• เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows

    AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ

    GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6

    รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน

    ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี
    โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง

    ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์

    วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro
    รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor

    รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow
    ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local

    เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI
    รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises

    https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU ✅ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6 ✅ รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน ✅ ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี ➡️ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง ✅ ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ ✅ วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro ➡️ รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor ✅ รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow ➡️ ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local ✅ เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI ➡️ รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon AI PRO R9700 GPU Arrives on July 23rd
    AMD confirmed today that its RDNA 4‑based Radeon AI PRO R9700 GPU will reach retail on Wednesday, July 23. Built on the Navi 48 die with a full 32 GB of GDDR6 memory and supporting PCIe 5.0, the R9700 is specifically tuned for lower‑precision calculations and demanding AI workloads. According to AMD...
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก DIY: กู้ชีพ Ryzen 7 5800X ที่ใกล้ตายด้วย underclock 300 MHz

    Tech Yes City ได้รับซีพียู Ryzen 7 5800X ที่มีปัญหาความไม่เสถียรจากผู้ขายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยซีพียูตัวนี้เคยใช้งานมาเพียง 12 เดือนก่อนจะเริ่มแครชอย่างหนัก เขาตกลงจ่าย $30 หากสามารถทำให้มันกลับมาใช้งานได้

    หลังจากทำความสะอาดและดัดขา CPU ที่งอ เขาเริ่มทดสอบด้วยการปล่อยให้ซีพียูอยู่ใน BIOS 30 นาที ซึ่งผ่านได้โดยไม่แครช แสดงว่าแกนประมวลผลยังไม่เสียหาย

    แต่เมื่อรัน stress test ด้วย OCCT เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เครื่องกลับแครชแบบ hard crash โดยไม่มี error หรือ BSOD ซึ่งบ่งชี้ว่าซีพียูมีปัญหาจากการเสื่อมสภาพ

    เขาแก้ปัญหาด้วยการเข้า BIOS และใช้ AMD PBO (Precision Boost Overdrive) ปรับลดความเร็วสัญญาณนาฬิกาลง 300 MHz หลังจากนั้นซีพียูสามารถผ่าน stress test ได้ และยังให้ประสิทธิภาพเกมที่ดี เช่น ใน Call of Duty: Black Ops 6 ได้เฟรมเรตเฉลี่ย 152 FPS ซึ่งสูงกว่า Ryzen 7 5700X ที่ได้ 147 FPS

    ซีพียูไม่ควรเสื่อมสภาพภายใน 12 เดือน
    อาจเกิดจากการใช้งานหนักหรือการตั้งค่า BIOS ที่ไม่เหมาะสม

    การ underclock เป็นเพียงวิธีแก้ชั่วคราว
    ไม่สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพเต็มรูปแบบของซีพียูได้

    การดัดขา CPU มีความเสี่ยงต่อความเสียหายถาวร
    ต้องทำด้วยความระมัดระวังและมีเครื่องมือที่เหมาะสม

    การซื้อซีพียูมือสองที่มีปัญหาอาจไม่คุ้มค่าเสมอไป
    หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/youtuber-resuscitates-unstable-ryzen-7-5800x-for-usd30-a-300-mhz-underclock-saved-the-day
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก DIY: กู้ชีพ Ryzen 7 5800X ที่ใกล้ตายด้วย underclock 300 MHz Tech Yes City ได้รับซีพียู Ryzen 7 5800X ที่มีปัญหาความไม่เสถียรจากผู้ขายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยซีพียูตัวนี้เคยใช้งานมาเพียง 12 เดือนก่อนจะเริ่มแครชอย่างหนัก เขาตกลงจ่าย $30 หากสามารถทำให้มันกลับมาใช้งานได้ หลังจากทำความสะอาดและดัดขา CPU ที่งอ เขาเริ่มทดสอบด้วยการปล่อยให้ซีพียูอยู่ใน BIOS 30 นาที ซึ่งผ่านได้โดยไม่แครช แสดงว่าแกนประมวลผลยังไม่เสียหาย แต่เมื่อรัน stress test ด้วย OCCT เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เครื่องกลับแครชแบบ hard crash โดยไม่มี error หรือ BSOD ซึ่งบ่งชี้ว่าซีพียูมีปัญหาจากการเสื่อมสภาพ เขาแก้ปัญหาด้วยการเข้า BIOS และใช้ AMD PBO (Precision Boost Overdrive) ปรับลดความเร็วสัญญาณนาฬิกาลง 300 MHz หลังจากนั้นซีพียูสามารถผ่าน stress test ได้ และยังให้ประสิทธิภาพเกมที่ดี เช่น ใน Call of Duty: Black Ops 6 ได้เฟรมเรตเฉลี่ย 152 FPS ซึ่งสูงกว่า Ryzen 7 5700X ที่ได้ 147 FPS ‼️ ซีพียูไม่ควรเสื่อมสภาพภายใน 12 เดือน ⛔ อาจเกิดจากการใช้งานหนักหรือการตั้งค่า BIOS ที่ไม่เหมาะสม ‼️ การ underclock เป็นเพียงวิธีแก้ชั่วคราว ⛔ ไม่สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพเต็มรูปแบบของซีพียูได้ ‼️ การดัดขา CPU มีความเสี่ยงต่อความเสียหายถาวร ⛔ ต้องทำด้วยความระมัดระวังและมีเครื่องมือที่เหมาะสม ‼️ การซื้อซีพียูมือสองที่มีปัญหาอาจไม่คุ้มค่าเสมอไป ⛔ หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/youtuber-resuscitates-unstable-ryzen-7-5800x-for-usd30-a-300-mhz-underclock-saved-the-day
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี

    Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens

    กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่
    เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

    ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP
    พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด

    มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens
    ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม

    ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
    เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise

    ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา
    ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์
    ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด

    ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ
    เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098
    พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood

    https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ✅ Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ ➡️ เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ✅ ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP ➡️ พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด ✅ มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens ➡️ ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม ✅ ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ➡️ เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise ✅ ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา ➡️ ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น ✅ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ ➡️ ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด ✅ ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ ➡️ เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง ✅ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 ➡️ พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony revives RX1R series with 61-megapixel compact camera, and it only took 10 years
    Sony says the combination of sensor and image processing engine delivers high resolution and sensitivity, with low noise and a wide dynamic range. An anti-reflection coating on...
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเบราว์เซอร์: Firefox ได้ WebGPU แล้ว—ดีกว่าไม่มาเลย

    ย้อนกลับไปปี 2023 Chrome เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการในเวอร์ชัน 113 ซึ่งเป็น API ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง GPU โดยตรงผ่านเบราว์เซอร์ เพื่อรันกราฟิกหนัก ๆ เช่น เกม 3D หรือแอปพลิเคชันจำลองภาพแบบซับซ้อน

    แต่ Firefox กลับไม่มีฟีเจอร์นี้ในช่องทางเสถียรเลย จนทำให้ผู้ใช้หลายคนลังเลที่จะเปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Firefox แม้จะชื่นชอบเรื่องความเป็นส่วนตัวและโอเพ่นซอร์ส

    ล่าสุด Mozilla ประกาศว่า Firefox 141 ซึ่งจะเปิดตัววันที่ 22 กรกฎาคม 2025 จะรองรับ WebGPU บน Windows แล้ว โดยใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อแปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ตามระบบปฏิบัติการ

    Firefox จะรองรับ WebGPU ในเวอร์ชัน 141 วันที่ 22 กรกฎาคม 2025
    เริ่มต้นบน Windows ก่อน ขยายไปยัง Mac, Linux และ Android ภายหลัง

    ใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วย Rust เป็นตัวกลาง
    แปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan

    WebGPU ช่วยให้เบราว์เซอร์เข้าถึง GPU โดยตรง
    เหมาะกับเกม 3D, แอปกราฟิกหนัก, และการประมวลผลแบบขนาน

    Mozilla ยอมรับว่ายังมีบั๊กด้าน inter-process communication
    จะถูกแก้ใน Firefox 142 พร้อมปรับปรุง latency และการ track งาน GPU

    ฟีเจอร์ importExternalTexture ยังไม่พร้อมใช้งาน
    ใช้สำหรับการจัดการเฟรมวิดีโอแบบ decoded โดยตรง

    https://www.neowin.net/news/better-late-than-never-firefox-is-finally-getting-a-feature-chrome-users-have-had-for-years/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเบราว์เซอร์: Firefox ได้ WebGPU แล้ว—ดีกว่าไม่มาเลย ย้อนกลับไปปี 2023 Chrome เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการในเวอร์ชัน 113 ซึ่งเป็น API ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง GPU โดยตรงผ่านเบราว์เซอร์ เพื่อรันกราฟิกหนัก ๆ เช่น เกม 3D หรือแอปพลิเคชันจำลองภาพแบบซับซ้อน แต่ Firefox กลับไม่มีฟีเจอร์นี้ในช่องทางเสถียรเลย จนทำให้ผู้ใช้หลายคนลังเลที่จะเปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Firefox แม้จะชื่นชอบเรื่องความเป็นส่วนตัวและโอเพ่นซอร์ส ล่าสุด Mozilla ประกาศว่า Firefox 141 ซึ่งจะเปิดตัววันที่ 22 กรกฎาคม 2025 จะรองรับ WebGPU บน Windows แล้ว โดยใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อแปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ตามระบบปฏิบัติการ ✅ Firefox จะรองรับ WebGPU ในเวอร์ชัน 141 วันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ➡️ เริ่มต้นบน Windows ก่อน ขยายไปยัง Mac, Linux และ Android ภายหลัง ✅ ใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วย Rust เป็นตัวกลาง ➡️ แปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ✅ WebGPU ช่วยให้เบราว์เซอร์เข้าถึง GPU โดยตรง ➡️ เหมาะกับเกม 3D, แอปกราฟิกหนัก, และการประมวลผลแบบขนาน ✅ Mozilla ยอมรับว่ายังมีบั๊กด้าน inter-process communication ➡️ จะถูกแก้ใน Firefox 142 พร้อมปรับปรุง latency และการ track งาน GPU ✅ ฟีเจอร์ importExternalTexture ยังไม่พร้อมใช้งาน ➡️ ใช้สำหรับการจัดการเฟรมวิดีโอแบบ decoded โดยตรง https://www.neowin.net/news/better-late-than-never-firefox-is-finally-getting-a-feature-chrome-users-have-had-for-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Better late than never: Firefox is finally getting a feature Chrome users have had for years
    Firefox has long lagged behind Chrome in adopting new web standards, but loyal users now have something to celebrate as the browser is finally getting a feature Chrome has offered for years.
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • ใครที่เคยเล่น Doom บน SNES มาก่อน จะรู้ดีว่ามันเหมือนพยายามยัดเกม 3D สุดโหดใส่เครื่องอายุ 10 ปีที่แทบจะไม่ไหว → เฟรมตก, ภาพเบลอ, และตัดเนื้อหาจนแทบเหลือแค่โครง

    แต่ปี 2025 นี้ — Limited Run Games ทำเกินคำว่า “รีเมก” → พวกเขาร่วมมือกับ Randal Linden (ผู้นำทีมพอร์ตเวอร์ชัน SNES เดิม) → สร้างตลับใหม่ที่มี co-processor Raspberry Pi RP2350B ความเร็ว 150 MHz ช่วยประมวลผล → เหมือนเพิ่มสมองให้ SNES — ฟีเจอร์อย่าง circle strafing, enemy respawning, 14 ด่านใหม่ และความลื่นไหลเกินคาดจึงเกิดขึ้นได้!

    แถมมี คอนโทรลเลอร์แบบมีระบบสั่น ให้เลือกซื้อเพิ่มด้วย → ใช้มอเตอร์สั่น 2 ตัวแบบตลับสาย → สะใจเหมือนมือระเบิดศพในยุค 90 จริง ๆ

    Limited Run Games เปิดพรีออร์เดอร์ Doom SNES รุ่นใหม่ วันที่ 11 ก.ค. 2025  
    • จำหน่ายเป็นตลับจริงบน Super Nintendo  
    • เลือกได้ทั้งรุ่น Standard และ Collector’s Edition

    ตัวเกมมีการปรับปรุงหลายจุด:  
    • เพิ่ม 14 ด่านใหม่  
    • รองรับ circle strafing และ enemy respawn  
    • เกมลื่นไหลกว่ารุ่นเดิมชัดเจน  
    • รองรับฟีเจอร์ rumble ผ่านคอนโทรลเลอร์สายรุ่นใหม่

    ใช้ co-processor Raspberry Pi RP2350B ความเร็ว 150 MHz  
    • ทำหน้าที่เหมือน SuperFX chip เพิ่มพลังให้ SNES  
    • ช่วยประมวลผลภาพและการเคลื่อนไหว

    ราคา:  
    • รุ่น Standard: $99.99 → มาพร้อมตลับสี gun-metal, กล่อง retro, คู่มือ, และโปสเตอร์  
    • รุ่น Collector’s Edition: $174.99 → ตลับลายเลือด+โลหะ, กล่อง premium, คู่มือ, โปสเตอร์ (มีเพียง 666 ชุด)  
    • Rumble Controller แยกขาย: $34.99

    พรีออร์เดอร์ปิดวันที่ 10 ส.ค. 2025

    https://www.techspot.com/news/108614-doom-returns-snes-physical-form-thanks-limited-run.html
    ใครที่เคยเล่น Doom บน SNES มาก่อน จะรู้ดีว่ามันเหมือนพยายามยัดเกม 3D สุดโหดใส่เครื่องอายุ 10 ปีที่แทบจะไม่ไหว → เฟรมตก, ภาพเบลอ, และตัดเนื้อหาจนแทบเหลือแค่โครง แต่ปี 2025 นี้ — Limited Run Games ทำเกินคำว่า “รีเมก” → พวกเขาร่วมมือกับ Randal Linden (ผู้นำทีมพอร์ตเวอร์ชัน SNES เดิม) → สร้างตลับใหม่ที่มี co-processor Raspberry Pi RP2350B ความเร็ว 150 MHz ช่วยประมวลผล → เหมือนเพิ่มสมองให้ SNES — ฟีเจอร์อย่าง circle strafing, enemy respawning, 14 ด่านใหม่ และความลื่นไหลเกินคาดจึงเกิดขึ้นได้! แถมมี คอนโทรลเลอร์แบบมีระบบสั่น ให้เลือกซื้อเพิ่มด้วย → ใช้มอเตอร์สั่น 2 ตัวแบบตลับสาย → สะใจเหมือนมือระเบิดศพในยุค 90 จริง ๆ ✅ Limited Run Games เปิดพรีออร์เดอร์ Doom SNES รุ่นใหม่ วันที่ 11 ก.ค. 2025   • จำหน่ายเป็นตลับจริงบน Super Nintendo   • เลือกได้ทั้งรุ่น Standard และ Collector’s Edition ✅ ตัวเกมมีการปรับปรุงหลายจุด:   • เพิ่ม 14 ด่านใหม่   • รองรับ circle strafing และ enemy respawn   • เกมลื่นไหลกว่ารุ่นเดิมชัดเจน   • รองรับฟีเจอร์ rumble ผ่านคอนโทรลเลอร์สายรุ่นใหม่ ✅ ใช้ co-processor Raspberry Pi RP2350B ความเร็ว 150 MHz   • ทำหน้าที่เหมือน SuperFX chip เพิ่มพลังให้ SNES   • ช่วยประมวลผลภาพและการเคลื่อนไหว ✅ ราคา:   • รุ่น Standard: $99.99 → มาพร้อมตลับสี gun-metal, กล่อง retro, คู่มือ, และโปสเตอร์   • รุ่น Collector’s Edition: $174.99 → ตลับลายเลือด+โลหะ, กล่อง premium, คู่มือ, โปสเตอร์ (มีเพียง 666 ชุด)   • Rumble Controller แยกขาย: $34.99 ✅ พรีออร์เดอร์ปิดวันที่ 10 ส.ค. 2025 https://www.techspot.com/news/108614-doom-returns-snes-physical-form-thanks-limited-run.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Doom returns to the SNES in physical form thanks to Limited Run Games
    Doom SNES 2025 was spearheaded by Randal Linden, who worked on the original port of the game that came out in 1995. As Time Extension explains, the...
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • หลายคนคงคุ้นกับคำว่า "FineWine" ที่ใช้เรียกฟีโนมีนาของ Radeon ที่ “ยิ่งนาน ยิ่งแรง” เพราะ AMD มักปล่อยอัปเดตไดรเวอร์ที่รีดสมรรถนะจากการ์ดเดิมออกมาได้เรื่อย ๆ

    รอบนี้ RX 9070 XT ที่เคยรีวิวไว้กับไดรเวอร์เก่ารุ่น 25.3.1 RC ถูกนำกลับมาทดสอบใหม่ ด้วยไดรเวอร์ล่าสุด Adrenalin 25.6.3 — ผลคือเฟรมเรตในเกมต่าง ๆ ขยับขึ้นแรงสุดถึง 27%!

    Spider-Man Remastered แรงขึ้น 27%
    Counter-Strike 2 แรงขึ้น 23%
    Hogwarts Legacy, Call of Duty: Black Ops 6, และ Delta Force ขยับขึ้นราว 10%+
    Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ขยับขึ้น 7%
    Starfield แม้จะน้อยที่สุด ก็ยังได้ 5% เพิ่มเติม

    ทั้งหมดนี้เกิดจากการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรของ GPU และลดภาระที่ CPU ต้องรับ — แม้จะไม่มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เลยก็ตาม!

    https://www.neowin.net/news/amd-finewine-magic-still-shines-bright-in-2025-as-test-shows-massive-performance-gains/
    หลายคนคงคุ้นกับคำว่า "FineWine" ที่ใช้เรียกฟีโนมีนาของ Radeon ที่ “ยิ่งนาน ยิ่งแรง” เพราะ AMD มักปล่อยอัปเดตไดรเวอร์ที่รีดสมรรถนะจากการ์ดเดิมออกมาได้เรื่อย ๆ รอบนี้ RX 9070 XT ที่เคยรีวิวไว้กับไดรเวอร์เก่ารุ่น 25.3.1 RC ถูกนำกลับมาทดสอบใหม่ ด้วยไดรเวอร์ล่าสุด Adrenalin 25.6.3 — ผลคือเฟรมเรตในเกมต่าง ๆ ขยับขึ้นแรงสุดถึง 27%! 🕷️ Spider-Man Remastered แรงขึ้น 27% 🔫 Counter-Strike 2 แรงขึ้น 23% 🪄 Hogwarts Legacy, Call of Duty: Black Ops 6, และ Delta Force ขยับขึ้นราว 10%+ 🌆 Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ขยับขึ้น 7% 🌌 Starfield แม้จะน้อยที่สุด ก็ยังได้ 5% เพิ่มเติม ทั้งหมดนี้เกิดจากการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรของ GPU และลดภาระที่ CPU ต้องรับ — แม้จะไม่มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เลยก็ตาม! https://www.neowin.net/news/amd-finewine-magic-still-shines-bright-in-2025-as-test-shows-massive-performance-gains/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD FineWine magic still shines bright in 2025 as test shows massive performance gains
    AMD's Fine Wine magic tech is still alive and kicking in 2025, as test data shows massive performance boosts in several scenarios.
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • แต่เดิม Windows คือราชาเรื่องเล่นเกมบนพีซี ส่วน SteamOS ที่ใช้ Linux เป็นฐานมักถูกมองว่า “เข้ากันกับเกมน้อย + ช้ากว่า” โดยเฉพาะในยุค Steam Machine ที่ล้มไม่เป็นท่า

    แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้วครับ — Ars Technica ทดลองเล่นเกม 5 เกมบน Legion Go S รุ่นที่มี SteamOS และ Windows ปรากฏว่า 4 ใน 5 เกมวิ่งลื่นกว่าอย่างชัดเจนบน SteamOS

    ยิ่งในเกม Returnal ที่ความละเอียด 1920×1200 บนกราฟิกระดับ High — SteamOS วิ่งได้เฉลี่ย 33 FPS แต่ Windows ทำได้แค่ 18 FPS เท่านั้นเอง ทั้งที่ใช้ไดรเวอร์ของ Lenovo เหมือนกัน

    ความลื่นนี้ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่เกิดจาก:
    - Proton: เทคโนโลยีที่ทำให้เกม Windows เล่นบน Linux ได้คล่องขึ้นเรื่อย ๆ
    - SteamOS ใช้ทรัพยากรคอมฯ น้อย: เพราะไม่มีระบบพื้นหลังยุ่งยากแบบ Windows

    แน่นอนว่า Windows ยังมีข้อดีคือรองรับเกมได้กว้างกว่ามาก แต่ถ้าคุณมีเครื่อง handheld อย่าง Legion Go S รุ่นที่ “เลือกลง SteamOS ได้เลย” — ก็คงน่าสนใจไม่น้อยครับ

    Ars Technica ทดสอบเกม 5 เกมบน Lenovo Legion Go S ทั้งบน Windows 11 และ SteamOS  
    • 4 ใน 5 เกม SteamOS ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า  
    • เกม Returnal ชัดเจนสุด: SteamOS ได้ 33 FPS, ส่วน Windows เหลือแค่ 18 FPS

    SteamOS ได้เปรียบเพราะใช้ Proton แปลโค้ดเกม Windows เป็น Linux อย่างมีประสิทธิภาพ  
    • Proton พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนรันเกม Windows ได้ดีขึ้นมาก

    SteamOS ไม่มีบรรดา background process ที่ Windows มักมี ทำให้ลื่นกว่าในเครื่องพกพา

    แม้ใช้ Windows ก็ยังพอแก้ได้โดย “ลงไดรเวอร์ของ Asus แทน Lenovo”  
    • ช่วยให้บางเกมเช่น Homeworld 3 ดีขึ้นจนไล่ทัน SteamOS  
    • แต่ SteamOS ยังคงชนะในภาพรวม

    Lenovo Legion Go S เป็นเครื่องพกพาที่ขายทั้งรุ่น Windows และ SteamOS  
    • รุ่น SteamOS ราคาถูกกว่า และพร้อมเล่นเกมได้เลย

    https://www.techspot.com/news/108468-new-benchmarks-show-steamos-outperforming-windows-11-lenovo.html
    แต่เดิม Windows คือราชาเรื่องเล่นเกมบนพีซี ส่วน SteamOS ที่ใช้ Linux เป็นฐานมักถูกมองว่า “เข้ากันกับเกมน้อย + ช้ากว่า” โดยเฉพาะในยุค Steam Machine ที่ล้มไม่เป็นท่า แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้วครับ — Ars Technica ทดลองเล่นเกม 5 เกมบน Legion Go S รุ่นที่มี SteamOS และ Windows ปรากฏว่า 4 ใน 5 เกมวิ่งลื่นกว่าอย่างชัดเจนบน SteamOS ยิ่งในเกม Returnal ที่ความละเอียด 1920×1200 บนกราฟิกระดับ High — SteamOS วิ่งได้เฉลี่ย 33 FPS แต่ Windows ทำได้แค่ 18 FPS เท่านั้นเอง ทั้งที่ใช้ไดรเวอร์ของ Lenovo เหมือนกัน ความลื่นนี้ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่เกิดจาก: - Proton: เทคโนโลยีที่ทำให้เกม Windows เล่นบน Linux ได้คล่องขึ้นเรื่อย ๆ - SteamOS ใช้ทรัพยากรคอมฯ น้อย: เพราะไม่มีระบบพื้นหลังยุ่งยากแบบ Windows แน่นอนว่า Windows ยังมีข้อดีคือรองรับเกมได้กว้างกว่ามาก แต่ถ้าคุณมีเครื่อง handheld อย่าง Legion Go S รุ่นที่ “เลือกลง SteamOS ได้เลย” — ก็คงน่าสนใจไม่น้อยครับ ✅ Ars Technica ทดสอบเกม 5 เกมบน Lenovo Legion Go S ทั้งบน Windows 11 และ SteamOS   • 4 ใน 5 เกม SteamOS ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า   • เกม Returnal ชัดเจนสุด: SteamOS ได้ 33 FPS, ส่วน Windows เหลือแค่ 18 FPS ✅ SteamOS ได้เปรียบเพราะใช้ Proton แปลโค้ดเกม Windows เป็น Linux อย่างมีประสิทธิภาพ   • Proton พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนรันเกม Windows ได้ดีขึ้นมาก ✅ SteamOS ไม่มีบรรดา background process ที่ Windows มักมี ทำให้ลื่นกว่าในเครื่องพกพา ✅ แม้ใช้ Windows ก็ยังพอแก้ได้โดย “ลงไดรเวอร์ของ Asus แทน Lenovo”   • ช่วยให้บางเกมเช่น Homeworld 3 ดีขึ้นจนไล่ทัน SteamOS   • แต่ SteamOS ยังคงชนะในภาพรวม ✅ Lenovo Legion Go S เป็นเครื่องพกพาที่ขายทั้งรุ่น Windows และ SteamOS   • รุ่น SteamOS ราคาถูกกว่า และพร้อมเล่นเกมได้เลย https://www.techspot.com/news/108468-new-benchmarks-show-steamos-outperforming-windows-11-lenovo.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New benchmarks show SteamOS outperforming Windows 11 on Lenovo's handheld PC
    A recent Ars Technica report tested five demanding PC games on Lenovo's Legion Go S handheld, running both Windows 11 and the latest SteamOS. In most cases,...
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ DLSS ว่าคือระบบ “ขยายภาพความละเอียดต่ำให้ดูเหมือน 4K” ได้แบบเนียน ๆ ด้วย AI — ที่ผ่านมา DLSS 2 กับ 3 ใช้ neural network แบบเก่า (convolutional) ซึ่งแม้จะดีมาก แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ภาพเบลอ, ghosting, หรือเส้นขอบภาพสั่น ๆ เวลาเคลื่อนไหว

    DLSS 4 แก้ปัญหานั้นด้วยการใช้ “Transformer” แบบเดียวกับที่ใช้ในโมเดลภาษาอย่าง GPT — ทำให้ AI เข้าใจภาพทั้งเฟรมแบบลึกขึ้น ผลลัพธ์คือ ภาพที่ขึ้นคมชัดกว่าเดิม แม้จะอัปจากเฟรมต่ำ ๆ เช่น 540p

    สิ่งสำคัญคือ DLSS 4 นี้ ไม่จำกัดเฉพาะ RTX 50 แต่ รองรับตั้งแต่ RTX 20 ขึ้นไปด้วย! แค่ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ frame generation ที่ผูกกับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้เท่านั้น

    DLSS 4 เวอร์ชันใหม่ที่ใช้ Transformer model ออกจากสถานะเบต้าแล้ว  
    • อยู่ในชุด SDK หลักของ Nvidia DLSS Super Resolution + Ray Reconstruction  
    • พร้อมให้ผู้พัฒนาเกมใช้ได้อย่างเป็นทางการ

    Transformer model เข้ามาแทน CNN ที่ใช้มาตั้งแต่ DLSS 2 (ปี 2020)  
    • ลดปัญหาภาพเบลอ, ghosting, เส้นขอบสั่น  
    • ทำให้การอัปภาพจากครึ่งความละเอียด (performance mode) ดูดีขึ้นชัดเจน

    ไม่ต้องมี RTX 50 ก็ใช้ได้ — รองรับตั้งแต่ RTX 20 Series ขึ้นไป  
    • ฟีเจอร์ frame generation (multi-frame) ยังคง exclusive สำหรับ RTX 50 เท่านั้น

    สามารถบังคับใช้ DLSS 4 Transformer กับเกมเก่าได้ผ่าน Nvidia App  
    • ไปที่ Graphics > DLSS Override > เลือก Latest  
    • หรือใช้แอป 3rd party เช่น DLSS Swapper, DLSS Updater

    Diablo IV เตรียมเป็นเกมใหญ่เกมถัดไปที่อัปเดต DLSS 4 อย่างเป็นทางการในซีซัน 9 (1 ก.ค.)  
    • เกมอื่นที่ใช้เบต้าอยู่แล้ว เช่น Doom: The Dark Ages, Dune: Awakening, Stellar Blade

    รีวิวชี้ว่า DLSS 4 Transformer คุณภาพดีกว่า FSR 4 (ของ AMD)  
    • โดยเฉพาะในโหมด 4K upscaling

    https://www.techspot.com/news/108452-nvidia-dlss-4-transformer-model-exits-beta-set.html
    หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ DLSS ว่าคือระบบ “ขยายภาพความละเอียดต่ำให้ดูเหมือน 4K” ได้แบบเนียน ๆ ด้วย AI — ที่ผ่านมา DLSS 2 กับ 3 ใช้ neural network แบบเก่า (convolutional) ซึ่งแม้จะดีมาก แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ภาพเบลอ, ghosting, หรือเส้นขอบภาพสั่น ๆ เวลาเคลื่อนไหว DLSS 4 แก้ปัญหานั้นด้วยการใช้ “Transformer” แบบเดียวกับที่ใช้ในโมเดลภาษาอย่าง GPT — ทำให้ AI เข้าใจภาพทั้งเฟรมแบบลึกขึ้น ผลลัพธ์คือ ภาพที่ขึ้นคมชัดกว่าเดิม แม้จะอัปจากเฟรมต่ำ ๆ เช่น 540p สิ่งสำคัญคือ DLSS 4 นี้ ไม่จำกัดเฉพาะ RTX 50 แต่ รองรับตั้งแต่ RTX 20 ขึ้นไปด้วย! แค่ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ frame generation ที่ผูกกับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้เท่านั้น ✅ DLSS 4 เวอร์ชันใหม่ที่ใช้ Transformer model ออกจากสถานะเบต้าแล้ว   • อยู่ในชุด SDK หลักของ Nvidia DLSS Super Resolution + Ray Reconstruction   • พร้อมให้ผู้พัฒนาเกมใช้ได้อย่างเป็นทางการ ✅ Transformer model เข้ามาแทน CNN ที่ใช้มาตั้งแต่ DLSS 2 (ปี 2020)   • ลดปัญหาภาพเบลอ, ghosting, เส้นขอบสั่น   • ทำให้การอัปภาพจากครึ่งความละเอียด (performance mode) ดูดีขึ้นชัดเจน ✅ ไม่ต้องมี RTX 50 ก็ใช้ได้ — รองรับตั้งแต่ RTX 20 Series ขึ้นไป   • ฟีเจอร์ frame generation (multi-frame) ยังคง exclusive สำหรับ RTX 50 เท่านั้น ✅ สามารถบังคับใช้ DLSS 4 Transformer กับเกมเก่าได้ผ่าน Nvidia App   • ไปที่ Graphics > DLSS Override > เลือก Latest   • หรือใช้แอป 3rd party เช่น DLSS Swapper, DLSS Updater ✅ Diablo IV เตรียมเป็นเกมใหญ่เกมถัดไปที่อัปเดต DLSS 4 อย่างเป็นทางการในซีซัน 9 (1 ก.ค.)   • เกมอื่นที่ใช้เบต้าอยู่แล้ว เช่น Doom: The Dark Ages, Dune: Awakening, Stellar Blade ✅ รีวิวชี้ว่า DLSS 4 Transformer คุณภาพดีกว่า FSR 4 (ของ AMD)   • โดยเฉพาะในโหมด 4K upscaling https://www.techspot.com/news/108452-nvidia-dlss-4-transformer-model-exits-beta-set.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia DLSS 4 transformer model exits beta, set to bring improved graphics to more games
    The latest version of Nvidia's DLSS Super Resolution and Ray Reconstruction SDK, released on Wednesday, brings the transformer model out of beta. Promoting the upscaling technology into...
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเป็นสาย dev ที่ทำงานอยู่ในเทอร์มินัลเป็นหลัก และเบื่อการสลับหน้าจอไปมาเพื่อถาม AI หรือขอคำแนะนำ — ข่าวนี้คือของขวัญครับ

    Gemini CLI คือเครื่องมือใหม่จาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรี โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัวก็สามารถเข้าถึง Gemini 2.5 Pro ได้ทันที พร้อม สิทธิ์ใช้งาน 60 ครั้งต่อนาที และสูงสุด 1,000 ครั้งต่อวัน แบบไม่เสียเงินเลย

    สิ่งที่เจ๋งคือ เราสามารถเรียก Gemini มาช่วยสรุปโค้ด, สร้างสคริปต์, วิเคราะห์ output, หรือแม้แต่ค้นข้อมูลจาก Google Search แบบเรียลไทม์ — ทั้งหมดทำผ่านเทอร์มินัลได้ทันที!

    ติดตั้งง่ายแค่มี Node.js 18 ขึ้นไป แล้วใช้ npx หรือ npm install -g ก็พร้อมใช้แล้วครับ

    Google เปิดตัว Gemini CLI สำหรับใช้งาน AI ผ่านเทอร์มินัลแบบตรง ๆ  
    • รองรับการทำงานร่วมกับ Gemini 2.5 Pro  
    • ให้ใช้ฟรี 1,000 คำสั่ง/วัน โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัว

    นักพัฒนาองค์กรสามารถใช้ API Key จาก Google AI Studio หรือ Vertex AI ได้ด้วย  
    • รองรับ billing แบบจ่ายตามการใช้งาน หรือใช้ผ่าน Gemini Code Assist (Standard / Enterprise)

    ความสามารถเด่นของ Gemini CLI:  
    • ค้นเว็บเรียลไทม์ผ่าน Google Search เพื่อเสริมคำตอบ  
    • รองรับการทำ automation แบบ non-interactive ผ่าน script  
    • ต่อขยายได้ผ่าน Model Context Protocol (MCP) และ Extension

    ติดตั้งง่ายด้วย Node.js:  
    • ใช้ npx https://github.com/google-gemini/gemini-cli หรือ npm install -g @google/gemini-cli

    ตัวโค้ดเป็นโอเพ่นซอร์ส บน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 License  
    • ใช้เฟรมเวิร์ก Yargs ในการพัฒนา  
    • ตรวจสอบพฤติกรรมได้ และร่วมพัฒนาต่อยอดได้ทันที

    ประสบการณ์เชื่อมโยงกับ Gemini Code Assist IDE plugin  
    • ทำให้ dev ใช้ Gemini ได้ทั้งบน VS Code และ CLI แบบ seamless

    https://www.neowin.net/news/google-releases-gemini-cli-bringing-gemini-to-the-terminal/
    ถ้าคุณเป็นสาย dev ที่ทำงานอยู่ในเทอร์มินัลเป็นหลัก และเบื่อการสลับหน้าจอไปมาเพื่อถาม AI หรือขอคำแนะนำ — ข่าวนี้คือของขวัญครับ Gemini CLI คือเครื่องมือใหม่จาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรี โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัวก็สามารถเข้าถึง Gemini 2.5 Pro ได้ทันที พร้อม สิทธิ์ใช้งาน 60 ครั้งต่อนาที และสูงสุด 1,000 ครั้งต่อวัน แบบไม่เสียเงินเลย สิ่งที่เจ๋งคือ เราสามารถเรียก Gemini มาช่วยสรุปโค้ด, สร้างสคริปต์, วิเคราะห์ output, หรือแม้แต่ค้นข้อมูลจาก Google Search แบบเรียลไทม์ — ทั้งหมดทำผ่านเทอร์มินัลได้ทันที! ติดตั้งง่ายแค่มี Node.js 18 ขึ้นไป แล้วใช้ npx หรือ npm install -g ก็พร้อมใช้แล้วครับ ✅ Google เปิดตัว Gemini CLI สำหรับใช้งาน AI ผ่านเทอร์มินัลแบบตรง ๆ   • รองรับการทำงานร่วมกับ Gemini 2.5 Pro   • ให้ใช้ฟรี 1,000 คำสั่ง/วัน โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัว ✅ นักพัฒนาองค์กรสามารถใช้ API Key จาก Google AI Studio หรือ Vertex AI ได้ด้วย   • รองรับ billing แบบจ่ายตามการใช้งาน หรือใช้ผ่าน Gemini Code Assist (Standard / Enterprise) ✅ ความสามารถเด่นของ Gemini CLI:   • ค้นเว็บเรียลไทม์ผ่าน Google Search เพื่อเสริมคำตอบ   • รองรับการทำ automation แบบ non-interactive ผ่าน script   • ต่อขยายได้ผ่าน Model Context Protocol (MCP) และ Extension ✅ ติดตั้งง่ายด้วย Node.js:   • ใช้ npx https://github.com/google-gemini/gemini-cli หรือ npm install -g @google/gemini-cli ✅ ตัวโค้ดเป็นโอเพ่นซอร์ส บน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 License   • ใช้เฟรมเวิร์ก Yargs ในการพัฒนา   • ตรวจสอบพฤติกรรมได้ และร่วมพัฒนาต่อยอดได้ทันที ✅ ประสบการณ์เชื่อมโยงกับ Gemini Code Assist IDE plugin   • ทำให้ dev ใช้ Gemini ได้ทั้งบน VS Code และ CLI แบบ seamless https://www.neowin.net/news/google-releases-gemini-cli-bringing-gemini-to-the-terminal/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google releases Gemini CLI, bringing Gemini to the terminal
    Google has finally launched Gemini CLI, its answer to tools like Codex CLI and Claude Code. It brings Gemini to the terminal and offers features like task automation for developers.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • ฟังดูเหมือน Sci-Fi เลยใช่ไหมครับ? X Display คือบริษัทจาก North Carolina ที่ทำเทคโนโลยี MicroLED แต่รอบนี้เขาเอา “แนวคิดจอแสดงผล” มาประยุกต์ใหม่ ไม่ได้ไว้โชว์ภาพให้คนดู แต่กลายเป็นช่องสื่อสารสำหรับ เครื่องคุยกับเครื่อง

    ระบบนี้ประกอบด้วย:
    - ตัวส่งข้อมูล: ใช้ emitters หลายพันตัว ส่งแสงหลายความยาวคลื่นพร้อมกัน → เขียนข้อมูลเป็น “เฟรมของแสง” ต่อเนื่อง
    - ตัวรับข้อมูล: กล้องความเร็วสูงพิเศษ (เหมือน “ตา” ของอีกเครื่อง) จับเฟรมแสง แล้วแปลงกลับเป็นดิจิทัลอีกที

    ผลลัพธ์คือการส่งข้อมูลแบบไร้สายในศูนย์ข้อมูลความเร็วสูง โดย ไม่ต้องใช้สาย fiber เลย และทาง X Display เคลมว่า "ประหยัดพลังงานกว่าทรานซีฟเวอร์ 800G แบบดั้งเดิม 2–3 เท่า"

    เทคโนโลยีนี้ไม่เหมาะกับเกมเมอร์หรืองานกราฟิกทั่วไป — แต่มาเพื่องานใหญ่อย่าง AI data center, supercomputer clusters, optical networking และ ระบบ LiFi (ส่งข้อมูลผ่านแสง)

    https://www.techspot.com/news/108424-x-display-made-ultra-fast-cable-free-display.html
    ฟังดูเหมือน Sci-Fi เลยใช่ไหมครับ? X Display คือบริษัทจาก North Carolina ที่ทำเทคโนโลยี MicroLED แต่รอบนี้เขาเอา “แนวคิดจอแสดงผล” มาประยุกต์ใหม่ ไม่ได้ไว้โชว์ภาพให้คนดู แต่กลายเป็นช่องสื่อสารสำหรับ เครื่องคุยกับเครื่อง ระบบนี้ประกอบด้วย: - ตัวส่งข้อมูล: ใช้ emitters หลายพันตัว ส่งแสงหลายความยาวคลื่นพร้อมกัน → เขียนข้อมูลเป็น “เฟรมของแสง” ต่อเนื่อง - ตัวรับข้อมูล: กล้องความเร็วสูงพิเศษ (เหมือน “ตา” ของอีกเครื่อง) จับเฟรมแสง แล้วแปลงกลับเป็นดิจิทัลอีกที ผลลัพธ์คือการส่งข้อมูลแบบไร้สายในศูนย์ข้อมูลความเร็วสูง โดย ไม่ต้องใช้สาย fiber เลย และทาง X Display เคลมว่า "ประหยัดพลังงานกว่าทรานซีฟเวอร์ 800G แบบดั้งเดิม 2–3 เท่า" เทคโนโลยีนี้ไม่เหมาะกับเกมเมอร์หรืองานกราฟิกทั่วไป — แต่มาเพื่องานใหญ่อย่าง AI data center, supercomputer clusters, optical networking และ ระบบ LiFi (ส่งข้อมูลผ่านแสง) https://www.techspot.com/news/108424-x-display-made-ultra-fast-cable-free-display.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    X Display unveils ultra-fast, cable-free display that turns data into light
    X Display is focused on developing and licensing new intellectual property related to MicroLED and other display technologies. The North Carolina-based developer recently unveiled a novel application...
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า GPU = เล่นเกม แต่ ASRock กำลังจะเปลี่ยนภาพนั้น ด้วยการเปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่เฟรมเรตสูง...แต่เน้น “ประสิทธิภาพเสถียรและหน่วยความจำเยอะ” สำหรับทำงาน AI inference, video rendering, CAD, หรือ data science โดยเฉพาะ

    ตัวการ์ดใช้ดีไซน์ blower แบบ 2 สล็อตระบายความร้อนได้ดีในเคสแคบ ๆ เหมาะมากสำหรับติดตั้งหลายใบในเครื่องเดียว โดยใช้ แรม GDDR6 ขนาด 32GB ความเร็ว 20 Gbps และ อินเทอร์เฟซความกว้าง 256 บิต ทำให้ได้แบนด์วิธสูงถึง 644.6 GB/s ซึ่งเพียงพอสำหรับโหลดโมเดลขนาดใหญ่

    ด้านกำลังไฟ การ์ดใช้หัวต่อ 12V-2x6 (แบบเดียวกับ RTX 40 ซีรีส์) ซึ่งรับไฟได้ถึง 300W และแนะนำให้ใช้ PSU อย่างน้อย 800W — ฟังดูแรง แต่ถือเป็นมาตรฐานของการ์ดระดับมืออาชีพในยุคนี้

    พอร์ตจอดูอาจจะเก่า (DisplayPort 1.2a) แต่ก็ยังแสดงผลระดับ 8K ได้ถึง 4 จอพร้อมกัน เรียกว่าเน้นงานมากกว่าความใหม่หรูของเกม

    ASRock เปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator สำหรับงาน AI / เวิร์กสเตชัน  
    • ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 4,096 SPs  
    • Clock สูงสุดที่ 2,920 MHz (boost), 2,350 MHz (base)

    แรม 32GB GDDR6 @ 20 Gbps พร้อม bus 256-bit  
    • แบนด์วิธรวม 644.6 GB/s

    ออกแบบแบบ blower 2 สล็อต เหมาะสำหรับ multi-GPU workstation  
    • มี vapor chamber + thermal pad ระดับสูง (Honeywell PTM7950)

    พอร์ตจอแบบ DisplayPort 1.2a รองรับ 8K ได้สูงสุด 4 จอ

    ใช้พลังงาน 300W ผ่านหัว 12V-2x6  
    • แนะนำ PSU อย่างน้อย 800W จากแบรนด์น่าเชื่อถือ

    มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2025  
    • ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asrock-preps-radeon-rx-ai-pro-r9700-creator-for-ai-and-workstation-users-blower-card-adopts-16-pin-connector-features-300w-tbp-rating
    คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า GPU = เล่นเกม แต่ ASRock กำลังจะเปลี่ยนภาพนั้น ด้วยการเปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่เฟรมเรตสูง...แต่เน้น “ประสิทธิภาพเสถียรและหน่วยความจำเยอะ” สำหรับทำงาน AI inference, video rendering, CAD, หรือ data science โดยเฉพาะ ตัวการ์ดใช้ดีไซน์ blower แบบ 2 สล็อตระบายความร้อนได้ดีในเคสแคบ ๆ เหมาะมากสำหรับติดตั้งหลายใบในเครื่องเดียว โดยใช้ แรม GDDR6 ขนาด 32GB ความเร็ว 20 Gbps และ อินเทอร์เฟซความกว้าง 256 บิต ทำให้ได้แบนด์วิธสูงถึง 644.6 GB/s ซึ่งเพียงพอสำหรับโหลดโมเดลขนาดใหญ่ ด้านกำลังไฟ การ์ดใช้หัวต่อ 12V-2x6 (แบบเดียวกับ RTX 40 ซีรีส์) ซึ่งรับไฟได้ถึง 300W และแนะนำให้ใช้ PSU อย่างน้อย 800W — ฟังดูแรง แต่ถือเป็นมาตรฐานของการ์ดระดับมืออาชีพในยุคนี้ พอร์ตจอดูอาจจะเก่า (DisplayPort 1.2a) แต่ก็ยังแสดงผลระดับ 8K ได้ถึง 4 จอพร้อมกัน เรียกว่าเน้นงานมากกว่าความใหม่หรูของเกม ✅ ASRock เปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator สำหรับงาน AI / เวิร์กสเตชัน   • ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 4,096 SPs   • Clock สูงสุดที่ 2,920 MHz (boost), 2,350 MHz (base) ✅ แรม 32GB GDDR6 @ 20 Gbps พร้อม bus 256-bit   • แบนด์วิธรวม 644.6 GB/s ✅ ออกแบบแบบ blower 2 สล็อต เหมาะสำหรับ multi-GPU workstation   • มี vapor chamber + thermal pad ระดับสูง (Honeywell PTM7950) ✅ พอร์ตจอแบบ DisplayPort 1.2a รองรับ 8K ได้สูงสุด 4 จอ ✅ ใช้พลังงาน 300W ผ่านหัว 12V-2x6   • แนะนำ PSU อย่างน้อย 800W จากแบรนด์น่าเชื่อถือ ✅ มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2025   • ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asrock-preps-radeon-rx-ai-pro-r9700-creator-for-ai-and-workstation-users-blower-card-adopts-16-pin-connector-features-300w-tbp-rating
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการว่าคุณส่องกล้องดูจักรวาล แล้วสามารถเห็น “แก๊สที่หลั่งออกมาจากหลุมดำ” หรือ “ซากดาวที่กำลังตาย” ได้แบบละเอียดยิบ — นั่นคือสิ่งที่ทีมจาก ESO ทำได้ในงานนี้!

    ดาราจักร Sculptor อยู่ห่างจากโลกประมาณ 11 ล้านปีแสง มีขนาด ความมวล และรูปทรงใกล้เคียงกับทางช้างเผือกของเรา การถ่ายภาพนี้ใช้เทคนิครวมภาพกว่า 100 เฟรม เพื่อสร้าง “แผนที่สามสี” จากแสงของ ไฮโดรเจน, ออกซิเจน และกำมะถัน ทำให้เห็นโครงสร้างภายในของดาราจักรได้ชัดเจนสุด ๆ

    ที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยพบ เนบิวลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebulae) มากถึง 500 แห่ง — ปกติเห็นแค่ 100 แห่งต่อดาราจักร นอกจากนี้ยังเห็นการพ่นก๊าซออกจากใจกลางของดาราจักร ซึ่งอาจมาจาก หลุมดำมวลยิ่งยวด ที่อยู่ตรงนั้น

    นักดาราศาสตร์จะใช้ข้อมูลนี้ในการศึกษาเรื่อง:
    - โครงสร้างของดาราจักรแบบละเอียด
    - การเคลื่อนที่ของแก๊สและการก่อตัวของดาว
    - การตรวจสอบระยะห่างของดาราจักรผ่านการกระจายตัวของเนบิวลา

    ทีมวิจัยจาก ESO ถ่ายภาพ Sculptor galaxy แบบละเอียดที่สุดเท่าที่เคยมี  
    • ใช้เวลาสะสมข้อมูลกว่า 50 ชั่วโมง  
    • รวมภาพมากกว่า 100 เฟรมจากกล้อง VLT

    Sculptor เป็นดาราจักรแบบเกลียวขนาดใหญ่ ใกล้โลกเพียง 11 ล้านปีแสง  
    • ขนาดราว 90,000 ปีแสง  • พื้นที่ที่ถูกวิเคราะห์คือราว 65,000 ปีแสง

    พบเนบิวลาดาวเคราะห์ถึง 500 แห่ง — มากผิดปกติ  
    • ใช้เป็นตัวชี้วัดระยะห่างของดาราจักรได้

    ภาพแสดงแถบแก๊สจากใจกลางดาราจักร พ่นออกมาจากหลุมดำขนาดยักษ์  
    • ใช้แสง false-color แสดงองค์ประกอบของธาตุ

    การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกการก่อตัวของดาวและองค์ประกอบของแก๊สในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    ดาราจักร Sculptor เป็นดาราจักรสว่างที่กล้องส่องทางไกลบนโลกมองเห็นได้ง่าย  
    • จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Andromeda สำหรับนักดูดาวสมัครเล่น

    https://www.techspot.com/news/108396-astronomers-capture-ultra-detailed-image-nearby-sculptor-galaxy.html
    ลองจินตนาการว่าคุณส่องกล้องดูจักรวาล แล้วสามารถเห็น “แก๊สที่หลั่งออกมาจากหลุมดำ” หรือ “ซากดาวที่กำลังตาย” ได้แบบละเอียดยิบ — นั่นคือสิ่งที่ทีมจาก ESO ทำได้ในงานนี้! ดาราจักร Sculptor อยู่ห่างจากโลกประมาณ 11 ล้านปีแสง มีขนาด ความมวล และรูปทรงใกล้เคียงกับทางช้างเผือกของเรา การถ่ายภาพนี้ใช้เทคนิครวมภาพกว่า 100 เฟรม เพื่อสร้าง “แผนที่สามสี” จากแสงของ ไฮโดรเจน, ออกซิเจน และกำมะถัน ทำให้เห็นโครงสร้างภายในของดาราจักรได้ชัดเจนสุด ๆ ที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยพบ เนบิวลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebulae) มากถึง 500 แห่ง — ปกติเห็นแค่ 100 แห่งต่อดาราจักร นอกจากนี้ยังเห็นการพ่นก๊าซออกจากใจกลางของดาราจักร ซึ่งอาจมาจาก หลุมดำมวลยิ่งยวด ที่อยู่ตรงนั้น นักดาราศาสตร์จะใช้ข้อมูลนี้ในการศึกษาเรื่อง: - โครงสร้างของดาราจักรแบบละเอียด - การเคลื่อนที่ของแก๊สและการก่อตัวของดาว - การตรวจสอบระยะห่างของดาราจักรผ่านการกระจายตัวของเนบิวลา ✅ ทีมวิจัยจาก ESO ถ่ายภาพ Sculptor galaxy แบบละเอียดที่สุดเท่าที่เคยมี   • ใช้เวลาสะสมข้อมูลกว่า 50 ชั่วโมง   • รวมภาพมากกว่า 100 เฟรมจากกล้อง VLT ✅ Sculptor เป็นดาราจักรแบบเกลียวขนาดใหญ่ ใกล้โลกเพียง 11 ล้านปีแสง   • ขนาดราว 90,000 ปีแสง  • พื้นที่ที่ถูกวิเคราะห์คือราว 65,000 ปีแสง ✅ พบเนบิวลาดาวเคราะห์ถึง 500 แห่ง — มากผิดปกติ   • ใช้เป็นตัวชี้วัดระยะห่างของดาราจักรได้ ✅ ภาพแสดงแถบแก๊สจากใจกลางดาราจักร พ่นออกมาจากหลุมดำขนาดยักษ์   • ใช้แสง false-color แสดงองค์ประกอบของธาตุ ✅ การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกการก่อตัวของดาวและองค์ประกอบของแก๊สในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ✅ ดาราจักร Sculptor เป็นดาราจักรสว่างที่กล้องส่องทางไกลบนโลกมองเห็นได้ง่าย   • จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Andromeda สำหรับนักดูดาวสมัครเล่น https://www.techspot.com/news/108396-astronomers-capture-ultra-detailed-image-nearby-sculptor-galaxy.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Astronomers capture ultra-detailed image of nearby Sculptor galaxy
    The Sculptor galaxy, also known as NGC 253, is similar in size, mass, and shape to our own spiral Milky Way. ESO researcher Enrico Congiu said the...
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • ว่างจัด
    นำเฟรมผ้าสำหรับวาดรูปสีน้ำมันฯมาแปลงเป็นกรอบรูป ติดเทปทำเป็นลวดลายกรอบ ภาพวิวนำมาจากโปสการ์ด และมินิหงส์ดำหนึ่งคู่
    ว่างจัด นำเฟรมผ้าสำหรับวาดรูปสีน้ำมันฯมาแปลงเป็นกรอบรูป ติดเทปทำเป็นลวดลายกรอบ ภาพวิวนำมาจากโปสการ์ด และมินิหงส์ดำหนึ่งคู่
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • คุณเคยเปิดเกมแล้วเจอฉากสวยๆ ที่ทำให้การ์ดจอคุณ “ทรุด” เพราะ VRAM เต็มไหมครับ? ข่าวดีคือ NTC หรือ Neural Texture Compression อาจเปลี่ยนเกมนี้ไปทั้งวงการ เพราะมันช่วยให้เรนเดอร์ texture ที่สมจริงได้โดยใช้หน่วยความจำกราฟิกน้อยลงมาก — ถึง 20 เท่าในบางกรณี!

    หลักการคือการใช้ AI neural network ที่ฝึกมาล่วงหน้าเพื่อบีบอัด (compress) และถอดรหัส (decompress) texture ใน real-time โดยคงรายละเอียดที่สายตามองเห็นว่า “คมเหมือนต้นฉบับ” แม้ข้อมูลต้นทางจะถูกลดทอนอย่างหนัก

    สื่อเทคโนโลยีชื่อ Compusemble ทำการทดสอบเทคโนโลยีนี้จาก Intel และ Nvidia แล้วพบผลลัพธ์น่าทึ่ง: จาก 272MB เหลือเพียง 11.37MB บน GPU และ ลดเวลาสร้างเฟรมจาก 5.77ms เหลือแค่ 0.11ms เมื่อใช้ Cooperative Vectors — ฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12 ที่ช่วยเร่งการทำงาน AI บน GPU โดยไม่ล็อกอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่ง

    แม้ตอนนี้ยังไม่มีเกมพาณิชย์ที่รองรับ NTC เต็มตัว แต่การทดสอบนี้อาจเร่งให้ Unreal Engine, Unity หรือผู้ผลิตเกมอื่นนำไปใช้จริงในอนาคตอันใกล้

    Neural Texture Compression (NTC) คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI ลดขนาด texture โดยแทบไม่ลดคุณภาพภาพ  
    • ใช้ neural network ที่ฝึกมาเฉพาะ  
    • บีบอัดและคืนค่าข้อมูล texture ระหว่างเรนเดอร์แบบ real-time

    NTC สามารถลดการใช้ VRAM ได้อย่างมหาศาล  
    • จากตัวอย่าง: 272MB → 11.37MB  
    • มีผลต่อความลื่นไหลในเกมระดับ 4K

    ต้องใช้พลังประมวลผลสูง จึงต้องอาศัยฟีเจอร์อย่าง Cooperative Vectors เพื่อให้รันได้เร็ว  
    • เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12  
    • ช่วยเร่งงาน matrix computation ข้าม GPU หลายค่าย (cross-vendor)

    ผลทดสอบจริงจาก Compusemble พบว่าการใช้ Cooperative Vectors ลดเวลาสร้างเฟรมได้สูงถึง 98%  
    • จาก 5.77ms เหลือ 0.11ms ใน demo จาก Intel  
    • จาก 1.44ms เหลือ 0.74ms ใน demo จาก Nvidia

    เปิดโอกาสให้ GPU ที่มี VRAM จำกัดรันเกมระดับสูงได้ดีขึ้นในอนาคต  
    • เหมาะกับทั้งเกมใหม่ และการอัปเดตเกมเก่าเพื่อประสิทธิภาพดีขึ้น

    เทคโนโลยี NTC ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเกมจริง  
    • ปัจจุบันยังอยู่ใน demo/research stage เท่านั้น  
    • ต้องรอดูว่า engine ใหญ่ ๆ จะนำไปใช้ไหม

    ต้องการการ์ดจอที่รองรับฟีเจอร์เฉพาะ (เช่น Cooperative Vectors)  
    • ยังไม่ชัดว่าการ์ดรุ่นใดบ้างจะรองรับในระยะยาว

    การแปลง texture แบบ neural อาจลดความเที่ยงตรงในบางประเภทภาพ  
    • โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่มีลวดลายซับซ้อน, เส้นคม, หรือเนื้อสัมผัสปลีกย่อย

    ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับ NTC ข้ามค่ายระหว่าง Intel–Nvidia–AMD  
    • นักพัฒนาอาจต้องเลือกใช้ฟีเจอร์แบบล็อก vendor หรือสร้างระบบของตนเอง

    https://www.techspot.com/news/108371-neural-texture-compression-can-do-wonders-vram-usage.html
    คุณเคยเปิดเกมแล้วเจอฉากสวยๆ ที่ทำให้การ์ดจอคุณ “ทรุด” เพราะ VRAM เต็มไหมครับ? ข่าวดีคือ NTC หรือ Neural Texture Compression อาจเปลี่ยนเกมนี้ไปทั้งวงการ เพราะมันช่วยให้เรนเดอร์ texture ที่สมจริงได้โดยใช้หน่วยความจำกราฟิกน้อยลงมาก — ถึง 20 เท่าในบางกรณี! หลักการคือการใช้ AI neural network ที่ฝึกมาล่วงหน้าเพื่อบีบอัด (compress) และถอดรหัส (decompress) texture ใน real-time โดยคงรายละเอียดที่สายตามองเห็นว่า “คมเหมือนต้นฉบับ” แม้ข้อมูลต้นทางจะถูกลดทอนอย่างหนัก สื่อเทคโนโลยีชื่อ Compusemble ทำการทดสอบเทคโนโลยีนี้จาก Intel และ Nvidia แล้วพบผลลัพธ์น่าทึ่ง: จาก 272MB เหลือเพียง 11.37MB บน GPU และ ลดเวลาสร้างเฟรมจาก 5.77ms เหลือแค่ 0.11ms เมื่อใช้ Cooperative Vectors — ฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12 ที่ช่วยเร่งการทำงาน AI บน GPU โดยไม่ล็อกอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่ง แม้ตอนนี้ยังไม่มีเกมพาณิชย์ที่รองรับ NTC เต็มตัว แต่การทดสอบนี้อาจเร่งให้ Unreal Engine, Unity หรือผู้ผลิตเกมอื่นนำไปใช้จริงในอนาคตอันใกล้ ✅ Neural Texture Compression (NTC) คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI ลดขนาด texture โดยแทบไม่ลดคุณภาพภาพ   • ใช้ neural network ที่ฝึกมาเฉพาะ   • บีบอัดและคืนค่าข้อมูล texture ระหว่างเรนเดอร์แบบ real-time ✅ NTC สามารถลดการใช้ VRAM ได้อย่างมหาศาล   • จากตัวอย่าง: 272MB → 11.37MB   • มีผลต่อความลื่นไหลในเกมระดับ 4K ✅ ต้องใช้พลังประมวลผลสูง จึงต้องอาศัยฟีเจอร์อย่าง Cooperative Vectors เพื่อให้รันได้เร็ว   • เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12   • ช่วยเร่งงาน matrix computation ข้าม GPU หลายค่าย (cross-vendor) ✅ ผลทดสอบจริงจาก Compusemble พบว่าการใช้ Cooperative Vectors ลดเวลาสร้างเฟรมได้สูงถึง 98%   • จาก 5.77ms เหลือ 0.11ms ใน demo จาก Intel   • จาก 1.44ms เหลือ 0.74ms ใน demo จาก Nvidia ✅ เปิดโอกาสให้ GPU ที่มี VRAM จำกัดรันเกมระดับสูงได้ดีขึ้นในอนาคต   • เหมาะกับทั้งเกมใหม่ และการอัปเดตเกมเก่าเพื่อประสิทธิภาพดีขึ้น ‼️ เทคโนโลยี NTC ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเกมจริง   • ปัจจุบันยังอยู่ใน demo/research stage เท่านั้น   • ต้องรอดูว่า engine ใหญ่ ๆ จะนำไปใช้ไหม ‼️ ต้องการการ์ดจอที่รองรับฟีเจอร์เฉพาะ (เช่น Cooperative Vectors)   • ยังไม่ชัดว่าการ์ดรุ่นใดบ้างจะรองรับในระยะยาว ‼️ การแปลง texture แบบ neural อาจลดความเที่ยงตรงในบางประเภทภาพ   • โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่มีลวดลายซับซ้อน, เส้นคม, หรือเนื้อสัมผัสปลีกย่อย ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับ NTC ข้ามค่ายระหว่าง Intel–Nvidia–AMD   • นักพัฒนาอาจต้องเลือกใช้ฟีเจอร์แบบล็อก vendor หรือสร้างระบบของตนเอง https://www.techspot.com/news/108371-neural-texture-compression-can-do-wonders-vram-usage.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Neural Texture Compression demo shows it can do wonders for VRAM usage
    Neural Texture Compression (NTC) is a new technique that improves texture quality while reducing VRAM usage. It relies on a specialized neural network trained to compress and...
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • FSR หรือ FidelityFX Super Resolution ของ AMD เป็นเทคโนโลยี upscaling แบบ AI ช่วยให้เกมรันที่เฟรมเรตสูงขึ้นบนความละเอียดสูง โดยยังรักษาคุณภาพภาพให้ดูชัดใกล้เคียง 4K แท้ ๆ ซึ่งคู่แข่งของมันคือ DLSS ของ NVIDIA ที่มี Tensor Core พิเศษอยู่บนการ์ด

    ปัญหาคือ… FSR 4 (รุ่นล่าสุด) ยังรองรับเฉพาะการ์ดจอ RX 9000 ซีรีส์ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ใช้ FP8 (floating point 8-bit) แต่ผู้ใช้งาน Reddit นามว่า Virtual-Cobbler-9930 พบว่า Mesa เวอร์ชันล่าสุดบน Linux สามารถ “จำลอง” ความสามารถ FP8 ด้วย FP16 แทน ทำให้ RX 7900 XTX (รุ่นปีที่แล้ว) สามารถใช้งาน FSR 4 ได้!

    เค้าใช้เครื่องมือชื่อ OptiScaler DLL injection ซึ่งแต่เดิมเคยใช้บังคับให้เกมรองรับ DLSS 2 หรือ XeSS ได้ แล้วใช้คำสั่งไม่กี่บรรทัดก็เปิดใช้งาน FSR 4 ในเกมต่าง ๆ ได้เลย

    ทดสอบแล้วพบว่าเกมอย่าง Cyberpunk 2077, Oblivion, และ Marvel Rivals รันได้จริง — โดยเฉพาะ Cyberpunk ได้ภาพที่คมกว่าตอนใช้ FSR 3.1 เยอะเลยครับ (ใบไม้ พุ่มไม้ ชัดขึ้น) แม้จะแลกกับ fps ที่ตกไป 33% จาก 85 เหลือ 56 — ซึ่งก็ยังเล่นได้ลื่นอยู่

    ผู้ใช้ Reddit ดัดแปลงให้ RX 7900 XTX ใช้งาน FSR 4 ได้ โดยไม่รองรับจาก AMD โดยตรง  
    • ใช้ Mesa ใหม่บน Linux ที่จำลอง FP8 ผ่าน FP16  
    • ใช้ OptiScaler DLL injection บังคับให้เกมรองรับ FSR 4

    ทดสอบแล้วทำงานได้จริงในเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077 และ Oblivion  
    • คุณภาพดีขึ้นกว่าตอนใช้ FSR 3.1  
    • ภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะ detail พุ่มไม้และใบไม้

    การลด fps มีอยู่แต่ยังอยู่ในระดับเล่นได้  
    • Cyberpunk: จาก 85 → 56 fps  
    • Oblivion: จาก 46 → 36 fps

    ผู้ใช้ทดสอบด้วย Ryzen 7 7700X (จำกัดไฟแค่ 65W), 128GB DDR5 บน Arch Linux  
    • แสดงว่าระบบไม่ต้องแรงแบบสุดทางก็เปิดใช้ได้

    คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม Mesa จะออกเวอร์ชันเสถียรที่รวม patch นี้อัตโนมัติ  
    • เว้นแต่ว่า AMD จะขอให้ปิดฟีเจอร์นี้ออกจากโค้ด

    FSR 4 ที่ดัดแปลงใช้งานนี้ “ไม่ได้รับการรับรอง” จาก AMD  
    • อาจมีบั๊ก ความไม่เข้ากัน หรือประสิทธิภาพไม่เสถียร

    การฉีด DLL (DLL injection) อาจถูกแอนตี้ไวรัสหรือระบบความปลอดภัยมองว่าเป็นภัย  
    • ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับเกมที่มีระบบต่อต้านโกง

    คุณภาพที่ได้สูงขึ้น แต่ถ้ารันความละเอียดต่ำกว่า 4K เช่น 1080p จะไม่มีประโยชน์ชัดเจน  
    • เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมระดับ 4K เท่านั้น

    อาจส่งผลกระทบต่อท่าทีของ AMD ต่อชุมชนนักพัฒนา  
    • หาก AMD เห็นว่าการดัดแปลงนี้ขัดกับแนวทางบริษัท อาจสั่งถอนฟีเจอร์ออกจาก Mesa

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/enthusiast-hacks-fsr-4-onto-rx-7000-series-gpu-without-official-amd-support-returns-better-quality-but-slightly-lower-fps-than-fsr-3-1
    FSR หรือ FidelityFX Super Resolution ของ AMD เป็นเทคโนโลยี upscaling แบบ AI ช่วยให้เกมรันที่เฟรมเรตสูงขึ้นบนความละเอียดสูง โดยยังรักษาคุณภาพภาพให้ดูชัดใกล้เคียง 4K แท้ ๆ ซึ่งคู่แข่งของมันคือ DLSS ของ NVIDIA ที่มี Tensor Core พิเศษอยู่บนการ์ด ปัญหาคือ… FSR 4 (รุ่นล่าสุด) ยังรองรับเฉพาะการ์ดจอ RX 9000 ซีรีส์ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ใช้ FP8 (floating point 8-bit) แต่ผู้ใช้งาน Reddit นามว่า Virtual-Cobbler-9930 พบว่า Mesa เวอร์ชันล่าสุดบน Linux สามารถ “จำลอง” ความสามารถ FP8 ด้วย FP16 แทน ทำให้ RX 7900 XTX (รุ่นปีที่แล้ว) สามารถใช้งาน FSR 4 ได้! เค้าใช้เครื่องมือชื่อ OptiScaler DLL injection ซึ่งแต่เดิมเคยใช้บังคับให้เกมรองรับ DLSS 2 หรือ XeSS ได้ แล้วใช้คำสั่งไม่กี่บรรทัดก็เปิดใช้งาน FSR 4 ในเกมต่าง ๆ ได้เลย ทดสอบแล้วพบว่าเกมอย่าง Cyberpunk 2077, Oblivion, และ Marvel Rivals รันได้จริง — โดยเฉพาะ Cyberpunk ได้ภาพที่คมกว่าตอนใช้ FSR 3.1 เยอะเลยครับ (ใบไม้ พุ่มไม้ ชัดขึ้น) แม้จะแลกกับ fps ที่ตกไป 33% จาก 85 เหลือ 56 — ซึ่งก็ยังเล่นได้ลื่นอยู่ ✅ ผู้ใช้ Reddit ดัดแปลงให้ RX 7900 XTX ใช้งาน FSR 4 ได้ โดยไม่รองรับจาก AMD โดยตรง   • ใช้ Mesa ใหม่บน Linux ที่จำลอง FP8 ผ่าน FP16   • ใช้ OptiScaler DLL injection บังคับให้เกมรองรับ FSR 4 ✅ ทดสอบแล้วทำงานได้จริงในเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077 และ Oblivion   • คุณภาพดีขึ้นกว่าตอนใช้ FSR 3.1   • ภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะ detail พุ่มไม้และใบไม้ ✅ การลด fps มีอยู่แต่ยังอยู่ในระดับเล่นได้   • Cyberpunk: จาก 85 → 56 fps   • Oblivion: จาก 46 → 36 fps ✅ ผู้ใช้ทดสอบด้วย Ryzen 7 7700X (จำกัดไฟแค่ 65W), 128GB DDR5 บน Arch Linux   • แสดงว่าระบบไม่ต้องแรงแบบสุดทางก็เปิดใช้ได้ ✅ คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม Mesa จะออกเวอร์ชันเสถียรที่รวม patch นี้อัตโนมัติ   • เว้นแต่ว่า AMD จะขอให้ปิดฟีเจอร์นี้ออกจากโค้ด ‼️ FSR 4 ที่ดัดแปลงใช้งานนี้ “ไม่ได้รับการรับรอง” จาก AMD   • อาจมีบั๊ก ความไม่เข้ากัน หรือประสิทธิภาพไม่เสถียร ‼️ การฉีด DLL (DLL injection) อาจถูกแอนตี้ไวรัสหรือระบบความปลอดภัยมองว่าเป็นภัย   • ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับเกมที่มีระบบต่อต้านโกง ‼️ คุณภาพที่ได้สูงขึ้น แต่ถ้ารันความละเอียดต่ำกว่า 4K เช่น 1080p จะไม่มีประโยชน์ชัดเจน   • เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมระดับ 4K เท่านั้น ‼️ อาจส่งผลกระทบต่อท่าทีของ AMD ต่อชุมชนนักพัฒนา   • หาก AMD เห็นว่าการดัดแปลงนี้ขัดกับแนวทางบริษัท อาจสั่งถอนฟีเจอร์ออกจาก Mesa https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/enthusiast-hacks-fsr-4-onto-rx-7000-series-gpu-without-official-amd-support-returns-better-quality-but-slightly-lower-fps-than-fsr-3-1
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake-S รุ่นถัดไปของซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปใน ครึ่งหลังของปี 2026 ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ทั้งด้าน “สถาปัตยกรรม” และ “ขุมพลัง” ตัวท็อป Core Ultra 9 385K จะมีถึง 52 คอร์! โดยแบ่งเป็น 16 คอร์แรงจัด (P-core), 32 คอร์ประหยัด (E-core) และ 4 คอร์พลังต่ำพิเศษ (LPE-core) เรียกว่าเป็นการกระโดดจากรุ่นปัจจุบันที่มีสูงสุดแค่ 24 คอร์ แบบไม่เห็นฝุ่น

    แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบแยกแผ่น (tile-based)” ซึ่งแต่ละกลุ่มคอร์จะถูกวางอยู่บนไดแยกกัน คล้ายกับแนวคิดของชิป Apple M-Series หรือ AMD 3D V-Cache เพื่อให้บริหารพลังงานและประสิทธิภาพได้แบบละเอียดสุด ๆ

    Intel ยังใส่ใจสายกราฟิกด้วยการแยกส่วน iGPU ออกเป็นสองกลุ่มชัดเจน: Xe3 “Celestial” สำหรับเรนเดอร์ และ Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอ/จอภาพ — ลดภาระเครื่องและเพิ่มเฟรมเรตสำหรับทั้งงานสร้างสรรค์และเกม

    Nova Lake-S ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่หมด ตั้งแต่ LGA 1854 Socket, แรม DDR5 8000+ MT/s, ไปจนถึง 48 เลน PCIe และระบบ USB/SATA แบบขยายเต็มพิกัด

    Nova Lake-S จะเป็นซีรีส์เดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่เปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่  
    • เริ่มวางจำหน่ายครึ่งหลังปี 2026  
    • ใช้ดีไซน์แบบ tile-based คล้ายกับชิปยุคใหม่ เช่น Meteor Lake

    Core Ultra 9 385K: มีสูงสุดถึง 52 คอร์!  
    • แบ่งเป็น: 16 P-core + 32 E-core + 4 LPE-core  
    • เปรียบเทียบแล้วมากกว่ารุ่นก่อน (24 คอร์) เกินเท่าตัว

    ซีรีส์อื่นก็แรงไม่แพ้กัน  
    • Core Ultra 7: 42 คอร์  
    • Core Ultra 5: มีตั้งแต่ 18 ถึง 28 คอร์  
    • Core Ultra 3: รุ่นเล็กสุดยังมีถึง 16 คอร์ (พร้อม LPE-core)

    แรมและสถาปัตยกรรมใหม่  
    • รองรับ DDR5 สูงสุด 8000 MT/s และอาจไปถึง 10,000+ MT/s  
    • ใช้ Socket ใหม่ LGA 1854 และชิปเซต 900 ซีรีส์

    ระบบกราฟิกในตัวแบบไฮบริด แยกเรนเดอร์/วิดีโอ  
    • Xe3 “Celestial” สำหรับเกมและกราฟิก  
    • Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอและจอภาพ

    เป้าหมาย: สู้กับ AMD Zen 6 แบบจัง ๆ  
    • Intel มุ่งหวังทวงบัลลังก์ซีพียูเดสก์ท็อปคืนจากคู่แข่ง

    ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่เพื่อใช้ Nova Lake-S  
    • ใช้ LGA 1854 socket และชิปเซตรุ่นใหม่ทั้งหมด  
    • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดปัจจุบัน

    ยังไม่มีการทดสอบจริง — ตัวเลขทั้งหมดมาจาก “ข่าวหลุด”  
    • ต้องรอ benchmark และประสิทธิภาพจริงจากผู้ผลิตหรือผู้ใช้งาน

    จำนวนคอร์ที่มากขึ้นอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป  
    • ถ้าซอฟต์แวร์ไม่ปรับให้รองรับการทำงานแบบ multi-thread อาจไม่ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า

    TDP ระดับ 150W บ่งชี้ว่าอาจต้องระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น  
    • โดยเฉพาะรุ่น Core Ultra 9 / 7 ที่มีคอร์จำนวนมาก

    https://www.techspot.com/news/108337-intel-nova-lake-s-cpus-bring-massive-architectural.html
    Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake-S รุ่นถัดไปของซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปใน ครึ่งหลังของปี 2026 ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ทั้งด้าน “สถาปัตยกรรม” และ “ขุมพลัง” ตัวท็อป Core Ultra 9 385K จะมีถึง 52 คอร์! โดยแบ่งเป็น 16 คอร์แรงจัด (P-core), 32 คอร์ประหยัด (E-core) และ 4 คอร์พลังต่ำพิเศษ (LPE-core) เรียกว่าเป็นการกระโดดจากรุ่นปัจจุบันที่มีสูงสุดแค่ 24 คอร์ แบบไม่เห็นฝุ่น แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบแยกแผ่น (tile-based)” ซึ่งแต่ละกลุ่มคอร์จะถูกวางอยู่บนไดแยกกัน คล้ายกับแนวคิดของชิป Apple M-Series หรือ AMD 3D V-Cache เพื่อให้บริหารพลังงานและประสิทธิภาพได้แบบละเอียดสุด ๆ Intel ยังใส่ใจสายกราฟิกด้วยการแยกส่วน iGPU ออกเป็นสองกลุ่มชัดเจน: Xe3 “Celestial” สำหรับเรนเดอร์ และ Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอ/จอภาพ — ลดภาระเครื่องและเพิ่มเฟรมเรตสำหรับทั้งงานสร้างสรรค์และเกม Nova Lake-S ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่หมด ตั้งแต่ LGA 1854 Socket, แรม DDR5 8000+ MT/s, ไปจนถึง 48 เลน PCIe และระบบ USB/SATA แบบขยายเต็มพิกัด ✅ Nova Lake-S จะเป็นซีรีส์เดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่เปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่   • เริ่มวางจำหน่ายครึ่งหลังปี 2026   • ใช้ดีไซน์แบบ tile-based คล้ายกับชิปยุคใหม่ เช่น Meteor Lake ✅ Core Ultra 9 385K: มีสูงสุดถึง 52 คอร์!   • แบ่งเป็น: 16 P-core + 32 E-core + 4 LPE-core   • เปรียบเทียบแล้วมากกว่ารุ่นก่อน (24 คอร์) เกินเท่าตัว ✅ ซีรีส์อื่นก็แรงไม่แพ้กัน   • Core Ultra 7: 42 คอร์   • Core Ultra 5: มีตั้งแต่ 18 ถึง 28 คอร์   • Core Ultra 3: รุ่นเล็กสุดยังมีถึง 16 คอร์ (พร้อม LPE-core) ✅ แรมและสถาปัตยกรรมใหม่   • รองรับ DDR5 สูงสุด 8000 MT/s และอาจไปถึง 10,000+ MT/s   • ใช้ Socket ใหม่ LGA 1854 และชิปเซต 900 ซีรีส์ ✅ ระบบกราฟิกในตัวแบบไฮบริด แยกเรนเดอร์/วิดีโอ   • Xe3 “Celestial” สำหรับเกมและกราฟิก   • Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอและจอภาพ ✅ เป้าหมาย: สู้กับ AMD Zen 6 แบบจัง ๆ   • Intel มุ่งหวังทวงบัลลังก์ซีพียูเดสก์ท็อปคืนจากคู่แข่ง ‼️ ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่เพื่อใช้ Nova Lake-S   • ใช้ LGA 1854 socket และชิปเซตรุ่นใหม่ทั้งหมด   • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดปัจจุบัน ‼️ ยังไม่มีการทดสอบจริง — ตัวเลขทั้งหมดมาจาก “ข่าวหลุด”   • ต้องรอ benchmark และประสิทธิภาพจริงจากผู้ผลิตหรือผู้ใช้งาน ‼️ จำนวนคอร์ที่มากขึ้นอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป   • ถ้าซอฟต์แวร์ไม่ปรับให้รองรับการทำงานแบบ multi-thread อาจไม่ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า ‼️ TDP ระดับ 150W บ่งชี้ว่าอาจต้องระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น   • โดยเฉพาะรุ่น Core Ultra 9 / 7 ที่มีคอร์จำนวนมาก https://www.techspot.com/news/108337-intel-nova-lake-s-cpus-bring-massive-architectural.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel's Nova Lake-S CPUs to bring massive architectural overhaul, up to 52 cores
    The flagship Core Ultra 9 385K model could feature a staggering 52 cores, comprising 16 high-performance P-cores, 32 efficiency-focused E-cores, and four 4 low-power LPE-cores – making...
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • เวลาศึกษาวิธีการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องลังเลอะไร ไม่ต้องกังวลอะไรเยอะแยะ คนตื่นธรรม โจนจันได ดูให้เยอะๆ ทุกวันนี้ยังฟังคนตื่นธรรมอยู่เลย จิตใจของผมเริ่มกะเทาะออกมากระจ่างขึ้น และฟังควบคู่กับทานยาไปด้วย จัดสรรเวลาให้ Balance สำหรับผมและในแบของผม
    เรื่อง Youtube Premium อันนี้วางลงไปก่อน ไม่ได้ใช้พรีเมี่ยมนานแล้ว แต่พยายามอดทนกับโฆษณาที่ไม่ถูกกับจริตและโฉลกของผม ใครว่าผมไม่มีอะไรทำ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ ทั้งเสพเทรลเลอร์เกมส์และหนัง หาเวลามาทำโจทย์เพื่อประเทืองสมอง หาอะไรที่อยากดูก็ดู แต่พยายามดูจนจบ
    ตอนนี้อย่าคิดเรื่องจ่ายค่าพรีเมียมเดือนละ 179 บาท แต่คงต้องปรับจูนแนวความคิดและชุดความคิดส่วนตัวใหม่ ลำพังเงินกินข้าวแทบจะไม่มีเลย
    หลังจากที่ปล่อยวางเลิกคิดเรื่องฟรีแลนซ์ที่ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ เหมือนทำงานให้เขาฟรีๆ โดนโทรตามจิกถี่ทั้งวันทั้งคืน แถมรับงานหน้าเดิมๆแต่ไม่เปลี่ยนลูกค้าเพราะเกรงใจลูกค้าเดิมมากเกินไป เกือบจะเป็นทาส เป็นขี้ข้าให้เขา 1 ปีเต็มๆ แต่ก็ออกมาได้เพราะรู้สึกอึดอัด แก้ไปร้อยๆพันๆรอบแล้วจะโทรจิกบ่อยจนผมไม่มีสมาธิที่มั่นคง สุดท้ายก็บอกยกเลิกจ็อบไป และไม่คุยกับ 2 คนนั้นอีกต่อไปแล้ว
    ปัญหาคือลูกค้าเดิมให้ผมใช้เฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าในการพัฒนา แต่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก PHP 8.4 แต่ยังให้ใช้ PHP 7.4 ไม่คิดจะใช้เวอร์ชั่นปัจจุบันกันนักรึไง
    เว็บขายผลงานยังไม่ได้ลงมือทำเลย พอร์ตฟอลิโอ้ เรซุเม่ ก็ยังไม่รีเมคเลย คือตามงานไปหลายรอบ แก้ไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยมีเวลาสงบสติอารมณ์ แต่จำเป็นต้องยกเลิกงานให้คนในบริษัทมันทำ คือเป็นฟรีแลนซ์แล้วรู้สึกถูกกดค่างาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ตั้งแต่ กกต.ดึงตัวผมไปเป็นผู้ช่วยพร้อมย้ายทะเบียนบ้านทำบัตรใหม่ทั้งๆที่ผมไม่ต้องการแบบนี้ด้วยซ้ำ จุดนั้นทำให้ผมพังทลายไปเยอะ แต่กว่าจะกู้คืนกลับมาก็ยาก แต่ตอนนี้ควรโฟกัสสิ่งที่ผมควรจะทำก่อน ไม่รำลึกนึกถึงอดีต
    เวลาศึกษาวิธีการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องลังเลอะไร ไม่ต้องกังวลอะไรเยอะแยะ คนตื่นธรรม โจนจันได ดูให้เยอะๆ ทุกวันนี้ยังฟังคนตื่นธรรมอยู่เลย จิตใจของผมเริ่มกะเทาะออกมากระจ่างขึ้น และฟังควบคู่กับทานยาไปด้วย จัดสรรเวลาให้ Balance สำหรับผมและในแบของผม เรื่อง Youtube Premium อันนี้วางลงไปก่อน ไม่ได้ใช้พรีเมี่ยมนานแล้ว แต่พยายามอดทนกับโฆษณาที่ไม่ถูกกับจริตและโฉลกของผม ใครว่าผมไม่มีอะไรทำ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ ทั้งเสพเทรลเลอร์เกมส์และหนัง หาเวลามาทำโจทย์เพื่อประเทืองสมอง หาอะไรที่อยากดูก็ดู แต่พยายามดูจนจบ ตอนนี้อย่าคิดเรื่องจ่ายค่าพรีเมียมเดือนละ 179 บาท แต่คงต้องปรับจูนแนวความคิดและชุดความคิดส่วนตัวใหม่ ลำพังเงินกินข้าวแทบจะไม่มีเลย หลังจากที่ปล่อยวางเลิกคิดเรื่องฟรีแลนซ์ที่ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ เหมือนทำงานให้เขาฟรีๆ โดนโทรตามจิกถี่ทั้งวันทั้งคืน แถมรับงานหน้าเดิมๆแต่ไม่เปลี่ยนลูกค้าเพราะเกรงใจลูกค้าเดิมมากเกินไป เกือบจะเป็นทาส เป็นขี้ข้าให้เขา 1 ปีเต็มๆ แต่ก็ออกมาได้เพราะรู้สึกอึดอัด แก้ไปร้อยๆพันๆรอบแล้วจะโทรจิกบ่อยจนผมไม่มีสมาธิที่มั่นคง สุดท้ายก็บอกยกเลิกจ็อบไป และไม่คุยกับ 2 คนนั้นอีกต่อไปแล้ว ปัญหาคือลูกค้าเดิมให้ผมใช้เฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าในการพัฒนา แต่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก PHP 8.4 แต่ยังให้ใช้ PHP 7.4 ไม่คิดจะใช้เวอร์ชั่นปัจจุบันกันนักรึไง เว็บขายผลงานยังไม่ได้ลงมือทำเลย พอร์ตฟอลิโอ้ เรซุเม่ ก็ยังไม่รีเมคเลย คือตามงานไปหลายรอบ แก้ไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยมีเวลาสงบสติอารมณ์ แต่จำเป็นต้องยกเลิกงานให้คนในบริษัทมันทำ คือเป็นฟรีแลนซ์แล้วรู้สึกถูกกดค่างาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ตั้งแต่ กกต.ดึงตัวผมไปเป็นผู้ช่วยพร้อมย้ายทะเบียนบ้านทำบัตรใหม่ทั้งๆที่ผมไม่ต้องการแบบนี้ด้วยซ้ำ จุดนั้นทำให้ผมพังทลายไปเยอะ แต่กว่าจะกู้คืนกลับมาก็ยาก แต่ตอนนี้ควรโฟกัสสิ่งที่ผมควรจะทำก่อน ไม่รำลึกนึกถึงอดีต
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • การ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025: วิเคราะห์ต้นทุนต่อเฟรม
    ราคาการ์ดจอเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดตัว GeForce RTX 5060 และ Radeon RX 9060 XT โดย TechSpot ได้ทำการวิเคราะห์ ต้นทุนต่อเฟรม ใน 10 ประเทศ เพื่อดูว่าราคาจริงในตลาดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับ MSRP (ราคาที่แนะนำโดยผู้ผลิต).

    การเปรียบเทียบต้นทุนต่อเฟรม
    Radeon RX 9060 XT และ RX 9070 XT มีความคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่ง โดย RX 9060 XT ถูกกว่ารุ่น RTX 5060 Ti 16GB ถึง 17% ต่อเฟรม.
    RX 9070 XT มีต้นทุนต่อเฟรมถูกกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 16% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ TechSpot ใช้ในการแนะนำการ์ดจอ.
    RTX 5080 และ 5090 มีราคาสูงกว่ามาก เนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่สามารถแข่งขันได้โดยตรง.
    Intel Arc B580 และ B570 มีต้นทุนต่อเฟรมที่ดีที่สุด แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับเกมบางประเภท.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ราคาจริงในตลาดอาจสูงกว่าราคา MSRP โดยเฉพาะในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ และเยอรมนี.
    RTX 5070 Ti และ RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ความคุ้มค่าลดลงเมื่อเทียบกับ MSRP.
    Intel Arc B580 ยังหาซื้อได้ยาก และหากราคาสูงเกินไป อาจไม่คุ้มค่าที่จะเลือกใช้.

    แนวทางการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบราคาจริงในตลาดก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากบางรุ่นอาจมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น.
    เลือกการ์ดจอที่มี VRAM เพียงพอ เช่น RX 9060 XT ที่มี 16GB VRAM ซึ่งดีกว่า RTX 5060 ที่มีเพียง 8GB.
    ติดตามการลดราคาหรือโปรโมชั่น โดยเฉพาะจากร้านค้าปลีกที่มีสต็อกสินค้าเพียงพอ.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ
    AMD และ Nvidia แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดกลาง โดย Radeon มีข้อได้เปรียบด้านราคาต่อเฟรม.
    Intel Arc ยังต้องปรับปรุงด้านความเข้ากันได้กับเกม แม้ว่าจะมีราคาต่อเฟรมที่ดี.
    การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ เนื่องจากราคายังไม่ลดลงมากพอหลังจากการเปิดตัวรุ่นใหม่.

    https://www.techspot.com/article/3001-cost-per-frame-gpu/
    การ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025: วิเคราะห์ต้นทุนต่อเฟรม ราคาการ์ดจอเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดตัว GeForce RTX 5060 และ Radeon RX 9060 XT โดย TechSpot ได้ทำการวิเคราะห์ ต้นทุนต่อเฟรม ใน 10 ประเทศ เพื่อดูว่าราคาจริงในตลาดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับ MSRP (ราคาที่แนะนำโดยผู้ผลิต). การเปรียบเทียบต้นทุนต่อเฟรม ✅ Radeon RX 9060 XT และ RX 9070 XT มีความคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่ง โดย RX 9060 XT ถูกกว่ารุ่น RTX 5060 Ti 16GB ถึง 17% ต่อเฟรม. ✅ RX 9070 XT มีต้นทุนต่อเฟรมถูกกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 16% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ TechSpot ใช้ในการแนะนำการ์ดจอ. ✅ RTX 5080 และ 5090 มีราคาสูงกว่ามาก เนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่สามารถแข่งขันได้โดยตรง. ✅ Intel Arc B580 และ B570 มีต้นทุนต่อเฟรมที่ดีที่สุด แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับเกมบางประเภท. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ ราคาจริงในตลาดอาจสูงกว่าราคา MSRP โดยเฉพาะในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ และเยอรมนี. ‼️ RTX 5070 Ti และ RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ความคุ้มค่าลดลงเมื่อเทียบกับ MSRP. ‼️ Intel Arc B580 ยังหาซื้อได้ยาก และหากราคาสูงเกินไป อาจไม่คุ้มค่าที่จะเลือกใช้. แนวทางการเลือกซื้อ ✅ ตรวจสอบราคาจริงในตลาดก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากบางรุ่นอาจมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น. ✅ เลือกการ์ดจอที่มี VRAM เพียงพอ เช่น RX 9060 XT ที่มี 16GB VRAM ซึ่งดีกว่า RTX 5060 ที่มีเพียง 8GB. ✅ ติดตามการลดราคาหรือโปรโมชั่น โดยเฉพาะจากร้านค้าปลีกที่มีสต็อกสินค้าเพียงพอ. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ ✅ AMD และ Nvidia แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดกลาง โดย Radeon มีข้อได้เปรียบด้านราคาต่อเฟรม. ✅ Intel Arc ยังต้องปรับปรุงด้านความเข้ากันได้กับเกม แม้ว่าจะมีราคาต่อเฟรมที่ดี. ‼️ การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ เนื่องจากราคายังไม่ลดลงมากพอหลังจากการเปิดตัวรุ่นใหม่. https://www.techspot.com/article/3001-cost-per-frame-gpu/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Cost Per Frame Analysis: The Best Graphics Cards in Mid 2025
    If you're buying a new graphics card, our comparison of real-world cost per frame will help you in that pursuit. We have gathered data across 10 countries...
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • Fujifilm เปิดตัว X-E5 กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทร
    Fujifilm ได้เปิดตัว X-E5 ซึ่งเป็น กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทรที่มีน้ำหนักเบาเพียง 445 กรัม โดยมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล และ ระบบกันสั่น 5 แกนที่ปรับปรุงใหม่

    X-E5 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และ มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน

    ข้อมูลจากข่าว
    - X-E5 ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล
    - สามารถถ่ายวิดีโอ 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
    - ระบบกันสั่น 5 แกนให้การชดเชยสูงสุด 7.0 stops ที่ศูนย์กลาง และ 6.0 stops ที่ขอบภาพ
    - หน้าจอสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว สามารถพลิกขึ้น 180 องศาเพื่อช่วยในการถ่ายเซลฟี่
    - ระบบโฟกัสอัตโนมัติใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกล้อง
    Fujifilm ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกล้องสไตล์เรโทร แต่เพิ่ม เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดกล้องมิเรอร์เลส

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - X-E5 ไม่มีช่องมองภาพแบบออปติคอล ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ใช้บางกลุ่ม
    - ราคาของตัวกล้องอยู่ที่ $1,699.95 ซึ่งอาจสูงกว่าสำหรับผู้ใช้ที่มองหากล้องระดับเริ่มต้น
    - ต้องติดตามว่า Fujifilm จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติหรือไม่
    - การแข่งขันในตลาดกล้องมิเรอร์เลสกำลังรุนแรงขึ้น โดย Sony และ Canon กำลังเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน

    อนาคตของ Fujifilm X-E5
    Fujifilm ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของกล้องมิเรอร์เลสอย่างต่อเนื่อง โดย X-E5 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกล้องน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง

    https://www.techspot.com/news/108295-fujifilm-announces-retro-styled-x-e5-mirrorless-digital.html
    📷 Fujifilm เปิดตัว X-E5 กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทร Fujifilm ได้เปิดตัว X-E5 ซึ่งเป็น กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทรที่มีน้ำหนักเบาเพียง 445 กรัม โดยมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล และ ระบบกันสั่น 5 แกนที่ปรับปรุงใหม่ X-E5 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และ มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน ✅ ข้อมูลจากข่าว - X-E5 ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล - สามารถถ่ายวิดีโอ 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที - ระบบกันสั่น 5 แกนให้การชดเชยสูงสุด 7.0 stops ที่ศูนย์กลาง และ 6.0 stops ที่ขอบภาพ - หน้าจอสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว สามารถพลิกขึ้น 180 องศาเพื่อช่วยในการถ่ายเซลฟี่ - ระบบโฟกัสอัตโนมัติใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกล้อง Fujifilm ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกล้องสไตล์เรโทร แต่เพิ่ม เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดกล้องมิเรอร์เลส ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - X-E5 ไม่มีช่องมองภาพแบบออปติคอล ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ใช้บางกลุ่ม - ราคาของตัวกล้องอยู่ที่ $1,699.95 ซึ่งอาจสูงกว่าสำหรับผู้ใช้ที่มองหากล้องระดับเริ่มต้น - ต้องติดตามว่า Fujifilm จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติหรือไม่ - การแข่งขันในตลาดกล้องมิเรอร์เลสกำลังรุนแรงขึ้น โดย Sony และ Canon กำลังเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน 🚀 อนาคตของ Fujifilm X-E5 Fujifilm ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของกล้องมิเรอร์เลสอย่างต่อเนื่อง โดย X-E5 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกล้องน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง https://www.techspot.com/news/108295-fujifilm-announces-retro-styled-x-e5-mirrorless-digital.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Fujifilm announces retro-styled X-E5 mirrorless digital camera
    Fujifilm said an improved pixel structure allows more light to be recorded on the sensor, resulting in a native ISO of 125.
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • 2 สส.รวมไทยสร้างชาติ ยันร่วมเฟรมแค่งานสังสรรค์ ไม่คิดย้ายพรรคแน่นอน
    https://www.thai-tai.tv/news/19110/
    2 สส.รวมไทยสร้างชาติ ยันร่วมเฟรมแค่งานสังสรรค์ ไม่คิดย้ายพรรคแน่นอน https://www.thai-tai.tv/news/19110/
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070
    RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K
    - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น

    ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ
    - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41%
    - ในแคนาดา แพงกว่า 34%
    - ในเยอรมนี แพงกว่า 26%
    - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18%

    RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB
    - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI

    การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม
    - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K)

    RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD
    - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า

    https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070 ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41% - ในแคนาดา แพงกว่า 34% - ในเยอรมนี แพงกว่า 26% - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18% ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K) ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070
    We're revisiting the Radeon RX 9070 XT vs GeForce RTX 5070, now with updated drivers, pricing shifts, and a massive 57-game benchmark at 1440p and 4K to...
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • รีวิว GeForce RTX 5060: การ์ดจอราคาประหยัดที่มาพร้อม DLSS 4 และ GDDR7

    Nvidia เปิดตัว GeForce RTX 5060 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 โดยเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ออกแบบมาสำหรับ เกมเมอร์ที่เล่นที่ความละเอียด 1080p ด้วยราคา $299 การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม GDDR7, DLSS 4 และ Multi-Frame Generation (MFG) แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GeForce RTX 5060
    RTX 5060 ใช้ชิป Blackwell พร้อม 3,840 CUDA Cores และ Boost Clock 2.5 GHz
    - ให้ ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเกมที่รองรับ DLSS 4

    มีหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 8GB และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ 128-bit
    - แม้จะเร็ว แต่ความจุ 8GB อาจไม่เพียงพอสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง

    รองรับพอร์ตแสดงผล DisplayPort 2.1b สามพอร์ต และ HDMI 2.1b หนึ่งพอร์ต
    - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อหลายหน้าจอได้ง่ายขึ้น

    DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่รองรับ
    - เช่น Doom: The Dark Ages สามารถรันที่ 200+ FPS ที่ Ultra 1080p

    การ์ดจอมีค่าใช้จ่ายพลังงานเพียง 115W และมีระบบระบายความร้อนที่ดี
    - เหมาะสำหรับ พีซีขนาดเล็กและระบบที่ใช้พลังงานต่ำ

    ลุงดู Review หลายเจ้า (เจ้าเล็กๆ) สรุปให้ง่ายๆ ขาเกม ถ้ามี RTX3060 อยู่ในมือ อย่าซื้อรุ่นนี้ รอรุ่นถัดไป หรือลงทุนไปซื้อ 5060Ti RAM 16GB แทนครับ

    https://computercity.com/hardware/video-cards/geforce-rtx-5060-review-nvidias-299-entry-level-challenger
    รีวิว GeForce RTX 5060: การ์ดจอราคาประหยัดที่มาพร้อม DLSS 4 และ GDDR7 Nvidia เปิดตัว GeForce RTX 5060 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 โดยเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ออกแบบมาสำหรับ เกมเมอร์ที่เล่นที่ความละเอียด 1080p ด้วยราคา $299 การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม GDDR7, DLSS 4 และ Multi-Frame Generation (MFG) แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GeForce RTX 5060 ✅ RTX 5060 ใช้ชิป Blackwell พร้อม 3,840 CUDA Cores และ Boost Clock 2.5 GHz - ให้ ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเกมที่รองรับ DLSS 4 ✅ มีหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 8GB และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ 128-bit - แม้จะเร็ว แต่ความจุ 8GB อาจไม่เพียงพอสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง ✅ รองรับพอร์ตแสดงผล DisplayPort 2.1b สามพอร์ต และ HDMI 2.1b หนึ่งพอร์ต - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อหลายหน้าจอได้ง่ายขึ้น ✅ DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่รองรับ - เช่น Doom: The Dark Ages สามารถรันที่ 200+ FPS ที่ Ultra 1080p ✅ การ์ดจอมีค่าใช้จ่ายพลังงานเพียง 115W และมีระบบระบายความร้อนที่ดี - เหมาะสำหรับ พีซีขนาดเล็กและระบบที่ใช้พลังงานต่ำ ℹ️ℹ️ℹ️ ลุงดู Review หลายเจ้า (เจ้าเล็กๆ) สรุปให้ง่ายๆ ขาเกม ถ้ามี RTX3060 อยู่ในมือ อย่าซื้อรุ่นนี้ รอรุ่นถัดไป หรือลงทุนไปซื้อ 5060Ti RAM 16GB แทนครับ https://computercity.com/hardware/video-cards/geforce-rtx-5060-review-nvidias-299-entry-level-challenger
    COMPUTERCITY.COM
    GeForce RTX 5060 Review: Nvidia’s $299 Entry-Level Challenger
    Nvidia’s GeForce RTX 5060 officially launched on May 19, 2025, as part of the RTX 50 series lineup, aimed squarely at 1080p gamers on a budget. With a $299
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • Nvidia RTX 5060: เร็วขึ้น 25% จาก RTX 4060 พร้อมการสร้างเฟรมที่ล้ำหน้า

    Nvidia เปิดตัว RTX 5060 ซึ่งเป็น GPU ระดับกลางที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพการสร้างเฟรม (Frame Generation) ที่ช่วยให้เร็วขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 อย่างไรก็ตาม การทดสอบเบื้องต้นถูกจำกัดโดย Nvidia และมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับเกมและการตั้งค่าที่ใช้

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5060
    RTX 5060 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4
    - มี การปรับปรุงด้านการสร้างเฟรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม

    การทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX 5060 เร็วกว่า RTX 4060 ถึง 25%
    - โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 และ Doom: The Dark Ages

    RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5060 ประมาณ 15%
    - รุ่น 16GB และ 8GB มีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในบางเกม

    Nvidia จำกัดการทดสอบเฉพาะบางเกมและการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    - เช่น ต้องใช้ DLSS ในโหมดคุณภาพ และต้องรันที่ 1080p เท่านั้น

    การเปรียบเทียบกับ RTX 3060 และ RTX 2060 แสดงให้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
    - RTX 5060 เร็วกว่า RTX 3060 ถึง 81% และเร็วกว่ารุ่น RTX 2060 ถึง 4 เท่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5060-is-up-to-25-percent-faster-than-rtx-4060-with-frame-generation-in-new-gpu-preview
    Nvidia RTX 5060: เร็วขึ้น 25% จาก RTX 4060 พร้อมการสร้างเฟรมที่ล้ำหน้า Nvidia เปิดตัว RTX 5060 ซึ่งเป็น GPU ระดับกลางที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพการสร้างเฟรม (Frame Generation) ที่ช่วยให้เร็วขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 อย่างไรก็ตาม การทดสอบเบื้องต้นถูกจำกัดโดย Nvidia และมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับเกมและการตั้งค่าที่ใช้ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5060 ✅ RTX 5060 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4 - มี การปรับปรุงด้านการสร้างเฟรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ✅ การทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX 5060 เร็วกว่า RTX 4060 ถึง 25% - โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 และ Doom: The Dark Ages ✅ RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5060 ประมาณ 15% - รุ่น 16GB และ 8GB มีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในบางเกม ✅ Nvidia จำกัดการทดสอบเฉพาะบางเกมและการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า - เช่น ต้องใช้ DLSS ในโหมดคุณภาพ และต้องรันที่ 1080p เท่านั้น ✅ การเปรียบเทียบกับ RTX 3060 และ RTX 2060 แสดงให้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด - RTX 5060 เร็วกว่า RTX 3060 ถึง 81% และเร็วกว่ารุ่น RTX 2060 ถึง 4 เท่า https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5060-is-up-to-25-percent-faster-than-rtx-4060-with-frame-generation-in-new-gpu-preview
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ

    FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3
    เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images
    - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม

    แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว
    - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้

    ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall
    - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น

    ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS
    - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร

    สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น
    - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3 ✅ เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม ✅ แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้ ✅ ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น ✅ ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร ✅ สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    WWW.NEOWIN.NET
    FreeBSD 14.3 Beta 3 ships with KDE Plasma 6 and general improvements
    FreeBSD 14.3 Beta 3 has just dropped, and it brings support for the KDE Plasma 6 Desktop Environment and fixes several issues.
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • Nvidia RTX Pro 6000: GPU เวิร์กสเตชันที่แรงกว่า RTX 5090 แต่ราคาสูงกว่าสามเท่า

    Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU เวิร์กสเตชันระดับสูง ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5090 ในการทดสอบเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ราคาของมันสูงกว่าถึงสามเท่า ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX Pro 6000
    RTX Pro 6000 ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่มีสเปกที่สูงกว่า
    - มี 24,064 CUDA cores มากกว่า RTX 5090 ถึง 9%
    - ใช้ VRAM GDDR7 ขนาด 96GB เทียบกับ 32GB ของ RTX 5090
    - มี TGP สูงถึง 600W มากกว่า RTX 5090 ที่ 575W

    ผลการทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090
    - คะแนน Time Spy อยู่ที่ 51,776 และ Time Spy Extreme อยู่ที่ 28,009
    - เมื่อโอเวอร์คล็อก 350Hz คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 54,300 และ 30,019

    RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 ในบางการทดสอบ แต่ยังช้ากว่าเมื่อโอเวอร์คล็อก
    - เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5090 ที่โอเวอร์คล็อก RTX Pro 6000 ยังช้ากว่า 5% ใน Time Spy

    การทดสอบ Cyberpunk 2077 พบว่า RTX Pro 6000 ทำเฟรมเรตเฉลี่ย 126 fps ที่ 4K
    - ใช้ DLSS Auto และ Ultra Ray Tracing Preset

    Nvidia วางตำแหน่ง RTX Pro 6000 เป็น GPU เวิร์กสเตชัน ไม่ใช่สำหรับเกมเมอร์
    - แม้ว่าจะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่ ออกแบบมาเพื่อการทำงานระดับมืออาชีพ

    ราคาของ RTX Pro 6000 อยู่ระหว่าง $8,000 ถึง $11,000
    - ทำให้ RTX 5090 ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเกมเมอร์

    https://www.techspot.com/news/107947-nvidia-rtx-pro-6000-quietly-beats-rtx-5090.html
    Nvidia RTX Pro 6000: GPU เวิร์กสเตชันที่แรงกว่า RTX 5090 แต่ราคาสูงกว่าสามเท่า Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU เวิร์กสเตชันระดับสูง ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5090 ในการทดสอบเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ราคาของมันสูงกว่าถึงสามเท่า ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX Pro 6000 ✅ RTX Pro 6000 ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่มีสเปกที่สูงกว่า - มี 24,064 CUDA cores มากกว่า RTX 5090 ถึง 9% - ใช้ VRAM GDDR7 ขนาด 96GB เทียบกับ 32GB ของ RTX 5090 - มี TGP สูงถึง 600W มากกว่า RTX 5090 ที่ 575W ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 - คะแนน Time Spy อยู่ที่ 51,776 และ Time Spy Extreme อยู่ที่ 28,009 - เมื่อโอเวอร์คล็อก 350Hz คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 54,300 และ 30,019 ✅ RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 ในบางการทดสอบ แต่ยังช้ากว่าเมื่อโอเวอร์คล็อก - เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5090 ที่โอเวอร์คล็อก RTX Pro 6000 ยังช้ากว่า 5% ใน Time Spy ✅ การทดสอบ Cyberpunk 2077 พบว่า RTX Pro 6000 ทำเฟรมเรตเฉลี่ย 126 fps ที่ 4K - ใช้ DLSS Auto และ Ultra Ray Tracing Preset ✅ Nvidia วางตำแหน่ง RTX Pro 6000 เป็น GPU เวิร์กสเตชัน ไม่ใช่สำหรับเกมเมอร์ - แม้ว่าจะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่ ออกแบบมาเพื่อการทำงานระดับมืออาชีพ ✅ ราคาของ RTX Pro 6000 อยู่ระหว่าง $8,000 ถึง $11,000 - ทำให้ RTX 5090 ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเกมเมอร์ https://www.techspot.com/news/107947-nvidia-rtx-pro-6000-quietly-beats-rtx-5090.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia's RTX Pro 6000 quietly beats the RTX 5090 in early benchmarks, at triple the cost
    Redditor Privaterbok tested the RTX Pro 6000 Blackwell using several benchmarking tools, including 3DMark Time Spy, Time Spy Extreme, Steel Nomad, Port Royal, and Geekbench 6. The...
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
More Results