• เหรียญหลวงพ่อสาน รุ่นแรก วัดเขาค้างคาว จ.นครสวรรค์ ปี2540
    เหรียญหลวงพ่อสาน รุ่นแรก วัดเขาค้างคาว ต.หัวถนน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ปี2540 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง กันเสนียดจัญไร ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เพื่อเพิ่มพูนเมตตามหานิยม

    ** วัดเขาค้างคาว ตั้งวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๕ ตำบลหัวถนน อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อสาน รุ่นแรก วัดเขาค้างคาว จ.นครสวรรค์ ปี2540 เหรียญหลวงพ่อสาน รุ่นแรก วัดเขาค้างคาว ต.หัวถนน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ปี2540 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง กันเสนียดจัญไร ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เพื่อเพิ่มพูนเมตตามหานิยม ** วัดเขาค้างคาว ตั้งวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๕ ตำบลหัวถนน อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27-03-68/03 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP2

    "เปิดแผนสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่มรึงเองยังไม่กล้าจะคิด?" หลายคนไม่เชื่อ หลายคนหมดศรัทธากับแผ่นดินนี้ แต่ช้าก่อน โปรดฟัง และคิดตามนี้ โลกยุคเก่านำโดยสหรัฐและฝูงเหี้ย ใช้ปชต.ตอแหลบังคับให้ชาติประเทศที่ 3 หรือด้อยพัฒนา ต้องปฎิบัติตามเพื่อคำว่า "สากล" มาดูปีนี้ พศ.นี้ 2025 ใครนำโลก ใครคือขั้วใหม่ รัสเซีย จีน เค้าเป็นปชต.เต็มรูปแบบมั้ยล่ะ? ตอบว่าไม่ ทุกอย่างรัสเซียใช้สภาดูม่าออกกฎหมายบังคับทั้งประเทศ จีนใช้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ปกครองแผ่นดินมายาวนาน หลังปฎิวัติใหญ่สำเร็จ ดังนั้น รูปแบบการปกครองจึงต้องเปลี่ยนไปตามเจ้ามือโลกใหม่ไงล่ะ ถามว่า หากมรึงเป็นปชต.จ๋า จะเอาแต่โหวดอย่างเดียว เค้าก็ไม่ว่ามรึงดอก ตราบใดที่มรึงยังไม่ขัดแข้งขัดขาเค้า หรือรับใช้เป็นขี้ข้าเหี้ยขั้วเก่าไม่เลิก เค้าก็ไม่เอามรึงไงล่ะ เพราะวัตถุดิบโลก อาหารโลก พลังงานโลก อยู่ในมือขั้วใหม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ใครกล้างัดกันล่ะ ขนาดสหรัฐ และยุโรป ยังต้องกราบตรีน ดังนั้น ในอดีต สยามประเทศปกครองโดยกษัตริย์ จนมาถึงยุคปล้นพระราชอำนาจ พศ.2475 ครั้นไทยเราจะกลับไปใช้การปกครองเดิม ถามว่าเจ้ามือโลกใหม่จะมีปัญหามั้ย? ตอบว่าไม่ แถมเชิญให้ไว เข้าใจยัง? ทุกอย่างในโลก มันอยู่ที่เจ้ามือ ไอ้สัส! เมือไทยนำโด่ง เปลี่ยนการปกครอง กลับไปใช้ระบบกษัตริย์ ยุโรป และแอฟริกา อาจจะตามมาทันที เพราะเบื่อการเมืองบัดซบมาเต็มกลืนแล้ว ตอนนี้ ทราบหรือไม่ ยุโรปจะมีการนำระบบกษัตริย์กลับมาอีกครั้ง หลัง EU แตกจ๊ะ เพราะอะไร เพราะเจ้ามือเก่ามันไม่อยู่แล้วไง เจ้ามือเก่าไม่มีเงินจ่ายแล้ว ปชต.อยู่ได้เพราะเงินจ๊ะ เมื่อ BRICS กลายเป็นศูนย์กลางโลก ใยต้องกังวลว่าจะต้องเป็นการปกครองแบบใดอีก เพราะทุกชาติถูกปลดแอกจากเหี้ยหมดแล้ว มรึงยังจะอยากเป็นทาสไปตลอดชีวิตรึไง ทุกชาติจะหันกลับมาใช้การปกครองที่เหมาะกับตัวเอง โดยมีรัสเซีย จีน ให้การสนับสนุน สิ่งที่มรึงมองไม่เห็นแต่กูมองเห็น เป็นเพราะ "เจ้ามือ" ไงล่ะ หัวนำ ใครก็ตาม หัวเหี้ย โลกก็เหี้ย หัวดี โลกก็สดใส ยิ่งการเมืองปาหี่บ้านเรา ยิ่งมีกระแสโหยหา "มอบพระราชอำนาจคืนให้พ่อท่าน" อย่าเอาอีกเลย ไอ้นักการเมืองหัวกวยเนี่ย? เอามาให้แดร๊กแผ่นดิน กินหัวคิวไม่เลิกเหรอ? ส่วนอีควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว จะเงิบแดร๊ก เมื่อคนทั้งแผ่นดิน ยกมือกราบไหว้ "ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน" มรึงจะกลายเป็นส่วนเกินของสังคมทันที ปชต.จะหายสาปสูญไปตลอดกาล ทุกอย่างอยู่ที่เจ้ามือจ๊ะ ไม่ได้เปลี่ยนเพราะอยากจะเปลี่ยน แต่เปลี่ยนเพราะเหี้ยมันตาย และเจ้ามือใหม่ ไม่ต้องการปชต.ตอแหล ชัดน่ะ? ที่มาว่าทำไม มรึงถึงยังไม่เชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เพราะกูพูดในสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า อันมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงโลกนั่นเอง โลกนำ สยามตาม เข้าใจตรงกันน่ะ? ส่วนเรื่องผนวกดินแดนเพิ่ม กูไม่ได้พูดเล่น เอามันส์ เมื่อไทยเป็นฮับ อยากได้เงินบาทไทยที่แข็งโป๊กมั้ย ที่นิยมใช้กันทั้งอาเซียน ก็ย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกัน เริ่มแรก อาจจะเป็นรัฐอิสระ ที่แยกตัวออกมาจากพม่า และบางส่วนจากอีขะแมร์ บางส่วนจากลาว แต่ต่อไป หากไทยรุ่งเรืองจนขีดสุด ใครล่ะ ไม่อยากจะเป็นเมืองใต้อาณัติที่มีอนาคตสดใสรออยู่ มันจะมาเอง มรึงไม่ต้องไปไล่ล่าอะไรทั้งนั้น ของมันดี ใครก็อยากจะเข้า BRICS นี่แหละ จะทำให้ไทยรวมแผ่นดินพ่อเดิม ยุคพ่อร.5 กลับมา เหมือนที่ปูตินจะได้อดีตโซเวียตเดิมกลับมา เหมือนที่สีจิ้นผิงจะได้ไต้หวันกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างมันมาทิศทางเดียวกันหมด อะไรที่เป็นของเรา มันก็คือของเราอยู่วันยันค่ำ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ 100 ปี ก็ตาม?

    หมี CNN(ความกังวลของมรึง มันอยู่ในอกพ่ออยู่หัว นับตั้งแต่รัชกาลที่ 3 มานานแล้ว พ่อสอนลูก ส่งไม้ต่อ แล้วเมื่อถึงเวลา ยุคศิวิไล ไทยเราจะได้ผนวกรวมแผ่นดินเดิมกลับคืนสู่ดินแดนสุวรรณภูมิอีกครั้ง วันนี้ มรึงยังไม่เชื่อ แต่อีกไม่นาน มรึงจะเริ่มเห็นแสงสีทองตามที่กูบอก ไม่มีผิด เพราะกูนั่งไทม์แมชชีนไปกับโดราเอมอน ไปดูมาแล้ว อะไรน่ะ โนบิตะได้แต่งงานกับชิซูกะหรือไม่ อ๋อ..เสร็จอีโดราเอม่อนจ๊ะ 555+)
    27 มีนาคม 68
    17.24 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    27-03-68/03 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP2 "เปิดแผนสวรรค์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่มรึงเองยังไม่กล้าจะคิด?" หลายคนไม่เชื่อ หลายคนหมดศรัทธากับแผ่นดินนี้ แต่ช้าก่อน โปรดฟัง และคิดตามนี้ โลกยุคเก่านำโดยสหรัฐและฝูงเหี้ย ใช้ปชต.ตอแหลบังคับให้ชาติประเทศที่ 3 หรือด้อยพัฒนา ต้องปฎิบัติตามเพื่อคำว่า "สากล" มาดูปีนี้ พศ.นี้ 2025 ใครนำโลก ใครคือขั้วใหม่ รัสเซีย จีน เค้าเป็นปชต.เต็มรูปแบบมั้ยล่ะ? ตอบว่าไม่ ทุกอย่างรัสเซียใช้สภาดูม่าออกกฎหมายบังคับทั้งประเทศ จีนใช้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ปกครองแผ่นดินมายาวนาน หลังปฎิวัติใหญ่สำเร็จ ดังนั้น รูปแบบการปกครองจึงต้องเปลี่ยนไปตามเจ้ามือโลกใหม่ไงล่ะ ถามว่า หากมรึงเป็นปชต.จ๋า จะเอาแต่โหวดอย่างเดียว เค้าก็ไม่ว่ามรึงดอก ตราบใดที่มรึงยังไม่ขัดแข้งขัดขาเค้า หรือรับใช้เป็นขี้ข้าเหี้ยขั้วเก่าไม่เลิก เค้าก็ไม่เอามรึงไงล่ะ เพราะวัตถุดิบโลก อาหารโลก พลังงานโลก อยู่ในมือขั้วใหม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ใครกล้างัดกันล่ะ ขนาดสหรัฐ และยุโรป ยังต้องกราบตรีน ดังนั้น ในอดีต สยามประเทศปกครองโดยกษัตริย์ จนมาถึงยุคปล้นพระราชอำนาจ พศ.2475 ครั้นไทยเราจะกลับไปใช้การปกครองเดิม ถามว่าเจ้ามือโลกใหม่จะมีปัญหามั้ย? ตอบว่าไม่ แถมเชิญให้ไว เข้าใจยัง? ทุกอย่างในโลก มันอยู่ที่เจ้ามือ ไอ้สัส! เมือไทยนำโด่ง เปลี่ยนการปกครอง กลับไปใช้ระบบกษัตริย์ ยุโรป และแอฟริกา อาจจะตามมาทันที เพราะเบื่อการเมืองบัดซบมาเต็มกลืนแล้ว ตอนนี้ ทราบหรือไม่ ยุโรปจะมีการนำระบบกษัตริย์กลับมาอีกครั้ง หลัง EU แตกจ๊ะ เพราะอะไร เพราะเจ้ามือเก่ามันไม่อยู่แล้วไง เจ้ามือเก่าไม่มีเงินจ่ายแล้ว ปชต.อยู่ได้เพราะเงินจ๊ะ เมื่อ BRICS กลายเป็นศูนย์กลางโลก ใยต้องกังวลว่าจะต้องเป็นการปกครองแบบใดอีก เพราะทุกชาติถูกปลดแอกจากเหี้ยหมดแล้ว มรึงยังจะอยากเป็นทาสไปตลอดชีวิตรึไง ทุกชาติจะหันกลับมาใช้การปกครองที่เหมาะกับตัวเอง โดยมีรัสเซีย จีน ให้การสนับสนุน สิ่งที่มรึงมองไม่เห็นแต่กูมองเห็น เป็นเพราะ "เจ้ามือ" ไงล่ะ หัวนำ ใครก็ตาม หัวเหี้ย โลกก็เหี้ย หัวดี โลกก็สดใส ยิ่งการเมืองปาหี่บ้านเรา ยิ่งมีกระแสโหยหา "มอบพระราชอำนาจคืนให้พ่อท่าน" อย่าเอาอีกเลย ไอ้นักการเมืองหัวกวยเนี่ย? เอามาให้แดร๊กแผ่นดิน กินหัวคิวไม่เลิกเหรอ? ส่วนอีควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว จะเงิบแดร๊ก เมื่อคนทั้งแผ่นดิน ยกมือกราบไหว้ "ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน" มรึงจะกลายเป็นส่วนเกินของสังคมทันที ปชต.จะหายสาปสูญไปตลอดกาล ทุกอย่างอยู่ที่เจ้ามือจ๊ะ ไม่ได้เปลี่ยนเพราะอยากจะเปลี่ยน แต่เปลี่ยนเพราะเหี้ยมันตาย และเจ้ามือใหม่ ไม่ต้องการปชต.ตอแหล ชัดน่ะ? ที่มาว่าทำไม มรึงถึงยังไม่เชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เพราะกูพูดในสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า อันมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงโลกนั่นเอง โลกนำ สยามตาม เข้าใจตรงกันน่ะ? ส่วนเรื่องผนวกดินแดนเพิ่ม กูไม่ได้พูดเล่น เอามันส์ เมื่อไทยเป็นฮับ อยากได้เงินบาทไทยที่แข็งโป๊กมั้ย ที่นิยมใช้กันทั้งอาเซียน ก็ย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกัน เริ่มแรก อาจจะเป็นรัฐอิสระ ที่แยกตัวออกมาจากพม่า และบางส่วนจากอีขะแมร์ บางส่วนจากลาว แต่ต่อไป หากไทยรุ่งเรืองจนขีดสุด ใครล่ะ ไม่อยากจะเป็นเมืองใต้อาณัติที่มีอนาคตสดใสรออยู่ มันจะมาเอง มรึงไม่ต้องไปไล่ล่าอะไรทั้งนั้น ของมันดี ใครก็อยากจะเข้า BRICS นี่แหละ จะทำให้ไทยรวมแผ่นดินพ่อเดิม ยุคพ่อร.5 กลับมา เหมือนที่ปูตินจะได้อดีตโซเวียตเดิมกลับมา เหมือนที่สีจิ้นผิงจะได้ไต้หวันกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างมันมาทิศทางเดียวกันหมด อะไรที่เป็นของเรา มันก็คือของเราอยู่วันยันค่ำ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ 100 ปี ก็ตาม? หมี CNN(ความกังวลของมรึง มันอยู่ในอกพ่ออยู่หัว นับตั้งแต่รัชกาลที่ 3 มานานแล้ว พ่อสอนลูก ส่งไม้ต่อ แล้วเมื่อถึงเวลา ยุคศิวิไล ไทยเราจะได้ผนวกรวมแผ่นดินเดิมกลับคืนสู่ดินแดนสุวรรณภูมิอีกครั้ง วันนี้ มรึงยังไม่เชื่อ แต่อีกไม่นาน มรึงจะเริ่มเห็นแสงสีทองตามที่กูบอก ไม่มีผิด เพราะกูนั่งไทม์แมชชีนไปกับโดราเอมอน ไปดูมาแล้ว อะไรน่ะ โนบิตะได้แต่งงานกับชิซูกะหรือไม่ อ๋อ..เสร็จอีโดราเอม่อนจ๊ะ 555+) 27 มีนาคม 68 17.24 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️

    📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩

    ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 กุมภาพันธ์ พ ศ 2498
    วันประหารชีวิต สามนักโทษกรณีสวรรคต

    หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า

    “มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน พยายามสื่อสารให้เข้าใจว่า รัชกาลที่เก้าเป็นผู้ปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8”

    ————

    "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด"


    ผู้เขียนขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด

    เพราะมีสื่อต่างๆที่นำเสนอข้อมูลบางตอนที่ “อาจจะ” ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หากไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน

    สื่อต่างๆที่ว่านี้ ได้แก่

    1. THE STANDARD TEAM เรื่อง “17 กุมภาพันธ์ 2498 – ประหารชีวิต ชิต, บุศย์, เฉลียว จำเลยคดีสวรรคตในหลวง ร.8” เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความดังนี้:

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2478 ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา พระองค์สวรรคตด้วยพระแสงปืนอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489

    ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน คือ เฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และ บุศย์ ปัทมศริน อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงมหาดไทย ดังนี้

    แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนีย์ และนายบุศย์ ปัทมะศิรินทร์ จำเลยในคดีต้องหาว่าประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และจำเลยทั้งสามได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น

    บัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย

    ทางราชทัณฑ์จึงได้นำตัวจำเลยทั้งสาม ไปประหารชีวิตตามคำพิพากษา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 เวลา 05.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์เชื้อ พัฒนเจริญ และนายหลอม บุญอ่อน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเรือนจำกลางบางขวางเป็นกรรมการ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเป็นการเสร็จไปแล้ว จึงขอแถลงมาให้ทราบทั่วกันกระทรวงมหาดไทย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498”

    ................

    2. สถาบันปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “สามจำเลยผู้บริสุทธิ์” โดย สุพจน์ ด่านตระกูล เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความบางตอนดังนี้

    “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน เมื่อ 12 ตุลาคม 2497 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด

    เกี่ยวกับการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามนั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้

    ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. 2498-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต

    ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว

    ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ

    แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ทนจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น

    ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า 647)

    และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุดตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’”

    ..................

    3. “ปัจฉิมวาจาของ ๓ นักโทษประหาร” มีข้อความบางตอนดังนี้:

    “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน เมื่อ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ แล้วต่อมาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยทั้ง ๓ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด

    เกี่ยวกับการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้ง ๓ นั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้

    ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถามจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ท่านจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า ๖๘๗)

    และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุด ตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้พึ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์’”

    ----------

    ผู้เขียนได้สืบค้นเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พบว่า บทบัญญัติแห่งธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั้น ทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ต้องถูกลิดรอนลงจากเดิม

    จากการใช้พระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระมาสู่การใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญแล้ว

    ยังทำให้แนวความคิดและรูปแบบของการใช้พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย

    ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อพุทธศักราช 2477 โดยได้กำหนดรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ในภาค 7 ว่าด้วยอภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษมาตรา 259 ถึงมาตรา 267 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ถวายความเห็นและคำแนะนำเท่านั้น

    ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ

    แม้ว่าในบางกรณีความเห็นของกระทรวงมหาดไทยขัดแย้งกับความเห็นของคณะรัฐมนตรีก็ตาม (สรุปและเรียบเรียงจากหัวข้อ พระราชทานอภัยโทษ ฐานข้อมูล สถาบันพระปกเกล้า)

    ………

    ในการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย

    —————-

    ผู้เขียนได้ไปสืบค้นรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ ๘๕/๒๔๙๗ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๗ มีข้อความทั้งหมดที่เกี่ยวกับกรณีการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ดังนี้:


    “๙. เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน ขอพระราชทานอภัยลดโทษ (กระทรวงมหาดไทยนำส่งฎีกาพร้อมด้วยเอกสารการสอบสวนของนักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน เรือนจำกลาง บางขวาง ต้องโทษฐานสมคบกันกระทำการประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) กำหนดโทษประหารชีวิต ขอพระราชทานชีวิตให้คงไว้ มา

    น.ช. เฉลียว ฯ อ้างว่า ตนยังมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป ไม่เคยคิดที่จะหมิ่มพระบรมเดชานุภาพอย่างใด ขณะนี้ครอบครัวขาดผู้อุปการะ

    น.ช. ชิต ฯ อ้างว่า บรรพบุรุษในตระกูลของตน ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นต้นตระกูล ตลอดจนบิดา ได้เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต

    ส่วน น.ช. บุศย์ ฯ อ้างว่า ชีวิตของตนได้เติบโตขึ้นมาก็โดยความอุปการะในพระบรมราชตระกูลที่ได้ทรงชุบเลี้ยง การเข้ารับราชการจึงเป็นไปด้วยความจงรักภักดี

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรขอพระราชทานอภัยลดโทษได้ให้โดยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย

    ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย)

    มติ - เห็นชอบด้วยตามกระทรวงมหาดไทย ให้นำความกราบบังคมทูลได้.”

    (นอกจาก จอมพล ป จะเป็น รมต มหาดไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย)

    ------------

    จากข้อความในรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีข้างต้นและจากการเปลี่ยนแปลงพระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ถูกลิดรอนลงจากเดิมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

    พระมหากษัตริย์จึงไม่มีพระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระ

    แต่ทรงใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญ

    ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ

    ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของ พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม ที่กล่าวถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้เป็นบิดาว่า “…ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง…”

    ……….

    ผู้เขียนใคร่เรียนขอว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานการขอพระราชอภัยโทษอีกสองครั้ง โปรดกรุณานำมาเผยแพร่ด้วย

    จักเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และต่อสาธารณชน

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    ป ล หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้รัชกาลที่เก้าเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษ

    ที่มา : เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn
    ของ ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร
    17 กุมภาพันธ์ พ ศ 2498 วันประหารชีวิต สามนักโทษกรณีสวรรคต หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า “มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน พยายามสื่อสารให้เข้าใจว่า รัชกาลที่เก้าเป็นผู้ปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8” ———— "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด" ผู้เขียนขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด เพราะมีสื่อต่างๆที่นำเสนอข้อมูลบางตอนที่ “อาจจะ” ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หากไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน สื่อต่างๆที่ว่านี้ ได้แก่ 1. THE STANDARD TEAM เรื่อง “17 กุมภาพันธ์ 2498 – ประหารชีวิต ชิต, บุศย์, เฉลียว จำเลยคดีสวรรคตในหลวง ร.8” เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความดังนี้: “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2478 ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา พระองค์สวรรคตด้วยพระแสงปืนอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน คือ เฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และ บุศย์ ปัทมศริน อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงมหาดไทย ดังนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนีย์ และนายบุศย์ ปัทมะศิรินทร์ จำเลยในคดีต้องหาว่าประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และจำเลยทั้งสามได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น บัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย ทางราชทัณฑ์จึงได้นำตัวจำเลยทั้งสาม ไปประหารชีวิตตามคำพิพากษา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 เวลา 05.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์เชื้อ พัฒนเจริญ และนายหลอม บุญอ่อน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเรือนจำกลางบางขวางเป็นกรรมการ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเป็นการเสร็จไปแล้ว จึงขอแถลงมาให้ทราบทั่วกันกระทรวงมหาดไทย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498” ................ 2. สถาบันปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “สามจำเลยผู้บริสุทธิ์” โดย สุพจน์ ด่านตระกูล เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความบางตอนดังนี้ “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน เมื่อ 12 ตุลาคม 2497 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามนั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. 2498-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ทนจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า 647) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุดตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’” .................. 3. “ปัจฉิมวาจาของ ๓ นักโทษประหาร” มีข้อความบางตอนดังนี้: “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน เมื่อ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ แล้วต่อมาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยทั้ง ๓ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้ง ๓ นั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถามจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ท่านจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า ๖๘๗) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุด ตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้พึ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์’” ---------- ผู้เขียนได้สืบค้นเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พบว่า บทบัญญัติแห่งธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั้น ทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ต้องถูกลิดรอนลงจากเดิม จากการใช้พระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระมาสู่การใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังทำให้แนวความคิดและรูปแบบของการใช้พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อพุทธศักราช 2477 โดยได้กำหนดรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ในภาค 7 ว่าด้วยอภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษมาตรา 259 ถึงมาตรา 267 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ถวายความเห็นและคำแนะนำเท่านั้น ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ แม้ว่าในบางกรณีความเห็นของกระทรวงมหาดไทยขัดแย้งกับความเห็นของคณะรัฐมนตรีก็ตาม (สรุปและเรียบเรียงจากหัวข้อ พระราชทานอภัยโทษ ฐานข้อมูล สถาบันพระปกเกล้า) ……… ในการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย —————- ผู้เขียนได้ไปสืบค้นรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ ๘๕/๒๔๙๗ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๗ มีข้อความทั้งหมดที่เกี่ยวกับกรณีการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ดังนี้: “๙. เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน ขอพระราชทานอภัยลดโทษ (กระทรวงมหาดไทยนำส่งฎีกาพร้อมด้วยเอกสารการสอบสวนของนักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน เรือนจำกลาง บางขวาง ต้องโทษฐานสมคบกันกระทำการประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) กำหนดโทษประหารชีวิต ขอพระราชทานชีวิตให้คงไว้ มา น.ช. เฉลียว ฯ อ้างว่า ตนยังมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป ไม่เคยคิดที่จะหมิ่มพระบรมเดชานุภาพอย่างใด ขณะนี้ครอบครัวขาดผู้อุปการะ น.ช. ชิต ฯ อ้างว่า บรรพบุรุษในตระกูลของตน ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นต้นตระกูล ตลอดจนบิดา ได้เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต ส่วน น.ช. บุศย์ ฯ อ้างว่า ชีวิตของตนได้เติบโตขึ้นมาก็โดยความอุปการะในพระบรมราชตระกูลที่ได้ทรงชุบเลี้ยง การเข้ารับราชการจึงเป็นไปด้วยความจงรักภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรขอพระราชทานอภัยลดโทษได้ให้โดยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย) มติ - เห็นชอบด้วยตามกระทรวงมหาดไทย ให้นำความกราบบังคมทูลได้.” (นอกจาก จอมพล ป จะเป็น รมต มหาดไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย) ------------ จากข้อความในรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีข้างต้นและจากการเปลี่ยนแปลงพระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ถูกลิดรอนลงจากเดิมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระมหากษัตริย์จึงไม่มีพระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระ แต่ทรงใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญ ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของ พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม ที่กล่าวถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้เป็นบิดาว่า “…ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง…” ………. ผู้เขียนใคร่เรียนขอว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานการขอพระราชอภัยโทษอีกสองครั้ง โปรดกรุณานำมาเผยแพร่ด้วย จักเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และต่อสาธารณชน ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ ป ล หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้รัชกาลที่เก้าเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษ ที่มา : เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ของ ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 804 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1199 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักการเมือง คิดถึงผลประโยชน์ตนเอง นับแต่ พ.ศ. 2475 ระบอบการเลือกตั้งทำอะไรดีกว่า พ่อปกครองลูก บ้าง

    https://youtu.be/i6baIRQda5o?si=TjDUmHyjiKWcsPZD
    นักการเมือง คิดถึงผลประโยชน์ตนเอง นับแต่ พ.ศ. 2475 ระบอบการเลือกตั้งทำอะไรดีกว่า พ่อปกครองลูก บ้าง https://youtu.be/i6baIRQda5o?si=TjDUmHyjiKWcsPZD
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปีพ.ศ.ส่อแวววุ่นในปีพ.ศ.2568

    จากการล่วงเกินองค์เทพเจ้าเฝ้าดูแลดวงชะตา“太歲爺”(ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีจร 2568 มะเส็งไม้“乙巳”(อิกจี๋) ธาตุไฟ ที่มีพระนามว่า“吳遂大星軍”(โง้วซุ้ยไต่แชกุง) ส่งผลกระทบต่อเจ้าพิธีใน 10 รอบอายุปีเกิดของ 4 นักษัตร ทั้งกุน มะเส็ง วอก และขาล ที่เรียกขานกันว่า“太歲壓祭主”(ไท๊ส่วยเอี๊ยบจี่จู้)

    1. ท่านที่มีอายุ 93 ปี เกิดปี พ.ศ.2475 壬申 (ปีวอกน้ำ ธาตุทอง)
    2. ท่านที่มีอายุ 84 ปี เกิดปี พ.ศ.2484 辛巳 (ปีมะเส็งทอง ธาตุทอง)
    3. ท่านที่มีอายุ 75 ปี เกิดปี พ.ศ.2493 庚寅 (ปีขาลทอง ธาตุไม้)
    4. ท่านที่มีอายุ 66 ปี เกิดปี พ.ศ.2502 己亥 (ปีกุนดิน ธาตุไม้)
    5. ท่านที่มีอายุ 60 ปี เกิดปี พ.ศ.2508 乙巳 (ปีมะเส็งไม้ ธาตุไฟ)
    6. ท่านที่มีอายุ 51 ปี เกิดปี พ.ศ.2517 甲寅 (ปีขาลไม้ ธาตุน้ำ)
    7. ท่านที่มีอายุ 42 ปี เกิดปี พ.ศ.2526 癸亥 (ปีกุนน้ำ ธาตุน้ำ)
    8. ท่านที่มีอายุ 33 ปี เกิดปี พ.ศ.2535 壬申 (ปีวอกน้ำ ธาตุทอง)
    9. ท่านที่มีอายุ 24 ปี เกิดปี พ.ศ.2544 辛巳 (ปีมะเส็งทอง ธาตุทอง)
    10. ท่านที่มีอายุ 15 ปี เกิดปี พ.ศ.2553 庚寅 (ปีขาลทอง ธาตุไม้)

    ทั้ง 10 รอบอายุปีเกิดที่กล่าวมาข้างต้น จึงควรหลีกเลี่ยงการเป็นประธาน เจ้าภาพ เจ้าพิธีที่สำคัญ อย่างเช่นการเข้าร่วมพิธีงานศพ หากไม่สามารถละเว้นได้ก็ควรงดการส่งศพ หรือห้ามดูหน้าศพ หรือพิธีฝังศพ เพราะการกระทำการดังกล่าวเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา ประจำปี 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) ที่จรมาประจำในปีพ.ศ.2568 นี้ ซึ่งจะนำพาความอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาสู่ตนได้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    10 ปีพ.ศ.ส่อแวววุ่นในปีพ.ศ.2568 จากการล่วงเกินองค์เทพเจ้าเฝ้าดูแลดวงชะตา“太歲爺”(ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีจร 2568 มะเส็งไม้“乙巳”(อิกจี๋) ธาตุไฟ ที่มีพระนามว่า“吳遂大星軍”(โง้วซุ้ยไต่แชกุง) ส่งผลกระทบต่อเจ้าพิธีใน 10 รอบอายุปีเกิดของ 4 นักษัตร ทั้งกุน มะเส็ง วอก และขาล ที่เรียกขานกันว่า“太歲壓祭主”(ไท๊ส่วยเอี๊ยบจี่จู้) 1. ท่านที่มีอายุ 93 ปี เกิดปี พ.ศ.2475 壬申 (ปีวอกน้ำ ธาตุทอง) 2. ท่านที่มีอายุ 84 ปี เกิดปี พ.ศ.2484 辛巳 (ปีมะเส็งทอง ธาตุทอง) 3. ท่านที่มีอายุ 75 ปี เกิดปี พ.ศ.2493 庚寅 (ปีขาลทอง ธาตุไม้) 4. ท่านที่มีอายุ 66 ปี เกิดปี พ.ศ.2502 己亥 (ปีกุนดิน ธาตุไม้) 5. ท่านที่มีอายุ 60 ปี เกิดปี พ.ศ.2508 乙巳 (ปีมะเส็งไม้ ธาตุไฟ) 6. ท่านที่มีอายุ 51 ปี เกิดปี พ.ศ.2517 甲寅 (ปีขาลไม้ ธาตุน้ำ) 7. ท่านที่มีอายุ 42 ปี เกิดปี พ.ศ.2526 癸亥 (ปีกุนน้ำ ธาตุน้ำ) 8. ท่านที่มีอายุ 33 ปี เกิดปี พ.ศ.2535 壬申 (ปีวอกน้ำ ธาตุทอง) 9. ท่านที่มีอายุ 24 ปี เกิดปี พ.ศ.2544 辛巳 (ปีมะเส็งทอง ธาตุทอง) 10. ท่านที่มีอายุ 15 ปี เกิดปี พ.ศ.2553 庚寅 (ปีขาลทอง ธาตุไม้) ทั้ง 10 รอบอายุปีเกิดที่กล่าวมาข้างต้น จึงควรหลีกเลี่ยงการเป็นประธาน เจ้าภาพ เจ้าพิธีที่สำคัญ อย่างเช่นการเข้าร่วมพิธีงานศพ หากไม่สามารถละเว้นได้ก็ควรงดการส่งศพ หรือห้ามดูหน้าศพ หรือพิธีฝังศพ เพราะการกระทำการดังกล่าวเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา ประจำปี 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) ที่จรมาประจำในปีพ.ศ.2568 นี้ ซึ่งจะนำพาความอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาสู่ตนได้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31-12-67/01 : หมี CNN / "บทสรุปมหากาพย์สุดยอดปี 67" จะเล่าแบบม้วนเดียวจบ รีบอ่านก่อนโดนลบ !!

    หลังโซเวียตแตก รัสเซีย จีน อิหร่าน เริ่มคุยกันนับแต่นั้นมา NATO เดินหน้าเขมือบแผ่นดินเก่าโซเวียต ล้างสมองคลั่งปชต. ความอดทนกว่า 30 ปี ทำให้ขั้วใหม่ผงาดฟ้า วิ่งแบบม้วนเดียวจบ สูตรเอาคืนคือ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" ยึดพลังงาน อาหาร นวตกรรม การเงิน โลจิสติค แหล่งแร่ ทั้งหมด คือดึงทุกอย่างที่เหี้ยเคยมี เคยสร้าง ให้ย้ายฝั่งมาเอเซียทั้งหมด จุดเริ่มคือ จีนดึงโสมแดง อาเซียน แปซิฟิค แอฟริกา อิหร่านดึงโลกอาหรับ มุสลิม รัสเซียดึงยูเรเซีย ลาติน หมู่เกาะแคริบเบี้ยน 30 ปี ที่เข้าไปสร้างโครงสร้างให้ชาติกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับสร้างฐานกองกำลัง ศูนย์ฝึกหน่วยรบป้องกันความมั่นคง จะแยกโลกออกจากเหี้ยได้ ต้องมีขุมกำลังที่ใหญ่กว่า แสนยานุภาพมากกว่า ทำได้ เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน มีสิ่งที่เหี้ยไม่มี นั่นคือ "แรงปรารถนา"

    ปัญหาของโลกคือ ทรัพยากรมีไว้ให้ใช้ไม่สิ้นสุด แต่เหี้ยยิวคิดจะเขมือบคนเดียว ขั้วใหม่ ใช้จุดนี้ ตีแสกหน้าเหี้ย สูตรใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ทำทุกอย่างตรงกันข้ามเหี้ยให้หมด ถึงได้ดึงทั้งโลกเข้ามาหาอย่างง่ายดาย มีใครอยากจะเป็นขี้ข้าเหี้ยไปตลอดชีวิตกันล่ะ นอกจากควายไทยบัดซบบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อขุมกำลังใหญ่ขึ้น ก็คิดใหญ่มากกว่าเดิม จากแค่คิดเอาของเก่าคืน แต่เนื่องจากเหี้ยเล่นไม่เลิก จะประกาศศักดาทั้งที มันต้องเอาให้โลกจดจำ ปูติน คุย สีจิ้นผิง ถึงโครงการสายไหมของจีน สอดประสานเส้นทางท่แก็สรัสเซีย เชื่อมโลกทั้งใบ โดยมีอิหร่าน ตุรกี เป็นตัวเชื่อมเอเซีย แอฟริกา ลาติน ที่ผ่านมา เหี้ยยิวใช้เหี้ยอูฐ ในการแบ่งปันพลังงานให้เหล่าขี้ข้า และถูกเอาเปรียบ ชี้นิ้วสั่งตลอดเวลา ชนกับรัสเซียหลายครั้งในกลุ่ม OPEC จนถูกสั่งสอน น้ำมันท่วมโลก รัสเซียตัดราคา จนเหี้ยอูฐต้องเทน้ำมันทิ้ง เผาทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีที่เก็บ จากนั้น จีนก็เข้ามาเชื่อมสัมพันธ์ เปิดทางเดินปลดแอกเหี้ยให้เหี้ยอูฐ UAE กาตาร์ ต่างร่วมมือ แต่ยังเกรงใจเหี้ยอยู่ ไปไม่สุด ยังแทงกั๊ก จีน รัสเซีย อิหร่าน ถึงต้องขีดเส้นตายให้ การเปิดปมสงครามเยรูซาเล็ม โดยมีฮามาสประกาศศึก นั่นคือหมากที่รัสเซีย จีน อิหร่าน วางเอาไว้แต่แรกแล้ว มันจะมาหลังจากเครมลินเปิดหน้าชน NATO ที่ยูเครน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนปูติน

    ไอ้อีเหี้ยหิวแสงทั้งหลาย จะกระโดดร่วมหม้อตุ๋น ตายห่าเกลื่อน นี่คือกับดักที่รัสเซียวางไว้ พลิกล็อค เหี้ยก็คิดว่าจะใช้ยูเครนเป็นเหยื่อล่อให้รัสเซียติดหล่มสงครามยาวจนเศรษฐกิจพัง เแล้วไหงกลับตาลปัตร NATO EU อเมริกา อิสราเอล เจ๊งยับเยิน เหตุเพราะรัสเซียมีจีน ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า ไอ ออกหน้า ยู ออกตังค์ โอเคมั้ย? ที่มาว่าจีนสั่งพลังงานรัสเซียเต็มอัตราศึก อีแขกก็กระโดดร่วมด้วย ทั้งตุรกี ฟาโรห์ เอาด้วยหมด เพราะอยากกินส่วนต่าง ที่ไอ้อีหน้าโง่ยุโรปเสือกคว่ำบาตรจ้าวพลังงานโลก เหี้ยอูฐ และกลุ่ม OPEC+ จับมือยึดพลังงานโลก ไม่แจกจ่ายผลิตเพิ่มให้ตะวันตก เพื่อสอดคล้องแผนการมาของ BRICS ใครเข้า จะได้ใช้พลังงานราคาถูก เมื่อปากท้องเรียกร้อง หลังยุโรปติดหล่มสงครามจนเศรษฐกิจพังยับ อียิวก็ถูกรุกคืบอย่างหนัก เหี้ยถึงคิดจะหนีไปจุดไฟต่อที่แปซิฟิค อาเซียน แทน โดยใช้อีไต้หวัน อีปินส์ เป็นเหยื่อล่อจีน แต่รายนี้ ไม่เคยรอให้มรึงเขยิบก่อน จีนเปิดเกาะสแปรดลี่ย์ สร้างฐานทัพกันชนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ล่อเหี้ยเข้ามาตาย ที่นี่ถิ่นจีน ใครได้เปรียบกันล่ะ?

    อิหร่านจัดแผนโฆษณาชวนเชื่อสำเร็จ โลกประจักษ์เห็นธาตุแท้อียิวจนหมดเปลือก ได้กระแสต่อต้านยิวมาเต็มตรีน แม้แต่ยุโรปโลกสวยยังรับอียิวไม่ไหว? ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ตายเปล่า เค้าเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อแลกแผ่นดินคานาอันคืน แผนการรบที่ผ่านมา ทั้งการตายแบบนินจาฮาโตริ ของบรรดาผู้นำกองกำลัง ผู้นำประเทศ แม้แต่หัวหน้าฝ่ายนิวเคลียร์ มันคือส่วนนึงของแผน ข่าวกรองถึงกันหมด ส่งใครมา อาวุธจากไหน กล้องวงจรปิด โทรศ์พท์ อินเตอร์เน็ต GPS อะไรที่เหี้ยมี รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีมากกว่าเยอะ หน่วยไซเบอร์จีนมีเป็นล้าน มรึงจะเอาใครค้นหาได้เร็วกว่าล่ะ? AI ใครพัฒนาเร็วสุด ดาวเทียมรุ่นใหม่ ใครล้ำหน้าที่สุด ดังนั้น เวลาจะเจอข่าวอะไร? มันมีอยู่แค่ "เค้าต้องการให้รู้แค่ไหน" อะไรที่เป็นความลับ จะไม่มีวันได้รู้ เพราะนั่นคือเป้าหมายแท้จริง จนถึงวันที่สำเร็จแล้ว

    แผนการทั้งหมดแค่เป็นส่วนนึงของแผนการใหญ่ การเปลี่ยนโลกไม่ง่ายดาย การจะให้ควายทั้งโลกเดินตามได้ ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ว่าใครคือ "หัวหน้าตัวจริง" ควายจะยอมรับแค่ "อำนาจ กับเงินตรา" หากมี 2 สิ้งนี้ 100 ขี้ข้าเหี้ยก็ยอมย้ายขั้วชัวร์ ขั้วใหม่อ่านจุดนี้ขาดกระจุย ถึงได้มีตัวละครใหม่เข้ามาในเกมส์นี้ ไม่ซ้ำหน้า ทั้งตุรกี ทั้งซาอุ UAE ฟาโรห์ ทั้งหมารับใช้เหี้ยในอาเซียน และเอเซียใต้ ย้ายหมด รวดเร็วเกินคาด เพราะเจ้ามือเก่า เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว รอวันฟองสบู่แตก จริงๆ คือแตกไปนานแล้ว มันอยู่ที่จีน รัสเซีย จะประกาศเป็นทางการเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ที่ยังเลี้ยงไว้ ก็เพื่อรอคอยเวลาที่ใช่ หากเลือกจังหวะผิด เกมส์ที่เดินมาทั้งหมด จะย้อนกลับทันที ไม่เร่งเกินไป ไม่รอจนเกิดสูญญากาศ หากสังเกตุ ผู้นำยุโรปเริ่มเปลี่ยนหน้าไปแล้วหลายประเทศ แนวทางปชต.เริ่มเป็นที่ไม่ยอมรับ กติกาเดิมโลกไม่เอา ของสดใหม่ ย่อมดีกว่าเสมอ หากเอาผลประโยชน์ร่วมเป็นที่ตั้ง เมื่อเห็นภาพรวมใหญ่แล้วว่า รัสเซีย จีน จะเดินหน้า โดยใช้ BRICS นำโลก ใช้เส้นทางสายไหมจีน เดินคู่ท่อแก็ส โลจิสติคถึง พลังงานถึง โลกจะเดินหน้าเร็วกว่าเก่าเยอะ ด้วยเทคโนโลยีจีนยุคใหม่ ทำอะไรก็ได้แค่ 30 วัน

    กองกำลัง แสนยานุภาพที่มีทั้งหมดในวันนี้ จะกลายเป็นเป็นกองทัพโลกยุคใหม่ในไม่ช้า? จะไม่เหลือ NATO อีกต่อไป เพราะโลกคือโลกเดียว กติกาเดียว สภาโลกก่อเกิด กองทัพโลกจึงเกิดตาม หมดยุคทะเลาะกัน ไม่มีอียิวนำ โลกสงบสุข เพราะไม่ต้องไปเสี้ยมใครอีก? จากนี้สิ่งที่จะเกิด คือการผนวกรวมชาติ ชาติเล็กที่อยู่ไม่รอด ก็จะจับกลุ่มตั้งพันธมิตร กลุ่มประเทศในพื้นที่เฉพาะ เฉกเช่นเดียวกับอาเซียน อำนาจต่อรอง อยู่ที่ความสามารถของกลุ่มประเทศนั้นๆ ชาติผู้นำดี มรึงก็มั่นคง สุดท้าย ใครไปไม่รอด ก็ตกเป็นแผ่นดินของขาใหญ่ต่อไป เพราะปากท้องยังต้องมี ยูเครนรวมรัสเซีย กลุ่มยุโรปตะวันออก ก็จะจับมือกันอยู่ภายใต้กฎหมายรัสเซียใหม่ พิมพ์เขียวใหญ่ที่เครมลินวางแบบแผนเอาไว้ เริ่มเข้าโครงร่างเป็นจริง ส่วนเหี้ยยิว ก็คิดจะจัดตั้งรัฐยิวใหม่เช่นกัน

    มันคือการผลัดใบใหม่ ของขั้วอำนาจเก่าสู่มือยิวเต็มตัว แต่ปัญหาอยู่ที่ โลกไม่ต้อนรับยิว มรึงจึงถูกบีบให้ไปอยู่รวมกันที่อเมริกาเหนือ และบางส่วนก็กระจัดกระจาย ในยุโรปไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะมีมุสลิมเป็นล้านคอยจ้องเก็บกวาดอยู่ ประวัติศาสตร์หน้าไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนดอกน่ะ มันถูกกำหนดมาใน DNA ศรัทธามันซึมซับไม่รู้จบ เมื่อรู้เกมส์จะออกหน้าไหนแล้ว ข้ามมาปี 68 คือ "ปีแห่งการพิพากษา" แสงทำงานเต็มกำลัง เหี้ยจะอยู่เฉยต่อไม่ได้อีกแล้ว ต้องเปิดหน้าแลก เพื่อให้แผนการสวรรค์สำเร็จลุล่วงไปได้ หากอเมริกาไม่นำสงคราม อียิวและเหล่าขี้ข้าจะจัดฉาก ให้ก่อ WWIII ให้ได้ แต่ไม่ว่าเสี้ยนอยากรบแค่ไหน? คำถามเดียว ที่ไร้คำตอบ "มรึงจะเอาชนะขั้วใหม่ได้ยังไง?" กลศึก แม้ต้องแพ้ยับ ก็ต้องเปิด เพื่อปูทางสู่การเจรจา แปลว่าอะไร? อียิวมันไม่คิดจะชนะตั้งแต่แรกแล้ว มันแค่ต้องการสร้างความเสียหายให้โลก เพื่อที่จะแบมือขอความช่วยเหลือนายทุนสามานย์ต่อ ซึ่งก็คือยิวทั้งนั้น แต่ช้าก่อน โลกยุคใหม่ ไม่มีแค่นายทุนยิว แต่มีทุนจีน ทุนรัสเซีย เข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเหี้ยมองแต่ขี้ข้าเป็นผู้ส่งส่วยให้มาตลอด แต่ขั้วใหม่ทำตรงกันข้าม ใช้ขี้ข้าเข้ามามีส่วนร่วมกับโลก จุดนี้ จึงจะทำให้โลกแยกตัวออกจากเหี้ยได้จริง

    การแบ่งแยกจะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เวทีโลก จะมี 2 ฝั่ง กฎหมายโลก จะถูกยอมรับแค่ผู้ชนะเท่านั้น แต่เหี้ยจะตะแบงใช้ของมันเอง ซึ่งจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยต่อมา จีน รัสเซีย ได้นำนวตกรรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และกระจายความเสี่ยงไปสู่นอกโลก หากโลกต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กไปจำนวนมาก เพราะเกิดจากสงครามนิวเคลียร์ ยามเมื่อแกนโลกเอียง ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร ร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อนจัด ภูมิอากาศแปรปรวน จีน รัสเซีย อิหร่าน ทำฐานสำรองพลเมืองโลกบนดวงจันทร์รอไว้แล้ว ต่อไปก็ดาวอังคาร เพราะพิสูจน์แล้วว่ามีน้ำ จุดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง STAR WARS จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป การสูญเสียนับจากนี้ คือสิ่งที่สวรรค์ได้คัดสรรไว้ก่อนแล้ว ขยะโลกก็ตายไปซะ ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมจะพิสูจน์ตัวเองด้วยสติปัญญา ไม่หลงทาง ก็ไม่เป็นเหยื่อ ปลายทางของสงครามครั้งสุดท้าย คือรัสเซีย จีน ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งในเชิงศรัทธา และการยอมรับ จุดกำเนิด "สภาโลก ถ่วงดุลอำนาจของแท้"

    ข้ามมาอโยธยาศรีรามเทพนคร ศรีธนญชัย ปี 68 คือการไล่ล่าของฝ่ายแสง ความจริงจะปรากฎทุกมิติ เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา จะถูกเปิดเผย โลกความจริงมักจะโหดร้ายกว่าที่คิดเสมอ จุดจบของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย คือ "ไร้แผ่นดินอยู่" ไม่ว่ามรึงจะหนีไปไหน สุดท้ายก็ถูกสั่งเก็บอยู่ดี เงินซื้อชีวิตมรึงไม่ได้ วิญญานที่มรึงเคยเข่นฆ่าเค้า ตามจองเวรจองกรรมกับมรึงไม่รู้จบ ไม่รู้กี่ภพชาติ ไม่รู้ชะตากรรม จนกว่าจะอโหสิกรรมให้ และชดใช้กรรมจนครบ ถึงจะกำเนิดใหม่ โปรดสังเกตุ นายพลฝ่ายวังเข้ามาควบคุมอำนาจทหารเบ็ดเสร็จ ฝ่ายการเมืองได้แต่จ้องเศษเงิน แต่ท้องพระคลังจริง ไม่ได้แตะ เค้าไม่อนุญาตให้มรึงเสือก ไอ้ที่เห็นแค่คำกล่าวอ้าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีใครเป็นแบ็คให้ แต่วังเรา มีรัสเซีย จีน หนุนตลอดเวลา แค่นั้นก็ครองอาเซียนสบายตรีนแล้ว เพื่อนคือไว้ใจ และเพื่อนไม่หักหลัง นี่คือคอนเซปสัมพันธ์ ทุกความทุกข์ยากที่ผ่านมา ความอยุติธรรมที่ชาวบ้านได้รับ มันคือบททดสอบของสวรรค์ มันการสั่งสอนของแสง ไม่เจ็บ ไม่สำนึก ไม่ฉลาดขึ้น ก็ไม่มีทางหลุดพ้นบ่วงกรรม วังวนเหี้ย

    ชาวอโยธยาจะสู้เพื่อสิ่งเดียว คือ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" แค่มีผู้นำที่กล้าหาญ คนตามทั้งแผ่นดิน ไม่ว่ากี่ยุค กี่สมัย เมื่อวังนำหน้า ประชาชนจะอุ่นใจ เมื่อวังสั่งการ กองทัพจะมั่นคง เกมส์โลก กำหนดทิศทางไทย โดยเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราถูกวางเป็นตัวยืน เหตุเพราะจุดยุทธศาสตร์ที่เราอยู่ เรามี นั่นเอง

    ปล.ปี 68 เตรียมสติ อาหาร กำลังใจ ศรัทธา พักให้พอ นอนให้อิ่ม เพราะเวลามันใกล้เข้ามาแล้ว 17 ปีแล้ว ตั้งแต่กูเปิดเพจหมี CNN ขึ้นมา นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วในภพนี้ ที่จะได้กอบกู้บ้านเมือง ทำคุณแผ่นดิน ตอบแทนพระคุณพ่ออยู่หัว เค้าไม่ได้ให้มรึงไปตาย แต่เค้าให้มรึงไปแสดงตัว ว่ากูคือลูกพ่อ พ่อกูชื่อ "ภูมิพล" คน 2 แผ่นดินปกป้องรักษา สืบสานต่อจากบรรพบุรุษส่งให้มา เงินทอง ใช้พอดี อย่าเกินตัว คิดให้รัดกุม อยากจะแดร๊กอะไรก็แดร๊กซะ จงอยู่กับสติ และใช้ปัญญาให้มาก คิดแย้งก่อนจะเชื่ออะไร? เพราะทุกความจริง ต่างมีแง่มุมที่แตกต่างเช่นกัน ทำใจได้เลย สงครามใหญ่ก่อเกิด มรึงจะให้หนีไปไหนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ "สยามเมืองยิ้ม" อยู่ที่นี่ ถูกและดี มั่นคง ปลอดภัย อบายมุขเพี๊ยบ ตอบสนอง 24 ชม. เมากัญชาก็ได้ ฆ่าตำรวจก็ได้ ยังไม่ติดคุกเลย จ่ายครบ จบทันที ขบวนการยุติธรรมจะถูกรื้อขึ้นมาใหม่ ระบบใครสร้าง ระบบใครเอื้อ แก้ที่คนก่อน ระบบจะดีตามเอง ทรัพยากรบุคคลสำคัญที่สุด นี่คือเหตุผลที่จีนสร้างชาติยุคใหม่ เน้นทุ่มเงินไปที่ทรัพยากรบุคคลนี่แหละ คนสร้างกันได้ แต่จิตสำนึกย่อมต้องมีควบคู่ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ไร้ศีลธรรม บ้านเมืองก็ล่มสลาย

    เราฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ ครั้งที่ 20 ทำไมจะไม่มี และก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ตราบใดที่ความมั่นคงประเทศไม่ปลอดภัย รัฐธรรมนูญก็ช่วยอะไรไม่ได้ กองทัพอ่อนแอ วังอ่อนแอ ชาติก็ล่มสลาย พ่อหลวงท่านมองการณ์ล่วงหน้าแล้ว ท่านหยั่งรู้ฟ้าดิน ถึงได้ส่งต่อแผ่นดินให้พ่อร.10 ผู้เป็นหนึ่งในทหารเอก ที่รู้จักกองทัพไทยดีกว่าใคร? ที่มาว่า ทำไมจึงต้องเป็นพระราชินีองค์นี้ พ่อเป็นแม่ทัพ แม่เป็นขุนศึก ตอบสนองยุคสมัยผลัดเปลี่ยน กลียุคต้องยาแรง กลียุคต้องเด็ดขาด เราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังพศ.2475 นั่นคือ "พ่อปกครองลูกจะกลับมาอีกครั้ง" ต่างหากล่ะ ส่งคืนพระราชอำนาจ ไม่ได้พูดปากเปล่า ใครปฎิวัติ? คนนั้นแหละ ส่งมอบคืนให้ ไม่ต้องเร่งรีบแดร๊กปชต.ตอแหลต่อ เพราะยุคปลายกลียุค ปชต.เสื่อมหมดแล้ว ยามที่ปชช.ปากท้องอิ่ม ใครจะห่วงเรื่องปชต.ต่ออีกล่ะ? เมื่อจิกซอร์ตัวแรกโผล่มาแล้ว มันจะเกิดโดมิโน่แอฟเฟคเอง คนไทยเบื่ออะไร คนไทยต้องการอะไร วังรับรู้หมดสิ้นแล้ว รอแค่เวลาที่เหมาะสม ทุกดวงใจจะเปรมปรีเบ่งบานอีกครั้ง

    ไทยจะปกครองไทย ไม่ใช่ให้ใครมาปกครองเรา รูปแบบใหม่ ไทยจะเฟื่องฟูอำนาจ ทั้งการเงิน การคลัง การทหาร รอดูเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่รุ่นนี้ รุ่นหลาน เหลน โหลน จะสร้างชาติแบบที่โลกต้องตะลึง คนยุคเรา คน 2 แผ่นดิน จะตายไปพร้อมกับไอ้อีลูกหลานจัญไร ในกลียุคทั้งหมด เพราะเราเกิดมา ก็เพื่อการณ์นี้ จงทำภาระกิจให้สำเร็จ กวาดล้างบางสิ่งสกปรกโสมมในแผ่นดินออกไปให้หมด อย่าให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ต้องมาจัดการต่อแทนอีกเลย เหี้ยขายชาติต้องตายคาตรีนคนรุ่นนี้เท่านั้น จบที่มรึงและกู นอนตายตาหลับ ปี 68 สู้เต็มกำลัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าได้กลัว แสงให้พลังพวกมรึง แสงก็คุ้มครองพวกมรึงด้วยเช่นกัน

    ปล. 2 โพสกระทู้ต่อไป ค่อยเป็นโพสสวัสดีปีใหม่ 2568 อยากขอบคุณ ผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ผู้ที่ทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน โดยไร้ตัวตนทั้งหลาย ปีนี้ ไม่ใช่จะเลวร้ายซะทุกอย่าง มันคือวัคซีนฉีดให้คนไทยได้ตื่นรู้ และพร้อมรับมือกับสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ใจยังยิ้มได้ เพราะสติมี ปัญญาเกิด ไม่ต้องไปเครียด กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สู้กันไป วันต่อวัน เท่านั้นพอ กินให้อิ่ม หลับให้สบาย นั่นคือยาชั้นดี พรุ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดพอ

    หมี CNN(เรื่องราวอะไรในปี 67 ที่ไม่ดี ไม่งาม ที่เกิดกับตัวเรา จงอย่าแบกเอาไว้ ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วจงเตรียมตัวรับสิ่งใหม่เข้ามาแทน อย่ากลัว อย่าตื่นตระหนก นิ่งเข้าไว้ สงบเข้าว่า ดวงตาจะเปิดเอง ทุกปัญหาแก้ได้ แค่จะถูกใจมรึงหรือไม่เท่านั้นเอง ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง สมดุลธรรมชาติ)
    31 ธันาวคม 67(วันสิ้นปี จงยืนหยัด ศรัทธาเชื่อมั่น เหมือนที่เคยเป็นมา)
    00.08 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    31-12-67/01 : หมี CNN / "บทสรุปมหากาพย์สุดยอดปี 67" จะเล่าแบบม้วนเดียวจบ รีบอ่านก่อนโดนลบ !! หลังโซเวียตแตก รัสเซีย จีน อิหร่าน เริ่มคุยกันนับแต่นั้นมา NATO เดินหน้าเขมือบแผ่นดินเก่าโซเวียต ล้างสมองคลั่งปชต. ความอดทนกว่า 30 ปี ทำให้ขั้วใหม่ผงาดฟ้า วิ่งแบบม้วนเดียวจบ สูตรเอาคืนคือ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" ยึดพลังงาน อาหาร นวตกรรม การเงิน โลจิสติค แหล่งแร่ ทั้งหมด คือดึงทุกอย่างที่เหี้ยเคยมี เคยสร้าง ให้ย้ายฝั่งมาเอเซียทั้งหมด จุดเริ่มคือ จีนดึงโสมแดง อาเซียน แปซิฟิค แอฟริกา อิหร่านดึงโลกอาหรับ มุสลิม รัสเซียดึงยูเรเซีย ลาติน หมู่เกาะแคริบเบี้ยน 30 ปี ที่เข้าไปสร้างโครงสร้างให้ชาติกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับสร้างฐานกองกำลัง ศูนย์ฝึกหน่วยรบป้องกันความมั่นคง จะแยกโลกออกจากเหี้ยได้ ต้องมีขุมกำลังที่ใหญ่กว่า แสนยานุภาพมากกว่า ทำได้ เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน มีสิ่งที่เหี้ยไม่มี นั่นคือ "แรงปรารถนา" ปัญหาของโลกคือ ทรัพยากรมีไว้ให้ใช้ไม่สิ้นสุด แต่เหี้ยยิวคิดจะเขมือบคนเดียว ขั้วใหม่ ใช้จุดนี้ ตีแสกหน้าเหี้ย สูตรใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ทำทุกอย่างตรงกันข้ามเหี้ยให้หมด ถึงได้ดึงทั้งโลกเข้ามาหาอย่างง่ายดาย มีใครอยากจะเป็นขี้ข้าเหี้ยไปตลอดชีวิตกันล่ะ นอกจากควายไทยบัดซบบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อขุมกำลังใหญ่ขึ้น ก็คิดใหญ่มากกว่าเดิม จากแค่คิดเอาของเก่าคืน แต่เนื่องจากเหี้ยเล่นไม่เลิก จะประกาศศักดาทั้งที มันต้องเอาให้โลกจดจำ ปูติน คุย สีจิ้นผิง ถึงโครงการสายไหมของจีน สอดประสานเส้นทางท่แก็สรัสเซีย เชื่อมโลกทั้งใบ โดยมีอิหร่าน ตุรกี เป็นตัวเชื่อมเอเซีย แอฟริกา ลาติน ที่ผ่านมา เหี้ยยิวใช้เหี้ยอูฐ ในการแบ่งปันพลังงานให้เหล่าขี้ข้า และถูกเอาเปรียบ ชี้นิ้วสั่งตลอดเวลา ชนกับรัสเซียหลายครั้งในกลุ่ม OPEC จนถูกสั่งสอน น้ำมันท่วมโลก รัสเซียตัดราคา จนเหี้ยอูฐต้องเทน้ำมันทิ้ง เผาทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีที่เก็บ จากนั้น จีนก็เข้ามาเชื่อมสัมพันธ์ เปิดทางเดินปลดแอกเหี้ยให้เหี้ยอูฐ UAE กาตาร์ ต่างร่วมมือ แต่ยังเกรงใจเหี้ยอยู่ ไปไม่สุด ยังแทงกั๊ก จีน รัสเซีย อิหร่าน ถึงต้องขีดเส้นตายให้ การเปิดปมสงครามเยรูซาเล็ม โดยมีฮามาสประกาศศึก นั่นคือหมากที่รัสเซีย จีน อิหร่าน วางเอาไว้แต่แรกแล้ว มันจะมาหลังจากเครมลินเปิดหน้าชน NATO ที่ยูเครน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนปูติน ไอ้อีเหี้ยหิวแสงทั้งหลาย จะกระโดดร่วมหม้อตุ๋น ตายห่าเกลื่อน นี่คือกับดักที่รัสเซียวางไว้ พลิกล็อค เหี้ยก็คิดว่าจะใช้ยูเครนเป็นเหยื่อล่อให้รัสเซียติดหล่มสงครามยาวจนเศรษฐกิจพัง เแล้วไหงกลับตาลปัตร NATO EU อเมริกา อิสราเอล เจ๊งยับเยิน เหตุเพราะรัสเซียมีจีน ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า ไอ ออกหน้า ยู ออกตังค์ โอเคมั้ย? ที่มาว่าจีนสั่งพลังงานรัสเซียเต็มอัตราศึก อีแขกก็กระโดดร่วมด้วย ทั้งตุรกี ฟาโรห์ เอาด้วยหมด เพราะอยากกินส่วนต่าง ที่ไอ้อีหน้าโง่ยุโรปเสือกคว่ำบาตรจ้าวพลังงานโลก เหี้ยอูฐ และกลุ่ม OPEC+ จับมือยึดพลังงานโลก ไม่แจกจ่ายผลิตเพิ่มให้ตะวันตก เพื่อสอดคล้องแผนการมาของ BRICS ใครเข้า จะได้ใช้พลังงานราคาถูก เมื่อปากท้องเรียกร้อง หลังยุโรปติดหล่มสงครามจนเศรษฐกิจพังยับ อียิวก็ถูกรุกคืบอย่างหนัก เหี้ยถึงคิดจะหนีไปจุดไฟต่อที่แปซิฟิค อาเซียน แทน โดยใช้อีไต้หวัน อีปินส์ เป็นเหยื่อล่อจีน แต่รายนี้ ไม่เคยรอให้มรึงเขยิบก่อน จีนเปิดเกาะสแปรดลี่ย์ สร้างฐานทัพกันชนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ล่อเหี้ยเข้ามาตาย ที่นี่ถิ่นจีน ใครได้เปรียบกันล่ะ? อิหร่านจัดแผนโฆษณาชวนเชื่อสำเร็จ โลกประจักษ์เห็นธาตุแท้อียิวจนหมดเปลือก ได้กระแสต่อต้านยิวมาเต็มตรีน แม้แต่ยุโรปโลกสวยยังรับอียิวไม่ไหว? ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ตายเปล่า เค้าเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อแลกแผ่นดินคานาอันคืน แผนการรบที่ผ่านมา ทั้งการตายแบบนินจาฮาโตริ ของบรรดาผู้นำกองกำลัง ผู้นำประเทศ แม้แต่หัวหน้าฝ่ายนิวเคลียร์ มันคือส่วนนึงของแผน ข่าวกรองถึงกันหมด ส่งใครมา อาวุธจากไหน กล้องวงจรปิด โทรศ์พท์ อินเตอร์เน็ต GPS อะไรที่เหี้ยมี รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีมากกว่าเยอะ หน่วยไซเบอร์จีนมีเป็นล้าน มรึงจะเอาใครค้นหาได้เร็วกว่าล่ะ? AI ใครพัฒนาเร็วสุด ดาวเทียมรุ่นใหม่ ใครล้ำหน้าที่สุด ดังนั้น เวลาจะเจอข่าวอะไร? มันมีอยู่แค่ "เค้าต้องการให้รู้แค่ไหน" อะไรที่เป็นความลับ จะไม่มีวันได้รู้ เพราะนั่นคือเป้าหมายแท้จริง จนถึงวันที่สำเร็จแล้ว แผนการทั้งหมดแค่เป็นส่วนนึงของแผนการใหญ่ การเปลี่ยนโลกไม่ง่ายดาย การจะให้ควายทั้งโลกเดินตามได้ ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ว่าใครคือ "หัวหน้าตัวจริง" ควายจะยอมรับแค่ "อำนาจ กับเงินตรา" หากมี 2 สิ้งนี้ 100 ขี้ข้าเหี้ยก็ยอมย้ายขั้วชัวร์ ขั้วใหม่อ่านจุดนี้ขาดกระจุย ถึงได้มีตัวละครใหม่เข้ามาในเกมส์นี้ ไม่ซ้ำหน้า ทั้งตุรกี ทั้งซาอุ UAE ฟาโรห์ ทั้งหมารับใช้เหี้ยในอาเซียน และเอเซียใต้ ย้ายหมด รวดเร็วเกินคาด เพราะเจ้ามือเก่า เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว รอวันฟองสบู่แตก จริงๆ คือแตกไปนานแล้ว มันอยู่ที่จีน รัสเซีย จะประกาศเป็นทางการเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ที่ยังเลี้ยงไว้ ก็เพื่อรอคอยเวลาที่ใช่ หากเลือกจังหวะผิด เกมส์ที่เดินมาทั้งหมด จะย้อนกลับทันที ไม่เร่งเกินไป ไม่รอจนเกิดสูญญากาศ หากสังเกตุ ผู้นำยุโรปเริ่มเปลี่ยนหน้าไปแล้วหลายประเทศ แนวทางปชต.เริ่มเป็นที่ไม่ยอมรับ กติกาเดิมโลกไม่เอา ของสดใหม่ ย่อมดีกว่าเสมอ หากเอาผลประโยชน์ร่วมเป็นที่ตั้ง เมื่อเห็นภาพรวมใหญ่แล้วว่า รัสเซีย จีน จะเดินหน้า โดยใช้ BRICS นำโลก ใช้เส้นทางสายไหมจีน เดินคู่ท่อแก็ส โลจิสติคถึง พลังงานถึง โลกจะเดินหน้าเร็วกว่าเก่าเยอะ ด้วยเทคโนโลยีจีนยุคใหม่ ทำอะไรก็ได้แค่ 30 วัน กองกำลัง แสนยานุภาพที่มีทั้งหมดในวันนี้ จะกลายเป็นเป็นกองทัพโลกยุคใหม่ในไม่ช้า? จะไม่เหลือ NATO อีกต่อไป เพราะโลกคือโลกเดียว กติกาเดียว สภาโลกก่อเกิด กองทัพโลกจึงเกิดตาม หมดยุคทะเลาะกัน ไม่มีอียิวนำ โลกสงบสุข เพราะไม่ต้องไปเสี้ยมใครอีก? จากนี้สิ่งที่จะเกิด คือการผนวกรวมชาติ ชาติเล็กที่อยู่ไม่รอด ก็จะจับกลุ่มตั้งพันธมิตร กลุ่มประเทศในพื้นที่เฉพาะ เฉกเช่นเดียวกับอาเซียน อำนาจต่อรอง อยู่ที่ความสามารถของกลุ่มประเทศนั้นๆ ชาติผู้นำดี มรึงก็มั่นคง สุดท้าย ใครไปไม่รอด ก็ตกเป็นแผ่นดินของขาใหญ่ต่อไป เพราะปากท้องยังต้องมี ยูเครนรวมรัสเซีย กลุ่มยุโรปตะวันออก ก็จะจับมือกันอยู่ภายใต้กฎหมายรัสเซียใหม่ พิมพ์เขียวใหญ่ที่เครมลินวางแบบแผนเอาไว้ เริ่มเข้าโครงร่างเป็นจริง ส่วนเหี้ยยิว ก็คิดจะจัดตั้งรัฐยิวใหม่เช่นกัน มันคือการผลัดใบใหม่ ของขั้วอำนาจเก่าสู่มือยิวเต็มตัว แต่ปัญหาอยู่ที่ โลกไม่ต้อนรับยิว มรึงจึงถูกบีบให้ไปอยู่รวมกันที่อเมริกาเหนือ และบางส่วนก็กระจัดกระจาย ในยุโรปไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะมีมุสลิมเป็นล้านคอยจ้องเก็บกวาดอยู่ ประวัติศาสตร์หน้าไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนดอกน่ะ มันถูกกำหนดมาใน DNA ศรัทธามันซึมซับไม่รู้จบ เมื่อรู้เกมส์จะออกหน้าไหนแล้ว ข้ามมาปี 68 คือ "ปีแห่งการพิพากษา" แสงทำงานเต็มกำลัง เหี้ยจะอยู่เฉยต่อไม่ได้อีกแล้ว ต้องเปิดหน้าแลก เพื่อให้แผนการสวรรค์สำเร็จลุล่วงไปได้ หากอเมริกาไม่นำสงคราม อียิวและเหล่าขี้ข้าจะจัดฉาก ให้ก่อ WWIII ให้ได้ แต่ไม่ว่าเสี้ยนอยากรบแค่ไหน? คำถามเดียว ที่ไร้คำตอบ "มรึงจะเอาชนะขั้วใหม่ได้ยังไง?" กลศึก แม้ต้องแพ้ยับ ก็ต้องเปิด เพื่อปูทางสู่การเจรจา แปลว่าอะไร? อียิวมันไม่คิดจะชนะตั้งแต่แรกแล้ว มันแค่ต้องการสร้างความเสียหายให้โลก เพื่อที่จะแบมือขอความช่วยเหลือนายทุนสามานย์ต่อ ซึ่งก็คือยิวทั้งนั้น แต่ช้าก่อน โลกยุคใหม่ ไม่มีแค่นายทุนยิว แต่มีทุนจีน ทุนรัสเซีย เข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเหี้ยมองแต่ขี้ข้าเป็นผู้ส่งส่วยให้มาตลอด แต่ขั้วใหม่ทำตรงกันข้าม ใช้ขี้ข้าเข้ามามีส่วนร่วมกับโลก จุดนี้ จึงจะทำให้โลกแยกตัวออกจากเหี้ยได้จริง การแบ่งแยกจะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เวทีโลก จะมี 2 ฝั่ง กฎหมายโลก จะถูกยอมรับแค่ผู้ชนะเท่านั้น แต่เหี้ยจะตะแบงใช้ของมันเอง ซึ่งจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยต่อมา จีน รัสเซีย ได้นำนวตกรรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และกระจายความเสี่ยงไปสู่นอกโลก หากโลกต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กไปจำนวนมาก เพราะเกิดจากสงครามนิวเคลียร์ ยามเมื่อแกนโลกเอียง ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร ร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อนจัด ภูมิอากาศแปรปรวน จีน รัสเซีย อิหร่าน ทำฐานสำรองพลเมืองโลกบนดวงจันทร์รอไว้แล้ว ต่อไปก็ดาวอังคาร เพราะพิสูจน์แล้วว่ามีน้ำ จุดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง STAR WARS จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป การสูญเสียนับจากนี้ คือสิ่งที่สวรรค์ได้คัดสรรไว้ก่อนแล้ว ขยะโลกก็ตายไปซะ ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมจะพิสูจน์ตัวเองด้วยสติปัญญา ไม่หลงทาง ก็ไม่เป็นเหยื่อ ปลายทางของสงครามครั้งสุดท้าย คือรัสเซีย จีน ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งในเชิงศรัทธา และการยอมรับ จุดกำเนิด "สภาโลก ถ่วงดุลอำนาจของแท้" ข้ามมาอโยธยาศรีรามเทพนคร ศรีธนญชัย ปี 68 คือการไล่ล่าของฝ่ายแสง ความจริงจะปรากฎทุกมิติ เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา จะถูกเปิดเผย โลกความจริงมักจะโหดร้ายกว่าที่คิดเสมอ จุดจบของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย คือ "ไร้แผ่นดินอยู่" ไม่ว่ามรึงจะหนีไปไหน สุดท้ายก็ถูกสั่งเก็บอยู่ดี เงินซื้อชีวิตมรึงไม่ได้ วิญญานที่มรึงเคยเข่นฆ่าเค้า ตามจองเวรจองกรรมกับมรึงไม่รู้จบ ไม่รู้กี่ภพชาติ ไม่รู้ชะตากรรม จนกว่าจะอโหสิกรรมให้ และชดใช้กรรมจนครบ ถึงจะกำเนิดใหม่ โปรดสังเกตุ นายพลฝ่ายวังเข้ามาควบคุมอำนาจทหารเบ็ดเสร็จ ฝ่ายการเมืองได้แต่จ้องเศษเงิน แต่ท้องพระคลังจริง ไม่ได้แตะ เค้าไม่อนุญาตให้มรึงเสือก ไอ้ที่เห็นแค่คำกล่าวอ้าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีใครเป็นแบ็คให้ แต่วังเรา มีรัสเซีย จีน หนุนตลอดเวลา แค่นั้นก็ครองอาเซียนสบายตรีนแล้ว เพื่อนคือไว้ใจ และเพื่อนไม่หักหลัง นี่คือคอนเซปสัมพันธ์ ทุกความทุกข์ยากที่ผ่านมา ความอยุติธรรมที่ชาวบ้านได้รับ มันคือบททดสอบของสวรรค์ มันการสั่งสอนของแสง ไม่เจ็บ ไม่สำนึก ไม่ฉลาดขึ้น ก็ไม่มีทางหลุดพ้นบ่วงกรรม วังวนเหี้ย ชาวอโยธยาจะสู้เพื่อสิ่งเดียว คือ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" แค่มีผู้นำที่กล้าหาญ คนตามทั้งแผ่นดิน ไม่ว่ากี่ยุค กี่สมัย เมื่อวังนำหน้า ประชาชนจะอุ่นใจ เมื่อวังสั่งการ กองทัพจะมั่นคง เกมส์โลก กำหนดทิศทางไทย โดยเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราถูกวางเป็นตัวยืน เหตุเพราะจุดยุทธศาสตร์ที่เราอยู่ เรามี นั่นเอง ปล.ปี 68 เตรียมสติ อาหาร กำลังใจ ศรัทธา พักให้พอ นอนให้อิ่ม เพราะเวลามันใกล้เข้ามาแล้ว 17 ปีแล้ว ตั้งแต่กูเปิดเพจหมี CNN ขึ้นมา นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วในภพนี้ ที่จะได้กอบกู้บ้านเมือง ทำคุณแผ่นดิน ตอบแทนพระคุณพ่ออยู่หัว เค้าไม่ได้ให้มรึงไปตาย แต่เค้าให้มรึงไปแสดงตัว ว่ากูคือลูกพ่อ พ่อกูชื่อ "ภูมิพล" คน 2 แผ่นดินปกป้องรักษา สืบสานต่อจากบรรพบุรุษส่งให้มา เงินทอง ใช้พอดี อย่าเกินตัว คิดให้รัดกุม อยากจะแดร๊กอะไรก็แดร๊กซะ จงอยู่กับสติ และใช้ปัญญาให้มาก คิดแย้งก่อนจะเชื่ออะไร? เพราะทุกความจริง ต่างมีแง่มุมที่แตกต่างเช่นกัน ทำใจได้เลย สงครามใหญ่ก่อเกิด มรึงจะให้หนีไปไหนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ "สยามเมืองยิ้ม" อยู่ที่นี่ ถูกและดี มั่นคง ปลอดภัย อบายมุขเพี๊ยบ ตอบสนอง 24 ชม. เมากัญชาก็ได้ ฆ่าตำรวจก็ได้ ยังไม่ติดคุกเลย จ่ายครบ จบทันที ขบวนการยุติธรรมจะถูกรื้อขึ้นมาใหม่ ระบบใครสร้าง ระบบใครเอื้อ แก้ที่คนก่อน ระบบจะดีตามเอง ทรัพยากรบุคคลสำคัญที่สุด นี่คือเหตุผลที่จีนสร้างชาติยุคใหม่ เน้นทุ่มเงินไปที่ทรัพยากรบุคคลนี่แหละ คนสร้างกันได้ แต่จิตสำนึกย่อมต้องมีควบคู่ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ไร้ศีลธรรม บ้านเมืองก็ล่มสลาย เราฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ ครั้งที่ 20 ทำไมจะไม่มี และก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ตราบใดที่ความมั่นคงประเทศไม่ปลอดภัย รัฐธรรมนูญก็ช่วยอะไรไม่ได้ กองทัพอ่อนแอ วังอ่อนแอ ชาติก็ล่มสลาย พ่อหลวงท่านมองการณ์ล่วงหน้าแล้ว ท่านหยั่งรู้ฟ้าดิน ถึงได้ส่งต่อแผ่นดินให้พ่อร.10 ผู้เป็นหนึ่งในทหารเอก ที่รู้จักกองทัพไทยดีกว่าใคร? ที่มาว่า ทำไมจึงต้องเป็นพระราชินีองค์นี้ พ่อเป็นแม่ทัพ แม่เป็นขุนศึก ตอบสนองยุคสมัยผลัดเปลี่ยน กลียุคต้องยาแรง กลียุคต้องเด็ดขาด เราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังพศ.2475 นั่นคือ "พ่อปกครองลูกจะกลับมาอีกครั้ง" ต่างหากล่ะ ส่งคืนพระราชอำนาจ ไม่ได้พูดปากเปล่า ใครปฎิวัติ? คนนั้นแหละ ส่งมอบคืนให้ ไม่ต้องเร่งรีบแดร๊กปชต.ตอแหลต่อ เพราะยุคปลายกลียุค ปชต.เสื่อมหมดแล้ว ยามที่ปชช.ปากท้องอิ่ม ใครจะห่วงเรื่องปชต.ต่ออีกล่ะ? เมื่อจิกซอร์ตัวแรกโผล่มาแล้ว มันจะเกิดโดมิโน่แอฟเฟคเอง คนไทยเบื่ออะไร คนไทยต้องการอะไร วังรับรู้หมดสิ้นแล้ว รอแค่เวลาที่เหมาะสม ทุกดวงใจจะเปรมปรีเบ่งบานอีกครั้ง ไทยจะปกครองไทย ไม่ใช่ให้ใครมาปกครองเรา รูปแบบใหม่ ไทยจะเฟื่องฟูอำนาจ ทั้งการเงิน การคลัง การทหาร รอดูเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่รุ่นนี้ รุ่นหลาน เหลน โหลน จะสร้างชาติแบบที่โลกต้องตะลึง คนยุคเรา คน 2 แผ่นดิน จะตายไปพร้อมกับไอ้อีลูกหลานจัญไร ในกลียุคทั้งหมด เพราะเราเกิดมา ก็เพื่อการณ์นี้ จงทำภาระกิจให้สำเร็จ กวาดล้างบางสิ่งสกปรกโสมมในแผ่นดินออกไปให้หมด อย่าให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ต้องมาจัดการต่อแทนอีกเลย เหี้ยขายชาติต้องตายคาตรีนคนรุ่นนี้เท่านั้น จบที่มรึงและกู นอนตายตาหลับ ปี 68 สู้เต็มกำลัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าได้กลัว แสงให้พลังพวกมรึง แสงก็คุ้มครองพวกมรึงด้วยเช่นกัน ปล. 2 โพสกระทู้ต่อไป ค่อยเป็นโพสสวัสดีปีใหม่ 2568 อยากขอบคุณ ผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ผู้ที่ทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน โดยไร้ตัวตนทั้งหลาย ปีนี้ ไม่ใช่จะเลวร้ายซะทุกอย่าง มันคือวัคซีนฉีดให้คนไทยได้ตื่นรู้ และพร้อมรับมือกับสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ใจยังยิ้มได้ เพราะสติมี ปัญญาเกิด ไม่ต้องไปเครียด กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สู้กันไป วันต่อวัน เท่านั้นพอ กินให้อิ่ม หลับให้สบาย นั่นคือยาชั้นดี พรุ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดพอ หมี CNN(เรื่องราวอะไรในปี 67 ที่ไม่ดี ไม่งาม ที่เกิดกับตัวเรา จงอย่าแบกเอาไว้ ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วจงเตรียมตัวรับสิ่งใหม่เข้ามาแทน อย่ากลัว อย่าตื่นตระหนก นิ่งเข้าไว้ สงบเข้าว่า ดวงตาจะเปิดเอง ทุกปัญหาแก้ได้ แค่จะถูกใจมรึงหรือไม่เท่านั้นเอง ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง สมดุลธรรมชาติ) 31 ธันาวคม 67(วันสิ้นปี จงยืนหยัด ศรัทธาเชื่อมั่น เหมือนที่เคยเป็นมา) 00.08 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1385 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อระลึกเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย
    #วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อระลึกเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ถือเป็นวันสำคัญของการเมืองการปกครองไทยที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เพื่อหลักประกันในสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน
    10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ถือเป็นวันสำคัญของการเมืองการปกครองไทยที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เพื่อหลักประกันในสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯเชื่อว่า รัสเซียไม่น่าจะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อการโจมตีล่าสุดของยูเครนโดยใช้ขีปนาวุธที่ชาติตะวันตกจัดหามาให้ – รอยเตอร์

    แม้ว่าความกังวลในช่วงแรกจะมุ่งเน้นไปที่การตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นต่อฐานทัพของสหรัฐฯ หรือพันธมิตร, แต่ปัจจุบันภัยคุกคามจากการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ถูกมองว่ามีน้อยมาก
    .
    US believes Russia is unlikely to respond with nukes to Ukraine’s recent strikes using Western-supplied missiles – Reuters

    While early concerns centered around potential retaliation against US or allied military bases, the threat of a nuclear response is now seen as minimal
    .
    4:30 AM · Nov 29, 2024 · 6,463 Views
    https://x.com/RT_com/status/1862247596615716866
    สหรัฐฯเชื่อว่า รัสเซียไม่น่าจะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อการโจมตีล่าสุดของยูเครนโดยใช้ขีปนาวุธที่ชาติตะวันตกจัดหามาให้ – รอยเตอร์ แม้ว่าความกังวลในช่วงแรกจะมุ่งเน้นไปที่การตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นต่อฐานทัพของสหรัฐฯ หรือพันธมิตร, แต่ปัจจุบันภัยคุกคามจากการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ถูกมองว่ามีน้อยมาก . US believes Russia is unlikely to respond with nukes to Ukraine’s recent strikes using Western-supplied missiles – Reuters While early concerns centered around potential retaliation against US or allied military bases, the threat of a nuclear response is now seen as minimal . 4:30 AM · Nov 29, 2024 · 6,463 Views https://x.com/RT_com/status/1862247596615716866
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขึ้นอยู่กับพันธมิตรที่จะตัดสินใจว่าจะอนุมัติการโจมตีภายในรัสเซียหรือไม่ — หัวหน้า NATO:

    "โดยทั่วไปแล้ว ฉันคิดว่าอย่าสื่อสารกันมากเกินไป และอย่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามฉลาดเกินความจำเป็น," มาร์ก รุตเต้ กล่าวเสริม
    .
    Up to allies to decide whether or not to authorize strikes inside Russia — NATO chief:

    "I would generally say let’s not communicate too much and not make our adversaries more wise than is necessary," Mark Rutte added
    https://tass.com/world/1874553
    .
    6:57 PM · Nov 19, 2024 · 3,399 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1858842052475113779
    ขึ้นอยู่กับพันธมิตรที่จะตัดสินใจว่าจะอนุมัติการโจมตีภายในรัสเซียหรือไม่ — หัวหน้า NATO: "โดยทั่วไปแล้ว ฉันคิดว่าอย่าสื่อสารกันมากเกินไป และอย่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามฉลาดเกินความจำเป็น," มาร์ก รุตเต้ กล่าวเสริม . Up to allies to decide whether or not to authorize strikes inside Russia — NATO chief: "I would generally say let’s not communicate too much and not make our adversaries more wise than is necessary," Mark Rutte added https://tass.com/world/1874553 . 6:57 PM · Nov 19, 2024 · 3,399 Views https://x.com/tassagency_en/status/1858842052475113779
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1503 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13-11-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.12 ตอน "มหาวิบัติกรมตำหนวด กากีผยอง" เอาให้สุดซอย กฎหมาเหนือกฎหมาย อยู่ที่ใครอุ้ม? แฉอีเหลี่ยม หักหลังอีเหลี่ยม เพื่อหวังกลับมาชิมิ? กระแสปั่น อีโจ๊กยังไม่เละ ลุ้นกลับมาพร้อมเยียวยา จริงดิ? ช้าก่อน หากคุณโทรหาเราภายใน 3 นาที เราจะมีโปรไฟไหม้ มา 1 ตายยกคอก เรื่องเหี้ยๆ ไม่เคยพ้นอีกากีเสนียดแผ่นดินฉิงๆ สงสารตำหนวดชั้นผู้น้อย ตำหนวดดีดี ที่ต้องอยู่ในดงโจร เพราะมันเป็นโจรกันทั้งกรมไงล่ะ ใครล่ะ สร้างระบบโจรนี้ มรึงต้องย้อนกลับไป ปีที่อีเหลี่ยมเข้ามาจัดระเบียบกรมอีกากีใหม่หมด ทั้งหมดคือแผน CIA ทำลายรากฐาน ต้องปรับโครงสร้างก่อน ความยุติธรรมชั้นต้น สำนวน เริ่มจากอีกากี แล้วปล่อยเชื้อชั่วเข้ากรมอัยกวยต่อ ใช่! เหี้ย C มันจ้องบ่อนทำลายความมั่นคงไทย ผ่านทุกขบวนการยุติธรรม เมื่อต้นน้ำมันเหี้ย รับใช้โจร อย่าหวังจะขาวสะอาด ความยุติธรรมมีแต่ในการ์ตูน เพราะมันอยู่ที่เด็กใคร? แต่อย่าได้หนักใจไป นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบัน เชื้อชั่ว เชื้อเหี้ย ในกรมกากีเสนียดแผ่นดิน ออกลายหมดเกลี้ยง อีตำหนวดชั้นผู้ใหญ่ดาหน้าโดนคุกกันทั่ว เอี่ยมทุนสีเทา ธุรกิจมืด ซ่องโจร บ่อนการพนัน ไม่มีอะไรที่เหี้ย จัญไร ที่ตำหนวดไม่รู้ รู้หมดทุกจุด รู้ทุกอย่าง รู้ว่าของใคร? แต่ที่ไม่ทำห่าอะไร เพราะเงินมันอุดปากอยู่ อยากเลื่อนตำแหน่ง อยากรวย อยากหิวแสง ต้องมีนายใหญ่แบ็คอัพถึงจะรุ่ง อีกรมตำหนวดเนี่ย เป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก โดยเฉพาะประเทศคลั่งประชาธิปไตย กฎหมามักจะมาก่อนกฎหมายเสมอ มรึงฆ่าคนตาย จ่าย 100 ล้าน วัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ผ่านไป 1 ปี เรื่องจบ หายเงียบ อีชั่วก็ไปทำชั่วต่อไงล่ะ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แต่ยามที่แสงทำงาน จะลากไอ้อีสารพัดเหี้ยทั้งหมด เข้าตาราง ความจริงจะโผล่มา กระแสปัญญาชนจะก่อเกิด อีตำหนวดหมดราคา สภาพไม่ต่างกับโจร? กรมอัยกวยที่หนักแผ่นดิน จะถูกล้างบางในพศ.นี้ ทุกความระบำอัปรีย์จัญไรทั้งหลายที่มรึงประสบมา จะถูกล้างทั้งหมด โดยการ "แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ" ฉบับวังและชาติมาก่อนประชาธิปไตยตอแหล เอาให้สุดซอย สุดติ่งกระดิ่งเหี้ยกันไปเลย ประชาชนหมดศรัทธากับขบวนการยุติธรรมต้นน้ำของไทยแล้ว แสงถึงต้องออกโรงเอง งวดนี้ ตายยกโคตรเหี้ย ทั้งขบวนการ ไม่ใช่ใครอื่น ส้นตรีนบู๊ทตรีนโตเข้ามาชำระล้างให้เอง เมื่อมรึงอยู่กันดีดีไม่ได้ ต้องหาเรื่องให้ชาวบ้านเดือดร้อน อันธพาลครองเมือง ก็อย่าได้เสพสุขกันอีกต่อไป สั้นๆ คือทหารจัดระเบียบกรมตำหนวดใหม่หมด ไม่สิ ต้องเรียก "ผู้ใหญ่สั่งตรงมาเอง" เห็นแสงปลายอุโมงค์ชัดเจน มันโดดเด่นมว๊าก! ไม่ว่าจะอีโจ๊กคนอร์ อีขาใหญ่แค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีนกองทัพ ฟังๆ ชัด จากปากณัชชาน่ะจ๊ะ "ขี้ตรีนกองทัพ" รถถังออก GMC ผุด โผล่ทุบทั้งสถานีก็เคยมาแล้ว ใหญ่แค่ไหน ก็ไม่พ้นอวสานเซลล์แมน ดีออก? ไม่แปลกที่อีเหลี่ยมถูกหักหลังยับ ทั้งพรรคร่วม ทั้งลูกน้องเก่า ทั้งคนใกล้ชิด เพราะหน้าที่ขี้ข้าคือเอาตัวรอดจ๊ะ..นายจ๋า ขายนายตัวเอง เพื่อไต่เต้าสูงกว่า หรือความอยู่รอดถาวร สันดานขี้ข้า เป็นเช่นนี้ทั่วแกแลคซี่ เผานายเก่าแลกผลงาน จะฆ่าเหี้ย ต้องให้เหี้ยลงมือกันเอง ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ไม่ต้องเปลืองคนดีดีให้ติดเสนียด สรุปกลกามกรมตำหนวด ปล่อยเหี้ยตัวเล็ก เพื่องับเหี้ยตัวใหญ่ ตัวบงการ เสร็จกิจแล้วค่อยเชือดทีหลัง นี่มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แผนพิชัยสงคราม ใช้กันบ่อย อีโจ๊กคนอร์สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี เล่นให้เป็น อ่านเกมส์ให้ขาด จะไม่ต๊กกะใจ! ถามสั้นๆ เผาอีเหลี่ยมชาติชั่ว กับเผาอีโจ๊กคนอร์ มรึงอยากให้ใครตายห่าก่อนกันล่ะ? กลวิธีเค้ามี วิธีการไม่สำคัญ เป้าหมายสำเร็จคือชัยชนะ! ใครล่ะ จะฆ่านายใหญ่ได้ หากไม่ใช่ขี้ข้าใกล้ตัว? มหากาพย์ชั้น 14 ก็จะตายห่ายกโคตรเหี้ยก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน ศรีธนญชัยเดินหมากหลายชั้น ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? ไม่อยากพูด แม้แต่ชั้นระดับผู้พิพากษา ก็ถูกเช็คบิลได้เช่นกัน หากมีพิรุจ อุ้มเหี้ย หลักฐานเค้ามี แค่รอเหยื่อดิ้น ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครไว้ใจใครได้อีกแล้ว เหี้ยหักหลังกันเกลื่อน? นี่ล่ะ วังวนเหี้ยแท้จริง! เอ้า..เห้ย ไม่ตรงปกนี่หว่า จะข้ามรุ่นล่อลุงสนธิ ข่าวปล่อยอีเดชอบแดร๊กถั่วดำ ออกมากลางโซเชี่ยล ฮาแตก ชอบไม้ป่าเดียวกันเหรอจ๊ะ..ตะเอง ดูทรงแล้ว สายเหลืองนี่หว่า? 555+ ยังไม่ทันจะเริ่ม ก็เสียหมา เสียทรงซะแว๊ว อยากโดนแฉอีกเหรอจ๊ะ? งวดนี้ อีเด ถูกจัดหนักแน่ เสี้ยนจัดน่ะมรึง! ด้านอีต้มตุ๊ด เยี่ยวแตก ขนาดอีทนายสายบัวตอแหลยังพลิกลิ้น ชิ่งหนีดีกว่า โอกาสตายร่วมสูง หลังอีนุ อีสา ถูกจับมารีด(นมวัว) คายออกหมดเปลือก จะเหลือเหี้ยอะไรอีกเนี่ย สรุปคือ 39 ล้านคือดอกฆ่าจริง 71 ล้านแค่ดอกโหมโรง เพ่อ้อยไม่ถอนฟ้อง ไปสุดซอยเท่านั้น อีเมียดิ้นพล่าน กูไม่รู้ ไม่เกี่ยว สายเกินปุยมุย? เชิญไปอวดรวยกันต่อในคุกน่ะจ๊ะ สายเบ็ดรอมรึงอยู่เพี๊ยบ ข้ามมาดูโลกตอแหลกันต่อ : อีเสี้ยนยาชะตาขาด หมดหนทาง อ้อนอีทรัมปป์ ยกแผ่นดินให้เลย แค่ต่อลมหายใจกูหน่อย? อีทรัมปป์คงสนแผ่นดินเน่าๆ เนี่ยน่ะ เพราะรู้อยู่แล้ว ยังไงรัสเซียเขมือบแน่ ถามส้นตรีนปูตินรึยัง? พวกมรึงมีปัญญาเหรอ? เกมส์อยู่ในมือใคร? ใครกำหนดทิศทางโลกทุกวันนี้ ใช่มรึงเหรอ? จีนเขยิบ รัสเซียขยับ โลกตามทันที ยังไม่สำเหนียก อีทรัมปป์มันมาเพื่อแตกอเมริกา ไม่ได้มากู้อเมริกา แล้วใยกู้ต้องมาช่วยกู้แผ่นดินเน่ามรึงด้วยล่ะ อีเสี้ยนยาจ๋า? ชั่วโมงนี้ ใครกล้าชนรัฐบุรุษปูติน สีจิ้นผิง ไม่มี? แค่ BRICS ยังแห่กันตามหมดทั้งโลก มรึงมัน NOBODY แล้ว ไอ้สัส! พอก่อน พอได้แล้ว อียิวขี้แตกแล้ว โดนทั้งซูเปอร์โซนิค ตามด้วยไฮเปอร์โซนิค แบบลืมหายใจ ถามจริง มรึงมีเยอะเกินไปป่ะ? อะไรน่ะ ยังเหลืออีกเป็นล้านลูก ไอ้สัส! ผลิตออกมาเยอะเกินปุยมั้ย? เอาไปยิงหมาเหรอ? สาย HARDCORE บ่นยับ? ทำไมไม่ฆ่าล้างโคตรมันไปเลย 24 ชม. รอเหี้ยอะไรอยู่ ยึดแผ่นดินแม่งให้เกลี้ยง คำถามนี้ ต้องไปดูว่า ขั้วใหม่ รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง เค้าต้องการอะไรแท้จริง "หาใช่ชัยชนะในสมรภูมิ" แต่เป็นทุบหม้อข้าวเหี้ย ทำลายคลังแสง คลังเงิน ไอ้อีตะวันตกจนไม่เหลือเหี้ยอะไรอีก เมื่อหมดตูด มรึงก็แค่ "ไอ้ยาจก" ไม่มีจะแดร๊ก แล้วจะมีปัญญาทำเหี้ยอะไรต่อได้อีก ทุบที่หม้อข้าว นี่คือยุทธศาสตร์หลัก ที่ขั้วใหม่ทำอยู่ อย่าลืมน่ะว่า เหือบครึ่งปีแล้ว ที่ท่าเรือไฮฟา ไม่มีสินค้าเข้ามาเลย เรือขนส่งเข้าไม่ถึง ความช่วยเหลือเข้าไม่ได้ แม้แต่กองเรือเหี้ยยังไม่กล้าเข้ามาผ่านทะเลแดง แปลว่าอะไร ยุทธศาสตร์ อิหร่าน รัสเซีย จีน ครองน่านน้ำ น่านฟ้าไว้หมดแล้ว ภาษาทหารคือ ยึดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบคุณยายละม่อม แต่ไม่ต้องรีบฆ่า บีบให้มันอดอยาก ปากแห้งไปเรื่อยๆ เพื่อดึงขี้ข้าที่หิวโซย้ายขั้วนั่นเอง เมื่อแขนขาถูกหั่น เหี้ยก็จบ ไม่มีเครื่องมือให้ใช้ต่ออีกแล้ว อีโง่ยุโรปก็เช่นกัน หลังอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง อีอัสซูรี่ หมดตูดไปเยอะ เศรษฐกิจพังยับทั้งยุโรป ชาติเล็กๆ แข็งข้อขึ้นมาทันที จะรีบย้ายขั้วไปเกาะรัสเซีย เพราะมั่นคง และมั่นใจกว่าเยอะ แผนแตก EU NATO จึงก่อเกิด เงินไม่มี พลังงานไม่เหลือ ใครจะตามมรึงกันอีกล่ะ? 10 ชาติยุโรปสัญญาปากเปล่ากันแล้ว ไปพร้อมกันทั้งยวง เครมลินเตรียมเปิดวังต้อนรับเสมอ? กลับบ้านเถอะลูก รักรออยู่!

    ปล.มาตามนัด! กูว่าแล้ว ยังไม่ทันจะสาบานตน อีมรัมปป์เรียกโพยแต่หัววัน เตรียมหั่นนายพลทิ้ง เปลืองภาษี เปลืองงบ ตั้งคณะกรรมการโละนายพล(โดยเฉพาะหมารับใช้อีลา ซึ่งมีเพี๊ยบ) เตรียมงัดข้ออีตาเพน กูเดาทางถูกเสมอ? ยังไม่จบ ไอ้อีตัวไหน ใครที่ลากทรัมปปืเข้าคุก ยัดข้อหา ใส่ร้าย ป้ายสี ล่อกู 100 กว่าคดี มรึงเตรียมโดนโละเช่นกัน ผู้พิพากษาเหรอ รัฐไหนเหรอ ใหญ่แค่ไหนเหรอ อีทรัมปป์จะเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู เพราะอำนาจกูคือประกาศิต เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ชำระแค้นก่อน คือทรัมปป์ งานสร้าง TRUMP LAND คือเรื่องต่อไป ข้ามวิกแป๊บ : อย่าดูแค่เปลือก ดร.อาทิตย์(ตัวชงมาเอง) ถามสั้นๆ ข้องใจทำไม ‘พระบรมราชโองการ-คำพิพากษาศาลฎีกา’ ไม่มีความหมาย? ขัดขืน ฝ่าฝืนเพี๊ยบ ดอกนี้ ชงให้ทุกคดีที่อีเหลี่ยม อีลูกสาวร่าน ทำโดยตรง เค้ารู้กัน ศาลรับลูก 15 คดีในมือ โดนทุกดอก "ประหารชีวิตยังน้อยไป" ตัวชงมา ตัวตบรับ มันคือ "ยาเร่ง" บีบให้เหี้ยทั้งหมดเผ่นหนีให้หมด ก่อนศาลจะฟันดาบลงมา จะหนีไม่ทันแล้วน่ะ? ไม่มีบังเอิญ มีแต่บังอาจ กระแสต่อต้านคอรัปชั่นแรงเกินห้ามใจ มันโดดเด่นเสียเหลือเกินช่วงนี้ เพราะแสงอีกแล้วครับท่าน! ทุนเทา ทุนม่วง ตายห่า ศพเกลื่อนศาล ลาก่อน "อีฟิล์มโกดัก" คิดผิด ชีวิตจบ เงิน อำนาจ ตัณหา พามรึงไปตายห่า ใครเล่นการเมือง ชีวิตมีอันเป็นไปหมด ดาราอยากเกิด ไฮโซอยากดัง แตะสิ่งปนเปื้อน สลัดไม่ออก ถูกกลืนเหมือนกันหมด วังวนการเมืองคืออาจมเสนียดแผ่นดิน ใครลองได้เสพ หลงใหลอำนาจ ตายห่าหมดเกลี้ยง? ไอ้สัส! กลัวไทยไม่ดัง ก่อการร้ายอ้าง เตรียมสอยอียิวในเกาะพงัน FULL MOON PARTY ทำไมต้องเลือกงานนี้ เพราะมันดังไประดับโลก หากเป็นข่าว อียิวตายห่ากลางวงปาร์ตี้ กราดยิง ระเบิดลง ดังพลุแตกแน่ แล้วทำไม ถึงบอกล่วงหน้า? จะดึงไทยเข้าร่วมสงครามครูเสดด้วยเหรอจ๊ะ? ตำหนวดไทยเก่ง มรึงช่วยโฆษณาให้ กูยินดี ถามว่าคนทั้งโลกแห่มา เค้าสนมั้ย? คนมันมาเพื่อจะเล่นยา ระเบิดลงหัวก็ไม่กลัวดอก? FULL MOON PARTY แท้จริงคืออะไร? SEX DRUG DRINK DANCE PARTY มันคืองานมั่วสุดสวิงริงโก้อีโต้บั๊ม? ฝรั่งมันชอบ ใครสนกราดยิงกันล่ะ? เพราะกูเมายาอยู่ ไม่รู้เรื่อง? โปรดสังเกตุ อียิวพยายามจะลากไทยเข้ามามีเอี่ยวทุกเรื่อง มรึงรักกูมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ น้ำลายหยดมาตั้งแต่ปีพศ.2475 สิน่ะ แห้วแดร๊ก เพราะสมเด็จย่า? สื่อใครลง สื่อใครแฉ นั่นแหละ ตัวปล่อยแผน? แผนเก่าๆ เน่าๆ ยังกล้ามาใช้? หน่วยความมั่นคงเค้ารู้หมดเกลี้ยง เชิญเข้ามาเหอะ เดี๋ยวกูจะให้มรึงมั่วยาเต็มที่ จนลืมกลับบ้านกันไปเลย? รัสเซีย เล่นเกมส์ จับมืออีทรัมปป์ บับให้อีเสี้ยนยาเลือกตั้ง แน่นอนว่า "โปรรัสเซียมาชัวร์ ไม่ต้องเดา" เพราะชาวยูเครนที่เหลือตายห่าเพราะสงครามไปเยอะแล้ว ใครยังอยากจะรบกันต่ออีก นีโอนาซีในยูเครนตายเกลื่อน ปูตินสั่งเน้น เก็บไอ้อีนีโอนาซีทุกตัว ไม่ต้องปราณี ไม่ต้องถามเยอะ เห็นปุ๊บ สอยทันที หนักแผ่นดิน! แผนสร้างปชต.ตอแหลใหม่ แค่เกมส์บังหน้า รัสเซียเค้าวางหมากล่อเหยื่อไว้หมดแล้ว ประกาศ 4 แคว้นเป็นของรัสเซียโดนสมบูรณ์ เลือกตั้งมา คืออีเสี้ยนยาเตรียมเผ่นแน่ ถูกสั่งเก็บจากทั่วโลก อีทรัมปป์ไม่ได้สนใจแผ่นดินยูเครน แต่สนใจว่ารัสเซียจะยอมถอยให้เรื่องอะไรได้บ้าง ข้อดีของอีทรัมปป์คือ ทุกอย่างเจรจาได้หมด แม้แต่ขายลูก ขายเมีย พ่อค้าตัวจริง! ขั้วใหม่ชนะไปแล้ว ตั้งแต่อีทรัมปป์มา แสดงให้โลกเห็นว่า คนเบื่อหน่ายสงคราม และอเมริกาและตะวันตก คือต้นตอของความวินาศฉิบหายทั้งหมด NATO ไร้ราคา ส่วน EU ถังแตกยับเยิน หมดสภาพทั้งคู่ โลกรอแค่ ขั้วใหม่ "ปิดเกมส์" เท่านั้น

    ปล.2 คำถามแก้เครียด? คุณคิดว่าสาวยุคไหน SEXY ที่สุด? 60 'S/70 'S/80 'S/90 'S/00-20 'S

    หมี CNN(อะไรก็ไปไวมาไวเสมอ เพราะแสงทำงานเร็ว ไม่มีอะไรที่จะหนีรอดแสงไปได้ ยามเมื่อสาดส่อง เหี้ยจัญไรทั้งสากลโลกทั้งหลายกำลังถูกแสงแผดเผาทั้งเป็น สงครามจะหยุดขยายวงกว้าง แต่จะเกิดสงครามภายในกันเอง เพราะเกมส์มันถึงทางตันแล้ว หากไม่อยากตายหมู่ ตายยกทวีป ทางรอดเดียวคือ "เคลียร์กันเอง" เมื่อภายในจบ ถึงจะได้ข้อสรุป อยู่ในแผนขั้วใหม่ทั้งสิ้น จีน รัสเซีย ถึงยังไม่ลงมือเองซักกะที รอเหี้ยกัดกันให้พอใจ เหลือตัวสุดท้ายค่อยมาคุยกับกู หมากล้อมจีนชนะ หมากรุกพิฆาตเอาอยู่)
    13 พฤศจิกายน 67
    12.22 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatch
    13-11-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.12 ตอน "มหาวิบัติกรมตำหนวด กากีผยอง" เอาให้สุดซอย กฎหมาเหนือกฎหมาย อยู่ที่ใครอุ้ม? แฉอีเหลี่ยม หักหลังอีเหลี่ยม เพื่อหวังกลับมาชิมิ? กระแสปั่น อีโจ๊กยังไม่เละ ลุ้นกลับมาพร้อมเยียวยา จริงดิ? ช้าก่อน หากคุณโทรหาเราภายใน 3 นาที เราจะมีโปรไฟไหม้ มา 1 ตายยกคอก เรื่องเหี้ยๆ ไม่เคยพ้นอีกากีเสนียดแผ่นดินฉิงๆ สงสารตำหนวดชั้นผู้น้อย ตำหนวดดีดี ที่ต้องอยู่ในดงโจร เพราะมันเป็นโจรกันทั้งกรมไงล่ะ ใครล่ะ สร้างระบบโจรนี้ มรึงต้องย้อนกลับไป ปีที่อีเหลี่ยมเข้ามาจัดระเบียบกรมอีกากีใหม่หมด ทั้งหมดคือแผน CIA ทำลายรากฐาน ต้องปรับโครงสร้างก่อน ความยุติธรรมชั้นต้น สำนวน เริ่มจากอีกากี แล้วปล่อยเชื้อชั่วเข้ากรมอัยกวยต่อ ใช่! เหี้ย C มันจ้องบ่อนทำลายความมั่นคงไทย ผ่านทุกขบวนการยุติธรรม เมื่อต้นน้ำมันเหี้ย รับใช้โจร อย่าหวังจะขาวสะอาด ความยุติธรรมมีแต่ในการ์ตูน เพราะมันอยู่ที่เด็กใคร? แต่อย่าได้หนักใจไป นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบัน เชื้อชั่ว เชื้อเหี้ย ในกรมกากีเสนียดแผ่นดิน ออกลายหมดเกลี้ยง อีตำหนวดชั้นผู้ใหญ่ดาหน้าโดนคุกกันทั่ว เอี่ยมทุนสีเทา ธุรกิจมืด ซ่องโจร บ่อนการพนัน ไม่มีอะไรที่เหี้ย จัญไร ที่ตำหนวดไม่รู้ รู้หมดทุกจุด รู้ทุกอย่าง รู้ว่าของใคร? แต่ที่ไม่ทำห่าอะไร เพราะเงินมันอุดปากอยู่ อยากเลื่อนตำแหน่ง อยากรวย อยากหิวแสง ต้องมีนายใหญ่แบ็คอัพถึงจะรุ่ง อีกรมตำหนวดเนี่ย เป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก โดยเฉพาะประเทศคลั่งประชาธิปไตย กฎหมามักจะมาก่อนกฎหมายเสมอ มรึงฆ่าคนตาย จ่าย 100 ล้าน วัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ผ่านไป 1 ปี เรื่องจบ หายเงียบ อีชั่วก็ไปทำชั่วต่อไงล่ะ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แต่ยามที่แสงทำงาน จะลากไอ้อีสารพัดเหี้ยทั้งหมด เข้าตาราง ความจริงจะโผล่มา กระแสปัญญาชนจะก่อเกิด อีตำหนวดหมดราคา สภาพไม่ต่างกับโจร? กรมอัยกวยที่หนักแผ่นดิน จะถูกล้างบางในพศ.นี้ ทุกความระบำอัปรีย์จัญไรทั้งหลายที่มรึงประสบมา จะถูกล้างทั้งหมด โดยการ "แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ" ฉบับวังและชาติมาก่อนประชาธิปไตยตอแหล เอาให้สุดซอย สุดติ่งกระดิ่งเหี้ยกันไปเลย ประชาชนหมดศรัทธากับขบวนการยุติธรรมต้นน้ำของไทยแล้ว แสงถึงต้องออกโรงเอง งวดนี้ ตายยกโคตรเหี้ย ทั้งขบวนการ ไม่ใช่ใครอื่น ส้นตรีนบู๊ทตรีนโตเข้ามาชำระล้างให้เอง เมื่อมรึงอยู่กันดีดีไม่ได้ ต้องหาเรื่องให้ชาวบ้านเดือดร้อน อันธพาลครองเมือง ก็อย่าได้เสพสุขกันอีกต่อไป สั้นๆ คือทหารจัดระเบียบกรมตำหนวดใหม่หมด ไม่สิ ต้องเรียก "ผู้ใหญ่สั่งตรงมาเอง" เห็นแสงปลายอุโมงค์ชัดเจน มันโดดเด่นมว๊าก! ไม่ว่าจะอีโจ๊กคนอร์ อีขาใหญ่แค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีนกองทัพ ฟังๆ ชัด จากปากณัชชาน่ะจ๊ะ "ขี้ตรีนกองทัพ" รถถังออก GMC ผุด โผล่ทุบทั้งสถานีก็เคยมาแล้ว ใหญ่แค่ไหน ก็ไม่พ้นอวสานเซลล์แมน ดีออก? ไม่แปลกที่อีเหลี่ยมถูกหักหลังยับ ทั้งพรรคร่วม ทั้งลูกน้องเก่า ทั้งคนใกล้ชิด เพราะหน้าที่ขี้ข้าคือเอาตัวรอดจ๊ะ..นายจ๋า ขายนายตัวเอง เพื่อไต่เต้าสูงกว่า หรือความอยู่รอดถาวร สันดานขี้ข้า เป็นเช่นนี้ทั่วแกแลคซี่ เผานายเก่าแลกผลงาน จะฆ่าเหี้ย ต้องให้เหี้ยลงมือกันเอง ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ไม่ต้องเปลืองคนดีดีให้ติดเสนียด สรุปกลกามกรมตำหนวด ปล่อยเหี้ยตัวเล็ก เพื่องับเหี้ยตัวใหญ่ ตัวบงการ เสร็จกิจแล้วค่อยเชือดทีหลัง นี่มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แผนพิชัยสงคราม ใช้กันบ่อย อีโจ๊กคนอร์สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี เล่นให้เป็น อ่านเกมส์ให้ขาด จะไม่ต๊กกะใจ! ถามสั้นๆ เผาอีเหลี่ยมชาติชั่ว กับเผาอีโจ๊กคนอร์ มรึงอยากให้ใครตายห่าก่อนกันล่ะ? กลวิธีเค้ามี วิธีการไม่สำคัญ เป้าหมายสำเร็จคือชัยชนะ! ใครล่ะ จะฆ่านายใหญ่ได้ หากไม่ใช่ขี้ข้าใกล้ตัว? มหากาพย์ชั้น 14 ก็จะตายห่ายกโคตรเหี้ยก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน ศรีธนญชัยเดินหมากหลายชั้น ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? ไม่อยากพูด แม้แต่ชั้นระดับผู้พิพากษา ก็ถูกเช็คบิลได้เช่นกัน หากมีพิรุจ อุ้มเหี้ย หลักฐานเค้ามี แค่รอเหยื่อดิ้น ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครไว้ใจใครได้อีกแล้ว เหี้ยหักหลังกันเกลื่อน? นี่ล่ะ วังวนเหี้ยแท้จริง! เอ้า..เห้ย ไม่ตรงปกนี่หว่า จะข้ามรุ่นล่อลุงสนธิ ข่าวปล่อยอีเดชอบแดร๊กถั่วดำ ออกมากลางโซเชี่ยล ฮาแตก ชอบไม้ป่าเดียวกันเหรอจ๊ะ..ตะเอง ดูทรงแล้ว สายเหลืองนี่หว่า? 555+ ยังไม่ทันจะเริ่ม ก็เสียหมา เสียทรงซะแว๊ว อยากโดนแฉอีกเหรอจ๊ะ? งวดนี้ อีเด ถูกจัดหนักแน่ เสี้ยนจัดน่ะมรึง! ด้านอีต้มตุ๊ด เยี่ยวแตก ขนาดอีทนายสายบัวตอแหลยังพลิกลิ้น ชิ่งหนีดีกว่า โอกาสตายร่วมสูง หลังอีนุ อีสา ถูกจับมารีด(นมวัว) คายออกหมดเปลือก จะเหลือเหี้ยอะไรอีกเนี่ย สรุปคือ 39 ล้านคือดอกฆ่าจริง 71 ล้านแค่ดอกโหมโรง เพ่อ้อยไม่ถอนฟ้อง ไปสุดซอยเท่านั้น อีเมียดิ้นพล่าน กูไม่รู้ ไม่เกี่ยว สายเกินปุยมุย? เชิญไปอวดรวยกันต่อในคุกน่ะจ๊ะ สายเบ็ดรอมรึงอยู่เพี๊ยบ ข้ามมาดูโลกตอแหลกันต่อ : อีเสี้ยนยาชะตาขาด หมดหนทาง อ้อนอีทรัมปป์ ยกแผ่นดินให้เลย แค่ต่อลมหายใจกูหน่อย? อีทรัมปป์คงสนแผ่นดินเน่าๆ เนี่ยน่ะ เพราะรู้อยู่แล้ว ยังไงรัสเซียเขมือบแน่ ถามส้นตรีนปูตินรึยัง? พวกมรึงมีปัญญาเหรอ? เกมส์อยู่ในมือใคร? ใครกำหนดทิศทางโลกทุกวันนี้ ใช่มรึงเหรอ? จีนเขยิบ รัสเซียขยับ โลกตามทันที ยังไม่สำเหนียก อีทรัมปป์มันมาเพื่อแตกอเมริกา ไม่ได้มากู้อเมริกา แล้วใยกู้ต้องมาช่วยกู้แผ่นดินเน่ามรึงด้วยล่ะ อีเสี้ยนยาจ๋า? ชั่วโมงนี้ ใครกล้าชนรัฐบุรุษปูติน สีจิ้นผิง ไม่มี? แค่ BRICS ยังแห่กันตามหมดทั้งโลก มรึงมัน NOBODY แล้ว ไอ้สัส! พอก่อน พอได้แล้ว อียิวขี้แตกแล้ว โดนทั้งซูเปอร์โซนิค ตามด้วยไฮเปอร์โซนิค แบบลืมหายใจ ถามจริง มรึงมีเยอะเกินไปป่ะ? อะไรน่ะ ยังเหลืออีกเป็นล้านลูก ไอ้สัส! ผลิตออกมาเยอะเกินปุยมั้ย? เอาไปยิงหมาเหรอ? สาย HARDCORE บ่นยับ? ทำไมไม่ฆ่าล้างโคตรมันไปเลย 24 ชม. รอเหี้ยอะไรอยู่ ยึดแผ่นดินแม่งให้เกลี้ยง คำถามนี้ ต้องไปดูว่า ขั้วใหม่ รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง เค้าต้องการอะไรแท้จริง "หาใช่ชัยชนะในสมรภูมิ" แต่เป็นทุบหม้อข้าวเหี้ย ทำลายคลังแสง คลังเงิน ไอ้อีตะวันตกจนไม่เหลือเหี้ยอะไรอีก เมื่อหมดตูด มรึงก็แค่ "ไอ้ยาจก" ไม่มีจะแดร๊ก แล้วจะมีปัญญาทำเหี้ยอะไรต่อได้อีก ทุบที่หม้อข้าว นี่คือยุทธศาสตร์หลัก ที่ขั้วใหม่ทำอยู่ อย่าลืมน่ะว่า เหือบครึ่งปีแล้ว ที่ท่าเรือไฮฟา ไม่มีสินค้าเข้ามาเลย เรือขนส่งเข้าไม่ถึง ความช่วยเหลือเข้าไม่ได้ แม้แต่กองเรือเหี้ยยังไม่กล้าเข้ามาผ่านทะเลแดง แปลว่าอะไร ยุทธศาสตร์ อิหร่าน รัสเซีย จีน ครองน่านน้ำ น่านฟ้าไว้หมดแล้ว ภาษาทหารคือ ยึดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบคุณยายละม่อม แต่ไม่ต้องรีบฆ่า บีบให้มันอดอยาก ปากแห้งไปเรื่อยๆ เพื่อดึงขี้ข้าที่หิวโซย้ายขั้วนั่นเอง เมื่อแขนขาถูกหั่น เหี้ยก็จบ ไม่มีเครื่องมือให้ใช้ต่ออีกแล้ว อีโง่ยุโรปก็เช่นกัน หลังอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง อีอัสซูรี่ หมดตูดไปเยอะ เศรษฐกิจพังยับทั้งยุโรป ชาติเล็กๆ แข็งข้อขึ้นมาทันที จะรีบย้ายขั้วไปเกาะรัสเซีย เพราะมั่นคง และมั่นใจกว่าเยอะ แผนแตก EU NATO จึงก่อเกิด เงินไม่มี พลังงานไม่เหลือ ใครจะตามมรึงกันอีกล่ะ? 10 ชาติยุโรปสัญญาปากเปล่ากันแล้ว ไปพร้อมกันทั้งยวง เครมลินเตรียมเปิดวังต้อนรับเสมอ? กลับบ้านเถอะลูก รักรออยู่! ปล.มาตามนัด! กูว่าแล้ว ยังไม่ทันจะสาบานตน อีมรัมปป์เรียกโพยแต่หัววัน เตรียมหั่นนายพลทิ้ง เปลืองภาษี เปลืองงบ ตั้งคณะกรรมการโละนายพล(โดยเฉพาะหมารับใช้อีลา ซึ่งมีเพี๊ยบ) เตรียมงัดข้ออีตาเพน กูเดาทางถูกเสมอ? ยังไม่จบ ไอ้อีตัวไหน ใครที่ลากทรัมปปืเข้าคุก ยัดข้อหา ใส่ร้าย ป้ายสี ล่อกู 100 กว่าคดี มรึงเตรียมโดนโละเช่นกัน ผู้พิพากษาเหรอ รัฐไหนเหรอ ใหญ่แค่ไหนเหรอ อีทรัมปป์จะเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู เพราะอำนาจกูคือประกาศิต เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ชำระแค้นก่อน คือทรัมปป์ งานสร้าง TRUMP LAND คือเรื่องต่อไป ข้ามวิกแป๊บ : อย่าดูแค่เปลือก ดร.อาทิตย์(ตัวชงมาเอง) ถามสั้นๆ ข้องใจทำไม ‘พระบรมราชโองการ-คำพิพากษาศาลฎีกา’ ไม่มีความหมาย? ขัดขืน ฝ่าฝืนเพี๊ยบ ดอกนี้ ชงให้ทุกคดีที่อีเหลี่ยม อีลูกสาวร่าน ทำโดยตรง เค้ารู้กัน ศาลรับลูก 15 คดีในมือ โดนทุกดอก "ประหารชีวิตยังน้อยไป" ตัวชงมา ตัวตบรับ มันคือ "ยาเร่ง" บีบให้เหี้ยทั้งหมดเผ่นหนีให้หมด ก่อนศาลจะฟันดาบลงมา จะหนีไม่ทันแล้วน่ะ? ไม่มีบังเอิญ มีแต่บังอาจ กระแสต่อต้านคอรัปชั่นแรงเกินห้ามใจ มันโดดเด่นเสียเหลือเกินช่วงนี้ เพราะแสงอีกแล้วครับท่าน! ทุนเทา ทุนม่วง ตายห่า ศพเกลื่อนศาล ลาก่อน "อีฟิล์มโกดัก" คิดผิด ชีวิตจบ เงิน อำนาจ ตัณหา พามรึงไปตายห่า ใครเล่นการเมือง ชีวิตมีอันเป็นไปหมด ดาราอยากเกิด ไฮโซอยากดัง แตะสิ่งปนเปื้อน สลัดไม่ออก ถูกกลืนเหมือนกันหมด วังวนการเมืองคืออาจมเสนียดแผ่นดิน ใครลองได้เสพ หลงใหลอำนาจ ตายห่าหมดเกลี้ยง? ไอ้สัส! กลัวไทยไม่ดัง ก่อการร้ายอ้าง เตรียมสอยอียิวในเกาะพงัน FULL MOON PARTY ทำไมต้องเลือกงานนี้ เพราะมันดังไประดับโลก หากเป็นข่าว อียิวตายห่ากลางวงปาร์ตี้ กราดยิง ระเบิดลง ดังพลุแตกแน่ แล้วทำไม ถึงบอกล่วงหน้า? จะดึงไทยเข้าร่วมสงครามครูเสดด้วยเหรอจ๊ะ? ตำหนวดไทยเก่ง มรึงช่วยโฆษณาให้ กูยินดี ถามว่าคนทั้งโลกแห่มา เค้าสนมั้ย? คนมันมาเพื่อจะเล่นยา ระเบิดลงหัวก็ไม่กลัวดอก? FULL MOON PARTY แท้จริงคืออะไร? SEX DRUG DRINK DANCE PARTY มันคืองานมั่วสุดสวิงริงโก้อีโต้บั๊ม? ฝรั่งมันชอบ ใครสนกราดยิงกันล่ะ? เพราะกูเมายาอยู่ ไม่รู้เรื่อง? โปรดสังเกตุ อียิวพยายามจะลากไทยเข้ามามีเอี่ยวทุกเรื่อง มรึงรักกูมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ น้ำลายหยดมาตั้งแต่ปีพศ.2475 สิน่ะ แห้วแดร๊ก เพราะสมเด็จย่า? สื่อใครลง สื่อใครแฉ นั่นแหละ ตัวปล่อยแผน? แผนเก่าๆ เน่าๆ ยังกล้ามาใช้? หน่วยความมั่นคงเค้ารู้หมดเกลี้ยง เชิญเข้ามาเหอะ เดี๋ยวกูจะให้มรึงมั่วยาเต็มที่ จนลืมกลับบ้านกันไปเลย? รัสเซีย เล่นเกมส์ จับมืออีทรัมปป์ บับให้อีเสี้ยนยาเลือกตั้ง แน่นอนว่า "โปรรัสเซียมาชัวร์ ไม่ต้องเดา" เพราะชาวยูเครนที่เหลือตายห่าเพราะสงครามไปเยอะแล้ว ใครยังอยากจะรบกันต่ออีก นีโอนาซีในยูเครนตายเกลื่อน ปูตินสั่งเน้น เก็บไอ้อีนีโอนาซีทุกตัว ไม่ต้องปราณี ไม่ต้องถามเยอะ เห็นปุ๊บ สอยทันที หนักแผ่นดิน! แผนสร้างปชต.ตอแหลใหม่ แค่เกมส์บังหน้า รัสเซียเค้าวางหมากล่อเหยื่อไว้หมดแล้ว ประกาศ 4 แคว้นเป็นของรัสเซียโดนสมบูรณ์ เลือกตั้งมา คืออีเสี้ยนยาเตรียมเผ่นแน่ ถูกสั่งเก็บจากทั่วโลก อีทรัมปป์ไม่ได้สนใจแผ่นดินยูเครน แต่สนใจว่ารัสเซียจะยอมถอยให้เรื่องอะไรได้บ้าง ข้อดีของอีทรัมปป์คือ ทุกอย่างเจรจาได้หมด แม้แต่ขายลูก ขายเมีย พ่อค้าตัวจริง! ขั้วใหม่ชนะไปแล้ว ตั้งแต่อีทรัมปป์มา แสดงให้โลกเห็นว่า คนเบื่อหน่ายสงคราม และอเมริกาและตะวันตก คือต้นตอของความวินาศฉิบหายทั้งหมด NATO ไร้ราคา ส่วน EU ถังแตกยับเยิน หมดสภาพทั้งคู่ โลกรอแค่ ขั้วใหม่ "ปิดเกมส์" เท่านั้น ปล.2 คำถามแก้เครียด? คุณคิดว่าสาวยุคไหน SEXY ที่สุด? 60 'S/70 'S/80 'S/90 'S/00-20 'S หมี CNN(อะไรก็ไปไวมาไวเสมอ เพราะแสงทำงานเร็ว ไม่มีอะไรที่จะหนีรอดแสงไปได้ ยามเมื่อสาดส่อง เหี้ยจัญไรทั้งสากลโลกทั้งหลายกำลังถูกแสงแผดเผาทั้งเป็น สงครามจะหยุดขยายวงกว้าง แต่จะเกิดสงครามภายในกันเอง เพราะเกมส์มันถึงทางตันแล้ว หากไม่อยากตายหมู่ ตายยกทวีป ทางรอดเดียวคือ "เคลียร์กันเอง" เมื่อภายในจบ ถึงจะได้ข้อสรุป อยู่ในแผนขั้วใหม่ทั้งสิ้น จีน รัสเซีย ถึงยังไม่ลงมือเองซักกะที รอเหี้ยกัดกันให้พอใจ เหลือตัวสุดท้ายค่อยมาคุยกับกู หมากล้อมจีนชนะ หมากรุกพิฆาตเอาอยู่) 13 พฤศจิกายน 67 12.22 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1942 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️💜💛 เปิดจำหน่าย 💚💙🩷
    หนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution
    ราคาเล่มละ 555 บาท
    รวมค่าส่ง 45 บาท
    เป็นจำนวน 600 บาท
    .
    สั่งซื้อ 2 เล่มขึ้นไป จัดส่งให้ฟรี!
    .
    สั่งซื้อ 10 เล่ม แถม 1 เล่ม (จัดส่งฟรี)
    สั่งซื้อ 20 เล่ม แถม 2 เล่ม (จัดส่งฟรี)
    สั่งซื้อ 30 เล่มขึ้นไป ลดเหลือเล่มละ 500 บาท
    .
    ท่านสามารถชำระค่าหนังสือได้ที่
    =====================
    ธนาคารกสิกรไทย
    ชื่อบัญชี บจก.นาคราพิวัฒน์
    เลขที่บัญชี 1518061840
    .
    สั่งจองได้ที่ https://forms.gle/JVnvKHXWpUgXXoXaA
    หรือ ทางกล่องข้อความเพจ มีแอดมินดูแลตลอดครับ
    .
    หน่วยงานหรือองค์กรที่สั่งจำนวนมาก โปรดติดต่อ
    Inbox Facebook https://www.facebook.com/2475animation
    หรือ Email - 2475anime@gmail.com
    .
    #2475animation #รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ #การ์ตูน2475 #2475แอนิเมชัน #2475dawnofrevolution #2475animation #คณะราษฎร #ปฏิวัติสยาม #หนังสือการ์ตูน
    ❤️💜💛 เปิดจำหน่าย 💚💙🩷 หนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท รวมค่าส่ง 45 บาท เป็นจำนวน 600 บาท . สั่งซื้อ 2 เล่มขึ้นไป จัดส่งให้ฟรี! . สั่งซื้อ 10 เล่ม แถม 1 เล่ม (จัดส่งฟรี) สั่งซื้อ 20 เล่ม แถม 2 เล่ม (จัดส่งฟรี) สั่งซื้อ 30 เล่มขึ้นไป ลดเหลือเล่มละ 500 บาท . ท่านสามารถชำระค่าหนังสือได้ที่ ===================== ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บจก.นาคราพิวัฒน์ เลขที่บัญชี 1518061840 . สั่งจองได้ที่ https://forms.gle/JVnvKHXWpUgXXoXaA หรือ ทางกล่องข้อความเพจ มีแอดมินดูแลตลอดครับ . หน่วยงานหรือองค์กรที่สั่งจำนวนมาก โปรดติดต่อ Inbox Facebook https://www.facebook.com/2475animation หรือ Email - 2475anime@gmail.com . #2475animation #รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ #การ์ตูน2475 #2475แอนิเมชัน #2475dawnofrevolution #2475animation #คณะราษฎร #ปฏิวัติสยาม #หนังสือการ์ตูน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️💜💛 เปิดจำหน่าย 💚💙🩷
    หนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution
    ราคาเล่มละ 555 บาท
    รวมค่าส่ง 45 บาท
    เป็นจำนวน 600 บาท
    .
    สั่งซื้อ 2 เล่มขึ้นไป จัดส่งให้ฟรี!
    .
    สั่งซื้อ 10 เล่ม แถม 1 เล่ม (จัดส่งฟรี)
    สั่งซื้อ 20 เล่ม แถม 2 เล่ม (จัดส่งฟรี)
    สั่งซื้อ 30 เล่มขึ้นไป ลดเหลือเล่มละ 500 บาท
    .
    ท่านสามารถชำระค่าหนังสือได้ที่
    =====================
    ธนาคารกสิกรไทย
    ชื่อบัญชี บจก.นาคราพิวัฒน์
    เลขที่บัญชี 1518061840
    .
    สั่งจองได้ที่ https://forms.gle/JVnvKHXWpUgXXoXaA
    หรือ ทางกล่องข้อความเพจ มีแอดมินดูแลตลอดครับ
    .
    หน่วยงานหรือองค์กรที่สั่งจำนวนมาก โปรดติดต่อ
    Inbox Facebook https://www.facebook.com/2475animation
    หรือ Email - 2475anime@gmail.com
    .
    #2475animation #รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ #การ์ตูน2475 #2475แอนิเมชัน #2475dawnofrevolution #2475animation #คณะราษฎร #ปฏิวัติสยาม #หนังสือการ์ตูน
    ❤️💜💛 เปิดจำหน่าย 💚💙🩷 หนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท รวมค่าส่ง 45 บาท เป็นจำนวน 600 บาท . สั่งซื้อ 2 เล่มขึ้นไป จัดส่งให้ฟรี! . สั่งซื้อ 10 เล่ม แถม 1 เล่ม (จัดส่งฟรี) สั่งซื้อ 20 เล่ม แถม 2 เล่ม (จัดส่งฟรี) สั่งซื้อ 30 เล่มขึ้นไป ลดเหลือเล่มละ 500 บาท . ท่านสามารถชำระค่าหนังสือได้ที่ ===================== ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บจก.นาคราพิวัฒน์ เลขที่บัญชี 1518061840 . สั่งจองได้ที่ https://forms.gle/JVnvKHXWpUgXXoXaA หรือ ทางกล่องข้อความเพจ มีแอดมินดูแลตลอดครับ . หน่วยงานหรือองค์กรที่สั่งจำนวนมาก โปรดติดต่อ Inbox Facebook https://www.facebook.com/2475animation หรือ Email - 2475anime@gmail.com . #2475animation #รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ #การ์ตูน2475 #2475แอนิเมชัน #2475dawnofrevolution #2475animation #คณะราษฎร #ปฏิวัติสยาม #หนังสือการ์ตูน
    Google Forms: Sign-in
    Access Google Forms with a personal Google account or Google Workspace account (for business use).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 865 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพยนตร์ 2475 จากหนังสู่การ์ตูน

    แม้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมียอดผู้ชมกว่า 1.2 ล้านครั้ง หลังเผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 แต่ความตั้งใจที่ต้องการทำให้ผลงานสมบูรณ์แบบมากขึ้น นำมาซึ่งหนังสือการ์ตูนหนา 488 หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม โดยได้จัดงานเปิดตัวที่คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้าแอมพาร์ค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

    ซัง วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงที่มาของหนังสือการ์ตูนว่า ต้องการเพิ่มเติมเนื้อหาที่ไม่มีในภาพยนตร์ ด้วยข้อจำกัดที่หลายฉากไม่ได้ใส่เข้าไป หรือหาทางแก้ไขยาก อีกทั้งเห็นว่าหนังสืออยู่ได้นับร้อยปีในห้องสมุดโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ แม้จะมีผู้ชมภาพยนตร์จำนวนมาก แต่รายได้จากยูทูบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นอีกทางเลือกที่จะเป็นรายได้ให้ผู้สร้างภาพยนตร์และทีมงาน

    "ระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม"

    หนังสือการ์ตูนดังกล่าวใช้เวลาจัดทำ 4 เดือน ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด ฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม โดยได้ เก่ง สุทธิ บุญมนัส วาดการ์ตูนและวางโครงเรื่องแบบการ์ตูนญี่ปุ่น ย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย อ่านได้ทุกวัยโดยเฉพาะเด็ก เป็นอีกสื่อการสอนแก่ครูสอนวิชาประวัติศาตร์และสังคมศึกษา ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต

    สิ่งที่ซัง วิวัธน์ภูมิใจมากที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก มีผู้ปกครองรายหนึ่งส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง รู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมาได้ประโยชน์จริง ซึ่งความตั้งใจก็คือทำให้ผลงานมีประโยชน์กับสังคม สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง ตั้งใจว่ายังมีหลายเรื่องที่เด็กๆ ควรรู้ว่าบูรพกษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไร ทำไมประเทศไทยต้องมีสถาบันฯ ถ้าเด็กๆ รู้รากที่มาที่ไป จะเป็นคนที่รากแข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้

    สำหรับหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก 2475 Dawn of Revolution

    #Newskit #2475animation #24มิถุนา
    ภาพยนตร์ 2475 จากหนังสู่การ์ตูน แม้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมียอดผู้ชมกว่า 1.2 ล้านครั้ง หลังเผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 แต่ความตั้งใจที่ต้องการทำให้ผลงานสมบูรณ์แบบมากขึ้น นำมาซึ่งหนังสือการ์ตูนหนา 488 หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม โดยได้จัดงานเปิดตัวที่คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้าแอมพาร์ค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ซัง วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงที่มาของหนังสือการ์ตูนว่า ต้องการเพิ่มเติมเนื้อหาที่ไม่มีในภาพยนตร์ ด้วยข้อจำกัดที่หลายฉากไม่ได้ใส่เข้าไป หรือหาทางแก้ไขยาก อีกทั้งเห็นว่าหนังสืออยู่ได้นับร้อยปีในห้องสมุดโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ แม้จะมีผู้ชมภาพยนตร์จำนวนมาก แต่รายได้จากยูทูบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นอีกทางเลือกที่จะเป็นรายได้ให้ผู้สร้างภาพยนตร์และทีมงาน "ระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม" หนังสือการ์ตูนดังกล่าวใช้เวลาจัดทำ 4 เดือน ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด ฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม โดยได้ เก่ง สุทธิ บุญมนัส วาดการ์ตูนและวางโครงเรื่องแบบการ์ตูนญี่ปุ่น ย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย อ่านได้ทุกวัยโดยเฉพาะเด็ก เป็นอีกสื่อการสอนแก่ครูสอนวิชาประวัติศาตร์และสังคมศึกษา ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต สิ่งที่ซัง วิวัธน์ภูมิใจมากที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก มีผู้ปกครองรายหนึ่งส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง รู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมาได้ประโยชน์จริง ซึ่งความตั้งใจก็คือทำให้ผลงานมีประโยชน์กับสังคม สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง ตั้งใจว่ายังมีหลายเรื่องที่เด็กๆ ควรรู้ว่าบูรพกษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไร ทำไมประเทศไทยต้องมีสถาบันฯ ถ้าเด็กๆ รู้รากที่มาที่ไป จะเป็นคนที่รากแข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้ สำหรับหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก 2475 Dawn of Revolution #Newskit #2475animation #24มิถุนา
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1140 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว!

    ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร?

    หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง)
    01 พฤศจิกายน 67
    11.59 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว! ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร? หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง) 01 พฤศจิกายน 67 11.59 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้.
    ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก.
    ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า,
    ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้. ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก. ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า, ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..
    ..มีการหักเหความสนใจแน่นอน จากแม่ตั๊กยังไม่พอแค่เปิดประเด็นเรียกน้ำย่อย,สื่อไม่แก้เก้อด้วย มีข่าวทำ,บิดเบือนหักเหความสนใจชัดเจน,บ่อน้ำมันเกาะกูดก็อาจยังไม่ใช่ก็ได้ อาจมีอะไรที่ลึกกว่าอีกแม้เกาะกูดจะใช่ บ่อน้ำมันแม้จะใช่ แต่ละดับท่านลอร์ดคิดสามชั้นแน่นอน,อำนาจ&การปกครองคือตัวควบคุมหมากและกฎหมายที่เขียนๆร่างๆคือตัวเปิดสู่ควบคุมทาสทั้งแผ่นดินตัวพ่ออีก,น้ำมันมันทำให้เราต้องใช้น้ำมันราคาแพงซ้ำซากปกติอยู่แล้ว จะยึดไปอีกก็คงทำได้แน่เพราะมันจะเอา มีการเดินขบวนต่อต้านอาจเอาทหารพวกมันมายึดแล้วทำต่อไปจนสำเร็จแบบๆที่ทำมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว คณะ2475คือตัวอย่าง,,ร่างกฎหมายในสภาฯก็อย่าลืม,เราคนนอกไม่รู้ลึกรู้มากอะไร ไทบ้านๆ,แต่ศึกทางเกาะกูดเราก็ตั้งทัพ รับศึกให้มั่น,ทางที่ดีสังหารกบฎทรยศทิ้งไปเถอะ,ตัดตอนให้จบเรื่องจบราว เพราะคนไทยคนภายในตนเองนี้ชั่วเองทรยศเองกบฎเองแท้ๆยังจะปล่อยให้ทำชั่วอีกทำไม,สมควรจบทั้งเผ่าพันธุ์dnaเถอะ,ถีบท่านลอร์ดชั่วที่มาตั้งสำนักฯนี้โน้นนั้นออกไปด้วยยิ่งดี,อ้างสมาคมตนนั้นนี้โน้นมาคอยบงการในไทย,แย่มากๆ.ทหารพระราชาเราเท่านั้นจริงๆต้องจัดการพวกมัน,ทั้งคณะเลย,เช่นนั้นต้องลาออกจากพรรคร่วมไปนานแล้วเสือกยังอยู่ครบทีม,ก็สุ่มหัวเป็นทีมชั่วทั้งคณะนี้ล่ะ,
    .. ..มีการหักเหความสนใจแน่นอน จากแม่ตั๊กยังไม่พอแค่เปิดประเด็นเรียกน้ำย่อย,สื่อไม่แก้เก้อด้วย มีข่าวทำ,บิดเบือนหักเหความสนใจชัดเจน,บ่อน้ำมันเกาะกูดก็อาจยังไม่ใช่ก็ได้ อาจมีอะไรที่ลึกกว่าอีกแม้เกาะกูดจะใช่ บ่อน้ำมันแม้จะใช่ แต่ละดับท่านลอร์ดคิดสามชั้นแน่นอน,อำนาจ&การปกครองคือตัวควบคุมหมากและกฎหมายที่เขียนๆร่างๆคือตัวเปิดสู่ควบคุมทาสทั้งแผ่นดินตัวพ่ออีก,น้ำมันมันทำให้เราต้องใช้น้ำมันราคาแพงซ้ำซากปกติอยู่แล้ว จะยึดไปอีกก็คงทำได้แน่เพราะมันจะเอา มีการเดินขบวนต่อต้านอาจเอาทหารพวกมันมายึดแล้วทำต่อไปจนสำเร็จแบบๆที่ทำมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว คณะ2475คือตัวอย่าง,,ร่างกฎหมายในสภาฯก็อย่าลืม,เราคนนอกไม่รู้ลึกรู้มากอะไร ไทบ้านๆ,แต่ศึกทางเกาะกูดเราก็ตั้งทัพ รับศึกให้มั่น,ทางที่ดีสังหารกบฎทรยศทิ้งไปเถอะ,ตัดตอนให้จบเรื่องจบราว เพราะคนไทยคนภายในตนเองนี้ชั่วเองทรยศเองกบฎเองแท้ๆยังจะปล่อยให้ทำชั่วอีกทำไม,สมควรจบทั้งเผ่าพันธุ์dnaเถอะ,ถีบท่านลอร์ดชั่วที่มาตั้งสำนักฯนี้โน้นนั้นออกไปด้วยยิ่งดี,อ้างสมาคมตนนั้นนี้โน้นมาคอยบงการในไทย,แย่มากๆ.ทหารพระราชาเราเท่านั้นจริงๆต้องจัดการพวกมัน,ทั้งคณะเลย,เช่นนั้นต้องลาออกจากพรรคร่วมไปนานแล้วเสือกยังอยู่ครบทีม,ก็สุ่มหัวเป็นทีมชั่วทั้งคณะนี้ล่ะ,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1

    เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น!

    ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน

    หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!)
    23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?)
    14.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1 เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น! ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!) 23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?) 14.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1180 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใน “พระราชบันทึกทรงเล่า” สมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงกล่าวถึง สมาชิก “คณะราษฎร” บางคนที่เคยก่อการยึดอํานาจเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 ว่า

    “หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พระยามานวราชเสวี เคยไปขอเฝ้าบอกว่า
    ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลําบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้ยังงี้ก็ไม่ทํา
    ฉันก็ไม่ว่าอะไรเขา เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่เคยเก็บมาคิดอะไร..”

    คนที่ผ่านการสูญเสีย​ น้อยคนจะตรัสตอบเช่นนี้.

    #สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
    #2475 #คณะราษฎร์
    ใน “พระราชบันทึกทรงเล่า” สมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงกล่าวถึง สมาชิก “คณะราษฎร” บางคนที่เคยก่อการยึดอํานาจเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 ว่า “หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พระยามานวราชเสวี เคยไปขอเฝ้าบอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลําบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้ยังงี้ก็ไม่ทํา ฉันก็ไม่ว่าอะไรเขา เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่เคยเก็บมาคิดอะไร..” คนที่ผ่านการสูญเสีย​ น้อยคนจะตรัสตอบเช่นนี้. #สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี #2475 #คณะราษฎร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13/10/67

    คิดถึงพ่อ

    ในหลวง ร.9

    คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชียChoawalit Chotwattanaphong พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วันChoawalit Chotwattanaphong


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
    ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31
    พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


    พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3]
    ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9]
    พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14]


    พระชนม์ชีพช่วงต้น
    พระราชสมภพ
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล
    อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    13/10/67 คิดถึงพ่อ ในหลวง ร.9 คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชีย[1] พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน[1] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31 พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3] ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9] พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14] พระชนม์ชีพช่วงต้น พระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1390 มุมมอง 91 0 รีวิว
Pages Boosts