อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาเป็นลำดับในลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
สัทธรรมลำดับที่ : 644
ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644
เนื้อความทั้งหมด :-
--ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
--ภิกษุ ท. ! อวิชชาภิกษุละได้แล้ว
วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลใด,
ในกาลนั้น ภิกษุนั้น,
เพราะความสำรอกออกโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา, เธอ
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นบุญ ;
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันมิใช่บุญ ;
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นอเนญชา ;
เมื่อ ไม่ปรุงแต่ง อยู่,
เมื่อ ไม่มุ่งมาด อยู่,
เธอย่อม ไม่ถือมั่นสิ่งไรๆ ในโลก ;
เมื่อไม่ถือมั่นอยู่,
เธอย่อม ไม่สะดุ้งหวาดเสียว;
เมื่อไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่,
เธอย่อม
#ปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ
เธอย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว,
กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว,
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
ดังนี้.
--ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้น ไม่เที่ยงอันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้น ไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้นไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
+-ภิกษุนั้น
ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น.
--ภิกษุนั้น
เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
จักเป็นของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง ;
สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน
บุรุษยกหม้อที่ยังร้อนออกจากเตาเผาหม้อ วางไว้พื้นดินอันเรียบ
ไออุ่นที่หม้อนั้นพึงระงับหายไป ในที่นั้นเอง กระเบื้องทั้งหลายก็เหลืออยู่ นี้ฉันใด ;
--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ
เมื่อเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
เมื่อเธอนั้น เสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
+-ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
จักเป็นของเย็นในอัตตภาพนี้เอง;
สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ;
คือ ภิกษุผู้ขีณาสพ
+--พึงปรุงแต่งปุญญาภิสังขาร,
หรือว่าพึงปรุงแต่ง อปุญญาภิสังขาร,
หรือว่าพึงปรุงแต่งอเนญชาภิสังขาร,
บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่มี, เพราะความดับแห่งสังขาร
โดยประการทั้งปวง,
วิญญาณ พึงปรากฎ บ้างหรือหนอ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อวิญญาณ ไม่มี, เพราะความดับแห่งวิญญาณ
โดยประการทั้งปวง,
นามรูป พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อนามรูป ไม่มี, เพราะความดับแห่งนามรูป
โดยประการทั้งปวง,
สฬายตนะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อสฬายตนะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งสฬายตนะ
โดยประการทั้งปวง,
ผัสสะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อผัสสะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งผัสสะ
โดยประการทั้งปวง,
เวทนา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อเวทนา ไม่มี, เพราะความดับแห่งเวทนา
โดยประการทั้งปวง,
ตัณหา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อตัณหา ไม่มี, เพราะความดับแห่งตัณหา
โดยประการทั้งปวง,
อุปาทาน พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่ออุปาทาน ไม่มี, เพราะความดับแห่งอุปาทาน
โดยประการทั้งปวง,
ภพ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อภพ ไม่มี, เพราะความดับแห่งภพ
โดยประการทั้งปวง,
ชาติ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--เมื่อชาติ ไม่มี, เพราะความดับแห่งชาติ
โดยประการทั้งปวง.
ชรามรณะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว.
+--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงทำความสำคัญ จงเชื่อซึ่งข้อนั้น ไว้อย่างนั้นเถิด.
+--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงปลงซึ่งความเชื่อ ในข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ;
จงเป็นผู้หมดความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้นเถิด;
#นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ละ,
http://etipitaka.com/read/pali/16/101/?keywords=เอเสวนฺโต+ทุกฺขสฺสาติ
ดังนี้ แล.-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/81-83/192-195.
http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๙๙-๑๐๑/๑๙๒-๑๙๕.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=644
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3 อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาเป็นลำดับในลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
สัทธรรมลำดับที่ : 644
ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644
เนื้อความทั้งหมด :-
--ลักษณะแห่งการถึงที่สุดทุกข์
--ภิกษุ ท. ! อวิชชาภิกษุละได้แล้ว
วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลใด,
ในกาลนั้น ภิกษุนั้น,
เพราะความสำรอกออกโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา, เธอ
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นบุญ ;
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันมิใช่บุญ ;
ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่ง อภิสังขารอันเป็นอเนญชา ;
เมื่อ ไม่ปรุงแต่ง อยู่,
เมื่อ ไม่มุ่งมาด อยู่,
เธอย่อม ไม่ถือมั่นสิ่งไรๆ ในโลก ;
เมื่อไม่ถือมั่นอยู่,
เธอย่อม ไม่สะดุ้งหวาดเสียว;
เมื่อไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่,
เธอย่อม #ปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ
เธอย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว,
กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว,
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
ดังนี้.
--ภิกษุนั้น ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้น ไม่เที่ยงอันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้น ไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ประจักษ์ว่า
“เวทนานั้นไม่เที่ยง อันเราไม่สยบมัวเมาแล้ว อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว”
ดังนี้.
+-ภิกษุนั้น
ถ้าเสวย สุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
ถ้าเสวย ทุกขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น ;
ถ้าเสวย อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นผู้ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว เสวยเวทนานั้น.
--ภิกษุนั้น
เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
จักเป็นของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง ;
สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน
บุรุษยกหม้อที่ยังร้อนออกจากเตาเผาหม้อ วางไว้พื้นดินอันเรียบ
ไออุ่นที่หม้อนั้นพึงระงับหายไป ในที่นั้นเอง กระเบื้องทั้งหลายก็เหลืออยู่ นี้ฉันใด ;
--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ
เมื่อเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีกายเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
เมื่อเธอนั้น เสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เราเสวยเวทนาอันมีชีวิตเป็นที่สุดรอบ”
ดังนี้.
+-ภิกษุนั้น ย่อมรู้ประจักษ์ว่า
“เวทนาทั้งหลายทั้งปวง
อันเราไม่เพลิดเพลินเฉพาะแล้ว
จักเป็นของเย็นในอัตตภาพนี้เอง;
สรีระทั้งหลายจักเหลืออยู่ ;
จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแห่งชีวิต
เพราะการแตกทำลายแห่งกาย”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ;
คือ ภิกษุผู้ขีณาสพ
+--พึงปรุงแต่งปุญญาภิสังขาร,
หรือว่าพึงปรุงแต่ง อปุญญาภิสังขาร,
หรือว่าพึงปรุงแต่งอเนญชาภิสังขาร,
บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่มี, เพราะความดับแห่งสังขาร
โดยประการทั้งปวง,
วิญญาณ พึงปรากฎ บ้างหรือหนอ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อวิญญาณ ไม่มี, เพราะความดับแห่งวิญญาณ
โดยประการทั้งปวง,
นามรูป พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อนามรูป ไม่มี, เพราะความดับแห่งนามรูป
โดยประการทั้งปวง,
สฬายตนะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อสฬายตนะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งสฬายตนะ
โดยประการทั้งปวง,
ผัสสะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อผัสสะ ไม่มี, เพราะความดับแห่งผัสสะ
โดยประการทั้งปวง,
เวทนา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อเวทนา ไม่มี, เพราะความดับแห่งเวทนา
โดยประการทั้งปวง,
ตัณหา พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อตัณหา ไม่มี, เพราะความดับแห่งตัณหา
โดยประการทั้งปวง,
อุปาทาน พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่ออุปาทาน ไม่มี, เพราะความดับแห่งอุปาทาน
โดยประการทั้งปวง,
ภพ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
+--เมื่อภพ ไม่มี, เพราะความดับแห่งภพ
โดยประการทั้งปวง,
ชาติ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--เมื่อชาติ ไม่มี, เพราะความดับแห่งชาติ
โดยประการทั้งปวง.
ชรามรณะ พึงปรากฏ บ้างหรือหนอ ?
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว.
+--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงทำความสำคัญ จงเชื่อซึ่งข้อนั้น ไว้อย่างนั้นเถิด.
+--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงปลงซึ่งความเชื่อ ในข้อนั้นอย่างนั้นเถิด ;
จงเป็นผู้หมดความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนั้นเถิด; #นั่นแหละที่สุดแห่งทุกข์ละ,
http://etipitaka.com/read/pali/16/101/?keywords=เอเสวนฺโต+ทุกฺขสฺสาติ
ดังนี้ แล.-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/81-83/192-195.
http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๙๙-๑๐๑/๑๙๒-๑๙๕.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=644
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=644
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3