• 9 мая - 9 May - 9 พฤษภาคม
    วันแห่งชัยชนะของประชาชนโซเวียตในมหาสงครามแห่งความรักชาติ

    วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันแห่งชัยชนะในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 (ค.ศ.1941) ถึง พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมระยะเวลา 1,418 วัน

    👉พิธีการยอมจำนนในเบอร์ลิน:
    วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ในเขตชานเมืองของกรุงเบอร์ลิน เวลา 22:43 น. ตามเวลายุโรปกลาง (เนื่องจากเป็นเวลา 00:43 น. ตามเวลามอสโก จึงทำให้เป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ) มีการลงนามในตราสารการยอมรับความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมนีอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการยุติมหาสงครามแห่งความรักชาติ และ สงครามโลกครั้งที่ 2

    ฝ่ายเยอรมัน เอกสารลงนามโดย: จอมพล Wilhelm Keitel ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือเยอรมัน, พันเอก Hans Stumpf ผู้แทนของ Luftwaffe (กองทัพอากาศ), และ พลเรือเอก Hans von Friedeburg ตัวแทนของ Kriegsmarine (กองทัพเรือ)
    ในส่วนของพันธมิตรนั้น จอมพล Georgy Zhukov (จากโซเวียต) และ จอมพล Arthur Tedder (จากสหราชอาณาจักร) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองกำลังพันธมิตร
    ส่วน นายพล Carl Spaats (สหรัฐอเมริกา) และนายพล Jean de Latre de Tassigny (ฝรั่งเศส) ลงนามในฐานะพยาน

    ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามใน "พิธีการยอมจำนน" ที่กรุงเบอร์ลิน มีการลงนามกันในแรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 2.41 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 สถานที่ในการลงนามเป็นกองบัญชาการกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรสูงสุด (SHAEF) และจะมีผลเมื่อเวลา 23.01 น. ตามเวลายุโรปกลาง ของวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945

    แต่ทางโซเวียตไม่เห็นด้วย เนื่องจากพิธีการลงนามในแรมส์ถูกจัดขึ้นโดยฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก โดยไม่ได้ตกลงกับทางกองบัญชาการหลักของโซเวียต ไม่นานหลังจากมีการลงนามยอมจำนนแล้ว ฝ่ายโซเวียตได้ประกาศว่าผู้แทนโซเวียตในแรมส์ พลเอกซูสโลปารอฟ ไม่มีอำนาจที่จะลงนามในตราสารนี้

    ยิ่งไปกว่านี้ บางส่วนของกองทัพเยอรมันปฏิเสธที่จะยอมวางอาวุธและยังคงทำการสู้รบต่อไปในเชโกสโลวาเกีย โดยได้มีการประกาศในสถานีวิทยุเยอรมันว่าเยอรมนีตกลงสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก มิใช่กับฝ่ายโซเวียต

    โซเวียตยืนกรานว่าการลงนามยอมจำนนในแรมส์ ควรเรียกว่าเป็น "พิธีสารชั้นต้นของการยอมจำนน" ดังนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตกลงให้มีพิธีการยอมจำนนอีกครั้งหนึ่งในเบอร์ลิน

    9 мая - 9 May - 9 พฤษภาคม วันแห่งชัยชนะของประชาชนโซเวียตในมหาสงครามแห่งความรักชาติ วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันแห่งชัยชนะในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 (ค.ศ.1941) ถึง พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมระยะเวลา 1,418 วัน 👉พิธีการยอมจำนนในเบอร์ลิน: วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ในเขตชานเมืองของกรุงเบอร์ลิน เวลา 22:43 น. ตามเวลายุโรปกลาง (เนื่องจากเป็นเวลา 00:43 น. ตามเวลามอสโก จึงทำให้เป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ) มีการลงนามในตราสารการยอมรับความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมนีอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการยุติมหาสงครามแห่งความรักชาติ และ สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายเยอรมัน เอกสารลงนามโดย: จอมพล Wilhelm Keitel ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือเยอรมัน, พันเอก Hans Stumpf ผู้แทนของ Luftwaffe (กองทัพอากาศ), และ พลเรือเอก Hans von Friedeburg ตัวแทนของ Kriegsmarine (กองทัพเรือ) ในส่วนของพันธมิตรนั้น จอมพล Georgy Zhukov (จากโซเวียต) และ จอมพล Arthur Tedder (จากสหราชอาณาจักร) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองกำลังพันธมิตร ส่วน นายพล Carl Spaats (สหรัฐอเมริกา) และนายพล Jean de Latre de Tassigny (ฝรั่งเศส) ลงนามในฐานะพยาน ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามใน "พิธีการยอมจำนน" ที่กรุงเบอร์ลิน มีการลงนามกันในแรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 2.41 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 สถานที่ในการลงนามเป็นกองบัญชาการกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรสูงสุด (SHAEF) และจะมีผลเมื่อเวลา 23.01 น. ตามเวลายุโรปกลาง ของวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 แต่ทางโซเวียตไม่เห็นด้วย เนื่องจากพิธีการลงนามในแรมส์ถูกจัดขึ้นโดยฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก โดยไม่ได้ตกลงกับทางกองบัญชาการหลักของโซเวียต ไม่นานหลังจากมีการลงนามยอมจำนนแล้ว ฝ่ายโซเวียตได้ประกาศว่าผู้แทนโซเวียตในแรมส์ พลเอกซูสโลปารอฟ ไม่มีอำนาจที่จะลงนามในตราสารนี้ ยิ่งไปกว่านี้ บางส่วนของกองทัพเยอรมันปฏิเสธที่จะยอมวางอาวุธและยังคงทำการสู้รบต่อไปในเชโกสโลวาเกีย โดยได้มีการประกาศในสถานีวิทยุเยอรมันว่าเยอรมนีตกลงสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก มิใช่กับฝ่ายโซเวียต โซเวียตยืนกรานว่าการลงนามยอมจำนนในแรมส์ ควรเรียกว่าเป็น "พิธีสารชั้นต้นของการยอมจำนน" ดังนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตกลงให้มีพิธีการยอมจำนนอีกครั้งหนึ่งในเบอร์ลิน
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ ปลดพนักงานประมาณ 200 คน ในหน่วยธุรกิจระดับโลก ซึ่งรับผิดชอบด้าน การขายและการเป็นพันธมิตร โดยเป็นส่วนหนึ่งของ การปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สามารถ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การปลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังลดการลงทุนในบางส่วน และ มุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูลและการพัฒนา AI นอกจากนี้ Google ยังเคย ปลดพนักงานหลายร้อยคนในหน่วยแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึง Android, Pixel และ Chrome

    ✅ Google ปลดพนักงานประมาณ 200 คนในหน่วยธุรกิจระดับโลก
    - หน่วยนี้รับผิดชอบด้าน การขายและการเป็นพันธมิตร
    - เป็นส่วนหนึ่งของ การปรับโครงสร้างองค์กร

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังลดการลงทุนในบางส่วนและมุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูลและ AI
    - Google ลดการลงทุนในบางแผนกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    ✅ Google เคยปลดพนักงานหลายร้อยคนในหน่วยแพลตฟอร์มและอุปกรณ์
    - รวมถึง Android, Pixel และ Chrome

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็มีการปลดพนักงานเช่นกัน
    - Meta ปลดพนักงาน 5% ของกลุ่มที่มีผลงานต่ำสุด
    - Microsoft ปลดพนักงาน 650 คนในหน่วย Xbox
    - Amazon ปลดพนักงานในหลายหน่วยงาน รวมถึงฝ่ายสื่อสาร
    - Apple ลดตำแหน่งงานประมาณ 100 ตำแหน่งในกลุ่มบริการดิจิทัล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/google-cuts-about-200-staff-in-global-business-unit-the-information-reports
    Google ได้ ปลดพนักงานประมาณ 200 คน ในหน่วยธุรกิจระดับโลก ซึ่งรับผิดชอบด้าน การขายและการเป็นพันธมิตร โดยเป็นส่วนหนึ่งของ การปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สามารถ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การปลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังลดการลงทุนในบางส่วน และ มุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูลและการพัฒนา AI นอกจากนี้ Google ยังเคย ปลดพนักงานหลายร้อยคนในหน่วยแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึง Android, Pixel และ Chrome ✅ Google ปลดพนักงานประมาณ 200 คนในหน่วยธุรกิจระดับโลก - หน่วยนี้รับผิดชอบด้าน การขายและการเป็นพันธมิตร - เป็นส่วนหนึ่งของ การปรับโครงสร้างองค์กร ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังลดการลงทุนในบางส่วนและมุ่งเน้นไปที่ศูนย์ข้อมูลและ AI - Google ลดการลงทุนในบางแผนกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ✅ Google เคยปลดพนักงานหลายร้อยคนในหน่วยแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ - รวมถึง Android, Pixel และ Chrome ✅ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็มีการปลดพนักงานเช่นกัน - Meta ปลดพนักงาน 5% ของกลุ่มที่มีผลงานต่ำสุด - Microsoft ปลดพนักงาน 650 คนในหน่วย Xbox - Amazon ปลดพนักงานในหลายหน่วยงาน รวมถึงฝ่ายสื่อสาร - Apple ลดตำแหน่งงานประมาณ 100 ตำแหน่งในกลุ่มบริการดิจิทัล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/google-cuts-about-200-staff-in-global-business-unit-the-information-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google cuts about 200 staff in global business unit, The Information reports
    (Reuters) -Google on Tuesday cut about 200 jobs across its global business unit, which is responsible for sales and partnerships, The Information reported on Wednesday, citing a person with knowledge of the situation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ประกาศปลดพนักงาน 5% หรือประมาณ 500 ตำแหน่ง เพื่อ ปรับโครงสร้างองค์กรและลดต้นทุน พร้อมยืนยันว่า เป้าหมายทางการเงินสำหรับไตรมาสแรกและปีงบประมาณ 2026 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

    การปลดพนักงานครั้งนี้จะทำให้บริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่าย ระหว่าง 36 ล้านถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 7 ล้านดอลลาร์จะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025

    ✅ CrowdStrike ประกาศปลดพนักงาน 5% หรือประมาณ 500 ตำแหน่ง
    - เป็นส่วนหนึ่งของ แผนปรับโครงสร้างองค์กรและลดต้นทุน
    - ยืนยันว่า เป้าหมายทางการเงินสำหรับปีงบประมาณ 2026 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

    ✅ บริษัทจะรับภาระค่าใช้จ่ายระหว่าง 36 ล้านถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - 7 ล้านดอลลาร์จะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสแรก

    ✅ CrowdStrike ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรระดับโลก

    ✅ ตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ยังคงเติบโต แม้มีการปรับโครงสร้างองค์กร
    - คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีมูลค่าถึง 500 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/crowdstrike-to-lay-off-5-of-staff-reaffirms-forecasts
    CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ประกาศปลดพนักงาน 5% หรือประมาณ 500 ตำแหน่ง เพื่อ ปรับโครงสร้างองค์กรและลดต้นทุน พร้อมยืนยันว่า เป้าหมายทางการเงินสำหรับไตรมาสแรกและปีงบประมาณ 2026 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การปลดพนักงานครั้งนี้จะทำให้บริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่าย ระหว่าง 36 ล้านถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 7 ล้านดอลลาร์จะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ✅ CrowdStrike ประกาศปลดพนักงาน 5% หรือประมาณ 500 ตำแหน่ง - เป็นส่วนหนึ่งของ แผนปรับโครงสร้างองค์กรและลดต้นทุน - ยืนยันว่า เป้าหมายทางการเงินสำหรับปีงบประมาณ 2026 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ✅ บริษัทจะรับภาระค่าใช้จ่ายระหว่าง 36 ล้านถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - 7 ล้านดอลลาร์จะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสแรก ✅ CrowdStrike ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรระดับโลก ✅ ตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ยังคงเติบโต แม้มีการปรับโครงสร้างองค์กร - คาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีมูลค่าถึง 500 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/07/crowdstrike-to-lay-off-5-of-staff-reaffirms-forecasts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    CrowdStrike to lay off 5% of staff, reaffirms forecasts
    (Reuters) -CrowdStrike reiterated its fiscal 2026 first quarter and annual forecasts on Wednesday and announced a plan to cut about 500 roles, roughly 5% of its workforce, to streamline operations and reduce costs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชนวนปะทุเดือดชายแดนไทย-สปป.ลาว ความสุ่มเสี่ยงความมั่นคงลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่จะลุกลามรอบไทย

    เสียงปืนลั่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และนับเป็นปัญหาเฉพาะในแผ่นดินลาวที่ไม่ได้มีชายแดนติดกับเมียนมาร์ การปะทะเริ่มเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณค่ายภูผาหม่น เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกรมทหารพรานที่ 31 และกองกำลังผาเมือง ตรึงกำลังเฝ้าระวัง

    ทั้งแถบชายแดนทยอดปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 68 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะฝั่งตรงข้ามมีการใช้อาวุธปืนขนาด 7.62 ใช้สำหรับปืนอาก้า และอาวุธหนักกระทั่งมีเจ้าหน้าทีทหารของสปป.ลาวเสียชีวิต

    ความสุ่มเสี่ยงของสถานการณ์นี้คือจุดเริ่มที่ต้องสืบสาวหาต้นตอต้นเหตุ เพราะพื้นที่สถานการณ์ติดกับชายแดนไทยอย่างมาก

    The Analyzt ขอนำเสนอข้อมูลประกอบความเป็นไปได้ในการวิเคราะห์สถานการณ์นี้ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ที่จะไม่เป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ ความมั่นคงในอนาคต

    1. การวิเคราะห์สถานการณ์
    บริบททางประวัติศาสตร์และสาเหตุที่อาจเป็นไปได้:

    สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2502-2518): ในอดีต ลาวตอนเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักระหว่างฝ่ายปะเทดลาว (คอมมิวนิสต์) และรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยมีมหาอำนาจในสงครามเย็น (สหรัฐฯ และสหภาพโซเวีย ศูนย์กลางของการสู้รบอยู่ในพื้นที่เช่น แขวงเชียงขวาง ซึ่งกองพันปะเทดลาวเคยตั้งมั่น. สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างคอมมิวนิสต์และฝ่ายโลกเสรี รวมถึงการแทรกแซงจากต่างชาติ เช่น เวียดนามเหนือและสหรัฐฯ

    ความขัดแย้งชาติพันธุ์: ลาวตอนเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวม้ง ลาวสูง และอื่นๆ ซึ่งบางครั้งเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางเนื่องจากความต้องการปกครองตนเองหรือความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม.
    ยาเสพติดและการค้ามนุษย์: พื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ (รอยต่อระหว่างลาว เมียนมา และไทย) เป็นแหล่งผลิตและลักลอบขนส่งยาเสพติด เช่น ไอซ์และยาบ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะระหว่างกลุ่มค้ายาและกองกำลังรัฐบาล

    ข้อพิพาทชายแดน: ความไม่ชัดเจนของเขตแดนในลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างลาวและไทยอาจก่อให้เกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะกลางน้ำ ซึ่งเคยเกิดข้อพิพาทในอดีต.

    อิทธิพลจากเพื่อนบ้าน: สถานการณ์ในเมียนมา เช่น การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ (เช่น KIA, MNDAA) อาจส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมายังลาวตอนเหนือ

    กลุ่มกองกำลังที่อาจเกี่ยวข้อง:

    กองทัพประชาชนลาว (LPAF): เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการของลาว มีบทบาทในการรักษาความมั่นคงภายในและปกป้องพรมแดน อาจเกี่ยวข้องหากมีการปะทะกับกลุ่มค้ายาหรือกลุ่มกบฏ.

    กลุ่มชาติพันธุ์: เช่น ชาวม้งหรือกลุ่มลาวสูง ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้เพื่อปกครองตนเอง อาจยังคงมีความเคลื่อนไหวในระดับเล็กน้อย.

    กลุ่มค้ายาเสพติด: กลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ใช้ลาวตอนเหนือเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด มักปะทะกับกองกำลังรัฐบาลหรือทหารไทยบริเวณชายแดน.

    กลุ่มกบฏหรือกลุ่มต่อต้านรัฐบาล: แม้ว่าปะเทดลาวจะสิ้นสุดบทบาทในฐานะกองกำลังติดอาวุธหลังสงครามกลางเมือง แต่กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่พอใจรัฐบาลอาจยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ห่างไกล.

    แนวโน้มในอนาคต:
    การปะทะจากยาเสพติด: พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนจะยังคงเป็นจุดร้อนของการค้ายา ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะเป็นระยะๆ ระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มค้ายา.

    ผลกระทบจากเมียนมา: หากสถานการณ์ในเมียนมา (เช่น ปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มพันธมิตร 3 พี่น้อง) ทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนเข้าสู่ลาว สร้างความตึงเครียดในพื้นที่.

    ความร่วมมือในภูมิภาค: ลาวอาจเพิ่มความร่วมมือกับจีนและไทยในการควบคุมยาเสพติดและความมั่นคงชายแดน ซึ่งอาจลดการปะทะในระยะยาว.

    ข้อพิพาทแม่น้ำโขง: ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนในแม่น้ำโขงอาจทวีความรุนแรงหากมีการอ้างสิทธิ์ในเกาะกลางน้ำหรือทรัพยากรในแม่น้ำ.

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ความเชื่อมโยงด้านพลังงานระหว่างลาวและไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาหนี้สินของลาวและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเขื่อนอาจเป็นความเสี่ยงในระยะยาว

    รายงานระบุว่าลาวมีหนี้สูงและต้องชำระหนี้ต่อจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้า Opportunities for Development Cooperation in Lao Strategic Sectors | CSIS. นอกจากนี้ การอพยพแรงงานจากลาวอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานในไทย แต่ก็อาจสร้างความตึงเครียดทางสังคม

    ความเชื่อมโยงทางพลังงาน: ลาวถูกเรียกว่า "แบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เนื่องจากส่งออกไฟฟ้าจากเขื่อนไฮโดรพาวเวอร์ไปยังไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย Energy in Laos - Wikipedia.

    การค้าข้ามพรมแดน: ลาวและไทยมีความเชื่อมโยงผ่านการค้าข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค หากลาวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การลดลงของการลงทุนหรือการชะลอตัวของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาจส่งผลให้การค้าข้ามพรมแดนลดลง ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ชายแดนของไทย เช่น จังหวัดเชียงรายและหนองคาย Laos - The World Factbook

    การปรับตัวของระบบการค้าในภูมิภาคอาจเกิดการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการลงทุนไทยอาจลดการพึ่งพาเส้นทางผ่านลาวไปยังจีน โดยหันไปใช้เส้นทางอื่นมากขึ้นอาจมีการพัฒนาเส้นทางการค้าทางทะเลเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง

    แรงงานข้ามชาติ: ปัญหาเศรษฐกิจในลาวอาจทำให้มีแรงงานชาวลาวเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานให้กับนายจ้างไทย แต่ในทางกลับกันอาจสร้างความตึงเครียดทางสังคมและแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของไทย BTI 2024 Laos Country Report: BTI 2024.
    ท่าทีของไทยและการประเมินสถานการณ์

    ท่าทีของไทย
    ไทยมีแนวโน้มร่วมมือกับลาวในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ:

    การปราบปรามยาเสพติด: ไทยและลาวมีความร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ เช่น การจัดตั้งจุดตรวจชายแดนร่วมและการลาดตระเวนร่วม Fighting drug trafficking in the Golden Triangle: a UN Resident Coordinator blog | UN News. นอกจากนี้ ไทยยังทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC เพื่อลดการลักลอบขนยา Thai authorities and UNODC meet about precursor chemical trafficking in the Golden Triangle - UNODC.

    ความร่วมมือด้านพลังงาน: ไทยยังคงเป็นตลาดหลักในการซื้อไฟฟ้าจากลาว และอาจผลักดันการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกันเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม Alternative Development Pathways for Thailand’s Sustainable Electricity Trade with Laos • Stimson Center

    การเตรียมพร้อมรับมือ: ไทยควรเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันชายแดน เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่สงบในลาว Guide to Investigating Organized Crime in the Golden Triangle — Introduction.

    มิติความมั่นคง: ดูเหมือนว่าปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นความท้าทายหลัก โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีการผลิตและลักลอบขนส่งเพิ่มขึ้น รายงานระบุว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนเส้นทางผ่านลาวและกลับเข้ามาในไทย Asia's infamous Golden Triangle and the soldiers tracking down the drug smugglers who rule its narcotics trade - ABC News.

    นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในเมียนมาทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนมายังไทยเพิ่มขึ้น.

    การค้ายาเสพติด: ดูเหมือนว่าการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีตลาดเพิ่มขึ้นในภูมิภาค Q&A: The opium surge in Southeast Asia’s ‘Golden Triangle’ | Drugs News | Al Jazeera.

    ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ: ไทยและลาวจะยังคงมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน แต่ไทยควรพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากโครงการเขื่อนในลาวด้วย Locked In – Why Thailand Buys Electricity from Laos | Earth Journalism Network.

    ความมั่นคงชายแดน: ไทยควรเสริมสร้างความร่วมมือกับลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่น เมียนมาและจีน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางความมั่นคงข้ามพรมแดน Lao delegation explores renewable energy in Thailand | Partnerships for Infrastructure.

    ข้อสรุป
    สถานการณ์ในลาวตอนเหนือกำลังส่งผลกระทบและจะยังคงส่งผลต่อไทยในหลายมิติ หากประเมินแล้วสถานการณ์ในลาวตอนเหนือมีผลกระทบต่อไทยทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการค้ายาเสพติดและความเชื่อมโยงด้านพลังงาน ไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันภัยคุกคามข้ามพรมแดนและพิจารณาผลกระทบจากโครงการพัฒนาในลาวอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ


    การอ้างอิง:
    Laotian Civil War - Wikipedia
    Insurgency in Laos - Wikipedia
    Unprecedented Protests Are Putting Laos in Uncharted Waters | Council on Foreign Relations
    Assessment for Hmong in Laos | Refworld
    Laos | History, Flag, Map, Capital, Population, & Facts | Britannica
    From jungles to suburbs, warlord led Hmong struggle | Reuters
    Apocalypse Laos: The devastating legacy of the ‘Secret War’ | CEPR
    Laos country profile - BBC News
    Violence Flares in Laos | Council on Foreign Relations
    Laos: Latest News and Updates | South China Morning Post
    Collateral Damage: The Legacy of the Secret War in Laos | The Economic Journal | Oxford Academic
    Laos | AP News






    ชนวนปะทุเดือดชายแดนไทย-สปป.ลาว ความสุ่มเสี่ยงความมั่นคงลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่จะลุกลามรอบไทย เสียงปืนลั่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และนับเป็นปัญหาเฉพาะในแผ่นดินลาวที่ไม่ได้มีชายแดนติดกับเมียนมาร์ การปะทะเริ่มเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณค่ายภูผาหม่น เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกรมทหารพรานที่ 31 และกองกำลังผาเมือง ตรึงกำลังเฝ้าระวัง ทั้งแถบชายแดนทยอดปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 68 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะฝั่งตรงข้ามมีการใช้อาวุธปืนขนาด 7.62 ใช้สำหรับปืนอาก้า และอาวุธหนักกระทั่งมีเจ้าหน้าทีทหารของสปป.ลาวเสียชีวิต ความสุ่มเสี่ยงของสถานการณ์นี้คือจุดเริ่มที่ต้องสืบสาวหาต้นตอต้นเหตุ เพราะพื้นที่สถานการณ์ติดกับชายแดนไทยอย่างมาก The Analyzt ขอนำเสนอข้อมูลประกอบความเป็นไปได้ในการวิเคราะห์สถานการณ์นี้ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ที่จะไม่เป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ ความมั่นคงในอนาคต 1. การวิเคราะห์สถานการณ์ บริบททางประวัติศาสตร์และสาเหตุที่อาจเป็นไปได้: สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2502-2518): ในอดีต ลาวตอนเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักระหว่างฝ่ายปะเทดลาว (คอมมิวนิสต์) และรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยมีมหาอำนาจในสงครามเย็น (สหรัฐฯ และสหภาพโซเวีย ศูนย์กลางของการสู้รบอยู่ในพื้นที่เช่น แขวงเชียงขวาง ซึ่งกองพันปะเทดลาวเคยตั้งมั่น. สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างคอมมิวนิสต์และฝ่ายโลกเสรี รวมถึงการแทรกแซงจากต่างชาติ เช่น เวียดนามเหนือและสหรัฐฯ ความขัดแย้งชาติพันธุ์: ลาวตอนเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวม้ง ลาวสูง และอื่นๆ ซึ่งบางครั้งเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางเนื่องจากความต้องการปกครองตนเองหรือความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม. ยาเสพติดและการค้ามนุษย์: พื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ (รอยต่อระหว่างลาว เมียนมา และไทย) เป็นแหล่งผลิตและลักลอบขนส่งยาเสพติด เช่น ไอซ์และยาบ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะระหว่างกลุ่มค้ายาและกองกำลังรัฐบาล ข้อพิพาทชายแดน: ความไม่ชัดเจนของเขตแดนในลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างลาวและไทยอาจก่อให้เกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะกลางน้ำ ซึ่งเคยเกิดข้อพิพาทในอดีต. อิทธิพลจากเพื่อนบ้าน: สถานการณ์ในเมียนมา เช่น การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ (เช่น KIA, MNDAA) อาจส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมายังลาวตอนเหนือ กลุ่มกองกำลังที่อาจเกี่ยวข้อง: กองทัพประชาชนลาว (LPAF): เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการของลาว มีบทบาทในการรักษาความมั่นคงภายในและปกป้องพรมแดน อาจเกี่ยวข้องหากมีการปะทะกับกลุ่มค้ายาหรือกลุ่มกบฏ. กลุ่มชาติพันธุ์: เช่น ชาวม้งหรือกลุ่มลาวสูง ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้เพื่อปกครองตนเอง อาจยังคงมีความเคลื่อนไหวในระดับเล็กน้อย. กลุ่มค้ายาเสพติด: กลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ใช้ลาวตอนเหนือเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด มักปะทะกับกองกำลังรัฐบาลหรือทหารไทยบริเวณชายแดน. กลุ่มกบฏหรือกลุ่มต่อต้านรัฐบาล: แม้ว่าปะเทดลาวจะสิ้นสุดบทบาทในฐานะกองกำลังติดอาวุธหลังสงครามกลางเมือง แต่กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่พอใจรัฐบาลอาจยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ห่างไกล. แนวโน้มในอนาคต: การปะทะจากยาเสพติด: พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนจะยังคงเป็นจุดร้อนของการค้ายา ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะเป็นระยะๆ ระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มค้ายา. ผลกระทบจากเมียนมา: หากสถานการณ์ในเมียนมา (เช่น ปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มพันธมิตร 3 พี่น้อง) ทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนเข้าสู่ลาว สร้างความตึงเครียดในพื้นที่. ความร่วมมือในภูมิภาค: ลาวอาจเพิ่มความร่วมมือกับจีนและไทยในการควบคุมยาเสพติดและความมั่นคงชายแดน ซึ่งอาจลดการปะทะในระยะยาว. ข้อพิพาทแม่น้ำโขง: ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนในแม่น้ำโขงอาจทวีความรุนแรงหากมีการอ้างสิทธิ์ในเกาะกลางน้ำหรือทรัพยากรในแม่น้ำ. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงด้านพลังงานระหว่างลาวและไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาหนี้สินของลาวและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเขื่อนอาจเป็นความเสี่ยงในระยะยาว รายงานระบุว่าลาวมีหนี้สูงและต้องชำระหนี้ต่อจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้า Opportunities for Development Cooperation in Lao Strategic Sectors | CSIS. นอกจากนี้ การอพยพแรงงานจากลาวอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานในไทย แต่ก็อาจสร้างความตึงเครียดทางสังคม ความเชื่อมโยงทางพลังงาน: ลาวถูกเรียกว่า "แบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เนื่องจากส่งออกไฟฟ้าจากเขื่อนไฮโดรพาวเวอร์ไปยังไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย Energy in Laos - Wikipedia. การค้าข้ามพรมแดน: ลาวและไทยมีความเชื่อมโยงผ่านการค้าข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค หากลาวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การลดลงของการลงทุนหรือการชะลอตัวของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาจส่งผลให้การค้าข้ามพรมแดนลดลง ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ชายแดนของไทย เช่น จังหวัดเชียงรายและหนองคาย Laos - The World Factbook การปรับตัวของระบบการค้าในภูมิภาคอาจเกิดการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการลงทุนไทยอาจลดการพึ่งพาเส้นทางผ่านลาวไปยังจีน โดยหันไปใช้เส้นทางอื่นมากขึ้นอาจมีการพัฒนาเส้นทางการค้าทางทะเลเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง แรงงานข้ามชาติ: ปัญหาเศรษฐกิจในลาวอาจทำให้มีแรงงานชาวลาวเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานให้กับนายจ้างไทย แต่ในทางกลับกันอาจสร้างความตึงเครียดทางสังคมและแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของไทย BTI 2024 Laos Country Report: BTI 2024. ท่าทีของไทยและการประเมินสถานการณ์ ท่าทีของไทย ไทยมีแนวโน้มร่วมมือกับลาวในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ: การปราบปรามยาเสพติด: ไทยและลาวมีความร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ เช่น การจัดตั้งจุดตรวจชายแดนร่วมและการลาดตระเวนร่วม Fighting drug trafficking in the Golden Triangle: a UN Resident Coordinator blog | UN News. นอกจากนี้ ไทยยังทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC เพื่อลดการลักลอบขนยา Thai authorities and UNODC meet about precursor chemical trafficking in the Golden Triangle - UNODC. ความร่วมมือด้านพลังงาน: ไทยยังคงเป็นตลาดหลักในการซื้อไฟฟ้าจากลาว และอาจผลักดันการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกันเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม Alternative Development Pathways for Thailand’s Sustainable Electricity Trade with Laos • Stimson Center การเตรียมพร้อมรับมือ: ไทยควรเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันชายแดน เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่สงบในลาว Guide to Investigating Organized Crime in the Golden Triangle — Introduction. มิติความมั่นคง: ดูเหมือนว่าปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นความท้าทายหลัก โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีการผลิตและลักลอบขนส่งเพิ่มขึ้น รายงานระบุว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนเส้นทางผ่านลาวและกลับเข้ามาในไทย Asia's infamous Golden Triangle and the soldiers tracking down the drug smugglers who rule its narcotics trade - ABC News. นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในเมียนมาทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนมายังไทยเพิ่มขึ้น. การค้ายาเสพติด: ดูเหมือนว่าการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีตลาดเพิ่มขึ้นในภูมิภาค Q&A: The opium surge in Southeast Asia’s ‘Golden Triangle’ | Drugs News | Al Jazeera. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ: ไทยและลาวจะยังคงมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน แต่ไทยควรพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากโครงการเขื่อนในลาวด้วย Locked In – Why Thailand Buys Electricity from Laos | Earth Journalism Network. ความมั่นคงชายแดน: ไทยควรเสริมสร้างความร่วมมือกับลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่น เมียนมาและจีน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางความมั่นคงข้ามพรมแดน Lao delegation explores renewable energy in Thailand | Partnerships for Infrastructure. ข้อสรุป สถานการณ์ในลาวตอนเหนือกำลังส่งผลกระทบและจะยังคงส่งผลต่อไทยในหลายมิติ หากประเมินแล้วสถานการณ์ในลาวตอนเหนือมีผลกระทบต่อไทยทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการค้ายาเสพติดและความเชื่อมโยงด้านพลังงาน ไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันภัยคุกคามข้ามพรมแดนและพิจารณาผลกระทบจากโครงการพัฒนาในลาวอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ การอ้างอิง: Laotian Civil War - Wikipedia Insurgency in Laos - Wikipedia Unprecedented Protests Are Putting Laos in Uncharted Waters | Council on Foreign Relations Assessment for Hmong in Laos | Refworld Laos | History, Flag, Map, Capital, Population, & Facts | Britannica From jungles to suburbs, warlord led Hmong struggle | Reuters Apocalypse Laos: The devastating legacy of the ‘Secret War’ | CEPR Laos country profile - BBC News Violence Flares in Laos | Council on Foreign Relations Laos: Latest News and Updates | South China Morning Post Collateral Damage: The Legacy of the Secret War in Laos | The Economic Journal | Oxford Academic Laos | AP News
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia และ Anthropic กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ กฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังจีน โดย Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีนผ่านวิธีการที่แปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    Nvidia ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า บริษัทอเมริกันควรเน้นไปที่นวัตกรรมแทนที่จะเผยแพร่เรื่องราวที่เกินจริง อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลักลอบนำเข้าชิป AI เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

    ข้อพิพาทนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules ของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยกฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ เช่น จีน ได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก

    Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป ขณะที่ Anthropic ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น และลดการแข่งขันจากจีน

    ✅ ข้อกล่าวหาการลักลอบนำเข้าชิป AI
    - Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีน
    - ใช้วิธีการแปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    ✅ การตอบโต้ของ Nvidia
    - ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าควรเน้นไปที่นวัตกรรม
    - อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง

    ✅ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules
    - มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พฤษภาคม
    - มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป
    - Anthropic ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/despite-nvidia-claims-chinese-smugglers-have-used-live-lobsters-and-fake-baby-bumps-to-traffic-chips
    Nvidia และ Anthropic กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ กฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังจีน โดย Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีนผ่านวิธีการที่แปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์ Nvidia ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า บริษัทอเมริกันควรเน้นไปที่นวัตกรรมแทนที่จะเผยแพร่เรื่องราวที่เกินจริง อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลักลอบนำเข้าชิป AI เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ข้อพิพาทนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules ของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยกฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ เช่น จีน ได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป ขณะที่ Anthropic ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น และลดการแข่งขันจากจีน ✅ ข้อกล่าวหาการลักลอบนำเข้าชิป AI - Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีน - ใช้วิธีการแปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์ ✅ การตอบโต้ของ Nvidia - ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าควรเน้นไปที่นวัตกรรม - อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ✅ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules - มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พฤษภาคม - มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป - Anthropic ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/despite-nvidia-claims-chinese-smugglers-have-used-live-lobsters-and-fake-baby-bumps-to-traffic-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Despite Nvidia claims, Chinese smugglers have used live lobsters and fake baby bumps to traffic chips
    Anthropic has been accused of telling "tall tales" about Chinese chip smugglers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 เมษายน 2568- รายงานข่าวFM91 Trafficpro ระบุว่า ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกันจากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก California University ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่สำนักงาน กกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง California University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
    30 เมษายน 2568- รายงานข่าวFM91 Trafficpro ระบุว่า ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกันจากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก California University ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่สำนักงาน กกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง California University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะในบริบทของการใช้งานในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเตือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลและทหารหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์เหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ เอกสาร และตำแหน่งที่ตั้ง อาจถูกเก็บรวบรวมและนำไปใช้โดยรัฐจีน

    มีการเปรียบเทียบการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนว่าเหมือนกับการเสียบ USB ที่ไม่รู้จักเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ที่อาจถูกใช้ในการดักฟัง

    ✅ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์จีน
    - หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน
    - มีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกเก็บรวบรวม

    ✅ การเปรียบเทียบความเสี่ยง
    - การเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนเปรียบเสมือนการเสียบ USB ที่ไม่รู้จัก
    - อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม

    ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์
    - ไมโครโฟนอาจถูกใช้ในการดักฟังโดยรัฐจีน

    ✅ การตอบสนองของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
    - ผู้ผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/uk-defense-firm-warns-staff-against-charging-phones-in-chinese-cars
    บทความนี้กล่าวถึงความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะในบริบทของการใช้งานในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเตือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลและทหารหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์เหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ เอกสาร และตำแหน่งที่ตั้ง อาจถูกเก็บรวบรวมและนำไปใช้โดยรัฐจีน มีการเปรียบเทียบการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนว่าเหมือนกับการเสียบ USB ที่ไม่รู้จักเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ที่อาจถูกใช้ในการดักฟัง ✅ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์จีน - หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน - มีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกเก็บรวบรวม ✅ การเปรียบเทียบความเสี่ยง - การเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนเปรียบเสมือนการเสียบ USB ที่ไม่รู้จัก - อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ - ไมโครโฟนอาจถูกใช้ในการดักฟังโดยรัฐจีน ✅ การตอบสนองของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ - ผู้ผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/uk-defense-firm-warns-staff-against-charging-phones-in-chinese-cars
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว

    การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน
    - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว

    ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท
    - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน

    ✅ การจัดการเหตุการณ์
    - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา
    - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ✅ การจัดการเหตุการณ์ - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    WWW.THESTAR.COM.MY
    M&S tells warehouse agency staff to stay home as cyber incident continues
    LONDON (Reuters) - British retailer Marks & Spencer told agency staff at its central England distribution centre to stay at home on Monday, after it stopped taking online orders following a cyber incident last week.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Daffodils Fairy
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Daffodils Fairy #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Daffodils Fairy
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Daffodils Fairy #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Daffodils blooming on the wall
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Daffodils blooming on the wall #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก

    ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024
    - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง
    - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)

    ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก
    - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
    - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน

    ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI
    - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI
    - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%)

    ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต
    - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

    ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ
    - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น

    https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024 - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%) ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์

    ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ
    - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม
    - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม

    ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group
    - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้
    - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด

    ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น
    - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง"
    - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013

    ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง
    - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง
    - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย

    https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ใช้ โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้ง (burner phones) และแล็ปท็อปพื้นฐาน เพื่อป้องกันการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ ✅ EU ให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งและแล็ปท็อปพื้นฐานเมื่อเดินทางไปสหรัฐฯ - มาตรการนี้เคยใช้กับ การเดินทางไปยังรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสอดแนม - เจ้าหน้าที่ได้รับคำแนะนำให้ ปิดโทรศัพท์ที่ชายแดนและเก็บไว้ในปลอกป้องกันการสอดแนม ✅ มาตรการนี้มีผลกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม IMF และ World Bank Group - เจ้าหน้าที่ EU ที่เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์หน้า จะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้มาตรการใหม่นี้ - คำแนะนำด้านความปลอดภัยของ EU ได้รับการอัปเดต แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด ✅ ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น - Luuk van Middelaar จาก Brussels Institute for Geopolitics ระบุว่า "วอชิงตันไม่ใช่ปักกิ่งหรือมอสโก แต่ก็เป็นคู่แข่งที่ใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง" - มีรายงานว่า สหรัฐฯ เคยสอดแนมโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี Angela Merkel ในปี 2013 ✅ สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้เดินทาง - ตามรายงานของ India Today เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตรวจสอบและยึดอุปกรณ์มือถือของผู้เดินทาง - มีกรณีที่ผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้าประเทศหลังจากเจ้าหน้าที่พบโพสต์วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์บนโซเชียลมีเดีย https://www.techspot.com/news/107576-eu-provides-burner-phones-us-bound-staff-amid.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    EU provides burner phones to officials traveling to US amid espionage concerns
    An EU official told the Financial Times, The transatlantic alliance is over.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์

    ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO

    รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส

    รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ

    ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน
    "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่"

    ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น


    ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ


    รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์ ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่" ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า

    ✅ Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy
    - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024
    - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า
    - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น

    ✅ ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon
    - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์
    - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy

    ✅ การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ
    - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์
    - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos
    - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล
    - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้

    ℹ️ ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon
    - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน
    - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด

    https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า ✅ Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024 - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น ✅ ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์ - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy ✅ การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์ - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ ℹ️ ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon paid out more to Jeff Bezos than its actual CEO in 2024
    Former CEO Jeff Bezos is still costing Amazon millions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • Oracle ได้ยืนยันว่ามีการละเมิดข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย แต่ยืนยันว่าแพลตฟอร์มหลักอย่าง Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเหตุการณ์นี้ยังคงสร้างความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

    ✅ การละเมิดข้อมูล:
    - Oracle ยืนยันว่าการละเมิดข้อมูลเกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัยสองเครื่อง ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับ OCI หรือระบบคลาวด์ของลูกค้า
    - ไม่มีข้อมูลลูกค้าถูกเข้าถึงหรือขโมย และไม่มีบริการ OCI ถูกขัดจังหวะ

    ✅ การตอบสนองของ Oracle:
    - Oracle ได้ส่งอีเมลถึงลูกค้าเพื่อชี้แจงว่าไม่มีการละเมิดในแพลตฟอร์ม OCI
    - ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบเจาะจง

    ✅ การสืบสวน:
    - FBI และ CrowdStrike กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบ Oracle Classic ที่เลิกใช้งานตั้งแต่ปี 2017

    ✅ ความสงสัยในคำชี้แจง:
    - ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำชี้แจงของ Oracle โดยชี้ว่าข้อมูลบางส่วนที่ถูกขโมยดูเหมือนจะเป็นข้อมูลล่าสุด

    https://www.csoonline.com/article/3959636/oracle-admits-breach-of-obsolete-servers-denies-main-cloud-platform-affected.html
    Oracle ได้ยืนยันว่ามีการละเมิดข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย แต่ยืนยันว่าแพลตฟอร์มหลักอย่าง Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเหตุการณ์นี้ยังคงสร้างความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ✅ การละเมิดข้อมูล: - Oracle ยืนยันว่าการละเมิดข้อมูลเกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัยสองเครื่อง ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับ OCI หรือระบบคลาวด์ของลูกค้า - ไม่มีข้อมูลลูกค้าถูกเข้าถึงหรือขโมย และไม่มีบริการ OCI ถูกขัดจังหวะ ✅ การตอบสนองของ Oracle: - Oracle ได้ส่งอีเมลถึงลูกค้าเพื่อชี้แจงว่าไม่มีการละเมิดในแพลตฟอร์ม OCI - ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบเจาะจง ✅ การสืบสวน: - FBI และ CrowdStrike กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบ Oracle Classic ที่เลิกใช้งานตั้งแต่ปี 2017 ✅ ความสงสัยในคำชี้แจง: - ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำชี้แจงของ Oracle โดยชี้ว่าข้อมูลบางส่วนที่ถูกขโมยดูเหมือนจะเป็นข้อมูลล่าสุด https://www.csoonline.com/article/3959636/oracle-admits-breach-of-obsolete-servers-denies-main-cloud-platform-affected.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Oracle admits breach of ‘obsolete servers,’ denies main cloud platform affected
    “No OCI customer environment has been penetrated,” the company insisted, but the hacker says otherwise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tobias Lutke CEO ของ Shopify ได้เปิดเผยแนวทางใหม่ในการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยเน้นให้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยงานแทนการเพิ่มจำนวนพนักงาน

    🌐 แนวทางการใช้ AI ใน Shopify:
    - 📈 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: Lutke ระบุว่า AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ถึง 10 เท่า และเมื่อรวมกับความสามารถของพนักงาน จะสร้างผลลัพธ์ที่มากถึง 100 เท่า
    - 💡 การเรียนรู้และปรับตัว: Shopify ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้และทดลองใช้ AI ในการทำงาน โดยการใช้ AI กลายเป็น “ความคาดหวังพื้นฐาน” ในการประเมินผลการทำงาน

    ⚠️ ผลกระทบต่อการจ้างงาน:
    - 🛑 ลดจำนวนพนักงาน: Shopify มีแผนที่จะ คงจำนวนพนักงานไว้เท่าเดิม หลังจากลดพนักงานไปแล้วกว่า 20% ในปี 2023 และ 10% ในปี 2022
    - 🔄 การใช้ AI แทนการจ้างงานใหม่: Lutke ระบุว่าทีมงานต้องแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถทำงานได้ด้วย AI ก่อนที่จะขอเพิ่มทรัพยากรหรือจำนวนพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/dont-ask-for-more-staff-if-ai-can-already-do-the-job-shopify-ceo-says
    Tobias Lutke CEO ของ Shopify ได้เปิดเผยแนวทางใหม่ในการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยเน้นให้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยงานแทนการเพิ่มจำนวนพนักงาน 🌐 แนวทางการใช้ AI ใน Shopify: - 📈 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: Lutke ระบุว่า AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ถึง 10 เท่า และเมื่อรวมกับความสามารถของพนักงาน จะสร้างผลลัพธ์ที่มากถึง 100 เท่า - 💡 การเรียนรู้และปรับตัว: Shopify ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้และทดลองใช้ AI ในการทำงาน โดยการใช้ AI กลายเป็น “ความคาดหวังพื้นฐาน” ในการประเมินผลการทำงาน ⚠️ ผลกระทบต่อการจ้างงาน: - 🛑 ลดจำนวนพนักงาน: Shopify มีแผนที่จะ คงจำนวนพนักงานไว้เท่าเดิม หลังจากลดพนักงานไปแล้วกว่า 20% ในปี 2023 และ 10% ในปี 2022 - 🔄 การใช้ AI แทนการจ้างงานใหม่: Lutke ระบุว่าทีมงานต้องแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถทำงานได้ด้วย AI ก่อนที่จะขอเพิ่มทรัพยากรหรือจำนวนพนักงาน https://www.techradar.com/pro/dont-ask-for-more-staff-if-ai-can-already-do-the-job-shopify-ceo-says
    WWW.TECHRADAR.COM
    Don't ask for more staff if AI can already do the job, Shopify CEO says
    Shopify wants to amplify its workers with AI - but at what cost?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Security Team ได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ในโปรเซสเซอร์ AMD ตั้งแต่รุ่น Zen 1 ถึง Zen 5 โดยช่องโหว่นี้มีชื่อว่า EntrySign ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับ Ring 0 สามารถโหลด microcode patches ที่ไม่ได้รับการยืนยันลายเซ็น

    🌐 รายละเอียดของช่องโหว่ EntrySign:
    🛠️ การทำงานของช่องโหว่: ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบลายเซ็นที่ไม่สมบูรณ์ในระบบ microcode patch loader ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดที่ไม่ปลอดภัยบนโปรเซสเซอร์
    🔒 ผลกระทบต่อระบบ: ช่องโหว่นี้สามารถเจาะระบบ SEV/SEV-SNP ของ AMD ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลในเครื่องเสมือนโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ⚠️ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ AMD:
    📋 โปรเซสเซอร์ที่ได้รับผลกระทบ:
    - Ryzen 9000 (Granite Ridge)
    - EPYC 9005 (Turin)
    - Ryzen AI 300 (Strix Halo, Strix Point)
    - Ryzen 9000HX (Fire Range)
    🖥️ การแก้ไข: AMD ได้ปล่อย ComboAM5PI 1.2.0.3c AGESA firmware เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในบางรุ่น และกำลังพัฒนาแพตช์เพิ่มเติมสำหรับ EPYC Turin

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-microcode-vulnerability-also-affects-zen-5-cpus-granite-ridge-turin-ryzen-ai-300-and-fire-range-at-risk
    Google Security Team ได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ในโปรเซสเซอร์ AMD ตั้งแต่รุ่น Zen 1 ถึง Zen 5 โดยช่องโหว่นี้มีชื่อว่า EntrySign ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับ Ring 0 สามารถโหลด microcode patches ที่ไม่ได้รับการยืนยันลายเซ็น 🌐 รายละเอียดของช่องโหว่ EntrySign: 🛠️ การทำงานของช่องโหว่: ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบลายเซ็นที่ไม่สมบูรณ์ในระบบ microcode patch loader ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดที่ไม่ปลอดภัยบนโปรเซสเซอร์ 🔒 ผลกระทบต่อระบบ: ช่องโหว่นี้สามารถเจาะระบบ SEV/SEV-SNP ของ AMD ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลในเครื่องเสมือนโดยไม่ได้รับอนุญาต ⚠️ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ AMD: 📋 โปรเซสเซอร์ที่ได้รับผลกระทบ: - Ryzen 9000 (Granite Ridge) - EPYC 9005 (Turin) - Ryzen AI 300 (Strix Halo, Strix Point) - Ryzen 9000HX (Fire Range) 🖥️ การแก้ไข: AMD ได้ปล่อย ComboAM5PI 1.2.0.3c AGESA firmware เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในบางรุ่น และกำลังพัฒนาแพตช์เพิ่มเติมสำหรับ EPYC Turin https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-microcode-vulnerability-also-affects-zen-5-cpus-granite-ridge-turin-ryzen-ai-300-and-fire-range-at-risk
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น

    🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน:
    - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI
    - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google

    🤖 โอกาสใน AI:
    - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร

    📈 ผลกระทบต่อหุ้น:
    - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด

    ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
    💡 ความกังวลของนักลงทุน:
    - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้

    💡 สงครามการค้า:
    - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น 🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google 🤖 โอกาสใน AI: - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร 📈 ผลกระทบต่อหุ้น: - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: 💡 ความกังวลของนักลงทุน: - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้ 💡 สงครามการค้า: - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alphabet CEO reaffirms planned $75 billion capital spending in 2025
    Las Vegas (Reuters) - Alphabet reiterated on Wednesday it would spend about $75 billion this year to build out data center capacity, doubling down on its generative AI bet even as the payoff remains unclear and a global trade war threatens to raise costs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังปรับนโยบายซัพพลายเออร์เพื่อรับมือกับภาษี 25% สำหรับอลูมิเนียมและสแตนเลส ซัพพลายเออร์จำเป็นต้องให้ข้อมูลวัสดุอย่างละเอียด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้า นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในการรักษาเสถียรภาพของซัพพลายเชน

    == การเปลี่ยนแปลงในนโยบาย Intel ==
    ✅ รายละเอียดวัสดุที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎ:
    - ซัพพลายเออร์ต้องรายงานน้ำหนักและมูลค่าของอลูมิเนียมและสแตนเลส รวมถึงประเทศต้นทางที่วัสดุถูกผลิตและหลอม
    - หากวัสดุเป็น อลูมิเนียมรีไซเคิล ซัพพลายเออร์ต้องระบุที่มาของวัสดุที่นำเข้าก่อนกระบวนการหล่อ

    ✅ การยื่นเอกสาร:
    - Intel ได้จัดเตรียมแบบฟอร์มคำให้การ (affidavit form) ที่ซัพพลายเออร์ต้องกรอกและส่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินการด้านศุลกากร

    ✅ แนวทางสำหรับซัพพลายเออร์ในตลาดท้องถิ่น:
    - แม้แต่ชิ้นส่วนที่ซื้อจากตลาดท้องถิ่นหรือผลิตโดยผู้ผลิตรายย่อย ซัพพลายเออร์ยังคงต้องติดตามและรายงานข้อมูลต้นทางของวัสดุ

    == ผลกระทบและความสำคัญ ==
    💡 การใช้วัสดุในเซมิคอนดักเตอร์:
    - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ใช้วัสดุโลหะ เช่น สแตนเลสและอลูมิเนียมในชิ้นส่วนสำคัญ เช่น กรอบ CPU, ระบบระบายความร้อน และ ชุดยึดฮาร์ดแวร์

    💡 การป้องกันความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า:
    - การปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดช่วยลดโอกาสเกิดการล่าช้าและค่าปรับระหว่างการนำเข้าสินค้า

    💡 การส่งเสริมความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน:
    - Intel เน้นการทำงานร่วมกับซัพพลายเชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-enforces-strict-tariff-compliance-for-steel-and-aluminum-shipments-amid-new-u-s-trade-rules
    Intel กำลังปรับนโยบายซัพพลายเออร์เพื่อรับมือกับภาษี 25% สำหรับอลูมิเนียมและสแตนเลส ซัพพลายเออร์จำเป็นต้องให้ข้อมูลวัสดุอย่างละเอียด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้า นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในการรักษาเสถียรภาพของซัพพลายเชน == การเปลี่ยนแปลงในนโยบาย Intel == ✅ รายละเอียดวัสดุที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎ: - ซัพพลายเออร์ต้องรายงานน้ำหนักและมูลค่าของอลูมิเนียมและสแตนเลส รวมถึงประเทศต้นทางที่วัสดุถูกผลิตและหลอม - หากวัสดุเป็น อลูมิเนียมรีไซเคิล ซัพพลายเออร์ต้องระบุที่มาของวัสดุที่นำเข้าก่อนกระบวนการหล่อ ✅ การยื่นเอกสาร: - Intel ได้จัดเตรียมแบบฟอร์มคำให้การ (affidavit form) ที่ซัพพลายเออร์ต้องกรอกและส่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินการด้านศุลกากร ✅ แนวทางสำหรับซัพพลายเออร์ในตลาดท้องถิ่น: - แม้แต่ชิ้นส่วนที่ซื้อจากตลาดท้องถิ่นหรือผลิตโดยผู้ผลิตรายย่อย ซัพพลายเออร์ยังคงต้องติดตามและรายงานข้อมูลต้นทางของวัสดุ == ผลกระทบและความสำคัญ == 💡 การใช้วัสดุในเซมิคอนดักเตอร์: - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ใช้วัสดุโลหะ เช่น สแตนเลสและอลูมิเนียมในชิ้นส่วนสำคัญ เช่น กรอบ CPU, ระบบระบายความร้อน และ ชุดยึดฮาร์ดแวร์ 💡 การป้องกันความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า: - การปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดช่วยลดโอกาสเกิดการล่าช้าและค่าปรับระหว่างการนำเข้าสินค้า 💡 การส่งเสริมความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน: - Intel เน้นการทำงานร่วมกับซัพพลายเชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-enforces-strict-tariff-compliance-for-steel-and-aluminum-shipments-amid-new-u-s-trade-rules
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wicresoft ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Microsoft กับบริษัทในจีน ได้ประกาศหยุดดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft พร้อมปลดพนักงานกว่า 2,000 คน โดยเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจนี้คือ “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก” ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน

    == ผลกระทบต่อ Microsoft และพนักงาน ==
    ✅ ผลต่อพนักงาน: พนักงานในเซี่ยงไฮ้ของ Wicresoft ได้รับแจ้งว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft จะถูกยุติ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดศักยภาพในการดำเนินงานในจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ สถานะของ Microsoft ในภูมิภาคนี้:
    - แม้ว่า Microsoft จะยังคงถือหุ้น 22% ใน Wicresoft แต่การลดขนาดของธุรกิจในจีนสะท้อนถึงแนวโน้มของการ “แยกตัว” ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในด้านเทคโนโลยี
    - Microsoft เคยปิดตัว IoT และ AI Insider Lab ใน Shanghai’s Zhangjiang Hi-Tech Park ก่อนหน้านี้เช่นกัน

    == ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญ ==
    ✅ แรงกดดันจากสงครามการค้า: ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ รวมถึงการตอบโต้ด้านภาษีและนโยบายการควบคุมการส่งออก ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจข้ามประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ✅ คำถามในอนาคต: การลดขนาดการดำเนินงานของ Wicresoft สร้างความสงสัยว่า Microsoft จะให้บริการแก่ลูกค้าในจีนอย่างไรในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/microsofts-chinese-joint-venture-set-to-halt-operations-lay-off-staff
    Wicresoft ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Microsoft กับบริษัทในจีน ได้ประกาศหยุดดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft พร้อมปลดพนักงานกว่า 2,000 คน โดยเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจนี้คือ “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก” ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน == ผลกระทบต่อ Microsoft และพนักงาน == ✅ ผลต่อพนักงาน: พนักงานในเซี่ยงไฮ้ของ Wicresoft ได้รับแจ้งว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft จะถูกยุติ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดศักยภาพในการดำเนินงานในจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ สถานะของ Microsoft ในภูมิภาคนี้: - แม้ว่า Microsoft จะยังคงถือหุ้น 22% ใน Wicresoft แต่การลดขนาดของธุรกิจในจีนสะท้อนถึงแนวโน้มของการ “แยกตัว” ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในด้านเทคโนโลยี - Microsoft เคยปิดตัว IoT และ AI Insider Lab ใน Shanghai’s Zhangjiang Hi-Tech Park ก่อนหน้านี้เช่นกัน == ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญ == ✅ แรงกดดันจากสงครามการค้า: ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ รวมถึงการตอบโต้ด้านภาษีและนโยบายการควบคุมการส่งออก ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจข้ามประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ คำถามในอนาคต: การลดขนาดการดำเนินงานของ Wicresoft สร้างความสงสัยว่า Microsoft จะให้บริการแก่ลูกค้าในจีนอย่างไรในอนาคต https://www.techradar.com/pro/microsofts-chinese-joint-venture-set-to-halt-operations-lay-off-staff
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทฟินเทคชั้นนำอย่าง Robinhood และ Affirm กำลังเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเทศที่ 10% เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 สร้างความวิตกกังวลในตลาดโลกเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

    ✅ ความกังวลด้านผู้บริโภคและสินเชื่อ:
    - Fintech อย่าง Affirm และ SoFi พึ่งพาผู้บริโภคที่มีความสามารถในการชำระเงินคืนเป็นหลัก แต่นโยบายภาษีนี้สร้างความกดดันต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้ยอดการชำระหนี้ล่าช้าเพิ่มขึ้น

    ✅ การชะลอตัวของหุ้นฟินเทค:
    - หุ้น Affirm ลดลงกว่า 21%, Robinhood ลดลง 17%, และ SoFi ลดลง 20% ตั้งแต่นโยบายภาษีมีผล

    ✅ การเปรียบเทียบกับธนาคาร:
    - ธนาคารมีฐานลูกค้าที่หลากหลายและสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า ต่างจากฟินเทคที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจ

    ✅ มุมมองเชิงบวกในอนาคต:
    - หากมาตรการภาษีทำให้ Treasury Yields ลดลง อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทลดลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/fintech-companies-caught-up-in-tariff-turmoil
    บริษัทฟินเทคชั้นนำอย่าง Robinhood และ Affirm กำลังเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเทศที่ 10% เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 สร้างความวิตกกังวลในตลาดโลกเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ✅ ความกังวลด้านผู้บริโภคและสินเชื่อ: - Fintech อย่าง Affirm และ SoFi พึ่งพาผู้บริโภคที่มีความสามารถในการชำระเงินคืนเป็นหลัก แต่นโยบายภาษีนี้สร้างความกดดันต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้ยอดการชำระหนี้ล่าช้าเพิ่มขึ้น ✅ การชะลอตัวของหุ้นฟินเทค: - หุ้น Affirm ลดลงกว่า 21%, Robinhood ลดลง 17%, และ SoFi ลดลง 20% ตั้งแต่นโยบายภาษีมีผล ✅ การเปรียบเทียบกับธนาคาร: - ธนาคารมีฐานลูกค้าที่หลากหลายและสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า ต่างจากฟินเทคที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจ ✅ มุมมองเชิงบวกในอนาคต: - หากมาตรการภาษีทำให้ Treasury Yields ลดลง อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทลดลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/fintech-companies-caught-up-in-tariff-turmoil
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Fintech companies caught up in tariff turmoil
    (Reuters) -Financial technology companies like Robinhood and buy now, pay later provider Affirm have been caught in the whirlwind of President Donald Trump's sweeping tariffs, sending shares sharply downward amid fears about worsening consumer finances.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts