• ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js

    MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel

    เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย

    แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน

    บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที

    ข้อมูลจากข่าว
    - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง
    - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ
    - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep
    - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน
    - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping
    - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว
    - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี
    - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก
    - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ
    - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที ✅ ข้อมูลจากข่าว - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    WWW.TECHRADAR.COM
    Nearly a million browsers affected by more malicious browser extensions - here's what we know
    Hundreds of extensions were found, putting almost a million people at risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD พบช่องโหว่ใหม่คล้าย Spectre – รวมกันแล้วอาจเจาะข้อมูลลับจาก CPU ได้

    AMD เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อโจมตีแบบ side-channel ซึ่งเรียกว่า Transient Scheduler Attack (TSA) โดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมการจัดลำดับคำสั่งของ CPU เพื่อดึงข้อมูลลับออกมา เช่น ข้อมูลจาก OS kernel, แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่ virtual machines

    ช่องโหว่ที่พบ ได้แก่:
    - CVE-2024-36349 (คะแนน CVSS 3.8)
    - CVE-2024-36348 (3.8)
    - CVE-2024-36357 (5.6)
    - CVE-2024-36350 (5.6)

    แม้แต่ละช่องโหว่จะมีระดับความรุนแรงต่ำ แต่เมื่อใช้ร่วมกันแล้วสามารถสร้างการโจมตีที่มีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะหากเครื่องถูกติดมัลแวร์หรือถูกเข้าถึงทางกายภาพมาก่อน

    AMD ระบุว่า TSA ต้องถูกเรียกใช้หลายครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย และมีแพตช์ออกมาแล้วสำหรับ Windows โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้เร็วพอ ยังมีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ AMD ไม่แนะนำ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของระบบ

    ชิปที่ได้รับผลกระทบมีหลายรุ่น เช่น EPYC, Ryzen, Instinct และ Athlon ซึ่งครอบคลุมทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD พบช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถใช้ร่วมกันโจมตีแบบ Transient Scheduler Attack (TSA)
    - TSA เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่คล้ายกับ Spectre และ Meltdown
    - ช่องโหว่มีคะแนน CVSS อยู่ระหว่าง 3.8–5.6 แต่เมื่อรวมกันแล้วอันตรายมากขึ้น
    - การโจมตีต้องเกิดหลังจากเครื่องถูกเข้าถึงหรือถูกติดมัลแวร์
    - ข้อมูลที่อาจรั่วไหลได้ ได้แก่ OS kernel, แอปพลิเคชัน และ VM
    - AMD ออกแพตช์สำหรับ Windows แล้ว และแนะนำให้อัปเดตทันที
    - มีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ไม่แนะนำเพราะลดประสิทธิภาพ
    - ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ EPYC, Ryzen, Instinct, Athlon และอื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - แม้ช่องโหว่แต่ละรายการจะดูไม่รุนแรง แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถเจาะข้อมูลลับได้
    - การโจมตี TSA ต้องใช้เวลานานและความซับซ้อนสูง แต่ก็เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
    - หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว
    - วิธีแก้ชั่วคราวด้วย VERW อาจทำให้ระบบช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
    - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบรายการชิปที่ได้รับผลกระทบจาก AMD advisory และวางแผนอัปเดตทันที

    https://www.techradar.com/pro/security/amd-uncovers-new-spectre-meltdown-esque-flaw-affecting-cpus-heres-what-we-know
    AMD พบช่องโหว่ใหม่คล้าย Spectre – รวมกันแล้วอาจเจาะข้อมูลลับจาก CPU ได้ AMD เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อโจมตีแบบ side-channel ซึ่งเรียกว่า Transient Scheduler Attack (TSA) โดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมการจัดลำดับคำสั่งของ CPU เพื่อดึงข้อมูลลับออกมา เช่น ข้อมูลจาก OS kernel, แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่ virtual machines ช่องโหว่ที่พบ ได้แก่: - CVE-2024-36349 (คะแนน CVSS 3.8) - CVE-2024-36348 (3.8) - CVE-2024-36357 (5.6) - CVE-2024-36350 (5.6) แม้แต่ละช่องโหว่จะมีระดับความรุนแรงต่ำ แต่เมื่อใช้ร่วมกันแล้วสามารถสร้างการโจมตีที่มีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะหากเครื่องถูกติดมัลแวร์หรือถูกเข้าถึงทางกายภาพมาก่อน AMD ระบุว่า TSA ต้องถูกเรียกใช้หลายครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย และมีแพตช์ออกมาแล้วสำหรับ Windows โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้เร็วพอ ยังมีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ AMD ไม่แนะนำ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของระบบ ชิปที่ได้รับผลกระทบมีหลายรุ่น เช่น EPYC, Ryzen, Instinct และ Athlon ซึ่งครอบคลุมทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD พบช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถใช้ร่วมกันโจมตีแบบ Transient Scheduler Attack (TSA) - TSA เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่คล้ายกับ Spectre และ Meltdown - ช่องโหว่มีคะแนน CVSS อยู่ระหว่าง 3.8–5.6 แต่เมื่อรวมกันแล้วอันตรายมากขึ้น - การโจมตีต้องเกิดหลังจากเครื่องถูกเข้าถึงหรือถูกติดมัลแวร์ - ข้อมูลที่อาจรั่วไหลได้ ได้แก่ OS kernel, แอปพลิเคชัน และ VM - AMD ออกแพตช์สำหรับ Windows แล้ว และแนะนำให้อัปเดตทันที - มีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ไม่แนะนำเพราะลดประสิทธิภาพ - ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ EPYC, Ryzen, Instinct, Athlon และอื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - แม้ช่องโหว่แต่ละรายการจะดูไม่รุนแรง แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถเจาะข้อมูลลับได้ - การโจมตี TSA ต้องใช้เวลานานและความซับซ้อนสูง แต่ก็เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ - หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว - วิธีแก้ชั่วคราวด้วย VERW อาจทำให้ระบบช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบรายการชิปที่ได้รับผลกระทบจาก AMD advisory และวางแผนอัปเดตทันที https://www.techradar.com/pro/security/amd-uncovers-new-spectre-meltdown-esque-flaw-affecting-cpus-heres-what-we-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก

    มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!!

    องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย

    รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026  
    • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน  
    • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว

    องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา  
    • รวมถึง SpaceX, Blue Origin  
    • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ

    จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:  
    • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019  
    • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง  
    • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง

    TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time

    Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
    • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี

    รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน

    https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!! องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย ✅ รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026   • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน   • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว ✅ องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา   • รวมถึง SpaceX, Blue Origin   • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ ✅ จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:   • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019   • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง   • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง ✅ TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time ✅ Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ✅ รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Space industry warns of satellite collision risks as US funding faces deep cuts
    The proposed cuts have sparked a strong backlash from the space industry. Seven major trade associations representing more than 450 companies including SpaceX and Blue Origin have...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มีรัฐบาลใหม่ น่าจะสิ้นสุดการปกปิดได้และต้องมาจากนายกฯพระราชทานยิ่งดี,อนาคตงานหนักด้วย,ค่าจริงความจริงต้องเปิดเผยแก่ประชาชนให้รับรู้,ปิดบังมานานเกินไปต้องแต่ยุคโควิด ต่างชาติก็ระบุชัดว่าพื้นฐานเนื้อวัคซีนโควิดมีแน่นอน3ตัว คือเอดส์ มะเร็ง และซาร์ตัดแต่ง,เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราเป็นเอดส์ส่วนใหญ่แน่นอนจากถูกบังคับฉีดวัคซีนมาตัังแต่ระดับอนุบาล ขึ้นประถมก็ลาป่วยกันตรึมเพราะเริ่มออกฤทธิ์ ฉีดประถมต้น ขึ้นประถมปลายก็เริ่มป่วยไข้บ่อยขึ้น ฉีดประถมปลายก็ไปป่วยนั้นนี้โน้นตอนมัธยมต้น,ฉีดมัธยมต้นก็ออกฤทธิ์มัธยมปลาย เป็นต้น เด็กๆป่วยต่างจากยุควัยรุ่นในอดีตป่วยมากนะ,วิ่งเล่นกีฬาดีๆก็วูบก็เหนื่อยผิดปกติ,เดินขบวนกีฬาถูกแดดนิดหน่อยก็เป็นลมง่ายๆ,คนเฒ่าคนแก่คนชราก็จัดงานศพไปวัดไปป่าช้าตรึมบ่อยขึ้น,ทหารตำรวจว่าแข็งแรงออกกำลังกายปกติก็ขึ้นเป็นข่าววูบตายเสีย, หมอพยาบาลยิ่งโหด รับคนละ5เข็มอย่างน้อย ไฟเซอร์อีกที่คุยทับกัน,เข็มหลอดแบบอีลิทต่างชาติผู้นำหัวๆก็ไม่ว่าหรอก หรือน้ำเกลือน้ำแร่ก็ตาม แต่ประชาชนเสี่ยงสูงชัดเจนทั่วไทย,นี้คือวาระแห่งชาติไทยที่รัฐบาลนายกฯพระราชทานคนใหม่ต้องชัดเจนจริงใจในด้านนี้และต้องถีบต้องจบรัฐบาลชุดปัจจุบันสิ้นขาดจากอำนาจรัฐปัจจุบันโดยเร็ว,ทั้งสุขภาพ ทั้งปากท้องประชาชนและอธิปไตยชาติไทยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น,เห็นข่าวมันโคตรเบื่อหน่ายจริงๆ มันต้องจบต้องเปลี่ยนจริงๆ

    https://youtu.be/P9W9AFF-E30?si=gm9782JgTpdyug98
    ..มีรัฐบาลใหม่ น่าจะสิ้นสุดการปกปิดได้และต้องมาจากนายกฯพระราชทานยิ่งดี,อนาคตงานหนักด้วย,ค่าจริงความจริงต้องเปิดเผยแก่ประชาชนให้รับรู้,ปิดบังมานานเกินไปต้องแต่ยุคโควิด ต่างชาติก็ระบุชัดว่าพื้นฐานเนื้อวัคซีนโควิดมีแน่นอน3ตัว คือเอดส์ มะเร็ง และซาร์ตัดแต่ง,เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราเป็นเอดส์ส่วนใหญ่แน่นอนจากถูกบังคับฉีดวัคซีนมาตัังแต่ระดับอนุบาล ขึ้นประถมก็ลาป่วยกันตรึมเพราะเริ่มออกฤทธิ์ ฉีดประถมต้น ขึ้นประถมปลายก็เริ่มป่วยไข้บ่อยขึ้น ฉีดประถมปลายก็ไปป่วยนั้นนี้โน้นตอนมัธยมต้น,ฉีดมัธยมต้นก็ออกฤทธิ์มัธยมปลาย เป็นต้น เด็กๆป่วยต่างจากยุควัยรุ่นในอดีตป่วยมากนะ,วิ่งเล่นกีฬาดีๆก็วูบก็เหนื่อยผิดปกติ,เดินขบวนกีฬาถูกแดดนิดหน่อยก็เป็นลมง่ายๆ,คนเฒ่าคนแก่คนชราก็จัดงานศพไปวัดไปป่าช้าตรึมบ่อยขึ้น,ทหารตำรวจว่าแข็งแรงออกกำลังกายปกติก็ขึ้นเป็นข่าววูบตายเสีย, หมอพยาบาลยิ่งโหด รับคนละ5เข็มอย่างน้อย ไฟเซอร์อีกที่คุยทับกัน,เข็มหลอดแบบอีลิทต่างชาติผู้นำหัวๆก็ไม่ว่าหรอก หรือน้ำเกลือน้ำแร่ก็ตาม แต่ประชาชนเสี่ยงสูงชัดเจนทั่วไทย,นี้คือวาระแห่งชาติไทยที่รัฐบาลนายกฯพระราชทานคนใหม่ต้องชัดเจนจริงใจในด้านนี้และต้องถีบต้องจบรัฐบาลชุดปัจจุบันสิ้นขาดจากอำนาจรัฐปัจจุบันโดยเร็ว,ทั้งสุขภาพ ทั้งปากท้องประชาชนและอธิปไตยชาติไทยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น,เห็นข่าวมันโคตรเบื่อหน่ายจริงๆ มันต้องจบต้องเปลี่ยนจริงๆ https://youtu.be/P9W9AFF-E30?si=gm9782JgTpdyug98
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี้คือการเคลียร์ใจครั้งใหญ่ของ AMD — หลังผู้ใช้ Ryzen เจอปัญหา “TPM ล้มเหลว + เครื่องเข้าสู่ BitLocker Recovery” โดยไม่มีใครรับผิดชอบเต็มๆ มาตั้งแต่ปี 2022 จนล่าสุด AMD ออกมาชี้แจงว่า ตนแก้ปัญหาให้ตั้งแต่ปีนั้นแล้ว แต่ “ผู้ผลิตเมนบอร์ดหลายรายไม่ยอมปล่อยอัปเดต”

    ใครที่ใช้ Ryzen Gen 1 ถึง Gen 3 อาจเคยเจอปัญหาเวลาเปิดเครื่องแล้ว BitLocker ขึ้น Recovery แบบไม่ทันตั้งตัว → สาเหตุที่แท้จริงคือ TPM Attestation ล้มเหลว (error 0x80070490) ทำให้ Windows ไม่มั่นใจว่าระบบยัง “น่าเชื่อถือ” อยู่หรือไม่ → ซึ่ง TPM คือชิปหรือเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้ Windows เข้ารหัสและตรวจสอบความปลอดภัยในเครื่อง → หากล้มเหลว เครื่องจะเข้าสู่ BitLocker Recovery ทันที และต้องใช้ “Recovery Key” ปลดล็อก

    Microsoft เคยบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้แล้วใน firmware รุ่นใหม่ → แต่ผู้ใช้ยังเจออยู่ และคิดว่า AMD ไม่ยอมแก้ → ล่าสุด AMD ออกมาบอกว่า “เราอัปเดต TPM firmware ให้ผู้ผลิตบอร์ดตั้งแต่ปี 2022 แล้ว แต่บางรายไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใช้โหลด” → สรุปคือต้นเหตุอยู่ที่ “เมนบอร์ดไม่ได้อัปเดต firmware” นั่นเอง

    AMD แนะนำให้รันคำสั่งนี้เพื่อเช็กว่าเครื่องคุณเจอปัญหานี้ไหม:

    ============================================
    powershell.exe -Command Get-TPM
    ============================================

    หากใช้ fTPM 3.*.0 บนเมนบอร์ด AM4 ก็มีโอกาสเจอบั๊กนี้ → AMD แนะนำให้ติดต่อผู้ผลิตบอร์ดโดยตรงเพื่อสอบถามว่า firmware รุ่นล่าสุดอัปเดตปัญหานี้หรือยัง → และถ้าจะอัปเดต TPM firmware ต้อง “Suspend BitLocker ก่อน” มิฉะนั้นเครื่องอาจล็อกถาวร!

    AMD ชี้แจงว่าแก้บั๊ก TPM Attestation Fail ตั้งแต่ปี 2022 แล้ว  
    • ส่ง firmware ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเรียบร้อย  • แต่บางผู้ผลิต “ไม่ยอมปล่อยอัปเดตให้ผู้ใช้”

    ปัญหาหลักอยู่ที่เมนบอร์ด AMD fTPM 3..0 → พบใน Ryzen 1000 ถึง Ryzen 5000 (Zen1–Zen3)*  
    • โดยเฉพาะบนเมนบอร์ด AM4

    อาการ: TPM ล้มเหลว → Windows เข้า BitLocker Recovery อัตโนมัติ  
    • ต้องมี Recovery Key หรือ Recovery Password เพื่อปลดล็อก

    AMD แนะนำให้เช็กสถานะ TPM โดยใช้คำสั่ง Powershell  
    • และติดต่อผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อขอ TPM firmware รุ่นใหม่

    หากจะอัปเดต TPM firmware → ควร Suspend BitLocker ชั่วคราวก่อน  
    • ไม่เช่นนั้นระบบอาจลบ TPM โดยไม่ตั้งใจ และเข้าล็อกทันทีเมื่อบูตใหม่

    AMD เตือนว่า บางกรณี TPM fail ทำให้ผู้ใช้เล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการ TPM ไม่ได้

    https://www.neowin.net/news/amd-finally-clarifies-windows-tpm--bitlocker-bug-that-still-affects-ryzen-cpus/
    นี้คือการเคลียร์ใจครั้งใหญ่ของ AMD — หลังผู้ใช้ Ryzen เจอปัญหา “TPM ล้มเหลว + เครื่องเข้าสู่ BitLocker Recovery” โดยไม่มีใครรับผิดชอบเต็มๆ มาตั้งแต่ปี 2022 จนล่าสุด AMD ออกมาชี้แจงว่า ตนแก้ปัญหาให้ตั้งแต่ปีนั้นแล้ว แต่ “ผู้ผลิตเมนบอร์ดหลายรายไม่ยอมปล่อยอัปเดต” ใครที่ใช้ Ryzen Gen 1 ถึง Gen 3 อาจเคยเจอปัญหาเวลาเปิดเครื่องแล้ว BitLocker ขึ้น Recovery แบบไม่ทันตั้งตัว → สาเหตุที่แท้จริงคือ TPM Attestation ล้มเหลว (error 0x80070490) ทำให้ Windows ไม่มั่นใจว่าระบบยัง “น่าเชื่อถือ” อยู่หรือไม่ → ซึ่ง TPM คือชิปหรือเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้ Windows เข้ารหัสและตรวจสอบความปลอดภัยในเครื่อง → หากล้มเหลว เครื่องจะเข้าสู่ BitLocker Recovery ทันที และต้องใช้ “Recovery Key” ปลดล็อก Microsoft เคยบอกว่าปัญหานี้ถูกแก้แล้วใน firmware รุ่นใหม่ → แต่ผู้ใช้ยังเจออยู่ และคิดว่า AMD ไม่ยอมแก้ → ล่าสุด AMD ออกมาบอกว่า “เราอัปเดต TPM firmware ให้ผู้ผลิตบอร์ดตั้งแต่ปี 2022 แล้ว แต่บางรายไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใช้โหลด” → สรุปคือต้นเหตุอยู่ที่ “เมนบอร์ดไม่ได้อัปเดต firmware” นั่นเอง AMD แนะนำให้รันคำสั่งนี้เพื่อเช็กว่าเครื่องคุณเจอปัญหานี้ไหม: ============================================ powershell.exe -Command Get-TPM ============================================ หากใช้ fTPM 3.*.0 บนเมนบอร์ด AM4 ก็มีโอกาสเจอบั๊กนี้ → AMD แนะนำให้ติดต่อผู้ผลิตบอร์ดโดยตรงเพื่อสอบถามว่า firmware รุ่นล่าสุดอัปเดตปัญหานี้หรือยัง → และถ้าจะอัปเดต TPM firmware ต้อง “Suspend BitLocker ก่อน” มิฉะนั้นเครื่องอาจล็อกถาวร! ✅ AMD ชี้แจงว่าแก้บั๊ก TPM Attestation Fail ตั้งแต่ปี 2022 แล้ว   • ส่ง firmware ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเรียบร้อย  • แต่บางผู้ผลิต “ไม่ยอมปล่อยอัปเดตให้ผู้ใช้” ✅ ปัญหาหลักอยู่ที่เมนบอร์ด AMD fTPM 3..0 → พบใน Ryzen 1000 ถึง Ryzen 5000 (Zen1–Zen3)*   • โดยเฉพาะบนเมนบอร์ด AM4 ✅ อาการ: TPM ล้มเหลว → Windows เข้า BitLocker Recovery อัตโนมัติ   • ต้องมี Recovery Key หรือ Recovery Password เพื่อปลดล็อก ✅ AMD แนะนำให้เช็กสถานะ TPM โดยใช้คำสั่ง Powershell   • และติดต่อผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อขอ TPM firmware รุ่นใหม่ ✅ หากจะอัปเดต TPM firmware → ควร Suspend BitLocker ชั่วคราวก่อน   • ไม่เช่นนั้นระบบอาจลบ TPM โดยไม่ตั้งใจ และเข้าล็อกทันทีเมื่อบูตใหม่ ✅ AMD เตือนว่า บางกรณี TPM fail ทำให้ผู้ใช้เล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการ TPM ไม่ได้ https://www.neowin.net/news/amd-finally-clarifies-windows-tpm--bitlocker-bug-that-still-affects-ryzen-cpus/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD finally clarifies Windows TPM & BitLocker bug that still affects Ryzen CPUs
    AMD has finally clarified the situation regarding the TPM attestation bug on Ryzen systems that has been a persistent bug for a very long time.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..555,มาแล้ว.
    ..คุณคือฮีโร่ของไทย,ส่วนตัวถ้าเราเป็นแฮ็กเกอร์นะจะแฮ็กฯปล้นคริปโตฯโทเคนตังดิจิดัลของเดอะแก๊งทั้งหมดในเขมรเลยแล้วโอนตังมันทั้งหลายไปเข้าบัญชีบริจาคช่วยเหลือคนตกทุกข์คนยากจนคนพิการหรือเหยื่ออาชญากรรมและค้ามนุษยทั่วโลกเลย,โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ดีๆดูแลรักษาคนลักษณะนี้ กระทั่งทุนวิจัยผลิตยารักษาคนฟรีๆสร้างโรงงานฟรีๆสกัดยาสาระพัดก็ด้วยเพื่อมุ่งไม่หวังผลตอบแทน,แฮ๊กดาต้าข้อมูลทุกๆคนที่ก่อการเป็นเครือข่ายในเขมรตลอดสนับสนุนเงินทุนด้วย,ร่วมกันแฮ็กทำลายมันจากแฮ็กเกอร์ทั่วโลกนะโดยแฮ็กเกอร์ไทยขอความร่วมมือจากแฮ็กเกอร์ทั่วโลกอีกทีจัดการเดอะแก็งทั้งหมดในเขมรจะตังจากค้ายาค้ามนุษย์ตังจากคอลเซ็นเตอร์คือแฮ็กเกอร์ทั่วโลกร่วมกันจัดการตังมันทุกๆตัวก็ว่าจะระดับเดอะรัฐบาลเขมรหรือจีนเทาที่มาลงตังในเขมรก็ตาม,ถ้าแฮ๊กเกอร์ทั่วโลกลงขันให้พวกนี้ไปวัดพังทัังเขมรศูนย์บัญชาการใหญ่อาชญากรรมโลกที่เขมรลงได้นะ ทุกๆคนคือเดอะฮีโร่ของจริงเลยล่ะ,ต้องส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือคุ้มครองคนเหล่านี้ทันที,ไทยเราออกหน้าทางลับๆก็ได้,สายทหารเราก็ว่า,และแฮ็กเกอร์ทั่วโลกก็ช่วยเหลือคุ้มครองกันและกันด้วยเช่นกัน,สายตัดเคเบิลใต้ทะเลที่เขมรใช้สื่อสารสมควรมีด้วย,ตัดสายที่ทะเลดำก็ได้ที่ต่อมาเขมรหรือทะเลจีนใต้ก็ด้วยที่เคเบิลเน็ตผ่านทาง.มีหนาวแน่นอน,เน็ตเขมรตัดย่อมอนาถทันที,ยุคนี้ถ้าไม่ใช้เน็ตพวกนี้พังทันที,แฮ็กเน็ตดาวเทียมมันด้วยเช่นใช้starlinkก็แฉออกมาว่าเน็ตดาวเทียมstarlinkคือเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการก่ออาชญากรรมต่อชาวโลกด้วยของเขมรและการค้ามนุษย์ในเขมรก็ว่า,ประจานมันเลยหากแฮ็กstarlinkได้ยิ่งดี ปั่นจนระบบพังตกไปเลยหรือถ้าใช้บอลลูนบินจริงในดาวเทียมเน็ตต่างๆก็ทำลายระบบควบคุมลมบอลลูนเลยตกทุกๆดวงแน่นอน555.
    ..แฮ็กเกอร์คือองค์กรเฉพาะกิจหน่วยงานหนึ่งที่จำเป็น,และในหลายๆประเทศแบบอเมริกา จีน รัสเชีย และหลายๆชาติทั่วโลกตั้งตรงทางลับชัดเจนในการก่อการสาระพัด,และจะไม่ใช่ตั้งในประเทศตนเองด้วยเพื่อปิดบังสายตาชาวโลกมองมาที่ตนได้เด่นชัดเกินไป จึงตั้งบนประเทศอื่น เกาะอื่นๆแต่รับรู้สั่งการตรงใจกัน,มุมมืดในแต่ละชาติต้องมีประจำตัว เพราะบางอย่างไม่สามารถจัดการที่สว่างนั้นเองติดภาพผู้ดีในสายตาชาวโลกหนักไป,
    ..เขมรสมควรโดนนานแล้ว,เรา..ปล่อยเรื่องนี้นานเกินไปแล้วคือปล่อยให้รัฐบาลนี้ยังอยู่ทั้งหมดได้อย่างไร มีแต่จะทำให้ชาติไทยโกลาหลวุ่นวายไม่หยุดหย่อนจริงๆ.


    https://youtu.be/Ckm2Mt3Abtw?si=GonUGlwAffjYLSBO
    ..555,มาแล้ว. ..คุณคือฮีโร่ของไทย,ส่วนตัวถ้าเราเป็นแฮ็กเกอร์นะจะแฮ็กฯปล้นคริปโตฯโทเคนตังดิจิดัลของเดอะแก๊งทั้งหมดในเขมรเลยแล้วโอนตังมันทั้งหลายไปเข้าบัญชีบริจาคช่วยเหลือคนตกทุกข์คนยากจนคนพิการหรือเหยื่ออาชญากรรมและค้ามนุษยทั่วโลกเลย,โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ดีๆดูแลรักษาคนลักษณะนี้ กระทั่งทุนวิจัยผลิตยารักษาคนฟรีๆสร้างโรงงานฟรีๆสกัดยาสาระพัดก็ด้วยเพื่อมุ่งไม่หวังผลตอบแทน,แฮ๊กดาต้าข้อมูลทุกๆคนที่ก่อการเป็นเครือข่ายในเขมรตลอดสนับสนุนเงินทุนด้วย,ร่วมกันแฮ็กทำลายมันจากแฮ็กเกอร์ทั่วโลกนะโดยแฮ็กเกอร์ไทยขอความร่วมมือจากแฮ็กเกอร์ทั่วโลกอีกทีจัดการเดอะแก็งทั้งหมดในเขมรจะตังจากค้ายาค้ามนุษย์ตังจากคอลเซ็นเตอร์คือแฮ็กเกอร์ทั่วโลกร่วมกันจัดการตังมันทุกๆตัวก็ว่าจะระดับเดอะรัฐบาลเขมรหรือจีนเทาที่มาลงตังในเขมรก็ตาม,ถ้าแฮ๊กเกอร์ทั่วโลกลงขันให้พวกนี้ไปวัดพังทัังเขมรศูนย์บัญชาการใหญ่อาชญากรรมโลกที่เขมรลงได้นะ ทุกๆคนคือเดอะฮีโร่ของจริงเลยล่ะ,ต้องส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือคุ้มครองคนเหล่านี้ทันที,ไทยเราออกหน้าทางลับๆก็ได้,สายทหารเราก็ว่า,และแฮ็กเกอร์ทั่วโลกก็ช่วยเหลือคุ้มครองกันและกันด้วยเช่นกัน,สายตัดเคเบิลใต้ทะเลที่เขมรใช้สื่อสารสมควรมีด้วย,ตัดสายที่ทะเลดำก็ได้ที่ต่อมาเขมรหรือทะเลจีนใต้ก็ด้วยที่เคเบิลเน็ตผ่านทาง.มีหนาวแน่นอน,เน็ตเขมรตัดย่อมอนาถทันที,ยุคนี้ถ้าไม่ใช้เน็ตพวกนี้พังทันที,แฮ็กเน็ตดาวเทียมมันด้วยเช่นใช้starlinkก็แฉออกมาว่าเน็ตดาวเทียมstarlinkคือเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการก่ออาชญากรรมต่อชาวโลกด้วยของเขมรและการค้ามนุษย์ในเขมรก็ว่า,ประจานมันเลยหากแฮ็กstarlinkได้ยิ่งดี ปั่นจนระบบพังตกไปเลยหรือถ้าใช้บอลลูนบินจริงในดาวเทียมเน็ตต่างๆก็ทำลายระบบควบคุมลมบอลลูนเลยตกทุกๆดวงแน่นอน555. ..แฮ็กเกอร์คือองค์กรเฉพาะกิจหน่วยงานหนึ่งที่จำเป็น,และในหลายๆประเทศแบบอเมริกา จีน รัสเชีย และหลายๆชาติทั่วโลกตั้งตรงทางลับชัดเจนในการก่อการสาระพัด,และจะไม่ใช่ตั้งในประเทศตนเองด้วยเพื่อปิดบังสายตาชาวโลกมองมาที่ตนได้เด่นชัดเกินไป จึงตั้งบนประเทศอื่น เกาะอื่นๆแต่รับรู้สั่งการตรงใจกัน,มุมมืดในแต่ละชาติต้องมีประจำตัว เพราะบางอย่างไม่สามารถจัดการที่สว่างนั้นเองติดภาพผู้ดีในสายตาชาวโลกหนักไป, ..เขมรสมควรโดนนานแล้ว,เรา..ปล่อยเรื่องนี้นานเกินไปแล้วคือปล่อยให้รัฐบาลนี้ยังอยู่ทั้งหมดได้อย่างไร มีแต่จะทำให้ชาติไทยโกลาหลวุ่นวายไม่หยุดหย่อนจริงๆ. https://youtu.be/Ckm2Mt3Abtw?si=GonUGlwAffjYLSBO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในโลกใต้ดินของแรนซัมแวร์ เหล่าแก๊งแฮกเกอร์ไม่ได้แค่รอเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ยังต้องแข่งกันเอง — ล่าสุด “DragonForce” (กลุ่มอาชญากรไซเบอร์รัสเซีย) ไม่พอใจที่ “RansomHub” แย่งพันธมิตรในเครือข่ายแรนซัมแวร์ → จึงเปิดศึกแย่งพื้นที่ (turf war) โดยเริ่มจากการโจมตี “เว็บบนดาร์กเว็บของ RansomHub” ให้ล่มไปเลย

    สิ่งที่นักวิเคราะห์กลัวคือ: → แก๊งทั้งสองอาจโจมตีเหยื่อองค์กรเดียวกัน “พร้อมกัน” เพื่อแย่งผลงานกันเอง → หรือบางกรณีเกิด “แรนซัมซ้อนแรนซัม” — เรียกค่าไถ่จากเหยื่อซ้ำหลายรอบ → เหมือนกรณี UnitedHealth Group ที่เคยจ่ายค่าไถ่ให้แก๊งหนึ่งไปแล้ว แต่ถูกอีกแก๊งใช้ช่องทางอื่นมารีดซ้ำอีกจนต้องจ่ายอีกรอบ

    นักวิเคราะห์จาก Google Threat Intelligence Group เตือนว่า → วิกฤตนี้อาจทำให้สภาพแวดล้อมภัยไซเบอร์สำหรับเหยื่อแย่ลงมาก → เพราะ “ความไร้เสถียรภาพของแก๊งแฮกเกอร์เอง” ก็เพิ่มโอกาสถูกโจมตีซ้ำหรือโดนรีดไถต่อเนื่อง → แต่บางฝั่งก็มองว่า การแตกคอกันในวงการแรนซัมแวร์อาจทำให้แก๊งเหล่านี้อ่อนแอลงจากภายในในระยะยาวก็ได้

    แก๊ง DragonForce กำลังทำสงครามไซเบอร์กับ RansomHub เพื่อแย่งพื้นที่และพันธมิตรในโลกอาชญากรรม  
    • เริ่มจากการถล่มเว็บไซต์ดาร์กเว็บของ RansomHub  
    • เหตุเพราะ RansomHub ขยายบริการและดึงดูดเครือข่ายได้มากขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “ดับเบิลรีดไถ” คือเหยื่อถูกเรียกค่าไถ่จากหลายกลุ่มพร้อมกัน  
    • เหมือนกรณีของ UnitedHealth Group ที่โดนรีด 2 รอบจาก 2 แก๊ง  
    • เสี่ยงสูญเสียข้อมูล–ชื่อเสียง–เงินทุนมากกว่าเดิม

    ระบบ Ransomware-as-a-Service ยังดำเนินต่อไปแม้แก๊งหลักจะพัง → แค่เปลี่ยนชื่อและ affiliate ไปอยู่กับกลุ่มใหม่

    Google เตือนว่า ความไร้เสถียรภาพของโลกอาชญากรรมไซเบอร์ส่งผลโดยตรงต่อระดับภัยคุกคามของเหยื่อองค์กร

    บางกลุ่มเช่น Conti เคยล่มสลายหลังรัสเซียบุกยูเครน เพราะความขัดแย้งระหว่างสมาชิกจากสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-turf-war-unfolding-as-russian-dragonforce-ransomware-gang-drama-could-lead-to-double-extortionions-making-life-even-worse-for-potential-victims
    ในโลกใต้ดินของแรนซัมแวร์ เหล่าแก๊งแฮกเกอร์ไม่ได้แค่รอเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ยังต้องแข่งกันเอง — ล่าสุด “DragonForce” (กลุ่มอาชญากรไซเบอร์รัสเซีย) ไม่พอใจที่ “RansomHub” แย่งพันธมิตรในเครือข่ายแรนซัมแวร์ → จึงเปิดศึกแย่งพื้นที่ (turf war) โดยเริ่มจากการโจมตี “เว็บบนดาร์กเว็บของ RansomHub” ให้ล่มไปเลย สิ่งที่นักวิเคราะห์กลัวคือ: → แก๊งทั้งสองอาจโจมตีเหยื่อองค์กรเดียวกัน “พร้อมกัน” เพื่อแย่งผลงานกันเอง → หรือบางกรณีเกิด “แรนซัมซ้อนแรนซัม” — เรียกค่าไถ่จากเหยื่อซ้ำหลายรอบ → เหมือนกรณี UnitedHealth Group ที่เคยจ่ายค่าไถ่ให้แก๊งหนึ่งไปแล้ว แต่ถูกอีกแก๊งใช้ช่องทางอื่นมารีดซ้ำอีกจนต้องจ่ายอีกรอบ นักวิเคราะห์จาก Google Threat Intelligence Group เตือนว่า → วิกฤตนี้อาจทำให้สภาพแวดล้อมภัยไซเบอร์สำหรับเหยื่อแย่ลงมาก → เพราะ “ความไร้เสถียรภาพของแก๊งแฮกเกอร์เอง” ก็เพิ่มโอกาสถูกโจมตีซ้ำหรือโดนรีดไถต่อเนื่อง → แต่บางฝั่งก็มองว่า การแตกคอกันในวงการแรนซัมแวร์อาจทำให้แก๊งเหล่านี้อ่อนแอลงจากภายในในระยะยาวก็ได้ ✅ แก๊ง DragonForce กำลังทำสงครามไซเบอร์กับ RansomHub เพื่อแย่งพื้นที่และพันธมิตรในโลกอาชญากรรม   • เริ่มจากการถล่มเว็บไซต์ดาร์กเว็บของ RansomHub   • เหตุเพราะ RansomHub ขยายบริการและดึงดูดเครือข่ายได้มากขึ้น ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “ดับเบิลรีดไถ” คือเหยื่อถูกเรียกค่าไถ่จากหลายกลุ่มพร้อมกัน   • เหมือนกรณีของ UnitedHealth Group ที่โดนรีด 2 รอบจาก 2 แก๊ง   • เสี่ยงสูญเสียข้อมูล–ชื่อเสียง–เงินทุนมากกว่าเดิม ✅ ระบบ Ransomware-as-a-Service ยังดำเนินต่อไปแม้แก๊งหลักจะพัง → แค่เปลี่ยนชื่อและ affiliate ไปอยู่กับกลุ่มใหม่ ✅ Google เตือนว่า ความไร้เสถียรภาพของโลกอาชญากรรมไซเบอร์ส่งผลโดยตรงต่อระดับภัยคุกคามของเหยื่อองค์กร ✅ บางกลุ่มเช่น Conti เคยล่มสลายหลังรัสเซียบุกยูเครน เพราะความขัดแย้งระหว่างสมาชิกจากสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-turf-war-unfolding-as-russian-dragonforce-ransomware-gang-drama-could-lead-to-double-extortionions-making-life-even-worse-for-potential-victims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่:

    1. **สหรัฐอเมริกา:**
    * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control)

    2. **จีน:**
    * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ

    3. **รัสเซีย:**
    * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ
    * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น

    4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:**
    * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ
    * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS)

    **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม
    2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้
    3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี
    4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
    5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง

    **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ
    2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต
    3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ
    4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):**
    * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน
    * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น
    5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา
    6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ

    **สรุป:**
    สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่: 1. **สหรัฐอเมริกา:** * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control) 2. **จีน:** * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ 3. **รัสเซีย:** * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น 4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:** * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS) **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม 2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้ 3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี 4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ 5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ 2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต 3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ 4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):** * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น 5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา 6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ **สรุป:** สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word

    Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why?

    Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart.

    They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes.

    When to use you’re

    Let’s take a look at you’re first.

    You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences:

    • You’re my best friend!
    • I think you’re the perfect match for the job.
    • Make sure you’re healthy.

    Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re.

    When to use your

    Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds).

    Take these sentences, for example:

    • Your hair looks great today!
    • I wish I had your energy.
    • Has all your running around made you tired?

    If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense.

    Why isn’t there an apostrophe for the possessive your?

    A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as:

    • That is George’s dog.
    • Susan’s cake won the baking competition.

    And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re.

    Tips

    Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe.

    Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words.

    Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences?

    • Your so talented at playing you’re piano.
    • It’s important you express your emotions.
    • Washing your clothes is necessary.

    Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do?

    Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious!

    In no time, you’ll have conquered the English language.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Your” vs. “You’re”: How To Choose The Right Word Did you know English is frequently cited as a very hard language to learn? Hmm, we wonder why? Well, its difficulty explains the mistakes we all make when speaking. But writing in English has its own unique set of challenges. One of the most common mistakes is telling you’re and your apart. They look similar, right? Even if they sound the same and look like fraternal twins, they serve two distinct and different purposes. When to use you’re Let’s take a look at you’re first. You’re is a contraction of the phrase you are. Easy enough to remember. Here’s how it looks in a few sentences: • You’re my best friend! • I think you’re the perfect match for the job. • Make sure you’re healthy. Any of these sentences would read the exact same way if you are replaced you’re. When to use your Your is a possessive adjective used to show ownership. It is not a contraction. Your is usually followed by a noun (including gerunds). Take these sentences, for example: • Your hair looks great today! • I wish I had your energy. • Has all your running around made you tired? If you added you are in the place of your in these sentences, they would not make sense. Why isn’t there an apostrophe for the possessive your? A big reason why people get these confused is the association of apostrophes with possession, such as: • That is George’s dog. • Susan’s cake won the baking competition. And that makes it easy to forget the differences between your and you’re when in the thick of writing. But don’t fret, there are ways to remember whether you need your or you’re. Tips Your first line of defense is to stop the mistake before it reaches the page. Identify which of the words has the apostrophe. Step 2: reread your writing and say “you are” instead of using the contraction. This editing tip will snuff out most misuse of the two words. Let’s test your new skills. Can you identify if your and you’re are used correctly in these sentences? • Your so talented at playing you’re piano. • It’s important you express your emotions. • Washing your clothes is necessary. Both your and you’re are incorrectly used in the first sentence; they should be switched. It should look like this instead: You’re so talented at playing your piano. In the second sentence, your is the correct word to use. The third sentence is correct. How did you do? Thankfully, once you understand the key differences, the correct use of these terms should be the least of your worries. You can move on to other more challenging and frequently mixed-up pairs, like affect vs. effect, complement vs. compliment, or even infamous vs. notorious! In no time, you’ll have conquered the English language. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • TerraMar เกาะ Epstein การค้ามนุษย์เด็ก การกินเนื้อคน และเพชร

    อย่าลืมเหตุผลที่เราเริ่มต้น
    มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กเสมอมา และยังคงเกี่ยวกับเด็ก

    อาชญากรรมต่อเด็กของเรา

    การทหารเป็นหนทางเดียว

    ไม่มีข้อตกลง

    เราทุกคนมีความรับผิดชอบในการปกป้องเด็กทั่วโลก

    #SpecialQForces
    #EXPOSEthePEDOSendoftheCABAL

    NCSWIC 🕊

    https://rumble.com/v2powy6-terramar-epstein-island-they-eat-our-children-and-after-melt-child-down-int.html

    https://www.memetrunk.com/save-the-children/post/terramar-epstien-island-child-trafficking-cannibalism-and-diamonds-BH7nuB6ANqHaDH4
    TerraMar เกาะ Epstein การค้ามนุษย์เด็ก การกินเนื้อคน และเพชร อย่าลืมเหตุผลที่เราเริ่มต้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กเสมอมา และยังคงเกี่ยวกับเด็ก อาชญากรรมต่อเด็กของเรา การทหารเป็นหนทางเดียว ไม่มีข้อตกลง เราทุกคนมีความรับผิดชอบในการปกป้องเด็กทั่วโลก #SpecialQForces #EXPOSEthePEDOSendoftheCABAL NCSWIC 💞🌹🕊🌍💫 https://rumble.com/v2powy6-terramar-epstein-island-they-eat-our-children-and-after-melt-child-down-int.html https://www.memetrunk.com/save-the-children/post/terramar-epstien-island-child-trafficking-cannibalism-and-diamonds-BH7nuB6ANqHaDH4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลเอกแดน เคน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ (US Chairman of the Joint Chiefs of Staff) กล่าวถึงการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิสฟาฮานของอิหร่านด้วยขีปนาวุธ Tomahawks แทนที่จะใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ (Bunker Buster) GBU-57 เพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้ผล เนื่องจากแร่ยูเรเนียมของอิหร่านถูกฝังอยู่ลึกมาก แม้แต่ GBU-57 ก็ทำได้เพียงสะกิดแค่ผิวของสถานที่เก็บเท่านั้น

    ซึ่งต่างจากที่โรงงานฟอร์โดว์และนาทันซ์ ที่ถูกโจมตีเต็มรูปแบบด้วยระเบิดทำลายบังเกอร์จากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2
    พลเอกแดน เคน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ (US Chairman of the Joint Chiefs of Staff) กล่าวถึงการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิสฟาฮานของอิหร่านด้วยขีปนาวุธ Tomahawks แทนที่จะใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ (Bunker Buster) GBU-57 เพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้ผล เนื่องจากแร่ยูเรเนียมของอิหร่านถูกฝังอยู่ลึกมาก แม้แต่ GBU-57 ก็ทำได้เพียงสะกิดแค่ผิวของสถานที่เก็บเท่านั้น ซึ่งต่างจากที่โรงงานฟอร์โดว์และนาทันซ์ ที่ถูกโจมตีเต็มรูปแบบด้วยระเบิดทำลายบังเกอร์จากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา

    ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม

    ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา

    แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ
    1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ
    3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM

    นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ

    งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน  
    • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี

    พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย  
    • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ

    คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า  
    • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง

    ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020  
    • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022)

    นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน  
    • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม

    Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา  
    • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ 1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ 3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ ✅ งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน   • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี ✅ พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย   • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า   • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง ✅ ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020   • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022) ✅ นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน   • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม ✅ Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา   • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    It's still 'too soon' to say how AI will affect jobs, researchers say
    Using artificial intelligence at work has not caused any discernible damage to employees' mental health or job satisfaction, according to researchers based in Germany, Italy and the US, who nonetheless warn that it is probably "way too soon to draw definitive conclusions" about its effects on jobs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังหายไปจากตลาดตั้งแต่ RTX 3050 รุ่น desktop ในปี 2022 (เพราะ RTX 40 ซีรีส์ไม่มีตัว 4050 แบบ desktop) Nvidia ก็ประกาศกลับมาทำ GPU รุ่นราคาถูกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง กับการเปิดตัว RTX 5050 ในเดือนกรกฎาคม 2025

    จุดน่าสนใจคือ แม้จะราคาแค่ $249 แต่ RTX 5050:
    - ใช้ CUDA core 2,560 หน่วย (เท่ากับ RTX 3050 เดิม)
    - มี VRAM ขนาด 8GB GDDR6 แบบ 128-bit
    - แต่ได้ core เทคโนโลยีใหม่ทั้ง DLSS 4 multi-frame gen, 9th-gen NVENC, 6th-gen NVDEC, และรองรับ PCIe Gen5

    แม้จะใช้ GDDR6 (ไม่ใช่ GDDR7 แบบรุ่นใหญ่ใน RTX 50 ซีรีส์) แต่ได้ Tensor cores ที่รองรับ AI TOPS ระดับสูง (421 TOPS) และ RT core แรงระดับ 40 TFLOPS — มากพอจะใช้ฟีเจอร์ยุคใหม่บนความละเอียด 1080p ได้อย่างลื่น ๆ

    พลังงานอยู่ที่ 130W ใช้แค่ 8-pin ปกติ และแนะนำ PSU 550W เท่านั้น — ประหยัด ไซซ์เล็ก ใส่เคสได้ง่าย

    คาดว่า Nvidia เปิดตัวรุ่นนี้มาเพื่อตอบโต้งานหนักจาก AMD ที่เปิดตัวซีรีส์ RX 9000 XT ในช่วงเดียวกัน

    RTX 5050 เปิดตัวด้วยราคา $249 พร้อมวางจำหน่ายกรกฎาคม 2025  
    • ถูกกว่า RTX 5060 อยู่ $50

    ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อมฟีเจอร์ใหม่ระดับเดียวกับรุ่นท็อป  
    • DLSS 4 Multi-frame Generation  
    • NVENC Gen9, NVDEC Gen6  
    • PCIe Gen5 รองรับการ์ด/เมนบอร์ดรุ่นใหม่

    สเปก RTX 5050  
    • CUDA: 2,560 cores (เท่ากับ RTX 3050)  
    • VRAM: 8GB GDDR6 (128-bit)  
    • Clock: 2.57GHz  
    • TGP: 130W / PSU 550W / 1x 8-pin

    ยังคงพอร์ตแสดงผลคลาสสิก  
    • 3x DisplayPort, 1x HDMI

    สามารถใช้ DLSS4 ได้ แม้จะเป็นรุ่น GDDR6 ไม่ใช่ GDDR7

    ถือเป็นรุ่นซีรีส์ "50" ตัวแรกตั้งแต่ RTX 3050 เมื่อ 3 ปีก่อน

    https://www.neowin.net/news/nvidia-announces-rtx-5050-desktop-graphics-card-for-more-affordable-next-gen-gaming/
    หลังหายไปจากตลาดตั้งแต่ RTX 3050 รุ่น desktop ในปี 2022 (เพราะ RTX 40 ซีรีส์ไม่มีตัว 4050 แบบ desktop) Nvidia ก็ประกาศกลับมาทำ GPU รุ่นราคาถูกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง กับการเปิดตัว RTX 5050 ในเดือนกรกฎาคม 2025 จุดน่าสนใจคือ แม้จะราคาแค่ $249 แต่ RTX 5050: - ใช้ CUDA core 2,560 หน่วย (เท่ากับ RTX 3050 เดิม) - มี VRAM ขนาด 8GB GDDR6 แบบ 128-bit - แต่ได้ core เทคโนโลยีใหม่ทั้ง DLSS 4 multi-frame gen, 9th-gen NVENC, 6th-gen NVDEC, และรองรับ PCIe Gen5 แม้จะใช้ GDDR6 (ไม่ใช่ GDDR7 แบบรุ่นใหญ่ใน RTX 50 ซีรีส์) แต่ได้ Tensor cores ที่รองรับ AI TOPS ระดับสูง (421 TOPS) และ RT core แรงระดับ 40 TFLOPS — มากพอจะใช้ฟีเจอร์ยุคใหม่บนความละเอียด 1080p ได้อย่างลื่น ๆ พลังงานอยู่ที่ 130W ใช้แค่ 8-pin ปกติ และแนะนำ PSU 550W เท่านั้น — ประหยัด ไซซ์เล็ก ใส่เคสได้ง่าย คาดว่า Nvidia เปิดตัวรุ่นนี้มาเพื่อตอบโต้งานหนักจาก AMD ที่เปิดตัวซีรีส์ RX 9000 XT ในช่วงเดียวกัน ✅ RTX 5050 เปิดตัวด้วยราคา $249 พร้อมวางจำหน่ายกรกฎาคม 2025   • ถูกกว่า RTX 5060 อยู่ $50 ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อมฟีเจอร์ใหม่ระดับเดียวกับรุ่นท็อป   • DLSS 4 Multi-frame Generation   • NVENC Gen9, NVDEC Gen6   • PCIe Gen5 รองรับการ์ด/เมนบอร์ดรุ่นใหม่ ✅ สเปก RTX 5050   • CUDA: 2,560 cores (เท่ากับ RTX 3050)   • VRAM: 8GB GDDR6 (128-bit)   • Clock: 2.57GHz   • TGP: 130W / PSU 550W / 1x 8-pin ✅ ยังคงพอร์ตแสดงผลคลาสสิก   • 3x DisplayPort, 1x HDMI ✅ สามารถใช้ DLSS4 ได้ แม้จะเป็นรุ่น GDDR6 ไม่ใช่ GDDR7 ✅ ถือเป็นรุ่นซีรีส์ "50" ตัวแรกตั้งแต่ RTX 3050 เมื่อ 3 ปีก่อน https://www.neowin.net/news/nvidia-announces-rtx-5050-desktop-graphics-card-for-more-affordable-next-gen-gaming/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia announces RTX 5050 desktop graphics card for more affordable next-gen gaming
    Nvidia has a new budget-friendly graphics card for those who cannot afford an expensive GPU but still want to taste those sweet next-gen frames that the RTX 50 series offers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง

    สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น:
    - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก
    - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่)
    - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

    โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ

    แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด

    เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น:
    - การผลิตมือถือและสายส่ง
    - การจัดส่งและรีไซเคิล
    - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด

    จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2

    ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ:
    - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน
    - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90%
    - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว

    https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น: - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่) - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น: - การผลิตมือถือและสายส่ง - การจัดส่งและรีไซเคิล - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2 ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ: - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90% - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ

    หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ

    ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย

    กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

    https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel to outsource marketing to Accenture and AI, cutting in-house staff
    This move is expected to result in significant layoffs within Intel's marketing division, with most affected employees expected to learn their fate by July 11.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลเอกแดน เคน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ: (US Chairman of the Joint Chiefs of Staff Gen. Dan Caine:) กล่าวรายงานถึงการโ๗มตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านสามแห่ง

    สหรัฐฯ ได้เปิดฉาก “ปฏิบัติการเที่ยงคืนแฮมเมอร์” (Operation Midnight Hammer) โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 จำนวน 7 ลำ ทิ้งระเบิดขนาด 30,000 ปอนด์จำนวน 14 ลูกลงบนฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟอร์โดว์และนาตันซ์ของอิหร่าน

    เรือดำน้ำสหรัฐฯ ยังได้ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กมากกว่า 24 ลูกไปที่โรงงานนิวเคลียร์เอสฟาฮานด้วย

    เคนกล่าวว่าภารกิจซึ่งกินเวลานาน 18 ชั่วโมงนี้เกี่ยวข้องกับเครื่องบินมากกว่า 125 ลำ และเป็นการโจมตีด้วยเครื่องบิน B-2 ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

    พลเอกแดน เคน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ: (US Chairman of the Joint Chiefs of Staff Gen. Dan Caine:) กล่าวรายงานถึงการโ๗มตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านสามแห่ง สหรัฐฯ ได้เปิดฉาก “ปฏิบัติการเที่ยงคืนแฮมเมอร์” (Operation Midnight Hammer) โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 จำนวน 7 ลำ ทิ้งระเบิดขนาด 30,000 ปอนด์จำนวน 14 ลูกลงบนฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟอร์โดว์และนาตันซ์ของอิหร่าน เรือดำน้ำสหรัฐฯ ยังได้ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กมากกว่า 24 ลูกไปที่โรงงานนิวเคลียร์เอสฟาฮานด้วย เคนกล่าวว่าภารกิจซึ่งกินเวลานาน 18 ชั่วโมงนี้เกี่ยวข้องกับเครื่องบินมากกว่า 125 ลำ และเป็นการโจมตีด้วยเครื่องบิน B-2 ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • เรื่องนี้เริ่มจากระบบชื่อ VexTrio ที่เหมือน “ตัวกลางกระจายทราฟฟิกแบบมืด” (Traffic Distribution System – TDS) ซึ่งแฮกเกอร์ใช้เพื่อพาผู้ใช้ไปยังเพจหลอก, โฆษณาปลอม, หรือ malware

    พวกเขาทำงานร่วมกับระบบโฆษณาที่ดูเหมือนถูกกฎหมายอย่าง Los Pollos, Partners House และ RichAds โดยแนบ JavaScript แฝงลงในเว็บ WordPress ผ่าน plugin ที่มีช่องโหว่ แล้วใช้ DNS TXT record เป็นช่องสื่อสารลับว่าจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปไหน

    จุดพีคคือ...บางโฆษณาและ push notification ที่คุณเห็น มาจาก แพลตฟอร์มจริง ๆ เช่น Google Firebase หรือระบบ affiliate network ที่ถูกใช้เป็นหลังบ้านของแคมเปญ! ไม่ใช่การหลอกผ่าน phishing หรือมัลแวร์จาก email โดยตรงเหมือนเมื่อก่อน

    ที่น่าห่วงคือ มันอาจดูเหมือน CAPTCHA ธรรมดา, ป๊อปอัปเตือนว่า "มีไวรัส", หรือแบนเนอร์ว่า "คุณได้รับรางวัล" แต่ถ้าคลิกเปิดการแจ้งเตือนปุ๊บ — โค้ดฝั่งแฮกเกอร์จะรอส่งมัลแวร์หรือ phishing link เข้ามาทันที 😵‍💫

    มีเครือข่ายการเปลี่ยนเส้นทางสู่มัลแวร์ระดับโลกผ่านระบบที่ดูถูกต้องตามกฎหมาย  
    • ใช้ระบบ TDS ชื่อ VexTrio, Help, Disposable  
    • พ่วงเข้ากับ adtech เช่น RichAds, Los Pollos, Partners House

    ช่องทางแพร่ระบาดมักผ่าน WordPress plugin ที่ถูกแฮก  
    • ใส่ JavaScript ซ่อนไว้ให้ redirect แบบแนบเนียน  
    • ใช้ DNS TXT records เป็นระบบควบคุมคำสั่ง

    Push Notification กลายเป็นช่องโจมตีใหม่  
    • หลอกด้วย CAPTCHA ปลอมให้ผู้ใช้กด “ยอมรับการแจ้งเตือน”  • หลังจากนั้นจะส่งมัลแวร์ได้ผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่เตือน

    โค้ดมัลแวร์ reuse script ร่วมกันหลายโดเมน  
    • มีพฤติกรรมคล้ายกัน เช่น ปิดปุ่ม back, redirect หลายชั้น, ปลอมหน้า sweepstake

    ระบบหลอกลวงอาจส่งผ่านบริการถูกกฎหมาย เช่น Google Firebase  
    • ทำให้ Antivirus บางระบบตรวจจับไม่ได้

    พบความผิดปกติจากการวิเคราะห์ DNS มากกว่า 4.5 ล้าน response  
    • ระหว่าง ส.ค.–ธ.ค. 2024 โดย Infoblox Threat Intelligence

    แม้จะเข้าเว็บจริง แต่เบราว์เซอร์อาจแสดง Push Notification หรือเบอร์หลอกโดยไม่รู้ตัว  
    • โดยเฉพาะถ้าเคย “ยอมรับแจ้งเตือน” มาก่อนจากหน้า CAPTCHA ปลอม

    DNS TXT record ถูกใช้เป็น backchannel สำหรับสั่งงาน malware  
    • ระบบความปลอดภัยที่ไม่ตรวจ DNS anomalies อาจมองไม่เห็นเลย

    แพลตฟอร์มโฆษณาที่ “ดูถูกต้อง” ก็อาจเป็นคนกลางในระบบ malware  
    • เพราะรู้จักตัวตนของ “affiliate” ที่ส่ง traffic อยู่แล้ว แต่ไม่จัดการ

    หากใช้ WordPress ต้องหมั่นอัปเดต plugin และตรวจความผิดปกติของ DNS/JS script  
    • โดยเฉพาะถ้ามี script ที่ไม่รู้จัก ฝังอยู่ในไฟล์ footer หรือ functions.php

    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-hackers-are-teaming-up-with-commercial-adtech-firms-to-distribute-malware-to-millions-of-users-heres-how-to-stay-safe
    เรื่องนี้เริ่มจากระบบชื่อ VexTrio ที่เหมือน “ตัวกลางกระจายทราฟฟิกแบบมืด” (Traffic Distribution System – TDS) ซึ่งแฮกเกอร์ใช้เพื่อพาผู้ใช้ไปยังเพจหลอก, โฆษณาปลอม, หรือ malware พวกเขาทำงานร่วมกับระบบโฆษณาที่ดูเหมือนถูกกฎหมายอย่าง Los Pollos, Partners House และ RichAds โดยแนบ JavaScript แฝงลงในเว็บ WordPress ผ่าน plugin ที่มีช่องโหว่ แล้วใช้ DNS TXT record เป็นช่องสื่อสารลับว่าจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปไหน จุดพีคคือ...บางโฆษณาและ push notification ที่คุณเห็น มาจาก แพลตฟอร์มจริง ๆ เช่น Google Firebase หรือระบบ affiliate network ที่ถูกใช้เป็นหลังบ้านของแคมเปญ! ไม่ใช่การหลอกผ่าน phishing หรือมัลแวร์จาก email โดยตรงเหมือนเมื่อก่อน ที่น่าห่วงคือ มันอาจดูเหมือน CAPTCHA ธรรมดา, ป๊อปอัปเตือนว่า "มีไวรัส", หรือแบนเนอร์ว่า "คุณได้รับรางวัล" แต่ถ้าคลิกเปิดการแจ้งเตือนปุ๊บ — โค้ดฝั่งแฮกเกอร์จะรอส่งมัลแวร์หรือ phishing link เข้ามาทันที 😵‍💫 ✅ มีเครือข่ายการเปลี่ยนเส้นทางสู่มัลแวร์ระดับโลกผ่านระบบที่ดูถูกต้องตามกฎหมาย   • ใช้ระบบ TDS ชื่อ VexTrio, Help, Disposable   • พ่วงเข้ากับ adtech เช่น RichAds, Los Pollos, Partners House ✅ ช่องทางแพร่ระบาดมักผ่าน WordPress plugin ที่ถูกแฮก   • ใส่ JavaScript ซ่อนไว้ให้ redirect แบบแนบเนียน   • ใช้ DNS TXT records เป็นระบบควบคุมคำสั่ง ✅ Push Notification กลายเป็นช่องโจมตีใหม่   • หลอกด้วย CAPTCHA ปลอมให้ผู้ใช้กด “ยอมรับการแจ้งเตือน”  • หลังจากนั้นจะส่งมัลแวร์ได้ผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่เตือน ✅ โค้ดมัลแวร์ reuse script ร่วมกันหลายโดเมน   • มีพฤติกรรมคล้ายกัน เช่น ปิดปุ่ม back, redirect หลายชั้น, ปลอมหน้า sweepstake ✅ ระบบหลอกลวงอาจส่งผ่านบริการถูกกฎหมาย เช่น Google Firebase   • ทำให้ Antivirus บางระบบตรวจจับไม่ได้ ✅ พบความผิดปกติจากการวิเคราะห์ DNS มากกว่า 4.5 ล้าน response   • ระหว่าง ส.ค.–ธ.ค. 2024 โดย Infoblox Threat Intelligence ‼️ แม้จะเข้าเว็บจริง แต่เบราว์เซอร์อาจแสดง Push Notification หรือเบอร์หลอกโดยไม่รู้ตัว   • โดยเฉพาะถ้าเคย “ยอมรับแจ้งเตือน” มาก่อนจากหน้า CAPTCHA ปลอม ‼️ DNS TXT record ถูกใช้เป็น backchannel สำหรับสั่งงาน malware   • ระบบความปลอดภัยที่ไม่ตรวจ DNS anomalies อาจมองไม่เห็นเลย ‼️ แพลตฟอร์มโฆษณาที่ “ดูถูกต้อง” ก็อาจเป็นคนกลางในระบบ malware   • เพราะรู้จักตัวตนของ “affiliate” ที่ส่ง traffic อยู่แล้ว แต่ไม่จัดการ ‼️ หากใช้ WordPress ต้องหมั่นอัปเดต plugin และตรวจความผิดปกติของ DNS/JS script   • โดยเฉพาะถ้ามี script ที่ไม่รู้จัก ฝังอยู่ในไฟล์ footer หรือ functions.php https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-hackers-are-teaming-up-with-commercial-adtech-firms-to-distribute-malware-to-millions-of-users-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่าหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ — เช่น TL-WR940N, TL-WR841N, และ TL-WR740N — ถูกพบว่ามีช่องโหว่ Command Injection ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ รันคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เฟซเว็บ!

    แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ฝังโค้ดอันตราย เช่น botnet หรือมัลแวร์เพื่อควบคุมเราเตอร์ของเหยื่อ และนำไปรวมในเครือข่ายโจมตีได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีหมายเลข CVE-2023-33538 และมีคะแนนความรุนแรง 8.8/10 (ถือว่าสูงมาก)

    ยิ่งน่ากังวลคือเราเตอร์รุ่นที่โดน—แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010–2018—แต่ยัง “ขายดี” อยู่ใน Amazon และมีรีวิวหลักหมื่น เพราะราคาถูกและใช้งานง่าย ทำให้หลายบ้านยังมีใช้งานโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีประตูหลังเปิดอยู่

    CISA สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ภายใน 7 ก.ค. 2025 และแนะนำประชาชนทั่วไป “ให้หยุดใช้ทันที” โดยไม่มีข้อแม้ เพราะไม่มีแพตช์ ไม่มีซ่อม และไม่มีวิธีปิดช่องโหว่นี้ได้เลย

    พบช่องโหว่ Command Injection รุนแรงในเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่า  
    • รหัสช่องโหว่: CVE-2023-33538 (คะแนน CVSS: 8.8)  
    • เปิดให้รันคำสั่งระดับ system ผ่าน input ที่ไม่ได้ตรวจสอบในอินเทอร์เฟซเว็บ

    รุ่นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:  
    • TL-WR940N V2/V4  
    • TL-WR841N V8/V10  
    • TL-WR740N V1/V2

    เราเตอร์เหล่านี้หมดอายุการซัพพอร์ต (EoL) ไปนานแล้ว (2010–2018)  
    • TP-Link ไม่ออกแพตช์ให้ และไม่มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์อีกต่อไป

    CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในฐานข้อมูล Known Exploited Vulnerabilities (KEV)  
    • หมายถึง “ถูกใช้โจมตีจริงแล้วในโลกจริง”  
    • หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเลิกใช้ก่อน 7 ก.ค. 2025

    ยังสามารถซื้อเราเตอร์เหล่านี้ได้ใน Amazon และได้รับรีวิวจำนวนมาก  
    • บางรุ่นมีรีวิวหลักหมื่น และยังมีคนติดตั้งใช้งานเป็นจำนวนมาก

    รูปแบบการโจมตีง่าย และโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่ออนไลน์แล้ว  
    • โดยเฉพาะอันตรายมากหากเปิด remote access หรือพอร์ต WAN

    ไม่มีทางปิดช่องโหว่นี้ได้นอกจาก “หยุดใช้อุปกรณ์”  
    • เพราะหมดอายุซัพพอร์ต ไม่มีแพตช์ ไม่มี workaround

    แม้จะไม่เปิดใช้ remote access แต่ถ้ามีมัลแวร์ภายในเครือข่าย ก็สามารถเจาะจาก LAN ได้  
    • ผู้ใช้งานตามบ้านมักเข้าใจผิดว่าปลอดภัยถ้าไม่เปิดพอร์ต

    เราเตอร์ราคาถูกที่ไม่มีอัปเดตความปลอดภัยควรถูกจัดว่า “เสี่ยงสูง”  
    • ใช้ไปนาน ๆ แม้ไม่มีปัญหาการทำงาน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์

    อย่าหลงเชื่อรีวิวในร้านค้าออนไลน์ว่า “ใช้ดี” หากไม่มีประวัติอัปเดตความปลอดภัย  
    • รีวิวจำนวนมากไม่สะท้อนความปลอดภัยของเฟิร์มแวร์

    https://www.techradar.com/pro/security/these-popular-tp-link-routers-could-be-facing-some-serious-security-threats-find-out-if-youre-affected
    มีรายงานว่าเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่าหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ — เช่น TL-WR940N, TL-WR841N, และ TL-WR740N — ถูกพบว่ามีช่องโหว่ Command Injection ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ รันคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เฟซเว็บ! แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ฝังโค้ดอันตราย เช่น botnet หรือมัลแวร์เพื่อควบคุมเราเตอร์ของเหยื่อ และนำไปรวมในเครือข่ายโจมตีได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีหมายเลข CVE-2023-33538 และมีคะแนนความรุนแรง 8.8/10 (ถือว่าสูงมาก) ยิ่งน่ากังวลคือเราเตอร์รุ่นที่โดน—แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010–2018—แต่ยัง “ขายดี” อยู่ใน Amazon และมีรีวิวหลักหมื่น เพราะราคาถูกและใช้งานง่าย ทำให้หลายบ้านยังมีใช้งานโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีประตูหลังเปิดอยู่ CISA สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ภายใน 7 ก.ค. 2025 และแนะนำประชาชนทั่วไป “ให้หยุดใช้ทันที” โดยไม่มีข้อแม้ เพราะไม่มีแพตช์ ไม่มีซ่อม และไม่มีวิธีปิดช่องโหว่นี้ได้เลย ✅ พบช่องโหว่ Command Injection รุนแรงในเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่า   • รหัสช่องโหว่: CVE-2023-33538 (คะแนน CVSS: 8.8)   • เปิดให้รันคำสั่งระดับ system ผ่าน input ที่ไม่ได้ตรวจสอบในอินเทอร์เฟซเว็บ ✅ รุ่นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:   • TL-WR940N V2/V4   • TL-WR841N V8/V10   • TL-WR740N V1/V2 ✅ เราเตอร์เหล่านี้หมดอายุการซัพพอร์ต (EoL) ไปนานแล้ว (2010–2018)   • TP-Link ไม่ออกแพตช์ให้ และไม่มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์อีกต่อไป ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในฐานข้อมูล Known Exploited Vulnerabilities (KEV)   • หมายถึง “ถูกใช้โจมตีจริงแล้วในโลกจริง”   • หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเลิกใช้ก่อน 7 ก.ค. 2025 ✅ ยังสามารถซื้อเราเตอร์เหล่านี้ได้ใน Amazon และได้รับรีวิวจำนวนมาก   • บางรุ่นมีรีวิวหลักหมื่น และยังมีคนติดตั้งใช้งานเป็นจำนวนมาก ✅ รูปแบบการโจมตีง่าย และโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่ออนไลน์แล้ว   • โดยเฉพาะอันตรายมากหากเปิด remote access หรือพอร์ต WAN ‼️ ไม่มีทางปิดช่องโหว่นี้ได้นอกจาก “หยุดใช้อุปกรณ์”   • เพราะหมดอายุซัพพอร์ต ไม่มีแพตช์ ไม่มี workaround ‼️ แม้จะไม่เปิดใช้ remote access แต่ถ้ามีมัลแวร์ภายในเครือข่าย ก็สามารถเจาะจาก LAN ได้   • ผู้ใช้งานตามบ้านมักเข้าใจผิดว่าปลอดภัยถ้าไม่เปิดพอร์ต ‼️ เราเตอร์ราคาถูกที่ไม่มีอัปเดตความปลอดภัยควรถูกจัดว่า “เสี่ยงสูง”   • ใช้ไปนาน ๆ แม้ไม่มีปัญหาการทำงาน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ ‼️ อย่าหลงเชื่อรีวิวในร้านค้าออนไลน์ว่า “ใช้ดี” หากไม่มีประวัติอัปเดตความปลอดภัย   • รีวิวจำนวนมากไม่สะท้อนความปลอดภัยของเฟิร์มแวร์ https://www.techradar.com/pro/security/these-popular-tp-link-routers-could-be-facing-some-serious-security-threats-find-out-if-youre-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจคิดว่า Cybersecurity คือแค่คนป้องกันไวรัส แต่จริง ๆ แล้วงานนี้แตกแขนงเป็นหลายสาย และแต่ละตำแหน่งก็มีค่าตอบแทนต่างกันมาก

    จากรายงาน Cybersecurity Staff Compensation Benchmark 2025 ระบุว่า “ชื่อตำแหน่ง” ไม่ได้บอกเสมอว่าใครทำอะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะในความจริง 61% ของคนทำงานสายนี้ต้องทำหลายบทบาทควบกัน แต่ถ้าจะดูว่า “ใครได้เงินเดือนสูงที่สุด” ก็ยังพอแยกได้เป็นลำดับแบบนี้:

    1️⃣ Security Architect — ค่าตัวอันดับ 1 ฐานเงินเดือนเฉลี่ย $179,000 รวมโบนัส $206,000  
    • ต้องรู้ลึกทั้งเครือข่าย ระบบ การออกแบบนโยบายการป้องกัน  
    • 34% ได้หุ้นประจำปีอีกด้วย

    2️⃣ Security Engineer — รองแชมป์ รับเฉลี่ย $168,000 รวมโบนัสเป็น $191,000  
    • เน้นลงมือจริงกับระบบ เช่น firewall, IDS/IPS, pentest, EDR  
    • หลายคนมาจากสาย network หรือ sysadmin มาก่อน

    3️⃣ Risk/GRC Specialist — มือวางด้านการจัดการความเสี่ยงและ compliance  
    • เงินเดือน $146,000 รวมโบนัส $173,000  
    • เน้น policy, audit, risk register, ISO, NIST, GDPR ฯลฯ

    4️⃣ Security Analyst (เช่น SOC analyst) — มือ frontline จับภัยคุกคาม  
    • รับเฉลี่ย $124,000 รวมโบนัส $133,000  
    • คอยตรวจจับเหตุการณ์ ปรับ signature ดู log และ SIEM

    ทุกตำแหน่งต่างมีเส้นทางเฉพาะ เช่น Security Analyst → Engineer → Architect หรือ Risk Analyst → GRC Lead → CISO ก็ได้ ขึ้นกับสายที่ชอบและทักษะที่ฝึกต่อ

    รายได้สูงสุด: Security Architect ครองแชมป์แบบครบเครื่อง  
    • เงินเดือน $179K / รายได้รวม $206K / หุ้น 34%  
    • งานหลากหลาย: ออกแบบ, IAM, AppSec, Product Security

    Security Engineer มาเป็นอันดับสอง  
    • เงินเดือน $168K / รายได้รวม $191K / หุ้น 31%  
    • ต้องมีพื้นฐาน Network/IT แน่น ชำนาญอุปกรณ์/ระบบ

    สาย GRC ก็มาแรง  
    • เงินเดือน $146K / รายได้รวม $173K / หุ้น 26%  
    • ทักษะพิเศษ: Risk, Compliance, NIST, AI-policy

    Security Analyst รายได้เริ่มต้นดี และเป็นฐานสร้างอาชีพอื่น  
    • เงินเดือน $124K / รายได้รวม $133K / หุ้น 20%  
    • เหมาะสำหรับเริ่มต้นในสาย Cybersecurity

    แต่ละสายมีใบรับรองที่ช่วย boost เงินเดือน  
    • Architect: CISSP, CCSP  
    • Engineer: Security+, CCNP Sec, CEH  
    • GRC: CRISC, CGRC  
    • Analyst: CySA+, SOC certs

    สายงานมีความซ้อนทับสูง — หลายคนทำหลายบทบาทพร้อมกัน  
    • เช่น คนใน SecOps อาจทำ GRC, IAM, Product Security ด้วย

    คำเตือนและข้อควรระวัง:
    ชื่อตำแหน่งอาจไม่สะท้อนงานที่ทำจริงในแต่ละองค์กร  
    • ควรดูรายละเอียดงานจริง ไม่ใช่ดูแค่ title เวลาสมัครหรือเปรียบเทียบรายได้

    เงินเดือนสูงมาพร้อมกับ skill ที่ลึกและการสื่อสารกับทีมหลากหลายฝ่าย  
    • สาย Architect และ GRC ต้องสื่อสารกับผู้บริหารและทีมเทคนิคได้ดี

    บางสายมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะระดับต้น เช่น Analyst และ Engineer  
    • ต้องมีจุดแข็ง เช่น cert, ผลงาน side project, หรือ soft skill

    สายงานด้านความเสี่ยงและ compliance ต้องตามกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา  
    • เช่น กฎหมาย AI, ความเป็นส่วนตัว, cloud compliance

    https://www.csoonline.com/article/4006364/the-highest-paying-jobs-in-cybersecurity-today.html
    หลายคนอาจคิดว่า Cybersecurity คือแค่คนป้องกันไวรัส แต่จริง ๆ แล้วงานนี้แตกแขนงเป็นหลายสาย และแต่ละตำแหน่งก็มีค่าตอบแทนต่างกันมาก จากรายงาน Cybersecurity Staff Compensation Benchmark 2025 ระบุว่า “ชื่อตำแหน่ง” ไม่ได้บอกเสมอว่าใครทำอะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะในความจริง 61% ของคนทำงานสายนี้ต้องทำหลายบทบาทควบกัน แต่ถ้าจะดูว่า “ใครได้เงินเดือนสูงที่สุด” ก็ยังพอแยกได้เป็นลำดับแบบนี้: 1️⃣ Security Architect — ค่าตัวอันดับ 1 ฐานเงินเดือนเฉลี่ย $179,000 รวมโบนัส $206,000   • ต้องรู้ลึกทั้งเครือข่าย ระบบ การออกแบบนโยบายการป้องกัน   • 34% ได้หุ้นประจำปีอีกด้วย 2️⃣ Security Engineer — รองแชมป์ รับเฉลี่ย $168,000 รวมโบนัสเป็น $191,000   • เน้นลงมือจริงกับระบบ เช่น firewall, IDS/IPS, pentest, EDR   • หลายคนมาจากสาย network หรือ sysadmin มาก่อน 3️⃣ Risk/GRC Specialist — มือวางด้านการจัดการความเสี่ยงและ compliance   • เงินเดือน $146,000 รวมโบนัส $173,000   • เน้น policy, audit, risk register, ISO, NIST, GDPR ฯลฯ 4️⃣ Security Analyst (เช่น SOC analyst) — มือ frontline จับภัยคุกคาม   • รับเฉลี่ย $124,000 รวมโบนัส $133,000   • คอยตรวจจับเหตุการณ์ ปรับ signature ดู log และ SIEM ทุกตำแหน่งต่างมีเส้นทางเฉพาะ เช่น Security Analyst → Engineer → Architect หรือ Risk Analyst → GRC Lead → CISO ก็ได้ ขึ้นกับสายที่ชอบและทักษะที่ฝึกต่อ ✅ รายได้สูงสุด: Security Architect ครองแชมป์แบบครบเครื่อง   • เงินเดือน $179K / รายได้รวม $206K / หุ้น 34%   • งานหลากหลาย: ออกแบบ, IAM, AppSec, Product Security ✅ Security Engineer มาเป็นอันดับสอง   • เงินเดือน $168K / รายได้รวม $191K / หุ้น 31%   • ต้องมีพื้นฐาน Network/IT แน่น ชำนาญอุปกรณ์/ระบบ ✅ สาย GRC ก็มาแรง   • เงินเดือน $146K / รายได้รวม $173K / หุ้น 26%   • ทักษะพิเศษ: Risk, Compliance, NIST, AI-policy ✅ Security Analyst รายได้เริ่มต้นดี และเป็นฐานสร้างอาชีพอื่น   • เงินเดือน $124K / รายได้รวม $133K / หุ้น 20%   • เหมาะสำหรับเริ่มต้นในสาย Cybersecurity ✅ แต่ละสายมีใบรับรองที่ช่วย boost เงินเดือน   • Architect: CISSP, CCSP   • Engineer: Security+, CCNP Sec, CEH   • GRC: CRISC, CGRC   • Analyst: CySA+, SOC certs ✅ สายงานมีความซ้อนทับสูง — หลายคนทำหลายบทบาทพร้อมกัน   • เช่น คนใน SecOps อาจทำ GRC, IAM, Product Security ด้วย ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง: ‼️ ชื่อตำแหน่งอาจไม่สะท้อนงานที่ทำจริงในแต่ละองค์กร   • ควรดูรายละเอียดงานจริง ไม่ใช่ดูแค่ title เวลาสมัครหรือเปรียบเทียบรายได้ ‼️ เงินเดือนสูงมาพร้อมกับ skill ที่ลึกและการสื่อสารกับทีมหลากหลายฝ่าย   • สาย Architect และ GRC ต้องสื่อสารกับผู้บริหารและทีมเทคนิคได้ดี ‼️ บางสายมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะระดับต้น เช่น Analyst และ Engineer   • ต้องมีจุดแข็ง เช่น cert, ผลงาน side project, หรือ soft skill ‼️ สายงานด้านความเสี่ยงและ compliance ต้องตามกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา   • เช่น กฎหมาย AI, ความเป็นส่วนตัว, cloud compliance https://www.csoonline.com/article/4006364/the-highest-paying-jobs-in-cybersecurity-today.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The highest-paying jobs in cybersecurity today
    According to a recent survey by IANS and Artico Search, risk/GRC specialists, along with security architects, analysts, and engineers, report the highest average annual cash compensation in cybersecurity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล

    ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

    "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง"

    ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง

    นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน

    #Newskit
    นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง" ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,
    ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ
    ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร)
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา 9 เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Reiki,Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงFar Infrared,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก(Journaling),Art Therapy,Pasitive Affirmations,การทำสมาธิ,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(Colloidal Silver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล(Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน (Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน (Glutathione),สังกะสี(Zinc),ซิลิเนียม(Selenium),เมลาโทนิน(Melatonin), CoQ10,ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,พริกคาเยน (Chayenne Peper),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่ายDulse,อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✍️กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🥸1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด, ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น 🥸2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🥸3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร) 🥸4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🥸5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา 9 เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Reiki,Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงFar Infrared,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก(Journaling),Art Therapy,Pasitive Affirmations,การทำสมาธิ,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(Colloidal Silver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล(Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน (Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน (Glutathione),สังกะสี(Zinc),ซิลิเนียม(Selenium),เมลาโทนิน(Melatonin), CoQ10,ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,พริกคาเยน (Chayenne Peper),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่ายDulse,อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเติบโตของการใช้งานเว็บบนมือถือแตะระดับสูงสุดที่ 64%
    การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด คิดเป็น 64% ของทราฟฟิกเว็บทั้งหมด ซึ่งเป็น การเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่แปด

    ปัจจัยที่ทำให้การใช้งานเว็บบนมือถือเพิ่มขึ้น
    การเติบโตของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเอเชีย
    - ในเอเชีย การใช้งานเว็บผ่านมือถือคิดเป็น 71.3% ของทราฟฟิกทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 7%
    - ยุโรปและอเมริกามีสัดส่วนการใช้งานมือถืออยู่ที่ประมาณ 50%

    Android ครองตลาดการใช้งานเว็บบนมือถือ
    - Android มีส่วนแบ่งตลาด 72.72% ในการเข้าถึงเว็บผ่านมือถือ
    - iOS มีส่วนแบ่ง 26.92% โดยได้รับความนิยมมากกว่าในสหรัฐฯ
    - Android ครองตลาดในประเทศที่มีประชากรสูง เช่น อินเดียและจีน

    การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น
    - สมาร์ทโฟนระดับกลางและราคาประหยัดรองรับ 4G/5G และโหมดประหยัดข้อมูล
    - Cloudflare รายงานว่า Android มีส่วนแบ่งมากกว่า 90% ของทราฟฟิกมือถือในกว่า 25 ประเทศ

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต
    การพึ่งพาอุปกรณ์มือถืออาจทำให้การพัฒนาเว็บต้องปรับตัว
    - เว็บไซต์ต้องออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากขึ้น

    การแข่งขันระหว่าง Android และ iOS ยังคงดำเนินต่อไป
    - Apple อาจต้องพัฒนา iOS ให้สามารถแข่งขันกับ Android ในตลาดโลกได้ดีขึ้น

    ต้องติดตามว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างไร
    - การเพิ่มขึ้นของทราฟฟิกมือถืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    อนาคตของการใช้งานเว็บบนมือถือ
    การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา แนวโน้มการใช้งานมือถืออาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับมือถือมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108305-global-mobile-web-traffic-hits-record-high-64.html
    📱 การเติบโตของการใช้งานเว็บบนมือถือแตะระดับสูงสุดที่ 64% การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด คิดเป็น 64% ของทราฟฟิกเว็บทั้งหมด ซึ่งเป็น การเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่แปด 🔍 ปัจจัยที่ทำให้การใช้งานเว็บบนมือถือเพิ่มขึ้น ✅ การเติบโตของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเอเชีย - ในเอเชีย การใช้งานเว็บผ่านมือถือคิดเป็น 71.3% ของทราฟฟิกทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 7% - ยุโรปและอเมริกามีสัดส่วนการใช้งานมือถืออยู่ที่ประมาณ 50% ✅ Android ครองตลาดการใช้งานเว็บบนมือถือ - Android มีส่วนแบ่งตลาด 72.72% ในการเข้าถึงเว็บผ่านมือถือ - iOS มีส่วนแบ่ง 26.92% โดยได้รับความนิยมมากกว่าในสหรัฐฯ - Android ครองตลาดในประเทศที่มีประชากรสูง เช่น อินเดียและจีน ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น - สมาร์ทโฟนระดับกลางและราคาประหยัดรองรับ 4G/5G และโหมดประหยัดข้อมูล - Cloudflare รายงานว่า Android มีส่วนแบ่งมากกว่า 90% ของทราฟฟิกมือถือในกว่า 25 ประเทศ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต ‼️ การพึ่งพาอุปกรณ์มือถืออาจทำให้การพัฒนาเว็บต้องปรับตัว - เว็บไซต์ต้องออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากขึ้น ‼️ การแข่งขันระหว่าง Android และ iOS ยังคงดำเนินต่อไป - Apple อาจต้องพัฒนา iOS ให้สามารถแข่งขันกับ Android ในตลาดโลกได้ดีขึ้น ‼️ ต้องติดตามว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างไร - การเพิ่มขึ้นของทราฟฟิกมือถืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต 🚀 อนาคตของการใช้งานเว็บบนมือถือ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา ✅ แนวโน้มการใช้งานมือถืออาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับมือถือมากขึ้น https://www.techspot.com/news/108305-global-mobile-web-traffic-hits-record-high-64.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Mobile web traffic hits record 64%, with Android leading the way
    Since 2015, the amount of web traffic to come from smartphones has more than doubled from 31.16% to 64%. There have been quarters during the decade when...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียสกัดกั้นเหยื่อค้ามนุษย์อะดรีโนโครมจากเครื่องบินของอิสราเอลสู่ฮอลลีวูด

    หน่วยรบพิเศษของรัสเซียได้ปลดปล่อยเด็กที่ถูกค้ามนุษย์จำนวนมากจากเครื่องบินส่วนตัวที่จดทะเบียนในอิสราเอล ขณะที่สงครามของประธานาธิบดีปูตินกับอุตสาหกรรมอะดรีโนโครมทั่วโลกกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
    -
    การเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อไม่นานนี้ส่งคลื่นความตกตะลึงไปยังเครือข่ายการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ เนื่องจากทรัมป์เตรียมที่จะยุติสงครามในยูเครนภายในเดือนมกราคม ผู้ค้าเด็กและพ่อค้าอะดรีโนโครมจึงต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อเคลื่อนย้ายเหยื่อให้ได้มากที่สุดก่อนที่การดำเนินการของพวกเขาจะถูกปิดลง
    -
    ปูตินเข้าใจดีว่าความสิ้นหวังของพ่อค้าอะดรีโนโครมจะนำไปสู่ความประมาทและความผิดพลาด และเขากำลังใช้ช่วงเวลานี้โจมตีที่ใจกลางอุตสาหกรรม

    ขอขอบคุณฮีโร่ที่รักสำหรับงานและบริการอันกล้าหาญของคุณ พวกเราผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกกำลังสวดภาวนาให้คุณ! กลับบ้านอย่างปลอดภัย!

    ————————————————
    #EarthAlliance
    ⚔สงครามที่มองไม่เห็น⚔
    @DUMBSandUNDERGROUND
    การทำลายล้างเป็นหนทางเดียวเท่านั้น
    @deNAZIficationMilitaryQperationZ
    ————————————————

    https://rumble.com/v5runsh-russia-intercepts-israeli-jet-trafficking-adrenochrome-victims-to-hollywood.html
    รัสเซียสกัดกั้นเหยื่อค้ามนุษย์อะดรีโนโครมจากเครื่องบินของอิสราเอลสู่ฮอลลีวูด หน่วยรบพิเศษของรัสเซียได้ปลดปล่อยเด็กที่ถูกค้ามนุษย์จำนวนมากจากเครื่องบินส่วนตัวที่จดทะเบียนในอิสราเอล ขณะที่สงครามของประธานาธิบดีปูตินกับอุตสาหกรรมอะดรีโนโครมทั่วโลกกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น - การเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อไม่นานนี้ส่งคลื่นความตกตะลึงไปยังเครือข่ายการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ เนื่องจากทรัมป์เตรียมที่จะยุติสงครามในยูเครนภายในเดือนมกราคม ผู้ค้าเด็กและพ่อค้าอะดรีโนโครมจึงต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อเคลื่อนย้ายเหยื่อให้ได้มากที่สุดก่อนที่การดำเนินการของพวกเขาจะถูกปิดลง - ปูตินเข้าใจดีว่าความสิ้นหวังของพ่อค้าอะดรีโนโครมจะนำไปสู่ความประมาทและความผิดพลาด และเขากำลังใช้ช่วงเวลานี้โจมตีที่ใจกลางอุตสาหกรรม 💫ขอขอบคุณฮีโร่ที่รักสำหรับงานและบริการอันกล้าหาญของคุณ พวกเราผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกกำลังสวดภาวนาให้คุณ! กลับบ้านอย่างปลอดภัย! ———————————————— #EarthAlliance ⚔สงครามที่มองไม่เห็น⚔ @DUMBSandUNDERGROUND การทำลายล้างเป็นหนทางเดียวเท่านั้น @deNAZIficationMilitaryQperationZ ———————————————— https://rumble.com/v5runsh-russia-intercepts-israeli-jet-trafficking-adrenochrome-victims-to-hollywood.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts