพ้อ” เล็กๆว่า สมาคมนี้สามารถทำให้ใครต่อใครเป็นประธานาธิบดีได้...แต่ทำไมไม่ทำให้ฉันมั่ง...?!! แล้วเราก็มาดูกันนะคะ ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป เธอจะลงสมัครอีก และคราวนี้ก็เป็นสมาชิกสมาคมแล้ว... จะได้หรือไม่ได้.....?!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!!

    เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก..
    แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน..
    หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ....
    ไม่ใช่ค่ะ...

    ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ
    อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า
    “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง”
    ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO

    แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร...
    โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว
    ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

    บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า
    Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ)
    Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี
    Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์

    ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt

    อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป)
    เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์
    ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย
    และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ
    คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด
    รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์

    เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination

    ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า
    The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ
    อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ
    “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี”

    วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน...
    ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ
    รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย...
    ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน
    ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ

    Novices คือ กลุ่มน้องใหม่

    Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา

    Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้

    ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น
    เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง
    Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า
    และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ....
    นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild

    ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus”
    และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo”
    การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง....

    ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์
    ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร...
    จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้
    ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง
    ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม
    หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต
    จากทางการ..

    ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ
    แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้
    เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา
    ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง
    กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ

    เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์
    ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt
    ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen
    ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า
    กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว

    แต่...

    แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

    จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น
    New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy
    ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ..
    เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ

    และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ
    The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ
    นั่นคือแบบเปิดเผย...
    ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน

    มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
    ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF
    เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์

    วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!!

    ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น...
    ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า
    เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ?
    และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา
    แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ?
    เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน

    กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!!

    แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก...
    เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ
    แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...??
    งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ
    ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์...

    จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก...


    Wiwanda W. Vichit









    ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!! เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก.. แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน.. หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ.... ไม่ใช่ค่ะ... ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง” ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร... โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ) Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์ ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป) เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์ ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์ เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี” วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน... ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย... ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ Novices คือ กลุ่มน้องใหม่ Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้ ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ.... นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus” และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo” การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง.... ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์ ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร... จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้ ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต จากทางการ.. ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้ เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์ ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว แต่... แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ.. เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ นั่นคือแบบเปิดเผย... ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!! ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น... ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ? และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ? เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!! แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก... เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...?? งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์... จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก... Wiwanda W. Vichit         
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • Learn The Birthstones That Make Each Month Sparkle

    Birthstones are precious or semiprecious gemstones that are associated with a particular month or sign of the Zodiac. Going back to ancient times, certain gems were believed to bring good fortune if worn during specific months. The origin of this belief is often traced back to the story of the Breastplate of Aaron in the book of Exodus from the Bible. The legendary breastplate was said to be decorated with 12 differently colored gems.

    The breastplate inspired the original lists of birthstones that would change over the many following centuries. In 1912, the American National Retail Jeweler’s Association would popularize the word birthstone after making an “official” list of birthstones that is still used today with new additions to it. Modern lists often have multiple birthstones tied to certain months.

    All of that being said, you might be curious as to what your birthstone is and which gemstone goes with each month. We’ve gathered up a—sadly, metaphorical—treasure trove of gemstones along with some details about each one.

    💎Birthstones chart

    Month - Birthstone
    January - Garnet
    February - Amethyst
    March - Aquamarine, Bloodstone
    April - Diamond, Rock Crystal
    May - Emerald, Chrysoprase
    June - Pearl, Alexandrite, Moonstone
    July - Ruby, Carnelian, Onyx
    August - Peridot, Spinel, Sardonyx
    September - Sapphire
    October - Opal, Tourmaline
    November - Topaz, Citrine
    December - Turquoise, Blue Zircon, Tanzanite, Lapis Lazuli


    January | garnet

    Garnets are a group of minerals commonly found in certain types of sedimentary and igneous rocks. The name garnet is most often used to specifically refer to red minerals used as semiprecious gemstones.
    Garnets come in many different colors, but dark red garnets are the ones most often used as birthstones.
    The word garnet originally comes from the Latin word grānātum, meaning “granular.” This word was specifically referring to the shape of the red seeds found in a pomegranate, which resemble red garnets.


    February | amethyst

    Amethyst is a variety of purple quartz. The intensity of amethyst’s color (and thus its value) depends on how much iron is in the amethyst when it crystallizes.
    Amethysts come in different shades of purple.
    The word amethyst comes from the Greek améthystos, meaning “not intoxicating.” Its name comes from many ancient legends and superstitions that claimed wearing an amethyst would prevent drunkenness.


    March | aquamarine, bloodstone

    aquamarine

    Aquamarine is a blue or greenish-blue variety of the mineral beryl used as a semiprecious gemstone. Aquamarine crystals typically form in hot, open spaces underground that have a good supply of space and beryllium.
    Aquamarines are usually pale or light blue in color.
    Aquamarine’s name comes from the Latin aqua marīna, meaning “sea water.” The name is a reference to aquamarine’s blue color.

    bloodstone

    Bloodstone, also known as heliotrope, is a green variety of the mineral chalcedony with spots of jasper scattered across it. It is considered to be a semiprecious gemstone.
    Bloodstone gemstones are usually dark green with dabs of red.
    Bloodstone is a combination of the words blood and stone. Bloodstone features spots of red jasper that resemble blood drops or blood splatter.


    April | diamond, rock crystal

    diamond

    A diamond is an extremely hard form of carbon which is considered a precious gem. Diamonds form underground when carbon is exposed to extreme amounts of pressure and heat.
    Diamonds come in many different colors, but colorless or clear diamonds are the ones most preferred as gems.
    The word diamond is thought to come from the Latin adamas, meaning “hard metal.” Diamond’s name was inspired by its famous hardness and shares an origin with the word adamant, an adjective that can accurately describe a diamond.
    Diamonds are one of the most culturally significant gems, including in slang like diamond hands. Learn what that means here.

    rock crystal

    Rock crystal is a transparent variety of quartz. Quartz is one of the most common minerals, and it is naturally colourless. Quartz will change colors if the crystal has impurities.
    Rock crystal is colorless and transparent.
    Rock crystal’s name is simply a combination of the words rock and crystal. Rock crystal is a crystal of quartz, a mineral that is commonly found in rocks.


    May | emerald, chrysoprase

    emerald

    An emerald is a green variety of beryl that is considered a precious gem. The green color of emeralds is caused by chromium mixing with the beryllium needed to form beryl. Beryllium and chromium are rarely found in significant amounts in the same place, which is why emeralds are so rare and valuable.
    Emeralds have a rich green color. The intensity of the green color is a major factor of determining an emerald’s value.
    The word emerald comes through Old French from the Greek word smáragdos, which means “green gem.”

    chrysoprase

    Chrysoprase is a green variety of chalcedony, which is yet another type of quartz. Unlike emeralds, chrysoprase’s green color comes from nickel rather than chromium.
    Chrysoprase comes in different shades of green.
    The name chrysoprase comes from the Greek khrusoprasos, which translates to “golden leek.” Chrysoprase is a gem (“golden”) that is green (like a leek).

    June | pearl, alexandrite, moonstone

    pearl

    Unlike all other gemstones, pearls are made by animals, specifically mollusks. Pearls are formed when a mollusk is irritated by something in its shell and secretes substances onto it. Over time, the secretion layers will build up to form a pearl.
    Pearls come in many colors, but usually white or cream-colored pearls are used in jewelry.
    The word pearl can be traced back to the Latin perna, meaning “sea mussel.”

    alexandrite

    Alexandrite is a rare variety of the mineral chrysoberyl. Similarly to emeralds, alexandrite is formed when chromium mixes with beryllium and aluminum. Because this rarely happens, alexandrite is extremely rare and valuable.
    Alexandrite is famous for its ability to change color from bluish green to purplish red under different types of light.
    Alexandrite is named after Czar Alexander II of Russia.

    moonstone

    Moonstone gems are a variety of adularia, which is a type of the mineral feldspar. Moonstone is formed from minerals mixing together and layering on top of each other.
    Moonstone is colorless but is famous for its adularescence, its ability to “shine blue.” This effect is caused by the mineral layers of the moonstone refracting light.
    Moonstone is a combination of the words moon and stone. Moonstone was said to resemble the moon, and many legends claimed it either came from the moon or had magical abilities linked to the moon.


    July | ruby, carnelian, onyx

    ruby

    A ruby is a precious gem that is a red variety of the mineral corundum. A ruby’s red color is caused by chromium mixing with the corundum.
    Rubies come in different shades of red. Pure red rubies are considered the most valuable.
    The word ruby comes from the Medieval Latin rubīnus, meaning “red.”

    carnelian

    Carnelian or cornelian is a type of chalcedony that is considered a semiprecious gemstone. Carnelian’s red or orange color comes from iron oxide. Carnelian gemstones are often heated or dyed in order to change their colors.
    Carnelians come in different shades of red, orange, or brown.
    The various spellings of carnelian/cornelian are thought to come from the Old French word cornele, meaning “cherry,” in reference to the gem’s reddish color.

    onyx

    Onyx is another type of chalcedony considered to be a semiprecious gemstone. Onyx is a layered chalcedony that is formed from quartz being heated by lava.
    Onyx comes in different colors but black onyx is used as a July birthstone.
    The word onyx comes from the Greek ónyx, meaning “nail” or “claw.” The white or flesh-colored bands found in onyx can make the stone appear like a fingernail.


    August | peridot, sardonyx, spinel

    peridot

    Peridot is a green variety of the mineral olivine. Olivine crystals form deep in the Earth’s mantle and are typically brought to the surface via volcanoes.
    Peridot gemstones have a lime green color.
    The exact origins of the name peridot are unknown, but it can be traced to the French French péridot, a name for a “green gem.”

    sardonyx

    Sardonyx is another type of chalcedony. It is formed by layering of sard and onyx, which explains the name.
    The color of sardonyx depends on the sard and onyx within it. Sard comes in shades of yellowish-red or reddish-brown, and the bands of onyx are usually white in color.
    The name sardonyx is a combination of sard and onyx, the two types of chalcedony that combine to make it.

    spinel

    Spinel is both the name of a group of minerals and a gemstone made from a particular type of spinel. Spinel is often more resistant to erosion than the rock around it, so spinel crystals are often gathered up in flowing water and deposited in places where miners will eventually find them.
    Spinel comes in many colors, but red or pink spinel are the colors used for birthstones
    The word spinel can be traced back to the Latin spina (“thorn”), which referenced the thorny shape of spinel crystals.


    September | sapphire


    The term sapphire is used to refer to any variety of the mineral corundum that isn’t red. Typically, the name sapphire is used to refer specifically to blue corundum that is classified as a precious gem. This sapphire’s blue color is caused by small amounts of iron and titanium mixing with the conundrum.
    Sapphires come in all colors besides red, but blue sapphires are used as the September birthstone.
    The word sapphire comes from the Greek sáppheiros, a word that may have referred to blue gems, such as sapphire or lapis lazuli.


    October | opal, tourmaline

    opal

    Opal is a mineral that is similar to quartz but has water in it. The presence of the water makes opal brittle, and opal gemstones are usually quite fragile.
    The “precious opals” used as birthstones come in different colors but often have a kaleidoscopic effect where they shine in a range of colors.
    The word opal comes from the Greek opállios, meaning “opal” or “gem.” It may also be related to the Sanskrit upala, meaning “precious stone.”

    tourmaline

    Tourmaline is a general name for a group of minerals and gemstones that come from said minerals. Large tourmaline crystals typically form after a mixture of many different elements is heated by hot water and water vapor. The color of the tourmaline will depend on which specific elements are used to make it.
    Tourmaline comes in every color, but pink is typically used as the birthstone color.
    Tourmaline comes from the Sinhalese tōramalliya, which means “carnelian.” You might remember that carnelian is the name of another gem that is one of July’s birthstones.


    November | topaz, citrine

    topaz

    Topaz is a mineral used as a semiprecious gemstone. Topaz is a very hard mineral that needs fluorine from magma to mix with other elements in order to form crystals.
    Topaz comes in many colors, but yellow topaz is used as the November birthstone.
    Topaz comes from the Greek tópazos. This word was used to refer to an island where yellow gems were often found.

    citrine

    Citrine is yet another one of the many varieties of quartz. Any yellow or yellowish quartz is called citrine, and it is possible to turn amethyst (purple quartz) into citrine by heating it until it changes color.
    Citrine comes in shades of yellow. The “inexpensive” (for a gem) citrine is often confused for more expensive yellow gems, such as topaz.
    The word citrine is formed from a combination of the word citrus and the suffix -ine, which means “like” or “of the nature of.” Citrine is yellow like a citrusy lemon.


    December | turquoise, tanzanite, blue zircon, lapis lazuli

    turquoise

    Turquoise is a blue or greenish-blue mineral used as a semiprecious gem. Turquoise grows best in arid areas where rainfall can help bring underground the copper that turquoise needs to form.
    Blue and greenish-blue turquoise are most prized as gemstones.
    Turquoise comes from an Old French word that meant “Turkish stone.” This name referred to the Turkish peoples of the Middle Ages and the lands they inhabited.

    tanzanite

    Tanzanite is a variety of the mineral zoisite. Tanzanite’s color is caused by bits of vanadium mixing with zoisite and getting very hot until it turns a blue color.
    Tanzanite has a purplish-blue color.
    Tanzanite is named after the country of Tanzania, the only place in the world where tanzanite is naturally found.

    blue zircon

    Zircon is an incredibly common mineral that is found in rocks all over the world. Zircon is highly resistant to erosion, so zircon crystals often outlast the rocks around them.
    Zircon comes in many colors but blue zircon is used as a December birthstone.
    The word zircon is an alteration of the older word jargon, which was used to refer to colorless zircon gemstones.

    lapis lazuli

    Lapis lazuli is a rock made of multiple minerals. Lapis lazuli’s deep blue color comes from lazurite, which is the “main ingredient” of lapis lazuli.
    Lapis lazuli comes in shades of blue.
    The name lapis lazuli comes from a combination of the Latin words lapis, meaning “stone,” and lazulī, from the word lazulum used to refer to an azure blue color.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Learn The Birthstones That Make Each Month Sparkle Birthstones are precious or semiprecious gemstones that are associated with a particular month or sign of the Zodiac. Going back to ancient times, certain gems were believed to bring good fortune if worn during specific months. The origin of this belief is often traced back to the story of the Breastplate of Aaron in the book of Exodus from the Bible. The legendary breastplate was said to be decorated with 12 differently colored gems. The breastplate inspired the original lists of birthstones that would change over the many following centuries. In 1912, the American National Retail Jeweler’s Association would popularize the word birthstone after making an “official” list of birthstones that is still used today with new additions to it. Modern lists often have multiple birthstones tied to certain months. All of that being said, you might be curious as to what your birthstone is and which gemstone goes with each month. We’ve gathered up a—sadly, metaphorical—treasure trove of gemstones along with some details about each one. 💎Birthstones chart Month - Birthstone January - Garnet February - Amethyst March - Aquamarine, Bloodstone April - Diamond, Rock Crystal May - Emerald, Chrysoprase June - Pearl, Alexandrite, Moonstone July - Ruby, Carnelian, Onyx August - Peridot, Spinel, Sardonyx September - Sapphire October - Opal, Tourmaline November - Topaz, Citrine December - Turquoise, Blue Zircon, Tanzanite, Lapis Lazuli January | garnet Garnets are a group of minerals commonly found in certain types of sedimentary and igneous rocks. The name garnet is most often used to specifically refer to red minerals used as semiprecious gemstones. Garnets come in many different colors, but dark red garnets are the ones most often used as birthstones. The word garnet originally comes from the Latin word grānātum, meaning “granular.” This word was specifically referring to the shape of the red seeds found in a pomegranate, which resemble red garnets. February | amethyst Amethyst is a variety of purple quartz. The intensity of amethyst’s color (and thus its value) depends on how much iron is in the amethyst when it crystallizes. Amethysts come in different shades of purple. The word amethyst comes from the Greek améthystos, meaning “not intoxicating.” Its name comes from many ancient legends and superstitions that claimed wearing an amethyst would prevent drunkenness. March | aquamarine, bloodstone aquamarine Aquamarine is a blue or greenish-blue variety of the mineral beryl used as a semiprecious gemstone. Aquamarine crystals typically form in hot, open spaces underground that have a good supply of space and beryllium. Aquamarines are usually pale or light blue in color. Aquamarine’s name comes from the Latin aqua marīna, meaning “sea water.” The name is a reference to aquamarine’s blue color. bloodstone Bloodstone, also known as heliotrope, is a green variety of the mineral chalcedony with spots of jasper scattered across it. It is considered to be a semiprecious gemstone. Bloodstone gemstones are usually dark green with dabs of red. Bloodstone is a combination of the words blood and stone. Bloodstone features spots of red jasper that resemble blood drops or blood splatter. April | diamond, rock crystal diamond A diamond is an extremely hard form of carbon which is considered a precious gem. Diamonds form underground when carbon is exposed to extreme amounts of pressure and heat. Diamonds come in many different colors, but colorless or clear diamonds are the ones most preferred as gems. The word diamond is thought to come from the Latin adamas, meaning “hard metal.” Diamond’s name was inspired by its famous hardness and shares an origin with the word adamant, an adjective that can accurately describe a diamond. Diamonds are one of the most culturally significant gems, including in slang like diamond hands. Learn what that means here. rock crystal Rock crystal is a transparent variety of quartz. Quartz is one of the most common minerals, and it is naturally colourless. Quartz will change colors if the crystal has impurities. Rock crystal is colorless and transparent. Rock crystal’s name is simply a combination of the words rock and crystal. Rock crystal is a crystal of quartz, a mineral that is commonly found in rocks. May | emerald, chrysoprase emerald An emerald is a green variety of beryl that is considered a precious gem. The green color of emeralds is caused by chromium mixing with the beryllium needed to form beryl. Beryllium and chromium are rarely found in significant amounts in the same place, which is why emeralds are so rare and valuable. Emeralds have a rich green color. The intensity of the green color is a major factor of determining an emerald’s value. The word emerald comes through Old French from the Greek word smáragdos, which means “green gem.” chrysoprase Chrysoprase is a green variety of chalcedony, which is yet another type of quartz. Unlike emeralds, chrysoprase’s green color comes from nickel rather than chromium. Chrysoprase comes in different shades of green. The name chrysoprase comes from the Greek khrusoprasos, which translates to “golden leek.” Chrysoprase is a gem (“golden”) that is green (like a leek). June | pearl, alexandrite, moonstone pearl Unlike all other gemstones, pearls are made by animals, specifically mollusks. Pearls are formed when a mollusk is irritated by something in its shell and secretes substances onto it. Over time, the secretion layers will build up to form a pearl. Pearls come in many colors, but usually white or cream-colored pearls are used in jewelry. The word pearl can be traced back to the Latin perna, meaning “sea mussel.” alexandrite Alexandrite is a rare variety of the mineral chrysoberyl. Similarly to emeralds, alexandrite is formed when chromium mixes with beryllium and aluminum. Because this rarely happens, alexandrite is extremely rare and valuable. Alexandrite is famous for its ability to change color from bluish green to purplish red under different types of light. Alexandrite is named after Czar Alexander II of Russia. moonstone Moonstone gems are a variety of adularia, which is a type of the mineral feldspar. Moonstone is formed from minerals mixing together and layering on top of each other. Moonstone is colorless but is famous for its adularescence, its ability to “shine blue.” This effect is caused by the mineral layers of the moonstone refracting light. Moonstone is a combination of the words moon and stone. Moonstone was said to resemble the moon, and many legends claimed it either came from the moon or had magical abilities linked to the moon. July | ruby, carnelian, onyx ruby A ruby is a precious gem that is a red variety of the mineral corundum. A ruby’s red color is caused by chromium mixing with the corundum. Rubies come in different shades of red. Pure red rubies are considered the most valuable. The word ruby comes from the Medieval Latin rubīnus, meaning “red.” carnelian Carnelian or cornelian is a type of chalcedony that is considered a semiprecious gemstone. Carnelian’s red or orange color comes from iron oxide. Carnelian gemstones are often heated or dyed in order to change their colors. Carnelians come in different shades of red, orange, or brown. The various spellings of carnelian/cornelian are thought to come from the Old French word cornele, meaning “cherry,” in reference to the gem’s reddish color. onyx Onyx is another type of chalcedony considered to be a semiprecious gemstone. Onyx is a layered chalcedony that is formed from quartz being heated by lava. Onyx comes in different colors but black onyx is used as a July birthstone. The word onyx comes from the Greek ónyx, meaning “nail” or “claw.” The white or flesh-colored bands found in onyx can make the stone appear like a fingernail. August | peridot, sardonyx, spinel peridot Peridot is a green variety of the mineral olivine. Olivine crystals form deep in the Earth’s mantle and are typically brought to the surface via volcanoes. Peridot gemstones have a lime green color. The exact origins of the name peridot are unknown, but it can be traced to the French French péridot, a name for a “green gem.” sardonyx Sardonyx is another type of chalcedony. It is formed by layering of sard and onyx, which explains the name. The color of sardonyx depends on the sard and onyx within it. Sard comes in shades of yellowish-red or reddish-brown, and the bands of onyx are usually white in color. The name sardonyx is a combination of sard and onyx, the two types of chalcedony that combine to make it. spinel Spinel is both the name of a group of minerals and a gemstone made from a particular type of spinel. Spinel is often more resistant to erosion than the rock around it, so spinel crystals are often gathered up in flowing water and deposited in places where miners will eventually find them. Spinel comes in many colors, but red or pink spinel are the colors used for birthstones The word spinel can be traced back to the Latin spina (“thorn”), which referenced the thorny shape of spinel crystals. September | sapphire The term sapphire is used to refer to any variety of the mineral corundum that isn’t red. Typically, the name sapphire is used to refer specifically to blue corundum that is classified as a precious gem. This sapphire’s blue color is caused by small amounts of iron and titanium mixing with the conundrum. Sapphires come in all colors besides red, but blue sapphires are used as the September birthstone. The word sapphire comes from the Greek sáppheiros, a word that may have referred to blue gems, such as sapphire or lapis lazuli. October | opal, tourmaline opal Opal is a mineral that is similar to quartz but has water in it. The presence of the water makes opal brittle, and opal gemstones are usually quite fragile. The “precious opals” used as birthstones come in different colors but often have a kaleidoscopic effect where they shine in a range of colors. The word opal comes from the Greek opállios, meaning “opal” or “gem.” It may also be related to the Sanskrit upala, meaning “precious stone.” tourmaline Tourmaline is a general name for a group of minerals and gemstones that come from said minerals. Large tourmaline crystals typically form after a mixture of many different elements is heated by hot water and water vapor. The color of the tourmaline will depend on which specific elements are used to make it. Tourmaline comes in every color, but pink is typically used as the birthstone color. Tourmaline comes from the Sinhalese tōramalliya, which means “carnelian.” You might remember that carnelian is the name of another gem that is one of July’s birthstones. November | topaz, citrine topaz Topaz is a mineral used as a semiprecious gemstone. Topaz is a very hard mineral that needs fluorine from magma to mix with other elements in order to form crystals. Topaz comes in many colors, but yellow topaz is used as the November birthstone. Topaz comes from the Greek tópazos. This word was used to refer to an island where yellow gems were often found. citrine Citrine is yet another one of the many varieties of quartz. Any yellow or yellowish quartz is called citrine, and it is possible to turn amethyst (purple quartz) into citrine by heating it until it changes color. Citrine comes in shades of yellow. The “inexpensive” (for a gem) citrine is often confused for more expensive yellow gems, such as topaz. The word citrine is formed from a combination of the word citrus and the suffix -ine, which means “like” or “of the nature of.” Citrine is yellow like a citrusy lemon. December | turquoise, tanzanite, blue zircon, lapis lazuli turquoise Turquoise is a blue or greenish-blue mineral used as a semiprecious gem. Turquoise grows best in arid areas where rainfall can help bring underground the copper that turquoise needs to form. Blue and greenish-blue turquoise are most prized as gemstones. Turquoise comes from an Old French word that meant “Turkish stone.” This name referred to the Turkish peoples of the Middle Ages and the lands they inhabited. tanzanite Tanzanite is a variety of the mineral zoisite. Tanzanite’s color is caused by bits of vanadium mixing with zoisite and getting very hot until it turns a blue color. Tanzanite has a purplish-blue color. Tanzanite is named after the country of Tanzania, the only place in the world where tanzanite is naturally found. blue zircon Zircon is an incredibly common mineral that is found in rocks all over the world. Zircon is highly resistant to erosion, so zircon crystals often outlast the rocks around them. Zircon comes in many colors but blue zircon is used as a December birthstone. The word zircon is an alteration of the older word jargon, which was used to refer to colorless zircon gemstones. lapis lazuli Lapis lazuli is a rock made of multiple minerals. Lapis lazuli’s deep blue color comes from lazurite, which is the “main ingredient” of lapis lazuli. Lapis lazuli comes in shades of blue. The name lapis lazuli comes from a combination of the Latin words lapis, meaning “stone,” and lazulī, from the word lazulum used to refer to an azure blue color. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1042 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 23 กรกฎาคม 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
    ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    https://www.royaloffice.th/2024/07/24/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9f%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2/
    วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา https://www.royaloffice.th/2024/07/24/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9f%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2/
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 23 กรกฎาคม 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    Cr. https://www.royaloffice.th/2024/07/24/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9f%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2/
    วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา Cr. https://www.royaloffice.th/2024/07/24/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9f%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2/
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 กรกฎาคม 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม
    ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอกชิมโฟนีออร์เคสตร้า และองค์ประธานจัดงานการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly) ฯ ทรงเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    23 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอกชิมโฟนีออร์เคสตร้า และองค์ประธานจัดงานการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly) ฯ ทรงเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถยนต์พระที่นั่ง Mercedes-Benz 600 Landulet หมายเลขทะเบียน ร.ย.ล.9 สนองเบื้องพระยุคลบาท ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly)เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : HappyBanz
    รถยนต์พระที่นั่ง Mercedes-Benz 600 Landulet หมายเลขทะเบียน ร.ย.ล.9 สนองเบื้องพระยุคลบาท ในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร "มาดามบัตเตอร์ฟลาย" (Madama Butterfly)เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567 #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : HappyBanz
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts