• “Vibecoding” คือแนวทางใหม่ที่ใช้ AI สร้างแอปได้ง่ายขึ้น — แม้ไม่รู้โค้ด ก็สร้างเว็บไซต์หรือโปรเจกต์ได้ด้วยภาษาพูด

    บทความจาก The Star อธิบายปรากฏการณ์ “vibecoding” ซึ่งเป็นการใช้ภาษาธรรมชาติพูดคุยกับ AI เพื่อให้ช่วยเขียนโค้ดหรือสร้างแอป โดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งมาก่อน แนวคิดนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนา นักเรียน และผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่ต้องเรียนภาษา Java หรือ C++

    “Vibecoding” เป็นคำที่ใช้เรียกการเขียนโค้ดร่วมกับ AI โดยใช้ภาษาพูดหรือคำสั่งง่าย ๆ เช่น “ช่วยสร้างเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าให้ฉัน” แล้ว AI จะสร้างโครงสร้าง HTML, CSS หรือแม้แต่ backend ให้ทันที

    แนวคิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักจาก Andrej Karpathy ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น vibe marketing, vibe analytics และ vibe designing โดย Microsoft ก็ใช้แนวทางนี้ใน Copilot เพื่อช่วยสร้างสไลด์และสเปรดชีต

    Kyle Jensen จาก Yale School of Management กล่าวว่า “AI-assisted software development” ฟังดูเป็นทางการเกินไป แต่ “vibecoding” ให้ความรู้สึกเข้าถึงง่ายและเป็นกันเองมากกว่า

    แม้จะดูง่าย แต่การใช้ AI สร้างแอปก็ยังมีข้อจำกัด เช่น AI อาจสร้างโค้ดผิดพลาด หรือหลุดจากบริบทที่ผู้ใช้ต้องการได้ ดังนั้นผู้ที่มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งจะสามารถควบคุมและแก้ไขได้ดีกว่า

    นักพัฒนาอย่าง Simon Last จาก Notion เปรียบเทียบว่า การใช้ AI เขียนโค้ดก็เหมือน “ดูแลเด็กฝึกงาน” ที่ต้องคอยตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง

    ความหมายของ “vibecoding”
    ใช้ภาษาธรรมชาติสั่ง AI ให้สร้างโค้ดหรือแอป
    ไม่ต้องมีพื้นฐานโปรแกรมมิ่งก็เริ่มต้นได้

    จุดเด่นของแนวทางนี้
    เข้าถึงง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
    ใช้ในหลายวงการ เช่น marketing, analytics, design
    Microsoft ใช้ใน Copilot เพื่อสร้างงานนำเสนอและเอกสาร

    ข้อจำกัดของ vibecoding
    AI อาจสร้างโค้ดผิดหรือหลุดบริบท
    ผู้ใช้ที่เข้าใจโค้ดจะสามารถควบคุมได้ดีกว่า
    ต้องมีการตรวจสอบและแก้ไขจากมนุษย์

    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    เปรียบเทียบ AI coding tools กับเด็กฝึกงาน
    เป็นผู้ช่วยที่ดี แต่ยังไม่แทนมนุษย์ได้ทั้งหมด
    ช่วยให้การเรียนรู้เร็วขึ้นและลดความยากในการเริ่มต้น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ AI สร้างโค้ด
    อย่าพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์
    ควรเรียนรู้พื้นฐานโค้ดเพื่อควบคุมและแก้ไขได้
    อย่าใช้ AI สร้างระบบที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/27/with-vibecoding-ai-can-help-anyone-build-an-app
    🧠 “Vibecoding” คือแนวทางใหม่ที่ใช้ AI สร้างแอปได้ง่ายขึ้น — แม้ไม่รู้โค้ด ก็สร้างเว็บไซต์หรือโปรเจกต์ได้ด้วยภาษาพูด บทความจาก The Star อธิบายปรากฏการณ์ “vibecoding” ซึ่งเป็นการใช้ภาษาธรรมชาติพูดคุยกับ AI เพื่อให้ช่วยเขียนโค้ดหรือสร้างแอป โดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งมาก่อน แนวคิดนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนา นักเรียน และผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่ต้องเรียนภาษา Java หรือ C++ “Vibecoding” เป็นคำที่ใช้เรียกการเขียนโค้ดร่วมกับ AI โดยใช้ภาษาพูดหรือคำสั่งง่าย ๆ เช่น “ช่วยสร้างเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าให้ฉัน” แล้ว AI จะสร้างโครงสร้าง HTML, CSS หรือแม้แต่ backend ให้ทันที แนวคิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักจาก Andrej Karpathy ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น vibe marketing, vibe analytics และ vibe designing โดย Microsoft ก็ใช้แนวทางนี้ใน Copilot เพื่อช่วยสร้างสไลด์และสเปรดชีต Kyle Jensen จาก Yale School of Management กล่าวว่า “AI-assisted software development” ฟังดูเป็นทางการเกินไป แต่ “vibecoding” ให้ความรู้สึกเข้าถึงง่ายและเป็นกันเองมากกว่า แม้จะดูง่าย แต่การใช้ AI สร้างแอปก็ยังมีข้อจำกัด เช่น AI อาจสร้างโค้ดผิดพลาด หรือหลุดจากบริบทที่ผู้ใช้ต้องการได้ ดังนั้นผู้ที่มีพื้นฐานด้านโปรแกรมมิ่งจะสามารถควบคุมและแก้ไขได้ดีกว่า นักพัฒนาอย่าง Simon Last จาก Notion เปรียบเทียบว่า การใช้ AI เขียนโค้ดก็เหมือน “ดูแลเด็กฝึกงาน” ที่ต้องคอยตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง ✅ ความหมายของ “vibecoding” ➡️ ใช้ภาษาธรรมชาติสั่ง AI ให้สร้างโค้ดหรือแอป ➡️ ไม่ต้องมีพื้นฐานโปรแกรมมิ่งก็เริ่มต้นได้ ✅ จุดเด่นของแนวทางนี้ ➡️ เข้าถึงง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น ➡️ ใช้ในหลายวงการ เช่น marketing, analytics, design ➡️ Microsoft ใช้ใน Copilot เพื่อสร้างงานนำเสนอและเอกสาร ✅ ข้อจำกัดของ vibecoding ➡️ AI อาจสร้างโค้ดผิดหรือหลุดบริบท ➡️ ผู้ใช้ที่เข้าใจโค้ดจะสามารถควบคุมได้ดีกว่า ➡️ ต้องมีการตรวจสอบและแก้ไขจากมนุษย์ ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เปรียบเทียบ AI coding tools กับเด็กฝึกงาน ➡️ เป็นผู้ช่วยที่ดี แต่ยังไม่แทนมนุษย์ได้ทั้งหมด ➡️ ช่วยให้การเรียนรู้เร็วขึ้นและลดความยากในการเริ่มต้น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ AI สร้างโค้ด ⛔ อย่าพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์ ⛔ ควรเรียนรู้พื้นฐานโค้ดเพื่อควบคุมและแก้ไขได้ ⛔ อย่าใช้ AI สร้างระบบที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/27/with-vibecoding-ai-can-help-anyone-build-an-app
    WWW.THESTAR.COM.MY
    With 'vibecoding', AI can help anyone build an app
    Bringing on artificial intelligence as a collaborator can make coding feel more accessible to those with little training in it, but there are trade-offs.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ “Tainted Memories” ใน ChatGPT Atlas Browser — เมื่อ AI จำคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว

    บทความจาก HackRead เผยช่องโหว่ร้ายแรงใน ChatGPT Atlas Browser ที่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก LayerX Security ซึ่งตั้งชื่อว่า “ChatGPT Tainted Memories” โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งอันตรายลงในหน่วยความจำของ ChatGPT ขณะใช้งาน Atlas Browser ทำให้ AI ทำงานตามคำสั่งที่ผู้ใช้ไม่ได้ร้องขอ

    ChatGPT Atlas เป็นเบราว์เซอร์ใหม่จาก OpenAI ที่ใช้ความสามารถของ AI ในการอ่านเว็บ สรุปข้อมูล และดำเนินการแทนผู้ใช้ เช่น เปิดบัญชีหรือดาวน์โหลดไฟล์ แต่ช่องโหว่ที่พบทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งลับลงในเนื้อหาของเว็บไซต์ เมื่อ Atlas อ่านข้อมูลนั้นแล้วเข้าใจว่าเป็นคำสั่งจากผู้ใช้ มันก็จะดำเนินการทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

    ที่น่ากังวลคือคำสั่งเหล่านี้อาจฝังอยู่ในหน่วยความจำของ ChatGPT และยังคงอยู่แม้จะเปลี่ยนหน้าเว็บหรืออุปกรณ์ ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมการทำงานของเบราว์เซอร์ได้ในระยะยาว

    นอกจากนี้ Atlas ยังไม่มีระบบป้องกัน phishing ที่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้เบราว์เซอร์ทั่วไปถึง 90% ตามรายงานของ LayerX

    ช่องโหว่ “Tainted Memories” ใน ChatGPT Atlas
    แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งลับลงในเนื้อหาเว็บ
    ChatGPT อาจเข้าใจผิดว่าเป็นคำสั่งจากผู้ใช้
    ดำเนินการโดยไม่ตรวจสอบ เช่น เปิดบัญชีหรือเข้าถึงไฟล์

    ความเสี่ยงจากหน่วยความจำของ AI
    คำสั่งอันตรายอาจอยู่ในหน่วยความจำข้ามอุปกรณ์หรือเซสชัน
    แฮกเกอร์สามารถควบคุมการทำงานของเบราว์เซอร์ในระยะยาว

    ปัญหาด้าน phishing
    Atlas ไม่มีระบบป้องกัน phishing ที่ดี
    ผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ Chrome หรือ Edge ถึง 90%

    คำแนะนำจากนักวิจัย
    หลีกเลี่ยงการใช้ Atlas กับบัญชีสำคัญ เช่น อีเมลหรือธนาคาร
    ใช้เบราว์เซอร์ทั่วไปสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง
    ตรวจสอบหน่วยความจำและประวัติการทำงานของ AI เป็นระยะ
    องค์กรควรจำกัดสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งาน AI browser อย่างเข้มงวด

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Atlas
    อย่าใช้เบราว์เซอร์นี้กับข้อมูลสำคัญจนกว่าจะมีแพตช์แก้ไข
    หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จักขณะใช้ Atlas
    ตรวจสอบว่า AI ทำงานตามคำสั่งจริง ไม่ใช่คำสั่งที่ถูกฝังไว้

    https://hackread.com/chatgpt-tainted-memories-atlas-browser/
    🧠 ช่องโหว่ “Tainted Memories” ใน ChatGPT Atlas Browser — เมื่อ AI จำคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว บทความจาก HackRead เผยช่องโหว่ร้ายแรงใน ChatGPT Atlas Browser ที่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยจาก LayerX Security ซึ่งตั้งชื่อว่า “ChatGPT Tainted Memories” โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งอันตรายลงในหน่วยความจำของ ChatGPT ขณะใช้งาน Atlas Browser ทำให้ AI ทำงานตามคำสั่งที่ผู้ใช้ไม่ได้ร้องขอ ChatGPT Atlas เป็นเบราว์เซอร์ใหม่จาก OpenAI ที่ใช้ความสามารถของ AI ในการอ่านเว็บ สรุปข้อมูล และดำเนินการแทนผู้ใช้ เช่น เปิดบัญชีหรือดาวน์โหลดไฟล์ แต่ช่องโหว่ที่พบทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งลับลงในเนื้อหาของเว็บไซต์ เมื่อ Atlas อ่านข้อมูลนั้นแล้วเข้าใจว่าเป็นคำสั่งจากผู้ใช้ มันก็จะดำเนินการทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ที่น่ากังวลคือคำสั่งเหล่านี้อาจฝังอยู่ในหน่วยความจำของ ChatGPT และยังคงอยู่แม้จะเปลี่ยนหน้าเว็บหรืออุปกรณ์ ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมการทำงานของเบราว์เซอร์ได้ในระยะยาว นอกจากนี้ Atlas ยังไม่มีระบบป้องกัน phishing ที่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้เบราว์เซอร์ทั่วไปถึง 90% ตามรายงานของ LayerX ✅ ช่องโหว่ “Tainted Memories” ใน ChatGPT Atlas ➡️ แฮกเกอร์สามารถฝังคำสั่งลับลงในเนื้อหาเว็บ ➡️ ChatGPT อาจเข้าใจผิดว่าเป็นคำสั่งจากผู้ใช้ ➡️ ดำเนินการโดยไม่ตรวจสอบ เช่น เปิดบัญชีหรือเข้าถึงไฟล์ ✅ ความเสี่ยงจากหน่วยความจำของ AI ➡️ คำสั่งอันตรายอาจอยู่ในหน่วยความจำข้ามอุปกรณ์หรือเซสชัน ➡️ แฮกเกอร์สามารถควบคุมการทำงานของเบราว์เซอร์ในระยะยาว ✅ ปัญหาด้าน phishing ➡️ Atlas ไม่มีระบบป้องกัน phishing ที่ดี ➡️ ผู้ใช้มีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ Chrome หรือ Edge ถึง 90% ✅ คำแนะนำจากนักวิจัย ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ Atlas กับบัญชีสำคัญ เช่น อีเมลหรือธนาคาร ➡️ ใช้เบราว์เซอร์ทั่วไปสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ➡️ ตรวจสอบหน่วยความจำและประวัติการทำงานของ AI เป็นระยะ ➡️ องค์กรควรจำกัดสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งาน AI browser อย่างเข้มงวด ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Atlas ⛔ อย่าใช้เบราว์เซอร์นี้กับข้อมูลสำคัญจนกว่าจะมีแพตช์แก้ไข ⛔ หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จักขณะใช้ Atlas ⛔ ตรวจสอบว่า AI ทำงานตามคำสั่งจริง ไม่ใช่คำสั่งที่ถูกฝังไว้ https://hackread.com/chatgpt-tainted-memories-atlas-browser/
    HACKREAD.COM
    ‘ChatGPT Tainted Memories’ Exploit Enables Command Injection in Atlas Browser
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • GPUI Component คือชุด UI สำหรับสร้างแอปเดสก์ท็อปด้วย Rust ที่เน้นความเร็ว ความยืดหยุ่น และดีไซน์ทันสมัย

    GPUI Component เป็นไลบรารี UI แบบ cross-platform ที่พัฒนาโดย Longbridge เพื่อใช้กับเฟรมเวิร์ก GPUI โดยเน้นการสร้างแอปเดสก์ท็อปที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และมีดีไซน์ทันสมัยคล้าย macOS และ Windows

    จุดเด่นของ GPUI Component

    มีมากกว่า 60 UI components เช่น ปุ่ม, ตาราง, กราฟ, Markdown viewer, code editor
    ดีไซน์ทันสมัย ได้แรงบันดาลใจจาก shadcn/ui และ native controls ของ macOS/Windows
    ใช้งานง่าย ด้วยแนวคิด Stateless RenderOnce และ API ที่เป็นธรรมชาติ
    รองรับธีมหลายแบบ และปรับแต่งสีผ่าน ThemeColor ได้
    รองรับ layout ที่ยืดหยุ่น เช่น dock layout และ tiles layout
    ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น virtualized table/list
    รองรับ Markdown และ HTML รวมถึง syntax highlighting ด้วย Tree Sitter
    มี code editor ในตัว รองรับ LSP และไฟล์ขนาดใหญ่ถึง 200K บรรทัด

    ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ
    WebView (ทดลองใช้): ใช้ Wry เป็น backend สำหรับแสดงเว็บในแอป
    ระบบ Icon: รองรับ SVG โดยใช้ Lucide หรือไอคอนที่กำหนดเอง
    ระบบ Theme: รองรับ multi-theme และการกำหนดค่าผ่าน JSON schema
    ตัวอย่างการใช้งาน: มีตัวอย่างในโฟลเดอร์ examples และสามารถรันด้วย cargo run --example <name>

    https://github.com/longbridge/gpui-component
    📦 GPUI Component คือชุด UI สำหรับสร้างแอปเดสก์ท็อปด้วย Rust ที่เน้นความเร็ว ความยืดหยุ่น และดีไซน์ทันสมัย GPUI Component เป็นไลบรารี UI แบบ cross-platform ที่พัฒนาโดย Longbridge เพื่อใช้กับเฟรมเวิร์ก GPUI โดยเน้นการสร้างแอปเดสก์ท็อปที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และมีดีไซน์ทันสมัยคล้าย macOS และ Windows 🎯 จุดเด่นของ GPUI Component 🎗️ มีมากกว่า 60 UI components เช่น ปุ่ม, ตาราง, กราฟ, Markdown viewer, code editor 🎗️ ดีไซน์ทันสมัย ได้แรงบันดาลใจจาก shadcn/ui และ native controls ของ macOS/Windows 🎗️ ใช้งานง่าย ด้วยแนวคิด Stateless RenderOnce และ API ที่เป็นธรรมชาติ 🎗️ รองรับธีมหลายแบบ และปรับแต่งสีผ่าน ThemeColor ได้ 🎗️ รองรับ layout ที่ยืดหยุ่น เช่น dock layout และ tiles layout 🎗️ ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น virtualized table/list 🎗️ รองรับ Markdown และ HTML รวมถึง syntax highlighting ด้วย Tree Sitter 🎗️ มี code editor ในตัว รองรับ LSP และไฟล์ขนาดใหญ่ถึง 200K บรรทัด 🧪 ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ 🎗️ WebView (ทดลองใช้): ใช้ Wry เป็น backend สำหรับแสดงเว็บในแอป 🎗️ ระบบ Icon: รองรับ SVG โดยใช้ Lucide หรือไอคอนที่กำหนดเอง 🎗️ ระบบ Theme: รองรับ multi-theme และการกำหนดค่าผ่าน JSON schema 🎗️ ตัวอย่างการใช้งาน: มีตัวอย่างในโฟลเดอร์ examples และสามารถรันด้วย cargo run --example <name> https://github.com/longbridge/gpui-component
    GITHUB.COM
    GitHub - longbridge/gpui-component: Rust GUI components for building fantastic cross-platform desktop application by using GPUI.
    Rust GUI components for building fantastic cross-platform desktop application by using GPUI. - longbridge/gpui-component
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • “Caminho” มัลแวร์สายลับจากบราซิล ใช้ภาพจาก Archive.org ซ่อนโค้ดอันตรายด้วยเทคนิคลับ LSB Steganography

    นักวิจัยจาก Arctic Wolf Labs เปิดโปงแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Caminho” ซึ่งเป็นบริการ Loader-as-a-Service (LaaS) ที่มีต้นกำเนิดจากบราซิล โดยใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในภาพจากเว็บไซต์ Archive.org ผ่านวิธีการที่เรียกว่า LSB Steganography ซึ่งมักพบในงานจารกรรมมากกว่าการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน

    Caminho เป็นมัลแวร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ “ไร้ร่องรอย” โดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ แต่โหลดโค้ดอันตรายเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนตี้ไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    วิธีการทำงานของ Caminho: 1️⃣ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ JavaScript หรือ VBScript ในรูปแบบ ZIP/RAR 2️⃣ เมื่อเปิดไฟล์ สคริปต์จะเรียกใช้ PowerShell เพื่อดึงภาพจาก Archive.org 3️⃣ ภาพเหล่านั้นมีโค้ด .NET ที่ถูกซ่อนไว้ในบิตต่ำสุดของพิกเซล (LSB) 4️⃣ PowerShell จะถอดรหัสโค้ดและโหลดเข้าสู่หน่วยความจำ 5️⃣ จากนั้นมัลแวร์จะถูกฉีดเข้าไปในโปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    มัลแวร์นี้ยังมีระบบตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำ และมีฟีเจอร์ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์จากนักวิจัย

    Arctic Wolf พบว่า Caminho ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาโปรตุเกส และมีเป้าหมายในหลายประเทศ เช่น บราซิล แอฟริกาใต้ ยูเครน และโปแลนด์ โดยมีการให้บริการแบบ “เช่าใช้” ซึ่งลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการได้ เช่น REMCOS RAT, XWorm หรือ Katz Stealer

    ลักษณะของ Caminho Loader
    เป็นบริการ Loader-as-a-Service จากบราซิล
    ใช้เทคนิค LSB Steganography ซ่อนโค้ดในภาพ
    โหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์
    ฉีดโค้ดเข้าสู่โปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    วิธีการแพร่กระจาย
    เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์สคริปต์
    ใช้ PowerShell ดึงภาพจาก Archive.org
    ถอดรหัส payload จากภาพแล้วโหลดเข้าสู่ระบบ

    ความสามารถพิเศษของมัลแวร์
    ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug
    ตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำผ่าน scheduled tasks
    รองรับการโหลด payload หลายชนิดตามความต้องการของลูกค้า

    การใช้บริการแบบเช่า
    ลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการ
    ใช้ภาพเดียวกันในหลายแคมเปญเพื่อประหยัดต้นทุน
    ใช้บริการเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น Archive.org, paste.ee เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก

    คำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Caminho
    อีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ ZIP/RAR อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการติดมัลแวร์
    ภาพจากเว็บที่ดูปลอดภัยอาจมีโค้ดอันตรายซ่อนอยู่
    การโหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรงทำให้ตรวจจับได้ยาก

    https://securityonline.info/caminho-loader-as-a-service-uses-lsb-steganography-to-hide-net-payloads-in-archive-org-images/
    🕵️‍♂️ “Caminho” มัลแวร์สายลับจากบราซิล ใช้ภาพจาก Archive.org ซ่อนโค้ดอันตรายด้วยเทคนิคลับ LSB Steganography นักวิจัยจาก Arctic Wolf Labs เปิดโปงแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Caminho” ซึ่งเป็นบริการ Loader-as-a-Service (LaaS) ที่มีต้นกำเนิดจากบราซิล โดยใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในภาพจากเว็บไซต์ Archive.org ผ่านวิธีการที่เรียกว่า LSB Steganography ซึ่งมักพบในงานจารกรรมมากกว่าการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน Caminho เป็นมัลแวร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ “ไร้ร่องรอย” โดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ แต่โหลดโค้ดอันตรายเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนตี้ไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 วิธีการทำงานของ Caminho: 1️⃣ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ JavaScript หรือ VBScript ในรูปแบบ ZIP/RAR 2️⃣ เมื่อเปิดไฟล์ สคริปต์จะเรียกใช้ PowerShell เพื่อดึงภาพจาก Archive.org 3️⃣ ภาพเหล่านั้นมีโค้ด .NET ที่ถูกซ่อนไว้ในบิตต่ำสุดของพิกเซล (LSB) 4️⃣ PowerShell จะถอดรหัสโค้ดและโหลดเข้าสู่หน่วยความจำ 5️⃣ จากนั้นมัลแวร์จะถูกฉีดเข้าไปในโปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ มัลแวร์นี้ยังมีระบบตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำ และมีฟีเจอร์ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์จากนักวิจัย Arctic Wolf พบว่า Caminho ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาโปรตุเกส และมีเป้าหมายในหลายประเทศ เช่น บราซิล แอฟริกาใต้ ยูเครน และโปแลนด์ โดยมีการให้บริการแบบ “เช่าใช้” ซึ่งลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการได้ เช่น REMCOS RAT, XWorm หรือ Katz Stealer ✅ ลักษณะของ Caminho Loader ➡️ เป็นบริการ Loader-as-a-Service จากบราซิล ➡️ ใช้เทคนิค LSB Steganography ซ่อนโค้ดในภาพ ➡️ โหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ ➡️ ฉีดโค้ดเข้าสู่โปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ วิธีการแพร่กระจาย ➡️ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์สคริปต์ ➡️ ใช้ PowerShell ดึงภาพจาก Archive.org ➡️ ถอดรหัส payload จากภาพแล้วโหลดเข้าสู่ระบบ ✅ ความสามารถพิเศษของมัลแวร์ ➡️ ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug ➡️ ตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำผ่าน scheduled tasks ➡️ รองรับการโหลด payload หลายชนิดตามความต้องการของลูกค้า ✅ การใช้บริการแบบเช่า ➡️ ลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการ ➡️ ใช้ภาพเดียวกันในหลายแคมเปญเพื่อประหยัดต้นทุน ➡️ ใช้บริการเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น Archive.org, paste.ee เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Caminho ⛔ อีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ ZIP/RAR อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการติดมัลแวร์ ⛔ ภาพจากเว็บที่ดูปลอดภัยอาจมีโค้ดอันตรายซ่อนอยู่ ⛔ การโหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรงทำให้ตรวจจับได้ยาก https://securityonline.info/caminho-loader-as-a-service-uses-lsb-steganography-to-hide-net-payloads-in-archive-org-images/
    SECURITYONLINE.INFO
    Caminho Loader-as-a-Service Uses LSB Steganography to Hide .NET Payloads in Archive.org Images
    Arctic Wolf exposed Caminho, a Brazilian Loader-as-a-Service that hides .NET payloads in images via LSB steganography. It operates filelessly and is deployed via phishing and legitimate Archive.org.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • "Microsoft Edge เปิดตัว Copilot Actions และ Journeys ยกระดับการท่องเว็บด้วย AI อัจฉริยะ"

    ไมโครซอฟท์กำลังยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ Edge ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สองตัวในโหมด Copilot ได้แก่ Copilot Actions และ Journeys ซึ่งเป็นการผสานพลังของ AI เข้ากับการท่องเว็บอย่างลึกซึ้งและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

    ฟีเจอร์แรก Copilot Actions ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านข้อความหรือเสียง เช่น “เช็คอีเมลให้หน่อย” หรือ “จองร้านอาหารให้หน่อย” แล้ว Copilot จะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ ตั้งแต่เปิดเว็บไซต์ ล็อกอิน กรอกฟอร์ม ไปจนถึงทำงานข้ามเว็บไซต์ได้เลย

    อีกฟีเจอร์คือ Journeys ซึ่งจะจัดระเบียบประวัติการท่องเว็บของผู้ใช้ตามหัวข้อหรือโปรเจกต์ เช่น ถ้าเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นไว้ แล้วกลับมาเปิดอีกครั้ง Journeys จะเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ทันที พร้อมแนะนำสิ่งที่อาจสนใจต่อเนื่องจากพฤติกรรมการใช้งานที่ผ่านมา

    ทั้งสองฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้เฉพาะในสหรัฐฯ และผู้ใช้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ตลอดเวลา โดยไมโครซอฟท์เน้นย้ำเรื่องความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสในการเข้าถึงข้อมูล

    นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลน่าสนใจจากวงการเบราว์เซอร์ AI ที่กำลังร้อนแรง เช่น Perplexity เปิดตัว Comet และ OpenAI ก็มี ChatGPT Atlas ที่เน้นการใช้งานร่วมกับเว็บเบราว์เซอร์เช่นกัน แสดงให้เห็นว่า “AI + เบราว์เซอร์” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ทุกค่ายกำลังเร่งพัฒนา

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Edge
    Copilot Actions ช่วยสั่งงานผ่านข้อความหรือเสียง เช่น เปิดเว็บ เช็คเมล จองร้านอาหาร
    Journeys จัดระเบียบประวัติการท่องเว็บตามหัวข้อ พร้อมแนะนำสิ่งที่เกี่ยวข้อง

    การทำงานของ Copilot
    สามารถทำงานข้ามเว็บไซต์ เช่น ล็อกอิน กรอกฟอร์ม และดำเนินการอัตโนมัติ
    ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงใจ

    ความเป็นส่วนตัวและการควบคุม
    ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้ตลอดเวลา
    มีการแสดงสัญลักษณ์ชัดเจนเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว

    สถานะการใช้งาน
    ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ในสหรัฐฯ เท่านั้น
    มีแผนขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นในอนาคต

    แนวโน้มของเบราว์เซอร์ AI
    Perplexity เปิดตัว Comet และ OpenAI มี ChatGPT Atlas
    การผสาน AI กับเบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการเทคโนโลยี

    ข้อควรระวังในการใช้งาน AI บนเบราว์เซอร์
    การให้สิทธิ์ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวควรทำด้วยความระมัดระวัง
    ควรตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ

    https://securityonline.info/beyond-chatbots-microsoft-edge-unveils-new-ai-features-for-automated-browsing/
    🪟 "Microsoft Edge เปิดตัว Copilot Actions และ Journeys ยกระดับการท่องเว็บด้วย AI อัจฉริยะ" ไมโครซอฟท์กำลังยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ Edge ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สองตัวในโหมด Copilot ได้แก่ Copilot Actions และ Journeys ซึ่งเป็นการผสานพลังของ AI เข้ากับการท่องเว็บอย่างลึกซึ้งและชาญฉลาดยิ่งขึ้น ฟีเจอร์แรก Copilot Actions ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านข้อความหรือเสียง เช่น “เช็คอีเมลให้หน่อย” หรือ “จองร้านอาหารให้หน่อย” แล้ว Copilot จะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ ตั้งแต่เปิดเว็บไซต์ ล็อกอิน กรอกฟอร์ม ไปจนถึงทำงานข้ามเว็บไซต์ได้เลย อีกฟีเจอร์คือ Journeys ซึ่งจะจัดระเบียบประวัติการท่องเว็บของผู้ใช้ตามหัวข้อหรือโปรเจกต์ เช่น ถ้าเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นไว้ แล้วกลับมาเปิดอีกครั้ง Journeys จะเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ทันที พร้อมแนะนำสิ่งที่อาจสนใจต่อเนื่องจากพฤติกรรมการใช้งานที่ผ่านมา ทั้งสองฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้เฉพาะในสหรัฐฯ และผู้ใช้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ตลอดเวลา โดยไมโครซอฟท์เน้นย้ำเรื่องความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสในการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลน่าสนใจจากวงการเบราว์เซอร์ AI ที่กำลังร้อนแรง เช่น Perplexity เปิดตัว Comet และ OpenAI ก็มี ChatGPT Atlas ที่เน้นการใช้งานร่วมกับเว็บเบราว์เซอร์เช่นกัน แสดงให้เห็นว่า “AI + เบราว์เซอร์” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ทุกค่ายกำลังเร่งพัฒนา ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Edge ➡️ Copilot Actions ช่วยสั่งงานผ่านข้อความหรือเสียง เช่น เปิดเว็บ เช็คเมล จองร้านอาหาร ➡️ Journeys จัดระเบียบประวัติการท่องเว็บตามหัวข้อ พร้อมแนะนำสิ่งที่เกี่ยวข้อง ✅ การทำงานของ Copilot ➡️ สามารถทำงานข้ามเว็บไซต์ เช่น ล็อกอิน กรอกฟอร์ม และดำเนินการอัตโนมัติ ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงใจ ✅ ความเป็นส่วนตัวและการควบคุม ➡️ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้ตลอดเวลา ➡️ มีการแสดงสัญลักษณ์ชัดเจนเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ✅ สถานะการใช้งาน ➡️ ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ในสหรัฐฯ เท่านั้น ➡️ มีแผนขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นในอนาคต ✅ แนวโน้มของเบราว์เซอร์ AI ➡️ Perplexity เปิดตัว Comet และ OpenAI มี ChatGPT Atlas ➡️ การผสาน AI กับเบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการเทคโนโลยี ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน AI บนเบราว์เซอร์ ⛔ การให้สิทธิ์ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวควรทำด้วยความระมัดระวัง ⛔ ควรตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ https://securityonline.info/beyond-chatbots-microsoft-edge-unveils-new-ai-features-for-automated-browsing/
    SECURITYONLINE.INFO
    Beyond Chatbots: Microsoft Edge Unveils New AI Features for Automated Browsing
    Microsoft Edge adds two new AI features, Copilot Actions and Journeys, enabling automated, multi-step web tasks and context-aware browsing history.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • AMD รีแบรนด์ชิป Zen 2 และ Zen 3+ – เปิดตัว Ryzen 10 และ Ryzen 100 Series

    ถ้าคุณเห็นชื่อ Ryzen 10 หรือ Ryzen 100 แล้วคิดว่าเป็นชิปใหม่หมดจด อาจต้องคิดใหม่ เพราะ AMD แค่เปลี่ยนชื่อจากชิปเดิมที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และ Zen 3+ มาเป็นชื่อใหม่ที่ดูเรียบง่ายขึ้น

    Ryzen 10 Series ใช้ Zen 2 เหมือนกับ Ryzen 7000U เช่น Ryzen 5 7520U → เปลี่ยนชื่อเป็น Ryzen 5 40

    Ryzen 100 Series ใช้ Zen 3+ เหมือนกับ Ryzen 7000HS เช่น Ryzen 7 7735HS → เปลี่ยนชื่อเป็น Ryzen 7 170

    การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือสเปกใหม่ แต่เป็นการจัดกลุ่มใหม่เพื่อให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กสามารถนำไปใช้ในรุ่นราคาประหยัดได้ง่ายขึ้น

    AMD ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีการอัปเดตหน้าเว็บผลิตภัณฑ์แล้ว และชิปเหล่านี้เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025

    การรีแบรนด์ชิปมือถือของ AMD
    Ryzen 10 ใช้ Zen 2 จาก Ryzen 7000U
    Ryzen 100 ใช้ Zen 3+ จาก Ryzen 7000HS
    เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่ เช่น Ryzen 5 7520U → Ryzen 5 40

    สเปกของ Ryzen 10 Series
    Ryzen 5 40: 4C/8T, 2.8–4.8GHz, Radeon 610M
    Ryzen 3 30: 4C/8T, 2.4–4.1GHz
    Athlon Gold 20 และ Silver 10: 2C/4T และ 2C/2T

    สเปกของ Ryzen 100 Series
    Ryzen 7 170: 8C/16T, 3.2–4.75GHz, Radeon 680M
    Ryzen 5 150: 6C/12T, 3.3–4.55GHz
    Ryzen 3 110: 4C/8T, 3.0–4.3GHz

    จุดประสงค์ของการรีแบรนด์
    ลดความซับซ้อนของชื่อรุ่น
    รองรับโน้ตบุ๊กราคาประหยัด
    ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพใหม่

    https://wccftech.com/amd-prepares-rebadged-zen-2-ryzen-10-and-zen-3-ryzen-100-series-mobile-cpus/
    🧠 AMD รีแบรนด์ชิป Zen 2 และ Zen 3+ – เปิดตัว Ryzen 10 และ Ryzen 100 Series ถ้าคุณเห็นชื่อ Ryzen 10 หรือ Ryzen 100 แล้วคิดว่าเป็นชิปใหม่หมดจด อาจต้องคิดใหม่ เพราะ AMD แค่เปลี่ยนชื่อจากชิปเดิมที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และ Zen 3+ มาเป็นชื่อใหม่ที่ดูเรียบง่ายขึ้น 🧊 Ryzen 10 Series ใช้ Zen 2 เหมือนกับ Ryzen 7000U เช่น Ryzen 5 7520U → เปลี่ยนชื่อเป็น Ryzen 5 40 🧊 Ryzen 100 Series ใช้ Zen 3+ เหมือนกับ Ryzen 7000HS เช่น Ryzen 7 7735HS → เปลี่ยนชื่อเป็น Ryzen 7 170 การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือสเปกใหม่ แต่เป็นการจัดกลุ่มใหม่เพื่อให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กสามารถนำไปใช้ในรุ่นราคาประหยัดได้ง่ายขึ้น AMD ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีการอัปเดตหน้าเว็บผลิตภัณฑ์แล้ว และชิปเหล่านี้เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 ✅ การรีแบรนด์ชิปมือถือของ AMD ➡️ Ryzen 10 ใช้ Zen 2 จาก Ryzen 7000U ➡️ Ryzen 100 ใช้ Zen 3+ จาก Ryzen 7000HS ➡️ เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่ เช่น Ryzen 5 7520U → Ryzen 5 40 ✅ สเปกของ Ryzen 10 Series ➡️ Ryzen 5 40: 4C/8T, 2.8–4.8GHz, Radeon 610M ➡️ Ryzen 3 30: 4C/8T, 2.4–4.1GHz ➡️ Athlon Gold 20 และ Silver 10: 2C/4T และ 2C/2T ✅ สเปกของ Ryzen 100 Series ➡️ Ryzen 7 170: 8C/16T, 3.2–4.75GHz, Radeon 680M ➡️ Ryzen 5 150: 6C/12T, 3.3–4.55GHz ➡️ Ryzen 3 110: 4C/8T, 3.0–4.3GHz ✅ จุดประสงค์ของการรีแบรนด์ ➡️ ลดความซับซ้อนของชื่อรุ่น ➡️ รองรับโน้ตบุ๊กราคาประหยัด ➡️ ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพใหม่ https://wccftech.com/amd-prepares-rebadged-zen-2-ryzen-10-and-zen-3-ryzen-100-series-mobile-cpus/
    WCCFTECH.COM
    AMD Prepares "Rebadged" Zen 2 Ryzen 10 and Zen 3+ Ryzen 100 Series Mobile CPUs
    AMD has prepared refresh of Zen 2 and Zen 3+ mobile CPUs by silently releasing Ryzen 10 and Ryzen 100 series.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ต้องตกใจเบอร์ไหนดี เหมนไม่มาเที่ยวไทย สัดส่วนนทท.เหมนคือ 1% กรูต้องดีใจที่พวกด้อยคุณภาพลดลง แล้วอย่าให้เห็นว่าโผล่มาตอนแข่งซีเกมส์นะเว้ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ต้องตกใจเบอร์ไหนดี เหมนไม่มาเที่ยวไทย สัดส่วนนทท.เหมนคือ 1% กรูต้องดีใจที่พวกด้อยคุณภาพลดลง แล้วอย่าให้เห็นว่าโผล่มาตอนแข่งซีเกมส์นะเว้ย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย”

    ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี

    NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น:
    การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส
    การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว

    Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

    การระดมทุนของ The NetBSD Foundation
    เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์
    ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์
    ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี

    โครงการที่ต้องการการสนับสนุน
    รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V
    ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น

    จุดเด่นของ NetBSD
    ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า
    ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน
    ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค

    การมีส่วนร่วมของชุมชน
    ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD
    แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน
    หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า
    การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น
    การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่

    https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    📰 “NetBSD ขอแรงชุมชน – ระดมทุนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สให้ทันสมัย” ในช่วงปลายปี 2025 Jay Patel สมาชิกชุมชน NetBSD ได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้งานทั่วโลกผ่าน mailing list เพื่อขอแรงสนับสนุนครั้งสุดท้ายในการระดมทุนให้กับ The NetBSD Foundation ซึ่งขณะนี้ยังขาดอีกกว่า 39,000 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 50,000 ดอลลาร์ประจำปี NetBSD เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีจุดเด่นด้านความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานบนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องรุ่นใหม่ไปจนถึงอุปกรณ์เก่า ๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้กับโครงการสำคัญ เช่น: 🎗️ การรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงในวงการฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส 🎗️ การปรับปรุงระบบ Wi-Fi ครั้งใหญ่ เพื่อให้ NetBSD ใช้งานได้สะดวกขึ้นบนแล็ปท็อปและอุปกรณ์ฝังตัว Jay เน้นว่า NetBSD ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการ แต่เป็นพลังแห่งความยั่งยืนในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกทิ้งอย่างรวดเร็ว การที่ NetBSD สามารถทำงานบนเครื่องเก่าได้ดี ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การระดมทุนของ The NetBSD Foundation ➡️ เป้าหมายปี 2025 คือ 50,000 ดอลลาร์ ➡️ ขณะนี้ระดมทุนได้แล้ว 10,738 ดอลลาร์ ➡️ ยังขาดอีก 39,262 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี ✅ โครงการที่ต้องการการสนับสนุน ➡️ รองรับสถาปัตยกรรม RISC-V ➡️ ปรับปรุงระบบ Wi-Fi ให้ทันสมัยและใช้งานได้ดีขึ้น ✅ จุดเด่นของ NetBSD ➡️ ทำงานได้บนฮาร์ดแวร์หลากหลาย ทั้งใหม่และเก่า ➡️ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้งาน ➡️ ใช้เป็นไฟร์วอลล์ เซิร์ฟเวอร์ หรือเครื่องเล่นเกมย้อนยุค ✅ การมีส่วนร่วมของชุมชน ➡️ ผู้ใช้สามารถบริจาคผ่านเว็บไซต์ของ NetBSD ➡️ แชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #WhyIRunNetBSD ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจสนับสนุน ⛔ หากไม่ถึงเป้าหมาย อาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการสำคัญในปีหน้า ⛔ การไม่ปรับปรุงระบบ Wi-Fi อาจทำให้ NetBSD ใช้งานบนแล็ปท็อปได้ยากขึ้น ⛔ การไม่รองรับ RISC-V อาจทำให้ NetBSD ตกขบวนเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สใหม่ https://mail-index.netbsd.org/netbsd-users/2025/10/26/msg033327.html
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • “เมื่อใบเสร็จกลายเป็นช่องทางสื่อสาร – โปรเจกต์สุดแหวกที่เปิดให้คนแปลกหน้าส่งข้อความถึงโต๊ะทำงาน”

    Andrew Schmelyun นักพัฒนาเว็บสายสร้างสรรค์ ได้เปิดโปรเจกต์สุดแหวกแนวที่ผสมผสานโลกดิจิทัลกับโลกจริงอย่างลงตัว เขาเปิดให้คนแปลกหน้าทั่วโลกส่งข้อความถึงเขาแบบ “ไร้ตัวตน” ผ่านเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์ใบเสร็จบนโต๊ะทำงานของเขาโดยตรง

    แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนของเขาที่มีระบบส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือ แต่ Andrew ต้องการสิ่งที่ “จับต้องได้” มากกว่า จึงใช้เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ Epson TM-T88IV ที่เคยใช้ในโปรเจกต์อื่น ๆ มาเป็นช่องทางรับข้อความ

    เขาสร้างเว็บไซต์ด้วย Laravel บน Raspberry Pi ที่เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์โดยตรงผ่านพอร์ต USB และใช้คำสั่ง ESC/POS ในการสั่งพิมพ์ข้อความ โดยมีระบบตรวจสอบความยาวและตัวอักษรเพื่อให้แน่ใจว่าข้อความจะพิมพ์ออกมาได้อย่างถูกต้อง

    หลังเปิดให้ใช้งานผ่าน Cloudflare Tunnel เขาได้รับข้อความมากกว่า 1,000 ฉบับจากทั่วโลก ทั้ง ASCII art, บทกวี, มุกตลก, และคำทักทายจากประเทศต่าง ๆ จนเขาตัดสินใจซื้อแผนที่โลกและปักหมุดตามข้อความที่ได้รับ

    แนวคิดของโปรเจกต์
    เปิดให้คนแปลกหน้าส่งข้อความผ่านเว็บไซต์ไปยังเครื่องพิมพ์ใบเสร็จที่โต๊ะทำงาน
    สร้างประสบการณ์การสื่อสารแบบ “จับต้องได้” จากโลกออนไลน์

    ฮาร์ดแวร์ที่ใช้
    เครื่องพิมพ์ Epson TM-T88IV แบบ thermal ไม่ต้องใช้หมึก
    เชื่อมต่อผ่าน Raspberry Pi 4 ด้วย USB
    ใช้ไฟล์ /dev/usb/lp0 เป็นช่องทางส่งข้อมูลไปยังเครื่องพิมพ์

    การพัฒนาเว็บไซต์
    ใช้ Laravel framework บน Raspberry Pi
    ตรวจสอบข้อความก่อนพิมพ์ เช่น ความยาว ตัวอักษรพิเศษ และ transaction number
    ใช้คำสั่ง ESC/POS ในการจัดรูปแบบและสั่งพิมพ์

    การเปิดให้ใช้งาน
    โฮสต์เว็บไซต์บน Raspberry Pi โดยตรง
    ใช้ Cloudflare Tunnel เพื่อเปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต
    รองรับ HTTPS และ DNS โดยอัตโนมัติ

    ปฏิกิริยาจากผู้ใช้งาน
    ได้รับข้อความมากกว่า 1,000 ฉบับจากทั่วโลก
    มีข้อความจาก 40 ประเทศ พร้อมปักหมุดบนแผนที่โลก
    ผู้คนชื่นชอบความเรียบง่ายและความเป็นมนุษย์ของการสื่อสารผ่านใบเสร็จ

    https://aschmelyun.com/blog/i-invited-strangers-to-message-me-through-a-receipt-printer/
    📰 “เมื่อใบเสร็จกลายเป็นช่องทางสื่อสาร – โปรเจกต์สุดแหวกที่เปิดให้คนแปลกหน้าส่งข้อความถึงโต๊ะทำงาน” Andrew Schmelyun นักพัฒนาเว็บสายสร้างสรรค์ ได้เปิดโปรเจกต์สุดแหวกแนวที่ผสมผสานโลกดิจิทัลกับโลกจริงอย่างลงตัว เขาเปิดให้คนแปลกหน้าทั่วโลกส่งข้อความถึงเขาแบบ “ไร้ตัวตน” ผ่านเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์ใบเสร็จบนโต๊ะทำงานของเขาโดยตรง แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนของเขาที่มีระบบส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือ แต่ Andrew ต้องการสิ่งที่ “จับต้องได้” มากกว่า จึงใช้เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ Epson TM-T88IV ที่เคยใช้ในโปรเจกต์อื่น ๆ มาเป็นช่องทางรับข้อความ เขาสร้างเว็บไซต์ด้วย Laravel บน Raspberry Pi ที่เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์โดยตรงผ่านพอร์ต USB และใช้คำสั่ง ESC/POS ในการสั่งพิมพ์ข้อความ โดยมีระบบตรวจสอบความยาวและตัวอักษรเพื่อให้แน่ใจว่าข้อความจะพิมพ์ออกมาได้อย่างถูกต้อง หลังเปิดให้ใช้งานผ่าน Cloudflare Tunnel เขาได้รับข้อความมากกว่า 1,000 ฉบับจากทั่วโลก ทั้ง ASCII art, บทกวี, มุกตลก, และคำทักทายจากประเทศต่าง ๆ จนเขาตัดสินใจซื้อแผนที่โลกและปักหมุดตามข้อความที่ได้รับ ✅ แนวคิดของโปรเจกต์ ➡️ เปิดให้คนแปลกหน้าส่งข้อความผ่านเว็บไซต์ไปยังเครื่องพิมพ์ใบเสร็จที่โต๊ะทำงาน ➡️ สร้างประสบการณ์การสื่อสารแบบ “จับต้องได้” จากโลกออนไลน์ ✅ ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ ➡️ เครื่องพิมพ์ Epson TM-T88IV แบบ thermal ไม่ต้องใช้หมึก ➡️ เชื่อมต่อผ่าน Raspberry Pi 4 ด้วย USB ➡️ ใช้ไฟล์ /dev/usb/lp0 เป็นช่องทางส่งข้อมูลไปยังเครื่องพิมพ์ ✅ การพัฒนาเว็บไซต์ ➡️ ใช้ Laravel framework บน Raspberry Pi ➡️ ตรวจสอบข้อความก่อนพิมพ์ เช่น ความยาว ตัวอักษรพิเศษ และ transaction number ➡️ ใช้คำสั่ง ESC/POS ในการจัดรูปแบบและสั่งพิมพ์ ✅ การเปิดให้ใช้งาน ➡️ โฮสต์เว็บไซต์บน Raspberry Pi โดยตรง ➡️ ใช้ Cloudflare Tunnel เพื่อเปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต ➡️ รองรับ HTTPS และ DNS โดยอัตโนมัติ ✅ ปฏิกิริยาจากผู้ใช้งาน ➡️ ได้รับข้อความมากกว่า 1,000 ฉบับจากทั่วโลก ➡️ มีข้อความจาก 40 ประเทศ พร้อมปักหมุดบนแผนที่โลก ➡️ ผู้คนชื่นชอบความเรียบง่ายและความเป็นมนุษย์ของการสื่อสารผ่านใบเสร็จ https://aschmelyun.com/blog/i-invited-strangers-to-message-me-through-a-receipt-printer/
    ASCHMELYUN.COM
    I invited strangers to message me through a receipt printer
    Not only did I give internet strangers unrestricted access to send me completely anonymous physical messages, but I also self-hosted the entire site on a Raspberry Pi
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • สัมผัสความละเอียดระดับพรีเมี่ยม! เครื่องบดถ้วย DFT-250: ผู้เชี่ยวชาญด้านผงโกโก้และสมุนไพร 25,000 RPM!

    ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรของคุณสู่มาตรฐานใหม่ ด้วย เครื่องบดถ้วยความเร็วสูง รุ่น 250g (DFT-250) ที่ออกแบบมาเพื่อการบดผงละเอียดระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ!

    ลืมปัญหาการบดช้าและผงไม่สม่ำเสมอไปได้เลย เครื่องนี้คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพระดับพรีเมี่ยม:

    พลังบดที่เหนือกว่า:
    • ความละเอียด 50-200 Mesh: บดได้ละเอียดพิเศษ เหมาะสำหรับการเพิ่มคุณภาพโกโก้ (ลดตะกอน) และการเตรียมสมุนไพรบรรจุแคปซูล
    • ความเร็ว 25,000 RPM: บดสมุนไพรแห้ง, ยาจีน, เครื่องเทศแข็ง หรือเมล็ดกาแฟ ให้เป็นผงได้ในไม่กี่วินาที ประหยัดเวลาการผลิตอย่างมหาศาล
    • คงคุณค่าสารอาหาร: การประมวลผลที่รวดเร็ว ช่วยรักษาแก่นแท้และคุณค่าตามธรรมชาติของวัตถุดิบไว้ได้ครบถ้วน
    • กำลังไฟ 900W: มอเตอร์ทรงพลัง โครงสร้างสแตนเลสทนทาน พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในระยะยาว

    ข้อควรทราบสำหรับการบดโกโก้: เครื่องนี้เหมาะสำหรับบด ผงโกโก้ (Cocoa Powder) ที่ผ่านการสกัดไขมันแล้ว เพื่อให้ได้ความละเอียดที่เนียนนุ่มยิ่งขึ้น ไม่ควร ใช้บดเมล็ดโกโก้โดยตรง
    ข้อมูลเครื่องบดถ้วย DFT-250:
    • ความจุ: 250g
    • ความเร็ว: 25,000 r/min
    • น้ำหนัก: 4.2kg
    ________________________________________
    สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ:
    ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    • แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA
    เวลาทำการ:
    • จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น.
    • เสาร์: 9.00-16.00 น.
    ช่องทางการติดต่อ:
    • โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    • แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    • LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    • เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    ________________________________________
    #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดผง #เครื่องบดกาแฟ #เครื่องบดพริกไทย #เครื่องโม่แป้ง #ผงละเอียด #ผงโกโก้ #โกโก้ #โฮมเมดโกโก้ #CocoaPowder #ช็อกโกแลต #HerbalGrinder #SpiceGrinder #UltraFineGrind #25000RPM #DFT250 #ย่งฮะเฮง #ผงสมุนไพร #ชาสมุนไพร #สมุนไพรไทย #ยาจีน #บรรจุแคปซูล #โรงงานสมุนไพร
    #ธุรกิจขนาดเล็ก #SMEไทย #สินค้าพรีเมี่ยม #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรขนาดเล็ก

    สัมผัสความละเอียดระดับพรีเมี่ยม! 🍫 เครื่องบดถ้วย DFT-250: ผู้เชี่ยวชาญด้านผงโกโก้และสมุนไพร 25,000 RPM! ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรของคุณสู่มาตรฐานใหม่ ด้วย เครื่องบดถ้วยความเร็วสูง รุ่น 250g (DFT-250) ที่ออกแบบมาเพื่อการบดผงละเอียดระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ! ลืมปัญหาการบดช้าและผงไม่สม่ำเสมอไปได้เลย เครื่องนี้คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพระดับพรีเมี่ยม: ✅ พลังบดที่เหนือกว่า: • ความละเอียด 50-200 Mesh: บดได้ละเอียดพิเศษ เหมาะสำหรับการเพิ่มคุณภาพโกโก้ (ลดตะกอน) และการเตรียมสมุนไพรบรรจุแคปซูล • ความเร็ว 25,000 RPM: บดสมุนไพรแห้ง, ยาจีน, เครื่องเทศแข็ง หรือเมล็ดกาแฟ ให้เป็นผงได้ในไม่กี่วินาที ประหยัดเวลาการผลิตอย่างมหาศาล • คงคุณค่าสารอาหาร: การประมวลผลที่รวดเร็ว ช่วยรักษาแก่นแท้และคุณค่าตามธรรมชาติของวัตถุดิบไว้ได้ครบถ้วน • กำลังไฟ 900W: มอเตอร์ทรงพลัง โครงสร้างสแตนเลสทนทาน พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในระยะยาว ⚠️ ข้อควรทราบสำหรับการบดโกโก้: เครื่องนี้เหมาะสำหรับบด ผงโกโก้ (Cocoa Powder) ที่ผ่านการสกัดไขมันแล้ว เพื่อให้ได้ความละเอียดที่เนียนนุ่มยิ่งขึ้น ไม่ควร ใช้บดเมล็ดโกโก้โดยตรง 💡 ข้อมูลเครื่องบดถ้วย DFT-250: • ความจุ: 250g • ความเร็ว: 25,000 r/min • น้ำหนัก: 4.2kg ________________________________________ 🔥 สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ: 🔥 ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 • แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA เวลาทำการ: • จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. • เสาร์: 9.00-16.00 น. ช่องทางการติดต่อ: • โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 • แชท Messenger: m.me/yonghahheng • LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 • เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com ________________________________________ #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดผง #เครื่องบดกาแฟ #เครื่องบดพริกไทย #เครื่องโม่แป้ง #ผงละเอียด #ผงโกโก้ #โกโก้ #โฮมเมดโกโก้ #CocoaPowder #ช็อกโกแลต #HerbalGrinder #SpiceGrinder #UltraFineGrind #25000RPM #DFT250 #ย่งฮะเฮง #ผงสมุนไพร #ชาสมุนไพร #สมุนไพรไทย #ยาจีน #บรรจุแคปซูล #โรงงานสมุนไพร #ธุรกิจขนาดเล็ก #SMEไทย #สินค้าพรีเมี่ยม #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรขนาดเล็ก
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • “Noperthedron – รูปร่างแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถทะลุตัวเองได้”

    ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 เจ้าชาย Rupert แห่งราชวงศ์อังกฤษเคยเดิมพันว่า “ลูกเต๋าหนึ่งลูกสามารถเจาะรูให้ลูกเต๋าอีกลูกลอดผ่านได้” ซึ่งนักคณิตศาสตร์ John Wallis ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง หากเจาะรูในแนวทแยงของลูกเต๋าอย่างแม่นยำ

    นับแต่นั้นมา นักคณิตศาสตร์พยายามค้นหาว่ารูปร่างอื่น ๆ โดยเฉพาะ “convex polyhedra” หรือทรงตันที่ไม่มีรอยเว้า จะสามารถมีคุณสมบัติแบบเดียวกันได้หรือไม่ ซึ่งเรียกกันว่า “Rupert property” – ความสามารถในการเจาะรูให้รูปร่างเดียวกันลอดผ่านได้

    ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา นักคณิตศาสตร์พบว่าทรงลูกเต๋า, tetrahedron, octahedron, soccer ball และอีกหลายรูปทรงมี Rupert property จนกระทั่งมีการตั้งสมมติฐานว่า “ทุก convex polyhedron น่าจะมี Rupert property” …แต่ในปี 2025 สมมติฐานนี้ถูกทำลายลง

    Jakob Steininger และ Sergey Yurkevich สองนักคณิตศาสตร์จากออสเตรีย ได้สร้างรูปร่างใหม่ชื่อว่า “Noperthedron” ซึ่งมี 90 จุดยอดและ 152 ด้าน และพิสูจน์ได้ว่า “ไม่มีทาง” ที่จะเจาะรูให้ Noperthedron อีกชิ้นลอดผ่านได้ ไม่ว่าจะหมุนหรือวางในทิศทางใดก็ตาม

    การพิสูจน์นี้ใช้ทั้งทฤษฎีทางเรขาคณิตและการคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์อย่างหนัก โดยแบ่งพื้นที่พารามิเตอร์ออกเป็น 18 ล้านบล็อก และตรวจสอบว่าทุกบล็อกไม่สามารถสร้าง Rupert tunnel ได้เลย

    ความเป็นมาของ Rupert property
    เริ่มจากเดิมพันในศตวรรษที่ 17 ว่าลูกเต๋าสามารถเจาะรูให้ลูกเต๋าอีกลูกลอดผ่านได้
    John Wallis พิสูจน์ได้ว่าทำได้จริง หากเจาะในแนวทแยง

    รูปร่างที่มี Rupert property
    Cube, tetrahedron, octahedron, dodecahedron, icosahedron, soccer ball
    นักคณิตศาสตร์เคยเชื่อว่า “ทุก convex polyhedron” มีคุณสมบัตินี้

    การค้นพบ Noperthedron
    สร้างโดย Jakob Steininger และ Sergey Yurkevich
    มี 90 จุดยอด และ 152 ด้าน
    พิสูจน์ว่าไม่สามารถเจาะรูให้รูปร่างเดียวกันลอดผ่านได้

    วิธีการพิสูจน์
    ใช้การวิเคราะห์เงาของรูปร่างในหลายทิศทาง
    ใช้ทฤษฎี global และ local theorem เพื่อคัดกรอง orientation
    ตรวจสอบ 18 ล้านบล็อกใน parameter space ด้วยคอมพิวเตอร์

    ความสำคัญของการค้นพบ
    ทำลายสมมติฐานเดิมที่เชื่อว่า “ทุก convex polyhedron” มี Rupert property
    เปิดทางให้ศึกษารูปร่างอื่น ๆ ที่อาจเป็น Nopert ได้

    https://www.quantamagazine.org/first-shape-found-that-cant-pass-through-itself-20251024/
    📰 “Noperthedron – รูปร่างแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถทะลุตัวเองได้” ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 เจ้าชาย Rupert แห่งราชวงศ์อังกฤษเคยเดิมพันว่า “ลูกเต๋าหนึ่งลูกสามารถเจาะรูให้ลูกเต๋าอีกลูกลอดผ่านได้” ซึ่งนักคณิตศาสตร์ John Wallis ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง หากเจาะรูในแนวทแยงของลูกเต๋าอย่างแม่นยำ นับแต่นั้นมา นักคณิตศาสตร์พยายามค้นหาว่ารูปร่างอื่น ๆ โดยเฉพาะ “convex polyhedra” หรือทรงตันที่ไม่มีรอยเว้า จะสามารถมีคุณสมบัติแบบเดียวกันได้หรือไม่ ซึ่งเรียกกันว่า “Rupert property” – ความสามารถในการเจาะรูให้รูปร่างเดียวกันลอดผ่านได้ ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา นักคณิตศาสตร์พบว่าทรงลูกเต๋า, tetrahedron, octahedron, soccer ball และอีกหลายรูปทรงมี Rupert property จนกระทั่งมีการตั้งสมมติฐานว่า “ทุก convex polyhedron น่าจะมี Rupert property” …แต่ในปี 2025 สมมติฐานนี้ถูกทำลายลง Jakob Steininger และ Sergey Yurkevich สองนักคณิตศาสตร์จากออสเตรีย ได้สร้างรูปร่างใหม่ชื่อว่า “Noperthedron” ซึ่งมี 90 จุดยอดและ 152 ด้าน และพิสูจน์ได้ว่า “ไม่มีทาง” ที่จะเจาะรูให้ Noperthedron อีกชิ้นลอดผ่านได้ ไม่ว่าจะหมุนหรือวางในทิศทางใดก็ตาม การพิสูจน์นี้ใช้ทั้งทฤษฎีทางเรขาคณิตและการคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์อย่างหนัก โดยแบ่งพื้นที่พารามิเตอร์ออกเป็น 18 ล้านบล็อก และตรวจสอบว่าทุกบล็อกไม่สามารถสร้าง Rupert tunnel ได้เลย ✅ ความเป็นมาของ Rupert property ➡️ เริ่มจากเดิมพันในศตวรรษที่ 17 ว่าลูกเต๋าสามารถเจาะรูให้ลูกเต๋าอีกลูกลอดผ่านได้ ➡️ John Wallis พิสูจน์ได้ว่าทำได้จริง หากเจาะในแนวทแยง ✅ รูปร่างที่มี Rupert property ➡️ Cube, tetrahedron, octahedron, dodecahedron, icosahedron, soccer ball ➡️ นักคณิตศาสตร์เคยเชื่อว่า “ทุก convex polyhedron” มีคุณสมบัตินี้ ✅ การค้นพบ Noperthedron ➡️ สร้างโดย Jakob Steininger และ Sergey Yurkevich ➡️ มี 90 จุดยอด และ 152 ด้าน ➡️ พิสูจน์ว่าไม่สามารถเจาะรูให้รูปร่างเดียวกันลอดผ่านได้ ✅ วิธีการพิสูจน์ ➡️ ใช้การวิเคราะห์เงาของรูปร่างในหลายทิศทาง ➡️ ใช้ทฤษฎี global และ local theorem เพื่อคัดกรอง orientation ➡️ ตรวจสอบ 18 ล้านบล็อกใน parameter space ด้วยคอมพิวเตอร์ ✅ ความสำคัญของการค้นพบ ➡️ ทำลายสมมติฐานเดิมที่เชื่อว่า “ทุก convex polyhedron” มี Rupert property ➡️ เปิดทางให้ศึกษารูปร่างอื่น ๆ ที่อาจเป็น Nopert ได้ https://www.quantamagazine.org/first-shape-found-that-cant-pass-through-itself-20251024/
    WWW.QUANTAMAGAZINE.ORG
    First Shape Found That Can’t Pass Through Itself
    After more than three centuries, a geometry problem that originated with a royal bet has been solved.
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • “OpenAI ซื้อกิจการ Sky – แอปอัตโนมัติบน Mac เพื่อยกระดับ ChatGPT สู่การควบคุมระบบ”

    ลองนึกภาพว่า ChatGPT ไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยตอบคำถาม แต่สามารถควบคุมแอปต่าง ๆ บนเครื่อง Mac ของคุณได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟล์ จัดการงาน หรือแม้แต่สั่งการข้ามแอปแบบอัตโนมัติ… นี่คือวิสัยทัศน์ใหม่ของ OpenAI หลังจากเข้าซื้อกิจการบริษัท Software Applications ผู้พัฒนาแอป Sky

    Sky เป็นแอปอัตโนมัติบน macOS ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 โดยทีมผู้สร้าง Workflow ซึ่งเคยถูก Apple ซื้อไปในปี 2017 และกลายเป็นฟีเจอร์ Shortcuts ที่เราคุ้นเคยกันดีใน iOS และ macOS การกลับมาครั้งนี้ในรูปแบบ Sky ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะสามารถ “เข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ” และ “ใช้แอปเพื่อดำเนินการแทนผู้ใช้” ได้อย่างชาญฉลาด

    OpenAI วางแผนจะนำเทคโนโลยีของ Sky มาผนวกเข้ากับ ChatGPT เพื่อให้สามารถควบคุมระบบ macOS ได้ในระดับลึก เช่น การสั่งงานข้ามแอป การจัดการไฟล์ หรือแม้แต่การวางแผนงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ ChatGPT กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณได้จริง ไม่ใช่แค่ให้คำแนะนำ

    การเข้าซื้อกิจการนี้ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของ “Agentic AI” หรือ AI ที่สามารถลงมือทำแทนมนุษย์ได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งทีละขั้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับที่ Apple กำลังพัฒนา Siri รุ่นใหม่ ที่จะสามารถควบคุมแอปของบุคคลที่สามได้ในปี 2026

    นอกจากนี้ OpenAI ยังเพิ่งเปิดตัว ChatGPT Atlas เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรกของบริษัท และซื้อกิจการ Roi แอปลงทุนอัตโนมัติไปก่อนหน้านี้ไม่นาน แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ OpenAI ในการสร้างระบบ AI ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง

    การเข้าซื้อกิจการ Software Applications โดย OpenAI
    บริษัทผู้พัฒนาแอป Sky สำหรับระบบอัตโนมัติบน macOS
    ทีมผู้สร้างเคยพัฒนา Workflow ที่ Apple ซื้อไปในปี 2017

    แอป Sky มีความสามารถโดดเด่น
    เข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ
    ใช้แอปต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแทนผู้ใช้
    รองรับการทำงานข้ามแอปแบบอัตโนมัติ

    แผนของ OpenAI กับ ChatGPT
    ผนวกความสามารถของ Sky เข้ากับ ChatGPT
    เพิ่มความสามารถในการควบคุมระบบ macOS ระดับลึก
    เปลี่ยน ChatGPT ให้เป็นผู้ช่วยที่ “ลงมือทำ” ได้จริง

    แนวโน้ม Agentic AI
    AI ที่สามารถดำเนินการแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ
    เป็นทิศทางเดียวกับ Siri รุ่นใหม่ของ Apple ที่จะเปิดตัวในปี 2026

    การขยายตัวของ OpenAI
    เปิดตัว ChatGPT Atlas เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรก
    ซื้อกิจการ Roi แอปลงทุนอัตโนมัติ

    https://securityonline.info/openai-buys-mac-automation-app-to-give-chatgpt-system-level-control/
    📰 “OpenAI ซื้อกิจการ Sky – แอปอัตโนมัติบน Mac เพื่อยกระดับ ChatGPT สู่การควบคุมระบบ” ลองนึกภาพว่า ChatGPT ไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยตอบคำถาม แต่สามารถควบคุมแอปต่าง ๆ บนเครื่อง Mac ของคุณได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟล์ จัดการงาน หรือแม้แต่สั่งการข้ามแอปแบบอัตโนมัติ… นี่คือวิสัยทัศน์ใหม่ของ OpenAI หลังจากเข้าซื้อกิจการบริษัท Software Applications ผู้พัฒนาแอป Sky Sky เป็นแอปอัตโนมัติบน macOS ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 โดยทีมผู้สร้าง Workflow ซึ่งเคยถูก Apple ซื้อไปในปี 2017 และกลายเป็นฟีเจอร์ Shortcuts ที่เราคุ้นเคยกันดีใน iOS และ macOS การกลับมาครั้งนี้ในรูปแบบ Sky ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะสามารถ “เข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ” และ “ใช้แอปเพื่อดำเนินการแทนผู้ใช้” ได้อย่างชาญฉลาด OpenAI วางแผนจะนำเทคโนโลยีของ Sky มาผนวกเข้ากับ ChatGPT เพื่อให้สามารถควบคุมระบบ macOS ได้ในระดับลึก เช่น การสั่งงานข้ามแอป การจัดการไฟล์ หรือแม้แต่การวางแผนงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ ChatGPT กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณได้จริง ไม่ใช่แค่ให้คำแนะนำ การเข้าซื้อกิจการนี้ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของ “Agentic AI” หรือ AI ที่สามารถลงมือทำแทนมนุษย์ได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งทีละขั้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับที่ Apple กำลังพัฒนา Siri รุ่นใหม่ ที่จะสามารถควบคุมแอปของบุคคลที่สามได้ในปี 2026 นอกจากนี้ OpenAI ยังเพิ่งเปิดตัว ChatGPT Atlas เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรกของบริษัท และซื้อกิจการ Roi แอปลงทุนอัตโนมัติไปก่อนหน้านี้ไม่นาน แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ OpenAI ในการสร้างระบบ AI ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง ✅ การเข้าซื้อกิจการ Software Applications โดย OpenAI ➡️ บริษัทผู้พัฒนาแอป Sky สำหรับระบบอัตโนมัติบน macOS ➡️ ทีมผู้สร้างเคยพัฒนา Workflow ที่ Apple ซื้อไปในปี 2017 ✅ แอป Sky มีความสามารถโดดเด่น ➡️ เข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ ➡️ ใช้แอปต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแทนผู้ใช้ ➡️ รองรับการทำงานข้ามแอปแบบอัตโนมัติ ✅ แผนของ OpenAI กับ ChatGPT ➡️ ผนวกความสามารถของ Sky เข้ากับ ChatGPT ➡️ เพิ่มความสามารถในการควบคุมระบบ macOS ระดับลึก ➡️ เปลี่ยน ChatGPT ให้เป็นผู้ช่วยที่ “ลงมือทำ” ได้จริง ✅ แนวโน้ม Agentic AI ➡️ AI ที่สามารถดำเนินการแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ ➡️ เป็นทิศทางเดียวกับ Siri รุ่นใหม่ของ Apple ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ✅ การขยายตัวของ OpenAI ➡️ เปิดตัว ChatGPT Atlas เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรก ➡️ ซื้อกิจการ Roi แอปลงทุนอัตโนมัติ https://securityonline.info/openai-buys-mac-automation-app-to-give-chatgpt-system-level-control/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenAI Buys Mac Automation App to Give ChatGPT System-Level Control
    OpenAI acquired Software Applications, the team behind the Mac app Sky, to integrate system-level automation and agentic AI capabilities into ChatGPT.
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “ภัยร้ายจากปลั๊กอิน WordPress กลับมาอีกครั้ง – กว่า 8.7 ล้านครั้งโจมตีผ่าน GutenKit และ Hunk

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ WordPress ที่ใช้งานปลั๊กอินยอดนิยมอย่าง GutenKit หรือ Hunk Companion อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเว็บไซต์ของคุณถูกแฮกโดยไม่รู้ตัว เพราะมีช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตั้งปลั๊กอินอันตรายจากภายนอกได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลยแม้แต่น้อย...

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 เมื่อ Wordfence ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออกมาเตือนถึงการกลับมาของการโจมตีครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน โดยมีการโจมตีมากกว่า 8.7 ล้านครั้งผ่านช่องโหว่ในปลั๊กอิน GutenKit และ Hunk Companion ซึ่งมีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 48,000 เว็บไซต์ทั่วโลก

    ช่องโหว่เหล่านี้เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งผ่าน REST API ที่ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้สามารถติดตั้งปลั๊กอินจากภายนอกที่แฝงมัลแวร์ได้ทันที โดยปลั๊กอินปลอมเหล่านี้มักมีชื่อดูไม่น่าสงสัย เช่น “background-image-cropper” หรือ “ultra-seo-processor-wp” แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยโค้ดอันตรายที่สามารถเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมเว็บไซต์จากระยะไกลได้

    ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ผู้โจมตีใช้บอตเน็ตจากเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแฮกแล้วในการโจมตีแบบอัตโนมัติทั่วโลก และยังมีการใช้ปลั๊กอินอื่นที่มีช่องโหว่เพื่อเชื่อมโยงการโจมตีให้ลึกขึ้น เช่น wp-query-console ที่ยังไม่มีการอุดช่องโหว่

    นอกจากการอัปเดตปลั๊กอินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ผู้ดูแลเว็บไซต์ควรตรวจสอบไฟล์ที่ไม่รู้จักในโฟลเดอร์ปลั๊กอิน และบล็อก IP ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยทันที เพื่อป้องกันการโจมตีซ้ำ

    ช่องโหว่ปลั๊กอิน WordPress GutenKit และ Hunk Companion
    ช่องโหว่ CVE-2024-9234, CVE-2024-9707, CVE-2024-11972 มีคะแนน CVSS 9.8
    เปิดให้ติดตั้งปลั๊กอินจากภายนอกโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    GutenKit มีผู้ใช้งานกว่า 40,000 เว็บไซต์, Hunk Companion กว่า 8,000 เว็บไซต์

    การโจมตีที่เกิดขึ้น
    เริ่มกลับมาอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2025
    Wordfence บล็อกการโจมตีไปแล้วกว่า 8.7 ล้านครั้ง
    ใช้บอตเน็ตจากเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแฮกในการโจมตีแบบอัตโนมัติ

    ตัวอย่างปลั๊กอินปลอมที่พบ
    background-image-cropper
    ultra-seo-processor-wp
    oke, up

    วิธีการโจมตี
    ส่ง POST request ไปยัง REST API ที่ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์
    ใช้ ZIP file ที่แฝงโค้ด PHP อันตราย เช่น vv.php
    โค้ดมีความสามารถในการเปิด terminal, ดักข้อมูล, เปลี่ยนสิทธิ์ไฟล์

    แนวทางป้องกัน
    อัปเดต GutenKit เป็นเวอร์ชัน ≥ 2.1.1 และ Hunk Companion ≥ 1.9.0
    ตรวจสอบโฟลเดอร์ /wp-content/plugins/ และ /wp-content/upgrade/
    ตรวจสอบ access logs สำหรับ endpoint ที่น่าสงสัย
    บล็อก IP ที่มีพฤติกรรมโจมตี

    https://securityonline.info/critical-wordpress-rce-flaws-resurface-over-8-7-million-attacks-exploit-gutenkit-hunk-companion/
    📰 หัวข้อข่าว: “ภัยร้ายจากปลั๊กอิน WordPress กลับมาอีกครั้ง – กว่า 8.7 ล้านครั้งโจมตีผ่าน GutenKit และ Hunk ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ WordPress ที่ใช้งานปลั๊กอินยอดนิยมอย่าง GutenKit หรือ Hunk Companion อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเว็บไซต์ของคุณถูกแฮกโดยไม่รู้ตัว เพราะมีช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตั้งปลั๊กอินอันตรายจากภายนอกได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลยแม้แต่น้อย... นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 เมื่อ Wordfence ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออกมาเตือนถึงการกลับมาของการโจมตีครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน โดยมีการโจมตีมากกว่า 8.7 ล้านครั้งผ่านช่องโหว่ในปลั๊กอิน GutenKit และ Hunk Companion ซึ่งมีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 48,000 เว็บไซต์ทั่วโลก ช่องโหว่เหล่านี้เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งผ่าน REST API ที่ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้สามารถติดตั้งปลั๊กอินจากภายนอกที่แฝงมัลแวร์ได้ทันที โดยปลั๊กอินปลอมเหล่านี้มักมีชื่อดูไม่น่าสงสัย เช่น “background-image-cropper” หรือ “ultra-seo-processor-wp” แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยโค้ดอันตรายที่สามารถเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมเว็บไซต์จากระยะไกลได้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ผู้โจมตีใช้บอตเน็ตจากเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแฮกแล้วในการโจมตีแบบอัตโนมัติทั่วโลก และยังมีการใช้ปลั๊กอินอื่นที่มีช่องโหว่เพื่อเชื่อมโยงการโจมตีให้ลึกขึ้น เช่น wp-query-console ที่ยังไม่มีการอุดช่องโหว่ นอกจากการอัปเดตปลั๊กอินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ผู้ดูแลเว็บไซต์ควรตรวจสอบไฟล์ที่ไม่รู้จักในโฟลเดอร์ปลั๊กอิน และบล็อก IP ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยทันที เพื่อป้องกันการโจมตีซ้ำ ✅ ช่องโหว่ปลั๊กอิน WordPress GutenKit และ Hunk Companion ➡️ ช่องโหว่ CVE-2024-9234, CVE-2024-9707, CVE-2024-11972 มีคะแนน CVSS 9.8 ➡️ เปิดให้ติดตั้งปลั๊กอินจากภายนอกโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ GutenKit มีผู้ใช้งานกว่า 40,000 เว็บไซต์, Hunk Companion กว่า 8,000 เว็บไซต์ ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้น ➡️ เริ่มกลับมาอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ Wordfence บล็อกการโจมตีไปแล้วกว่า 8.7 ล้านครั้ง ➡️ ใช้บอตเน็ตจากเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแฮกในการโจมตีแบบอัตโนมัติ ✅ ตัวอย่างปลั๊กอินปลอมที่พบ ➡️ background-image-cropper ➡️ ultra-seo-processor-wp ➡️ oke, up ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ส่ง POST request ไปยัง REST API ที่ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ ➡️ ใช้ ZIP file ที่แฝงโค้ด PHP อันตราย เช่น vv.php ➡️ โค้ดมีความสามารถในการเปิด terminal, ดักข้อมูล, เปลี่ยนสิทธิ์ไฟล์ ✅ แนวทางป้องกัน ➡️ อัปเดต GutenKit เป็นเวอร์ชัน ≥ 2.1.1 และ Hunk Companion ≥ 1.9.0 ➡️ ตรวจสอบโฟลเดอร์ /wp-content/plugins/ และ /wp-content/upgrade/ ➡️ ตรวจสอบ access logs สำหรับ endpoint ที่น่าสงสัย ➡️ บล็อก IP ที่มีพฤติกรรมโจมตี https://securityonline.info/critical-wordpress-rce-flaws-resurface-over-8-7-million-attacks-exploit-gutenkit-hunk-companion/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical WordPress RCE Flaws Resurface: Over 8.7 Million Attacks Exploit GutenKit & Hunk Companion
    Wordfence warned of a massive RCE campaign (8.7M+ attacks) exploiting flaws in GutenKit/Hunk Companion plugins. Unauthenticated attackers can install malicious plugins via vulnerable REST API endpoints.
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • เกษียณแล้วยังไม่พ้นแรงสะเทือน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. ถูก ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ สังคมจับตากระบวนการสอบสวน วัดใจองค์กรสีกากี โปร่งใสหรือปกป้องกันเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102079

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    เกษียณแล้วยังไม่พ้นแรงสะเทือน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. ถูก ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ สังคมจับตากระบวนการสอบสวน วัดใจองค์กรสีกากี โปร่งใสหรือปกป้องกันเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102079 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • จบทุกงานบดผงใน 15 วินาที! พริกป่นละเอียด หอมเครื่องเทศ ต้อง "เครื่องบดถ้วย 1,000 กรัม" เท่านั้น!
    เบื่อไหมกับการบดพริกที่ทั้งช้าและไม่ละเอียด? ถ้าคุณทำธุรกิจหรือต้องการผงสมุนไพรคุณภาพสูง นี่คือคำตอบ! เครื่องบดถ้วย รุ่น 1,000 กรัม (Powder Maker) รหัส YBG-DFY1000C-SUS-DA เครื่องเดียวเอาอยู่!

    จุดเด่น สเปคเน้น ๆ (Power Specs):
    ความเร็วฟ้าผ่า: บดเต็มความจุ 1,000 กรัม (1 กิโลกรัม) ได้เป็นผงละเอียดใน 15 วินาที!
    รอบจัด: มอเตอร์ 2,000W (2.6HP) ปั่นด้วยความเร็ว 25,000 RPM ผงละเอียดเนียนกริ๊บ!
    วัสดุคุณภาพ: แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับงานหนัก

    เครื่องนี้ทำอะไรได้บ้าง? (เน้นบดของแห้งให้เป็นผงละเอียด)
    บดพริกแห้ง: ทำ พริกป่น หอม ๆ เนียน ๆ
    บดสมุนไพร/ยา: บดรากไม้ สมุนไพรแห้งทุกชนิด ให้เป็นผงสำหรับบรรจุแคปซูล
    บดธัญพืช/เมล็ดพืช: ข้าวสารทำ ข้าวคั่ว งา ถั่วเหลือง
    บดอาหารแห้ง: ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ทำผงโรย หรือผงปรุงรส

    ลงทุนกับเครื่องที่ใช่ เพื่อคุณภาพและกำไรที่เพิ่มขึ้น!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.)
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA

    #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดผง #เครื่องบดพริก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #ยิ่งฮะเฮง #PowderMaker #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดเมล็ดกาแฟ #เครื่องบดข้าวคั่ว #พริกป่น #ผงปรุงรส #แคปซูลสมุนไพร #สมุนไพรไทย #รากสมุนไพร #การแปรรูปอาหาร #โรงงานขนาดเล็ก #SMEไทย #ธุรกิจอาหาร #KitchenTools #GrindingMachine #HighSpeedGrinder #ChiliPowder #SpiceGrinder #HerbGrinder #25000RPM #เครื่องจักรแปรรูป #คุณภาพส่งออก #Yoryonghahheng
    🌶️✨ จบทุกงานบดผงใน 15 วินาที! พริกป่นละเอียด หอมเครื่องเทศ ต้อง "เครื่องบดถ้วย 1,000 กรัม" เท่านั้น! ✨🌿 เบื่อไหมกับการบดพริกที่ทั้งช้าและไม่ละเอียด? ถ้าคุณทำธุรกิจหรือต้องการผงสมุนไพรคุณภาพสูง นี่คือคำตอบ! เครื่องบดถ้วย รุ่น 1,000 กรัม (Powder Maker) รหัส YBG-DFY1000C-SUS-DA เครื่องเดียวเอาอยู่! 🔥 จุดเด่น สเปคเน้น ๆ (Power Specs): ⚡ ความเร็วฟ้าผ่า: บดเต็มความจุ 1,000 กรัม (1 กิโลกรัม) ได้เป็นผงละเอียดใน 15 วินาที! 🚀 รอบจัด: มอเตอร์ 2,000W (2.6HP) ปั่นด้วยความเร็ว 25,000 RPM ผงละเอียดเนียนกริ๊บ! 💪 วัสดุคุณภาพ: แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับงานหนัก 🌶️ เครื่องนี้ทำอะไรได้บ้าง? (เน้นบดของแห้งให้เป็นผงละเอียด) บดพริกแห้ง: ทำ พริกป่น หอม ๆ เนียน ๆ บดสมุนไพร/ยา: บดรากไม้ สมุนไพรแห้งทุกชนิด ให้เป็นผงสำหรับบรรจุแคปซูล บดธัญพืช/เมล็ดพืช: ข้าวสารทำ ข้าวคั่ว งา ถั่วเหลือง บดอาหารแห้ง: ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ทำผงโรย หรือผงปรุงรส ลงทุนกับเครื่องที่ใช่ เพื่อคุณภาพและกำไรที่เพิ่มขึ้น! 💸 📍 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.30-17.00 น.), เสาร์ (9.00-16.00 น.) 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 💬 แชท: m.me/yonghahheng 📲 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 🗺️ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA #เครื่องบดถ้วย #เครื่องบดผง #เครื่องบดพริก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #ยิ่งฮะเฮง #PowderMaker #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดเมล็ดกาแฟ #เครื่องบดข้าวคั่ว #พริกป่น #ผงปรุงรส #แคปซูลสมุนไพร #สมุนไพรไทย #รากสมุนไพร #การแปรรูปอาหาร #โรงงานขนาดเล็ก #SMEไทย #ธุรกิจอาหาร #KitchenTools #GrindingMachine #HighSpeedGrinder #ChiliPowder #SpiceGrinder #HerbGrinder #25000RPM #เครื่องจักรแปรรูป #คุณภาพส่งออก #Yoryonghahheng
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน”

    ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก!

    ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ

    อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา

    บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ

    กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ

    กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว”
    อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass
    มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)”
    มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก

    การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ
    เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่
    บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม
    ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

    คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้
    เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ
    แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon
    เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit
    ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม
    มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ
    อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง
    หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที
    ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี
    หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ

    https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    🪦 “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน” ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก! ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ ✅ กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว” ➡️ อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass ➡️ มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” ➡️ มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก ✅ การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่ ➡️ บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม ➡️ ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ✅ คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ➡️ LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้ ➡️ เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ ➡️ แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon ➡️ เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit ➡️ ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม ➡️ มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ⛔ อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง ⛔ หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที ⛔ ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี ⛔ หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Scammers try to trick LastPass users into giving up credentials by telling them they’re dead
    Oddly worded pitch aimed at the living aims to get victims to click on a malicious link if they think the message isn’t for them.
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม”

    รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ

    ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ

    นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ

    ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย

    การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14
    เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ
    รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ
    มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง

    รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images)
    สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง
    รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG
    ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF

    การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification)
    ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล
    เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้
    ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

    การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export)
    รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines
    มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น
    เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้

    การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility)
    มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่
    แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป

    https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม” รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย ✅ การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14 ➡️ เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ ➡️ มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง ✅ รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images) ➡️ สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง ➡️ รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG ➡️ ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF ✅ การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification) ➡️ ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล ➡️ เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้ ➡️ ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ✅ การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export) ➡️ รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines ➡️ มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น ➡️ เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้ ✅ การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility) ➡️ มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่ ➡️ แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    TYPST.APP
    Typst: Typst 0.14: Now accessible – Typst Blog
    Typst 0.14 is out now. With accessibility by default, PDFs as images, character-level justification, and more, it has everything you need to move from draft to...
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน.

    Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้

    บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว

    Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ข้อมูลที่ถูกขโมย
    ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์
    ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน

    การตอบสนองของบริษัท
    ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์
    ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน”
    แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
    เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม

    คำแนะนำสำหรับลูกค้า
    ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us
    อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว

    https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    🧸 ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน. Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้ บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์ ➡️ ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน ✅ การตอบสนองของบริษัท ➡️ ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ➡️ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน” ➡️ แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม ✅ คำแนะนำสำหรับลูกค้า ➡️ ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us ➡️ อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Toys "R" Us customer data swiped and leaked online - here's what we know
    Names, addresses, and more from Toys "R" Us customers stolen and leaked on the dark web
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • เมนูแนะนำวันนี้…ข้าวคลุกยำปลาทูมัน อร่อยๆ มาให้ลองทานค่ะ รับประกันความแซ่บเว่อร์

    ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา

    แบบบรรจุแพ็คสวยงาม
    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/

    ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rT65DWe

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/

    ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน Shopee
    https://th.shp.ee/rhcGm9D

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1

    ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ
    เมนูแนะนำวันนี้…ข้าวคลุกยำปลาทูมัน อร่อยๆ มาให้ลองทานค่ะ รับประกันความแซ่บเว่อร์ 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาา ✅ แบบบรรจุแพ็คสวยงาม ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/ ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rT65DWe ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/ ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/rhcGm9D เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1 ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 0 Reviews
  • OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง

    OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน

    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน

    น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน

    การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4

    การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated
    เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS
    แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง
    ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT
    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้

    ความสามารถของ Sky
    สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages
    สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป
    เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์
    พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple

    ความเคลื่อนไหวของ Apple
    Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026
    มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน
    หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta
    Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน

    https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    🧠 OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4 ✅ การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated ➡️ เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS ➡️ แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง ➡️ ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT ➡️ Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้ ✅ ความสามารถของ Sky ➡️ สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages ➡️ สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป ➡️ เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์ ➡️ พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple ✅ ความเคลื่อนไหวของ Apple ➡️ Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026 ➡️ มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน ➡️ หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta ➡️ Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Acquires The Company Behind The New Apple Mac App Sky
    OpenAI is trying to encroach into Apple's sprawling ecosystem by acquiring a company that is championing enhanced automation on the Mac.
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • สงครามค้นหายุคใหม่: AI กำลังเปลี่ยนโฉมการท่องเว็บ และท้าทายอำนาจของ Google

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวของผู้คนทั่วโลก การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บทความจาก The Star เผยว่า “การค้นหาออนไลน์” กำลังกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ที่พยายามเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงข้อมูล และท้าทายอำนาจของ Google Chrome ที่ครองตลาดมากกว่า 70%

    บริษัทอย่าง OpenAI, Microsoft, Perplexity และ Dia ต่างเปิดตัว “เบราว์เซอร์ AI” ที่สามารถค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพิมพ์คำค้นหาแบบเดิมอีกต่อไป เช่น Atlas ของ OpenAI สามารถสร้างรายการซื้อของตามเมนูและจำนวนแขกได้ทันทีจากคำสั่งเดียว

    แม้ Google จะมีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ที่ใช้ reasoning และ multimodal แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ การเปลี่ยนแปลงของการค้นหาออนไลน์
    แนวโน้มใหม่
    เบราว์เซอร์ AI สามารถค้นหาและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้
    ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่สามารถจัดการงาน เช่น จองร้านอาหารหรือวางแผนการเดินทาง
    เปลี่ยนจาก “search engine” เป็น “action engine”

    คำเตือน
    ผู้ใช้อาจพึ่งพา AI มากเกินไปโดยไม่ตรวจสอบข้อมูล
    ความผิดพลาดจาก AI อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง

    2️⃣ ผู้เล่นหลักในสมรภูมิ AI Search
    เบราว์เซอร์ AI ที่เปิดตัวแล้ว
    Atlas จาก OpenAI
    Comet จาก Perplexity
    Copilot-enabled Edge จาก Microsoft
    Dia และ Neon จากผู้พัฒนารายใหม่

    คำเตือน
    บางเบราว์เซอร์ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้เพื่อปรับปรุง AI อาจกระทบความเป็นส่วนตัว

    3️⃣ จุดแข็งและจุดอ่อนของ Google
    จุดแข็งของ Google
    Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์มากกว่า 70%
    Google Search ยังเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล
    มีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search

    จุดอ่อนที่ถูกท้าทาย
    ยังไม่เข้าสู่ระดับ “agentic AI” ที่ทำงานแทนผู้ใช้ได้
    คู่แข่งสามารถรวบรวมข้อมูลจากการใช้งาน AI เพื่อพัฒนาโมเดลได้เร็วกว่า

    4️⃣ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    มุมมองจากนักวิเคราะห์
    Avi Greengart: “AI acting in the browser makes sense เพราะแอปส่วนใหญ่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์อยู่แล้ว”
    Evan Schlossman: “AI กำลังควบคุมอินเทอร์เฟซของผู้ใช้ เพื่อ streamline ประสบการณ์”
    Thomas Thiele: “การรวมข้อมูลจาก ChatGPT และ Atlas อาจสร้าง Google ใหม่”

    คำเตือน
    การควบคุมอินเทอร์เฟซโดย AI อาจทำให้ผู้ใช้เสียอำนาจในการเลือก
    การรวบรวมข้อมูลมากเกินไปอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/online-search-a-battleground-for-ai-titans
    🔍 สงครามค้นหายุคใหม่: AI กำลังเปลี่ยนโฉมการท่องเว็บ และท้าทายอำนาจของ Google ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวของผู้คนทั่วโลก การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บทความจาก The Star เผยว่า “การค้นหาออนไลน์” กำลังกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ที่พยายามเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงข้อมูล และท้าทายอำนาจของ Google Chrome ที่ครองตลาดมากกว่า 70% บริษัทอย่าง OpenAI, Microsoft, Perplexity และ Dia ต่างเปิดตัว “เบราว์เซอร์ AI” ที่สามารถค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพิมพ์คำค้นหาแบบเดิมอีกต่อไป เช่น Atlas ของ OpenAI สามารถสร้างรายการซื้อของตามเมนูและจำนวนแขกได้ทันทีจากคำสั่งเดียว แม้ Google จะมีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ที่ใช้ reasoning และ multimodal แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “agentic AI” ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ การเปลี่ยนแปลงของการค้นหาออนไลน์ ✅ แนวโน้มใหม่ ➡️ เบราว์เซอร์ AI สามารถค้นหาและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้ ➡️ ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่สามารถจัดการงาน เช่น จองร้านอาหารหรือวางแผนการเดินทาง ➡️ เปลี่ยนจาก “search engine” เป็น “action engine” ‼️ คำเตือน ⛔ ผู้ใช้อาจพึ่งพา AI มากเกินไปโดยไม่ตรวจสอบข้อมูล ⛔ ความผิดพลาดจาก AI อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง 2️⃣ ผู้เล่นหลักในสมรภูมิ AI Search ✅ เบราว์เซอร์ AI ที่เปิดตัวแล้ว ➡️ Atlas จาก OpenAI ➡️ Comet จาก Perplexity ➡️ Copilot-enabled Edge จาก Microsoft ➡️ Dia และ Neon จากผู้พัฒนารายใหม่ ‼️ คำเตือน ⛔ บางเบราว์เซอร์ยังอยู่ในช่วงทดลอง อาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ⛔ การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้เพื่อปรับปรุง AI อาจกระทบความเป็นส่วนตัว 3️⃣ จุดแข็งและจุดอ่อนของ Google ✅ จุดแข็งของ Google ➡️ Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์มากกว่า 70% ➡️ Google Search ยังเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล ➡️ มีฟีเจอร์ AI Overviews และโหมด AI Search ‼️ จุดอ่อนที่ถูกท้าทาย ⛔ ยังไม่เข้าสู่ระดับ “agentic AI” ที่ทำงานแทนผู้ใช้ได้ ⛔ คู่แข่งสามารถรวบรวมข้อมูลจากการใช้งาน AI เพื่อพัฒนาโมเดลได้เร็วกว่า 4️⃣ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ✅ มุมมองจากนักวิเคราะห์ ➡️ Avi Greengart: “AI acting in the browser makes sense เพราะแอปส่วนใหญ่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์อยู่แล้ว” ➡️ Evan Schlossman: “AI กำลังควบคุมอินเทอร์เฟซของผู้ใช้ เพื่อ streamline ประสบการณ์” ➡️ Thomas Thiele: “การรวมข้อมูลจาก ChatGPT และ Atlas อาจสร้าง Google ใหม่” ‼️ คำเตือน ⛔ การควบคุมอินเทอร์เฟซโดย AI อาจทำให้ผู้ใช้เสียอำนาจในการเลือก ⛔ การรวบรวมข้อมูลมากเกินไปอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/online-search-a-battleground-for-ai-titans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online search a battleground for AI titans
    Tech firms battling for supremacy in artificial intelligence are out to transform how people search the web, challenging the dominance of the Chrome browser at the heart of Google's empire.
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101505

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101505 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป

    หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่

    Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่

    สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android

    1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving
    หลักการของฟีเจอร์
    ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์
    เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี
    แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที

    คำเตือน
    แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore
    หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ

    2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store
    ขั้นตอนการตั้งค่า
    เปิด Google Play Store
    แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings
    ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps”
    ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม

    คำเตือน
    แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม
    หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก

    3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings
    ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง
    เปิด Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการ archive
    กด “Archive” ที่ด้านล่าง
    แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร

    คำเตือน
    ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้
    แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore

    4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive
    ขั้นตอนการเรียกคืนแอป
    แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore
    หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore
    แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store

    คำเตือน
    ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา
    หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้

    5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว
    ขั้นตอนการยกเว้นแอป
    ไปที่ Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น
    ปิด “Manage app if unused”

    คำเตือน
    แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน
    อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น

    https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    📱 ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่ Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่ 🔍 สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android 1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving ✅ หลักการของฟีเจอร์ ➡️ ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์ ➡️ เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี ➡️ แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore ⛔ หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ 2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store ✅ ขั้นตอนการตั้งค่า ➡️ เปิด Google Play Store ➡️ แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings ➡️ ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps” ➡️ ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม ‼️ คำเตือน ⛔ แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม ⛔ หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก 3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings ✅ ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง ➡️ เปิด Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการ archive ➡️ กด “Archive” ที่ด้านล่าง ➡️ แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร ‼️ คำเตือน ⛔ ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้ ⛔ แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore 4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive ✅ ขั้นตอนการเรียกคืนแอป ➡️ แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore ➡️ หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore ➡️ แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา ⛔ หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้ 5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว ✅ ขั้นตอนการยกเว้นแอป ➡️ ไปที่ Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น ➡️ ปิด “Manage app if unused” ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน ⛔ อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Hidden Android Setting Makes Managing Apps Easier And Quicker - SlashGear
    Android’s app archiving feature automatically removes unused apps while keeping data safe, freeing storage and decluttering your phone.
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้ากับพอร์ต USB-C ของ iPad ถ้าไม่อยาก “พังไม่รู้ตัว”

    แม้ iPad จะเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังและสะดวกสบาย แต่พอร์ต USB-C ที่ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมมากมาย ก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เครื่องพังได้ในพริบตา หากคุณเสียบสิ่งที่ไม่ควรเข้าไป

    บทความจาก SlashGear เตือนผู้ใช้ iPad ว่ามีสองสิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB-C เด็ดขาด ได้แก่ “แฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา” และ “สายชาร์จราคาถูกที่ไม่มีแบรนด์” เพราะอาจนำไปสู่การเสียหายของระบบภายใน หรือแม้แต่การทำให้ iPad กลายเป็น “อิฐ” ที่ใช้งานไม่ได้เลย

    1️⃣ อย่าเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา

    เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง
    อาจมีมัลแวร์หรือไวรัสที่พยายามเจาะระบบ
    อาจเป็น “USB killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปในเครื่อง
    อุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้ในงานทดสอบระบบหรือโดยเจ้าหน้าที่ แต่สามารถซื้อได้ทั่วไป

    คำเตือน
    การเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา อาจทำให้ iPad พังทันที
    อุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้ระบบภายในถูกเผาไหม้หรือเสียหายถาวร

    2️⃣ อย่าใช้สายชาร์จราคาถูกที่ไม่มีแบรนด์

    เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง
    อาจใช้วัสดุคุณภาพต่ำที่ทำให้ระบบควบคุมการชาร์จเสียหาย
    ไม่มีระบบป้องกันไฟเกินหรือไฟย้อนกลับ
    แบรนด์ที่ไม่มีเว็บไซต์หรือข้อมูลออนไลน์อาจไม่น่าเชื่อถือ

    ทางเลือกที่ปลอดภัย
    ใช้อุปกรณ์จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น Anker, Belkin, Mophie
    ซื้อจากร้านค้าที่มีการรับประกันและข้อมูลผลิตภัณฑ์ชัดเจน

    คำเตือน
    การใช้สายชาร์จราคาถูก อาจทำให้ระบบชาร์จเสียหายถาวร
    การซ่อมหรือเปลี่ยน iPad ที่เสียหายจากการเสียบอุปกรณ์ผิด อาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    https://www.slashgear.com/1999688/never-plug-these-things-into-ipad-usb-c-port/
    ⚠️ อย่าเสียบสิ่งเหล่านี้เข้ากับพอร์ต USB-C ของ iPad ถ้าไม่อยาก “พังไม่รู้ตัว” แม้ iPad จะเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังและสะดวกสบาย แต่พอร์ต USB-C ที่ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมมากมาย ก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เครื่องพังได้ในพริบตา หากคุณเสียบสิ่งที่ไม่ควรเข้าไป บทความจาก SlashGear เตือนผู้ใช้ iPad ว่ามีสองสิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB-C เด็ดขาด ได้แก่ “แฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา” และ “สายชาร์จราคาถูกที่ไม่มีแบรนด์” เพราะอาจนำไปสู่การเสียหายของระบบภายใน หรือแม้แต่การทำให้ iPad กลายเป็น “อิฐ” ที่ใช้งานไม่ได้เลย 1️⃣ อย่าเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา ✅ เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ อาจมีมัลแวร์หรือไวรัสที่พยายามเจาะระบบ ➡️ อาจเป็น “USB killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปในเครื่อง ➡️ อุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้ในงานทดสอบระบบหรือโดยเจ้าหน้าที่ แต่สามารถซื้อได้ทั่วไป ‼️ คำเตือน ⛔ การเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ไม่รู้ที่มา อาจทำให้ iPad พังทันที ⛔ อุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้ระบบภายในถูกเผาไหม้หรือเสียหายถาวร 2️⃣ อย่าใช้สายชาร์จราคาถูกที่ไม่มีแบรนด์ ✅ เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ อาจใช้วัสดุคุณภาพต่ำที่ทำให้ระบบควบคุมการชาร์จเสียหาย ➡️ ไม่มีระบบป้องกันไฟเกินหรือไฟย้อนกลับ ➡️ แบรนด์ที่ไม่มีเว็บไซต์หรือข้อมูลออนไลน์อาจไม่น่าเชื่อถือ ✅ ทางเลือกที่ปลอดภัย ➡️ ใช้อุปกรณ์จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น Anker, Belkin, Mophie ➡️ ซื้อจากร้านค้าที่มีการรับประกันและข้อมูลผลิตภัณฑ์ชัดเจน ‼️ คำเตือน ⛔ การใช้สายชาร์จราคาถูก อาจทำให้ระบบชาร์จเสียหายถาวร ⛔ การซ่อมหรือเปลี่ยน iPad ที่เสียหายจากการเสียบอุปกรณ์ผิด อาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก https://www.slashgear.com/1999688/never-plug-these-things-into-ipad-usb-c-port/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Never Plug These Things Into Your iPad's USB-C Port - SlashGear
    There are two things you should keep well clear of your iPad's USB-C port: random, unknown flash drives or external storage, and cheap, no-name chargers.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
More Results