• 💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68
    💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน

    🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน
    🗓 5 วัน 3 คืน
    🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์

    📅 เดินทางช่วง:
    • 11-15 ก.ค.68
    • 12-16 ก.ค.68
    • 17-21 ก.ค.68

    📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์
    📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน

    #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วน

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e16a7f

    ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/a32eb2

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395
    💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68 💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน 🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน 🗓 5 วัน 3 คืน 🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์ 📅 เดินทางช่วง: • 11-15 ก.ค.68 • 12-16 ก.ค.68 • 17-21 ก.ค.68 📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์ 📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e16a7f ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/a32eb2 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 Comments 0 Shares 0 Views 0 Reviews
  • 💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68
    💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน

    🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน
    🗓 5 วัน 3 คืน
    🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์

    📅 เดินทางช่วง:
    • 11-15 ก.ค.68
    • 12-16 ก.ค.68
    • 17-21 ก.ค.68

    📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์
    📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน

    #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วน

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e16a7f

    ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/a32eb2

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68 💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน 🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน 🗓 5 วัน 3 คืน 🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์ 📅 เดินทางช่วง: • 11-15 ก.ค.68 • 12-16 ก.ค.68 • 17-21 ก.ค.68 📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์ 📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e16a7f ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/a32eb2 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 Comments 0 Shares 0 Views 0 Reviews
  • 💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68
    💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน

    🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน
    🗓 5 วัน 3 คืน
    🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์

    📅 เดินทางช่วง:
    • 11-15 ก.ค.68
    • 12-16 ก.ค.68
    • 17-21 ก.ค.68

    📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์
    📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน

    #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วนโปรดี #ลด500ทันที 🧳🇯🇵

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e16a7f

    ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/a32eb2

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    💥จอง+จ่าย วันนี้ - 30 ก.ย.68 💸 รับส่วนลดทันที 500.-/ท่าน 🌸 TOKYO ลาเวนเดอร์ ฟูจิ อิสระเต็มวัน 🗓 5 วัน 3 คืน 🛫 เดินทางโดย : XJ-แอร์เอเชียเอ็กซ์ 📅 เดินทางช่วง: • 11-15 ก.ค.68 • 12-16 ก.ค.68 • 17-21 ก.ค.68 📍 เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมทุ่งลาเวนเดอร์ 📷 ฟูจิสุดอลัง | ช้อปเพลิน | อิสระ 1 วัน #โตเกียว #ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น #ฟูจิซัง #เที่ยวญี่ปุ่น #JapanTrip #XJบินตรง #ทัวร์ญี่ปุ่น #เที่ยวหน้าร้อน #จองด่วนโปรดี #ลด500ทันที 🧳🇯🇵 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e16a7f ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/a32eb2 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 Comments 0 Shares 0 Views 0 Reviews
  • 'กองทัพไทย' ยันไม่ล้ำเส้น แจงปมนักปั่นชม 'ตาเมือนธม' 'กัมพูชา' ดิ้นพล่านหนัก
    .
    รัฐบาลกัมพูชายังคงออกอาการโวยวายต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงความกังวล กรณีเจ้าหน้าที่ทหารไทยนำคณะนักปั่นจักรยานเข้าเยี่ยมชมบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ พบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุรินทร์ จัดโดยสำนักการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัด ภายใต้ชื่อว่า “ปั่น 2 ปราสาท สัมผัสทุเรียนเมืองช้าง @พนมดงรัก 2025”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058804

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    'กองทัพไทย' ยันไม่ล้ำเส้น แจงปมนักปั่นชม 'ตาเมือนธม' 'กัมพูชา' ดิ้นพล่านหนัก . รัฐบาลกัมพูชายังคงออกอาการโวยวายต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงความกังวล กรณีเจ้าหน้าที่ทหารไทยนำคณะนักปั่นจักรยานเข้าเยี่ยมชมบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ พบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุรินทร์ จัดโดยสำนักการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัด ภายใต้ชื่อว่า “ปั่น 2 ปราสาท สัมผัสทุเรียนเมืองช้าง @พนมดงรัก 2025” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058804 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • เจ้าชาย เรซา ปาห์ลาวี โอรสของพระเจ้าชาห์ที่สองของอิหร่าน ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐกล่าวแสดงความยินดีและพึงพอใจเกี่ยวกับข้อความของทรัมป์ที่แสดงความเห็นว่าถึงเวลาที่อิหร่านต้องเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่

    ที่ผ่านมาเจ้าชาย เรซา ปาห์ลาวี มักจะแสดงความเห็นโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของคาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านมาตลอด โดยต้องการให้อิหร่านเปลี่ยนเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแห่งชาติแทน

    ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2496 อังกฤษและสหรัฐฯวางแผนรัฐประหารในอิหร่านจนสำเร็จ และช่วยผลักดันให้ราชวงศ์ปาห์ลาวีขึ้นปกครองประเทศอิหร่าน หลังจากนั้นอิหร่านจึงกลายเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกและปล่อยให้อิทธิพลของต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงหาผลประโยชน์จากน้ำมันซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดของชาติ

    ต่อมาในปีพ.ศ.2522 ซึ่งเป็นยุคการปกครองของในสมัยของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์ที่สองของราชวงศ์ปาห์ลาวี และเป็นพระราชบิดาของเจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี (ที่กำลังลี้ภัยอยู่ในสหรัฐขณะนี้) เกิดการปฏิวัติเพื่อโค่นล้มการปกครอง และมีการสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2522 โดยอยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี
    เจ้าชาย เรซา ปาห์ลาวี โอรสของพระเจ้าชาห์ที่สองของอิหร่าน ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐกล่าวแสดงความยินดีและพึงพอใจเกี่ยวกับข้อความของทรัมป์ที่แสดงความเห็นว่าถึงเวลาที่อิหร่านต้องเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่ ที่ผ่านมาเจ้าชาย เรซา ปาห์ลาวี มักจะแสดงความเห็นโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของคาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านมาตลอด โดยต้องการให้อิหร่านเปลี่ยนเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแห่งชาติแทน ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2496 อังกฤษและสหรัฐฯวางแผนรัฐประหารในอิหร่านจนสำเร็จ และช่วยผลักดันให้ราชวงศ์ปาห์ลาวีขึ้นปกครองประเทศอิหร่าน หลังจากนั้นอิหร่านจึงกลายเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกและปล่อยให้อิทธิพลของต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงหาผลประโยชน์จากน้ำมันซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดของชาติ ต่อมาในปีพ.ศ.2522 ซึ่งเป็นยุคการปกครองของในสมัยของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์ที่สองของราชวงศ์ปาห์ลาวี และเป็นพระราชบิดาของเจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี (ที่กำลังลี้ภัยอยู่ในสหรัฐขณะนี้) เกิดการปฏิวัติเพื่อโค่นล้มการปกครอง และมีการสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2522 โดยอยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่า Notification บนมือถือเด้งขึ้นมาบอกว่า “เปิดดูเลยที่ amazon.com” — พอเรากดปุ๊บ...กลับกลายเป็น “zon.com” แบบไม่รู้ตัว เพราะตัวอักษรที่เห็นกับ “ลิงก์จริง” ไม่เหมือนกัน!

    มันเกิดจากการฝัง “ตัวอักษรพิเศษแบบ Unicode ที่มองไม่เห็น” (เช่น zero-width space) ไว้ในลิงก์ พอ Android อ่านลิงก์นั้นก็แปลผลไม่เหมือนที่ผู้ใช้เห็น เช่น:
    - เห็นว่าเป็น amazon.com
    - แต่เบื้องหลังคือ ama​zon.com → ระบบตีความว่า zon.com แล้วเปิดลิงก์อันตรายแทน!

    ถ้าโดนใช้กับ deep link หรือ app link ก็จะยิ่งอันตราย เพราะกดแล้วสามารถสั่งให้แอปทำงาน เช่น โทรออก เปิดช่องแชต หรือดึงข้อมูลได้ทันที

    ทดลองแล้วว่าแอปดังหลายแอปโดนได้หมด ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp, Instagram, Telegram, Discord หรือ Slack และเกิดขึ้นบนมือถือทั้ง Pixel 9, Galaxy S25 และ Android รุ่นก่อน ๆ

    ความน่ากลัวคือ แอนติไวรัสก็จับไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่มัลแวร์ แต่เป็นการหลอกสายตาและใช้แอปให้ทำสิ่งที่เราไม่ตั้งใจ — ต้องพึ่งระบบป้องกันที่เข้าใจพฤติกรรมผิดปกติระดับ Endpoint เท่านั้น

    ✅ ช่องโหว่นี้เกิดจากการใช้ Unicode ที่มองไม่เห็น (เช่น zero-width space) ใน URL ของ Notification บน Android  
    • ทำให้ลิงก์ที่ผู้ใช้เห็นไม่ตรงกับลิงก์ที่ระบบ Android เปิดจริง

    ✅ สามารถนำไปใช้สร้างลิงก์ปลอม หรือ deep link ที่เปิดฟีเจอร์อันตรายในแอปอื่น เช่น โทรหาเบอร์ที่ตั้งไว้, เปิดหน้าเว็บปลอม, เรียก API ในแอป

    ✅ แอปยอดนิยมที่ได้รับผลกระทบจากการทดสอบ ได้แก่ WhatsApp, Telegram, Instagram, Discord, Slack

    ✅ นักวิจัยสามารถใช้แอปที่เขียนเองเพื่อเลี่ยงการกรองอักขระ และทดสอบเจาะผ่านหลายสถานการณ์ได้สำเร็จ

    ✅ การโจมตีใช้ได้บนมือถือหลายรุ่น ตั้งแต่ Google Pixel 9 Pro XL, Samsung Galaxy S25 ไปจนถึง Android รุ่นเก่า

    ✅ มัลแวร์หรือภัยแบบนี้ไม่ต้องใช้การดาวน์โหลดไฟล์ — แค่หลอก Notification หรือ UI ให้ผู้ใช้คลิกผิด

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-could-trick-users-into-downloading-malware-and-opening-malicious-sites-using-a-flaw-in-android-heres-what-you-need-to-know
    ลองนึกภาพว่า Notification บนมือถือเด้งขึ้นมาบอกว่า “เปิดดูเลยที่ amazon.com” — พอเรากดปุ๊บ...กลับกลายเป็น “zon.com” แบบไม่รู้ตัว เพราะตัวอักษรที่เห็นกับ “ลิงก์จริง” ไม่เหมือนกัน! มันเกิดจากการฝัง “ตัวอักษรพิเศษแบบ Unicode ที่มองไม่เห็น” (เช่น zero-width space) ไว้ในลิงก์ พอ Android อ่านลิงก์นั้นก็แปลผลไม่เหมือนที่ผู้ใช้เห็น เช่น: - เห็นว่าเป็น amazon.com - แต่เบื้องหลังคือ ama​zon.com → ระบบตีความว่า zon.com แล้วเปิดลิงก์อันตรายแทน! ถ้าโดนใช้กับ deep link หรือ app link ก็จะยิ่งอันตราย เพราะกดแล้วสามารถสั่งให้แอปทำงาน เช่น โทรออก เปิดช่องแชต หรือดึงข้อมูลได้ทันที ทดลองแล้วว่าแอปดังหลายแอปโดนได้หมด ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp, Instagram, Telegram, Discord หรือ Slack และเกิดขึ้นบนมือถือทั้ง Pixel 9, Galaxy S25 และ Android รุ่นก่อน ๆ ความน่ากลัวคือ แอนติไวรัสก็จับไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่มัลแวร์ แต่เป็นการหลอกสายตาและใช้แอปให้ทำสิ่งที่เราไม่ตั้งใจ — ต้องพึ่งระบบป้องกันที่เข้าใจพฤติกรรมผิดปกติระดับ Endpoint เท่านั้น ✅ ช่องโหว่นี้เกิดจากการใช้ Unicode ที่มองไม่เห็น (เช่น zero-width space) ใน URL ของ Notification บน Android   • ทำให้ลิงก์ที่ผู้ใช้เห็นไม่ตรงกับลิงก์ที่ระบบ Android เปิดจริง ✅ สามารถนำไปใช้สร้างลิงก์ปลอม หรือ deep link ที่เปิดฟีเจอร์อันตรายในแอปอื่น เช่น โทรหาเบอร์ที่ตั้งไว้, เปิดหน้าเว็บปลอม, เรียก API ในแอป ✅ แอปยอดนิยมที่ได้รับผลกระทบจากการทดสอบ ได้แก่ WhatsApp, Telegram, Instagram, Discord, Slack ✅ นักวิจัยสามารถใช้แอปที่เขียนเองเพื่อเลี่ยงการกรองอักขระ และทดสอบเจาะผ่านหลายสถานการณ์ได้สำเร็จ ✅ การโจมตีใช้ได้บนมือถือหลายรุ่น ตั้งแต่ Google Pixel 9 Pro XL, Samsung Galaxy S25 ไปจนถึง Android รุ่นเก่า ✅ มัลแวร์หรือภัยแบบนี้ไม่ต้องใช้การดาวน์โหลดไฟล์ — แค่หลอก Notification หรือ UI ให้ผู้ใช้คลิกผิด https://www.techradar.com/pro/security/hackers-could-trick-users-into-downloading-malware-and-opening-malicious-sites-using-a-flaw-in-android-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Your favorite apps might betray you, thanks to a new Android trick that fools even smart users
    That Android notification link may not be what it looks like, and it could cost you
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา

    ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย

    นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming)

    แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP

    https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming) แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    WWW.TECHRADAR.COM
    Unknown outside China, iSoftStone is now the country’s third-largest PC brand
    iSoftStone enjoyed a 111% increase in unit shipments in just one year
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง

    สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น:
    - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก
    - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่)
    - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

    โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ

    แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด

    เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น:
    - การผลิตมือถือและสายส่ง
    - การจัดส่งและรีไซเคิล
    - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด

    จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2

    ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ:
    - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน
    - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90%
    - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว

    https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    ปกติเวลาพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะนึกถึง “พลังงาน” ที่มันใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ, สัญญาณ 5G หรือแม้แต่เน็ตบนรถไฟฟ้า แต่งานวิจัยล่าสุดจาก GSMA บอกว่า แม้ผู้ใช้งานมือถือทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9% และมีการใช้ดาต้ามากกว่า 4 เท่า — แต่มือถือกลับปล่อยคาร์บอนน้อยลง สิ่งที่ช่วยให้เป็นแบบนั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น: - การยกเลิกเครือข่ายเก่า (เช่น 2G/3G) ที่กินไฟมาก - เปลี่ยนจากเครื่องปั่นไฟดีเซล มาใช้พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์/แบตเตอรี่) - ใช้เทคโนโลยีสื่อสารใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” ที่เป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดในโลก (มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านราย) กลับลดคาร์บอนลง 4% ในปี 2024 ได้สำเร็จ แต่ทาง GSMA ก็ยังบอกว่า ยังเร็วเกินจะดีใจ เพราะเป้าหมาย Net Zero ต้องลดลงเฉลี่ย 7.5% ต่อปี — ตอนนี้ทำได้แค่ 4.5% เท่านั้นในปีล่าสุด เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกด้านคือ “รอยเท้าคาร์บอนที่แฝงอยู่” (Scope 3) เช่น: - การผลิตมือถือและสายส่ง - การจัดส่งและรีไซเคิล - ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด จุดนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของคาร์บอนทั้งหมดในอุตสาหกรรมมือถือ ซึ่งยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจังเท่า Scope 1–2 ข่าวดีคือ ผู้บริโภคเริ่มสนใจความยั่งยืนแล้วจริง ๆ: - 90% อยากให้มือถือซ่อมง่ายและใช้นาน - 50% พร้อมซื้อเครื่อง Refurbished ซึ่งปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ามือถือใหม่ถึง 80–90% - ตลาดมือถือมือสองตอนนี้โตไวมาก คาดว่าจะมูลค่าถึง $150B ภายในปี 2027 เลยทีเดียว https://www.techradar.com/pro/mobile-industry-slashes-global-carbon-emissions-despite-4x-increase-in-worldwide-data-traffic-heres-why-it-matters
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ปกติแล้วเมื่อชิปมีความละเอียดระดับ 10nm (หรือเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า “1c DRAM”) ยิ่งขนาดทรานซิสเตอร์เล็กลง ก็ยิ่งทำให้ผลิตยาก ยิ่งมี defect ก็ยิ่ง “yield ต่ำ” — แต่นี่คือครั้งแรกที่ Samsung กลับมาพลิกเกมด้วย การออกแบบชิปใหม่ทั้งหมดหลังล้มเหลวตอนปลายปี 2024 แม้จะต้องเลื่อนแผนผลิตไปกว่า 1 ปีเต็มก็ตาม

    ผลลัพธ์ของการ “ยอมถอยเพื่อเดินหน้า” คือ yield rate ตอนนี้ขยับขึ้นจาก <30% → สู่ 50–70% ซึ่งถือว่า “ผ่านจุดคุ้มทุน” แล้ว ทำให้ Samsung เตรียมเร่งกำลังผลิตในสาย Pyeongtaek และ Hwaseong ทันที

    เหตุผลที่เรื่องนี้น่าสนใจคือ DRAM รุ่น 1c คือรากฐานสำคัญของชิป HBM4 (High Bandwidth Memory Gen4) — ซึ่งจำเป็นมากต่อการแข่งในตลาด AI, HPC และ GPU รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025–2026 โดย Samsung ตั้งเป้าเริ่ม mass production HBM4 ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ฐาน Pyeongtaek Line 3 เป็นหัวหอก

    ✅ Samsung ดัน yield DRAM รุ่น 1c ขึ้นมาที่ระดับ 50–70% ได้แล้ว  
    • ปีที่แล้วอยู่ต่ำกว่า 30% และต้องเลื่อน mass production ออกไป  
    • ผ่านจุดคุ้มทุนในการผลิต เกิด mass yield ได้จริง

    ✅ ออกแบบชิปรุ่นใหม่ทั้งหมดหลังแผนผลิตปลายปี 2024 ล้มเหลว  
    • เปลี่ยนดีไซน์เพื่อปรับประสิทธิภาพและลด defect  
    • ย้ายฐานการผลิตไป Pyeongtaek Line 4 (สำหรับ DRAM 1c)

    ✅ ช่วยเร่งแผนผลิต HBM4 ให้เริ่มได้ภายในปลายปี 2025  
    • ฐานการผลิต HBM4 อยู่ที่ Pyeongtaek Line 3  
    • DRAM 1c เป็นรากฐานสำคัญของ HBM4

    ✅ Samsung เดินคนละเส้นกับคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron ที่ใช้ DRAM รุ่น 1b กับ HBM4 แทน 1c  
    • มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่โอกาสทำกำไรสูงกว่าเช่นกัน

    ✅ เริ่มขยายสายการผลิต DRAM 1c เพิ่มที่ Hwaseong และ Pyeongtaek ในปีนี้  
    • เตรียมรองรับความต้องการ DRAM/HBM ที่สูงขึ้นจากภาค AI และดาต้าเซ็นเตอร์

    https://www.techpowerup.com/338192/samsung-reportedly-achieves-70-yields-for-its-1c-dram-technology
    ปกติแล้วเมื่อชิปมีความละเอียดระดับ 10nm (หรือเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า “1c DRAM”) ยิ่งขนาดทรานซิสเตอร์เล็กลง ก็ยิ่งทำให้ผลิตยาก ยิ่งมี defect ก็ยิ่ง “yield ต่ำ” — แต่นี่คือครั้งแรกที่ Samsung กลับมาพลิกเกมด้วย การออกแบบชิปใหม่ทั้งหมดหลังล้มเหลวตอนปลายปี 2024 แม้จะต้องเลื่อนแผนผลิตไปกว่า 1 ปีเต็มก็ตาม ผลลัพธ์ของการ “ยอมถอยเพื่อเดินหน้า” คือ yield rate ตอนนี้ขยับขึ้นจาก <30% → สู่ 50–70% ซึ่งถือว่า “ผ่านจุดคุ้มทุน” แล้ว ทำให้ Samsung เตรียมเร่งกำลังผลิตในสาย Pyeongtaek และ Hwaseong ทันที เหตุผลที่เรื่องนี้น่าสนใจคือ DRAM รุ่น 1c คือรากฐานสำคัญของชิป HBM4 (High Bandwidth Memory Gen4) — ซึ่งจำเป็นมากต่อการแข่งในตลาด AI, HPC และ GPU รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025–2026 โดย Samsung ตั้งเป้าเริ่ม mass production HBM4 ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ฐาน Pyeongtaek Line 3 เป็นหัวหอก ✅ Samsung ดัน yield DRAM รุ่น 1c ขึ้นมาที่ระดับ 50–70% ได้แล้ว   • ปีที่แล้วอยู่ต่ำกว่า 30% และต้องเลื่อน mass production ออกไป   • ผ่านจุดคุ้มทุนในการผลิต เกิด mass yield ได้จริง ✅ ออกแบบชิปรุ่นใหม่ทั้งหมดหลังแผนผลิตปลายปี 2024 ล้มเหลว   • เปลี่ยนดีไซน์เพื่อปรับประสิทธิภาพและลด defect   • ย้ายฐานการผลิตไป Pyeongtaek Line 4 (สำหรับ DRAM 1c) ✅ ช่วยเร่งแผนผลิต HBM4 ให้เริ่มได้ภายในปลายปี 2025   • ฐานการผลิต HBM4 อยู่ที่ Pyeongtaek Line 3   • DRAM 1c เป็นรากฐานสำคัญของ HBM4 ✅ Samsung เดินคนละเส้นกับคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron ที่ใช้ DRAM รุ่น 1b กับ HBM4 แทน 1c   • มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่โอกาสทำกำไรสูงกว่าเช่นกัน ✅ เริ่มขยายสายการผลิต DRAM 1c เพิ่มที่ Hwaseong และ Pyeongtaek ในปีนี้   • เตรียมรองรับความต้องการ DRAM/HBM ที่สูงขึ้นจากภาค AI และดาต้าเซ็นเตอร์ https://www.techpowerup.com/338192/samsung-reportedly-achieves-70-yields-for-its-1c-dram-technology
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Samsung Reportedly Achieves 70% Yields for Its 1c DRAM Technology
    Samsung has achieved better production results for its advanced memory technology, according to Sedaily, as cited by TrendForce. The company's sixth-generation 10 nm DRAM, called 1c DRAM, now shows yield rates of 50-70% in testing. This represents a significant improvement from last year's results, ...
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm

    ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว 😅

    ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป

    G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง

    สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน

    ✅ Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ  
    • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง  
    • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ

    ✅ ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)  
    • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ)

    ✅ สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz  
    • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์

    ✅ อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง  
    • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026

    ✅ ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์

    ✅ เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว 😅 ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน ✅ Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ   • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง   • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ ✅ ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)   • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ) ✅ สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz   • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์ ✅ อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง   • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ✅ ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์ ✅ เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • เคยไหมครับที่ติด Wi-Fi กลางแจ้งแล้วฝนตกทีไรกลัวมันพัง? TP-Link เขาเลยออก Access Point ตัวนี้มาแบบ “ติดตั้งแล้วลืมไปได้เลย” เพราะมันอึดระดับ “จุ่มน้ำลึก 1.5 เมตรก็ยังรอด” (ถึงแม้ Wi-Fi จะใช้ใต้น้ำไม่ได้ก็ตาม 😄)

    เจ้านี่ใช้มาตรฐาน Wi-Fi 7 แบบ Tri-band แรงสูงสุดถึง 9.3 Gbps!
    - 6 GHz ได้สูงสุด 5.76 Gbps
    - 5 GHz ได้ 2.88 Gbps
    - 2.4 GHz ก็ยังมีที่ 688 Mbps

    พื้นที่ครอบคลุมอยู่ที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ต่อจุดติดตั้ง และถ้าอยากเพิ่มระยะก็เอาหลายเครื่องมาเชื่อมกันเป็น Mesh Network ได้เลย แถมยังรองรับ Power over Ethernet (PoE) ทำให้ไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่มอีกต่างหาก

    ตัวกล่องมาพร้อมอุปกรณ์ติดตั้งครบครัน ทั้งขายึด, ซีลยาง, และฝาครอบกันฝนสำหรับพอร์ต — คือออกแบบให้ทนแดดฝนจริงจัง ไม่ใช่แค่ลุคถึก ๆ เท่านั้น

    ✅ TP-Link เปิดตัว EAP772-Outdoor Access Point มาตรฐาน Wi-Fi 7  
    • ใช้เทคโนโลยี Tri-band รวมสปีดสูงสุด 9.3 Gbps  
    • ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ตร.ม. ต่อเครื่อง

    ✅ ทนทานต่อสภาพอากาศด้วยมาตรฐาน IP68 (กันฝุ่น/จมน้ำลึกได้)  
    • วางกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องกลัวฝนหรือหิมะ  
    • พอร์ตมีซีลกันน้ำเพิ่มความแน่นหนา

    ✅ รองรับ Power over Ethernet (PoE)  
    • ไม่ต้องเดินสายไฟแยก ติดตั้งง่ายขึ้นมาก  
    • มีขายึดสำหรับติดผนัง/เสาติดตั้งในกล่อง

    ✅ ทำงานร่วมกับระบบ Omada ของ TP-Link และบริหารจัดการผ่านคลาวด์ได้  
    • ขยายเป็น Mesh Network ได้ง่าย ๆ สำหรับพื้นที่กว้าง

    ✅ วางจำหน่ายแล้วในราคา $249.99 (ประมาณ 9,200 บาท)  
    • พร้อมใช้งานกับ Access Point ตัวอื่นในซีรีส์เดียวกัน เช่น EAP772 รุ่นเพดาน

    https://www.tomshardware.com/networking/routers/tp-link-releases-usd250-wi-fi-7-access-point-that-can-be-submerged-in-1-5-meters-of-water-without-issue-the-heavy-duty-wireless-router-boasts-an-ip68-rating-six-antennas-and-poe
    เคยไหมครับที่ติด Wi-Fi กลางแจ้งแล้วฝนตกทีไรกลัวมันพัง? TP-Link เขาเลยออก Access Point ตัวนี้มาแบบ “ติดตั้งแล้วลืมไปได้เลย” เพราะมันอึดระดับ “จุ่มน้ำลึก 1.5 เมตรก็ยังรอด” (ถึงแม้ Wi-Fi จะใช้ใต้น้ำไม่ได้ก็ตาม 😄) เจ้านี่ใช้มาตรฐาน Wi-Fi 7 แบบ Tri-band แรงสูงสุดถึง 9.3 Gbps! - 6 GHz ได้สูงสุด 5.76 Gbps - 5 GHz ได้ 2.88 Gbps - 2.4 GHz ก็ยังมีที่ 688 Mbps พื้นที่ครอบคลุมอยู่ที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ต่อจุดติดตั้ง และถ้าอยากเพิ่มระยะก็เอาหลายเครื่องมาเชื่อมกันเป็น Mesh Network ได้เลย แถมยังรองรับ Power over Ethernet (PoE) ทำให้ไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่มอีกต่างหาก ตัวกล่องมาพร้อมอุปกรณ์ติดตั้งครบครัน ทั้งขายึด, ซีลยาง, และฝาครอบกันฝนสำหรับพอร์ต — คือออกแบบให้ทนแดดฝนจริงจัง ไม่ใช่แค่ลุคถึก ๆ เท่านั้น ✅ TP-Link เปิดตัว EAP772-Outdoor Access Point มาตรฐาน Wi-Fi 7   • ใช้เทคโนโลยี Tri-band รวมสปีดสูงสุด 9.3 Gbps   • ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ตร.ม. ต่อเครื่อง ✅ ทนทานต่อสภาพอากาศด้วยมาตรฐาน IP68 (กันฝุ่น/จมน้ำลึกได้)   • วางกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องกลัวฝนหรือหิมะ   • พอร์ตมีซีลกันน้ำเพิ่มความแน่นหนา ✅ รองรับ Power over Ethernet (PoE)   • ไม่ต้องเดินสายไฟแยก ติดตั้งง่ายขึ้นมาก   • มีขายึดสำหรับติดผนัง/เสาติดตั้งในกล่อง ✅ ทำงานร่วมกับระบบ Omada ของ TP-Link และบริหารจัดการผ่านคลาวด์ได้   • ขยายเป็น Mesh Network ได้ง่าย ๆ สำหรับพื้นที่กว้าง ✅ วางจำหน่ายแล้วในราคา $249.99 (ประมาณ 9,200 บาท)   • พร้อมใช้งานกับ Access Point ตัวอื่นในซีรีส์เดียวกัน เช่น EAP772 รุ่นเพดาน https://www.tomshardware.com/networking/routers/tp-link-releases-usd250-wi-fi-7-access-point-that-can-be-submerged-in-1-5-meters-of-water-without-issue-the-heavy-duty-wireless-router-boasts-an-ip68-rating-six-antennas-and-poe
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย

    ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้

    เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี

    ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย

    และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ

    https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้ เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • คิดดูว่าคุณนั่งเล่นเน็ตอยู่ดี ๆ แล้วมีข้อมูลระดับ 37TB พุ่งใส่บ้านคุณภายในไม่ถึงนาที — นั่นแหละครับคือสิ่งที่หนึ่งในลูกค้าของ Cloudflare ต้องเผชิญ

    การโจมตีนี้เป็น DDoS (Distributed Denial of Service) แบบที่เรียกว่า UDP flood คือยิงข้อมูลปลอม ๆ ด้วยโปรโตคอล UDP ซึ่งไม่ต้องรอการตอบรับ (unverified delivery) — มันเร็ว จึงเหมาะกับแอปอย่างเกมออนไลน์, วิดีโอสตรีมมิ่ง แต่เมื่อใช้โจมตี ก็รุนแรงสุด ๆ

    นอกจากนั้นยังมีการใช้ reflection/amplification attack ด้วย คือแอบปลอม IP ของเป้าหมาย แล้วไปเรียกข้อมูลจากบุคคลที่สาม (เช่นเซิร์ฟเวอร์เวลา NTP หรือ QOTD protocol) เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นช่วยส่งข้อมูล "ซ้ำ" กลับไปโจมตีเป้าหมายอีกรอบ

    ที่น่าห่วงคือ แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว แต่แฮกเกอร์ใช้ botnet ขนาดใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์นับแสนเครื่องทั่วโลกมาร่วมมือกันยิงข้อมูล — ซึ่งเป็นต้นทุนต่ำมาก แต่สามารถทำลายธุรกิจทั้งเว็บได้ในพริบตา

    ✅ Cloudflare ยืนยันป้องกันการโจมตี DDoS ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สำเร็จ  
    • ปริมาณข้อมูล 37.4 TB ภายใน 45 วินาที หรือประมาณ 7.3 Tbps

    ✅ เป็นการโจมตีแบบ UDP flood และมีการใช้ reflection/amplification attack  
    • ใช้เซิร์ฟเวอร์ภายนอก เช่น NTP, QOTD, Echo ช่วยโจมตี

    ✅ เทคนิค UDP flood เป็นที่นิยม เพราะ UDP ไม่ต้องจับมือกับเครื่องปลายทาง ทำให้โจมตีได้เร็ว  
    • เป้าหมายต้องตอบกลับทุก packet ทำให้ล่มได้ง่าย

    ✅ ขนาดการโจมตีครั้งนี้ใหญ่กว่าเหตุการณ์ก่อนหน้า เช่น 6.5 Tbps ในเดือนเมษายน 2025 และ 5.6 Tbps ในปี 2024

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ botnet ขนาดใหญ่ ซึ่งต้นทุนถูก แต่สามารถโจมตีแบบ mass-scale ได้มหาศาล  • อาจใช้เพื่อรีดไถ (extortion) หรือทดสอบระบบเป้าหมาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/massive-ddos-attack-delivered-37-4tb-in-45-seconds-equivalent-to-10-000-hd-movies-to-one-victim-ip-address-cloudflare-blocks-largest-cyber-assault-ever-recorded
    คิดดูว่าคุณนั่งเล่นเน็ตอยู่ดี ๆ แล้วมีข้อมูลระดับ 37TB พุ่งใส่บ้านคุณภายในไม่ถึงนาที — นั่นแหละครับคือสิ่งที่หนึ่งในลูกค้าของ Cloudflare ต้องเผชิญ การโจมตีนี้เป็น DDoS (Distributed Denial of Service) แบบที่เรียกว่า UDP flood คือยิงข้อมูลปลอม ๆ ด้วยโปรโตคอล UDP ซึ่งไม่ต้องรอการตอบรับ (unverified delivery) — มันเร็ว จึงเหมาะกับแอปอย่างเกมออนไลน์, วิดีโอสตรีมมิ่ง แต่เมื่อใช้โจมตี ก็รุนแรงสุด ๆ นอกจากนั้นยังมีการใช้ reflection/amplification attack ด้วย คือแอบปลอม IP ของเป้าหมาย แล้วไปเรียกข้อมูลจากบุคคลที่สาม (เช่นเซิร์ฟเวอร์เวลา NTP หรือ QOTD protocol) เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นช่วยส่งข้อมูล "ซ้ำ" กลับไปโจมตีเป้าหมายอีกรอบ ที่น่าห่วงคือ แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว แต่แฮกเกอร์ใช้ botnet ขนาดใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์นับแสนเครื่องทั่วโลกมาร่วมมือกันยิงข้อมูล — ซึ่งเป็นต้นทุนต่ำมาก แต่สามารถทำลายธุรกิจทั้งเว็บได้ในพริบตา ✅ Cloudflare ยืนยันป้องกันการโจมตี DDoS ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สำเร็จ   • ปริมาณข้อมูล 37.4 TB ภายใน 45 วินาที หรือประมาณ 7.3 Tbps ✅ เป็นการโจมตีแบบ UDP flood และมีการใช้ reflection/amplification attack   • ใช้เซิร์ฟเวอร์ภายนอก เช่น NTP, QOTD, Echo ช่วยโจมตี ✅ เทคนิค UDP flood เป็นที่นิยม เพราะ UDP ไม่ต้องจับมือกับเครื่องปลายทาง ทำให้โจมตีได้เร็ว   • เป้าหมายต้องตอบกลับทุก packet ทำให้ล่มได้ง่าย ✅ ขนาดการโจมตีครั้งนี้ใหญ่กว่าเหตุการณ์ก่อนหน้า เช่น 6.5 Tbps ในเดือนเมษายน 2025 และ 5.6 Tbps ในปี 2024 ✅ แฮกเกอร์ใช้ botnet ขนาดใหญ่ ซึ่งต้นทุนถูก แต่สามารถโจมตีแบบ mass-scale ได้มหาศาล  • อาจใช้เพื่อรีดไถ (extortion) หรือทดสอบระบบเป้าหมาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/massive-ddos-attack-delivered-37-4tb-in-45-seconds-equivalent-to-10-000-hd-movies-to-one-victim-ip-address-cloudflare-blocks-largest-cyber-assault-ever-recorded
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้อิสราเอลกำลังเผชิญการโจมตีจากอิหร่าน ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธหรือปฏิบัติการไซเบอร์ หนึ่งในแนวรุกของฝ่ายตรงข้ามคือ... แฮ็กกล้องวงจรปิดตามบ้านของประชาชน โดยเฉพาะกล้องที่ใช้รหัสผ่านเดิมจากโรงงาน หรือรหัสง่าย ๆ เดาง่าย เช่น “123456”

    สิ่งที่แฮกเกอร์ทำคือ เจาะกล้องเพื่อ ดูว่า “มิสไซล์ที่ยิงไปตกตรงไหน”, มีการเคลื่อนไหวของรถทหารหรือไม่ หรือแม้แต่ตรวจสอบจุดยุทธศาสตร์ที่ถูก blackout ข้อมูลในสื่อ กระทรวงไซเบอร์ของอิสราเอลยอมรับว่า มีความพยายามเจาะระบบกล้องเพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่วันหลังการยิงขีปนาวุธ

    ย้อนไปปี 2022 เคยมีการเตือนแล้วว่า “กล้องกว่า 66,000 ตัวในอิสราเอลยังใช้รหัสผ่านเริ่มต้น” — และหลายหมู่บ้านที่ถูกบุกในปีถัดมาก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร จนกลายเป็นปัญหาข้อมูลรั่ววงกว้าง

    รัฐบาลจึงขอให้ประชาชน ปิดกล้องที่ไม่จำเป็น, เปลี่ยนรหัสผ่าน, เปิด two-factor authentication และถ้าเป็นไปได้... อย่าติดตั้งกล้องที่ “สตรีมออนไลน์” ได้เอง เพราะอาจกลายเป็นหน้าต่างเปิดให้ศัตรูมองย้อนกลับมา

    กรณีนี้ไม่ได้เกิดแค่ในอิสราเอล — ในยูเครน เคยมีการแบนกล้องวงจรปิด เพราะพบว่ารัสเซียใช้วิดีโอแบบ live มา “ปรับทิศการโจมตีอากาศ” แบบทันทีได้เช่นกัน

    ✅ รัฐบาลอิสราเอลเตือนประชาชนให้ “ปิดกล้องวงจรปิดที่ไม่จำเป็น” หรืออย่างน้อยให้เปลี่ยนรหัสผ่านใหม่  
    • ลดความเสี่ยงที่กลุ่มอิหร่านเจาะเข้าไปดู live feed เพื่อเก็บข้อมูล

    ✅ พบว่าแฮกเกอร์จากอิหร่านพยายามแฮกกล้องเพื่อดูผลกระทบของมิสไซล์ และการเคลื่อนไหวทางทหาร  
    • เป็นการเจาะระบบในช่วงสื่อถูกจำกัดการเผยข้อมูล

    ✅ เคยมีการเตือนเมื่อปี 2022 ว่ามีกล้อง 66,000 ตัวใช้รหัสผ่านจากโรงงาน (default password)  
    • ส่วนใหญ่ไม่ถูกเปลี่ยนแม้มีคำเตือน

    ✅ รัฐบาลสามารถปิดการทำงานของกล้องภาครัฐและส่วนบุคคลในพื้นที่อ่อนไหว เช่น พรมแดน หรือโครงสร้างสำคัญแล้ว
    • ใช้กฎหมายพิเศษในช่วงภัยพิบัติ

    ✅ กรณีคล้ายกันเคยเกิดในยูเครน — เมื่อรัสเซียใช้วิดีโอจากกล้องสาธารณะเพื่อเจาะพิกัดเป้าหมาย

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะให้เลือกกล้องที่มีระบบความปลอดภัยดี รองรับการตั้งค่ารหัส, การเข้ารหัส และปิดการสตรีมออนไลน์ได้

    https://www.techspot.com/news/108401-israel-urges-citizens-turn-off-home-cameras-iran.html
    ช่วงนี้อิสราเอลกำลังเผชิญการโจมตีจากอิหร่าน ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธหรือปฏิบัติการไซเบอร์ หนึ่งในแนวรุกของฝ่ายตรงข้ามคือ... แฮ็กกล้องวงจรปิดตามบ้านของประชาชน โดยเฉพาะกล้องที่ใช้รหัสผ่านเดิมจากโรงงาน หรือรหัสง่าย ๆ เดาง่าย เช่น “123456” สิ่งที่แฮกเกอร์ทำคือ เจาะกล้องเพื่อ ดูว่า “มิสไซล์ที่ยิงไปตกตรงไหน”, มีการเคลื่อนไหวของรถทหารหรือไม่ หรือแม้แต่ตรวจสอบจุดยุทธศาสตร์ที่ถูก blackout ข้อมูลในสื่อ กระทรวงไซเบอร์ของอิสราเอลยอมรับว่า มีความพยายามเจาะระบบกล้องเพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่วันหลังการยิงขีปนาวุธ ย้อนไปปี 2022 เคยมีการเตือนแล้วว่า “กล้องกว่า 66,000 ตัวในอิสราเอลยังใช้รหัสผ่านเริ่มต้น” — และหลายหมู่บ้านที่ถูกบุกในปีถัดมาก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร จนกลายเป็นปัญหาข้อมูลรั่ววงกว้าง รัฐบาลจึงขอให้ประชาชน ปิดกล้องที่ไม่จำเป็น, เปลี่ยนรหัสผ่าน, เปิด two-factor authentication และถ้าเป็นไปได้... อย่าติดตั้งกล้องที่ “สตรีมออนไลน์” ได้เอง เพราะอาจกลายเป็นหน้าต่างเปิดให้ศัตรูมองย้อนกลับมา กรณีนี้ไม่ได้เกิดแค่ในอิสราเอล — ในยูเครน เคยมีการแบนกล้องวงจรปิด เพราะพบว่ารัสเซียใช้วิดีโอแบบ live มา “ปรับทิศการโจมตีอากาศ” แบบทันทีได้เช่นกัน ✅ รัฐบาลอิสราเอลเตือนประชาชนให้ “ปิดกล้องวงจรปิดที่ไม่จำเป็น” หรืออย่างน้อยให้เปลี่ยนรหัสผ่านใหม่   • ลดความเสี่ยงที่กลุ่มอิหร่านเจาะเข้าไปดู live feed เพื่อเก็บข้อมูล ✅ พบว่าแฮกเกอร์จากอิหร่านพยายามแฮกกล้องเพื่อดูผลกระทบของมิสไซล์ และการเคลื่อนไหวทางทหาร   • เป็นการเจาะระบบในช่วงสื่อถูกจำกัดการเผยข้อมูล ✅ เคยมีการเตือนเมื่อปี 2022 ว่ามีกล้อง 66,000 ตัวใช้รหัสผ่านจากโรงงาน (default password)   • ส่วนใหญ่ไม่ถูกเปลี่ยนแม้มีคำเตือน ✅ รัฐบาลสามารถปิดการทำงานของกล้องภาครัฐและส่วนบุคคลในพื้นที่อ่อนไหว เช่น พรมแดน หรือโครงสร้างสำคัญแล้ว • ใช้กฎหมายพิเศษในช่วงภัยพิบัติ ✅ กรณีคล้ายกันเคยเกิดในยูเครน — เมื่อรัสเซียใช้วิดีโอจากกล้องสาธารณะเพื่อเจาะพิกัดเป้าหมาย ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะให้เลือกกล้องที่มีระบบความปลอดภัยดี รองรับการตั้งค่ารหัส, การเข้ารหัส และปิดการสตรีมออนไลน์ได้ https://www.techspot.com/news/108401-israel-urges-citizens-turn-off-home-cameras-iran.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Israel urges citizens to turn off home cameras as Iran hacks surveillance systems
    In the aftermath of recent Iranian missile strikes on Tel Aviv, concerns about the vulnerability of internet-connected cameras have intensified. "We know that in the past two...
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ

    หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ

    ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย

    กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

    https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    หลังจาก Intel เจอสารพัดปัญหาตั้งแต่ยอดขายตก ความล่าช้าทางเทคโนโลยี ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดกับ AMD, NVIDIA และ TSMC — ซีอีโอคนใหม่ก็ออกแนวทาง “ผ่าตัดโครงสร้าง” แบบไม่ไว้หน้าเดิม ๆ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การยุบทีมการตลาดเดิมบางส่วน และเอาท์ซอร์ซงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา Accenture โดยมี AI เป็นตัวหลักในการดำเนินงาน เช่น ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล, ทำ personalization อัตโนมัติ, และลดงาน routine ที่เคยต้องใช้คนทำ ผลลัพธ์คือ Intel ประกาศว่า “จะเหลือแค่ lean team” หรือทีมการตลาดขนาดเล็กมากเท่านั้น — โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะรู้ผลภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และบางคนอาจถูกขอให้ “ช่วยฝึกงานให้กับ Accenture” ก่อนลาออกอีกด้วย กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพยายาม “กู้สถานะ” ของ Intel ที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กำลังตกบัลลังก์ และต้องปรับตัวให้ทันโลกที่ “AI ทำงานแทนคน” ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ https://www.techspot.com/news/108402-intel-outsource-marketing-accenture-ai-cutting-house-staff.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel to outsource marketing to Accenture and AI, cutting in-house staff
    This move is expected to result in significant layoffs within Intel's marketing division, with most affected employees expected to learn their fate by July 11.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าเมื่อก่อน Google หรือ search engine เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บเรา 6 ครั้ง จะมีคนคลิกเข้ามาสัก 1 ครั้งเพื่ออ่านจริง เหมือนเรายังพอ “มีค่าตอบแทน” จากการเปิดบ้านให้บอทเข้าเก็บข้อมูล

    แต่ตอนนี้อะไรเปลี่ยนไปหมด — Google, OpenAI และ Anthropic ใช้ AI มาสรุปเนื้อหาให้คนเลยทันที ผู้ใช้ไม่ต้องคลิก ไม่ต้องเข้าเว็บ แค่แชตหรือดูคำตอบบนหน้าแรกก็จบแล้ว ส่งผลให้สัดส่วน crawler : คนคลิก ลดฮวบลงเหลือระดับ “น่าตกใจ” เช่น:

    - Google: จาก 6:1 → เหลือ 18:1
    - OpenAI: จาก 250:1 → เหลือ 1,500:1
    - Anthropic: จาก 6,000:1 → เหลือ 60,000:1

    ซีอีโอของ Cloudflare มองว่าถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ อินเทอร์เน็ตอาจเข้าสู่ยุค “เว็บผีไร้คนอ่าน” เพราะเจ้าของเว็บไม่มีแรงจูงใจในการผลิตเนื้อหาอีกแล้ว

    แม้ AI หลายรายเริ่ม “ใส่เครดิต” และลิงก์กลับไปยังต้นทาง แต่ Prince บอกว่า “ไม่มีใครคลิกจริง” เพราะตอนนี้ผู้คนเชื่อใจคำตอบของ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ตัวว่าอาจกำลังอ่านข้อมูล “ผิดหรือคลาดเคลื่อน”

    เพื่อสู้กับเรื่องนี้ Cloudflare พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AI Labyrinth ซึ่งเป็นระบบดัก crawler ที่ลอบเก็บข้อมูลโดยไม่เคารพ robots.txt หรือกฎเว็บ โดยจะพามัน “หลงในวงกตลิงก์ AI ปลอม ๆ” เพื่อให้มันเสียเวลาและพลังประมวลผลไปกับของไม่มีค่า — เหมือน AI เจอกับ AI นั่นเอง

    ✅ AI search และ zero-click result กำลังทำให้เว็บไซต์สูญเสียผู้เข้าชมจำนวนมาก  
    • สัดส่วน bot : คนคลิกพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว  
    • ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาและความอยู่รอดของเว็บไซต์

    ✅ Cloudflare เตรียมต่อสู้ด้วยเครื่องมือชื่อ “AI Labyrinth” เพื่อเบี่ยงเบน bot ที่ไม่เคารพกฎ  
    • สร้างลิงก์หลอกและหน้าปลอมให้ bot “เดินหลง”  
    • ใช้ AI สู้กับ AI ด้วยตรรกะแบบป้องกัน

    ✅ Google และ OpenAI แม้จะใส่เครดิตในผลลัพธ์ AI แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกลิงก์  
    • ผู้ใช้ “เชื่อ” คำตอบของ AI มากขึ้น  
    • เพิ่มโอกาสการกระจายข้อมูลผิดหรือไม่ครบถ้วน

    ✅ Cloudflare เตือนว่าถ้าไม่แก้ไข โมเดลรายได้ของเว็บจะล่มสลาย  
    • นักเขียน ครีเอเตอร์ และเว็บคุณภาพอาจเลิกสร้างเนื้อหา  
    • เหลือเพียงอินเทอร์เน็ตที่มีแต่ bot คุยกับ bot

    https://www.techspot.com/news/108399-cloudflare-ceo-warns-ai-crawlers-summaries-eroding-internet.html
    ลองนึกภาพว่าเมื่อก่อน Google หรือ search engine เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บเรา 6 ครั้ง จะมีคนคลิกเข้ามาสัก 1 ครั้งเพื่ออ่านจริง เหมือนเรายังพอ “มีค่าตอบแทน” จากการเปิดบ้านให้บอทเข้าเก็บข้อมูล แต่ตอนนี้อะไรเปลี่ยนไปหมด — Google, OpenAI และ Anthropic ใช้ AI มาสรุปเนื้อหาให้คนเลยทันที ผู้ใช้ไม่ต้องคลิก ไม่ต้องเข้าเว็บ แค่แชตหรือดูคำตอบบนหน้าแรกก็จบแล้ว ส่งผลให้สัดส่วน crawler : คนคลิก ลดฮวบลงเหลือระดับ “น่าตกใจ” เช่น: - Google: จาก 6:1 → เหลือ 18:1 - OpenAI: จาก 250:1 → เหลือ 1,500:1 - Anthropic: จาก 6,000:1 → เหลือ 60,000:1 ซีอีโอของ Cloudflare มองว่าถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ อินเทอร์เน็ตอาจเข้าสู่ยุค “เว็บผีไร้คนอ่าน” เพราะเจ้าของเว็บไม่มีแรงจูงใจในการผลิตเนื้อหาอีกแล้ว แม้ AI หลายรายเริ่ม “ใส่เครดิต” และลิงก์กลับไปยังต้นทาง แต่ Prince บอกว่า “ไม่มีใครคลิกจริง” เพราะตอนนี้ผู้คนเชื่อใจคำตอบของ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ตัวว่าอาจกำลังอ่านข้อมูล “ผิดหรือคลาดเคลื่อน” เพื่อสู้กับเรื่องนี้ Cloudflare พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AI Labyrinth ซึ่งเป็นระบบดัก crawler ที่ลอบเก็บข้อมูลโดยไม่เคารพ robots.txt หรือกฎเว็บ โดยจะพามัน “หลงในวงกตลิงก์ AI ปลอม ๆ” เพื่อให้มันเสียเวลาและพลังประมวลผลไปกับของไม่มีค่า — เหมือน AI เจอกับ AI นั่นเอง ✅ AI search และ zero-click result กำลังทำให้เว็บไซต์สูญเสียผู้เข้าชมจำนวนมาก   • สัดส่วน bot : คนคลิกพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว   • ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาและความอยู่รอดของเว็บไซต์ ✅ Cloudflare เตรียมต่อสู้ด้วยเครื่องมือชื่อ “AI Labyrinth” เพื่อเบี่ยงเบน bot ที่ไม่เคารพกฎ   • สร้างลิงก์หลอกและหน้าปลอมให้ bot “เดินหลง”   • ใช้ AI สู้กับ AI ด้วยตรรกะแบบป้องกัน ✅ Google และ OpenAI แม้จะใส่เครดิตในผลลัพธ์ AI แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกลิงก์   • ผู้ใช้ “เชื่อ” คำตอบของ AI มากขึ้น   • เพิ่มโอกาสการกระจายข้อมูลผิดหรือไม่ครบถ้วน ✅ Cloudflare เตือนว่าถ้าไม่แก้ไข โมเดลรายได้ของเว็บจะล่มสลาย   • นักเขียน ครีเอเตอร์ และเว็บคุณภาพอาจเลิกสร้างเนื้อหา   • เหลือเพียงอินเทอร์เน็ตที่มีแต่ bot คุยกับ bot https://www.techspot.com/news/108399-cloudflare-ceo-warns-ai-crawlers-summaries-eroding-internet.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Cloudflare CEO warns AI crawlers and summaries are eroding the internet's business model
    Speaking at an Axios event in Cannes last week, Prince explained that search engines and chatbots using generative AI to summarize web content have significantly reduced the...
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100

    แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว

    Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น

    ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว

    ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน  
    • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100  
    • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก

    ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี  
    • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง

    ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร  
    • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ

    ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว

    ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100 แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน   • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100   • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี   • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร   • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US tech czar warns China is only two years behind in semiconductor and chip design
    According to Sacks, Huawei is making swift progress in chip design and could soon begin exporting its hardware, although the company still faces challenges in producing high-end...
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงสองประเด็นที่ผู้ใช้ Windows 10 ควรรู้ในช่วงใกล้หมดซัพพอร์ตปี 2025 — คือ
    1) วิธีเช็กว่าเครื่องของคุณพร้อมอัปเกรดเป็น Windows 11 หรือไม่ และ
    2) ทางเลือก “แก้ขัด” หากไม่สามารถอัปเกรดได้ ด้วยซอฟต์แวร์ของบริษัทภายนอกอย่าง 0patch ที่ให้แพตช์ความปลอดภัยต่อแม้ Microsoft หยุดอัปเดต

    เรื่องแรก — ถ้าอยากรู้ว่าเครื่องคุณสามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หรือไม่ วิธีง่ายที่สุดคือไปที่หน้า Windows 11 ของ Microsoft แล้วเลื่อนลงด้านล่างจนเจอปุ่ม “Check for compatibility” ซึ่งจะโหลดแอป PC Health Check มาให้คุณเช็กสเปกของเครื่อง เช่น CPU, TPM, RAM, ฯลฯ พร้อมบอกเลยว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน”

    ส่วนเรื่องที่สอง — ถ้าเครื่องของคุณใช้ Windows 10 แต่ไม่สามารถอัปเกรดได้ (เพราะไม่ผ่าน TPM หรือ CPU รุ่นเก่า) คุณอาจลองใช้ ซอฟต์แวร์ชื่อ “0patch” ซึ่งเป็นบริการจากบริษัท Acros Security ที่แจก “ไมโครแพตช์” ขนาดเล็กเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แม้ Microsoft จะเลิกปล่อยแพตช์ให้ Windows 10 ไปแล้วก็ตาม

    0patch เวอร์ชันฟรีให้ผู้ใช้ทั่วไปติดตั้งได้ทันที และมีเวอร์ชันเสียเงินสำหรับภาคธุรกิจด้วย โดยจุดเด่นของมันคือแพตช์มีขนาดเล็ก ติดตั้งเร็ว ไม่ต้องรีบูตเครื่อง และเน้น “แก้เฉพาะจุด” โดยไม่เปลี่ยนโค้ดระบบจำนวนมาก — ช่วยให้ Windows 10 มีความปลอดภัยในช่วงระยะยาวได้ดีในระดับหนึ่ง

    ✅ วิธีเช็กว่าเครื่องอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หรือไม่ ใช้แอป PC Health Check จาก Microsoft  
    • ดาวน์โหลดจากหน้า Windows 11 แล้วกดปุ่ม “check now”  
    • จะแสดงผล “ผ่าน / ไม่ผ่าน” พร้อมสรุปรายการสเปกที่ทดสอบ

    ✅ แอป PC Health Check ยังให้ข้อมูลระบบพื้นฐาน เช่น hostname, RAM, พื้นที่ว่าง, สถานะการ backup และเวลาบูตเครื่อง

    ✅ หากเครื่องอัปเกรดได้ วิธีแนะนำคือใช้ Windows Update จาก Settings เพื่ออัปเกรดโดยตรง  
    • ควร backup ข้อมูลไว้ก่อนเสมอ

    ✅ หากอัปเกรดไม่ได้ ผู้ใช้สามารถลองใช้ 0patch เพื่อรับ micropatch จากบริษัท Acros Security  
    • แพตช์ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย  
    • มีเวอร์ชันฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และแบบเชิงพาณิชย์เสียเงิน

    ✅ 0patch เน้นอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหลัง Microsoft หยุดอัปเดต Windows 10

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/opinion-more-questions-about-the-end-of-windows-10-and-third-party-patching
    ข่าวนี้พูดถึงสองประเด็นที่ผู้ใช้ Windows 10 ควรรู้ในช่วงใกล้หมดซัพพอร์ตปี 2025 — คือ 1) วิธีเช็กว่าเครื่องของคุณพร้อมอัปเกรดเป็น Windows 11 หรือไม่ และ 2) ทางเลือก “แก้ขัด” หากไม่สามารถอัปเกรดได้ ด้วยซอฟต์แวร์ของบริษัทภายนอกอย่าง 0patch ที่ให้แพตช์ความปลอดภัยต่อแม้ Microsoft หยุดอัปเดต เรื่องแรก — ถ้าอยากรู้ว่าเครื่องคุณสามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หรือไม่ วิธีง่ายที่สุดคือไปที่หน้า Windows 11 ของ Microsoft แล้วเลื่อนลงด้านล่างจนเจอปุ่ม “Check for compatibility” ซึ่งจะโหลดแอป PC Health Check มาให้คุณเช็กสเปกของเครื่อง เช่น CPU, TPM, RAM, ฯลฯ พร้อมบอกเลยว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ส่วนเรื่องที่สอง — ถ้าเครื่องของคุณใช้ Windows 10 แต่ไม่สามารถอัปเกรดได้ (เพราะไม่ผ่าน TPM หรือ CPU รุ่นเก่า) คุณอาจลองใช้ ซอฟต์แวร์ชื่อ “0patch” ซึ่งเป็นบริการจากบริษัท Acros Security ที่แจก “ไมโครแพตช์” ขนาดเล็กเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แม้ Microsoft จะเลิกปล่อยแพตช์ให้ Windows 10 ไปแล้วก็ตาม 0patch เวอร์ชันฟรีให้ผู้ใช้ทั่วไปติดตั้งได้ทันที และมีเวอร์ชันเสียเงินสำหรับภาคธุรกิจด้วย โดยจุดเด่นของมันคือแพตช์มีขนาดเล็ก ติดตั้งเร็ว ไม่ต้องรีบูตเครื่อง และเน้น “แก้เฉพาะจุด” โดยไม่เปลี่ยนโค้ดระบบจำนวนมาก — ช่วยให้ Windows 10 มีความปลอดภัยในช่วงระยะยาวได้ดีในระดับหนึ่ง ✅ วิธีเช็กว่าเครื่องอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หรือไม่ ใช้แอป PC Health Check จาก Microsoft   • ดาวน์โหลดจากหน้า Windows 11 แล้วกดปุ่ม “check now”   • จะแสดงผล “ผ่าน / ไม่ผ่าน” พร้อมสรุปรายการสเปกที่ทดสอบ ✅ แอป PC Health Check ยังให้ข้อมูลระบบพื้นฐาน เช่น hostname, RAM, พื้นที่ว่าง, สถานะการ backup และเวลาบูตเครื่อง ✅ หากเครื่องอัปเกรดได้ วิธีแนะนำคือใช้ Windows Update จาก Settings เพื่ออัปเกรดโดยตรง   • ควร backup ข้อมูลไว้ก่อนเสมอ ✅ หากอัปเกรดไม่ได้ ผู้ใช้สามารถลองใช้ 0patch เพื่อรับ micropatch จากบริษัท Acros Security   • แพตช์ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย   • มีเวอร์ชันฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และแบบเชิงพาณิชย์เสียเงิน ✅ 0patch เน้นอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหลัง Microsoft หยุดอัปเดต Windows 10 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/opinion-more-questions-about-the-end-of-windows-10-and-third-party-patching
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: More questions about the end of Windows 10 and third-party patching
    I received two short (one sentence) emails this week that I'd like to address. They are both follow-up questions to my recent columns about the end of Microsoft support for Windows 10.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • เวลานั่งรอคิวหมอ หรือขึ้นรถไฟฟ้า หลายคนก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลฯ แบบอัตโนมัติ เพราะมันสนุก ดูง่าย และ “ให้ความสุขเล็ก ๆ” ผ่านวิดีโอ รูปภาพ หรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สมองเราถูกกระตุ้นตลอดเวลา — ผ่านโดพามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและเป็นรางวัลในสมอง คล้ายกับเวลาทานของหวาน คาเฟอีน หรือได้ Like บน IG

    ฟังดูดี แต่ถ้าได้รับมากเกินไป สมองจะเริ่ม “ด้านชา” ต้องการสิ่งเร้าที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ต้องเลื่อนคลิปเร็วกว่าเดิม หรือเล่นโซเชียลหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน ซึ่งอาจกลายเป็น อาการเสพติดสิ่งเร้าแบบไม่รู้ตัว เช่น เบื่อดูหนังยาว ๆ เบื่อเล่นบอร์ดเกม เพราะ “ไม่เร้าใจพอ”

    แนวทางแก้คือ Dopamine Detox หรือการลดสิ่งเร้าลง ไม่ใช่หยุดความสุข แต่ให้สมอง “พักและรีเซตระบบบ้าง” เพื่อกลับมารับรู้ความสุขจากเรื่องธรรมดาให้ได้อีกครั้ง เช่น การอ่านหนังสือ, วาดรูป, เดินเล่นแบบไม่ฟังเพลง ฯลฯ

    ✅ สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียทำให้สมองหลั่ง dopamine ต่อเนื่อง จนกลายเป็นภาวะ overstimulation  
    • เมื่อถูกกระตุ้นบ่อย สมองต้องการสิ่งเร้าที่แรงขึ้นเพื่อรู้สึกเท่าเดิม  
    • คล้ายกลไกเดียวกับการเสพติดพฤติกรรมหรือสารบางชนิด

    ✅ Dopamine Detox คือการลดสิ่งเร้าที่มากเกินไปเพื่อให้ระบบประสาทฟื้นสมดุล  
    • ไม่ใช่การงดทุกความสุข แต่เป็นการ “รีเซตจังหวะสมอง”

    ✅ ตัวอย่างกิจกรรมที่แนะนำในการ Detox:  
    • ปิดการแจ้งเตือน / ลดเวลาใช้หน้าจอก่อนนอน  
    • หยุดฟังพอดแคสต์/เพลงระหว่างทำอย่างอื่น เพื่อฝึกโฟกัส  
    • ทำกิจกรรมอนาล็อก เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น วาดรูป

    ✅ หากทำต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้ สงบใจ และกลับมาสนุกกับกิจกรรมเรียบง่ายได้อีกครั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/039dopamine-detox039-why-it-pays-to-put-your-phone-away
    เวลานั่งรอคิวหมอ หรือขึ้นรถไฟฟ้า หลายคนก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลฯ แบบอัตโนมัติ เพราะมันสนุก ดูง่าย และ “ให้ความสุขเล็ก ๆ” ผ่านวิดีโอ รูปภาพ หรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สมองเราถูกกระตุ้นตลอดเวลา — ผ่านโดพามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและเป็นรางวัลในสมอง คล้ายกับเวลาทานของหวาน คาเฟอีน หรือได้ Like บน IG ฟังดูดี แต่ถ้าได้รับมากเกินไป สมองจะเริ่ม “ด้านชา” ต้องการสิ่งเร้าที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ต้องเลื่อนคลิปเร็วกว่าเดิม หรือเล่นโซเชียลหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน ซึ่งอาจกลายเป็น อาการเสพติดสิ่งเร้าแบบไม่รู้ตัว เช่น เบื่อดูหนังยาว ๆ เบื่อเล่นบอร์ดเกม เพราะ “ไม่เร้าใจพอ” แนวทางแก้คือ Dopamine Detox หรือการลดสิ่งเร้าลง ไม่ใช่หยุดความสุข แต่ให้สมอง “พักและรีเซตระบบบ้าง” เพื่อกลับมารับรู้ความสุขจากเรื่องธรรมดาให้ได้อีกครั้ง เช่น การอ่านหนังสือ, วาดรูป, เดินเล่นแบบไม่ฟังเพลง ฯลฯ ✅ สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียทำให้สมองหลั่ง dopamine ต่อเนื่อง จนกลายเป็นภาวะ overstimulation   • เมื่อถูกกระตุ้นบ่อย สมองต้องการสิ่งเร้าที่แรงขึ้นเพื่อรู้สึกเท่าเดิม   • คล้ายกลไกเดียวกับการเสพติดพฤติกรรมหรือสารบางชนิด ✅ Dopamine Detox คือการลดสิ่งเร้าที่มากเกินไปเพื่อให้ระบบประสาทฟื้นสมดุล   • ไม่ใช่การงดทุกความสุข แต่เป็นการ “รีเซตจังหวะสมอง” ✅ ตัวอย่างกิจกรรมที่แนะนำในการ Detox:   • ปิดการแจ้งเตือน / ลดเวลาใช้หน้าจอก่อนนอน   • หยุดฟังพอดแคสต์/เพลงระหว่างทำอย่างอื่น เพื่อฝึกโฟกัส   • ทำกิจกรรมอนาล็อก เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น วาดรูป ✅ หากทำต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้ สงบใจ และกลับมาสนุกกับกิจกรรมเรียบง่ายได้อีกครั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/039dopamine-detox039-why-it-pays-to-put-your-phone-away
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Dopamine detox': Why it pays to put your phone away
    What do you do while sitting in a doctor's waiting room? Or after settling into a train seat on your commute home from work? Or standing at the kitchen stove as the noodle water creeps towards a boil?
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ...
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ... . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • ในอดีต NASCAR คือเกมของทักษะและช่างฝีมือ แต่วันนี้ทีมแข่งระดับท็อปใช้ AI มาวิเคราะห์ทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงแชทระหว่างนักขับกับวิศวกร จนถึงการปรับแต่งรถ และวางกลยุทธ์การแข่งขันแบบเรียลไทม์

    Tom Gray จากทีม Hendrick Motorsports พูดไว้ชัดเจนว่า: “Information is speed…ใครรวบรวม วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เร็วกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ”

    ทีมนำ AI มาช่วยทำสิ่งที่คนเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เช่น นั่งไล่ดูวิดีโอหรือภาพนิ่ง กลายเป็นงานที่ทำได้ในเวลาไม่กี่นาที เพราะซอฟต์แวร์จะ “หาสิ่งสำคัญให้เอง” อย่างเช่นจุดที่รถคู่แข่งเปลี่ยนไลน์ หรือปัญหาในช่วงพิทสต็อป

    นอกจากนี้ AI ยังถูกใช้ฝึกทีมงาน — ถ้าใครไม่ถนัดเรื่องใด ก็ให้ AI อธิบายวิธีทำงาน หรือให้โค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือได้เลย เหมือนมีที่ปรึกษาด้านเทคนิคส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา

    Hendrick Motorsports ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะมี AWS เป็นพาร์ทเนอร์ เลยใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจากอดีต 40 ปี ทั้งหมด เอามา “ทดสอบย้อนหลัง” ว่าอะไรเคยได้ผล แล้วใช้ข้อมูลนั้นวางแผนการแข่งในอนาคต

    ✅ ทีม NASCAR ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์, ตัดสินใจเร็ว และออกแบบกลยุทธ์การแข่งขันแบบแม่นยำขึ้น  
    • เช่น ตรวจจับคำสั่งที่ดี/พลาดจากวิทยุทีม  
    • วิเคราะห์ tone/urgency แบบเรียลไทม์

    ✅ AI ช่วยลดเวลางานซ้ำ เช่น การดูภาพและวิดีโอจำนวนมากเพื่อหา key moment  
    • ทีมอย่าง RFK Racing ใช้ลดเวลาทำงานจาก 3 ชม. เหลือ 1 ชม.

    ✅ AI ถูกนำมาใช้ฝึกคนในทีม ให้เรียนรู้ทักษะที่ไม่เชี่ยวชาญผ่านการโต้ตอบกับโมเดล LLM เช่น ChatGPT  
    • ช่วยเร่งความเร็วในการเขียนซอฟต์แวร์หรือแก้โค้ด

    ✅ ทีม Hendrick ใช้ AI จาก AWS เพื่อสร้าง visualisation สื่อสารแนวคิดระหว่างทีมได้ดียิ่งขึ้น  
    • ใช้ภาพจำลองช่วยสื่อสารแผนเทคนิคและชิ้นส่วน

    ✅ ข้อมูลจากอดีตกว่า 40 ปีถูกนำมา “ทดสอบย้อนหลัง” ด้วย AI เพื่อตรวจสอบกลยุทธ์ในอนาคต  
    • เปิดโอกาสสร้างโมเดลวิเคราะห์ความสำเร็จจากอดีต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/21/information-is-speed-nascar-teams-use-ai-to-find-winning-edges
    ในอดีต NASCAR คือเกมของทักษะและช่างฝีมือ แต่วันนี้ทีมแข่งระดับท็อปใช้ AI มาวิเคราะห์ทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงแชทระหว่างนักขับกับวิศวกร จนถึงการปรับแต่งรถ และวางกลยุทธ์การแข่งขันแบบเรียลไทม์ Tom Gray จากทีม Hendrick Motorsports พูดไว้ชัดเจนว่า: “Information is speed…ใครรวบรวม วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เร็วกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ” ทีมนำ AI มาช่วยทำสิ่งที่คนเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เช่น นั่งไล่ดูวิดีโอหรือภาพนิ่ง กลายเป็นงานที่ทำได้ในเวลาไม่กี่นาที เพราะซอฟต์แวร์จะ “หาสิ่งสำคัญให้เอง” อย่างเช่นจุดที่รถคู่แข่งเปลี่ยนไลน์ หรือปัญหาในช่วงพิทสต็อป นอกจากนี้ AI ยังถูกใช้ฝึกทีมงาน — ถ้าใครไม่ถนัดเรื่องใด ก็ให้ AI อธิบายวิธีทำงาน หรือให้โค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือได้เลย เหมือนมีที่ปรึกษาด้านเทคนิคส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา Hendrick Motorsports ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะมี AWS เป็นพาร์ทเนอร์ เลยใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจากอดีต 40 ปี ทั้งหมด เอามา “ทดสอบย้อนหลัง” ว่าอะไรเคยได้ผล แล้วใช้ข้อมูลนั้นวางแผนการแข่งในอนาคต ✅ ทีม NASCAR ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์, ตัดสินใจเร็ว และออกแบบกลยุทธ์การแข่งขันแบบแม่นยำขึ้น   • เช่น ตรวจจับคำสั่งที่ดี/พลาดจากวิทยุทีม   • วิเคราะห์ tone/urgency แบบเรียลไทม์ ✅ AI ช่วยลดเวลางานซ้ำ เช่น การดูภาพและวิดีโอจำนวนมากเพื่อหา key moment   • ทีมอย่าง RFK Racing ใช้ลดเวลาทำงานจาก 3 ชม. เหลือ 1 ชม. ✅ AI ถูกนำมาใช้ฝึกคนในทีม ให้เรียนรู้ทักษะที่ไม่เชี่ยวชาญผ่านการโต้ตอบกับโมเดล LLM เช่น ChatGPT   • ช่วยเร่งความเร็วในการเขียนซอฟต์แวร์หรือแก้โค้ด ✅ ทีม Hendrick ใช้ AI จาก AWS เพื่อสร้าง visualisation สื่อสารแนวคิดระหว่างทีมได้ดียิ่งขึ้น   • ใช้ภาพจำลองช่วยสื่อสารแผนเทคนิคและชิ้นส่วน ✅ ข้อมูลจากอดีตกว่า 40 ปีถูกนำมา “ทดสอบย้อนหลัง” ด้วย AI เพื่อตรวจสอบกลยุทธ์ในอนาคต   • เปิดโอกาสสร้างโมเดลวิเคราะห์ความสำเร็จจากอดีต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/21/information-is-speed-nascar-teams-use-ai-to-find-winning-edges
    WWW.THESTAR.COM.MY
    ‘Information is speed’: Nascar teams use AI to find winning edges
    From performance analysis to data visualisations, AI is playing an increasingly pivotal role in how race teams operate across the Nascar garage.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ใครที่ใช้ลินุกซ์นาน ๆ คงรู้จัก X11 กันดี — ระบบแสดงผลกราฟิกที่อยู่คู่ลินุกซ์มานานนับหลายสิบปี แต่โลกหมุนไป Wayland กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลักในดิสโทรรุ่นใหม่ เพราะ ปลอดภัยกว่า, เสถียรกว่า และรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ดีกว่า

    ทีม Kubuntu เลยตัดสินใจว่า... “ไม่อยากลากต่ออีกแล้ว” และขอ “ดึงปลาสเตอร์ออกตอนนี้ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในรุ่น LTS ปีหน้า (26.04)” — นั่นคือเหตุผลที่ X11 จะไม่ถูกติดตั้งใน Kubuntu 25.10 ตั้งแต่ต้น

    แต่ข่าวดีคือ ใครที่ยังจำเป็นต้องใช้ X11 เช่น การ์ด NVIDIA รุ่นเก่า หรือแอปเก่า ๆ ที่ยังไม่รองรับ Wayland ก็สามารถติดตั้ง X11 เพิ่มทีหลังได้เองง่าย ๆ แค่สั่ง:

    ====================================
    sudo apt install plasma-session-x11
    ====================================

    จากนั้นจะมีตัวเลือก X11 ปรากฏในหน้าจอ login ทันที

    ดิสโทรลูกหลานในตระกูล Ubuntu ยังไม่เปลี่ยนตามทั้งหมดนะ เช่น Xubuntu, Ubuntu Budgie, Ubuntu Cinnamon ยังติดตั้ง X11 มาในดีฟอลต์อยู่ในรอบนี้

    ✅ Kubuntu 25.10 จะใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลค่าเริ่มต้น และไม่ติดตั้ง X11 มาด้วยอีกต่อไป  
    • เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ “การติดตั้งใหม่” ไม่กระทบผู้ใช้ที่อัปเกรดจากรุ่นเก่า

    ✅ เหตุผลหลักคือเพื่อลดภาระดูแลโค้ด X11 และเร่งพัฒนา Wayland ให้เร็วขึ้น  
    • X11 ทำให้ยากในการใส่ฟีเจอร์ใหม่และมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย

    ✅ ยังสามารถติดตั้ง X11 เพิ่มได้เองภายหลังด้วยคำสั่ง sudo apt install plasma-session-x11  
    • มีตัวเลือกให้สลับได้ใน login screen

    ✅ ดิสโทรอื่นในตระกูล Ubuntu เช่น Xubuntu และ Budgie ยังไม่ตัด X11 ในรุ่นปัจจุบัน  
    • ทำให้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมย้าย

    ✅ KDE Plasma 6.5 จะมาพร้อม Wayland PiP และฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ได้เฉพาะ Wayland เท่านั้น  
    • ช่วยผลักดันให้ผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนได้ราบรื่น

    https://www.neowin.net/news/end-of-an-era-kubuntu-is-removing-default-support-for-x11-in-new-installs/
    ใครที่ใช้ลินุกซ์นาน ๆ คงรู้จัก X11 กันดี — ระบบแสดงผลกราฟิกที่อยู่คู่ลินุกซ์มานานนับหลายสิบปี แต่โลกหมุนไป Wayland กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลักในดิสโทรรุ่นใหม่ เพราะ ปลอดภัยกว่า, เสถียรกว่า และรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ดีกว่า ทีม Kubuntu เลยตัดสินใจว่า... “ไม่อยากลากต่ออีกแล้ว” และขอ “ดึงปลาสเตอร์ออกตอนนี้ก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในรุ่น LTS ปีหน้า (26.04)” — นั่นคือเหตุผลที่ X11 จะไม่ถูกติดตั้งใน Kubuntu 25.10 ตั้งแต่ต้น แต่ข่าวดีคือ ใครที่ยังจำเป็นต้องใช้ X11 เช่น การ์ด NVIDIA รุ่นเก่า หรือแอปเก่า ๆ ที่ยังไม่รองรับ Wayland ก็สามารถติดตั้ง X11 เพิ่มทีหลังได้เองง่าย ๆ แค่สั่ง: ==================================== sudo apt install plasma-session-x11 ==================================== จากนั้นจะมีตัวเลือก X11 ปรากฏในหน้าจอ login ทันที ดิสโทรลูกหลานในตระกูล Ubuntu ยังไม่เปลี่ยนตามทั้งหมดนะ เช่น Xubuntu, Ubuntu Budgie, Ubuntu Cinnamon ยังติดตั้ง X11 มาในดีฟอลต์อยู่ในรอบนี้ ✅ Kubuntu 25.10 จะใช้ Wayland เป็นระบบแสดงผลค่าเริ่มต้น และไม่ติดตั้ง X11 มาด้วยอีกต่อไป   • เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ “การติดตั้งใหม่” ไม่กระทบผู้ใช้ที่อัปเกรดจากรุ่นเก่า ✅ เหตุผลหลักคือเพื่อลดภาระดูแลโค้ด X11 และเร่งพัฒนา Wayland ให้เร็วขึ้น   • X11 ทำให้ยากในการใส่ฟีเจอร์ใหม่และมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ✅ ยังสามารถติดตั้ง X11 เพิ่มได้เองภายหลังด้วยคำสั่ง sudo apt install plasma-session-x11   • มีตัวเลือกให้สลับได้ใน login screen ✅ ดิสโทรอื่นในตระกูล Ubuntu เช่น Xubuntu และ Budgie ยังไม่ตัด X11 ในรุ่นปัจจุบัน   • ทำให้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมย้าย ✅ KDE Plasma 6.5 จะมาพร้อม Wayland PiP และฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ได้เฉพาะ Wayland เท่านั้น   • ช่วยผลักดันให้ผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนได้ราบรื่น https://www.neowin.net/news/end-of-an-era-kubuntu-is-removing-default-support-for-x11-in-new-installs/
    WWW.NEOWIN.NET
    End of an era? Kubuntu is removing default support for X11 in new installs
    The Linux world is slowly moving away from X11 and leaning into Wayland. Kubuntu is now the latest distro to drop default support for X11 in new installs.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง

    แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์

    สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี:
    - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects
    - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:  
    • Animate controls and elements inside windows  
    • Animate windows when minimizing and maximizing  
    • Animations in the taskbar

    แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว

    https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์ สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี: - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:   • Animate controls and elements inside windows   • Animate windows when minimizing and maximizing   • Animations in the taskbar แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    WWW.NEOWIN.NET
    This hidden Windows 11 setting makes the system feel a lot faster
    If you feel like Windows 11's UI is a bit too slow, this simple feature could help speed things up significantly.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • เวลาลง Windows จาก ISO ไม่ว่าจะเป็น Windows 10 หรือ 11 ที่ดาวน์โหลดมาจาก Microsoft เราอาจไม่รู้ว่า... Defender ที่ฝังอยู่ใน ISO นั้น “เก่าและล้าสมัย” แล้ว นั่นแปลว่าในช่วงหลังติดตั้งเสร็จ (ก่อนจะเชื่อมต่อเน็ตและอัปเดต) เราอาจจะถูกโจมตีจากมัลแวร์ใหม่ ๆ ได้ง่าย ๆ เลย

    Microsoft จึงแนะนำให้ “ฝัง” อัปเดตล่าสุดของ Defender เข้าไปใน ISO ก่อนนำไปติดตั้ง โดยอัปเดตนี้เป็น แพ็กเกจที่รวมเอาเวอร์ชันของ Engine + Security Intelligence ที่ใหม่กว่าเดิม และล่าสุดก็คือเวอร์ชัน 1.431.54.0 ซึ่งสามารถตรวจจับมัลแวร์และ backdoor แบบใหม่ ๆ ได้แล้ว

    ผู้ที่ใช้ Windows Server 2016–2022, Windows 10/11 (Home, Pro, Enterprise) ก็สามารถใช้อัปเดตนี้กับ ISO ได้ทั้งหมด วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหลังติดตั้ง Windows เสร็จ ระบบจะไม่เสี่ยงในช่วง "เปลือยป้องกัน" ที่ยังไม่มีแพตช์ใหม่มาลง

    ✅ Microsoft ปล่อยอัปเดต Microsoft Defender (เวอร์ชัน 1.431.54.0) สำหรับฝังในไฟล์ติดตั้ง Windows ISO  
    • เพื่อปิดช่องว่างด้านความปลอดภัยหลังติดตั้งใหม่  
    • ครอบคลุมทั้ง Windows 10/11 และ Windows Server 2016–2022

    ✅ แพ็กเกจอัปเดตมีทั้ง Anti-malware client, Engine และ Signature ล่าสุด  
    • Platform: 4.18.25050.5  
    • Engine: 1.1.25050.2  
    • Security Intelligence: 1.431.54.0

    ✅ ช่วยให้ Windows ที่ติดตั้งจาก ISO ปลอดภัยยิ่งขึ้นก่อนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต  
    • ป้องกันมัลแวร์ใหม่ ๆ ได้ทันที

    ✅ อัปเดตนี้สามารถติดตั้งด้วยตนเองก่อนสร้างไฟล์ ISO หรือก่อน deployment ภายในองค์กร  
    • เหมาะกับ Admin, ผู้ดูแลระบบ, และผู้ใช้ระดับ power user

    https://www.neowin.net/news/microsoft-shares-defender-anti-virus-update-for-new-windows-1110-isos/
    เวลาลง Windows จาก ISO ไม่ว่าจะเป็น Windows 10 หรือ 11 ที่ดาวน์โหลดมาจาก Microsoft เราอาจไม่รู้ว่า... Defender ที่ฝังอยู่ใน ISO นั้น “เก่าและล้าสมัย” แล้ว นั่นแปลว่าในช่วงหลังติดตั้งเสร็จ (ก่อนจะเชื่อมต่อเน็ตและอัปเดต) เราอาจจะถูกโจมตีจากมัลแวร์ใหม่ ๆ ได้ง่าย ๆ เลย Microsoft จึงแนะนำให้ “ฝัง” อัปเดตล่าสุดของ Defender เข้าไปใน ISO ก่อนนำไปติดตั้ง โดยอัปเดตนี้เป็น แพ็กเกจที่รวมเอาเวอร์ชันของ Engine + Security Intelligence ที่ใหม่กว่าเดิม และล่าสุดก็คือเวอร์ชัน 1.431.54.0 ซึ่งสามารถตรวจจับมัลแวร์และ backdoor แบบใหม่ ๆ ได้แล้ว ผู้ที่ใช้ Windows Server 2016–2022, Windows 10/11 (Home, Pro, Enterprise) ก็สามารถใช้อัปเดตนี้กับ ISO ได้ทั้งหมด วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหลังติดตั้ง Windows เสร็จ ระบบจะไม่เสี่ยงในช่วง "เปลือยป้องกัน" ที่ยังไม่มีแพตช์ใหม่มาลง ✅ Microsoft ปล่อยอัปเดต Microsoft Defender (เวอร์ชัน 1.431.54.0) สำหรับฝังในไฟล์ติดตั้ง Windows ISO   • เพื่อปิดช่องว่างด้านความปลอดภัยหลังติดตั้งใหม่   • ครอบคลุมทั้ง Windows 10/11 และ Windows Server 2016–2022 ✅ แพ็กเกจอัปเดตมีทั้ง Anti-malware client, Engine และ Signature ล่าสุด   • Platform: 4.18.25050.5   • Engine: 1.1.25050.2   • Security Intelligence: 1.431.54.0 ✅ ช่วยให้ Windows ที่ติดตั้งจาก ISO ปลอดภัยยิ่งขึ้นก่อนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต   • ป้องกันมัลแวร์ใหม่ ๆ ได้ทันที ✅ อัปเดตนี้สามารถติดตั้งด้วยตนเองก่อนสร้างไฟล์ ISO หรือก่อน deployment ภายในองค์กร   • เหมาะกับ Admin, ผู้ดูแลระบบ, และผู้ใช้ระดับ power user https://www.neowin.net/news/microsoft-shares-defender-anti-virus-update-for-new-windows-1110-isos/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft shares Defender anti-virus update for new Windows 11/10 ISOs
    Microsoft has a new Defender anti-virus update for Windows 11 and 10 images. The new update patches several flaws.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die)

    ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง

    แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม

    ✅ AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows  
    • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว)

    ✅ การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี  
    • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด  
    • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ

    ✅ C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม  
    • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling

    ✅ การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น  
    • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

    ✅ Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้  
    • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม

    ‼️ การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption  
    • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง

    ‼️ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ  
    • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป

    ‼️ ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน  
    • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ

    ‼️ การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง  
    • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง

    https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die) ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม ✅ AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows   • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว) ✅ การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี   • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด   • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ ✅ C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม   • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling ✅ การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น   • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ✅ Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้   • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม ‼️ การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption   • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง ‼️ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ   • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป ‼️ ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน   • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ ‼️ การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง   • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    WWW.NEOWIN.NET
    Some AMD Ryzen users can get free Windows performance boost with this simple system tweak
    AMD Ryzen processor owners, especially X3D ones, may be in for a pleasant surprise as a simple tweak to one of their system settings can help boost performance.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
More Results