• โดรนลับถึงมือกองทัพ พร้อมรบสงครามคลื่นความถี่ : [THE MESSAGE]
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มอบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน 1 ฝูง จำนวน 100 ลำ และ
    ระบบตรวจจับสกัดกั้นการทำงานของโดรน หรือ แอนตี้โดรน ให้กองทัพบก ซึ่งเป็นภารกิจต่อเนื่องในการพัฒนาโดรนและแอนตี้โดรน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ย้ำ ไม่ใช่กองทัพไม่มีงบประมาณ แต่การแข่งขันเรื่องโดรนและแอนตี้โดรน มีการเปลี่ยนแปลงในสงครามคลื่นความถี่ทุกสัปดาห์ การทำสงครามนี้ต้องการความเร็วทันต่อสถานการณ์ จึงจะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของโดรนได้ เพราะเป็นความลับทางราชการ เปิดเบื้องหลังการพัฒนาใช้งบประมาณจำนวนมาก ทดสอบหลายครั้ง มั่นใจว่า โดรนฝูงนี้จะช่วยเพิ่มแสนยานุภาพของกองทัพในการปกป้องชีวิตทหารและประชาชน นอกจากนี้ ที่ผ่านมา มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ส่งมอบสิ่งของจำเป็นให้กองทัพ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 211 ล้านบาท แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่างบประมาณคือ น้ำใจจากประชาชนที่ทำให้เห็นว่า เมื่อยามที่ชาติมีภัย ประชาชนกับทหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการปกป้อง กอบกู้ และรักษาแผ...
    โดรนลับถึงมือกองทัพ พร้อมรบสงครามคลื่นความถี่ : [THE MESSAGE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มอบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน 1 ฝูง จำนวน 100 ลำ และ ระบบตรวจจับสกัดกั้นการทำงานของโดรน หรือ แอนตี้โดรน ให้กองทัพบก ซึ่งเป็นภารกิจต่อเนื่องในการพัฒนาโดรนและแอนตี้โดรน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ย้ำ ไม่ใช่กองทัพไม่มีงบประมาณ แต่การแข่งขันเรื่องโดรนและแอนตี้โดรน มีการเปลี่ยนแปลงในสงครามคลื่นความถี่ทุกสัปดาห์ การทำสงครามนี้ต้องการความเร็วทันต่อสถานการณ์ จึงจะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของโดรนได้ เพราะเป็นความลับทางราชการ เปิดเบื้องหลังการพัฒนาใช้งบประมาณจำนวนมาก ทดสอบหลายครั้ง มั่นใจว่า โดรนฝูงนี้จะช่วยเพิ่มแสนยานุภาพของกองทัพในการปกป้องชีวิตทหารและประชาชน นอกจากนี้ ที่ผ่านมา มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ส่งมอบสิ่งของจำเป็นให้กองทัพ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 211 ล้านบาท แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่างบประมาณคือ น้ำใจจากประชาชนที่ทำให้เห็นว่า เมื่อยามที่ชาติมีภัย ประชาชนกับทหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการปกป้อง กอบกู้ และรักษาแผ...
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 1 รีวิว
  • เปิดเบื้องหลังนายนิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำ นปช.พ่ออดีต รมต.สำนักนายกฯ ถูกกองปราบบุกจับกุมคาที่พักหลบซ่อนตัวในอาคารพาณิชย์ทางเลี่ยงเมืองก่อนเข้าเขต อ.พนมไพร หลังข้ามจากลาวมาร่วมงานบุญกฐินของครอบครัว แต่งานเสร็จชะล่าใจ ไม่รีบข้ามกลับฝั่งลาว จึงโดนรวบตัวในที่สุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106784

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    เปิดเบื้องหลังนายนิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำ นปช.พ่ออดีต รมต.สำนักนายกฯ ถูกกองปราบบุกจับกุมคาที่พักหลบซ่อนตัวในอาคารพาณิชย์ทางเลี่ยงเมืองก่อนเข้าเขต อ.พนมไพร หลังข้ามจากลาวมาร่วมงานบุญกฐินของครอบครัว แต่งานเสร็จชะล่าใจ ไม่รีบข้ามกลับฝั่งลาว จึงโดนรวบตัวในที่สุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106784 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 623 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมองค์กรยังพลาดเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์? เปิดเบื้องหลังความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น

    ลองนึกภาพว่าองค์กรของคุณเก็บข้อมูลลูกค้าหลายล้านรายไว้บนคลาวด์ แต่กลับมีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่ตั้งใจ... เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จินตนาการ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กรทั่วโลก

    แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีตั้งแต่คลาวด์กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการจัดเก็บข้อมูล แต่ปัญหาเดิมๆ อย่างการตั้งค่าผิดพลาด (misconfiguration) ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะองค์กรใช้เครื่องมือ SaaS มากขึ้น ข้อมูลกระจายอยู่หลายแพลตฟอร์ม และระบบความปลอดภัยที่ควรจะมี “ตั้งแต่แรก” กลับต้องให้ผู้ใช้เป็นคนเปิดใช้งานเอง

    องค์กรจำนวนมากยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการตั้งค่าคลาวด์ผิดพลาด เช่น เปิดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ ไม่เปิดใช้การเข้ารหัส หรือไม่เปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะระบบได้ง่ายดาย

    รายงานจาก Qualys พบว่า VM บน AWS มีการตั้งค่าผิดพลาดถึง 45% ในขณะที่ GCP สูงถึง 63% และ Azure สูงถึง 70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก นอกจากนี้ยังมีกรณีของ Blue Shield California ที่ข้อมูลสมาชิกกว่า 4.7 ล้านรายถูกเปิดเผยเพราะตั้งค่า Google Analytics ผิด

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัญหานี้เกิดจากการที่ผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง Microsoft, Google และ Amazon ไม่ได้ตั้งค่าความปลอดภัยมาให้ตั้งแต่แรก ผู้ใช้ต้องเป็นคนเปิดใช้งานเอง ซึ่งเหมือนกับการซื้อรถที่ไม่มีล็อกประตูมาให้ ต้องไปติดตั้งเองทีหลัง

    องค์กรขนาดเล็กและกลางมักไม่มีทีมความปลอดภัยเฉพาะทาง ทำให้พลาดเรื่องสำคัญ เช่น การตั้งค่าการสื่อสารของฐานข้อมูลให้วิ่งผ่านเครือข่ายส่วนตัวแทนที่จะเป็นอินเทอร์เน็ตสาธารณะ หรือการให้สิทธิ์ผู้ใช้มากเกินไปในช่วงพัฒนาแล้วลืมลดสิทธิ์เมื่อเข้าสู่ระบบจริง

    ความเสี่ยงจากการตั้งค่าคลาวด์ผิดพลาด
    VM บนคลาวด์มีการตั้งค่าผิดพลาดสูงถึง 70% บน Azure
    ข้อมูลสมาชิก Blue Shield ถูกเปิดเผยเพราะตั้งค่า Google Analytics ผิด
    ผู้ให้บริการคลาวด์ไม่ได้ตั้งค่าความปลอดภัยมาให้โดยอัตโนมัติ
    องค์กรต้องเปิดใช้ MFA, การเข้ารหัส และระบบตรวจสอบเอง

    แนวทางลดความเสี่ยง
    ใช้ MFA ทุกระดับการเข้าถึง
    ตั้งค่าการสื่อสารผ่านเครือข่ายส่วนตัวเท่านั้น
    เข้ารหัสข้อมูลทั้งขณะพักและขณะส่ง
    ใช้หลัก least privilege ลดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เหลือเท่าที่จำเป็น
    ใช้ Infrastructure as Code เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลง
    สแกนการตั้งค่าอย่างต่อเนื่อง
    ปิดการเข้าถึงสาธารณะของ storage buckets
    เปิดระบบ logging และ monitoring ทุก deployment
    วางแผนความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่ค่อยมาแก้ทีหลัง

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    องค์กรมักไม่รวมทีม cybersecurity ในการตัดสินใจด้านเทคโนโลยี
    Shadow IT ทำให้เกิดการใช้งานระบบที่ไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัย
    การควบรวมกิจการโดยไม่ตรวจสอบระบบคลาวด์ของอีกฝ่ายอาจสร้างช่องโหว่
    การให้สิทธิ์มากเกินไปในช่วงพัฒนาแล้วลืมลดสิทธิ์ใน production
    การไม่ใช้เครือข่ายส่วนตัวในการสื่อสารของฐานข้อมูล

    ถ้าองค์กรของคุณกำลังใช้คลาวด์อยู่ อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนค่อยแก้ไข เพราะความเสียหายอาจใหญ่หลวงกว่าที่คิด

    https://www.csoonline.com/article/4083736/why-cant-enterprises-get-a-handle-on-the-cloud-misconfiguration-problem.html
    🏤 ทำไมองค์กรยังพลาดเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์? เปิดเบื้องหลังความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น ลองนึกภาพว่าองค์กรของคุณเก็บข้อมูลลูกค้าหลายล้านรายไว้บนคลาวด์ แต่กลับมีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่ตั้งใจ... เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จินตนาการ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กรทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีตั้งแต่คลาวด์กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการจัดเก็บข้อมูล แต่ปัญหาเดิมๆ อย่างการตั้งค่าผิดพลาด (misconfiguration) ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะองค์กรใช้เครื่องมือ SaaS มากขึ้น ข้อมูลกระจายอยู่หลายแพลตฟอร์ม และระบบความปลอดภัยที่ควรจะมี “ตั้งแต่แรก” กลับต้องให้ผู้ใช้เป็นคนเปิดใช้งานเอง องค์กรจำนวนมากยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการตั้งค่าคลาวด์ผิดพลาด เช่น เปิดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ ไม่เปิดใช้การเข้ารหัส หรือไม่เปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะระบบได้ง่ายดาย รายงานจาก Qualys พบว่า VM บน AWS มีการตั้งค่าผิดพลาดถึง 45% ในขณะที่ GCP สูงถึง 63% และ Azure สูงถึง 70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก นอกจากนี้ยังมีกรณีของ Blue Shield California ที่ข้อมูลสมาชิกกว่า 4.7 ล้านรายถูกเปิดเผยเพราะตั้งค่า Google Analytics ผิด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัญหานี้เกิดจากการที่ผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง Microsoft, Google และ Amazon ไม่ได้ตั้งค่าความปลอดภัยมาให้ตั้งแต่แรก ผู้ใช้ต้องเป็นคนเปิดใช้งานเอง ซึ่งเหมือนกับการซื้อรถที่ไม่มีล็อกประตูมาให้ ต้องไปติดตั้งเองทีหลัง องค์กรขนาดเล็กและกลางมักไม่มีทีมความปลอดภัยเฉพาะทาง ทำให้พลาดเรื่องสำคัญ เช่น การตั้งค่าการสื่อสารของฐานข้อมูลให้วิ่งผ่านเครือข่ายส่วนตัวแทนที่จะเป็นอินเทอร์เน็ตสาธารณะ หรือการให้สิทธิ์ผู้ใช้มากเกินไปในช่วงพัฒนาแล้วลืมลดสิทธิ์เมื่อเข้าสู่ระบบจริง ✅ ความเสี่ยงจากการตั้งค่าคลาวด์ผิดพลาด ➡️ VM บนคลาวด์มีการตั้งค่าผิดพลาดสูงถึง 70% บน Azure ➡️ ข้อมูลสมาชิก Blue Shield ถูกเปิดเผยเพราะตั้งค่า Google Analytics ผิด ➡️ ผู้ให้บริการคลาวด์ไม่ได้ตั้งค่าความปลอดภัยมาให้โดยอัตโนมัติ ➡️ องค์กรต้องเปิดใช้ MFA, การเข้ารหัส และระบบตรวจสอบเอง ✅ แนวทางลดความเสี่ยง ➡️ ใช้ MFA ทุกระดับการเข้าถึง ➡️ ตั้งค่าการสื่อสารผ่านเครือข่ายส่วนตัวเท่านั้น ➡️ เข้ารหัสข้อมูลทั้งขณะพักและขณะส่ง ➡️ ใช้หลัก least privilege ลดสิทธิ์ผู้ใช้ให้เหลือเท่าที่จำเป็น ➡️ ใช้ Infrastructure as Code เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลง ➡️ สแกนการตั้งค่าอย่างต่อเนื่อง ➡️ ปิดการเข้าถึงสาธารณะของ storage buckets ➡️ เปิดระบบ logging และ monitoring ทุก deployment ➡️ วางแผนความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่ค่อยมาแก้ทีหลัง ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ องค์กรมักไม่รวมทีม cybersecurity ในการตัดสินใจด้านเทคโนโลยี ⛔ Shadow IT ทำให้เกิดการใช้งานระบบที่ไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัย ⛔ การควบรวมกิจการโดยไม่ตรวจสอบระบบคลาวด์ของอีกฝ่ายอาจสร้างช่องโหว่ ⛔ การให้สิทธิ์มากเกินไปในช่วงพัฒนาแล้วลืมลดสิทธิ์ใน production ⛔ การไม่ใช้เครือข่ายส่วนตัวในการสื่อสารของฐานข้อมูล ถ้าองค์กรของคุณกำลังใช้คลาวด์อยู่ อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนค่อยแก้ไข เพราะความเสียหายอาจใหญ่หลวงกว่าที่คิด 💥 https://www.csoonline.com/article/4083736/why-cant-enterprises-get-a-handle-on-the-cloud-misconfiguration-problem.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why can't enterprises get a handle on the cloud misconfiguration problem?
    Cloud configuration errors still plague enterprises. More SaaS tools connected across different cloud environments and a lack of out-of-the-box security controls are some of the issues.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเบื้องหลังพรรคเพื่อไทยยึด มท.1 เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย เผยที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อทำงานเป็นฝ่ายค้าน แต่ น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่มีคนยุบสภา จึงพูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี โดยวันที่ 14-15 ตุลาคม นี้ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569

    -สงสัยประเพณีรมว.ดีอี 40 ล้าน
    -หนุนแก้ปัญหาชายแดนใต้
    -ตำแหน่งคุ้มกะลาหัว
    -ใช้สีแยกบัตรประชามติ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเบื้องหลังพรรคเพื่อไทยยึด มท.1 เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย เผยที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อทำงานเป็นฝ่ายค้าน แต่ น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่มีคนยุบสภา จึงพูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี โดยวันที่ 14-15 ตุลาคม นี้ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 -สงสัยประเพณีรมว.ดีอี 40 ล้าน -หนุนแก้ปัญหาชายแดนใต้ -ตำแหน่งคุ้มกะลาหัว -ใช้สีแยกบัตรประชามติ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 686 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แฉ "อิ๊งค์" แอบกระซิบเขมร ยึดมท.เตรียมเลือกตั้ง : [THE MESSAGE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยืนยัน ไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในนามส่วนตัวซักคนเดียว เปิดเบื้องหลัง เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนที่รู้จักกันเขาโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย เผย ที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานทำงานเป็นฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงรอให้ยุบสภา แต่หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่มีคนยุบสภา จึงได้พูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น จะมาบอกดราม่าได้ยังไ...
    แฉ "อิ๊งค์" แอบกระซิบเขมร ยึดมท.เตรียมเลือกตั้ง : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยืนยัน ไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในนามส่วนตัวซักคนเดียว เปิดเบื้องหลัง เมื่อกลับจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนที่รู้จักกันเขาโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมาก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว จากนั้นได้รับแจ้งจาก น.ส.แพทองธาร ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน ขอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย เผย ที่มา MOA ไม่ได้พิสดาร มาจากการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานทำงานเป็นฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงรอให้ยุบสภา แต่หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่มีคนยุบสภา จึงได้พูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น จะมาบอกดราม่าได้ยังไ...
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง

    ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน

    แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3

    บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16%

    บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน

    บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ

    Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น

    Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน
    ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา
    ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5

    บั๊กที่ 1: Context window routing error
    คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด
    ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม

    บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU
    โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ
    เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด

    บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation
    การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก
    เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32

    Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว
    ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน
    เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่

    ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down
    Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น
    Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ

    https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    📰 Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3 บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16% บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ✅ Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา ➡️ ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 ✅ บั๊กที่ 1: Context window routing error ➡️ คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด ➡️ ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ✅ บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU ➡️ โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ ➡️ เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด ✅ บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation ➡️ การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก ➡️ เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32 ✅ Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว ➡️ ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่ ✅ ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down ➡️ Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ➡️ Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    WWW.ANTHROPIC.COM
    A postmortem of three recent issues
    This is a technical report on three bugs that intermittently degraded responses from Claude. Below we explain what happened, why it took time to fix, and what we're changing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพเปิดเบื้องหลัง เขมรก็อยากได้ “โดรน” มาก! [18/8/68]
    Panthip reveals the truth: Cambodia is desperate to get drones!

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaExposed
    #DroneWar
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    อ.ปานเทพเปิดเบื้องหลัง เขมรก็อยากได้ “โดรน” มาก! [18/8/68] Panthip reveals the truth: Cambodia is desperate to get drones! #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaExposed #DroneWar #ThaiTimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดเบื้องหลัง ฮุนเซน แฉทักษิณ
    สงครามคนชั่วกัดกัน แต่ไทยได้โชคหลายเด้ง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เปิดเบื้องหลัง
    #ฮุนเซน
    #ฮุนเซนแฉทักษิณ
    #ตระกูลชินวัตร
    เปิดเบื้องหลัง ฮุนเซน แฉทักษิณ สงครามคนชั่วกัดกัน แต่ไทยได้โชคหลายเด้ง #คิงส์โพธิ์แดง #เปิดเบื้องหลัง #ฮุนเซน #ฮุนเซนแฉทักษิณ #ตระกูลชินวัตร
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เปิดเบื้องหลังปิดด่านสายตะกู หลัง 30 นักท่องเที่ยวกัมพูชาร้องเพลงปราสาทตาควาย
    https://www.thai-tai.tv/news/19645/
    เปิดเบื้องหลังปิดด่านสายตะกู หลัง 30 นักท่องเที่ยวกัมพูชาร้องเพลงปราสาทตาควาย https://www.thai-tai.tv/news/19645/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ปราชญ์ สามสี' เปิดเบื้องหลัง LYP Group: เครือข่ายทุนกัมพูชา–จีน กับขบวนการ Call Center และ IO ข้ามชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19458/
    'ปราชญ์ สามสี' เปิดเบื้องหลัง LYP Group: เครือข่ายทุนกัมพูชา–จีน กับขบวนการ Call Center และ IO ข้ามชาติ https://www.thai-tai.tv/news/19458/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย

    เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ

    แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ

    เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน

    เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

    จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน

    แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ

    ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ

    ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต
    สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น.
    - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ
    - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ
    - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน
    - ผู้สูญหาย 47 คน
    - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน

    การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D
    โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย
    โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย
    โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย

    การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย

    “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว

    โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร

    อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ

    โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง

    "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น
    - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน”
    - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form)
    - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ
    - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว

    ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น...

    ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน
    - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้

    - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง”

    - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น

    การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง
    – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

    – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

    – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก

    จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด

    หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568

    #ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย 📌 เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ 🏗️ แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน 🇹🇭🇨🇳 📌 เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 🌀 จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ ⛑️ ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ 📉 ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต 🚨 สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น. - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน - ผู้สูญหาย 47 คน - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D 📍โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย 📍โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย 📍โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย 💬 “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว 🏢 โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร 👉 อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง 🏗️ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form) - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว 👷 ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น... 🔍 ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้ - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง” - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น 🧑‍💼 การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก ✅ จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา 🕯️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568 🔖#ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1641 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเปิดเบื้องหลังทักษิณดันพนันออนไลน์ ใช้สารวัตรซัว-Gordon Tang (20/01/68) #news1 #พนันออนไลน์
    สนธิเปิดเบื้องหลังทักษิณดันพนันออนไลน์ ใช้สารวัตรซัว-Gordon Tang (20/01/68) #news1 #พนันออนไลน์
    Like
    Love
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 31 1 รีวิว
  • 7/10/67
    เปิดเบื้องหลัง "สินามิโคลน" ถล่มแม่สาย "เมียนมา" ต้นเหตุ แฉลึก "กลุ่มชาติพันธุ์" ทำลายป่าไทย
    cr:Top News live

    https://youtu.be/0Qz9CDZ3_tM?si=uf6ODg4hxghVP5YC
    7/10/67 เปิดเบื้องหลัง "สินามิโคลน" ถล่มแม่สาย "เมียนมา" ต้นเหตุ แฉลึก "กลุ่มชาติพันธุ์" ทำลายป่าไทย cr:Top News live https://youtu.be/0Qz9CDZ3_tM?si=uf6ODg4hxghVP5YC
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว