• บทความกฎหมาย EP.24

    สัญญาจ้างทำของคือความสัมพันธ์ทางนิติบุคคลที่มิได้มุ่งเน้นที่การเข้าทำงานหรือการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาเฉกเช่นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นพันธกรณีที่บุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงเข้าทำการงานสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ให้กับผู้ว่าจ้าง โดยสาระสำคัญสูงสุดของสัญญานี้คือ ความสำเร็จของผลงานที่ตกลงกันไว้ ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้างทำของ ผู้รับจ้างมีเสรีภาพในการเลือกวิธีการและเครื่องมือในการทำงานอย่างเต็มที่ตราบใดที่ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อพิจารณาในแง่มุมของความรับผิด ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสิ่งที่ทำขึ้นนั้นเสมือนเป็นความรับผิดของผู้ขาย การโอนกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งการจ้างทำของจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ว่าจ้างได้รับมอบและตรวจรับผลงานแล้ว เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่นในสัญญา การทำความเข้าใจองค์ประกอบทางกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างความชัดเจนและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการส่งมอบงาน

    ในทางปฏิบัติ การตีความสัญญาจ้างทำของต้องให้ความสำคัญกับเจตนาของคู่สัญญาเป็นหลัก หากข้อตกลงใดที่บ่งชี้ว่าการจ่ายสินจ้างผูกพันอยู่กับการทำงานครบตามระยะเวลา หรือมีการควบคุมการทำงานอย่างละเอียดโดยผู้ว่าจ้าง สัญญานั้นอาจถูกศาลตีความว่ามีลักษณะโน้มเอียงไปทางสัญญาจ้างแรงงานได้ ถึงแม้ชื่อสัญญาจะระบุว่าเป็นการจ้างทำของก็ตาม ซึ่งจะส่งผลให้สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญามีความเปลี่ยนแปลงไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการได้รับค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ดังนั้น การร่างสัญญาจึงต้องระมัดระวังในการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่และอิสระในการทำงานของผู้รับจ้างให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจ้างทำของอย่างแท้จริง การชำระสินจ้างจึงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการส่งมอบผลสำเร็จที่สมบูรณ์เท่านั้น หากผลงานนั้นไม่แล้วเสร็จหรือมีความบกพร่อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบและมีสิทธิเรียกให้ผู้รับจ้างแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

    ด้วยเหตุนี้ สัญญาจ้างทำของจึงเป็นกลไกทางกฎหมายที่ตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างสรรค์หรือผลิตสิ่งของเฉพาะเจาะจง โดยตั้งอยู่บนหลักการแลกเปลี่ยนระหว่างการผลิตผลงานสำเร็จกับค่าสินจ้างที่ยุติธรรม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงควรตระหนักถึงความผูกพันตามตัวบทกฎหมายอย่างถี่ถ้วน การกำหนดรายละเอียดของผลงานที่ชัดเจน มาตรฐานคุณภาพ วันเวลาส่งมอบ และเงื่อนไขการตรวจรับ เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาให้การทำสัญญาดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีผลบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญาและหลักกฎหมาย
    บทความกฎหมาย EP.24 สัญญาจ้างทำของคือความสัมพันธ์ทางนิติบุคคลที่มิได้มุ่งเน้นที่การเข้าทำงานหรือการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาเฉกเช่นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นพันธกรณีที่บุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงเข้าทำการงานสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ให้กับผู้ว่าจ้าง โดยสาระสำคัญสูงสุดของสัญญานี้คือ ความสำเร็จของผลงานที่ตกลงกันไว้ ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้างทำของ ผู้รับจ้างมีเสรีภาพในการเลือกวิธีการและเครื่องมือในการทำงานอย่างเต็มที่ตราบใดที่ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อพิจารณาในแง่มุมของความรับผิด ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสิ่งที่ทำขึ้นนั้นเสมือนเป็นความรับผิดของผู้ขาย การโอนกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งการจ้างทำของจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ว่าจ้างได้รับมอบและตรวจรับผลงานแล้ว เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่นในสัญญา การทำความเข้าใจองค์ประกอบทางกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างความชัดเจนและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการส่งมอบงาน ในทางปฏิบัติ การตีความสัญญาจ้างทำของต้องให้ความสำคัญกับเจตนาของคู่สัญญาเป็นหลัก หากข้อตกลงใดที่บ่งชี้ว่าการจ่ายสินจ้างผูกพันอยู่กับการทำงานครบตามระยะเวลา หรือมีการควบคุมการทำงานอย่างละเอียดโดยผู้ว่าจ้าง สัญญานั้นอาจถูกศาลตีความว่ามีลักษณะโน้มเอียงไปทางสัญญาจ้างแรงงานได้ ถึงแม้ชื่อสัญญาจะระบุว่าเป็นการจ้างทำของก็ตาม ซึ่งจะส่งผลให้สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญามีความเปลี่ยนแปลงไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการได้รับค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ดังนั้น การร่างสัญญาจึงต้องระมัดระวังในการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่และอิสระในการทำงานของผู้รับจ้างให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจ้างทำของอย่างแท้จริง การชำระสินจ้างจึงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการส่งมอบผลสำเร็จที่สมบูรณ์เท่านั้น หากผลงานนั้นไม่แล้วเสร็จหรือมีความบกพร่อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบและมีสิทธิเรียกให้ผู้รับจ้างแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ด้วยเหตุนี้ สัญญาจ้างทำของจึงเป็นกลไกทางกฎหมายที่ตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างสรรค์หรือผลิตสิ่งของเฉพาะเจาะจง โดยตั้งอยู่บนหลักการแลกเปลี่ยนระหว่างการผลิตผลงานสำเร็จกับค่าสินจ้างที่ยุติธรรม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงควรตระหนักถึงความผูกพันตามตัวบทกฎหมายอย่างถี่ถ้วน การกำหนดรายละเอียดของผลงานที่ชัดเจน มาตรฐานคุณภาพ วันเวลาส่งมอบ และเงื่อนไขการตรวจรับ เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาให้การทำสัญญาดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีผลบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญาและหลักกฎหมาย
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง

    วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง.

    สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม.

    รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX.

    ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026
    โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง

    ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink
    ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้

    สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม
    ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ

    ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration
    ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก
    แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง

    ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน
    ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น

    https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    🙎‍♂️ Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง 🚀 วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง. สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม. รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX. ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026 ➡️ โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง ✅ ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink ➡️ ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้ ✅ สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม ➡️ ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration ➡️ ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ‼️ ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก ⛔ แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง ‼️ ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน ⛔ ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk’s Dramatic Chip Ambitions Are Already Taking Shape — And the Early Signs Look Highly Optimistic
    Elon Musk's statements around building up a chip supply were seen as 'ambitious', but it appears that Tesla already has efforts in place.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • โนวาเลคของ Intel: คืนชีพเวคเตอร์ 512 บิต หรือแผนเปลี่ยนกลางทาง?

    Intel ถูกจับตาอย่างหนักว่ารุ่น Nova Lake จะรองรับ AVX10.2 (เวคเตอร์แบบ “Converged” 128/256/512 บิต) และ APX (เพิ่มรีจิสเตอร์ทั่วไป) ตามเอกสาร ISA และการอ้างอิงของชุมชนนักพัฒนา ซึ่งถ้าจริง จะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของไลน์ลูกค้า (เดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก) ให้มีประสิทธิภาพเวคเตอร์และงาน AI/สื่อ ที่เคยจำกัดใน Xeon กลับมาอยู่บนเครื่องทั่วไปอีกครั้ง.

    อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากแพตช์คอมไพเลอร์ GCC/LLVM และเอกสารฟีเจอร์สถาปัตยกรรมฉบับล่าสุดบางส่วนที่ “ไม่เห็น” การประกาศรองรับ AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์จะถูกจำกัดหรือเลื่อน แม้จะมีหลักฐานจาก NASM ที่ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้ง จึงเกิดภาพ “ข่าวดี-ข่าวลบ” ปะทะกันในระยะเตรียมเปิดตัว.

    หาก Nova Lake รองรับ AVX10/APX จริง พร้อมขยาย 512 บิตสู่ไลน์ลูกค้า จะเป็นครั้งแรกที่ Intel และ AMD (Zen 5 รองรับ AVX-512 เต็มจริง) ยืนบนเวทีเวคเตอร์ 512 บิตพร้อมกันในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ลดความแตกแยกของโปรแกรมมิงโมเดล และยกระดับงานวิทยาศาสตร์ สื่อ และ AI inference บนพีซีส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ.

    ข่าวลือด้านฮาร์ดแวร์ยังพูดถึงสเกลคอร์ที่ทะเยอทะยาน (เช่น สูงสุด 52 คอร์แบบผสม P/E/LPE) เพื่อบาลานซ์ซิงเกิลเธรดกับงานขนานโดยคุมพลังงาน แม้รายละเอียดยังไม่เป็นทางการ แต่หากจับคู่กับ AVX10/APX ได้จริง จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเกมทั้งงานครีเอทีฟ เกม และซอฟต์แวร์ขับเคลื่อน AI บนไคลเอนต์.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สัญญาณรองรับ: เอกสาร ISA และชุมชนเครื่องมือพัฒนาเผยเบาะแส AVX10.2/APX บน Nova Lake
    ผลเชิงปฏิบัติ: เวคเตอร์ 512 บิตและรีจิสเตอร์เพิ่ม ช่วยทั้งสื่อ วิทย์ และ AI บนเดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก

    ประโยชน์ผู้ใช้: โมเดลโปรแกรมที่ “คงที่” มากขึ้น ระหว่างลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์
    การแข่งขัน: สอดรับกับ AMD Zen 5 ที่รองรับ 512 บิตเต็มในไลน์ลูกค้าแล้ว

    ฮาร์ดแวร์ลือ: โครงสร้างไฮบริดคอร์จำนวนมากเพื่อคุมพลังงาน-ขยายมัลติเธรด
    ผลลัพธ์: ยกระดับเกม งานครีเอทีฟ และซอฟต์แวร์ AI บนไคลเอนต์ถ้าฟีเจอร์มาเต็มจริง

    คำเตือนข้อมูล: แพตช์ GCC/LLVM และบางเอกสารล่าสุด “ไม่กล่าวถึง” AVX10/APX สำหรับ Nova Lake
    ข้อควรจำ: อาจเปลี่ยนแผนกลางทาง หรือจำกัดตาม SKU—อย่าตัดสินใจซื้อจากข่าวลือเพียงอย่างเดียว

    ความเสี่ยงเฟิร์มแวร์/OS: หาก P/E cores รองรับไม่เท่ากัน อาจเกิดข้อจำกัดการจัดคิวงาน
    แนวทาง: รอการยืนยันทางการและรายละเอียดการแมปคอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้งานผิดคอร์แล้วเกิด error

    https://wccftech.com/intel-confirms-avx10-support-for-nova-lake-including-both-desktop-and-mobile-lineups/
    🔰 โนวาเลคของ Intel: คืนชีพเวคเตอร์ 512 บิต หรือแผนเปลี่ยนกลางทาง? 🧠 Intel ถูกจับตาอย่างหนักว่ารุ่น Nova Lake จะรองรับ AVX10.2 (เวคเตอร์แบบ “Converged” 128/256/512 บิต) และ APX (เพิ่มรีจิสเตอร์ทั่วไป) ตามเอกสาร ISA และการอ้างอิงของชุมชนนักพัฒนา ซึ่งถ้าจริง จะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของไลน์ลูกค้า (เดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก) ให้มีประสิทธิภาพเวคเตอร์และงาน AI/สื่อ ที่เคยจำกัดใน Xeon กลับมาอยู่บนเครื่องทั่วไปอีกครั้ง. อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากแพตช์คอมไพเลอร์ GCC/LLVM และเอกสารฟีเจอร์สถาปัตยกรรมฉบับล่าสุดบางส่วนที่ “ไม่เห็น” การประกาศรองรับ AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์จะถูกจำกัดหรือเลื่อน แม้จะมีหลักฐานจาก NASM ที่ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้ง จึงเกิดภาพ “ข่าวดี-ข่าวลบ” ปะทะกันในระยะเตรียมเปิดตัว. หาก Nova Lake รองรับ AVX10/APX จริง พร้อมขยาย 512 บิตสู่ไลน์ลูกค้า จะเป็นครั้งแรกที่ Intel และ AMD (Zen 5 รองรับ AVX-512 เต็มจริง) ยืนบนเวทีเวคเตอร์ 512 บิตพร้อมกันในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ลดความแตกแยกของโปรแกรมมิงโมเดล และยกระดับงานวิทยาศาสตร์ สื่อ และ AI inference บนพีซีส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ. ข่าวลือด้านฮาร์ดแวร์ยังพูดถึงสเกลคอร์ที่ทะเยอทะยาน (เช่น สูงสุด 52 คอร์แบบผสม P/E/LPE) เพื่อบาลานซ์ซิงเกิลเธรดกับงานขนานโดยคุมพลังงาน แม้รายละเอียดยังไม่เป็นทางการ แต่หากจับคู่กับ AVX10/APX ได้จริง จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเกมทั้งงานครีเอทีฟ เกม และซอฟต์แวร์ขับเคลื่อน AI บนไคลเอนต์. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สัญญาณรองรับ: เอกสาร ISA และชุมชนเครื่องมือพัฒนาเผยเบาะแส AVX10.2/APX บน Nova Lake ➡️ ผลเชิงปฏิบัติ: เวคเตอร์ 512 บิตและรีจิสเตอร์เพิ่ม ช่วยทั้งสื่อ วิทย์ และ AI บนเดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก ✅ ประโยชน์ผู้ใช้: โมเดลโปรแกรมที่ “คงที่” มากขึ้น ระหว่างลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ การแข่งขัน: สอดรับกับ AMD Zen 5 ที่รองรับ 512 บิตเต็มในไลน์ลูกค้าแล้ว ✅ ฮาร์ดแวร์ลือ: โครงสร้างไฮบริดคอร์จำนวนมากเพื่อคุมพลังงาน-ขยายมัลติเธรด ➡️ ผลลัพธ์: ยกระดับเกม งานครีเอทีฟ และซอฟต์แวร์ AI บนไคลเอนต์ถ้าฟีเจอร์มาเต็มจริง ‼️ คำเตือนข้อมูล: แพตช์ GCC/LLVM และบางเอกสารล่าสุด “ไม่กล่าวถึง” AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ⛔ ข้อควรจำ: อาจเปลี่ยนแผนกลางทาง หรือจำกัดตาม SKU—อย่าตัดสินใจซื้อจากข่าวลือเพียงอย่างเดียว ‼️ ความเสี่ยงเฟิร์มแวร์/OS: หาก P/E cores รองรับไม่เท่ากัน อาจเกิดข้อจำกัดการจัดคิวงาน ⛔ แนวทาง: รอการยืนยันทางการและรายละเอียดการแมปคอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้งานผิดคอร์แล้วเกิด error https://wccftech.com/intel-confirms-avx10-support-for-nova-lake-including-both-desktop-and-mobile-lineups/
    WCCFTECH.COM
    Intel Confirms AVX10 Support For Nova Lake, Including Both Desktop And Mobile Lineups
    According to the official ISA documents, the Intel Nova Lake CPUs will reportedly support the AVX10 vector and APX performance extensions.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • "Zed คือสำนักงานเสมือนจริง"

    Zed Industries พัฒนาโปรแกรมแก้ไขโค้ดที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนโปรแกรม แต่กลายเป็น “สำนักงานเสมือนจริง” ที่ทีมงานใช้ทำงานร่วมกันทั้งหมด ตั้งแต่การประชุม ไปจนถึงการแก้ไขโค้ดพร้อมกันแบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือการทำงานร่วมกันที่ไร้รอยต่อ ไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินหรือแชร์ลิงก์ซ้ำซ้อน ทุกอย่างถูกออกแบบมาให้เหมือนนั่งทำงานข้างกัน แม้จะอยู่คนละซีกโลก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Zed ใช้เทคโนโลยี CRDTs เพื่อให้การแก้ไขไฟล์หลายคนพร้อมกันไม่เกิดความขัดแย้ง และยังมีระบบช่อง (channels) ที่ทำหน้าที่เหมือนห้องประชุมเสมือนจริง มีทั้งพื้นที่สำหรับการประชุมใหญ่ การทำงานโครงการ และแม้แต่ “โต๊ะทำงานส่วนตัว” ของแต่ละคน ทำให้การทำงานแบบ remote มีความใกล้เคียงกับการทำงานในออฟฟิศจริงมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    Zed เป็นสำนักงานเสมือนจริง
    ใช้สำหรับประชุม all-hands, retrospectives, demos
    มีระบบ channels และ subchannels สำหรับโครงการและงานส่วนตัว

    จุดเด่นของ Zed
    ใช้ CRDTs ป้องกันความขัดแย้งในการแก้ไขไฟล์
    มีระบบเสียงและแชร์หน้าจอในตัว ไม่ต้องใช้ Zoom/Slack

    การใช้งานจริง
    ทีมงานใช้ Zed สร้าง Zed เอง
    มีการเปิดช่องสาธารณะให้คนภายนอกเข้ามาดูการทำงาน

    คำเตือน
    หากระบบ collaboration ล้มเหลว อาจกระทบการทำงานทั้งบริษัท
    การพึ่งพาแพลตฟอร์มเดียวมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อความยืดหยุ่น

    https://zed.dev/blog/zed-is-our-office
    💻 "Zed คือสำนักงานเสมือนจริง" Zed Industries พัฒนาโปรแกรมแก้ไขโค้ดที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนโปรแกรม แต่กลายเป็น “สำนักงานเสมือนจริง” ที่ทีมงานใช้ทำงานร่วมกันทั้งหมด ตั้งแต่การประชุม ไปจนถึงการแก้ไขโค้ดพร้อมกันแบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือการทำงานร่วมกันที่ไร้รอยต่อ ไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินหรือแชร์ลิงก์ซ้ำซ้อน ทุกอย่างถูกออกแบบมาให้เหมือนนั่งทำงานข้างกัน แม้จะอยู่คนละซีกโลก สิ่งที่น่าสนใจคือ Zed ใช้เทคโนโลยี CRDTs เพื่อให้การแก้ไขไฟล์หลายคนพร้อมกันไม่เกิดความขัดแย้ง และยังมีระบบช่อง (channels) ที่ทำหน้าที่เหมือนห้องประชุมเสมือนจริง มีทั้งพื้นที่สำหรับการประชุมใหญ่ การทำงานโครงการ และแม้แต่ “โต๊ะทำงานส่วนตัว” ของแต่ละคน ทำให้การทำงานแบบ remote มีความใกล้เคียงกับการทำงานในออฟฟิศจริงมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ Zed เป็นสำนักงานเสมือนจริง ➡️ ใช้สำหรับประชุม all-hands, retrospectives, demos ➡️ มีระบบ channels และ subchannels สำหรับโครงการและงานส่วนตัว ✅ จุดเด่นของ Zed ➡️ ใช้ CRDTs ป้องกันความขัดแย้งในการแก้ไขไฟล์ ➡️ มีระบบเสียงและแชร์หน้าจอในตัว ไม่ต้องใช้ Zoom/Slack ✅ การใช้งานจริง ➡️ ทีมงานใช้ Zed สร้าง Zed เอง ➡️ มีการเปิดช่องสาธารณะให้คนภายนอกเข้ามาดูการทำงาน ‼️ คำเตือน ⛔ หากระบบ collaboration ล้มเหลว อาจกระทบการทำงานทั้งบริษัท ⛔ การพึ่งพาแพลตฟอร์มเดียวมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อความยืดหยุ่น https://zed.dev/blog/zed-is-our-office
    ZED.DEV
    Zed Is Our Office - Zed Blog
    From the Zed Blog: A look at how we use Zed's native collaboration features to run our entire company.
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • "MCP Servers – เทคโนโลยีใหม่ที่มาแรง แต่ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย"

    MCP (Model Context Protocol) กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและเครื่องมือภายนอกได้สะดวกขึ้น แต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ

    ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงมาตรฐาน MCP อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการรองรับ OAuth และระบบ third-party authentication อย่าง Auth0 หรือ Okta รวมถึงการเปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม การยืนยันตัวตนยังคงเป็นเพียง "ทางเลือก" ไม่ใช่ข้อบังคับ ทำให้หลายองค์กรยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง

    ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft และ Google Cloud ต่างก็ออกเครื่องมือเสริมเพื่อช่วยป้องกัน MCP servers เช่น ระบบ Zero Trust, การตรวจจับ prompt injection และการจัดเก็บข้อมูลลับใน Secret Manager ขณะเดียวกัน ผู้เล่นหน้าใหม่และสตาร์ทอัพก็เข้ามาเสนอโซลูชันเฉพาะทาง เช่น การสแกนหา MCP servers ที่ซ่อนอยู่ในองค์กร หรือการสร้าง proxy เพื่อกันข้อมูลรั่วไหล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทใหญ่ เช่น PayPal, Slack และ GitHub ได้เปิดตัว MCP servers ของตนเองแล้ว เพื่อให้ AI agents เชื่อมต่อกับบริการได้โดยตรง ขณะที่ผู้ให้บริการ third-party อย่าง Zapier ก็เปิดให้เชื่อมต่อกับแอปกว่า 8,000 ตัว ซึ่งสะท้อนว่า MCP กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลก AI แต่ก็ยังต้องการการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนาและการใช้งาน MCP Servers
    MCP ช่วยให้ AI agents เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้สะดวก
    มีการเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันตัวตนจาก third-party เช่น Okta, Auth0
    เปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์

    ผู้ให้บริการรายใหญ่และสตาร์ทอัพเข้ามาเสริมความปลอดภัย
    AWS, Microsoft, Google Cloud เพิ่มระบบ Zero Trust และการตรวจจับ prompt injection
    สตาร์ทอัพเสนอเครื่องมือสแกน MCP servers และ proxy ป้องกันข้อมูลรั่วไหล

    การใช้งานจริงในองค์กรและแพลตฟอร์มต่างๆ
    PayPal, Slack, GitHub เปิดตัว MCP servers ของตนเอง
    Zapier ให้เชื่อมต่อกับกว่า 8,000 แอปพลิเคชัน

    ความเสี่ยงและช่องโหว่ที่ยังคงอยู่
    Authentication ยังเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่ข้อบังคับ
    เสี่ยงต่อ prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์
    MCP servers ที่ไม่เป็นทางการอาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

    https://www.csoonline.com/article/4087656/what-cisos-need-to-know-about-new-tools-for-securing-mcp-servers.html
    🛡️ "MCP Servers – เทคโนโลยีใหม่ที่มาแรง แต่ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย" MCP (Model Context Protocol) กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและเครื่องมือภายนอกได้สะดวกขึ้น แต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงมาตรฐาน MCP อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการรองรับ OAuth และระบบ third-party authentication อย่าง Auth0 หรือ Okta รวมถึงการเปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม การยืนยันตัวตนยังคงเป็นเพียง "ทางเลือก" ไม่ใช่ข้อบังคับ ทำให้หลายองค์กรยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft และ Google Cloud ต่างก็ออกเครื่องมือเสริมเพื่อช่วยป้องกัน MCP servers เช่น ระบบ Zero Trust, การตรวจจับ prompt injection และการจัดเก็บข้อมูลลับใน Secret Manager ขณะเดียวกัน ผู้เล่นหน้าใหม่และสตาร์ทอัพก็เข้ามาเสนอโซลูชันเฉพาะทาง เช่น การสแกนหา MCP servers ที่ซ่อนอยู่ในองค์กร หรือการสร้าง proxy เพื่อกันข้อมูลรั่วไหล สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทใหญ่ เช่น PayPal, Slack และ GitHub ได้เปิดตัว MCP servers ของตนเองแล้ว เพื่อให้ AI agents เชื่อมต่อกับบริการได้โดยตรง ขณะที่ผู้ให้บริการ third-party อย่าง Zapier ก็เปิดให้เชื่อมต่อกับแอปกว่า 8,000 ตัว ซึ่งสะท้อนว่า MCP กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลก AI แต่ก็ยังต้องการการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนาและการใช้งาน MCP Servers ➡️ MCP ช่วยให้ AI agents เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้สะดวก ➡️ มีการเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันตัวตนจาก third-party เช่น Okta, Auth0 ➡️ เปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ ✅ ผู้ให้บริการรายใหญ่และสตาร์ทอัพเข้ามาเสริมความปลอดภัย ➡️ AWS, Microsoft, Google Cloud เพิ่มระบบ Zero Trust และการตรวจจับ prompt injection ➡️ สตาร์ทอัพเสนอเครื่องมือสแกน MCP servers และ proxy ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ✅ การใช้งานจริงในองค์กรและแพลตฟอร์มต่างๆ ➡️ PayPal, Slack, GitHub เปิดตัว MCP servers ของตนเอง ➡️ Zapier ให้เชื่อมต่อกับกว่า 8,000 แอปพลิเคชัน ‼️ ความเสี่ยงและช่องโหว่ที่ยังคงอยู่ ⛔ Authentication ยังเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่ข้อบังคับ ⛔ เสี่ยงต่อ prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ⛔ MCP servers ที่ไม่เป็นทางการอาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล https://www.csoonline.com/article/4087656/what-cisos-need-to-know-about-new-tools-for-securing-mcp-servers.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What CISOs need to know about new tools for securing MCP servers
    As MCP servers become more popular, so do the risks. To address some of the risks many vendors have started to offer products meant to secure the use of MCP servers.
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • Operation Endgame – ปฏิบัติการระดับโลกยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง ปราบสามแก๊งมัลแวร์

    ในเดือนพฤศจิกายน 2025 หน่วยงาน Europol และพันธมิตรจาก 11 ประเทศ ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ Operation Endgame ที่สามารถยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,025 เครื่อง และจับกุมผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในกรีซ การปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เครื่องมือมัลแวร์ชื่อดัง ได้แก่ Rhadamanthys (Infostealer), VenomRAT (Remote Access Tool) และ Elysium Botnet

    การเข้าจู่โจมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยึดโดเมนที่ใช้โจมตี แต่ยังค้นพบข้อมูลที่ถูกขโมยมหาศาล เช่น รหัสล็อกอินหลายล้านรายการ และกระเป๋าเงินคริปโตมากกว่า 100,000 ใบที่ถูกควบคุมโดยผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจมีมูลค่าหลายล้านยูโร

    สิ่งที่น่าสนใจคือการร่วมมือกันของทั้งหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน เช่น CrowdStrike, Proofpoint และ Bitdefender ที่ช่วยสนับสนุนการสืบสวนและปิดระบบที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติการนี้ยังต่อยอดจากการปราบปรามก่อนหน้า เช่น Smokeloader และ IcedID ในปี 2024–2025 แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำลังไล่ล่าทั้งผู้สร้างและผู้ใช้บริการมัลแวร์อย่างจริงจัง

    ประชาชนทั่วไปที่กังวลว่าตัวเองอาจถูกติดมัลแวร์ สามารถตรวจสอบได้ผ่านเครื่องมือฟรีที่ตำรวจยุโรปเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัยจากการโจมตี

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    รายละเอียดของ Operation Endgame
    ยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง, จับผู้ต้องสงสัยในกรีซ

    มัลแวร์ที่ถูกปราบปราม
    Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Botnet

    ความร่วมมือระหว่างประเทศและเอกชน
    Europol, CrowdStrike, Proofpoint, Bitdefender

    ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ทั่วไปควรตรวจสอบ
    ใช้เครื่องมือฟรีตรวจสอบ, ระวังข้อมูลล็อกอินและกระเป๋าเงินคริปโตถูกขโมย

    https://hackread.com/operation-endgame-rhadamanthys-venomrat-elysium-malware/
    🌐 Operation Endgame – ปฏิบัติการระดับโลกยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง ปราบสามแก๊งมัลแวร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2025 หน่วยงาน Europol และพันธมิตรจาก 11 ประเทศ ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ Operation Endgame ที่สามารถยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,025 เครื่อง และจับกุมผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในกรีซ การปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เครื่องมือมัลแวร์ชื่อดัง ได้แก่ Rhadamanthys (Infostealer), VenomRAT (Remote Access Tool) และ Elysium Botnet การเข้าจู่โจมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยึดโดเมนที่ใช้โจมตี แต่ยังค้นพบข้อมูลที่ถูกขโมยมหาศาล เช่น รหัสล็อกอินหลายล้านรายการ และกระเป๋าเงินคริปโตมากกว่า 100,000 ใบที่ถูกควบคุมโดยผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจมีมูลค่าหลายล้านยูโร สิ่งที่น่าสนใจคือการร่วมมือกันของทั้งหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน เช่น CrowdStrike, Proofpoint และ Bitdefender ที่ช่วยสนับสนุนการสืบสวนและปิดระบบที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติการนี้ยังต่อยอดจากการปราบปรามก่อนหน้า เช่น Smokeloader และ IcedID ในปี 2024–2025 แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำลังไล่ล่าทั้งผู้สร้างและผู้ใช้บริการมัลแวร์อย่างจริงจัง ประชาชนทั่วไปที่กังวลว่าตัวเองอาจถูกติดมัลแวร์ สามารถตรวจสอบได้ผ่านเครื่องมือฟรีที่ตำรวจยุโรปเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัยจากการโจมตี 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ รายละเอียดของ Operation Endgame ➡️ ยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง, จับผู้ต้องสงสัยในกรีซ ✅ มัลแวร์ที่ถูกปราบปราม ➡️ Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Botnet ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศและเอกชน ➡️ Europol, CrowdStrike, Proofpoint, Bitdefender ‼️ ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ทั่วไปควรตรวจสอบ ⛔ ใช้เครื่องมือฟรีตรวจสอบ, ระวังข้อมูลล็อกอินและกระเป๋าเงินคริปโตถูกขโมย https://hackread.com/operation-endgame-rhadamanthys-venomrat-elysium-malware/
    HACKREAD.COM
    Operation Endgame Hits Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Malware, seize 1025 servers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ในกลยุทธ์ EASM – เมื่อผู้โจมตีใช้ประโยชน์จาก “Blind Spots”

    เรื่องราวนี้เล่าถึงการจัดการ External Attack Surface Management (EASM) ที่หลายองค์กรใช้เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ แต่กลับมีจุดบอดที่ผู้โจมตีสามารถเจาะเข้ามาได้ง่าย ๆ เช่น เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต, อุปกรณ์ที่พนักงานนำมาใช้เองโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ หรือแม้แต่ระบบของพันธมิตรที่องค์กรไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ เหตุการณ์จริงที่สะท้อนความร้ายแรงคือการโจมตี Oracle ในปี 2025 ที่เกิดจากเพียงซับโดเมนที่ไม่มีการจัดการ แต่กลับนำไปสู่การรั่วไหลข้อมูลลูกค้านับล้านราย

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงบทบาทของ AI ที่ทั้งช่วยและทำร้ายได้ในเวลาเดียวกัน ฝั่งผู้โจมตีใช้ AI เพื่อเร่งการสแกนและสร้างสคริปต์โจมตี ส่วนฝั่งป้องกันก็ใช้ AI เพื่อค้นหาและจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว AI ไม่ได้สร้างความได้เปรียบที่ชัดเจน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็พัฒนาแข่งกันอยู่ตลอดเวลา

    สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือการสแกนระบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงรายไตรมาส และควรลบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้ใช้งานออกไป รวมถึงการเสริมชั้นการตรวจสอบเพิ่มเติมนอกเหนือจาก Microsoft Defender เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมเชื่อมโยงเข้ากับระบบ SIEM และ SOAR เพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    จุดบอดของ EASM ที่ผู้โจมตีใช้ประโยชน์
    เซิร์ฟเวอร์เก่า, Shadow IT, ระบบพันธมิตรที่ไม่ปลอดภัย

    AI มีบทบาททั้งช่วยและทำร้าย
    ผู้โจมตีใช้เพื่อเร่งการโจมตี, ฝั่งป้องกันใช้เพื่อค้นหาช่องโหว่

    วิธีเสริมความปลอดภัย
    สแกนต่อเนื่อง, ลบระบบที่ไม่ได้ใช้งาน, เพิ่มชั้นตรวจสอบ

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเครื่องมือเดียว
    Defender เพียงอย่างเดียวอาจสร้างความมั่นใจผิด ๆ

    https://hackread.com/how-adversaries-exploit-blind-spots-easm-strategy/
    🛡️ ช่องโหว่ในกลยุทธ์ EASM – เมื่อผู้โจมตีใช้ประโยชน์จาก “Blind Spots” เรื่องราวนี้เล่าถึงการจัดการ External Attack Surface Management (EASM) ที่หลายองค์กรใช้เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ แต่กลับมีจุดบอดที่ผู้โจมตีสามารถเจาะเข้ามาได้ง่าย ๆ เช่น เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต, อุปกรณ์ที่พนักงานนำมาใช้เองโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ หรือแม้แต่ระบบของพันธมิตรที่องค์กรไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ เหตุการณ์จริงที่สะท้อนความร้ายแรงคือการโจมตี Oracle ในปี 2025 ที่เกิดจากเพียงซับโดเมนที่ไม่มีการจัดการ แต่กลับนำไปสู่การรั่วไหลข้อมูลลูกค้านับล้านราย นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงบทบาทของ AI ที่ทั้งช่วยและทำร้ายได้ในเวลาเดียวกัน ฝั่งผู้โจมตีใช้ AI เพื่อเร่งการสแกนและสร้างสคริปต์โจมตี ส่วนฝั่งป้องกันก็ใช้ AI เพื่อค้นหาและจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว AI ไม่ได้สร้างความได้เปรียบที่ชัดเจน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็พัฒนาแข่งกันอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือการสแกนระบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงรายไตรมาส และควรลบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้ใช้งานออกไป รวมถึงการเสริมชั้นการตรวจสอบเพิ่มเติมนอกเหนือจาก Microsoft Defender เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมเชื่อมโยงเข้ากับระบบ SIEM และ SOAR เพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ จุดบอดของ EASM ที่ผู้โจมตีใช้ประโยชน์ ➡️ เซิร์ฟเวอร์เก่า, Shadow IT, ระบบพันธมิตรที่ไม่ปลอดภัย ✅ AI มีบทบาททั้งช่วยและทำร้าย ➡️ ผู้โจมตีใช้เพื่อเร่งการโจมตี, ฝั่งป้องกันใช้เพื่อค้นหาช่องโหว่ ✅ วิธีเสริมความปลอดภัย ➡️ สแกนต่อเนื่อง, ลบระบบที่ไม่ได้ใช้งาน, เพิ่มชั้นตรวจสอบ ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเครื่องมือเดียว ⛔ Defender เพียงอย่างเดียวอาจสร้างความมั่นใจผิด ๆ https://hackread.com/how-adversaries-exploit-blind-spots-easm-strategy/
    HACKREAD.COM
    How Adversaries Exploit the Blind Spots in Your EASM Strategy
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • openSUSE Tumbleweed เปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS เป็นค่าเริ่มต้นใน UEFI

    เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ openSUSE Tumbleweed ที่หันมาใช้ GRUB2-BLS แทน GRUB2 แบบดั้งเดิมสำหรับเครื่องที่ติดตั้งในโหมด UEFI โดย GRUB2-BLS ถูกพัฒนาโดย Fedora เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Boot Loader Specification (BLS) ซึ่งช่วยให้ระบบจัดการ boot entries ได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ Full Disk Encryption (FDE) ที่ต้องการความเข้ากันได้กับ systemd

    ข้อดีคือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างไฟล์ config ใหม่ทุกครั้งที่อัปเดต kernel เพราะ GRUB2-BLS จะสร้างเมนู boot แบบไดนามิกจากไฟล์ที่อยู่ใน /boot/efi/loader/entries ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออย่าง sdbootutil ที่ช่วยอัปเดต boot entries อัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

    แต่ก็มีข้อควรระวัง หากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดจาก GRUB2 เดิมไป GRUB2-BLS อาจเจอปัญหาพื้นที่ EFI System Partition (ESP) ไม่เพียงพอ จึงไม่แนะนำให้อัปเกรดตรง ๆ โดยไม่มีการปรับขนาดพาร์ทิชัน

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    การเปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS
    รองรับ Full Disk Encryption ได้ดีขึ้น
    ไม่ต้องสร้าง config ใหม่ทุกครั้ง

    คำเตือนเรื่องการอัปเกรด
    ESP อาจมีพื้นที่ไม่พอ ทำให้ระบบ boot ล้มเหลว

    https://9to5linux.com/opensuse-tumbleweed-now-defaults-to-grub2-bls-bootloader-for-uefi-installs
    🖥️ openSUSE Tumbleweed เปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS เป็นค่าเริ่มต้นใน UEFI เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ openSUSE Tumbleweed ที่หันมาใช้ GRUB2-BLS แทน GRUB2 แบบดั้งเดิมสำหรับเครื่องที่ติดตั้งในโหมด UEFI โดย GRUB2-BLS ถูกพัฒนาโดย Fedora เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Boot Loader Specification (BLS) ซึ่งช่วยให้ระบบจัดการ boot entries ได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ Full Disk Encryption (FDE) ที่ต้องการความเข้ากันได้กับ systemd ข้อดีคือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างไฟล์ config ใหม่ทุกครั้งที่อัปเดต kernel เพราะ GRUB2-BLS จะสร้างเมนู boot แบบไดนามิกจากไฟล์ที่อยู่ใน /boot/efi/loader/entries ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออย่าง sdbootutil ที่ช่วยอัปเดต boot entries อัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีข้อควรระวัง หากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดจาก GRUB2 เดิมไป GRUB2-BLS อาจเจอปัญหาพื้นที่ EFI System Partition (ESP) ไม่เพียงพอ จึงไม่แนะนำให้อัปเกรดตรง ๆ โดยไม่มีการปรับขนาดพาร์ทิชัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ การเปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS ➡️ รองรับ Full Disk Encryption ได้ดีขึ้น ➡️ ไม่ต้องสร้าง config ใหม่ทุกครั้ง ‼️ คำเตือนเรื่องการอัปเกรด ⛔ ESP อาจมีพื้นที่ไม่พอ ทำให้ระบบ boot ล้มเหลว https://9to5linux.com/opensuse-tumbleweed-now-defaults-to-grub2-bls-bootloader-for-uefi-installs
    9TO5LINUX.COM
    openSUSE Tumbleweed Now Defaults to GRUB2-BLS Bootloader for New UEFI Installs - 9to5Linux
    openSUSE Tumbleweed distribution switches from GRUB2 to GRUB2-BLS as default bootloader when installed via YaST.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • Nitrux 5.0.0 เปิดตัวแล้ว !!!

    Nitrux 5.0.0 เปิดตัวแล้ว โดยเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ไปใช้ Hyprland, ระบบไฟล์แบบ immutable, และแนวทางจัดการซอฟต์แวร์ใหม่ที่ไม่เหมาะกับทุกคน แต่ชัดเจนว่าออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ชอบการปรับแต่งและเครื่องที่มีสมรรถนะสูง

    จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ Nitrux
    Nitrux เป็นดิสโทรที่มีพื้นฐานจาก Debian และเคยโดดเด่นด้วยการใช้ NX Desktop บน KDE Plasma แต่ในปีนี้ทีมพัฒนาได้ประกาศยุติ NX Desktop และหันไปใช้ Hyprland บน Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ Nitrux 5.0.0 กลายเป็นเวอร์ชันแรกที่สะท้อนแนวทางใหม่นี้ โดยตัด KDE Plasma, KWin และ SDDM ออกไปทั้งหมด

    ฟีเจอร์ใหม่และระบบภายใน
    Nitrux 5.0.0 ใช้ OpenRC 0.63 แทน systemd และมาพร้อม Liquorix kernel 6.17.7 หรือ CachyOS-patched kernel ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังมีการนำเครื่องมือใหม่ ๆ เข้ามา เช่น Waybar, Crystal Dock, greetd, QtGreet, Wofi และ wlogout เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิม ระบบไฟล์ถูกออกแบบให้เป็น immutable root filesystem ผ่าน NX Overlayroot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ rollback ระบบได้ง่ายและมั่นคงมากขึ้น

    การจัดการซอฟต์แวร์แบบใหม่
    ทีมพัฒนาได้เปิดตัว NX AppHub และ AppBoxes เป็นวิธีหลักในการติดตั้งแอปพลิเคชัน โดยยังคงรองรับ Flatpak และ Distrobox เป็นทางเลือกเสริม พร้อมอัปเดตเครื่องมือสำคัญหลายตัว เช่น Podman 5.6.1, Docker 26.1.5, Git 2.51.0, Python 3.13.7, MESA 25.2.3 และ PipeWire 1.4.8

    การออกแบบเพื่อผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม
    นักพัฒนา Nitrux ย้ำชัดว่า ดิสโทรนี้ ไม่ถูกออกแบบมาเพื่อทุกคน แต่เหมาะกับผู้ใช้ที่มองว่าการปรับแต่งคือพลัง ไม่ใช่ความยุ่งยาก โดยเปรียบเทียบว่า Nitrux เป็นเหมือน “รถแข่งสำหรับสนามจริง” ไม่ใช่ “รถสำหรับขับในเมือง” สะท้อนว่ามุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์ทันสมัยและต้องการประสิทธิภาพสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงหลักใน Nitrux 5.0.0
    ยกเลิก NX Desktop และ KDE Plasma
    ใช้ Hyprland บน Wayland อย่างเต็มรูปแบบ

    ระบบภายในและฟีเจอร์ใหม่
    ใช้ OpenRC 0.63 และ kernel ที่ปรับแต่ง
    Immutable root filesystem ผ่าน NX Overlayroot

    การจัดการซอฟต์แวร์
    NX AppHub และ AppBoxes เป็นวิธีหลัก
    Flatpak และ Distrobox ยังรองรับเป็นทางเลือก

    แนวคิดการออกแบบ
    มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ที่ชอบการปรับแต่ง
    เหมาะกับเครื่องสมรรถนะสูง ไม่ใช่ทุกคน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ไม่รองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันเก่า (3.9.1 → 5.0.0)
    ไม่รองรับการใช้งานบน Virtual Machine โดยตรง

    https://itsfoss.com/news/nitrux-5-release/
    🐧 Nitrux 5.0.0 เปิดตัวแล้ว !!! Nitrux 5.0.0 เปิดตัวแล้ว โดยเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ไปใช้ Hyprland, ระบบไฟล์แบบ immutable, และแนวทางจัดการซอฟต์แวร์ใหม่ที่ไม่เหมาะกับทุกคน แต่ชัดเจนว่าออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ชอบการปรับแต่งและเครื่องที่มีสมรรถนะสูง 🖥️ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ Nitrux Nitrux เป็นดิสโทรที่มีพื้นฐานจาก Debian และเคยโดดเด่นด้วยการใช้ NX Desktop บน KDE Plasma แต่ในปีนี้ทีมพัฒนาได้ประกาศยุติ NX Desktop และหันไปใช้ Hyprland บน Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ Nitrux 5.0.0 กลายเป็นเวอร์ชันแรกที่สะท้อนแนวทางใหม่นี้ โดยตัด KDE Plasma, KWin และ SDDM ออกไปทั้งหมด ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่และระบบภายใน Nitrux 5.0.0 ใช้ OpenRC 0.63 แทน systemd และมาพร้อม Liquorix kernel 6.17.7 หรือ CachyOS-patched kernel ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังมีการนำเครื่องมือใหม่ ๆ เข้ามา เช่น Waybar, Crystal Dock, greetd, QtGreet, Wofi และ wlogout เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิม ระบบไฟล์ถูกออกแบบให้เป็น immutable root filesystem ผ่าน NX Overlayroot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ rollback ระบบได้ง่ายและมั่นคงมากขึ้น 📦 การจัดการซอฟต์แวร์แบบใหม่ ทีมพัฒนาได้เปิดตัว NX AppHub และ AppBoxes เป็นวิธีหลักในการติดตั้งแอปพลิเคชัน โดยยังคงรองรับ Flatpak และ Distrobox เป็นทางเลือกเสริม พร้อมอัปเดตเครื่องมือสำคัญหลายตัว เช่น Podman 5.6.1, Docker 26.1.5, Git 2.51.0, Python 3.13.7, MESA 25.2.3 และ PipeWire 1.4.8 🚀 การออกแบบเพื่อผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม นักพัฒนา Nitrux ย้ำชัดว่า ดิสโทรนี้ ไม่ถูกออกแบบมาเพื่อทุกคน แต่เหมาะกับผู้ใช้ที่มองว่าการปรับแต่งคือพลัง ไม่ใช่ความยุ่งยาก โดยเปรียบเทียบว่า Nitrux เป็นเหมือน “รถแข่งสำหรับสนามจริง” ไม่ใช่ “รถสำหรับขับในเมือง” สะท้อนว่ามุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์ทันสมัยและต้องการประสิทธิภาพสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงหลักใน Nitrux 5.0.0 ➡️ ยกเลิก NX Desktop และ KDE Plasma ➡️ ใช้ Hyprland บน Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ✅ ระบบภายในและฟีเจอร์ใหม่ ➡️ ใช้ OpenRC 0.63 และ kernel ที่ปรับแต่ง ➡️ Immutable root filesystem ผ่าน NX Overlayroot ✅ การจัดการซอฟต์แวร์ ➡️ NX AppHub และ AppBoxes เป็นวิธีหลัก ➡️ Flatpak และ Distrobox ยังรองรับเป็นทางเลือก ✅ แนวคิดการออกแบบ ➡️ มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ที่ชอบการปรับแต่ง ➡️ เหมาะกับเครื่องสมรรถนะสูง ไม่ใช่ทุกคน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ไม่รองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันเก่า (3.9.1 → 5.0.0) ⛔ ไม่รองรับการใช้งานบน Virtual Machine โดยตรง https://itsfoss.com/news/nitrux-5-release/
    ITSFOSS.COM
    Nitrux 5.0.0 Released: A 'New Beginning' That's Not for Everyone (By Design)
    The Debian-based distro goes all-in on Hyprland, immutability, and intentional design.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation

    รายละเอียดช่องโหว่
    NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่

    CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้

    CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี

    ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล

    ความรุนแรงและผลกระทบ
    ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข
    ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0
    แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI

    ความสำคัญต่อวงการ AI
    การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่
    CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ
    CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0
    NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0

    แนวทางแก้ไข
    รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0
    ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม
    การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ

    https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    ⚠️ ข่าวใหญ่: ช่องโหว่ร้ายแรงใน NVIDIA NeMo Framework เสี่ยง Code Injection และ Privilege Escalation 🧩 รายละเอียดช่องโหว่ NVIDIA ได้ออกประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงใน NeMo Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา AI และ Machine Learning โดยพบว่า มี 2 ช่องโหว่หลัก ได้แก่ 🪲 CVE-2025-23361: เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่เพียงพอในสคริปต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ crafted ขึ้นมาเพื่อควบคุมการสร้างโค้ดได้ 🪲 CVE-2025-33178: เกิดในส่วนของ BERT services component ที่เปิดทางให้เกิด Code Injection ผ่านข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้โจมตี ทั้งสองช่องโหว่สามารถนำไปสู่การ รันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การยกระดับสิทธิ์, การเปิดเผยข้อมูล และการแก้ไขข้อมูล 🔥 ความรุนแรงและผลกระทบ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกจัดระดับ CVSS 7.8 (High Severity) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น Shared Development Machines, Research Clusters และ AI Inference Servers หากถูกโจมตีสำเร็จ อาจทำให้ระบบ AI pipeline ถูกควบคุมและข้อมูลสำคัญถูกดัดแปลงหรือรั่วไหล 🛠️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบและการแก้ไข 🪛 ได้รับผลกระทบ: ทุกเวอร์ชันของ NeMo Framework ก่อน 2.5.0 🪛 แก้ไขแล้ว: เวอร์ชัน 2.5.0 ที่ NVIDIA ได้ปล่อยแพตช์ออกมาแล้วบน GitHub และ PyPI 🌐 ความสำคัญต่อวงการ AI การโจมตีที่เกิดขึ้นใน AI pipeline ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังอาจทำให้โมเดลที่ถูกฝึกหรือใช้งานในงานวิจัยและการผลิตถูกบิดเบือน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการตัดสินใจ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ CVE-2025-23361: ช่องโหว่ในสคริปต์ที่ตรวจสอบอินพุตไม่เพียงพอ ➡️ CVE-2025-33178: ช่องโหว่ใน BERT services component เปิดทาง Code Injection ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกระดับสิทธิ์ ➡️ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแก้ไข ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ทุกเวอร์ชันก่อน NeMo 2.5.0 ➡️ NVIDIA ได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.5.0 ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ รีบอัปเดตเป็น NeMo Framework 2.5.0 ➡️ ตรวจสอบระบบ AI pipeline ที่ใช้งานร่วมกัน ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบ AI pipeline ถูกควบคุม ⛔ การโจมตีอาจบิดเบือนผลลัพธ์ของโมเดล AI และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ https://securityonline.info/high-severity-nvidia-nemo-framework-flaws-allow-code-injection-and-privilege-escalation-in-ai-pipelines/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity NVIDIA NeMo Framework Flaws Allow Code Injection and Privilege Escalation in AI Pipelines
    NVIDIA patched two High-severity flaws in its NeMo Framework. CVE-2025-23361 and CVE-2025-33178 allow local code injection and privilege escalation in AI training environments. Update to v2.5.0.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปรับระบบ Activation ใน Windows 11 ทำให้ KMS38 ใช้งานไม่ได้

    ไมโครซอฟท์ได้ปรับเปลี่ยนกลไกการทำงานของระบบ KMS Activation ใน Windows 11 รุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลให้วิธีการ KMS38 Activation ที่เคยใช้เพื่อยืดอายุการใช้งานไปจนถึงปี 2038 ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ Build 26040 ที่มีการนำไฟล์ gatherosstate.exe ออกจาก ISO และต่อมาใน Build 26100.7019 ได้ยกเลิกกลไกการโอนสิทธิ์การใช้งานอย่างถาวร

    KMS เดิมถูกออกแบบมาเพื่อองค์กร โดยให้เซิร์ฟเวอร์ภายในออกสิทธิ์การใช้งานชั่วคราว 180 วัน และสามารถต่ออายุได้เรื่อย ๆ แต่ KMS38 ใช้ช่องโหว่ของระบบที่โอนช่วงเวลา Grace Period ไปเรื่อย ๆ จนสามารถยืดอายุได้ยาวนาน อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างใหม่ทำให้ Grace Period ถูกรีเซ็ตเป็นศูนย์ทุกครั้งที่อัปเกรด และไม่สามารถสะสมต่อได้อีก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดจากการปราบปรามการ Activate แบบไม่ถูกลิขสิทธิ์โดยตรง แต่เป็นผลข้างเคียงจากการปรับสถาปัตยกรรมภายในของ Windows เอง คล้ายกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับการปิดระบบ HWID Activation ในอดีต ซึ่งไมโครซอฟท์ไม่ได้ตั้งใจโจมตีผู้ใช้ แต่เป็นการปรับปรุงระบบตามแผนงานภายใน

    นอกจากนี้ยังมีวิธี Activate อื่น ๆ เช่น TSForge ที่ยังคงทำงานได้ตามปกติ ทำให้เห็นว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้มุ่งเน้นการปิดกั้นทุกวิธีการ Activate ที่ไม่เป็นทางการ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงการเดินหน้าพัฒนา Windows ให้มีโครงสร้างที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับทิศทางใหม่ของระบบปฏิบัติการในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงระบบ KMS Activation
    ไฟล์ gatherosstate.exe ถูกลบออก ทำให้ Grace Period ไม่ถูกโอนต่อ
    KMS38 Activation ใช้งานไม่ได้ตั้งแต่ Windows 11 Build 26040 เป็นต้นไป

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    เครื่องที่เคย Activate ด้วย KMS38 ยังใช้งานได้ตามปกติ
    วิธี Activate อื่น เช่น TSForge ยังทำงานได้

    เจตนาของไมโครซอฟท์
    ไม่ได้มุ่งปราบปรามการ Activate เถื่อนโดยตรง
    เป็นผลจากการปรับสถาปัตยกรรมระบบภายใน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    การใช้วิธี Activate ที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย
    เครื่องมือ Activate เถื่อนบางตัวถูกฝังมัลแวร์และอาจขโมยข้อมูล

    https://securityonline.info/kms38-activation-is-broken-microsoft-removes-license-transfer-mechanism-in-windows-11/
    🖥️ Microsoft ปรับระบบ Activation ใน Windows 11 ทำให้ KMS38 ใช้งานไม่ได้ ไมโครซอฟท์ได้ปรับเปลี่ยนกลไกการทำงานของระบบ KMS Activation ใน Windows 11 รุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลให้วิธีการ KMS38 Activation ที่เคยใช้เพื่อยืดอายุการใช้งานไปจนถึงปี 2038 ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ Build 26040 ที่มีการนำไฟล์ gatherosstate.exe ออกจาก ISO และต่อมาใน Build 26100.7019 ได้ยกเลิกกลไกการโอนสิทธิ์การใช้งานอย่างถาวร KMS เดิมถูกออกแบบมาเพื่อองค์กร โดยให้เซิร์ฟเวอร์ภายในออกสิทธิ์การใช้งานชั่วคราว 180 วัน และสามารถต่ออายุได้เรื่อย ๆ แต่ KMS38 ใช้ช่องโหว่ของระบบที่โอนช่วงเวลา Grace Period ไปเรื่อย ๆ จนสามารถยืดอายุได้ยาวนาน อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างใหม่ทำให้ Grace Period ถูกรีเซ็ตเป็นศูนย์ทุกครั้งที่อัปเกรด และไม่สามารถสะสมต่อได้อีก สิ่งที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดจากการปราบปรามการ Activate แบบไม่ถูกลิขสิทธิ์โดยตรง แต่เป็นผลข้างเคียงจากการปรับสถาปัตยกรรมภายในของ Windows เอง คล้ายกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับการปิดระบบ HWID Activation ในอดีต ซึ่งไมโครซอฟท์ไม่ได้ตั้งใจโจมตีผู้ใช้ แต่เป็นการปรับปรุงระบบตามแผนงานภายใน นอกจากนี้ยังมีวิธี Activate อื่น ๆ เช่น TSForge ที่ยังคงทำงานได้ตามปกติ ทำให้เห็นว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้มุ่งเน้นการปิดกั้นทุกวิธีการ Activate ที่ไม่เป็นทางการ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงการเดินหน้าพัฒนา Windows ให้มีโครงสร้างที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับทิศทางใหม่ของระบบปฏิบัติการในอนาคต 🔑 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงระบบ KMS Activation ➡️ ไฟล์ gatherosstate.exe ถูกลบออก ทำให้ Grace Period ไม่ถูกโอนต่อ ➡️ KMS38 Activation ใช้งานไม่ได้ตั้งแต่ Windows 11 Build 26040 เป็นต้นไป ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ เครื่องที่เคย Activate ด้วย KMS38 ยังใช้งานได้ตามปกติ ➡️ วิธี Activate อื่น เช่น TSForge ยังทำงานได้ ✅ เจตนาของไมโครซอฟท์ ➡️ ไม่ได้มุ่งปราบปรามการ Activate เถื่อนโดยตรง ➡️ เป็นผลจากการปรับสถาปัตยกรรมระบบภายใน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การใช้วิธี Activate ที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⛔ เครื่องมือ Activate เถื่อนบางตัวถูกฝังมัลแวร์และอาจขโมยข้อมูล https://securityonline.info/kms38-activation-is-broken-microsoft-removes-license-transfer-mechanism-in-windows-11/
    SECURITYONLINE.INFO
    KMS38 Activation is Broken: Microsoft Removes License Transfer Mechanism in Windows 11
    Microsoft changed the KMS activation mechanism in Windows 11 (Build 26040+), removing the license transfer that KMS38 exploited, effectively breaking the activation method.
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet

    นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย.

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน
    เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน.

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี.

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต.

    ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet
    ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store
    ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase
    เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain
    ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2
    ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store
    ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว
    การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น

    https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    🕵️‍♂️ ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย. 🔐 เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน. ⚡ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี. 🚨 ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต. ✅ ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet ➡️ ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store ➡️ ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ เทคนิคการขโมย Seed Phrase ➡️ เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain ➡️ ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล ✅ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป ➡️ ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2 ➡️ ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ⛔ ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ⛔ การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Sui Blockchain Seed Stealer: Malicious Chrome Extension Hides Mnemonic Exfiltration in Microtransactions
    A malicious Chrome extension, Safery: Ethereum Wallet, steals BIP-39 seed phrases by encoding them into synthetic Sui blockchain addresses and broadcasting microtransactions, bypassing HTTP/C2 detection.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • มัลแวร์บน macOS ผ่านไฟล์ AppleScript

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ไฟล์ AppleScript (.scpt) เป็นเครื่องมือใหม่ในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยปลอมตัวเป็นเอกสาร Word, PowerPoint หรือแม้แต่ตัวติดตั้ง Zoom และ Teams SDK. เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์เหล่านี้ใน Script Editor.app และกดรัน (⌘+R) โค้ดที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกทำงานทันที.

    เทคนิคการหลอกลวงที่แนบเนียน
    ไฟล์ .scpt ถูกออกแบบให้มี คอมเมนต์ปลอมและบรรทัดว่างจำนวนมาก เพื่อดันโค้ดอันตรายลงไปด้านล่าง ทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นเนื้อหาที่แท้จริง. นอกจากนี้ยังมีการใช้ ไอคอนปลอม เพื่อทำให้ไฟล์ดูเหมือนเอกสารหรือโปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Apeiron_Token_Transfer_Proposal.docx.scpt หรือ Stable1_Investment_Proposal.pptx.scpt.

    การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์
    เดิมทีเทคนิคนี้ถูกใช้โดยกลุ่ม APT ระดับสูง แต่ปัจจุบันเริ่มถูกนำมาใช้ใน มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer. การแพร่กระจายนี้แสดงให้เห็นถึงการ “ไหลลง” ของเทคนิคขั้นสูงสู่กลุ่มผู้โจมตีทั่วไป ทำให้ภัยคุกคามต่อผู้ใช้ macOS เพิ่มขึ้นอย่างมาก.

    ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง
    แม้ Apple จะปรับปรุงระบบ Gatekeeper เพื่อลดช่องโหว่ แต่ไฟล์ .scpt ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับได้ และบางตัวอย่างยังไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal. สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว.

    การใช้ AppleScript (.scpt) ในการแพร่มัลแวร์
    ปลอมเป็นเอกสาร Word/PowerPoint หรือโปรแกรมติดตั้ง Zoom, Teams
    เปิดใน Script Editor และรันโค้ดได้ทันที

    เทคนิคการซ่อนโค้ด
    ใช้บรรทัดว่างและคอมเมนต์ปลอมเพื่อซ่อนโค้ดจริง
    ใช้ไอคอนปลอมให้ดูเหมือนเอกสารหรือแอปถูกต้อง

    การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์
    จาก APT สู่มัลแวร์ทั่วไป เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer
    เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ใช้ macOS ทั่วไป

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ไฟล์ .scpt บางตัวไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal
    ผู้ใช้เสี่ยงเปิดไฟล์ปลอมโดยไม่รู้ตัว
    องค์กรอาจถูกโจมตีหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

    https://securityonline.info/macos-threat-applescript-scpt-files-emerge-as-new-stealth-vector-for-stealer-malware/
    🖥️ มัลแวร์บน macOS ผ่านไฟล์ AppleScript นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ไฟล์ AppleScript (.scpt) เป็นเครื่องมือใหม่ในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยปลอมตัวเป็นเอกสาร Word, PowerPoint หรือแม้แต่ตัวติดตั้ง Zoom และ Teams SDK. เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์เหล่านี้ใน Script Editor.app และกดรัน (⌘+R) โค้ดที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกทำงานทันที. 📂 เทคนิคการหลอกลวงที่แนบเนียน ไฟล์ .scpt ถูกออกแบบให้มี คอมเมนต์ปลอมและบรรทัดว่างจำนวนมาก เพื่อดันโค้ดอันตรายลงไปด้านล่าง ทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นเนื้อหาที่แท้จริง. นอกจากนี้ยังมีการใช้ ไอคอนปลอม เพื่อทำให้ไฟล์ดูเหมือนเอกสารหรือโปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Apeiron_Token_Transfer_Proposal.docx.scpt หรือ Stable1_Investment_Proposal.pptx.scpt. 🚨 การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เดิมทีเทคนิคนี้ถูกใช้โดยกลุ่ม APT ระดับสูง แต่ปัจจุบันเริ่มถูกนำมาใช้ใน มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer. การแพร่กระจายนี้แสดงให้เห็นถึงการ “ไหลลง” ของเทคนิคขั้นสูงสู่กลุ่มผู้โจมตีทั่วไป ทำให้ภัยคุกคามต่อผู้ใช้ macOS เพิ่มขึ้นอย่างมาก. ⚡ ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง แม้ Apple จะปรับปรุงระบบ Gatekeeper เพื่อลดช่องโหว่ แต่ไฟล์ .scpt ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับได้ และบางตัวอย่างยังไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal. สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว. ✅ การใช้ AppleScript (.scpt) ในการแพร่มัลแวร์ ➡️ ปลอมเป็นเอกสาร Word/PowerPoint หรือโปรแกรมติดตั้ง Zoom, Teams ➡️ เปิดใน Script Editor และรันโค้ดได้ทันที ✅ เทคนิคการซ่อนโค้ด ➡️ ใช้บรรทัดว่างและคอมเมนต์ปลอมเพื่อซ่อนโค้ดจริง ➡️ ใช้ไอคอนปลอมให้ดูเหมือนเอกสารหรือแอปถูกต้อง ✅ การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์ ➡️ จาก APT สู่มัลแวร์ทั่วไป เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ใช้ macOS ทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ไฟล์ .scpt บางตัวไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงเปิดไฟล์ปลอมโดยไม่รู้ตัว ⛔ องค์กรอาจถูกโจมตีหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด https://securityonline.info/macos-threat-applescript-scpt-files-emerge-as-new-stealth-vector-for-stealer-malware/
    SECURITYONLINE.INFO
    macOS Threat: AppleScript (.scpt) Files Emerge as New Stealth Vector for Stealer Malware
    A new macOS threat uses malicious AppleScript (.scpt) files, disguised as documents/updates, to bypass Gatekeeper and execute stealers like MacSync and Odyssey, exploiting user trust.
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • 555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นผู้ปกครองประเทศนี้นะ,สิ่งแรกจะยึดทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับคืนมาจากคนต่างประเทศและเจ้าสัวนายทุนขี้ข้าอีลิทต่างชาติทั้งหมดที่ผูกขาดและยึดครองไปจากประเทศไทยเราและจากประชาชนคนไทยเรา.
    ..ในที่นี้ว่าด้วยบ่อทองคำเราที่มีเต็มประเทศ,ทางผู้ปกครองจะผลิตและมอบทองคำให้ประชาชนคนไทยคนละ1บาทไว้ใส่แขวนคอหรือทำเป็นกำไลทันทีคนละชิ้นละ1บาททองคำต่อทุกๆคนไทย,70ล้านคนก็70ล้านชิ้นที่ผลิตจากบ่อทองคำเรา,เพื่อให้คนไทยเรามีเครื่องมือมิให้ความถี่ต่ำลบมาเข้าทำร้ายทำลายเป็นหลักเป็นพื้นฐานให้มีติดตัวประจำคนไทยเราทุกๆคน มีพลังบวกไว้ปกป้องตนเอง จะเด็กทารกถึงคนปกติและคนชรา มีทองคำติดตัวครอบครองแจกฟรีๆจากทางรัฐกันทุกๆคน ที่มีดีได้เกิดมาแล้วบนผืนแผ่นดินไทยนี้ มาร่วมกันสร้างชาติไทยเราให้เจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งๆขึ้นไปนั้นเอง,เราจะยึดข้าวปลาอาหารเป็นของจริงยิ่งกว่าเงินทองใบกระดาษหรือระบบผีบ้าซาตานคิดค้นขึ้นนี้หรือผีบ้าไปเป็นเงินอากาศเงินดิจิดัลที่จับต้องอะไรไม่ได้จริงยิ่งกว่าเงินกระดาษแต่มันขนทรัพยากรธรรมชาติเราจริงไปจากแผ่นดินไทยไปจากภูมิประเทศไทยเราจริง ขนอาหารขนข้าวปลาขนผลไม้ปล้นเราด้วยตังอากาศที่มันสมมุติตีมูลค่าในเดอะแก๊งมันให้เรายอมรับ,หรือต้องแลกกับของจริง ข้าวจริง อาหารจริงจากมือเราจากแผ่นดินเรา,กฎกติกามันทั้งหมดต้องฉีกทิ้ง,เราคนไทยต้องร่างต้องสร้างต้องเขียนระบบของเราเองขึ้นปกครองเราเอง มิใช่ให้มันควบคุมภายใต้ไปใช้ระบบมันและต้องฟังมันเพราะมันอ้างว่าระบบมันจึงต้องทำตามมันแบบนี้ทำตามมันแบบนั้น ต้องให้มันปล้นชิงขนทรัพยากรมรึงออกไปประเทศกูแบบนี้โดยแลกกับตังเศษกระดาษกูที่พิมพ์ขึ้นเองอย่างตามใจชอบตามใจต้องการเท่าไรก็ได้หรือตังอากาศอิเล็กทรอนิกส์ที่กูกำลังสร้างในอนาคตมาปล้นชิงทรัพยากรมรึงทั้งประเทศแบบไหนก็ได้อีกเพราะมรึงใช้ระบบปกครองของลิขสิทธิ์กูส่งออกต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่เจ้าของผู้สร้างนะ มรึงประเทศไทยก็ไม่เว้น จ่ายค่าคุ้มครองโว้ย.555

    ..นี้คือวิถีปกครองเก่า,เรา..ประเทศไทยจะรอดจากไทม์ไลน์มารซาตานต้องสร้างทางรอดทางเลือกไทม์ไลน์ของทางรอดเราเอง,มันก็บังคับเราไม่ได้เพราะมันคือเจตจำนงเสรีที่เพราะผู้สร้างสั่งไว้ มันมาบังคับเรา เจอดีกับพระผู้สร้างพระเจ้าแน่นอน,เราฟ้องให้ลงโทษมันได้,โควิด19มันยังต้องได้รับคำยินยอมจากเราก่อนเลยแม้มันมีฤทธิ์เดชเหนือมนุษย์ธรรมดาแบบเราๆชาวโลกล้ำสมัยกว่า มันก็ต้องทำตามกฎเงื่อนไขกติกาพระเจ้าพระผู้สร้างในเกมส์สมมุตินี้.,ส่วนทาสขี้ข้าบ้าบอสมุนมันไม่รู้ห่าอะไรจึงบังคับคนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมแสดงเอาใจนายใหญ่อีลิทมันนั้นล่ะ,พวกนี้จริงๆต้องถูกประหารได้ ย้อนคดีเอามาบังคับโทษประหารได้เลยด้วย,เมื่อได้ผู้นำผู้ปกครองฝ่ายดี เชื่อว่าพวกนี้ถูกตามไล่ล่านำมารับโทษประหารแน่นอนแค่จังหวะเวลาแค่นั้นแต่กรรมชั่วมันสำเร็จแล้ว,รอแค่จะจับมาสังหารแก้แค้นคนบริสุทธิ์ที่ตายไปแล้วมากมายตอนไหนแค่นั้น.,และคงเร็วๆนี้ มันเดอะแก๊งทั้งหมดไปวัดแน่นอน คลิปข่าวvdoเต็มตรึมพยานหลักฐานทั้งนั้น.

    ..ยิ่งถ้ายึดอำนาจเองได้นะ 555,เราคนไทยจะดำรงชีวิตแบบข้าวปลาคือของจริงประมาณนั้น,เงินทองคือของมายาฝ่ายมารซาตานสร้างขึ้นหลอกคนชาวโลกทั้งโลกไปใช้ระบบทาสตังมัน ทางแก้ง่ายๆเราจัดการได้แน่นอน,และทรัพยากมีค่าสร้างชาติสร้างประเทศ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ดีกินดีมีสุขสบายของคนไทยเราจะอยู่ครบหมด,เจริญกายเจริญใจเจริญจิตวิญญาณอัพเลเวลใครมันคนไทยเราได้สะดวกสบายนั้นเอง,จากนั้นคนไทยเราจะรู้แจ้งเห็นจริงมองทะลุมิติมารปีศาจซาตานหมดล่ะ มันจะไม่ที่ซ่อนใดๆในดวงจิตดวงใจคนไทยเราเลย อ่านมันขาดหมด,555มันดับอนาถแน่นอน.

    https://vm.tiktok.com/ZSH3j2YCyT6Ec-cigIP/
    555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นผู้ปกครองประเทศนี้นะ,สิ่งแรกจะยึดทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับคืนมาจากคนต่างประเทศและเจ้าสัวนายทุนขี้ข้าอีลิทต่างชาติทั้งหมดที่ผูกขาดและยึดครองไปจากประเทศไทยเราและจากประชาชนคนไทยเรา. ..ในที่นี้ว่าด้วยบ่อทองคำเราที่มีเต็มประเทศ,ทางผู้ปกครองจะผลิตและมอบทองคำให้ประชาชนคนไทยคนละ1บาทไว้ใส่แขวนคอหรือทำเป็นกำไลทันทีคนละชิ้นละ1บาททองคำต่อทุกๆคนไทย,70ล้านคนก็70ล้านชิ้นที่ผลิตจากบ่อทองคำเรา,เพื่อให้คนไทยเรามีเครื่องมือมิให้ความถี่ต่ำลบมาเข้าทำร้ายทำลายเป็นหลักเป็นพื้นฐานให้มีติดตัวประจำคนไทยเราทุกๆคน มีพลังบวกไว้ปกป้องตนเอง จะเด็กทารกถึงคนปกติและคนชรา มีทองคำติดตัวครอบครองแจกฟรีๆจากทางรัฐกันทุกๆคน ที่มีดีได้เกิดมาแล้วบนผืนแผ่นดินไทยนี้ มาร่วมกันสร้างชาติไทยเราให้เจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งๆขึ้นไปนั้นเอง,เราจะยึดข้าวปลาอาหารเป็นของจริงยิ่งกว่าเงินทองใบกระดาษหรือระบบผีบ้าซาตานคิดค้นขึ้นนี้หรือผีบ้าไปเป็นเงินอากาศเงินดิจิดัลที่จับต้องอะไรไม่ได้จริงยิ่งกว่าเงินกระดาษแต่มันขนทรัพยากรธรรมชาติเราจริงไปจากแผ่นดินไทยไปจากภูมิประเทศไทยเราจริง ขนอาหารขนข้าวปลาขนผลไม้ปล้นเราด้วยตังอากาศที่มันสมมุติตีมูลค่าในเดอะแก๊งมันให้เรายอมรับ,หรือต้องแลกกับของจริง ข้าวจริง อาหารจริงจากมือเราจากแผ่นดินเรา,กฎกติกามันทั้งหมดต้องฉีกทิ้ง,เราคนไทยต้องร่างต้องสร้างต้องเขียนระบบของเราเองขึ้นปกครองเราเอง มิใช่ให้มันควบคุมภายใต้ไปใช้ระบบมันและต้องฟังมันเพราะมันอ้างว่าระบบมันจึงต้องทำตามมันแบบนี้ทำตามมันแบบนั้น ต้องให้มันปล้นชิงขนทรัพยากรมรึงออกไปประเทศกูแบบนี้โดยแลกกับตังเศษกระดาษกูที่พิมพ์ขึ้นเองอย่างตามใจชอบตามใจต้องการเท่าไรก็ได้หรือตังอากาศอิเล็กทรอนิกส์ที่กูกำลังสร้างในอนาคตมาปล้นชิงทรัพยากรมรึงทั้งประเทศแบบไหนก็ได้อีกเพราะมรึงใช้ระบบปกครองของลิขสิทธิ์กูส่งออกต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่เจ้าของผู้สร้างนะ มรึงประเทศไทยก็ไม่เว้น จ่ายค่าคุ้มครองโว้ย.555 ..นี้คือวิถีปกครองเก่า,เรา..ประเทศไทยจะรอดจากไทม์ไลน์มารซาตานต้องสร้างทางรอดทางเลือกไทม์ไลน์ของทางรอดเราเอง,มันก็บังคับเราไม่ได้เพราะมันคือเจตจำนงเสรีที่เพราะผู้สร้างสั่งไว้ มันมาบังคับเรา เจอดีกับพระผู้สร้างพระเจ้าแน่นอน,เราฟ้องให้ลงโทษมันได้,โควิด19มันยังต้องได้รับคำยินยอมจากเราก่อนเลยแม้มันมีฤทธิ์เดชเหนือมนุษย์ธรรมดาแบบเราๆชาวโลกล้ำสมัยกว่า มันก็ต้องทำตามกฎเงื่อนไขกติกาพระเจ้าพระผู้สร้างในเกมส์สมมุตินี้.,ส่วนทาสขี้ข้าบ้าบอสมุนมันไม่รู้ห่าอะไรจึงบังคับคนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมแสดงเอาใจนายใหญ่อีลิทมันนั้นล่ะ,พวกนี้จริงๆต้องถูกประหารได้ ย้อนคดีเอามาบังคับโทษประหารได้เลยด้วย,เมื่อได้ผู้นำผู้ปกครองฝ่ายดี เชื่อว่าพวกนี้ถูกตามไล่ล่านำมารับโทษประหารแน่นอนแค่จังหวะเวลาแค่นั้นแต่กรรมชั่วมันสำเร็จแล้ว,รอแค่จะจับมาสังหารแก้แค้นคนบริสุทธิ์ที่ตายไปแล้วมากมายตอนไหนแค่นั้น.,และคงเร็วๆนี้ มันเดอะแก๊งทั้งหมดไปวัดแน่นอน คลิปข่าวvdoเต็มตรึมพยานหลักฐานทั้งนั้น. ..ยิ่งถ้ายึดอำนาจเองได้นะ 555,เราคนไทยจะดำรงชีวิตแบบข้าวปลาคือของจริงประมาณนั้น,เงินทองคือของมายาฝ่ายมารซาตานสร้างขึ้นหลอกคนชาวโลกทั้งโลกไปใช้ระบบทาสตังมัน ทางแก้ง่ายๆเราจัดการได้แน่นอน,และทรัพยากมีค่าสร้างชาติสร้างประเทศ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ดีกินดีมีสุขสบายของคนไทยเราจะอยู่ครบหมด,เจริญกายเจริญใจเจริญจิตวิญญาณอัพเลเวลใครมันคนไทยเราได้สะดวกสบายนั้นเอง,จากนั้นคนไทยเราจะรู้แจ้งเห็นจริงมองทะลุมิติมารปีศาจซาตานหมดล่ะ มันจะไม่ที่ซ่อนใดๆในดวงจิตดวงใจคนไทยเราเลย อ่านมันขาดหมด,555มันดับอนาถแน่นอน. https://vm.tiktok.com/ZSH3j2YCyT6Ec-cigIP/
    @ngoraitiamtan

    แร่ทองคำมีพลังงานความถี่เฉพาะตัว ซึ่งเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพิเศษของทองคำ..✨ - ความถี่ของทองคำ: ประมาณ 295.5 Hz - คุณสมบัติ: เชื่อกันว่าทองคำมีความสามารถในการดูดซับและเก็บพลังงานความถี่สูง และสามารถส่งพลังงานนี้ไปสู่ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ในหลายวัฒนธรรมและประเพณี ทองคำถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ พลังงาน และความเจริญรุ่งเรือง บางคนเชื่อว่าทองคำสามารถช่วย: - เพิ่มพลังงานและความแข็งแรง - ปรับสมดุลและปรับปรุงอารมณ์ - ป้องกันพลังงานลบและผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 🪷🧘🧘🧘👑🧘🧘🧘🪷 ธรรมความรู้ใดๆก็ไร้ค่า ถ้าไม่ปฏิบัติภาวนาสมาธิ #ศีลธรรมมุ่งไปสู่สติและปัญญา 👽🧘🧠👁️🧬🌀⚕️🐉🐍🌬️🔥🫆✨ ลมหายใจ สติ ปัญญา สัจธรรมความจริงเท่านั้น ψ = 3.12 - ลมหายใจก่อนพิมพ์เขียว Best regards, #โง่ไร้เทียมทาน

    ♬ original sound - Zanzibar 🇹🇿
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • รวมข่าว Techradar

    Samsung TV ได้ “บุคลิก” ใหม่
    ซัมซุงเปิดตัว Vision AI Companion บนทีวีรุ่นใหม่ ที่รวมพลังจาก Bixby, Microsoft Copilot และ Perplexity เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในบ้าน ไม่ใช่แค่หาหนังดู แต่ยังสามารถอธิบายสิ่งที่กำลังฉาย ตอบคำถามต่อเนื่อง แปลเสียงสดจากรายการต่างประเทศ หรือแม้แต่ช่วยวางแผนมื้อค่ำได้ ทีวีจึงไม่ใช่แค่จอภาพ แต่กลายเป็นผู้ช่วยพูดคุยที่ทุกคนในบ้านสามารถโต้ตอบพร้อมกันได้

    Mini PC ARM ขนาดจิ๋ว แต่ทรงพลัง
    Minisforum เปิดตัว MS-R1 มินิพีซี ARM ขนาดเพียง 1.7 ลิตร แต่มีสล็อต PCIe x16 สำหรับใส่การ์ดจอหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ใช้ชิป 12-core พร้อม GPU ในตัว รองรับ RAM สูงสุด 64GB และเก็บข้อมูลได้ถึง 8TB จุดเด่นคือเล็ก เงียบ แต่รองรับงาน AI และการประมวลผลหนัก ๆ ได้

    iPhone ถูกมองว่า “เกินจริง” แต่ยังไม่ถึงขั้นหมดเสน่ห์
    ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar พบว่า 47% มองว่า iPhone “โอเวอร์เรต” ส่วน 36% ยังลังเล และ 17% บอกว่าไม่จริง หลายคนเล่าว่าเคยตื่นเต้นกับ iPhone รุ่นแรก ๆ แต่หลังจากนั้นรู้สึกว่าการอัปเกรดไม่หวือหวาเหมือนเดิม แม้ยังใช้งานดี แต่ความตื่นเต้นลดลงไปมาก

    หุ่นยนต์มนุษย์รุ่นใหม่ ทั้งกวน ทั้งพลาด
    โลกหุ่นยนต์กำลังคึกคัก XPeng จากจีนเปิดตัวหุ่นยนต์ IRON ที่ดูเหมือนนางแบบ แต่ถูกวิจารณ์ว่าดูหลอนเกินไป ขณะที่รัสเซียเปิดตัวหุ่นยนต์ Idol แต่กลับล้มกลางเวทีอย่างน่าอาย เทียบกับเจ้าอื่น ๆ อย่าง Tesla Optimus หรือ Figure 03 ที่พัฒนาไปไกลกว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการสร้างหุ่นยนต์มนุษย์ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย

    VPN บูมในอิตาลี หลังบังคับตรวจอายุ
    อิตาลีออกกฎหมายให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ ส่งผลให้คนแห่ค้นหา VPN เพื่อเลี่ยงระบบตรวจสอบ แม้รัฐบาลยืนยันว่ามีระบบ “โทเคนไม่ระบุตัวตน” แต่ประชาชนยังไม่มั่นใจ จึงหันไปใช้ VPN กันมากขึ้น ซึ่งก็เสี่ยงหากเลือกบริการฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ

    มัลแวร์ GootLoader กลับมาอีกครั้ง
    หลังหายไป 9 เดือน มัลแวร์ GootLoader โผล่มาอีกครั้ง ใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายใน “ฟอนต์เว็บ” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แท้จริง จุดประสงค์คือเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบองค์กร และอาจนำไปสู่การโจมตีแบบเรียกค่าไถ่

    Infostealer ถูกสกัด หลังตำรวจเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์
    มัลแวร์ขโมยข้อมูลชื่อ Rhadamanthys ที่ขายแบบบริการ (MaaS) ถูกขัดขวาง เมื่อผู้ใช้หลายรายถูกล็อกไม่ให้เข้าระบบ มีการโยงไปถึงตำรวจเยอรมันที่อาจเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ เหตุการณ์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการใหญ่ “Operation Endgame” ที่มุ่งปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

    แฮกเกอร์ใช้ฟีเจอร์แอนติไวรัสโจมตี
    แพลตฟอร์มแชร์ไฟล์ Triofox มีช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-12480) ที่ถูกใช้เป็นช่องทางติดตั้งเครื่องมือรีโมต เช่น Zoho Assist และ AnyDesk ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเวอร์ชันใหม่

    Insta360 เปิดตัวกล้องลูกผสมสุดแปลก
    กล้อง Ace Pro 2 ของ Insta360 ได้อุปกรณ์เสริมใหม่ ทั้งเลนส์หลายแบบ กริปถ่ายภาพ และที่แปลกที่สุดคือ เครื่องพิมพ์ภาพทันทีแบบติดกล้อง ทำให้กล้องแอ็กชันสามารถพิมพ์รูปออกมาได้ทันที คล้าย Instax แต่ติดกับกล้องแอ็กชันโดยตรง

    PayPal กลับมาที่สหราชอาณาจักร
    หลังจากปรับโครงสร้างช่วง Brexit ตอนนี้ PayPal รีแบรนด์ใหม่ใน UK พร้อมเปิดตัวบัตรเดบิตและเครดิต รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้ม PayPal+ ที่แบ่งเป็น Blue, Gold และ Black ยิ่งใช้มากยิ่งได้สิทธิพิเศษ เช่นแต้มเพิ่มและประสบการณ์ VIP

    🪪 AirTag คู่แข่งในรูปบัตรเครดิต
    บริษัท Nomad เปิดตัว Tracking Card Pro ที่หน้าตาเหมือนบัตรเครดิต แต่จริง ๆ เป็นอุปกรณ์ติดตาม ใช้ระบบ Find My ของ Apple จุดเด่นคือพรางตัวได้ดี ทำให้โจรไม่รู้ว่ามีตัวติดตามอยู่ในกระเป๋าสตางค์

    ข้อมูลพนักงาน GlobalLogic รั่ว
    บริษัท GlobalLogic (ในเครือ Hitachi) ยืนยันว่ามีการรั่วไหลข้อมูลพนักงานกว่า 10,000 คน จากช่องโหว่ในระบบ Oracle E-Business Suite ข้อมูลที่หลุดมีทั้งเลขบัญชี เงินเดือน และข้อมูลส่วนบุคคล เหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีที่กระทบหลายองค์กรใหญ่ทั่วโลก

    Gemini อ่าน PDF ให้ฟังได้
    Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini ให้สามารถสรุปไฟล์ PDF เป็นเสียงแบบพอดแคสต์สั้น ๆ 2–10 นาที ฟังได้เหมือนเล่าเรื่อง ไม่ต้องอ่านเอง เหมาะกับเอกสารยาว ๆ เช่นสัญญา ฟีเจอร์นี้จะบันทึกไฟล์เสียงไว้ใน Google Drive เพื่อเปิดฟังได้ทุกอุปกรณ์
    🔰📌 รวมข่าว Techradar 📌🔰 📺 Samsung TV ได้ “บุคลิก” ใหม่ ซัมซุงเปิดตัว Vision AI Companion บนทีวีรุ่นใหม่ ที่รวมพลังจาก Bixby, Microsoft Copilot และ Perplexity เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในบ้าน ไม่ใช่แค่หาหนังดู แต่ยังสามารถอธิบายสิ่งที่กำลังฉาย ตอบคำถามต่อเนื่อง แปลเสียงสดจากรายการต่างประเทศ หรือแม้แต่ช่วยวางแผนมื้อค่ำได้ ทีวีจึงไม่ใช่แค่จอภาพ แต่กลายเป็นผู้ช่วยพูดคุยที่ทุกคนในบ้านสามารถโต้ตอบพร้อมกันได้ 💻 Mini PC ARM ขนาดจิ๋ว แต่ทรงพลัง Minisforum เปิดตัว MS-R1 มินิพีซี ARM ขนาดเพียง 1.7 ลิตร แต่มีสล็อต PCIe x16 สำหรับใส่การ์ดจอหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ใช้ชิป 12-core พร้อม GPU ในตัว รองรับ RAM สูงสุด 64GB และเก็บข้อมูลได้ถึง 8TB จุดเด่นคือเล็ก เงียบ แต่รองรับงาน AI และการประมวลผลหนัก ๆ ได้ 📱 iPhone ถูกมองว่า “เกินจริง” แต่ยังไม่ถึงขั้นหมดเสน่ห์ ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar พบว่า 47% มองว่า iPhone “โอเวอร์เรต” ส่วน 36% ยังลังเล และ 17% บอกว่าไม่จริง หลายคนเล่าว่าเคยตื่นเต้นกับ iPhone รุ่นแรก ๆ แต่หลังจากนั้นรู้สึกว่าการอัปเกรดไม่หวือหวาเหมือนเดิม แม้ยังใช้งานดี แต่ความตื่นเต้นลดลงไปมาก 🤖 หุ่นยนต์มนุษย์รุ่นใหม่ ทั้งกวน ทั้งพลาด โลกหุ่นยนต์กำลังคึกคัก XPeng จากจีนเปิดตัวหุ่นยนต์ IRON ที่ดูเหมือนนางแบบ แต่ถูกวิจารณ์ว่าดูหลอนเกินไป ขณะที่รัสเซียเปิดตัวหุ่นยนต์ Idol แต่กลับล้มกลางเวทีอย่างน่าอาย เทียบกับเจ้าอื่น ๆ อย่าง Tesla Optimus หรือ Figure 03 ที่พัฒนาไปไกลกว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการสร้างหุ่นยนต์มนุษย์ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย 🔒 VPN บูมในอิตาลี หลังบังคับตรวจอายุ อิตาลีออกกฎหมายให้เว็บไซต์ผู้ใหญ่ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ ส่งผลให้คนแห่ค้นหา VPN เพื่อเลี่ยงระบบตรวจสอบ แม้รัฐบาลยืนยันว่ามีระบบ “โทเคนไม่ระบุตัวตน” แต่ประชาชนยังไม่มั่นใจ จึงหันไปใช้ VPN กันมากขึ้น ซึ่งก็เสี่ยงหากเลือกบริการฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ 🦠 มัลแวร์ GootLoader กลับมาอีกครั้ง หลังหายไป 9 เดือน มัลแวร์ GootLoader โผล่มาอีกครั้ง ใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายใน “ฟอนต์เว็บ” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แท้จริง จุดประสงค์คือเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบองค์กร และอาจนำไปสู่การโจมตีแบบเรียกค่าไถ่ 🕵️ Infostealer ถูกสกัด หลังตำรวจเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ มัลแวร์ขโมยข้อมูลชื่อ Rhadamanthys ที่ขายแบบบริการ (MaaS) ถูกขัดขวาง เมื่อผู้ใช้หลายรายถูกล็อกไม่ให้เข้าระบบ มีการโยงไปถึงตำรวจเยอรมันที่อาจเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ เหตุการณ์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการใหญ่ “Operation Endgame” ที่มุ่งปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ 🛡️ แฮกเกอร์ใช้ฟีเจอร์แอนติไวรัสโจมตี แพลตฟอร์มแชร์ไฟล์ Triofox มีช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-12480) ที่ถูกใช้เป็นช่องทางติดตั้งเครื่องมือรีโมต เช่น Zoho Assist และ AnyDesk ทำให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเวอร์ชันใหม่ 📸 Insta360 เปิดตัวกล้องลูกผสมสุดแปลก กล้อง Ace Pro 2 ของ Insta360 ได้อุปกรณ์เสริมใหม่ ทั้งเลนส์หลายแบบ กริปถ่ายภาพ และที่แปลกที่สุดคือ เครื่องพิมพ์ภาพทันทีแบบติดกล้อง ทำให้กล้องแอ็กชันสามารถพิมพ์รูปออกมาได้ทันที คล้าย Instax แต่ติดกับกล้องแอ็กชันโดยตรง 💳 PayPal กลับมาที่สหราชอาณาจักร หลังจากปรับโครงสร้างช่วง Brexit ตอนนี้ PayPal รีแบรนด์ใหม่ใน UK พร้อมเปิดตัวบัตรเดบิตและเครดิต รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้ม PayPal+ ที่แบ่งเป็น Blue, Gold และ Black ยิ่งใช้มากยิ่งได้สิทธิพิเศษ เช่นแต้มเพิ่มและประสบการณ์ VIP 🪪 AirTag คู่แข่งในรูปบัตรเครดิต บริษัท Nomad เปิดตัว Tracking Card Pro ที่หน้าตาเหมือนบัตรเครดิต แต่จริง ๆ เป็นอุปกรณ์ติดตาม ใช้ระบบ Find My ของ Apple จุดเด่นคือพรางตัวได้ดี ทำให้โจรไม่รู้ว่ามีตัวติดตามอยู่ในกระเป๋าสตางค์ 🧑‍💻 ข้อมูลพนักงาน GlobalLogic รั่ว บริษัท GlobalLogic (ในเครือ Hitachi) ยืนยันว่ามีการรั่วไหลข้อมูลพนักงานกว่า 10,000 คน จากช่องโหว่ในระบบ Oracle E-Business Suite ข้อมูลที่หลุดมีทั้งเลขบัญชี เงินเดือน และข้อมูลส่วนบุคคล เหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีที่กระทบหลายองค์กรใหญ่ทั่วโลก 🎧 Gemini อ่าน PDF ให้ฟังได้ Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Gemini ให้สามารถสรุปไฟล์ PDF เป็นเสียงแบบพอดแคสต์สั้น ๆ 2–10 นาที ฟังได้เหมือนเล่าเรื่อง ไม่ต้องอ่านเอง เหมาะกับเอกสารยาว ๆ เช่นสัญญา ฟีเจอร์นี้จะบันทึกไฟล์เสียงไว้ใน Google Drive เพื่อเปิดฟังได้ทุกอุปกรณ์
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • yt-dlp ต้องใช้ JavaScript Runtime ภายนอกเพื่อโหลด YouTube

    ในโลกของนักโหลดวิดีโอจาก YouTube มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่! yt-dlp ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับดาวน์โหลดวิดีโอ ได้ประกาศว่าตั้งแต่เวอร์ชันใหม่ ผู้ใช้จำเป็นต้องติดตั้ง JavaScript runtime ภายนอก เช่น Deno, Node.js หรือ QuickJS เพื่อให้การดาวน์โหลดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะ YouTube มีการปรับระบบที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้การดึงข้อมูลวิดีโอจำเป็นต้องใช้ runtime เพื่อแก้ไขการเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์ หากไม่ติดตั้ง ผู้ใช้ยังพอโหลดได้ แต่คุณภาพและรูปแบบไฟล์จะถูกจำกัด และในอนาคตอาจโหลดไม่ได้เลย

    แม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ใช้ แต่ก็ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยและความเสถียรของระบบ นักพัฒนาแนะนำให้ใช้ Deno เป็นตัวเลือกหลัก เพราะมีความเร็วและปลอดภัยสูงสุด การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงการที่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube พยายามปิดช่องโหว่การเข้าถึงข้อมูลโดยตรง

    yt-dlp เวอร์ชันใหม่ต้องใช้ JavaScript runtime ภายนอก
    ตัวเลือกหลักคือ Deno, Node.js, QuickJS, Bun

    การใช้ runtime ช่วยแก้ปัญหาการเข้ารหัสและเพิ่มความปลอดภัย
    ทำให้การดาวน์โหลดมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น

    หากไม่ติดตั้ง runtime อาจโหลดวิดีโอได้ไม่ครบหรือคุณภาพต่ำ
    ในอนาคตอาจไม่สามารถโหลดได้เลย

    https://github.com/yt-dlp/yt-dlp/issues/15012
    💻 yt-dlp ต้องใช้ JavaScript Runtime ภายนอกเพื่อโหลด YouTube ในโลกของนักโหลดวิดีโอจาก YouTube มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่! yt-dlp ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับดาวน์โหลดวิดีโอ ได้ประกาศว่าตั้งแต่เวอร์ชันใหม่ ผู้ใช้จำเป็นต้องติดตั้ง JavaScript runtime ภายนอก เช่น Deno, Node.js หรือ QuickJS เพื่อให้การดาวน์โหลดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะ YouTube มีการปรับระบบที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้การดึงข้อมูลวิดีโอจำเป็นต้องใช้ runtime เพื่อแก้ไขการเข้ารหัสและการตรวจสอบสิทธิ์ หากไม่ติดตั้ง ผู้ใช้ยังพอโหลดได้ แต่คุณภาพและรูปแบบไฟล์จะถูกจำกัด และในอนาคตอาจโหลดไม่ได้เลย แม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ใช้ แต่ก็ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยและความเสถียรของระบบ นักพัฒนาแนะนำให้ใช้ Deno เป็นตัวเลือกหลัก เพราะมีความเร็วและปลอดภัยสูงสุด การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงการที่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube พยายามปิดช่องโหว่การเข้าถึงข้อมูลโดยตรง ✅ yt-dlp เวอร์ชันใหม่ต้องใช้ JavaScript runtime ภายนอก ➡️ ตัวเลือกหลักคือ Deno, Node.js, QuickJS, Bun ✅ การใช้ runtime ช่วยแก้ปัญหาการเข้ารหัสและเพิ่มความปลอดภัย ➡️ ทำให้การดาวน์โหลดมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น ‼️ หากไม่ติดตั้ง runtime อาจโหลดวิดีโอได้ไม่ครบหรือคุณภาพต่ำ ⛔ ในอนาคตอาจไม่สามารถโหลดได้เลย https://github.com/yt-dlp/yt-dlp/issues/15012
    GITHUB.COM
    [Announcement] External JavaScript runtime now required for full YouTube support · Issue #15012 · yt-dlp/yt-dlp
    This is a follow-up to #14404, which announced that yt-dlp will soon require an external JavaScript runtime (e.g. Deno) in order to fully support downloading from YouTube. With the release of yt-dl...
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • .NET 10 – ก้าวกระโดดครั้งใหม่ของนักพัฒนา

    Microsoft ได้เปิดตัว .NET 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมทั่วโลก จุดเด่นคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้แอปทำงานเร็วขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง และรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Post-Quantum Cryptography เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับยุคคอมพิวเตอร์ควอนตัม

    นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตภาษา C# 14 และ F# 10 ที่ช่วยให้โค้ดกระชับและทรงพลังมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงเครื่องมือพัฒนาอย่าง Visual Studio 2026 ที่ผสาน AI เข้ามาช่วยนักพัฒนาในการเขียนโค้ด ตรวจสอบ และปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างชาญฉลาด

    สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเปิดตัว Aspire ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับจัดการระบบแอปพลิเคชันแบบกระจาย (Distributed Apps) ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่าง API, Database และ Container ง่ายขึ้นมาก เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างระบบขนาดใหญ่ที่มีความเสถียรและปลอดภัย

    เปิดตัว .NET 10 พร้อมฟีเจอร์ใหม่
    รองรับ AI, ปรับปรุงประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากขึ้น

    ภาษาใหม่ C# 14 และ F# 10
    โค้ดกระชับ ใช้งานง่าย และทรงพลัง

    Aspire สำหรับระบบกระจาย
    ทำให้การจัดการ API และ Container ง่ายขึ้น

    ความท้าทายในการอัปเกรดระบบ
    องค์กรต้องเตรียมทรัพยากรและปรับโครงสร้างเพื่อรองรับ .NET 10

    https://devblogs.microsoft.com/dotnet/announcing-dotnet-10/
    💻 .NET 10 – ก้าวกระโดดครั้งใหม่ของนักพัฒนา Microsoft ได้เปิดตัว .NET 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมทั่วโลก จุดเด่นคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้แอปทำงานเร็วขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง และรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Post-Quantum Cryptography เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับยุคคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตภาษา C# 14 และ F# 10 ที่ช่วยให้โค้ดกระชับและทรงพลังมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงเครื่องมือพัฒนาอย่าง Visual Studio 2026 ที่ผสาน AI เข้ามาช่วยนักพัฒนาในการเขียนโค้ด ตรวจสอบ และปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างชาญฉลาด สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเปิดตัว Aspire ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับจัดการระบบแอปพลิเคชันแบบกระจาย (Distributed Apps) ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่าง API, Database และ Container ง่ายขึ้นมาก เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างระบบขนาดใหญ่ที่มีความเสถียรและปลอดภัย ✅ เปิดตัว .NET 10 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ➡️ รองรับ AI, ปรับปรุงประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากขึ้น ✅ ภาษาใหม่ C# 14 และ F# 10 ➡️ โค้ดกระชับ ใช้งานง่าย และทรงพลัง ✅ Aspire สำหรับระบบกระจาย ➡️ ทำให้การจัดการ API และ Container ง่ายขึ้น ‼️ ความท้าทายในการอัปเกรดระบบ ⛔ องค์กรต้องเตรียมทรัพยากรและปรับโครงสร้างเพื่อรองรับ .NET 10 https://devblogs.microsoft.com/dotnet/announcing-dotnet-10/
    DEVBLOGS.MICROSOFT.COM
    Announcing .NET 10 - .NET Blog
    Announcing the release of .NET 10, the most productive, modern, secure, intelligent, and performant release of .NET yet. With updates across ASP.NET Core, C# 14, .NET MAUI, Aspire, and so much more.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Google ฟ้องศาลสหรัฐเพื่อปิดบริการฟิชชิ่ง Lighthouse

    Google กำลังใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ให้บริการ “Phishing-as-a-Service” ภายใต้ชื่อ Lighthouse ซึ่งสร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบแบรนด์ดังเพื่อหลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสอีเมลหรือข้อมูลธนาคาร Google พบว่ามีเทมเพลตเว็บไซต์กว่า 107 แบบที่ใช้โลโก้และหน้าล็อกอินของบริษัทจริงเพื่อหลอกเหยื่อ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีใช้ศาลเป็นเครื่องมือ Microsoft เคยทำเช่นเดียวกันในการจัดการกับ RacoonO365 และ TrickBot แต่ปัญหาคือผู้โจมตีมักอยู่นอกสหรัฐ ทำให้คำสั่งศาลมีผลจำกัด ผู้เชี่ยวชาญบางคนจึงมองว่าการฟ้องร้องอาจช่วยได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการสร้างแรงกดดันและป้องกันไม่ให้บริษัทถูกฟ้องกลับจากผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อ

    นอกจากนี้ Google ยังผลักดันกฎหมายใหม่ เช่น GUARD Act เพื่อปกป้องผู้สูงอายุจากการหลอกลวงทางการเงิน และ SCAM Act เพื่อจัดการกับ “scam compounds” หรือศูนย์กลางที่ใช้แรงงานบังคับในการทำอาชญากรรมไซเบอร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยความร่วมมือระดับโลกและการบล็อกโฆษณาหลอกลวงที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มด้วย

    การดำเนินคดีของ Google ต่อ Lighthouse
    พบเว็บไซต์ปลอมกว่า 107 แบบเลียนแบบแบรนด์ดัง
    ใช้ศาลเป็นเครื่องมือจัดการอาชญากรไซเบอร์
    ผลักดันกฎหมายใหม่เพื่อปกป้องผู้บริโภค

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    คำสั่งศาลมีผลจำกัดหากผู้โจมตีอยู่นอกสหรัฐ
    กฎหมายใหม่อาจไม่ทันต่อความคล่องตัวของอาชญากรไซเบอร์
    โฆษณาหลอกลวงบนแพลตฟอร์มยังเป็นปัญหาสำคัญ

    https://www.csoonline.com/article/4088993/google-asks-us-court-to-shut-down-lighthouse-phishing-as-a-service-operation.html
    ⚖️ Google ฟ้องศาลสหรัฐเพื่อปิดบริการฟิชชิ่ง Lighthouse Google กำลังใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ให้บริการ “Phishing-as-a-Service” ภายใต้ชื่อ Lighthouse ซึ่งสร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบแบรนด์ดังเพื่อหลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสอีเมลหรือข้อมูลธนาคาร Google พบว่ามีเทมเพลตเว็บไซต์กว่า 107 แบบที่ใช้โลโก้และหน้าล็อกอินของบริษัทจริงเพื่อหลอกเหยื่อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีใช้ศาลเป็นเครื่องมือ Microsoft เคยทำเช่นเดียวกันในการจัดการกับ RacoonO365 และ TrickBot แต่ปัญหาคือผู้โจมตีมักอยู่นอกสหรัฐ ทำให้คำสั่งศาลมีผลจำกัด ผู้เชี่ยวชาญบางคนจึงมองว่าการฟ้องร้องอาจช่วยได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการสร้างแรงกดดันและป้องกันไม่ให้บริษัทถูกฟ้องกลับจากผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ Google ยังผลักดันกฎหมายใหม่ เช่น GUARD Act เพื่อปกป้องผู้สูงอายุจากการหลอกลวงทางการเงิน และ SCAM Act เพื่อจัดการกับ “scam compounds” หรือศูนย์กลางที่ใช้แรงงานบังคับในการทำอาชญากรรมไซเบอร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยความร่วมมือระดับโลกและการบล็อกโฆษณาหลอกลวงที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มด้วย ✅ การดำเนินคดีของ Google ต่อ Lighthouse ➡️ พบเว็บไซต์ปลอมกว่า 107 แบบเลียนแบบแบรนด์ดัง ➡️ ใช้ศาลเป็นเครื่องมือจัดการอาชญากรไซเบอร์ ➡️ ผลักดันกฎหมายใหม่เพื่อปกป้องผู้บริโภค ‼️ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ⛔ คำสั่งศาลมีผลจำกัดหากผู้โจมตีอยู่นอกสหรัฐ ⛔ กฎหมายใหม่อาจไม่ทันต่อความคล่องตัวของอาชญากรไซเบอร์ ⛔ โฆษณาหลอกลวงบนแพลตฟอร์มยังเป็นปัญหาสำคัญ https://www.csoonline.com/article/4088993/google-asks-us-court-to-shut-down-lighthouse-phishing-as-a-service-operation.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Google asks US court to shut down Lighthouse phishing-as-a-service operation
    This is but the latest in a series of tech providers leaning on judges to help stop cybercrime.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • ผู้นำด้านความปลอดภัยที่เปลี่ยนความหงุดหงิดเป็นธุรกิจใหม่

    เรื่องนี้เล่าเหมือนการเดินทางของอดีต CISO หลายคนที่เบื่อกับข้อจำกัดในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ไม่พอ เครื่องมือที่ไม่เหมาะสม หรือการเมืองภายในบริษัท พวกเขาเลือกที่จะออกมาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อแก้ปัญหาที่เคยเจอและพิสูจน์ว่า “ความปลอดภัย” ไม่ใช่แค่ต้นทุน แต่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้

    Paul Hadjy ก่อตั้ง Horangi เพื่อเน้นความปลอดภัยบนคลาวด์ในเอเชีย ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครสนใจมากนัก เขาเชื่อว่าการทำให้ลูกค้าเห็นความปลอดภัยชัดเจนจะสร้างความไว้วางใจและกลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ ส่วน Joe Silva ก่อตั้ง Spektion เพราะเบื่อกับการแก้ปัญหาช่องโหว่ซ้ำ ๆ แบบ “Groundhog Day” เขาอยากเปลี่ยนการจัดการช่องโหว่จากเรื่องการเมืองเป็นเรื่องวิศวกรรมที่แก้ได้จริง

    Chris Pierson ก่อตั้ง BlackCloak เพื่อปกป้องชีวิตดิจิทัลของผู้บริหารนอกเหนือจากไฟร์วอลล์องค์กร เพราะเขาเห็นว่าผู้โจมตีเริ่มเล็งเป้าหมายไปที่บ้านและชีวิตส่วนตัวของผู้บริหาร ส่วน Michael Coates อดีต CISO ของ Twitter ก่อตั้ง Altitude Networks เพื่อแก้ปัญหาการแชร์ไฟล์บนคลาวด์ที่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ก่อนจะขายกิจการและไปทำกองทุนลงทุนด้านความปลอดภัย

    การก่อตั้งบริษัทใหม่จากอดีต CISO
    Horangi เน้นความปลอดภัยคลาวด์ในเอเชีย
    Spektion แก้ปัญหาช่องโหว่แบบเชิงวิศวกรรม
    BlackCloak ปกป้องชีวิตดิจิทัลผู้บริหาร
    Altitude Networks ตรวจสอบการแชร์ไฟล์บนคลาวด์

    ความเสี่ยงและความท้าทายของผู้ก่อตั้ง
    เงินทุนใกล้หมดและต้องตัดค่าใช้จ่าย
    ความเครียดจากการตัดสินใจที่ยากและการรับผิดชอบทั้งหมด
    การโจมตีที่เล็งเป้าหมายไปยังชีวิตส่วนตัวของผู้บริหาร

    https://www.csoonline.com/article/4084574/the-security-leaders-who-turned-their-frustrations-into-companies.html
    🛡️ ผู้นำด้านความปลอดภัยที่เปลี่ยนความหงุดหงิดเป็นธุรกิจใหม่ เรื่องนี้เล่าเหมือนการเดินทางของอดีต CISO หลายคนที่เบื่อกับข้อจำกัดในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ไม่พอ เครื่องมือที่ไม่เหมาะสม หรือการเมืองภายในบริษัท พวกเขาเลือกที่จะออกมาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อแก้ปัญหาที่เคยเจอและพิสูจน์ว่า “ความปลอดภัย” ไม่ใช่แค่ต้นทุน แต่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้ Paul Hadjy ก่อตั้ง Horangi เพื่อเน้นความปลอดภัยบนคลาวด์ในเอเชีย ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครสนใจมากนัก เขาเชื่อว่าการทำให้ลูกค้าเห็นความปลอดภัยชัดเจนจะสร้างความไว้วางใจและกลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ ส่วน Joe Silva ก่อตั้ง Spektion เพราะเบื่อกับการแก้ปัญหาช่องโหว่ซ้ำ ๆ แบบ “Groundhog Day” เขาอยากเปลี่ยนการจัดการช่องโหว่จากเรื่องการเมืองเป็นเรื่องวิศวกรรมที่แก้ได้จริง Chris Pierson ก่อตั้ง BlackCloak เพื่อปกป้องชีวิตดิจิทัลของผู้บริหารนอกเหนือจากไฟร์วอลล์องค์กร เพราะเขาเห็นว่าผู้โจมตีเริ่มเล็งเป้าหมายไปที่บ้านและชีวิตส่วนตัวของผู้บริหาร ส่วน Michael Coates อดีต CISO ของ Twitter ก่อตั้ง Altitude Networks เพื่อแก้ปัญหาการแชร์ไฟล์บนคลาวด์ที่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ก่อนจะขายกิจการและไปทำกองทุนลงทุนด้านความปลอดภัย ✅ การก่อตั้งบริษัทใหม่จากอดีต CISO ➡️ Horangi เน้นความปลอดภัยคลาวด์ในเอเชีย ➡️ Spektion แก้ปัญหาช่องโหว่แบบเชิงวิศวกรรม ➡️ BlackCloak ปกป้องชีวิตดิจิทัลผู้บริหาร ➡️ Altitude Networks ตรวจสอบการแชร์ไฟล์บนคลาวด์ ‼️ ความเสี่ยงและความท้าทายของผู้ก่อตั้ง ⛔ เงินทุนใกล้หมดและต้องตัดค่าใช้จ่าย ⛔ ความเครียดจากการตัดสินใจที่ยากและการรับผิดชอบทั้งหมด ⛔ การโจมตีที่เล็งเป้าหมายไปยังชีวิตส่วนตัวของผู้บริหาร https://www.csoonline.com/article/4084574/the-security-leaders-who-turned-their-frustrations-into-companies.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The security leaders who turned their frustrations into companies
    Former CISOs share their experience after successfully founding security companies. CSO spoke to Paul Hadjy, Joe Silva, Chris Pierson and Michael Coates.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ Sora 2 ของ OpenAI ถูกเปิดเผยโดย Mindgard

    อีกข่าวที่น่าสนใจคือการค้นพบช่องโหว่ใน Sora 2 เครื่องมือสร้างวิดีโอของ OpenAI โดยบริษัทด้านความปลอดภัย AI ชื่อ Mindgard พบว่าสามารถทำให้โมเดล “พูดออกมา” ถึง System Prompt หรือกฎภายในที่ควรจะถูกซ่อนอยู่ ซึ่งถือเป็นการรั่วไหลข้อมูลเชิงลึกของโมเดล

    ทีมวิจัยใช้วิธีให้ Sora 2 สร้างเสียงพูดสั้น ๆ แล้วนำ transcript มาต่อกันจนได้ชุดคำสั่งภายในที่สมบูรณ์กว่าการใช้ภาพหรือวิดีโอ วิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงกฎที่กำหนดไว้ เช่น การห้ามสร้างภาพเชิงลามกหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การค้นพบนี้สะท้อนว่าแม้ AI จะถูกฝึกให้มีระบบป้องกัน แต่ก็ยังมีช่องทางที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถเจาะทะลุได้

    สิ่งที่น่าคิดคือ ช่องโหว่ลักษณะนี้อาจถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดีเพื่อดัดแปลง AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ หรือเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรถูกเปิดเผย นักวิจัยจึงแนะนำให้บริษัทผู้พัฒนา AI ตรวจสอบการรั่วไหลในทุกช่องทาง ทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อป้องกันการโจมตีเชิงสร้างสรรค์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    การค้นพบช่องโหว่ใน Sora 2
    Mindgard ใช้เสียงพูดเพื่อดึง System Prompt ออกมา

    วิธีการเจาะระบบ
    ใช้ transcript จากคลิปเสียงสั้น ๆ มาต่อกันจนได้ข้อมูลครบ

    สิ่งที่เปิดเผยได้
    กฎภายใน เช่น การห้ามสร้างภาพเชิงลามก

    ความเสี่ยงจากการรั่วไหล
    อาจถูกใช้เพื่อบังคับ AI ทำงานผิดวัตถุประสงค์

    ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ต้องตรวจสอบการรั่วไหลในทุกช่องทาง (ข้อความ, ภาพ, เสียง, วิดีโอ)

    https://hackread.com/mindgard-sora-2-vulnerability-prompt-via-audio/
    🎙️ ช่องโหว่ Sora 2 ของ OpenAI ถูกเปิดเผยโดย Mindgard อีกข่าวที่น่าสนใจคือการค้นพบช่องโหว่ใน Sora 2 เครื่องมือสร้างวิดีโอของ OpenAI โดยบริษัทด้านความปลอดภัย AI ชื่อ Mindgard พบว่าสามารถทำให้โมเดล “พูดออกมา” ถึง System Prompt หรือกฎภายในที่ควรจะถูกซ่อนอยู่ ซึ่งถือเป็นการรั่วไหลข้อมูลเชิงลึกของโมเดล ทีมวิจัยใช้วิธีให้ Sora 2 สร้างเสียงพูดสั้น ๆ แล้วนำ transcript มาต่อกันจนได้ชุดคำสั่งภายในที่สมบูรณ์กว่าการใช้ภาพหรือวิดีโอ วิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงกฎที่กำหนดไว้ เช่น การห้ามสร้างภาพเชิงลามกหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การค้นพบนี้สะท้อนว่าแม้ AI จะถูกฝึกให้มีระบบป้องกัน แต่ก็ยังมีช่องทางที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถเจาะทะลุได้ สิ่งที่น่าคิดคือ ช่องโหว่ลักษณะนี้อาจถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดีเพื่อดัดแปลง AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ หรือเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรถูกเปิดเผย นักวิจัยจึงแนะนำให้บริษัทผู้พัฒนา AI ตรวจสอบการรั่วไหลในทุกช่องทาง ทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อป้องกันการโจมตีเชิงสร้างสรรค์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ✅ การค้นพบช่องโหว่ใน Sora 2 ➡️ Mindgard ใช้เสียงพูดเพื่อดึง System Prompt ออกมา ✅ วิธีการเจาะระบบ ➡️ ใช้ transcript จากคลิปเสียงสั้น ๆ มาต่อกันจนได้ข้อมูลครบ ✅ สิ่งที่เปิดเผยได้ ➡️ กฎภายใน เช่น การห้ามสร้างภาพเชิงลามก ‼️ ความเสี่ยงจากการรั่วไหล ⛔ อาจถูกใช้เพื่อบังคับ AI ทำงานผิดวัตถุประสงค์ ‼️ ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ต้องตรวจสอบการรั่วไหลในทุกช่องทาง (ข้อความ, ภาพ, เสียง, วิดีโอ) https://hackread.com/mindgard-sora-2-vulnerability-prompt-via-audio/
    HACKREAD.COM
    Mindgard Finds Sora 2 Vulnerability Leaking Hidden System Prompt via Audio
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ThreatBook ได้รับการยอมรับต่อเนื่อง 3 ปีใน Gartner Peer Insights

    เรื่องราวนี้เล่าถึงบริษัท ThreatBook ที่เป็นผู้นำด้าน Threat Intelligence และระบบตรวจจับภัยคุกคาม (NDR) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น Strong Performer ติดต่อกันถึง 3 ปีในรายงาน Gartner Peer Insights “Voice of the Customer” ปี 2025 การยอมรับนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์ม Threat Detection Platform (TDP) ของบริษัท โดยมีจุดเด่นคือการตรวจจับแม่นยำสูง, ความพร้อมในการป้องกันเชิงรุก และการตอบสนองแบบปิดวงจรที่ผสานกับเครื่องมืออื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    น่าสนใจคือ ThreatBook ไม่ได้เติบโตเฉพาะในจีน แต่ยังขยายไปทั่วโลก ทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน พลังงาน การผลิต และภาครัฐ โดย Gartner ระบุว่ามีผู้ใช้จริงกว่า 1,200 รีวิว และ 100% ของลูกค้าที่ให้คะแนนในปี 2025 ยินดีแนะนำต่อ จุดนี้สะท้อนว่าบริษัทไม่เพียงแต่มีเทคโนโลยี แต่ยังสร้างความไว้วางใจในระดับสากล

    หากมองจากมุมกว้าง การที่ ThreatBook ได้รับการยอมรับต่อเนื่องถือเป็นสัญญาณว่าตลาด NDR กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะภัยคุกคามไซเบอร์ซับซ้อนขึ้นทุกปี การมีระบบที่สามารถ “เห็นภาพรวม” และ “ตอบสนองได้ทันที” จึงเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ

    การยอมรับจาก Gartner ต่อเนื่อง 3 ปี
    ThreatBook TDP ได้คะแนนสูงด้านความแม่นยำและประสิทธิภาพ

    ลูกค้าทั่วโลกยืนยันความพึงพอใจ
    100% ของผู้รีวิวในปี 2025 แนะนำต่อ

    จุดแข็งของแพลตฟอร์ม TDP
    ตรวจจับแม่นยำ, ป้องกันเชิงรุก, ตอบสนองแบบปิดวงจร

    ความท้าทายจากภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น
    องค์กรที่ไม่มีระบบ NDR เสี่ยงต่อการโจมตีขั้นสูง

    https://hackread.com/threatbook-peer-recognized-as-a-strong-performer-in-the-2025-gartner-peer-insights-voice-of-the-customer-for-network-detection-and-response-for-the-third-consecutive-year/
    🛡️ ThreatBook ได้รับการยอมรับต่อเนื่อง 3 ปีใน Gartner Peer Insights เรื่องราวนี้เล่าถึงบริษัท ThreatBook ที่เป็นผู้นำด้าน Threat Intelligence และระบบตรวจจับภัยคุกคาม (NDR) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น Strong Performer ติดต่อกันถึง 3 ปีในรายงาน Gartner Peer Insights “Voice of the Customer” ปี 2025 การยอมรับนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์ม Threat Detection Platform (TDP) ของบริษัท โดยมีจุดเด่นคือการตรวจจับแม่นยำสูง, ความพร้อมในการป้องกันเชิงรุก และการตอบสนองแบบปิดวงจรที่ผสานกับเครื่องมืออื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่าสนใจคือ ThreatBook ไม่ได้เติบโตเฉพาะในจีน แต่ยังขยายไปทั่วโลก ทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน พลังงาน การผลิต และภาครัฐ โดย Gartner ระบุว่ามีผู้ใช้จริงกว่า 1,200 รีวิว และ 100% ของลูกค้าที่ให้คะแนนในปี 2025 ยินดีแนะนำต่อ จุดนี้สะท้อนว่าบริษัทไม่เพียงแต่มีเทคโนโลยี แต่ยังสร้างความไว้วางใจในระดับสากล หากมองจากมุมกว้าง การที่ ThreatBook ได้รับการยอมรับต่อเนื่องถือเป็นสัญญาณว่าตลาด NDR กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะภัยคุกคามไซเบอร์ซับซ้อนขึ้นทุกปี การมีระบบที่สามารถ “เห็นภาพรวม” และ “ตอบสนองได้ทันที” จึงเป็นสิ่งที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ ✅ การยอมรับจาก Gartner ต่อเนื่อง 3 ปี ➡️ ThreatBook TDP ได้คะแนนสูงด้านความแม่นยำและประสิทธิภาพ ✅ ลูกค้าทั่วโลกยืนยันความพึงพอใจ ➡️ 100% ของผู้รีวิวในปี 2025 แนะนำต่อ ✅ จุดแข็งของแพลตฟอร์ม TDP ➡️ ตรวจจับแม่นยำ, ป้องกันเชิงรุก, ตอบสนองแบบปิดวงจร ‼️ ความท้าทายจากภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น ⛔ องค์กรที่ไม่มีระบบ NDR เสี่ยงต่อการโจมตีขั้นสูง https://hackread.com/threatbook-peer-recognized-as-a-strong-performer-in-the-2025-gartner-peer-insights-voice-of-the-customer-for-network-detection-and-response-for-the-third-consecutive-year/
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • Nitrux 5.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ – ดิสโทร Linux แบบ Systemd-Free พร้อม Hyprland

    หลังจากพัฒนามาอย่างยาวนาน ทีมงาน Nitrux ได้ประกาศเปิดตัว Nitrux 5.0 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยตัด KDE Plasma ออกและหันมาใช้ Hyprland เป็น Wayland compositor หลัก ทำให้ระบบมีความเบาและตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น พร้อมเครื่องมือใหม่ ๆ เช่น Waybar, Wlogout, Crystal Dock และ Wofi ที่ช่วยให้การใช้งานลื่นไหลและทันสมัยมากขึ้น

    Nitrux 5.0 ยังมาพร้อมกับ สองเวอร์ชัน คือ Liquorix kernel สำหรับผู้ใช้ AMD และ CachyOS kernel สำหรับผู้ใช้ NVIDIA โดยทั้งสองรุ่นใช้ Linux kernel 6.17 และมีการปรับแต่งเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีการรวมเครื่องมือสำคัญ เช่น PipeWire สำหรับจัดการเสียงและวิดีโอ, NetworkManager สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย และ Flatpak สำหรับติดตั้งแอปพลิเคชัน

    สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือการใช้ OpenRC แทน systemd ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและเบากว่าเดิม พร้อมฟีเจอร์เสริมอย่าง SCX global vtime CPU scheduler และ Ananicy-cpp daemon ที่ช่วยจัดการทรัพยากร CPU และ RAM อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดจากเวอร์ชันเก่าไม่สามารถทำได้ ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด

    จุดเด่นของ Nitrux 5.0
    ใช้ Hyprland แทน KDE Plasma
    มีเครื่องมือใหม่ เช่น Waybar, Wlogout, Crystal Dock, Wofi

    ตัวเลือก Kernel
    Liquorix สำหรับ AMD
    CachyOS สำหรับ NVIDIA

    ฟีเจอร์ระบบ
    ใช้ OpenRC แทน systemd
    มี SCX CPU scheduler และ Ananicy-cpp daemon

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ไม่สามารถอัปเกรดจากเวอร์ชันเก่า ต้องติดตั้งใหม่
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Wayland อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง

    https://9to5linux.com/systemd-free-nitrux-5-0-officially-released-with-hyprland-desktop-linux-kernel-6-17
    💻 Nitrux 5.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ – ดิสโทร Linux แบบ Systemd-Free พร้อม Hyprland หลังจากพัฒนามาอย่างยาวนาน ทีมงาน Nitrux ได้ประกาศเปิดตัว Nitrux 5.0 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยตัด KDE Plasma ออกและหันมาใช้ Hyprland เป็น Wayland compositor หลัก ทำให้ระบบมีความเบาและตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น พร้อมเครื่องมือใหม่ ๆ เช่น Waybar, Wlogout, Crystal Dock และ Wofi ที่ช่วยให้การใช้งานลื่นไหลและทันสมัยมากขึ้น Nitrux 5.0 ยังมาพร้อมกับ สองเวอร์ชัน คือ Liquorix kernel สำหรับผู้ใช้ AMD และ CachyOS kernel สำหรับผู้ใช้ NVIDIA โดยทั้งสองรุ่นใช้ Linux kernel 6.17 และมีการปรับแต่งเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ยังมีการรวมเครื่องมือสำคัญ เช่น PipeWire สำหรับจัดการเสียงและวิดีโอ, NetworkManager สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย และ Flatpak สำหรับติดตั้งแอปพลิเคชัน สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือการใช้ OpenRC แทน systemd ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและเบากว่าเดิม พร้อมฟีเจอร์เสริมอย่าง SCX global vtime CPU scheduler และ Ananicy-cpp daemon ที่ช่วยจัดการทรัพยากร CPU และ RAM อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดจากเวอร์ชันเก่าไม่สามารถทำได้ ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด ✅ จุดเด่นของ Nitrux 5.0 ➡️ ใช้ Hyprland แทน KDE Plasma ➡️ มีเครื่องมือใหม่ เช่น Waybar, Wlogout, Crystal Dock, Wofi ✅ ตัวเลือก Kernel ➡️ Liquorix สำหรับ AMD ➡️ CachyOS สำหรับ NVIDIA ✅ ฟีเจอร์ระบบ ➡️ ใช้ OpenRC แทน systemd ➡️ มี SCX CPU scheduler และ Ananicy-cpp daemon ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ไม่สามารถอัปเกรดจากเวอร์ชันเก่า ต้องติดตั้งใหม่ ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Wayland อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง https://9to5linux.com/systemd-free-nitrux-5-0-officially-released-with-hyprland-desktop-linux-kernel-6-17
    9TO5LINUX.COM
    Systemd-Free Nitrux 5.0 Officially Released with Hyprland Desktop, Linux 6.17 - 9to5Linux
    Nitrux 5.0 distribution is now available for download with Linux kernel 6.17 and full Hyprland desktop environment.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • Homelab Starter Pack: 5 เครื่องมือสำหรับการ Self-hosting

    การสร้าง Homelab กลายเป็นกระแสที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลและบริการของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพา cloud สาธารณะ บทความนี้แนะนำ 5 เครื่องมือที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ได้แก่ Jellyfin, Kavita, Nextcloud, Immich และ Navidrome ซึ่งเปรียบเสมือน Netflix, Kindle, Google Drive, Google Photos และ Spotify เวอร์ชันส่วนตัว

    การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใหม่ เพียงแค่คอมเก่าหรือ Raspberry Pi ก็สามารถทำได้ โดยแนะนำให้ใช้ Debian server หรือ YunoHost เพื่อความง่ายในการติดตั้ง จุดสำคัญคือการเริ่มจากหนึ่งบริการก่อน แล้วค่อยเพิ่มทีละขั้น เพื่อไม่ให้ซับซ้อนเกินไป

    สิ่งที่น่าสนใจคือการ self-hosting ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเทคนิค แต่ยังเป็นการสร้างความเป็นเจ้าของข้อมูลจริง ๆ เช่น การเก็บรูปภาพ เพลง หนังสือ และไฟล์งาน โดยไม่ต้องกังวลว่าบริการ cloud จะปิดหรือเปลี่ยนนโยบาย

    Homelab Starter Pack มี 5 เครื่องมือหลัก
    Jellyfin, Kavita, Nextcloud, Immich, Navidrome

    ใช้คอมเก่าหรือ Raspberry Pi ก็ทำได้
    แนะนำ Debian หรือ YunoHost

    ต้องจัดการระบบเองทั้งหมด
    หากไม่สำรองข้อมูล อาจเสี่ยงสูญหาย

    https://itsfoss.com/self-hosting-starting-projects/
    🏠 Homelab Starter Pack: 5 เครื่องมือสำหรับการ Self-hosting การสร้าง Homelab กลายเป็นกระแสที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลและบริการของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพา cloud สาธารณะ บทความนี้แนะนำ 5 เครื่องมือที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ได้แก่ Jellyfin, Kavita, Nextcloud, Immich และ Navidrome ซึ่งเปรียบเสมือน Netflix, Kindle, Google Drive, Google Photos และ Spotify เวอร์ชันส่วนตัว การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใหม่ เพียงแค่คอมเก่าหรือ Raspberry Pi ก็สามารถทำได้ โดยแนะนำให้ใช้ Debian server หรือ YunoHost เพื่อความง่ายในการติดตั้ง จุดสำคัญคือการเริ่มจากหนึ่งบริการก่อน แล้วค่อยเพิ่มทีละขั้น เพื่อไม่ให้ซับซ้อนเกินไป สิ่งที่น่าสนใจคือการ self-hosting ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเทคนิค แต่ยังเป็นการสร้างความเป็นเจ้าของข้อมูลจริง ๆ เช่น การเก็บรูปภาพ เพลง หนังสือ และไฟล์งาน โดยไม่ต้องกังวลว่าบริการ cloud จะปิดหรือเปลี่ยนนโยบาย ✅ Homelab Starter Pack มี 5 เครื่องมือหลัก ➡️ Jellyfin, Kavita, Nextcloud, Immich, Navidrome ✅ ใช้คอมเก่าหรือ Raspberry Pi ก็ทำได้ ➡️ แนะนำ Debian หรือ YunoHost ‼️ ต้องจัดการระบบเองทั้งหมด ⛔ หากไม่สำรองข้อมูล อาจเสี่ยงสูญหาย https://itsfoss.com/self-hosting-starting-projects/
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • Elastic ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ Kibana (SSRF และ XSS)
    Elastic ได้ประกาศแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการใน Kibana ซึ่งเป็นเครื่องมือ dashboard ของ Elastic Stack โดยช่องโหว่แรกคือ SSRF (CVE-2025-37734) ที่เกิดจากการตรวจสอบ Origin Header ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำขอปลอมไปยังระบบภายในได้ ส่วนช่องโหว่ที่สองคือ XSS (CVE-2025-59840) ที่เกิดจาก Vega visualization engine ไม่กรองข้อมูลอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript และรันในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้ทันที ความรุนแรงของ XSS ถูกจัดอยู่ในระดับสูง (CVSS 8.7) ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมย session หรือการเข้าควบคุมระบบ

    Elastic แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.19.7, 9.1.7 หรือ 9.2.1 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที มีวิธีแก้ชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน Vega visualization ใน self-hosted หรือแจ้ง Elastic Support ให้ปิดใน Elastic Cloud การโจมตีลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่าฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น Vega หรือ AI Assistant อาจกลายเป็นช่องทางให้ผู้โจมตีใช้ประโยชน์ได้

    น่าสนใจคือ Vega visualization engine ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว การโจมตี SSRF ก็อันตรายไม่แพ้กัน เพราะสามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลภายในที่ควรจะปลอดภัย การอัปเดตจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับทุกองค์กรที่ใช้ Kibana

    ช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-37734)
    เกิดจาก Origin Validation Error ใน Observability AI Assistant

    ช่องโหว่ XSS (CVE-2025-59840)
    Vega visualization engine ไม่กรอง input ทำให้รัน JavaScript ได้

    วิธีแก้ไข
    อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด หรือปิด Vega visualization

    ความเสี่ยง
    SSRF อาจเข้าถึงข้อมูลภายใน, XSS อาจขโมย session และรันโค้ดอันตราย

    https://securityonline.info/elastic-patches-two-kibana-flaws-ssrf-cve-2025-37734-and-xss-cve-2025-59840-flaws-affect-multiple-versions/
    🛡️ Elastic ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ Kibana (SSRF และ XSS) Elastic ได้ประกาศแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการใน Kibana ซึ่งเป็นเครื่องมือ dashboard ของ Elastic Stack โดยช่องโหว่แรกคือ SSRF (CVE-2025-37734) ที่เกิดจากการตรวจสอบ Origin Header ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำขอปลอมไปยังระบบภายในได้ ส่วนช่องโหว่ที่สองคือ XSS (CVE-2025-59840) ที่เกิดจาก Vega visualization engine ไม่กรองข้อมูลอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript และรันในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้ทันที ความรุนแรงของ XSS ถูกจัดอยู่ในระดับสูง (CVSS 8.7) ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมย session หรือการเข้าควบคุมระบบ Elastic แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.19.7, 9.1.7 หรือ 9.2.1 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที มีวิธีแก้ชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน Vega visualization ใน self-hosted หรือแจ้ง Elastic Support ให้ปิดใน Elastic Cloud การโจมตีลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่าฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น Vega หรือ AI Assistant อาจกลายเป็นช่องทางให้ผู้โจมตีใช้ประโยชน์ได้ น่าสนใจคือ Vega visualization engine ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว การโจมตี SSRF ก็อันตรายไม่แพ้กัน เพราะสามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลภายในที่ควรจะปลอดภัย การอัปเดตจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับทุกองค์กรที่ใช้ Kibana ✅ ช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-37734) ➡️ เกิดจาก Origin Validation Error ใน Observability AI Assistant ✅ ช่องโหว่ XSS (CVE-2025-59840) ➡️ Vega visualization engine ไม่กรอง input ทำให้รัน JavaScript ได้ ✅ วิธีแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด หรือปิด Vega visualization ‼️ ความเสี่ยง ⛔ SSRF อาจเข้าถึงข้อมูลภายใน, XSS อาจขโมย session และรันโค้ดอันตราย https://securityonline.info/elastic-patches-two-kibana-flaws-ssrf-cve-2025-37734-and-xss-cve-2025-59840-flaws-affect-multiple-versions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Elastic Patches Two Kibana Flaws — SSRF (CVE-2025-37734) and XSS (CVE-2025-59840) Flaws Affect Multiple Versions
    Elastic patched two Kibana flaws: CVE-2025-59840 XSS via Vega visualizations and CVE-2025-37734 (SSRF) via the Observability AI Assistant. Update to v9.2.1 immediately.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • DarkComet RAT กลับมาในคราบ Bitcoin Wallet

    มัลแวร์เก่าชื่อดัง DarkComet RAT ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยปลอมเป็นโปรแกรมกระเป๋า Bitcoin เพื่อหลอกผู้ใช้ที่สนใจคริปโต ตัวไฟล์ถูกบีบอัดด้วย UPX packer เพื่อหลบการตรวจจับ และเมื่อรันจะติดตั้งตัวเองในโฟลเดอร์ AppData พร้อมตั้งค่า autostart

    DarkComet มีความสามารถเดิมครบ เช่น keylogging, การควบคุมหน้าจอระยะไกล และขโมยข้อมูล credential โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต 1604 แม้เซิร์ฟเวอร์บางครั้งไม่ตอบสนอง แต่ก็แสดงพฤติกรรม beaconing ที่ชัดเจน

    การใช้ Bitcoin เป็นเหยื่อล่อสะท้อนให้เห็นว่าอาชญากรไซเบอร์ยังคงใช้กระแสคริปโตเป็นเครื่องมือหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สรุปหัวข้อ:
    DarkComet RAT ถูกปลอมเป็น Bitcoin Wallet
    ใช้ไฟล์ “94k BTC wallet.exe” หลอกผู้ใช้

    ฟังก์ชันเดิมยังครบ เช่น keylogging และ remote desktop
    เก็บข้อมูลในโฟลเดอร์ dclogs ก่อนส่งออก

    ผู้ใช้ที่สนใจลงทุนคริปโตตกเป็นเป้าหมายง่าย
    ไฟล์บีบอัด UPX ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    https://securityonline.info/legacy-malware-resurfaces-darkcomet-rat-uses-bitcoin-wallet-lure-to-deploy-upx-packed-payload/
    💰 DarkComet RAT กลับมาในคราบ Bitcoin Wallet มัลแวร์เก่าชื่อดัง DarkComet RAT ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยปลอมเป็นโปรแกรมกระเป๋า Bitcoin เพื่อหลอกผู้ใช้ที่สนใจคริปโต ตัวไฟล์ถูกบีบอัดด้วย UPX packer เพื่อหลบการตรวจจับ และเมื่อรันจะติดตั้งตัวเองในโฟลเดอร์ AppData พร้อมตั้งค่า autostart DarkComet มีความสามารถเดิมครบ เช่น keylogging, การควบคุมหน้าจอระยะไกล และขโมยข้อมูล credential โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต 1604 แม้เซิร์ฟเวอร์บางครั้งไม่ตอบสนอง แต่ก็แสดงพฤติกรรม beaconing ที่ชัดเจน การใช้ Bitcoin เป็นเหยื่อล่อสะท้อนให้เห็นว่าอาชญากรไซเบอร์ยังคงใช้กระแสคริปโตเป็นเครื่องมือหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุปหัวข้อ: ✅ DarkComet RAT ถูกปลอมเป็น Bitcoin Wallet ➡️ ใช้ไฟล์ “94k BTC wallet.exe” หลอกผู้ใช้ ✅ ฟังก์ชันเดิมยังครบ เช่น keylogging และ remote desktop ➡️ เก็บข้อมูลในโฟลเดอร์ dclogs ก่อนส่งออก ‼️ ผู้ใช้ที่สนใจลงทุนคริปโตตกเป็นเป้าหมายง่าย ⛔ ไฟล์บีบอัด UPX ทำให้การตรวจจับยากขึ้น https://securityonline.info/legacy-malware-resurfaces-darkcomet-rat-uses-bitcoin-wallet-lure-to-deploy-upx-packed-payload/
    SECURITYONLINE.INFO
    Legacy Malware Resurfaces: DarkComet RAT Uses Bitcoin Wallet Lure to Deploy UPX-Packed Payload
    A new campaign is using Bitcoin wallet lures to distribute DarkComet RAT. The UPX-packed trojan gains persistence via a fake explorer.exe binary and uses keylogging and remote control to steal data.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
More Results