• ข่าวใหญ่: Wikipedia เปิดตัว Paid API สู้กระแส AI แย่งผู้เข้าชม

    Wikipedia เปิดตัว Paid API เพื่อรับมือกับการที่ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่ให้เครดิต จนทำให้ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% และอาจกระทบต่อการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และผู้บริจาคในอนาคต

    ในยุคที่ AI กำลังครองโลกข้อมูล เว็บไซต์อย่าง Wikipedia ซึ่งเป็นแหล่งความรู้สาธารณะก็เริ่มได้รับผลกระทบหนัก เพราะ AI หลายระบบใช้ข้อมูลจาก Wikipedia ไปตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอ่านที่ต้นทางอีกต่อไป

    ผลลัพธ์คือ ทราฟฟิกจากผู้ใช้จริงลดลงกว่า 8% ในช่วงกลางปี 2025 ขณะที่ AI crawler หลายตัวถึงขั้นปลอมตัวเป็นผู้ใช้มนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Wikipedia

    เพื่อแก้ปัญหาและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน Wikipedia จึงเปิดตัว บริการ Paid API สำหรับบริษัท AI โดยมีเป้าหมายสองด้าน:
    1️⃣ สร้างรายได้เพื่อคงการดำเนินงานของ Wikipedia
    2️⃣ ให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้องและมีโครงสร้าง

    นอกจากนี้ Wikipedia ยังเน้นย้ำว่า นักพัฒนา AI ควรให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ เพราะหากไม่มีผู้เขียนและผู้แก้ไขอาสา เนื้อหาก็จะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพต่อไป

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    Paid API ของ Wikipedia คล้ายกับโมเดลที่หลายแพลตฟอร์มใช้ เช่น Twitter และ Reddit ที่เริ่มคิดค่าบริการสำหรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก
    หาก Wikipedia สูญเสียผู้ใช้และผู้บริจาคไปเรื่อย ๆ อาจเกิดปัญหาขาดแคลนผู้แก้ไข ทำให้คุณภาพข้อมูลลดลง และสุดท้าย AI เองก็จะขาดแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
    นักวิชาการบางคนมองว่า นี่คือการ ปรับสมดุลระหว่างโลก AI และโลกมนุษย์ เพราะข้อมูลที่ AI ใช้ควรมีการสนับสนุนต้นทาง มิฉะนั้นระบบนิเวศความรู้จะไม่ยั่งยืน

    Wikipedia เปิดตัว Paid API สำหรับบริษัท AI
    เพื่อสร้างรายได้และให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้อง

    ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8%
    เกิดจาก AI ตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่เข้า Wikipedia

    AI crawler ปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ
    Wikipedia ต้องอัปเกรดระบบ bot-detection

    Wikipedia ย้ำให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ
    หากไม่มีผู้เขียนอาสา เนื้อหาจะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพ

    คำเตือนต่ออนาคตของ Wikipedia และ AI
    หากผู้ใช้และผู้บริจาคลดลง อาจทำให้ Wikipedia ขาดแคลนผู้แก้ไข
    คุณภาพข้อมูลที่ลดลงจะกระทบต่อ AI เอง เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

    https://securityonline.info/wikipedia-fights-back-paid-api-launches-as-ai-traffic-steals-8-of-human-visitors/
    📚 ข่าวใหญ่: Wikipedia เปิดตัว Paid API สู้กระแส AI แย่งผู้เข้าชม Wikipedia เปิดตัว Paid API เพื่อรับมือกับการที่ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่ให้เครดิต จนทำให้ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% และอาจกระทบต่อการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และผู้บริจาคในอนาคต ในยุคที่ AI กำลังครองโลกข้อมูล เว็บไซต์อย่าง Wikipedia ซึ่งเป็นแหล่งความรู้สาธารณะก็เริ่มได้รับผลกระทบหนัก เพราะ AI หลายระบบใช้ข้อมูลจาก Wikipedia ไปตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอ่านที่ต้นทางอีกต่อไป ผลลัพธ์คือ ทราฟฟิกจากผู้ใช้จริงลดลงกว่า 8% ในช่วงกลางปี 2025 ขณะที่ AI crawler หลายตัวถึงขั้นปลอมตัวเป็นผู้ใช้มนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Wikipedia เพื่อแก้ปัญหาและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน Wikipedia จึงเปิดตัว บริการ Paid API สำหรับบริษัท AI โดยมีเป้าหมายสองด้าน: 1️⃣ สร้างรายได้เพื่อคงการดำเนินงานของ Wikipedia 2️⃣ ให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้องและมีโครงสร้าง นอกจากนี้ Wikipedia ยังเน้นย้ำว่า นักพัฒนา AI ควรให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ เพราะหากไม่มีผู้เขียนและผู้แก้ไขอาสา เนื้อหาก็จะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพต่อไป 🔍 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 🔰 Paid API ของ Wikipedia คล้ายกับโมเดลที่หลายแพลตฟอร์มใช้ เช่น Twitter และ Reddit ที่เริ่มคิดค่าบริการสำหรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก 🔰 หาก Wikipedia สูญเสียผู้ใช้และผู้บริจาคไปเรื่อย ๆ อาจเกิดปัญหาขาดแคลนผู้แก้ไข ทำให้คุณภาพข้อมูลลดลง และสุดท้าย AI เองก็จะขาดแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ 🔰 นักวิชาการบางคนมองว่า นี่คือการ ปรับสมดุลระหว่างโลก AI และโลกมนุษย์ เพราะข้อมูลที่ AI ใช้ควรมีการสนับสนุนต้นทาง มิฉะนั้นระบบนิเวศความรู้จะไม่ยั่งยืน ✅ Wikipedia เปิดตัว Paid API สำหรับบริษัท AI ➡️ เพื่อสร้างรายได้และให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้อง ✅ ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% ➡️ เกิดจาก AI ตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่เข้า Wikipedia ✅ AI crawler ปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ Wikipedia ต้องอัปเกรดระบบ bot-detection ✅ Wikipedia ย้ำให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ ➡️ หากไม่มีผู้เขียนอาสา เนื้อหาจะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพ ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของ Wikipedia และ AI ⛔ หากผู้ใช้และผู้บริจาคลดลง อาจทำให้ Wikipedia ขาดแคลนผู้แก้ไข ⛔ คุณภาพข้อมูลที่ลดลงจะกระทบต่อ AI เอง เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ https://securityonline.info/wikipedia-fights-back-paid-api-launches-as-ai-traffic-steals-8-of-human-visitors/
    SECURITYONLINE.INFO
    Wikipedia Fights Back: Paid API Launches as AI Traffic Steals 8% of Human Visitors
    Wikipedia launches a paid API for AI companies to stop web scraping and generate revenue after sophisticated AI crawlers caused an 8% drop in human traffic.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวด่วน: Zimbra Mail Client ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง

    Zimbra ซึ่งเป็นระบบอีเมลโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุดที่ถูกค้นพบใน Zimbra Daffodil Mail Client โดยช่องโหว่เหล่านี้รวมถึง Stored Cross-Site Scripting (XSS) และ Local File Inclusion (LFI) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ซึ่งสามารถถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมระบบได้

    รายละเอียดช่องโหว่
    Stored XSS: ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงในอีเมลหรือไฟล์แนบ เมื่อผู้ใช้เปิดดู โค้ดจะทำงานทันทีและอาจขโมย session หรือข้อมูลสำคัญ
    Unauthenticated LFI: ช่องโหว่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงไฟล์ภายในเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ต้องล็อกอิน ซึ่งอาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลระบบหรือการใช้เป็นฐานโจมตีเพิ่มเติม
    ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดอยู่ในระดับ Critical และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้งาน Zimbra

    การแก้ไข
    Zimbra ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันล่าสุดของ Zimbra Daffodil
    ผู้ใช้ทุกเวอร์ชันก่อนหน้าได้รับผลกระทบและควรรีบอัปเดตทันที

    ความสำคัญต่อโลกไซเบอร์
    Zimbra ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในองค์กร, หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา
    ช่องโหว่ประเภท XSS และ LFI ถือเป็นภัยคุกคามที่อันตราย เพราะสามารถใช้เป็นช่องทางในการขโมยข้อมูล, สวมรอยผู้ใช้, หรือเข้าถึงไฟล์ระบบโดยตรง
    หากไม่อัปเดต อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ Remote Exploit ที่กระทบต่อทั้งองค์กร

    รายละเอียดช่องโหว่ที่พบ
    Stored XSS: ฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงในอีเมล
    Unauthenticated LFI: เข้าถึงไฟล์ระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน

    การแก้ไขจาก Zimbra
    ออกแพตช์ในเวอร์ชันล่าสุดของ Zimbra Daffodil
    ทุกเวอร์ชันก่อนหน้าได้รับผลกระทบ

    ความสำคัญของการอัปเดต
    ป้องกันการขโมย session และข้อมูลผู้ใช้
    ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงไฟล์ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Zimbra
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีผ่านอีเมลที่ฝังโค้ดอันตราย
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลข้อมูลระบบและไฟล์สำคัญ
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายองค์กร

    https://securityonline.info/critical-zimbra-flaw-fixed-patch-addresses-multiple-stored-xss-and-unauthenticated-lfi-in-mail-client/
    📧 ข่าวด่วน: Zimbra Mail Client ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง Zimbra ซึ่งเป็นระบบอีเมลโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุดที่ถูกค้นพบใน Zimbra Daffodil Mail Client โดยช่องโหว่เหล่านี้รวมถึง Stored Cross-Site Scripting (XSS) และ Local File Inclusion (LFI) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ซึ่งสามารถถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมระบบได้ 📌 รายละเอียดช่องโหว่ 🪲 Stored XSS: ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงในอีเมลหรือไฟล์แนบ เมื่อผู้ใช้เปิดดู โค้ดจะทำงานทันทีและอาจขโมย session หรือข้อมูลสำคัญ 🪲 Unauthenticated LFI: ช่องโหว่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงไฟล์ภายในเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ต้องล็อกอิน ซึ่งอาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลระบบหรือการใช้เป็นฐานโจมตีเพิ่มเติม 🪲 ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดอยู่ในระดับ Critical และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้งาน Zimbra 🛠️ การแก้ไข 🪛 Zimbra ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันล่าสุดของ Zimbra Daffodil 🪛 ผู้ใช้ทุกเวอร์ชันก่อนหน้าได้รับผลกระทบและควรรีบอัปเดตทันที 🌍 ความสำคัญต่อโลกไซเบอร์ 🔰 Zimbra ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในองค์กร, หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา 🔰 ช่องโหว่ประเภท XSS และ LFI ถือเป็นภัยคุกคามที่อันตราย เพราะสามารถใช้เป็นช่องทางในการขโมยข้อมูล, สวมรอยผู้ใช้, หรือเข้าถึงไฟล์ระบบโดยตรง 🔰 หากไม่อัปเดต อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ Remote Exploit ที่กระทบต่อทั้งองค์กร ✅ รายละเอียดช่องโหว่ที่พบ ➡️ Stored XSS: ฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงในอีเมล ➡️ Unauthenticated LFI: เข้าถึงไฟล์ระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน ✅ การแก้ไขจาก Zimbra ➡️ ออกแพตช์ในเวอร์ชันล่าสุดของ Zimbra Daffodil ➡️ ทุกเวอร์ชันก่อนหน้าได้รับผลกระทบ ✅ ความสำคัญของการอัปเดต ➡️ ป้องกันการขโมย session และข้อมูลผู้ใช้ ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงไฟล์ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Zimbra ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีผ่านอีเมลที่ฝังโค้ดอันตราย ⛔ เสี่ยงต่อการรั่วไหลข้อมูลระบบและไฟล์สำคัญ ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายองค์กร https://securityonline.info/critical-zimbra-flaw-fixed-patch-addresses-multiple-stored-xss-and-unauthenticated-lfi-in-mail-client/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Zimbra Flaw Fixed: Patch Addresses Multiple Stored XSS and Unauthenticated LFI in Mail Client
    Zimbra fixes Critical Stored XSS and an Unauthenticated LFI flaw, urging users to update immediately to mitigate session hijacking and data exfiltration risks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Ryzen 5 7500X3D" ชิปเกมมิ่งราคาประหยัด เปิดตัวในพรีบิลด์ Micro Center

    AMD ยังคงเดินเกมรุกในตลาดซีพียูเกมมิ่ง ด้วยการเปิดตัว Ryzen 5 7500X3D ซึ่งเป็นรุ่น X3D ที่ราคาถูกที่สุดในซีรีส์ Ryzen 7000 ณ ตอนนี้ โดยวางจำหน่ายเฉพาะในเครื่องพรีบิลด์ PowerSpec ของ Micro Center เท่านั้น

    รายละเอียดสเปกที่น่าสนใจ
    PowerSpec G528 ราคาเริ่มต้น $899.99 มาพร้อม Ryzen 5 7500X3D, การ์ดจอ RTX 5060 8GB, RAM DDR5-6000 ขนาด 16GB และ SSD 1TB
    หากเพิ่มเงินอีก $100 จะได้ PowerSpec G527 ที่ใช้การ์ดจอ Radeon RX 9060 XT 16GB และ RAM 32GB
    Ryzen 5 7500X3D มี 6 คอร์ 12 เธรด และ L3 Cache 96MB เช่นเดียวกับรุ่น 7600X3D แต่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาลดลงเล็กน้อยที่ 4.0 GHz (7600X3D อยู่ที่ 4.1 GHz)
    แม้ความเร็วลดลง แต่ประสิทธิภาพโดยรวมใกล้เคียงกับ 7600X3D ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในงบจำกัด

    บริบทเพิ่มเติมจากภายนอก
    AMD เคยใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ Ryzen 5 7600X3D ที่เปิดตัวแบบ exclusive กับ Micro Center ก่อนจะขยายไปทั่วโลกภายหลัง
    การออกชิป X3D ราคาประหยัดช่วยให้ AMD แข่งกับ Intel ในตลาด budget gaming PC ได้ดียิ่งขึ้น
    แม้ AMD เปิดตัวซีรีส์ใหม่ Ryzen 9000 แล้ว แต่ยังคงปล่อยชิปบนแพลตฟอร์ม Zen 3 และ Zen 4 เพื่อรองรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนเมนบอร์ด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-ryzen-5-7500x3d-debuts-in-micro-center-pre-built-pc-affordable-gaming-cpu-seemingly-exclusive-to-retailer-for-now
    🖥️💡 "Ryzen 5 7500X3D" ชิปเกมมิ่งราคาประหยัด เปิดตัวในพรีบิลด์ Micro Center AMD ยังคงเดินเกมรุกในตลาดซีพียูเกมมิ่ง ด้วยการเปิดตัว Ryzen 5 7500X3D ซึ่งเป็นรุ่น X3D ที่ราคาถูกที่สุดในซีรีส์ Ryzen 7000 ณ ตอนนี้ โดยวางจำหน่ายเฉพาะในเครื่องพรีบิลด์ PowerSpec ของ Micro Center เท่านั้น 🔧 รายละเอียดสเปกที่น่าสนใจ 💠 PowerSpec G528 ราคาเริ่มต้น $899.99 มาพร้อม Ryzen 5 7500X3D, การ์ดจอ RTX 5060 8GB, RAM DDR5-6000 ขนาด 16GB และ SSD 1TB 💠 หากเพิ่มเงินอีก $100 จะได้ PowerSpec G527 ที่ใช้การ์ดจอ Radeon RX 9060 XT 16GB และ RAM 32GB 💠 Ryzen 5 7500X3D มี 6 คอร์ 12 เธรด และ L3 Cache 96MB เช่นเดียวกับรุ่น 7600X3D แต่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาลดลงเล็กน้อยที่ 4.0 GHz (7600X3D อยู่ที่ 4.1 GHz) 💠 แม้ความเร็วลดลง แต่ประสิทธิภาพโดยรวมใกล้เคียงกับ 7600X3D ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในงบจำกัด 🌍 บริบทเพิ่มเติมจากภายนอก 💠 AMD เคยใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ Ryzen 5 7600X3D ที่เปิดตัวแบบ exclusive กับ Micro Center ก่อนจะขยายไปทั่วโลกภายหลัง 💠 การออกชิป X3D ราคาประหยัดช่วยให้ AMD แข่งกับ Intel ในตลาด budget gaming PC ได้ดียิ่งขึ้น 💠 แม้ AMD เปิดตัวซีรีส์ใหม่ Ryzen 9000 แล้ว แต่ยังคงปล่อยชิปบนแพลตฟอร์ม Zen 3 และ Zen 4 เพื่อรองรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนเมนบอร์ด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-ryzen-5-7500x3d-debuts-in-micro-center-pre-built-pc-affordable-gaming-cpu-seemingly-exclusive-to-retailer-for-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดประสบการณ์ล่องเรือหรูสุดขั้วโลก! กับเรือสำรวจน้ำแข็งระดับ Ultra-Luxury “Le Commandant Charcot”
    สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ กรีนแลนด์ – ไอซ์แลนด์ – ฝรั่งเศส ดินแดนแห่งธารน้ำแข็งและแสงเหนือ
    🛳 แพ็คเกจล่องเรือ Le Commandant Charcot สำรวจอาร์กติก ฤดูใบไม้ผลิ (ขึ้น-ลงเมืองนุก) 9 วัน 8 คืน

    วันที่ 27 มี.ค. - 4 เม.ย. 2570

    เส้นทางนุก - อ่าว Disko Bay - เกาะดิสโก - อ่าวแบฟฟินซิซิมิอุต - นุก

    ราคาเริ่มต้น EUR 16,390

    Free Charter Flight Paris-Nuuk / Nuuk-Paris
    Transfer สนามบิน ท่าเรือ สนามบินไปกลับ
    อาหารและเครื่องดื่มไม่อั้น

    รหัสแพ็คเกจ : PONP-9D8N-GOH-GOH-2703271
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e5a43a

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #LeCommandantCharcot #ponant #arctic #RhineHolidayMarket #Greenland #Sisimiut #Baffinbay #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    🌌 เปิดประสบการณ์ล่องเรือหรูสุดขั้วโลก! กับเรือสำรวจน้ำแข็งระดับ Ultra-Luxury “Le Commandant Charcot” สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ กรีนแลนด์ – ไอซ์แลนด์ – ฝรั่งเศส ดินแดนแห่งธารน้ำแข็งและแสงเหนือ ❄️✨ 🛳 แพ็คเกจล่องเรือ Le Commandant Charcot สำรวจอาร์กติก ฤดูใบไม้ผลิ (ขึ้น-ลงเมืองนุก) 9 วัน 8 คืน 📆 วันที่ 27 มี.ค. - 4 เม.ย. 2570 📍 เส้นทางนุก - อ่าว Disko Bay - เกาะดิสโก - อ่าวแบฟฟินซิซิมิอุต - นุก 💰 ราคาเริ่มต้น EUR 16,390 ✅ Free Charter Flight Paris-Nuuk / Nuuk-Paris ✅ Transfer สนามบิน ท่าเรือ สนามบินไปกลับ ✅ อาหารและเครื่องดื่มไม่อั้น ➡️ รหัสแพ็คเกจ : PONP-9D8N-GOH-GOH-2703271 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e5a43a ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #LeCommandantCharcot #ponant #arctic #RhineHolidayMarket #Greenland #Sisimiut #Baffinbay #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Lazarus ปล่อย Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ เจาะอุตสาหกรรมการบิน-กลาโหมด้วย ChaCha20”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตรวจพบการโจมตีล่าสุดจากกลุ่ม Lazarus ซึ่งมุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหม โดยใช้มัลแวร์ backdoor ที่เรียกว่า “Comebacker” เวอร์ชันใหม่ ซึ่งมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยอัลกอริธึม ChaCha20 เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2)

    มัลแวร์ Comebacker ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารแบบเข้ารหัสกับ C2, ดาวน์โหลดคำสั่งเพิ่มเติม และขโมยข้อมูลจากระบบเป้าหมาย โดยใช้เทคนิคการพรางตัว เช่น การฝังโค้ดในไฟล์ DLL และการใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไฟล์ระบบปกติ

    กลุ่ม Lazarus และเป้าหมายการโจมตี
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ
    มุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหมในหลายประเทศ
    มีประวัติการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลลับ

    คุณสมบัติของ Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่
    ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 เพื่อปกปิดการสื่อสารกับ C2
    รองรับการดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมและการสั่งงานจากระยะไกล
    ฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย

    เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้การโหลดแบบ dynamic และ reflective DLL injection
    ใช้ชื่อฟังก์ชันและพารามิเตอร์ที่คลุมเครือ
    ซ่อนการทำงานผ่านการตรวจสอบสิทธิ์และการตรวจสภาพแวดล้อม

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    องค์กรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การบินและกลาโหม เป็นเป้าหมายหลัก
    การเข้ารหัสแบบ ChaCha20 ทำให้การวิเคราะห์ traffic ยากขึ้น
    การฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ปลอมทำให้ยากต่อการตรวจจับด้วย antivirus ทั่วไป

    https://securityonline.info/lazarus-group-attacks-aerospace-defense-with-new-chacha20-encrypted-comebacker-backdoor/
    🚀 “Lazarus ปล่อย Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ เจาะอุตสาหกรรมการบิน-กลาโหมด้วย ChaCha20” นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตรวจพบการโจมตีล่าสุดจากกลุ่ม Lazarus ซึ่งมุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหม โดยใช้มัลแวร์ backdoor ที่เรียกว่า “Comebacker” เวอร์ชันใหม่ ซึ่งมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยอัลกอริธึม ChaCha20 เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) มัลแวร์ Comebacker ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารแบบเข้ารหัสกับ C2, ดาวน์โหลดคำสั่งเพิ่มเติม และขโมยข้อมูลจากระบบเป้าหมาย โดยใช้เทคนิคการพรางตัว เช่น การฝังโค้ดในไฟล์ DLL และการใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไฟล์ระบบปกติ ✅ กลุ่ม Lazarus และเป้าหมายการโจมตี ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ➡️ มุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหมในหลายประเทศ ➡️ มีประวัติการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลลับ ✅ คุณสมบัติของ Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ ➡️ ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 เพื่อปกปิดการสื่อสารกับ C2 ➡️ รองรับการดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมและการสั่งงานจากระยะไกล ➡️ ฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้การโหลดแบบ dynamic และ reflective DLL injection ➡️ ใช้ชื่อฟังก์ชันและพารามิเตอร์ที่คลุมเครือ ➡️ ซ่อนการทำงานผ่านการตรวจสอบสิทธิ์และการตรวจสภาพแวดล้อม ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การบินและกลาโหม เป็นเป้าหมายหลัก ⛔ การเข้ารหัสแบบ ChaCha20 ทำให้การวิเคราะห์ traffic ยากขึ้น ⛔ การฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ปลอมทำให้ยากต่อการตรวจจับด้วย antivirus ทั่วไป https://securityonline.info/lazarus-group-attacks-aerospace-defense-with-new-chacha20-encrypted-comebacker-backdoor/
    SECURITYONLINE.INFO
    Lazarus Group Attacks Aerospace/Defense with New ChaCha20-Encrypted Comebacker Backdoor
    ENKI exposed a Lazarus Group espionage campaign targeting aerospace/defense firms. The new Comebacker variant uses malicious Word macros and ChaCha20/AES to deliver a memory-resident backdoor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DragonForce Ransomware กลับมาอีกครั้ง พร้อมเทคนิคใหม่ปิดระบบป้องกันและเข้ารหัสแบบไฮบริด”

    นักวิจัยจาก Acronis Threat Research Unit (TRU) พบว่า DragonForce ransomware ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อปิดการทำงานของซอฟต์แวร์ป้องกัน เช่น EDR และ Antivirus โดยใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่ เช่น truesight.sys และ rentdrv2.sys เพื่อส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัสจากโค้ดของ Conti v3 โดยใช้การเข้ารหัสแบบไฮบริด ChaCha20 + RSA พร้อมไฟล์ config ที่เข้ารหัสไว้ในตัว binary เพื่อเพิ่มความลับและลดการตรวจจับ

    กลุ่ม DragonForce ยังเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็น “cartel” เพื่อดึงดูด affiliate โดยเสนอส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 80% และเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ ซึ่งทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งใน ecosystem ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ransomware

    การพัฒนาเทคนิค BYOVD
    ใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก
    ส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปยัง driver เพื่อปิดระบบ EDR และ Antivirus
    เทคนิคนี้เคยใช้โดยกลุ่ม BlackCat และ AvosLocker

    การปรับปรุงระบบเข้ารหัส
    ใช้ ChaCha20 สร้าง key ต่อไฟล์ แล้วเข้ารหัสด้วย RSA
    มี header ที่เก็บ metadata และข้อมูลการเข้ารหัส
    ไฟล์ config ถูกเข้ารหัสใน binary ไม่ต้องใช้ command-line

    การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร
    จาก RaaS เป็น cartel เพื่อดึง affiliate
    เสนอ encryptor ที่ปรับแต่งได้และส่วนแบ่งรายได้สูง
    มี affiliate เช่น Devman ที่ใช้ builder เดียวกัน

    การโจมตีที่ขยายตัว
    เคยร่วมมือกับ Scattered Spider โจมตี Marks & Spencer
    พยายาม takeover โครงสร้างของกลุ่มคู่แข่ง เช่น RansomHub และ BlackLock
    ใช้ MinGW ในการ compile ทำให้ binary ใหญ่ขึ้น

    https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-evolves-with-byovd-to-kill-edr-and-fixes-encryption-flaws-in-conti-v3-codebase/
    🐉 “DragonForce Ransomware กลับมาอีกครั้ง พร้อมเทคนิคใหม่ปิดระบบป้องกันและเข้ารหัสแบบไฮบริด” นักวิจัยจาก Acronis Threat Research Unit (TRU) พบว่า DragonForce ransomware ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อปิดการทำงานของซอฟต์แวร์ป้องกัน เช่น EDR และ Antivirus โดยใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่ เช่น truesight.sys และ rentdrv2.sys เพื่อส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัสจากโค้ดของ Conti v3 โดยใช้การเข้ารหัสแบบไฮบริด ChaCha20 + RSA พร้อมไฟล์ config ที่เข้ารหัสไว้ในตัว binary เพื่อเพิ่มความลับและลดการตรวจจับ กลุ่ม DragonForce ยังเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็น “cartel” เพื่อดึงดูด affiliate โดยเสนอส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 80% และเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ ซึ่งทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งใน ecosystem ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ransomware ✅ การพัฒนาเทคนิค BYOVD ➡️ ใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่า process ที่ป้องกันได้ยาก ➡️ ส่งคำสั่ง DeviceIoControl ไปยัง driver เพื่อปิดระบบ EDR และ Antivirus ➡️ เทคนิคนี้เคยใช้โดยกลุ่ม BlackCat และ AvosLocker ✅ การปรับปรุงระบบเข้ารหัส ➡️ ใช้ ChaCha20 สร้าง key ต่อไฟล์ แล้วเข้ารหัสด้วย RSA ➡️ มี header ที่เก็บ metadata และข้อมูลการเข้ารหัส ➡️ ไฟล์ config ถูกเข้ารหัสใน binary ไม่ต้องใช้ command-line ✅ การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ➡️ จาก RaaS เป็น cartel เพื่อดึง affiliate ➡️ เสนอ encryptor ที่ปรับแต่งได้และส่วนแบ่งรายได้สูง ➡️ มี affiliate เช่น Devman ที่ใช้ builder เดียวกัน ✅ การโจมตีที่ขยายตัว ➡️ เคยร่วมมือกับ Scattered Spider โจมตี Marks & Spencer ➡️ พยายาม takeover โครงสร้างของกลุ่มคู่แข่ง เช่น RansomHub และ BlackLock ➡️ ใช้ MinGW ในการ compile ทำให้ binary ใหญ่ขึ้น https://securityonline.info/dragonforce-ransomware-evolves-with-byovd-to-kill-edr-and-fixes-encryption-flaws-in-conti-v3-codebase/
    SECURITYONLINE.INFO
    DragonForce Ransomware Evolves with BYOVD to Kill EDR and Fixes Encryption Flaws in Conti V3 Codebase
    Acronis exposed DragonForce's evolution: the ransomware is compiled with MinGW, uses BYOVD drivers to terminate EDR, and contains fixes to prevent decryption of its Conti V3 derived codebase.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สภาคองเกรสสหรัฐฯ จี้ Nvidia ปมแชร์พื้นที่กับบริษัทในเครือ Huawei – ‘จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานนับสิบปี!’”

    เรื่องเล่าที่สะเทือนวงการ AI และความมั่นคง! คณะกรรมาธิการ Select Committee on China ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่า Nvidia เคยแชร์พื้นที่สำนักงานในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย กับ Futurewei บริษัทในเครือของ Huawei ที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

    แม้จะไม่มีการกล่าวหาตรง ๆ ว่า Nvidia หรือ Futurewei มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย แต่คณะกรรมาธิการชี้ให้เห็นถึง “ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์” ของการอยู่ใกล้กัน โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของจีน

    การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นหลังจาก Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวในงานประชุมว่า “จีนกำลังจะชนะสงคราม AI” และ “จีนตามหลังสหรัฐเพียงไม่กี่นาโนวินาที” ซึ่งทำให้คณะกรรมาธิการตอบโต้ทันทีว่า “จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานหลายปีแล้ว”

    นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงคดีแพ่งที่กล่าวหาว่า Futurewei ส่งพนักงานเข้าร่วมงานประชุมโดยใช้ชื่อบริษัทปลอม เพื่อรวบรวมข้อมูลและส่งกลับไปยังทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในจีน ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจมีการจารกรรมทางอุตสาหกรรมเกิดขึ้น

    Nvidia เคยแชร์พื้นที่สำนักงานกับ Futurewei
    Futurewei เป็นบริษัทในเครือของ Huawei ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ
    ตั้งอยู่ในซานตาคลารา ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ Nvidia
    คณะกรรมาธิการชี้ถึงผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์จากการอยู่ใกล้กัน

    คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์
    ระบุว่า “จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานหลายปี”
    อ้างถึงจดหมายที่เคยส่งถึง Futurewei เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
    เน้นว่าการอยู่ใกล้กันอาจเปิดช่องให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ

    Jensen Huang แสดงความคิดเห็นเรื่องสงคราม AI
    กล่าวว่าจีนกำลังจะชนะ และตามหลังสหรัฐเพียง “นาโนวินาที”
    เชื่อว่าควรให้โลกใช้เทคโนโลยีของสหรัฐ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI
    แนวคิดนี้อาจขัดกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการจำกัดการเข้าถึงของจีน

    ความเสี่ยงจากการอยู่ใกล้บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ
    อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ
    เสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นช่องทางในการจารกรรมทางอุตสาหกรรม

    ข้อกล่าวหาว่า Futurewei ใช้ชื่อบริษัทปลอมเข้าร่วมงานประชุม
    ถูกกล่าวหาว่ารวบรวมข้อมูลและส่งกลับไปยังทีมในจีน
    อาจละเมิดข้อกำหนดของงานประชุมและกฎหมายความมั่นคง

    ความขัดแย้งระหว่างแนวคิดของ Nvidia กับนโยบายรัฐบาล
    การเปิดให้ทุกประเทศใช้เทคโนโลยีอาจขัดกับการควบคุมการส่งออก
    อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-govt-committee-slams-nvidia-over-shared-campus-with-banned-huawei-affiliate-says-china-has-been-in-nvidias-backyard-for-a-decade-literally
    🏛️ “สภาคองเกรสสหรัฐฯ จี้ Nvidia ปมแชร์พื้นที่กับบริษัทในเครือ Huawei – ‘จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานนับสิบปี!’” เรื่องเล่าที่สะเทือนวงการ AI และความมั่นคง! คณะกรรมาธิการ Select Committee on China ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่า Nvidia เคยแชร์พื้นที่สำนักงานในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย กับ Futurewei บริษัทในเครือของ Huawei ที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ แม้จะไม่มีการกล่าวหาตรง ๆ ว่า Nvidia หรือ Futurewei มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย แต่คณะกรรมาธิการชี้ให้เห็นถึง “ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์” ของการอยู่ใกล้กัน โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของจีน การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นหลังจาก Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวในงานประชุมว่า “จีนกำลังจะชนะสงคราม AI” และ “จีนตามหลังสหรัฐเพียงไม่กี่นาโนวินาที” ซึ่งทำให้คณะกรรมาธิการตอบโต้ทันทีว่า “จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานหลายปีแล้ว” นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงคดีแพ่งที่กล่าวหาว่า Futurewei ส่งพนักงานเข้าร่วมงานประชุมโดยใช้ชื่อบริษัทปลอม เพื่อรวบรวมข้อมูลและส่งกลับไปยังทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในจีน ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจมีการจารกรรมทางอุตสาหกรรมเกิดขึ้น ✅ Nvidia เคยแชร์พื้นที่สำนักงานกับ Futurewei ➡️ Futurewei เป็นบริษัทในเครือของ Huawei ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ➡️ ตั้งอยู่ในซานตาคลารา ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ Nvidia ➡️ คณะกรรมาธิการชี้ถึงผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์จากการอยู่ใกล้กัน ✅ คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ➡️ ระบุว่า “จีนอยู่ในหลังบ้าน Nvidia มานานหลายปี” ➡️ อ้างถึงจดหมายที่เคยส่งถึง Futurewei เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ เน้นว่าการอยู่ใกล้กันอาจเปิดช่องให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ ✅ Jensen Huang แสดงความคิดเห็นเรื่องสงคราม AI ➡️ กล่าวว่าจีนกำลังจะชนะ และตามหลังสหรัฐเพียง “นาโนวินาที” ➡️ เชื่อว่าควรให้โลกใช้เทคโนโลยีของสหรัฐ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ➡️ แนวคิดนี้อาจขัดกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการจำกัดการเข้าถึงของจีน ‼️ ความเสี่ยงจากการอยู่ใกล้บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ⛔ อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นช่องทางในการจารกรรมทางอุตสาหกรรม ‼️ ข้อกล่าวหาว่า Futurewei ใช้ชื่อบริษัทปลอมเข้าร่วมงานประชุม ⛔ ถูกกล่าวหาว่ารวบรวมข้อมูลและส่งกลับไปยังทีมในจีน ⛔ อาจละเมิดข้อกำหนดของงานประชุมและกฎหมายความมั่นคง ‼️ ความขัดแย้งระหว่างแนวคิดของ Nvidia กับนโยบายรัฐบาล ⛔ การเปิดให้ทุกประเทศใช้เทคโนโลยีอาจขัดกับการควบคุมการส่งออก ⛔ อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐในระยะยาว https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-govt-committee-slams-nvidia-over-shared-campus-with-banned-huawei-affiliate-says-china-has-been-in-nvidias-backyard-for-a-decade-literally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อผู้พิทักษ์กลายเป็นผู้ร้าย – อดีตเจ้าหน้าที่ไซเบอร์ถูกตั้งข้อหาแฮกข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่

    อดีตพนักงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรู้และตำแหน่งในบริษัทเพื่อก่ออาชญากรรมไซเบอร์ โดยร่วมมือกันโจมตีระบบของบริษัทต่าง ๆ เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินคริปโตมูลค่าหลายล้านดอลลาร์

    จำนวนผู้เกี่ยวข้อง: 3 คน
    1. Ryan Clifford Goldberg
    ตำแหน่งเดิม: อดีตผู้อำนวยการฝ่ายตอบสนองเหตุการณ์ (Director of Incident Response) ที่บริษัท Sygnia Consulting Ltd.

    บทบาทในคดี:
    เป็นหนึ่งในผู้วางแผนและดำเนินการแฮกระบบของบริษัทต่าง ๆ
    มีส่วนร่วมในการใช้มัลแวร์ ALPHV/BlackCat เพื่อเข้ารหัสข้อมูลของเหยื่อ
    ได้รับเงินค่าไถ่ร่วมกับผู้ร่วมขบวนการจากบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ในฟลอริดา มูลค่าเกือบ 1.3 ล้านดอลลาร์
    ถูกควบคุมตัวในเรือนจำกลาง

    2. Kevin Tyler Martin
    ตำแหน่งเดิม: นักเจรจาค่าไถ่ (Ransomware Negotiator) ของบริษัท DigitalMint

    บทบาทในคดี:
    ร่วมมือกับ Goldberg ในการแฮกและเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
    ใช้ความรู้จากงานเจรจาค่าไถ่เพื่อวางแผนโจมตี
    ได้รับการประกันตัวและให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

    3. บุคคลที่สาม (ยังไม่เปิดเผยชื่อ)
    สถานะ: ยังไม่ถูกตั้งข้อหา และไม่มีการเปิดเผยชื่อในเอกสารของศาล

    บทบาทในคดี:
    มีส่วนร่วมในการแฮกและรับเงินค่าไถ่ร่วมกับ Goldberg และ Martin
    เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการโจมตีบริษัทในฟลอริดา

    ความซับซ้อนของอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่
    ทั้งสามคนทำงานในอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่ช่วยบริษัทเจรจากับแฮกเกอร์เพื่อปลดล็อกระบบ ซึ่งบางครั้งก็ต้องจ่ายค่าไถ่เพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้ แต่ในกรณีนี้ พวกเขากลับใช้ตำแหน่งนั้นในการก่ออาชญากรรมเสียเอง

    พวกเขายังถูกกล่าวหาว่าแบ่งผลกำไรกับผู้พัฒนามัลแวร์ที่ใช้ในการโจมตี และพยายามแฮกบริษัทอื่น ๆ เช่น บริษัทเภสัชกรรมในแมริแลนด์ ผู้ผลิตโดรนในเวอร์จิเนีย และคลินิกในแคลิฟอร์เนีย

    ผู้ต้องหาคืออดีตเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    Goldberg จาก Sygnia และ Martin จาก DigitalMint
    ใช้มัลแวร์ ALPHV BlackCat ในการโจมตี
    ได้รับเงินค่าไถ่จากบริษัทในฟลอริดาเกือบ 1.3 ล้านดอลลาร์

    บริษัทต้นสังกัดออกแถลงการณ์ปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง
    DigitalMint ยืนยันว่าเหตุการณ์อยู่นอกขอบเขตงานของพนักงาน
    Sygnia ระบุว่าไล่ออก Goldberg ทันทีเมื่อทราบเรื่อง
    ไม่มีข้อมูลว่าบริษัทใดถูกแฮกในเอกสารของศาล

    สถานะของผู้ต้องหา
    Goldberg ถูกควบคุมตัวในเรือนจำกลาง
    Martin ได้รับการประกันตัวและให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
    บุคคลที่สามยังไม่ถูกตั้งข้อหาและไม่เปิดเผยชื่อ

    ความเสี่ยงจากการมีช่องโหว่ภายในองค์กร
    พนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบสามารถใช้ข้อมูลในทางมิชอบ
    การทำงานในอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่อาจเปิดช่องให้เกิดการแอบแฝง
    การไม่ตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่การละเมิด

    ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมไซเบอร์
    ลูกค้าอาจสูญเสียความไว้วางใจต่อบริษัทที่เกี่ยวข้อง
    ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่อาจถูกตั้งคำถาม
    การใช้มัลแวร์ที่มีผู้พัฒนาอยู่เบื้องหลังอาจเชื่อมโยงไปสู่เครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/ex-cybersecurity-staffers-charged-with-moonlighting-as-hackers
    🕵️‍♂️ เมื่อผู้พิทักษ์กลายเป็นผู้ร้าย – อดีตเจ้าหน้าที่ไซเบอร์ถูกตั้งข้อหาแฮกข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ อดีตพนักงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรู้และตำแหน่งในบริษัทเพื่อก่ออาชญากรรมไซเบอร์ โดยร่วมมือกันโจมตีระบบของบริษัทต่าง ๆ เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินคริปโตมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ 👥 จำนวนผู้เกี่ยวข้อง: 3 คน 1. Ryan Clifford Goldberg 🏢 ตำแหน่งเดิม: อดีตผู้อำนวยการฝ่ายตอบสนองเหตุการณ์ (Director of Incident Response) ที่บริษัท Sygnia Consulting Ltd. 🎭 บทบาทในคดี: 🎗️ เป็นหนึ่งในผู้วางแผนและดำเนินการแฮกระบบของบริษัทต่าง ๆ 🎗️ มีส่วนร่วมในการใช้มัลแวร์ ALPHV/BlackCat เพื่อเข้ารหัสข้อมูลของเหยื่อ 🎗️ ได้รับเงินค่าไถ่ร่วมกับผู้ร่วมขบวนการจากบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ในฟลอริดา มูลค่าเกือบ 1.3 ล้านดอลลาร์ 🎗️ ถูกควบคุมตัวในเรือนจำกลาง 2. Kevin Tyler Martin 🏢 ตำแหน่งเดิม: นักเจรจาค่าไถ่ (Ransomware Negotiator) ของบริษัท DigitalMint 🎭 บทบาทในคดี: 🎗️ ร่วมมือกับ Goldberg ในการแฮกและเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ 🎗️ ใช้ความรู้จากงานเจรจาค่าไถ่เพื่อวางแผนโจมตี 🎗️ ได้รับการประกันตัวและให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา 3. บุคคลที่สาม (ยังไม่เปิดเผยชื่อ) 🏢 สถานะ: ยังไม่ถูกตั้งข้อหา และไม่มีการเปิดเผยชื่อในเอกสารของศาล 🎭 บทบาทในคดี: 🎗️ มีส่วนร่วมในการแฮกและรับเงินค่าไถ่ร่วมกับ Goldberg และ Martin 🎗️ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการโจมตีบริษัทในฟลอริดา 🧨 ความซับซ้อนของอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่ ทั้งสามคนทำงานในอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่ช่วยบริษัทเจรจากับแฮกเกอร์เพื่อปลดล็อกระบบ ซึ่งบางครั้งก็ต้องจ่ายค่าไถ่เพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้ แต่ในกรณีนี้ พวกเขากลับใช้ตำแหน่งนั้นในการก่ออาชญากรรมเสียเอง พวกเขายังถูกกล่าวหาว่าแบ่งผลกำไรกับผู้พัฒนามัลแวร์ที่ใช้ในการโจมตี และพยายามแฮกบริษัทอื่น ๆ เช่น บริษัทเภสัชกรรมในแมริแลนด์ ผู้ผลิตโดรนในเวอร์จิเนีย และคลินิกในแคลิฟอร์เนีย ✅ ผู้ต้องหาคืออดีตเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ➡️ Goldberg จาก Sygnia และ Martin จาก DigitalMint ➡️ ใช้มัลแวร์ ALPHV BlackCat ในการโจมตี ➡️ ได้รับเงินค่าไถ่จากบริษัทในฟลอริดาเกือบ 1.3 ล้านดอลลาร์ ✅ บริษัทต้นสังกัดออกแถลงการณ์ปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง ➡️ DigitalMint ยืนยันว่าเหตุการณ์อยู่นอกขอบเขตงานของพนักงาน ➡️ Sygnia ระบุว่าไล่ออก Goldberg ทันทีเมื่อทราบเรื่อง ➡️ ไม่มีข้อมูลว่าบริษัทใดถูกแฮกในเอกสารของศาล ✅ สถานะของผู้ต้องหา ➡️ Goldberg ถูกควบคุมตัวในเรือนจำกลาง ➡️ Martin ได้รับการประกันตัวและให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ➡️ บุคคลที่สามยังไม่ถูกตั้งข้อหาและไม่เปิดเผยชื่อ ‼️ ความเสี่ยงจากการมีช่องโหว่ภายในองค์กร ⛔ พนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบสามารถใช้ข้อมูลในทางมิชอบ ⛔ การทำงานในอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่อาจเปิดช่องให้เกิดการแอบแฝง ⛔ การไม่ตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่การละเมิด ‼️ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมไซเบอร์ ⛔ ลูกค้าอาจสูญเสียความไว้วางใจต่อบริษัทที่เกี่ยวข้อง ⛔ ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมเจรจาค่าไถ่อาจถูกตั้งคำถาม ⛔ การใช้มัลแวร์ที่มีผู้พัฒนาอยู่เบื้องหลังอาจเชื่อมโยงไปสู่เครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/04/ex-cybersecurity-staffers-charged-with-moonlighting-as-hackers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Ex-cybersecurity staffers charged with moonlighting as hackers
    Three employees at cybersecurity companies spent years moonlighting as criminal hackers, launching their own ransomware attacks in a plot to extort millions of dollars from victims around the country, US prosecutors alleged in court filings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่สายไอที: AMD ปรับทิศทางไดรเวอร์ GPU แต่ Linux ยังปลอดภัย!

    ถ้าคุณเป็นสายเกมหรือสาย Linux แล้วได้ยินว่า AMD จะหยุดพัฒนาไดรเวอร์สำหรับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RX 5000 และ RX 6000 อาจจะรู้สึกใจหาย แต่ข่าวดีคือ...การเปลี่ยนแปลงนี้ “ไม่กระทบผู้ใช้ Linux” เพราะ AMD แยกการพัฒนาไดรเวอร์ระหว่าง Windows และ Linux อย่างชัดเจน

    เรื่องเริ่มจาก AMD ประกาศว่าไดรเวอร์ RDNA 1 และ RDNA 2 จะเข้าสู่โหมด “maintenance” ซึ่งหลายคนตีความว่าอาจหยุดการอัปเดตเกมใหม่ ๆ แต่ AMD ยืนยันว่าจะยังมีการปรับแต่งเกมต่อไปใน Windows ส่วนฝั่ง Linux นั้น...สบายใจได้ เพราะใช้ระบบไดรเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาแยกต่างหาก

    ที่สำคัญคือ AMD ตัดสินใจ “เลิกพัฒนา AMDVLK” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ Linux แบบโอเพ่นซอร์สที่เคยดูแลเอง แล้วหันไปสนับสนุน “RADV” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นเอง และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Valve, Google และ Red Hat

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม:
    RADV เป็นไดรเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า AMDVLK ในหลายกรณี และเป็นตัวเลือกหลักของผู้ใช้ Linux
    การพัฒนาไดรเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สช่วยให้การสนับสนุนฮาร์ดแวร์เก่ายังคงอยู่ได้นาน แม้บริษัทผู้ผลิตจะหยุดพัฒนาไปแล้ว

    AMD ปรับสถานะไดรเวอร์ RDNA 1 และ 2 บน Windows
    เข้าสู่โหมด maintenance แต่ยังมีการปรับแต่งเกมใหม่
    ไม่ได้หยุดการสนับสนุนโดยสิ้นเชิง

    ผู้ใช้ Linux ไม่ได้รับผลกระทบ
    ไดรเวอร์ Linux พัฒนาแยกจาก Windows โดยสิ้นเชิง
    ใช้ระบบโอเพ่นซอร์สที่มีการสนับสนุนจากชุมชน

    การเปลี่ยนผ่านจาก AMDVLK ไปสู่ RADV
    AMDVLK ถูกยกเลิกตั้งแต่ 15 กันยายน 2025
    RADV ได้รับการสนับสนุนจาก Valve, Google และ Red Hat
    RADV มีประสิทธิภาพสูงกว่า AMDVLK ในหลายด้าน

    ความแข็งแกร่งของระบบโอเพ่นซอร์ส
    แม้ AMD จะหยุดพัฒนา แต่ RADV ยังมีผู้ดูแลจากหลายองค์กร
    การสนับสนุนฮาร์ดแวร์เก่ายังคงดำเนินต่อไป

    ความเข้าใจผิดจากประกาศของ AMD
    หลายคนคิดว่า Linux จะหยุดรับการอัปเดตไดรเวอร์ด้วย
    ความสับสนเกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนในช่วงแรก

    ความเสี่ยงหากใช้ไดรเวอร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดต
    อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับเกมใหม่หรือฟีเจอร์ใหม่
    ควรตรวจสอบเวอร์ชันไดรเวอร์ก่อนอัปเดตระบบหรือเกม

    ใครที่ใช้ Linux เล่นเกมบน Radeon GPU ก็หายห่วงได้เลย เพราะ RADV ยังอยู่ และยังแรง!

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/linux-gamers-wont-be-affected-by-rx-5000-6000-series-driver-shift-amd-changes-limited-to-windows-thanks-to-separated-development
    🧠 ข่าวใหญ่สายไอที: AMD ปรับทิศทางไดรเวอร์ GPU แต่ Linux ยังปลอดภัย! ถ้าคุณเป็นสายเกมหรือสาย Linux แล้วได้ยินว่า AMD จะหยุดพัฒนาไดรเวอร์สำหรับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RX 5000 และ RX 6000 อาจจะรู้สึกใจหาย แต่ข่าวดีคือ...การเปลี่ยนแปลงนี้ “ไม่กระทบผู้ใช้ Linux” เพราะ AMD แยกการพัฒนาไดรเวอร์ระหว่าง Windows และ Linux อย่างชัดเจน เรื่องเริ่มจาก AMD ประกาศว่าไดรเวอร์ RDNA 1 และ RDNA 2 จะเข้าสู่โหมด “maintenance” ซึ่งหลายคนตีความว่าอาจหยุดการอัปเดตเกมใหม่ ๆ แต่ AMD ยืนยันว่าจะยังมีการปรับแต่งเกมต่อไปใน Windows ส่วนฝั่ง Linux นั้น...สบายใจได้ เพราะใช้ระบบไดรเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาแยกต่างหาก ที่สำคัญคือ AMD ตัดสินใจ “เลิกพัฒนา AMDVLK” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ Linux แบบโอเพ่นซอร์สที่เคยดูแลเอง แล้วหันไปสนับสนุน “RADV” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นเอง และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Valve, Google และ Red Hat 💡 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม: 💠 RADV เป็นไดรเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า AMDVLK ในหลายกรณี และเป็นตัวเลือกหลักของผู้ใช้ Linux 💠 การพัฒนาไดรเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สช่วยให้การสนับสนุนฮาร์ดแวร์เก่ายังคงอยู่ได้นาน แม้บริษัทผู้ผลิตจะหยุดพัฒนาไปแล้ว ✅ AMD ปรับสถานะไดรเวอร์ RDNA 1 และ 2 บน Windows ➡️ เข้าสู่โหมด maintenance แต่ยังมีการปรับแต่งเกมใหม่ ➡️ ไม่ได้หยุดการสนับสนุนโดยสิ้นเชิง ✅ ผู้ใช้ Linux ไม่ได้รับผลกระทบ ➡️ ไดรเวอร์ Linux พัฒนาแยกจาก Windows โดยสิ้นเชิง ➡️ ใช้ระบบโอเพ่นซอร์สที่มีการสนับสนุนจากชุมชน ✅ การเปลี่ยนผ่านจาก AMDVLK ไปสู่ RADV ➡️ AMDVLK ถูกยกเลิกตั้งแต่ 15 กันยายน 2025 ➡️ RADV ได้รับการสนับสนุนจาก Valve, Google และ Red Hat ➡️ RADV มีประสิทธิภาพสูงกว่า AMDVLK ในหลายด้าน ✅ ความแข็งแกร่งของระบบโอเพ่นซอร์ส ➡️ แม้ AMD จะหยุดพัฒนา แต่ RADV ยังมีผู้ดูแลจากหลายองค์กร ➡️ การสนับสนุนฮาร์ดแวร์เก่ายังคงดำเนินต่อไป ‼️ ความเข้าใจผิดจากประกาศของ AMD ⛔ หลายคนคิดว่า Linux จะหยุดรับการอัปเดตไดรเวอร์ด้วย ⛔ ความสับสนเกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนในช่วงแรก ‼️ ความเสี่ยงหากใช้ไดรเวอร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดต ⛔ อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับเกมใหม่หรือฟีเจอร์ใหม่ ⛔ ควรตรวจสอบเวอร์ชันไดรเวอร์ก่อนอัปเดตระบบหรือเกม ใครที่ใช้ Linux เล่นเกมบน Radeon GPU ก็หายห่วงได้เลย เพราะ RADV ยังอยู่ และยังแรง! 🎮 https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/linux-gamers-wont-be-affected-by-rx-5000-6000-series-driver-shift-amd-changes-limited-to-windows-thanks-to-separated-development
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 1

    William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks
    แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง

    ใครคือ William Boyce Thompson

    Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank

    และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System
    เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป!
    ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก

    ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ

    Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง

    ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson

    Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา

    “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น”

    Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 2

    ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด

    Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ

    หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย”
    นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้

    นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ

    นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร

    หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks

    นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ

    Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป
    ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก

    หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง

    รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า :

    “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    01 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 1 William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง ใครคือ William Boyce Thompson Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป! ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น” Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 2 ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย” นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้ นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า : “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 01 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินเทอร์เน็ตล่มทั่วโลก! Microsoft Azure ป่วนหนัก กระทบบริการนับสิบ

    เหตุการณ์ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น AWS ล่ม กลับกลายเป็นความผิดพลาดจาก Microsoft Azure ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการออนไลน์ทั่วโลก ตั้งแต่ Xbox, Outlook, Google Cloud ไปจนถึงสายการบินและธนาคาร

    วันที่ 29 ตุลาคม 2025 เวลา 16:00 UTC Microsoft Azure เริ่มมีปัญหาที่ระบบ Azure Front Door (AFD) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการจัดการทราฟฟิก ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึง Azure Portal และบริการอื่น ๆ ได้ตามปกติ

    ในช่วงแรก หลายคนเข้าใจว่า AWS เป็นต้นเหตุ เพราะ Downdetector แสดงสัญญาณผิดปกติคล้ายกับเหตุการณ์ AWS ล่มเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ในที่สุด Microsoft ก็ออกมายืนยันว่า Azure คือผู้ก่อเหตุครั้งนี้

    ผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร บริการที่ได้รับผลกระทบมีทั้ง Microsoft 365, Xbox, Minecraft, Outlook, Google Cloud, Zoom, Starbucks, ธนาคาร และแม้แต่สายการบินอย่าง Alaska Airlines ที่ต้องให้ผู้โดยสารเช็กอินด้วยตนเองที่สนามบิน

    Microsoft ระบุว่า สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงค่าคอนฟิกโดยไม่ตั้งใจ และกำลังดำเนินการแก้ไขโดยการย้อนกลับไปใช้ค่าคอนฟิกเดิม พร้อมบล็อกการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดชั่วคราว

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ Microsoft มีกำหนดจัดประชุมรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปอีก

    นี่คือบทเรียนสำคัญว่า “อินเทอร์เน็ตไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่เราคิด” และในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจกลายเป็นหายนะระดับโลกได้ในพริบตา

    Microsoft Azure ล่มทั่วโลกจากปัญหา Azure Front Door
    เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 เวลา 16:00 UTC
    ส่งผลให้บริการหลายตัวไม่สามารถเข้าถึงได้
    Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเปลี่ยนค่าคอนฟิกโดยไม่ตั้งใจ

    บริการที่ได้รับผลกระทบ
    Microsoft 365, Xbox, Minecraft, Outlook
    Google Cloud, Zoom, Starbucks, Capital One
    สายการบิน Alaska Airlines และ Hawaiian Airlines
    ธนาคารในสหราชอาณาจักร เช่น NatWest, Nationwide, RBS

    การแก้ไขของ Microsoft
    ย้อนกลับค่าคอนฟิกไปยังสถานะเดิม
    บล็อกการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดชั่วคราว
    แนะนำให้ใช้ Azure Traffic Manager เป็นทางเลือกในการ failover

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    ความล้มเหลวของ Azure ส่งผลกระทบถึง DNS และ CDN
    แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ด้านความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐาน

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เพียงเจ้าเดียว
    เมื่อระบบล่ม อาจกระทบบริการหลายล้านคนพร้อมกัน
    ธุรกิจที่ไม่มีแผนสำรองอาจสูญเสียรายได้มหาศาล

    การตั้งค่าระบบโดยไม่มีการตรวจสอบหลายชั้น
    การเปลี่ยนแปลงค่าคอนฟิกเพียงครั้งเดียวอาจสร้างผลกระทบระดับโลก
    ควรมีระบบตรวจสอบและจำลองผลก่อนใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/news/live/aws-outage-strikes-again-colossal-internet-breakdown-strikes-again
    🌐💥 อินเทอร์เน็ตล่มทั่วโลก! Microsoft Azure ป่วนหนัก กระทบบริการนับสิบ เหตุการณ์ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น AWS ล่ม กลับกลายเป็นความผิดพลาดจาก Microsoft Azure ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการออนไลน์ทั่วโลก ตั้งแต่ Xbox, Outlook, Google Cloud ไปจนถึงสายการบินและธนาคาร วันที่ 29 ตุลาคม 2025 เวลา 16:00 UTC Microsoft Azure เริ่มมีปัญหาที่ระบบ Azure Front Door (AFD) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการจัดการทราฟฟิก ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึง Azure Portal และบริการอื่น ๆ ได้ตามปกติ ในช่วงแรก หลายคนเข้าใจว่า AWS เป็นต้นเหตุ เพราะ Downdetector แสดงสัญญาณผิดปกติคล้ายกับเหตุการณ์ AWS ล่มเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ในที่สุด Microsoft ก็ออกมายืนยันว่า Azure คือผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร บริการที่ได้รับผลกระทบมีทั้ง Microsoft 365, Xbox, Minecraft, Outlook, Google Cloud, Zoom, Starbucks, ธนาคาร และแม้แต่สายการบินอย่าง Alaska Airlines ที่ต้องให้ผู้โดยสารเช็กอินด้วยตนเองที่สนามบิน Microsoft ระบุว่า สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงค่าคอนฟิกโดยไม่ตั้งใจ และกำลังดำเนินการแก้ไขโดยการย้อนกลับไปใช้ค่าคอนฟิกเดิม พร้อมบล็อกการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดชั่วคราว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ Microsoft มีกำหนดจัดประชุมรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปอีก นี่คือบทเรียนสำคัญว่า “อินเทอร์เน็ตไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่เราคิด” และในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจกลายเป็นหายนะระดับโลกได้ในพริบตา ✅ Microsoft Azure ล่มทั่วโลกจากปัญหา Azure Front Door ➡️ เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 เวลา 16:00 UTC ➡️ ส่งผลให้บริการหลายตัวไม่สามารถเข้าถึงได้ ➡️ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเปลี่ยนค่าคอนฟิกโดยไม่ตั้งใจ ✅ บริการที่ได้รับผลกระทบ ➡️ Microsoft 365, Xbox, Minecraft, Outlook ➡️ Google Cloud, Zoom, Starbucks, Capital One ➡️ สายการบิน Alaska Airlines และ Hawaiian Airlines ➡️ ธนาคารในสหราชอาณาจักร เช่น NatWest, Nationwide, RBS ✅ การแก้ไขของ Microsoft ➡️ ย้อนกลับค่าคอนฟิกไปยังสถานะเดิม ➡️ บล็อกการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดชั่วคราว ➡️ แนะนำให้ใช้ Azure Traffic Manager เป็นทางเลือกในการ failover ✅ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ความล้มเหลวของ Azure ส่งผลกระทบถึง DNS และ CDN ➡️ แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ด้านความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐาน ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เพียงเจ้าเดียว ⛔ เมื่อระบบล่ม อาจกระทบบริการหลายล้านคนพร้อมกัน ⛔ ธุรกิจที่ไม่มีแผนสำรองอาจสูญเสียรายได้มหาศาล ‼️ การตั้งค่าระบบโดยไม่มีการตรวจสอบหลายชั้น ⛔ การเปลี่ยนแปลงค่าคอนฟิกเพียงครั้งเดียวอาจสร้างผลกระทบระดับโลก ⛔ ควรมีระบบตรวจสอบและจำลองผลก่อนใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/news/live/aws-outage-strikes-again-colossal-internet-breakdown-strikes-again
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • A 200g gold bar is a highly popular choice among investors seeking a balance between affordability, liquidity, and long-term value. As one of the most versatile sizes in the bullion market, it offers substantial gold weight while remaining easy to store, trade, and transport. Whether you’re expanding your portfolio or making your first investment, the 200g gold bar represents a smart step toward financial security.

    https://www.a1mint.com/shop/gold/gold-bars/a1j-200g-gold-bar/
    A 200g gold bar is a highly popular choice among investors seeking a balance between affordability, liquidity, and long-term value. As one of the most versatile sizes in the bullion market, it offers substantial gold weight while remaining easy to store, trade, and transport. Whether you’re expanding your portfolio or making your first investment, the 200g gold bar represents a smart step toward financial security. https://www.a1mint.com/shop/gold/gold-bars/a1j-200g-gold-bar/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ CVE-2025-61481 ใน MikroTik เปิดทางขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลผ่าน WebFig ที่ไม่เข้ารหัส — คะแนนร้ายแรงระดับ 10 เต็ม

    ช่องโหว่ใหม่ใน MikroTik RouterOS และ SwitchOS เปิดเผยว่าหน้า WebFig ซึ่งใช้จัดการอุปกรณ์จะทำงานผ่าน HTTP แบบไม่เข้ารหัสโดยค่าเริ่มต้น ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับรหัสผ่านผู้ดูแลระบบได้ง่าย ๆ หากอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนก่อน

    ข้อมูลสำคัญจากช่องโหว่ CVE-2025-61481
    กระทบ MikroTik RouterOS v7.14.2 และ SwitchOS v2.18
    WebFig เปิดใช้งานผ่าน HTTP โดยไม่มีการ redirect ไป HTTPS
    หลัง factory reset หน้า login และ JavaScript ทั้งหมดโหลดผ่าน HTTP

    ข้อมูลรับรองถูกส่งแบบ cleartext ผ่าน port 80
    JavaScript ฝั่ง client เก็บรหัสผ่านไว้ใน window.sessionStorage
    Packet capture ยืนยันว่า traffic และ credentials ถูกส่งแบบไม่เข้ารหัส

    ผู้โจมตีสามารถดักจับและแก้ไขข้อมูลได้ทันที
    แค่เชื่อมต่ออยู่ใน LAN หรือ Wi-Fi เดียวกันก็สามารถทำ MitM ได้
    เมื่อได้รหัสผ่านแล้ว สามารถเปลี่ยน routing, firewall หรือฝังสคริปต์ RCE ได้

    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงรุ่นยอดนิยม เช่น CRS326-24G-2S+
    มีแนวโน้มว่าอุปกรณ์อื่นที่ใช้ WebFig component เดียวกันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
    พบมากใน SMB และ ISP ที่ใช้ WebFig สำหรับตั้งค่าภายใน

    คำแนะนำจากนักวิจัย
    จำกัดการเข้าถึง WebFig เฉพาะ VLAN หรือเครือข่ายที่เชื่อถือได้
    เปิดใช้งาน HTTPS ด้วยตนเองในหน้า config
    ใช้ SSH หรือ VPN แทน WebFig หากเป็นไปได้
    ปิดการเข้าถึง HTTP หากไม่จำเป็น

    https://securityonline.info/critical-mikrotik-flaw-cve-2025-61481-cvss-10-0-exposes-router-admin-credentials-over-unencrypted-http-webfig/
    ⚠️🔓 ช่องโหว่ CVE-2025-61481 ใน MikroTik เปิดทางขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลผ่าน WebFig ที่ไม่เข้ารหัส — คะแนนร้ายแรงระดับ 10 เต็ม ช่องโหว่ใหม่ใน MikroTik RouterOS และ SwitchOS เปิดเผยว่าหน้า WebFig ซึ่งใช้จัดการอุปกรณ์จะทำงานผ่าน HTTP แบบไม่เข้ารหัสโดยค่าเริ่มต้น ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับรหัสผ่านผู้ดูแลระบบได้ง่าย ๆ หากอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนก่อน ✅ ข้อมูลสำคัญจากช่องโหว่ CVE-2025-61481 ✅ กระทบ MikroTik RouterOS v7.14.2 และ SwitchOS v2.18 ➡️ WebFig เปิดใช้งานผ่าน HTTP โดยไม่มีการ redirect ไป HTTPS ➡️ หลัง factory reset หน้า login และ JavaScript ทั้งหมดโหลดผ่าน HTTP ✅ ข้อมูลรับรองถูกส่งแบบ cleartext ผ่าน port 80 ➡️ JavaScript ฝั่ง client เก็บรหัสผ่านไว้ใน window.sessionStorage ➡️ Packet capture ยืนยันว่า traffic และ credentials ถูกส่งแบบไม่เข้ารหัส ✅ ผู้โจมตีสามารถดักจับและแก้ไขข้อมูลได้ทันที ➡️ แค่เชื่อมต่ออยู่ใน LAN หรือ Wi-Fi เดียวกันก็สามารถทำ MitM ได้ ➡️ เมื่อได้รหัสผ่านแล้ว สามารถเปลี่ยน routing, firewall หรือฝังสคริปต์ RCE ได้ ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงรุ่นยอดนิยม เช่น CRS326-24G-2S+ ➡️ มีแนวโน้มว่าอุปกรณ์อื่นที่ใช้ WebFig component เดียวกันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ➡️ พบมากใน SMB และ ISP ที่ใช้ WebFig สำหรับตั้งค่าภายใน ✅ คำแนะนำจากนักวิจัย ➡️ จำกัดการเข้าถึง WebFig เฉพาะ VLAN หรือเครือข่ายที่เชื่อถือได้ ➡️ เปิดใช้งาน HTTPS ด้วยตนเองในหน้า config ➡️ ใช้ SSH หรือ VPN แทน WebFig หากเป็นไปได้ ➡️ ปิดการเข้าถึง HTTP หากไม่จำเป็น https://securityonline.info/critical-mikrotik-flaw-cve-2025-61481-cvss-10-0-exposes-router-admin-credentials-over-unencrypted-http-webfig/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical MikroTik Flaw (CVE-2025-61481, CVSS 10.0) Exposes Router Admin Credentials Over Unencrypted HTTP WebFig
    A Critical (CVSS 10.0) flaw (CVE-2025-61481) in MikroTik RouterOS/SwOS exposes the WebFig management interface over unencrypted HTTP by default, allowing remote credential theft via MitM.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon เตรียมปลดพนักงาน 30,000 คน — หนึ่งในเก้าของพนักงานสายองค์กร

    Amazon กำลังเตรียมการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีแผนลดจำนวนพนักงานสายองค์กรถึง 30,000 คน หรือประมาณ “หนึ่งในเก้า” จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มนี้ ซึ่งอยู่ที่ราว 350,000 คน ไม่รวมพนักงานคลังสินค้า

    การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, การชำระเงิน, เกม และ AWS

    จำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ
    ประมาณ 30,000 คนจากสายงานองค์กรทั่วโลก
    คิดเป็น 11.4% ของพนักงานองค์กรทั้งหมด

    สาเหตุหลักของการปลดพนักงาน
    ลดต้นทุนหลังจากการขยายตัวเกินจำเป็นช่วงโควิด
    ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับยุคหลังการระบาด
    เน้นลงทุนในเทคโนโลยี AI มากขึ้น โดยเฉพาะใน AWS

    แผนการแจ้งปลดพนักงาน
    จะเริ่มส่งอีเมลแจ้งพนักงานในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
    บรรยากาศในสำนักงานเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่มีทีมใดที่ปลอดภัยจากการปลด

    แนวโน้มการจ้างงานของ Amazon
    หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2017–2022 ตอนนี้บริษัทกลับมาใช้แนวทางจ้างงานแบบระมัดระวัง
    เคยปลดพนักงานครั้งใหญ่ในปี 2023 เมื่อมีจำนวนพนักงานองค์กรเท่ากัน

    การลงทุนใน AI ที่สวนทางกับการปลดพนักงาน
    งบลงทุนเพิ่มจาก $83 พันล้านในปี 2024 เป็นมากกว่า $100 พันล้านในปี 2025
    ส่วนใหญ่ใช้พัฒนาเทคโนโลยี AI ภายใน AWS

    ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและวัฒนธรรมองค์กร
    พนักงานอาจรู้สึกไม่มั่นคง แม้จะอยู่ในทีมที่ยังไม่ถูกปลด
    ความไม่แน่นอนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

    การปลดพนักงานอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
    แม้จะเป็นการปรับโครงสร้าง แต่จำนวนที่มากอาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของปัญหา
    อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้สมัครงานในอนาคต

    https://securityonline.info/one-in-nine-amazon-prepares-for-massive-layoff-of-30000-corporate-staff/
    🏢📉 Amazon เตรียมปลดพนักงาน 30,000 คน — หนึ่งในเก้าของพนักงานสายองค์กร Amazon กำลังเตรียมการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีแผนลดจำนวนพนักงานสายองค์กรถึง 30,000 คน หรือประมาณ “หนึ่งในเก้า” จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มนี้ ซึ่งอยู่ที่ราว 350,000 คน ไม่รวมพนักงานคลังสินค้า การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, การชำระเงิน, เกม และ AWS ✅ จำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ประมาณ 30,000 คนจากสายงานองค์กรทั่วโลก ➡️ คิดเป็น 11.4% ของพนักงานองค์กรทั้งหมด ✅ สาเหตุหลักของการปลดพนักงาน ➡️ ลดต้นทุนหลังจากการขยายตัวเกินจำเป็นช่วงโควิด ➡️ ปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับยุคหลังการระบาด ➡️ เน้นลงทุนในเทคโนโลยี AI มากขึ้น โดยเฉพาะใน AWS ✅ แผนการแจ้งปลดพนักงาน ➡️ จะเริ่มส่งอีเมลแจ้งพนักงานในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ➡️ บรรยากาศในสำนักงานเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่มีทีมใดที่ปลอดภัยจากการปลด ✅ แนวโน้มการจ้างงานของ Amazon ➡️ หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2017–2022 ตอนนี้บริษัทกลับมาใช้แนวทางจ้างงานแบบระมัดระวัง ➡️ เคยปลดพนักงานครั้งใหญ่ในปี 2023 เมื่อมีจำนวนพนักงานองค์กรเท่ากัน ✅ การลงทุนใน AI ที่สวนทางกับการปลดพนักงาน ➡️ งบลงทุนเพิ่มจาก $83 พันล้านในปี 2024 เป็นมากกว่า $100 พันล้านในปี 2025 ➡️ ส่วนใหญ่ใช้พัฒนาเทคโนโลยี AI ภายใน AWS ‼️ ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและวัฒนธรรมองค์กร ⛔ พนักงานอาจรู้สึกไม่มั่นคง แม้จะอยู่ในทีมที่ยังไม่ถูกปลด ⛔ ความไม่แน่นอนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ‼️ การปลดพนักงานอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ⛔ แม้จะเป็นการปรับโครงสร้าง แต่จำนวนที่มากอาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของปัญหา ⛔ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้สมัครงานในอนาคต https://securityonline.info/one-in-nine-amazon-prepares-for-massive-layoff-of-30000-corporate-staff/
    SECURITYONLINE.INFO
    One in Nine: Amazon Prepares for Massive Layoff of 30,000 Corporate Staff
    Amazon is reportedly planning to cut 30,000 corporate jobs across logistics, payments, and AWS as part of a major post-pandemic cost reduction effort.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (3)

    ก่อนปี คศ 1882 โลกรู้จัก น้ำมันเหนียวๆ ดำๆ ที่เรา เรียกว่า ปิโตรเลียมแล้ว แต่ยังไม่รู้จะเอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง และยังไม่รู้ว่า มันเป็นของมีค่ามหาศาล ถึงขนาดที่ฝ่ายที่อยากได้ หรือฝ่ายที่ไม่อยากให้ใครได้ไป พร้อมที่จะสร้างเรื่อง เพื่อทำสงครามฆ่าฟันประชาชนเจ้าของประเทศที่เป็นเจ้าของน้ำมันดำๆ เหนียวๆ นี้ ให้ตายเป็นเบือและประเทศเขาพินาศย่อยยับ อย่างไม่รู้สึกผิดและละอายแม้แต่น้อย

    ปี คศ 1853 ชาวเยอรมันชื่อ Stohwasser เป็นผู้ใช้เทคนิค ผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันที่เรียกว่า ” rock oil” เพราะมันจะไหลออกมาจากก้อนหิน ในแหล่งที่มีน้ำมัน เช่นที่ Titusville ที่ รัฐ Pennsyvania หรือ ที่ Baku ของรัสเซีย หรือที่ Galicia ที่ขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์

    John D Rockefeller คนโคตรรวยตัวแสบของอเมริกา คงได้ยินเรื่องน้ำมันตะเกียงของ เยอรมัน จึงตั้งบริษัทน้ำมัน The Standard Oil Company ขึ้นในปี คศ 1870 เพื่อขายน้ำมันตะเกียงบ้าง รวมทั้งน้ำมัน ที่นำมาใช้ผสมกับตัวยา เพื่อเป็นยารักษาโรค มันเป็นน้ำมันชนิดราคาถูก แต่ก็ทำให้ Rockefeller รวยขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้เหมือนกัน เพราะเขาเล่นใช้วิธีผูกขาด และบี้ราคาคูแข่ง จนอยูไม่ได้และต้องขายกิจการให้เขาในราคาถูก ดีกว่าเจ๊งจนไม่เหลือแม้แต่กางเกง

    ดูเหมือนคนขายปุ๋ย ขายไก่แถวบ้านสมันน้อย ก็นำวิธีนี้มาใช้ บี้มันทุกกิจการ คนค้าขายคนเล็ก คนน้อย จึงต้องถอยร่น หร่อยหรอ และหายไปในที่สุด เหลือแต่รายใหญ่ยักษ์ครอบงำเกือบทั้งประเทศ รวย และก็เลว ไม่ต่างกัน

    ในขณะเดียวกับที่ Standard Oil ของ Rockefeller กำลังก้าวหน้า เขมือบคู่แข่งในอเมริกาไปเรื่อยๆ เจ้าพ่อของอีกฝั่งหนึ่งของมหา สมุทรแอตแลนติก ตระกูล Rothschild จมูกไว ก็เข้าไปขุดเจาะน้ำมันที่ Baku ใน Azerbaijun ของรัสเซีย ในปี คศ 1880 Rothschild มีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง Rothschild ซึ่งมีรากเหง้ามาจากยิว ไม่ได้ไปขุดน้ำมันแต่ลำพัง ขนเอาบรรดาญาติพี่น้องของตระกูล ที่กระจายอยู่ในเมืองต่างๆของยุโรป เข้าไปค้าขาย และขยายพันธ์อยู่ในรัสเซียด้วย เป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย ที่แสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบยิว และไม่ชอบใจ Rothschild
    ปี คศ 1882 กัปตัน Fisher แห่งกองทัพเรืออังกฤษ พยายามชักชวน ให้กองทัพเรืออังกฤษ เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือรบ จากใช้ถ่านหิน เป็นใช้น้ำมัน ซึ่งจะทำให้เรือรบน้ำหนักเบาลง และวิ่งได้เร็วขึ้น Fisher ไม่ได้เป็นรายแรก ที่คิดติดเครื่องให้เรือวิ่งด้วยน้ำมันแทนถ่านหิน รัสเซียก็ใช้มาแล้ว เป็นเรือกลไฟเติมน้ำมัน ที่รัสเซียเรียกว่า “mazut” วิ่งควันโขมงอยู่บริเวณทะเลสาป Caspain

    กัปตัน Fisher ทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด ถึงข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ระหว่างการใช้เครื่องยนต์ ที่ใช้น้ำมันกับใช้ถ่านหิน ในที่สุด กองทัพเรืออังกฤษก็เห็นด้วย ที่จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะ ถ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือของอังกฤษจะยิ่งกว่าใหญ่เท่านั้น มันคงจะทำให้ความฝัน ที่จะครองโลกไปตลอดกาลนานของอังกฤษ เป็นความจริงอีกด้วย

    อังกฤษคิดหนัก ฝันนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่ออังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แม้แต่แหล่งเดียว

    ส่วนน้ำมันที่ Baku ของรัสเซีย ก็ทำท่าจะมีปัญหาประดังกันมา เรื่องแรก Rothschild ไม่ได้มีจมูกไวคนเดียว Rockefeller ก็มีคนตามดมกลิ่นให้เหมือนกัน ประมาณปี คศ. 1884 Rockefeller จึงเข้าไปใน Baku ช่วงแรก 2 ค่ายแข่งกันขุด แย่งกันขาย ผลปรากฏว่า อาการหนักทั้งคู่ น้ำมันล้นตลาด และราคาตก 2 เจ้าพ่อจึงจับมือตกลงกัน แบ่งเขต แบ่งโควต้ากันเอง ทำเหมือน Baku เป็นที่ดินสาธารณะ ไม่มีเจ้าของ ไม่เห็นหัวซาร์นิโคลัส เจ้าของตัวจริง

    เรื่องเอายิวไปแพร่พันธ์อยูใน รัสเซีย ก็ทำให้ซาร์นิโคลัส เหม็นหน้า Rothschild พอแล้ว นี่ Rothschild รวมหัวกับ Rockefelker ทำข้อตกลง เรื่องการขุดและขายน้ำมันที่ Baku อย่างนี้ ซาร์จะรับไหวหรือ เขาเฉี่ยวหัวเอา เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของ นโยบายส่งยิวออกนอกรัสเซีย จึงเริ่มเป็นรูปธรรม และแน่นอน นโยบายนี้ จึงเป็นการสร้างความขุ่น แค้นเคือง อาฆาต ไว้กับหลายกลุ่ม หลายคน เมื่อโอกาสจะครอบครอง แหล่งน้ำมันที่รัสเซีย ไม่ง่ายอย่างที่คิด อังกฤษจึงต้องหาเสาหลักที่สามต่อไป อย่างเร่งด่วน

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (4)

    ในปี คศ 1902 เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า บริเวณอาณาจักรออตโตมาน ที่เรียกกันว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) คือ อิรัคและคูเวตในปัจจุบันนี้แหละ เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม แต่ละแหล่งจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะเข้าไปถึงแหล่งได้อย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่การเจอแหล่งน้ำมันนี้ ก็ทำให้บรรดานักชิงน้ำมัน อยากเป็นเจ้าของปั้ม คิดแผนกันวุ่นไปหมด จนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้

    ในที่สุด ปี คศ 1905 อังกฤษ ซึ่งใช้สายลับระดับใกล้เคียง 007 นาย Sidney Reilly ตามสืบจนรู้ว่า นาย William Knox d’Arcy วิศวกรชาวออสเตรเลีย และเป็นนักสำรวจธรณีวิทยาสมัครเล่น ซึ่งมีข่าวว่าเจอน้ำมัน ที่วิหารเก่าแก่แถวเมืองโบราณของอิหร่าน และเทียวไปเทียวมาที่ลอนดอน เพื่อหาเงินกู้มาใช้ในการขุดน้ำมัน ซึ่งโอกาสได้เงินกู้ ริบหรี่มาก
    แต่นาย d’Arcy นับว่ายังมีโชค เนื่องจากเขาเป็นวิศวกร จึงมีโอกาสได้รับใช้ Shah Muzaffar กษัตริย์เปอร์เซีย (อิหร่าน ปัจจุบัน) ซึ่งเพิ่งขึ้นมาครองบัลลังก์ในตอนนั้น และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาประ เทศ โดยการสร้างทางรถไฟ ปี คศ 1901 Shah ตอบแทน d’Arcy ในการให้คำปรึกษาต่างๆ ด้วยการให้สัมปทานอายุ 60 ปี ที่จะขุดเจาะแผ่นดินส่วนไหนของเปอร์เซียก็ได้ ขุดเจออะไร ก็ให้ตกเป็นทรัพย์สินของนาย d’Arcy เขาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ Shah ไป สองหมื่นเหรียญ พร้อมตกลงแบ่งให้ Shah 16 เปอร์เซนต์ของรายรับที่จะได้ มันเป็นสัมปทาน ที่ตกทอดถึงทายาท และผู้รับโอนด้วย

    สายลับ Reilly ปลอมตัวเป็นพระ เพราะรู้ว่า นาย d’Arcy เป็นคนเคร่งศาสนา เขาเกลี้ยกล่อม หว่านล้อม จนในที่สุด นาย d’Arcy ซึ่งกำลังจะเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มธนาคารฝรั่งเศส ของพวก Rothschild เปลี่ยนใจ โอนสัมปทานให้พระปลอมแทน นาย d’Arcy คงนึกว่าได้ทำบุญกับพระเจ้า คงคิดไม่ต่างกับพวกที่ทำบุญกับพระปลอม ที่มาจากวัดจานบิน

    ได้แหล่งน้ำมาแล้ว 1 รายการ แต่คงไม่พอ สำหรับจะใช้เพื่อเป็นอาวุธครองโลก อังกฤษสายตายาวไกล มองจ้อง และจองเอาไว้ ทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแถบ Mosul อังกฤษ รู้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ไม่น่าจะนานเกินรอ อังกฤษมีแผนเรียบร้อยแล้ว แค่รอจังหวะเวลาบางเรื่องเท่านั้นเอง

    แต่ใช่ว่ามีแต่อังกฤษ ที่คิดครองแหล่งน้ามัน เยอรมันเองก็คิด อาจจะต่างกันที่วิธีการ หรือกลยุทธ เท่านั้นเอง

    ประมาณปี คศ 1870 อุตสาหกรรมของอังกฤษ นำหน้าเยอรมัน ชนิดทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น ในความเห็นของอังกฤษขณะนั้น เยอรมันไม่มีทีท่า ว่าจะขึ้นมาเป็นคู่แข่ง เรียกว่าไม่อยู่ในสายตาของอังกฤษ เอาเลย แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 ปี อุตสาหกรรมของเยอรมัน โตเร็วเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ การผลิตเหล็ก การไฟฟ้า เครื่องจักร เคมี ปุ๋ย ยารักษาโรคฯลฯ และทำให้เยอรมันเอง ก็ต้องการน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ในการทำอุตสาหกรรม

    และในขณะนั้น เยอรมัน ก็ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง เยอรมันต้องพึ่งน้ำมันของ Standard Oil จึงอยู่ในกำมือของ Rockefeller จนหน้าเขียว เยอรมันจะทนหน้าเขียวไปตลอด ก็คงไม่ไหว

    กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงินของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank จึงเจรจา กับรัฐบาลของออตโตมาน เพื่อรับสร้างทางรถไฟ ที่จะวิ่งจาก กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของออตโตมาน ข้ามผ่านอนาโตเลีย เป็นเส้นทางที่เยอรมันวางแผน จะให้ไปถึงเมือง แบกแดด เป็นเส้นทางที่ผ่านแหล่งน้ำมันใหญ่ไปตลอดสาย ข่าวนี้ ทำให้อังกฤษเครียดอย่างยิ่ง และถึงกับนอนฝันร้าย เมื่อมีรายงานข่าวว่า ระหว่างสร้างทางรถไฟ สัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน กับออตโตมาน ก็กระชับแน่นขึ้น แน่นขึ้น ไปเรื่อยๆ
    สัมพันธ์คงกระชับกันแน่นจริง ในที่สุดออตโตมาน ก็ตกลง ให้เยอรมันสร้างทางรถไฟยาว ไปถึงแบกแดด ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาว 2,500 ไมล์ ฝันร้ายของอังกฤษ กลายเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องจริงที่ดีเกินความ ฝัน ของเยอรมัน เพราะ ในปี 1912 จากการเจรจาของ Deutsche Bank ออตโตมานเกิดใจดี แถมให้สิทธิ 2 ข้างทาง (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร ยาวตลอดเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะไปถึง Mosul หรือ อืรัค ในปัจจุบัน แก่เยอรมัน

    ข่าวนี้ทำให้อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ถึงกับยืนไม่อยู่ เข่าทรุดทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เท้าทั้ง 2 ข้าง จากนิ้วก้อยถึงนิ้วโป้ง ทำท่าจะรับน้ำหนักต่อไปอีกไม่ไหว จะให้ดีแบบนี้ ต้องมี 4 เท้า ถึงจะยืนอยู่ได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (3) ก่อนปี คศ 1882 โลกรู้จัก น้ำมันเหนียวๆ ดำๆ ที่เรา เรียกว่า ปิโตรเลียมแล้ว แต่ยังไม่รู้จะเอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง และยังไม่รู้ว่า มันเป็นของมีค่ามหาศาล ถึงขนาดที่ฝ่ายที่อยากได้ หรือฝ่ายที่ไม่อยากให้ใครได้ไป พร้อมที่จะสร้างเรื่อง เพื่อทำสงครามฆ่าฟันประชาชนเจ้าของประเทศที่เป็นเจ้าของน้ำมันดำๆ เหนียวๆ นี้ ให้ตายเป็นเบือและประเทศเขาพินาศย่อยยับ อย่างไม่รู้สึกผิดและละอายแม้แต่น้อย ปี คศ 1853 ชาวเยอรมันชื่อ Stohwasser เป็นผู้ใช้เทคนิค ผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันที่เรียกว่า ” rock oil” เพราะมันจะไหลออกมาจากก้อนหิน ในแหล่งที่มีน้ำมัน เช่นที่ Titusville ที่ รัฐ Pennsyvania หรือ ที่ Baku ของรัสเซีย หรือที่ Galicia ที่ขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์ John D Rockefeller คนโคตรรวยตัวแสบของอเมริกา คงได้ยินเรื่องน้ำมันตะเกียงของ เยอรมัน จึงตั้งบริษัทน้ำมัน The Standard Oil Company ขึ้นในปี คศ 1870 เพื่อขายน้ำมันตะเกียงบ้าง รวมทั้งน้ำมัน ที่นำมาใช้ผสมกับตัวยา เพื่อเป็นยารักษาโรค มันเป็นน้ำมันชนิดราคาถูก แต่ก็ทำให้ Rockefeller รวยขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้เหมือนกัน เพราะเขาเล่นใช้วิธีผูกขาด และบี้ราคาคูแข่ง จนอยูไม่ได้และต้องขายกิจการให้เขาในราคาถูก ดีกว่าเจ๊งจนไม่เหลือแม้แต่กางเกง ดูเหมือนคนขายปุ๋ย ขายไก่แถวบ้านสมันน้อย ก็นำวิธีนี้มาใช้ บี้มันทุกกิจการ คนค้าขายคนเล็ก คนน้อย จึงต้องถอยร่น หร่อยหรอ และหายไปในที่สุด เหลือแต่รายใหญ่ยักษ์ครอบงำเกือบทั้งประเทศ รวย และก็เลว ไม่ต่างกัน ในขณะเดียวกับที่ Standard Oil ของ Rockefeller กำลังก้าวหน้า เขมือบคู่แข่งในอเมริกาไปเรื่อยๆ เจ้าพ่อของอีกฝั่งหนึ่งของมหา สมุทรแอตแลนติก ตระกูล Rothschild จมูกไว ก็เข้าไปขุดเจาะน้ำมันที่ Baku ใน Azerbaijun ของรัสเซีย ในปี คศ 1880 Rothschild มีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง Rothschild ซึ่งมีรากเหง้ามาจากยิว ไม่ได้ไปขุดน้ำมันแต่ลำพัง ขนเอาบรรดาญาติพี่น้องของตระกูล ที่กระจายอยู่ในเมืองต่างๆของยุโรป เข้าไปค้าขาย และขยายพันธ์อยู่ในรัสเซียด้วย เป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย ที่แสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่ชอบยิว และไม่ชอบใจ Rothschild ปี คศ 1882 กัปตัน Fisher แห่งกองทัพเรืออังกฤษ พยายามชักชวน ให้กองทัพเรืออังกฤษ เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือรบ จากใช้ถ่านหิน เป็นใช้น้ำมัน ซึ่งจะทำให้เรือรบน้ำหนักเบาลง และวิ่งได้เร็วขึ้น Fisher ไม่ได้เป็นรายแรก ที่คิดติดเครื่องให้เรือวิ่งด้วยน้ำมันแทนถ่านหิน รัสเซียก็ใช้มาแล้ว เป็นเรือกลไฟเติมน้ำมัน ที่รัสเซียเรียกว่า “mazut” วิ่งควันโขมงอยู่บริเวณทะเลสาป Caspain กัปตัน Fisher ทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด ถึงข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ระหว่างการใช้เครื่องยนต์ ที่ใช้น้ำมันกับใช้ถ่านหิน ในที่สุด กองทัพเรืออังกฤษก็เห็นด้วย ที่จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะ ถ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือของอังกฤษจะยิ่งกว่าใหญ่เท่านั้น มันคงจะทำให้ความฝัน ที่จะครองโลกไปตลอดกาลนานของอังกฤษ เป็นความจริงอีกด้วย อังกฤษคิดหนัก ฝันนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่ออังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แม้แต่แหล่งเดียว ส่วนน้ำมันที่ Baku ของรัสเซีย ก็ทำท่าจะมีปัญหาประดังกันมา เรื่องแรก Rothschild ไม่ได้มีจมูกไวคนเดียว Rockefeller ก็มีคนตามดมกลิ่นให้เหมือนกัน ประมาณปี คศ. 1884 Rockefeller จึงเข้าไปใน Baku ช่วงแรก 2 ค่ายแข่งกันขุด แย่งกันขาย ผลปรากฏว่า อาการหนักทั้งคู่ น้ำมันล้นตลาด และราคาตก 2 เจ้าพ่อจึงจับมือตกลงกัน แบ่งเขต แบ่งโควต้ากันเอง ทำเหมือน Baku เป็นที่ดินสาธารณะ ไม่มีเจ้าของ ไม่เห็นหัวซาร์นิโคลัส เจ้าของตัวจริง เรื่องเอายิวไปแพร่พันธ์อยูใน รัสเซีย ก็ทำให้ซาร์นิโคลัส เหม็นหน้า Rothschild พอแล้ว นี่ Rothschild รวมหัวกับ Rockefelker ทำข้อตกลง เรื่องการขุดและขายน้ำมันที่ Baku อย่างนี้ ซาร์จะรับไหวหรือ เขาเฉี่ยวหัวเอา เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของ นโยบายส่งยิวออกนอกรัสเซีย จึงเริ่มเป็นรูปธรรม และแน่นอน นโยบายนี้ จึงเป็นการสร้างความขุ่น แค้นเคือง อาฆาต ไว้กับหลายกลุ่ม หลายคน เมื่อโอกาสจะครอบครอง แหล่งน้ำมันที่รัสเซีย ไม่ง่ายอย่างที่คิด อังกฤษจึงต้องหาเสาหลักที่สามต่อไป อย่างเร่งด่วน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (4) ในปี คศ 1902 เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า บริเวณอาณาจักรออตโตมาน ที่เรียกกันว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) คือ อิรัคและคูเวตในปัจจุบันนี้แหละ เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม แต่ละแหล่งจะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะเข้าไปถึงแหล่งได้อย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่การเจอแหล่งน้ำมันนี้ ก็ทำให้บรรดานักชิงน้ำมัน อยากเป็นเจ้าของปั้ม คิดแผนกันวุ่นไปหมด จนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ ในที่สุด ปี คศ 1905 อังกฤษ ซึ่งใช้สายลับระดับใกล้เคียง 007 นาย Sidney Reilly ตามสืบจนรู้ว่า นาย William Knox d’Arcy วิศวกรชาวออสเตรเลีย และเป็นนักสำรวจธรณีวิทยาสมัครเล่น ซึ่งมีข่าวว่าเจอน้ำมัน ที่วิหารเก่าแก่แถวเมืองโบราณของอิหร่าน และเทียวไปเทียวมาที่ลอนดอน เพื่อหาเงินกู้มาใช้ในการขุดน้ำมัน ซึ่งโอกาสได้เงินกู้ ริบหรี่มาก แต่นาย d’Arcy นับว่ายังมีโชค เนื่องจากเขาเป็นวิศวกร จึงมีโอกาสได้รับใช้ Shah Muzaffar กษัตริย์เปอร์เซีย (อิหร่าน ปัจจุบัน) ซึ่งเพิ่งขึ้นมาครองบัลลังก์ในตอนนั้น และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาประ เทศ โดยการสร้างทางรถไฟ ปี คศ 1901 Shah ตอบแทน d’Arcy ในการให้คำปรึกษาต่างๆ ด้วยการให้สัมปทานอายุ 60 ปี ที่จะขุดเจาะแผ่นดินส่วนไหนของเปอร์เซียก็ได้ ขุดเจออะไร ก็ให้ตกเป็นทรัพย์สินของนาย d’Arcy เขาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ Shah ไป สองหมื่นเหรียญ พร้อมตกลงแบ่งให้ Shah 16 เปอร์เซนต์ของรายรับที่จะได้ มันเป็นสัมปทาน ที่ตกทอดถึงทายาท และผู้รับโอนด้วย สายลับ Reilly ปลอมตัวเป็นพระ เพราะรู้ว่า นาย d’Arcy เป็นคนเคร่งศาสนา เขาเกลี้ยกล่อม หว่านล้อม จนในที่สุด นาย d’Arcy ซึ่งกำลังจะเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มธนาคารฝรั่งเศส ของพวก Rothschild เปลี่ยนใจ โอนสัมปทานให้พระปลอมแทน นาย d’Arcy คงนึกว่าได้ทำบุญกับพระเจ้า คงคิดไม่ต่างกับพวกที่ทำบุญกับพระปลอม ที่มาจากวัดจานบิน ได้แหล่งน้ำมาแล้ว 1 รายการ แต่คงไม่พอ สำหรับจะใช้เพื่อเป็นอาวุธครองโลก อังกฤษสายตายาวไกล มองจ้อง และจองเอาไว้ ทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแถบ Mosul อังกฤษ รู้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ไม่น่าจะนานเกินรอ อังกฤษมีแผนเรียบร้อยแล้ว แค่รอจังหวะเวลาบางเรื่องเท่านั้นเอง แต่ใช่ว่ามีแต่อังกฤษ ที่คิดครองแหล่งน้ามัน เยอรมันเองก็คิด อาจจะต่างกันที่วิธีการ หรือกลยุทธ เท่านั้นเอง ประมาณปี คศ 1870 อุตสาหกรรมของอังกฤษ นำหน้าเยอรมัน ชนิดทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น ในความเห็นของอังกฤษขณะนั้น เยอรมันไม่มีทีท่า ว่าจะขึ้นมาเป็นคู่แข่ง เรียกว่าไม่อยู่ในสายตาของอังกฤษ เอาเลย แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 ปี อุตสาหกรรมของเยอรมัน โตเร็วเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ การผลิตเหล็ก การไฟฟ้า เครื่องจักร เคมี ปุ๋ย ยารักษาโรคฯลฯ และทำให้เยอรมันเอง ก็ต้องการน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ในการทำอุตสาหกรรม และในขณะนั้น เยอรมัน ก็ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง เยอรมันต้องพึ่งน้ำมันของ Standard Oil จึงอยู่ในกำมือของ Rockefeller จนหน้าเขียว เยอรมันจะทนหน้าเขียวไปตลอด ก็คงไม่ไหว กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงินของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank จึงเจรจา กับรัฐบาลของออตโตมาน เพื่อรับสร้างทางรถไฟ ที่จะวิ่งจาก กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของออตโตมาน ข้ามผ่านอนาโตเลีย เป็นเส้นทางที่เยอรมันวางแผน จะให้ไปถึงเมือง แบกแดด เป็นเส้นทางที่ผ่านแหล่งน้ำมันใหญ่ไปตลอดสาย ข่าวนี้ ทำให้อังกฤษเครียดอย่างยิ่ง และถึงกับนอนฝันร้าย เมื่อมีรายงานข่าวว่า ระหว่างสร้างทางรถไฟ สัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน กับออตโตมาน ก็กระชับแน่นขึ้น แน่นขึ้น ไปเรื่อยๆ สัมพันธ์คงกระชับกันแน่นจริง ในที่สุดออตโตมาน ก็ตกลง ให้เยอรมันสร้างทางรถไฟยาว ไปถึงแบกแดด ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาว 2,500 ไมล์ ฝันร้ายของอังกฤษ กลายเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องจริงที่ดีเกินความ ฝัน ของเยอรมัน เพราะ ในปี 1912 จากการเจรจาของ Deutsche Bank ออตโตมานเกิดใจดี แถมให้สิทธิ 2 ข้างทาง (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร ยาวตลอดเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะไปถึง Mosul หรือ อืรัค ในปัจจุบัน แก่เยอรมัน ข่าวนี้ทำให้อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ถึงกับยืนไม่อยู่ เข่าทรุดทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เท้าทั้ง 2 ข้าง จากนิ้วก้อยถึงนิ้วโป้ง ทำท่าจะรับน้ำหนักต่อไปอีกไม่ไหว จะให้ดีแบบนี้ ต้องมี 4 เท้า ถึงจะยืนอยู่ได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สถาบันกษัตริย์จะอยู่คู่กับอังกฤษตลอดไป"

    นี่คือเรื่องราวบางส่วนของ "ลิซ ทรัสส์" (Liz Truss) อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผู้ที่ในอดีตเคยเรียกร้องให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ หลังผ่านไป 30 ปี เธอก็ยังไม่สามารถทำได้

    นอกจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว เธอยังต้องปฏิบัติตามราชประเพณีที่สืบสานกันมาตั้งแต่อดีตอีกด้วย นับเป็นความพ่ายแพ้ของบรรดาผู้ที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริง

    "ลิซ ทรัสส์" เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง คือ 49 วัน
    (เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษวันที่ 6 กันยายน 2022 จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2022 และรักษาการต่อจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2022 ซึ่งเป็นวันที่ริชี ซูนัคเข้ารับตำแหน่งต่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 49 วัน)


    เปิดเผยตัวตนเป็นผู้ต่อต้าน
    คลิปวิดีโอที่ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน "ลิซ ทรัสส์" ในวัย 19 ปี “นักศึกษาหญิงหัวก้าวหน้า” ที่ชื่นชอบแนวคิดของพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) จนได้รับโอกาสกล่าวบนเวทีปราศรัยของพรรค ในวันนั้นเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนระบอบสาธารณรัฐ (republicanism) และเรียกร้องให้ “ยกเลิกสถาบันกษัตริย์” อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด

    การแสดงออกของเธออย่างอย่างแข็งกร้าวในวันนั้น สะท้อนถึงอุดมการณ์อันแรงกล้าต่อความเชื่อใน “ความเท่าเทียม” และ “สิทธิของประชาชนที่มีอย่างเท่าเทียมกัน” โดยเธอปฏิเสธหลักการปกครองแบบสืบทอดทางสายเลือด (เช่น ระบบกษัตริย์ หรือชนชั้นสูงที่สืบทอดอำนาจ) โดยเชื่อว่าสถานะทางสังคมหรือสิทธิในการปกครองไม่ควรถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด

    และประชาชนไม่ควรถูกบังคับให้ยอมรับการตัดสินใจของผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของพวกเขาแต่ควรมาจากความสามารถหรือการได้รับความยินยอมจากประชาชน

    “เราเชื่อในความยุติธรรมและสามัญสำนึก เราไม่เชื่อว่าจะมีคนใดเกิดมาเพื่อปกครอง หรือต้องถูกบังคับให้เงียบต่อการตัดสินใจที่กระทบต่อชีวิตของพวกเขา” (We do not believe that people should be born to rule or that they should put up and shut up about decisions that affect their everyday lives.)

    “พวกเราพรรคเสรีประชาธิปไตยเชื่อในโอกาสสำหรับทุกคน เราไม่เชื่อว่าผู้คนเกิดมาเพื่อปกครอง” (We Liberal Democrats believe in opportunity for all. We do not believe people are born to rule.)

    ในระหว่างปราศรัยวันนั้น เธอยังเสริมอีกว่า:
    เราได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ด้านนอกงาน เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ คุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดอะไร? พวกเขาตอบว่า 'ยกเลิกพวกเขา เราพอแล้ว' (They said abolish them, we’ve had enough) "เราไม่พบคนที่นิยมราชาธิปไตยสักคนเดียวนอก Royal Pavilion"

    คำพูดเหล่านั้นถูกจดจำในฐานะ “จุดยืนแห่งการต่อต้านสถาบัน” ที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งจากนักการเมืองอังกฤษรุ่นใหม่ในยุคนั้น
    .
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป อุดมการณ์ที่เคยแรงราวไฟเผา กลับถูกกลืนด้วยความเป็นจริงของอำนาจ ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริงด้วยการ "จุมพิตพระหัตถ์ราชินี"

    ต่อมา ทรัสส์ได้เปลี่ยนเส้นทางการเมือง โดยเข้าร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนสถาบันกษัตริย์อย่างแข็งขัน
    และนั่นทำให้มุมมองของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกครั้ง

    ในช่วงปี 2022 ผู้สื่อข่าวถามถึงมุมมองในอดีตของเธอเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ทรัสส์ตอบว่าแนวคิดทางการเมืองของเธอ “พัฒนาไปตามวัย”
    เธอกล่าวกับ Sky News ว่า:

    “ฉันได้พบกับราชินีแล้ว และเธอก็สุภาพเกินกว่าจะยกประเด็นสมัยนั้นขึ้นมา”
    (I have met the Queen, and she was far too polite to raise the issue.)
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอจะขอโทษหรือไม่ หากราชินีพูดถึงเรื่องนี้ เธอตอบว่า

    “ฉันเคยผิดพลาดที่พูดสิ่งเหล่านั้นในเวลานั้น”
    (I was wrong to say what I did at the time.)

    นิก โรบินสัน” แห่ง BBC ได้ซักถามเกี่ยวกับความคิดเห็นก่อนหน้านี้ของเธอ ซึ่งทรัสส์ตอบว่า:
    “ฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมอังกฤษถึงประสบความสำเร็จ และส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเราคือระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนประชาธิปไตยเสรี”
    (I have come to understand more about why Britain is successful — and part of that success is our constitutional monarchy that underpins a free democracy.)

    ท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2022 ลิซ ทรัสส์ ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการโดยการเข้าเฝ้าและรับการแต่งตั้งจาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ พระตำหนักบัลมอรัลในสกอตแลนด์

    ภาพของหญิงสาวผู้เคยเรียกร้องให้ “ล้มเลิกสถาบันกษัตริย์” เมื่อวัยเยาว์ กลับต้องค้อมศีรษะและ “จุมพิตพระหัตถ์” ของราชินีผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งระบอบที่เธอเคยปฏิเสธ

    และเพียง 49 วัน หลังจากนั้น เธอก็ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทิ้งไว้เพียงภาพอันน่าขบขันของ “อดีตนักล้มล้าง” ที่ลงเอยด้วยการอยู่ภายใต้ระบอบเดิมที่เธอเคยพยายามโค่นล้มด้วยถ้อยคำรุนแรงของเธอเอง
    .
    https://www.yahoo.com/news/liz-truss-queen-monarchy-abolished-video-114714959.html

    https://www.abc.net.au/news/2022-09-06/who-is-liz-truss-britains-next-prime-minister/101404932

    https://www.independent.co.uk/tv/news/liz-truss-monarchy-republicanism-abolish-b2128076.html
    "สถาบันกษัตริย์จะอยู่คู่กับอังกฤษตลอดไป" นี่คือเรื่องราวบางส่วนของ "ลิซ ทรัสส์" (Liz Truss) อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ผู้ที่ในอดีตเคยเรียกร้องให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ หลังผ่านไป 30 ปี เธอก็ยังไม่สามารถทำได้ นอกจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว เธอยังต้องปฏิบัติตามราชประเพณีที่สืบสานกันมาตั้งแต่อดีตอีกด้วย นับเป็นความพ่ายแพ้ของบรรดาผู้ที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริง "ลิซ ทรัสส์" เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง คือ 49 วัน (เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษวันที่ 6 กันยายน 2022 จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2022 และรักษาการต่อจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2022 ซึ่งเป็นวันที่ริชี ซูนัคเข้ารับตำแหน่งต่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 49 วัน) 👉เปิดเผยตัวตนเป็นผู้ต่อต้าน คลิปวิดีโอที่ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน "ลิซ ทรัสส์" ในวัย 19 ปี “นักศึกษาหญิงหัวก้าวหน้า” ที่ชื่นชอบแนวคิดของพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) จนได้รับโอกาสกล่าวบนเวทีปราศรัยของพรรค ในวันนั้นเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนระบอบสาธารณรัฐ (republicanism) และเรียกร้องให้ “ยกเลิกสถาบันกษัตริย์” อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด การแสดงออกของเธออย่างอย่างแข็งกร้าวในวันนั้น สะท้อนถึงอุดมการณ์อันแรงกล้าต่อความเชื่อใน “ความเท่าเทียม” และ “สิทธิของประชาชนที่มีอย่างเท่าเทียมกัน” โดยเธอปฏิเสธหลักการปกครองแบบสืบทอดทางสายเลือด (เช่น ระบบกษัตริย์ หรือชนชั้นสูงที่สืบทอดอำนาจ) โดยเชื่อว่าสถานะทางสังคมหรือสิทธิในการปกครองไม่ควรถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด และประชาชนไม่ควรถูกบังคับให้ยอมรับการตัดสินใจของผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของพวกเขาแต่ควรมาจากความสามารถหรือการได้รับความยินยอมจากประชาชน “เราเชื่อในความยุติธรรมและสามัญสำนึก เราไม่เชื่อว่าจะมีคนใดเกิดมาเพื่อปกครอง หรือต้องถูกบังคับให้เงียบต่อการตัดสินใจที่กระทบต่อชีวิตของพวกเขา” (We do not believe that people should be born to rule or that they should put up and shut up about decisions that affect their everyday lives.) “พวกเราพรรคเสรีประชาธิปไตยเชื่อในโอกาสสำหรับทุกคน เราไม่เชื่อว่าผู้คนเกิดมาเพื่อปกครอง” (We Liberal Democrats believe in opportunity for all. We do not believe people are born to rule.) ในระหว่างปราศรัยวันนั้น เธอยังเสริมอีกว่า: เราได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ด้านนอกงาน เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ คุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดอะไร? พวกเขาตอบว่า 'ยกเลิกพวกเขา เราพอแล้ว' (They said abolish them, we’ve had enough) "เราไม่พบคนที่นิยมราชาธิปไตยสักคนเดียวนอก Royal Pavilion" คำพูดเหล่านั้นถูกจดจำในฐานะ “จุดยืนแห่งการต่อต้านสถาบัน” ที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งจากนักการเมืองอังกฤษรุ่นใหม่ในยุคนั้น . 👉แต่เมื่อเวลาผ่านไป อุดมการณ์ที่เคยแรงราวไฟเผา กลับถูกกลืนด้วยความเป็นจริงของอำนาจ ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริงด้วยการ "จุมพิตพระหัตถ์ราชินี" ต่อมา ทรัสส์ได้เปลี่ยนเส้นทางการเมือง โดยเข้าร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนสถาบันกษัตริย์อย่างแข็งขัน และนั่นทำให้มุมมองของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกครั้ง ในช่วงปี 2022 ผู้สื่อข่าวถามถึงมุมมองในอดีตของเธอเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ทรัสส์ตอบว่าแนวคิดทางการเมืองของเธอ “พัฒนาไปตามวัย” เธอกล่าวกับ Sky News ว่า: “ฉันได้พบกับราชินีแล้ว และเธอก็สุภาพเกินกว่าจะยกประเด็นสมัยนั้นขึ้นมา” (I have met the Queen, and she was far too polite to raise the issue.) เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอจะขอโทษหรือไม่ หากราชินีพูดถึงเรื่องนี้ เธอตอบว่า “ฉันเคยผิดพลาดที่พูดสิ่งเหล่านั้นในเวลานั้น” (I was wrong to say what I did at the time.) นิก โรบินสัน” แห่ง BBC ได้ซักถามเกี่ยวกับความคิดเห็นก่อนหน้านี้ของเธอ ซึ่งทรัสส์ตอบว่า: “ฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมอังกฤษถึงประสบความสำเร็จ และส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเราคือระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนประชาธิปไตยเสรี” (I have come to understand more about why Britain is successful — and part of that success is our constitutional monarchy that underpins a free democracy.) 👉ท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2022 ลิซ ทรัสส์ ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการโดยการเข้าเฝ้าและรับการแต่งตั้งจาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ พระตำหนักบัลมอรัลในสกอตแลนด์ ภาพของหญิงสาวผู้เคยเรียกร้องให้ “ล้มเลิกสถาบันกษัตริย์” เมื่อวัยเยาว์ กลับต้องค้อมศีรษะและ “จุมพิตพระหัตถ์” ของราชินีผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งระบอบที่เธอเคยปฏิเสธ และเพียง 49 วัน หลังจากนั้น เธอก็ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทิ้งไว้เพียงภาพอันน่าขบขันของ “อดีตนักล้มล้าง” ที่ลงเอยด้วยการอยู่ภายใต้ระบอบเดิมที่เธอเคยพยายามโค่นล้มด้วยถ้อยคำรุนแรงของเธอเอง . https://www.yahoo.com/news/liz-truss-queen-monarchy-abolished-video-114714959.html https://www.abc.net.au/news/2022-09-06/who-is-liz-truss-britains-next-prime-minister/101404932 https://www.independent.co.uk/tv/news/liz-truss-monarchy-republicanism-abolish-b2128076.html
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ตาเหลือก
    “ตาเหลือก”

    คนโบราณ เวลาเล่าอะไร ท่านจะมีถ้อยคำบรรยายให้เราเห็นภาพชัด เช่น ขณะที่พวกลุงๆกำลังถกกันมันปากว่า ตกลงอีเอ๋อ มันจะได้ไปเจอพี่มัน ที่ใกล้จะลงโลงอยู่ที่โรงแรมอะไร วะ พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เพราะไอ้จ้อนวิ่งสี่ตีน ตาเหลือก มาบอกว่า ลุงตู่ๆ เร็วๆเข้า ปู่จิ๋ว เดินสะดุดปากตัวเอง หัวทิ่มฟาดพื้นเลือดไหลโกรกเลย..แปลว่าปู่จิ๋วแกต้องกำลังแย่จริงๆ ไอ้จ้อนถึงกับตกใจ ตาเหลือกวิ่งมา

    ผมชอบอ่านบทความของสื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นโรงงานประชาสัมพันธ์ แบบถนัดย้อมสี ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง โดยเฉพาะจากพวกที่เป็นถังความคิด แล้วเอามาถอดรหัสมันอีกต่อว่า ตอนนี้จริงๆแล้ว มันมีอาการอย่างไร สบายดี แค่ไข้จับสั่น หรือป่วยหนักถึงขนาดน้ำลายฟูมปาก ฯลฯ โดยเฉพาะอ่านจาก Foreign Affairs ซึ่งเป็นสื่อของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังความคิดหมายเลขหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อนโยบายและความคิดของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    ล่าสุด ผมอ่านเมื่อ 2 วันก่อน เป็นบทความลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015 ชื่อเรื่อง “Goodbye, Putin” Why the President’s Days Are Numbered ยังไม่ทันอ่านเรื่องก็เดาออกแล้ว ว่า จะเร้าใจใส่สีแรงขนาดไหน

    คนเขียนบอกว่า ยิ่งสงครามที่ยูเครนยืดเยื้อนานไปเท่าไหร่ รัฐบาลของนายปูตินก็ล่มเร็วขึ้นเท่านั้นแหล่ะ นายปูตินปกครองรัสเซียมา 15 ปีแล้ว แม้ในตอนแรกๆ นโยบายเขาจะทำให้ได้คะแนนเสียง เช่น ตอนไล่พวกเช็คเชนออกไป หรือตอนอัดกลับพวกตะวันตก แต่หลังจากไปยึดไครเมีย และทำสงครามกับยูเครน ที่ทำให้ชาวรัสเซียตายเป็นเบือ และเศรษฐกิจของรัสเซียพุ่งลงเหว คะแนนเสียงของนายปูตินก็พุ่งหลาวตามลงไปด้วย ทุกสัญญาณแสดงว่า นายปูตินกำลังจะไปไม่รอด ระหว่างนี้พวกตะวันตกต้องดูแลยูเครนอย่างดีที่สุด แต่คงไม่นาน เพราะรัสเซียที่กำลังเน่าเฟะ กำลังจะร่วงหล่นอยู่แล้ว

    นอกเหนือจากนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว นายปูตินยังมีปัญหาเรื่องภาพพจน์ ซึ่งนายปูตินก็รู้ตัว แม้ว่าจะบอกว่ามีเสน่ห์มีบารมี แต่เขารูปร่างขนาดเตี้ยแคระ…

    แม่เจ้าโว้ย นี่ เป็นถึงหนังสือ Foreign Affairs นะ ไม่ใช่หนังสือประเภทขายดารา มันคงไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ด่าตั้งกะนโยบายทำนายว่าจวนจะหล่น มันคงไม่หนำใจ เลยเล่นไปถึงเรื่องรูปโฉมกันเลย ไม่รู้หรือไง แถวบ้านสมันน้อยเขาปลื้มคุณพี่กัน ถึงขนาดมีสมาคมคนรักปูติน นี่มันแสดงว่า ไอ้นักล่ากำลังเริ่มตาเหลือกแล้วละสิ ถึงต้องเขียนข่าวแบบนี้ และสงสัยมันก็ได้ตาเหลือกจริงสมใจ
    ผมอ่านบทความเรื่องดาราจะลาโรงนี่ ยังไม่ทันจบดีเลย ดันม่อยหลับเพราะเหม็นน้ำเน่าของ เรื่อง อ้าวตื่นมาอีกที เห็นข่าวเมือง Donestsk ยูเครน ได้รับของขวัญ เป็นดอกเห็ดรุ่นใหม่ ดอกเล็กจิ๋ว แต่เขาว่าฤทธิ์ไม่แพ้ดอกใหญ่ คงมีใครทดลองส่งไปให้ดู ก่อนชุดจริง จะส่งข้ามทวีปไปให้ แบบนี้แสดงว่า ยูเครนคงจบยาก หรือจบไม่สวย

    อย่าลืมว่า เมื่อวันคุณป้าเข้มขัดเหล็ก จูงมือกับคุณลุงโอลองด์ ไปคุยกันให้รู้เรื่องกับคุณพี่ปูติน ที่รัสเซีย ข่าวไม่บอกว่าคุยได้เรื่องอะไรบ้าง แต่ผมดูสารรูปของคุณป้าตอนคุย เหมือนกำลังต้องการยาหอมแก้ลมใส่อย่างยิ่ง และขากลับ ดูเหมือนเข็มขัดเหล็ก จะกลายเป็นเข็มขัดหลุด ก็พอจะเดาผลการคุยได้ แถมคุณป้า ยังต้องทำหน้าที่กาคาบความไปบอกให้นายโอบามาถึงที่อีกด้วย เพราะข้อความบางอัน ผมเดาว่า คุณป้าคงไม่กล้าพูดผ่านใคร กลัวเขาไม่กล้าถ่ายทอด ป้าต้องถ่ายเอง ถึงจะได้อรรถรสครบถ้วน จากที่รับมาจากคุณพี่ปูติน

    ผลการคุยวันก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ (10 กพ) ก็คงได้รู้กันแล้ว

    คุณป้าเข็มขัดเหล็ก หน้าตก บอกนายโอบามาว่า เขาไม่ยอมหรอก อย่าไปขู่เขาด้วยการคว่ำบาตรซ้ำเลย เพราะไม่ใช่เขาช้ำคนเดียว คนที่จะช้ำด้วยและหนักหนา คือพวกฉันที่อยู่ยุโรปนั่นแหละ แล้วถ้าเธอขนอาวุธ ขนกองทัพเข้าไปในยูเครน หยั่งที่ออกข่าวขู่ไปน่ะ เธอนึกว่าเขาจะถอยเหรอ มันเหมือนยิ่งยุเขา เขาไม่ได้มีมือเปล่านะ และไม่ได้มาคนเดียวด้วย เธอก็รู้ เธอนึกว่าเธอจะกล่อมอิหร่านได้เหรอ เซ่อจริง ตาโอ เขาจับมือตกลงกับทางโน้นเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นการเจรจาของเธอ มันจะเดินหน้าถอยหลังอย่างนี้เหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ โน่น เขาไปนั่งคุยอยู่ที่อียิปต์ ก็เพราะเธออีกนั่นแหละ เซ่อซ้ำซาก เดินหมากผิด ไปถีบมูบารักเขาทิ้งน่ะ เธอทำอย่างนี้มาตลอด แล้วใครจะไปเชื่อเธออีก อย่าลืมตุรกีด้วย ตอนนี้เขาเห็นหัวเธอไหม จะให้ฉันจาระไนให้เธอฟังไหม ตาโอ ว่าตอนนี้ เขาคุยอะไรกับใครบ้าง ที่สำคัญ เขายังมีอาเฮียช่วยเดินสาย เก็บเล็กเก็บใหญ่ให้อีก เธอรู้ใช่ไหมมันแปลว่าอะไร เขากำลังจับมือกัน เดินเรียงแถวดาหน้ามาใส่พวกเราไงล่ะ

    เธอนึกว่า จะให้พวกฉันแถวยุโรปรับกรรมบ้านช่องพัง แล้วเธอก็ลอยตัว เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อีกน่ะเหรอ นี่มันจะครั้งที่ 3 แล้วนะยะ จะให้พวกยุโรป โง่ซ้ำซาก โดนบอมบ์อยู่ข้างเดียวงั้นเหรอ เขาฝากมาบอกย่ะ ว่าคราวนี้ละ ตาโอ ตาแกบ้างซิ ป้ากลัวจนจะตดแตกอยู่แล้ว เขาฝากมาบอกว่า คราวนี้ลงบ้านแกแน่นอน เข้าใจมั้ย

    นี่ผมเดาเอาทั้งนั้นนะครับ ว่าคุณป้าแกคงใส่นายโอบามาเสียยับ แบบไม่ติดเบรคอย่างนั้น

    มันไม่น่าจะผิดไปจากนี้เท่าไหร่หรอก ถ้าเราฟังจากที่นายโอบามาพูด ตอนแถลงข่าวคู่กับคุณป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำเนียบขาววันนี้ (10กพ) และดูสีหน้าของนายโอบามา ซึ่งเหมือนคนกินของแสลงเข้าไปเต็มท้อง ส่วนคุณป้า คราวนี้อย่าว่าแต่เข็มขัดเหล็กจะคาดไม่อยู่เลย ตัวแก ก็แทบจะยืนไม่อยู่ ถูกบีบจากทุกทาง จนหน้าตกเกือบถึงสะดือ

    ตอนนี้ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้อง รู้สึกจะต่างเสียงกันเกี่ยวกับเรื่อง การติดอาวุธให้ยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย แม้ในกลุ่มพวกกันเอง แต่สำหรับคุณป้าเข็มขัดหลุด กับนักล่าใบตองแห้ง ต่างยืนเอามือยันโต๊ะ บอกว่า (ตอนนี้) เรายังร้องเพลงเดียวกันอยู่ แต่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่

    การติดอาวุธให้ยูเครน หมายถึงโอกาสเกิดสงครามโลกคร้ังที่ 3 สูงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 กพ 58
    เรื่อง ตาเหลือก “ตาเหลือก” คนโบราณ เวลาเล่าอะไร ท่านจะมีถ้อยคำบรรยายให้เราเห็นภาพชัด เช่น ขณะที่พวกลุงๆกำลังถกกันมันปากว่า ตกลงอีเอ๋อ มันจะได้ไปเจอพี่มัน ที่ใกล้จะลงโลงอยู่ที่โรงแรมอะไร วะ พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เพราะไอ้จ้อนวิ่งสี่ตีน ตาเหลือก มาบอกว่า ลุงตู่ๆ เร็วๆเข้า ปู่จิ๋ว เดินสะดุดปากตัวเอง หัวทิ่มฟาดพื้นเลือดไหลโกรกเลย..แปลว่าปู่จิ๋วแกต้องกำลังแย่จริงๆ ไอ้จ้อนถึงกับตกใจ ตาเหลือกวิ่งมา ผมชอบอ่านบทความของสื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นโรงงานประชาสัมพันธ์ แบบถนัดย้อมสี ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง โดยเฉพาะจากพวกที่เป็นถังความคิด แล้วเอามาถอดรหัสมันอีกต่อว่า ตอนนี้จริงๆแล้ว มันมีอาการอย่างไร สบายดี แค่ไข้จับสั่น หรือป่วยหนักถึงขนาดน้ำลายฟูมปาก ฯลฯ โดยเฉพาะอ่านจาก Foreign Affairs ซึ่งเป็นสื่อของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังความคิดหมายเลขหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อนโยบายและความคิดของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ล่าสุด ผมอ่านเมื่อ 2 วันก่อน เป็นบทความลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015 ชื่อเรื่อง “Goodbye, Putin” Why the President’s Days Are Numbered ยังไม่ทันอ่านเรื่องก็เดาออกแล้ว ว่า จะเร้าใจใส่สีแรงขนาดไหน คนเขียนบอกว่า ยิ่งสงครามที่ยูเครนยืดเยื้อนานไปเท่าไหร่ รัฐบาลของนายปูตินก็ล่มเร็วขึ้นเท่านั้นแหล่ะ นายปูตินปกครองรัสเซียมา 15 ปีแล้ว แม้ในตอนแรกๆ นโยบายเขาจะทำให้ได้คะแนนเสียง เช่น ตอนไล่พวกเช็คเชนออกไป หรือตอนอัดกลับพวกตะวันตก แต่หลังจากไปยึดไครเมีย และทำสงครามกับยูเครน ที่ทำให้ชาวรัสเซียตายเป็นเบือ และเศรษฐกิจของรัสเซียพุ่งลงเหว คะแนนเสียงของนายปูตินก็พุ่งหลาวตามลงไปด้วย ทุกสัญญาณแสดงว่า นายปูตินกำลังจะไปไม่รอด ระหว่างนี้พวกตะวันตกต้องดูแลยูเครนอย่างดีที่สุด แต่คงไม่นาน เพราะรัสเซียที่กำลังเน่าเฟะ กำลังจะร่วงหล่นอยู่แล้ว นอกเหนือจากนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว นายปูตินยังมีปัญหาเรื่องภาพพจน์ ซึ่งนายปูตินก็รู้ตัว แม้ว่าจะบอกว่ามีเสน่ห์มีบารมี แต่เขารูปร่างขนาดเตี้ยแคระ… แม่เจ้าโว้ย นี่ เป็นถึงหนังสือ Foreign Affairs นะ ไม่ใช่หนังสือประเภทขายดารา มันคงไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ด่าตั้งกะนโยบายทำนายว่าจวนจะหล่น มันคงไม่หนำใจ เลยเล่นไปถึงเรื่องรูปโฉมกันเลย ไม่รู้หรือไง แถวบ้านสมันน้อยเขาปลื้มคุณพี่กัน ถึงขนาดมีสมาคมคนรักปูติน นี่มันแสดงว่า ไอ้นักล่ากำลังเริ่มตาเหลือกแล้วละสิ ถึงต้องเขียนข่าวแบบนี้ และสงสัยมันก็ได้ตาเหลือกจริงสมใจ ผมอ่านบทความเรื่องดาราจะลาโรงนี่ ยังไม่ทันจบดีเลย ดันม่อยหลับเพราะเหม็นน้ำเน่าของ เรื่อง อ้าวตื่นมาอีกที เห็นข่าวเมือง Donestsk ยูเครน ได้รับของขวัญ เป็นดอกเห็ดรุ่นใหม่ ดอกเล็กจิ๋ว แต่เขาว่าฤทธิ์ไม่แพ้ดอกใหญ่ คงมีใครทดลองส่งไปให้ดู ก่อนชุดจริง จะส่งข้ามทวีปไปให้ แบบนี้แสดงว่า ยูเครนคงจบยาก หรือจบไม่สวย อย่าลืมว่า เมื่อวันคุณป้าเข้มขัดเหล็ก จูงมือกับคุณลุงโอลองด์ ไปคุยกันให้รู้เรื่องกับคุณพี่ปูติน ที่รัสเซีย ข่าวไม่บอกว่าคุยได้เรื่องอะไรบ้าง แต่ผมดูสารรูปของคุณป้าตอนคุย เหมือนกำลังต้องการยาหอมแก้ลมใส่อย่างยิ่ง และขากลับ ดูเหมือนเข็มขัดเหล็ก จะกลายเป็นเข็มขัดหลุด ก็พอจะเดาผลการคุยได้ แถมคุณป้า ยังต้องทำหน้าที่กาคาบความไปบอกให้นายโอบามาถึงที่อีกด้วย เพราะข้อความบางอัน ผมเดาว่า คุณป้าคงไม่กล้าพูดผ่านใคร กลัวเขาไม่กล้าถ่ายทอด ป้าต้องถ่ายเอง ถึงจะได้อรรถรสครบถ้วน จากที่รับมาจากคุณพี่ปูติน ผลการคุยวันก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ (10 กพ) ก็คงได้รู้กันแล้ว คุณป้าเข็มขัดเหล็ก หน้าตก บอกนายโอบามาว่า เขาไม่ยอมหรอก อย่าไปขู่เขาด้วยการคว่ำบาตรซ้ำเลย เพราะไม่ใช่เขาช้ำคนเดียว คนที่จะช้ำด้วยและหนักหนา คือพวกฉันที่อยู่ยุโรปนั่นแหละ แล้วถ้าเธอขนอาวุธ ขนกองทัพเข้าไปในยูเครน หยั่งที่ออกข่าวขู่ไปน่ะ เธอนึกว่าเขาจะถอยเหรอ มันเหมือนยิ่งยุเขา เขาไม่ได้มีมือเปล่านะ และไม่ได้มาคนเดียวด้วย เธอก็รู้ เธอนึกว่าเธอจะกล่อมอิหร่านได้เหรอ เซ่อจริง ตาโอ เขาจับมือตกลงกับทางโน้นเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นการเจรจาของเธอ มันจะเดินหน้าถอยหลังอย่างนี้เหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ โน่น เขาไปนั่งคุยอยู่ที่อียิปต์ ก็เพราะเธออีกนั่นแหละ เซ่อซ้ำซาก เดินหมากผิด ไปถีบมูบารักเขาทิ้งน่ะ เธอทำอย่างนี้มาตลอด แล้วใครจะไปเชื่อเธออีก อย่าลืมตุรกีด้วย ตอนนี้เขาเห็นหัวเธอไหม จะให้ฉันจาระไนให้เธอฟังไหม ตาโอ ว่าตอนนี้ เขาคุยอะไรกับใครบ้าง ที่สำคัญ เขายังมีอาเฮียช่วยเดินสาย เก็บเล็กเก็บใหญ่ให้อีก เธอรู้ใช่ไหมมันแปลว่าอะไร เขากำลังจับมือกัน เดินเรียงแถวดาหน้ามาใส่พวกเราไงล่ะ เธอนึกว่า จะให้พวกฉันแถวยุโรปรับกรรมบ้านช่องพัง แล้วเธอก็ลอยตัว เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อีกน่ะเหรอ นี่มันจะครั้งที่ 3 แล้วนะยะ จะให้พวกยุโรป โง่ซ้ำซาก โดนบอมบ์อยู่ข้างเดียวงั้นเหรอ เขาฝากมาบอกย่ะ ว่าคราวนี้ละ ตาโอ ตาแกบ้างซิ ป้ากลัวจนจะตดแตกอยู่แล้ว เขาฝากมาบอกว่า คราวนี้ลงบ้านแกแน่นอน เข้าใจมั้ย นี่ผมเดาเอาทั้งนั้นนะครับ ว่าคุณป้าแกคงใส่นายโอบามาเสียยับ แบบไม่ติดเบรคอย่างนั้น มันไม่น่าจะผิดไปจากนี้เท่าไหร่หรอก ถ้าเราฟังจากที่นายโอบามาพูด ตอนแถลงข่าวคู่กับคุณป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำเนียบขาววันนี้ (10กพ) และดูสีหน้าของนายโอบามา ซึ่งเหมือนคนกินของแสลงเข้าไปเต็มท้อง ส่วนคุณป้า คราวนี้อย่าว่าแต่เข็มขัดเหล็กจะคาดไม่อยู่เลย ตัวแก ก็แทบจะยืนไม่อยู่ ถูกบีบจากทุกทาง จนหน้าตกเกือบถึงสะดือ ตอนนี้ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้อง รู้สึกจะต่างเสียงกันเกี่ยวกับเรื่อง การติดอาวุธให้ยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย แม้ในกลุ่มพวกกันเอง แต่สำหรับคุณป้าเข็มขัดหลุด กับนักล่าใบตองแห้ง ต่างยืนเอามือยันโต๊ะ บอกว่า (ตอนนี้) เรายังร้องเพลงเดียวกันอยู่ แต่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ การติดอาวุธให้ยูเครน หมายถึงโอกาสเกิดสงครามโลกคร้ังที่ 3 สูงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 10 กพ 58
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP-Link เปิดตัว Archer GE800 และ GE400 – เราเตอร์ Wi-Fi 7 สำหรับเกมเมอร์ พร้อมดีไซน์ RGB และราคาจับต้องได้

    TP-Link เปิดตัวเราเตอร์เกมมิ่งรุ่นใหม่ในงาน Computex 2024 ได้แก่ Archer GE800 และ Archer GE400 โดยทั้งสองรุ่นรองรับ Wi-Fi 7 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะสำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้งานระดับสูง

    Archer GE800 เป็นรุ่นเรือธงแบบ Tri-band ที่ให้ความเร็วรวมสูงสุดถึง 19 Gbps พร้อมพอร์ต 10G และ 2.5G รวมถึงดีไซน์ RGB ที่ปรับแต่งได้ ส่วน Archer GE400 เป็นรุ่นรองที่มีราคาย่อมเยา แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงด้วย Dual-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 9.2 Gbps และพอร์ต 2.5G สองช่อง

    ทั้งสองรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ Game Panel สำหรับควบคุมการตั้งค่าเกมโดยเฉพาะ และรองรับเทคโนโลยี Multi-Link Operation (MLO) ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรในการเล่นเกมและสตรีมมิ่ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อแบบ bullet:

    การเปิดตัว Archer GE800 และ GE400
    GE800 เป็นรุ่น Tri-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 19 Gbps
    GE400 เป็นรุ่น Dual-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 9.2 Gbps
    ทั้งสองรุ่นมีพอร์ต 2.5G และดีไซน์ RGB ปรับแต่งได้
    มาพร้อม Game Panel สำหรับควบคุมการตั้งค่าเกม

    เทคโนโลยี Wi-Fi 7 และฟีเจอร์เด่น
    รองรับ Multi-Link Operation (MLO) เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน
    ลด latency และเพิ่มความเสถียรในการเล่นเกม
    เหมาะสำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ

    ความคุ้มค่าและการใช้งาน
    GE400 เป็นตัวเลือกที่ราคาย่อมเยาแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง
    GE800 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและพอร์ตระดับ 10G
    ดีไซน์ RGB เพิ่มความโดดเด่นให้กับเซ็ตอัปเกมมิ่ง

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    Wi-Fi 7 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อุปกรณ์ที่รองรับอาจยังมีจำกัด
    การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงต้องมีการตั้งค่าและอุปกรณ์ที่รองรับ
    ราคาของ GE800 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    การใช้งานพอร์ต 10G ต้องมีอุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับด้วย

    https://www.tomshardware.com/networking/routers/tp-link-launches-archer-ge400-wi-fi-7-gaming-router-dual-band-router-hits-more-affordable-price-point-includes-2-5-gbe-ports-and-rgb-lighting
    📶 TP-Link เปิดตัว Archer GE800 และ GE400 – เราเตอร์ Wi-Fi 7 สำหรับเกมเมอร์ พร้อมดีไซน์ RGB และราคาจับต้องได้ TP-Link เปิดตัวเราเตอร์เกมมิ่งรุ่นใหม่ในงาน Computex 2024 ได้แก่ Archer GE800 และ Archer GE400 โดยทั้งสองรุ่นรองรับ Wi-Fi 7 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะสำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้งานระดับสูง Archer GE800 เป็นรุ่นเรือธงแบบ Tri-band ที่ให้ความเร็วรวมสูงสุดถึง 19 Gbps พร้อมพอร์ต 10G และ 2.5G รวมถึงดีไซน์ RGB ที่ปรับแต่งได้ ส่วน Archer GE400 เป็นรุ่นรองที่มีราคาย่อมเยา แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงด้วย Dual-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 9.2 Gbps และพอร์ต 2.5G สองช่อง ทั้งสองรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ Game Panel สำหรับควบคุมการตั้งค่าเกมโดยเฉพาะ และรองรับเทคโนโลยี Multi-Link Operation (MLO) ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรในการเล่นเกมและสตรีมมิ่ง สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อแบบ bullet: ✅ การเปิดตัว Archer GE800 และ GE400 ➡️ GE800 เป็นรุ่น Tri-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 19 Gbps ➡️ GE400 เป็นรุ่น Dual-band Wi-Fi 7 ความเร็วรวม 9.2 Gbps ➡️ ทั้งสองรุ่นมีพอร์ต 2.5G และดีไซน์ RGB ปรับแต่งได้ ➡️ มาพร้อม Game Panel สำหรับควบคุมการตั้งค่าเกม ✅ เทคโนโลยี Wi-Fi 7 และฟีเจอร์เด่น ➡️ รองรับ Multi-Link Operation (MLO) เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน ➡️ ลด latency และเพิ่มความเสถียรในการเล่นเกม ➡️ เหมาะสำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ ✅ ความคุ้มค่าและการใช้งาน ➡️ GE400 เป็นตัวเลือกที่ราคาย่อมเยาแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง ➡️ GE800 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและพอร์ตระดับ 10G ➡️ ดีไซน์ RGB เพิ่มความโดดเด่นให้กับเซ็ตอัปเกมมิ่ง ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ Wi-Fi 7 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อุปกรณ์ที่รองรับอาจยังมีจำกัด ⛔ การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงต้องมีการตั้งค่าและอุปกรณ์ที่รองรับ ⛔ ราคาของ GE800 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การใช้งานพอร์ต 10G ต้องมีอุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับด้วย https://www.tomshardware.com/networking/routers/tp-link-launches-archer-ge400-wi-fi-7-gaming-router-dual-band-router-hits-more-affordable-price-point-includes-2-5-gbe-ports-and-rgb-lighting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย
    https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    กำลังจะปั่นเชื้อโรคในช่วงฤดูหนาวฝั่งเอเชียอีกแล้ว,เป้าหมายพยายามลดประชากรฝั่งเอเชียให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนจีน คนอินเดีย https://x.com/toobaffled/status/1981508333246042276?t=_QpqQWeTjdBlZxmMxxYIqw&s=19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก”

    Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

    สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่:

    1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ

    2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ

    Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา

    สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว

    Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น

    สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia
    จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่
    พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ

    สาเหตุของการลดลง
    AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ
    คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้
    พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง”

    ผลกระทบต่อ Wikipedia
    ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง
    ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้
    เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา
    ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง

    การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation
    เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia
    พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา
    มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่
    หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน
    การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด
    การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง
    หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia
    การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น

    https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    📉 “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก” Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่: 1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ 2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ✅ สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia ➡️ จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ➡️ การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่ ➡️ พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ ✅ สาเหตุของการลดลง ➡️ AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ ➡️ คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้ ➡️ พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง” ✅ ผลกระทบต่อ Wikipedia ➡️ ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง ➡️ ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้ ➡️ เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา ➡️ ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง ✅ การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation ➡️ เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia ➡️ พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา ➡️ มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่ ➡️ หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน ⛔ การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด ⛔ การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง ⛔ หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia ⛔ การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    TECHCRUNCH.COM
    Wikipedia says traffic is falling due to AI search summaries and social video | TechCrunch
    Looks like Wikipedia isn't immune to broader online trends, with human page views falling 8% year-over-year, according to a new blog post from Marshall Miller of the Wikimedia Foundation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Scattered LAPSUS$ Hunters เปลี่ยนกลยุทธ์ – เปิดบริการ EaaS และล่าคนวงใน หลังแฮก Salesforce!”

    นักวิจัยจาก Unit 42 ของ Palo Alto Networks พบว่ากลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Scattered LAPSUS$ Hunters ซึ่งเชื่อมโยงกับ Bling Libra syndicate กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์จากการใช้ ransomware มาเป็น Extortion-as-a-Service (EaaS) คือเน้นขโมยข้อมูลแล้วเรียกค่าไถ่โดยไม่เข้ารหัสไฟล์

    หลังจากแฮก Salesforce และขโมยข้อมูลกว่า 1 พันล้านรายการ พวกเขาเริ่มรุกหนัก โดยเปิด Telegram channel ชื่อ “SLSH 6.0 part 3” เพื่อโชว์ข้อมูลที่ขโมยมา และประกาศว่า “จะไม่ปล่อยข้อมูลเพิ่ม เพราะสิ่งที่มีอยู่มันร้ายแรงเกินกว่าจะเปิดเผย”

    กลุ่มนี้ยังเปิดรับสมัคร “คนวงใน” จากบริษัทต่าง ๆ เช่น call center, gaming, SaaS, telecom และ hosting provider ในหลายประเทศ เพื่อให้พนักงานขาย credentials หรือเข้าถึงระบบภายในได้ง่ายขึ้น

    ที่น่าสนใจคือพวกเขา tease ว่ากำลังพัฒนา ransomware ตัวใหม่ชื่อ SHINYSP1D3R ซึ่งอาจเป็นแค่เครื่องมือสร้างภาพลักษณ์เพื่อดึง affiliate เข้าร่วม EaaS มากกว่าจะใช้จริง เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเข้ารหัสไฟล์จากกลุ่มนี้เลย

    Unit 42 ยังพบว่าเว็บไซต์ data leak ของกลุ่มถูก deface และไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลยังอยู่หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นผลจากแรงกดดันจากหน่วยงานรัฐหรือความเสี่ยงทางกฎหมาย

    กลยุทธ์ใหม่ของ Scattered LAPSUS$ Hunters
    เปลี่ยนจาก ransomware เป็น Extortion-as-a-Service (EaaS)
    ขโมยข้อมูลแล้วเรียกค่าไถ่โดยไม่เข้ารหัส
    ลดความเสี่ยงจากการถูกไล่ล่าทางกฎหมาย
    ใช้ Telegram channel เป็นช่องทางสื่อสารและโชว์ข้อมูล

    การล่าคนวงใน
    เปิดรับสมัครพนักงานจากหลายอุตสาหกรรม
    เน้น call center, gaming, SaaS, telecom และ hosting provider
    ใช้ insider access เพื่อ bypass ระบบรักษาความปลอดภัย
    คล้ายกับกลยุทธ์ของกลุ่ม Muddled Libra (Scattered Spider)

    การ tease ransomware ใหม่
    ชื่อว่า SHINYSP1D3R
    อาจเป็นแค่เครื่องมือสร้างภาพลักษณ์
    ยังไม่มีหลักฐานการเข้ารหัสไฟล์
    อาจใช้เพื่อดึง affiliate เข้าร่วม EaaS

    ความเคลื่อนไหวล่าสุด
    ข้อมูลจาก 6 องค์กรถูกปล่อยหลัง deadline
    รวมถึง PII เช่น ชื่อ, วันเกิด, เบอร์โทร, ข้อมูล frequent flyer
    เว็บไซต์ data leak ถูก deface ไม่สามารถเข้าถึงได้
    กลุ่มประกาศว่าจะไม่ปล่อยข้อมูลเพิ่ม

    https://securityonline.info/scattered-lapsus-hunters-pivot-to-eaas-launch-insider-recruitment-campaign-after-salesforce-extortion/
    🕶️ “Scattered LAPSUS$ Hunters เปลี่ยนกลยุทธ์ – เปิดบริการ EaaS และล่าคนวงใน หลังแฮก Salesforce!” นักวิจัยจาก Unit 42 ของ Palo Alto Networks พบว่ากลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Scattered LAPSUS$ Hunters ซึ่งเชื่อมโยงกับ Bling Libra syndicate กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์จากการใช้ ransomware มาเป็น Extortion-as-a-Service (EaaS) คือเน้นขโมยข้อมูลแล้วเรียกค่าไถ่โดยไม่เข้ารหัสไฟล์ หลังจากแฮก Salesforce และขโมยข้อมูลกว่า 1 พันล้านรายการ พวกเขาเริ่มรุกหนัก โดยเปิด Telegram channel ชื่อ “SLSH 6.0 part 3” เพื่อโชว์ข้อมูลที่ขโมยมา และประกาศว่า “จะไม่ปล่อยข้อมูลเพิ่ม เพราะสิ่งที่มีอยู่มันร้ายแรงเกินกว่าจะเปิดเผย” กลุ่มนี้ยังเปิดรับสมัคร “คนวงใน” จากบริษัทต่าง ๆ เช่น call center, gaming, SaaS, telecom และ hosting provider ในหลายประเทศ เพื่อให้พนักงานขาย credentials หรือเข้าถึงระบบภายในได้ง่ายขึ้น ที่น่าสนใจคือพวกเขา tease ว่ากำลังพัฒนา ransomware ตัวใหม่ชื่อ SHINYSP1D3R ซึ่งอาจเป็นแค่เครื่องมือสร้างภาพลักษณ์เพื่อดึง affiliate เข้าร่วม EaaS มากกว่าจะใช้จริง เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเข้ารหัสไฟล์จากกลุ่มนี้เลย Unit 42 ยังพบว่าเว็บไซต์ data leak ของกลุ่มถูก deface และไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลยังอยู่หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นผลจากแรงกดดันจากหน่วยงานรัฐหรือความเสี่ยงทางกฎหมาย ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Scattered LAPSUS$ Hunters ➡️ เปลี่ยนจาก ransomware เป็น Extortion-as-a-Service (EaaS) ➡️ ขโมยข้อมูลแล้วเรียกค่าไถ่โดยไม่เข้ารหัส ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกไล่ล่าทางกฎหมาย ➡️ ใช้ Telegram channel เป็นช่องทางสื่อสารและโชว์ข้อมูล ✅ การล่าคนวงใน ➡️ เปิดรับสมัครพนักงานจากหลายอุตสาหกรรม ➡️ เน้น call center, gaming, SaaS, telecom และ hosting provider ➡️ ใช้ insider access เพื่อ bypass ระบบรักษาความปลอดภัย ➡️ คล้ายกับกลยุทธ์ของกลุ่ม Muddled Libra (Scattered Spider) ✅ การ tease ransomware ใหม่ ➡️ ชื่อว่า SHINYSP1D3R ➡️ อาจเป็นแค่เครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ ➡️ ยังไม่มีหลักฐานการเข้ารหัสไฟล์ ➡️ อาจใช้เพื่อดึง affiliate เข้าร่วม EaaS ✅ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ➡️ ข้อมูลจาก 6 องค์กรถูกปล่อยหลัง deadline ➡️ รวมถึง PII เช่น ชื่อ, วันเกิด, เบอร์โทร, ข้อมูล frequent flyer ➡️ เว็บไซต์ data leak ถูก deface ไม่สามารถเข้าถึงได้ ➡️ กลุ่มประกาศว่าจะไม่ปล่อยข้อมูลเพิ่ม https://securityonline.info/scattered-lapsus-hunters-pivot-to-eaas-launch-insider-recruitment-campaign-after-salesforce-extortion/
    SECURITYONLINE.INFO
    Scattered LAPSUS$ Hunters Pivot to EaaS, Launch Insider Recruitment Campaign After Salesforce Extortion
    Unit 42 exposed Scattered LAPSUS$ Hunters pivoting to Extortion-as-a-Service (EaaS) after Salesforce leaks. The group is recruiting insiders and teasing SHINYSP1D3R ransomware on Telegram.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร

    Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่

    Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน

    แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง

    หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น:

    Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก
    LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร
    Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง

    Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026
    ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021

    Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365
    ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก

    Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97
    เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู
    และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข

    ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer
    ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป

    ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2
    มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ

    https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    📄 “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่ Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น: 📐 Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก 📐 LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร 📐 Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง ✅ Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 ➡️ ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 ✅ Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 ➡️ ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก ✅ Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97 ➡️ เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู ➡️ และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข ✅ ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer ➡️ ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป ✅ ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2 ➡️ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Microsoft Will Be Ending Support For This Popular Software In October 2026 - SlashGear
    Microsoft Publisher will reach end-of-support in October 2026 -- Microsoft will drop updates and remove it from Microsoft 365 apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 1

    เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2014 Deutsche Welle (DW) สื่อดังเยอรมัน และสื่อต่างชาติอีกหลายสำนักล งข่าวพร้อมเพียงกัน เหมือนข่าวแจกว่า ทางการทหารสวีเดน แจ้งเมื่อวันเสาร์ (ที่13) ว่า เครื่องบินรบของรัสเซีย เกือบชนกับเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ ซึ่งขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงโคเปนฮาเกนของ Denmark ข่าวอ้างว่า นาย Peter Hultqvist รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน พูดทางสถานีวิทยุสวีเดน ว่ามันเป็นเครื่องบินจารกรรมของรัสเซีย !

    ส่วนนายพลตรี Michael Byden Airforce Chief ของสวีเดน แจงเพิ่มว่า ” เครื่องบินรบรัสเซียปิดเครื่องเรดาร์ (transpondor) ทำให้ไม่มีสัญญานขึ้นบนจอของเครื่องบินพาณิชย์ นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องอันตราย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อเดือนมีนาคมยิ่งกว่านี้อีก ระยะห่างกันแค่ 100 เมตร (300 ฟิต) เอง ระหว่างเครื่องบินรบของรัสเซีย กับเครื่องบินพาณิชย์ Scandinavian Airlines (SAS) ซึ่งเพิ่งบินขึ้นจากสนามบินโคเปนฮาเกน รัสเซียปิดเครื่อง transpondor อีกแหล่ะ ดีว่า นักบินที่ขับเครื่องพาณิชย์ เขาสายตาดี ( good visibility) และมีความตื่นตัว ”

    ( SAS เป็นสายการบินระหว่างชาติ โดยการร่วมทุนระหว่าง นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก)

    นอกจากนี้ Dagens Nyheter (DN) สื่อใหญ่ของสวีเดน ซึ่งวิเคราะห์จากการติดต่อทางวิทยุระหว่าง ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศของฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนของสวีเดนกับนักบินบอกว่า เครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งกำลังบินขึ้นจากสนามบิน Castrup ใน กรุงโคเปนฮาเกน ได้รับอนุญาตให้บินไต่ระดับสูงที่ 25,000 ฟิต แต่ 3 นาทีหลังจากนั้น ถูกสั่งให้คงระดับที่ 22,000 ฟิต เนื่องจากศูนย์ควบคุมฝ่ายทหาร ติดต่อไปทางศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนว่า มีเครื่องบินที่ไม่เปิดเผยตัวตน กำลังบินในเส้นทางที่จะทำให้เกิดการชนกันได้ ให้ศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนรีบแจ้งทางเครื่องบินพาณิชย์ให้ดำเนินการแก้ไขด่วน จึงสั่งให้เครื่องบินพาณิชย์ เลี้ยวออกจากเส้นทางเดิม
    ฝ่าย SAS เอง ตอนแรกปฏิเสธ ว่า SAS ไม่เกี่ยวด้วย แต่คงถูกใครถีบให้ออกมา นาย Knut Morton Johansen ผู้จัดการชาวนอร์เวย์ การด้านการสื่อสาร เลยออกมาให้ข่าวมั่งว่า สำหรับกรณีที่กำลังเป็นข่าวนั้น….ไม่มีการทำผิดกฎด้านความมั่นคงเกิดขึ้นแต่อย่างใด และที่สำคัญ สำหรับ SAS ไม่มีใครตกอยู่ในอันตราย ฝ่ายนักบิน และฝ่ายควบคุม traffic ของเรา ควบคุมสถานะการณ์ได้ ส่วนเรื่องระยะความใกล้ระหว่าง 2 เครื่องนั้น นาย Johansen บอกว่า พวกเขาไม่เคยเข้ามาใกล้กว่า 900 เมตร (3,000 ฟิต) เลยนะ SAS มีความเห็นว่า เครื่องบินรัสเซียได้บินรักษาระยะความห่างอย่างปลอดภัยแล้ว (พวกคุณ สื่อ) อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เกินจริงกันนัก!

    อ้าว พวกกันเอง ทำไมให้ข่าวแบบแตกลาย แถมฝ่ายที่น่าจะเป็นผู้เสียหาย คือ SAS

    ทำไมพูดไม่เต็มปาก ไม่เต็มเสียง ไม่หนักแน่นเหมือนลูกพี่เลย ที่น่างง คือ ตัวเลขระยะห่างระหว่าง 2 เครื่องบิน ลูกพี่บอก 300 ฟิต ลูกน้องบอก ไม่เคยใกล้กว่า 3,000 ฟิตเลย สงสัย ลูกพี่คงจะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน ตอนออกสื่อ เลยอ่านตัวเลข เกินไปหนึ่งศูนย์ ฮาจริง

    แล้วรัสเซียว่าอย่างไร กะบินเฉี่ยวหัวเขาจริงหรือเปล่า หรือถูกพวกจัดฉากร้องเพลงประสานเสียงตามใบสั่ง

    รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ออกมาชี้แจงวันรุ่งขึ้นบอกว่า เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่สวีเดนออกข่าวเลย เขายืนยันว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำ บินห่างกันไม่เคยน้อยกว่าระยะ 70 กิโลเมตร (42 ไมล์) ทั้ง 2 ครั้ง และเครื่องบินของรัสเซีย ก็ปฏิบัติตามกฏของการบินนานาชาติอย่างถูกต้อง และทำการบินในระยะที่ปลอดภัยกับเครื่องบินพลเรือนเสมอ นี่ก็ตัวเลขคนละทางเหมือนกัน คนเขียนนิทานก็ชักจะมึน อย่าเว่อกันนักนะครับ เดี๋ยวเขาจะว่าผมเข้าเต็มตัว ไม่ใช่แค่เข้าข้าง!

    แต่ดูเหมือนคำชี้ แจงของทั้งรัสเซียและ ของ SAS เอง จะไม่มีน้ำหนักพอ เขาว่าวันต่อมาทูตรัสเซีย ประจำเดนมาร์กและสวีเดน ถูกเรียกเรียกไปฟังเทศน์ต่อเรื่องความไม่ปลอดภัย ที่เกือบจะเกิดขึ้น ก็เทปม้วนเดิมนั่นแหละ

    หลังจากนั้นก็เป็นคิวของเดนมาร์กและนอร์เวย์ แถมด้วยลูกหาบเช่น ลัตเวีย ต่างออกมาส่งเสียงด้วยประโยคเดิม เครื่องเล่นเทปร้อนจัด เดี๋ยวจะน้อยหน้าสวีเดน แบบนี้เรื่องคงไม่จบง่ายๆ มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง รายการคิดบัญชีกันหรือไง !?

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2014 Deutsche Welle (DW) สื่อดังเยอรมัน และสื่อต่างชาติอีกหลายสำนักล งข่าวพร้อมเพียงกัน เหมือนข่าวแจกว่า ทางการทหารสวีเดน แจ้งเมื่อวันเสาร์ (ที่13) ว่า เครื่องบินรบของรัสเซีย เกือบชนกับเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ ซึ่งขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงโคเปนฮาเกนของ Denmark ข่าวอ้างว่า นาย Peter Hultqvist รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน พูดทางสถานีวิทยุสวีเดน ว่ามันเป็นเครื่องบินจารกรรมของรัสเซีย ! ส่วนนายพลตรี Michael Byden Airforce Chief ของสวีเดน แจงเพิ่มว่า ” เครื่องบินรบรัสเซียปิดเครื่องเรดาร์ (transpondor) ทำให้ไม่มีสัญญานขึ้นบนจอของเครื่องบินพาณิชย์ นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องอันตราย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อเดือนมีนาคมยิ่งกว่านี้อีก ระยะห่างกันแค่ 100 เมตร (300 ฟิต) เอง ระหว่างเครื่องบินรบของรัสเซีย กับเครื่องบินพาณิชย์ Scandinavian Airlines (SAS) ซึ่งเพิ่งบินขึ้นจากสนามบินโคเปนฮาเกน รัสเซียปิดเครื่อง transpondor อีกแหล่ะ ดีว่า นักบินที่ขับเครื่องพาณิชย์ เขาสายตาดี ( good visibility) และมีความตื่นตัว ” ( SAS เป็นสายการบินระหว่างชาติ โดยการร่วมทุนระหว่าง นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก) นอกจากนี้ Dagens Nyheter (DN) สื่อใหญ่ของสวีเดน ซึ่งวิเคราะห์จากการติดต่อทางวิทยุระหว่าง ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศของฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนของสวีเดนกับนักบินบอกว่า เครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งกำลังบินขึ้นจากสนามบิน Castrup ใน กรุงโคเปนฮาเกน ได้รับอนุญาตให้บินไต่ระดับสูงที่ 25,000 ฟิต แต่ 3 นาทีหลังจากนั้น ถูกสั่งให้คงระดับที่ 22,000 ฟิต เนื่องจากศูนย์ควบคุมฝ่ายทหาร ติดต่อไปทางศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนว่า มีเครื่องบินที่ไม่เปิดเผยตัวตน กำลังบินในเส้นทางที่จะทำให้เกิดการชนกันได้ ให้ศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนรีบแจ้งทางเครื่องบินพาณิชย์ให้ดำเนินการแก้ไขด่วน จึงสั่งให้เครื่องบินพาณิชย์ เลี้ยวออกจากเส้นทางเดิม ฝ่าย SAS เอง ตอนแรกปฏิเสธ ว่า SAS ไม่เกี่ยวด้วย แต่คงถูกใครถีบให้ออกมา นาย Knut Morton Johansen ผู้จัดการชาวนอร์เวย์ การด้านการสื่อสาร เลยออกมาให้ข่าวมั่งว่า สำหรับกรณีที่กำลังเป็นข่าวนั้น….ไม่มีการทำผิดกฎด้านความมั่นคงเกิดขึ้นแต่อย่างใด และที่สำคัญ สำหรับ SAS ไม่มีใครตกอยู่ในอันตราย ฝ่ายนักบิน และฝ่ายควบคุม traffic ของเรา ควบคุมสถานะการณ์ได้ ส่วนเรื่องระยะความใกล้ระหว่าง 2 เครื่องนั้น นาย Johansen บอกว่า พวกเขาไม่เคยเข้ามาใกล้กว่า 900 เมตร (3,000 ฟิต) เลยนะ SAS มีความเห็นว่า เครื่องบินรัสเซียได้บินรักษาระยะความห่างอย่างปลอดภัยแล้ว (พวกคุณ สื่อ) อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เกินจริงกันนัก! อ้าว พวกกันเอง ทำไมให้ข่าวแบบแตกลาย แถมฝ่ายที่น่าจะเป็นผู้เสียหาย คือ SAS ทำไมพูดไม่เต็มปาก ไม่เต็มเสียง ไม่หนักแน่นเหมือนลูกพี่เลย ที่น่างง คือ ตัวเลขระยะห่างระหว่าง 2 เครื่องบิน ลูกพี่บอก 300 ฟิต ลูกน้องบอก ไม่เคยใกล้กว่า 3,000 ฟิตเลย สงสัย ลูกพี่คงจะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน ตอนออกสื่อ เลยอ่านตัวเลข เกินไปหนึ่งศูนย์ ฮาจริง แล้วรัสเซียว่าอย่างไร กะบินเฉี่ยวหัวเขาจริงหรือเปล่า หรือถูกพวกจัดฉากร้องเพลงประสานเสียงตามใบสั่ง รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ออกมาชี้แจงวันรุ่งขึ้นบอกว่า เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่สวีเดนออกข่าวเลย เขายืนยันว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำ บินห่างกันไม่เคยน้อยกว่าระยะ 70 กิโลเมตร (42 ไมล์) ทั้ง 2 ครั้ง และเครื่องบินของรัสเซีย ก็ปฏิบัติตามกฏของการบินนานาชาติอย่างถูกต้อง และทำการบินในระยะที่ปลอดภัยกับเครื่องบินพลเรือนเสมอ นี่ก็ตัวเลขคนละทางเหมือนกัน คนเขียนนิทานก็ชักจะมึน อย่าเว่อกันนักนะครับ เดี๋ยวเขาจะว่าผมเข้าเต็มตัว ไม่ใช่แค่เข้าข้าง! แต่ดูเหมือนคำชี้ แจงของทั้งรัสเซียและ ของ SAS เอง จะไม่มีน้ำหนักพอ เขาว่าวันต่อมาทูตรัสเซีย ประจำเดนมาร์กและสวีเดน ถูกเรียกเรียกไปฟังเทศน์ต่อเรื่องความไม่ปลอดภัย ที่เกือบจะเกิดขึ้น ก็เทปม้วนเดิมนั่นแหละ หลังจากนั้นก็เป็นคิวของเดนมาร์กและนอร์เวย์ แถมด้วยลูกหาบเช่น ลัตเวีย ต่างออกมาส่งเสียงด้วยประโยคเดิม เครื่องเล่นเทปร้อนจัด เดี๋ยวจะน้อยหน้าสวีเดน แบบนี้เรื่องคงไม่จบง่ายๆ มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง รายการคิดบัญชีกันหรือไง !? สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nissan Leaf 2026” — ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่กลับมาพร้อมระยะทางไกลขึ้นและดีไซน์ทันสมัย

    Nissan Leaf รุ่นปี 2026 ได้รับการปรับโฉมใหม่หมดจดเพื่อแข่งขันกับ Tesla Model 3 และ Hyundai Ioniq 5 โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ภายในกว้างขึ้น และสามารถชาร์จผ่าน Tesla Supercharger ได้แล้ว

    รุ่นที่ผู้รีวิวได้ทดลองขับคือ Leaf Platinum+ ซึ่งมีล้อขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมแบตเตอรี่ 75 kWh ให้ระยะทางประมาณ 259 ไมล์ แต่หากขับแบบประหยัดพลังงานในโหมด Eco สามารถทำได้ใกล้เคียง 300 ไมล์เลยทีเดียว

    ด้านสมรรถนะ Leaf ใหม่ใช้มอเตอร์หน้า 214 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบ แม้จะไม่ใช่รถสปอร์ต แต่ในโหมด Sport ก็สามารถสร้างความสนุกได้ไม่น้อย

    ภายในรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 55.5 ลูกบาศก์ฟุต พร้อมระบบเสียง Bose และวัสดุเบาะแบบ “TailorFit” ที่ให้ความรู้สึกหรูหราในราคาที่เข้าถึงได้

    อย่างไรก็ตาม จุดที่น่ากังวลคือราคาของรุ่น Platinum+ ที่สูงถึง $41,930 ซึ่งอาจทำให้เสียเปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น Chevy Equinox EV ที่มีระยะทางมากกว่าแต่ราคาเริ่มต้นเพียง $31,995

    ข้อมูลในข่าว
    Leaf 2026 ปรับโฉมใหม่หมดเพื่อแข่งขันกับ Tesla และ Hyundai
    รุ่น Platinum+ มีแบตเตอรี่ 75 kWh ระยะทาง 259–300 ไมล์
    ใช้มอเตอร์หน้า 214 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า
    รองรับการชาร์จผ่าน Tesla Supercharger
    พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นเป็น 55.5 ลูกบาศก์ฟุต
    ภายในมีระบบเสียง Bose และวัสดุเบาะ TailorFit
    ระบบขับขี่มีโหมด Eco และ Sport ให้เลือก
    ขับขี่นุ่มนวล เงียบ และตอบสนองดีในเมือง

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    รุ่น Platinum+ มีราคาสูงถึง $41,930 ซึ่งอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
    สายชาร์จของ Tesla Supercharger สั้น ต้องจอดใกล้มาก
    รุ่นพื้นฐานอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าหากไม่ต้องการอุปกรณ์เสริม
    ระยะทางสูงสุดยังน้อยกว่าคู่แข่งบางรุ่น เช่น Chevy Equinox EV (319 ไมล์)

    https://www.slashgear.com/1996982/2026-nissan-leaf-review-affordable-ev/
    🚗 “Nissan Leaf 2026” — ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่กลับมาพร้อมระยะทางไกลขึ้นและดีไซน์ทันสมัย Nissan Leaf รุ่นปี 2026 ได้รับการปรับโฉมใหม่หมดจดเพื่อแข่งขันกับ Tesla Model 3 และ Hyundai Ioniq 5 โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ภายในกว้างขึ้น และสามารถชาร์จผ่าน Tesla Supercharger ได้แล้ว รุ่นที่ผู้รีวิวได้ทดลองขับคือ Leaf Platinum+ ซึ่งมีล้อขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมแบตเตอรี่ 75 kWh ให้ระยะทางประมาณ 259 ไมล์ แต่หากขับแบบประหยัดพลังงานในโหมด Eco สามารถทำได้ใกล้เคียง 300 ไมล์เลยทีเดียว ด้านสมรรถนะ Leaf ใหม่ใช้มอเตอร์หน้า 214 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบ แม้จะไม่ใช่รถสปอร์ต แต่ในโหมด Sport ก็สามารถสร้างความสนุกได้ไม่น้อย ภายในรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 55.5 ลูกบาศก์ฟุต พร้อมระบบเสียง Bose และวัสดุเบาะแบบ “TailorFit” ที่ให้ความรู้สึกหรูหราในราคาที่เข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม จุดที่น่ากังวลคือราคาของรุ่น Platinum+ ที่สูงถึง $41,930 ซึ่งอาจทำให้เสียเปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น Chevy Equinox EV ที่มีระยะทางมากกว่าแต่ราคาเริ่มต้นเพียง $31,995 ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Leaf 2026 ปรับโฉมใหม่หมดเพื่อแข่งขันกับ Tesla และ Hyundai ➡️ รุ่น Platinum+ มีแบตเตอรี่ 75 kWh ระยะทาง 259–300 ไมล์ ➡️ ใช้มอเตอร์หน้า 214 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ➡️ รองรับการชาร์จผ่าน Tesla Supercharger ➡️ พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นเป็น 55.5 ลูกบาศก์ฟุต ➡️ ภายในมีระบบเสียง Bose และวัสดุเบาะ TailorFit ➡️ ระบบขับขี่มีโหมด Eco และ Sport ให้เลือก ➡️ ขับขี่นุ่มนวล เงียบ และตอบสนองดีในเมือง ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ รุ่น Platinum+ มีราคาสูงถึง $41,930 ซึ่งอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ⛔ สายชาร์จของ Tesla Supercharger สั้น ต้องจอดใกล้มาก ⛔ รุ่นพื้นฐานอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าหากไม่ต้องการอุปกรณ์เสริม ⛔ ระยะทางสูงสุดยังน้อยกว่าคู่แข่งบางรุ่น เช่น Chevy Equinox EV (319 ไมล์) https://www.slashgear.com/1996982/2026-nissan-leaf-review-affordable-ev/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Nissan's New 2026 Leaf Finally Delivers On An Old Promise - SlashGear
    Is Nissan's newest Leaf the freshly-crowned king of cheap electric cars?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts