• สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ
    .
    เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ
    .
    สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก
    .
    ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก
    .
    ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022
    .
    แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี
    .
    สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม
    .
    ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก
    .
    สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง"
    .
    ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก
    .
    จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง
    .
    นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก
    .
    รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ
    .
    แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ . เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ . สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก . ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก . ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022 . แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี . สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม . ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก . สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง" . ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก . จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง . นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก . รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ . แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1389 มุมมอง 1 รีวิว
  • รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5//68

    การตื่นตระหนกของทักษิณ กำลังทำให้นายพีระพันธุ์ กับนายเอกณัฐ โดดเด่นขึ้นมาในทันที ในเรื่องของพลังงานและโกยคะแนนนิยมพุ่งพรวด ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

    เมื่อหากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 33 ปีที่แล้ว ที่ซาอุดิอาระเบีย ได้ตัดขาดการฑูตกับประเทศไทยอย่างถาวร ต่อกรณีความไม่พอใจในคดีการอุ้มตัวของนักการฑูตและการหายสาบสูญไปของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย แม้จะเริ่มต้นจากคดีการขโมยเพชรประจำตระกูลของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง จนมาถึงการคืนเพชรปลอมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในยุคนั้น และการหายสาบสูญไปของเพชรบลูไดมอน ที่ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียไม่ได้คืนเลยตราบเท่าทุกวันนี้

    แต่อย่างไรก็ดี ความบาดหมางใจต่อประเทศไทยของราขวงศ์ซาอุดิอาระเบีย กลับไม่ได้อยู่ที่เพชรที่หายไป แต่กลับเป็นอารบั้มรูปภาพที่สำคัญที่หายากและเป็นภาพสำคัญของราชวงศ์ที่ทรงอยู่ในวัยพระเยาว์ ที่ได้ถ่ายภาพคู่กับพระราชวงศ์ร่วมกัน ที่นายเกรียงไกร ได้ขโมยติดมือมาด้วย

    สรุปอัลบั้มรูปภาพได้ถูกนายเกรียงไกรเผาทิ้งเสียหายจนหมด หรือจากฝีมือเจ้าหน้าที่คนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่อดีตนายกรัฐมนตรีลุงตู่ ได้ใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะขอรื้อฟื้นเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับซาอุดิอาระเบียมาตลอด .....จนประสบความสำเร็จ ที่กว่า 33ปี ที่คดีความต่างๆ มีการนำเสนอข้อเท็จจริง แบบตรงไปตรงมาต่อราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียในยุคของลุงตู่ จนทำให้มงกุฏราชกุมารทรงพอพระทัย และเริ่มกลับมาฟื้นความสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอีกครั้ง

    ความร่วมมือที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียก็คือเรื่อง พลังงานกับอาหาร

    การเป็นแขกรับเชิญพิเศษของซาอุดิอาระเบีย ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน ต้องบินด่วนไปที่ซาอุฯ เพื่อคุยกันถึงความร่วมมือเรื่องพลังงานที่สำคัญ และมีช่าวจากวงในว่า ซาอุดิอาระเบีย เลือกที่จะเจรจากับนายพีระพันธุ์ เท่านั้น เพราะเขาดูที่ความซื่อสัตย์และไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อสกรีนจากนักการเมืองในรัฐบาลตอนนี้

    และแน่นอนว่า มหาอำนาจแห่งน้ำมันและก๊าซ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งโลก อย่างซาอุดิอาระเบีย กำลังมองหาพลังงานทางเลือกใหม่ กับการลงทุนด้านอาหารกับประเทศไทย แบบงบการลงทุนไม่มีขีดจำกัด

    เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) ได้ติดตั้งโซล่าฟาร์มมากกว่า 4 ล้านแผ่น สามาถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 900 เมกะวัตต์ (MW)
    สามารถส่งกระแสไฟฟ้าให้ผู้คนในประเทศได้ใช้ไฟฟรีถึงกว่า 2 แสนครอบครัว ที่สำคัญที่สุดก็คือ การติดตั้งโซล่าฟาร์มของ UAE ในครั้งนี้ สามารถลดก๊าซคาร์บอนในอากาศได้มากถึงกว่า 1.6 ล้านตัน

    UAE ตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์มให้ได้5,000เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2573 และจะลดก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 5.6ล้านตัน ในอีก7ปีข้างหน้า

    ***เข้าประเด็น เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับตระกูลฮุนและตระกูลชิน ทำไมทักษิณถึงอย่างเขี่ยนายพีระพีนธุ์ออกจาก รมว.กระทรวงพลังงาน และต้องการเขี่ยพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของลูกสาวตนเอง***

    1.ทักษิณเริ่มสติฟั่นเฟือน หวาดระแวง ว่าตนกำลังสูญเสียอำนาจทางพลังงานไปจนหมด เพราะตระกูลชิน ใช้อำนาจทางพลังงาน รวมทั้งทุนมหาศาลในการสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้มีอำนาจอยู่เหนือ 3 สถาบันหลักของรัฐธรรมนูญไทยมายาวนานมาก ถ้าหากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทำให้อำนาจทางพลังงานของทักษิณล่มสลายลง ตระกูลชินจะหมดอำนาจลงทั้งหมดในทางการเมืองของประเทศไทย ไปในทันที

    2. โซล่าฟาร์มของ UAE ใช้คนงานติดตั้ง มาจาก2 ประเทศคือไทยกับไต้หวัน ทีถือว่าเก่งโคตรๆในตอนนี้ โดยเฉพาะการติดตั้งแบบ ออฟกริตและออนกริต

    3.แน่นอนว่า โครงการอภิมหาโปรเจคที่จะใหญ่กว่า UAE ถึงกว่า10เท่า จะเกิดขึ้นที่ซาอุดิอาระเบีย โดยใช้แรงงานไทย และอุปกรณ์สำคัญที่มีคุณภาพสูง จะมาจากไต้หวันทั้งหมด และซาอุดิอาระเบีย จะตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนลงในปี 2573 ที่ 20ล้านตัน

    4. ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศโอเปกที่สำคัญ จะเข้ามาลงทุนกับกระทรวงพลังงานของไทย ในการผลิตกระแสไฟฟ้าไร้สาย และพลังงานสะอาดแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป และจะค่อยๆลดการผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติลง ***สาเหตุเกิดจากน้ำท่วมหนักในทะเลทราย และในเมือง ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนก๊าศคาร์บอนมหาศาลต่อภาคการเกษตรของประเทศมหาอำนาจที่ผลิตน้ำมัน***

    ประเด็นคือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องการการร่วมมือกับนายพีระพันธุ์และนายเอกณัฐเท่านั้น

    แน่นอนว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นภาพของฮุนเซน ผู้นำเขมรหอบสังขารไปเยือนกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพราะอยากได้การลงทุนเรื่องพลังงานทางเลือกใหม่เหมือนกับไทย แต่สับขาหลอกว่า ต้องการหาทุน มาขุดคลองฟูนัน-เตโช ***ตระกูลไหนรีบคาบข่าวไปบอก ก็คงจะเดากันออกได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายเขมรก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆกลับมา***

    #### เมื่อทั่งนครดูไบ และทั้งประเทศในซาอุดิอาระเบียและหลายประเทศของโอเปก ตัดสินใจร่วมลงทุนกับนายพีระพันธุ์ แน่นอนว่าคนที่เสียหน้าที่สุดก็คือตระกูลชิน จึงได้เกิดอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้นั่นเอง###

    ***ทำนายได้ไม่ยากเลยว่า อีกไม่นานสีจิ้นผิง ผู้นำจีน จะต้องเบนเข็มมาให้ความสนใจต่อความร่วมมือกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของไทยเช่นเดียวกัน และก็ไม่ต้องแปลกใจไปว่า เหตุใด จีนจึงถอนตัวออกจากการลงทุนทุกอย่างกับเขมร และไม่สนับสนุนเขมรในการสำรวจขุดเอาพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย เพราะจีนรู้ว่าทั้งหมด มันเป็นแค่ละครแหกตาของสองตระกูลเขมรกับไทยเท่านั้น***

    ทั้งหมดก็คือเหตุผลว่า ทำไมนายพีระพันธุ์ รมว.กระทรวงพลังงานกับ นายเอกณัฐ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรค รวมไทยสร้างชาติ ถึงไม่ได้ให้ความเกรงกลัวต่อทักษิณอีกเลย และไม่ได้สนใจว่า จะปรับเอาพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของแพรทองธารเลยสักนิด***แถมเบื้องบนก็เปิดไฟเขียวกันหมด รวมถึงผู้ถือหุ้นที่สำคัญทางพลังงานทั้งหมด ก็ย้ายมามาสนับสนุนนายพีระพันธุ์กันหมดแล้ว

    ผมเคยเขียนเอาไว้ล่วงหน้าว่า อีกไม่นาน ตระกูลฮุนของเขมร จะถูกทั้งโลกโดดเดี่ยวเดียวดาย และอีกไม่นาน จะเป็นตระกูลชิน จะเป็นอีกตระกูลที่จะถูกทั้งโลกไม่ให้ค่าอะไรอีกต่อไป

    ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญมาก เรื่องของพลังงาน ที่จะทำให้ความยากจนของคนในชาติลดลงในทันที หากทุกคนทั้งประเทศ รวมใจกันเลือกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้เป็นนายกรัฐมนตรีและดูแลกระทรวงพลังงาน รวมไปถึงการสนับสนุนนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ให้ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมและหากพรรคนี้ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยแล้ว ***สยามประเทศจะเป็นเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน ก็ไม่เกินความเป็นจริง***

    เดชา นฤนารท .

    4/1/68 11.25 น.
    5//68 การตื่นตระหนกของทักษิณ กำลังทำให้นายพีระพันธุ์ กับนายเอกณัฐ โดดเด่นขึ้นมาในทันที ในเรื่องของพลังงานและโกยคะแนนนิยมพุ่งพรวด ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อหากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 33 ปีที่แล้ว ที่ซาอุดิอาระเบีย ได้ตัดขาดการฑูตกับประเทศไทยอย่างถาวร ต่อกรณีความไม่พอใจในคดีการอุ้มตัวของนักการฑูตและการหายสาบสูญไปของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย แม้จะเริ่มต้นจากคดีการขโมยเพชรประจำตระกูลของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง จนมาถึงการคืนเพชรปลอมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในยุคนั้น และการหายสาบสูญไปของเพชรบลูไดมอน ที่ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียไม่ได้คืนเลยตราบเท่าทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ดี ความบาดหมางใจต่อประเทศไทยของราขวงศ์ซาอุดิอาระเบีย กลับไม่ได้อยู่ที่เพชรที่หายไป แต่กลับเป็นอารบั้มรูปภาพที่สำคัญที่หายากและเป็นภาพสำคัญของราชวงศ์ที่ทรงอยู่ในวัยพระเยาว์ ที่ได้ถ่ายภาพคู่กับพระราชวงศ์ร่วมกัน ที่นายเกรียงไกร ได้ขโมยติดมือมาด้วย สรุปอัลบั้มรูปภาพได้ถูกนายเกรียงไกรเผาทิ้งเสียหายจนหมด หรือจากฝีมือเจ้าหน้าที่คนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่อดีตนายกรัฐมนตรีลุงตู่ ได้ใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะขอรื้อฟื้นเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับซาอุดิอาระเบียมาตลอด .....จนประสบความสำเร็จ ที่กว่า 33ปี ที่คดีความต่างๆ มีการนำเสนอข้อเท็จจริง แบบตรงไปตรงมาต่อราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียในยุคของลุงตู่ จนทำให้มงกุฏราชกุมารทรงพอพระทัย และเริ่มกลับมาฟื้นความสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอีกครั้ง ความร่วมมือที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียก็คือเรื่อง พลังงานกับอาหาร การเป็นแขกรับเชิญพิเศษของซาอุดิอาระเบีย ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน ต้องบินด่วนไปที่ซาอุฯ เพื่อคุยกันถึงความร่วมมือเรื่องพลังงานที่สำคัญ และมีช่าวจากวงในว่า ซาอุดิอาระเบีย เลือกที่จะเจรจากับนายพีระพันธุ์ เท่านั้น เพราะเขาดูที่ความซื่อสัตย์และไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อสกรีนจากนักการเมืองในรัฐบาลตอนนี้ และแน่นอนว่า มหาอำนาจแห่งน้ำมันและก๊าซ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งโลก อย่างซาอุดิอาระเบีย กำลังมองหาพลังงานทางเลือกใหม่ กับการลงทุนด้านอาหารกับประเทศไทย แบบงบการลงทุนไม่มีขีดจำกัด เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) ได้ติดตั้งโซล่าฟาร์มมากกว่า 4 ล้านแผ่น สามาถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 900 เมกะวัตต์ (MW) สามารถส่งกระแสไฟฟ้าให้ผู้คนในประเทศได้ใช้ไฟฟรีถึงกว่า 2 แสนครอบครัว ที่สำคัญที่สุดก็คือ การติดตั้งโซล่าฟาร์มของ UAE ในครั้งนี้ สามารถลดก๊าซคาร์บอนในอากาศได้มากถึงกว่า 1.6 ล้านตัน UAE ตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์มให้ได้5,000เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2573 และจะลดก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 5.6ล้านตัน ในอีก7ปีข้างหน้า ***เข้าประเด็น เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับตระกูลฮุนและตระกูลชิน ทำไมทักษิณถึงอย่างเขี่ยนายพีระพีนธุ์ออกจาก รมว.กระทรวงพลังงาน และต้องการเขี่ยพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของลูกสาวตนเอง*** 1.ทักษิณเริ่มสติฟั่นเฟือน หวาดระแวง ว่าตนกำลังสูญเสียอำนาจทางพลังงานไปจนหมด เพราะตระกูลชิน ใช้อำนาจทางพลังงาน รวมทั้งทุนมหาศาลในการสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้มีอำนาจอยู่เหนือ 3 สถาบันหลักของรัฐธรรมนูญไทยมายาวนานมาก ถ้าหากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทำให้อำนาจทางพลังงานของทักษิณล่มสลายลง ตระกูลชินจะหมดอำนาจลงทั้งหมดในทางการเมืองของประเทศไทย ไปในทันที 2. โซล่าฟาร์มของ UAE ใช้คนงานติดตั้ง มาจาก2 ประเทศคือไทยกับไต้หวัน ทีถือว่าเก่งโคตรๆในตอนนี้ โดยเฉพาะการติดตั้งแบบ ออฟกริตและออนกริต 3.แน่นอนว่า โครงการอภิมหาโปรเจคที่จะใหญ่กว่า UAE ถึงกว่า10เท่า จะเกิดขึ้นที่ซาอุดิอาระเบีย โดยใช้แรงงานไทย และอุปกรณ์สำคัญที่มีคุณภาพสูง จะมาจากไต้หวันทั้งหมด และซาอุดิอาระเบีย จะตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนลงในปี 2573 ที่ 20ล้านตัน 4. ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศโอเปกที่สำคัญ จะเข้ามาลงทุนกับกระทรวงพลังงานของไทย ในการผลิตกระแสไฟฟ้าไร้สาย และพลังงานสะอาดแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป และจะค่อยๆลดการผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติลง ***สาเหตุเกิดจากน้ำท่วมหนักในทะเลทราย และในเมือง ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนก๊าศคาร์บอนมหาศาลต่อภาคการเกษตรของประเทศมหาอำนาจที่ผลิตน้ำมัน*** ประเด็นคือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องการการร่วมมือกับนายพีระพันธุ์และนายเอกณัฐเท่านั้น แน่นอนว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นภาพของฮุนเซน ผู้นำเขมรหอบสังขารไปเยือนกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพราะอยากได้การลงทุนเรื่องพลังงานทางเลือกใหม่เหมือนกับไทย แต่สับขาหลอกว่า ต้องการหาทุน มาขุดคลองฟูนัน-เตโช ***ตระกูลไหนรีบคาบข่าวไปบอก ก็คงจะเดากันออกได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายเขมรก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆกลับมา*** #### เมื่อทั่งนครดูไบ และทั้งประเทศในซาอุดิอาระเบียและหลายประเทศของโอเปก ตัดสินใจร่วมลงทุนกับนายพีระพันธุ์ แน่นอนว่าคนที่เสียหน้าที่สุดก็คือตระกูลชิน จึงได้เกิดอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้นั่นเอง### ***ทำนายได้ไม่ยากเลยว่า อีกไม่นานสีจิ้นผิง ผู้นำจีน จะต้องเบนเข็มมาให้ความสนใจต่อความร่วมมือกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของไทยเช่นเดียวกัน และก็ไม่ต้องแปลกใจไปว่า เหตุใด จีนจึงถอนตัวออกจากการลงทุนทุกอย่างกับเขมร และไม่สนับสนุนเขมรในการสำรวจขุดเอาพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย เพราะจีนรู้ว่าทั้งหมด มันเป็นแค่ละครแหกตาของสองตระกูลเขมรกับไทยเท่านั้น*** ทั้งหมดก็คือเหตุผลว่า ทำไมนายพีระพันธุ์ รมว.กระทรวงพลังงานกับ นายเอกณัฐ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรค รวมไทยสร้างชาติ ถึงไม่ได้ให้ความเกรงกลัวต่อทักษิณอีกเลย และไม่ได้สนใจว่า จะปรับเอาพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของแพรทองธารเลยสักนิด***แถมเบื้องบนก็เปิดไฟเขียวกันหมด รวมถึงผู้ถือหุ้นที่สำคัญทางพลังงานทั้งหมด ก็ย้ายมามาสนับสนุนนายพีระพันธุ์กันหมดแล้ว ผมเคยเขียนเอาไว้ล่วงหน้าว่า อีกไม่นาน ตระกูลฮุนของเขมร จะถูกทั้งโลกโดดเดี่ยวเดียวดาย และอีกไม่นาน จะเป็นตระกูลชิน จะเป็นอีกตระกูลที่จะถูกทั้งโลกไม่ให้ค่าอะไรอีกต่อไป ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญมาก เรื่องของพลังงาน ที่จะทำให้ความยากจนของคนในชาติลดลงในทันที หากทุกคนทั้งประเทศ รวมใจกันเลือกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้เป็นนายกรัฐมนตรีและดูแลกระทรวงพลังงาน รวมไปถึงการสนับสนุนนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ให้ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมและหากพรรคนี้ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยแล้ว ***สยามประเทศจะเป็นเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน ก็ไม่เกินความเป็นจริง*** เดชา นฤนารท . 4/1/68 11.25 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 969 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
    ได้ปรับลดมุมมองการเติบโตของอุปสงค์
    หรือความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกในปี 2567
    และ ปี 2568 อีกครั้ง

    🚩โดยวันอังคารนี้ กลุ่มโอเปก OPEC ได้ปรับลด
    คาดการณ์การเติบโต ของความต้องการน้ำมันโลก
    ในปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดข้อมูลที่ได้รับ
    จนถึงตอนนี้ในปีนี้ และยังได้ปรับลดคาดการณ์
    สำหรับปีหน้าด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับลดคาดการณ์
    ครั้งที่สองติดต่อกันของกลุ่มผู้ผลิต

    🚩โอเปก ได้เปิดเผยรายงานประจำเดือนว่า ความต้องการ
    น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 2.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2567
    ซึ่งลดลงจากการเติบโต 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน
    ตามที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว

    🚩และ โอเปกยังปรับลดประมาณการเติบโตของอุปสงค์
    ทั่วโลกในปี 2568 ลงเหลือ 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน
    จาก 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน

    🚩โอเปกระบุในรายงานว่า "เมื่อมองไปข้างหน้า การเติบโต
    ทางเศรษฐกิจของจีน คาดว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุน
    เป็นอย่างดี"

    🚩“อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในภาคอสังหาริมทรัพย์และ
    การเพิ่มขึ้นของรถบรรทุก LNG และยานยนต์ไฟฟ้า
    มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันดีเซล
    และน้ำมันเบนซินในอนาคต”

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #OPEC #โอเปก #thaitimes
    🔥🔥องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดมุมมองการเติบโตของอุปสงค์ หรือความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกในปี 2567 และ ปี 2568 อีกครั้ง 🚩โดยวันอังคารนี้ กลุ่มโอเปก OPEC ได้ปรับลด คาดการณ์การเติบโต ของความต้องการน้ำมันโลก ในปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดข้อมูลที่ได้รับ จนถึงตอนนี้ในปีนี้ และยังได้ปรับลดคาดการณ์ สำหรับปีหน้าด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับลดคาดการณ์ ครั้งที่สองติดต่อกันของกลุ่มผู้ผลิต 🚩โอเปก ได้เปิดเผยรายงานประจำเดือนว่า ความต้องการ น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 2.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากการเติบโต 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว 🚩และ โอเปกยังปรับลดประมาณการเติบโตของอุปสงค์ ทั่วโลกในปี 2568 ลงเหลือ 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน 🚩โอเปกระบุในรายงานว่า "เมื่อมองไปข้างหน้า การเติบโต ทางเศรษฐกิจของจีน คาดว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุน เป็นอย่างดี" 🚩“อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในภาคอสังหาริมทรัพย์และ การเพิ่มขึ้นของรถบรรทุก LNG และยานยนต์ไฟฟ้า มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินในอนาคต” ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #OPEC #โอเปก #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 870 มุมมอง 0 รีวิว