• จุ๊กกรู๊ มิตรแท้ทนายโจร : Sondhitalk EP267 VDO

    ชำแหละ!... “ทนายจุ๊กกรู๊”
    ทำตัวเป็นมิตรแท้ทนายโจร

    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    จุ๊กกรู๊ มิตรแท้ทนายโจร : Sondhitalk EP267 VDO ชำแหละ!... “ทนายจุ๊กกรู๊” ทำตัวเป็นมิตรแท้ทนายโจร #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    33
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 656 มุมมอง 987 1 รีวิว
  • "มหากาพย์ไมดาน จุดเริ่มต้นของสงครามตัวแทนและ Hybrid War" ตอนที่ 1
    ล้างแค้น 30 ปีก็ไม่สาย ลูกผู้ชายชื่อปูตินตั้งสัจจะเอาไว้ว่าตราบใดที่รัสเซียยังไม่กินอิ่มนอนอุ่น ตราบนั้นโลกตะวันตกจงอย่าได้ย่างกรายมาเพ่นพ่านแถวขอบรั้วรัสเซีย
    ***เนื้อหานำเสนออีกด้านหนึ่งของข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น? โปรดพิจารณาเอาเอง สมองใครสมองมัน ไม่ต้องมาเถียงกับผม ผมไม่มีเวลาเถียงด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อเงินในบัญชีผมก็เท่าเดิม คือร้อยกว่าบาท 555 ฉะนั้นผมไม่แคร์ว่าจะมีใครเชื่อ
    ***เนื้อหาทั้งหมดผมแคปมาจากสารคดีซึ่งผลิตโดยช่องข่าว RT ของรัสเซีย และช่อง RUPTLY ซึ่งผมไม่มีส่วนได้เสียในการสร้าง การนำเสนอ นอกจากชี้ให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง และขอให้คนไทยเรียนรู้และปรับใช้เพื่อเอาชาติให้รอด ใครชังชาติ...จะปล่อยชาติล่มจมก็ไม่ควรอ่าน เสียเวลาคุณ คุณควรเอาเวลาไปบ่อนทำลายชาติจะตรงจุดประสงค์คุณมากกว่า
    ***เนื้อหาเรียงลำดับตามที่ปรากฏในสารคดี ซึ่งเมื่อลดทอนเป็นเพียงภาพบางช่วง อาจจะไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมด หรือเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกได้ ต้องขออภัยไว้ก่อน หากทาง RT อนุญาต ผมจะนำ VDO ชุดนี้มาเผยแพร่ต่อไป
    ***การรับชม คลิกที่รูปภาพ เนื้อหาอยู่ในคำบรรยายแต่ละภาพเรียงลำดับกันไป
    ผมไม่อยากบอกว่า "ขอให้สนุก" เพราะเนื้อหามันสะเทือนใจและตรงกับความจริงหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยถูกยุแยงให้แตกแยกทางความคิด เราเชื่อกันคนละอย่างและนำไปสู่ความเกลียดชังสุดขั้ว
    ไทยเรากำลังอยู่บนปากเหวอย่างเช่นที่อูเครนเคยอยู่มาก่อน...เชื่อผมเถอะ!
    "มหากาพย์ไมดาน จุดเริ่มต้นของสงครามตัวแทนและ Hybrid War" ตอนที่ 1 ล้างแค้น 30 ปีก็ไม่สาย ลูกผู้ชายชื่อปูตินตั้งสัจจะเอาไว้ว่าตราบใดที่รัสเซียยังไม่กินอิ่มนอนอุ่น ตราบนั้นโลกตะวันตกจงอย่าได้ย่างกรายมาเพ่นพ่านแถวขอบรั้วรัสเซีย ***เนื้อหานำเสนออีกด้านหนึ่งของข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น? โปรดพิจารณาเอาเอง สมองใครสมองมัน ไม่ต้องมาเถียงกับผม ผมไม่มีเวลาเถียงด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อเงินในบัญชีผมก็เท่าเดิม คือร้อยกว่าบาท 555 ฉะนั้นผมไม่แคร์ว่าจะมีใครเชื่อ ***เนื้อหาทั้งหมดผมแคปมาจากสารคดีซึ่งผลิตโดยช่องข่าว RT ของรัสเซีย และช่อง RUPTLY ซึ่งผมไม่มีส่วนได้เสียในการสร้าง การนำเสนอ นอกจากชี้ให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง และขอให้คนไทยเรียนรู้และปรับใช้เพื่อเอาชาติให้รอด ใครชังชาติ...จะปล่อยชาติล่มจมก็ไม่ควรอ่าน เสียเวลาคุณ คุณควรเอาเวลาไปบ่อนทำลายชาติจะตรงจุดประสงค์คุณมากกว่า ***เนื้อหาเรียงลำดับตามที่ปรากฏในสารคดี ซึ่งเมื่อลดทอนเป็นเพียงภาพบางช่วง อาจจะไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมด หรือเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกได้ ต้องขออภัยไว้ก่อน หากทาง RT อนุญาต ผมจะนำ VDO ชุดนี้มาเผยแพร่ต่อไป ***การรับชม คลิกที่รูปภาพ เนื้อหาอยู่ในคำบรรยายแต่ละภาพเรียงลำดับกันไป ผมไม่อยากบอกว่า "ขอให้สนุก" เพราะเนื้อหามันสะเทือนใจและตรงกับความจริงหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยถูกยุแยงให้แตกแยกทางความคิด เราเชื่อกันคนละอย่างและนำไปสู่ความเกลียดชังสุดขั้ว ไทยเรากำลังอยู่บนปากเหวอย่างเช่นที่อูเครนเคยอยู่มาก่อน...เชื่อผมเถอะ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตโลก ในมือทรัมป์ : Sondhitalk EP267 VDO

    ปรากฏการณ์หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งอเมริกา

    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    อนาคตโลก ในมือทรัมป์ : Sondhitalk EP267 VDO ปรากฏการณ์หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งอเมริกา #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Yay
    22
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 811 มุมมอง 1141 1 รีวิว
  • ปูติน คิม จับมือถล่มตะวันตก : Sondhitalk EP267 VDO

    ผ่าปฏิบัติการ เกาหลีเหนือเข้าซ้อมรบ ในดินแดนรัสเซีย

    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    ปูติน คิม จับมือถล่มตะวันตก : Sondhitalk EP267 VDO ผ่าปฏิบัติการ เกาหลีเหนือเข้าซ้อมรบ ในดินแดนรัสเซีย #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 841 มุมมอง 991 1 รีวิว
  • “สนธิ-ชูวิทย์” กอดให้อภัยต่อกัน : SondhitalkEP267 VDO

    พี่ไม่เคยโกรธน้อง สนธิ-ชูวิทย์ ลืมความบาดหมางในอดีต

    #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ #สนธิกอดชูวิทย์
    “สนธิ-ชูวิทย์” กอดให้อภัยต่อกัน : SondhitalkEP267 VDO พี่ไม่เคยโกรธน้อง สนธิ-ชูวิทย์ ลืมความบาดหมางในอดีต #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ #สนธิกอดชูวิทย์
    Like
    Love
    Yay
    40
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1253 มุมมอง 1300 2 รีวิว
  • ฝนตกขี้หมูไหล ทนายอะไรมาเจอกัน : Sondhitalk EP267 VDO

    นกรู้ ไร้ราคา กลับลำรายวัน! โชคดีประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้กินหญ้า

    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    ฝนตกขี้หมูไหล ทนายอะไรมาเจอกัน : Sondhitalk EP267 VDO นกรู้ ไร้ราคา กลับลำรายวัน! โชคดีประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้กินหญ้า #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    32
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1329 มุมมอง 1639 0 รีวิว
  • เปิดตัวละครลับ แก๊งตบทรัพย์ มาดามอ้อย : Sondhitalk EP267 VDO

    เปิดงบการเงิน กระชากหน้ากาก “ทนายตั้ม”

    #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    เปิดตัวละครลับ แก๊งตบทรัพย์ มาดามอ้อย : Sondhitalk EP267 VDO เปิดงบการเงิน กระชากหน้ากาก “ทนายตั้ม” #sondhi #sondhiapp #sondhitalk #สนธิ #สนธิทอล์ค #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    26
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1332 มุมมอง 1511 1 รีวิว
  • 8 พฤศจิกายน 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep267 (live)
    จุดจบ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง โยงแก๊งฟอกเงิน ฉ้อโกงจนเป็นนิสัย จุดจบทนายหิวแสง เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
    8 พฤศจิกายน 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep267 (live) จุดจบ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง โยงแก๊งฟอกเงิน ฉ้อโกงจนเป็นนิสัย จุดจบทนายหิวแสง เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep267 (live)
    จุดจบ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง โยงแก๊งฟอกเงิน ฉ้อโกงจนเป็นนิสัย จุดจบทนายหิวแสง เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 1 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep267 (live)
    จุดจบ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง โยงแก๊งฟอกเงิน ฉ้อโกงจนเป็นนิสัย จุดจบทนายหิวแสง เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep267 (live) จุดจบ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง โยงแก๊งฟอกเงิน ฉ้อโกงจนเป็นนิสัย จุดจบทนายหิวแสง เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    68
    12 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 2097 มุมมอง 3 รีวิว
  • Blue Suede Shoes
    เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์.
    ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด
    “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า
    เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง
    แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้
    “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์
    “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง
    แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก
    เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!”
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins
    ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่
    เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20

    ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021
    The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน
    Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม
    “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!”
    อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    Blue Suede Shoes เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์. ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้ “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์ “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!” “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่ เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20 ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021 The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!” อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 97 0 รีวิว
  • เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

    7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์

    สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา

    การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ

    ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว
    .
    "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก"

    ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล 7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์ สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว . "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก" ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    Like
    Yay
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 931 มุมมอง 1 รีวิว
  • เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง

    โอ้..คุณพระ!

    #TomorrowandTomorrowandTomorrow
    นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม

    สนพ.แซลมอน
    แกเบรียล เซวิน เขียน
    สุวิชชา จันทร แปล
    พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566
    หนา 400 หน้า 495 บาท

    หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง

    เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ

    ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้

    💻

    แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก

    💻

    เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป

    💻

    เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง

    วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย

    💻

    ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย

    💻

    แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้

    💻

    เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย

    💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ

    (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ)

    1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ

    ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี

    .

    2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป

    ..

    3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว

    ...

    4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก

    ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด

    ....

    5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

    .....

    6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน

    7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง

    พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้.

    แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง

    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #วิดีโอเกม
    #นิยายแปล
    #การสร้างเกม
    เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง โอ้..คุณพระ! #TomorrowandTomorrowandTomorrow นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม สนพ.แซลมอน แกเบรียล เซวิน เขียน สุวิชชา จันทร แปล พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566 หนา 400 หน้า 495 บาท หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้ 💻 แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก 💻 เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป 💻 เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย 💻 ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย 💻 แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ 💻 เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย 💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ) 1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี . 2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป .. 3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว ... 4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด .... 5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ..... 6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน 7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้. แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #วิดีโอเกม #นิยายแปล #การสร้างเกม
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้อภัยว่ายาก เเต่ลืมยากกว่า : สนธิเล่าเรื่อง

    คุณชูวิทย์ ได้ฝากคำขอโทษผ่านคุณสันธนะมา คุณสนธิให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

    ฟังเต็มๆ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ&list=PLclDnVIZqIObN-mepecyEkNnVpHzLuqAI&ab_channel=sondhitalk
    ให้อภัยว่ายาก เเต่ลืมยากกว่า : สนธิเล่าเรื่อง คุณชูวิทย์ ได้ฝากคำขอโทษผ่านคุณสันธนะมา คุณสนธิให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ฟังเต็มๆ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ&list=PLclDnVIZqIObN-mepecyEkNnVpHzLuqAI&ab_channel=sondhitalk
    Like
    Love
    Yay
    59
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2547 มุมมอง 1772 0 รีวิว
  • สนธิชี้ทนายตั้มพลาดตรงไหน (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สนธิเล่าเรื่อง #สร้างภาพในการตำรวจ #แทรกแซงกระบวนการสอบสวน #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    สนธิชี้ทนายตั้มพลาดตรงไหน (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สนธิเล่าเรื่อง #สร้างภาพในการตำรวจ #แทรกแซงกระบวนการสอบสวน #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1411 มุมมอง 306 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67
    .
    คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทย
    สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67 . คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทย
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    47
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1931 มุมมอง 1 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67
    .
    วันนี้ (6 พ.ย.) คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อขึ้นศาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ
    สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67 . วันนี้ (6 พ.ย.) คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อขึ้นศาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ
    Like
    Haha
    Yay
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงหงาก็ไม่เบา หลายเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตคนชนบทอย่างดี.ปัจจุบันอุดมการณ์ผู้คนผันเปลี่ยน&จุดยืนก็ด้วย,ในสังคมปากกัดตีนถีบปัจจุบัน.
    ลุงหงาก็ไม่เบา หลายเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตคนชนบทอย่างดี.ปัจจุบันอุดมการณ์ผู้คนผันเปลี่ยน&จุดยืนก็ด้วย,ในสังคมปากกัดตีนถีบปัจจุบัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67
    .
    วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร"
    สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67 . วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร"
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    52
    1 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2225 มุมมอง 2 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67
    .
    เช้าวันจันทร์ (4 พ.ย.) วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร" หลังจาก "พี่อ้อย จตุพร" เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบมาราธอนถึง 3 วันแล้ว แต่ฝั่งทนายตั้มกลับเงียบหายไป แบบไม่มีใครหาตัวเจอ
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=HWJj2TqUXWA
    สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67 . เช้าวันจันทร์ (4 พ.ย.) วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร" หลังจาก "พี่อ้อย จตุพร" เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบมาราธอนถึง 3 วันแล้ว แต่ฝั่งทนายตั้มกลับเงียบหายไป แบบไม่มีใครหาตัวเจอ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=HWJj2TqUXWA
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเก่าเล่าเรื่องราว
    ภาพเก่าเล่าเรื่องราว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังคุณสนธิเล่าเรื่องคุณอ้อยแล้วอยากจะมอบรูปภาพดีๆที่ผมถ่ายไว้จากถิ่นกำเนิด และจากโคราชคือ อช.เขาใหญ่
    ให้ฟรีๆไปประดับโรงเรียนที่เขาช่วยเหลือจังเลย และยินดีจะสอนเด็กๆให้ถ่ายรูปโดยใข้กล้องกันด้วย จะได้มีภูมิเบื้องต้น
    ฟังคุณสนธิเล่าเรื่องคุณอ้อยแล้วอยากจะมอบรูปภาพดีๆที่ผมถ่ายไว้จากถิ่นกำเนิด และจากโคราชคือ อช.เขาใหญ่ ให้ฟรีๆไปประดับโรงเรียนที่เขาช่วยเหลือจังเลย และยินดีจะสอนเด็กๆให้ถ่ายรูปโดยใข้กล้องกันด้วย จะได้มีภูมิเบื้องต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31 ตุลาคม 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep266 (live) ประเด็นร้อน“เงินเสน่หาพ่นพิษ ทนายตั้มรับศึกรอบด้าน สนธิลั่นสุดซอย อนาคตทนายตั้มจะเป็นอย่างไร?”เรื่องนี้ผมเดินสุดซอย “ษิทรา” รอได้เลย!!

    https://www.youtube.com/live/DBoBXojXVAk?si=dGDRgxnkzNXiz4NH

    #Thaitimes
    31 ตุลาคม 2567-SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep266 (live) ประเด็นร้อน“เงินเสน่หาพ่นพิษ ทนายตั้มรับศึกรอบด้าน สนธิลั่นสุดซอย อนาคตทนายตั้มจะเป็นอย่างไร?”เรื่องนี้ผมเดินสุดซอย “ษิทรา” รอได้เลย!! https://www.youtube.com/live/DBoBXojXVAk?si=dGDRgxnkzNXiz4NH #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1133 มุมมอง 3 รีวิว
  • ทุกครั้งที่ผมจะเล่าเรื่องราวที่อิงประวัติศาสตร์ให้ฟัง ผมมต้องบอกแบบนี้นะครับว่าข้อมูลที่ได้มานั้นส่วนใหญ่ได้มาจากพงศวดาร และพงศวดารในที่ต่างๆนั้น ไม่ถือเป็นหลักฐานชั้นต้น แต่อ้างอิงได้ พงศวดารเนี่ยต้องบอกแบบนี้ครับว่าผู้เขียนไม่ได้เขียนขึ้นมาในช่วงเวลานั้นนะครับ หากแต่เขียนขึ้นหลังจากเหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้วช่วงระยะนึงแล้ว และพงศวดารยังสามารถเขียนและแก้ไข ซึ่งเราเรียกว่าการชำระใหม่ ขึ่นอยู่กับผู้ปกครอง ผู้มีบทบาทและอำนาจในการสั่งการ ว่าจะสั่งให้เขียนออกมาในรูปแบบใด จึงสรุปได้ว่า

    “พงศวดาร” คืองาน “วรรณกรรม” ขีดเส้นใต้เลยครับ พงศวดารคือวรรณกรรม ตามช่วงสมัย มีการเขียน มีการตรวจ การแก้ไขได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เราถือเป็น “หลักฐานชั้นรอง” ครับ

    ในส่วนการอ้างอิงที่เป็นเหตุเป็นผลและการให้น้ำหนักในเชิงประวัติศาสตร์นั้น การให้น้ำหนักตามข้อเท็จจริง จึงอิงไปที่หลักฐานชั้นต้น ที่สร้างขึ้น และ บันทึกในช่วงเวลานั้น ดังเช่น ศิลาจารึก จดหมายเหตุทับรายวัน จดหมายเหตุโหรณ์ เป็นต้น

    ดังเช่นการเล่าเรื่องของผมนี้ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ก็มาจากพงศวดารหลายเล่ม จึงเขียนให้เป็นบันทึก เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ ให้อ่านได้ง่าย และเข้าใจในแบบ ไม่ต้องตีความเยอะครับ #บันทึกโยเดีย
    ทุกครั้งที่ผมจะเล่าเรื่องราวที่อิงประวัติศาสตร์ให้ฟัง ผมมต้องบอกแบบนี้นะครับว่าข้อมูลที่ได้มานั้นส่วนใหญ่ได้มาจากพงศวดาร และพงศวดารในที่ต่างๆนั้น ไม่ถือเป็นหลักฐานชั้นต้น แต่อ้างอิงได้ พงศวดารเนี่ยต้องบอกแบบนี้ครับว่าผู้เขียนไม่ได้เขียนขึ้นมาในช่วงเวลานั้นนะครับ หากแต่เขียนขึ้นหลังจากเหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้วช่วงระยะนึงแล้ว และพงศวดารยังสามารถเขียนและแก้ไข ซึ่งเราเรียกว่าการชำระใหม่ ขึ่นอยู่กับผู้ปกครอง ผู้มีบทบาทและอำนาจในการสั่งการ ว่าจะสั่งให้เขียนออกมาในรูปแบบใด จึงสรุปได้ว่า “พงศวดาร” คืองาน “วรรณกรรม” ขีดเส้นใต้เลยครับ พงศวดารคือวรรณกรรม ตามช่วงสมัย มีการเขียน มีการตรวจ การแก้ไขได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เราถือเป็น “หลักฐานชั้นรอง” ครับ ในส่วนการอ้างอิงที่เป็นเหตุเป็นผลและการให้น้ำหนักในเชิงประวัติศาสตร์นั้น การให้น้ำหนักตามข้อเท็จจริง จึงอิงไปที่หลักฐานชั้นต้น ที่สร้างขึ้น และ บันทึกในช่วงเวลานั้น ดังเช่น ศิลาจารึก จดหมายเหตุทับรายวัน จดหมายเหตุโหรณ์ เป็นต้น ดังเช่นการเล่าเรื่องของผมนี้ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ก็มาจากพงศวดารหลายเล่ม จึงเขียนให้เป็นบันทึก เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ ให้อ่านได้ง่าย และเข้าใจในแบบ ไม่ต้องตีความเยอะครับ #บันทึกโยเดีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Oct. 30, 2024

    สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67
    https://www.youtube.com/live/4HEOL_HcTio?si=ZRlh4tSFkZQNcSq_

    นาทีที่ 29:29 คุณสนธิ พูดเรื่องการไปงานแต่ง และการไปงานศพ เหมือนที่พ่อเราสอนไว้เป๊ะเลย

    "งานแต่ง คนกำลังมีความสุข เราจะไปหรือไม่ เขาก็มีความสุข ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้
    แต่งานศพ...เราต้องไป...ไปเพื่อไปส่งคนที่จากไป และไปให้กำลังใจคนอยู่ และยิ่งต้องไป ถ้าเป็นบุคคลที่เรารัก เคารพ และผูกพัน หรือเป็นบุคคลที่สร้างเราให้เป็นเราทุกวันนี้"

    ฟังแล้วก็คิดถึงพ่อจับใจ คุณสนธิแม้เป็นรุ่นน้องพ่อเรา 19 ปี แต่ก็มีความคิด เรื่องเล่าขำๆ และคติสอนใจแบบคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา หลังจากฟังคลิปนี้ ตอนนี้นั่งรอชมวันที่คุณสนธิไปรายการคุณสุทธิชัยนะคะ ชอบทั้งคู่เลยค่ะ ❤
    Oct. 30, 2024 สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67 https://www.youtube.com/live/4HEOL_HcTio?si=ZRlh4tSFkZQNcSq_ นาทีที่ 29:29 คุณสนธิ พูดเรื่องการไปงานแต่ง และการไปงานศพ เหมือนที่พ่อเราสอนไว้เป๊ะเลย "งานแต่ง คนกำลังมีความสุข เราจะไปหรือไม่ เขาก็มีความสุข ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ แต่งานศพ...เราต้องไป...ไปเพื่อไปส่งคนที่จากไป และไปให้กำลังใจคนอยู่ และยิ่งต้องไป ถ้าเป็นบุคคลที่เรารัก เคารพ และผูกพัน หรือเป็นบุคคลที่สร้างเราให้เป็นเราทุกวันนี้" ฟังแล้วก็คิดถึงพ่อจับใจ คุณสนธิแม้เป็นรุ่นน้องพ่อเรา 19 ปี แต่ก็มีความคิด เรื่องเล่าขำๆ และคติสอนใจแบบคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา หลังจากฟังคลิปนี้ ตอนนี้นั่งรอชมวันที่คุณสนธิไปรายการคุณสุทธิชัยนะคะ ชอบทั้งคู่เลยค่ะ ❤
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 2 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67
    .
    วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นต้น
    .
    #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67 . วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นต้น . #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Sad
    91
    4 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 4041 มุมมอง 4 รีวิว
Pages Boosts