• โฆษก ทบ.แจง “ปราสาทคนา” อยู่ห่างขอบหน้าผาเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ทหารไทยไปตรวจสอบประจำไม่ให้กัมพูชาเข้ามาตั้งฐาน จนช่วงหลังเหตุปะทะ 28 พ.ค.68 ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าพื้นที่ ส่วนบันไดไม้กัมพูชาสร้างเพื่อส่งกำลังบำรุงขึ้นมายังฐานตรวจการณ์บนแนวหน้าผา และภายหลังใช้เพื่อท่องเที่ยวด้วย เผยฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีทีท่าจะขยับคืบเข้ามาควบคุมบริเวณพื้นที่ตัวปราสาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094980

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    โฆษก ทบ.แจง “ปราสาทคนา” อยู่ห่างขอบหน้าผาเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ทหารไทยไปตรวจสอบประจำไม่ให้กัมพูชาเข้ามาตั้งฐาน จนช่วงหลังเหตุปะทะ 28 พ.ค.68 ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าพื้นที่ ส่วนบันไดไม้กัมพูชาสร้างเพื่อส่งกำลังบำรุงขึ้นมายังฐานตรวจการณ์บนแนวหน้าผา และภายหลังใช้เพื่อท่องเที่ยวด้วย เผยฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีทีท่าจะขยับคืบเข้ามาควบคุมบริเวณพื้นที่ตัวปราสาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094980 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • กำแพงรั้วลวดหนามสำคัญมากกับการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยเราเพื่อตัดตอนเหตุร้า,ยทั้งหมดที่คนเขมรจะก่อขึ้นกับคนไทยเราหรือทางผ่านในการก่ออาชญากรรมทั้งหมดก็ด้วย,กับพวกนี้ คนเขมรนี้ ในหมู่เผ่าพันธุ์สันดานคนทรยศเนรคุณหักหลังไม่ซื่อสัตย์ของจริงคนเขมรพวกนี้ต้องถูกจัดการแบบนีันั้นถูกต้องแล้ว,เวียดนามสร้างรั้วลวดหนามกับมันคนเขมรถือว่าถูกต้องเช่นกัน.

    ทหารอย่าตีเนียนไม่พยายามสร้างรั้วลวดหนามกำแพงนี้ตลอดแนวเลย, ต้องชัดเจนเหมือนในอดีตในการจะสร้างกำแพงรั้วลวดหนามถาวรจริงตลอดแนวพรมแดน ไม่เว้นช่วงใดๆหรือเฉพาะจุด, ตลอดแนวพรมแดนต้องเห็นกำแพงรั้วลวดหนามกีดกั้นคนเขมรทุกๆตารางนิ้ว,มันสามารถป้องกันภัยต่างๆได้หมดเกือบทุกๆมิติที่ติดเขมรชาติคนเถื่อนนี้,รัฐบาลหรือทหารสร้างไม่ได้ก็ออกไปสะ,เรา..ประชาชนทั่วประเทศจะลงมือสร้างเอง,ทหารมีไว้ทำไมก็อาจจริงล่ะงานนี้,กลับลิ้นไปมาถือว่าใช้ไม่ได้ ตลอดรัฐบาลนี้ด้วย,หากทำไม่จบ,ก็ออกไปตั้งแต่เดือนนี้เสีย.,นี้คือความมั่นคงอธิปไตยด้านความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเบื้องต้นชัดเจน,จะหวาดกลัวว่าขนของหนีภาษีหรือค้าของเถื่อนในหมู่พวกคนชั่วไม่สามารถที่จะทำการขนของเถื่อนได้ใช่หรือไม่,เกรงใจมันเหรอ เว้นบางจุดให้พอทำมาหากินในหมู่คนชั่วบ้างเช่นนั้นเหรอ,ใครชั่วหนีเข้าออกไทย ไปเขมรก็จะพอรอดพ้นคดีนั้นเหรอ,ในจุดที่ไม่สร้างรั้วลวดหนามนั้น,ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด ต้องมีรั้วลวดหนามทั้งหมด,ใครจะมาใช้ช่องทางธรรมชาติแบบอดีตฝันไปเลย.,ทหารไทย กองทัพไทยอย่าทำลายความเชื่อใจในกองทหารไทย,เพราะก่อนหน้านี้เรา..คนไทยก็เห็นด้วยว่ามีทหารไว้ทำไม ที่หนองจานถูกยึดครองโดยเขมรตั้งแต่ อ.วีระถูกจับ,ตลอดพรมแดนเขมรกับไทย เขมรมันยึดครองด้วยหลายจุดแน่นอนมิใช่แค่11จุดในปัจจุบันที่แฉหรอกเพราะระยะทางมันกว่า800กม.นะ,11จุดแค่จุดเด่นดังเป็นข่าวแค่นั้น,
    ..ทหารไทยอย่าทรยศประชาชนในการสร้างรั้วลวดหนาม,เจตจำนงเดิม จุดยืนต้องชัดเจน ทหารการเมือง นายพลการเมืองสมควรถูกกำจัดออกจากกองทัพไทยได้แล้ว,แบบกะแต่จะเรียกร้องเปิดด่านนั้นล่ะ,การทุจริต คตโกงในกองทัพมันก็มากมายยิ่งในอดีต,แต่เรา..ประชาชนเพียงมองข้ามแค่นั้น, สุดๆอาจยุบกำลังพลทหารทิ้งเลยหากไม่เกิดเหตุบิ๊กกุ้งเอาสถานะศักดิ์ทหารไทยกลับคืนมา,แม่ทัพภาค1,มาด้อยค่าทหารเหยียบซ้ำอีกที่ละเว้นไม่ปฏิบัติการยึดคืนแบบแม่ทัพภาคที่2,บัดสบมาก,เรา..ประชาชนถ้าลงมติได้จะร่วมกันยุบกองทัพภาค1ทิ้งทั้งหมดเลย,ให้กองทัพภาคที่2เข้าควบคุมพื้นที่หน่วยทัพทั้งหมดนี้แท้,อุบาทก์สุดๆคือบ่อนคาสิโนจังหวัดตราด,อยู่บนดินแท้ๆกลับไม่มีตา ไม่รับรู้อะไรถูกอะไรผิด สั่งการในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดพื้นที่1:50,000 ตาม ร.9 เราที่ใช้อัตรานี้ร่วมกับทหารไทยเราทั่วประเทศ.
    ..รัฐบาลอนุทินหากปาหี่ก็สมควรไปก่อนสิ้นเดือนตุลา.นี้เถอะ,แผ่นดินไทยและอธิปไตยไทยตลอดความปลอดถัยของประชาชนไทยเราต้องมาก่อน.
    กำแพงรั้วลวดหนามสำคัญมากกับการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยเราเพื่อตัดตอนเหตุร้า,ยทั้งหมดที่คนเขมรจะก่อขึ้นกับคนไทยเราหรือทางผ่านในการก่ออาชญากรรมทั้งหมดก็ด้วย,กับพวกนี้ คนเขมรนี้ ในหมู่เผ่าพันธุ์สันดานคนทรยศเนรคุณหักหลังไม่ซื่อสัตย์ของจริงคนเขมรพวกนี้ต้องถูกจัดการแบบนีันั้นถูกต้องแล้ว,เวียดนามสร้างรั้วลวดหนามกับมันคนเขมรถือว่าถูกต้องเช่นกัน. ทหารอย่าตีเนียนไม่พยายามสร้างรั้วลวดหนามกำแพงนี้ตลอดแนวเลย, ต้องชัดเจนเหมือนในอดีตในการจะสร้างกำแพงรั้วลวดหนามถาวรจริงตลอดแนวพรมแดน ไม่เว้นช่วงใดๆหรือเฉพาะจุด, ตลอดแนวพรมแดนต้องเห็นกำแพงรั้วลวดหนามกีดกั้นคนเขมรทุกๆตารางนิ้ว,มันสามารถป้องกันภัยต่างๆได้หมดเกือบทุกๆมิติที่ติดเขมรชาติคนเถื่อนนี้,รัฐบาลหรือทหารสร้างไม่ได้ก็ออกไปสะ,เรา..ประชาชนทั่วประเทศจะลงมือสร้างเอง,ทหารมีไว้ทำไมก็อาจจริงล่ะงานนี้,กลับลิ้นไปมาถือว่าใช้ไม่ได้ ตลอดรัฐบาลนี้ด้วย,หากทำไม่จบ,ก็ออกไปตั้งแต่เดือนนี้เสีย.,นี้คือความมั่นคงอธิปไตยด้านความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเบื้องต้นชัดเจน,จะหวาดกลัวว่าขนของหนีภาษีหรือค้าของเถื่อนในหมู่พวกคนชั่วไม่สามารถที่จะทำการขนของเถื่อนได้ใช่หรือไม่,เกรงใจมันเหรอ เว้นบางจุดให้พอทำมาหากินในหมู่คนชั่วบ้างเช่นนั้นเหรอ,ใครชั่วหนีเข้าออกไทย ไปเขมรก็จะพอรอดพ้นคดีนั้นเหรอ,ในจุดที่ไม่สร้างรั้วลวดหนามนั้น,ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด ต้องมีรั้วลวดหนามทั้งหมด,ใครจะมาใช้ช่องทางธรรมชาติแบบอดีตฝันไปเลย.,ทหารไทย กองทัพไทยอย่าทำลายความเชื่อใจในกองทหารไทย,เพราะก่อนหน้านี้เรา..คนไทยก็เห็นด้วยว่ามีทหารไว้ทำไม ที่หนองจานถูกยึดครองโดยเขมรตั้งแต่ อ.วีระถูกจับ,ตลอดพรมแดนเขมรกับไทย เขมรมันยึดครองด้วยหลายจุดแน่นอนมิใช่แค่11จุดในปัจจุบันที่แฉหรอกเพราะระยะทางมันกว่า800กม.นะ,11จุดแค่จุดเด่นดังเป็นข่าวแค่นั้น, ..ทหารไทยอย่าทรยศประชาชนในการสร้างรั้วลวดหนาม,เจตจำนงเดิม จุดยืนต้องชัดเจน ทหารการเมือง นายพลการเมืองสมควรถูกกำจัดออกจากกองทัพไทยได้แล้ว,แบบกะแต่จะเรียกร้องเปิดด่านนั้นล่ะ,การทุจริต คตโกงในกองทัพมันก็มากมายยิ่งในอดีต,แต่เรา..ประชาชนเพียงมองข้ามแค่นั้น, สุดๆอาจยุบกำลังพลทหารทิ้งเลยหากไม่เกิดเหตุบิ๊กกุ้งเอาสถานะศักดิ์ทหารไทยกลับคืนมา,แม่ทัพภาค1,มาด้อยค่าทหารเหยียบซ้ำอีกที่ละเว้นไม่ปฏิบัติการยึดคืนแบบแม่ทัพภาคที่2,บัดสบมาก,เรา..ประชาชนถ้าลงมติได้จะร่วมกันยุบกองทัพภาค1ทิ้งทั้งหมดเลย,ให้กองทัพภาคที่2เข้าควบคุมพื้นที่หน่วยทัพทั้งหมดนี้แท้,อุบาทก์สุดๆคือบ่อนคาสิโนจังหวัดตราด,อยู่บนดินแท้ๆกลับไม่มีตา ไม่รับรู้อะไรถูกอะไรผิด สั่งการในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดพื้นที่1:50,000 ตาม ร.9 เราที่ใช้อัตรานี้ร่วมกับทหารไทยเราทั่วประเทศ. ..รัฐบาลอนุทินหากปาหี่ก็สมควรไปก่อนสิ้นเดือนตุลา.นี้เถอะ,แผ่นดินไทยและอธิปไตยไทยตลอดความปลอดถัยของประชาชนไทยเราต้องมาก่อน.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >>

    ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >> ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514
    เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >>

    ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >> ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //


    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >>

    ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >> ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >>

    ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >> ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • SCB EIC ประเมินสารพัดปัจจัยรุมเร้า ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 68 อาจโตได้เพียง 1.8% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง เสี่ยงโตเฉลี่ยไม่ถึง 1% รวมแรงกระตุ้นจาก‘คนละครึ่งพลัส’แล้ว ชงนโยบายเศรษฐกิจ 3 ด้าน ให้รัฐบาลใหม่ใช้เวลา 4+4 เดือน เร่งฟื้นความเชื่อมั่น อัดมาตรการกระตุ้น วางแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
    SCB EIC ประเมินสารพัดปัจจัยรุมเร้า ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 68 อาจโตได้เพียง 1.8% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง เสี่ยงโตเฉลี่ยไม่ถึง 1% รวมแรงกระตุ้นจาก‘คนละครึ่งพลัส’แล้ว ชงนโยบายเศรษฐกิจ 3 ด้าน ให้รัฐบาลใหม่ใช้เวลา 4+4 เดือน เร่งฟื้นความเชื่อมั่น อัดมาตรการกระตุ้น วางแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 0 Reviews
  • กุนเชียงหมูสูตรโบราณ! หอม หวาน มันนิด ๆ เคี้ยวนุ่ม ไม่แข็ง ไม่แห้ง
    ทอดแล้วหอมฟุ้งทั้งบ้าน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินสุดดด
    ทำจากหมูเน้น ๆ ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่สารกันบูด ปลอดภัยทุกคำ
    ใครได้ลองก็ติดใจ สั่งรอบหน้าทีไรต้องเพิ่มโล
    มีทั้งแบบแพ็กเล็ก–แพ็กใหญ่ ส่งไวทั่วไทย คลิกสั่งเลยจ้าาา

    สินค้าขายดีที่ร้านตลอดกาล ดูคอมเม้นต์ลูกค้าได้เลยค่ะ ลูกค้าสั่งไปทาน ติดใจทุกราย
    หากเจอคลิปนี้แล้วฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บ….ของใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพค่ะ

    กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ

    ⭕️

    กุนเชียงหมู ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/

    กุนเชียงหมู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/icytTqn

    กุนเชียงปลา ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/

    กุนเชียงปลา ใน Shopee
    https://th.shp.ee/UP94YQL

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง


    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    กุนเชียงหมูสูตรโบราณ! 🐷 หอม หวาน มันนิด ๆ เคี้ยวนุ่ม ไม่แข็ง ไม่แห้ง ทอดแล้วหอมฟุ้งทั้งบ้าน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินสุดดด 🍚🔥 ทำจากหมูเน้น ๆ ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่สารกันบูด ปลอดภัยทุกคำ ใครได้ลองก็ติดใจ สั่งรอบหน้าทีไรต้องเพิ่มโล 😋 มีทั้งแบบแพ็กเล็ก–แพ็กใหญ่ ส่งไวทั่วไทย คลิกสั่งเลยจ้าาา 📦💥 สินค้าขายดีที่ร้านตลอดกาล ดูคอมเม้นต์ลูกค้าได้เลยค่ะ ลูกค้าสั่งไปทาน ติดใจทุกราย 📦💥 หากเจอคลิปนี้แล้วฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บ….ของใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพค่ะ กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ 🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/ กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/icytTqn กุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/ กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/UP94YQL เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_ เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 0 Reviews
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568

    ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568 ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    Newsstory : สนธิฝากถึงบวรศักดิ์ กฎหมายกะล่อนใช้เก่ง กฎหมายเพื่อชาติเงียบกริบ

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #บวรศักดิ์
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 0 Reviews
  • เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว!

    เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น:

    เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน

    เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต

    สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ:
    สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต
    ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.)

    หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    ✨ เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว! เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น: เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต ⚙️ สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ: 📌สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต 📌ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.) 🔥 หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • นักการเมืองหลายคน ต้องการตำแหน่ง แต่ถ้าคุณไม่กล้าตัดสินใจ คุณก็คือจระเข้ ขวางคลอง ถ่วงเวลาเปล่าๆ กล้าๆ หน่อยครับ

    https://www.youtube.com/live/PHY35If5p5Q?si=gF0TXh6cFszuY_fi
    นักการเมืองหลายคน ต้องการตำแหน่ง แต่ถ้าคุณไม่กล้าตัดสินใจ คุณก็คือจระเข้ ขวางคลอง ถ่วงเวลาเปล่าๆ กล้าๆ หน่อยครับ https://www.youtube.com/live/PHY35If5p5Q?si=gF0TXh6cFszuY_fi
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน”

    ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่

    เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz

    ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000)

    แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS
    ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ
    GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม
    ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17%
    ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal
    TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก
    แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ
    การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป
    Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่
    Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก
    การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน

    https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    ⚙️ “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน” ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000) แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS ➡️ ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ ➡️ GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม ➡️ ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17% ➡️ ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal ➡️ TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก ➡️ แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ ➡️ การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป ➡️ Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่ ➡️ Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก ➡️ การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    WCCFTECH.COM
    User Upgrades GeForce RTX 5050 To RTX 5050 "Ti"; Breaks Multiple World Records
    A user modded his GeForce RTX 5050 by replacing its cooler and flashing its BIOS, closing the gap between RTX 5050 and RTX 5060.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ”

    หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025

    ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ

    Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

    AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป

    รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข
    ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน
    หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย
    มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ
    AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่
    การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล
    รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย
    ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่
    FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง
    ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    🌐 “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ” หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข ➡️ ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน ➡️ หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย ➡️ มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ ➡️ AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่ ➡️ การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล ➡️ รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย ➡️ ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ ➡️ FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง ➡️ ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face”

    ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน

    TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง

    สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง

    TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง
    ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา
    อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง
    ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน
    หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน
    เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล
    เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ
    TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI
    MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training
    การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง
    การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล
    การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน

    https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    📊 “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face” ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง ➡️ ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา ➡️ อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง ➡️ ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน ➡️ หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน ➡️ เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล ➡️ เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ ➡️ TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI ➡️ MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training ➡️ การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง ➡️ การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล ➡️ การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ร่วมทดสอบระบบระบายความร้อนแบบไมโครฟลูอิดิก — เตรียมรับยุค GPU 10kW ที่เปลี่ยนโฉมศูนย์ข้อมูล”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลระดับโลก ความร้อนจากชิปประสิทธิภาพสูงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ล่าสุด Microsoft ได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ Corintis เพื่อทดสอบระบบระบายความร้อนแบบ “ไมโครฟลูอิดิก” (microfluidic cooling) ที่สามารถจัดการกับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 10kW — มากกว่าระดับปัจจุบันถึงสิบเท่า

    GPU ที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล AI เช่น Nvidia H100 ปัจจุบันมีการใช้พลังงานประมาณ 700–800W และรุ่นใหม่อย่าง GB200 คาดว่าจะทะลุ 1kW ซึ่งทำให้การระบายความร้อนแบบเดิมเริ่มไม่เพียงพอ Corintis จึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ฝังระบบระบายความร้อนไว้ “ในตัวชิป” โดยใช้ช่องทางของเหลวขนาดเล็กที่ออกแบบเฉพาะให้ตรงกับโครงสร้างของแต่ละชิป

    Microsoft ยืนยันว่าได้ทดสอบระบบนี้บนเซิร์ฟเวอร์จริงที่รันบริการหลักแล้ว และพบว่า “ขอบเขตความร้อน” ที่ลดลงสามารถแปลเป็นประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและความสามารถในการโอเวอร์คล็อกที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิดทางให้สร้างชิปแบบ 3D ที่ซ้อนกันได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม

    Corintis ได้รับเงินลงทุนรอบ Series A จำนวน $24 ล้านจาก BlueYard Capital และนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Lip-Bu Tan (อดีต CEO ของ Cadence และกรรมการ Intel) และ Geoff Lyon (อดีตผู้ก่อตั้ง CoolIT) โดยตั้งเป้าผลิต cold plate แบบไมโครฟลูอิดิกได้มากกว่า 1 ล้านชุดต่อปีภายในปี 2026

    แม้เทคโนโลยีนี้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่การที่ Microsoft นำไปใช้จริงในเซิร์ฟเวอร์ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีการออกแบบศูนย์ข้อมูลในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อความต้องการพลังงานของ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ร่วมมือกับ Corintis ทดสอบระบบระบายความร้อนแบบไมโครฟลูอิดิกในเซิร์ฟเวอร์จริง
    ระบบนี้สามารถรองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 10kW
    GPU ปัจจุบัน เช่น Nvidia H100 ใช้พลังงานประมาณ 700–800W
    ระบบระบายความร้อนฝังในชิปช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ
    เปิดทางให้สร้างชิปแบบ 3D ที่ซ้อนกันได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม
    Corintis ได้รับเงินลงทุน $24 ล้านจากนักลงทุนรายใหญ่
    ตั้งเป้าผลิต cold plate แบบไมโครฟลูอิดิกได้มากกว่า 1 ล้านชุดต่อปีภายในปี 2026
    Microsoft ยืนยันว่าการลดความร้อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอเวอร์คล็อกได้มากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Microfluidic cooling คือการระบายความร้อนด้วยของเหลวผ่านช่องทางขนาดเล็กที่ออกแบบเฉพาะ
    การฝังระบบระบายความร้อนในชิปช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความเย็น
    ความร้อนที่ถูกระบายออกมาสามารถนำไปใช้ซ้ำ เช่น ระบบทำความร้อนในอาคาร
    การออกแบบชิปแบบ 3D ต้องการระบบระบายความร้อนที่ฝังในชั้นกลางของชิป
    ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะเติบโตเกิน $1 ล้านล้านภายในปี 2030

    https://www.techradar.com/pro/4kw-is-certainly-possible-but-it-can-go-much-higher-microsoft-backed-startup-could-dissipate-10kw-gpus-its-founder-confirms
    💧 “Microsoft ร่วมทดสอบระบบระบายความร้อนแบบไมโครฟลูอิดิก — เตรียมรับยุค GPU 10kW ที่เปลี่ยนโฉมศูนย์ข้อมูล” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลระดับโลก ความร้อนจากชิปประสิทธิภาพสูงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ล่าสุด Microsoft ได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ Corintis เพื่อทดสอบระบบระบายความร้อนแบบ “ไมโครฟลูอิดิก” (microfluidic cooling) ที่สามารถจัดการกับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 10kW — มากกว่าระดับปัจจุบันถึงสิบเท่า GPU ที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล AI เช่น Nvidia H100 ปัจจุบันมีการใช้พลังงานประมาณ 700–800W และรุ่นใหม่อย่าง GB200 คาดว่าจะทะลุ 1kW ซึ่งทำให้การระบายความร้อนแบบเดิมเริ่มไม่เพียงพอ Corintis จึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ฝังระบบระบายความร้อนไว้ “ในตัวชิป” โดยใช้ช่องทางของเหลวขนาดเล็กที่ออกแบบเฉพาะให้ตรงกับโครงสร้างของแต่ละชิป Microsoft ยืนยันว่าได้ทดสอบระบบนี้บนเซิร์ฟเวอร์จริงที่รันบริการหลักแล้ว และพบว่า “ขอบเขตความร้อน” ที่ลดลงสามารถแปลเป็นประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและความสามารถในการโอเวอร์คล็อกที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิดทางให้สร้างชิปแบบ 3D ที่ซ้อนกันได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม Corintis ได้รับเงินลงทุนรอบ Series A จำนวน $24 ล้านจาก BlueYard Capital และนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Lip-Bu Tan (อดีต CEO ของ Cadence และกรรมการ Intel) และ Geoff Lyon (อดีตผู้ก่อตั้ง CoolIT) โดยตั้งเป้าผลิต cold plate แบบไมโครฟลูอิดิกได้มากกว่า 1 ล้านชุดต่อปีภายในปี 2026 แม้เทคโนโลยีนี้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่การที่ Microsoft นำไปใช้จริงในเซิร์ฟเวอร์ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีการออกแบบศูนย์ข้อมูลในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อความต้องการพลังงานของ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ร่วมมือกับ Corintis ทดสอบระบบระบายความร้อนแบบไมโครฟลูอิดิกในเซิร์ฟเวอร์จริง ➡️ ระบบนี้สามารถรองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 10kW ➡️ GPU ปัจจุบัน เช่น Nvidia H100 ใช้พลังงานประมาณ 700–800W ➡️ ระบบระบายความร้อนฝังในชิปช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ เปิดทางให้สร้างชิปแบบ 3D ที่ซ้อนกันได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม ➡️ Corintis ได้รับเงินลงทุน $24 ล้านจากนักลงทุนรายใหญ่ ➡️ ตั้งเป้าผลิต cold plate แบบไมโครฟลูอิดิกได้มากกว่า 1 ล้านชุดต่อปีภายในปี 2026 ➡️ Microsoft ยืนยันว่าการลดความร้อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอเวอร์คล็อกได้มากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Microfluidic cooling คือการระบายความร้อนด้วยของเหลวผ่านช่องทางขนาดเล็กที่ออกแบบเฉพาะ ➡️ การฝังระบบระบายความร้อนในชิปช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความเย็น ➡️ ความร้อนที่ถูกระบายออกมาสามารถนำไปใช้ซ้ำ เช่น ระบบทำความร้อนในอาคาร ➡️ การออกแบบชิปแบบ 3D ต้องการระบบระบายความร้อนที่ฝังในชั้นกลางของชิป ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าจะเติบโตเกิน $1 ล้านล้านภายในปี 2030 https://www.techradar.com/pro/4kw-is-certainly-possible-but-it-can-go-much-higher-microsoft-backed-startup-could-dissipate-10kw-gpus-its-founder-confirms
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด”

    กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical

    แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค

    เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน

    DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย
    มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด
    Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง
    DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้
    DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
    ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ
    หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต
    CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์
    การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่
    J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025
    กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    🧨 “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด” กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย ➡️ มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด ➡️ Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง ➡️ DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้ ➡️ DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ➡️ ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ ➡️ หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต ➡️ CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์ ➡️ การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ➡️ J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025 ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว

    Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง

    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่

    ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์

    นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย
    สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่
    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521
    Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง
    ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert
    ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint
    ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft
    ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT
    Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ
    การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ
    Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย
    Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย
    การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    🛠️ “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่ ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย ➡️ สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่ ➡️ ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 ➡️ Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง ➡️ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert ➡️ ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint ➡️ ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft ➡️ ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT ➡️ Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ➡️ การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ ➡️ Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย ➡️ Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย ➡️ การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • “Gmail เปิดให้ส่งอีเมลแบบเข้ารหัสข้ามแพลตฟอร์ม — ปลอดภัยขึ้นโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนคีย์”

    Google ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Gmail ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมลแบบเข้ารหัสปลายทางถึงปลายทาง (End-to-End Encryption หรือ E2EE) ไปยังผู้รับที่อยู่นอกระบบ Gmail ได้แล้ว เช่น Outlook หรือ Yahoo โดยไม่ต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนใบรับรองดิจิทัลแบบ S/MIME ที่ยุ่งยาก

    ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิค Client-side Encryption (CSE) ซึ่งหมายถึงการเข้ารหัสเนื้อหาอีเมลตั้งแต่ในเบราว์เซอร์ของผู้ส่ง ก่อนจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ทำให้แม้แต่ Google เองก็ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ โดยผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์เข้ารหัสได้เองผ่านระบบจัดการคีย์ภายนอกหรือฮาร์ดแวร์สมาร์ตการ์ด

    สำหรับผู้รับที่ไม่ได้ใช้ Gmail จะได้รับลิงก์ให้เข้าใช้งานผ่านบัญชี Gmail แบบ guest เพื่อเปิดอ่านอีเมลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือแลกเปลี่ยนคีย์แบบเดิม

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus ที่มี Add-on “Assured Controls” เท่านั้น โดยเริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะครอบคลุมผู้ใช้ทั้งหมดภายในกลางเดือน

    Google ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดภาระของทีม IT และผู้ใช้ทั่วไปในการตั้งค่าระบบเข้ารหัสแบบเดิม พร้อมเพิ่มความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และอธิปไตยของข้อมูลให้กับองค์กร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gmail รองรับการส่งอีเมลแบบเข้ารหัสปลายทางถึงปลายทาง (E2EE) ไปยังผู้รับนอกระบบ Gmail
    ใช้ Client-side Encryption (CSE) ที่เข้ารหัสในเบราว์เซอร์ก่อนส่งข้อมูล
    ผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์เข้ารหัสได้เองผ่านระบบจัดการคีย์ภายนอกหรือสมาร์ตการ์ด
    ผู้รับนอก Gmail จะเปิดอ่านอีเมลผ่านบัญชี guest Gmail โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้เฉพาะลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus ที่มี Assured Controls
    เริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะครบภายในกลางเดือน
    Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยลดความซับซ้อนของระบบเข้ารหัสแบบเดิม
    ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และอธิปไตยของข้อมูลในองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    S/MIME เป็นระบบเข้ารหัสที่ต้องแลกเปลี่ยนใบรับรองดิจิทัลระหว่างผู้ส่งและผู้รับ
    Client-side Encryption ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาอีเมลได้
    การใช้ guest Gmail account ช่วยให้ผู้รับนอกระบบสามารถเปิดอ่านอีเมลได้ง่ายขึ้น
    Proton Mail ก็มีระบบ E2EE และลิงก์แบบรหัสผ่านสำหรับผู้รับภายนอก
    การเข้ารหัสแบบ CSE ยังสามารถใช้กับ Google Calendar และ Drive ในบางเวอร์ชัน

    https://www.techradar.com/pro/security/gmail-users-can-now-send-encrypted-emails-even-outside-of-their-organization
    📧 “Gmail เปิดให้ส่งอีเมลแบบเข้ารหัสข้ามแพลตฟอร์ม — ปลอดภัยขึ้นโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนคีย์” Google ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Gmail ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมลแบบเข้ารหัสปลายทางถึงปลายทาง (End-to-End Encryption หรือ E2EE) ไปยังผู้รับที่อยู่นอกระบบ Gmail ได้แล้ว เช่น Outlook หรือ Yahoo โดยไม่ต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนใบรับรองดิจิทัลแบบ S/MIME ที่ยุ่งยาก ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิค Client-side Encryption (CSE) ซึ่งหมายถึงการเข้ารหัสเนื้อหาอีเมลตั้งแต่ในเบราว์เซอร์ของผู้ส่ง ก่อนจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ทำให้แม้แต่ Google เองก็ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ โดยผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์เข้ารหัสได้เองผ่านระบบจัดการคีย์ภายนอกหรือฮาร์ดแวร์สมาร์ตการ์ด สำหรับผู้รับที่ไม่ได้ใช้ Gmail จะได้รับลิงก์ให้เข้าใช้งานผ่านบัญชี Gmail แบบ guest เพื่อเปิดอ่านอีเมลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือแลกเปลี่ยนคีย์แบบเดิม ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus ที่มี Add-on “Assured Controls” เท่านั้น โดยเริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะครอบคลุมผู้ใช้ทั้งหมดภายในกลางเดือน Google ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดภาระของทีม IT และผู้ใช้ทั่วไปในการตั้งค่าระบบเข้ารหัสแบบเดิม พร้อมเพิ่มความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และอธิปไตยของข้อมูลให้กับองค์กร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gmail รองรับการส่งอีเมลแบบเข้ารหัสปลายทางถึงปลายทาง (E2EE) ไปยังผู้รับนอกระบบ Gmail ➡️ ใช้ Client-side Encryption (CSE) ที่เข้ารหัสในเบราว์เซอร์ก่อนส่งข้อมูล ➡️ ผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์เข้ารหัสได้เองผ่านระบบจัดการคีย์ภายนอกหรือสมาร์ตการ์ด ➡️ ผู้รับนอก Gmail จะเปิดอ่านอีเมลผ่านบัญชี guest Gmail โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้เฉพาะลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus ที่มี Assured Controls ➡️ เริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะครบภายในกลางเดือน ➡️ Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยลดความซับซ้อนของระบบเข้ารหัสแบบเดิม ➡️ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และอธิปไตยของข้อมูลในองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ S/MIME เป็นระบบเข้ารหัสที่ต้องแลกเปลี่ยนใบรับรองดิจิทัลระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ➡️ Client-side Encryption ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาอีเมลได้ ➡️ การใช้ guest Gmail account ช่วยให้ผู้รับนอกระบบสามารถเปิดอ่านอีเมลได้ง่ายขึ้น ➡️ Proton Mail ก็มีระบบ E2EE และลิงก์แบบรหัสผ่านสำหรับผู้รับภายนอก ➡️ การเข้ารหัสแบบ CSE ยังสามารถใช้กับ Google Calendar และ Drive ในบางเวอร์ชัน https://www.techradar.com/pro/security/gmail-users-can-now-send-encrypted-emails-even-outside-of-their-organization
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’”

    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น

    แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก

    อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน

    คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People
    มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก
    แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา
    Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square
    คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม
    มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร
    แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้
    OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์
    Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน
    การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity
    การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    🗂️ “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’” Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ➡️ แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People ➡️ มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก ➡️ แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา ➡️ Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ➡️ มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร ➡️ แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้ ➡️ OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์ ➡️ Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน ➡️ การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity ➡️ การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft's new OneDrive app is leaked - will it be a useful addition to Windows 11, or just pointless bloat?
    The new OneDrive app looks slick, sure, but there are questions about the purpose of this potential addition to the OS
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว”

    นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์

    เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์

    DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent

    แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง
    DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว
    เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer
    Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์
    ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย
    โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม
    Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล
    Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
    คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ
    Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session
    Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์
    การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้
    Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    🕵️‍♂️ “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว” นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์ เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์ DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง ➡️ DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว ➡️ เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer ➡️ Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์ ➡️ ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย ➡️ โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม ➡️ Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล ➡️ Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ➡️ คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ ➡️ Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session ➡️ Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์ ➡️ การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ➡️ Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    WWW.TECHRADAR.COM
    Dangerous DNS malware infects over 30,000 websites - so be on your guard
    DetourDog is using compromised sites to deliver infostealers, experts warn
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • “DrayTek เตือนช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Vigor — เสี่ยงถูกแฮกผ่าน WebUI หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์”

    DrayTek ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายชื่อดังจากไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงในเราเตอร์รุ่น Vigor ซึ่งนิยมใช้ในธุรกิจขนาดเล็กและระดับ prosumer โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-10547 และเกิดจาก “ค่าตัวแปรที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าเริ่มต้น” ในเฟิร์มแวร์ DrayOS ที่ใช้ในอุปกรณ์เหล่านี้

    ช่องโหว่นี้สามารถถูกโจมตีได้ผ่าน WebUI (Web User Interface) โดยผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถส่งคำสั่ง HTTP หรือ HTTPS ที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อทำให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำ หรือแม้แต่การรันโค้ดจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ซึ่งอาจนำไปสู่การควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด

    แม้ DrayTek จะระบุว่าช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และมีการตั้งค่า ACL ที่ผิดพลาด แต่ก็เตือนว่าผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้เช่นกัน หาก WebUI ยังเปิดใช้งานอยู่

    นักวิจัย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ อธิบายว่าเป็นการใช้ค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าใน stack ซึ่งสามารถนำไปสู่การเรียกใช้ฟังก์ชัน free() บนหน่วยความจำที่ไม่ได้รับอนุญาต — เทคนิคที่เรียกว่า “arbitrary free” ซึ่งสามารถนำไปสู่การรันโค้ดแปลกปลอมได้

    DrayTek ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เปิดใช้งาน WebUI หรือ VPN จากภายนอก ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในขณะนี้ แต่ด้วยความนิยมของ Vigor ในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูงหากไม่รีบดำเนินการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-10547 เกิดจากค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าในเฟิร์มแวร์ DrayOS
    ส่งผลให้เกิด memory corruption, system crash และอาจนำไปสู่ remote code execution
    ช่องโหว่ถูกค้นพบโดย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision
    การโจมตีสามารถทำได้ผ่าน WebUI ด้วยคำสั่ง HTTP/HTTPS ที่ปรับแต่ง
    ส่งผลเฉพาะเมื่อเปิด WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และ ACL ตั้งค่าผิด
    ผู้โจมตีในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้ หาก WebUI ยังเปิดอยู่
    DrayTek ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที
    Vigor เป็นเราเตอร์ที่นิยมในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูง
    ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ควรดำเนินการเชิงป้องกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Remote Code Execution (RCE) เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุด เพราะเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล
    ACL (Access Control List) คือระบบควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งหากตั้งค่าผิดอาจเปิดช่องให้โจมตีได้
    WebUI เป็นอินเทอร์เฟซที่ใช้จัดการเราเตอร์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
    การโจมตีผ่าน WebUI มักใช้ในแคมเปญ botnet หรือการขโมยข้อมูล
    SMB มักไม่มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายบ่อย

    https://www.techradar.com/pro/security/draytek-warns-vigor-routers-may-have-serious-security-flaws-heres-what-we-know
    🔐 “DrayTek เตือนช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Vigor — เสี่ยงถูกแฮกผ่าน WebUI หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์” DrayTek ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายชื่อดังจากไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงในเราเตอร์รุ่น Vigor ซึ่งนิยมใช้ในธุรกิจขนาดเล็กและระดับ prosumer โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-10547 และเกิดจาก “ค่าตัวแปรที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าเริ่มต้น” ในเฟิร์มแวร์ DrayOS ที่ใช้ในอุปกรณ์เหล่านี้ ช่องโหว่นี้สามารถถูกโจมตีได้ผ่าน WebUI (Web User Interface) โดยผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถส่งคำสั่ง HTTP หรือ HTTPS ที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อทำให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำ หรือแม้แต่การรันโค้ดจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ซึ่งอาจนำไปสู่การควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด แม้ DrayTek จะระบุว่าช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และมีการตั้งค่า ACL ที่ผิดพลาด แต่ก็เตือนว่าผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้เช่นกัน หาก WebUI ยังเปิดใช้งานอยู่ นักวิจัย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ อธิบายว่าเป็นการใช้ค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าใน stack ซึ่งสามารถนำไปสู่การเรียกใช้ฟังก์ชัน free() บนหน่วยความจำที่ไม่ได้รับอนุญาต — เทคนิคที่เรียกว่า “arbitrary free” ซึ่งสามารถนำไปสู่การรันโค้ดแปลกปลอมได้ DrayTek ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เปิดใช้งาน WebUI หรือ VPN จากภายนอก ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในขณะนี้ แต่ด้วยความนิยมของ Vigor ในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูงหากไม่รีบดำเนินการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-10547 เกิดจากค่าตัวแปรที่ไม่ได้กำหนดค่าในเฟิร์มแวร์ DrayOS ➡️ ส่งผลให้เกิด memory corruption, system crash และอาจนำไปสู่ remote code execution ➡️ ช่องโหว่ถูกค้นพบโดย Pierre-Yves Maes จาก ChapsVision ➡️ การโจมตีสามารถทำได้ผ่าน WebUI ด้วยคำสั่ง HTTP/HTTPS ที่ปรับแต่ง ➡️ ส่งผลเฉพาะเมื่อเปิด WebUI หรือ SSL VPN จากภายนอก และ ACL ตั้งค่าผิด ➡️ ผู้โจมตีในเครือข่ายภายในก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ได้ หาก WebUI ยังเปิดอยู่ ➡️ DrayTek ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที ➡️ Vigor เป็นเราเตอร์ที่นิยมในกลุ่ม SMB และ prosumer ทำให้มีความเสี่ยงสูง ➡️ ยังไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่ควรดำเนินการเชิงป้องกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Remote Code Execution (RCE) เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุด เพราะเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ➡️ ACL (Access Control List) คือระบบควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งหากตั้งค่าผิดอาจเปิดช่องให้โจมตีได้ ➡️ WebUI เป็นอินเทอร์เฟซที่ใช้จัดการเราเตอร์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ➡️ การโจมตีผ่าน WebUI มักใช้ในแคมเปญ botnet หรือการขโมยข้อมูล ➡️ SMB มักไม่มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายบ่อย https://www.techradar.com/pro/security/draytek-warns-vigor-routers-may-have-serious-security-flaws-heres-what-we-know
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “Jules Tools: Google เปิดตัว CLI และ API สำหรับ AI Coding Agent — เชื่อมต่อเวิร์กโฟลว์นักพัฒนาแบบไร้รอยต่อ”

    หลังจากเปิดตัว “Jules” ไปเมื่อสองเดือนก่อน Google ก็เดินหน้าขยายความสามารถของ AI coding agent ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว “Jules Tools” ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือใหม่ที่ประกอบด้วย CLI (Command-Line Interface) และ API สาธารณะ เพื่อให้ Jules เข้าไปอยู่ในเวิร์กโฟลว์ของนักพัฒนาได้อย่างลื่นไหล

    Jules Tools ถูกออกแบบมาให้ “เบาและเร็ว” โดยสามารถเรียกใช้งาน Jules ได้จากเทอร์มินัลโดยตรง ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเว็บหรือ GitHub อีกต่อไป นักพัฒนาสามารถใช้คำสั่งเพื่อให้ Jules แก้บั๊ก, สร้างโค้ดใหม่, หรือปรับปรุงโมดูลต่าง ๆ ได้แบบ asynchronous — ทำงานเบื้องหลังโดยไม่รบกวนการเขียนโค้ดหลัก

    นอกจากนี้ Google ยังเปิด API ของ Jules ให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เฉพาะภายในบริษัทเท่านั้น นักพัฒนาสามารถนำ API ไปเชื่อมกับระบบ CI/CD, IDE หรือแม้แต่ Slack เพื่อให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมี pull request หรือการเปลี่ยนแปลงใน repository

    Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจบริบทของโปรเจกต์ได้ดีขึ้น และสามารถจดจำประวัติการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับคำแนะนำให้เหมาะสมมากขึ้น ทำให้ Jules กลายเป็นเหมือน “คู่หูโปรแกรมเมอร์” ที่รู้จักสไตล์การเขียนโค้ดของคุณ

    แม้จะมีคู่แข่งในตลาด AI coding agent มากมาย เช่น GitHub Copilot หรือ Claude Code แต่ Jules แตกต่างตรงที่เน้นการทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์ของทีมได้อย่างยืดหยุ่น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Google เปิดตัว Jules Tools ซึ่งประกอบด้วย CLI และ API สำหรับ AI coding agent Jules
    CLI ช่วยให้เรียกใช้งาน Jules จากเทอร์มินัลได้โดยตรงแบบ asynchronous
    API เปิดให้ใช้งานสาธารณะแล้ว สามารถเชื่อมกับ CI/CD, IDE, Slack ฯลฯ
    Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ที่เข้าใจบริบทโปรเจกต์และจดจำประวัติผู้ใช้
    นักพัฒนาสามารถใช้ Jules เพื่อแก้บั๊ก, สร้างโค้ด, ปรับปรุงโมดูล ได้แบบไม่ต้องออกจากเทอร์มินัล
    Jules Tools รองรับการติดตั้งผ่าน Python หรือ Node.js และใช้ GitHub token หรือ API key
    สามารถใช้ Jules เพื่อ enforce coding style และลดเวลาในการ review โค้ด
    Jules ทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก เหมาะกับงานที่มีขอบเขตชัดเจน
    Google มีแผนสร้าง plugin สำหรับ IDE เพิ่มเติมในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini 2.5 เป็นโมเดล AI ที่มีความสามารถด้าน memory และ context tracking สูง
    การทำงานแบบ asynchronous ช่วยลด context switching และเพิ่ม productivity
    การเชื่อมต่อกับ CI/CD pipeline ช่วยให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโค้ด
    การใช้ CLI ทำให้ไม่ต้องพึ่งพา IDE ใด IDE หนึ่ง — ใช้งานได้ทุกที่ที่มีเทอร์มินัล
    API ของ Jules สามารถใช้สร้างระบบ automation สำหรับทีม devops ได้

    https://www.techradar.com/pro/googles-ai-coding-agent-jules-is-getting-new-command-line-tools
    🧑‍💻 “Jules Tools: Google เปิดตัว CLI และ API สำหรับ AI Coding Agent — เชื่อมต่อเวิร์กโฟลว์นักพัฒนาแบบไร้รอยต่อ” หลังจากเปิดตัว “Jules” ไปเมื่อสองเดือนก่อน Google ก็เดินหน้าขยายความสามารถของ AI coding agent ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว “Jules Tools” ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือใหม่ที่ประกอบด้วย CLI (Command-Line Interface) และ API สาธารณะ เพื่อให้ Jules เข้าไปอยู่ในเวิร์กโฟลว์ของนักพัฒนาได้อย่างลื่นไหล Jules Tools ถูกออกแบบมาให้ “เบาและเร็ว” โดยสามารถเรียกใช้งาน Jules ได้จากเทอร์มินัลโดยตรง ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเว็บหรือ GitHub อีกต่อไป นักพัฒนาสามารถใช้คำสั่งเพื่อให้ Jules แก้บั๊ก, สร้างโค้ดใหม่, หรือปรับปรุงโมดูลต่าง ๆ ได้แบบ asynchronous — ทำงานเบื้องหลังโดยไม่รบกวนการเขียนโค้ดหลัก นอกจากนี้ Google ยังเปิด API ของ Jules ให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้เฉพาะภายในบริษัทเท่านั้น นักพัฒนาสามารถนำ API ไปเชื่อมกับระบบ CI/CD, IDE หรือแม้แต่ Slack เพื่อให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมี pull request หรือการเปลี่ยนแปลงใน repository Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจบริบทของโปรเจกต์ได้ดีขึ้น และสามารถจดจำประวัติการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับคำแนะนำให้เหมาะสมมากขึ้น ทำให้ Jules กลายเป็นเหมือน “คู่หูโปรแกรมเมอร์” ที่รู้จักสไตล์การเขียนโค้ดของคุณ แม้จะมีคู่แข่งในตลาด AI coding agent มากมาย เช่น GitHub Copilot หรือ Claude Code แต่ Jules แตกต่างตรงที่เน้นการทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์ของทีมได้อย่างยืดหยุ่น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Google เปิดตัว Jules Tools ซึ่งประกอบด้วย CLI และ API สำหรับ AI coding agent Jules ➡️ CLI ช่วยให้เรียกใช้งาน Jules จากเทอร์มินัลได้โดยตรงแบบ asynchronous ➡️ API เปิดให้ใช้งานสาธารณะแล้ว สามารถเชื่อมกับ CI/CD, IDE, Slack ฯลฯ ➡️ Jules ใช้โมเดล Gemini 2.5 ที่เข้าใจบริบทโปรเจกต์และจดจำประวัติผู้ใช้ ➡️ นักพัฒนาสามารถใช้ Jules เพื่อแก้บั๊ก, สร้างโค้ด, ปรับปรุงโมดูล ได้แบบไม่ต้องออกจากเทอร์มินัล ➡️ Jules Tools รองรับการติดตั้งผ่าน Python หรือ Node.js และใช้ GitHub token หรือ API key ➡️ สามารถใช้ Jules เพื่อ enforce coding style และลดเวลาในการ review โค้ด ➡️ Jules ทำงานแบบเบื้องหลัง ไม่ต้องโต้ตอบมาก เหมาะกับงานที่มีขอบเขตชัดเจน ➡️ Google มีแผนสร้าง plugin สำหรับ IDE เพิ่มเติมในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini 2.5 เป็นโมเดล AI ที่มีความสามารถด้าน memory และ context tracking สูง ➡️ การทำงานแบบ asynchronous ช่วยลด context switching และเพิ่ม productivity ➡️ การเชื่อมต่อกับ CI/CD pipeline ช่วยให้ Jules ทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโค้ด ➡️ การใช้ CLI ทำให้ไม่ต้องพึ่งพา IDE ใด IDE หนึ่ง — ใช้งานได้ทุกที่ที่มีเทอร์มินัล ➡️ API ของ Jules สามารถใช้สร้างระบบ automation สำหรับทีม devops ได้ https://www.techradar.com/pro/googles-ai-coding-agent-jules-is-getting-new-command-line-tools
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google's AI coding agent Jules is getting new command line tools
    Google says Jules Tools is a new “lightweight” CLI
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ”

    ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก

    เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์

    นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก

    อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน

    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน
    อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก
    เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน
    ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร
    ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน
    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้
    เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก
    การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน
    การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้
    บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    🚀 “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ” ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์ นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน ➡️ อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน ➡️ ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร ➡️ ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ➡️ เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก ➡️ การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน ➡️ การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้ ➡️ บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ➡️ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
More Results