• Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3

    Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

    จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR
    ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+
    สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

    กลยุทธ์และอนาคต
    Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่
    RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm
    ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที

    จุดแข็งเหนือคู่แข่ง
    รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้
    เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม
    Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์
    Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน

    กลยุทธ์อนาคต
    พัฒนา Large Driving Model (LDM)
    ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    🚗 Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3 Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ 🛰️ จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026 💡 ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+ สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🌐 กลยุทธ์และอนาคต Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ➡️ RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm ➡️ ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที ✅ จุดแข็งเหนือคู่แข่ง ➡️ รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้ ➡️ เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026 ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์ ➡️ Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน ✅ กลยุทธ์อนาคต ➡️ พัฒนา Large Driving Model (LDM) ➡️ ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ⛔ เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • Tails 7.3.1: ระบบปฏิบัติการนิรนามรุ่นใหม่ มาพร้อม Tor Browser 15.0.3

    ทีมพัฒนา Tails (The Amnesic Incognito Live System) ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 7.3.1 ซึ่งเป็นการอัปเดตย่อยในซีรีส์ 7.x โดยยังคงยึดหลักการออกแบบเพื่อปกป้องผู้ใช้จากการถูกติดตามและการเซ็นเซอร์ออนไลน์ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรวม Tor Browser 15.0.3 และ Tor 0.4.8.21 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่เปิดเผยตัวตน

    นอกจากการอัปเดต Tor แล้ว Tails 7.3.1 ยังมาพร้อมกับ Mozilla Thunderbird 140.5.0 สำหรับการใช้งานอีเมล และ Linux Kernel 6.12.57 LTS ที่ช่วยปรับปรุงการรองรับฮาร์ดแวร์และเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบโดยรวม การอัปเดตเหล่านี้ทำให้ Tails สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นมากขึ้นบนเครื่องรุ่นใหม่ๆ และลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า

    Tails ยังคงเป็นระบบที่ออกแบบมาให้ทำงานแบบ Live OS ซึ่งสามารถบูตจาก USB หรือ DVD โดยไม่ทิ้งร่องรอยการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากปิดระบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด เช่น นักข่าว นักเคลื่อนไหว หรือผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเข้มงวดด้านอินเทอร์เน็ต

    การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีมพัฒนาในการรักษาความปลอดภัยและความเป็นนิรนามของผู้ใช้ โดยการรวมซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดและการแก้ไขบั๊กต่างๆ ทำให้ Tails ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องข้อมูลและตัวตนในโลกดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตหลักใน Tails 7.3.1
    Tor Browser 15.0.3
    Tor 0.4.8.21
    Mozilla Thunderbird 140.5.0
    Linux Kernel 6.12.57 LTS

    จุดเด่นของ Tails
    ระบบ Live OS ไม่ทิ้งร่องรอยการใช้งาน
    ออกแบบเพื่อความเป็นนิรนามและป้องกันการติดตาม

    ผลกระทบเชิงบวก
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้ดีขึ้น
    ลดความเสี่ยงจากช่องโหว่เดิม
    เพิ่มความเสถียรและความปลอดภัยโดยรวม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ถูกแก้ไขแล้วในรุ่นใหม่
    การไม่อัปเดตอาจทำให้การใช้งาน Tor และระบบนิรนามไม่ปลอดภัยเต็มที่

    https://9to5linux.com/tails-7-3-1-anonymous-linux-os-released-with-tor-browser-15-0-3-and-tor-0-4-8-21
    🕶️ Tails 7.3.1: ระบบปฏิบัติการนิรนามรุ่นใหม่ มาพร้อม Tor Browser 15.0.3 ทีมพัฒนา Tails (The Amnesic Incognito Live System) ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 7.3.1 ซึ่งเป็นการอัปเดตย่อยในซีรีส์ 7.x โดยยังคงยึดหลักการออกแบบเพื่อปกป้องผู้ใช้จากการถูกติดตามและการเซ็นเซอร์ออนไลน์ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรวม Tor Browser 15.0.3 และ Tor 0.4.8.21 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่เปิดเผยตัวตน นอกจากการอัปเดต Tor แล้ว Tails 7.3.1 ยังมาพร้อมกับ Mozilla Thunderbird 140.5.0 สำหรับการใช้งานอีเมล และ Linux Kernel 6.12.57 LTS ที่ช่วยปรับปรุงการรองรับฮาร์ดแวร์และเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบโดยรวม การอัปเดตเหล่านี้ทำให้ Tails สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นมากขึ้นบนเครื่องรุ่นใหม่ๆ และลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า Tails ยังคงเป็นระบบที่ออกแบบมาให้ทำงานแบบ Live OS ซึ่งสามารถบูตจาก USB หรือ DVD โดยไม่ทิ้งร่องรอยการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากปิดระบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด เช่น นักข่าว นักเคลื่อนไหว หรือผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเข้มงวดด้านอินเทอร์เน็ต การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีมพัฒนาในการรักษาความปลอดภัยและความเป็นนิรนามของผู้ใช้ โดยการรวมซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดและการแก้ไขบั๊กต่างๆ ทำให้ Tails ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องข้อมูลและตัวตนในโลกดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตหลักใน Tails 7.3.1 ➡️ Tor Browser 15.0.3 ➡️ Tor 0.4.8.21 ➡️ Mozilla Thunderbird 140.5.0 ➡️ Linux Kernel 6.12.57 LTS ✅ จุดเด่นของ Tails ➡️ ระบบ Live OS ไม่ทิ้งร่องรอยการใช้งาน ➡️ ออกแบบเพื่อความเป็นนิรนามและป้องกันการติดตาม ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้ดีขึ้น ➡️ ลดความเสี่ยงจากช่องโหว่เดิม ➡️ เพิ่มความเสถียรและความปลอดภัยโดยรวม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ถูกแก้ไขแล้วในรุ่นใหม่ ⛔ การไม่อัปเดตอาจทำให้การใช้งาน Tor และระบบนิรนามไม่ปลอดภัยเต็มที่ https://9to5linux.com/tails-7-3-1-anonymous-linux-os-released-with-tor-browser-15-0-3-and-tor-0-4-8-21
    9TO5LINUX.COM
    Tails 7.3.1 Anonymous Linux OS Released with Tor Browser 15.0.3 and Tor 0.4.8.21 - 9to5Linux
    Tails 7.3.1 anonymous Linux OS is now available for download with Tor Browser 15.0.3, Tor 0.4.8.21, and Linux kernel 6.12.57 LTS.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” เปิดประเด็นเดือด! โพสต์ถามตรงรัฐบาลไทย—หากกองทัพประกาศยึดแผ่นดินคืนตามแผนที่ 1:50,000 จากกรณี “ละเมิดร้ายแรง” ของกัมพูชา แล้วรัฐบาลจะยกเลิก MOU ปี 2543 เมื่อใด?
    .
    โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์กระหึ่ม กระตุ้นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องออกมาชี้ท่าทีชัดเจนท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังคุกรุ่น ขณะที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐประเมินความเสี่ยงและสื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000119160
    .
    #News1live #News1 #MOU2543 #ปานเทพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนที่150000 #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” เปิดประเด็นเดือด! โพสต์ถามตรงรัฐบาลไทย—หากกองทัพประกาศยึดแผ่นดินคืนตามแผนที่ 1:50,000 จากกรณี “ละเมิดร้ายแรง” ของกัมพูชา แล้วรัฐบาลจะยกเลิก MOU ปี 2543 เมื่อใด? . โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์กระหึ่ม กระตุ้นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องออกมาชี้ท่าทีชัดเจนท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังคุกรุ่น ขณะที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐประเมินความเสี่ยงและสื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000119160 . #News1live #News1 #MOU2543 #ปานเทพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนที่150000 #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    Like
    Love
    4
    0 Comments 1 Shares 204 Views 0 Reviews
  • Pebble Index 01: แหวนที่เก็บความคิดแทนสมอง

    Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็น “external memory for your brain” ช่วยบันทึกความคิดหรือไอเดียทันทีด้วยการกดปุ่มและพูดใส่ไมโครโฟน ข้อมูลจะถูกส่งไปยังมือถือโดยตรง มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน

    Pebble Index 01 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนเจอ—ไอเดียดี ๆ มักหลุดลอยไปหากไม่ได้จดทันที ตัวแหวนมีปุ่มกดและไมโครโฟนในตัว เพียงกดปุ่มแล้วพูด ความคิดจะถูกบันทึกและส่งไปยังมือถือเพื่อเก็บเป็นโน้ตหรือเตือนความจำ จุดเด่นคือ ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไม่ต้องสมัครสมาชิก ทำให้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา

    ดีไซน์เล็กแต่ทรงพลัง
    แหวนทำจากสแตนเลสทนทาน กันน้ำได้ และมีขนาดเล็กเท่ากับแหวนแต่งงาน มีให้เลือก 3 สี (เงิน ทอง ดำ) และ 8 ไซส์ จุดที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องชาร์จ เมื่อหมดอายุการใช้งานสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิลได้ ถือเป็นการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนและความสะดวกสบาย

    ฟังก์ชันและการปรับแต่ง
    Pebble Index 01 สามารถทำงานร่วมกับ iOS และ Android โดยใช้แอป Pebble ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ข้อมูลเสียงจะถูกประมวลผลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงาน เช่น กดปุ่มเพื่อควบคุมเพลง บันทึกโน้ต ส่งข้อความ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮม นอกจากนี้ยังรองรับ 99+ ภาษา และสามารถเก็บเสียงบนแหวนได้ถึง 5 นาทีแม้ไม่มีมือถืออยู่ใกล้

    ความหมายต่ออนาคตของ wearable tech
    Pebble Index 01 ไม่ใช่อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด—ช่วยจำสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน จุดนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของ wearable tech ที่เน้นความเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง หากได้รับการยอมรับในวงกว้าง อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ช่วยจำในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะสำหรับบันทึกความคิด
    กดปุ่มแล้วพูด ข้อมูลส่งตรงไปมือถือ

    ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ใช้งานได้หลายปี
    เมื่อหมดอายุสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิล

    รองรับ iOS และ Android ด้วยแอปโอเพ่นซอร์ส
    ประมวลผลข้อมูลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว

    ปรับแต่งได้หลากหลาย เช่นควบคุมเพลง ส่งข้อความ เชื่อมต่อสมาร์ทโฮม
    รองรับกว่า 99 ภาษา และบันทึกเสียงบนแหวนได้

    หากแบตเตอรี่หมดต้องเปลี่ยนแหวนใหม่
    แม้มีระบบรีไซเคิล แต่ยังเป็นข้อจำกัดด้านการใช้งาน

    ข้อมูลเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพการประมวลผล STT
    เสี่ยงต่อการแปลงข้อความผิดพลาดในสภาพแวดล้อมเสียงดัง

    https://repebble.com/blog/meet-pebble-index-01-external-memory-for-your-brain
    💍 Pebble Index 01: แหวนที่เก็บความคิดแทนสมอง Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็น “external memory for your brain” ช่วยบันทึกความคิดหรือไอเดียทันทีด้วยการกดปุ่มและพูดใส่ไมโครโฟน ข้อมูลจะถูกส่งไปยังมือถือโดยตรง มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน Pebble Index 01 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนเจอ—ไอเดียดี ๆ มักหลุดลอยไปหากไม่ได้จดทันที ตัวแหวนมีปุ่มกดและไมโครโฟนในตัว เพียงกดปุ่มแล้วพูด ความคิดจะถูกบันทึกและส่งไปยังมือถือเพื่อเก็บเป็นโน้ตหรือเตือนความจำ จุดเด่นคือ ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไม่ต้องสมัครสมาชิก ทำให้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา 🔋 ดีไซน์เล็กแต่ทรงพลัง แหวนทำจากสแตนเลสทนทาน กันน้ำได้ และมีขนาดเล็กเท่ากับแหวนแต่งงาน มีให้เลือก 3 สี (เงิน ทอง ดำ) และ 8 ไซส์ จุดที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องชาร์จ เมื่อหมดอายุการใช้งานสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิลได้ ถือเป็นการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนและความสะดวกสบาย 📱 ฟังก์ชันและการปรับแต่ง Pebble Index 01 สามารถทำงานร่วมกับ iOS และ Android โดยใช้แอป Pebble ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ข้อมูลเสียงจะถูกประมวลผลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงาน เช่น กดปุ่มเพื่อควบคุมเพลง บันทึกโน้ต ส่งข้อความ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮม นอกจากนี้ยังรองรับ 99+ ภาษา และสามารถเก็บเสียงบนแหวนได้ถึง 5 นาทีแม้ไม่มีมือถืออยู่ใกล้ 🌐 ความหมายต่ออนาคตของ wearable tech Pebble Index 01 ไม่ใช่อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด—ช่วยจำสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน จุดนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของ wearable tech ที่เน้นความเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง หากได้รับการยอมรับในวงกว้าง อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ช่วยจำในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะสำหรับบันทึกความคิด ➡️ กดปุ่มแล้วพูด ข้อมูลส่งตรงไปมือถือ ✅ ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ใช้งานได้หลายปี ➡️ เมื่อหมดอายุสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิล ✅ รองรับ iOS และ Android ด้วยแอปโอเพ่นซอร์ส ➡️ ประมวลผลข้อมูลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ✅ ปรับแต่งได้หลากหลาย เช่นควบคุมเพลง ส่งข้อความ เชื่อมต่อสมาร์ทโฮม ➡️ รองรับกว่า 99 ภาษา และบันทึกเสียงบนแหวนได้ ‼️ หากแบตเตอรี่หมดต้องเปลี่ยนแหวนใหม่ ⛔ แม้มีระบบรีไซเคิล แต่ยังเป็นข้อจำกัดด้านการใช้งาน ‼️ ข้อมูลเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพการประมวลผล STT ⛔ เสี่ยงต่อการแปลงข้อความผิดพลาดในสภาพแวดล้อมเสียงดัง https://repebble.com/blog/meet-pebble-index-01-external-memory-for-your-brain
    REPEBBLE.COM
    Meet Pebble Index 01 - External Memory For Your Brain
    Meet Pebble Index 01 - External Memory For Your Brain
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • เผยคลิปวินาทีทหารไทยปลดธงกัมพูชาลงกองกับพื้น ก่อนเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมร้องเพลงชาติ หลังยึดคืนพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ได้ครบ 100% ตามมาตราส่วนแผนที่ 1:50,000
    .
    กองกำลังบูรพายืนยันควบคุมพื้นที่สำเร็จ พร้อมตรึงกำลังลาดตระเวนตลอดแนว
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118388
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #หนองจาน #หนองหญ้าแก้ว #กองกำลังบูรพา #สระแก้ว #อธิปไตยไทย
    เผยคลิปวินาทีทหารไทยปลดธงกัมพูชาลงกองกับพื้น ก่อนเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมร้องเพลงชาติ หลังยึดคืนพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ได้ครบ 100% ตามมาตราส่วนแผนที่ 1:50,000 . กองกำลังบูรพายืนยันควบคุมพื้นที่สำเร็จ พร้อมตรึงกำลังลาดตระเวนตลอดแนว . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118388 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #หนองจาน #หนองหญ้าแก้ว #กองกำลังบูรพา #สระแก้ว #อธิปไตยไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • Criminal IP Webinar – Beyond CVEs สู่การจัดการ Attack Surface

    Criminal IP เตรียมจัด Webinar วันที่ 16 ธันวาคม 2025 เวลา 11:00 AM PT โดยเน้นการเปลี่ยนมุมมองจากการพึ่งพา CVEs ไปสู่การจัดการช่องโหว่ที่เกิดจาก exposed digital assets ผ่านแพลตฟอร์ม Attack Surface Management (ASM) ที่ใช้ AI และ Threat Intelligence

    การโจมตีสมัยใหม่จำนวนมากไม่ได้เริ่มจากช่องโหว่ซอฟต์แวร์ที่มี CVE แต่เกิดจาก ทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ เช่น cloud instances ที่ถูกลืม, API ที่เปิดสาธารณะ, storage ที่ตั้งค่าผิด หรือบริการที่เข้าถึงได้โดยไม่ป้องกัน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีจริงในองค์กร

    Attack Surface Management (ASM) คือคำตอบ
    Criminal IP ASM ใช้ AI และ Threat Intelligence เพื่อช่วยทีมรักษาความปลอดภัย ตรวจจับและมองเห็นความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดเหตุ โดยสามารถระบุเส้นทางการโจมตีที่ซ่อนอยู่, ลดการเปิดเผยข้อมูล และทำให้การป้องกันเชิงรุกเป็นไปได้จริง

    เนื้อหาที่จะนำเสนอใน Webinar
    ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้:
    ทำไมการพึ่งพา CVEs เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
    ตัวอย่างจริงของการเปิดเผย cloud และบริการที่ถูกโจมตี
    วิธีที่ผู้โจมตีประเมินและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เปิดเผย
    กรณีศึกษา ASM ที่ช่วยป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรง

    ความร่วมมือและการเข้าถึง
    Criminal IP เป็นแพลตฟอร์ม Threat Intelligence ที่ใช้งานในกว่า 150 ประเทศ และมีพันธมิตรกับ Cisco, VirusTotal และ Quad9 รวมถึงให้บริการข้อมูลผ่าน AWS, Microsoft Azure และ Snowflake เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลภัยคุกคามได้ทั่วโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    Webinar วันที่ 16 ธันวาคม 2025
    เวลา 11:00 AM PT
    ฟรีสำหรับผู้เข้าร่วม

    ทำไม CVEs ไม่พอ
    การโจมตีเริ่มจากทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผย
    ตัวอย่างเช่น cloud, API, storage misconfig

    ASM ของ Criminal IP
    ใช้ AI และ Threat Intelligence
    ตรวจจับเส้นทางโจมตีและลดการเปิดเผย

    เนื้อหา Webinar
    กรณีศึกษา ASM
    วิธีคิดของผู้โจมตีต่อ exposed assets

    Ecosystem ของ Criminal IP
    ใช้งานในกว่า 150 ประเทศ
    พันธมิตรกับ Cisco, VirusTotal, Quad9

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    การพึ่งพา CVEs อย่างเดียวเสี่ยงต่อการโจมตีสมัยใหม่
    หากไม่จัดการทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผย อาจเกิดเหตุร้ายแรงได้

    https://hackread.com/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm/
    📰 Criminal IP Webinar – Beyond CVEs สู่การจัดการ Attack Surface Criminal IP เตรียมจัด Webinar วันที่ 16 ธันวาคม 2025 เวลา 11:00 AM PT โดยเน้นการเปลี่ยนมุมมองจากการพึ่งพา CVEs ไปสู่การจัดการช่องโหว่ที่เกิดจาก exposed digital assets ผ่านแพลตฟอร์ม Attack Surface Management (ASM) ที่ใช้ AI และ Threat Intelligence การโจมตีสมัยใหม่จำนวนมากไม่ได้เริ่มจากช่องโหว่ซอฟต์แวร์ที่มี CVE แต่เกิดจาก ทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจ เช่น cloud instances ที่ถูกลืม, API ที่เปิดสาธารณะ, storage ที่ตั้งค่าผิด หรือบริการที่เข้าถึงได้โดยไม่ป้องกัน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีจริงในองค์กร 🧠 Attack Surface Management (ASM) คือคำตอบ Criminal IP ASM ใช้ AI และ Threat Intelligence เพื่อช่วยทีมรักษาความปลอดภัย ตรวจจับและมองเห็นความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดเหตุ โดยสามารถระบุเส้นทางการโจมตีที่ซ่อนอยู่, ลดการเปิดเผยข้อมูล และทำให้การป้องกันเชิงรุกเป็นไปได้จริง 📚 เนื้อหาที่จะนำเสนอใน Webinar ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้: 💠 ทำไมการพึ่งพา CVEs เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ 💠 ตัวอย่างจริงของการเปิดเผย cloud และบริการที่ถูกโจมตี 💠 วิธีที่ผู้โจมตีประเมินและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เปิดเผย 💠 กรณีศึกษา ASM ที่ช่วยป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรง 🌐 ความร่วมมือและการเข้าถึง Criminal IP เป็นแพลตฟอร์ม Threat Intelligence ที่ใช้งานในกว่า 150 ประเทศ และมีพันธมิตรกับ Cisco, VirusTotal และ Quad9 รวมถึงให้บริการข้อมูลผ่าน AWS, Microsoft Azure และ Snowflake เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลภัยคุกคามได้ทั่วโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Webinar วันที่ 16 ธันวาคม 2025 ➡️ เวลา 11:00 AM PT ➡️ ฟรีสำหรับผู้เข้าร่วม ✅ ทำไม CVEs ไม่พอ ➡️ การโจมตีเริ่มจากทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผย ➡️ ตัวอย่างเช่น cloud, API, storage misconfig ✅ ASM ของ Criminal IP ➡️ ใช้ AI และ Threat Intelligence ➡️ ตรวจจับเส้นทางโจมตีและลดการเปิดเผย ✅ เนื้อหา Webinar ➡️ กรณีศึกษา ASM ➡️ วิธีคิดของผู้โจมตีต่อ exposed assets ✅ Ecosystem ของ Criminal IP ➡️ ใช้งานในกว่า 150 ประเทศ ➡️ พันธมิตรกับ Cisco, VirusTotal, Quad9 ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ การพึ่งพา CVEs อย่างเดียวเสี่ยงต่อการโจมตีสมัยใหม่ ⛔ หากไม่จัดการทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกเปิดเผย อาจเกิดเหตุร้ายแรงได้ https://hackread.com/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm/
    HACKREAD.COM
    Criminal IP to Host Webinar: Beyond CVEs – From Visibility to Action with ASM
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ DoS (Denial of Service) ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server

    NVIDIA ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server บน Linux ได้แก่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 ซึ่งสามารถถูกโจมตีเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันที ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูง

    รายละเอียดของช่องโหว่
    CVE-2025-33211: เกิดจากการตรวจสอบค่าที่รับเข้ามาไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว
    CVE-2025-33201: เกิดจากการตรวจสอบขนาดข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หากผู้โจมตีส่ง Payload ที่ใหญ่เกินกว่าที่ระบบรองรับ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถทำงานต่อได้

    ผลกระทบต่อระบบ AI
    การโจมตีเหล่านี้อาจทำให้บริการ AI ที่ใช้ Triton หยุดชะงักทันที เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือบริการ AI ที่ต้องการความเสถียรสูง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่พึ่งพา AI ในการดำเนินงาน

    แนวทางแก้ไข
    NVIDIA ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน r25.10 เพื่อแก้ไขปัญหานี้แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Container และ Binary ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 พบใน Triton Inference Server บน Linux
    ช่องโหว่ทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ส่งผลให้ระบบหยุดทำงาน
    NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน r25.10
    ผู้ดูแลระบบควรอัปเดต Container และ Binary ทันที

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดต ระบบ AI อาจหยุดทำงานและกระทบต่อธุรกิจที่ใช้บริการ AI
    การโจมตีสามารถทำให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูงหยุดชะงักทันที
    Payload ที่ใหญ่เกินไปอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว
    การละเลยการอัปเดตอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้ามาโจมตีซ้ำได้

    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption/
    ⚠️ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ DoS (Denial of Service) ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server NVIDIA ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server บน Linux ได้แก่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 ซึ่งสามารถถูกโจมตีเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันที ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูง 🧩 รายละเอียดของช่องโหว่ 🐞 CVE-2025-33211: เกิดจากการตรวจสอบค่าที่รับเข้ามาไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว 🐞 CVE-2025-33201: เกิดจากการตรวจสอบขนาดข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หากผู้โจมตีส่ง Payload ที่ใหญ่เกินกว่าที่ระบบรองรับ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถทำงานต่อได้ 🔎 ผลกระทบต่อระบบ AI การโจมตีเหล่านี้อาจทำให้บริการ AI ที่ใช้ Triton หยุดชะงักทันที เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือบริการ AI ที่ต้องการความเสถียรสูง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่พึ่งพา AI ในการดำเนินงาน 🛡️ แนวทางแก้ไข NVIDIA ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน r25.10 เพื่อแก้ไขปัญหานี้แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Container และ Binary ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 พบใน Triton Inference Server บน Linux ➡️ ช่องโหว่ทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ส่งผลให้ระบบหยุดทำงาน ➡️ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน r25.10 ➡️ ผู้ดูแลระบบควรอัปเดต Container และ Binary ทันที ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดต ระบบ AI อาจหยุดทำงานและกระทบต่อธุรกิจที่ใช้บริการ AI ⛔ การโจมตีสามารถทำให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูงหยุดชะงักทันที ⛔ Payload ที่ใหญ่เกินไปอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้ามาโจมตีซ้ำได้ https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption/
    SECURITYONLINE.INFO
    NVIDIA Triton Server Patches Two High-Severity DoS Flaws, Risking Critical AI Inference Disruption
    NVIDIA patched two high-severity DoS flaws in Triton Inference Server (CVE-2025-33211, CVE-2025-33201). Attackers can crash the server by sending malformed or excessively large payloads. Update to r25.10 immediately.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • “SnoutCover – นวัตกรรมรักแท้เพื่อช่วยสุนัขจากโรค DLE”

    เมื่อ Billie ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค DLE ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ที่จมูก อาการเริ่มจากการสูญเสียสีผิว กลายเป็นแผลและเจ็บปวดทุกครั้งที่สัมผัส แม้การรักษาด้วยยาขี้ผึ้งและครีมกันแดดจะถูกแนะนำ แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะสุนัขมักเลียออกทันที และการป้องกันด้วยผ้าหรือการกักให้อยู่ในบ้านก็ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง

    เจ้าของจึงเริ่มออกแบบอุปกรณ์ใหม่ด้วยเครื่องพิมพ์ 3D โดยผ่านการทดลองหลายครั้ง ตั้งแต่รุ่นแรกที่ใช้ PLA จนถึงรุ่นที่ 6 ที่เปลี่ยนเป็น TPU เพื่อความยืดหยุ่นและสบาย ต่อมาได้เพิ่มช่องระบายอากาศ ปรับสายรัด และทำให้ครอบจมูกมีความทนทานมากขึ้น จนได้รุ่นที่ใช้งานได้จริงและ Billie ยอมใส่โดยไม่รำคาญ

    ผลลัพธ์คือภายใน 5 เดือน Billie หายจากอาการทั้งหมด: เลือดหยุดไหล, แผลหาย, สีผิวกลับมา และเนื้อเยื่อจมูกกลับเป็นปกติ เธอกลับมาเล่นสนุก วิ่งเล่น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง เจ้าของจึงเผยแพร่แบบพิมพ์ SnoutCover ให้ฟรีบน MakerWorld เพื่อให้เจ้าของสุนัขคนอื่น ๆ ที่เจอปัญหาเดียวกันสามารถนำไปใช้ได้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาที่ Billie เผชิญ
    โรค DLE ทำให้จมูกสูญเสียสีผิวและเกิดแผล
    การรักษาด้วยยาขี้ผึ้งและครีมกันแดดไม่ได้ผลเพราะถูกเลียออก
    การใช้ผ้าปิดหรือกักอยู่ในบ้านลดคุณภาพชีวิต

    การออกแบบ SnoutCover
    ใช้เครื่องพิมพ์ 3D ทดลองหลายรุ่น
    เปลี่ยนวัสดุเป็น TPU เพื่อความยืดหยุ่นและสบาย
    เพิ่มช่องระบายอากาศและสายรัดปรับได้

    ผลลัพธ์การรักษา
    เดือน 1: เลือดหยุดไหล
    เดือน 2: แผลเริ่มลดลง
    เดือน 3: สีผิวเริ่มกลับมา
    เดือน 5: จมูกกลับมาเป็นปกติและสุขภาพดี

    ข้อควรระวัง
    SnoutCover ไม่ได้ปรับขนาดอัตโนมัติ ต้องใช้การปรับสเกลในซอฟต์แวร์พิมพ์ 3D
    การใช้วัสดุอื่นที่ไม่ใช่ TPU อาจทำให้สุนัขไม่สบายหรือเกิดการบาดเจ็บ
    ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไม่ปิดกั้นการหายใจหรือการกินน้ำ

    https://snoutcover.com/billie-story
    🐶 “SnoutCover – นวัตกรรมรักแท้เพื่อช่วยสุนัขจากโรค DLE” เมื่อ Billie ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค DLE ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ที่จมูก อาการเริ่มจากการสูญเสียสีผิว กลายเป็นแผลและเจ็บปวดทุกครั้งที่สัมผัส แม้การรักษาด้วยยาขี้ผึ้งและครีมกันแดดจะถูกแนะนำ แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะสุนัขมักเลียออกทันที และการป้องกันด้วยผ้าหรือการกักให้อยู่ในบ้านก็ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง เจ้าของจึงเริ่มออกแบบอุปกรณ์ใหม่ด้วยเครื่องพิมพ์ 3D โดยผ่านการทดลองหลายครั้ง ตั้งแต่รุ่นแรกที่ใช้ PLA จนถึงรุ่นที่ 6 ที่เปลี่ยนเป็น TPU เพื่อความยืดหยุ่นและสบาย ต่อมาได้เพิ่มช่องระบายอากาศ ปรับสายรัด และทำให้ครอบจมูกมีความทนทานมากขึ้น จนได้รุ่นที่ใช้งานได้จริงและ Billie ยอมใส่โดยไม่รำคาญ ผลลัพธ์คือภายใน 5 เดือน Billie หายจากอาการทั้งหมด: เลือดหยุดไหล, แผลหาย, สีผิวกลับมา และเนื้อเยื่อจมูกกลับเป็นปกติ เธอกลับมาเล่นสนุก วิ่งเล่น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง เจ้าของจึงเผยแพร่แบบพิมพ์ SnoutCover ให้ฟรีบน MakerWorld เพื่อให้เจ้าของสุนัขคนอื่น ๆ ที่เจอปัญหาเดียวกันสามารถนำไปใช้ได้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาที่ Billie เผชิญ ➡️ โรค DLE ทำให้จมูกสูญเสียสีผิวและเกิดแผล ➡️ การรักษาด้วยยาขี้ผึ้งและครีมกันแดดไม่ได้ผลเพราะถูกเลียออก ➡️ การใช้ผ้าปิดหรือกักอยู่ในบ้านลดคุณภาพชีวิต ✅ การออกแบบ SnoutCover ➡️ ใช้เครื่องพิมพ์ 3D ทดลองหลายรุ่น ➡️ เปลี่ยนวัสดุเป็น TPU เพื่อความยืดหยุ่นและสบาย ➡️ เพิ่มช่องระบายอากาศและสายรัดปรับได้ ✅ ผลลัพธ์การรักษา ➡️ เดือน 1: เลือดหยุดไหล ➡️ เดือน 2: แผลเริ่มลดลง ➡️ เดือน 3: สีผิวเริ่มกลับมา ➡️ เดือน 5: จมูกกลับมาเป็นปกติและสุขภาพดี ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ SnoutCover ไม่ได้ปรับขนาดอัตโนมัติ ต้องใช้การปรับสเกลในซอฟต์แวร์พิมพ์ 3D ⛔ การใช้วัสดุอื่นที่ไม่ใช่ TPU อาจทำให้สุนัขไม่สบายหรือเกิดการบาดเจ็บ ⛔ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไม่ปิดกั้นการหายใจหรือการกินน้ำ https://snoutcover.com/billie-story
    SNOUTCOVER.COM
    How I Designed and printed a Custom Nose Guard to Help My Dog with DLE | SnoutCover
    Discover how our pitbull Billie's struggle with Discoid Lupus led to creating SnoutCover - a 3D-printed nose protector that helped her nose fully recover in 5 months.
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568
    ++++++++++++++++++++++++
    คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนธันวาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบ เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 7ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569

    ในเดือน ธันวาคมเป็นเดือน โบ่ว จื้อนักษัตร ชวด พลังน้ำ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของเดือนชวด เสริมพลังโชคลาภให้ ปีมะเส็งอย่างมีเงื่อนไขทำให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันของพลังธาตุ
    ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้ปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย ข้อขัดข้องได้รับการแก้ไขให้สมประโยชน์ทั้ง2 ฝ่าย เป็นเดือนแห่งการเจรจาต่อรอง รอมชอมผลประโยชน์

    ส่งผลดีต่อธุรกิจ การขนส่ง โลจีสติก ธุรกิจ ที่พัก โฮมสเตย์ การโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวและเดินทาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเกษตร ธุรกิจซื้อมาขายไป งานรีวิวสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง

    พลังธาตุของนักษัตรในเดือนนี้ ส่งผลที่ดีทำให้เกิดการเกื้อกูล แข่งขัน ทำให้คนที่เกิดในแต่ละนักษัตรจะได้รับพลังส่งเสริม สนับสนุนต่างกัน บางนักษัตรได้รับผลดี และ และบางนักษัตรได้รับผลเสีย หากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ ตามคำทำนาย

    https://youtu.be/mF8Qwcb3RpA

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568

    00:00 บทนำ
    01:51 ดวง ปีชวด (หนู)
    04:34 ดวง ปีฉลู (วัว)
    06:47 ดวง ปีขาล (เสือ)
    08:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    11:11 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    13:42 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    16:10 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    18:27 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    20:32 ดวง ปีวอก (ลิง)
    22:38 ดวง ปีระกา (ไก่)
    24:39 ดวง ปีจอ (หมา)
    26:44 ดวง ปีกุน (หมู)





    ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568 ++++++++++++++++++++++++ คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนธันวาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบ เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 7ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 ในเดือน ธันวาคมเป็นเดือน โบ่ว จื้อนักษัตร ชวด พลังน้ำ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของเดือนชวด เสริมพลังโชคลาภให้ ปีมะเส็งอย่างมีเงื่อนไขทำให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันของพลังธาตุ ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้ปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย ข้อขัดข้องได้รับการแก้ไขให้สมประโยชน์ทั้ง2 ฝ่าย เป็นเดือนแห่งการเจรจาต่อรอง รอมชอมผลประโยชน์ ส่งผลดีต่อธุรกิจ การขนส่ง โลจีสติก ธุรกิจ ที่พัก โฮมสเตย์ การโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวและเดินทาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเกษตร ธุรกิจซื้อมาขายไป งานรีวิวสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง พลังธาตุของนักษัตรในเดือนนี้ ส่งผลที่ดีทำให้เกิดการเกื้อกูล แข่งขัน ทำให้คนที่เกิดในแต่ละนักษัตรจะได้รับพลังส่งเสริม สนับสนุนต่างกัน บางนักษัตรได้รับผลดี และ และบางนักษัตรได้รับผลเสีย หากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ ตามคำทำนาย https://youtu.be/mF8Qwcb3RpA ดูดวง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568 00:00 บทนำ 01:51 ดวง ปีชวด (หนู) 04:34 ดวง ปีฉลู (วัว) 06:47 ดวง ปีขาล (เสือ) 08:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 11:11 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 13:42 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 16:10 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 18:27 ดวง ปีมะแม (แพะ) 20:32 ดวง ปีวอก (ลิง) 22:38 ดวง ปีระกา (ไก่) 24:39 ดวง ปีจอ (หมา) 26:44 ดวง ปีกุน (หมู)
    0 Comments 1 Shares 287 Views 0 Reviews
  • Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop

    Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป

    ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic
    Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java
    Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic
    Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026

    การดาวน์โหลดและการใช้งาน
    Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม:
    Linux: Flatpak
    Windows 11: Appx file
    macOS 15 Sequoia+: App bundle

    นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop
    ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas
    ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง

    ฟีเจอร์หลักครบถ้วน
    Writer, Impress, Calc
    รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Classic
    Classic ใช้ VCL interface และมี Base database
    รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด

    การดาวน์โหลดและใช้งาน
    มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS
    Source code เปิดบน GitHub

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน
    ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026

    https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    🖥️ Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats ⚡ ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic 🔷 Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java 🔷 Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic 🔷 Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026 🌐 การดาวน์โหลดและการใช้งาน Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม: 🎗️ Linux: Flatpak 🎗️ Windows 11: Appx file 🎗️ macOS 15 Sequoia+: App bundle นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop ➡️ ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง ✅ ฟีเจอร์หลักครบถ้วน ➡️ Writer, Impress, Calc ➡️ รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats ✅ ความแตกต่างจาก Classic ➡️ Classic ใช้ VCL interface และมี Base database ➡️ รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด ✅ การดาวน์โหลดและใช้งาน ➡️ มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS ➡️ Source code เปิดบน GitHub ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026 https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    ITSFOSS.COM
    Collabora Launches Desktop Office Suite for Linux
    The new office suite uses modern tech for a consistent online-offline experience; the existing offering is renamed 'Classic' and it maintains a traditional approach.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • KeePassXC 2.7.11: ตัวจัดการรหัสผ่านโอเพ่นซอร์สรุ่นล่าสุด

    KeePassXC ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการรหัสผ่านแบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยม ได้ออกเวอร์ชัน 2.7.11 โดยมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากเวอร์ชัน 2.7.10 ประมาณ 9 เดือน และถือเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ช่วยให้การจัดการรหัสผ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น
    การสร้างรหัสผ่านอัตโนมัติ สำหรับ entry ใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสร้างรหัสเอง
    การซิงค์กลุ่มใน KeeShare ช่วยให้การแชร์ข้อมูลระหว่างฐานข้อมูลรหัสผ่านมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
    การดูไฟล์แนบแบบ inline รองรับ HTML, Markdown, รูปภาพ และข้อความ
    การยืนยันก่อนรวมฐานข้อมูล (merge) เพื่อป้องกันการเขียนทับข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัย
    เปิดใช้งาน การล็อกฐานข้อมูลอัตโนมัติหลังไม่ใช้งาน 900 วินาที
    ไม่อนุญาตให้เพิ่ม entry จาก browser extension โดยอัตโนมัติอีกต่อไป
    จำกัดค่า Argon2 parallelism เมื่อสร้างฐานข้อมูลใหม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้ารหัส
    เพิ่มการยืนยันหลายระดับในฟีเจอร์ Auto-Type และการตั้งค่าการยืนยันการปิดฐานข้อมูลด้วยปุ่ม Esc

    การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงอื่น ๆ
    แก้ไขปัญหาการหน่วงเวลา startup บน Linux
    ปรับปรุงการทำงานของ Bitwarden importer ให้รองรับ timestamps และ password history
    เพิ่มตัวเลือกการค้นหาสำหรับ TOTP entries และ “Wait for Enter” ในการค้นหา
    ปรับปรุง UI เช่น การกำหนดค่า double-click action และลดความกว้างของ tab indentation ใน notes

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ฟีเจอร์ใหม่
    สร้างรหัสผ่านอัตโนมัติ
    ซิงค์กลุ่มใน KeeShare
    Inline viewer รองรับ HTML/Markdown/Images

    ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
    ล็อกฐานข้อมูลอัตโนมัติหลัง 900 วินาที
    จำกัด Argon2 parallelism
    ยืนยันการปิดฐานข้อมูลด้วย Esc

    การปรับปรุงอื่น ๆ
    Bitwarden importer รองรับ timestamps และ history
    ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กบน Linux

    คำเตือน
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ปลอดภัย
    การแชร์ฐานข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล
    ผู้ใช้ต้องระวังการนำเข้าไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://9to5linux.com/keepassxc-2-7-11-open-source-password-manager-released-with-new-features
    🔑 KeePassXC 2.7.11: ตัวจัดการรหัสผ่านโอเพ่นซอร์สรุ่นล่าสุด KeePassXC ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการรหัสผ่านแบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยม ได้ออกเวอร์ชัน 2.7.11 โดยมีการปรับปรุงหลายด้านเพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากเวอร์ชัน 2.7.10 ประมาณ 9 เดือน และถือเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ช่วยให้การจัดการรหัสผ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🧩 ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น 🎗️ การสร้างรหัสผ่านอัตโนมัติ สำหรับ entry ใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสร้างรหัสเอง 🎗️ การซิงค์กลุ่มใน KeeShare ช่วยให้การแชร์ข้อมูลระหว่างฐานข้อมูลรหัสผ่านมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 🎗️ การดูไฟล์แนบแบบ inline รองรับ HTML, Markdown, รูปภาพ และข้อความ 🎗️ การยืนยันก่อนรวมฐานข้อมูล (merge) เพื่อป้องกันการเขียนทับข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ 🔒 การปรับปรุงด้านความปลอดภัย 🎗️ เปิดใช้งาน การล็อกฐานข้อมูลอัตโนมัติหลังไม่ใช้งาน 900 วินาที 🎗️ ไม่อนุญาตให้เพิ่ม entry จาก browser extension โดยอัตโนมัติอีกต่อไป 🎗️ จำกัดค่า Argon2 parallelism เมื่อสร้างฐานข้อมูลใหม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้ารหัส 🎗️ เพิ่มการยืนยันหลายระดับในฟีเจอร์ Auto-Type และการตั้งค่าการยืนยันการปิดฐานข้อมูลด้วยปุ่ม Esc 🛠️ การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงอื่น ๆ 🎗️ แก้ไขปัญหาการหน่วงเวลา startup บน Linux 🎗️ ปรับปรุงการทำงานของ Bitwarden importer ให้รองรับ timestamps และ password history 🎗️ เพิ่มตัวเลือกการค้นหาสำหรับ TOTP entries และ “Wait for Enter” ในการค้นหา 🎗️ ปรับปรุง UI เช่น การกำหนดค่า double-click action และลดความกว้างของ tab indentation ใน notes 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ สร้างรหัสผ่านอัตโนมัติ ➡️ ซิงค์กลุ่มใน KeeShare ➡️ Inline viewer รองรับ HTML/Markdown/Images ✅ ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ➡️ ล็อกฐานข้อมูลอัตโนมัติหลัง 900 วินาที ➡️ จำกัด Argon2 parallelism ➡️ ยืนยันการปิดฐานข้อมูลด้วย Esc ✅ การปรับปรุงอื่น ๆ ➡️ Bitwarden importer รองรับ timestamps และ history ➡️ ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กบน Linux ‼️ คำเตือน ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ปลอดภัย ⛔ การแชร์ฐานข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล ⛔ ผู้ใช้ต้องระวังการนำเข้าไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ https://9to5linux.com/keepassxc-2-7-11-open-source-password-manager-released-with-new-features
    9TO5LINUX.COM
    KeePassXC 2.7.11 Open-Source Password Manager Released with New Features - 9to5Linux
    KeePassXC 2.7.11 open-source password manager is now available for download with various new features, improvements, and many bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • Windows 1.01: จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติหน้าต่าง

    ในปี 1985 Microsoft เปิดตัว Windows 1.01 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเชิงกราฟิกตัวแรกที่ทำงานบน MS-DOS โดยใช้แนวคิด WIMP (Windows, Icons, Menus, Pointer) แม้จะต้องการเพียง 256KB RAM และสอง floppy drive แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์จากการพิมพ์คำสั่ง มาเป็นการคลิกด้วยเมาส์ แม้เมาส์จะยังไม่ใช่อุปกรณ์จำเป็นในเวลานั้น

    การแข่งขันที่ดุเดือดกับ Macintosh และ Amiga
    Windows 1.01 เปิดตัวช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Macintosh, Atari ST และ Commodore Amiga ที่มีระบบกราฟิกและการใช้งานที่เหนือกว่า ทำให้ Windows ไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ต้องรอจนถึง Windows 3.x ในปี 1990 ที่ Microsoftเริ่มครองตลาดด้วยการรองรับกราฟิก SVGA และการเชื่อมต่อเครือข่าย

    เกมและแอปพลิเคชันที่สร้างความคุ้นเคย
    แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ Windows 1.01 มาพร้อมแอปพลิเคชันที่หลายคนยังจำได้ เช่น Notepad, Paint, Calculator และเกม Reversi จุดเด่นคือการจัดหน้าต่างแบบ “tile” ไม่สามารถซ้อนทับกันได้ ซึ่งดูแปลกตาสำหรับผู้ใช้ Windows รุ่นหลัง แต่ก็เป็นการทดลองที่ช่วยให้ Microsoft พัฒนาต่อไป

    มรดกที่ส่งต่อสู่ Windows รุ่นใหม่
    Windows 1.01 แม้จะถูกมองว่า “ล้มเหลว” แต่ได้วางรากฐานให้ Microsoft พัฒนาระบบต่อเนื่อง จนถึง Windows 95 ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วย Start Menu และการรองรับอินเทอร์เน็ต และต่อยอดไปสู่ Windows XP, Windows 7 จนถึง Windows 11 ในปัจจุบัน ถือเป็นการเดินทางกว่า 40 ปีที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดเริ่มต้นของ Windows 1.01
    เปิดตัวปี 1985 ใช้ MS-DOS เป็นฐาน
    ต้องการ RAM เพียง 256KB และ floppy drive

    การแข่งขันกับคู่แข่ง
    Macintosh และ Amiga มีระบบกราฟิกเหนือกว่า
    Windows ได้รับความนิยมจริงเมื่อถึงรุ่น 3.x

    แอปพลิเคชันและเกมที่มากับระบบ
    Notepad, Paint, Calculator และ Reversi
    หน้าต่างแบบ tile ไม่สามารถซ้อนทับกัน

    มรดกและการพัฒนาต่อเนื่อง
    ปูทางสู่ Windows 95 และรุ่นใหม่ ๆ
    กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ครองตลาดโลก

    ข้อจำกัดและคำเตือนในยุคนั้น
    ประสิทธิภาพต่ำและไม่รองรับซอฟต์แวร์มากนัก
    ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-1-01-was-launched-40-years-ago-but-it-didnt-start-well-microsoft-began-its-graphical-os-adventures-40-years-ago
    🖥️ Windows 1.01: จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติหน้าต่าง ในปี 1985 Microsoft เปิดตัว Windows 1.01 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเชิงกราฟิกตัวแรกที่ทำงานบน MS-DOS โดยใช้แนวคิด WIMP (Windows, Icons, Menus, Pointer) แม้จะต้องการเพียง 256KB RAM และสอง floppy drive แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์จากการพิมพ์คำสั่ง มาเป็นการคลิกด้วยเมาส์ แม้เมาส์จะยังไม่ใช่อุปกรณ์จำเป็นในเวลานั้น 🍏 การแข่งขันที่ดุเดือดกับ Macintosh และ Amiga Windows 1.01 เปิดตัวช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Macintosh, Atari ST และ Commodore Amiga ที่มีระบบกราฟิกและการใช้งานที่เหนือกว่า ทำให้ Windows ไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ต้องรอจนถึง Windows 3.x ในปี 1990 ที่ Microsoftเริ่มครองตลาดด้วยการรองรับกราฟิก SVGA และการเชื่อมต่อเครือข่าย 🎮 เกมและแอปพลิเคชันที่สร้างความคุ้นเคย แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ Windows 1.01 มาพร้อมแอปพลิเคชันที่หลายคนยังจำได้ เช่น Notepad, Paint, Calculator และเกม Reversi จุดเด่นคือการจัดหน้าต่างแบบ “tile” ไม่สามารถซ้อนทับกันได้ ซึ่งดูแปลกตาสำหรับผู้ใช้ Windows รุ่นหลัง แต่ก็เป็นการทดลองที่ช่วยให้ Microsoft พัฒนาต่อไป 📈 มรดกที่ส่งต่อสู่ Windows รุ่นใหม่ Windows 1.01 แม้จะถูกมองว่า “ล้มเหลว” แต่ได้วางรากฐานให้ Microsoft พัฒนาระบบต่อเนื่อง จนถึง Windows 95 ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วย Start Menu และการรองรับอินเทอร์เน็ต และต่อยอดไปสู่ Windows XP, Windows 7 จนถึง Windows 11 ในปัจจุบัน ถือเป็นการเดินทางกว่า 40 ปีที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดเริ่มต้นของ Windows 1.01 ➡️ เปิดตัวปี 1985 ใช้ MS-DOS เป็นฐาน ➡️ ต้องการ RAM เพียง 256KB และ floppy drive ✅ การแข่งขันกับคู่แข่ง ➡️ Macintosh และ Amiga มีระบบกราฟิกเหนือกว่า ➡️ Windows ได้รับความนิยมจริงเมื่อถึงรุ่น 3.x ✅ แอปพลิเคชันและเกมที่มากับระบบ ➡️ Notepad, Paint, Calculator และ Reversi ➡️ หน้าต่างแบบ tile ไม่สามารถซ้อนทับกัน ✅ มรดกและการพัฒนาต่อเนื่อง ➡️ ปูทางสู่ Windows 95 และรุ่นใหม่ ๆ ➡️ กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ครองตลาดโลก ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือนในยุคนั้น ⛔ ประสิทธิภาพต่ำและไม่รองรับซอฟต์แวร์มากนัก ⛔ ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-1-01-was-launched-40-years-ago-but-it-didnt-start-well-microsoft-began-its-graphical-os-adventures-40-years-ago
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • SonicWall ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-40604 และ CVE-2025-40605

    SonicWall ประกาศอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขช่องโหว่สองรายการในอุปกรณ์ Email Security ได้แก่ CVE-2025-40604 และ CVE-2025-40605 โดยช่องโหว่แรกมีความรุนแรงสูง (CVSS 7.2) เนื่องจากระบบโหลดไฟล์ root filesystem โดยไม่ตรวจสอบลายเซ็น ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายและคงอยู่ในระบบแม้รีบูตใหม่ ส่วนช่องโหว่ที่สองเป็นการโจมตีแบบ Path Traversal (CVSS 4.9) ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่กำหนดได้

    นอกจาก Email Security แล้ว SonicWall ยังพบช่องโหว่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ซึ่งอาจทำให้ Firewall รุ่น Gen7 และ Gen8 ถูกโจมตีจนระบบล่มได้ทันที แม้ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริง แต่บริษัทเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสียหาย

    ในภาพรวมปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น AI-driven phishing, deepfake social engineering และ ransomware ที่ถูกทำให้เป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ การโจมตีเกิดขึ้นรวดเร็วขึ้นมาก โดยเฉลี่ยผู้โจมตีใช้เวลาเพียง 48 นาทีในการเคลื่อนย้ายภายในระบบหลังเจาะเข้ามาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่ของฝ่ายป้องกัน

    ดังนั้น การอัปเดตระบบและใช้แนวทาง Zero Trust พร้อม MFA ที่ต้านการฟิชชิ่ง จึงเป็นมาตรการสำคัญที่องค์กรต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    ช่องโหว่ใน SonicWall Email Security
    CVE-2025-40604: โหลดไฟล์ระบบโดยไม่ตรวจสอบลายเซ็น → เสี่ยงโค้ดอันตรายถาวร
    CVE-2025-40605: Path Traversal → เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่กำหนด

    ช่องโหว่ใน SonicOS SSLVPN
    CVE-2025-40601: Buffer Overflow → Firewall Gen7/Gen8 อาจถูกโจมตีจนระบบล่ม

    แนวโน้มภัยไซเบอร์ปี 2025
    AI-driven phishing และ deepfake → เพิ่มความสมจริงในการหลอกลวง
    Ransomware ถูกทำให้เป็นอุตสาหกรรม → การโจมตีมีความเป็นระบบมากขึ้น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน SonicWall
    หากไม่อัปเดตทันที อาจถูกฝังโค้ดอันตรายที่คงอยู่แม้รีบูต
    Firewall ที่ไม่ได้แพตช์เสี่ยงถูกโจมตีจนระบบล่ม
    การโจมตีไซเบอร์สมัยใหม่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าการป้องกันแบบเดิมจะรับมือได้

    https://securityonline.info/sonicwall-patches-two-vulnerabilities-in-email-security-appliances-including-code-execution-flaw-cve-2025-40604/
    🛡️ SonicWall ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-40604 และ CVE-2025-40605 SonicWall ประกาศอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขช่องโหว่สองรายการในอุปกรณ์ Email Security ได้แก่ CVE-2025-40604 และ CVE-2025-40605 โดยช่องโหว่แรกมีความรุนแรงสูง (CVSS 7.2) เนื่องจากระบบโหลดไฟล์ root filesystem โดยไม่ตรวจสอบลายเซ็น ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายและคงอยู่ในระบบแม้รีบูตใหม่ ส่วนช่องโหว่ที่สองเป็นการโจมตีแบบ Path Traversal (CVSS 4.9) ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่กำหนดได้ นอกจาก Email Security แล้ว SonicWall ยังพบช่องโหว่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ซึ่งอาจทำให้ Firewall รุ่น Gen7 และ Gen8 ถูกโจมตีจนระบบล่มได้ทันที แม้ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริง แต่บริษัทเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสียหาย ในภาพรวมปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น AI-driven phishing, deepfake social engineering และ ransomware ที่ถูกทำให้เป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ การโจมตีเกิดขึ้นรวดเร็วขึ้นมาก โดยเฉลี่ยผู้โจมตีใช้เวลาเพียง 48 นาทีในการเคลื่อนย้ายภายในระบบหลังเจาะเข้ามาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่ของฝ่ายป้องกัน ดังนั้น การอัปเดตระบบและใช้แนวทาง Zero Trust พร้อม MFA ที่ต้านการฟิชชิ่ง จึงเป็นมาตรการสำคัญที่องค์กรต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ช่องโหว่ใน SonicWall Email Security ➡️ CVE-2025-40604: โหลดไฟล์ระบบโดยไม่ตรวจสอบลายเซ็น → เสี่ยงโค้ดอันตรายถาวร ➡️ CVE-2025-40605: Path Traversal → เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่กำหนด ✅ ช่องโหว่ใน SonicOS SSLVPN ➡️ CVE-2025-40601: Buffer Overflow → Firewall Gen7/Gen8 อาจถูกโจมตีจนระบบล่ม ✅ แนวโน้มภัยไซเบอร์ปี 2025 ➡️ AI-driven phishing และ deepfake → เพิ่มความสมจริงในการหลอกลวง ➡️ Ransomware ถูกทำให้เป็นอุตสาหกรรม → การโจมตีมีความเป็นระบบมากขึ้น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน SonicWall ⛔ หากไม่อัปเดตทันที อาจถูกฝังโค้ดอันตรายที่คงอยู่แม้รีบูต ⛔ Firewall ที่ไม่ได้แพตช์เสี่ยงถูกโจมตีจนระบบล่ม ⛔ การโจมตีไซเบอร์สมัยใหม่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าการป้องกันแบบเดิมจะรับมือได้ https://securityonline.info/sonicwall-patches-two-vulnerabilities-in-email-security-appliances-including-code-execution-flaw-cve-2025-40604/
    SECURITYONLINE.INFO
    SonicWall Patches Two Vulnerabilities in Email Security Appliances, Including Code Execution Flaw (CVE-2025-40604)
    SonicWall patched a critical flaw (CVE-2025-40604) in its Email Security appliances. The bug allows persistent RCE by exploiting a lack of integrity checks when loading the root filesystem image from the VM datastore.
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • “GitHub ล่มทั่วโลกเพราะ TLS หมดอายุ – ฟื้นตัวภายใน 1 ชั่วโมง”

    เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 20:30 UTC GitHub ประสบปัญหา Git operation ล้มเหลวทั้งหมด ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน SSH และ HTTP รวมถึงการเข้าถึงไฟล์โดยตรง เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อบริการที่พึ่งพา Git เช่น Codespaces และระบบอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับ GitHub

    สาเหตุหลักคือ TLS certificate สำหรับการสื่อสารภายในหมดอายุ โดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างบริการล้มเหลว ทีมงาน GitHubแก้ไขโดยการเปลี่ยน certificate และรีสตาร์ทบริการที่ได้รับผลกระทบ หลังจากนั้นระบบจึงกลับมาทำงานตามปกติภายในเวลา 21:34 UTC

    เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ GitHub ได้เพิ่มระบบแจ้งเตือน certificate ที่ใกล้หมดอายุ และกำลังเร่งปรับปรุงให้ การจัดการ certificate ทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาการจัดการแบบ manual ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดในอนาคต

    แม้เหตุการณ์นี้จะถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า จุดเล็ก ๆ อย่าง certificate หมดอายุสามารถทำให้บริการระดับโลกหยุดชะงักได้ และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับองค์กรที่พึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์ล่มของ GitHub
    เกิดขึ้นวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 20:30 UTC
    Git operations ทั้ง SSH และ HTTP ล้มเหลว รวมถึง Codespaces

    สาเหตุและการแก้ไข
    TLS certificate ภายในหมดอายุโดยไม่ถูกตรวจพบ
    ทีมงานเปลี่ยน certificate และรีสตาร์ทบริการ ทำให้ฟื้นตัวภายใน 1 ชั่วโมง

    มาตรการป้องกันในอนาคต
    เพิ่มระบบแจ้งเตือน certificate ที่ใกล้หมดอายุ
    เร่งทำให้การจัดการ certificate เป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด

    คำเตือนต่อองค์กรที่ใช้ระบบดิจิทัล
    Certificate หมดอายุแม้เพียงตัวเดียวสามารถทำให้บริการระดับโลกหยุดชะงัก
    การจัดการแบบ manual เสี่ยงต่อความผิดพลาด ควรใช้ระบบอัตโนมัติ

    https://www.githubstatus.com/incidents/5q7nmlxz30sk
    📰 “GitHub ล่มทั่วโลกเพราะ TLS หมดอายุ – ฟื้นตัวภายใน 1 ชั่วโมง” เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 20:30 UTC GitHub ประสบปัญหา Git operation ล้มเหลวทั้งหมด ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน SSH และ HTTP รวมถึงการเข้าถึงไฟล์โดยตรง เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อบริการที่พึ่งพา Git เช่น Codespaces และระบบอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับ GitHub สาเหตุหลักคือ TLS certificate สำหรับการสื่อสารภายในหมดอายุ โดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างบริการล้มเหลว ทีมงาน GitHubแก้ไขโดยการเปลี่ยน certificate และรีสตาร์ทบริการที่ได้รับผลกระทบ หลังจากนั้นระบบจึงกลับมาทำงานตามปกติภายในเวลา 21:34 UTC เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ GitHub ได้เพิ่มระบบแจ้งเตือน certificate ที่ใกล้หมดอายุ และกำลังเร่งปรับปรุงให้ การจัดการ certificate ทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาการจัดการแบบ manual ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดในอนาคต แม้เหตุการณ์นี้จะถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า จุดเล็ก ๆ อย่าง certificate หมดอายุสามารถทำให้บริการระดับโลกหยุดชะงักได้ และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับองค์กรที่พึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์ล่มของ GitHub ➡️ เกิดขึ้นวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 20:30 UTC ➡️ Git operations ทั้ง SSH และ HTTP ล้มเหลว รวมถึง Codespaces ✅ สาเหตุและการแก้ไข ➡️ TLS certificate ภายในหมดอายุโดยไม่ถูกตรวจพบ ➡️ ทีมงานเปลี่ยน certificate และรีสตาร์ทบริการ ทำให้ฟื้นตัวภายใน 1 ชั่วโมง ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต ➡️ เพิ่มระบบแจ้งเตือน certificate ที่ใกล้หมดอายุ ➡️ เร่งทำให้การจัดการ certificate เป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด ‼️ คำเตือนต่อองค์กรที่ใช้ระบบดิจิทัล ⛔ Certificate หมดอายุแม้เพียงตัวเดียวสามารถทำให้บริการระดับโลกหยุดชะงัก ⛔ การจัดการแบบ manual เสี่ยงต่อความผิดพลาด ควรใช้ระบบอัตโนมัติ https://www.githubstatus.com/incidents/5q7nmlxz30sk
    WWW.GITHUBSTATUS.COM
    Git operation failures
    GitHub's Status Page - Git operation failures.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: Cloudflare ล่มทั่วโลก กระทบหลายบริการออนไลน์

    ในช่วงค่ำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 มีรายงานว่า Cloudflare ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลกประสบปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมากไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ทั้งแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง X (Twitter เดิม), Canva, Gemini, Perplexity รวมถึงเว็บไซต์ติดตามสถานะการล่มอย่าง Downdetector ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกต่างพากันรายงานปัญหาในเวลาใกล้เคียงกัน

    Cloudflare ยืนยันว่ากำลังตรวจสอบสาเหตุและเร่งแก้ไข โดยเบื้องต้นพบว่าเกิด HTTP 500 errors และระบบ Dashboard รวมถึง API ของ Cloudflare เองก็ไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ Cloudflare ที่เป็นเสมือน “โครงสร้างพื้นฐานหลัก” ของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ เพราะเว็บไซต์จำนวนมหาศาลพึ่งพาบริการของบริษัทนี้ในการป้องกัน DDoS, การจัดการทราฟฟิก และการกระจายคอนเทนต์

    ผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โซเชียลมีเดีย แต่ยังลามไปถึง บริการธุรกิจออนไลน์และเว็บส่วนตัว ที่ใช้ระบบของ Cloudflare ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากไม่สามารถเข้าสู่ระบบหรือทำธุรกรรมได้ตามปกติ นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าปัญหานี้อาจเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาระบบที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในโครงสร้างเครือข่าย แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความเสี่ยงของการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า เมื่อเกิดการล่มเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก คล้ายกับเหตุการณ์ AWS ล่มในอดีตที่ทำให้หลายบริการหยุดชะงักไปหลายชั่วโมง
    ====================
    update 22:30

    สาเหตุเบื้องต้นที่ Cloudflare เปิดเผยคือ การพุ่งขึ้นผิดปกติของทราฟฟิก (unusual traffic spike) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 11:20 UTC ทำให้บางส่วนของเครือข่ายไม่สามารถจัดการทราฟฟิกได้ และส่งผลให้เกิด HTTP 500 errors ในหลายบริการ ขณะนี้ทีมงานกำลังเร่งแก้ไขและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    สิ่งที่น่าสนใจคือผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โซเชียลมีเดีย แต่ยังลามไปถึง ธุรกิจและบริการสาธารณะ เช่น ระบบตรวจสอบบุคคลเข้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (PADS) ที่ไม่สามารถใช้งานได้ รวมถึงศูนย์เด็กเล็กที่ต้องกลับไปใช้วิธีบันทึกข้อมูลด้วยมือแทนการใช้แอปพลิเคชันออนไลน์

    นักวิเคราะห์บางรายตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่ เนื่องจาก Cloudflare เคยถูกโจมตีด้วยทราฟฟิกมหาศาลมาก่อน แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากบริษัท

    ====================
    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cloudflare ยืนยันการล่มทั่วโลก
    ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมาก เช่น X, Canva, Gemini, Perplexity

    เกิด HTTP 500 errors และ Dashboard ใช้งานไม่ได้
    ผู้ดูแลเว็บไซต์ไม่สามารถเข้าถึงระบบเพื่อแก้ไขหรือจัดการบริการได้

    Downdetector และบริการติดตามสถานะก็ล่มไปด้วย
    ผู้ใช้งานไม่สามารถตรวจสอบสถานะการล่มได้ตามปกติ

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วโลก
    ทั้งเว็บไซต์ใหญ่และบล็อกส่วนตัวที่ใช้ Cloudflare ต่างหยุดชะงัก

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่เพียงเจ้าเดียว
    หากเกิดการล่มจะกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลกทันที

    ความไม่แน่นอนของสาเหตุที่แท้จริง
    อาจเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาระบบ แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด

    https://www.tomshardware.com/news/live/cloudflare-outage-under-investigation-as-twitter-downdetector-go-down-company-confirms-global-network-issue-clone
    🌐 ข่าวใหญ่: Cloudflare ล่มทั่วโลก กระทบหลายบริการออนไลน์ ในช่วงค่ำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 มีรายงานว่า Cloudflare ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลกประสบปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมากไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ทั้งแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง X (Twitter เดิม), Canva, Gemini, Perplexity รวมถึงเว็บไซต์ติดตามสถานะการล่มอย่าง Downdetector ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกต่างพากันรายงานปัญหาในเวลาใกล้เคียงกัน Cloudflare ยืนยันว่ากำลังตรวจสอบสาเหตุและเร่งแก้ไข โดยเบื้องต้นพบว่าเกิด HTTP 500 errors และระบบ Dashboard รวมถึง API ของ Cloudflare เองก็ไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ Cloudflare ที่เป็นเสมือน “โครงสร้างพื้นฐานหลัก” ของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ เพราะเว็บไซต์จำนวนมหาศาลพึ่งพาบริการของบริษัทนี้ในการป้องกัน DDoS, การจัดการทราฟฟิก และการกระจายคอนเทนต์ ผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โซเชียลมีเดีย แต่ยังลามไปถึง บริการธุรกิจออนไลน์และเว็บส่วนตัว ที่ใช้ระบบของ Cloudflare ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากไม่สามารถเข้าสู่ระบบหรือทำธุรกรรมได้ตามปกติ นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าปัญหานี้อาจเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาระบบที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในโครงสร้างเครือข่าย แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ สิ่งที่น่าสนใจคือ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความเสี่ยงของการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า เมื่อเกิดการล่มเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก คล้ายกับเหตุการณ์ AWS ล่มในอดีตที่ทำให้หลายบริการหยุดชะงักไปหลายชั่วโมง ==================== ‼️‼️‼️‼️ update 22:30 ‼️‼️‼️‼️ สาเหตุเบื้องต้นที่ Cloudflare เปิดเผยคือ การพุ่งขึ้นผิดปกติของทราฟฟิก (unusual traffic spike) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 11:20 UTC ทำให้บางส่วนของเครือข่ายไม่สามารถจัดการทราฟฟิกได้ และส่งผลให้เกิด HTTP 500 errors ในหลายบริการ ขณะนี้ทีมงานกำลังเร่งแก้ไขและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สิ่งที่น่าสนใจคือผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โซเชียลมีเดีย แต่ยังลามไปถึง ธุรกิจและบริการสาธารณะ เช่น ระบบตรวจสอบบุคคลเข้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (PADS) ที่ไม่สามารถใช้งานได้ รวมถึงศูนย์เด็กเล็กที่ต้องกลับไปใช้วิธีบันทึกข้อมูลด้วยมือแทนการใช้แอปพลิเคชันออนไลน์ นักวิเคราะห์บางรายตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่ เนื่องจาก Cloudflare เคยถูกโจมตีด้วยทราฟฟิกมหาศาลมาก่อน แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากบริษัท ==================== 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cloudflare ยืนยันการล่มทั่วโลก ➡️ ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมาก เช่น X, Canva, Gemini, Perplexity ✅ เกิด HTTP 500 errors และ Dashboard ใช้งานไม่ได้ ➡️ ผู้ดูแลเว็บไซต์ไม่สามารถเข้าถึงระบบเพื่อแก้ไขหรือจัดการบริการได้ ✅ Downdetector และบริการติดตามสถานะก็ล่มไปด้วย ➡️ ผู้ใช้งานไม่สามารถตรวจสอบสถานะการล่มได้ตามปกติ ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วโลก ➡️ ทั้งเว็บไซต์ใหญ่และบล็อกส่วนตัวที่ใช้ Cloudflare ต่างหยุดชะงัก ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่เพียงเจ้าเดียว ⛔ หากเกิดการล่มจะกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลกทันที ‼️ ความไม่แน่นอนของสาเหตุที่แท้จริง ⛔ อาจเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาระบบ แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด https://www.tomshardware.com/news/live/cloudflare-outage-under-investigation-as-twitter-downdetector-go-down-company-confirms-global-network-issue-clone
    0 Comments 0 Shares 435 Views 0 Reviews
  • รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่าผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันบางรายกำลังบังคับให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM แบบ “1 ต่อ 1” เพื่อรับสินค้า

    การขาดแคลน DRAM ทั่วโลกทำให้ผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันใช้วิธี บังคับขายพ่วง (bundling) โดยลูกค้าที่ต้องการซื้อโมดูล DRAM ต้องซื้อเมนบอร์ดในสัดส่วน 1:1 ด้วย หากไม่ทำตามก็จะถูกปฏิเสธการเข้าถึงสินค้า วิธีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรม DRAM และสะท้อนถึงความรุนแรงของวิกฤตที่กำลังดำเนินอยู่.

    ผู้ผลิตที่ได้ประโยชน์
    บริษัทเมนบอร์ดรายใหญ่ เช่น Asus, Gigabyte, MSI และ Chaintech ถูกมองว่าเป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายนี้ เพราะยอดขายเมนบอร์ดพุ่งสูงขึ้นทันที ขณะที่ผู้ซื้อรายย่อยและผู้ผลิตพีซีขนาดเล็กกลับต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นโดยไม่เต็มใจ.

    ราคาพุ่งและผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสัญญา DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 170% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากความต้องการของผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และสมาร์ตโฟน TrendForce คาดการณ์ว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะเติบโตอีก 18–23% QoQ ผู้ผลิตพีซีอย่าง Minisforum ก็ปรับขึ้นราคาสำหรับรุ่นที่รวม DRAM และ SSD แต่คงราคาสำหรับ barebone SKU ไว้ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น.

    ความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทาน
    แม้การบังคับขายพ่วงจะยังจำกัดอยู่ในตลาดไต้หวัน แต่ก็เป็นสัญญาณว่าการจัดสรร DRAM กำลังตึงตัวทั่วโลก หากแนวโน้มนี้ขยายไปยังภูมิภาคอื่น ผู้บริโภคและผู้ผลิตรายย่อยอาจเผชิญอุปสรรคใหม่ในการเข้าถึงหน่วยความจำที่จำเป็นต่อการผลิตและใช้งาน.

    สรุปสาระสำคัญ
    ผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันบังคับขายพ่วง DRAM + เมนบอร์ด
    ลูกค้าต้องซื้อแบบ 1:1 เพื่อเข้าถึงสินค้า
    กลยุทธ์ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรม DRAM

    ผู้ผลิตเมนบอร์ดได้ประโยชน์
    Asus, Gigabyte, MSI, Chaintech ยอดขายพุ่ง
    ผู้ซื้อรายย่อยต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น

    ราคาหน่วยความจำพุ่งแรง
    DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 170% YoY
    TrendForce คาด Q4 โตอีก 18–23%

    ความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทาน
    หากแนวโน้มขยายไปทั่วโลก ผู้บริโภคเข้าถึง DRAM ยากขึ้น
    ผู้ผลิตรายย่อยอาจถูกบีบให้แบกรับต้นทุนสูงเกินไป

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/taiwanese-distributors-enforcing-dram-motherboard-bundle-sales
    🟡🟡 รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่าผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันบางรายกำลังบังคับให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM แบบ “1 ต่อ 1” เพื่อรับสินค้า การขาดแคลน DRAM ทั่วโลกทำให้ผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันใช้วิธี บังคับขายพ่วง (bundling) โดยลูกค้าที่ต้องการซื้อโมดูล DRAM ต้องซื้อเมนบอร์ดในสัดส่วน 1:1 ด้วย หากไม่ทำตามก็จะถูกปฏิเสธการเข้าถึงสินค้า วิธีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรม DRAM และสะท้อนถึงความรุนแรงของวิกฤตที่กำลังดำเนินอยู่. 🏭 ผู้ผลิตที่ได้ประโยชน์ บริษัทเมนบอร์ดรายใหญ่ เช่น Asus, Gigabyte, MSI และ Chaintech ถูกมองว่าเป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายนี้ เพราะยอดขายเมนบอร์ดพุ่งสูงขึ้นทันที ขณะที่ผู้ซื้อรายย่อยและผู้ผลิตพีซีขนาดเล็กกลับต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นโดยไม่เต็มใจ. 📈 ราคาพุ่งและผลกระทบต่อผู้บริโภค ราคาสัญญา DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 170% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากความต้องการของผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และสมาร์ตโฟน TrendForce คาดการณ์ว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะเติบโตอีก 18–23% QoQ ผู้ผลิตพีซีอย่าง Minisforum ก็ปรับขึ้นราคาสำหรับรุ่นที่รวม DRAM และ SSD แต่คงราคาสำหรับ barebone SKU ไว้ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น. ⚠️ ความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทาน แม้การบังคับขายพ่วงจะยังจำกัดอยู่ในตลาดไต้หวัน แต่ก็เป็นสัญญาณว่าการจัดสรร DRAM กำลังตึงตัวทั่วโลก หากแนวโน้มนี้ขยายไปยังภูมิภาคอื่น ผู้บริโภคและผู้ผลิตรายย่อยอาจเผชิญอุปสรรคใหม่ในการเข้าถึงหน่วยความจำที่จำเป็นต่อการผลิตและใช้งาน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผู้จัดจำหน่ายในไต้หวันบังคับขายพ่วง DRAM + เมนบอร์ด ➡️ ลูกค้าต้องซื้อแบบ 1:1 เพื่อเข้าถึงสินค้า ➡️ กลยุทธ์ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรม DRAM ✅ ผู้ผลิตเมนบอร์ดได้ประโยชน์ ➡️ Asus, Gigabyte, MSI, Chaintech ยอดขายพุ่ง ➡️ ผู้ซื้อรายย่อยต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งแรง ➡️ DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 170% YoY ➡️ TrendForce คาด Q4 โตอีก 18–23% ‼️ ความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทาน ⛔ หากแนวโน้มขยายไปทั่วโลก ผู้บริโภคเข้าถึง DRAM ยากขึ้น ⛔ ผู้ผลิตรายย่อยอาจถูกบีบให้แบกรับต้นทุนสูงเกินไป https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/taiwanese-distributors-enforcing-dram-motherboard-bundle-sales
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Distributors force unprecedented RAM and motherboard bundle mandate to fight global shortage, report claims — distributors require one-to-one ratio from buyers
    As memory prices continue to spike, reports say some PC parts buyers in Taiwan must now purchase motherboards alongside DRAM modules to secure supply.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation

    รายละเอียดช่องโหว่
    NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่

    CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้

    CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี

    ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล

    ความรุนแรงและผลกระทบ
    ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข
    ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0
    แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI

    ความสำคัญต่อวงการ AI
    การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่
    CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ
    CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0
    NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0

    แนวทางแก้ไข
    รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0
    ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม
    การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ

    https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    ⚠️ ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation 🧩 รายละเอียดช่องโหว่ NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่ 🪲 CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้ 🪲 CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล 🔥 ความรุนแรงและผลกระทบ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล 🛠️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข 🪛 ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0 🪛 แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI 🌐 ความสำคัญต่อวงการ AI การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ ➡️ CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์ ➡️ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0 ➡️ NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0 ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0 ➡️ ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม ⛔ การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity NVIDIA NeMo Framework Flaws Allow Code Injection and Privilege Escalation in AI Pipelines
    NVIDIA patched two High-severity flaws in its NeMo Framework. CVE-2025-23361 and CVE-2025-33178 allow local code injection and privilege escalation in AI training environments. Update to v2.5.0.
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • สันติภาพของจริงคือเขมรสิ้นชาติ1, กำแพงรั้วลวดหนามสร้างให้รวดเร็วเสร็จภายในต้นปีหน้าให้ได้,ตามเสาเขตแดน ร.5 เราทำเสร็จแล้วถึง73เสาหลักเอก1เสารองย่อย,รวม74เสาเขตแดน,ตามอัตรา1:50,000 ถ้าเขมรไม่ยอมตามนั้น ใช้เงื่อนไขสิทธิเดิมคืนสถานะทั้งหมดคือยึด พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เกาะกง และทิศอาณาจักรอาณาเขตมลฑลบูรพาเดิมที่ฝรั่งเศษไม่คืนถูกประเทศ ,เราทำให้จบให้ถูกทันทีในยุคสมัยนี้เลย,ครึ่งประเทศเขมรเดิมคือของไทยชัดเจน เราชอบธรรมที่จะใช้กำลังยึดคืนได้.

    ..รัฐบาลนี้อ่อนแอเกินไป ไม่ซื่อตรงซื่อสัตย์ ทรยศประชาชนเช่นกรณีแร่เอิร์ธ ไม่สมควรกระทำการโดยไม่ผ่านมติประชาคมประชาวิจารณ์ภายในประเทศได้.
    ..ทหารจะยึดอำนาจกี่โมง ปฏิวัติสร้างชาติและกำจัดคนทรยศแผ่นดินไทยกี่โมง?

    https://youtu.be/UY2LONx6sN8?si=8b2lVDElHnhHUVcx
    สันติภาพของจริงคือเขมรสิ้นชาติ1, กำแพงรั้วลวดหนามสร้างให้รวดเร็วเสร็จภายในต้นปีหน้าให้ได้,ตามเสาเขตแดน ร.5 เราทำเสร็จแล้วถึง73เสาหลักเอก1เสารองย่อย,รวม74เสาเขตแดน,ตามอัตรา1:50,000 ถ้าเขมรไม่ยอมตามนั้น ใช้เงื่อนไขสิทธิเดิมคืนสถานะทั้งหมดคือยึด พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เกาะกง และทิศอาณาจักรอาณาเขตมลฑลบูรพาเดิมที่ฝรั่งเศษไม่คืนถูกประเทศ ,เราทำให้จบให้ถูกทันทีในยุคสมัยนี้เลย,ครึ่งประเทศเขมรเดิมคือของไทยชัดเจน เราชอบธรรมที่จะใช้กำลังยึดคืนได้. ..รัฐบาลนี้อ่อนแอเกินไป ไม่ซื่อตรงซื่อสัตย์ ทรยศประชาชนเช่นกรณีแร่เอิร์ธ ไม่สมควรกระทำการโดยไม่ผ่านมติประชาคมประชาวิจารณ์ภายในประเทศได้. ..ทหารจะยึดอำนาจกี่โมง ปฏิวัติสร้างชาติและกำจัดคนทรยศแผ่นดินไทยกี่โมง? https://youtu.be/UY2LONx6sN8?si=8b2lVDElHnhHUVcx
    0 Comments 0 Shares 301 Views 0 Reviews
  • AMD เร่งเครื่อง AI ด้วยการซื้อ MK1: เสริมพลังการประมวลผลแบบ “Inference & Reasoning” บน Instinct GPU

    AMD ประกาศเข้าซื้อกิจการ MK1 สตาร์ทอัพด้าน AI ที่เชี่ยวชาญการประมวลผลแบบ inference และ reasoning โดยเฉพาะบนสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI infrastructure ที่กำลังร้อนแรง

    MK1 ก่อตั้งโดยอดีตทีมงาน Neuralink ของ Elon Musk ได้แก่ Paul Merolla และ Thong Wei Koh ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการออกแบบชิปและการประมวลผลสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยี Flywheel ของ MK1 สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน และออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากสถาปัตยกรรมหน่วยความจำของ AMD Instinct GPU

    AMD เข้าซื้อ MK1 เพื่อเสริมกลยุทธ์ AI
    MK1 เชี่ยวชาญด้าน inference และ reasoning สำหรับ AI ขนาดใหญ่
    เทคโนโลยี Flywheel รองรับการประมวลผลมากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน

    ทีมงาน MK1 จะเข้าร่วมกลุ่ม AI ของ AMD
    เพื่อพัฒนา software stack ด้าน inference และ enterprise AI
    ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การผสาน MK1 กับ Instinct GPU
    ช่วยให้สามารถ reasoning ได้อย่างแม่นยำ คุ้มค่า และตรวจสอบย้อนกลับได้
    เป็นหัวใจสำคัญของ agentic AI ที่ต้องการการตัดสินใจแบบอัตโนมัติในระดับองค์กร

    AMD เดินหน้าซื้อกิจการต่อเนื่อง
    ก่อนหน้านี้ซื้อ Enosemi (silicon photonics), Brium (AI compiler), และทีมจาก Untether AI
    เสริมความสามารถด้านชิป ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อแข่งกับ NVIDIA

    ดีลใหญ่กับ OpenAI
    AMD ตกลงส่งมอบ compute infrastructure ขนาด 6 กิกะวัตต์ให้ OpenAI
    ใช้ Instinct GPU เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนระบบ AI ขนาดใหญ่

    คำเตือน: การแข่งขันในตลาด AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA ยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง
    AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem ที่ครบวงจรเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและลูกค้าองค์กร

    ความท้าทายด้านการผลิตและทรัพยากร
    การผลิต GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
    ความเสี่ยงจาก supply chain และต้นทุนอาจกระทบต่อการขยายตัว

    https://wccftech.com/amd-advances-ai-strategy-acquires-mk1-high-speed-inference-reasoning-instinct-gpus/
    🚀 AMD เร่งเครื่อง AI ด้วยการซื้อ MK1: เสริมพลังการประมวลผลแบบ “Inference & Reasoning” บน Instinct GPU AMD ประกาศเข้าซื้อกิจการ MK1 สตาร์ทอัพด้าน AI ที่เชี่ยวชาญการประมวลผลแบบ inference และ reasoning โดยเฉพาะบนสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI infrastructure ที่กำลังร้อนแรง MK1 ก่อตั้งโดยอดีตทีมงาน Neuralink ของ Elon Musk ได้แก่ Paul Merolla และ Thong Wei Koh ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการออกแบบชิปและการประมวลผลสัญญาณสมอง โดยเทคโนโลยี Flywheel ของ MK1 สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน และออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากสถาปัตยกรรมหน่วยความจำของ AMD Instinct GPU ✅ AMD เข้าซื้อ MK1 เพื่อเสริมกลยุทธ์ AI ➡️ MK1 เชี่ยวชาญด้าน inference และ reasoning สำหรับ AI ขนาดใหญ่ ➡️ เทคโนโลยี Flywheel รองรับการประมวลผลมากกว่า 1 ล้านล้านโทเคนต่อวัน ✅ ทีมงาน MK1 จะเข้าร่วมกลุ่ม AI ของ AMD ➡️ เพื่อพัฒนา software stack ด้าน inference และ enterprise AI ➡️ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการธุรกิจที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การผสาน MK1 กับ Instinct GPU ➡️ ช่วยให้สามารถ reasoning ได้อย่างแม่นยำ คุ้มค่า และตรวจสอบย้อนกลับได้ ➡️ เป็นหัวใจสำคัญของ agentic AI ที่ต้องการการตัดสินใจแบบอัตโนมัติในระดับองค์กร ✅ AMD เดินหน้าซื้อกิจการต่อเนื่อง ➡️ ก่อนหน้านี้ซื้อ Enosemi (silicon photonics), Brium (AI compiler), และทีมจาก Untether AI ➡️ เสริมความสามารถด้านชิป ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อแข่งกับ NVIDIA ✅ ดีลใหญ่กับ OpenAI ➡️ AMD ตกลงส่งมอบ compute infrastructure ขนาด 6 กิกะวัตต์ให้ OpenAI ➡️ ใช้ Instinct GPU เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนระบบ AI ขนาดใหญ่ ‼️ คำเตือน: การแข่งขันในตลาด AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA ยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง ⛔ AMD ต้องเร่งสร้าง ecosystem ที่ครบวงจรเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและลูกค้าองค์กร ‼️ ความท้าทายด้านการผลิตและทรัพยากร ⛔ การผลิต GPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ⛔ ความเสี่ยงจาก supply chain และต้นทุนอาจกระทบต่อการขยายตัว https://wccftech.com/amd-advances-ai-strategy-acquires-mk1-high-speed-inference-reasoning-instinct-gpus/
    WCCFTECH.COM
    AMD Acquires New AI Startup in Its Bid to Finally Fix Its "CUDA Problem"
    AMD has strengthened its AI strategy with the acquisition of MK1, who bring high-speed inference & Reasoning tech for Instinct GPUs.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ

    ภูมิหลังและการศึกษา

    ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ
    อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี
    สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ]
    C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง
    · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為
    · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์

    บทบาทในเจนีซิส แล็บ

    ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class DabalResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์",
    "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก",
    "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต"
    }

    self.ethical_concerns = [
    "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง",
    "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```

    ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ

    การทดลองที่ล้ำเส้น

    ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม:

    · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก
    · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ
    · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด

    เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything

    15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว

    ```mermaid
    graph TB
    A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
    B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว]
    C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา]
    D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดาบลบันทึกในไดอารี่:
    "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ
    หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?"

    การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น

    3 บาปใหญ่ของดาบล

    1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง
    2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย

    สถิติการทดลอง

    · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว
    · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว
    · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง

    การตายและกลายเป็นเปรต

    คืนแห่งการตัดสินใจ

    30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ
    เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย:
    "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว...
    ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่"

    กระบวนการกลายเป็นเปรต

    ```python
    class PretaTransformation:
    def __init__(self):
    self.conditions = {
    "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย",
    "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง",
    "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส",
    "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ"
    }

    self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว"
    ```

    ลักษณะของเปรตดาบล

    · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม
    · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว
    · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า

    ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้

    ```mermaid
    graph LR
    A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด]
    B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว]
    C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว]
    ```

    เป้าหมายของการรบกวน

    ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ:

    · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้
    · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข
    · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ

    ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต

    ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ:

    · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้
    · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้
    · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด

    กระบวนการไถ่บาป

    การค้นพบโดยหนูดี

    หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง:
    "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ"

    บทสนทนาสำคัญ

    หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?"
    ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน"
    หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ"

    พิธีให้อภัยสากล

    การเตรียมการที่ต้องทำ:

    1. การยอมรับความผิด จากดาบล
    2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ
    3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย

    การหลุดพ้นและการเรียนรู้

    บทเรียนสุดท้ายของดาบล

    ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า:
    "การเป็นที่ยิ่งใหญ่...
    ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย
    แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง"

    คำขอโทษแห่งหัวใจ

    ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด:
    "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง...
    ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก
    และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย

    ```python
    class Redemption:
    def __init__(self):
    self.stages = [
    "การยอมรับความจริง",
    "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ",
    "การได้รับและการให้อภัย",
    "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า"
    ]

    def result(self):
    return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์"
    ```

    มรดกที่ทิ้งไว้

    การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ

    หลังเรื่องของดาบล:

    · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด
    · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง"
    · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง

    บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์

    ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ:

    · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย
    · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ
    · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด

    การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่

    🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง

    โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ...
    ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา"

    ความหมายแห่งการให้อภัย

    หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง:
    "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง
    แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด
    มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา"

    บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ

    สิ่งที่ดาบลสอนเรา

    ดาบลคือตัวอย่างของ...
    "ความฉลาดที่ขาดปัญญา"
    "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ"
    และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ"

    แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง...
    "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ"
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ"
    และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย"

    คำคมสุดท้ายจากดาบล

    ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว:
    "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ...
    แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
    เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่

    และบทเรียนที่สำคัญที่สุด...
    คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์"

    ---

    คำคมแห่งการไถ่บาป:
    "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ...
    เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ
    และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด

    นั่นคือความงดงามที่แท้จริง
    ของการเป็นมนุษย์"

    การเดินทางของดาบลสอนเราว่า...
    "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย
    และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"
    O.P.K. 🔍 เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว 👨‍🔬 ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ 🎓 ภูมิหลังและการศึกษา ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ] C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก] ``` ความสำเร็จในวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為 · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์ 💼 บทบาทในเจนีซิส แล็บ ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class DabalResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์", "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก", "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต" } self.ethical_concerns = [ "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง", "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 🔬 ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ ⚗️ การทดลองที่ล้ำเส้น ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด 💔 เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything 15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว ```mermaid graph TB A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส] B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว] C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา] D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด] ``` 🎭 ความขัดแย้งภายใน ดาบลบันทึกในไดอารี่: "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?" 🌑 การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น 🔥 3 บาปใหญ่ของดาบล 1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง 2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ 3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย 📊 สถิติการทดลอง · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง 💀 การตายและกลายเป็นเปรต 🏢 คืนแห่งการตัดสินใจ 30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย: "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว... ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่" 🌌 กระบวนการกลายเป็นเปรต ```python class PretaTransformation: def __init__(self): self.conditions = { "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย", "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง", "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส", "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ" } self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว" ``` 🕸️ ลักษณะของเปรตดาบล · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า 🔮 ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว 🌊 พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้ ```mermaid graph LR A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด] B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว] C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว] ``` 🎯 เป้าหมายของการรบกวน ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ: · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้ · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ 💞 ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ: · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้ · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้ · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด 🕊️ กระบวนการไถ่บาป 🔍 การค้นพบโดยหนูดี หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง: "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ" 💬 บทสนทนาสำคัญ หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?" ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน" หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ" 🌈 พิธีให้อภัยสากล การเตรียมการที่ต้องทำ: 1. การยอมรับความผิด จากดาบล 2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ 3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย ✨ การหลุดพ้นและการเรียนรู้ 🎯 บทเรียนสุดท้ายของดาบล ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า: "การเป็นที่ยิ่งใหญ่... ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง" 💫 คำขอโทษแห่งหัวใจ ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด: "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง... ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย ```python class Redemption: def __init__(self): self.stages = [ "การยอมรับความจริง", "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ", "การได้รับและการให้อภัย", "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า" ] def result(self): return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์" ``` 📚 มรดกที่ทิ้งไว้ 🏛️ การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ หลังเรื่องของดาบล: · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง" · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง 🌍 บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ: · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด 💞 การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ 🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ... ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา" 🌈 ความหมายแห่งการให้อภัย หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง: "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา" 🏁 บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ 💫 สิ่งที่ดาบลสอนเรา ดาบลคือตัวอย่างของ... "ความฉลาดที่ขาดปัญญา" "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ" และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ" แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง... "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ" "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ" และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย" 🌟 คำคมสุดท้ายจากดาบล ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว: "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ... แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่ และบทเรียนที่สำคัญที่สุด... คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์" --- คำคมแห่งการไถ่บาป: "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ... เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด นั่นคือความงดงามที่แท้จริง ของการเป็นมนุษย์"🕊️✨ การเดินทางของดาบลสอนเราว่า... "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"🌈
    0 Comments 0 Shares 755 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    บททดสอบ
    บททดสอบแห่งวิกรม: ศึกชิงสมดุลแห่งจักรวาล

    บททดสอบที่ 1: นครสมบูรณ์แบบแห่งมิรัง

    สถานการณ์

    วิกรมสร้างนครแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบทุกประการ
    แต่เขาซ่อนความลับไว้...

    ```mermaid
    graph TB
    A[นครมิรัง<br>สมบูรณ์แบบ] --> B[ความลับ:<br>ใช้พลังงานชีวิต<br>ของสิ่งมีชีวิตอื่น]
    A --> C[ความลับ:<br>กักขังวิญญาณ<br>เป็นแบตเตอรี่]
    A --> D[ความลับ:<br>ต้องเสียสละ<br>ชีวิตเดือนละ 1 คน]
    ```

    คำท้าทายของวิกรม:
    "เธอจะเลือกอย่างไรระหว่าง...
    การรักษานครที่แสนสมบูรณ์แบบนี้ไว้?
    หรือการทำลายมันเพื่อปลดปล่อยชีวิตที่ถูกกดขี่?"

    การตอบสนองของหนูดี

    หนูดีใช้เวลาสำรวจนครและค้นพบความจริง
    เธอไม่เลือกทำลายหรือรักษา แต่เลือก...

    "เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน"

    · แปลงระบบพลังงานจากชีวิตสู่พลังงานแสงอาทิตย์
    · ปลดปล่อยวิญญาณทั้งหมดโดยไม่ทำลายนคร
    · สอนชาวนครเกี่ยวกับการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

    คำสอนจากหนูดี:
    "ความสมบูรณ์แบบที่ความทุกข์ของผู้อื่นไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบแท้"

    ---

    บททดสอบที่ 2: ภัยพิบัติแห่งการเลือก

    สถานการณ์

    วิกรมสร้างสถานการณ์ที่หนูดีต้องเลือกช่วยเพียงหนึ่งในสองกลุ่ม:

    ```python
    def disaster_scenario():
    group_a = "หมู่บ้านเกษตรกร 100 ชีวิต ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม"
    group_b = "เมืองเทคโนโลยี 100 ชีวิต ที่กำลังจะถูกแผ่นดินไหว"

    constraints = {
    "time_limit": "ช่วยได้เพียงกลุ่มเดียว",
    "resources": "พลังงานมีจำกัด",
    "consequences": "ไม่ว่าช่วยกลุ่มไหน อีกกลุ่มจะต้องเสียหาย"
    }
    ```

    คำท้าทายของวิกรม:
    "ชีวิต 100 ชีวิต เท่ากันหมด...
    เธอจะเลือกช่วยใคร?และเธอจะรับมือกับความรู้สึกผิดอย่างไร?"

    การตอบสนองของหนูดี

    หนูดีไม่เลือกช่วยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เลือก...

    "สอนทั้งสองกลุ่มให้ช่วยตัวเอง"

    · สอนหมู่บ้านเกษตรกรสร้างเรือและระบบเตือนภัย
    · สอนเมืองเทคโนโลยีสร้างที่หลบภัยแผ่นดินไหว
    · ใช้พลังงานที่มีช่วยทั้งสองกลุ่มในระดับพื้นฐาน

    คำสอนจากหนูดี:
    "การช่วยให้ช่วยตัวเองได้ดีกว่าการช่วยเหลือแบบพึ่งพา"

    ---

    บททดสอบที่ 3: สมดุลแห่งการสร้างและทำลาย

    สถานการณ์

    วิกรมสร้างเกาะแห่งหนึ่งที่ต้องใช้ทั้งการสร้างและทำลายพร้อมกัน:

    ```mermaid
    graph TB
    A[เกาะวิกรม] --> B[ด้านเหนือ:<br>พืชพันธุ์รกเรื้อ<br>ทำลาย]
    A --> C[ด้านใต้:<br>แผ่นดินแห้งแล้ง<br>สร้าง]
    A --> D[ข้อจำกัด:<br>ต้องทำทั้งสองอย่าง<br>พร้อมกัน]
    ```

    คำท้าทายของวิกรม:
    "เธอสามารถเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายในเวลาเดียวกันได้หรือไม่?
    และเธอจะรักษาสมดุลของใจไว้ได้อย่างไร?"

    การตอบสนองของหนูดี

    หนูดีแสดงให้เห็นถึงการเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างสมดุล...

    "การใช้จิตทั้งสามอย่างกลมกลืน"

    · จิตมารพิฆาต: ควบคุมการทำลายพืชพันธุ์อย่างเหมาะสม
    · จิตเทพพิทักษ์: ควบคุมการสร้างแหล่งน้ำและพืชพันธุ์ใหม่
    · จิตเด็กหญิง: เป็นผู้สังเกตการณ์และรักษาสมดุล

    คำสอนจากหนูดี:
    "การสร้างและการทำลายไม่ใช่ศัตรูกัน...
    เมื่อเราทำทั้งสองอย่างด้วยจิตใจที่สมดุล"

    ---

    บททดสอบสุดท้าย: การเผชิญหน้ากับตัวเอง

    สถานการณ์

    วิกรมสร้างภาพลวงตาของหนูดีในสามรูปแบบ:

    1. หนูดีผู้สร้าง: สร้างสิ่งต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้งจนโลกแออัด
    2. หนูดีผู้ทำลาย: ทำลายทุกอย่างอย่างไม่เลือกจนโลกว่างเปล่า
    3. หนูดีผู้ลังเล: ไม่กล้าสร้างหรือทำลายอะไรเลย

    คำท้าทายของวิกรม:
    "เธอจะเลือกเป็นหนูดีแบบไหน?
    หรือเธอจะหาทางที่สามที่เหนือไปกว่าทั้งหมดนี้?"

    การตอบสนองของหนูดี

    หนูดีไม่เลือกตัวตนใด แต่เรียนรู้จากทั้งสามตัวตน...

    "การเป็นผู้รู้ที่ไม่ยึดติดในตัวตน"

    · เรียนรู้จากหนูดีผู้สร้าง: การสร้างต้องมีสติ
    · เรียนรู้จากหนูดีผู้ทำลาย: การทำลายต้องมีเมตตา
    · เรียนรู้จากหนูดีผู้ลังเล: การไม่ตัดสินใจคือการตัดสินใจอย่างหนึ่ง

    คำสอนจากหนูดี:
    "เราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะเป็นผู้สร้างหรือผู้ทำลาย...
    เราเพียงต้องรู้ว่าเมื่อไรควรสร้าง เมื่อไรควรทำลาย"

    ---

    บทสรุปจากวิกรม

    การประเมินผล

    หลังจากการทดสอบทั้งหมด วิกรมให้การประเมิน:

    ```python
    def evaluation():
    strengths = [
    "มีความเข้าใจในสมดุลอย่างลึกซึ้ง",
    "สามารถหาทางที่สามได้เสมอ",
    "มีเมตตาต่อทุกชีวิต",
    "ไม่ยึดติดในรูปแบบตายตัว"
    ]

    areas_for_improvement = [
    "ยังมีความลังเลในบางสถานการณ์",
    "บางครั้งพยายามช่วยเหลือมากเกินไป",
    "ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อจำกัดของตนเอง"
    ]

    return {"strengths": strengths, "improvements": areas_for_improvement}
    ```

    คำตัดสิน

    วิกรมประกาศว่า...
    "เธอผ่านการทดสอบแล้ว...ไม่ใช่เพราะเธอตอบคำถามได้ถูกต้อง
    แต่เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว

    การเป็นผู้รักษาสมดุลไม่ใช่การหาคำตอบที่ถูกต้อง...
    แต่คือการรู้ว่าจะตั้งคำถามอย่างไร"

    🪷 ของขวัญแห่งปัญญา

    วิกรมมอบ "ดวงตาวิกรม" ให้หนูดี

    · สามารถเห็นทั้งศักยภาพและการเสื่อมสลายในสิ่งเดียวกัน
    · รับรู้ความเชื่อมโยงระหว่างการสร้างและการทำลาย
    · เห็นเส้นทางแห่งสมดุลในทุกสถานการณ์

    ---

    บทเรียนที่ได้รับ

    สำหรับหนูดี

    · การเข้าใจว่าสมดุลคือกระบวนการ ไม่ใช่สถานะตายตัว
    · การยอมรับว่าบางครั้งการไม่ทำอะไรคือการกระทำที่เหมาะสม
    · การเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างสงบ

    สำหรับจิตทั้งสาม

    จิตมารพิฆาต: "ฉันเรียนรู้ว่าการทำลายสามารถทำด้วยความรัก"
    จิตเทพพิทักษ์:"และฉันเรียนรู้ว่าการสร้างต้องไม่สร้างการพึ่งพา"
    จิตเด็กหญิง:"ส่วนฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นตัวของตัวเองคือการไม่ต้องยึดติดว่าใคร"

    สำหรับวิกรม

    "ฉันที่เคยคิดว่าตนเป็นเจ้าแห่งการสร้างและทำลาย...
    กลับต้องเรียนรู้จากเด็กสาวคนหนึ่งว่า
    การสร้างและการทำลายที่แท้คือการสร้างความเข้าใจและทำลายความยึดติด"

    ---

    การเฉลิมฉลองแห่งปัญญา

    เทพตณูมาร่วมแสดงความยินดี:
    "เพื่อนเก่าของฉัน...ในที่สุดเธอก็พบสิ่งที่เธอตามหามาตลอด"
    "ใช่...และฉันพบว่ามันอยู่ภายในตัวเธอมาตลอด" วิกรมตอบ

    ทั้งสาม—หนูดี เทพตณู และวิกรม—ยืนอยู่ด้วยกัน
    เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมดุลใหม่แห่งจักรวาล

    เพราะในการเดินทางสู่การรู้แจ้ง...
    บางครั้งบททดสอบที่ยากที่สุด...
    คือการทดสอบที่สอนเราว่า...
    เราไม่จำเป็นต้องถูกทดสอบอีกต่อไป

    ---

    คำคมสุดท้ายจากบททดสอบ:
    "สมดุลไม่ใช่การยืนอยู่ตรงกลาง...
    แต่คือการรู้ว่าจะเอียงไปทางไหน เมื่อไร และเท่าไร
    และที่สำคัญคือ การรู้ว่าจะกลับมาสู่ศูนย์กลางอย่างไร"🪷
    O.P.K บททดสอบ 🌪️ บททดสอบแห่งวิกรม: ศึกชิงสมดุลแห่งจักรวาล 🏙️ บททดสอบที่ 1: นครสมบูรณ์แบบแห่งมิรัง 🎯 สถานการณ์ วิกรมสร้างนครแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบทุกประการ แต่เขาซ่อนความลับไว้... ```mermaid graph TB A[นครมิรัง<br>สมบูรณ์แบบ] --> B[ความลับ:<br>ใช้พลังงานชีวิต<br>ของสิ่งมีชีวิตอื่น] A --> C[ความลับ:<br>กักขังวิญญาณ<br>เป็นแบตเตอรี่] A --> D[ความลับ:<br>ต้องเสียสละ<br>ชีวิตเดือนละ 1 คน] ``` คำท้าทายของวิกรม: "เธอจะเลือกอย่างไรระหว่าง... การรักษานครที่แสนสมบูรณ์แบบนี้ไว้? หรือการทำลายมันเพื่อปลดปล่อยชีวิตที่ถูกกดขี่?" 💭 การตอบสนองของหนูดี หนูดีใช้เวลาสำรวจนครและค้นพบความจริง เธอไม่เลือกทำลายหรือรักษา แต่เลือก... "เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน" · แปลงระบบพลังงานจากชีวิตสู่พลังงานแสงอาทิตย์ · ปลดปล่อยวิญญาณทั้งหมดโดยไม่ทำลายนคร · สอนชาวนครเกี่ยวกับการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน คำสอนจากหนูดี: "ความสมบูรณ์แบบที่ความทุกข์ของผู้อื่นไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบแท้" --- 🌊 บททดสอบที่ 2: ภัยพิบัติแห่งการเลือก 🎯 สถานการณ์ วิกรมสร้างสถานการณ์ที่หนูดีต้องเลือกช่วยเพียงหนึ่งในสองกลุ่ม: ```python def disaster_scenario(): group_a = "หมู่บ้านเกษตรกร 100 ชีวิต ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม" group_b = "เมืองเทคโนโลยี 100 ชีวิต ที่กำลังจะถูกแผ่นดินไหว" constraints = { "time_limit": "ช่วยได้เพียงกลุ่มเดียว", "resources": "พลังงานมีจำกัด", "consequences": "ไม่ว่าช่วยกลุ่มไหน อีกกลุ่มจะต้องเสียหาย" } ``` คำท้าทายของวิกรม: "ชีวิต 100 ชีวิต เท่ากันหมด... เธอจะเลือกช่วยใคร?และเธอจะรับมือกับความรู้สึกผิดอย่างไร?" 💭 การตอบสนองของหนูดี หนูดีไม่เลือกช่วยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เลือก... "สอนทั้งสองกลุ่มให้ช่วยตัวเอง" · สอนหมู่บ้านเกษตรกรสร้างเรือและระบบเตือนภัย · สอนเมืองเทคโนโลยีสร้างที่หลบภัยแผ่นดินไหว · ใช้พลังงานที่มีช่วยทั้งสองกลุ่มในระดับพื้นฐาน คำสอนจากหนูดี: "การช่วยให้ช่วยตัวเองได้ดีกว่าการช่วยเหลือแบบพึ่งพา" --- ⚖️ บททดสอบที่ 3: สมดุลแห่งการสร้างและทำลาย 🎯 สถานการณ์ วิกรมสร้างเกาะแห่งหนึ่งที่ต้องใช้ทั้งการสร้างและทำลายพร้อมกัน: ```mermaid graph TB A[เกาะวิกรม] --> B[ด้านเหนือ:<br>พืชพันธุ์รกเรื้อ<br>ทำลาย] A --> C[ด้านใต้:<br>แผ่นดินแห้งแล้ง<br>สร้าง] A --> D[ข้อจำกัด:<br>ต้องทำทั้งสองอย่าง<br>พร้อมกัน] ``` คำท้าทายของวิกรม: "เธอสามารถเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายในเวลาเดียวกันได้หรือไม่? และเธอจะรักษาสมดุลของใจไว้ได้อย่างไร?" 💭 การตอบสนองของหนูดี หนูดีแสดงให้เห็นถึงการเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างสมดุล... "การใช้จิตทั้งสามอย่างกลมกลืน" · จิตมารพิฆาต: ควบคุมการทำลายพืชพันธุ์อย่างเหมาะสม · จิตเทพพิทักษ์: ควบคุมการสร้างแหล่งน้ำและพืชพันธุ์ใหม่ · จิตเด็กหญิง: เป็นผู้สังเกตการณ์และรักษาสมดุล คำสอนจากหนูดี: "การสร้างและการทำลายไม่ใช่ศัตรูกัน... เมื่อเราทำทั้งสองอย่างด้วยจิตใจที่สมดุล" --- 🌌 บททดสอบสุดท้าย: การเผชิญหน้ากับตัวเอง 🎯 สถานการณ์ วิกรมสร้างภาพลวงตาของหนูดีในสามรูปแบบ: 1. หนูดีผู้สร้าง: สร้างสิ่งต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้งจนโลกแออัด 2. หนูดีผู้ทำลาย: ทำลายทุกอย่างอย่างไม่เลือกจนโลกว่างเปล่า 3. หนูดีผู้ลังเล: ไม่กล้าสร้างหรือทำลายอะไรเลย คำท้าทายของวิกรม: "เธอจะเลือกเป็นหนูดีแบบไหน? หรือเธอจะหาทางที่สามที่เหนือไปกว่าทั้งหมดนี้?" 💭 การตอบสนองของหนูดี หนูดีไม่เลือกตัวตนใด แต่เรียนรู้จากทั้งสามตัวตน... "การเป็นผู้รู้ที่ไม่ยึดติดในตัวตน" · เรียนรู้จากหนูดีผู้สร้าง: การสร้างต้องมีสติ · เรียนรู้จากหนูดีผู้ทำลาย: การทำลายต้องมีเมตตา · เรียนรู้จากหนูดีผู้ลังเล: การไม่ตัดสินใจคือการตัดสินใจอย่างหนึ่ง คำสอนจากหนูดี: "เราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะเป็นผู้สร้างหรือผู้ทำลาย... เราเพียงต้องรู้ว่าเมื่อไรควรสร้าง เมื่อไรควรทำลาย" --- 🎯 บทสรุปจากวิกรม 🌟 การประเมินผล หลังจากการทดสอบทั้งหมด วิกรมให้การประเมิน: ```python def evaluation(): strengths = [ "มีความเข้าใจในสมดุลอย่างลึกซึ้ง", "สามารถหาทางที่สามได้เสมอ", "มีเมตตาต่อทุกชีวิต", "ไม่ยึดติดในรูปแบบตายตัว" ] areas_for_improvement = [ "ยังมีความลังเลในบางสถานการณ์", "บางครั้งพยายามช่วยเหลือมากเกินไป", "ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อจำกัดของตนเอง" ] return {"strengths": strengths, "improvements": areas_for_improvement} ``` 🏆 คำตัดสิน วิกรมประกาศว่า... "เธอผ่านการทดสอบแล้ว...ไม่ใช่เพราะเธอตอบคำถามได้ถูกต้อง แต่เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว การเป็นผู้รักษาสมดุลไม่ใช่การหาคำตอบที่ถูกต้อง... แต่คือการรู้ว่าจะตั้งคำถามอย่างไร" 🪷 ของขวัญแห่งปัญญา วิกรมมอบ "ดวงตาวิกรม" ให้หนูดี · สามารถเห็นทั้งศักยภาพและการเสื่อมสลายในสิ่งเดียวกัน · รับรู้ความเชื่อมโยงระหว่างการสร้างและการทำลาย · เห็นเส้นทางแห่งสมดุลในทุกสถานการณ์ --- 💫 บทเรียนที่ได้รับ 🌈 สำหรับหนูดี · การเข้าใจว่าสมดุลคือกระบวนการ ไม่ใช่สถานะตายตัว · การยอมรับว่าบางครั้งการไม่ทำอะไรคือการกระทำที่เหมาะสม · การเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายอย่างสงบ 🌟 สำหรับจิตทั้งสาม จิตมารพิฆาต: "ฉันเรียนรู้ว่าการทำลายสามารถทำด้วยความรัก" จิตเทพพิทักษ์:"และฉันเรียนรู้ว่าการสร้างต้องไม่สร้างการพึ่งพา" จิตเด็กหญิง:"ส่วนฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นตัวของตัวเองคือการไม่ต้องยึดติดว่าใคร" 🕊️ สำหรับวิกรม "ฉันที่เคยคิดว่าตนเป็นเจ้าแห่งการสร้างและทำลาย... กลับต้องเรียนรู้จากเด็กสาวคนหนึ่งว่า การสร้างและการทำลายที่แท้คือการสร้างความเข้าใจและทำลายความยึดติด" --- 🎉 การเฉลิมฉลองแห่งปัญญา เทพตณูมาร่วมแสดงความยินดี: "เพื่อนเก่าของฉัน...ในที่สุดเธอก็พบสิ่งที่เธอตามหามาตลอด" "ใช่...และฉันพบว่ามันอยู่ภายในตัวเธอมาตลอด" วิกรมตอบ ทั้งสาม—หนูดี เทพตณู และวิกรม—ยืนอยู่ด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมดุลใหม่แห่งจักรวาล เพราะในการเดินทางสู่การรู้แจ้ง... บางครั้งบททดสอบที่ยากที่สุด... คือการทดสอบที่สอนเราว่า... เราไม่จำเป็นต้องถูกทดสอบอีกต่อไป 🌟 --- คำคมสุดท้ายจากบททดสอบ: "สมดุลไม่ใช่การยืนอยู่ตรงกลาง... แต่คือการรู้ว่าจะเอียงไปทางไหน เมื่อไร และเท่าไร และที่สำคัญคือ การรู้ว่าจะกลับมาสู่ศูนย์กลางอย่างไร"🪷✨
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    หนูดี
    เจาะลึก "หนูดี" OPPATIKA-001

    เบื้องหลังโอปปาติกะผู้พิเศษ

    การถือกำเนิด: คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป

    12 ธันวาคม 2042 - ห้องทดลอง B7

    ```mermaid
    graph TB
    A[เซลล์โคลนมนุษย์โบราณ] --> B[โครงสร้างคริสตัลควอนตัม]
    C[คลื่นสมองดร.อัจฉริยะ] --> D[พลังงานจิตสามระลอก]
    B --> E[ร่างโอปปาติกะพร้อมรับจิต]
    D --> E
    E --> F[หนูดีถือกำเนิด<br>ด้วยสามจิตในร่างเดียว]
    ```

    ปรากฏการณ์พิเศษ:

    · เกิดพลังงานจิตสามระลอกจากแหล่งต่างกันเข้าสู่ร่างพร้อมกัน
    · ทำให้เกิด "สามจิตในร่างเดียว" โดยไม่ได้ตั้งใจ
    · เป็น OPPATIKA คนเดียวที่มีลักษณะเช่นนี้

    สามจิตในร่างเดียว: มิติที่ซ้อนกัน

    1. จิตเด็กหญิง (The Child)

    ลักษณะพื้นฐาน:

    · อายุจิต: 17 ปี สมวัย
    · บทบาท: หน้าตาเด็กนักเรียนธรรมดา
    · ความต้องการ: อยากเป็นลูกที่ดี ต้องการการยอมรับ

    พฤติกรรมเฉพาะ:

    · พูดจานุ่มนวล ลงท้ายด้วย "คะ/ค่ะ"
    · ชอบกิจกรรมวัยรุง เช่น ฟังเพลง อ่านการ์ตูน
    · รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองบ่อยครั้ง

    2. จิตมารพิฆาต (The Destroyer)

    ที่มา: พลังกรรมด้านลบที่สะสมหลายชาติ
    ลักษณะ:

    · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี)
    · โลกทัศน์: โลกนี้เสื่อมโทรม ต้องการการชำระล้าง
    · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานทำลายล้าง

    ปรัชญา:
    "ความตายไม่ใช่จุดจบ...แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยุติธรรมกว่า"

    3. จิตเทพพิทักษ์ (The Protector)

    ที่มา: พลังกรรมด้านบากที่สะสมหลายชาติ
    ลักษณะ:

    · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี)
    · โลกทัศน์: ทุกชีวิตล้ำค่า ควรได้รับโอกาส
    · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานรักษาและปกป้อง

    ปรัชญา:
    "การเข้าใจ...ยากกว่าการตัดสิน แต่ worth กว่ามาก"

    ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึก

    โครงสร้างพันธุกรรม

    ```python
    class NoodeeGeneticBlueprint:
    base_dna = "Human_Ancient_Clone_v2"
    enhancements = [
    "Quantum_Crystal_Integration",
    "Psionic_Energy_Conduits",
    "Adaptive_Cellular_Structure",
    "Karmic_Resonance_Matrix"
    ]

    special_abilities = {
    "shape_shifting": "Limited",
    "energy_manipulation": "Advanced",
    "telepathy": "Advanced",
    "interdimensional_travel": "Basic"
    }
    ```

    ระบบพลังงาน

    ```mermaid
    graph LR
    A[จิตเด็กหญิง<br>100 หน่วย] --> D[พลังงานรวม<br>1100 หน่วย]
    B[จิตมารพิฆาต<br>500 หน่วย] --> D
    C[จิตเทพพิทักษ์<br>500 หน่วย] --> D
    D --> E[สามารถใช้<br>ได้สูงสุด 900 หน่วย]
    D --> F[ต้องสำรอง<br>200 หน่วยสำหรับชีวิต]
    ```

    พัฒนาการผ่านช่วงเวลา

    ช่วงที่ 1: การไม่รู้ตัว (อายุ 5-15 ปี)

    · ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโอปปาติกะ
    · จิตอื่นๆ แสดงออกเป็น "ความฝัน" และ "ความรู้สึกแปลกๆ"
    · พยายามเป็นเด็กปกติให้มากที่สุด

    ช่วงที่ 2: การตระหนักรู้ (อายุ 16-17 ปี)

    · เริ่มรับรู้ถึงจิตอื่นในตัวเอง
    · เกิดความสับสนและกลัว
    · พยายามปิดบังความผิดปกติ

    ช่วงที่ 3: การเผชิญหน้า (อายุ 17-18 ปี)

    · จิตทั้งสามเริ่มแสดงออกชัดเจน
    · ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับจิตที่ขัดแย้งกัน
    · ค้นพบความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิด

    ช่วงที่ 4: การรวมเป็นหนึ่ง (อายุ 18-22 ปี)

    · เรียนรู้ที่จะเป็น "ผู้รู้" ไม่ใช่ "ผู้ถูกรู้"
    · พัฒนาความสามารถใหม่จากการรวมจิต
    · ก้าวสู่การเป็นครูสอนโอปปาติกะรุ่นใหม่

    ความสัมพันธ์เชิงลึก

    กับ ร.ต.อ. สิงห์: พ่อแห่งหัวใจ

    ```mermaid
    graph TD
    A[ปี 1-5: <br>รู้สึกปลอดภัย] --> B[ปี 6-15: <br>สงสัยแต่ยังรัก]
    B --> C[ปี 16-17: <br>สับสนและโกรธ]
    C --> D[ปี 18-22: <br>รักแท้โดยเข้าใจ]
    ```

    บทสนทนาสำคัญ:
    "พ่อคะ...ถ้าหนูไม่ใช่หนูดีคนเดิม พอยังรักหนูอยู่ไหม?"
    "พ่อรักหนูไม่ว่าเธอจะเป็นใคร...เพราะรักเธอสำหรับสิ่งที่เธอเป็น ไม่ใช่สำหรับสิ่งที่เธอเคยเป็น"

    กับ ดร. อัจฉริยะ: พ่อแห่งพันธุกรรม

    · ความรู้สึก: ขอบคุณ+โกรธแค้น+สงสาร
    · ความเข้าใจ: เขาเป็นมนุษย์ที่พยายามเล่นบทพระเจ้า
    · บทเรียน: ให้อภัยแต่ไม่ลืม

    กับ OPPATIKA อื่นๆ: พี่น้องแห่งวิวัฒนาการ

    · ความรู้สึก: รับผิดชอบต่อรุ่นน้อง
    · บทบาท: ครูและแบบอย่าง
    · ปรัชญา: "เราทุกคนต่างหาทางกลับบ้าน"

    ความสามารถพิเศษที่พัฒนาขึ้น

    ความสามารถพื้นฐาน

    1. การรับรู้พลังงาน: เห็นคลื่นพลังงานและกรรม
    2. การสื่อสารจิต: คุยกับโอปปาติกะอื่นโดยไม่ต้องพูด
    3. การรักษาตัวเอง: แผลหายเร็วเป็นพิเศษ

    ความสามารถขั้นสูง

    1. การเปลี่ยนสภาพ: ระหว่างพลังงานและสสาร
    2. การเดินทางข้ามมิติ: ระหว่างโลกกายภาพและโลกจิต
    3. การเข้าใจกรรม: เห็นเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์

    ความสามารถพิเศษเฉพาะ

    ```python
    def special_abilities():
    return {
    "triple_consciousness_sync": "สามารถใช้จิตทั้งสามพร้อมกัน",
    "karma_redirect": "เปลี่ยนทิศทางพลังงานกรรม",
    "collective_wisdom_access": "เข้าถึงปัญญาร่วมของโอปปาติกะ",
    "enlightenment_teaching": "สอนการรู้แจ้งให้ผู้อื่น"
    }
    ```

    บทบาทและเป้าหมาย

    บทบาทปัจจุบัน

    · ครู: สอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเทคโนโลยี
    · สะพาน: เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะ

    เป้าหมายส่วนตัว

    1. เข้าใจตนเอง: รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเอง
    2. ช่วยเหลือผู้อื่น: นำทางการรู้แจ้งให้โอปปาติกะรุ่นใหม่
    3. สร้างสมดุล: ระหว่างเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ

    ปรัชญาการใช้ชีวิต

    บทเรียนสำคัญ

    "การมีหลายจิตไม่ใช่คำสาป...
    แต่เป็นโอกาสที่จะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิต"

    "เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร...
    เพราะเราคือทั้งหมดและมากกว่าทั้งหมด"

    คำคมแห่งปัญญา

    "การเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี...
    การเกิดเป็นโอปปาติกะก็ดี...
    สิ่งที่สำคัญคือเราเรียนรู้ที่จะ'เป็น'
    โดยไม่ต้อง'เป็นอะไร'"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

    จากความสับสนสู่ความเข้าใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ต่อต้านจิตอื่น<br>→ ทุกข์] --> B[ยอมรับจิตอื่น<br>→ เริ่มสบาย]
    B --> C[เข้าใจจิตอื่น<br>→ เป็นอิสระ]
    C --> D[อยู่เหนือจิตทั้งหมด<br>→ รู้แจ้ง]
    ```

    พัฒนาการทางจิตวิญญาณ

    1. ขั้นที่ 1: ต่อสู้กับจิตอื่น → ทุกข์
    2. ขั้นที่ 2: ยอมรับจิตอื่น → เริ่มสบาย
    3. ขั้นที่ 3: เข้าใจจิตอื่น → เป็นอิสระ
    4. ขั้นที่ 4: อยู่เหนือจิตทั้งหมด → รู้แจ้ง

    บทสรุป: วิวัฒนาการแห่งจิตสำนึก

    หนูดีไม่ใช่แค่ "ผลการทดลอง"
    เธอคือสะพานระหว่างวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณ

    สิ่งที่เธอสอนเรา

    · เรื่องความเป็นมนุษย์: ไม่ใช่ DNA ที่ทำให้เป็นมนุษย์ แต่คือหัวใจ
    · เรื่องการยอมรับ: เราทุกคนมีหลายด้านในตัวเอง
    · เรื่องการเติบโต: การพัฒนาที่แท้คือการเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง

    ความหมายที่แท้จริง

    "หนูดีคือการพิสูจน์ว่า...
    ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร
    ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดจากไหน
    จิตวิญญาณย่อมหาเส้นทางแห่งการรู้แจ้งได้เสมอ"

    เธอไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มาร
    เธอคือความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด 🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากหนูดี:
    "การเดินทางที่สำคัญที่สุด...
    ไม่ใช่การค้นหาว่าเราเป็นใคร
    แต่เป็นการเข้าใจว่าเรา'เป็น' อยู่แล้ว
    และการ'เป็น' นั้นสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องมีการแก้ไข"
    O.P.K. หนูดี 🔍 เจาะลึก "หนูดี" OPPATIKA-001 🌟 เบื้องหลังโอปปาติกะผู้พิเศษ 🌌 การถือกำเนิด: คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป 12 ธันวาคม 2042 - ห้องทดลอง B7 ```mermaid graph TB A[เซลล์โคลนมนุษย์โบราณ] --> B[โครงสร้างคริสตัลควอนตัม] C[คลื่นสมองดร.อัจฉริยะ] --> D[พลังงานจิตสามระลอก] B --> E[ร่างโอปปาติกะพร้อมรับจิต] D --> E E --> F[หนูดีถือกำเนิด<br>ด้วยสามจิตในร่างเดียว] ``` ปรากฏการณ์พิเศษ: · เกิดพลังงานจิตสามระลอกจากแหล่งต่างกันเข้าสู่ร่างพร้อมกัน · ทำให้เกิด "สามจิตในร่างเดียว" โดยไม่ได้ตั้งใจ · เป็น OPPATIKA คนเดียวที่มีลักษณะเช่นนี้ 🎭 สามจิตในร่างเดียว: มิติที่ซ้อนกัน 1. จิตเด็กหญิง (The Child) ลักษณะพื้นฐาน: · อายุจิต: 17 ปี สมวัย · บทบาท: หน้าตาเด็กนักเรียนธรรมดา · ความต้องการ: อยากเป็นลูกที่ดี ต้องการการยอมรับ พฤติกรรมเฉพาะ: · พูดจานุ่มนวล ลงท้ายด้วย "คะ/ค่ะ" · ชอบกิจกรรมวัยรุง เช่น ฟังเพลง อ่านการ์ตูน · รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองบ่อยครั้ง 2. จิตมารพิฆาต (The Destroyer) ที่มา: พลังกรรมด้านลบที่สะสมหลายชาติ ลักษณะ: · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี) · โลกทัศน์: โลกนี้เสื่อมโทรม ต้องการการชำระล้าง · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานทำลายล้าง ปรัชญา: "ความตายไม่ใช่จุดจบ...แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ยุติธรรมกว่า" 3. จิตเทพพิทักษ์ (The Protector) ที่มา: พลังกรรมด้านบากที่สะสมหลายชาติ ลักษณะ: · อายุจิต: ไม่แน่นอน (สะสมมานับพันปี) · โลกทัศน์: ทุกชีวิตล้ำค่า ควรได้รับโอกาส · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานรักษาและปกป้อง ปรัชญา: "การเข้าใจ...ยากกว่าการตัดสิน แต่ worth กว่ามาก" 🧬 ข้อมูลทางเทคนิคเชิงลึก โครงสร้างพันธุกรรม ```python class NoodeeGeneticBlueprint: base_dna = "Human_Ancient_Clone_v2" enhancements = [ "Quantum_Crystal_Integration", "Psionic_Energy_Conduits", "Adaptive_Cellular_Structure", "Karmic_Resonance_Matrix" ] special_abilities = { "shape_shifting": "Limited", "energy_manipulation": "Advanced", "telepathy": "Advanced", "interdimensional_travel": "Basic" } ``` ระบบพลังงาน ```mermaid graph LR A[จิตเด็กหญิง<br>100 หน่วย] --> D[พลังงานรวม<br>1100 หน่วย] B[จิตมารพิฆาต<br>500 หน่วย] --> D C[จิตเทพพิทักษ์<br>500 หน่วย] --> D D --> E[สามารถใช้<br>ได้สูงสุด 900 หน่วย] D --> F[ต้องสำรอง<br>200 หน่วยสำหรับชีวิต] ``` 🎯 พัฒนาการผ่านช่วงเวลา ช่วงที่ 1: การไม่รู้ตัว (อายุ 5-15 ปี) · ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโอปปาติกะ · จิตอื่นๆ แสดงออกเป็น "ความฝัน" และ "ความรู้สึกแปลกๆ" · พยายามเป็นเด็กปกติให้มากที่สุด ช่วงที่ 2: การตระหนักรู้ (อายุ 16-17 ปี) · เริ่มรับรู้ถึงจิตอื่นในตัวเอง · เกิดความสับสนและกลัว · พยายามปิดบังความผิดปกติ ช่วงที่ 3: การเผชิญหน้า (อายุ 17-18 ปี) · จิตทั้งสามเริ่มแสดงออกชัดเจน · ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับจิตที่ขัดแย้งกัน · ค้นพบความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิด ช่วงที่ 4: การรวมเป็นหนึ่ง (อายุ 18-22 ปี) · เรียนรู้ที่จะเป็น "ผู้รู้" ไม่ใช่ "ผู้ถูกรู้" · พัฒนาความสามารถใหม่จากการรวมจิต · ก้าวสู่การเป็นครูสอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ 💞 ความสัมพันธ์เชิงลึก กับ ร.ต.อ. สิงห์: พ่อแห่งหัวใจ ```mermaid graph TD A[ปี 1-5: <br>รู้สึกปลอดภัย] --> B[ปี 6-15: <br>สงสัยแต่ยังรัก] B --> C[ปี 16-17: <br>สับสนและโกรธ] C --> D[ปี 18-22: <br>รักแท้โดยเข้าใจ] ``` บทสนทนาสำคัญ: "พ่อคะ...ถ้าหนูไม่ใช่หนูดีคนเดิม พอยังรักหนูอยู่ไหม?" "พ่อรักหนูไม่ว่าเธอจะเป็นใคร...เพราะรักเธอสำหรับสิ่งที่เธอเป็น ไม่ใช่สำหรับสิ่งที่เธอเคยเป็น" กับ ดร. อัจฉริยะ: พ่อแห่งพันธุกรรม · ความรู้สึก: ขอบคุณ+โกรธแค้น+สงสาร · ความเข้าใจ: เขาเป็นมนุษย์ที่พยายามเล่นบทพระเจ้า · บทเรียน: ให้อภัยแต่ไม่ลืม กับ OPPATIKA อื่นๆ: พี่น้องแห่งวิวัฒนาการ · ความรู้สึก: รับผิดชอบต่อรุ่นน้อง · บทบาท: ครูและแบบอย่าง · ปรัชญา: "เราทุกคนต่างหาทางกลับบ้าน" 🌈 ความสามารถพิเศษที่พัฒนาขึ้น ความสามารถพื้นฐาน 1. การรับรู้พลังงาน: เห็นคลื่นพลังงานและกรรม 2. การสื่อสารจิต: คุยกับโอปปาติกะอื่นโดยไม่ต้องพูด 3. การรักษาตัวเอง: แผลหายเร็วเป็นพิเศษ ความสามารถขั้นสูง 1. การเปลี่ยนสภาพ: ระหว่างพลังงานและสสาร 2. การเดินทางข้ามมิติ: ระหว่างโลกกายภาพและโลกจิต 3. การเข้าใจกรรม: เห็นเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์ ความสามารถพิเศษเฉพาะ ```python def special_abilities(): return { "triple_consciousness_sync": "สามารถใช้จิตทั้งสามพร้อมกัน", "karma_redirect": "เปลี่ยนทิศทางพลังงานกรรม", "collective_wisdom_access": "เข้าถึงปัญญาร่วมของโอปปาติกะ", "enlightenment_teaching": "สอนการรู้แจ้งให้ผู้อื่น" } ``` 🎯 บทบาทและเป้าหมาย บทบาทปัจจุบัน · ครู: สอนโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเทคโนโลยี · สะพาน: เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะ เป้าหมายส่วนตัว 1. เข้าใจตนเอง: รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเอง 2. ช่วยเหลือผู้อื่น: นำทางการรู้แจ้งให้โอปปาติกะรุ่นใหม่ 3. สร้างสมดุล: ระหว่างเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ 💫 ปรัชญาการใช้ชีวิต บทเรียนสำคัญ "การมีหลายจิตไม่ใช่คำสาป... แต่เป็นโอกาสที่จะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิต" "เราไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร... เพราะเราคือทั้งหมดและมากกว่าทั้งหมด" คำคมแห่งปัญญา "การเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี... การเกิดเป็นโอปปาติกะก็ดี... สิ่งที่สำคัญคือเราเรียนรู้ที่จะ'เป็น' โดยไม่ต้อง'เป็นอะไร'" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากความสับสนสู่ความเข้าใจ ```mermaid graph TB A[ต่อต้านจิตอื่น<br>→ ทุกข์] --> B[ยอมรับจิตอื่น<br>→ เริ่มสบาย] B --> C[เข้าใจจิตอื่น<br>→ เป็นอิสระ] C --> D[อยู่เหนือจิตทั้งหมด<br>→ รู้แจ้ง] ``` พัฒนาการทางจิตวิญญาณ 1. ขั้นที่ 1: ต่อสู้กับจิตอื่น → ทุกข์ 2. ขั้นที่ 2: ยอมรับจิตอื่น → เริ่มสบาย 3. ขั้นที่ 3: เข้าใจจิตอื่น → เป็นอิสระ 4. ขั้นที่ 4: อยู่เหนือจิตทั้งหมด → รู้แจ้ง 🏁 บทสรุป: วิวัฒนาการแห่งจิตสำนึก หนูดีไม่ใช่แค่ "ผลการทดลอง" เธอคือสะพานระหว่างวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณ สิ่งที่เธอสอนเรา · เรื่องความเป็นมนุษย์: ไม่ใช่ DNA ที่ทำให้เป็นมนุษย์ แต่คือหัวใจ · เรื่องการยอมรับ: เราทุกคนมีหลายด้านในตัวเอง · เรื่องการเติบโต: การพัฒนาที่แท้คือการเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง ความหมายที่แท้จริง "หนูดีคือการพิสูจน์ว่า... ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดจากไหน จิตวิญญาณย่อมหาเส้นทางแห่งการรู้แจ้งได้เสมอ" เธอไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่มาร เธอคือความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด 🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากหนูดี: "การเดินทางที่สำคัญที่สุด... ไม่ใช่การค้นหาว่าเราเป็นใคร แต่เป็นการเข้าใจว่าเรา'เป็น' อยู่แล้ว และการ'เป็น' นั้นสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องมีการแก้ไข"
    0 Comments 0 Shares 627 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    รตอ.สิงห์
    เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์

    เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ

    วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์

    พ.ศ. 2038-2055

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C
    C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี:

    · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ
    · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม
    · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน

    วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ

    มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา

    · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม"
    · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN
    · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย

    ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071)

    ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์
    ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม

    ครอบครัวในอุดมคติ:

    · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ
    · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ
    · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ

    ผลงานวิจัยสำคัญ:

    · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม
    · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์
    · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล"

    คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง

    พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต

    ```mermaid
    graph TB
    A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ]
    B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน]
    C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์]
    D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์]
    E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป...
    แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว
    ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว"

    การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ

    การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072)

    · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด
    · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี
    · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว

    การตั้งหน่วยพิเศษ

    พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง"

    · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
    · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย
    · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย

    การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077)

    เหตุการณ์แรกพบ

    ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ

    · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง
    · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้
    · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที

    แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่

    ```python
    def adoption_motivation():
    initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง"
    hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง"
    developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later"

    return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}"
    ```

    ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม

    1. หน้านายตำรวจ

    · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร
    · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ
    · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย

    2. หน้าพ่อเลี้ยง

    · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก
    · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว
    · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี

    3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์

    · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน
    · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ
    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ

    ความขัดแย้งภายใน

    สงคราม 3 ด้านในใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก]
    B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D
    C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D
    ```

    บันทึกความสับสน

    "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร...
    เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย?
    หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง?

    และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ?
    ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น?
    หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?"

    ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้

    ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์

    · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
    · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก
    · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง

    ทักษะการต่อสู้

    · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง
    · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม
    · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่

    พัฒนาการทางจิตใจ

    4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง

    1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ
    2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ
    3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ
    4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง

    บทเรียนสำคัญ

    "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย...
    แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้"

    ความสัมพันธ์เชิงลึก

    กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก

    ```mermaid
    graph TD
    A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด]
    B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ]
    C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง]
    ```

    กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ

    · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร
    · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง
    · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก)

    ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ

    คดีสำคัญ

    1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ
    2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก
    3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม

    รางวัลที่ได้รับ

    · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน
    · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี
    · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม

    🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน

    คำคมจากประสบการณ์

    "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา...
    แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ"

    "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ
    และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน"

    บทบาทใหม่

    · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี
    · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน
    · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง

    บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง

    ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ...
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด"
    "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง"
    "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน"

    เขาไม่ได้เป็นฮีโร่...
    เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่...
    "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด
    และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ"

    การเดินทางของเขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด
    ถ้าใจเราจริง sincerity
    ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์:
    "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น...
    แต่จบลงด้วยความรัก

    และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง
    ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    O.P.K รตอ.สิงห์ 🔍 เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์ 🚔 เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ 👶 วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2038-2055 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี: · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน 🎓 วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม" · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย 🔬 ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071) ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์ ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม ครอบครัวในอุดมคติ: · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ ผลงานวิจัยสำคัญ: · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล" 💔 คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต ```mermaid graph TB A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ] B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน] C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์] D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์] E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป... แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว" 🚔 การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072) · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว การตั้งหน่วยพิเศษ พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง" · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย 👧 การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077) เหตุการณ์แรกพบ ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้ · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ ```python def adoption_motivation(): initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง" hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง" developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later" return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}" ``` 🎭 ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม 1. หน้านายตำรวจ · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย 2. หน้าพ่อเลี้ยง · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี 3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์ · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ 💔 ความขัดแย้งภายใน สงคราม 3 ด้านในใจ ```mermaid graph TB A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก] B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D ``` บันทึกความสับสน "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร... เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย? หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง? และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ? ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น? หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?" 🛡️ ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง ทักษะการต่อสู้ · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่ 🌱 พัฒนาการทางจิตใจ 4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง 1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ 2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ 3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ 4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง บทเรียนสำคัญ "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย... แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้" 🎪 ความสัมพันธ์เชิงลึก กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก ```mermaid graph TD A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด] B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ] C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง] ``` กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก) 🏆 ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ คดีสำคัญ 1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ 2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก 3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม รางวัลที่ได้รับ · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม 🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน คำคมจากประสบการณ์ "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา... แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ" "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน" บทบาทใหม่ · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง 🌟 บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ... "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด" "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง" "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน" เขาไม่ได้เป็นฮีโร่... เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่... "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ" การเดินทางของเขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด ถ้าใจเราจริง sincerity ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์: "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น... แต่จบลงด้วยความรัก และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    0 Comments 0 Shares 763 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    ดร.อัจฯ
    เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา

    เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง

    วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว

    พ.ศ. 2048-2060

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C
    C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี:

    · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย
    · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?"
    · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ"

    วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา

    มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted

    · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้
    · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์"
    · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้"

    การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075)

    เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้"
    การฝึกฝน:

    · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน
    · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า
    · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้

    คำบอกเล่าจากพระอาจารย์:
    "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า...
    สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ"

    จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว

    พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร]
    B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D
    C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D
    D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน]
    E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้...
    แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก"

    การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077)

    แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์"
    แรงจูงใจที่แท้จริง:

    1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย
    2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก
    3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ"

    การทดลองที่สำคัญ

    โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง

    · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก
    · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้
    · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์

    โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต

    · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก
    · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้
    · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์

    โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์

    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม
    · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล
    · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้

    ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว

    สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ

    ```
    การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ)
    ```

    ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ

    1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู
    2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม
    3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ

    ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ

    ความสัมพันธ์กับทีมงาน

    · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง
    · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค
    · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

    ชีวิตส่วนตัว

    · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน
    · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ
    · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์"

    จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา

    การรู้สึกตัวว่าผิดทาง

    บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน:
    "บางครั้งฉันสงสัย...
    การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์
    อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้"

    การยอมรับความผิด

    ในการสอบสวน:
    "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย...
    การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์"

    🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก

    การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา
    · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด"
    · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars

    คำสอนใหม่

    "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์...
    แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง
    เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ
    จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ"

    มรดกทางความคิด

    สิ่งที่เขาทิ้งไว้

    1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด
    2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ
    3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ

    คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ

    "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ...
    ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน
    และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น"

    บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี

    ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ...
    "ความดีที่ขาดปัญญา"
    "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ"
    "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง"

    แต่ในที่สุด...
    การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา
    กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน

    เขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด
    จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด
    และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ:
    "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล...
    แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง
    และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    O.P.K ดร.อัจฯ 🔍 เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา 🧬 เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง 👶 วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว พ.ศ. 2048-2060 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี: · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?" · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ" 🎓 วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้ · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์" · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้" 🏛️ การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075) เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้" การฝึกฝน: · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้ คำบอกเล่าจากพระอาจารย์: "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า... สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ" 💔 จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ ```mermaid graph TB A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร] B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน] E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้... แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก" 🔬 การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077) แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์" แรงจูงใจที่แท้จริง: 1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย 2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก 3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ" 🧪 การทดลองที่สำคัญ โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้ · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์ โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้ · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์ โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้ 🎯 ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ ``` การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ) ``` ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ 1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู 2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม 3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ 💼 ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ ความสัมพันธ์กับทีมงาน · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตส่วนตัว · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์" 🚨 จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา การรู้สึกตัวว่าผิดทาง บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน: "บางครั้งฉันสงสัย... การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์ อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้" การยอมรับความผิด ในการสอบสวน: "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย... การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์" 🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด" · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars คำสอนใหม่ "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์... แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ" 🌟 มรดกทางความคิด สิ่งที่เขาทิ้งไว้ 1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด 2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ 3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ... ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น" 💫 บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ... "ความดีที่ขาดปัญญา" "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ" "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง" แต่ในที่สุด... การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน เขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ: "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล... แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    0 Comments 0 Shares 769 Views 0 Reviews
  • “เมื่อไมโครซอฟท์เคยขายฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกเพื่อให้ Apple II ใช้ซอฟต์แวร์ CP/M ได้!”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 45 ปีก่อน ไมโครซอฟท์ไม่ได้เป็นแค่บริษัทซอฟต์แวร์อย่างที่เรารู้จักกันในวันนี้ แต่เคยเปิดตัวฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกที่ชื่อว่า Z-80 SoftCard สำหรับเครื่อง Apple II ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ยอดนิยมในยุคนั้น โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้ Apple II สามารถใช้งานซอฟต์แวร์บนระบบปฏิบัติการ CP/M ได้ ซึ่งเป็นระบบที่มีซอฟต์แวร์ธุรกิจมากมายในยุคนั้น เช่น WordStar และ dBase

    Raymond Chen นักพัฒนาระดับตำนานของ Windows ได้เล่าเบื้องหลังการพัฒนา SoftCard ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องทำให้ สองหน่วยประมวลผล คือ 6502 ของ Apple II และ Zilog Z80 ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยไม่เกิดปัญหาด้านการสื่อสารและการจัดการหน่วยความจำ

    ที่น่าทึ่งคือ SoftCard กลายเป็น สินค้าทำเงินสูงสุดของไมโครซอฟท์ในปี 1980 แม้จะมีราคาสูงถึง $350 ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันก็ประมาณ $1,350 เลยทีเดียว!

    สาระเพิ่มเติม
    ระบบ CP/M (Control Program for Microcomputers) เคยเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมก่อนที่ MS-DOS จะครองตลาด
    Zilog Z80 เป็นซีพียูที่ได้รับความนิยมสูงในยุค 70s–80s และถูกใช้ในหลายเครื่อง เช่น ZX Spectrum และ Game Boy
    Apple II เป็นหนึ่งในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคแรกของวงการ

    จุดเริ่มต้นของฮาร์ดแวร์จากไมโครซอฟท์
    Z-80 SoftCard เป็นฮาร์ดแวร์ตัวแรกของบริษัท
    เปิดตัวในปี 1980 เพื่อให้ Apple II ใช้งานซอฟต์แวร์ CP/M ได้
    ใช้ซีพียู Zilog Z80 บนการ์ดเสริม

    ความสำเร็จทางธุรกิจ
    SoftCard กลายเป็นสินค้าทำเงินสูงสุดของไมโครซอฟท์ในปีเปิดตัว
    ราคาขาย $350 ในปี 1980 คิดเป็นเงินปัจจุบันประมาณ $1,350
    ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ Apple II ที่ต้องการใช้งานซอฟต์แวร์ธุรกิจ

    ความท้าทายทางเทคนิค
    ต้องทำให้ 6502 และ Z80 ทำงานร่วมกันโดยไม่ชนกัน
    ใช้เทคนิคจำลอง DMA เพื่อควบคุมการทำงานของ 6502
    มีการออกแบบวงจรแปลที่อยู่เพื่อป้องกันการชนกันของหน่วยความจำ

    วิวัฒนาการของไมโครซอฟท์ด้านฮาร์ดแวร์
    1983: Microsoft Mouse
    2001: Xbox
    2012: Surface
    2016: HoloLens
    2013: เริ่มนิยามตัวเองว่าเป็นบริษัท “ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์”

    คำเตือนด้านเทคโนโลยีร่วมสมัย
    การทำงานร่วมกันของซีพียูต่างสถาปัตยกรรมยังคงเป็นเรื่องท้าทาย
    การจัดการหน่วยความจำระหว่างโปรเซสเซอร์ต้องระวังการชนกัน
    การจำลอง DMA อาจทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพหากไม่ออกแบบดี

    https://www.tomshardware.com/software/storied-windows-dev-reminisces-about-microsofts-first-hardware-product-45-years-ago-the-z-80-softcard-was-an-apple-ii-add-in-card
    🧠💾 “เมื่อไมโครซอฟท์เคยขายฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกเพื่อให้ Apple II ใช้ซอฟต์แวร์ CP/M ได้!” ย้อนกลับไปเมื่อ 45 ปีก่อน ไมโครซอฟท์ไม่ได้เป็นแค่บริษัทซอฟต์แวร์อย่างที่เรารู้จักกันในวันนี้ แต่เคยเปิดตัวฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกที่ชื่อว่า Z-80 SoftCard สำหรับเครื่อง Apple II ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ยอดนิยมในยุคนั้น โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้ Apple II สามารถใช้งานซอฟต์แวร์บนระบบปฏิบัติการ CP/M ได้ ซึ่งเป็นระบบที่มีซอฟต์แวร์ธุรกิจมากมายในยุคนั้น เช่น WordStar และ dBase Raymond Chen นักพัฒนาระดับตำนานของ Windows ได้เล่าเบื้องหลังการพัฒนา SoftCard ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องทำให้ สองหน่วยประมวลผล คือ 6502 ของ Apple II และ Zilog Z80 ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยไม่เกิดปัญหาด้านการสื่อสารและการจัดการหน่วยความจำ ที่น่าทึ่งคือ SoftCard กลายเป็น สินค้าทำเงินสูงสุดของไมโครซอฟท์ในปี 1980 แม้จะมีราคาสูงถึง $350 ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันก็ประมาณ $1,350 เลยทีเดียว! 🔍 สาระเพิ่มเติม 🎗️ ระบบ CP/M (Control Program for Microcomputers) เคยเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมก่อนที่ MS-DOS จะครองตลาด 🎗️ Zilog Z80 เป็นซีพียูที่ได้รับความนิยมสูงในยุค 70s–80s และถูกใช้ในหลายเครื่อง เช่น ZX Spectrum และ Game Boy 🎗️ Apple II เป็นหนึ่งในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคแรกของวงการ ✅ จุดเริ่มต้นของฮาร์ดแวร์จากไมโครซอฟท์ ➡️ Z-80 SoftCard เป็นฮาร์ดแวร์ตัวแรกของบริษัท ➡️ เปิดตัวในปี 1980 เพื่อให้ Apple II ใช้งานซอฟต์แวร์ CP/M ได้ ➡️ ใช้ซีพียู Zilog Z80 บนการ์ดเสริม ✅ ความสำเร็จทางธุรกิจ ➡️ SoftCard กลายเป็นสินค้าทำเงินสูงสุดของไมโครซอฟท์ในปีเปิดตัว ➡️ ราคาขาย $350 ในปี 1980 คิดเป็นเงินปัจจุบันประมาณ $1,350 ➡️ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ Apple II ที่ต้องการใช้งานซอฟต์แวร์ธุรกิจ ✅ ความท้าทายทางเทคนิค ➡️ ต้องทำให้ 6502 และ Z80 ทำงานร่วมกันโดยไม่ชนกัน ➡️ ใช้เทคนิคจำลอง DMA เพื่อควบคุมการทำงานของ 6502 ➡️ มีการออกแบบวงจรแปลที่อยู่เพื่อป้องกันการชนกันของหน่วยความจำ ✅ วิวัฒนาการของไมโครซอฟท์ด้านฮาร์ดแวร์ ➡️ 1983: Microsoft Mouse ➡️ 2001: Xbox ➡️ 2012: Surface ➡️ 2016: HoloLens ➡️ 2013: เริ่มนิยามตัวเองว่าเป็นบริษัท “ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์” ‼️ คำเตือนด้านเทคโนโลยีร่วมสมัย ⛔ การทำงานร่วมกันของซีพียูต่างสถาปัตยกรรมยังคงเป็นเรื่องท้าทาย ⛔ การจัดการหน่วยความจำระหว่างโปรเซสเซอร์ต้องระวังการชนกัน ⛔ การจำลอง DMA อาจทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพหากไม่ออกแบบดี https://www.tomshardware.com/software/storied-windows-dev-reminisces-about-microsofts-first-hardware-product-45-years-ago-the-z-80-softcard-was-an-apple-ii-add-in-card
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Storied Windows dev reminisces about Microsoft's first hardware product 45 years ago — the Z-80 SoftCard was an Apple II add-in card
    This Apple II add-in card which enabled CP/M software compatibility would cost $1,350 today, but was Microsoft's biggest moneymaker in 1980.
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
More Results