• 71 ล้านเสน่หาหรือฉ้อโกงและเสียภาษีหรือยัง?
    .
    มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง
    .
    มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
    .
    ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
    .
    จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์
    .
    วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย
    .
    เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ
    .
    ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ
    .
    คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป
    .
    คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา
    .
    ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร
    .
    และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด
    .
    คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด
    .
    วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/5VdnTLYvmR1Em1mH/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    71 ล้านเสน่หาหรือฉ้อโกงและเสียภาษีหรือยัง? . มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง . มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส . ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา . จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์ . วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย . เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ . ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ . คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป . คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา . ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร . และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด . คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด . วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่มา https://www.facebook.com/share/p/5VdnTLYvmR1Em1mH/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสน่หาหรือฉ้อโกง เปิดใจ อ้อย จตุพร (28/10/67) #news1 #เปิดใจอ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เสน่หาหรือฉ้อโกง
    เสน่หาหรือฉ้อโกง เปิดใจ อ้อย จตุพร (28/10/67) #news1 #เปิดใจอ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เสน่หาหรือฉ้อโกง
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    Angry
    14
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1847 มุมมอง 613 1 รีวิว
  • 71 ล้าน เสน่หาหรือฉ้อโกง และเสียภาษีหรือยัง?
    .
    มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง
    .
    มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
    .
    ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
    .
    จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์
    .
    วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย
    .
    เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ
    .
    ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ
    .
    คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป
    .
    คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา
    .
    ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร
    .
    และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด
    .
    คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด
    .
    วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล
    71 ล้าน เสน่หาหรือฉ้อโกง และเสียภาษีหรือยัง? . มหาเศรษฐีคนที่คุณตั้มอ้างว่าเคยจ้างทนายตั้มเดือนละสามแสนอยู่ปีกว่า ให้เงินทนายตั้มมาโดยเสน่หา 2 ล้านยูโร ประมาณ 71 ล้านกว่าบาท ออกค่าใช้จ่ายให้ทนายตั้มและครอบครัวนั่งเครื่องบินบิซเนสคลาส เฟิร์สตคลาส ออกค่าโรงแรมให้ไปเที่ยวยุโรปทั้งครอบครัวอยู่เป็นประจำแทบจะทุกเดือน สัญญาว่าจะหาบ้านให้ พร้อมส่งเสียลูกของทนายตั้มไปเรียนต่อยุโรป หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ทนายตั้มอ้าง . มหาเศรษฐีคนนี้ชื่อ คุณจตุพร อุบลเลิศ ทนายตั้มเรียกว่า"พี่อ้อย" เธอเป็นคนมีตัวตนจริงๆ เป็นคนที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่เมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้วจะโยกย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และย้ายต่อไปอยู่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส . ในบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความ ของคุณอ้อย จตุพร ได้มอบอำนาจให้ทนายไปแจ้งความกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิดฉ้อโกง ต่อสถานีตำรวจภูธรปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 หรือเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา . จากคำให้การคุณอ้อย ได้ว่าจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำสัญญาตกลงว่าจะจ่ายเงินเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งไม่ได้จ่ายผ่านลอว์ เฟิร์ม แต่จ่ายผ่านบุคคล ต่อมาปลายปี 2565 ต่อต้นปี 2566 นายษิทรา บอกผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ หลังจากที่พี่อ้อย คุณจตุพร ได้ปรึกษาครอบครัว เห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความตั้งใจของคุณจตุพร (พี่อ้อย) ที่จะลงทุนอะไรบางอย่างไว้ให้กับลูกชาย ที่ได้ย้ายมาอยู่ไทยแล้ว ก็เลยตกลงทำสัญญาลงนามที่จะทำแพลตฟอร์ม เขียนโปรแกรมหวยออนไลน์ . วันที่16กุมภาพันธ์ 2566ทนายตั้มบอกผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่เขาก่อน เพื่อจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่องใช้ชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย . เงิน 2 ล้านยูโรที่คุณอ้างว่า ลูกความคุณเป็นมหาเศรษฐี เขาให้คุณโดยเสน่หา ผมมีคำตอบให้คุณชัดๆมันเป็นใบโอนเงินใบนี้ ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากช่อง รายละเอียดจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร เท่ากับ 71,067,764.70 (เจ็ดสิบเอ็ดล้านหกหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยหกสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ชัดไหมครับ . ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วมหาเศรษฐีที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นลูกความของตัวเอง เป็นคนไทยอยู่ในต่างประเทศนั้น เขาให้เงินคุณมา 2 ล้านยูโร หรือแปลงเป็นเงินไทยก็ 71 ล้านบาท โดยเสน่หาจริงหรือไม่ ? ถามใคร ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคุณษิทรา แม้แต่หนุ่ม กรรชัย เองก็ไม่เชื่อ . คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ถ้าคุณฟังอยู่ มีประเด็นให้คุณตอบโต้ผมได้ ถ้าผมพูดผิด เงิน 70 ล้าน ที่คุณได้มา คุณได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ? คุณแจ้งสรรพากรไหม ? เพราะมีหลักฐานว่าคุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเงินมาแล้ว 71 ล้าน อ้างว่าได้มาด้วยเสน่หา เพราะฉะนั้นต้องจ่ายภาษี คุณไม่ได้แจ้ง ท่านอธิบดีกรมสรรพากรไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลยหรือ รอให้ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่กรมสรรพากรก่อน และเอาหลักฐานที่คุณพูดมา นี่คือการทำผิดกฎหมายของคุณอีกข้อหนึ่งที่จะแขวนคอคุณต่อไป . คุณหนีภาษี แล้วยังมาลอยหน้าว่าคุณเป็นทนายเพื่อประชาชน ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียภาษีเงิน 70 ล้าน เอาหลักฐานมาดูหน่อยซิ ผมจะกราบตีนคุณเลย คุณไม่ได้เสียภาษีหรอก นี่คือคำโกหก เพราะคุณคุยโวตลอดเวลา . ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอดนี่ไม่มีตรงไหนเลยที่เป็นเสน่หา เป็นเรื่องที่คุณไปเอาเงินเขามาเพื่อมาลงทุน ที่ผ่านมาเขาเมตตาคุณมากนะ ให้เงินคุณไปมากมาย ค่าทนายเดือนละสามแสนบาท เป็นปี ซึ่งคุณไม่ได้เอาเข้าบริษัท ส่งเข้าตัวบุคคล รวมกันแล้วหลายล้านบาท คุณยังมาเอาเงินเขาไป โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร . และมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเบนซ์ G Class รุ่น G400 ราคาคันละประมาณ 9 ล้านบาท ให้คุณหารถคันนี้ให้ คุณอ้อย จะได้ใช้งานสะดวกเอาไว้ใช้เมื่อมากรุงเทพ แต่ว่าคุณก็ไปตุกติกกับเขาสารพัด . คุณษิทรา คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าบ้านที่คุณซื้อไป คุณใช้แคชเชียร์เช็คมูลค่า 46 ล้านซื้อใช่ไหม แล้วคุณใส่ชื่อเจ้าของบ้านคือภรรยาคุณ สรรพากรหรือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเขาสงสัยว่าภรรยาคุณทำงานอะไรถึงมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มาซื้อบ้านหลังนี้เป็นเงินสด . วันนี้คุณอ้างคุณอ้อย จตุพร ไม่ได้แล้ว คำถามมีอยู่ชัดเจน ภรรยาคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เพราะว่าคุณใส่ชื่อบ้านหลังนั้นเป็นชื่อภรรยาคุณ นี่คุณยังไม่รู้หรือว่าคุณกำลังเดินลงหลุมไปทีละนิดๆ เหมือนกับลูกพี่คุณ สุรเชชษฐ์ หักพาล
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 861 มุมมอง 0 รีวิว